ผมคิดว่าเด็กๆ ควรเรียนรู้เรื่องBitcoin ไม่ใช่เพราะแค่มันมีจำกัด มันช่วยเราต้านเงินเฟ้อ
แต่มันบทเรียนหลายๆ อย่าง และบทเรียนที่ว่าคือ "ทำไมหนูต้องทำงาน" , "ทำไมหนูต้องเก็บออม" และ "เวลาหนูมีจำกัด"
"ก็ถ้าหนูไม่ทำงาน ก็อดแตกตาeสิค่ะลูก"
เออจะตอบแบบนั้นก็ง่ายดี แต่ถ้าคิดในอีกมุม การที่เราทำงานและได้เงินมา มันต้อง Trade off 2 สิ่ง นั้นคือ "เวลา" และ "คุณค่า" ที่เราทำ
สมมุติลูกเราออกไปทำงานพนักงานเซเว่น ได้เงินเดือนเฉลี่ย 15,000 เฉลี่ยต่อวันได้เงินวันละ 500 บาท นั้นหมายความว่า ลูกเราเสียเวลา 1 วัน และสร้างคุณค่า หรือ productivity ให้กับสังคมและได้รับผลตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 500 บาท/วัน ถูกไหม?
ถ้าลูกเราอยากจะได้เงินมากกว่าเดิม เขาก็แค่พยายามสร้างคุณค่าให้มากกว่าเดิม ในเวลาที่เท่าเดิม อาจจะขยันทำ OT หรือจัดการร้านได้ดีจนได้แต่งตั้งเป็นผู้จัดการ หรือออกไปทำงานอื่นที่ได้เงินเฉลี่ยมากกว่า 500 บาท/วัน
นี้คือจุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา คือการออกไปสร้างคุณค่าแก่สังคม อาจจะสานต่อเส้นทาง Proof of Work ของครอบครัวเสียพวกเขาเสียสละเวลาทำมา หรือสร้างเส้นทางของตัวเองใหม่ตั้งแต่เริ่ม ไม่รู้แหละด้วยวิธีไหน แต่ถ้ามันเวิร์ค สังคมจะตอบแทนคุณคุณค่ากลับมา
"หนูเกิดมาเพื่อสร้างคุณค่าในแก่สังคมนะลูก"
และเงินไม่ใช่แค่เงิน แต่ : เงิน = เวลา+คุณค่า /// เรากำลังแลกเปลี่ยนคุณค่ากับคุณค่าด้วยกันในสังคม
ที่นี้ ถ้าลูกอยากจะได้ไอโฟนซักเครื่อง เอาไอโฟน 13 128GB ตีกลมๆ ขายตอนนี้ 20,000 บาท และเขายังทำงานที่เซเว่น แสดงว่าเขาก็ต้องเก็บเงิน หรือ เก็บ "เวลา+คุณค่า" จำนวน 40 วัน (เข้ เยอะวะ) เพื่อแลกไอโฟน 1 เครื่อง
แต่อย่าลืมว่า ระหว่างที่ลูกๆ เก็บเงินรอซื้อไอโฟน เขาอาจจะใช้เวลาเก็บจริงเกิน 4-5 เดือน++ และระหว่างนั้น "ตลาดเสรี" ก็กำลังทำงาน และกำลังพัฒนา productivity ให้แกสังคมมนุษย์
มนุษยชาติมันมีกิเลส มันขี้เบื่อ ขี้เกียจ เลยพัฒนา Productivity ให้ตัวเองสบายขึ้นอยู่เสมอ
ใครจะไปรู้ว่าระหว่างที่ลูกค้าเราเก็บ "เวลา+คุณค่า" เอาไว้ อยู่ดีๆ ไอโฟน 13 ราคาอาจจะลดลงด้วยต้นทุนการผลิตที่ถูกลง ลดเหลือ 18,000 บาท (จากเดิมใช้เวลา 40 วัน ใช้แค่ 36วัน) หรือมีไอโฟน 16 ผลิตออกมา แล้วกดดันราคาไอโฟน 14 ให้เท่ากับไอโฟน 13 เพราะกำลังจะตกรุ่น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผลพ่วงของกลไกลตลาดเสรีทั้งสิ้น
"กลายเป็นว่ายิ่งลูกของเรา Low Time มากเท่าไหร่ ยิ่งเก็บ เวลา+คุณค่านานเท่าไหร่ เขาจะจ่ายเวลา+คุณค่าที่เขาเก็บไว้ น้อยลงเพื่อครอบครองสิ่งของหรือบริการที่ดีกว่าเดิม"
ยิ่งลูกเก็บออม ชีวิตยิ่งดีขึ้น ยิ่งเติมเต็ม Self esteem , Self sufficient และ Self secure พวกเขาจะรู้ว่า "เวลา+คุณค่า" ของพวกเขา "มันมีความหมายจริงๆ" มันมี " Meaning of Life จริงๆ" ชีวิตพวกเขามันมีค่าจริงๆ การสร้างคุณค่าให้สังคมมันคุ้มจริงๆ
ยิ่งทำงานได้เงินเยอะ ก็เป็นการโชว์ให้สังคมรู้ว่าเขาเป็นคนที่ทำคุณค่าให้สังคมสูง และมีเงินเก็บเยอะ ก็เป็นโชว์ว่าตัวเขาเป็นผู้เสียสละ ขยัน อดทน เก็บเยอะกว่าแดรก โดยเฉพาะยิ่งรายได้น้อยแต่เก็บออมเยอะ จะยิ่งน่านับถือมากๆ
- แต่เรื่อง Meaning of Life พวกนี้คุณปาทิ้งไปได้เลย หากลูกเราเอา เวลา+คุณค่า ไปเก็บในสิ่งที่มันไม่สามารถรักษาเวลา+คุณค่าของพวกเขาไว้ได้-
"เวลาหนูมีจำกัดนะลูก"
เราไม่รู้หรอกลูกเราจะมีอายุเท่าไหร่ อาจจะมีอายุในชีวิตนี้สัก 70 ปี ตีเป็นวันก็ 25,550 วัน กว่าจะทำงานจริงจังอาจจะอายุ 20 เหลืออีก 18,250 วัน
ทำงานเซเว่นมีเงินเก็บ 10,000 บาท เฉลี่ยก็ใช้เวลา20วัน แต่ดันทะลึ่งเอาไปปั่นสล็อต ติดพนัน เล่นฟิวเจอร์พอร์ตแตก และปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่เล่นของพวกนี้แล้ว เดือนหน้าเก็บเงินใหม่
"ไม่ใช่นะหนู" ลูกเราเสียเวลาไป 20 วัน หรือ 0.07% ของเวลาทั้งหมดไปฟรีๆ และ 20 วันนั้นเอาคืนไม่ได้ ย้อนเวลาไปห้ามตัวเองไม่ได้ หรือจะยืดเวลาชีวิตตัวเองเป็น 70 ปี กับ 20 วัน ในอนาคตก็ไม่ได้ ถ้าชะตาฟ้ามันลิขิตไว้ให้ชีวิตต้องdedใน 70ปี
เพราะไอ้การที่เวลามีจำกัดเนี่ยแหละ ลูกเราจึงจะต้องคิดให้ดี ว่าจะเอาไปใช้กับอะไร หรือเก็บเวลาไว้ที่ไหน
ส่วนผม ที่อายุกำลังเข้าเลข 3 แล้ว อาจจะมาได้ครึ่งทาง กระสุนผมใช้ไปแล้วครึ่งแม็ค เหลืออีกครึ่ง ผมจะเอาเวลา+คุณค่า ของผมไปเก็บไว้ที่ไหนดี?
"เวลาเรามีจำกัด จงเก็บมันในสิ่งที่จำกัดเหมือนเวลาเรา"