มองจากสายตาชาวโลก ประเทศไทยนั้นแตกแยกอย่างชัดเจนแล้ว เป็นความแตกแยกระหว่างฝ่ายที่หนุนประชาธิปไตย กับฝ่ายที่หนุน “เผด็จการ”
มองมาจากดาวอังคารก็ต้องรู้ว่า ฝ่ายที่หนุนประชาธิปไตยคือฝ่ายที่มีความถูกต้อง ชอบธรรม
ส่วนฝ่ายเผด็จการนั้นมีอำนาจมาจากการรัฐประหารและใช้กฎหมายลงโทษ ปิดปากประชาชน ใช้กลไกอำนาจรัฐทำให้ประชาชนอ่อนแออย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การกระทำหรือคำพูดของฝ่ายที่สนับสนุน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงไม่ใช่ “ความเห็นต่าง”
มันจึงผิดมากๆ ที่เราจะพูดเวลาที่ฝ่ายนักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยถูกจับหรือถูกล่าแม่มด หากเราจะพูดว่า “สังคมต้องมียืนให้คนเห็นต่าง”
ไม่ใช่เลย คนเหล่านี้ไม่ใช่คนเห็นต่าง
คนเหล่านี้คือคนที่กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้องและเป็นธรรม
ไอ้คนที่อยู่ในอำนาจแล้วเที่ยวไปใช้กฎหมายไล่จับคนที่ต่อต้านตนเข้าคุกคือ ผู้ฉ้อฉลปล้นอำนาจ
เป็นคนที่เราต้องขับไล่ออกไป ไม่ใช่เป็นคนที่เราเดินไปบอกว่า “เธอๆ เธอต้องฟังคนเห็นต่างสิ”
จำไว้ว่าในพจนานุกรมของระบอบเผด็จการนั้นไม่มีคำว่า “เห็นต่าง” – บ้าหรือเปล่า – มีแต่คำว่า “กำจัดศัตรูของรัฐให้สิ้นซาก”
เลิกดูถูกตนเองเป็นเพียงคนเห็นต่าง
และเลิกเพ้อฝันว่าเผด็จการสะกดคำว่าเห็นต่างเป็น
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปขอให้เขายอมรับความเห็นต่างแปลว่าเราเชื่อว่าเขาอยู่ในอำนาจนั้นด้วยความชอบธรรม!
เผด็จการมีไว้ไล่ ไม่ได้มีไว้เพื่อให้เป็นที่พึ่ง – นี่เป็นสิ่งที่ฝั่งประชาธิปไตยต้องตระหนัก
#มิตรสหายผู้ไม่มีผัวแต่ได้เย