Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 20th quotes​

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:tMdjcqyPzG

https://fanboi.ch/lounge/1161/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง
https://fanboi.ch/lounge/2603/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 2nd quotes
https://fanboi.ch/lounge/3016/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 3rd quotes
https://fanboi.ch/lounge/3530/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 4th quotes
https://fanboi.ch/lounge/4357/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 5th quotes
https://fanboi.ch/lounge/5233/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 6th quotes
https://fanboi.ch/lounge/5838/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 7th quotes
https://fanboi.ch/lounge/6311/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 8th quotes
https://fanboi.ch/lounge/6680/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 9th quotes
https://fanboi.ch/lounge/7184/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 10th quotes ในรัชกาลที่ 10
https://fanboi.ch/lounge/8588/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 11th quotes
https://fanboi.ch/lounge/9552/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 12th quotes ครบโหล
https://fanboi.ch/lounge/10854/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 13th quotes
https://fanboi.ch/lounge/11317/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 14th quotes
https://fanboi.ch/lounge/11656/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 15th quotes​
https://fanboi.ch/lounge/11691/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 16th quotes
https://fanboi.ch/lounge/12230/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 17th quotes​
https://fanboi.ch/lounge/12760/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 18th quotes​
https://fanboi.ch/lounge/13454/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 19th quotes​

2 Nameless Fanboi Posted ID:09B.A9.6wV

ไอสัสมู้ใหม่แล้วเหรอ กูถามว่าเม้นไหนที่กูบอกกระแสตาสว่างเริ่มที่เล่มชมพู ก็ไม่ตอบกูมาเห่าหอนงอแงแล้วปิดมู้ งึดหลาย สมเป็นพวกปวศยุคร้านซีร็อก แม่งซีร็อกมาคงดองไว้ไม่เคยแตะ

3 Nameless Fanboi Posted ID:jd4SHcjbUE

>>2 ถ้าไม่ได้เริ่มที่เล่มชมพู ทำใมมึงยกมาอ้างละว่าเล่มชมพูพึ่งตีพิมพ์ปี 62

มึงไม่ได้พูดออกมาหรอก แต่ความหมายมึงชัดเจนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องพวกนี้ พึ่งมีมาไม่กี่ปี สมัยนั้นจะไปหาข้อมูลจากไหน

เอาเถอะ มึงจะพูดจะเชื่อไรก็ตามสบาย เล่มที่โม่งอีกคนชี้ให้ถ้าว่างๆ ก็หามาอ่านนะ กูเดาว่ามึงน่าจะเรียนมหาลัยอยู่ น่าจะหาอ่านได้สบายกว่ากูเยอะ

4 Nameless Fanboi Posted ID:mdoK.ecCi4

>>3 เล่มชมพูพึ่งตีพิมพ์ปี 62=กระแสตาสว่างเริ่มที่เล่มชมพู เทพนักตีความจริงๆ แต่เสือกตีความไม่ได้ว่า แค่มี112ก็คือการปิดกั้นทางวิชาการแล้ว

ส่วนอีกย่อหน้าก็แสดงความล้าหลังไม่พัฒนาตั้งแต่ยุคร้านซีร็อกอีกแล้ว ยุคนี้เรียนหรือไม่เรียนมหาลัยก็มีpdfหนังสือเก่าเยอะแยะ หนังสือวางขายในสาขานี้ก็พิมพ์กันเป็นหมื่นเล่มกูบอกแล้วไง สมองเลอะเลือนแล้วมั้งมึงน่ะ เอกสารซีร็อกที่ดองๆไว้น่ะหัดเอามาอ่านมั่ง ต่อให้ความรู้แช่แข็งอยู่ยุคเกษียร นิธิ ก็ไม่น่ามีระบบความคิดล้มเหลวได้ขนาดนี้เลยนะ

5 Nameless Fanboi Posted ID:3LFrk0ooy.

>>4 จ้า แต่ละเล่มที่มึงยกมาอวดงานโคตรใหม่เลยจ้า
อาณานิคมสมบูรณาฯ หนังสือเก่า2537รีปรินท์
ปณิธาณที่หาญมุ่ง งานวิจัยปี2558
ปชต.ที่มีฯ ครึ่งเล่มเป็นงานเก่าก่อนปี49

เห็นมึงยกเวลาตีพิมพ์แต่ละเล่มมาว่าใหม่นี่เห็นถึงไส้เลยว่าเพิ่งตื่นปีที่แล้ว

6 Nameless Fanboi Posted ID:mdoK.ecCi4

>>5 อ้าว ตกลงยุคแม้วไม่ใช่นับแค่ก่อนยุบสภา48หรอกเหรอ

อีกอย่าง อาณานิคมสมบูรณาฯ เขียนปี37 แต่แปลไทยปี60 มึงไปเอาฉบับภาษาอังกฤษก่อนปี60 ที่ร้านซีร็อกไหนวะ เอามาแล้วได้อ่านรึเปล่า มึงยิ่งโพสนี่ยิ่งเห็นเลยว่าไม่เคยตื่นเลย เอกสารร้านซีร็อกไหนลิสให้กูดูดิ๊ เอาเรื่องไหนมามั่ง หรือมีปัญญาแค่อ้างว่าความทรงจำตัวเองแม่นกว่าหนังสือที่นักวิชาการในวงการเขียนเล่าออกมาจริงๆ?

7 Nameless Fanboi Posted ID:3LFrk0ooy.

จ้า ที่มึงพูดมาก็ไม่เห็นจะชี้แจ้งเลยว่ายุคปัจจุบันนี้เปิดกว้างกว่ายุคแม้วตรงไหน

ยุคแม้ว งานวิชาการมีตีพิมพ์ลงวารสารได้ ทำวิจัยได้ เผยแพร่ได้ จัดงานเสวนาได้ปกติ ไม่มีงานสายวิชาการโดน112
ยุคนี้ โดยสั่งหยุดพิมพ์ ยึดหนังสือ ห้ามเผยแพร่ จะจัดเสวนาเรื่องสถาบันทีต้องแอบทำในCH ไม่งั้นก็มีทหารตำรวจมาเฝ้า ยัด112ปีละ400คดี

หนังสือเล่มชมพูของมึงก็ไม่ได้ลอยมาตกหน้าบ้าน มึงก็ต้องไปซื้อหาจากร้านจากแหล่ง
หรือมึงคุ้นเคยแต่แบบมีคนมาspoon feedingให้ถึงหน้าจอโทรศัพท์

8 Nameless Fanboi Posted ID:XIwuRqYy3U

ผมคอมเมนต์ตอบกับนักเขียนท่านนี้ดังนี้ครับ

สวัสดีครับ ผมเป็นผู้บริหารบริษัท Vulcan Coalition ซึ่งทำงานร่วมกับคนพิการในการผลิตหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอดด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

กรณีที่ห้องสมุดคนตาบอด นำหนังสือของนักเขียนไปผลิตหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอด และมีคนตาบอดมาเป็นผู้ใช้บริการนั้น

ผมเข้าใจว่า ห้องสมุดทำโดยไม่แสวงหาผลกำไร และทำถูกต้องตาม Marrakesh Treaty ทุกประการ คือ
1. ไม่มีการทำซ้ำ
2. ไม่มีการจำหน่าย
3. ไม่มีการปล่อยให้ปรากฏสู่สาธารณะ
ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามข้อกฏหมายทุกประการ โดยห้องสมุดคนตาบอดเป็น 1 ใน 14 องค์กรที่ได้ยกเว้น พรบ.ลิขสิทธิ์

ผมทำงานกับคนตาบอดมาเกือบสองปี พบอุปสรรคและความยากลำบากของคนตาบอดในการเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นอย่างมาก จนทุกวันนี้ก็มีไม่เคยเพียงพอ ผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่ห้องสมุดทำนั้นดูเหมือนจะเป็นการผิดมารยาท แต่หากพูดกันตามตรงแล้ว ลองมองในแง่ intention ทางห้องสมุดไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ ในเชิงธุรกิจเลยแม้แต่น้อย

ผมยกตัวอย่างสายงานด้าน software computer ที่ผมทำอยู่ มี license ที่เรียกว่า creative commons ที่คนสามารถทำไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวเจ้าของผลงาน เมื่อผมเห็นสัญลักษณ์ creative commons นี้เมื่อไหร่ ผมก็สบายใจได้ว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิดมารยาท เพราะรายละเอียดนั้นระบุอยู่แล้วว่าสามารถทำได้อย่างเต็มที่

ผมคิดว่าในกรณีนี้ Marrakesh Treaty ก็เช่นเดียวกัน (และเป็นแบบนี้ในหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล)

พวกเราที่ทำงานกับคนตาบอด เมื่อมีโอกาส เมื่อมีช่องทาง เราจะรีบพุ่งเข้าหาทันทีเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มเติมแม้จะสักเล็กน้อยให้กับคนที่ขาดโอกาส บางครั้งอาจจะมองข้ามประเด็นต่างๆ อยู่บ้าง และอาจจะทำให้นักเขียนต้องเสียความรู้สึก

แต่อย่างน้อยขอให้เข้าใจว่าห้องสมุดนั้นไม่ได้ทำการใดๆ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเลย ทุกการกระทำนั้นทำเพื่อส่งต่อโอกาสให้กับคนที่ขาดโอกาสอย่างกลุ่มคนตาบอด เป็นเรื่องของการพยายามสร้างความเท่าเทียม ที่พยายามจะทำให้คนพิการได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์ได้มากขึ้นแม้เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี

หากจะรู้สึกไม่ดีกับการสร้างโอกาสให้คนตาบอดเข้าถึงสื่อสิ่งพิมพ์แล้ว ผมคิดว่า เรื่องนี้ควรคุยกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมากกว่า ที่จะโจมตีไปยังห้องสมุด ซึ่งเพียงแค่ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดเท่านั้นครับ

และก่อนที่จะรู้สีกแย่หรือเสียความรู้สึก ผมอยากให้มีโอกาสลองนั่งคุยกับคนตาบอด ที่มีโอกาสได้ใช้บริการหนังสือเสียง ลองนั่งคุยกับพวกเขาซักชั่วโมงเหมือนที่พวกผมได้มีโอกาส เมื่อเราเห็นโลกของเขาที่เปลี่ยนไปจากหนังสือเสียงของเราแล้ว ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่า อารมณ์ขุ่นมัวของคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้บ้างไม่มากก็น้อย

หลายคนล้วนพยายามสร้างสรรสังคมที่ดีขึ้น ในบางครั้งอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือ conflict of interest ระหว่างอยู่บ้าง แต่หากเรากลับมามองที่จุดตั้งต้นแล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนอยากพยายามสร้างโลกที่ดีกว่านี้กันทั้งสิ้น เพียงแต่มุมมองของเราอาจจะแตกต่างกัน อาจจะหลงลืมบางจุดที่ละเอียดอ่อนกันไปบ้าง แต่ผมมั่นใจเหลือเกินว่า intention เหล่านั้น เป็น intention ที่ดีที่อยากทำเพื่อผู้อื่นทั้งนั้นครับ

ขอแสดงความนับถือ
นิรันดร์ ประวิทย์ธนา

9 Nameless Fanboi Posted ID:mdoK.ecCi4

>>7 งานวิชาการมีตีพิมพ์ลงวารสารได้ ทำวิจัยได้ เผยแพร่ได้-ปัจจุบันก็เผยแพร่ได้นะ
จัดงานเสวนาได้ปกติ-จัดในCHไม่เรียกว่าปกติ? จัดกันทุกวันแค่หาเวลาว่างๆที่ตรงกันก็ไม่ต้องเดินทาง พวกโนเนมที่ไหนไม่รู้ก็มาตั้งห้องได้เค้าก็จัดสิ อีกอย่างจัดในCHนึกว่าไม่มีทหารตำรวจเฝ้าอยู่เหรอ
ไม่มีงานสายวิชาการโดน112-ตอนนี้งานวิชาการไหนที่โดน112วะ? ณัฐพลโดนฟ้องแพ่ง

สุดท้ายก็ไม่ยอมตอบว่าเอาอะไรมาจากร้านซีร็อกบ้าง กูชักไม่คิดว่ามึงดองไว้แล้วว่ะ สงสัยมึงเผลอโยนทิ้งขยะไปนานแล้วมั้งเนี่ย

10 Nameless Fanboi Posted ID:Guv/fY8.Pn

ใครก็ได้สรุปที รู้แค่ว่า The king never smile โดนแม้วขอไม่ให้เปิดแพร่ในไทย

11 Nameless Fanboi Posted ID:mdoK.ecCi4

>>7 งง เล่มไหนหยุดพิมพ์ ห้ามเผยแพร่ ขุนศึกยังขายได้อยู่นะ https://sameskybooks.net/index.php/product/9786167667881/ คือถ้าจะนับกันแบบสลิ่่มขี้ตีน แม่งก็แถไปได้เรื่อยแหละ ทำเหี้ยอะไรก็แถว่าไม่ปิดกั้นได้ทั้งนั้น

12 Nameless Fanboi Posted ID:mdoK.ecCi4

>>10 เข้าใจว่ามีความพยายาม "อย่างไม่เป็นทางการ" นะ จนปี51ถึงมีหนังสือว่าเป็นหนังสือต้องห้ามชัดเจน https://th.wikipedia.org/wiki/เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ แต่ไอ้แบบนี้แม่งคงไม่นับเป็นการปิดกั้นอีกตามเคยละมั้ง

13 Nameless Fanboi Posted ID:SLBhOxSOL0

เห็นทั่นผู้นัมบอกว่าพยายามติดต่อลิซ่ามานานมากแล้ว แต่เขาเคลียร์วันให้ไม่ได้เอง ... ไหนๆ อยากรู้จริงว่าติดต่อนานแค่ไหนแล้ว ตรูว่าวันติดต่อคือวันที่ออกมาประกาศว่าจะเอาลิซ่ามาไทยนั่นแหละ

คงคิดว่าตัวเองใหญ่ขนาดนี้ ลิซ่าต้องกลิ้งมาก้มกราบขอบคุณที่เชิญมา ยอมแซงคิวให้แหงๆ อะ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

14 Nameless Fanboi Posted ID:XGb8vTp+kK

>>12 ทักษิณเคยพูดในCHเองว่า แจงเคยขอสหรัฐฯ อย่าเพิ่งออกหนังสือ The King Never Smiles
https://voicetv.co.th/read/qd0c-b0wz

15 Nameless Fanboi Posted ID:XGb8vTp+kK

มนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้
บางคนเป็นผู้ชาย
บางคนเป็นผู้หญิง
บางคนร่างกายเป็นผู้ชายแต่จิตใจเป็นผู้หญิง
บางคนร่างกายเป็นผู้หญิงแต่จิตใจเป็นผู้ชาย
บางคนสูง
บางคนเตี้ย
บางคนผิวขาว
บางคนผิวดำ
บางคนเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่มีฐานะดีร่ำรวย
บางคนเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่มีฐานะยากจนข้นแค้น
บางคนมีชีวิตอยู่ด้วยความสุขสมบูรณ์
บางคนมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ยากแสนเข็ญ
บางคนอายุสั้นตายตั้งแต่เด็ก
บางคนอายุยืนยาวจนถึงวัยชรา
บางคนตายเพราะถูกฆาตกรรม ตายเพราะอุบัติเหตุต่างๆ
บางคนตายอย่างสงบสุข
.
ถามว่าเหตุใดจึงชีวิตของมนุษย์จึงไม่เหมือนกัน
เหตุใดทุกคนที่เกิดมาจึงไม่เท่าเทียมกันในทุกๆ เรื่อง
ถ้าตามหลักของพุทธศาสนาก็เป็นเรื่องกฎแห่งกรรมที่แต่ละคนได้กระทำทั้งในอดีตชาติและในชาติปัจจุบัน
.
การเรียกร้องหาความเท่าเทียมกันในทุกๆ เรื่อง
จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

16 Nameless Fanboi Posted ID:N5ajwT.DjR

>>15 👌😂

17 Nameless Fanboi Posted ID:/epxLfG279

>>15 ถ้าบุดด้าคิดแบบนี้จะบวชให้ทุกวรรณะเท่ากันทำเหี้ยไร

18 Nameless Fanboi Posted ID:sCb/aCFw6C

>>17 จริงครับ ที่ศาสดามอง คือเรื่องการให้โอกาสทุกคนเริ่มต้นในทางศาสนาจาก 0 เหมือนกัน

19 Nameless Fanboi Posted ID:dXG9Pnhm6v

>>17 แต่ผู้หญิงจะบวชเงื่อนไขเยอะกว่า ศีลเยอะข้อกว่า
"บางคนร่างกายเป็นผู้ชายแต่จิตใจเป็นผู้หญิง
บางคนร่างกายเป็นผู้หญิงแต่จิตใจเป็นผู้ชาย"
และไม่รับพวกนี้

20 Nameless Fanboi Posted ID:yU1bxGzLGO

เค้าพูดถึงความเท่าเทียมด้านสิทธิ มึงเอาเรื่องเพศเรื่องฐานะมาพูดหาพ่อมึงเหรอ

21 Nameless Fanboi Posted ID:/epxLfG279

>>19 ก็เป็นความเท่ากัน ในมาตรฐาน2564+ปีที่แล้วอะมึง...

22 Nameless Fanboi Posted ID:DyKz5ANijS

เดี่ยวนะ ปห พูดมาได้คนส่วนมากเขาไม่ยืน เอาความมั่นใจมาจากไหน เคยออกมาดูโลกความเปนจริงบ้างไหมนิ อยุ่แต่ในโลกทวิตเตอ คิดว่าตัวเองเด่นมากมั้ง แต่โลกความเป็นจริงมีปมด้อย คงไม่มีเพื่อนคบด้วยอะคนแบบนี้รู้เลย

23 Nameless Fanboi Posted ID:4NswXW9ZnM

>>22 เขาก็มีรูปลงเยอะแยะไปนิ เคยออกมาดูหนังบ้างป่าว หรือว่าวันๆเอาแต่ตัดหญ้า ซักกางเกงในให้ทหาร 55555

24 Nameless Fanboi Posted ID:FWE.MYBR/X

เมื่อก่อนจะช่วยแก้ตัวให้นักการเมือง ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้แหละ แต่ตอนนี้ ประชาชนออกมาสู้แล้ว นักการเมืองก็ควรออกมาร่วมกับประชาชน ไม่ใช่หลบอยู่แต่ในคอมฟอร์ตโซน รอประชาชนเอาอำนาจมาให้

มิตรสหายทวิตเตอร์

25 Nameless Fanboi Posted ID:aVy7o/IJMZ

>>19 ในทางพุทธ ถ้ามึงบวช มึงต้องละเพศ ไม่เอาเรื่องเพศมาเกี่ยวข้องกับการบวช

ตกลงว่า ถ้ามียังตั้งใจจะเป็นเพศชาย เพศหญิง มึงจะมาบวชเพื่อ

การบวชทางพุทธ มึงต้องละทางโลกหมด ไม่คิดในเรื่องเพศ ไม่คิดในเรื่องกามารมย์ ไม่คิดในเรื่องทางโลก แต่ก็นะ นักบวชไทยในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะนักบวชในเมืองนี่ มาบวชเพราะต้องการเรื่องทางโลกหมดล่ะ ทั้งเรื่องเงินเรื่องเพศ เรื่องกาม ส่วนใหญ่แม่งเอาหมด

26 Nameless Fanboi Posted ID:br+gzqLeAH

>>25 แล้วมึงรู้เหรอว่าหลังบวชตั้งใจจะละเรื่องเพศหรือเปล่า ที่สำคัญคือในสมัยที่บุดด้ายังอยู่มันห้ามไม่ให้บวชตั้งแต่เลย ไม่ถามไถ่อะไรทั้งนั้น ไอ่ควาย

27 Nameless Fanboi Posted ID:Z/ON8BgbbF

>>25 ตอบไม่ได้ตรงประเด็นเลย เฉไฉไปเรื่อย สมเป็นพุทโธเลี่ยน

28 Nameless Fanboi Posted ID:.egCwQkzM3

>>26 >>27 มึงดูเป้าหมายสุดท้ายของทางพุทธ แล้วมึงไม่เข้าใจเหรอวะ มึงต้องละทิ้งทุกอย่างรวมถึงเรื่องเพศด้วย เพื่อนิพพาน ตกลงมึงตั้งใจมาบวชเพื่อหาผัว หาเมีย หรือมาหาเงินเข้ากระเป๋าคนในครอบครัวก่อนมึงบวชกันแน่วะ

29 Nameless Fanboi Posted ID:p.Eg7QE6qG

>>28 บวชเพื่อเงินแล้วผิดตรงไหนวะ ก่อนจะเผยแพร่ธรรมะได้ก็ต้องเอาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ดีก่อนตามหลักศาสนามั้ยวะ

30 Nameless Fanboi Posted ID:XhaMgafDpK

>>29 หลักศาสนาไหนของมึงวะนั่น พุทธไม่มีนะ บวชแล้วคือตัดขาดหมด ที่มึงพูดนั่นเจ๊กมากกว่ามั้ง

31 Nameless Fanboi Posted ID:kI2SL4qDk4

อ่านข่าวไปเจอว่าที่จีนกำลังมี movement ใหม่ที่เรียกกันว่า lying flat โดยคอนเซปต์คือทำงานแค่พอให้มีชีวิตอยู่ได้ แล้วก็นอนแห้งๆ ไปไม่ดิ้นรนอะไรไป การดูแลตัวเองใช้งบประมาณ 800 หยวนต่อเดือน

เจ้าของเทรนด์ทำงานเป็นนักแสดงในกองถ่าย ไปรับงานแสดงเป็นตัวประกอบยืนเฉยหรือนอนเป็นศพประมาณ 2-3 วันต่อเดือนก็ได้เงินพอ แล้วก็จบทั้งเดือน

เทรนด์นี้กำลังแพร่หลายมากขึ้น ทำงานให้พอมีชีวิตได้แล้วจบ

เทรนด์นี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ วัยรุ่นจีนหลายๆ คนบอกว่าทำงาน 996 (เข้างาน 9 โมง เลิกสามทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์) ก็ได้แค่อยู่รอดอยู่แล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นอะไร จะให้สู้มากกว่านี้ก็ไม่ไหวแล้ว ดังนั้นสู้ใช้ชีวิตแบบ lying flat ดีกว่า ค่าเท่ากันแต่สบายกว่า

สิ่งนี้กำลังสร้างปัญหาให้สังคมจีน เมื่อคนจีนจำนวนหนึ่งปฏิเสธที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และทำงานแค่พออยู่รอด จนกระทั่งรัฐบาลจีนต้องออกมาประนามว่าเป็นการใช้ชีวิตที่ไร้ค่า น่าอับอาย ไม่คิดถึงส่วนรวม มนุษย์มันไม่ควรจะอยู่รอดไปวันๆ ซึ่งคนในวัฒนธรรมนี้ก็หาได้สนใจไม่ แถมบางคนยังตอกหน้ากลับอีกว่าแล้วพวกคุณที่ดิ้นรน 996 กัน ทำอะไรได้มากกว่าอยู่รอดไปวันๆ ด้วยเหรอ

ผมสนใจปัญหานี้ในหลายๆ แง่

ข้อแรก ผมคิดว่าวิธีการที่ประนามหยามเหยียดและเอากำลังเข้าฟาด มันไม่ได้ผลกับคนกลุ่มนี้ และวิธีที่ดีกว่าหากอยากจะให้เขาลุกขึ้นมาสู้ชีวิตขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือการทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าดิ้นรนไปก็เท่านั้น ถ้าเขามองไม่เห็นว่าจริงๆ มันมีหนทางก็สร้างความเข้าใจ แต่ถ้าระบบมันไม่มีหนทางจริงๆ ก็ปรับระบบ

ข้อสอง พอปรับระบบหลายๆ คนอาจจะคิดว่าระบบมันแฟร์ทำไมต้องปรับระบบให้ไอ้พวกขี้แพ้พวกนี้ ซึ่งถ้าความขี้แพ้พวกนั้นมันไม่มีผลอะไรกับเศรษฐกิจรวมมันก็ไม่ต้องปรับหรอก แต่ที่รัฐบาลจีนและหลายๆ คนออกมาดิ้นนั่นมันไม่ใช่เพราะว่าทุกคนรู้ว่าสุดท้ายเราก็หนีกันไม่พ้นหรอกเหรอ

ข้อสาม พอคิดแบบนี้แล้วจะเห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศมันต้องอาศัยทั้งความร่วมมือและการแข่งขัน ทัศนคติที่แบ่งว่าโลกเรามีพวกขี้แพ้กับพวกผู้ชนะแล้วทำไมฉันต้องแคร์พวกขี้แพ้ มันก็เป็นปัญหา เพราะถ้าถึงที่สุดแล้วพวกขี้แพ้ไม่แคร์คุณพอๆ กัน ตัดสินใจ lying flat ไมมีใครทำงานร่วมมือกันสร้างองค์กรสร้างบริษัทสร้างคอมมิวนิตี้ โลกก็เดินหน้าได้ยาก คุณก็เดือดร้อน แต่กลับกันไม่มีการแข่งขันเลยก็ไม่มีแรงจูงใจเช่นกัน การปรับกติกาและระบบไม่ได้สำคัญที่ว่าเราจะไม่ยอมปรับกติกาและระบบให้ไอ้พวกขี้แพ้ แต่เราปรับกติกาให้อยู่ร่วมกันได้ ไม่ให้มีคนมากเกินไปที่รู้สึกว่ากติกาไม่แฟร์จนตัดสินใจไม่เล่น lying flat กันไปหมด

ข้อสี่ สิ่งนี้ไม่ไกลจากเมืองไทย ผมรู้สึกว่าที่คนกำลังสู้กับระบบอยู่ด้วยวิธีที่พลาดบ้างโง่บ้างฉลาดบ้างมันยังเป็นสัญญาณที่ดีกว่าคนตัดสินใจ lying flat เยอะนะ การมี authorative power สมบูรณ์แบบฮ่องเต้สี มันก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ต้องพึ่งคนอื่นนะ

32 Nameless Fanboi Posted ID:.egCwQkzM3

>>29 ตกลงว่ามึงบวชเพื่อมาหารายได้เข้ากระเป๋าใช่ไหมเนี่ย จริงๆกูเห็นหลายๆวัดในตัวเมืองยิ่งทำให้กูตัดสินใจได้ง่ายว่าบริจาคเงินให่ รพ. ดีกว่าให้วัดไปแล้ว นักบวชกลายเป็นอาชีพขอทานในคราบนักบวชแล้วสินะ ยิ่งอ่านแล้วไม่มีศาสนายังดีกว่าเยอะเลย

33 Nameless Fanboi Posted ID:.HHhidvIl8

>>32 บริจาคให้โรงบาลเอามาหากำไรอะนะ

34 Nameless Fanboi Posted ID:H+H7EvPuZ1

>>33 บริจาคให้กองทุนที่รักษาผู้ยากไร้ให้ฟรี ให้เงินกับคนที่ไม่มีใช้ดีกว่าให้คนที่รวยอยู่แล้วรวยขึ้น และเอาไปให้ครอบครัวตัวเองรวยขึ้น

35 Nameless Fanboi Posted ID:Lm5YvFcJk5

>>31 วันก่อนเจอ NHK ทำรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี กูว่าเรื่องน่าสนใจดีนะ
แต่กูไม่แน่ใจว่านิยามของคำว่า lying flat ของแต่ละคนนี่เหมือนกันมั้ย เหมือนใน quote นี่พูดถึงแต่คนที่ทำงานพาร์ทไทม์ระดับล่างๆ
อย่างรายการที่เค้าไปตามดูชีวิตคนที่ถือคตินี้บางคนก็เป็นพนักงานประจำการงานมั่นคงนะ
แค่ไม่ได้ทะเยอทะยานอยากเลื่อนตำแหน่ง ไม่ทำโอที อยู่ทำงานเดิมของตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่อยากทำ
ซึ่งกูว่าคนอย่างหลังมันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่หว่า อีกอย่างต่อให้พยายามแทบตายไปยังไงมันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ตำแหน่งสูงๆอยู่ดี

36 Nameless Fanboi Posted ID:AWiKBkE9l+

>>35 เอาจริงๆ ถ้าอย่างหลังนี่คือคนปกติเลยนะ ไม่ได้ผิดอะไร ทำแค่ตามหน้าที่ (แต่ถ้าราชการอาจจะโดนแซะหน่อยว่าเช้าชามเย็นชาม) แต่ที่ >>31 ว่ามา กูก็เข้าใจละ อันนี้ตามหลักทุนนิยมเลย ถ้าทำแล้วมันไม่ดีขึ้น ก็ไม่รู้จะทำทำไม ก็เข้าชามเย็นชามไปน่ะดีแล้ว เอาเวลาที่เหลือไปทำอย่างอื่นดีก่ว่า

37 Nameless Fanboi Posted ID:ha44+VdxuJ

>>36 ปัญหาคือราชการไทยบางส่วนที่ช้าๆนี่ไม่ใช่เพราะทำงานตามหน้าที่นี่สิ แต่หน้าที่ตัวเองไม่ยอมทำ พอจ่ายใต้โต๊ะนี่ทำให้อย่างไว

38 Nameless Fanboi Posted ID:55aL6bTo4p

อุ๊งอิ๊งประกาศพาพ่อกลับบ้าน
หลายคนมองว่าเป็นจุดอ่อนกระตุ้นพลังเกลียดทักษิณ
อันที่จริงมองอีกมุมก็เป็นการประกาศกร้าว
แสดงความเอาจริง มุ่งมั่น ไม่หงอ ไม่ถอย
:
ฝ่ายประชาธิปไตยถ้าจะท้วงติง
คือต้องบอกว่า ต้องเอาทักษิณกลับมาโดย “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร”
อย่างที่นิติราษฏร์เคยเรียกร้อง
รื้ออำนาจตุลาการสะสางองค์กรอิสระแล้วฟื้นทุกคดีมาคืนความยุติธรรม ตั้งแต่ทักษิณ ไทยรักไทย เสื้อแดง 53 จนยุบพรรคอนาคตใหม่และม็อบคนรุ่นใหม่
ซึ่งแน่ละ ไม่ใช่เพียงนิรโทษหรือขออภัยโทษให้ทักษิณกลับบ้านเลิกแล้วต่อกัน
:
จะก้าวข้ามทักษิณอย่างไร ก็ต้องยืนยันว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม
เช่นเดียวกับประชาชน ตั้งแต่เสื้อแดงถึงราษฎร
ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ถอยเสีย ยอมเสีย ทักษิณไม่จำเป็นต้องกลับก็ได้
นั่นไม่ใช่หลักการ ต่อให้อีก 10-20 ปี ทักษิณตายไปแล้วก็ต้องชำระสะสาง ว่าทักษิณ เสื้อแดง ถูกกระทำด้วยความอยุติธรรม
:
คำพูดของอุ๊งอิ๊ง ถ้าเปลี่ยนว่า
ทวงความยุติธรรมให้พ่อและมวลชนเสื้อแดง
จะทรงพลังอย่างยิ่ง
โดยไม่ต้องแยแสว่าสลิ่ มมึงจะเกลียดจะคั่งแค้นแค่ไหน

39 Nameless Fanboi Posted ID:55aL6bTo4p

บางทีก็รู้สึกว่าไอประโยคพวก เงินกู กูจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ นี่มันบริโภคนิยมสุดๆ เลยอะ ค้าบ เงินมึงค้าบ กูก็ไม่ได้อยากเสือกหรอก แต่โลกนี้เป็นของกูด้วยค้าบ มึงซื้อของมาเยอะแล้วมัน over consumption มันก็ซวยกูค้าบ

40 Nameless Fanboi Posted ID:q//Q+tJ.N.

>>35 >>31
ทางตะวันตกก็เริ่มมีเยอะนะ เหมือนจะเป็นกระแสต้าน hustle culture ของคนยุคที่แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=nT9U0ImCiIU

41 Nameless Fanboi Posted ID:zAUMJPXTRF

>>31 ถ้ากลัวนี่ควรจัดการกับพวกเทรดหุ้น forex crypto ก่อนเลยนะ ไม่สร้างอะไรให้สังคมยิ่งกว่าอีก

42 Nameless Fanboi Posted ID:Qh4xG6hO8Y

>>41 จีนจัดคริปโตแล้วไง ส่วนตลาดหุ้นจีนก็ไม่ต่างจาก FOREX นักหรอก ถูกคุมเยอะแถมผันผวนตลอด

ปัญหาจองจีนคือขาดการลงทุน คนจีนถูกคุมเข้มเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ ในแง่ดีคือเงินอยู่ในประเทศเยอะ แต่ในประเทศก็ไม่มีแหล่งใช้ทุนต่อทุนดีๆ เพราะตลาดหุ้นจีนเชื่อถือไม่ได้ คนถึงชอบมาลงกับอสังหา เพราะเป็นการลงทุนที่กำไรสูงและแน่นอนที่สุด ปีที่ร้อนแรงมากๆ ค่าห้องขึ้น 100% ก็ยังมี แถมไม่มีภาษีอสังหา ถือยาว 10 ปีไม่มีคนเช่าก็ไม่เสียอะไร มูลค่าก๋เพิ่มขึ้นตามราคาตลาด ปัญหาอมังหาในจีนถึงเรื้อรัง ต่อให้ตอนนี้รัฐบาลเข้ามาคุม แต่ตราบใดที่เงินยังวนอยู่ในประเทศ สุดท้ายมันก็จะวกเข้าไปในตลสดอสังหาอีกอยู่ดี

กระแสนอนราบนี่หลักๆ ไม่ได้เกิดจากค่ากินอยู่หรือเลื่อนขั้นหรอก เพราะค่ากินอยู่ในจีนถูกกดไว้ตลอด ส่วนการทำงานหนักเพื่อเลื่อนขั้นเหตุผลหลักๆ คือเพื่อซื้อบ้าน แต่พอบ้านมันแพงจนซื้อไม่ไหว กระแสนอนราบถึงเกิดขึ้น คือตัดสินใจไม่ซื้อบ้านแม่งละ เช่าอยู่ทั้งชีวิตก็ได้

43 Nameless Fanboi Posted ID:PEQinTTT0n

ayyyy owwwwwไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
บ่นเหี้ยอะไร บ่นเหี้ยอะไร บ่นเหี้ยอะไร บ่นเหี้ยอะไร
เก เร niggas (อ๊ราสสสสสสสสส์)
เก เร niggas (oh yeaaaaaaaaa daddy)
เก เร niggas in lounge shout out each other for gay sex
Salim and libtard sex in da hood
lick their asses put a cock in
(OUUUUUUUUU YEEEEEEESSSSSSS)
sike thats not a COCK but it is a GLOCK
click click click
niggas asses bleeding
click click click
niggas are dead
yea
peace

44 Nameless Fanboi Posted ID:XQ81OOBtuf

😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜
😜

45 Nameless Fanboi Posted ID:eAMkb1LcxY

SCB ซื้อไปแค่กระดานเทรดเหรอ แปลกดี การซื้อเฉพาะ BK Online เนี่ย ทำให้ไม่ได้สิทธิ์ใน BK Chain เพราะ BKC ไม่ได้อยู่ภายใต้ BK Online คนถือ KUB ควรกังวลว่า SCB เห็นอะไรถึงไม่เอาไปด้วย หรือทาง BK เองไม่ขาย อันนี้น่าคิด ดีลนี้ถือว่า BK เหลี่ยมและได้ดีลที่ดีมาก ๆ เพราะนอกจากจะได้เงินค่าหุ้นแล้ว SCB คงหาคนมาดูแลระบบไม่ได้ Blockchain dev ในไทยก็กองกันอยู่ที่ BKCT หมด แปลว่า BK ได้เงินกินเปล่ามาเกือบสองหมื่นล้าน โดยที่ SCB จะได้ผลตอบแทนทางตรงแค่ปันผล 51% การใช้คำว่า Partner เป็นคำที่เหมาะสมแล้ว

Next step SCB เองคงคาดหวังให้ตัวเองเป็น gatekeeper คนต่อไปของโลกคริปโตในไทย ใครจะซื้อจะขายต้องเข้าทางชั้น เป็นลูกค้า SCB ได้ส่วนลดค่า fee ธนาคารอื่นก็จ่ายเต็มไปไรงี้ เพราะอำนาจตลาดของ BK นี่แทบจะเรียกว่าเป็น monopoly ในไทยเลย ถ้าต่อไป กลต.ประกาศให้เว็บเทรดนอกอย่าง binance ผิดกฎหมายขึ้นมาก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ How this society works !

46 Nameless Fanboi Posted ID:pK44jwJmMp

>>45 กูเข้าใจว่า SCB ซื้อแค่ตัวระบบของ BK ไม่ได้ซื้อเหรียญ KUB น่ะ

47 Nameless Fanboi Posted ID:gYrtFA6i/a

>>45 ทำใมมึงไม่ด่าเสี่ย ไม่อินเทรนด์เลย

48 Nameless Fanboi Posted ID:YP+rwZLYML

ไปกลันตัน มาเลเซีย ระวัง กม.อิสลามฉบับใหม่
.
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาประมวลกฎหมายอาญา Syariah(กม.อิสลาม) ของรัฐ #กลันตัน ประเทศมาเลเซีย จะมีผลบังคับใช้ โดยกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดความผิดใหม่ 24 ความผิดใหม่

มันรวมถึง เวทมนตร์คาถา พิธีกรรมการประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลังจากสัตว์ป่า การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง การมีรอยสัก และการไม่เชื่อฟังพ่อแม่

โทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี ปรับ 5,000 ริงกิต(40 000 บาท) และและโบยด้วยหวาย 6 ครั้ง
เดิมทีเดียวรัฐกลันตันมีความพยายามจะออกกฎหมายเหล่านี้แต่รัฐบาลกลางมาเลเซียไม่ยอม อย่างไรก็ดีในยุคปัจจุบันที่รัฐบาลกลางอ่อนแอต้องอาศัยเสียงจากทุกพรรคการเมืองทำให้เกิดการต่อรอง กฎหมายบางอย่างที่รัฐบาลกลางไม่เคยยอมก็ยอมให้รัฐบาลแห่งรัฐสามารถออกมาได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

49 Nameless Fanboi Posted ID:YP+rwZLYML

ชาวอังกฤษคิดอย่างไรกับการปฏิวัติฝรั่งเศส

คำตอบคือพวกเขาคิดเห็นแตกต่างกันไป แต่คงหวังให้สองไม้เบื่อไม้เมาอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสพิจารณากันและกันโดยชื่นชมบูชาไม่ได้!
.
แม้จะมีชาวอังกฤษร่วมสมัยมากมายที่สนับสนุนการปฏิวัติ และกวีผู้หนึ่งก็กล่าวว่าความหวังซึ่งการปฏิวัตินำมานั้นทำให้เขารู้สึก “คุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่” กระนั้นก็เป็นชาวอังกฤษนี่เองที่ขยาดกลัวและดูแคลนการปฏิวัติเป็นชาติแรกๆ ผ่านงานเขียนที่ได้รับความนิยมของเอ็ดมุนด์ เบิร์ก (Edmund Burke)
.
เบิร์กโจมตีการปฏิวัตินี้ในหนังสือซึ่งตีพิมพ์ในปี 1790 ว่าเป็นการสถาปนาสิ่งใหม่ด้วยการทำลายรากฐานแห่งชนชาติลงจนราบคาบ นักปฏิวัติฝรั่งเศสขลาดเขลาจนไม่อาจแก้ไขปัญหา “เล็กๆ น้อยๆ” ของสถาบันกษัตริย์และศาสนจักร ทั้งยังหลงเชื่อความฝันเพ้อพกของนักปรัชญาที่ต่างอุปโลกน์ตนขึ้น จึงไม่อาจสร้างสรรค์ระบอบแห่งความสมดุลได้อย่างชาวอังกฤษ
.
แม้นักประวัติศาสตร์รุ่นถัดมาจะไม่ได้โจมตีการปฏิวัติอย่างเบิร์ก พวกเขาก็มักเล่าเรื่องราวการปฏิวัติฝรั่งเศสโดยเน้นการนองเลือดในสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Age of Terror) ราวกับเป็นบทละคร แนวทางการเขียนประวัติศาสตร์การปฏิวัติเช่นนี้มีอิทธิพลต่อโครงเรื่องนวนิยายว่าด้วยการปฏิวัติเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “เรื่องของสองนคร” ของชาร์ลส์ ดิกเกนส์ หรือ “วีรบุรุษดอกไม้แดง” ของบารอนเนสโอร์ซี ที่พรรณนาฝรั่งเศสราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อนหลังการปฏิวัติ
.
จนเวลาล่วงเลยผ่านยุคของนโปเลียนและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของฝรั่งเศสไปแล้ว ก็ยังเป็นงานเขียนของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษและอเมริกันที่มีอิทธิพลต่อการตีความการปฏิวัติใหม่ในฝรั่งเศสเอง โดยเฉพาะการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปีการปฏิวัติ
.
นักประวัติศาสตร์กลุ่มนี้เน้นเสนอว่าการปฏิวัติเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดที่ย่อมนำไปสู่การนองเลือดวันยังค่ำ ไม่ใช่การต่อสู้ทางชนชั้นอันยิ่งใหญ่อย่างที่นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสเข้าใจ นำไปสู่การถกเถียงกันไม่รู้จบจวบจนปัจจุบัน
.
ประวัติศาสตร์คือความเป็นไปในอดีตและนิพนธ์แห่งอดีต การจดจำเรื่องราวในอดีตจึงสำคัญเท่ากับความเป็นไปที่แท้จริงในเหตุการณ์นั้นเอง และด้วยเหตุนี้ ประวัติศาสตร์จึงเป็นทั้งเครื่องสะท้อนอดีตและปัจจุบัน ที่จะฉายเส้นทางสู่อนาคตแห่งสังคมนั้นๆ เสมอมา
.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

50 Nameless Fanboi Posted ID:HkhnxxCJpW

"โลก #metaverse จะแพร่หลายและทรงพลังกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าใครสักคน หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งสามารถ control สิ่งนี้ได้ เขาก็จะ powerful มากกว่ารัฐบาลใด ๆ ในโลกนี้ และเขาก็จะกลายเป็นพระเจ้าไปในที่สุด"

51 Nameless Fanboi Posted ID:YP+rwZLYML

คุณสมบัติวีรชน

มี 2 เรื่องที่ควรค่าจะทำเป็นหนังสือ แต่ยังไม่ได้ทำสักทีคือไซ่ฮั่นกับวสามก๊ก มีแนวโน้มว่าจะได้ทำเรื่องสามก๊กก่อน

ไหนๆ แล้วเขียนเรื่องไซ่ฮั่นเอาไว้สักหน่อย หลังจากทิ้งช่วงไปนาน

อะคุตะงะวะ ริวโนะสุเกะ เขียนเรื่องสั้นอิงประวัติศาสตร์ได้เก่งกาจ ไม่ต้องพิธีรีตองมาก แค่หยิบช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์มารีไรท์ใหม่ ใส่บทสนทนาที่ลุ่มลึกเข้าไป แค่นี้ประวัติศาสตร์ก็มีชีวิตชีวาขึ้น

วันนี้ได้อ่านเรื่อง 英雄の器 (คุณสมบัติวีรชน) ทำให้คนอ่านได้ขบคิดว่าจริงๆ แล้ว เซี่ยงอวี่แห่งยุคสงครามฉู่-ฮั่น (ไทยเรียกไซ่ฮั่น) เป็นวีรชนหรือไม่?

อะคุตะงะวะให้ลวื่อหม่าถง (呂馬童) ขุนศึกฮั่นที่เคยเป็นเพื่อนเก่าของเซี่ยงอวี่มาเล่าวาระสุดท้ายของเซี่งยงอวี่ในสมรภูมิไก่เซี่ย

ตามประวัติศาสตร์ ลวื่อหม่าถงเจอเข้ากับเซี่ยงอวี่ตัวต่อตัวตอนที่เขากำลังจนมุม เซี่ยงอวี่เห็นเข้าก็ตะโกนถามว่า "นั่นเกลอเก่ากูไม่ใช่หรือ?"

ลวื่อหม่าถงบอกกับหวางอี้ขุนศึกฮั่นอีกคนว่า "นั่นคือเซี่ยงอวี่"

เซี่ยงอวี่ก็กล่าวขึ้นว่า "กูได้ยินมาว่าฮั่นอ๋อง (หลิวปัง) จะตบรางวัลทองพันชั่ง กับตำแหน่งพระยากินครัวเรือนหมื่นหนึ่ง กูจะให้รางวัลกับมึงก็แล้วกัน" ว่าแล้วเซี่ยงอวี่ก็ชักมีดกรีดคอฆ่าตัวตายไป

แต่ปรากฏว่าทหารฮั่นชิงร่างของเซี่ยงอวี่กันอุตลุดจนฆ่ากันเอง สุดท้ายหลิวปังต้องแบ่งตำแหน่งพระยาให้ 5 คนไปครองเพราะได้ร่างไปคนละส่วน - หลิวปังแม้ตายไปยังก่อความหายนะให้กองทัพฮั่นได้ไม่น้อยเลย

ในเรื่องสั้น ริวโนะสุเกะเล่าว่าหลังศึกไก่เซี่ย ลวื่อหม่าถงมานั่งล้อมวงกับเหล่าทหาร ประเมินเซี่ยงอวี่บอกว่า "เซี่ยงอวี่ไม่มีคุณสมบัติเป็นวีรชน"

พวกทหารเห็นด้วย แต่มีคนหนึ่งในเงามืดดูเหมือนจะยิ้มเยาะ

ลวื่อหม่าถงพยายามอธิบายว่าเซี่ยงอวี่ไม่ใช่วีรชน เพราะจนมุมแล้วด้วยความผิดพลาดของตนเอง แล้วยังโทษฟ้าดินว่าเป็นเหตุ แม้จะมีผู้แนะให้ข้ามแม่น้ำอูเจียงไป สั่งสมกำลังคน รอโอกาสชิงแผ่นดิน ก็ยังไม่ยอมทำตาม กลับด่าสวรรค์แล้วรอความตาย"

คนในเงามืดว่า ถ้าเซี่ยงอวี่หนีข้ามแม่น้ำอูเจียง จะเป็นวีรชนได้ยังไง อย่างนี้ต้องเรียกว่าพวกหัวหมอ

พวกทหารพากันหัวเร่อ ทำเอาลวื่อหม่าถงอับอายเล็กน้อย แต่ก็พยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามายันว่าเซี่ยงอวี่ขลาดเขลาและไร้คุณสมบัติผู้กล้า ว่าเซี่ยงอวี่บอกกับทหารติดตาม 28 นายว่าความปราชัยของเซี่ยงอวี่ไม่ใช่เพราะไร้กำลังคน แต่เพราะสวรรค์ไม่เป็นใจ

คนในเงามืดกล่าวว่า "จริงเรอะ เซี่ยงอวี่ว่าอย่างนั้นจริงๆ?"

"ถูกต้อง"

"นี่ไม่ใช่อ่อนแอหรือ ยิ่งไม่ใช่ชายชาตรี ข้าคิดว่าวีรชนจะต้องกล้าต่อสู้กับฟ้าดิน"

"ถูกต้อง"

"แม้จะรู้ชะตากรรมตนเอง ก็ต้องสู้ต่อไป"

"ถูกต้อง"

"ด้วยเหตุนี้ เซี่ยงอวี่ ...."

หลิวปังเงยหน้าขึ้น สายตาเหม่อมองเปลวไฟในตะเกียงท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ร่วง ครู่หนึ่งค่อยกล่าวเหมือนรำพึงกับตัวเองว่า

"ด้วยเหตุนี้ เซี่ยงอวี่จึงเป็นวีรชน"

...........

อะคุตะงะวะจบเรื่องสั้นแค่นี้ ให้เราคิดเองว่าทำไมหลิวปังจึงคิดว่าศัตรูอันดับหนึ่งของเขาจึงเป็นวีรชน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

52 Nameless Fanboi Posted ID:.DP+JuE+z4

เสียดายที่คนรุ่นใหม่แบบคุณท๊อบ ยอมจบเกมส์ง่ายแบบนี้

ผมก็คนรุ่นใหม่ คิดอยู่อย่างเดียว จะเอาชนะคนรุ่นเก่ายังไง เรื่องเงิน ชาตินี้ทั้งชาติก็อยู่ได้สบายอยู่แล้ว

แต่แนวคิดที่เราอยากเห็นคนในประเทศมาลุกรื้อระบบเก่าเก่า มันยังทำไม่ได้นี่สิ ผมเสียดาย

53 Nameless Fanboi Posted ID:FxgFL0lh.W

>>49 ครอมเวลล์กับglorious revolutionติดคอไหม

54 Nameless Fanboi Posted ID:ab5fiv5Iev

เงินและสิ่งของที่ผู้ได้รับบริจาค ผู้ได้รับบริจาคจะมีสิทธิในสิ่งของนั้นๆ และจะกระทำการใดๆกับของบริจาคนั้นก็ได้ ยกตัวอย่างศาสนาพุทธ ที่พระได้รับเงินจากผู้ศรัทธา พระก็สามรถจะเอาเงินไปซื้อคอมเล่นเกมส์ได้ โดยไม่ผิดอะไร

55 Nameless Fanboi Posted ID:.3ZHbV.Tbh

"กรุงเทพตายแล้วนะ โตไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่มีชุมชน ไม่มีท้องที่
แทบทุกตารางนิ้วถูกPrivatise ขนส่งสาธารณะไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่
อารีย์ สยาม ทองหล่อ พร้อมพงศ์ ฯลฯ กลายเป็นย่าน "เก๋" แต่
ความเป็นชุมชนตายเหี้ยน ราคาที่ดินก็พุ่งเอาๆ เอาเถอะ สู่สุขคติ"

#มิตรสหายท่านหนึ่ง
.
.
ว่าแต่ปรกติทำเลทองใครๆก็เก็งราคากันอยู่แล้วป่ะวะ และก็โฟกัสแต่พวกใจกลางเมืองที่พูดถึงด้านบน
ไม่ลองมาดูฝั่งธนอย่างจอมทอง แสมดำ ฯลฯ หลายจุดยังเป็นทุ่งนา ไม่มีรถไฟฟ้าเลย โตกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆเล๊ย~

56 Nameless Fanboi Posted ID:SvIVFa6fMz

>>49 >>53 อย่าลืมนะว่าไอ้การปฏิวัติฝรั่งเศสที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันมี 2 ครั้ง ครั้งแรกชาวบ้านบุกคุกบาสติลล์ นายพลลาฟาแยตนำกองทหารไปกดดันกษัตริย์ให้ทำตามสภาประชาชน แล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ มีสิทธิวีโต้กฏหมาย ทำให้คนอังกฤษส่วนใหญ่ชื่นชมฝรั่งเศสว่าสุดท้ายก็เกิดการปฎิวัติอันรุ่งโรจน์เหมือนกูซักที ยกเว้นเอดมุน เบิร์กอย่างที่เล่ามานั่นแหละ ซึ่งทำให้เกิดดราม่าในช่วงหนึ่ง เพราะเบิร์กเป็นเสรีนิยมที่สนับสนุนการปฏิวัติอเมริกัน แถมยังทำนายไว้เลยว่า จะมีนายทหารที่ทะเยอทะยานมายึดอำนาจแล้วตั้งตัวเองเป็นใหญ่ในท้ายที่สุด โดยเฉพาะนายพลลาฟาแยต แต่เบิร์กทำนายผิด เพราะหลังจากหลุยส์ที่สิบหกกับครอบครัวหลบหนีแต่ถูกจับได้ เสียงชนก็เปลี่ยนไป สภาแตกแยกจากการทรยศของกษัตริย์ ผู้คนและนักการเมืองเรียกร้องการปลดกษัตริย์แต่นายพลลาฟาแยตสั่งยิงฝูงชนที่ประท้วง คราวนี้แหละจึงเกิดการปฎิวัติครั้งที่สอง กองทหารอาสาประชาชนบุกวังตุยเลอรี แล้วการปฏิวัติฝรั่งเศสที่คนส่วนใหญ่รู้จักก็เกิดขึ้น

57 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>56 กูว่าคนส่วนใหญ่คิดว่ามีครั้งเดียวมากกว่า คือบาสตีลแล้วกิโยตินเลย ปวศ.ฝรั่งเศสช่วงนี้ถูก Romanticised มากเกินไป แล้วก็ถูกนำตอนเดียวมาขยำรวมแล้วเล่ามากเกินไป ถึงขั้นเอา Les Maiserable ฉบับหนังมาอ้างอิงก็มี

58 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

ที่มาของวาทะชิงสุกก่อนห่าม
“Your Majesty, We must do from above what the French have done from below” Karl August von Hardenberg จดหมายถึง Friedrich Wilhelm III หลังจากลงนามในสนธิสัญญาTilsit (1807)

สายเยอรมันก็คาบแนวคิดนี้ติดกลับมาว่าการปฏิรูปต้องทำจากบนลงล่าง ถ้าปฏิวัติจากล่างขึ้นบนจะเละแบบฝรั่งเศส
ต้องอดใจรอเขาร่างปฏิรูปดีๆลงมาให้ตามคอนเสปต์ “Everything for the people, nothing by the people”สไตล์enlightened despot

แต่ในความเป็นจริงคือไม่ได้มีการปฏิรูปทางการปกครองแบบมีนัยยะอะไรในปรัสเซีย จนจากรัฐแนวหน้าในภาคพื้นทวีปกลายเป็นลูกไล่ให้Metternichในconcert of europe

สุดท้ายปรัสเซียปฏิรูปการเมืองได้ก็ต้องมีFrankfurt revolutionเข้ามาเป็นตัวกระตุ้น ผู้ดีหางแถวแต่มีความสามารถอย่างBismarckถึงจะมีโอกาสได้ผงาด

59 Nameless Fanboi Posted ID:Nu9pQpCHEQ

ทักษิณ ออกไป

60 Nameless Fanboi Posted ID:eEU2JeWg+x

>>58 หลักการมันดูถูกต้องนะ เพราะให้จากล่างไล่ขึ้นบนนี่เละแบบที่เห็นแน่ๆ
แต่จากบนลงล่าง ไอ้พวกบนๆมันไม่อยากโดนล่างไล่ แต่ก็ไม่อยากทิ้งอำนาจเลยทำช้าๆ ครึ่งๆกลางๆ เตะถ่วงเวลาไป
เรียกว่าเละคนละแบบก็ได้ ไม่รู้แบบไหนเละกว่ากัน

61 Nameless Fanboi Posted ID:CvxzRKzkyE

ผมอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเหมือนบางคน เพราะแม่ผมไม่ได้เป็นเมียฝรั่งและหน้าผมก็ออกไทยผสมจีน หน้าไม่เหมือนลูกครึ่งฝรั่ง

#อดีต รมว. ตปท. ท่านหนึ่ง

62 Nameless Fanboi Posted ID:ANgOnVt2bq

>>61 แม้ว สมัยยังเป็น รมว.กต. ?

63 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>60 มันจี้ตรงที่ฝรั่งเศสที่ว่าเละ พลิกจากหนี้ท่วมหัวจะล้มละลายกลายเป็นมหาอำนาจตบรอบบ้านได้หมดในเวลาแค่10ปี ทั้งที่วุ่นวายทั้งภายในภายนอก

ส่วนปรัสเซียว่าจะปฏิรูปจากข้างบน ก็นั่งๆนอนๆเป็นลูกไล่ให้ออสเตรียไปอีก40ปี จนต้องมีคณะปฏิวัติจากแฟรงก์เฟิร์ตมาเหยียบเบอร์ลินถึงจะยอมขยับตัวปฏิรูป

สุดท้ายถ้าข้างล่างไม่ขยับก่อน ข้างบนก็ไม่ปฏิรูปตัวเองให้หรอก

64 Nameless Fanboi Posted ID:yHsGRfoZP6

ตีกันบนโซเชียลให้ตายทั้งคนแก้คนเลิก คนติดคุกก็ยังติด คนมีคดีค้างภาระไปศาลก็ยังเหนื่อย ทนายเองก็ติดภาระไปไหนไม่ได้สักที เงินประกันรวมกันน่าจะเป็นร้อยล้านแล้ว

ด่ากันไปด่ากันมา ชีวิตคนยิ่งเสียเวลาไปทุกนาที
รวมหัวกันไปตบพวกไม่ให้แก้โน่น ไม่ใช่มาตีกันเอง

65 Nameless Fanboi Posted ID:AjEdEf2D7p

>>63 เอาจริงๆไอ้ปฏิรูปจากข้างบนที่ว่าไม่เละ มันเคยมีตัวอย่างที่ทำสำเร็จจริงๆได้เป็นปทโลกที่1ซักเคสบ้างไหมวะ อย่างไทยอ้างว่าจะทำก่อน2475 ก็ไม่ไปไหน พอ2475 พยายามทำแบบคอมโพรไมส์ ก็เน่าใน ระบอบเก่าแทรกแดกทุกภาคส่วนแล้ว

66 Nameless Fanboi Posted ID:AjEdEf2D7p

>>64 ปัญหาคือแม่งมีคนแทงกั๊ก นายหัวมาบอกกฎหมายไม่มีปัญหา พรรคบอกกูไม่ได้จะแก้ กูแค่ส่งเข้าสภาไปเฉยๆ สรุปตกลงจะแก้หรือไม่แก้ เอาจริงๆเสรีที่เหมือนจะขวากว่ายังชัดเจนกว่าเลย ถึงการแก้ของแกจะเพี้ยนๆไปมั่ง แต่อย่างน้อยบอกชัดว่าต้องการจะแก้

67 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>63 ฝรั่งเศสถ้าไม่มีนโปเลียนจะเป็นอย่างมึงว่าได้ป่าวเถอะ จริงอยู่ Great man theory มันตอบไม่ได้ทุกอย่างและค่อนข้างล้าสมัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนระดับนั้นส่งผลโดยรวมต่อประเทศและอาจจะมากกว่านั้นจริง

สิ่งที่ฝรั่งเศสหลังการปฏิวัติขาดที่สุดคือการเป็นหนึ่งเดียว พอมีนโปเลียนทุกอย่างถึงเข้ารูปเข้ารอย แม้นโปเลียนจะล้มไป Congress of Vienna ก็รู้แล้วว่าชาติระดับฝรั่งเศสถ้าขาดเสถียรภาพจะส่งผลต่อยุโรปโดยรวมแค่ไหน มันถึงต้องพยามประคองฝรั่งเศสหลังยุคนโปเลียน

ในแง่นี้นับเป็นการปฏิรูปจากบนของบนอีกทีนึงก็ว่าได้ แต่ถ้าคนฝรั่งเศสไม่ยินยอมพร้อมใจก็คงทำไรไม่ได้เหมือนกัน ของแบบนี้มันต้องอาศัยความพอดีมากกว่าสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งวะ ด้านนึงเริ่มอีกด้านต้องขานรับให้สอดคล้องพอดี ไม่งั้นมันไปกันไม่ได้หรอก

68 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>65 มีปฏิรูปเมจิที่บนลงล่างแบบเข้มข้น แล้วก็เกาหลียุคปาร์คจุงฮีที่ใช้อำนาจเผด็จการวางรากฐานเกาหลีใต้ยุคใหม่ เอาจริงญี่ปุ่นหลัง WW II จะนับงั้นก็ได้ เพราะเมกามาปฏิรูปจากบนสุดโดยตรงอีกที แต่ถ้าจะเอาในบริบทที่คุยกัน เมจิชัดสุด แต่กว่าจะเป็นเมจิได้ก็มีสงครามโบชินที่ซามูไรบ้านนอกยึดอำนาจได้ก่อนเหมือนกัน โชกุนไม่ได้คิดจะเปลี่ยนเองแต่แรก

69 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>67 war of first coalition นโปเลียนยังไม่มีอำนาจทางปกครองเลยเหอะ แล้วrhine campaignที่ฝรั่งเศสยึดฝั่งซ้ายแม่น้ำไรหน์ได้ก็ไม่ใช่ผลงานนโปเลียน

ตั้งแต่ปี1789-1798 ฝรั่งเศสพลิกจากติดหนี้เกือบล้มละลายกลายเป็นมหาอำนาจที่ทั้งยุโรปรุมยำยังเอาไม่ลง นี่ไม่ใช่ความสำเร็จเหรอวะ

70 Nameless Fanboi Posted ID:1OkwF.JYQO

ฝรั่งเศสที่มันพุ่งหลังล้มระบบเก่าคือปัญหาเรื่อง social mobility ได้รับการแก้ไข เปิดช่องให้คนเก่งๆมีความสามารถเข้ามานำประเทศได้ แทนที่อำนาจไปกระจุกอยู่ที่ชนชั้นสูงอย่างเดียว

71 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>69 อืม จุดนี้กูจำลำดับเวลาผิดเอง กูยึดติดกับนาราทีฟว่านโปเลียนเป็นคนฉุดฝรั่งเศสให้กลับมายิ่งใหญ่จนพลาดรายละเอียดตรงนี่ไป

72 Nameless Fanboi Posted ID:AjEdEf2D7p

>>68 แสดงว่าแนวคิดแบบสลิ่่มที่บอก อยู่เฉยๆ ทั่นก็เปลี่ยนให้เอง ไม่ต้องไปชิงสุกก่อนห่าม มันไม่เคยทำได้จริงอะดิ

73 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>72 มึงนับเมจิมั้ยละ ถ้านับก็มี ถ้าไม่นับก็ไม่มี เอาจริงสมัยบิสมาร์กจะนับด้วยก็ได้ถ้าอยากนับ รายนั้นเป็นต้นแบบของเมจิเลย

74 Nameless Fanboi Posted ID:RorggN9D7M

>>72 ไม่มีทางอยู่แล้ว ต่อให้กษัตริย์อยากเปลี่ยน แต่ในความเป็นจริงไม่มีที่ไหนที่กษัตริย์ตัดสินใจได้เองคนเดียวหรอก ต้องหาเสียงสนับสนุนจากขุนนางด้วย ถ้ากษัตริย์ทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกขุนนางมากๆ ก็เตรียมโดนก่อกบฎยึดบัลลังก์ได้เลย แล้วช่วงนั้นคือขนาด รธน. ที่ร่างไว้แล้วที่อนุรักษ์นิยมยิ่งกว่าของคณะราษฎร ขุนนางยังค้านเลยบอกว่าประชาชนยังไม่พร้อม ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจหรอก ถ้ามึงดู Mindset ของคนที่เป็นอีลีท หรือแม้แต่เป็นชนชั้นกลางค่อนบนในบ้านเรา จำนวนมากจะบอกว่ารากหญ้าโง่ เอาแต่นักการเมืองซื้อเสียงบ้าง ประชานิยมแจกนั่นแจกนี่บ้าง งอมืองอเท้าไม่รู้จักดิ้นรน ประชาธิปไตยจึงยังไม่เหมาะกับสังคมไทย (ขนาดอีลีทหรือชนชั้นกลางบนที่ตอนเด็กหรือตอนหนุ่มๆ สาวๆ เคยจนมาก่อน พอสู้จนรวยหน่อยก็ดันคิดแบบนี้เสียเยอะ) ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงมันต้องเกิดจากล่างขึ้นบนนั่นละ แต่แบบนี้มันก็เสี่ยงไง ถ้าเปลี่ยนโครงสร้างได้แล้วบริหารไม่ดี ถ้าไม่ถูกกลุ่มอำนาจเดิมชิงอำนาจกลับ ก็จะเกิดกลุ่มอำนาจใหม่ๆ มาแย่งอำนาจแล้วเป็นเผด็จการอีกรูปแบบแทน เอาเป็นว่าไทยนี่โชคดีแล้วที่ถึงจะมีเผด็จการแทรกมาเป็นระยะๆ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปสู่รัฐบาลเลือกตั้ง จะบิดๆ เบี้ยวๆ มั่งก็ต้องค่อยๆ แก้กันไปละ แต่อีกหลายประเทศ ถ้าไม่โดนยึดอำนาจโดยคอมมี่ ก็จะเป็นผู้นำเผด็จการครองอำนาจยาวๆ แทน

75 Nameless Fanboi Posted ID:AjEdEf2D7p

>>73 มันจะนับได้ไง มึงก็เขียนเองนี่ว่าโชกุนไม่ได้คิดจะเปลี่ยนเอง

76 Nameless Fanboi Posted ID:AjEdEf2D7p

>>74 อย่าใช้คำว่าอนุรักษ์นิยมกว่าคณะราษฎรเลย ไอ้ฉบับนั้นมันไม่มีอะไรเหมือนของคณะราษฎรเลย

77 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>73 บิสมาร์คไม่ได้ยุ่งกับการปฏิรูป ตอนปฏิวัติแฟรงเฟิร์ต1848มาถึงเบอร์ลินก็เป็นฝ่ายสนับสนุนให้ไม่ประนีประนอมกับผู้ชุมนุมด้วย และอยู่ในกลุ่มที่เสนอให้Prince Wilhelmยึดอำนาจไปเลย(และทำให้Prince Wilhelmต้องหลบไปอังกฤษอยู่ปีนึง)

หลังจากนั้นก็โดนส่งไปเป็นทูต กว่าจะได้กลับมาปรัสเซียก็ปี1862 ตอนที่Wilhelmได้ครองราชต่อจากพี่แล้ว
แต่มีบทบาทในสงครามชเลวิก1864 ต่อด้วยสงครามออสเตรีย1867

78 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>75 โชกุนไม่ใช่จักรพรรดิเมจิ ตอนนั้นมันแยกเป็นก่อนและหลังเมจิ ถ้าเมจิถือว่าจากบนลงล่างได้ แต่ก่อนจะมีเมจิโชกุนถูกโค่นล้มก่อน กูถึงถามไงว่ามึงจะนับมั้ย

>>77 หมายถึงตอนเป็นนายกนะ กูจำได้ว่าบิสมาร์กเป็นคนปฏิรูปตัดหน้าสังคมนิยมโดยนำข้อดีของสังคมนิยมมาใช้เองในระดับที่ควบคุมได้ กระแสสังคมนิยมในเยอรมันถึงมีแต่ไม่มากพอให้กลายเป็นสาธารณะรัฐหรือไปซ้ายมากขึ้น ทั้งยังรักษาอำนาจของขุนนางได้ด้วย

แต่ถ้าพูดถึงตอนปฏิรูปอำนาจทางการเมืองสู่ระบอบสภา บิสมาร์กก็ยังไม่ค่อยมีส่วนจริงละ เพราะสิ่งที่แกทำจริงๆ คือการสร้างเยอรมันขึ้นมาบนซากศพของปรัสเซีย Wilhelm เสียใจมากจนแทบไม่อยากร่วมฉลองชัยชนะในโถงกระจกของแวร์ซายเลย

79 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>78 ไม่ใช่ซากศพปรัสเซีย ซากศพของGerman Confederation
ปรัสเซียในฐานะรัฐยังอยู่ มีรัฐสภาและรัฐบาลของรัฐอยู่ ต้องว่าGerman Empireคงอยู่โดยพึ่งพิงปรัสเซียด้วยซ้ำเพราะประชากร gdp อุตสาหกรรมอยู่ในปรัสเซียเกินครึ่ง

ตัวบิสมาร์กเองก็ไม่ได้อยากรวมชาติ เคยขอduchy of Lauenburgมาปกครองเองด้วยซ้ำ แต่ขัดกระแสชาตินิยมไม่ได้

เพราะอย่างงั้นบิสมาร์กถึงล็อกตำแหน่งKing of Prussiaให้ผูกกับ German Emperor (จักรพรรดิที่เป็นคนเยอรมัน) ไม่ใช่Emperor of Germany(จักรพรรดิแห่งเยอรมนี ซึ่งมันครอบคลุมดินแดนที่ไม่ได้อยู่ในการปกครองของปรัสเซียด้วย) และไม่ใช่Emperor of the Germans(จะกรพรรดิแห่งชาวเยอรมันทั้งปวง)

โชวะน่ะรับต้นแบบมาจากบิสมาร์กแน่นอน เพราะการรวบอำนาจคืนจากสภาแล้วส่งเสริมให้ฝ่ายทหารมีบทบาททางการเมืองด้วยนี่มายุคบิสมาร์ก

แต่การปฏิรูปเมจินี่ก่อนหน้าบิสมาร์คมาลุยงานภาคปกครองนะ

80 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

เสริม นักปวศ.ยังมีความเห็นว่าข้อผิดพลาดสำคัญของสนธิสัญญาแวร์ซายล์คือไม่จัดการชำแหละปรัสเซียในฐานะรัฐ รัฐอื่นในเยอรมันจึงไม่มีความหมายเพราะยังไงก็ง้างปรัสเซียไม่ได้อยู่ดี มีรัฐบาลของตัวเอง มีสภาและกฏหมายตัวเอง

81 Nameless Fanboi Posted ID:B1dZ9cn0Xf

*เนื้อหาในเพจนี้ จัดทำขึ้นเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม ที่ต้องการซื้อคอร์ส และหนังสือสอนรวยเท่านั้น สนแต่เงิน ๆ ๆ ไม่สนหีแตดอะไรอย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อทุกคน กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชมและแสดงออก
น่าจะเป็นหมายเหตุที่ถูกต้องกว่า

82 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>79 >>80 ขอบคุณที่ให้ความกระจ่าง

เรื่องเมจิกับบิสมาร์กนี่กูจำได้ว่าพอตั้งรัฐบาลได้สิ่งแรกๆ ที่รัฐบาลเมจิทำคือส่งคณะปกครองจำนวนมากไปดูงานรอบโลก คนกลุ่มนี้ละที่เปลี่ยนแปลงญี่ปุ่นจริงจัง แล้วตอนไปยุโรปก็ได้พบบิสมาร์ก ญี่ปุ่นประทับใจมากจนเอามาเป็นต้นแบบของการปฏิรูปการปกครอง

ตรงนี้ลำดับช่วงเวลาผิดเหรอ

83 Nameless Fanboi Posted ID:4ZkyH1lb/x

เนี่ย คนชอบบอกว่าผมดิสเครดิสศาสนาไทย
ประชาธิปไตยมันยืนอยู่บนรากฐานแรก คือคนเท่ากันก่อน
ถ้าแก้เรื่องนี้ไม่ได้ การสร้างประชาธิปไตยก็เหมือนพยายามสร้างหลังคา โดยที่ยังไม่มีเสาบ้านอ่ะครับ
มันเลยเป็นเหตุว่าทำไมทำเท่าไหร่ก็พังลงมา

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

84 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>82 มึงต้องแยกระหว่าง”อิทธิพลของเยอรมันในการปฏิรูปเมย์จิ” กับ “อิทธิพล/เสน่ห์ของบิสมาร์ก”

บิสมาร์กเป็นต้นแบบของrealpolitik ไม่ได้มีidealในการปฏิรูปหรือวางโครงสร้าง แต่เน้นเสถียรภาพความมั่นคงในการรักษาอำนาจ และพร้อมจะจับขั้วได้กับทุกฝ่าย
งานปฏิรูปเดียวของบิสมาร์กคือstate socialismที่ทำเพื่อตัดกำลังฝ่ายซ้ายในปี1890ตามที่มึงว่าแหละ แต่มันหลังจากยุคปฏิรูปเมย์จิไปแล้ว

แต่ในยุคปฏิรูปเมย์จิ ญี่ปุ่นเอาไอเดียในการปฏิรูปที่ดิน สภา การทหารมาจากเยอรมันเยอะมาก แต่การปฏิรูปพวกนี้ในเยอรมันเกิดขึ้นก่อนสมัยบิสมาร์กแล้วไง

ยกตัวอย่าง เหมือนwhoมาดูงานระบบสุขภาพของไทยในยุคตู่แล้วชื่นชม คนวางระบบสุขภาพมันไม่ใช่ตู่ เก็ทไหม

85 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

>>84 แก้ state socialism ยุค1880 กุนิ้วเบียด

86 Nameless Fanboi Posted ID:LH608QdabJ

>>84 เค เก็ตละ เวลากูอ่านตรงนี้จะเจอแต่ให้เครดิตบิสมาร์กทั้งนั้นเลย แต่จริงๆ มันลึกกว่านั้นสินะ

87 Nameless Fanboi Posted ID:PYpwxI/5N2

บิสมาร์กเป็นตัวอย่างที่ดีของขวาที่ฉลาดและรู้จักรักษาอำนาจโดยไม่สนหลักการ

- กระแสชาตินิยมpan germanมาแรง ถึงโดยส่วนตัวจะไม่อยากรวมชาติ แต่ถ้าปรัสเซียไม่รวมเองออสเตรียก็ชิงนำอยู่ดี ไม่ก็ปรัสเซียหาคนอื่นที่อยากรวมชาติมาเป็นนายกฯแทน
- เป็นโปรแตสแตนท์ เกลียดคาธอลิก เกลียดโป๊ป แต่ยินดีจูบปากกันเพื่อเหยียบหัวพวกซ้าย
- เกลียดซ้าย แต่ยินดีเอานโยบายซ้ายมาทำเองเพื่อตัดกำลังพวกซ้าย

บิสมาร์กพังเพราะตอนช่วงท้ายยืนหยัดในหลักการความล่วงละเมิดมิได้ของจักรพรรดิ พอโดนจักรพรรดิเล่นซะเองเลยไปต่อไม่เป็นถึงกับระเบิดกลางที่ประชุม

88 Nameless Fanboi Posted ID:GroxCP2rAg

ตลกพรรคแมลงสาบ
อิสสระ สมชัย ส.ส.อุบล กปปส
บอกว่า 2 ผอ.โรงเรียนที่ไม่ถูกไล่ออก
เพราะเป็นเด็ก ปชป.
เข้าไปประชุมกับเขาแล้ว อยากได้สนามฟุตซอล
แต่ถูกเชิญออกเพราะเป็นคนจากพรรคประชาธิปัตย์ “เป็นทีมงานหาเสียงของผม”
ก็เลยรอดคดี แต่ ผอ. 54 คนโดนเอาผิดเสนอให้ไล่ออกหมด
โชคดีเพราะเป็นเด็ก ปชป.แท้ๆ เลย
:
เดี๋ยวนะ 1. ผอ.โรงเรียนเป็นข้าราชการ เป็นทีมงานหาเสียงเมริงได้อย่างไร
ผิดเห็นๆ ผิดชัดๆ ทั้งตัว ผอ.และ ส.ส.
ยังเอามาคุย
:
2. ที่พูดมา เท่ากับบอกว่าในว่าคดีสนามฟุตซอล
ผอ. โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่
เหมือน 2 คนนี้แหละ แค่อยากได้สนามเข้าโรงเรียน นักการเมืองจะเอางบมาให้ ก็เอาสิ
แต่พอจับนักการเมืองทุจริต
ปปช.มันกวาดหมด เอาผิดตามเอกสาร
ทั้งที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย มีแค่บางคนที่ร่วมจัดการ
ที่โคราชนี่โดนเหมา 65 คน
ไล่ออกคือไม่ได้บำเหน็จบำนาญ ไม่มีสวัสดิการ
พวกครูกำลังโอดครวญขอให้เปลี่ยนเป็นปลดออก

89 Nameless Fanboi Posted ID:u16VRCQD7L

>>88 นอกเวลาราชการไปช่วยหาเสียงได้ละมั้ง

90 Nameless Fanboi Posted ID:vuyJ/BHj5x

ทักษิณ ออกไป

91 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

เมื่อวานแม่ดูข่าวที่ ส.ส.ในสภา ดราม่า เทข้าวทิ้งกลางสภา แล้วก็พูดถึงชีวิตที่รันทดของชาวนา ที่ขายข้าวได้ราคาไม่พอเลี้ยงชีพ
...
แม่ถามผมว่า ทำไมข้าวมันราคาถูกอย่างนี้...เห็นรัฐมนตรีบอกว่า ค่าเงินมันแข็ง เลยส่งออกไม่ได้...
...
ผมบอกแม่ว่า ที่ รมต.ว่า เป็นส่วนน้อย
...
ความจริงมีสองเหตุผลที่สำคัญมากที่ทำให้ "โลก" ต้องการข้าวจากการส่งออกของไทยลดลงต่อเนื่อง คือ (1) ประเทศต่างๆ ในเอเชียที่มีวัฒนธรรมกินข้าวเป็นอาหารหลัก บริโภคข้าวต่อหัวประชากรลดลง 20-35% ต่อเนื่องมาตลอด ด้วยสองเหตุผลหลัก คือ หนึ่ง อาหารบนโลก มีทางเลือกมากขึ้น เช่น คนไม่บริโภคข้าว แต่ทานขนมปัง ทานก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมาจากข้าวสาลีกันมากขึ้น ซึ่งพวกนี้อเมริกาปลูกมาก ไม่ใช่เอเชีย สอง ประชากรเอเชียที่บริโภคข้าว แก่ตัวลง กินข้าวมากไม่ได้ มักกินผลไม้มากกว่าข้าวซะอีก
...
ผมถามแม่ว่า "เดี๋ยวนี้ในรอบสัปดาห์นึง แม่กินข้าว เอามารวมกัน นับเป็นจานพูน ถึงสามจานไหม"
...
แม่บอกว่า "ไม่ถึง"
...
ผมบอกว่า "เห็นมั๊ย สมัยก่อนแม่กินข้าวทุกมื้อ เดี๋ยวนี้เห็นแม่กินแต่ผลไม้ ขนม"
...
ผมบอกต่อ "รู้มั๊ย แม่ไม่ได้เป็นคนเดียวหรอก อาจารย์ที่อายุ 60-70 ปีขึ้นไป เกือบทุกคนเลย เป็นแบบแม่ คนไข้หลายคนที่แก่ ก็เป็น"
...
นอกจากปัญหาพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนแล้ว ยังมีปัญหาอีกคือ (2) เกือบทุกชาติยอมรับว่า การมีข้าว "พอดี" กับประชากรตลอดมีความสำคัญ จึงวิจัยผลิตข้าวเอง จะเป็นจีน ญี่ปุ่น ที่เคยซื้อข้าวจากไทยมาก เดี๋ยวนี้...ไม่ใช่เดี๋ยวนี้...เป็นมาเป็นสิบปีแล้ว...ลดการซื้อมาตลอด...ผลผลิตข้าวเขาดี ดีมากแซงไทยไปแล้ว แต่เขาจำกัดพื้นที่การปลูกให้พอดี ไม่คิดส่งออก จำกัดพื้นที่ปลูก เอาไปปลูกป่าดีกว่า
...
https://www.facebook.com/1660335044182511/posts/3068406413375360/
...
ถ้าชาวนาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
...
กระทรวงเกษตรไม่สามารถชี้นำพวกเขาถูกต้องได้ มีแต่ตายกับตาย
...
ชาวนาก็แก่ เอาแต่เงินมาซื้อ เช่าที่ ใส่ยา ปุ๋ย จ้างคนงานเขมร แรงงานค่าแรงแพง สรุปแล้ว ชาวนาก็เป็นแค่นายทุนแบบหนึ่ง ที่ใช้เงินทำงานในกิจการที่ของมีคนซื้อน้อย
...
ประเทศไทยต้องลดพื้นที่ปลูกข้าวครับ
...
ผมว่าลดลงสักครึ่งหนึ่ง คนไทยในประเทศยังไม่อดอาหารเลย

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

92 Nameless Fanboi Posted ID:u16VRCQD7L

>>91 "ชาวนาก็แก่" อันนั้ละปัญหา แก่แล้ว แถมความรู้น้อยด้วย (ส่วนใหญ่ ป.6 ไม่ก็ ม.3) จะเปลี่ยนอาชีพก็ทำยากหรือเป็นไปไม่ได้ ครั้นจะบอกว่าให้ชาวนาเป็นอาชีพสงวนเฉพาะคนแก่ มันก็ตัดโอกาสพวกเกษตรกรรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเป็น เข้าใจนวัตกรรมอีก

93 Nameless Fanboi Posted ID:sT7YvIlSPQ

>>91 พรรคไหนเปิดประเด็นนี้นี่ กุว่าแพ้เลือกตั้งอะ จะเจอพวก ที่บอกว่าทำนามาทั้งชีวิต จะให้เปลี่ยนไปทำอะไร บลาๆ มาดิ้นออกสื่อ ไม่นับโรงสี กับ โกดังข้าว ผู้มีพลังนอกระบบ ที่คอยกินส่วนต่าง ออกมากดดันอีก

94 Nameless Fanboi Posted ID:I1J1wdYVvE

>>93 มันต้องมีวิธีพูด โยนขี้ให้พวกกำหนดนโยบายทำนาเยอะๆสมัยก่อนไป เสนอทางแก้ไขแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นไป ขวาจัดทำไม่ได้แน่นอน ต้องมีพร้อมทั้งนักพูด นักการตลาด นักคิดนโยบาย นักปชต/ปวศ

95 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

>>93 นโยบายที่กูว่าเข้าท่าสุดแต่ไม่ค่อยถูกต่อยอดคือจ่ายเงินไม่ให้ปลูกข้าวของปชป. อันนั้นทำแค่ฤดูปลูกข้าว แต่หลักการมันดีจริงนะ ได้เงินมาชาวยาก็เอาไปทำอย่างอื่นได้ เมื่อข้าวออกสู่ตลาดน้อยลงราคาก็เพิ่มขึ้น ต่อให้ไม่เพิ่มส่วนแบ่งก็มากขึ้นตาม ได้ทุกด้านจริงๆ แต่คนไม่ค่อยชอบเพราะไม่เข้าใจนี่ละ

กูเห็นว่าทางนี้ทำได้ จ่ายเงินตั้งตัวให้ชาวนาเช่าที่ดินออกจากวงการ หรือไม่ก็ให้หันไปปลูกอย่างอื่นแทน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถึงจุดนึงชาวนาที่เหลืออยู่ก็สบายแล้ว

อันนี้คือแบบประนีประนอมนะ ถ้าจะใช้ทางที่กูเห็นว่าดีที่สุด แต่ต้องใช้เวลาอีกนิดนึง คือให้เจ้าของที่ทำ Robot farming เลย ตอนนี้ใกล้เป็นจริงมากละ ขอแค่ยอมลงทุน เจ้าของที่น่าจะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก และลดจำนวนชาวนาเช่าที่ได้หมดเลย แต่ผลกระทบมันเยอะไป ถึงขั้นฆ่าตัวตายวงกว้างแน่นอน

96 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

Prada ลุยแคมเปญโปรโมทคอลเล็กชั่นใหม่ ด้วยการเปิดตลาดสดที่เซียงไฮ้ กลายเป็นว่าชาวจีนแห่กันเข้าตลาดเพื่อซื้อของ แต่เททิ้งผักสดเป็นกอง แล้วเก็บแต่ถุงแบรนด์หรู ทำเอาโดนวิพากย์วิจารณ์มากมาย
.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

97 Nameless Fanboi Posted ID:u16VRCQD7L

>>95 อย่างหลังนี่กูว่าแผ่นดินนองเลือดแน่ รัฐบาลอยู่ไม่ได้เพราะข้อหา "รังแกคนจน" ใหญ่มากในสังคมไทย ถ้าไม่นับขนมหวานที่แม่งไม่แคร์ความเหลื่อมล้ำ กูว่าทั้งแดงเหลืองส้มรุมกระทืบรัฐบาลชัวร์ (นึกถึงตอนป้อมเปรยๆ ว่าห้ามนั่งกระบะหลังแล้วจะพาตู่ซวยหล้งบ้าจี้ไปทำตาม เพราะน่าจะเป็นครั้งเดียวที่คนไทยทัวร์ลง คสช. แบบทุกสีจริงๆ เว้นขนมหวาน) ฉะนั้นกูเห็นด้วยกับมึงนะเรื่องจ่ายเงินจ้างไม่ปลูกข้าว แต่ไม่ใช่จ่ายเปล่าๆ นะ ต้องไปส่งเสริมทำอาชีพอื่นด้วย นอกจากข้าวแล้วยาสูบก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ทั้งเทรนด์โลกและกฎหมายไทยบีบให้คนสูบบุหรี่น้อยลงเรื่อยๆ ก็มี NGO เสนอเหมือนกัน นอกจากปราบบุหรี่เถื่อนแล้วต้องหาทางให้เลิกปลูกยาสูบไปปลูกอย่างอื่นแทน

98 Nameless Fanboi Posted ID:lX2ay6v0+c

https://discord.gg/5Xxrqk9w5G

99 Nameless Fanboi Posted ID:fsRTZgge9V

>>91 โทษแต่ชาวนา ไม่โทษเจ้าสัวโรงสีที่ทำเกษตรพันธสัญญา

แน่จริงก็สั่งให้ข้าวเป็นสินค้าควบคุม ห้ามส่งออกไปเลยสิ ได้ลดการปลูกข้าวสมใจอยากแน่
ราคาข้าวเปลือกต่ำก็เพราะต้องอุ้มให้โรงสีมีกำไรตอนจำนำข้าวเจ้าสัวโรงสีถึงดิ้นกันจะเป็นจะตาย

100 Nameless Fanboi Posted ID:.9Pscpf.Eu

หว่าย https://youtu.be/BZnB4Bgl7r0

101 Nameless Fanboi Posted ID:9zjhw7FtLK

>>99 ราคาข้าวเปลืกมันต่ำเพราะผลิตมากเกินไป บริโภคในประเทศแค่ 50% ที่เหลือส่งออกหมด นอกจากข้าวหอมมะลิที่คุณภาพดีแข่งขันได้ ที่เหลือส่วนใหญ่แม่งคุณภาพต่ำทั้งนั้น จะเอาอะไรไปส่งออกสู้เขาได้

102 Nameless Fanboi Posted ID:u16VRCQD7L

จำนำข้าวน่ะต่อให้ไม่โกงเลยมันก็มีปัญหา เพราะรัฐรับซื้อสูงกว่าตลาด ผลคือคนก็แห่กันปลูกสิวะ กูนี่แหละฟังคน ตจว. บ่นจากปากเอง (ลุงแกทำนาที่บ้าน พอไม่ใช่หน้านาก็มาขับแท็กซี่ใน กทม.) แถวบ้านไม่ดูแลข้าวกันแล้ว สักแต่ปลูก อัดยาอัดปุ๋ยให้ผลผลิตเยอะๆ แถมไม่กินเองด้วยนะ (สงสัยกลัวสารพิษ) เน้นส่งเข้ารัฐอย่างเดียว ถ้าอยากอุ้มชาวนา ประกันราคายังพอใช้ได้กว่า

103 Nameless Fanboi Posted ID:yt2ZrJQmqV

>>102 point ของโครงการคือฉีดเงินเข้าระบบจากด้านล่างอยู่แล้ว

104 Nameless Fanboi Posted ID:lK5Nojgomn

>>99 การค้าเสรีไหมล่ะ แล้วชาวนาไปทำเกษตรสัญญาทำไมล่ะ ถ้ารู้สึกถูกเอาเปรียบ คนมีทางเลือกเสมอ แต่ดันไม่เลือกกัน และอีกพวกที่ชอบทำอะไรซ้ำๆ และไม่ยอมพัฒนาตัวเอง มึงดูเวียตนามเป็นตัวอย่างเลย พัฒนาข้าวถึงขั้นส่งออกยังไงก็ไม่ขาดทุน กลับมาที่เกษตรกรไทย รัฐต้องช่วยอุ้มไม่งั้นเลือกคนอื่นแทน อย่าเรียกว่าเกษตรกรไทยเลย เรียกขอทานไทยยังจะดีกว่า

105 Nameless Fanboi Posted ID:fsRTZgge9V

>>101 มั่ว การบริโภคข้าวสารภายในประเทศอยู่ที่10-11ล้านตัน/ปี ส่งออกประมาณ5-6ล้านตันต่อปี

106 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

>>105 เค กูพลาดไป แต่พ้อยว่าปลูกมากเกินไปจนราคาตกก็ยังอยู่

จริงๆ ทางแก้ก็มี คือแปรรูป แต่จะแปรเป็นอะไรนั้น กูไม่รู้ อันนึงที่น่าสนใจ คือสุราจากข้าว กูไม่มั่นใจว่ามีความต้องการพอมั้ย แต่ก็เป็นทางหนึ่ง ถึงจะลำบากมากๆ ตรงที่ถูกต่อต้านนี่ละ

พูดตรงนี้เลยละกัน ที่คนไทยต้านเหล้าเบียร์ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เพราะอัตราการตายบนท้องถนนคนไทยสูงมาก เมาแล้วขับเป็นปัจจัยสำคัญ และเป็นเหตุผลที่ฝ่ายต้านใช้อย่างหนักแน่เสมอมา ควบคู่กับโรคภัยต่างๆ ประเทศอื่นมีปัญหานี้น้อยกว่าไทยมาก ทั้งที่บริโภคน้อยกว่า ถ้าแก้ตรงนี้ได้ เหล้าเบียร์จะหลุดกรอบศีลธรรมง่ายขึ้นเยอะ

107 Nameless Fanboi Posted ID:u16VRCQD7L

>>103 บิดเบือนกลไกตลาด = ผลผลิตล้นแถมด้อยคุณภาพ = ขายไม่ได้ (จำนำข้าวนี่แหละจะพาไทยไปสู่จุดเดียวกับเวเนฯ ที่พอรัฐอุดหนุนราคานำเข้าสินค้าเกษตร ตปท. ให้ถูกเวอร์ๆ เกษตรกรเวเนฯ ก็ไม่ทำเกษตรแล้วเพราะต้นทุนทำให้ดีๆ มันไม่คุ้ม พอราคาน้ำมันตกก็เลยพากันตายทั้งประเทศ)

>>104 สุดท้ายก็จะกลับไปที่ >>92 ที่กูตอบแหละ แก่+เรียนน้อย ถ้าสายโหดคือกำจัดทิ้งสถานเดียวเพราะพัฒนาอะไรไม่ได้หรอก แต่เราเป็นมนุษย์ไง ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม หลังๆ มีสิทธิมนุษยชนอีก เราจึงไม่ทำแบบนั้น ก็ต้องเลี้ยงจนตาย เหมือนพวก ขรก. แก่ๆ ปรับตัวไม่ทันเทคโนโลยี เราก็เลี้ยงไปจนเกษียณ แถมเกษียณแล้วได้บำนาญอีก

>>106 ปัญหามันมาจากการบังคับใช้กฎหมายน่ะ ด้านหนึ่งคือเราไม่มีความพร้อมแบบจับได้เยอะๆ อันนี้แทนที่จะเอาภาษีเหล้าไปให้ สสส. รณรงค์ให้สังคมมองเหล้าเป็นของชั่วร้าย กูว่าเอาไปให้ตำรวจกับมหาดไทยซื้ออุปกรณ์ตรวจจับพฤติกรรมขับขี่เสี่ยงๆ (เมา , ซิ่ง) เพิ่มเบี้ยเลี้ยง จนท. ดีกว่าเยอะ ถ้ามันจับได้บ่อยๆ โดนปรับบ่อยๆ ซ้ำๆ เข้า พักใบขับขี่ เพิกถอนใบขับขี่ หรือเอาเข้าคุก เดี๋ยวพฤติกรรมคนก็เปลี่ยนเอง

108 Nameless Fanboi Posted ID:fsRTZgge9V

>>106 ที่ราคาตกปีนี้เพราะนโยบายช่วยเหลือเยียวยาผู้ส่งออกข้าว เริ่มมีปีนี้เป็นครั้งแรก โดยชดเชยดอกเบี้ยในการสต็อกข้าวสารให้3%
ผู้ส่งออกข้าวไม่ต้องเร่งระบายสต็อกเก่า ก็รับซื้อข้าวใหม่ลดลง ราคาข้าวก็ต่ำลง

นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวเป็นใครก็ไปหาดูเอา

แถม จับตอแหลกระทรวงพาณิชย์
อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งบอกว่าเงินบาทอ่อนทำให้ส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น ราคาแข่งขันได้
https://www.thansettakij.com/economy/500713
เมื่อวานสดๆร้อนๆ รมว.ออกมาแถลงว่าเงินบาทแข็งทำให้ส่งออกข้าวได้น้อย สต็อคเหลือมาก ราคาตกต่ำ

109 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

>>107 เพิกถอนใบขับขี่มีผลกับคนไทยจริงๆ เหรอ ทางแก้เดียวที่กูนึกออกคือ Auto pilot สารพีดปัญหาในไทยแก้ด้วยตรงนี้ได้จริงๆ นะ

>>108 ถ้าในปีนี้นะใช่ แต่สาเหตุมันเรื้อรังมานานแล้ว เอาจริงปลูกมากเพื่อส่งออกก็ไม่ผิดหรอก ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ตำนวนเกษตรกรมากเกินไป ประเทศพัฒนาแล้วมีแค่ 5% ของแรงงาน ของไทย 30% เลยมั้ง ต่อให้ได้ผลผลิตเท่านี้ แต่ถ้าส่วนแบ่งมากขึ้น 6 เท่า เกษตรกรก็พอรับไหวอยู่

ทางออกจากปัญหานี้มี 2 อย่าง ลดผลผลิต หรือลดแรงงาน ซึ่งการจะทำทั้งคู่ได้ต้องมีตลาดแรงงานนอกภาคการเกษตรรองรับ ที่ตอนนี้ไทยไม่ค่อยมีเท่าไหร่นั่นละ

110 Nameless Fanboi Posted ID:Gm3D2SNToj

เท่าที่ได้ยินได้ฟัง ผู้ใหญ่เขา concern เรื่อง "ศูนย์รวมจิตใจ" จริง ๆ นะ เขากลัวว่ามันจะหายไปแล้วชาติก็จะหายไป ส่วนตัวเราฟังแล้วยังไม่คิดว่าชาติมันจะหายไปได้ยังไง เพราะความเป็นชาติประกอบด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างเยอะกว่าสิ่ง ๆ เดียว

111 Nameless Fanboi Posted ID:Gm3D2SNToj

https://thestandard.co/key-messages-agricultural-solutions/
‘กระดุม 5 เม็ด’ โมเดลแก้ปัญหาเกษตรของ ทิม พิธา

นี่ครับวิสัยทัศน์ว่าที่นายก

112 Nameless Fanboi Posted ID:66eM/6QLlf

>>109 ตลาดแรงงานนอกภาคเกษตรมีอยู่แล้ว แต่ไม่ทำไง เลยโดนแรงงานต่างชาติเหมาไปเยอะเลย ทั้งที่ถ้าดูเรื่องรายได้ ก็แทบไม่ต่างกันเลย

113 Nameless Fanboi Posted ID:L8fr4eZ/Wo

>>109 สภาพถนนมั่วๆ แบบไทยๆ เอารถไร้คนขับมาวิ่งจะเละเทะยิ่งกว่าเดิม ส่วนเพิกถอนใบขับขี่ มึงต้องรอ 3 ปีนะถึงจะสอบได้ใหม่อีกรอบ ระหว่างนี้ถ้ามึงอยู่ในเขตเมืองก็ลำบากละ ตำรวจเรียกตรวจไม่มีก็เจอปรับ แต่ถ้าขับนอกเมือง อยู่ชนบทก็อีกเรื่อง

>>112 ต้องเอาคนแก่ไปรมแก๊สอะ มีแค่นั้นละ กูไม่ได้ประชดนะ อย่างที่กูตอบไปบนๆ อายุมาก-เรียนมาน้อย เท่ากับตกรุ่นทั้ง hardware และ software ก็คือใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ (แต่แน่นอนโลกจริงๆ ที่มีศีลธรรม เราไม่ทำแบบนี้หรอก)

114 Nameless Fanboi Posted ID:b3TmppjqYA

>>112 ก็จริง แต่มันหนักนะ ปลูกข้าวใช้แรงงานน้อยกว่าเยอะ แถมส่วนใหญ่เป็นนายตัวเองอีก จะทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่ทำ สไตล์คนไทยเลย

>>113 ในระดับ LV 4-5 สภาพถนนไม่ค่อยมีผลอะไรแล้วนะ ขั้นต่ำคือรถสื่อสารกันเอง ขั้นสูงคือ AI เรียนรู้ที่จะขับรถบนถนนเมืองไทยได้ 100% แล้วไม่ว่าอันไหนก็ดีกว่าคนไทยขับแน่

ส่วนใบขับขี่ถ้าขี่ดีๆ ไม่โดนจับก็ไม่มีใครรู้หรอก บ้านเรามีข่าวโดนยึดแล้วยังขับรถอยู่เยอะจะตาย แต่ก็ต้องถามกลับละว่าคนที่ขับเหี้ยจนโดนยึดได้เนี่ยมันจะขับดีได้แค่ไหนด้วย

115 Nameless Fanboi Posted ID:7oeIovWXW5

เกิดเป็นคนญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะสบายทุกคน
https://twitter.com/i/events/1456506322313089026

116 Nameless Fanboi Posted ID:JI0os09Tcb

>>113 ไม่ต้องสร้างห้องรมแก๊ส เอาแค่ปรับเรื่องบัตรทองให้เป็นร่วมจ่าย ไม่ให้รักษาฟรีๆ
แค่นี้คนแก่จนๆก็น่าจะเลือกป่วยตายไปเองเยอะพอสมควร

117 Nameless Fanboi Posted ID:UeAY4I8yia

https://discord.gg/5Xxrqk9w5G

118 Nameless Fanboi Posted ID:krvRRXTYE4

>>91 ชาวนาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่การเปลี่ยนแปลงต้องมีต้นทุน ทั้งเงิน ความรู้ เทคโนโลยี ปัญหาคือต้นทุนติดลบตั้งแต่เกิด แถมที่ดินก็เช่าเขาอยู่ ถึงจะปลูกข้าวแบบพรีเมียมแต่ก็ต้องผ่านพวกโรงสี บริษัทส่งออก ขายผ่านอาลีบาบาผิดกฏหมายแน่นอน

>>93 >>94 >>95 >>97 เรื่องนองเลือดไม่ใช่เรื่องแปลในประวัติศาสตร์สำหรับการเปลี่ยนแปลงในภาคการเกษตร ตอนอังกฤษเข้ายุค Enclosure ชาวนาก่อกบฏเป็นว่าเล่น หรือในปัจจุบันที่อินเดียเกิดการประท้วงของชาวนา เพราะโมดีอยากจะให้อินเดียกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม เลยยกเลิกระบบอุดหนุนราคาผลผลิต ชาวนาจะได้ออกจากท้องถิ่นมาเป็นแรงงานในโรงงาน แต่ผลปรากฏว่าหนักยิ่งกว่าแคชเมียร์อีก ส่วนเรื่องทางออกที่ไม่มีนักการเมืองไหนกล้าพูดถึง ก็ก้าวไกลไง พิธาพูดจนปากเปียกปากแฉะเรื่องกระดุมห้าเม็ดเนี่ย เรื่องสนับสนุนสินค้าที่แปรรูปจากผลผลิตการเกษตรอย่างเช่นเหล้าขาว นมข้าว หรือการใช้เทคโนโลยีซึ่งต้องไปสนับสนุนพวกสตาร์ทอัพให้เกิดเป็นอีโคซิสเต็ม

119 Nameless Fanboi Posted ID:kKf2UPEtmT

>>116 ขนาดตู่ยุค ม44 อำนาจล้นมือยังไม่กล้าทำเลย แค่เปรยๆ ปุ๊บ ทั้งแดงทั้งเหลือง (ตอนนั้นยังไม่มีส้ม) ออกมาค้าน ฝั่งเหลืองนี่ถึงจะเกลียดแม้วแต่หนุนบัตรทองนะมึง ให้เครดิตหมอหงวนน่ะ พวก NGO และนักวิชาการสายลดเหลื่อมล้ำพวกนี้โปรรัฐสวัสดิการหมดแหละไม่ว่าอยู่แดงหรือเหลือง พวกนี้เชื่อว่าตอนผลักดันกฎหมายอาจจะยาก แต่ลองมันได้เป็นกฎหมายแล้วจะไม่มีใครไปเลิกมันได้ง่ายๆ อีก ก็จริงของมัน ทั้ง 30 บาท ทั้งอุ้มเกษตรกร (เปลี่ยนรูปแบบได้เช่นประกันกับจำนำ แต่ห้ามเลิกห้ามปล่อยไม่ช่วย) ทั้งเรียนฟรี ป.1-ม.6 (เริ่มยุคอภิสิทธิ์มั้ง แล้วตอนร่าง รธน.60 มีชัยเสนอให้เป็นอนุบาล1-ม.3 เพราะต้องการเน้นเด็กเล็ก คนก็โวยกัน สุดท้ายกลายเป็นต้องเริ่มตั้งแต่อนุบาล 1-ม.6)

120 Nameless Fanboi Posted ID:LfvmbawM/N

>>114 ก่อนจะมาถึงเมืองไทยได้ เอาให้วิ่งในประเทศที่ถนนดีๆ ผังเมืองเป็นระเบียบรอดก่อนดีกว่า ดังนั้นพวกรถไร้คนขับที่ใช้ได้จริงคงไม่ได้เกิดง่ายๆ ในเร็วๆ นี้หรอก เผลอๆ มึงกับกูตายก่อนนั่นละ รุ่นหลานอาจจะได้เห็น ก็เหมือนตอนที่รถยนต์เพิ่งเกิดในโลกน่ะ ยุคแรกๆ มันวิ่งได้แค่บนถนนทางเรียบ ซึ่งตอนที่มันเกิดขึ้น พวกเมืองใหญ่ๆ ทางโลกตะวันตกมันทำถนนทางเรียบกันไปเยอะแล้วไง ในขณะที่ไทยหรือสยามถนนแบบนั้นเพิ่งเริ่มสร้างเอง (เจริญกรุงกับราชดำเนินมั้ง) นี่ขนาดในเมืองหลวงนะ สมัยนั้นรถไฟเป็นขนส่งที่ดีที่สุดไม่ใช่รถยนต์ คนไทยมาแห่ใช้รถกันจริงๆ ก็ตั้งแต่หลังแผนพัฒนาฯ ฉบับแรกในยุคสฤษดิ์นี่แหละ ที่อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพ + อัดงบไม่งั้นเพื่อให้ไทยช่วยสู้กับคอมมี่ ตอนนี้เป็นยุคแห่งการสร้างถนนโดยแท้ น้ำไหลไฟสว่างทางดี ทางดีก็คือถนน รัฐไทยส่งเสริมมาก ก่อนหน้านั้นคนไทยไปไหนมาไหนใช้รถไฟกับเรือเป็นหลัก แต่ที่กูเน้นเรื่องบังคับใช้กฎหมายเพราะมันต้องทำในตอนนี้ ใช่มันแก้ปัญหาได้ไม่หมดหรอก (อเมริกากับยุโรป สถิติอุบัติเหตุยังต่างกันเลย อเมริกามีปัญหานี้เยอะกว่ายุโรปเพราะมีการใช้รถส่วนตัวมากกว่า แต่ถ้าเทียบกับประเทศกำลังพัฒนา อเมริกาจะดีกว่าเยอะน่ะ) แต่มันก็ลดลงได้ อย่างเรื่องใบขับขี่ ถ้าคนขับดีๆ อยู่แล้ว โอกาสโดนยึดใบขับขี่มันแทบเป็นไปไม่ได้ ในทางกลับกัน พวกที่โดนยึดใบขับขี่แสดงว่ามันต้องขับรถได้เห้มากจริงๆ มันคงไม่เปลี่บนนิสัยกะทันหันหรอกมั้ง เฮ้ยกูโดนยึดใบขับขี่แล้วนะ ต้องขับดีๆ หมาต๋าจะได้ไม่เรียก คงไม่อะ แต่ถ้ามีคนแบบนี้จริงๆ ปล่อยผ่านก็ไม่เสียหาย เพราะถ้ามันขับดีขึ้นมาจริงๆ แสดงว่ามันก็ไม่ไปทำให้ใครเพือดร้อนหรอก อุบัติเหตุจากมันก็ไม่เกิด อารมณ์เหมือนป้ายเตือนกล้องจับความเร็วน่ะ บางคนก็งงจะไปติดป้ายเตือนทำไมแล้วจะจับใครได้ แต่ก็มีคนแย้งว่ายังไงๆ คนเห็นป้ายมันก็ต้องลดความเร็วลง แล้วโอกาสเกิดอุบัติเหตุในจุดนั้นมันก็ต้องลดลงไปโดยปริยาย จะไปสนทำไมล่ะใมเมื่อเจตนารมณ์ของการบังคับใช้กฎหมายคือการลดอุบัติเหตุ

121 Nameless Fanboi Posted ID:aBh+MVBHBF

>>118 จริงๆ หลายรัฐบาลก็พูดถึงเรื่องนี้นะ แม้แต่รัฐบาลตู่เองก็พูดเรื่องนาแปลงใหญ่มาตั้งแต่ยุคคสช. แต่ไม่กล้าบังคับใช้จริงมากนัก ส่วนการแปรรูประดับนายทุนทำกันเรื่อยๆ ละ แม้แต่เกษตรแม่นยำรัฐบาลนี้ก็มีนำร่องอยู่ ของชาวบ้านยากหน่อย เพราะปัญหาด้านต้นทุนพื้นฐานสุดคือชาวนาส่วนใหญ่ต้องเช่าที่นา ทำให้แข่งด้านต้นทุนไม่ได้

https://gnews.apps.go.th/news?news=83910

กูถึงเสนอให้เจ้าของที่นาไล่ชาวนาเช่าที่ออกแล้วเปลี่ยนมาใช้ Robot farming แทน ในอนาคตอันใกล้ เรื่องนี้ทำได้ 100% แน่นอน แต่มันไม่ง่ายหรอก เพราะผลกระทบทางการเมืองมากไป ของประเทศพัฒนาแล้วมีเกษตรกรแค่ 5% ผิดกับไทยที่ 30% ผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองสูงเหลือเชื่อเลย

>>120 กูไม่คิดว่า Auto pilot มันห่างไกลแบบนั้น เทค AI ยิ่งพัฒนามีนยิ่งก้าวกระโดด และแพร่หลายง่ายมาก ถายใน 20 ปีก็น่าจจะเริ่มใช้เป็นวงกว้างได้แล้ว แต่นั่นก็เรื่องในอนาคตอีกไกล เอาใกล้ตัวอย่างการบังคับกฎหมายอย่างมึงว่าก็ได้

ถ้าแค่ยึดกูมองว่าคนจะขับมันก็ขับได้ ทางแก้จุดนี้มีอีกอย่างคือ ใช้กล้องจัดการซะ ถึงจะไม่ 100% แต่ส่วนใหญ่ใบขับขี่ค่อนข้างผูกกับทะเบียนรถ แทบจะบอกได้เลยว่าทะเบียนนี้คนนี้ขับ แปลว่ามึงคุมได้ว่าจะให้รถคันนี้ออกมาใช้งานมั้ย แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียอย่างที่มึงคงนึกออกละนะ ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ขับรถตามทะเบียนของตัวเอง

อีกทางที่พอทำได้ คือใช้ระบบลงทะเบียนใบขับขี่กับรถ ถ้าไม่สอดบัตรรถก็ขับไม่ได้ อันนี้ต้องสร้างระบบใหม่เยอะแยะมากมาย แต่ทำได้จริงกว่ารอ Auto pilot วิธีนี้จะแก้ปัญหาการขโมยรถได้ด้วย แต่การจะลงทุนทำก็ไม่ง่ายอยู่ดี

พูดตามตรง กูเชื่อมั่นการใช้เทคเข้าช่วยมากกว่าการบังคับกฎหมายโดยคน ทางออกของกูเลยโน้มเอียงมาทางนี้ซะมาก เพราะมันเขื่อถือได้มากกว่า

122 Nameless Fanboi Posted ID:aBh+MVBHBF

ได้อ่านรีวิวร้านอาหารในสหรัฐของนักวิจารณ์อาหารชื่อดังใน The New York Times เขาบอกว่าการกินก๋วยเตี๋ยวแห้งของคนไทยนั้นมันเป็นแบบนี้ ...

"เมืองไทยมีอุบายอันชาญฉลาดและทางออกง่ายๆ ในการแก้ปัญหากินน้ำซุปร้อนๆ ในอากาศร้อนๆ คือการแยกน้ำซุปออกมาต่างหากโดยปล่อยให้เย็นลงขณะกินอย่างอื่น สไตล์นี้เรียกแบบเหมือนจะขัดแย้งในตัวเองว่าซุปก๋วยเตี๋ยวแห้ง"

ในฐานะคนไทยที่กินก๋วยเตี๋ยว คำอธิบายนี้เหมือนกำลังบอกว่าคนไทยกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนคนเกาหลีกินหมี่เย็น

น้ำซุปที่จัดมาให้นั้นจะรอให้มันเย็นทำไม? ซุปมันก็ต้องกินร้อนๆ อยู่แล้ว ถ้าจะกินเย็นๆ คงต้องกินแบบข้าวแช่กันแล้ว ซึ่งมันมีที่ไหนในไทยเว้นแต่ญี่ปุ่นและเกาหลีมี "ก๋วยเตี๋ยว" กินในซุปที่ต้มสุกก่อน จากนั้นรอให้เย็นแล้วใส่น้ำแข็งกินหน้าร้อน

ผู้เขียนรู้ว่าเมืองไทยอากาศร้อน แต่ลืมนึกไปว่าถึงร้อนแค่ไหนแต่คนไทยกินร้อนและกินเผ็ดร้อนเป็นปกติ โดยกินของร้อนก็จริง แต่จะมีของแก้ร้อนตามมาด้วย ไม่ใช่ทำร้อนแล้วแช่ให้เย็น

มีอย่างที่ไหนทำแกงทำน้ำแกงแล้วแช่เย็น มันก็ขึ้นไขขึ้นฝ้าหมดน่ะซี น่ากินตรงไหน

เรื่องน้ำซุปนั้น ผมคิดว่าเพิ่งเริ่มได้ไม่น่าจะเกิน 20 - 30 ปีมานี้

ตอนเด็กๆ เคยช่วยบ้านญาติในต่างจังหวัดขายก๋วยเตี๋ยว ถ้าจำไม่ผิดแห้งก็แห้ง น้ำก็น้ำ ไม่มีแถมน้ำซุป

อันนี้อาจเป็นนโยบายทางร้านเอง แต่เชื่อว่าที่แถมน้ำซุปสมัยนั้นน่าจะมีน้อยมากจนถึงไม่มีเลย อาจจะมีแค่สั่งต่างหากเป็นรายๆ ไป

ก๋วยเตี๋ยวแถมน้ำซุปนั้นมันน่าจะเกิดขึ้นมาเพราะคนชอบกินแห้ง แล้วคนขายสงสารในอาการระคายคอจึงแถมน้ำซุปมาด้วย หรือไม่ก็อาจจะเป็นจุดขายเสริม เพราะจำได้ว่าเคยได้แถมซุปครั้งแรกๆ จากร้านประเภทแฟรนไชส์รายหนึ่งในกรุงเทพฯ สัก 20 ปีก่อนเห็นจะได้

เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ เลยเล่าได้แค่ประสบการณ์ส่วนตัว

ไม่ว่าการกินแห้งเคียงน้ำซุปจะมาจากไหนเกิดเมื่อไร ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่การบอกว่าคนไทยแยกน้ำซุปจากเส้นเพื่อรอให้น้ำแกงมันเย็น

เป็นเรื่องที่แปลกเหลือประมาณ

(ภาพจีนไว้เปียขายของกิน หญิงไทยนั่งยองๆ บนลัง ภาพโดย Kurt Beyer วิศวกรชาวเยอรมันที่ทำงานในประเทศสยาม น่าจะถ่ายประมาณปลายรัชกาลที่ 5 - ต้นรัชกาลที่ 6)

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

123 Nameless Fanboi Posted ID:Al45cAGpqX

>>121 อยากโดนทัวร์ลงแบบศักดิ์สยามหรอ เสนอให้ติด GPS รถทุกคัน ปรากฏทั้งเหลืองแดงส้มด่ายับจ้า สุดท้ายก็เงียบไป

124 Nameless Fanboi Posted ID:14OEvIbR4X

>>121 เพ้อสัส เอาโรบอทมาทำงานที่ได้กำไรเท่าจิ๋มมดเนี่ยนะ ไปลงทุนทำโรงสียังคุ้มกว่า

125 Nameless Fanboi Posted ID:087lvYudr/

>>123 ก็เป็นทางเลือกนึงในการบังคับใช้นะ ในตอนนี้ดูเป็นไปได้กว่า Auto pilot เยอะ

>>124 กำไรมันน้อยเพราะตัวหารเยอะ แต่ถ้าทำนาแปลงใหญ่กำไรจะมากพอเอง เกษตรกรตปท.ที่กำไรก็เพราะแบบนี้ละ ไทยแม่งมีแต่ที่นาเล็กๆ ต่อให้กำไรต่อไร่ยังพอมีแต่รวมแล้วก็เข้าเนื้อเพราะไม่พอแดก ทางออกคือนาแปลงใหญ่ที่เจ้าของที่ทำเองนั่นละ แล้วจะให้คุ้มสุดก็อย่างที่กูว่า อีก 20-30 ปียังไง Robot farming 100% ก็ต้องมาแน่ เพราะบางประเทศเริ่มมีปัญหาเกษตรกรแก่ๆ ทำเกษตรไม่ไหวแล้ว

126 Nameless Fanboi Posted ID:14OEvIbR4X

>>125 มึงเคยทำนามั้ย

127 Nameless Fanboi Posted ID:onjW758pgQ

ปัญหาของนโยบายราคาข้าวหรอการเกษตร คือ ทุกเอาคนแต่โพกัส ด้านราคา ทั้งพรรคการเมือง และชาวนาเอง
บอกตรงๆ กุชอบนโยบายปชปนะ แต่ก็นั่นแหละ มันเข้าใจยาก
https://www.youtube.com/watch?v=CKBAGCNvvbg
ขยี้วิกฤตราคาข้าว จับตาจ่ายเงินประกัน อาจได้ไม่ครบทุกคน

128 Nameless Fanboi Posted ID:Al45cAGpqX

>>125 สุดท้ายก็ต้องไปจบที่กำจัดคนยุคเก่าทิ้งนั่นละ ไม่ว่าจะฆ่าทิ้งโดยตรงหรือตัดช่องทางในการอุ้มให้มีชีวิตอยู่ซะ

129 Nameless Fanboi Posted ID:onjW758pgQ

โดย ดร.เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
.
สัปดาห์นี้ผมคาดว่าจะมีคนหันกลับมาพูดเรื่องจำนำข้าวกันอีกครั้งหนึ่ง เลยขอเล่าถึงนโยบายรับจำนำข้าวในแง่มุมที่คนไม่ค่อยพูดถึง นั่นคือ วัตถุประโยชน์และหลักการดั้งเดิมของการรับจำนำข้าว
.
นโยบายจำนำข้าว มีขึ้นมาตั้งแต่ปี 2524 เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว เพราะชาวนาจะเร่งขายข้าวกันในช่วงนั้น ทำให้ราคาข้าวลดลงอย่างรวดเร็ว
.
การจำนำข้าวจึงเป็นการฝากข้าวเก็บเอาไว้ก่อน (เพื่อลดอุปทานข้าวในช่วง ต้นฤดู) โดยชาวนามีเงินสดจากการจำนำข้าวไปใช้จ่าย แล้วรอให้ชาวนาไถ่ถอนข้าวที่จำนำไว้ไปขายในช่วงปลายฤดู เมื่อราคาข้าวช่วงปลายฤดูสูงกว่าราคาที่รับจำนำไว้
.
นโยบายรับจำนำข้าวแต่ดั้งเดิม จึงไม่ใช่นโยบายแทรกแซงราคาข้าว เป็นเพียงนโยบายเพิ่มทางเลือก (หรือเพิ่มออปชั่น) ให้เกษตรกรสามารถชะลอการขายข้าวของตนเพื่อรอราคาได้ (โดยมีเงินสดไว้ใช้ก่อน)
.
แต่สุดท้ายราคาข้าวปลายฤดูจะขึ้นหรือไม่ และจะขึ้นเท่าไร เป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องคาดการณ์และวางแผนเอง (โดยทั่วไปราคาข้าวปลายฤดูจะเพิ่มขึ้นจากต้นฤดูประมาณ 10%)
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ การตั้งราคารับจำนำข้าวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยมีหลักการพื้นฐานคือ ราคารับจำนำต้องสูงกว่าราคาต้นฤดู มิฉะนั้นชาวนาก็จะขายข้าวทั้งหมดในราคาต่ำ พูดง่ายๆ คือ ไม่จูงใจให้ชาวนาชะลอการขายข้าว
.
ขณะเดียวกัน ราคารับจำนำต้องต่ำกว่าราคาปลายฤดู มิฉะนั้น ชาวนาจะไม่มาไถ่ถอน เพราะไถ่ถอนไปขายก็ได้ราคาต่ำกว่าราคารับจำอยู่ดี เพราะฉะนั้น หากตั้งราคาสูงเกินไป ข้าวก็ต้องตกเป็นของรัฐซึ่งทำหน้าที่เป็นโรงรับจำนำนั่นเอง
.
ตัวชี้วัดของความสำเร็จในการรับจำนำข้าวในแต่ละปีจึงมีทั้งสองแง่มุม
.
หนึ่ง คือ จำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวที่มากพอจะช่วยให้ราคาข้าวต้นฤดูไม่ตกลงไปมาก (ไม่จำเป็นต้องรับจำนำทุกเมล็ด)
.
และสอง คือ ในช่วงปลายฤดู เกษตรกรก็จะต้องมาไถ่ถอนข้าวไปขายจนหมดหรือเกือบหมด
.
ในช่วง 20 ปีแรก นโยบายรับจำนำข้าวสามารถช่วยให้ราคาต้นฤดูสูงขึ้นได้ โดยกลไกตลาด (ด้วยการลดอุปทานในช่วงต้นฤดู) และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเกษตรกรแต่ละคนว่าจะจำนำหรือไม่ และจะไถ่ถอนไปขายในช่วงเวลาใด
.
โดยในช่วงแรกมีข้าวที่ไม่ได้รับการไถ่ถอนมีไม่มากนัก ดังนั้น นโยบายรับจำนำข้าวจึงมิใช่นโยบายที่ขาดทุนมากมายเช่นที่เข้าใจกัน แถมในบางปียังมีกำไร (จากดอกเบี้ยของเงินที่รับจำนำ) ด้วยซ้ำไป
.
แต่นโยบายรับจำนำก็มีข้อจำกัดที่สำคัญ 3 ประการคือ
.
ประการแรก การรับจำนำต้องใช้กับสินค้าที่เก็บรักษาได้เท่านั้น หากรัฐบาลไปใช้กับสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น มันสำปะหลัง หรือลำไย หรือผลไม้ สุดท้ายก็อาจจะเจอปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพได้
.
ประการที่สอง การรับจำนำใช้ได้เฉพาะกับการแก้ปัญหาราคาที่เป็นฤดูกาลเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขราคาที่ตกต่ำลงในแบบที่เป็นแนวโน้มระยะยาวได้
.
ประการที่สาม การรับจำนำไม่สามารถใช้ตั้งราคาเป้าหมายในตลาดโดยตรงได้ การรับจำนำข้าวทำเพื่อเพียงดึงปริมาณผลผลิตส่วนหนึ่งออกจากระบบในช่วงต้นฤดู หรือในช่วงที่ผลผลิตออกมามากเท่านั้น
.
อย่างไรก็ดี ในยุคหลังรัฐบาลบางชุดกลับมีกำหนดราคารับจำนำข้าวไว้สูงกว่าราคาตลาดในช่วงปลายฤดูไปมาก หรือทำให้ราคารับจำนำข้าวกลายเป็นราคาเป้าหมายในตลาดสำหรับเกษตรกรแทน
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ เกษตรกรจึงไม่ไถ่ถอนข้าว ข้าวทั้งหมดจึงต้องตกเป็นของรัฐ นโยบายรับจำนำข้าวจึงกลายเป็นนโยบาย “รับซื้อ” ข้าวไปแทน
.
การเปลี่ยนจากการรับจำนำเป็นการรับซื้อ ทำให้ภาระในการเก็บรักษาและระบายข้าวกลายเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
.
แปลว่า รัฐบาลก็ต้องมีภาระทางการคลังในการซื้อและเก็บรักษาข้าวไว้ ส่วนปริมาณข้าวที่เก็บไว้ (ซึ่งในที่สุดก็จะต้องขายออกมา) ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดและราคาข้าวในช่วงเวลาต่อมา
.
แม้ว่า นโยบายการรับจำนำข้าว ในช่วงหลังจะกลายเป็นนโยบาย “รับซื้อข้าว” แต่รัฐบาลก็ยังต้องเรียกว่า นโยบายรับจำนำข้าว ต่อไป เพราะการที่รัฐบาลมารับซื้อข้าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด แล้วไปขายในราคาที่ต่ำกว่า เป็นการแทรกแซงทางการค้าที่ขัดกับกฎขององค์การการค้าโลก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไปใช้เป็นนโยบายการจำนำข้าวแทน
.
ถ้าตัดประเด็นเรื่องการเมืองออกไป ประเทศไทยของเราก็ยังสามารถใช้นโยบายรับจำนำข้าวต่อไปได้ เพียงแต่ต้องไม่ลืมหลักการพื้นฐานนั่นคือ “ราคารับจำนำต้องสูงกว่าราคาต้นฤดู แต่ต่ำกว่าราคาปลายฤดู” ซึ่งหากทำได้เกษตรกรก็จะมีทางเลือกมากขึ้น และไม่ต้องรีบขายข้าวในช่วงต้นฤดู โดยมาขายข้าวในช่วงปลายฤดู เมื่อราคาขึ้นแทน
.
http://www.posttoday.com/social/think/510151

130 Nameless Fanboi Posted ID:aBh+MVBHBF

>>126 ไม่ แต่ปัญหาด้านราคากับส่วนแบ่งเป็นหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นอยู่แล้ว

>>128 กูไม่อะไรกับการปล่อยให้ตายนะ แต่มันเป็นปัญหาใหญ่เกินกว่ารัฐจะรับไหว ดังนั้นทางเลือกก็มีแค่ตายไวตายช้านั่นละ

>>129 อันนี้อธิบายหลักการได้ดี ถ้าทำแบบนี้ได้ตลอดก็ถือเป็นนโยบายที่ดีได้เลย

131 Nameless Fanboi Posted ID:Al45cAGpqX

>>129 ทำยากนะนั่น เทียบกับประกันราคาของ ปชป. ที่อิงค่าแรงขั้นต่ำแม่งทำง่ายกว่าเยอะ

>>130 นั่นแหละความจริงที่เจ็บปวด ฝ่ายขวาแบบสุดโต่ง (ที่ไม่ได้มองแต่ในไทยนะ) มองว่าแต่เดิมโลกมันก็มีสมดุลของมันอยู่ คนที่ไม่แข็งแกร่งหรือปรับตัวไม่ได้ตายไปมันก็เป็นเรื่องปกติที่คนโบราณทำใจยอมรับ กระทั่งยุคต่อๆ มา ตีว่าไม่เกิน 200 ปี ที่แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนค่อยๆ เกิดขึ้นพร้อมกับการเมืองแบบประชาธิปไตย (จริงๆ 2 เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เพียงแต่ประชาธิปไตยเป็นระบอบเดียวที่เปิดกว้างให้คนรณรงค์หรือถกเถียงเรื่องต่างๆ ได้) และได้รับการต่อยอดมาตลอด จนหลัง WW2 จะชัดมากเมื่อตั้ง UN แล้วเทรนด์โลกหลังจากนั้นจะเน้นเรื่อง "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" มากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายขวาสุดโต่งมองว่า ผลที่เกิดขึ้นคือเมื่่อพยายามเลือกให้ทุกคนอยู่รอด (ตั้งเป้าไว้ก่อนทำได้แค่ไหนอีกเรื่อง) ผลคือจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นการเพิ่มแบบวัยภาระเพิ่มมากกว่าวัยพลัง คนแก่อายุยืนเอาแต่เด็กเกิดน้อย (มันตลกร้ายไหมล่ะ สวัสดิการเยอะแทนที่คนจะกล้ามีลูกดันไม่อยากมีซะงั้น) สุดท้ายรัฐชาตินั้นๆ ก็จะอ่อนแอลงและทำลายตัวเอง (เลยมีคนพูดประชดว่าโควิดอาจทำให้ยุโรปคืนชีพก็ได้หลังจากเป็นลูกไล่อเมริกามานาน เพราะคนแก่ที่เป็นภาระตายไปอื้อจนอายุขัยเฉลี่ยประชากรลดลงในรอบกี่สิบปีก็ไม่รู้)

132 Nameless Fanboi Posted ID:onjW758pgQ

New york times ทำคลิปถามคนยุโรป(EU) คิดยังไงกับวิถีความเป็นอยู่คนอเมริกัน
คนยุโรปอึ้งมากที่รู้ว่า
- US ไม่มีสวัสดิการลาคลอด แต่ยุโรปบังคับต้องจ่ายให้คลุม 14 week
- US ไม่มีสวัสดิการการศึกษามหาลัยต้องกู้เอาถึงได้เรียน
- EU แบนสารเคมีบางอย่างในแป้ง อาหาร แต่ US มีในอาหาร

ที่USA มันฟัคอัพทุกๆด้านเพราะตั้งแต่ 1977 US เลือกเดินเศรษฐกิจ การเมือง สังคมเป็นเสรีนิยมใหม่(Neoliberalism) ลดการแทรกแซงของรัฐเพื่อราคาเป็นธรรม แต่ให้อำนาจตลาดที่สูงขึ้น ทุกบริษัท อุตสาหกรรมจึงขึ้นราคากันโหดๆได้เพราะกม.เอื้อกับนายทุน สัดส่วนที่คนจนเข้าถึงทรัพยากรต่ำกว่ามาก

คนยุโรปก็ต้องอึ้งที่คนเมกันจ่ายสูงมากๆ คลอดลูก 10k $ เรียกรถพยาบาลครั้งละ 1,000$ ยารักษามะเร็ง 3,000 $ มันเกินไปที่เอาชีวิตคนมาแขวนกับ "ราคาตลาด"มากกว่าสิทธิขั้นพื้นฐาน ในขณะที่ยุโรปมี National Hospital System คนยุโรปไม่ได้จ่ายค่ารักษาหนักเท่าเมกา
https://twitter.com/argentumnm/status/1455984225870499846?s=20

133 Nameless Fanboi Posted ID:Al45cAGpqX

>>132 แต่ก็นั่นละ ความทุนนิยมจ๋าของ US เลยทำให้ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก แต่ก็ต้องแลกด้วยปัญหาสังคมที่มากกว่า EU ก็คือความเหลื่อมล้ำ คนเร่ร่อน อาชญากรรมทั้งหลายนั่นละ เรื่องนี้ก็แล้วแต่คนชอบ คนชอบแบบ EU ก็มี คนชอบแบบ US ก็มี

134 Nameless Fanboi Posted ID:Q2DnZdSngd

สำหรับกูนะ กูว่าข้าวมันไม่ใช่พืชเศรฐษกิจที่มีอนาคตเลยว่ะ เป็นได้แค่พืชกันอดตายเท่านั้น
อย่างยุโรปหรืออเมริกาก็ไม่ได้กินข้าวเป็นหลัก ญี่ปุ่นเขาก็เน้นกินข้าวในประเทศเขาไป
อีกอย่างหนึ่งปัจจุบันนี้คนนิยมกินแป้งจากข้าวสาลีมากขึ้น กูเคยดูข่าวของญี่ปุ่นที่รายงานว่า ราคาแป้งสาลีเพิ่มขึ้น
แล้วหันกลับมาดูราคาข้าวไทยสิ ดันถูกลงซะงั้น ยกเว้นว่าผู้บริโภคข้าวรายใหญ่อย่างจีนเกิดภัยพิบัติจนข้าวไม่พอกินนู่น
ราคาข้าวไทยถึงจะขึ้นไปเหมือนสมัยยิ่งลักษณ์

135 Nameless Fanboi Posted ID:bIutmOwjck

>>131 คนแก่อายุยืนเอาแต่เด็กเกิดน้อย (มันตลกร้ายไหมล่ะ สวัสดิการเยอะแทนที่คนจะกล้ามีลูกดันไม่อยากมีซะงั้น)

>กูว่าเด็กเกิดน้อยเพราะว่าทรัพยากรส่วนใหญ่ Baby boom เอาไปหมดแล้ว
Gen y ลงมาแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ที่เห็นชัดๆก็ฮ่องกง ของไทยก็ไม่ต่างกัน
เงินเดือนเด็กจบใหม่ 15000 อยู่ใน กทม จ่ายค่ากินค่าห้องค่าเดินทาง เงินเก็บแถบไม่เหลือ
แล้วที่สำคัญคือค่านิยมของยุคสมัยมันเปลี่ยน คนรุ่นเก่าชีวิตที่ดีคือแต่งงานมีครอบครัว
คนรุ่นใหม่ไม่แคร์เรื่องครอบครัว บางคนมองการมีครอบครัวเป็นภาระด้วยซ้ำ
ยิ่งสิทธิสตรีเพิ่มขึ้น ผู้หญิงก็หญิงคิดว่าตัวเองไม่ต้องเป็นเมียที่ดีก็มีชีวิตที่ดีได้
ไม่หาผู้ชายมาแต่งงานก็ไม่มีปัญหาอะไร สุดท้ายเลยเลือกที่จะไม่แต่งงาน
หรือแต่งงานแล้วก็เลือกที่จะไม่มีลูก

136 Nameless Fanboi Posted ID:Q2DnZdSngd

ส่วนไอ้กระดุม 5 เม็ดของพิธา กูว่าก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก ทางแก้ที่ดีที่สุดก็อย่างที่ข้างบนๆว่าไว้ คือลดจำนวนชาวนาลง
เรื่องนี้มันต้องวางแผนการณ์ระยะยาวระดับ 20-30ปีเลย

ถ้าเป็นกูนะ กูจะตั้งเป้าลดอัตราการเกิดของจำนวนชาวนารายใหม่ลงให้เหลือครึ่งหนึ่ง เช่น จำนวนชาวนาไทยมี 20ล้านคน มีช่วงอายุ 20-70ปี แปลว่าเฉลี่ยแล้วจะมีชาวนาหน้าใหม่เกิดขึ้นปีละประมาณสี่แสนคน ดังนั้นแต่ละปีกูต้องหาตลาดแรงงานให้คนสองแสนคนทำ แน่นอนว่าภาคธุรกิจอื่นๆของไทยในตอนนี้มันไม่สามารถรองรับได้ เราก็ต้องมองถึงการส่งออกแรงงานไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่นส่งไป เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ยุโรป
ด้วยการไปคุยไปดีลแลกผลประโยชน์ระดับรัฐบาลกัน เขาต้องการคุณสมบัติอะไรเราก็ต้องไปทำเพิ่มให้ได้

ในระหว่างที่ส่งออกแรงงานไปทำงานต่างประเทศ กูก็ต้องจัดการขยับขยายภาคธุรกิจต่างๆของไทยให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับจำนวนคนทำงานให้ได้มากกว่าเดิม ยกระดับเทคโนโลยี อุตสา ทั้งฮาร์ดแวร์ทั้งซอฟต์แวร์ให้สูงขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น ทีนี่อัตราการเกิดใหม่ของชาวนาก็น่าจะลดลง พอผ่านไปหลายสิบปีจำนวนชาวนาก็จะน้อยลง หากผลผลิตของข้าวมีปริมาณเท่าเดิม รายได้ต่อหัวของชาวนาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า
พอภาคธุรกิจอื่นๆมีขนาดใหญ่ขึ้นจีดีพีก็เพิ่มขึ้นตาม รัฐบาลก็จะมีงบประมาณประจำปีเพิ่มขึ้น จำนวนเงินงบอุดหนุนการเกษตรก็เพิ่มขึ้นตามไปได้
เช่น จีดีพี 15ล้านล้านบาท งบอุดหนุน 0.5% คือ 7.5หมื่นล้านบาทต่อปี
จีดีพี 30ล้านล้านบาท งบอุดหนุน 0.5% คือ 1.5แสนล้านบาทต่อปี

ส่วนชาวนาหน้าเดิมก็ปล่อยให้เขาปลูกข้าวต่อไป ช่วยเหลือให้พอรอดถูๆไถๆไปก่อน

137 Nameless Fanboi Posted ID:Q2DnZdSngd

>>136 ถ้าเป็นไปตามนี้ชาวนาไทยจะมีรายได้เพิ่มจากเดิม 3-4เท่า

138 Nameless Fanboi Posted ID:z.OKd.IU3v

การส่งออกแรงงานมีผลร้ายแรงมากไป ถึงจะมีเงินเข้าประเทศเรื่อยๆ แต่ก็ทำให้ประเทศติดหล่มพัฒนาไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยู่ทำงานในประเทศ ฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างที่ชัดมาก ทุกวันนี้เหมือนผลิตปชก.เพื่อส่งออกมากกว่า แถมเพิ่มไม่หยุดด้วย ของไทยกลับกัน คือคนเกิดน้อยลง จะส่งออกปีละเป็นแสนประเทศยิ่งลำบาก

ทางออกสำหรับลูกหลานเกษตรกรถ้าจะเอาอย่างมึงว่า คือไม่ให้กลับไปทำนา ทางที่ง่ายกว่านั้นคือสนับสนุนด้านการศึกษา ถึงจะเหมือนมุก แต่ถ้าให้ดีสุดคือเรียน Coding นั่นละ ไม่ก็ยัด STEM ให้ได้

อันนี้กูเคยเสนอในนี้นานละ คือยกเลิกเรียนฟรีม.4-6 แล้วอุดหนุนอาชีวะแทน สายนี้ยังไงก็มีงานทำไปหลายสิบปี ทั้งยังรายได้ดีกว่าทำนาเยอะ แล้วเป็นสายงานที่ไทยขาดแคลนมาก ต่อให้หางานในไทยไม่ได้ ก็ไปทำงานนอกได้ ทุกวันนี้แม้แต่ตปท.ก็ขาดแคลนงานสายนี้ เพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุค EV และ IoT แปลว่าในอนาคตจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะมากๆ มาด้านนี้ไงก็หากินได้

139 Nameless Fanboi Posted ID:KK+LUyMBD0

>>136 ระยะยาวระดับ 20-30 ปี ระยะสั้นรมแก๊สชาวนาปีเดียวจบ

140 Nameless Fanboi Posted ID:eoB5WN3XAy

>>135 กูหมายถึงทั้งโลกนะ ปท. พัฒนาแล้วเป็นแบบนั้นหมดเลยคือคนไม่นิยมมีลูก แม้จะเป็นประเทศที่มีสวัสดิการดีมากๆ ก็ตาม

>>136 กูไม่คิดว่าชาวนาจะเกิดเยอะขนาดนั้น เพราะหลังปี 40 ที่มี กยศ. เข้ามา ผลคือคนไทยแห่เรียนสูงๆ มากขึ้น จนทุกวันนี้ ป.ตรี ล้นตลาด และเอาจริงๆ คนไทยพยายามออกนอกภาคเกษตรมาตลอดนะ พ่อแม่ทำนาก็ไมไ่ด้อยากให้ล฿กทำ ไม่งั้นไม่มีคำพูุดประชดว่า "ขายนาส่งควายเรียน" หรอกเวลาลูกไม่ตั้งใจเรียน จุดสะดุดของไทยคือวิกฤติ ศก. ปี 40 นั่นละ อุตสาหกรรม-บริการหายไปเยอะมาก คนเลยต้องกลับไปภาคเกษตรกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้น ภาคเกษตรคงหายไปจริงๆ แหละ และหลังจากนั้นพอ ศก. ดีขึ้น + คนได้เรียนมากขึ้น คนส่วนหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ภาคเกษตรไปตลอด เพราะยังไงรัฐบาลทุกยุคก็หนุนอุตสาหกรรม-ท่องเที่ยวอยู่ดี บางคนพอเห็น ศก. เริ่มฟื้น ก็กลับเมืองมาทำอาชีพอิสระ แท็กซี่ วิน ค้าขายแผงลอย พวกเยอะๆ ที่อยู่ตอนนี้ เป็นคนตกค้างจากโลกเก่า ตอนที่คนยังไม่มีโอกาสเรียนสูงๆ มากนักน่ะ

>>138 เมืองไทยไม่ใช่เมือง STEM น่ะ ไม่งั้นท่องเที่ยวและบริการคงไม่แซงอุตสาหกรรมขึ้นเป็น GDP หลัก นี่ถ้าไม่มีโควิดก็คงหากินได้อีกเรื่อยๆ ละ แต่พอมีโควิดก็อย่างที่เห็นคือจะพังกันทั้งชาติเอา

141 Nameless Fanboi Posted ID:eoB5WN3XAy

>>139 มันเป็นเรื่องตลกร้าย แต่ถ้าไม่สนเรื่องมนุษยธรรมก็ต้องประมาณนั้นละ แต่ทำจริงๆ ไม่ได้หรอก ยุคของสิทธิมนุษยชนแบบนี้ ก็ต้องทนไปให้คนรุ่นเก่าตายหมดน่ะ (ยุโรปถึงโชคดีไงในบางมุม โควิดฆ่าคนแก่ไปเยอะจนทำให้อายุขัยเฉลี่ยประชากรในภาพรวมลดลง นั่นหมายถึงภาระเลี้ยงดูของรัฐก็ลดลงด้วย)

142 Nameless Fanboi Posted ID:bIutmOwjck

>>141 ถ้ารมแก๊สมันโหดร้าย กูว่าเปลี่ยนแนวคิดการรักษาคนแก่น่าจะโอเคกว่า
การรักษาทุกวันนี้แพทย์จะใช้หลักยื้อชีวิตให้ถึงที่สุด ซึ่งถ้าผู้ป่วยเป็นคนหนุ่มสาวก็โอเค
แต่สำหรับคนแก่กูว่าควรเปลี่ยนวิธีเป็นรักษาแบบประคับประคองว่ะ
ไม่ต้องทุ่มกำลังการรักษามาก เอาแค่ให้ยาแก้ปวดจะได้ไม่ทรมาณเวลาอาการกำเริบ
พออาการหนักขึ้นก็ปล่อยไปเลยไม่ต้องกู้ชีพ
จริงๆทุกวันนี้วงการแพทย์ก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หายแล้ว
ซึ่งสำหรับสังคมผู้สูงอายุมันควรรีบๆทำให้เป็นหลักทั่วไป คนแก่ที่เกษียณไม่ได้ทำงาน
ถ้าป่วยหนักขึ้นมาแล้วไม่มีบำนาญจ่ายค่ารักษา ก็เอาแค่รักษาประคับประคองก็พอ

143 Nameless Fanboi Posted ID:z.OKd.IU3v

>>142 ประเด็นว่าคนแก่เป็นภาระคือไม่มีการสร้างรายได้ แม้จะมีการใช้เงินตลอด โดยเฉพาะเรื่องการรักษา ทางออกมี 2 ข้อ

1.ทำงานนานขึ้น บางประเทศให้เกษียร 65 แล้ว ในอนาคตก็น่าจะเพิ่มได้ถึง 70 ถ้าเทคการรักษาดีพอ แต่มันจะเป็นการกดเด็กรุ่นใหม่แทน

2.รักษาสุขภาพ ข้อนนี้ไม่ยากไม่ง่าย บางประเทศก็เหมาะกับเรื่องนี้มากกว่า อย่างญี่ปุ่นที่คนแก่สุขภาพดีเยอะมาก แต่ใช้เงินน้อยสัดๆ จนกลายเป็นปัญหา ผิดกับเมกาที่คนแก่มีปัญหาสุขภาพเยอะและแพง แต่ใช้เงินเยอะตาม ของยุโรปจะกลางๆ

เอาจริงวิธีดีสุดคือการไม่เป็นภาระรัฐ อย่างกองทุนบำนาญไรพวกนี้ กูก็ทำตัวนึงเผื่อไว้ จ่าย 5 ปี 500,000 หมดอันนี้กูกะทำใหม่เรื่อยๆ ถ้ามันมีให้ทำ พอเกษียรแล้วมันจะได้ทบกัน เผลอๆ กูจะได้มากกว่าเงินเดือนหรือบำนาญอีก

144 Nameless Fanboi Posted ID:bIutmOwjck

>>143 เมกามันใช้ระบบเสรีนิยมไม่มีสวัสดิการเหมือนฝั่งยุโรป
ถ้าแก่แล้วแต่ไม่ทำประกันสุขภาพ เวลาป่วยหนักๆก็ไปเลยมั้งนั้นไม่ลำบากรัฐบาลเท่าไรมั้ง

145 Nameless Fanboi Posted ID:z.OKd.IU3v

>>144 เมกามีเงินบำนาญกับอะไรที่รัฐสนับสนุนอยู่มั่ง แต่เทียบกับฝรั่งยุโรปแล้วก็น้อยกว่ามาก ปัตจัยนี้ละที่ทำให้เมกามีพื้นที่พัฒนาทุนใหญ่กว่ายุโรป

146 Nameless Fanboi Posted ID:4AvVs0FyLo

บทลงโทษเด็กเกเรบางบ้าน = ถูกส่งตัวไปเรียนเมืองนอก
รางวัลของเด็กดีบางบ้าน = เรียนจบแล้วทางบ้านเฉลยว่ามีภาระหนี้สิน ได้เงินเดือนเท่าไหร่ แบ่งมาช่วยผ่อนจ่ายต่อด้วย

147 Nameless Fanboi Posted ID:iRnD9.+kof

>>146 ส่งไปนอกเพื่อให้พึ่งตัวเองไง เส้นสายพ่อแม่ช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก ก็ต้องระวังตัวมากขึ้น

148 Nameless Fanboi Posted ID:4AvVs0FyLo

ใช่ครับ ที่มีคนบอกว่าแม้จะมีคนลงชื่อเป็นล้านก็ไม่มีผลทางกฎหมายหากรัฐสภาไม่ผ่านให้ แต่ผมขอบอกว่าคนเป็นล้านลงชื่อเสนอกฎหมายแล้วถูกปัดตก มีผลทางการเมืองแน่นอนและมากด้วยน่ะครับ #ส่องทวิตยามเช้า

149 Nameless Fanboi Posted ID:4AvVs0FyLo

อยู่ไทย ถ้าไม่มีเงินเก็บเผื่อแก่ ชีวิตจะลำบากทีเดียว คน gen Y เป็นต้นไปคือเก็บเผื่อ nursing home ไม่ได้หวังพึ่งลูกหลาน และใครที่ยังมีผู้ปกครอง boomers ที่ no idea เรื่อง nursing home คือเตรียมเงินเผื่อค่า รพ. หรือ day care สำหรับผู้ปกครองไปเลยจ้า เพราะงั้นถึงต้องหาเงินรัวๆไงล่ะ!

150 Nameless Fanboi Posted ID:fM/53Ahg1Y

อาจารย์โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร เปิดตัวชัดเจนว่า สนับสนุนและทำงานให้กับ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมทั้งดีเฟนด์ให้ในเรื่องต่างๆมากมาย

แต่เรื่องหนึ่งที่ อาจารย์โกร่งไม่เห็นด้วย และคัดค้านมาตลอด คือโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร

รวมทั้งเตือนด้วยว่ารัฐบาลจะพัง เพราะโครงการจำนำข้าว

แน่นอนว่าเราไม่เห็นคนอย่างนี้ ที่อยู่แวดล้อมคุณทักษิณชินวัตรซักเท่าไหร่

151 Nameless Fanboi Posted ID:S.wB9Y.r8U

>>150 ในทางกลับกัน คนที่อยู่รอบๆ ตู่ ที่กล้าเตือนอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ก็ไม่มีเหมือนกัน เอาจริงๆ คือคนแบบนี้หายากนะ กล้าเตือนพวกๆ กันอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเตือนส่วนตัวไมไ่ด้ก็เมนท์ผ่านสื่อเลย กระทุ้งแรงๆ

152 Nameless Fanboi Posted ID:S.wB9Y.r8U

https://tdri.or.th/2021/11/interview-dr-veerapong บทความปี 57 นะ

- จารย์โกร่งเสนอให้ภาคกลางเลิกปลูกข้าว และให้อีสานปลูกเป็นหลักเพราะอีสานปลูกหอมมะลิขายได้แพงกว่า (แล้วภาคกลางจะปลูกอะไรดี)
- จารย์โกร่งบอกว่าคนไทยที่ทำงานไม่มีจน คนจนคือคนที่ทำงานไม่ได้ (ป่วย แก่ พิการ หรืออยู่ห่างไกลทุรกันดาร) ถ้ารัฐจะช่วยคนจนก็ต้องช่วยให้ตรงจุดเฉพาะกลุุ่ม และบอกว่าการสนใจความแตกต่างด้านรายได้มันตกยุคแล้ว ให้สนใจความต่างด้านคุณภาพชีวิตดีกว่า

153 Nameless Fanboi Posted ID:xPUuepWtVe

>>151 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ระบบที่ชาติชายวางไว้โอเคสุดแล้วมั้ง ตั้งเป็นทีมที่ปรึกษาไปเลย นโยบายไม่ได้ออกมาจากคนๆเดียว

154 Nameless Fanboi Posted ID:JmAg2GxIyo

>>153 ชาติชายก็โดนรปหไง เหมือนรปหเฉยๆด้วยป่ะ ไม่ต้องมีจัดฉากม้อบตูมตามแบบ49 57

155 Nameless Fanboi Posted ID:S.wB9Y.r8U

>>154 มีการประโคมข่าวมาก่อนแล้วว่ามีการทุจริตกันมโหฬาร เรียกรัฐบาลชาติชายว่าบุฟเฟต์คาบิเน็ต

156 Nameless Fanboi Posted ID:MXCyz3il6g

>>155 แล้วโกงจริงปะวะ หรือท่านผู้นั้นไม่ปลื้มเลยเจอเชือดแบบแม้ว คือกูเกิดไม่ทัน

157 Nameless Fanboi Posted ID:oUy9.WZpyH

>>156 ตัวอย่างสั้นๆ โฮปเวลเกิดสมัยนี้ละ มึงว่าโกงไม่โกง

158 Nameless Fanboi Posted ID:S.wB9Y.r8U

กูว่านะ เรื่องโกงเรื่องส่วนต่างเรื่องเอื้อประโยชน์พวกพ้อง อาจต้องทำใจยอมรับกันจริงๆ ละมั้ง ดูมาหลายรัฐบาล บอกเลยว่ากูคือคนที่ไม่ชอบแม้วนะ ร่วมกับเหลืองแป๊ะลิ้มตลอด รวมถึงนิรโทษกรรม กปปส. ด้วย (อันหลังนี่กูอยู่ม้อบแค่ยิ่งลักษณ์ยุบสภา หลังจากนั้นก็ไม่เอาด้วยละ) แต่พออายุมากขึ้น ได้รู้ได้เห็นอะไรมากขึ้น บอกเลยแม่งซึมลึกไปหมดแหละตั้งแต่ท้องถิ่นยันประเทศ ตอนนี้กูช่างแม่งละ แม้วจะกลับมาอีกครั้งกูไม่สนแล้ว ถ้าแม่งกลับมาแล้วทำให้คนทั่วๆ ไปชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่แบบตู่และองคาพยพ เข้ามานอกจากจะไม่ทำให้คนหาเช้ากินค่ำกินอิ่มนอนหลับแล้วข่าวเรื่องเล่นพรรคเล่นพวก มีส่วนต่างนั่นนี่แม่งไม่ต่างจากแม้วเลย เผลอๆ ยิ่งกว่าอีก แน่นอน ปชป. ก็ด้วย คือไม่ว่าใครจะมีชาติกำเนิดยังไง เป็นผู้ดี เป็นรากหญ้า พอมาแวดวงการเมือง-ราชการหน่อยแม่งมีตรงนี้กันหมดอะไม่มากก็น้อย สำคัญคือกินแล้วกระจายส่วนแบ่งในภาพรวมแค่ไหน ถ้ากินส่วนหนึ่งแต่ส่วนใหญ่กระจายเป็น เรื่องมันก็ไม่แดง แรงต้านก็น้อย แค่นั้นจริงๆ

นี่ละมั้งที่มีคนบอกว่าพรรคส้มมันเป็น Alien Species และคนที่ต้องการสังคมโปร่งใสไร้คอร์รัปชั่นควรไปอยู่ประเทศอื่น

159 Nameless Fanboi Posted ID:cI1xWO36pw

>>157 หน้าที่ตรวจสอบหนังสือสัญญาของรัฐก่อนลงนามเป็นของหน่วยงานไหนน้า

ไม่กำหนดวันส่งมอบนี่ เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่เลิกทำอีกนะ

160 Nameless Fanboi Posted ID:oUy9.WZpyH

>>159 ระดับรมต.ไม่เอาด้วยก็เล่นแง่แบบนั้นไม่ได้หรอก สมัยนี้ก็เหมือนกัน

161 Nameless Fanboi Posted ID:NOU2tTy3F8

ดราม่าเหยียดอีสานนี่
1.รสนิยมการปั่นมันห่วย ไม่ตลกเท่าไหร่
2.ทนายอีสานโง่ อ้างกฎหมายอะไรของมึง เลอะเทอะ โดยทุจริตแปลว่าอะไรมึงยังไม่รู้เลย จบที่ไหนวะ
3.คนอิสานที่เดือดร้อน ก็โง่ แทนที่จะปล่อยพวกแม่งเป็นตัวตลก ก็ไปเป็นตัวตลกให้พวกมัน
สรุปตัวกูดีสุด
#มิตร

162 Nameless Fanboi Posted ID:rlKPHG1IfS

https://youtu.be/Z6NmC0_fXNE
ไอเด็กนั่นที่เหยียดอิสานมันสำนึกผิดรึยังวะ หรือต้องให้ทำอย่างอื่นต่อดี

163 Nameless Fanboi Posted ID:rp1f6gwRU0

โกงพลิกเกม ตอนนี้แทบไม่มีรอบฉายแล้ว โดยรายได้ครั้งสุดท้ายที่เห็นใน box office คือแค่หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาท เหตุที่ฉันพูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันเป็นหนังค่าย "ไฟว์สตาร์"
ซึ่งตั้งแต่ปี 2554 ไฟว์สตาร์เปลี่ยนมาทำ "หนังผี" อย่างเดียว ไม่ทำแนวอื่นเลย เช่น 407เที่ยวบินผี, ตีสาม, ตีสามคืนสาม, ตีสามaftershock, จิตสัมผัส, มอญซ่อนผี, เกมปลุกผี, โอที ผีโอเวอร์ไทม์, เรื่องผีมีอยู่ว่า, พี่นาค1 พี่นาค2
จนมาปีนี้ ไฟว์สตาร์ตัดสินใจลองกลับมาทำหนัง "แนวอื่น" อีกครั้ง ที่ไม่ใช่หนังผี แล้วผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เห็น ซึ่งน่าสงสารมากอ่ะ สงสัยไฟว์สตาร์คงต้องกลับไปทำหนังผีตามเดิมแล้วล่ะ

ปล.ในอดีต ไฟว์สตาร์เป็นค่ายหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยนะ เปรียบได้กับ GDH ในยุคนี้ โดยผลิตหนังหลากหลายแนวมาก และส่วนใหญ่ก็เป็นหนังระดับตำนานของไทย

164 Nameless Fanboi Posted ID:xPUuepWtVe

>>163 ขนาดหนังฟอร์มใหญ่ยังไม่ถึง 50 ล้านเลยนะ สภาพโรงหนังช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนดูจริงๆ

165 Nameless Fanboi Posted ID:JOOyFQhDck

>>163 trailer ไม่เห็นมีไรน่าติดตามให้ดูเลย ค่ายตกยุคแล้วก็ยุบกองไปเถอะ

166 Nameless Fanboi Posted ID:AUpyNwVvoF

>>161 แต่สไตล์การปั่นแบบนี้ กูเห็นปุ๊ปนึกถึงโม่งเลยนะ เหมือนกันเปี๊ยบ กูเผลอคิดไปแล้วด้วยซ้ำว่าเด็กเหี้ยพวกนั้นมันมาจากโม่งป่าววะ 55555

167 Nameless Fanboi Posted ID:RYMee/AhWK

>>161 https://www.facebook.com/groups/therefugeofbyou/permalink/419042602937203/
เอาตรงแม่งฮาอยู่นะ แม่งเหมือนโทรลshitpost แบบปั่นมั่วๆโยงยุคซีเตเซียดเหี้ยไรไม่ไรู้ คือรู้เลยว่าแม่งปั่นเอาสนุก ซึ่งจริงที่การปั่นบ้าๆบอๆพวกนี้แม่งมีพวกboomerอารมณ์ขึ้นกับอะไรควายๆนี่แม่งโครตลดศักดิ์ศรีในตัวเองเลยแบบไอทนายนั่น ซึ่งตอนแรกกูมองว่าไม่ควรให้ค่าแก๊งค์นี้ไปขึ้นรายการหรืออกสื่อหว่ะ แต่กูเพิ่งรู้ความส้นตีนของสื่อไทยสามารถทําให้กลุ่มเหี้ยนี้ดูกลายเป็นพวกเลวสัสๆ การขึ้นรายการได้ก็ดีเหมือนกัน แล้วพวกโทรลอิสานตามเน็ตก็เงียบๆไปด้วย5555555555
บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า โทรลอะไรเพื่อความสนุกควรเหยียดทุกชาติพันธุ์อย่างเท่าเทียมครัช และไม่ควรเล่นมุกโทรลซํ้าๆเพราะแม่งไม่ฮา น่าเบื่อ ไม่โทรลracist มึงก็ไม่โทรลrightist leftist แทนครับ
สุดท้ายนี้โทรลจอร์จ ฟรอย ไม่ผิดครับ เพราะแม่งเป็นอาชญากร I can’t breathe yamete!😭

168 Nameless Fanboi Posted ID:RYMee/AhWK

>>166 ไม่หรอกมีทั่วไปหลากหลายกลุ่ม อย่างในเฟซแม่งมีกลุ่มเบียวคือแม่งเป็นกลุ่มที่ทําตัวสวนกระแสชาวร่า นwoke เลยเล่นมุกเล่นมีมracist sexist บ้างเพื่อประชดสังคม //หรือบางคนหม่อนเพิ่งขึ้นโดนความเบียวครอบงํากลายเป็นextremist rightistจริงๆ แล้วกลุ่มแบบเบียวแม่งมีย่อยไปอีกหลายกลุ่ม บางทีพวกมีม ข้นอิสาน ก็ไม่ได้เหยียดด้วย คือมันล้อstreotypeทุกภาคอ่ะแหละมีมาตั้งนานละ แต่กูไปฟังในคลับเฮาส์บางคนมองว่าเหยียด5555555 แบบว่าคําว่า ข้นอีสาน คือมันเรียกกันแบบเอนดูหว่ะ แบบกรณีห อ ม เลย…
มีหลายกลุ่มครัชไม่ใช่โม่งหรอก โม่งแม้มันจะเหี้ยแต่ก็ไม่เหี้ยเท่า4Chan555555555555555

169 Nameless Fanboi Posted ID:KXK1sSJJJe

>>166 เออ กูนึกว่าจะไม่มีคนพูดซะแล้ว555 โคตรเหมือนไอ้โม่งด่าคนอีสานที่มาเป็นพักๆอ่ะ ถ้าในCHมีคนเดียว กูจะนึกว่าแม่งคือไอ้โม่งนั่นแน่นอน นี่เสือกมีหลายคนทฤษฎีนี้เลยตกไป

170 Nameless Fanboi Posted ID:8cTi8WB95o

เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าเข้าใจว่าอีสานไม่มีอยู่จริงอ่ะ เป็นวาทกรรมของตระกูลมอญปนเจ๊กที่ต้องการรวมล้านช้างกับเขมรเข้าเป็นส่วนนึงของตนเอง

171 Nameless Fanboi Posted ID:XOxm/bWCxF

ttps://www.silpa-mag.com/culture/article_10095 เรื่องของอีสาน

172 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>170 ภาค/มณฑลอีสานมีอยู่จริงนะ แต่คนอีสานจริงๆ คือคนลาวแค่นั้นละ

173 Nameless Fanboi Posted ID:Tt1yOXmTKF

>>172 เดิมทีก็มีแต่ลาวเฉียง ลาวกาว ลาวกลาง ลาวพวน
มาเปลี่ยนชื่อเรียกตามทิศเพื่อทำลายความเป็นลาว กลืนความเป็นท้องถิ่น (ดูง่ายๆว่ามณฑลเทศาภิบาลที่เป็น”สยาม”แท้ๆตั้งชื่อมณฑลตามเมืองเอก)

174 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>173 อ่านอันนี้ชัดดี

กูคิดว่าการรื้อฟื้นตำแหน่ง/หน้าที่อุปราชภาคก็ไม่เลวนะ เพราะถ้าแบ่งแต่ละจังหวัดมันพัฒนายาก แต่ถ้ารวมเป็นภาคไปเลยน่าจะพัฒนาไปทางเดียวกันได้ง่ายกว่า

https://www.silpa-mag.com/history/article_36069

175 Nameless Fanboi Posted ID:XOxm/bWCxF

>>174 จีนเรียกผู้ว่าการมณฑล แต่กูว่ามันใหญ่ไป ถ้าจะกระจายอำนาจ ยังไงก็ไม่ควรเกินจังหวัดน่ะ ไม่งั้นความผูกพันกับพื้นที่มันไม่มีเพราะกว้างไป

176 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>175 กูมองว่างบรายจังหวัดของไทยมันน้อยเกินไปนะ เอาทั้งภาคมาถัวเฉลี่ยถึงจะทำไรได้บ้าง

การกระจายการปกครองหลักการพื้นฐานอยู่ที่การให้ท้องถิ่นเก็บภาษีเพื่อท้องถิ่นเอง ของไทยเอาทุกอย่างเข้ากรุงเทพก่อนกระจายออกมา ถ้าปรับใหม่ให้แต่ละจังหวัดได้เท่าที่เก็บได้ แล้วส่งเข้าส่วนกลางตามโควต้า จังหวัดเหนือกับอีสานน่าจะตายกันครึ่งภาคเลยมั้ง

177 Nameless Fanboi Posted ID:XOxm/bWCxF

>>176 ที่ผ่านมาก็เรียกร้องกันประมาณนั้นละ อารมณ์ 50/50 ส่งกลาง 50 เก็บไว้เอง 50 พวกจังหวัดอุตสาหกรรมหรือเมืองท่องเที่ยวน่าจะรอด แต่พวกจังหวัดเล็กๆ เมืองรองๆ เนี่ยจะตายเอา

178 Nameless Fanboi Posted ID:Tt1yOXmTKF

>>174 ให้แก้ชื่อมณฑลเพราะชาวเมืองเป็นชนชาติไทยไม่ใช่ลาว
also ยังเรียกเมียและลูกตัวเองเป็น”ลาว”อยู่

179 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>177 กูถึงคิดว่าถัวทั้งภาคถึงจะอยู่ได้ไง

>>178 ชาวเมืองในที่นี้คือเมืองไหน

180 Nameless Fanboi Posted ID:Tt1yOXmTKF

>>179 “…จึงถือว่าเมืองชายพระราชอาณาเขต มณฑลนั้นเป็นเมืองลาว และเรียกชาวเมืองซึ่งอันที่จริงเป็นชนชาติไทยว่าลาว”

“ จึงโปรดเกล้าฯ ประกาศให้เรียกชื่อตามทิศและตามพื้นที่ ให้เป็นระเบียบเดียวกัน“

181 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>180 กูอ่านแล้วสงสัยตรงนั้นละ ตกลงมันเป็นคนลาวหรือคนไทย เพราะกูกับมึงก็เห็นตรงกันว่าคนอีสานเป็นลาว แล้วถูกเรียกว่าไทยตอนรวมชาติ แต่ในนั้นบอกว่าเป็นคนเชื้อชาติไทยแต่ถูกเรียกว่าลาวแทน

182 Nameless Fanboi Posted ID:Tt1yOXmTKF

>>181 เจ้าของประกาศยังเรียกเมียตัวเองที่มาจากเมืองพวกนั้น และลูกตัวเองที่เกิดจากเมียคนนั้นว่าลาวอยู่ ก็คิดดูละกัน

เปลี่ยนชื่อเพื่อกลืนชาติ บอกว่าไม่มีหรอกลาว คนไทยทั้งนั้น แต่ที่จริงก็ยังเหยียดอยู่ดี

183 Nameless Fanboi Posted ID:KXK1sSJJJe

>>182 พวกหลักการอะไรที่พวกนั้นแม่งสอน คือโคตรปลอมทุกอย่างอ่ะ ถ้าอ่านดีๆก็จะเจอความย้อนแย้ง เหมือนมันสร้างมาหลวมๆเพื่อรวมอำนาจเข้าหาตัวเองก็แค่นั้น

184 Nameless Fanboi Posted ID:EMKtms7J5e

>ประมาณ พ.ศ. 2106 พระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (กรุงเวียงจันทน์)[5] ได้นำผู้คนอพยพจากหลวงพระบางและเวียงจันทร์มาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในปีพ.ศ. 2106 หลังจากที่สร้างเมืองเวียงจันทร์ในปีพ.ศ. 2103 และก็อยู่ในระหว่างการสร้างพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งภาคอีสานก็อยู่ในเขตอาณาจักรล้านช้าง ดังหลักฐานที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกและได้สร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ในวัดถ้ำสวรรณคูหา อำเภอสุวรรณคูหา และนำไพร่พลมาบูรณะสร้างบ้านสร้างสาเมืองนครหนองบัวลุ่มภูขึ้นใหม่อีกครั้งที่ริมหนองบัว (หนองซำซ้าง) ซึ่งเป็นเมืองเก่าสมัยขอมเรืองอำนาจ พระไชยเชษฐาธิราชได้สร้างพระพุทธรูป วิหาร และขุดบ่อน้ำในบริเวณวัดศรีคูณเมือง[6] และยกฐานะเป็นเมือง "เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน" มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเวียงจันทน์ คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ้งปัจจุบันเรียกเพี้ยนมาว่าหนองบัวลำภูถือว่าเป็นเมืองเอกล้านช้างตะวันตกของอาณาจักรล้านช้าง

185 Nameless Fanboi Posted ID:9gJEoiVryJ

>>182 งั้นก็ไม่ใช่ชนชาติไทยแบบที่มึงบอก>>178

186 Nameless Fanboi Posted ID:QcDwM+Rdy.

เรื่องแจกเงินเด็กคนละ 10 ใบ คนไม่ลำบากมันก็คือไม่ลำบากจริงๆ แต่สำหรับบางคนที่เขาไม่ได้เป็นพนักงานประจำ อันนี้โครตลำบาก มีปัญหาบริษัทจะเอาคนพวกนี้ออกก่อนเลย

แล้วญี่ปุ่นระบบห่วยเรื่องที่ให้ผู้หญิงกลับไปทำงาน เราไปสัมภาษณ์ทำพาสไทม์ พอมีลูกเขาก็ไม่อยากรับ เออ.. จริงนะ เวลาลูกไม่สบายที 1-2 อาทิตย์ โรงเรียนอนุบาลหยุดไม่ตรงปฏิทินอีก

แต่ก็น่าสงสารอย่างนึง ไม่ว่าญี่ปุ่นหรือต่างชาติต่างก็รุมกินโต๊ะเงินช่วยเหลือทุกด้าน เวลาตรวจสอบเลยนาน อย่างน้อย 3-4 เดือนเป็นอย่างต่ำ เช่นประกันการทำงาน กว่าจะจ่ายรอจนเหงือกแห้ง คนต้องกิน 3 มื้อ คิดดูสำหรับคนไม่มีลำบากขนาดไหน

ญี่เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่เงินช่วยเหลือสนับสนุนบุตรน้อยมากเมื่อเทียบกับยุโรปหรือเยอรมัน ต่างกัน 3-4 เท่าเลยนะ เรียนก็ไม่ฟรีมีแค่จ่ายถูกลง อนุบาลมาจ่ายถูกลงตอนปี 2020 นี้เองมั้ง จากเดือน 3-5 หมื่นเยนมาจ่ายเดือนละหลักพันเยน

ค่าแรกเข้าแบบไม่มีเครื่องแบบพึ่งจ่ายไป 133,000 เยน ไม่รวมเสื้อพละ กระเป๋า หมวก

จริงๆระบบเข้าเนิสเซอรี่ไม่ควรจะยุ่งยาก แต่นี่แย่งกันเข้าประนึงแจกทอง กรอกเอกสารวุ่นวาย เข้าใจนะสถานรองรับมีจำกัด แต่ค่าจ้างถูกไปหรือเปล่า… ลูก 2 คนยังปวดประสาท เเต่ครูคนนึงดูแลเด็ก 20-30 คน

ดูสารคดี NHK เด็กตกหล่นไม่ได้เรียนโรงเรียนมอปลายเยอะมาก เพราะค่าเทอมแพง จ่ายเอง ปีนึง 50-100 ใบ เด็กมานั่งร้องไห้ปรึกษาครูเรื่องค่าเทอม 70 ใบ บางโรงเรียนก็ไม่อนุญาตให้เด็กทำงาน โครตน่าสงสาร มหาลัยไม่ต้องถามถึง

Nikei japan ทำรายงานเรื่องการเรียนมหาลัยสาย Stem ที่ลดลงทุกปี มีนักศึกษาสำเร็จสายนี้น้อยกว่าประเทศรัสเซียเสียอีก ส่วนประเทศที่เหลือเฟือก็คือ จีน อินเดีย อเมริกา ปีหน้าคาดว่าญี่ปุ่นจะขาดแคลนแรงงานถึง 2-3 แสนอัตราเฉพาะงาน IT ไม่มีคนทำก็นำเข้า

ให้ดูอีก 10-20 ปีข้างหน้าเหมือนอเมริกาที่หัวดำได้ทำงานดีๆ เป็นเจ้าของร้านขายยา ปั้มน้ำมัน จนเกิดการเหยียดเชื้อชาติหาว่ามาแย่งงานนั่นแหละ ทุกอย่างมาจากระบบทั้งนั้น การเข้าถึงการศึกษาที่ต้องจ่ายแพง พอไม่มีวุฒิป.ตรี ก็สู้เอเชียอย่างจีน อินเดียไม่ได้ไง

ญี่ปุ่นระบบต่างๆ ไม่เอื้อให้มีลูกเป็น 4-5 คนได้เลย แค่คนเดียวสองคนก็เต็มที่ละ เศรษฐีก็พากันเลี้ยงหมา…

ภาษีจะขึ้น ค่าครองชีพจะแพงขึ้นก็จ่ายเด็กที่อายุ 3 ขวบหมื่นเยน 4 เดือนจ่าย 1 ครั้ง ลูกสองคนได้ 8 ใบ 🤣

แม่บ้านญี่ปุ่นถึงเป็นแม่บ้านกันเป็นสิบๆ ปี ได้ผัวดีก็ดีไป ผัวไม่ดีก็อย่างว่า โครตจะลำบากกกกกกก เงินช่วยเหลือก็ไม่ถึงลูก ถึงเครียดฆ่าลูก โดดตึกกันไง

รัฐต้องผลักดันให้แม่ลูกอ่อนกลับไปทำงาน ไม่ก็ไนโชคุ แกอันนี้ก็เรื่องมาก บางงานต้องกำหนดว่ามีลิฟต์ถึงจะทำได้ 😂 ปวดประสาท

ภาษีก็ส่วนเรื่องภาษี สวัสดิการก็ส่วนสวัสดิการ จ่ายมากน้อยก็คือจ่ายนั่นแหละ ตามฐานเงินเดือน ไม่มีลูกก็มีมาตรการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ก็ว่ากันไป

ถ้าไม่แก้เรื่องระบบเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบหลายอย่าง ไปดูหลายประเทศที่ต่างชาติเข้าไปอยู่มากๆ

小岩 นี่เห็นได้ชัด ราคาบ้านดีดไปไกล แมนชั่นใหม่ขายที่ราคา 1.5 โอคุเอนจ้า เจ้ารู้จักนักปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ในตำนานบ่ การหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย

ญี่ปุ่นยังเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขี้เกียจเหลา เหลาก็จะว่าเอามาขาย ใครจะรู้เรื่องภาษีได้ดีเท่าคนญี่ปุ่น
ต่างด้าวก็จ้างญี่ปุ่นนี่แหละทำบัญชี….ตัดทุกเม็ด ลดทุกดอก มีแต่ซารารี่แมนจนๆเท่านั้นแหละ ที่หลบเลี่ยงยาก

บางอย่างก็ขยายเพดานมากเกินไป อย่างการแลกเงิน แลกได้ 3,000 ใบต่อเดือนถือว่าไม่ผิด….. 😂 ถามย้ำหลายรอบเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ว่า 3 เซนมัง อีหลี คักกกกกกกกกกแท้ !!!

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

187 Nameless Fanboi Posted ID:pyQ.97/.qq

รัฐประหาร 2490 มีนัยสำคัญ ล้างประชาธิปไตยคณะราษฎร ฟื้น "พระราชอำนาจ"
ผ่านการสั่งสมหลายสิบปี สฤษดิ์โค่นล้มจอมพล ป. สฤษดิ์เชิดชู จนเกิด 14 ตุลาล้มถนอมประภาส เกิด 6 ตุลา แล้วสถาปนาประชาธิปไตยครึ่งใบ ฯลฯ
ระบอบประชาธิปไตยใต้อำนาจนำก็เบ่งบานใน Bhumibol Consensus
:
จนเกิดวิกฤติ พรรคการเมืองจากเลือกตั้งมีอำนาจมากจากรัฐธรรมนูญ 2540
รัฐประหาร 2549 เสียของ เข้าสู่ช่วง "้เปลี่ยนผ่าน" พอดี
จึงต้องเกิดรัฐประหาร 2557 "เข้ามาประกันในช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัย"
มีการ "แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมาย ตลอดจนแนวทางปฏิบัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระบอบการปกครองมีแนวโน้มหันเหออกจากระบอบ constitutional monarchy กลายเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงมากขึ้น"

188 Nameless Fanboi Posted ID:HWhwR2Wao7

กระทืบเฟมทวิตไม่บาป

189 Nameless Fanboi Posted ID:YbBguN2zoA

# สรุปข่าวช่วงเช้าถัดไป (10/11/2021) Pew Research Center ได้ทำการแบ่งประเภทผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันออกเป็น 9 กลุ่ม

# **ฝ่ายขวา **

1.FLAG AND FAITH CONSERVATIVES
* กลุ่มนี้เป็นพวกที่มีความอนุรักษ์นิยมแบบเข้มข้นในทุกๆมิติมีจำนวน 23 % จากจำนวนคนที่สังกัดกลุ่มริพับลิกันและอิสระ
* ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกคนขาวและคริสเตียน
* เชื่อว่ารัฐบาลควรจะสนับสนุนค่านิยมทางศาสนา
* ปฎิเสธการประนีประนอมทางการเมือง
* พวกเขาส่วนใหญ่เชื่อว่า ทรัมป์นั้นเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งปี 2020
* 79 % ของกลุ่มนี้เชื่อว่ามีการให้ความสนใจมากเกินไปในเหตุการณ์บุกตึกรัฐสภา

2.COMMITTED CONSERVATIVES
* คล้ายๆกับกลุ่ม' flag and faith conservatives' แต่มีท่าทีอ่อนนุ่มลงมาหน่อยมีจำนวน 15 % จากจำนวนคนที่สังกัดกลุ่มริพับลิกันและอิสระ
* เป็นผู้สนับสนุนธุรกิจและรัฐบาลขนาดเล็ก
* สนับสนุนการประนีประนอมทางด้านการอพยพ
* เชื่อว่าอเมริกาควรจะให้ความาสำคัญกับความสัมพันธ์กับพันธมิตรต่างชาติ
* โหวตให้ทรัมป์แต่ไม่ได้กระตือรือร้นเกี่ยวกับทรัมป์มากนัก
* อันดับ 1 ในใจ คือ เรแกน

3.POPULIST RIGHT
* กลุ่มนี้มีการศึกษาที่น้อยกว่ากลุ่มอื่นๆที่อยู่ฝั่งเดียวกันโดยสมาชิกนั้นอยู่ในชุมชนชนบทมีจำนวน 23 % จากจำนวนคนที่สังกัดกลุ่มริพับลิกันและอิสระ
* วิจารณ์นโยบายการอพยพคนเข้าเมืองของอเมริกาและบริษัทอเมริกัน
* เขาเชื่อว่า ระบบเศรษฐกิจอเมริกานั้นสนับสนุนบรรดาผู้มอำนาจ
* พวกเขาเชื่อว่าภาษีควรถูกเก็บให้สูงขึ้นโดยเก็บกับผู้มีรายได้มากกว่า 400000 ดอลลาร์
* 81 % ของกลุ่มนี้ต้องการให้ทรัมป์ยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองต่อไป

4.AMBIVALENT RIGHT
* เป็นกลุ่มที่อายุน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มประเภทเดียวกัน
* ยึดความเห็นอนุรักษ์นิยมแบบดั่งเดิมในประเด็นต่างๆไม่ว่าจะเป็น ชื่นชอบรัฐบาลขนาดเล็ก ระบบเศรษฐกิจ เชื้อชาติและเพศ
* สนับสนุนการทำให้กัญชา การทำแท้งและแต่งงานเพศเดียวกันถูกกฎหมาย
* 63 % ของกลุ่มนี้ไม่ต้องการให้ทรัมป์กลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในริกับลิกัน

# ฝ่ายซ้าย

5.PROGRESSIVE LEFT
* ส่วนใหญ่เป็นพวกคนขาวจากเดโมแครตมีจำนวน 12 % จากจำนวนคนที่สังกัดเดโมแครตและอิสระ
* เป็นพวกที่มีมุมมองแบบริเบอรัลสูงสุดในทุกประเด็น
* สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงความไม่ยุติธรรมทางเชื้อชาติ
* ต้องการให้มีการขยายตัวครั้งใหญ่ของเครือข่ายความปลอดภัยทางด้านสังคม
* เป็นกลุ่มทีมีความกระตือรือร้นมากที่สุดในบรรดาเดโมแครตทั้งหมด

6.ESTABLISHMENT LIBERALS
* เป็นพวกลิเบอรัลแต่ไม่ได้ต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่งมีจำนวน 23 % จากจำนวนคนที่สังกัดเดโมแครตและอิสระ
* สนับสนุนการยึดถือนโยบายแนวเดิมและการประนีประนอมทางการเมือง
* ส่วนใหญ่เชื่อว่า พรรรคควรจะเปิดให้คนอื่นๆที่เชื่อในมุมมองของริพับลิกันได้มีส่วนร่วมในบางประเด็น

7.DEMOCRATIC MAINSTAYS
* กลุ่มเดโมแครตที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นกลุ่มที่มีความสายกลางมากกว่ากุ่มอื่นๆในบางประเด็นมีจำนวน 28 % จากจำนวนคนที่สังกัดเดโมแครตและอิสระ (มีจำนวนคนดำ 41 %)
* เรียกตัวเองว่า เป็นพวกสายกลางทางการเมือง
* มีมุมมองแบบลิเบอรัล มองการอพยพผิดกฎหมายเป็นปัญหาใหญ่
* สนับสนุนกองทัพ

8.OUTSIDER LEFT
* กลุ่มที่อายุน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มเดโมแครตมีจำนวน 16 % จากจำนวนคนที่สังกัดเดโมแครตและอิสระ
* สนับสนุนไบเด้นแต่ไม่พอใจในระบบการเมืองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะประเด็นเชื้อชาติ สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงและการอพยพ
* มองตัวเองว่าเป็นกลุ่มอิสระทางการเมือง
* ไม่ได้เลือกคนโดยดูว่าคนที่เลือกเข้าไปนั้นพึ่งพาได้หรือเปล่าแต่จะเลือกเพราะเป็นเดโมแครต

# กลุ่มพิเศษ

9.STRESSED SIDELINERS

* มีจำนวน 15 % ของประชากรอเมริกันทั้งหมดแต่มีจำนวน 10 % ของบรรดาผุ้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด
* มีมุมมองแบบผสมผสานทั้งอนุรักษ์นิยมและลิเบอรัล
* ชอบเศรษฐกิจแบบลิเบอรัลและสังคมแบบอนุรักษ์นิยม
* เน้นหนักไปที่ด้านเศรษฐกิจเป็นพิเศา
* ไม่สนใจการเมือง
* กลุ่มนี้จำนวน 45 % ได้ทำการเลือกตั้งปี 2020 โดยมีอยู่ครึ่งนึงที่เลือกไบเด้น
https://www.dailymail.co.uk/news/article-10183647/Americas-NINE-political-tribes-according-Pew-Research.html

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

190 Nameless Fanboi Posted ID:/FpQzfL4mt

“เจ้าแผ่นดินว่าเราเป็นกบฏแล้ว เราจะทำตามรับสั่ง”

มิตรสหายไม้จันทร์ท่อนหนึ่ง

191 Nameless Fanboi Posted ID:Q9xFx4jP8g

ผมพึ่งเข้าสู่วงการเจ้านายชิคๆได้ไม่นาน วันก่อนมีสื่อมาสัมภาษณ์ผมลงคอนเทนต์ในเฟสบุค ผมเลยนำโพสไปอวดต้นกล้า เซียนการทำงานประจำออฟฟิศ

"ต้นกล้าๆ กูพึ่งได้สัมภาษณ์ลงสื่อชั้นนำมา ถ้ากูแชร์ลงเฟสบุคตัวเอง กูต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่นแน่ๆ"

"เอาเป็นว่า ผมยังไม่เห็นโพสนั้นหรอกนะ แต่ผมคะเนว่า พี่โพสท่าจับคางครุ่นคิด ใส่เสื้อยืด ทับด้วย blazer และสวมรองเท้า common projects สีขาวอยู่แน่ๆ การแต่งกายดังกล่าว พี่คงคิดว่า มันจะประกอบสร้างให้พี่ดูเป็นเจ้านายรุ่นใหม่ ทันโลก และไม่คร่ำครึสินะ"

"ระ รู้ได้ไง"

"เฮอะ เดาไว้ไม่พลาด คาดไว้ไม่ผิด คิดไว้ไม่เพี้ยน พี่มันก็แค่คนตำแหน่งสูง แต่พี่ไม่ใช่ leader ที่แท้จริง ทั้งวัน พี่คงหมดไปกับการอ่าน article ต่างประเทศใน ipad mini และฟังพอดแคสใน spotify เพื่อจำเอา buzz word แนวๆ digital transformation, framework หรือ vertical integration มาพ่นในงานสัมมนาเพื่อให้ตัวเองดูฉลาด แต่ไม่เคยลงมือเคี่ยวกรำกับพนักงานในระดับ operational level สักครั้ง แต่ครั้นที่งานประสบความสำเร็จ พี่ก็ปรี่เข้ามาเทคเครดิต แล้วก็บอกว่า โปรเจ็คนี้อยู่ภายใต้การคุม direction ของผม น่าสมเพชสิ้นดี หยาดเหงื่อไม่เคยให้ หลงไหลแต่เสียงชื่นชมโสมนัส"

"ตะ ตะ แต่กูก็เข้าประชุมทุกครั้งนะ"

"โฮ่ว เดี๋ยวนี้กล้าดีขนาดนี้เลยเหรอ... การประชุมออนไลน์ที่พี่เข้าประชุมจากรีสอร์ทที่กระบี่ระหว่างช่วง workation ชิคๆของพี่ใช่ไหม พี่ก็แค่คนหยิบหย่งที่เอาคำว่า work life balance มาฉาบเคลือบความเกียจคร้านเท่านั้นเอง ความจอมปลอมของพี่ ผมอ่านหมดแล้ว ผมถามคำนึง พี่เคยเข้าออฟฟิศมาร่วมทุกข์รวมสุขกับน้องๆบ้างไหม หรือมันเป็นแค่พื้นที่ปศุสัตว์ทุนนิยมที่มีพนักงานอย่างพวกผมพำนักอาศัย เพื่อให้พี่ไปเสพความวิไลบนหอคอยงาช้าง ถ้าจำไม่ผิด วันเดียวที่พี่จะเสือกกายหยาบมาที่ออฟฟิศ ก็คือวันที่ได้สัมภาษณ์น้องฝึกงานน่ารักๆ แล้วพี่ทำทำมาดเท่อย่างเปล่ากลวงเท่านั้นเอง"

"มะ ไม่จริง กูก็ลงมือทำงานเหมือนกันนะ"

"เฮอะ ลงมือชั่ววูบเทียน ลงแรงชั่วเวียนธูป แล้วทำมาเสนอหน้าว่างานหนัก งานของพี่มีสามอย่าง หนึ่ง-คือการคิดว่าจะใส่ / อะไรในโปรไฟล์เฟสบุคเพื่อให้ฉันดูเป็นคน well rounded ดี สอง-ไปถ่ายรูปกับ ceo เก่งๆคนอื่นเพื่อเอาคอนเนคชั่น และสาม- ประดิษฐ์เพาเวอร์พอยด์ไปจำอวดคนตำแหน่งสูงกว่า ผมเดาว่า เวลาพี่จะยกเคสอะไรมาพูด ก็เอามาจากแค่ netflix, starbucks, amazon หรือ facebook ใช่ไหม พี่พูดลอยๆแบบที่ไม่รู้ว่าจะเอามา implement กับองค์กรอะไรเสียด้วยซ้ำ พี่มันคน too many powerpoints with no point แท้จริงแล้ว พี่มันรามือจากการลงมือปฏิบัติไปนาน จนลืมวิถีคนทำงานไปแล้ว พี่มันดาบไร้คมตกยุคที่ไม่ relevant กับยุทธจักรยุคใหม่ แต่ยังใคร่อยากในชื่อเสียง วันนี้แหละ ที่ผมจะทำลายภาพมายาบ้าๆนั่น พร้อมทั้งชำระล้างให้พี่ทรมานดั่งต้องเกาทัณฑ์พันดอก"

"ปะ เป็นไปไม่ได้ ต้นกล้า มึงรับงาน advertorial แล้วนี่ มึงต้องทำตัวถูกระเบียบและโพสิทีฟมากขึ้นสิ"

"เขลาเบาปัญญา หาความรู้ก็ขาด หาความปราชญ์ก็พร่อง พี่คิดว่า ทุนนิยมจะหยุดผมได้เหรอ เช่นนั้นแล้ว พี่มันก็แค่เศษเดนชั้นสวะของวงการเท่านั้นเอง"

"กูแค่อยากมีความสุข ทำไมมึงต้องเบียวกูด้วยวะ"

"ผมไม่ได้เบียว แต่ผมเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าที่การงาน"

#จบ #ออกจากวงการ

192 Nameless Fanboi Posted ID:Zoajmh6bqv

>>189 น่าทึ่งดี อ่านข้อ1แล้วยังรู้สึกว่าไปไม่ถึงเลเวลสลิ่่ม

193 Nameless Fanboi Posted ID:YvXYm/wacI

คนสั่งนี่โง่มากตั้งแต่ไปสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว
จริงๆตอนไปยุบพรรคนั่นยังไม่มีอะไรเลยน่ะ ช่วงนั้นธนาธร ปิยบุตร กับพรรคอยู่ในโหมดไม่แตะเรื่อง 112 ไม่แตะเรื่องสถาบันอยู่เลย เป็นการเมืองในสภาแบบปกติ มีแค่ตอนอภิปราย พรก.โอนกำลังพล ที่แตะนิดหน่อยแต่ก็แบบอ้อมสุดๆ จนโดน สมศักดิ์ ด่าอยู่เลยว่าจงใจไม่พูดประเด็นปัญหาสำคัญ

194 Nameless Fanboi Posted ID:EMbFbCOgCM

>>193 แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ เลือกตั้งครั้งหน้าเผลอๆ ลุงอยู่ต่ออีก เพราะเพื่อไทยกับส้มตัดกันเอง ส่วน พปชร. เป็นพรรคที่อยู่ด้วยจุดประสงค์พิเศษ ต่อให้ข้างในขัดแย้งกันยังไงก้ต้องลากกันไปอะ ไม่งั้นธรรมนัสออกไปแล้ว หรือกลุ่มตรงข้ามก็ออกไปแล้ว

195 Nameless Fanboi Posted ID:ebiOYzU9Fo

ทำแบบนี้เหมือนกับราดน้ำมันลงกองไฟเลยนะ ศรน. คุณจะพาประเทศนี้ไปสู่จุดทีผู้คนจะไม่ยอมนั่งคุยกันดีๆอย่างผู้มีอารยะไปอีกก้าวแล้ว
เพราะเค้าไม่เห็นความยุติธรรมที่มีกับฝั่งตรงข้ามผู้ถืออำนาจเลยซักนิด
.
ในขณะที่ คสช ลาก grabtank ลงมาล้มล้างการปกครองได้หน้าตาเฉย แต่ศาลไม่ยอมทำอะไร
แต่กับ ปชช มือเปล่า แค่ปราศัย คุณแทบจะยัดข้อหาเค้าไม่ต่างจากกบฎ
.
โคตรจะไม่แฟร์เลย

196 Nameless Fanboi Posted ID:YvXYm/wacI

ถ้าสมมติว่าผมออกไปตะโกนกลางสี่แยกว่าอยากได้สาธารณรัฐโว้ย มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองปะครับ? เอาจริง 10 หรือ 3 ข้อของคณะราษฎรใหม่นี่ชัดเจนน้อยกว่าที่ผมยกตัวอย่างเสียอีก แล้วก็ความผิดฐานนี้มันเป็นความผิดอาญา แต่ไปศาลรัฐธรรมนูญ? คือม.49 ในรัฐธรรมนูญนี่เป็นมาตราที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ นอกจากการใช้เพื่อบังคับให้ศาลยุติธรรมต้องทำตาม ก็พอเดาได้แหละ มันเป็นศาลเดียวที่จะตัดสินยังไงก็ได้ เพราะถ้าอาญาปุ๊บนี่ไม่มีทางครบองค์ประกอบ โดยเฉพาะข้อ "เล็งเห็นผลสำเร็จ" ปืนก็ไม่มี เงินก็ไม่มี ไม่มีแม้กระทั่งการจัดองค์การ มีแค่ซอยจุ๊ ให้เอาจานตราไก่ไปฟาดหัวมันล้มบ่ การปกครองน่ะ

197 Nameless Fanboi Posted ID:YvXYm/wacI

อ่านคำวินิจฉัยกันเร็ว ๆ อาจทำให้เข้าใจกันไปได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญห้ามรณรงค์ให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หรือห้ามรณรงค์ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ผมคิดว่าไม่ใช่นะครับ

แน่นอนว่าพูดตอนนี้อาจยังเร็วเกินไปเพราะยังไม่ได้เห็นคำวินิจฉัยฉบับเต็ม แต่จาก Press Release ของศาลเราจะเห็นได้ว่าศาลเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นไปโดยมี "เจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์"

ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ศาลยุติธรรม และคดีนี้ไม่ใช่คดีอาญาที่มีการนำสืบพยานกันจนสิ้นข้อสงสัยตามสมควร เราจึงไม่อาจแน่ใจว่าทำไมศาลถึงเชื่อเช่นนั้น และไม่มีประโยชน์ที่จะเอาการตัดสินนี้ไปประเมินหรือยืนยันพฤติกรรมของผู้ถูกร้องทั้งสามว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่

สิ่งที่เราควรต้องยืนยันก็คือการเรียกร้อง และการพูดคุยด้วยความสุจริต บนพื้นฐานของข้อมูลและเหตุผลเพื่อให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบัน อย่างเช่นที่หลาย ๆ คน เป็นสิ่งที่ทำได้ และไม่ได้ต้องห้ามทั้งตามกฎหมาย หรือด้วยคำวินิจฉัยนี้

พรรคการเมืองควรเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มาพูดคุยกัน อย่างเปิดเผยทั้งในรัฐสภา และการเป็นนโยบายเลือกตั้ง สถาบันการศึกษา หรือกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นต่าง ๆ ก็ยังควรพูดคุยเรื่องนี้ต่อไป

คำวินิจฉัยขององค์กรที่มีหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องถูกตีความไปในทางที่ก่อให้เกิดการใช้สิทธิให้ได้กว้างขวางถึงที่สุด ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเฉพาะการกระทำที่มีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์" จะทำไม่ได้ แสดงว่าการกระทำอื่น ๆ การใช้เสรีภาพอื่นยังคงต้องทำได้

พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง หรือกลุ่มผู้มีอำนาจใด จะนำคำวินิจฉัยนี้ไปเป็นบรรทัดฐาน หรือขยายความเพื่อจำกัดสิทธิประชาชนพึงระวังถึงขอบเขตของคำวินิจฉัยนี้ด้วยครับ

198 Nameless Fanboi Posted ID:f0n7RUTu1m

>>197 วินิจฉัยแบบนี้ให้เพจเม็ดแตดเขียนก็ได้มั้ง​ หรือเอาไอ้โตยูนคนร้องเขียนก็ไม่ต่าง​ ​มโนกับอวยแค่2อย่าง​

199 Nameless Fanboi Posted ID:hJaze+pzNg

>>196 ถ้ายืนคนเดียวก็คนบ้า
ถ้าหลายคนก็นอนคุกไปก่อนทำรถติดไอ้สัส

200 Nameless Fanboi Posted ID:+MgvSQ8m7G

ยุคสมัยแห่งสีจิ้นผิง (习近平时代)

มีเรื่องหลายเรื่องที่จะเขียน แต่วันนี้มีประเด็นที่สมควรพูดถึงก่อนคือการสถาปนายุคสมัยแห่งสีจิ้นผิง

สื่อนอกจนีนเรียกว่ามันคือ สีจิ้นผิงสือไต้ (习近平时代)

เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์คนทั่วไปอาจรู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่กับคนจีนแล้วมันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด เพราะมันสามารถชี้นำอนาคตได้

โดยเฉพาะอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่อิงกับสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์" คือการทำความเข้าใจพัฒนาการทางสังคมผ่านประวัติศาสตร์การพัฒนาทางวัตถุหรือสิ่งที่จับต้องได้ เช่น การผูกขาดทุนการผลิตและแรง เมื่อเข้าใจกลไกทางประวัติศาสตร์ของสิ่งเหล่านี้แล้ว ชนชั้นผู้ถูกเอาเปรียบก็จะสามารถปลดแอกจากการผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจได้

ดังนั้น ประวัติศาสตร์จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมใหม่ ผูกขาดอำนาจการเมือง และบงการมติมหาชน โดยที่พรรคคอมมิวนิสต์มี "พันธกิจทางประวัติศาสตร์" เพื่อทำสิ่งนั้น

แต่ในขณะที่พรรคฯ ใช้ประวัติศาสตร์สร้างสังคมใหม่ พรรคก็ต้องปรับปรุงตัวเองด้วยการวิจารณ์สมาชิกในพรรค วิจารณ์ตนเอง เพื่อดูว่าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพรรคทำผิดหรือพลาดอะไรไปบ้าง อุดมการณ์ยังถูกต้องหรือไม่ หรือออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว นี่เรียกว่า "การปรับให้ถูกต้อง" (เจิ่งเฟิง)

การเป็นใหญ่เป็นโตของคนในพรรคและทิศทางของประเทศก็ขึ้นกับ "พันธกิจทางประวัติศาสตร์" นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเล็กๆ เลย ขณะที่คนภายนอกจีนคิดว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย จีน (คอมมิวนิสต์) คิดว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้

การประชุมครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการกลางของพรรคคคอมมิวนิสต์จีน (ลิ่วจงเฉวียนฮุ่ย) ชุดที่ 19 ประจวบเหมาะกับที่พรรคคอมมิวนิสต์ก่อตั้งครบ 100 ปีพอดีซึ่งจัดเฉลิมฉลองไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ประชุมยังมีมติสำคัญ คือ "มติคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยความสำเร็จสำคัญและประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ในการต่อสู้ตลอดช่วง 100 ปี"

มันสำคัญอย่างไร? มันสำคัญตรงที่เป็น "มติ" (เจวี๋ยอี้) ครั้งที่ 3 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่พิจารณาผลงานที่ผ่านมา เพื่อประเมินอนาคตที่จะเดินหน้าต่อไป มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่พรรคเคยทำแบบนี้

สองมติก่อนหน้านี้คือคือ "มติว่าด้วยประเด็นประวัติศาสตร์บางข้อ" และ "มติว่าด้วยประเด็นทางประวัติศาสตร์บางข้อของพรรคนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ (สาธารณรัฐประชาชน)"

สองมตินี้เรียกสั้นๆ ว่า "มติประวัติศาสตร์" (ลี่สื่อ เจวี๋ยอี้)

"มติว่าด้วยประเด็นประวัติศาสตร์บางข้อ" ในปี 1945 เป็นการพิจารณา "ขบวนการปรับปรุงให้ถูกต้องที่เหยียนอัน" ริเริ่มโดยเหมาเจ๋อตงระหว่างปี 1942 - 1945 ในช่วงที่พรรคฯ เริ่มที่จะมีโมเมนตั้มในการชิงอำนาจปกครองแผ่นดิน หลังจากพรรคไม่มีเอกภาพมายาวนาน เหมาเจ๋อตงก็สามารถรวบอำนาจและผลักดันแนวคิดของเขาจนสำเร็จเบ็ดเสร็จและผลักดัน "สังคมนิยมที่อิงกับเงื่อนไขของจีน" สลัดพ้นอิทธิพลสหภาพโซเวียตสลายกลุ่มก้อนต่างๆ ที่มีแนวคิดต่างกัน

หลังจาก "ขบวนการปรับปรุงให้ถูกต้องที่เหยียนอัน" ทำให้เหมาเจ๋อตงและพลพรรคกุมอำนาจได้ เหมาเจ๋อตงก็ริเริ่มให้มีการพิจารณาประวัติศาสตร์ความสำเร็จและล้มเหลวของพรรค ในทางหนึ่งเป็นการประเมินอดีตเพื่อก้าวสู่อนาคต ในทางหนึ่งคือการ "นิยาม" ฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกที่ล้มเหลวและถ่วงการปฏิวัติ มติที่ออกมาเป็นการย้ำอำนาจของเหมาเจ๋อตงและแนวคิดของเหมาเจ๋อตง พร้อมกับกำจัดแนวคิดที่ "เป็นตัวถ่วง" พัฒนาการของพรรค

นี่คือการรวบอำนาจครั้งที่ 1 ก่อนการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949

201 Nameless Fanboi Posted ID:+MgvSQ8m7G

>>200

"มติว่าด้วยประเด็นทางประวัติศาสตร์บางข้อของพรรคนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ (สาธารณรัฐประชาชน)" ในปี 1981 ในยุคสมัยของเติ้งเสี่ยวผิง เป็นการประเมินเหตุการณ์ต่างๆ นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจีนล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด ทั้งเหตุการณ์ซ้ายพิฆาตขวา เหตุการก้าวกระโดดใหญ่ และเหตุการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรม ล้วนแต่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมและมีผู้คนล้มตายไปมากมาย

มติแรกเป็นการรวบอำนาจเหมาเจ๋อตง แต่มติที่สองนี้เป็นการประเมินเหมาเจ๋อตงเสียใหม่ จากที่เคยดีเด่นดั่งเทวดา ก็มีการประเมินทั้งข้อดีข้อเสียอย่างสมดุล รวมถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของพรรคด้วย ในทางหนึ่งมันเป็นการประเมินความล้มเหลวของพรรคจริงๆ แต่ในทางหนึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับเติ้งเสี่ยวผิงและนโยบายใหม่คือการเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจ

เติ้งเสี่ยวผิงเคยถูกเล่นงานมาหลายครั้งในช่วงเหตุการณ์ซ้ายพิฆาตขวา และเหตุการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรมที่เริ่มเริ่มโดยเหมาเจ๋อตง ข้อหาที่เขาโดนยัดเยียดคือฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านสังคมนิยม ทำให้ชีวิตเขาต้องตกระกำลำบาก แต่ก็ยังสามารถกลับมากุมอำนาจได้อีกครั้ง ทั้งยังปรับแนวทางจากซ้ายสุดขั้วของเหมามาเป็นสังคมนิยมค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นมติที่ผ่านครั้งนี้ก่อนอื่นจึงต้อง "ประเมินข้อเสีย" ของเหมาเจ๋อตงเสียก่อน แล้วจึงผลักดันแนวคิดของเติ้งเสี่ยวผิงว่ามีความชอบธรรม

นี่คือการรวบอำนาจครั้งที่ 2

โปรดสังเกตว่า "มติประวัติศาสตร์" ทั้งสองครั้งคือการประกาศการวบอำนาจของผู้นำระดับสูงสุด คือทั้งเป็นผู้นำประเทศและผู้นำความคิด

และกระบวนการสำคัญของการผ่านมติประวัติศาสตร์คือการ "ลดคุณค่า" แนวทางเดิม และยกย่องแนวทางใหม่

ตอนนี้ ที่ประชุมพรรคล่าสุดมีการยกผลงานของสีจิ้นผิงขึ้นมาเป็น "มติประวัติศาสตร์" เหมือนกับกับมติสมัยเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิง ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ว่า นี่คือการยกสถานะของสีจิ้นผิงเทียบกับผู้นำระดับท็อปในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเหมาและเติ้ง

การมีมติครั้งที่ 3 ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ว่า สีจิ้นผิงกำลังจะสร้างยุคสมัยของเขา

... บทความนี้ยังไม่จบ ต่อด้วยการวิเคราะห์มติประวัติศาสต์

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

202 Nameless Fanboi Posted ID:cLQlMTaJkG

เคส เจอ จ่าย จบ ของบริษัทประกันภัยเจ้านึงทำบริษัทขาดทุน 3 พันกว่าล้านนี่เป็น Case Study นึงที่น่าจะเอาเข้าตำราเก็บไว้สอนทุกคนเรื่องทำธุรกิจประกันภัยได้เป็นอย่างดี
.
เพราะความจริงประกันแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นมาตั้งแต่แรก
.
ความจริงแล้วเรื่องราวของ COVID-19 ที่ทำให้บริษัทประกันภัยเสี่ยงล้มลายมีอยู่ทั่วโลก เราติดตามมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะลูกค้ากลุ่ม Business Owner ที่ทำประกันไว้จะเคลมประกันเพื่อ Cover ความเสียหายที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด ตอนนี้มีคดีกว่าพันคดีอยู่ในชั้นศาลเพื่อหาความยุติธรรมให้ทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าให้ทุกกิจการเคลม บริษัทประกันก็จะล้มละลายแล้วเสี่ยงต่ออนาคตของทุกธุรกิจด้วย ดังนั้นจึงต้องหาที่ตรงกลางเพื่อทุกฝ่าย
.
แต่ถ้าถามว่าประกันแบบเจอจ่ายจบเนี่ยเราเห็นที่ประเทศไหนบ้างมั้ย ตอบเลยว่าไม่ ... มีแค่ที่ไทยที่เดียว และหากจำกันได้ วันแรกที่ประกันแบบนี้โผล่มา ทุกคนก็โพสต์ในเฟสกันเล่น ๆ กันแล้วว่า "เตรียมรอดูบริษัทประกันล้มละลายเลย" ซึ่งความจริงไม่ใช่โพสต์กันเล่น ๆ หรอก แต่ดูออกกันว่ามันน่าจะไปทางนั้น การทำประกันกับโรคระบาดนี่มันเป็นอะไรที่เล่นกับไฟมาก ๆ
.
ย้อนกลับไปหน่อยนึง ถามว่าธุรกิจของประกันภัยคืออะไร ? ความจริง Core ของมันคือการบริหาร "ความเสี่ยง" เพื่อคำนวณให้เบี้ยประกันรวมจากทุกคนมีมูลค่ามากกว่าที่จะให้ลูกค้าเคลม แล้วก็เอาเบี้ยประกันไปลงทุนต่อเพื่อให้งอกเงย สุดท้ายบริษัทก็จะได้กำไร
.
และความเสี่ยงนี้มีปัจจัยง่าย ๆ จากการประเมินผู้ทำประกัน สถานการณ์ ฯลฯ หากความเสี่ยงสูง เบี้ยประกันก็ต้องสูง หากความเสี่ยงต่ำ เบี้ยประกันก็ต้องต่ำ
.
ในเคสเจอ จ่าย จบ ความจริงมันอยู่ในสภาวะ Disaster คล้าย ๆ กับ Hurricane หรือแผ่นดินไหวที่ไม่ได้เกิดบ่อย ๆ แต่พอเกิดแล้วทำทุกอย่างสะเทือนจนเจ๊งได้เลย เผลอ ๆ โควิดนี่หนักกว่าอีก แต่ประกันเจอจ่ายจบกลับคิดเบี้ยประกันถูกมาก ในขณะที่วงเงินเคลมประกันกลับสูงอย่างไม่สมเหตุสมผลกับเบี้ยประกันและสถานการณ์
.
ไม่ต้องแปลกใจที่เจอจ่ายจบจึงทำให้บริษัทขาดทุนย่อยยับอย่างตอนนี้ เพราะประเมินความเสี่ยงผิดพลาด โทษอะไรใครไม่ได้ มันคือการทำ Core Business ผิดเอง
.
ถึงบริษัทประกันส่วนใหญ่จะทำ Reinsurance เพื่อประกันความเสียหายจากการที่บริษัทประกันมีการเคลมมากเกินไป (ส่วนใหญ่ใช้กับกรณีภัยพิบัติที่เกิดการเคลมพร้อม ๆ กันครั้งใหญ่) แต่มันก็เอาไว้เพื่อประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด เช่น พวกแผ่นดินไหวอะไรงี้ แต่กับโควิด โอกาสเกิดขึ้นมันสูงกว่าแผ่นดินไหวเป็นพันเท่า
.
สรุปแล้ว ก็คงพูดได้ว่า เจอจ่ายจบ ถือเป็นความผิดพลาดของการประเมินความเสี่ยงในธุรกิจประกันของไทย และคิดว่ากรณีศึกษานี้ควรถูกพูดถึงและเอามาถกกันเพื่อความเข้าใจในธุรกิจมากขึ้นในอนาคต

203 Nameless Fanboi Posted ID:L9T52I58L.

>>202 เคสประกันจะทำได้ถ้าประชาชนทุกส่วน
มีวินัยดูแลความสะอาดอนามัน
มีความรับผิดชอบ ที่จะไม่เป็นตัวเสี่ยงเผยแพร่พาหะโรค
มีความกลัวที่จะติดโรค
ปรากฎตรงข้ามหมดจ้า

204 Nameless Fanboi Posted ID:Hh8aHETDWi

แผนธุรกิจที่ตั้งอยู่กับความโลภของฝ่ายซื้อและฝ่ายขายมันไม่ยั่งยืนหรอก

205 Nameless Fanboi Posted ID:Gn8GExNKU6

>>203 โควิดมันเป็นโรคที่เกาะอยู่กับวิถีชีวิตมนุษย์อะ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม กิจกรรมต่างๆ ต้องรวมหมู่พบปะ แถมโลกปัจจุบันไม่มีกิจกรรมพวกนี้เม็ดเงินก็หายไปจากระบบเศรษฐกิจ สุดท้ายมันก็เลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะระบาด ตอนนี้มีแต่เจ๊กแหละที่ zero covid ได้ ส่วนที่อื่นเขาหันไปอยู่ร่วมกับโควิดหมดแล้ว ตุนวัคซีนไว้อัดเรื่อยๆ ให้อาการไม่หนัก ป่วยจะได้หายเองหรือรักษาได้ไม่ตายกันเป็นเบือ เพื่อให้กิจกรรมพบปะรวมกลุ่มกลับมา เศรษฐกิจะได้เดิน

206 Nameless Fanboi Posted ID:cLQlMTaJkG

การตามล่าความฝันใหม่ๆ ทำให้เราเสียอะไรหลายอย่าง เราต้องทิ้งหลายๆสิ่งที่เรามีอยู่ จนเราลืมไปว่านานมาแล้วทุกสิ่งที่เรามีในตอนนี้ ก็เคยเป็นความฝันของเราเหมือนกัน ..

207 Nameless Fanboi Posted ID:sO1naDqOoG

>>205 เพศ ญ เป็นสัตว์สังคม แต่ เพศ ช ไม่ใช่ไม่ใช้สัตว์สังคม นะ
อย่าเหมา

208 Nameless Fanboi Posted ID:pmRWOhJHBk

>>202 ปีก่อนคุมได้ไง กำไรเหนาะๆ ปีต่อมาเลยได้ใจ

209 Nameless Fanboi Posted ID:+MgvSQ8m7G

>>207 ทำใมจะไม่ใช่ มนุษย์ไม่ว่าชายหญิงส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์สังคมทั้งนั้นละ DNA ของผู้ชายมียีนที่ชอบแข่งขันอยู่ แปลว่ามันชอบเปรียบเทียบกับคนในสังคม แล้วจะไม่ใช่สัตว์สังคมได้ไง

210 Nameless Fanboi Posted ID:Gn8GExNKU6

>>207 >>209 Introvert มีน้อยกว่า Extrovert นะ ไม่งั้นพวกที่เก็บตัว ชอบอยู่เงียบๆ สันโดษ คงไม่ถูกมองแปลกๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณหรอกไม่ว่าเพศไหนก็เถอะ

211 Nameless Fanboi Posted ID:IiKlOS+3Ga

>>202 เอาง่ายๆเลย แผนการตลาดเหมือนไม่รู้สันดานคนในประเทศอะ จัดงานลับๆนี้เยอะแยะ
อีกอย่างกูว่ามันต้องมีคนยอมติดเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัวแม้วว่าตัวเองจะตายอะ

212 Nameless Fanboi Posted ID:Gn8GExNKU6

>>211 ขนาด รพ. สนาม ที่ว่าเต็มๆ ล้นๆ เอาจริงๆ ก็มีส่วนหนึ่งที่หายแล้วไม่ยอมกลับบ้าน เพราะกลับออกไปก็อดตาย ตกงานกันแล้วไง

213 Nameless Fanboi Posted ID:jh5CmlcMa/

ถ้าทำประกันโควิดทุกเจ้าตอนต้นปี แล้วมาติดโควิดช่วงกลางปี ฉลาดหน่อยก็ฉีดวัคซีนแล้วค่อยติด จะได้เงินหลักล้านไปกอดง่ายๆ ยิ่งชวนทำทั้งครอบครัวได้เงินซื้อบ้านใหม่พอดี

214 Nameless Fanboi Posted ID:yMsJzBQA1u

ทำไมต้องรู้สึกว่าการโดนด่าเป็นเรื่องใหญ่ มึงจะด่าแม่งกูก็ได้ ตราบใดที่ไม่เอาปืนมายิงกู การด่าเป็นเรื่องปกติ เขาด่ากันเป็นพันปีแล้ว กูก็ด่ามึงกลับแล้วก็จะรู้สึกว่าช่างแม่ง

215 Nameless Fanboi Posted ID:PXsSsNGQe/

>>207 Go outside บ้างครับ มึงเพศเบต้ารึไงวะ

216 Nameless Fanboi Posted ID:P7l.wly46n

หลายปีก่อนยุครัชกาลนี้ เคยไปเวิร์คฉ่อบหนึ่งที่พยายามสร้างการสนทนาระหว่างคนต่างจริตต่างความคิด มีอยู่กิจกรรมหนึ่งที่ให้เลือกหัวข้อที่สังคมมีความเห็นแย้งกัน เลยกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน

เขาให้แบ่งกลุ่มตามความคิด มีตั้งแต่เอาและไม่เอาเลย ไปจนถึงมีก็ได้ไม่มีก็ได้

แบ่งออกมาทั้งหมด 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มก็เสนอเหตุผลให้กลุ่มอื่นๆ ฟัง ก็รับฟังและซักถามกันด้วยดี จนถึงกลุ่มสุดท้าย ได้แก่ กลุ่มที่เอาสถาบัน

ตัวแทนกลุ่มนั่งนิ่งสักครู่ก็น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม บอกเพียงว่า “ก็รักอ่ะ”

เป็นอันจบบทสนทนา ไม่มีใครสามารถพูดอะไรต่อได้ แยกย้ายไปกินข้าว

217 Nameless Fanboi Posted ID:ipHsBbVkci

>>207 มึงจะบอกว่าเพศหญิงชอบเซ็กส์หมู่ แต่เพศชายชอบชักว่่าวเหรอวะ

218 Nameless Fanboi Posted ID:8aprfoKipw

อ่านประวัติศาสตร์ว่าสนุกแล้ว อ่านข้อเขียนผู้ยิ่งใหญ่ประเมินประวัติศาสตร์ยิ่งสนุกกว่า

เหมาเจ๋อตงชอบอ่านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ"ประวัติศาสตร์ 24 ราชวงศ์" ต้องมีติดตัวไว้ตลอด อ่านแล้วก็เขียนบันทึกไว้ ประเมินเหตุการณ์ วิเคราะห์เกมการเมือง กลยุทธ์การรบ และข้อดีข้อเสียบุคคลสำคัญ

ดูๆ ไปแล้วเหมาเจ๋อตงเป็นปฏิบัตินิยม ประเมินตรงไปตรงมาตามผลงานไม่ยึดติดกับขนบเรื่อง "พระเอก-ผู้ร้าย" ที่ครอบงำวิธีคิดของคนจีนมาหลายร้อยปี

อย่างเซี่ยงอวี่ (ฉ้อปาอ๋อง) กับหลิวปัง (ฮั่นโกโจ) เหมาเจ๋อตงว่า เซี่ยงอวี่นั้นอีโก้แรงไม่ยอมฟังความเห็นที่แตกต่าง นี่คือความผิดพลาดหนึ่งในสามประการของเซี่ยงอวี่

ความผิดพลาดนี้แลกมาด้วยชีวิต

ส่วนหลิวปัง "รับฟังความเห็นที่แตกต่าง" นี่เป็นจุดแข็ง เช่น จางเหลียง (เตียวเหลียง) เสนออะไร หลิวปังจะทำตามในทันที

ครั้งหนึ่ง หานซิ่นขอตำแหน่ง "ว่าที่ฉีอ๋อง" อันตำแหน่งว่าที่กษัตริย์ (假王) นี่หมายถึงคนที่เตรียมจะได้เป็นแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง หานซิ่นยึดแคว้นฉีไว้ จึงลองใจเล่าปังดูว่า "นาย" จะยอมตั้งเขาเป็นกษัตริย์หรือไม่

แน่นอนหลิวปังไม่ยอมให้ คิดว่าหานซิ่นกระด้างกระเดื่องด้วยซ้ำ จุงโกรธหัวฟัดฟัวเหวี่ยงเกือบจะลงไม้ลงมือ แต่เตียวเหลียงแอบเตะสะกิดเข้าไปทีนึง หลิวปังรู้ตัวก็ยอมยกเมืองให้ บอกด้วยความใจกว้างว่า จะเป็นว่าที่กษัตริย์ไปทำไมกัน ก็เป็นกษัตริย์แคว้นฉีมันไปเลยสิ

หากยังงกและถือตัวแล้วไม่มีทางช่วงใช้หานซิ่นได้ และยังจะแตกแยกกันจนเป็นภัยต่อหลิวปังเองด้วย นี่เพราะเชื่อฟังกุนซือและความเห็นคนฉลาด

จะมี "อธิราช" สักกี่คนที่ยอมให้กุนซือเตะได้แบบนี้? ถ้าไม่ใช่คนสามัญมาก่อนแล้วไม่ถือตัวย่อมทำไม่ได้

นี่จุดสำคัญกว่านั้นเหมาเจ๋อตงชี้ว่าพื้นเพของทั้งคู่ต่างกัน

เซี่ยงอวี่มีพื้นเพเป็นคนชั้น "อีลีต" ส่วนหลิวปังเป็นสามัญชน ย่อมเข้าใจ "แมส" มากกว่า

ไม่ใช่แค่หลิวปัง เหมายังชี้ว่าราชันในอดีตที่มีความสามารถ เดิมล้วนแต่เป็นพวกมีพื้นเพสามัญ หรือพวก 老粗出人物 คือคนสามัญหยาบกร้าน การศึกษาน้อย ใช้แรงเลี้ยงชีพ เป็นชาวบ้านตาดำๆ มาแต่เดิม

ราชันพวกนี้เหมือนหลิวปัง เข้าใจสภาพสังคม เข้าถึงจิตใจประชาชน เพราะตัวเองก็เคยเป็นพวกเขามาก่อน

อีกจุดคือเหมาบอกว่า "เซี่ยงอวี่ไม่ใช่นักการเมือง หลิวปังเป็นนักการเมืองที่ปราดเปรื่อง"

ความเป็นนักการเมืองน่าจะหมายถึงการรู้จักใช้คน อ่อนน้อมกับคนเก่ง ตัวเองไม่เก่งและเป็นพวกคนรากหญ้ามาก่อนไม่เป็นไร แต่ถ้าใจกว้างและเด็ดขาดก็ทำงานใหญ่ได้

คำว่าปราดเปรื่องไม่ได้หมายความว่าเก่งตำรารู้ทฤษฎี หลิวปังไม่ใช่คนพวกนี้ ตรงกันข้ามหลิวปังเคยชิงชังพวกบัณฑิตมากเพราะไร้ประโยชน์ (แต่ต่อมาเมื่อซูซุ่นทง ผู้เป็นปราชญ์อธิบายความสำคัญของบัณฑิต หลิวปังก็ยอมรับและซาบซึ้งในผู้รู้หนังสือ)

เหมาเจ๋อตงบอกว่า "อ่านหนังสือมากไปไม่อาจเป็นฮ่องเต้"

และว่า "อย่าดูแคลนคนสามัญหยาบกร้าน คนสามัญรากหญ้าก็สามารถจัดการเรื่องใหญ่ได้"

ไม่ต้องแปลกใจ เซี่ยงอวี่มีคนเก่งคนกล้าอยู่กับตัวแค่ไหน ก็หนีไปอยู่กับหลิวปังทั้งหมดเพราะเหตุนี้

ย้ายพรรคเพราะนายเลี้ยงคนเป็นและอยู่แล้วมีอนาคต ไม่ได้ย้ายพรรคเพราะเงินหรือเพราะนายมีสกุลรุนชาติแต่อย่างใด

ข้อนี้ใช้ได้ดีในยุคที่โกลาหล

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

219 Nameless Fanboi Posted ID:3syin+8Tw1

>>216 ไอ้3กลุ่มที่เหลือโชคดีเจอพวกละอ่อนหน่อย ถ้าเจอแจ็กพ้อตแม่งโดนยัดคุกยกแก๊งแน่รวมคนแบ่งกลุ่มด้วย555

220 Nameless Fanboi Posted ID:lN/fudOBjY

ยอดเทรดต่อวันของ Binance เยอะแค่ไหน ทำธุรกิจอะไรอีกบ้าง มูลค่ากิจการประมาณเท่าไร ?

บทความใหม่จาก WSJ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 64 /1 รายงานว่ายอดเทรดต่อวันของ Binance คือ 76,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท .. ถ้าลองเทียบคร่าว ๆ กับของ Bitkub ตามที่ SCB (ในฐานะบริษัทแม่ของ SCBS ที่ซื้อหุ้น Bitkub Online ไป 51%) เปิดเผย /2 ตัวเลขยอดเทรด 9 เดือนแรกของปีนี้ คือ 1.03 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 3,815 ล้านบาท .. ถ้าเทียบตามนี้ ก็พอเห็นภาพว่า Binance ใหญ่กว่า Bitkub ประมาณ 657 เท่า ในเชิงของปริมาณซื้อขาย

และสิ่งที่ Binance ต่างจาก Bitkub อีกประการคืออัตราค่าธรรมเนียมขั้นสูง .. ซึ่งสำหรับตลาด spot นั้น Binance เริ่มคิดที่ 0.10% /3 และลดหลั่นลงไปถ้ายอดเทรดสูงขึ้นจนได้อัปเกรด tier .. ขณะที่ Bitkub คิด 0.25% อัตราเดียว และในตลาด Futures ทาง Binance เริ่มคิดที่ 0.04% ขณะที่ Bitkub ไม่มีผลิตภัณฑ์ futures

ในข่าวจาก SCB (ที่แจ้งตลาด) ยังเปิดเผยด้วยว่า รายได้ของ Bitkub ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้คือ 3,279 ล้านบาท เท่ากับว่า อัตราค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยคือ 0.318% หารสอง (เพราะหนึ่งธุรกรรม Exchange จะได้สองขาพร้อมกันคือจากคนซื้อและคนขาย) เท่ากับ 0.159% โดยมีกำไรสุทธิ 1,533 ล้านบาท หรือมี net profit margin ประมาณ 47% และถ้าต่อยอดให้เป็นต่อปี ก็จะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท ณ ราคาซื้อขายที่มูลค่า 35,000 ล้านบาท (ถูกซื้อไป 51% ที่จำนวนเงิน 17,850 ล้านาท) ก็เท่ากับว่ามี P/E Ratio 17.50 เท่า (ซึ่งเขาไม่น่าจะใช้วิธี multiple แบบนี้ในการประเมินมูลค่า คงใช้ DCF มากกว่า - เดา - แต่เพื่อให้อธิบายง่ายหน่อยในที่นี้ ก็เอาเป็นตัวเลข P/E Ratio แล้วกัน)

สมมติอัตราค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยทั้งระบบของ Binance อยู่ที่ 0.02% (ตีต่ำ ๆ ไปก่อน) เมื่อมียอดเทรด 2.5 ล้านล้านบาทต่อวัน หรือ 912.5 ล้านล้านบาทต่อปี ก็อาจจะมีรายได้จากการเทรดปีละประมาณ 182,500 ล้านบาท และหากมี net profit margin ต่ำลงกว่า bitkub เหลือประมาณ 30% ก็เท่ากับว่าแต่ละปีจะมีกำไรสุทธิ 54,750 ล้านบาท ถ้าใช้ P/E Ratio เท่ากันที่ 17.5 เท่า ก็จะมีมูลค่ากิจการตีต่ำ ๆ แถว 958,000 ล้านบาท

แต่ revenue model ของ Binance ไม่ได้มีแค่ค่าธรรมเนียมการเทรดเหรียญเท่านั้น ยังมี ธุรกิจให้กู้ยืมเหรียญ (ได้ดอกเบี้ย) ธุรกิจบัตรเครดิตร่วมกับ VISA (ได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมตามยอดธุรกรรม) ธุรกิจรับลิสต์เหรียญใหม่ (ได้ listing fee) ธุรกิจ mining pool (ได้ค่าธรรมเนียม pool) ไปจนถึงธุรกิจ software-as-a-service เช่น crypto exchange whitelable คือใครมีเงินก็มาเช่าระบบของ Binance เพื่อตั้ง exchange ของตัวเองได้เลย (ได้ค่าบริการ) /4 .. ดังนั้น มูลค่าธุรกิจของ Binance ก็คงเกิน 1 ล้านล้านบาทไปอีกไกล

มีรายงานว่า Binance Singapore เคยได้รับเงินทุนจากกลุ่ม Temasek มาแล้วครั้งหนึ่ง แถมยังได้ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการของแบงก์ชาติสิงคโปร์มาเป็น CEO อีกด้วย และมีความพยายามจะจับมือกับทางการสิงคโปร์ในการร่วมทุน โดยตั้งเป้าหมายมูลค่ากิจการไว้ที่ 2 แสนล้านเหรียญ หรือประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท /5 และแน่นอนว่าคงคาดหวังต่อเนื่องว่าจะได้รับแรงสนับสนุนในเชิง regulatory เพื่อลดแรงกดดันจากรัฐบาลหลาย ๆ ชาติที่ไม่ค่อยพอใจกับสถานะกึ่งไร้ตัวตนอีกด้วย

= อ้างอิง =
/1 wsj.com/articles/binance-became-the-biggest-cryptocurrency-exchange-without-licenses-or-headquarters-thats-coming-to-an-end-11636640029
/2 set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16358088173561&sequence=2021116845
/3 accounts.binance.com/en/register?ref=65929942
/4 startuptalky.com/binance-business-model/
/5 finance.yahoo.com/news/binance-allegedly-seeks-government-funding-001606636.html

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

221 Nameless Fanboi Posted ID:Qr.FnlVtXq

>>217 >>>/lounge/776 เพศ ช

222 Nameless Fanboi Posted ID:OKEO4gTq3t

ผมเคยเจอ จะมีอีกแบบนะ ที่เค้า ignore เพราะออกแนวปลง

เค้าบอกว่าปัญหาทั้งหมดมันไม่ใช่เพิ่งมาเกิด มันเกิดมานานแล้ว ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ไม่สามารถแก้ไดุ้

แต่เอาเถอะ คนอยู่มานานอาจจะปลง แต่เราเพิ่งเริ่ม รับไม้ต่อมา ช่วยกันให้ประเทศมันดีขึ้น พวกเค้าอาจจะสู้มาทุกทางของเค้าแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ (ตั้งแต่สมัยพฤษภาฯ) ต่อไปเป็นทางของเรา

223 Nameless Fanboi Posted ID:BI+r1r01SU

ถ้าเราทำกิจการแล้วปัง จนวันนึงมีคนมาเปิดร้านแข่งระยะรั้วติดกันจะทำยังไง... ถามว่ากลัวไหม? กลัว! แต่พร้อมสู้แบบไม่เคลียด ถามว่าทำไมไม่เคลียด มีคำตอบ 5 ข้อดังนี้

1. เราเปิดกิจการมาไม่นานไม่ถึงปี แต่มันปังไวมาก ตอนเรามา เราก็ฆ่ากิจการเก่าแก่ในพื้นที่นี้ตายสนิท2 ราย(ปิดเลย) เห็นไหมว่าวงจรชีวิตธุรกิจยุคนี้มันสั้นมาก อย่าเหิมเกริมความชนะ จนลืมความทรมารของคนแพ้

2. เรายังอายุน้อย 31-32 ปี และมีวินัยสูงมากเรื่องการใช้ความคิดในเรื่องงาน เราไม่เล่นเกมส์ ไม่ดูซีรีย์ การใช้เวลาทำกิจกรรมอยู่กับแฟน การคิดเรื่องงาน มันคือการผ่อนคลายในชีวิตได้โดยปริยาย ได้เปรียบตรงที่ยังแข็งแกร่งอยู่เรื่องการเล่นท่าผลาดโผน ยังพร้อมตั้งรับได้ทุกมิติการสู้รบทางธุรกิจ

3. เรามีหลายธุรกิจ ถึงแม้ว่าวันนึงจะมีเด็กรุ่นใหม่ หรือมีนายทุนยักษ์ใหญ่ลงมาสู้ สมมุติว่าเราแพ้ แต่เราก็ไม่ตาย เพราะยังมีเงินจากธุรกิจอื่นให้ประคองภาพรวมไปได้อยู่ แต่ถ้าวันนึงมันเจ๊งมันก็จะต้องมีข้อดีที่เป็นบทเรียนตอกย้ำเราได้อย่างนึงก็คือ ทำให้เรารู้ว่าการทำธุกิจให้ปังมันยาก แต่การรักษาความปัง มันยากกว่า

4. เรามีลูกน้องมือซ้ายมือขวาที่แข็งแกร่ง ในทุกๆส่วนของธุรกิจ ที่เราร่วมสร้างให้เค้าเหล่านั้นแข็งแกร่งทั้งร่างกายจิตใจและความคิด ที่พร้อมซับพอทการตัดสินใจและสั่งการตามแนวทางของเราอย่างเต็มที่

5. แพ้ก็ไม่อาย ข้อนี้สำคัญมาก ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะแพ้แล้วไม่อายได้นั้น นั่นเท่ากับว่าคุณพร้อมสู้กับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพราะคุณไม่กลัวความรู้สึกคนของแพ้

บางอย่างอาจแชร์ไม่ได้ เพราะไม่อยากดิสเครดิตคู่แข่ง แต่ถ้าใครอยากเรียนรู้และติดตามกลยุทธการต่อสู้ทางธุรกิจของนัตโตะ ก็รออ่านได้เพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน เพราะนัตโตะก็ชอบขอความรู้คนอื่นเช่นกัน แชรได้ไม่หวง เปิดรับยินดีทุกโอกาสและอุปสรรคในเส้นทางวัยรุ่นทำธุรกิจด้วยตัวเอง เชื่อเสมอว่า มิตรคือมิตร ศัตรูคือครู ทุกอย่างนัตโตะปรับให้เป็นแง่บวกได้เสมอ 🙂

224 Nameless Fanboi Posted ID:3vuSGxbdCz

เคยทวีตไปแล้วว่า “กิโยตีน” มันคือสัญลักษณ์แห่งความตายอย่างเท่าเทียม เพราะ “ใครๆ” ก็สามารถโดนเจ้าเครื่องนี้บั่นหัวได้ เป็นราชวงศ์ นักปฏิวัติ กบฎ คนธรรมดา หรืออาชญากร …ก็สามารถจบได้ที่เครื่องประหารนี้

225 Nameless Fanboi Posted ID:rw5pBGwAQA

มีแต่คนมาถามข่าวนี้ ไม่วิเคราะห์ก็คงไม่ได้ 😂

ไปตามฟังข่าวตำรวจคุยกับมือแฮกเว็บศาลรัฐธรรมนูญมา สรุปให้ฟังจากปากตำรวจ + ปากมือแฮก + คุณแม่มือแฮก + คลิปตอนจับกุม ตามนี้

ช่องโหว่มีหลายอย่างมาก หลัก ๆ คือ พบว่ามีหน้าเว็บที่เอาไว้ให้ผู้ดูแลระบบส่งข้อความหากันได้ แต่หน้าเว็บนี้เขียนมาไม่ปลอดภัยไม่ต้องเข้าสู่ระบบก็เข้าไปใช้งานได้ (Broken Access Control) เข้าไปได้แล้ว มือแฮกน่าจะอัปโหลด Web Shell เพื่อรันโค้ด (Remote Code Execution) แก้ไขหน้า landing page ก่อนเข้าหน้าเว็บหลักเป็นคลิปยูทูปตามข่าว นอกจากนั้นเว็บเขียนด้วย PHP มีช่องโหว่ SQL Injection ทำให้เอารหัสผ่านผู้ดูแลระบบออกมาได้จากส่วนคำอธิบายของผู้ใช้งาน มือแฮกก็เลยลองเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านผู้ดูแลระบบเป็น intruder!13 ด้วยทำให้ผู้ดูแลระบบตัวจริงเข้าหน้าแอดมินปกติผ่านเว็บไม่ได้

แบบยาว ๆ 📍
- คุณแม่มือแฮกบอกว่าลูกเป็นโรคซึมเศร้า เรียนจบทันตแพทย์ ม.ขอนแก่น แต่ไม่ได้ทำงาน ปัจจุบันอายุ 33 ปี (ต่างจากในหลายข่าวออกกันว่าเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่รู้ข่าวผิดหรือคุณแม่เข้าใจผิด), แม่บอกยังเห็นข่าวอยู่เลย ลูกปกติไม่ยุ่งการเมืองชอบฟังเพลงดูการ์ตูน
- จาก 6 คลิปจับกุมที่ฟัง มือแฮก อธิบายว่า ช่องโหว่ คือ
(1) SQL Injection เอาข้อมูลที่ไม่ควรอ่านได้ออกมาจากฐานข้อมูลได้
(2) ผู้ดูแลระบบเขียนรหัสผ่านตัวเองไว้ในคำอธิบาย User (ไม่แน่ใจว่าคำอธิบายที่ว่านี้คือใคร ๆ ก็เข้าไปเห็นได้หรือ อธิบายถึงคำอธิบายที่อ่านออกมาจาก SQL Injection เท่านั้น, แต่ค่อนข้างชัดเจนว่ารหัสผ่านจุดที่โดนอ่านได้ไม่ได้ถูกเก็บแบบต้องถอดกลับหรือไม่ได้ Hash ไว้นั้นเอง)
(3) RCE (Remote Code Execution) อันนี้ตอนจับกุมมือแฮกใช้คำนี้ต่อหน้าตำรวจเลยแล้วบอกว่าตรงตัวครับคุณตำรวจ
(4) Broken Access Control มือแฮกเล่าต่อว่า ไปเจอหน้าเว็บที่น่าจะไม่ได้มีการใช้แล้ว เอาไว้ให้ผู้ดูแลระบบส่งข้อความหากันได้ แต่หน้าเว็บนี้ไม่ต้องมีรหัสผ่านก็เข้าไปใช้งานได้ ถ้าให้แอดวิเคราะห์เดาว่า ใช้ฟังก์ชันจากหน้าเว็บนี้แหละอัปโหลด PHP Web Shell เข้าไปได้ RCE ส่วนรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบก็เอาออกมาแล้วก็แก้ไขเล่น ๆ ไปงั้น
- มือแฮก หลังจากได้ รหัสผ่านผู้ดูแลระบบ เข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่าน เป็นคำว่า intruder!13 โดยเลข 13 ในรหัสผ่านใหม่เป็นวันเกิดของมือแฮก! 😆
- ผู้ดูแลระบบมาเจอว่ารหัสผ่านโดนเปลี่ยน และพยายามเปลี่ยนกลับ เลยมีจังหวะซิทคอม ยื้อเปลี่ยนกันไปมา
- มือแฮกเปลี่ยนรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบผ่านหน้าเว็บ แต่ผู้ดูแลระบบตัวจริง เข้ามาตรวจสอบแก้ไขในในเซิร์ฟเวอร์ (น่าจะ SSH หรืออยู่หน้าเครื่อง)
- มือแฮกน่าจะอธิบายจุดหนึ่งผิด ไม่แน่ใจว่าตื่นเต้นหรือเข้าใจผิดจริง ว่าผู้ดูแลระบบเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์โดยตรงเลยเปลี่ยนรหัสผ่านที่ตัวเองเปลี่ยนผ่านหน้าเว็บไม่ได้ (จริง ๆ เปลี่ยนได้เหมือนกันคือเข้าไปแก้ในฐานข้อมูลตรง ๆ หรือรันสคริปท์ .sql .php เข้าไปอัปเดต)
- มือแฮก ยอมรับว่าแฮกจริง แต่แก้ไขแค่หน้าแรก (landing page) นอกเหนือจากนั้นเว็บใช้งานได้ตามปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
- แอดตามไปเช็คแล้ว หน้าที่โดนแฮกเป็น landing page ที่มีปุ่ม "เข้าสู่เว็บไซต์" อีกที , เว็บไม่ได้ใช้ CMS ใด ๆ แต่พัฒนาเองด้วย PHP ที่ไม่ใช่ Web Framework อย่างหน้าข่าวก็เขียนเอง more_news.php?cid=123 งี้
- [แก้ไข] จังหวะที่เข้าไปโดนจับ หน้าจอคอมฯ เปิดหน้าเว็บกระทรวงศึกษาไว้อยู่ เป็น template ของ Material Dashboard ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นของผู้ดูแลระบบแต่มีคนมาแจ้งว่าหน้าเว็บของคนนอกใช้งานได้ (ไม่ใช่ AdminLTE)

งานนี้ต้องชมตำรวจทำงานไวมาก ถ้าจะเป็นข้อสังเกตเล็ก ๆ นิดเดียว คือหลังจากจับกุมแล้ว เห็นแว๊บ ๆ เจ้าหน้าที่เข้าไปจับเมาส์จับคีย์บอร์ด เปิดโปรแกรม อะไรแบบนี้เท่าที่เข้าใจ คือไม่ควร แต่ก็เข้าใจมุมว่าข่าวดังอยากได้ข้อมูลง่าย ๆ ไปยันประชาชนคนทั่วไปว่าไม่ได้จับแพะ แต่เชิงเทคนิคอาจจะเป็นการทำลายหรือแก้ไขพยานหลักฐานได้ แต่ก็มีคลิปถ่ายไว้ตลอดการทำหน้าที่ ในชั้นศาลก็คงใช้คลิปพวกนี้อ้างอิงได้ว่าไม่ได้แก้ไขอะไร (หรือเปล่า) ตามปกติถ้าอยากจะแตะหน้างานคือทำ Memory Dump แล้วก็ปิดคอมฯ โดยเร็วที่สุด เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบแบบ Offline ที่เลี่ยงการแก้ไขพยานหลักฐานหน้างานให้มากที่สุด (มันเป็นดิจิทัลอ่านะ อะไรก็ใส่เข้าไปหรือเอาออกมาได้)
https://www.facebook.com/1559669844287797/posts/3021501588104608/

226 Nameless Fanboi Posted ID:UGSqHmzg5R

ข่าวช่องไรว้าาาา โคตรฮาความโง่ของพวกสลิ่่ม 5555+
https://imgur.com/V9NVcjM

227 Nameless Fanboi Posted ID:3vuSGxbdCz

ไอ้พวกจะเอาระบอบกษัตริย์แม่งจะรู้มั้ยว่าก่อนรัฐบาล ร.7 โดนคณะราษฎรสอย โดนหนังสือพิมพ์เขียนด่ารายวันเพราะบริหารล้มเหลว ข้าวยากหมากแพงไปหมด พวกข้าราชการหลายต่อหลายคนก็พากันด่าเพราะค่าตอบแทนโคตรไม่ยุติธรรม

อยากได้ระบอบกษัตริย์ต้องพร้อมให้กษัตริย์ถูกคนด่าด้วย รับให้ได้นะ

228 Nameless Fanboi Posted ID:2CwEuwpDZ5

ม๊อบขยะแบบนี้ก็ยังหลับหูหลับตาเชียร์กันเนอะ ทุเรศฉิบหาย จะเกิดนู้นนี้ วาทกรรมปัญญาอ่อนไอ้พิธากับปิยบุตร สรุปคนมาเท่าหมอยหมา กระจอกสัส

229 Nameless Fanboi Posted ID:b1EamMp1oJ

>>227 https://www.se-ed.com/product/ราษฎรสามัญ-หลังวันปฏิวัติ-2475.aspx?no=9789740214762
ในเล่มนี้มีเปรียบเทียบเรื่องเงินเดือนข้าราชการไว้ว่า
ก่อน 2475 ระบบข้าราชการมีปัญหาเรื่องเงินเดือนแต่ละกระทรวงไม่เท่ากัน
จ่ายตามความพอใจของเจ้า พอปฏิวัติสำเร็จ คณะราษฎรเลยออก พรบ ระเบียบข้าราชการพลเรือน แล้วกำหนดบัญชีเงินเดือนชัดเจน ข้าราชการระดับไหนได้เงินเดือนสูงสุดเท่าไร

230 Nameless Fanboi Posted ID:LQkuMOdv7q

>>227 >>229 นั่นแหละ มองอีกแง่เกิด 2475 ได้ก็ดี คนไทยได้รู้จัก ปชต. ก่อน ไม่งั้นถ้ายาวไปมีโอกาสที่คอมมี่จะได้แทรกมาแทน ลัทธินี้โตได้โตดีใน ปท. กำลังพัฒนาด้วย

231 Nameless Fanboi Posted ID:+YjHx5YrVa

>>230 ถ้าคนไทยได้เจอคอมมี่จริงๆ อาจจะไม่มีพวกเบียวคอมตอนนี้ก็ได้นะ

232 Nameless Fanboi Posted ID:3vuSGxbdCz

ถ้ารอยัลลิสต์ ชนชั้นนำ ตั้งใจพัฒนาประชาธิปไตยอย่างจริงจัง ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายอำนาจ กระจายความเจริญ และจะมีนโยบายที่ตอบโจทย์คนส่วนส่วนใหญ่ คอมมี่ไม่ได้เกิดอยู่แล้วละ

233 Nameless Fanboi Posted ID:+YjHx5YrVa

>>232 ไม่หรอก ประเทศไหนก็ตามต่อให้ดียังไงแต่ถ้าไม่เคยเจอคอมมี่กับตัวก็ยังเบียวคอมได้เสมอละ ยกเว้นเกาหลีใต้ไว้ที่ ประเทศพัฒนาแล้วทุกประเทศมีอย่างต่ำคือเบียวคอม อย่างมากก็พรรคคอมนะ

ในระดับประเทศกำลังพัฒนา มันก็พอมีประโยชน์ละ อย่างอินเดีย บางรัฐที่พรรคคอมครองอำนาจยาวนานก็มีคุณภาพชีวิตดีกว่ารัฐข้างเคียง แต่เวลาเอาคอมมี่มาใช้ระดับชาติแล้วส่วนใหญ่ไม่เวิคเท่าไหร่ เพราะมันชอบมาแนวยึดทรัพย์+นารวม

234 Nameless Fanboi Posted ID:3vuSGxbdCz

>>233 อะไร เบียวคอมอะไร กุหมายถึง คอมมี่ไม่ได้เกิด ส่วนเบียวคอม จะประเทศไหนก็มีอยู่แล้ว จะสหรัฐ อังกฤษ ก็มีคนมีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ คนเป็นล้านก็มีบ้างอยู่แล้วทุกที่

คอมมี่ไม่ได้เกิดหมายถึง ไม่ต้องมานั่งขายร9เชิดชูกษัตริย์ต่อต้านคอมมิวนิสต?เลยประชาธิปไตยที่ไม่ใช่ปชตครึ่งใบมันจะกระจายความเจริญภายในตัวมันอยู่แล้ว ยุทธการป่าล้อมเมืองอะไรจะไม่ได้ผล

235 Nameless Fanboi Posted ID:3vuSGxbdCz

>>233 นารวม หรืออะไรพวกนี้ คือคสามผิดพลาดทางนโยบาย
ฝั่งทุนนิยมก็มีความผิดพลาดทางนโยบาย ไม่งั้นเคนเชียนไม่ได้เกิดหรอก

236 Nameless Fanboi Posted ID:dRy7f0xzU/

>>235 ทำไมนารวมทำให้คอมตกต่ำจนล่มสลาย แต่พอทุนนิยมผิดพลาดถึงส่งผลแค่ก่อนให้เกิดลัทธิใหม่(เคนเนเซี่ยน) หรือเพราะทุนนิยมผิดพลาดไม่ได้ทำคนตายแบบนารวม?

237 Nameless Fanboi Posted ID:VzDmOnHYPC

>>232 คอมมี่มันคือการตอบโต้ของชนชั้นล่างต่อชนชั้นนำไม่ว่าศักดินาหรือทุนนิยม และมันเกิดขึ้นในยุคที่สิทธิมนุษยชนยังไม่ได้รับความสนใจเลย (ยุโรปยุคที่คอมมี่เกิดใหม่ๆ ก็โรงงานนรกดีๆ นี่ละ) จะเอาอะไรให้ชนชั้นนำไปคิดเพื่อชนชั้นล่างวะ ที่กูบอกว่าเกิด 2475 ก่อนก็ดีแล้ว คนไทยยังได้รู้จัก ปชต. รู้จักการเลือกตั้ง รู้จักระบบ ศก. แบบตลาดเสรี ถึงตอนหลังจะกลับหัวกลับหางไปเผด็จการทหารบ้าง ไปอิงระบอบเก่าบ้าง แต่มันจะไม่ทำให้คนไทยโหยหาคอมมี่แบบ ปท. โลกที่ 3 อื่นๆ น่ะ คือยังเลือกต่อสู้เพื่อ ปชต. และ ศก. แบบตลาดเสรีอยู่

238 Nameless Fanboi Posted ID:k9dOuNRdm8

“ประเทศไทยประเทศของเราทุกตารางนิ้วคือของเราของคนไทยทุกคน ที่จะต้องมีทั้งโอกาส และความเท่าเทียม และความเป็นธรรม เท่าเทียมทุกคนเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รวยไม่ได้เท่ากัน”

“สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่สัตว์บางตัวเท่าเทียมกว่าตัวอื่นๆ”

239 Nameless Fanboi Posted ID:uVVwtsFDrQ

>>233 มันบอกคอมมี่ไม่ได้เกิด ก็ถูกแล้วไง พวกประเทศที่มีพรรคคอมที่ว่า คอมมันก็ไม่ได้เคยชนะถึงขนาดตั้งรัฐบาลได้นะ หรือต่อให้ตั้งได้ก็อยู่ในระบอบรัฐสภา ปชต อยู่ดี

240 Nameless Fanboi Posted ID:MnS9EiEd8K

ในไทยแม่งยังทะเลาะจะเอาคอมหรือปชต
ในรัสเซียแม่งประชาธิปไตยของตัวเอง ประชาธิปไตยแบบฝ่ายขวา ส่วนเจ็กคอมมี่ทุนนิยม
ไทยมึงจะมาชนชั้นห่านไรอยู่ค้าบ
เศรษฐกิจคิดแผนพัฒนากันเข้าไปก็ไม่พีฒนาหรอก ประเทศเหี้ยไรในนโยบายต่างประเทศไม่มีเป้าของประเทศที่ชัดเจนวะ ทําไรครึ่งๆกลางๆผู้นํากาก
ตอนนี้กูชอบโทนี่หว่ะ ไม่ต้องสนหีสนแตดwokeล้มสถาบันไรมาก เราแค่เน้นการบูรณาการร่วม สร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งเอง
ไม่ใช่ว่ากูอย่กเลียไข่เสี่ย แต่กูมองว่าฝ่ายที่จะล้มแม่งไม่มีแผนอะไรที่เป็นรูปธรรม มีแต่เพ้อ บาย

241 Nameless Fanboi Posted ID:MnS9EiEd8K

ระบอบเหี้ยไรก็ได้หมด ถ้าบริหารดี รำคาญพวกติ่งปชต มึงไปดูArab springนะ แจกปชตเป็นไง เข้าถึงวัฒนธรรมไม่ได้ทุกที่จนเกิดกลุ่มกบฎปสด
ซึ่งกูก็สนับสนุนให้ไล่ตู่ ไล่เสี่ยเช่นกัน กดดันให้แม่งเปลี่ยนแผนพัฒนาเสดกิจให้ขึ้นมาดีๆซักนิดแบบตอนจอมพลปหลังสงครามโลกรีบพัฒน่เสดกิจไม่ให้คนไปเบียวคอม พวกกรรมชีพก็หุบปากกันแล้ว ควายเอ้ย

242 Nameless Fanboi Posted ID:MnS9EiEd8K

แต่แม่งมันโง่สัสๆ ตกยุคแล้วpropaganda เสี่ยอ่ะ คนในวางแม่งควาย กูอยากกลับชาติมาเกิดเป็นการ์ตูนอิเซไกบ้านนั้นบ้าง แต่คงเป็นออทิสติกก่อน จบเห่

243 Nameless Fanboi Posted ID:jFjiBLEeDM

>>241 ถ้าเอางี้มึงต้องอวยเปรมด้วยนะ ครึ่งหลังของทศวรรษ 80s ศก. ดีเลยแหละ ก่อนที่ชาติชายจะเอาไปต่อยอดอีกทบหนึ่งเป็นยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่ทั้ง 2 ยุค พวกซ้ายเก่า (ออกจากป่ามาแล้ว) อาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะเน้นการพัฒนาที่ทิ้งคนฐานรากไว้ข้างหลัง Infra ทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อสนองอุตสาหกรรมและทุนใหญ่ทั้งหลายน่ะ

244 Nameless Fanboi Posted ID:m3g6Ml5Dk3

กุไม่เข้าใจคนที่เถียงหลักกฎหมายโดยการบอกว่าศาลว่าไว้อย่างนี้ ศาลใช้ดุลพินิจแล้วบอกแบบนี้ แสดงว่าถูกต้องเป็นธรรมแล้ว กุเพิ่งรู้ว่าสอบศาลได้แล้วกลายเป็นพระเจ้า บรรลุอรหันต์ พ้นจากความเป็นมนุษย์

245 Nameless Fanboi Posted ID:m3g6Ml5Dk3

>>236 คอมมี่ ก็โดนปรับเป็น socialist democratic ไงครับบบบ
หรือระดับอ่อนกว่านั้นก็ social democracy

โลกนี้หลากหลายกว่านั้นไม่ได้มีขาว-ดำ คอมมี่-ทุนนิยม

246 Nameless Fanboi Posted ID:uVVwtsFDrQ

>>240 >>241 โมเดลไอ้แม้ว ก็ทำไปแล้วตอน 44-49 ไง คอมโพรไมส์ขึ้นอีกก็ยุค สมัคร-สมชาย-ปู

โมเดลแลนสไลด์ไม่โวค ถ้าสำเร็จมันสำเร็จไปตั้งนานแล้ว

247 Nameless Fanboi Posted ID:m3g6Ml5Dk3

สลิ่ มมันอาศัยวิธีคิดบนความศรัทธา เราจะเอ๊ดดูเขตว่าอานนท์นิด้าอธิบายผิดหลักกฎหมายอาญา สลิ่ทก็ไม่ฟังเพราะเขาศรัทธา จะทำลายก็ต้องทำลายความศรัทธามิใช่หลักการ

248 Nameless Fanboi Posted ID:KSpn+juPoy

ประเทศคอม ที่ล้มเหลวก็มักเป็นเพราะปัจจัย ภายนอกมากว่า ความล้มเหลวของระบบคอมมิวนิตส์เอง เช่นโดนรุมคว่ำบาตร โดนแซงชั่น ถ้าไม่โดนสิ่งเหล่านี้ ยังไงก็สู้ระบอบทุนนิยมไดเ

249 Nameless Fanboi Posted ID:88xQkTfrgf

>>248 สู้ได้? ยกตัวอย่างให้ดูหน่อยสิว่าสู้ได้ตรงไหนมั่ง

250 Nameless Fanboi Posted ID:/lgkGQjPjd

>>248 อ่าวไหนเป็นคอมมี่จะพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศได้อ่ะครับ ทําไมต้องแคร์เรื่องแซงชั่นจากต่างประเทศหล่ะ เอ๊ะ

251 Nameless Fanboi Posted ID:WLXaCH1fb7

กูสงสัยเรื่องการสร้างลัทธิ
กูอยากสร้างลัทธิมาอันนึงอ่ะ เพื่อเผยแพร่ไปยังความคิดผู้คน
ลัทธิคืออะไร ประมาณไหน เช่นพวกแบบ nofap, feminist, flat-earter, anti-vaxxer, bitcoin maximalist, mlm,​ ธรรมกาย งี้
กุอยากให้มันเป็นลัทธิบนอินเตอร์เน็ต มีคนเอาแนวคิดไปส่งต่อเยอะ ๆ มันมีวิธีป่ะว่าทำไงถึงกลายเป็นลัทธิได้

252 Nameless Fanboi Posted ID:88xQkTfrgf

>>251 ใน Netflix มีสารคดีเกี่ยวกับลัทธิอยู่หลายอัน ที่กูรู้สึกชอบสุดคือ Wild Wild Country ไม่เชิงอธิบายว่าสร้างลัทธิยังไง แต่มันสนุกดี

ส่วนที่อธิบายตรงๆ รู้สึกจะมีตอนนึงของ Explained มั้ง ลองไล่ๆ ดูสารคดีพวกนี้แล้วมึงจะจับจุดได้เอง ถ้ามึงมาแนวศาสนานะสร้างลัทธิไม่ยากหรอก ในไทยก็เห็นเยอะแยะ แต่ยังไม่มีอะไรร้ายแรงแบบพวกลัทธิวันสิ้นโลกที่ชวนคนฆ่าตัวตายแบบฝรั่ง ของไทยแค่หลอกเงิน

253 Nameless Fanboi Posted ID:WLXaCH1fb7

>>252 ขอบคุณว่ะเพื่อน กุเพิ่งเห็นว่าโพสต์ผิดกระทู้แต่ยังมีคนตอบขอบใจหลาย ๆ

254 Nameless Fanboi Posted ID:vPc5KQaevh

เพราะอะไรทุกวันนี้เราถึงรวย ทำเงินได้วันละแสนสองแสน เพราะความขยันหรอ เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นคนขยัน หนูเป็นคนขี้เกียจ
ใช่ค่ะฟังไม่ผิดหรอก หนูขี้เกียจมาก หนูไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร เมื่อก่อนหนูทำมาหมดแล้ว งานทุกอย่าง เคยเป็นมาหมดแล้ว จะสาวโรงงาน แม่บ้าน เด็กเสริฟ หรืองานที่ใช้แรงงานต่างๆ ทำมาตั้งแต่อายุ 15 ที่ออกจากบ้านมา
แต่แล้วหนูก็ค้นพบตัวเองค่ะ ว่าหนูขี้เกียจทำงานหนักๆ แต่หนูก็ชอบความรวย หนูรักเงินค่ะ ชอบที่ตัวเองมีเงินเยอะๆ
เลยลองผิดลองถูก หกล้มคลุกคลานมาหนักมาก ชีวิตขึ้นสุดลงสุดตลอด เพราะทำอะไรใส่เต็มแม็กจริงๆ
จังหวะชีวิตไหนที่ตกก็เก็บเกี่ยวบทเรียนแล้วจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก
เลยคิดว่าถ้ากูจะขี้เกียจทำงาน กูอยากสบาย กูต้องรวยให้ไว ทำไมต้องรอให้ตัวเองปลดเกษียณแล้วถึงค่อยเที่ยว ค่อยเลิกทำงาน ในเมื่อถ้าวันนี้กูรวย กูจะเที่ยว จะปลดเกษียณ จะนอนตื่น 5 โมงเย็น กูก็ยังรวยเลย
ทุกวันนี้ปลดเกษียณตัวเองเรียบร้อย ใครจะทำงานหนักก็ทำกูไม่ทำแล้วโว้ยยย กูให้เงินทำงานแทน
อายุ 27 รายได้วันละสองแสน เดือนละ 6 ล้าน
พอยัง สำหรับมิยองพอแล้ว เก็บเกี่ยวต่อไป ❤️

255 Nameless Fanboi Posted ID:t43i.cswjo

“โทมิโนะ เผย ชาร์ อัสนาเบิ้ลเป็นเสื้อแดง”
สมัยก่อนที่พลตำรวจโททักษิณ ชินวัตรจะลงมาเล่นการเมืองและขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี วันหนึ่งแกเขาได้ไปญี่ปุ่นเพื่อที่จะไปดูงาน International Robot Exhibition 1999 จัดที่เมืองโอซาก้า เพื่อที่จะศึกษายุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีของแต่ละประเทศและทําความรู้จักกับเจ้าของบริษัทหุ่นยนต์จากทั่วโลก วันนั้นเองคุณทักษิณกําลังจะกลับเข้าที่พักหลังจากไปดูงานเสร็จ คุณทักษิณก็ได้เดินเข้าไปในร้านหนังสือข้างทางเพื่อที่จะหานิตยสารหาความรู้มาอ่านให้เข้าสมองยามว่างๆ ก็ได้บังเอิญไปเจอกับผกกโทมิโนะ บิดาแห่งกันดั้ม ซึ่งเป็นการ์ตูนโปรดของโอ๊ค พานทองแท้ ชิณวัตร ลูกชายของคุณทักษิณ คุณทักษิณเลยเข้าไปทําความรู้จักเพื่อที่จะขอลายเซ็นจากโทมิโนะ สรุปว่าทั้ง2คนกลับคุยกันได้อย่างเข้าขา ซึ่งล่ามส่วนตัวของคุณทักษิณ นายจินตภัทร แซ่ลิ้ม ได้ออกมาเผยบทสนทนาที่ตนรู้สึกประทับใจในวันนั้นให้ทางทีมข่าวของเราฟัง ว่าโทมิโนะกับคุณทักษิณคุยกันนานเป็นชั่วโมงเหมือนสนิทกันมา10ปี โดยมีบทสนทนาที่พูดถึงสีที่คุณทักษิณชอบด้วย และมันไปตรงกับสีที่ชาร์ อัสนาเบิ้ลใช้ทั้งแต่งตัว ทั้งเอาไปทาซาคุ ด้วยความเชื่อที่ว่าสีแดงแรงล้มตระกูลซาบี้เร็วสามเท่า ซึ่งอาจารย์โทมิโนะก็ได้เอ่ยชมคุณทักษิณว่ามีลักษณะท่าทางและการวางกลยุทธ์เหมือนชาร์อัสนาเบิ้ล ซึ่งต่อมาหลังจากที่คุณทักษิณถูกเนรเทศออกนอกประเทศ โทมิโนะก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสํานักข่าวญี่ปุ่นว่าผมได้วางบทไว้แล้วว่าชาร์ อัสนาเบิ้ลนั้นเป็นเสื้อแดง แล้วโทมิโนะยังพูดถึงเหตุการณ์การกราดยิงราชประสงค์ปี53อีกด้วย ซึ่งอาจารย์เขาได้ให้ความหมายใหม่ของสีแดงที่ชาร์ใช้ว่าเป็นสีเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยนั่นเอง

256 Nameless Fanboi Posted ID:iP8V.7h8DB

จำไว้เสมอว่าทุกวินาทีที่ผ่านคือการนับถอยหลังไปสู่ความตาย ไม่มีอะไรมีค่าไปกว่า "เวลา" อีกแล้ว
.
"เราใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง" ก็ฟังดูง่ายดี แต่ลองเปลี่ยนมาเรียกว่า "เราใช้เวลาไป x % ของชีวิต" ดูสิ แล้วมุมมองต่อการใช้เวลาของคุณจะเปลี่ยนไป
.
และมันก็จริงที่เงินทองนั้นสำคัญ แต่หากเข้าใจความจริงของมัน ที่เงินมีค่าก็เพราะมันทำให้เราใช้เวลาที่มีได้อย่างมีค่าอย่างที่เราต้องการได้นั่นเอง
.
เวลาทุกคนมีจำกัด อย่าใช้เวลาไปเหมือนชีวิตเรามีเวลาอนันต์ จะได้ไม่มานั่งเสียใจในภายหลัง
.
นะ

257 Nameless Fanboi Posted ID:t43i.cswjo

>>256 เหมือนพึ่งรู้ว่ามึงต้องตายอ่ะ เอาตรงๆความคิดมันมีผลจากช่วงอายุด้วย ถ้ายังเด็กยังหนุ่มสาวคงไม่ค่อยคิดว่าชีวิตจะเหลือเวลาเท่าไหร่ แต่พอพ้นวัยทองมาก็จะคิดทุกวันแหละว่าพรุ่งนี้กูจะตายมั้ย
จะเอาเวลาไปคิดทําไมว่าชีวิตนี้เราใช้เวลาคุ้มมั้ยถ้าเราตายวันนี้ในอีกไม่กี่นาที สุดท้ายตายไปก็ไม่มีความรู้สึกกระบวนการคิดไดๆที่จะมาregretชีวิตละ ชีวิตนี้เราไม่มีความหมายจริงๆหรอกแล้วแต่ว่าจะกําหนดไง สําหรับกูถ้ากูจะตานอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า กูก็จะนอนขี้เกียจเหมือนเดิม การใช้ชีวิตแบบเสียเวลาก็คือคุณค่าอย่างหนึ่งในชีวิตแหละ มึงได้ขี้เกียจ ได้นอน มีความสุข ได้ยังได้หายใจ

258 Nameless Fanboi Posted ID:2z4YeXpx.W

Elon Musk อธิบายว่าทำไมลูกสาวของเขาไม่สามารถแต่งงานกับชายยากจนได้

ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการประชุมในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการลงทุนและการเงิน หนึ่งในวิทยากรคือ Elon Musk และในระหว่างช่วงถาม-ตอบ เขาถูกถามคำถามที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ

ถ้าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก สามารถยอมรับได้ว่าลูกสาวของเขาแต่งงานกับชายที่ยากจนหรือเจียมเนื้อเจียมตัว

คำตอบของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในทุกคน

Elon Musk - ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า
ความมั่งคั่งไม่ได้หมายถึงการมีบัญชีธนาคารที่อ้วน ความมั่งคั่งเป็นหลักความสามารถในการสร้างความมั่งคั่ง
ตัวอย่าง: ผู้ที่ถูกลอตเตอรี่หรือการพนัน ต่อให้ถูกหวย 100 ล้านก็ไม่ใช่คนรวย เขาเป็นคนจนมีเงินเยอะ นั่นเป็นเหตุผลที่ 90% ของเศรษฐีลอตเตอรีกลายเป็นคนจนอีกครั้งหลังจาก 5 ปี

คุณยังมีคนรวยที่ไม่มีเงิน
ตัวอย่าง: ผู้ประกอบการส่วนใหญ่
พวกเขาอยู่บนเส้นทางสู่ความมั่งคั่งแล้วแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเงินก็ตาม เพราะพวกเขากำลังพัฒนาความฉลาดทางการเงินและนั่นคือความมั่งคั่ง

คนรวยกับคนจนต่างกันอย่างไร?

พูดง่ายๆ คือ คนรวยอาจตายเพื่อรวย ในขณะที่คนจนอาจฆ่าเพื่อรวย

ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่ตัดสินใจฝึกฝน เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่พยายามปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ให้รู้ว่าเขาเป็นคนรวย

ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่คิดว่าปัญหาคือรัฐ และใครที่คิดว่าคนรวยล้วนเป็นหัวขโมยและวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ให้รู้ว่าเขาเป็นคนจน

คนรวยเชื่อว่าเขาแค่ต้องการข้อมูลและการฝึกอบรมเพื่อบิน คนจนคิดว่าคนอื่นต้องให้เงินพวกเขาเพื่อบิน

สรุปว่าเมื่อผมบอกว่าลูกสาวจะไม่แต่งงานกับคนจน ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเงิน ฉันกำลังพูดถึงความสามารถในการสร้างความมั่งคั่งในตัวผู้ชายคนนั้น

ขอโทษที่พูดแบบนี้ แต่อาชญากรส่วนใหญ่เป็นคนจน เมื่อพวกเขาอยู่หน้าเงิน พวกเขาเสียสติ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาปล้น ขโมย ฯลฯ สำหรับพวกเขา มันเป็นพระคุณเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาสามารถหาเงินด้วยตัวเองได้อย่างไร

อยู่มาวันหนึ่งยามธนาคารพบเงินเต็มถุง จึงหยิบกระเป๋าไปมอบให้ผู้จัดการธนาคาร

ผู้คนเรียกชายคนนี้ว่าคนงี่เง่า แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงเศรษฐีที่ไม่มีเงิน

หนึ่งปีต่อมาธนาคารเสนองานให้เขาเป็นพนักงานต้อนรับ 3 ปีต่อมาเขาเป็นผู้จัดการลูกค้าและ 10 ปีต่อมาเขาจัดการการจัดการระดับภูมิภาคของธนาคารแห่งนี้ เขาจัดการพนักงานหลายร้อยคนและโบนัสประจำปีของเขาเกินกว่าที่เขาจะมีได้ ถูกขโมย

ความมั่งคั่งคือสภาวะของจิตใจเป็นอันดับแรก

*สรุปว่า…คุณรวยหรือจน*

259 Nameless Fanboi Posted ID:GoynclElRr

ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่ตัดสินใจฝึกฝน เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่พยายามปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ให้รู้ว่าเขาเป็นคนรวย

ถ้าคุณเห็นคนหนุ่มสาวที่คิดว่าปัญหาคือรัฐ และใครที่คิดว่าคนรวยล้วนเป็นหัวขโมยและวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ให้รู้ว่าเขาเป็นคนจน

Elon Musk

260 Nameless Fanboi Posted ID:lV58MbnSmy

>>258 >>259 Elon Gates https://www.indiatoday.in/fact-check/story/fact-check-why-daughter-cant-marry-poor-man-explainers-falsely-pinned-on-musk-gates-1875783-2021-11-12

261 Nameless Fanboi Posted ID:cj03BoQ8s2

อยากขอความเห็นเรื่องปัญหาหุ้นกับบริษัทที่เคยทำงานหน่อยครับ
.

พอดีว่าเคยทำงานบริษัท Startup แห่งหนึ่ง ที่ raise fund ไปหลายรอบ แล้วระหว่างนั้นก็ได้ ESOP มา ซึ่งตอนหลังแปลงเป็นหุ้นของบริษัท

หลังจากที่ลาออกมาพักใหญ่แล้ว ก็มีเมล์มาขอซื้อหุ้นคืนหลายครั้ง ซึ่งพอไปเช็คดูเห็นว่าราคาต่ำกว่าราคาที่รับลงทุนมาล่าสุดหลายเท่า ประกอบกับอยากจะถือหุ้นไปยาวๆ ก็เลยไม่ขาย
.

ระหว่างนั้นก็ยังมีเมล์มาทวงเรื่อยๆ แล้วเพื่อนที่เคยทำงานด้วยหลายคนก็โดนซื้อคืนไปเกือบหมด จนล่าสุดไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เค้าแจ้งว่าจะย้ายบริษัทไปที่ประเทศอื่น ถ้าเราไม่ขาย แล้วผู้ถือหุ้นเกิน 90% ตกลง เค้าสามารถ squeeze ออก คือบังคับขายที่ราคา ต่ำมากๆ ได้ ซึ่งต่ำกว่าราคาที่รับซื้อแรกเกิน 100 เท่า เรียกว่าไม่เหลือมูลค่าเลยก็ไม่ผิด
.

เลยอยากทราบว่ามีใครมีประสบการณ์ด้านนี้หรือมีคำแนะนำบ้างมั้ยฮะ จะให้จ้างทนายก็อาจจะไม่ไหว เพราะอาจจะไม่คุ้มเวลากับเงินที่จะไปสู้ แต่ก็รู้สึกไม่พอใจที่โดนแบบนี้จากบริษัทที่เราเคยตั้งใจทำงานให้

262 Nameless Fanboi Posted ID:INbzxrYe5R

ทำเป็นหดหู่ที่คนไม่ยืนในโรงหนัง เวลาอยู่บ้านทำความเคารพพ่อแม่ตัวเองเหมือนที่ไปเคารพพ่อคนอื่นรึป่าว

263 Nameless Fanboi Posted ID:drwkyH7HHJ

เห็นเพื่อนสาวในเฟสโพสต์บรรทัดแรก”หนุ่มเนิร์ดนี่น่ารักนะ อยากแต่งงานกับหนุ่มเนิร์ด” แล้วใจเต้นว่าเราก็น่าจะมีหวัง

เลื่อนลงมาในอัลบัมภาพคู่กับแคปชั่น ในนั้นคือเฮนรี่คาวิล แอนดรูวกาฟิล กับน่าจะเป็นหนุ่มเกาหลีสองสามคนใส่แว่น

ครับ

-มิตรสหายเนิร์ดหัวเถิกตั้งแต่อายุกลาง20ท่านนึง

264 Nameless Fanboi Posted ID:AqoDk/3d83

กว่าจะครองอำนาจนำ
การคลี่คลายขยายตัวของเครือข่ายในหลวง
ภายใต้ปฏิสัมพันธ์ชนชั้นนำไทย ทศวรรษ 2490-2530
โดย อาสา คำภา
หนังสือชุดสยามพากษ์ ลำดับที่ 6
บทที่ 1 ปฐมบท การเมืองเชิงเครือข่ายของชนชั้นนำไทยหลัง 2475
บทที่ 2 ฟื้นพระเกียรติ การก่อรูปเครือข่ายในหลวงช่วงต้นรัชกาล
บทที่ 3 เครือข่ายชนชั้นนำไทย สัมพันธภาพและฉันทมติภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร 2500-2516
บทที่ 4 ข้าราชการสายวัง การขยายเครือข่ายในหลวงช่วงทศวรรษ 2500 ถึงกลางทศวรรษ 2510
บทที่ 5 เครือข่ายในหลวงกับรัฐบาลจอมพลถนอม
บทที่ 6 รัฐบาลพระราชทาน พลวัตเครือข่ายชนชั้นนำไทยกับพิมพ์เขียวการเมืองหลัง 14 ตุลา
บทที่ 7 ก่อนจะถึง 6 ตุลา การควบรวมอำนาจและการละเมิดฉันทมติชนชั้นนำไทย
บทที่ 8 ลงไปสู่ประชาชน ราชประชาสมาสัยเชิงรุก และสัมพันธภาพสถาบันกษัตริย์กับคนกลุ่มใหม่หลัง 14 ตุลา
บทที่ 9 รัฐบาลพลเรือนขวาจัดหลัง 6 ตุลา แนวโน้มควบรวมอำนาจของเครือข่ายในหลวง และปฏิกิริยาของชนชั้นนำไทย
บทที่ 10 คอยแสงทองวันใหม่กลับคืนมา การแบ่งสัน(ใหม่)ในเครือข่ายชนชั้นนำไทย 2520-2523
บทที่ 11 จงรักและภักดี สัมพันธภาพผู้นำทหารกลุ่มต่างๆ กับสถาบันกษัตริย์ ต้นทศวรรษ 2520
บทที่ 12 สู่ดุลยภาพ-เสถียรภาพของเครือข่ายชนชั้นนำไทยภายใต้พระราชอำนาจนำ
บทสรุป สี่ทศวรรษเส้นทางเดินแห่งพระราชอำนาจนำ พฤษภา 35 และฉันทมติภูมิพล

265 Nameless Fanboi Posted ID:7/m84o39yS

>>258 ยี้ elon musk แมร่ง ignorant ว่ะ ไม่เข้าจัย ถึงปัญหาโครงสร้าง ระบบกดทับ แบบสามสัสทัย บ้าง

266 Nameless Fanboi Posted ID:9X4QF75hUY

>>265 >>260

267 Nameless Fanboi Posted ID:GoVrxj0bzm

น้องคนนี้มาเรียนที่ C-0-D-E-S-T-A-R เดือนเดียว ไปสมัครงานที่ KBTG ทดสอบและสัมภาษณ์วันเดียวได้งานทันที ใครสนใจสมัครงานที่บริษัทชั้นนำของไทยอย่าง KBTG ส่งใบสมัครงานได้ตลอดเวลาครับ

สำหรับคนที่สนใจเรียน Java แบบเน้นความเข้าใจ เรียนไปแล้วไม่มีวันลืม ศึกษาจากการพิมพ์ทีละตัวอักษร เข้าใจว่าแต่ละตัวที่พิมพ์ลงไป มีความหมายว่าอะไร สอนสดทุกรอบ ไม่มีสอน Online เป็นผู้สอนที่มีชั่วโมงการสอน Java มากที่สุดในโลก 4,500 ชั่วโมง และสอน Full Stack 3,100 ชั่วโมง มาเรียนซ้ำได้ฟรี จนกว่าจะได้งานประจำเงินเดือนสูงอย่างที่ต้องการ

ดูคอร์สเรียนได้ที่นี่ https://c0destar.work/register

มาเรียน Full Stack Engineer ที่ C-O-D-E-S-T-A-R ใช้ภาษาเดียว เขียนได้ครบทุกส่วน ตั้งแต่ Backend, Frontend, Database, API, Web Service เรียน Framework อย่าง React, Angular, Vue.js, Node.js ที่สำคัญคือ ได้เขียน Application บน iOS และ Android ด้วย React Native สร้าง Ecosystem ได้ด้วยภาษาเดียว

ดูคอร์สเรียนได้ที่นี่ https://C-O-D-E-S-T-A-R.work/register

268 Nameless Fanboi Posted ID:Vz2lRORqpP

คุณนี่ไม่ไหว เรื่องง่ายๆพื้นๆก็ไม่รู้
อังกฤษก็เข้าเฝ้าครับ (แต่ก่อนมีกำหนดการ เดี๋ยวนี้ไม่รู้มีหรือเปล่า) นอร์เวย์ก็เข้าเฝ้า แต่ประเด็นคือการเข้าเฝ้านี้ ไม่เปิดเผย และกษัตริย์ไม่ได้มีอิสระพูดนั่นพูดนี่ได้
การเข้าเฝ้านั้นไม่ได้บอกอะไรเลย
อำนาจของกษัตริย์ไทยมีมากมายล้นเกิน เอาไปเปรียบเทียบกับยุโรป ก็มีแต่แสดงออกถึงอำนาจที่มากนี้ เรื่องนี้ใครๆก็รู้ ฝรั่งรู้ ไทยรู้ (ถามวิษณุ บวรศักดิ์ ดูได้)
เรื่องอะไรที่เถียงไม่ได้ ก็อย่าดันทุรังเลย

269 Nameless Fanboi Posted ID:0Z1IwhXyWS

1.พังทุกอย่างเพราะประเมินพลาดหมดเลย ไปเชื่อโลกทวิตเตอร์มากเกินไป อิงอะไรไม่ได้เลย วันที่14 ม๊อบมาหลักพัน ทวิตหลักล้าน
2.อีกข้อเน้นๆเลย พังเพราะปาก เที่ยวไปทัวร์ลงคนนั้นคนนี้ ตอนนี้โดนพลเมืองโต้กลับละ เอะอะไม่พอใจหยาบใส่เขา
ไปบังคับให้คนอื่นทำตามตัวเอง ปากก็เที่ยวไล่แบน สุดท้ายแพ้ภัยตัวเอง
3.ชอบเสพย์ข่าวเฟคนิว เสพย์จนหลอน ข่าวจริงปลอมไม่ต้องกรอง ขอแค่เข้าทางพวกเราพอ
4.เจ้าของตัวจริงไม่ออกมานำม๊อบสักที ปล่อยพวกกีกี้มาให้รัฐบาล rider kick รัวๆ
5.ข้อนี้ถ้าผมเป็นม๊อบผมเจ็บปวดนะ พวกอินฟูลโดดหนีหมดเลย วันที่14ที่ผ่านมา ต่างพากันไม่ว่าง ป่วยก็มี ม๊อบเลิกปุ้บหายทันทีอัพเพจต่อ
เห้อไม่ออกมาช่วยอะ ตอนที่ต้องการกลับชิ่งหนี ตาสว่างได้แล้วใครจริงใจ ไม่จริงใจ
6.เด็กด้อยประสบการณ์ มางัดกับพวกสูงอายุขิงแก่ เก็บเรียบสิแบบนี้

มิตรสหายพันดริฟ

270 Nameless Fanboi Posted ID:/p23DX4Xw5

- ลอยกระทง = ประเพณีสร้างขยะ (ไม่ว่าจะลอยด้วยวัสดุใดก็ตาม) พ่วงด้วยอันตราย (โคมลอย แม้จะบอกว่าลอยนอกเมือง ลอยในพื้นที่โล่งและห่างสนามบิน)

- สงกรานต์ = ประเพณีก่อความเดือดร้อนเพราะมีการปิดถนนเล่นน้ำ (ไม่ว่าจะจัดตรงไหนก็ตาม) แถมใช้เสียงดังรบกวนคนชอบความเงียบสงบ หรือมีการดื่มกิน แล้วก็ไปเกิดอุบัติเหตุ (เมาแล้วขับต้องมีไม่มากก็น้อย)

- ปีใหม่ = ประเพณีเสี่ยงอุบัติเหตุเพราะมีการเฉลิมฉลอง (เมาแล้วขับต้องมีไม่มากก็น้อย) แถมส่งเสียงอึกทึกคึกโครม รบกวนทั้งคนและสัตว์ที่ต้องการความสงบ (เปิดเพลง ร้องเพลง จุดพลุ)

- บั้งไฟ = ประเพณีก่ออันตรายจากจรวด (ต่อให้ไปจุดที่โล่งๆ ห่างไกลชุมชน ก็ไม่รู้ว่ามันจะไปแจ็คพ็อตตกที่ไหนได้บ้าง)

ยุคสมัยที่หน้าจอเป็นใหญ่..จะเหลืออะไรให้สนุกสนานกลางแจ้งได้บ้างครับ?

รู้สึกโชคดีที่ตัวเองเป็นเด็กยุคอนาล็อก และเป็นวัยรุ่นช่วงกึ่งอนาล็อก-กึ่งดิจิทัลจริงๆ บรรยากาศสุดเหวี่ยงหลายๆ อย่าง ยุคนี้แทบไม่มีให้เห็นแล้ว

#มิตรสหายเฟซบุ๊กท่านหนึ่ง

271 Nameless Fanboi Posted ID:Vz2lRORqpP

ที่ผ่านมาอาจารย์มองว่ากลุ่มชนชั้นนำของไทยสนับสนุนประชาธิปไตยมากแค่ไหน

ถ้าเรามองเรื่องนี้แบบขาว-ดำ เราอาจมองว่าชนชั้นนำไทยมันไม่สนับสนุนประชาธิปไตยเลย แต่ส่วนตัวผมมองว่าชนชั้นนำไทยไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตย มันแล้วแต่เงื่อนไขประวัติศาสตร์ เพราะอย่างที่ผมบอกว่าคนกลุ่มนี้ Related กับโลกก่อนคนอื่น เขารู้ดีว่ามันคือเทรนด์ของโลก และมันปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น เขาไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตยหรอก แต่มันอยู่ที่ว่าจะปรับประชาธิปไตยมาเป็นแบบไหนมากกว่า

ในช่วงหลังรัฐประหาร 2490 เราจะเห็นว่าคนในกลุ่มอนุรักษ์นิยม เช่น ในพรรคประชาธิปัตย์ ควง อภัยวงศ์ หรือเสนีย์ ปราโมช เขาไม่ได้มีเป้าหมายกลับไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ต้องการสร้างการเมืองในระบบรัฐสภาที่จัดตำแหน่งแห่งที่ให้อำนาจกับสถาบันกษัตริย์มากขึ้น คือเป็นเสรีนิยมรอยัลลิสต์ หรือช่วงก่อน 14 ตุลา เราจะพบว่าสถาบันกษัตริย์กับนักศึกษาเป็นแนวร่วมกลุ่มเดียวกัน ที่ต้องการไล่รัฐบาลถนอม ซึ่งเป็นการใช้พลังประชาธิปไตยเพื่อโค่นล้มเผด็จการ

ถ้าเรากระเทาะเปลือกของชนชั้นนำไทย เราจะพบว่าในช่วงทศวรรษ 2520 ชนชั้นนำไทยตั้งแต่ตัวนายกฯ (พล.อ.เปรม ติณสูลานน์ – ผู้เขียน) กลุ่มนักการเมือง เทคโนแครต รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เลือกประชาธิปไตยมากกว่าเผด็จการ ตรงนี้ดูย้อนแย้งมากในสมัยนี้ แต่ในตอนนั้น พล.อ.เปรม ทะเลาะกับ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ. บ่อยมาก ทำให้ชนชั้นนำไทยเลือกไปอยู่กับประชาธิปไตย ไม่เข้าข้างฝ่ายทหาร นอกจากนี้ ในช่วงแรกของรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีมักจะเป็นข้าราชการประจำ แต่พอช่วงท้ายๆ รัฐมนตรีกลับเป็น ส.ส. เกือบหมดเลย มันสะท้อนว่ามันมีกระบวนการทำให้เป็นประชาธิปไตย (Democratization) ชัดเจนมากขึ้น

272 Nameless Fanboi Posted ID:tQUXVLaVHf

# สรุปข่าวช่วงบ่าย (20/11/2021) อัพเดทการไต่สวนคดีของ Kyle Rittenhouse (ตอนที่ 12 )

คณลูกขุนได้มีคำตัดสินออกมาในคดีต่างๆดังนี้

ข้อหาที่ 1 : กระทำประมาทจนทำให้มีผู้อื่นเสียชีวิตระดับ 1 คณะลูกขุนตัดสินว่าไม่ผิด

ข้อหาที่ 2 : กระทำการโดยประมาทซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยระดับ 1 คณะลูกขุนตัดสินว่าไม่ผิด

ข้อหาที่ 3 : กระทำการโดยประมาทซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยระดับ 1 คณะลูกขุนตัดสินว่าไม่ผิด

ข้อที่ 4 : เจตนาที่จะก่อเหตุฆาตกรรมระดับ 1 คณะลูกขุนตัดสินว่าไม่ผิด

ข้อหาที่ 5 : พยายามที่จะก่อเหตุฆาตกรรมระดับ 1 คณะลูกขุนตัดสินว่าไม่ผิด

หลังจากคณะลูกขุนได้ประกาศคำตัดสินออกมาแล้ว Bruce Schroeder ผู้พิพากษาได้กล่าวว่า
* ผมคิดว่า คำตัดสินทั้งหมดนั้นได้มีขึ้นในรูปแบบของความเอาใใจใส่และการร่วมมือกันของพวกคุณคณะลูกขุนที่ได้มอบให้กับพวกเรา สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความชอบธรรมในความเชื่อมั่นที่บรรดาบรรดาบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศของพวกเรานั้นได้มอบให้กับพวกคุณดังนั้นผมอนุญาตให้พวกคุณกลับบ้านได้โดยไม่ขอออกความเห็นใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับคำตัดสิน
* พวกคุณไม่มีพันธะหน้าที่ใดๆทั้งสิ้นที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้กับใครก้ตาม พวกคุณนั้นสามารถให้ความเห็นมากหรือน้อยขนาดไหนก็ได้ตามที่พวกคุณต้องการ

โฆษกของ Rittenhouse ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างขัดเจนว่า Rittenhouse นั้นได้ป้องกันตัว

ด้านผู้ช่วยอัยการ Thomas Binger ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
* คณะลูกขุนนั้นถือเป็นตัวแทนของพวกเราในการไต่สวนคดีนี้และพวกเขาได้พูดออกมาแล้ว
* พวกเรารู้สึกซาบซึ้งต่อการที่คณะลูกขุนในความขยันขันแข็งและคำตัดสินที่ผ่านการไตร่ตรองมาแล้ว ชุมชน Kenosha นั้นได้อดทนอดกลั้นกับเรื่องราวทีี่ผ่านมาตลอด 15 เดือนและพวกเราจะยังคงยืนหยัดและแข็งแกร่งต่อไป พวกเราขอร้องให้บรรดาสมาชิกชุมชนนั้นแสดงความเห็นและความรู้สึกของพวกเขาเกีย่วกับคำตัดสินนี้ในท่าทีเป็นมิตรและมีอารยธรรม

คณะลูกขุนที่ตัดสินนั้นประกอบบด้วยผู้หญิง 7 รายและผู่ชาย 5 ราย โดยมีชายผิวสีรวมอยู่ด้วย 1 ราย พวกเขาทั้งหมดไม่ได้ให้ความเห็นใดๆทั้งสิ้นกับสื่อมวลชนโโยได้สวมฮู้ดและหน้ากากเดินทางออกจากศาลทันที

ประธานาธิบดีไบเด้นได้โกรธและเป็นกังวลหลังจากที่ได้ยินคำตัดสินคดีนี้แต่เขาได้ออกมายืนยันว่าเขาอยู่ข้างเดียวกับคำตัดสินของคณะลูกขุน

* ผมขอเรียกร้องให้ทุกๆคนนั้นแสดงความเห็นอย่างสันติสอดคล้องกับหลักนิติรัฐ ความรุนแรงและการทำลายทรัพย์สินนั้นไม่มีที่ให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยของพวกเรา

ด้านพรรคริพับลิกันได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเด้นนั้นออกมาขอโทษ Kyle Rittenhouse กับการที่เขานั้นใช้อคติกับคดีนี้เขาได้ป้ายสี RIttenhouse เพื่อให้ได้คะแนนการเมืองและเผยแพร่คำโกหกเกี่ยวกับคดีนี้โดยสิ่งที่ไบเด้นทำนั้นเป็นอันตรายและการหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง พวกเราริพับลิกันขอเรียกร้องให้ไบเด้นทำเดี๋ยวนี้ก่อนที่พวกฝ่ายซ้ายจะใช้คำโกหกของเขาเพื่อกระตุ้นความรุนแรง

ด้านเดโมแครต สื่อลิเบอรัลและบรรดาดาราต่างๆนั้นได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างโกรธเกรี้ยวเกี่ยวกับคำตัดสินดังกล่าว

Cori Bush (D-MO) สมาชิกรัฐสภาได้ทวีตว่า
* ผู้พิพากษา คณะลูกขัน จำเลยนั้นเป็นพวกเชิดชูคนขาว ระบบยุติธรรมไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้พวกเชิดชูคนขาวต้องรับผิดชอบ
* นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนดำและน้ำตาลนั้นถึงได้ถูกกระทำรุนแรงและโดนตั้งข้อหาในขณะที่พวกฆาตกรเชิดชูคนขาวนั้นเดินออกมาแบบชิวๆ ฉันเจ็บปวด ฉันโกรธ ฉันอกหัก

Bill De Blasio ได้ทวีตว่า
* Anthony Huber และ Joseph Rosenbaum นั้นเป็นเหยื่อพวกเขาควรจะมีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพราะมีคนอันตรายถือปืนเดินทางข้ามรัฐมาอยู่ข้างนอก (คำกล่าวนี้ไม่เป็นความจริงจากการที่เจ้าหน้าที่เขตประจำรัฐ Illinois ได้ออกมาให้การต่อศาลแล้วว่า เขาไม่ได้เดินทางข้ามมลรัฐ)

AOC ได้ทวีตว่า
* การตัดสินของลูกขุนนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอคติของระบบลูกขุนอเมริกัน สิ่งที่พวกเรากำลังเห็น คือ ระบบที่ถูกออกแบบและใช้ปกป้องคนที่ออกแบบมัน

273 Nameless Fanboi Posted ID:tQUXVLaVHf

>>272

การสืบสวนของสมาพันธุ์ต่อต้านการหมิ่นประมาทนั้นได้ข้อสรุปว่า
* จากการสืบสวนร่องรอยการใช้งาน Internet นั้นพบว่า Kyle RIttenhouse นั้นไม่มีส่วนเกียวข้องใดๆทั้งสิ้นกับพวกกลุ่มสุดโต่ง ไม่ได้เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติแบบที่ประธานาธิบดีไบเด้น ดารา สื่อ นั้นเคลมกัน
* แม้กระทั่งคำว่า สุดโต่ง เหยียดเชื้อชาติหรือคนที่มีความเชื่อแบบสุดโต่งนั้นไม่ได้ถูกเอ๋ยถึงแม้แต่ครั้งเดียวโดยฝ่ายอัยการในการสรุปปิดคดี
* ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าว

ปล.ความเห็นของผมนะครับ งานนี้เป็นการไต่สวนโดยอ้างอิงจากหลักฐานและข้อเท็จจริงที่มีอยุ่ทั้งหมดเท่าที่จะหามาได้เลยนะครับ โดยฝ่ายทนายความนั้นขอบอกเลยว่า เตรียมตัวมาดีมากนะและไม่เคยพลาดแม้แต่วินาทีเดียวทันทีที่ฝ่ายอัยการนั้นแสดงจุดอ่อนให้เห็นนะโดยการรีบแย้งทันที ส่วนอัยการนี้ขอบอกว่า ควรปรับปรุงการทำงานเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ ส่วนผู้พิพากษาก็ทำหน้าที่คอยเป็นกรรมการในศาลได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ทุกๆครั้งที่อัยการออกนอกลู่นอกทางก็จะทำหน้าที่ตักเตือนนะ แต่งานนี้อัยการข้ามเส้นบ่อยเกินไปจนแม่แต่ผู้พิพากษาเองก็โกรธได้เหมือนกันนะ

งานนี้ผมคิดว่า ประธานาธิบดีไบเด้น สื่อฝ่ายซ้าย ดาราและเดโมแครตต้องออกมาแก้ข่าวและขอโทษ Rittenhouse อย่างเป็นทางการแล้วละครับเพราะการเร่งด่วนสรุปของพวกเขาน้ันได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนนะ
https://www.dailymail.co.uk/news/article-10208475/Kenosha-murder-case-jury-reached-verdict.html

คลิปวีดีโอคณะลูกขุนได้ประกาศคำตัดสินในคดี

https://videos.dailymail.co.uk/video/mol/2021/11/19/4831665530199325687/640x360_MP4_4831665530199325687.mp4

คลิปวีดีโอการสัมภาษณ์ของไบเด้น

https://videos.dailymail.co.uk/video/mol/2021/11/19/1581477330860618356/640x360_MP4_1581477330860618356.mp4

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

274 Nameless Fanboi Posted ID:tQUXVLaVHf

"ฮีโร่" ก้าวสู่ "ยุคบล็อคบัสเตอร์" ของหนังจีน

Hero(2002) นับว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของจีนที่ทำรายได้ในจีนเกิน 100 ล้านหยวน นั่นเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่สุดของวงการภาพยนตร์พูดภาษาจีน และเป็นจุดสิ้นสุดของภาพยนตร์ฮ่องกง ไปโดยปริยาย

นับตั้งแต่ปี 1997 เมื่อจีนปกครองฮ่องกง วงการภาพยนตร์ฮ่องกงก็ไม่เฟื่องฟูเหมือนในยุคก่อนๆ จนกระทั่งในปี 2000 พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก (Crouching Tiger, Hidden Dragon) ภาพยนตร์กำลังภายในของอังลี บุกตลาดฮอลลีวู้ด ทำรายได้ถล่มทลาย เฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้น ทำรายได้ไปถึง 128 ล้านเหรียญ และทำรายได้ไปถึง 213 ล้านเหรียญทั่วโลก

ในระหว่างถ่ายทำ Happy Time (2000) จางอี้โหมว ตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ เขาใช้เวลา 3 ปีในการเตรียมภาพยนตร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนแรกจางอี้โหมวต้องการดัดแปลงบทประพันธ์ของกิมย้ง และ เนี่ยอู๋เซ็ง มาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายจางอี้โหมวจึงต้องเริ่มเขียนเรื่องราวใหม่เอง

สำหรับนักแสดงนั้น จางอี้โหมว วางนักแสดงทั้งเหลียงเฉาเหว่ย จางม่านอวี้ เจิ้นจื่อตัน จางจื่ออี์ และ เฉิน เต้าหมิง ตรงตามคาแรกเตอร์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีเพียงตัวละคร"ไร้นาม" ที่เขาต้องการนักแสดงจีนที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกและเป้นนักแสดงที่มีตลาดในฮอลลีวู้ด ตัวเลือกแรกของทีมผู้สร้าง คือ เฉินหลง

แต่จางอี้โหมวมองว่า บุคลิกและวัย ของเฉินหลง กับ ไร้นามนั้นแตกต่างกันมาก สุดท้ายเขาจึงเลือก หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ท ลี มารับบทไร้นาม

ฮีโร่ มีโลเคชั่นหลักอยู่ที่ ตุนหวง มณฑลกานซู่ เริ่มถ่ายทำในเดือนสิงหาคม 2001

วาดะ เอมิ(Wada Emi ) มารับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์เรื่องนี้ เดิม จางอี้โหมว อยากได้ วิลเลียม จางมาออกแบบเครื่องแต่งกาย แต่ ตอนนั้น วิลเลียม จาง กำลังยุ่งอยู่กับการออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์ 2046 ของหว่องกาไวอยู่ แต่การได้ วาดะ เอมิ มาออกแบบเครื่องแต่งกาย นับว่าเป็นความลงตัวมากกว่าสำหรับ ฮีโร่ เพราะ ตัว วาดะ เอมิ เอง เธอเคยออกแบบเครื่องกายให้กับ ภาพยนตร์ Epic ใหญ่ๆ อย่างเรื่อง Ran (1985) ของ อากิระ คุโรซาว่ามาแล้ว ติดเพียงปัญหาเรื่องของภาษาในการสื่อสารของจางอี้โหมวและ เอมิ ที่แท้จะใช้ล่ามแปล แต่สุดท้าย จางอี้โหมวก็เลยปรับวิธีทำงาน ให้ เอมิ ออกแบบมาก่อนและเขาค่อยดูว่าจะปรับเปลี่ยนตรงไหนในภายหลัง

"ฮีโร่" เป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะของผู้กำกับจางอี้โหมว ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ของภาพยนตร์และการค้าของประเทศจีน ดาราชื่อดังคับคั่ง ฉากยิ่งใหญ่ ภาพงดงามราวบทกวี การออกแบบศิลปะการต่อสู้นั้นลื่นไหลและวิจิตรเกินจินตนาการ ประสานแนวความคิดทางศิลปะแบบจีนดั้งเดิมผสมผสานกับการสร้างแบบจำลองความงามที่รุนแรงของภาพยนตร์แอคชั่น ทำให้เกิดตำนานบ็อกซ์ออฟฟิคครั้งใหม่ ซ้ำยังเป็นต้นแบบความสำเร็จให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในจีนแผ่นดินใหญ่

" Wall Street Journal " ของสหรัฐอเมริกาเชื่อ เขียน ว่า "ฮีโร่ได้เปิดม่านแห่งยุคภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของจีนอย่างแท้จริง" ในขณะเดียวกันกลยุทธ์การเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของ "ฮีโร่" แนวคิดระหว่างการพาณิชย์และศิลปะยังได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงในหมู่ผู้สร้างภาพยนตร์ภาษาจีน และ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์ การใช้สไตล์ตะวันออก ใน รูปแบบ สี และแนวคิดทางศิลปะ ภาพและเสียงที่สวยงาม การผสมผสานการแสดงของเหล่าดาราใหญ่ของจีน และนี่คือภาพยนตร์ที่จะสร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ใหเกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนในอนาคต

ซึ่งบทความของ Wall Street Journal นั้น แทบจะไม่เกินความเป็นจริงแต่อย่างใด จากการกำเนิดของ ฮีโร่ จนปัจจุบันประเทศจีนกลายเป็นตลาดภาพยนตร์ที่สำคัญที่สุดในโลกในปัจจุบันนั้นกินเวลาไม่ถึง 20 ปี ด้วยซ้ำ

สองเดือนหลังจาก "ฮีโร่" ออกฉาย บ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศจีนทำรายได้ถึง 250 ล้านหยวน และทำรายได้จากการฉายทั่วโลกถึง 177 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า "ฮีโร่" ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนสำหรับภาพยนตร์จีน

"ฮีโร่" เป็นที่ยกย่องอย่างกว้างขวางในตะวันตก แต่เนื่องจากความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรม. ผู้ชมตะวันตกหลายคนจะประหลาดใจจากความงามของภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้เพียง แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเนื้อหาและสาระสำคัญทางจิตวิญญาณของหนังเรื่องนี้

275 Nameless Fanboi Posted ID:tQUXVLaVHf

>>274

จางอี้โหมวใช้สีทั้งในเครื่องแต่งกายของตัวละคร และ ฉากที่เล่าผ่านสองตัวละครคือไร้นาม และ ฉินอ๋อง ตัวละครเอกในภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้สีเพียงห้าสี , สีฟ้า , สีเขียว , สีแดง , สีดำและสีขาว ผู้กำกับใช้แต่ละสีเพื่อนำเสนอเรื่องราว ตัวอย่างเช่น สีแดงแสดงถึงความหลงใหล ความอิจฉาริษยา และแรงกระตุ้น และเรื่องราวที่คลุมเครือนั้นมีความเฉพาะตัวละครและรุนแรงที่มากเกินไป สีน้ำเงินแสดงถึงความสงบและความสงบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการคาดเดาโดยเจตนาของฉินอ๋องเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิด สีเขียวแสดงถึงอุดมคติ สันติภาพ และสัญลักษณ์ความปรารถนาที่สวยงามในความทรงจำ สีดำแสดงถึงความลึกลับ และความชอบสีดำของ จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นการพาดพิงทางประวัติศาสตร์ ( ในห้าองค์ประกอบน้ำเป็นสีดำ และ จิ๋นซีฮ่องเต้เชื่อว่าองค์ประกอบทั้งห้าของ รัฐฉิน เป็นน้ำ)เครื่องแต่งกายไร้นามคือ สีดำเปรียบเสมือนเป็นเงาสะท้อนผลการกระทำอีกด้านนึงของฉินอ๋อง การใช้สีขาวในช่วงสุดท้าย หมายถึง โลกแห่งความจริงที่ปราศจากอคติ ซึ่งเป็นบทสรุปของภาพยนตร์เรื่องนี้

ในปี 2005 นิตยสาร " Time " ได้เลือกให้ ฮีโร่ ติด "10 อันดับภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลกในปี 2004" (ออกฉายที่อเมริกาในปี 2004) และเป็นภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่ถูกจัดไว้เป็นอันดับหนึ่งภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในปีนั้น

ฮีโร่ ไม่ใช่เพียงภาพยนตร์จีนเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่มันคือหมุดหมายสำคัญของภาพยนตร์จีน ที่ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์เชื้อสายจีนทั่วโลก ได้เห็นศักยภาพในการสร้างภาพยนตร์ของจีน รวมถึงตลาดภาพยนตร์จีนที่พร้อมจะขยายตัวมากขึ้นพอที่จะเป็นตลาดภาพยนตร์อันดับหนึ่งของโลกแทนฮอลลีวู้ด ทำให้บรรดาดาราผู้สร้างภาพยนตร์เชื้อสายจีนทยอยกลับมา ที่จีน ร่วมสร้างตลาดภาพยนตร์จีนให้เติบโตยิ่งขึ้น

ปล. เห็นรูปภาพจากท่านประมุข แห่งกลุ่มกำลังภายใน เลยขโมยภาพมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทความนี้ขอรับ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

276 Nameless Fanboi Posted ID:Qvc0qvl413

วอนนาบีขวาเมกา แม่งน่ารำคาญสัส ทำตัวแม่งยังกะเชียร์ทีมฟุตบอล เออฝ่ายซ้ายไทยยังวอนนาบีไม่เท่าเพราะแม่งไม่ชอบไบเดนอยู่แล้วอะนะ ถ้าใส่ใจเรื่องการเมืองไทยได้พอๆกับการเชียร์พรรคการเมือง คงจะดีไม่น้อย

277 Nameless Fanboi Posted ID:LpcMBhzinw

>>276
Seethe
Cope

278 Nameless Fanboi Posted ID:TM++8MdYVK

>>276 แม่งในกลุ่มไวลด์กูเห็นโพสบ่อยมาก แต่มันโพสการเมืองไทยไม่ได้เพราะหลุ่มนี้ห้าม โทษคือโดนแบน แต่มันก็ยังดราม่าได้อยู่ดี ไปดราม่าเรื่องของชาวบ้าน ตั้งแต่ม็อบฮ่องกงแล้ว

279 Nameless Fanboi Posted ID:of3b/y00oq

>>275 สรุปว่าที่ตอนนี้ตลาดบันเทิงต้องง้อจีนเอาใจจีนระมัดระวังความเปราะบางของจีนจนเจ๊งรวดก็เพราะHero
หนังบู๊กำลังภายในกลายเป็นดึงสลิงเหินไปเหาะมา แสดงวิชาฝีมือด้วยspecial effectล้วนๆ ก็เพราะHero

กุคิดถึงยุคที่คิวบู๊หนังจีนเป็นหมัดมวยถึงเนื้อถึงตัวกันจริงๆ

280 Nameless Fanboi Posted ID:IbIc/Wwu7y

>>279 ซีนบู๊แบบนั้นมันก็เป็นสไตล์นึงนะ เหมาะกับหนังบางประเภท อย่างเคนชินนี่กูดูยังไงก็คิดว่าเหมาะกับสไตล์นี้มากกว่า เพลงดาบล่องนภากับเพลงดาบในเรื่องมันต้องเว่อๆ แบบนี้ละ ไม่ได้ว่าซาโต้ ทาเครุเล่นไม่ดีนะ แต่มันแสดงพลังของเพลงดาบล่องนภาได้ไม่สุดนะ

ส่วนที่ว่าทำใมหนังจีนถึงห่วย กูว่าที่คลิปนี้พูดก็มีส่วน

https://youtu.be/bNFkcXrs_sk

281 Nameless Fanboi Posted ID:rMVGArANYZ

วันนี้มีข่าวว่าดาบญี่ปุ่นของนายพลอองซานซ่อมเสร็จแล้ว จากเดิมที่สนิมกินไปเยอะ ตอนนี้มีสภาพคมกริบอย่างที่เห็น

ดาบนี้บุตรีคืออองซานซูจีส่งไปซ่อมและลับที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร พอเกิดการยึดอำนาจขึ้นช่างญี่ปุ่นก็ยังซ่อมต่อไปจนแล้วเสร็จ แม้ว่าเจ้าของจะยังไม่มีโอกาสรับกลับคืนไป

แม้แต่อิสรภาพของเจ้าของดาบก็ยังไม่รู้จะได้คืนมาเมื่อไร

ผมลองเช็คข้อมูลพบว่าดาบญี่ปุ่นเล่มนี้ไม่ธรรมดา เพราะตีขึ้นในปี 1942 โดยทากาฮาชิ ซาดะซึกุ (高橋 貞次) ช่างตีดาบคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตของญี่ปุ่น และเป็นช่างดาบให้กับราชสำนักด้วย (เสียชีวิตไปในปี 1968)

อองซานมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับญี่ปุ่น โดยช่วงก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพาได้ขอความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการปลดแอกพม่าจากอังกฤษ เมื่อญี่ปุ่นรับปากจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับการทหาร ก็มาฝึกกลุ่ม "สามสิบสหาย" ที่เกาะไหหลำซึ่งอยู่ในการยึดครองของญี่ปุ่น

เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาระเบิดขึ้น ญี่ปุ่นบุกไทย อองซานก็มาปักหลักที่ไทยเพื่อเตรียมบุกพม่าพร้อมญี่ปุ่น โดยตั้งกลุ่มต่อสู้เพื่อเอกราชที่กรุงเทพฯ

อองซานกับกลุ่มสามสิบสหายกรีดเลือดสาบานกันที่บางกอกนี่เอง

กลุ่มของอองซานตามญี่ปุ่นบุกพม่าจากประเทศไทยโดยระดมกำลังพม่าได้ตามแนวชายแดนไทย เมื่อญี่ปุ่นบุกนำหน้าไปกลุ่มของอองซานจะเข้าควบคุมพื้นที่

ไม่ใช่แค่ไล่อังกฤษแต่ยังเล่นงานกะเหรี่ยงที่อังกฤษมักใช้งานเป็นตำรวจและทหารในอาณานิคมพม่าเพื่อควบคุมคนพม่าอีกที ทำให้สังคมพม่าแตกแยกเพราะคนชนชาติต่างๆ เบ่งกันและข่มเหงกันเอง

ย่างกุ้งแตกแล้ว ญี่ปุ่นตั้งอองซานเป็นผู้คุมกองทัพพม่าในการปกครองของญี่ปุ่น ทั้งเชิญไปญี่ปุ่นอีกครั้งแล้วมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัยจากจักรพรรดิฮิโรฮิโต อองซานเองก็ดูเหมือนจะนิยมญี่ปุ่นมากจนมีชื่อญี่ปุ่นว่า โอโมดะ มนจิ (面田紋次)

ในปี 1942 นี่เองที่ดาบนี้ถูกตีขึ้น และนายพลอิอิดะ โชจิโร (飯田 祥二郎) ผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นที่ 15 ซึ่งรุกไทยและพม่ามอบให้อองซาน

แม้ญี่ปุ่นจะเยินยออองซานอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ตั้งเป็นผู้นำประเทศ

ในภายหลังอองซานเริ่มเล็งเห็นว่าญี่ปุ่นไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยที่แท้จริง บางข้อมูลว่าอองซานเริ่มเห็นเค้ารางว่าญี่ปุ่นจะแพ้ จึงเปลี่ยนท่าทีมาต่อต้านญี่ปุ่น

อองซานที่ถูกญี่ปุ่นปั้นก่อนการรุกเอเชียอาคเณย์และยัง "ได้ดาบ" จากญี่ปุ่นจึงหันปลายดาบเข้าหาญี่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นส่งกองกำลังของอองซานไปแนวหน้า ฝ่ายอองซานก็แปรพักตร์โจมตีญี่ปุ่นเสียเลย และเข้าติดต่อกับกองทัพอังกฤษเพื่อร่วมทัพผลักดันญี่ปุ่นออกจากพม่า

ความสัมพันธ์ของอองซานกับญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ยอกย้อน อองซานนั้นหวังพึ่งญี่ปุ่นให้ช่วยกู้ชาติ ญี่ปุ่นเองก็มักโฆษณากับประชาชาติอาณานิคมในเอเชียอาคเณย์ว่าจะมาช่วยปลดแอกจากฝรั่ง แต่เอาเข้าจริงในหลายๆ กรณีญี่ปุ่นกลับปฏิบัติต่อคนท้องถิ่นโหดเหี้ยมยิ่งกว่าฝรั่งเสียอีก

แต่ในระยะยาวแล้ว นโยบายแบ่งแยกและปกครองของอังกฤษทำให้พม่าต่อกันไม่ติดจนถึงทุกวันนี้

และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเชื่อกันว่าอังกฤษอาจจะอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอองซาน

หลังสงครามเมื่อพม่าได้เอกราช ชาวพม่าและกะเหรี่ยงยังมีท่าทีมึนตึง กะเหรี่ยงนั้นไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของพม่าเอกราชด้วยซ้ำ โดยต้องการรัฐปกครองตนเองที่อยู่ในร่มธงจักรวรรดิบริติชต่อไป

ดังนั้นสนธิสัญญาปางโหลงจึงไร้เงาผู้นำกะเหรี่ยงเข้าร่วม เพราะไม่เชื่อว่าพวกพม่าจะรักษาคำพูดเรื่องให้อำนาจชนชาติต่างๆ ปกครองตนเอง

แม้แต่หลังการรัฐประหารล่าสุด กะเหรี่ยง KNU ก็ยังกังขากับข้อเสนอสหพันธรัฐของรัฐบาลพลเรือนต่อต้านเผด็จการ (CRPH) และบอกว่า "ตอนนี้ นางอองซานซูจีอาจเข้าใจแล้วว่าเธอคิดผิดที่คิดว่าเธอสามารถเปลี่ยนกองทัพได้ และความพยายามในการปรองดองแห่งชาติของเธอล้มเหลว" (อ้างอิง "Suu Kyi Will Now Understand Her Mistakes: Karen National Union". 6 April 2021. The Irrawaddy.)

คำพูดนี้ยังสามารถนำมาใช้กับประสบการณ์ของพ่อของเธอเมื่อครั้งร่วมมือกับกองทัพญี่ปุ่นเพื่อหวังให้ญี่ปุ่นช่วยกู้ชาติ และความล้มเหลวในการสร้างประเทศที่ปรองดองระหว่างเชื้อชาติและอุดมการณ์หลังได้รับเอกราช

นำมาซึ่งความตายของนายพลอองซานในที่สุด

(ภาพจาก "アウン サン将軍”から娘・スー チーさんに承継された日本刀…修復終え引き渡し". 2021年11月6日. FNNプライムオンライン. )

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

282 Nameless Fanboi Posted ID:Gbdjb9nE/5

ประเทศไทย ติดลำดับที่ 10 ของโลก เมื่อวัดจากประเทศที่มี “จำนวนมหาเศรษฐี” มากที่สุด (วัดโดยขนาดเงินสินทรัพย์ต่อคน > 1 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมีมากถึง 52 คน
.
- นับเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนในด้าน “จำนวนเศรษฐี”
- ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของ ประชากรที่เหลือ ในประเทศ กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
- ค่าเฉลี่ยเงินเดือนเด็กจบใหม่ เกือบจะคงที่ต่อเนื่องมาตลอดสิบกว่าปี แต่รายจ่ายในการใช้ชีวิต รวมถึงค่าเดินทางและราคาอสังหาริมทรัพย์ กลับเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี
- ถ้าให้เด็กจบใหม่รุ่นนี้ มีเงินเดือนเริ่มต้นเท่ารุ่นพ่อแม่ , เมื่อปรับหักอัตราเงินเฟ้อ ด้วยค่าเฉลี่ยมัธยฐานแล้ว ณ เวลานี้ เด็กจบใหม่ ทุกคน ควรจะเริ่มต้นด้วยเฉลี่ยเงินเดือน 5-6 หมื่นบาท โดยที่ราคาสิ่งของทุกอย่างเป็นคงที่ดังปัจจุบัน)
- ไทยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในแง่ของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง
- มหาเศรษฐีในไทย “52 คน” มีทรัพย์สินรวมกันถึงเป็นเงิน 151.7 พันล้านดอลลาร์หรือ “28% ของ GDP ของไทย” ในปี 2561
- ไทยเป็นประเทศที่ช่องว่างทางมิติเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
- คน 1% ควบคุมรายได้ 66.9% ในปี 2563
- ในช่วงเวลาที่ทั้งโลกเกิดการระบาดของ Covid-19 ประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศลำดับที่ 5 จาก 40 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง
- แปลว่า ขณะนี้ประเทศเรา คนรวยกำลังรวยขึ้นด้วยการดูด และขูดเลือดเอา จากโครงสร้างที่กึ่งผูกขาดในทุกมิติ จากชนชั้นกลางและล่าง
- แนวโน้มต่อจากนี้ คน Generation นี้และถัดๆจากนี้ไปของไทย โดยเฉลี่ยแล้ว จะตั้งตัวขึ้นมายากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ราวๆ 4-5 เท่า (ถ้ารุ่นพ่อแม่ของเขา ไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินอะไรไว้ให้สร้างตัว)
.

283 Nameless Fanboi Posted ID:DO/euqQx/1

>>282 กูขอแย้งแค่จุดเดียวว่าพวกนี้คำนวนผิด เพราะตัวเลขมันหลอกตาหลายอัน

- มหาเศรษฐีในไทย “52 คน” มีทรัพย์สินรวมกันถึงเป็นเงิน 151.7 พันล้านดอลลาร์หรือ “28% ของ GDP ของไทย” ในปี 2561
- คน 1% ควบคุมรายได้ 66.9% ในปี 2563

ตรงนี้คำนวนผิดเพราะคิดว่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในไทย แต่จริงๆ ไม่ใช่ ทั้ง 52 คนนี้เป็นผู้เล่นที่ลงทุนตปท.เยอะมาก อย่างตระกูล CP ที่ความมั่งคั่ง 1/3 คือหุ้นผิงอัน บ.ประกันใหญ่สุดในจีน แถมได้ปันผลปีละเป็นหมื่นล้าน อีกทั้งยังมีทรัพย์สินในตปท.อีกมาก น่าจะเกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดอีก ดังนั้นเวลาเอามาหารกับ GDP ไทยตรงๆ มันถึงไม่ถูกต้องนัก มันสร้างความคาดเคลื่อนว่าครอบครอง XX% ของทรัพย์สินทั้งประเทศ ซึ่งไม่ใช่ แม้จะเป็นทรัพย์สินในประเทศก้อนใหญ่จริง แต่ไม่มากเท่าที่พยามสื่อในนี้หรอก

- ไทยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในแง่ของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง

ไม่แย้ง แต่ตัวเลขมันหลอกตาอยู่เยอะ เพราะไทยไม่นับ Informal Economy ถ้านับจริงตัวเลขนี้จะลดลงเยอะเลย

-- ไทยเป็นประเทศที่ช่องว่างทางมิติเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

เอามาจาก Credit Swiss ละสิ ตัวเลขนั้นก็คลาดเคลื่อนเหมือนกัน เพราะเอางานวิจัยปี 40 กว่าๆ มาอนุมานตัวเลขในปัจจุบัน งานมันตั้ง 20 ปีแล้ว และยังไม่มีงานวิจัยใหม่มาอัพเดท ทั้งยังมีปัญหาเรื่อง Informal Economy เพราะตัวเลขนี้ตีความว่าคนไทยจำนวนมากไม่มีรายได้ ทั้งที่จริงๆ มีมาก อาจจะมากกว่าคนทำงานออฟฟิศที่ปรากฎในตัวเลขทางการก็ได้ เวลาเอามาคำนวนตรงนี้ถึงคลาดเคลื่อน

กูไม่แย้งนะว่าไทยมีปัญหาแบบที่ว่ามา แต่ปัญหามันไม่ได้เท่า % ที่ว่ามาหรอก ตัวเลขจริงๆ น่าจะต่ำกว่านี้เยอะ แต่ตราบใดที่ไม่มีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้าน ก็ไม่มีทางรู้ตัวเลขนี้จริงๆ ได้เลย

284 Nameless Fanboi Posted ID:ggKpoPHPY0

>>281 ว่าแล้วก็บังเอิญจังเลย มหิดลตายปี2489 อองซานตาย2490 แบบนี้ผลงานCIAแน่เลย อิอิออิ

285 Nameless Fanboi Posted ID:rSIZs3XkzH

ทุนไทยมันมีแต่ทุนพ่อค้า ในหัวคิดเป็นแต่หากำไรจากการซื้อมาขายไปอย่างเดียว (อย่างว่าเจ้าสัวทุกคนโตมากับการค้าขาย)
ไม่มีหรอกที่จะแบ่งทุนมาตั้งบริษัทอุตสาหกรรมเทคโนโลยี่ ที่ต้องแบ่งเงินมาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี่ใหม่ๆ
พอจะวิจัยพัฒนาอะไรก็ต้องจ้างคน ซื้อเครื่องมืออุปกรณ์มาใช้ มันก็เกิดการไหลของเงินทุนกระจายไปทั่วถึงมากกว่าทุกวันนี้

เทคโนโลยี่สูง>ผลิตผลที่เกิดขึ้นก็จะมีราคาสูง>ทำให้สามารถจ่ายค่าจ้างแรงงานราคาสูงๆได้

ข้อเสียอีกหนึ่งอย่างคือเงินกำไร ทุนพ่อค้าถ้าไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดี ก็เอาไปซื้อที่ดินเก็บไว้
ส่วนหนึ่งเอาที่ดินมาพัฒนาเป็นบ้าน คอนโด แห่สร้างมาจนล้นตลาด
กำลังซื้อในประเทศไม่พอก็ไปคุยกับนักการเมืองเปิดให้ต่างชาติซื้อได้
พอต่างชาติเข้ามาซื้อได้เพราะกำลังจ่ายสูงกว่าคนในประเทศ ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
ราคาของบ้านและคอนโดในเมืองใหญ่ๆก็จะถูกดันขึ้นสูงมากขึ้นไปเรื่อยๆ
จนเกินความสามารถของเด็กรุ่นใหม่ๆที่พวกเขาจะซื้อหาได้อย่างไม่ลำบากเกินไปนัก (เหนื่อยขึ้น ยากขึ้น นานขึ้น)

286 Nameless Fanboi Posted ID:DO/euqQx/1

>>285 ทุนไทยที่ทำ R&D ก็มีนะ แต่พวกนี้รู้ตัวว่าบางอย่างไม่ถนัด ตอนนี้เลยเน้นเป็น VC มากกว่า เข้าทางพวกนี้กว่า แล้วก็มีพัฒนาการขึ้นทุกปีด้วย คนแค่ไม่ค่อยรู้สึกเพราะไม่ได้ตามวงการนี้เท่าไหร่

นิดนึง ที่คะแนนอันนี้ขึ้นเยอะมันเกี่ยวกับงบ R&D per GDP ด้วย 7 ปีที่ผ่านมางบด้านนี้ไทยขึ้นมากว่าเท่าตัว จาก 0.5% มาที่ 1% ของแบบนี้มันต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลจริงๆ ตอนนี้เริ่มแล้ว แต่จะอยู่ได้ยาวมั้ยไม่รู้นะ

https://www.sdgmove.com/2021/10/04/global-innovation-index-2021/

287 Nameless Fanboi Posted ID:rSIZs3XkzH

คนที่อยู่ในประเทศที่สามารถจ่ายค่าจ้างแรงงานสูงๆได้ จะได้เปรียบทางเศรษฐศาสตร์กว่าประเทศค่าจ้างต่ำ
ถึงค่าครองชีพโดยเทียบเป็นจำนวนเงินจะดูสูงกว่าก็เถอะ แต่ถ้าเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำที่ได้รับต่อวันแล้ว
จะซื้อของชนิดเดียวกันได้ในปริมาณที่มากกว่า

เช่น ก่อนโควิค ราคาเนื้อวัวที่ญี่ปุ่นราคา600-700เยน ทำงานทั้งวันสามารถซื้อได้เป็นสิบกิโล
ในไทย ทำงานทั้งวันซื้อได้ 2-3โล

288 Nameless Fanboi Posted ID:rSIZs3XkzH

>>286 อันนี้รู้อยู่ว่าลงงบเพิ่มขึ้น แต่ที่ผ่านมาเป็นสิบๆปีมันไม่ใช่ไง T-T
ถ้าไม่ถนัดก็ค่อยๆลงงบสะสมองค์ความรู้ไปเรื่อยๆอ่ะ

289 Nameless Fanboi Posted ID:DO/euqQx/1

>>288 เรื่องงบเพิ่มเพราะ EEC เป็นหลักเลย จะว่าผลงานของคสช.ก็ใช่ แต่ก็อย่างที่บอกว่าคนไม่ค่อยให้ค่ากัน

ส่วนสะสมองค์ความรู้ กูไม่แนะนำแนวทางนี้เท่าไหร่ เพราะแบบนั้นมันจะทำให้บ.ใหญ่ๆ กินรวบขึ้นเรื่อยๆ ทำเป็น VC แล้วอัดงบให้ start up เล็กๆ ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นดีกว่า ถึงสุดท้ายคงจะรวบเข้ามาแบบบิทคับ แต่อย่างน้อยเงินก็ไหลเวียนเข้า ecosystem มากกว่า ผู้ก่อตั้งก็อาจเอาเงินไปลง start up ใหม่ๆ อีก เมืองนอกมันทำแบบนี้จนโตเองได้ ไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่อย่างเดียว เพราะมีอดีตผู้ก่อตั้งที่รวยแล้วเป็นทางเลือกหนึ่งของ angel invester ทางนี้ยั่งยืนกว่าการให้ทุนใหญ่ผลิตแบบ in-house เยอะ

290 Nameless Fanboi Posted ID:Tb9TBDPr7w

>>289 EEC มีหลายเรื่องที่เข้าท่าเลยนะอย่างเช่น VISTEC แต่กูว่าไม่ควรหวังอะไรมากกับการลงทุนของทุนต่างชาติว่าจะทำให้เกิด Technology Spillover หรอก เพราะถ้าจะให้เกิดจริง อย่างน้อยก็ต้องมีบริษัทไทยที่สามารถเป็นซัพพลายเออร์ของไฮเทคได้ หรือมีเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ซึ่งมันมีไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่ทำ

291 Nameless Fanboi Posted ID:TMUdfLjNR/

>>289 กูว่าการสะสมองค์ความรู้ก็สำคัญนะ เพราะเราไม่ได้แข่งแค่ในประเทศอย่างเดียวแต่ต้องแข่งกับต่างชาติด้วย

พูดเรื่อง start up กูก็มีไอเดียเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้ารัฐบาลตั้งงบแจกทุนให้ start up ปีละหมื่นล้าน ต่อเนื่อง 20ปี
คิดว่าจะไปรอดกันหรือเปล่าว่ะ

แจกทุน start up พวกที่พัฒนา แอป เกม โปรแกรมต่างๆ ทุนละ 20ล้าน 400ทุนก็ 8000ล้าน +ค่าบริหารจัดการอีก 500ล้าน
แล้วให้โควต้าแบ่งตามภูมิภาค ว่าต้องตั้งออฟฟิสทำงานที่ต่างจังหวัด เช่น แพร่ น่าน ยโสธร นครสววรค์
ภาคเหนือ 100 ทุน อีสาน 100ทุน ภาคใต้และตะวันตก 100ทุน ภาคกลางและตะวันออก 100ทุน

292 Nameless Fanboi Posted ID:u7y1Yy3dix

>>290 จริงๆ ไซโจเด็นกิเป็นตัวอย่างของ Technology Spillover ที่ชัดเจนอย่างนะ ไทยดูดมาจนผลิตเองได้ ทั้งยังดีไม่แพ้หรือกว่าต้นแบบอีก แต่คนไม่คิดว่าเป็นบ.ไทยก็เยอะ อันนี้กูว่าสำคัญเลย เพราะคนคิดว่าถึงจะ Technology Spillover แค่ไหน คนไทยก็ไม่ซื้อของไทยอยู่ดี เลยไม่ทำดีกว่า

>>291 มันก็ทำได้ละ แต่ถ้าจะให้ Ecosystem เดินด้วยตัวเองได้ ก็ควรเป็นแบบที่กูบอก

อาจจะรอด ต้องดูด้วยว่าเอาไปให้อะไร แต่สิ่งที่รัฐบาลทำได้มากสุดไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องบุคลากร สิ่งที่ start up ขาดมากสุดคือคน ไม่ใช่เงิน ทางออกคือลงเงินกับหลักสูตร STEM+อาชีวะ

จริงๆ รัฐเคยมีแผนขยาย EEC ไป 4 ภาคนะ แต่เงินไม่พอ แล้วคนทักว่าให้รอดู EEC ก่อนดีกว่า กระจายมากไปเดี๋ยวคนไม่มาจะซวยเอา แล้วทางที่ดีมันควรขยายไปพร้อมกับรถไฟรางคู่ ไม่งั้นต่อให้ผลิตของได้ที่ไหนก็เสียค่าจ้นทุนขนส่งจนกระจุกที่ EEC=แหลมฉบังเหมือนเดิม

293 Nameless Fanboi Posted ID:RZawiiXlyL

ปัญหาของแบรนด์ไทยที่คนไทยไม่ค่อยใช้มันไม่ใช่เพราะติดแบรนด์นอกอะไรนะ

คือสมัยก่อนเนี่ยบริการหลังการขายของแบรนด์ไทยมันไม่มีเลย ทันทีที่จ่ายเงินหิ้วของออกจากร้านไปแล้วอย่าหวังว่าจะไปเคลมอะไรได้อีก ถ้ามีปัญหาคือต้องหาร้านซ่อมอย่างเดียว

ซึ่งต่างจากแบรนด์นอกที่มันส่งซ่อมตามศูนย์ได้ ถ้าจะเอาแบรนด์นอกไปซ่อมร้านนี่คือเก่าจนศูนย์ไม่มีอะไหล่แล้วนั่นแหละ

คนเลยติดภาพพวกนั้นมาจนปัจจุบันกัน เพราะแบรนด์ไทยแต่ก่อนแม่งทำธุรกิจแบบเห้ๆกัน

294 Nameless Fanboi Posted ID:ZXmWcWPuc6

EEC นะหรอ ดูถ้าจะได้แค่เสมอตัวนะ

“และถ้าดูตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน เฉพาะ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ถ้าเจาะลึกลงไปดูในรายละเอียด จะเห็นว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ยังไปกระจุกตัวอยู่ที่อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า , อิเล็กทรอนิกส์ , ยานยนต์และชิ้นส่วน , ปิโตรเคมี , เกษตรแปรรูปอาหาร , ท่องเที่ยว ส่วนอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่ สกพอ.เน้น เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ , การแพทย์ , ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อากาศยาน และอุตสาหกรรมดิจิทัล ยังมีมูลค่าน้อยมาก กล่าวโดยสรุป คือ ตัวเลขการลงทุนมีแนวโน้มดี แต่คุณภาพยังไม่ได้” ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก กล่าว

กุละเบื่อ เวลาเห็นคนจะอยากอวยคสช แต่ไม่กล้า ประเภท “นี่นับว่าเป็นผลงานคสช” (แล้วเดี๋ยวก็จะโควทว่า ก็เป็นจริงๆนี่ กุพูดผิดตรงไหน) ให้รัฐบาลพลเรือน มีสภาแบบสนช แบบไม่มีองค์กรอิสระที่ไม่อิสระ คอยขัดขว้าง ไปไกลกว่านี้หรือยากแย่กว่านี้ไม่รู้ แต่ก็เป็นไปตามระบบ

295 Nameless Fanboi Posted ID:ZXmWcWPuc6

อยากให้ประเทศพัฒนา มึงต้องยอมรับก่อนว่า ระบบต้องดี จะเอาแบบไหนก็เลือกเอา แต่ต้องเป็นระบบ ไอ้คำพูดที่หลายน่าจะชอบเอามาล้ออย่างคำว่า การเมืองดี เนี่ยมันไม่ได้เกินจริงเลย เหมือนเครื่องยนต์อะ ถ้าภายในดี มันก็รันไปของมันเอง

ปัญหาเศรษฐกิจมันคือปัญหาการเมืองทั้งนั้น(เดี๋ยวจะมีคนมาโควท “กุไม่ได้เถียงนะว่าไทยมันการเมืองไม่ดี แต่หลายๆ ประเทศก็การเมืองไม่ดี แต่ก็บลาๆ)

EEC คือแนวคิดเดิม ที่เอามาใช้กับสถานการณ์ที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ให้การหวังจะให้ไทยเจริญโดยการให้ต่างชาติมาลงทุน คือ นอนฝัน โมเดล คือรัฐต้องทุนขนาดใหญ่ ในนวัตกรรมใหม่ เช่น build back better ของไบเดน ที่เป็นแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ และตอนแรกมีการลงทุนในพลังงานสะอาดเยอะกว่านี้ (นำไปสู่การคิดค้นนวัตกรรมใหม่) น่าเสียดายที่สุดท้ายโดนตัดไปเยอะ ของไทยยังติดกับ Old economy EV หรอรอไปเถอะ กลัวโตโยต้าหนี คนตกงาน(>>ต้องบอกว่ารัฐต้องลงทุนเพื่อหนี Old economy)

ให้ตังสตาร์อัพ คือเบี้ยหัวแตกมาก อย่าไปคิดว่าว่าเราจะมี flash2 bitkub2 ถ้าขนาดประเทศเศรษฐกิจไม่ใหญ่พอ สุดท้ายก็พ้นทุนใหญ่เข้ามาซื้อ
แล้วงบR&D ก็รู้ว่ามี แต่ระบบรัฐราชการ ยังเป็นแบบนี้ก็เบี้ยตัวแตกอีกนั่นแหละ แล้วจะตามคนที่อยู่หน้าเราให้ทัน เราต้องวิ่ง แต่งบคือเหมือนกำลังคลาน

296 Nameless Fanboi Posted ID:w8qhEx/t62

>>294 จะให้ได้ทันทีคงไม่ได้หรอก ถ้ารัฐไม่เจาะจงเป้าหมายอะไรการผลิตซักอย่างแบบ TSMC มันก็ต้องรอ start up เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาตินะ

สมมุติไปก็เท่านั้น เหมือนคนจนที่คิดว่าถ้ามีพ่อรวยจะโตมายังไงนั่นละ ซึ่งอันนี้กูยืนยันเหมือนเดิม ไม่ได้ เพราะไม่มีม.44 ทั้งยังต้องคอยพะวงคะแนนเสียง ต่อให้อยากทำก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างเร็วแบบนี้หรอก

>>295 คำว่าการเมืองดีนี่นิยามคำว่าดีต่างกันนะ สำหรับกูเรื่องแบบนี้ควรใช้คำว่านโยบายต่อเนื่องดีกว่า เพราะต่อให้การเมืองดีเลือกตั้งบริสุทธิ์แค่ไหน แต่ถ้าคนใหม่มาแล้วล้มของคนเก่าทุกรอบ มันก็ไม่มีอะไรเดินหน้าได้หรอก

มันเกี่ยวพันกันก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าปัญหาทางเศรษฐกิจทุกอย่างจะมาจากการเมือง หรือกลับกัน การเมืองดีช่วยได้จริง แต่เศรษฐกิจคือเศรษฐกิจ การเมืองคือการเมือง ถ้าไม่แยกแยะ มันก็จะมีแต่คนอย่างเจ้าสัวนั่นละ กลายเป็นง่าอำนาจทางการเมืองคืออำนาจทางเศรษฐกิจแทน

จริงๆ EEC ก็รับคนไทยนะ ไม่ได้รับแต่ต่างชาติ เพียงแต่ไทยยังน้อยอยู่ เพราะรัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนให้บ.อะไรสร้างอะไร

ส่วนเรื่อง Infra นี่รัฐบาลยุคนี้สร้างเยอะสุดแล้วนะ หมดเงินกับตรงนี้มากไปจนทำประชานิยมไม่ได้ พึ่งมามำตอนเป็นรัฐบาลพลเรือนเอง แล้วถ้าไม่มีศักดิ์สยามมาทำตัวเหี้ยๆ เอื้อประโยชน์ให้ซิโนไทย ทุกอย่างคงไปไวกว่านี้ แก๊งหนูเหี้ยแม่งสมควรตายทุกคนจริงๆ จะมาเป็นปรสิตทั้งทีอย่างน้อยก็แสดงฝีมือหน่อยไม่ได้เหรอ

297 Nameless Fanboi Posted ID:xItcP8a/vH

"ผมคิดว่าประเด็นก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทุกวันนี้คือผู้ชมถูกหล่อเลี้ยงโดยมือถือเวรพวกนี้ คนเจนวายไม่อยากให้อะไรมาสอนพวกเขาเว้นแต่อะไรก็ตามที่พวกเขาได้รับบนมือถือ นี่คือประเด็นสำคัญ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เรากำลังรับมืออยู่ตอนนี้ก็คือเฟซบุ๊ค นี่คือการแนะแนวแบบผิดที่ผิดทางซึ่งให้ความมั่นใจแบบผิดๆ กับคนรุ่นนี้ ผมคิดว่านะ"
.
สก็อตต์ยังบอกด้วยว่าเขาเคยกังวลว่าดิสนีย์จะไม่สนับสนุนหนังแบบนี้ ซึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาปิตาธิปไตยที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่พวกเขาชอบมัน และเป็นการตัดสินใจที่มั่นคงมาตลอดจนถึงการที่กระบวนการสร้างเสร็จสิ้นลง และไม่ว่าหนังจะออกมาประสบความสำเร็จหรือไม่ เขาก็พอใจที่มันถูกสร้างออกมาอย่างที่เขาอยากให้เป็น
.
"เราทุกคนคิดว่ามันเป็นบทหนังที่ยอดเยี่ยม เราเลยลงมือทำมัน คุณชนะตลอดไปไม่ได้หรอก ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจกับหนังเรื่องไหนที่ผมสร้างเลย ไม่มี ผมเรียนรู้ที่จะเป็นนักวิจารณ์ตัวเอง สิ่งเดียวที่คุณควรมีคือข้อคิดเห็นกับสิ่งที่คุณกำลังทำลงไป แล้วเดินจากไป มั่นใจว่าคุณแฮปปี้แล้ว และอย่าหันหลังกลับ นั่นคือผม"

298 Nameless Fanboi Posted ID:naryTwP/to

>>283 มีอะไรให้แนะนำให้อ่านเรื่อง Informal Economy มั้ย

299 Nameless Fanboi Posted ID:ZXmWcWPuc6

นำเสนอเสร็จแล้วครับ ได้รับความเห็นที่เป็นประโยชน์จากผู้เข้าร่วมเต็มที่เลย ไหนๆ ทำ slides มาแล้ว ก็ขอเผยแพร่ผลงานวิจัยเลยแล้วกันครับ ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญสรุปดังนี้ครับ

1. DeFi lending ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยที่ไม่แน่นอน ความเสี่ยงที่จะโดน liquidate การนำไปใช้งานจึงยังคงจำกัด ช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง คนก็ไม่ค่อยกู้จริงๆ (หน้า 2, 10, 13)

2. ผู้ฝากไม่ค่อยตอบสนองต่อการแจก reward แต่ผู้กู้มีการตอบสนองชัดเจนกว่า (เพราะจะกู้ได้ก็ต้องฝากด้วย และในหลายกรณี ดอกเบี้ยกู้ติดลบเมื่อนำ reward เข้าไปคำนวณรวมด้วย) (หน้า 12, 13)

3. การใช้งานหนึ่งที่พบได้มากใน large address (whale), yield aggregator (public hedge fund) และ private smart contract (private hedge fund) คือการทำ leveraged yield farming กู้มาฝากวนซ้ำ โดยสัดส่วนการกู้ยืมใน address กลุ่มนี้ที่ถูก recycle กลับไปฝากและกู้วนซ้ำเพื่อรับ yield farming reward สูงเป็นพิเศษ โดยมีระยะเวลากู้ค่อนข้างสั้น (หน้า 14, 15)

จากผลงานงานวิจัยนี้ ทำให้เกิดคำถาม 2 เรื่อง คือ
(1) liquidity เป็นหัวใจของ DeFi แต่ yield farming "hot money" มาไว เคลมไว ไปไว ไม่ยั่งยืน และการที่แจก reward แบบเพลินๆ ทำให้เกิด selling pressure ที่ทำให้ protocol พังได้จากจิตวิทยาและ panic (เช่น Iron Finance ที่จริงๆ แล้วที่ code เขียน ไม่ควรพัง แต่พังเพราะคนตัดใจล้วนๆ) มีงานวิจัยจาก Nansen พบว่า yield farmer 42% ออกจากฟาร์มภายใน 24 ชม. (APY มาจาก token emission / pool size เมื่อ pool ใหญ่ APY ก็ตก) แต่อย่างไรก็ตาม reward ก็เป็น growth hacking ที่ดีที่สุดตอนนี้ (จะเรียกว่า DeFi flywheel ก็คงได้) จึงเป็น challenge ของ DeFi 2.0 เช่น Olympus DAO ที่จะพยายาม growth hack ด้วยวิธีอื่น ไม่แจกพร่ำเพรื่อ มีกลไกเช่น anti-dumping mechanism, bonds เพื่อสร้าง liquidity stickiness ครับ (หน้า 16)

(2) DeFi เชื่อมโยงกันได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละ protocol มี liability ระหว่างกัน เช่น DAI เป็น liability ของ MakerDAO ส่วน cDAI เป็น liability ของ Compound และ cDAI/aUSDC/aUSDT LP token เป็น liability ของ Curve เป็นต้น ทำให้ทุก derivative token เป็น leveraged token ไปโดยปริยาย ในที่นี้ผมขอเรียกว่า tacit leverage เพราะไม่ได้เป็นการจัดหมวดธุรกรรมว่าเป็น liability อย่างชัดเจน ซึ่งความเชื่อมโยงของการก่อหนี้เป็นวัตถุดิบชั้นดีของ systemic risk ที่รุกลาม (contagion) ไปยังที่ต่างๆ ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะหากไม่สามารถวัดได้โดยง่าย ไหนจะมี explicit leverage ที่เกิดจาก leveraged yield farming อีกด้วย ในปัจจุบัน DeFi 2.0 protocol บางตัวเช่น Abacadabra และ Alchemix ก็ทำให้ทั้ง tacit และ explicit leverage ทำได้ด้วย UX/UI ที่ง่ายแบบสุดๆ ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตามองครับ (หน้า 17)

ที่ conference นี้ก็มีคนสนใจประเด็นคล้ายๆ กัน (DeFi systemic risk) พอสมควร และมีงานวิจัยที่น่าสนใจเยอะมาก ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังครับ

300 Nameless Fanboi Posted ID:UVjl2QKdhP

pseudouridine หนึ่งในวัตถุดิบสำหรับผลิตวัคซีน mRNA ถูกผลิตจากโรงงานโชยุในญี่ปุ่น
https://www.youtube.com/watch?v=g6DtoIJ0ht8

ผลพลอยได้จากการแบ่งงบลงทุนศึกษาวิจัยของบริษัทเขาอ่ะนะ

301 Nameless Fanboi Posted ID:u7y1Yy3dix

>>300 มีซับมั้ย กูอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้

302 Nameless Fanboi Posted ID:pxCkildjp4

>>301 - be me Yamasa Shoyu
-กูผลิตโชยุมา400ปี อุมามิสัส
-อายิโนะโมโต๊ะบอกว่าอุมามิมาจากกลูตาเมต แล้วมันก็ทำผงชูรสขาย 1909
-ไม่ใช่โว้ย อุมามิมันมีอะไรเยอะกว่านั้น
-ตั้งงบประมาณวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของการหมักโชยุ แยกสารต่างๆ
-pseudouridineนี่น่าจะใช่นะ 1970
-หาวิธีสกัดให้บริสุทธิ์เป็นรูปคริสตัล
-ได้ละโว้ย จดสิทธิบัตรกระบวนการผลิตไว้ก่อน 2007

ในเวลาไม่ห่างกันมาก(2005)ที่ฮังการี
-pseudouridineนี่ถ้าเอามาแทนหมู่uracilในการสังเคราะห์RNAจะทำให้มีความคงตัวมากขึ้นนะ

ข้ามเวลามาปี2020
- BioNTech & Moderna กูต้องการpseudouracilมาใช้ผลิดวัคซีนmRNA ใครมีขายมั่งวะ
- Yamasa Shoyu กูมี

303 Nameless Fanboi Posted ID:pp23Ec.qEU

>>302 เค แต้งมาก

304 Nameless Fanboi Posted ID:+nYy2iO7Gn

วันนี้คนใช้แอปเปิ้ลบางคน จะได้รับเมล์แจ้งเตือนว่า คุณกำลังต้องสงสัยว่า ถูกโจมตีจาก state sponsored attacker ประมาณว่ากำลังถูกล้วงข้อมูลโดยกลุ่มแฮคเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ใครได้รับเมล์ดังกล่าว ไปสแกนข้อมูลในเครื่อง ตั้งค่าความปลอดภัยให้ดีเลยครับ เพราะตอนนี้กำลังมีกลุ่มแฮคเกอร์จากอิสราเอล กลุ่ม NSO ขายสปายแวร์ให้กับรัฐบาลของบางประเทศ ซึ่งสามารถใช้ สปายแวร์ที่ว่าเจาะเข้าไปดูดข้อมูลสำคัญต่างๆในมือถือได้ทั้งไอโฟนและแอนดรอยด์ วันนี้แอปเปิ้ลยื่นฟ้องกลุ่มดังกล่าวแล้ว และมีแจ้งเตือนทางเมล์ให้ยูสเซอร์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตีครับ

305 Nameless Fanboi Posted ID:4zPChzCUsc

ถ้าหากว่าเราเข้าใจแล้วว่า bitcoin ทำงานอย่างไร เราจะเข้าใจว่า bitcoin คือเงินที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการที่เอลซัลวาดอร์เปิดรับ bitcoin เข้ามา ทำให้เกิดข้อดีอีกอย่างคือ ประเทศอื่นก็สามารถเข้ามาควบคุมเงินของประเทศได้เช่นกัน แต่ก็ส่งผลเสียกับประเทศเอลซัลวาดอร์เองเช่นกัน คือการที่รัฐไม่รู้เส้นทางการเงินในระบบ และทำให้การเก็บภาษีเงินได้เป็นไปไม่ได้ ทำให้เหลือภาษีอยู่ตัวเดียวคือ vat หรือภาษีการค้านั่นเอง โดยเป็นหน้าที่ร้านค้าเป็นผู้เก็บเงินแล้วส่งเข้ารัฐ การยกเลิก income tax และ capital gain tax เป็นวิธีที่ดีในระบบการค้าเสรี ที่เป็นทฤษฎีการเงิน bitcoin

ตัวอย่างปัญหาการมี income tax หรือ capital gain tax เป็น movement ของทางฝั่ง socilize ให้มีการเก็บภาษีนี้นั้น ตั้งแต่วันแรกที่มีการเก็บภาษีนี้ ภาษีประเภทนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือกดขี่ชนชั้นกลางไม่ให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะคนที่ร่ำรวยจากปริมาณเงินที่พิมพ์ได้ไม่จำกัด จะมีช่องทางในการเลี่ยงภาษีอย่างสะดวกสบาย

ตัวอย่างจากคนที่ร่ำรวยจากการที่มีพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ตัวอย่างจากข่าวล่าสุดคือ jp morgan ได้ทำการเข้าไปแทรกแซงราคาเหล็ก ที่เป็นกลุ่มสินค้าประจำวันและเป็นตัวกำหนดเงินเฟ้อด้วย โดยที่ jp morgan โดนปรับไป 70 ล้านดอลล่า แต่จากการคาดว่า jp morgan ได้กำไรจากการกำหนดราคาไป 2,000 ล้านดอลล่า

การเก็บภาษี income tax ถือเป็นการริดรอน productivity ของประชาชน เมื่อประชาชนลงทุนสร้างสินค้าหรือบริการไป 100 หน่วย โดนรัฐเก็บ 20% เหลืออยู่ 80 หน่วย ทั้งที่ประชาชนสามารถนำเงิน 100 หน่วยมาใช้ในการลงทุนเพิ่มและสร้าง productivity เพิ่มได้ การที่รัฐไปดึงออกมาก่อน 20% เท่ากับเป็นการลดความสามารถในการลงทุนทางเศรษฐกิจลงไป เมื่อเก็บแบบนี้ทุกปี รัฐได้ลดความสามารถในการสร้าง productivity แบบทบต้น ทำให้เป็นการยับยั้งการเจริญธุรกิจอย่างรุนแรง และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือธุรกิจขนาดย่อย ซึ่งไม่ได้มีงบประมาณในการหลีกเลี่ยงทางบัญชีและจัดโครงสร้างทางภาษี และลดอัตราภาษีตามเงื่อนไขที่รัฐให้ได้ ในขณะที่องค์กรขนาดใหญ่สามารถลดหรือหลีกเลี่ยงภาษีตรงนี้ได้ สิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างแรงกับธุรกิจขนาดเล็ก ยิ่งรัฐยิ่งเก็บภาษี ธุรกิจขนาดเล็กจะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่จะโตขึ้นเรื่อยจากการเลี่ยงภาษีนี้ได้

#มิตสหายท่านหนึ่ง

306 Nameless Fanboi Posted ID:rtQEbXM4a1

>>300 สาเหตุที่ยุ่นหายโควิดเร็วเพราะแดกโชยุนี่เอง

/มิตรสหาย7บรรทัดท่านหนึ่ง

307 Nameless Fanboi Posted ID:6wUvWQzZ9I

การผูกขาด?

มีเพื่อนสอบถามว่า นักเศรษฐศาสตร์มีเส้นแบ่งของการมองว่า ตลาดใดผูกขาด หรือไม่ผูกขาด อย่างไร? หรือจากเกณฑ์อะไร?

ถ้าตอบแบบย่อๆ ก็ใช้เกณฑ์ที่เรียกว่า Herfindahl-Hirschman Index หรือย่อว่า HHI

HHI คำนวณจาก ผลรวมของส่วนแบ่งการตลาดของผู้เล่นแต่ละรายยกกำลังสอง เพราะฉะนั้น ถ้าส่วนแบ่งการตลาดมีการกระจายตัวกัน (ไม่มีใครมีส่วนแบ่งการตลาดสูงมาก) ค่า HHI จะต่ำ (หมายถึง เข้าใกล้ 0)

ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีผู้ประกอบการรายหนึ่งที่มีส่วนแบ่งการตลาด 100% เลย พอยกกำลังสองแล้ว ค่าจะได้เท่ากับ 10,000 หรืออาจกล่าวได้ว่า HHI ยิ่งมากขึ้น ตลาดยิ่งมีการกระจุกตัว หรือผูกขาดมากขึ้นครับ

โดยทั่วไป เราจะใช้เกณฑ์ว่า ถ้าค่า HHI เกินกว่า 2,500 ขึ้นไป ตลาดนั้นก็เข้าข่ายเป็นตลาดผู้ขายน้อยรายแล้วครับ เพราะฉะนั้น รัฐบาลประเทศนั้นก็จะต้องระมัดระวังการใช้อำนาจเหนือตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่

แต่ว่า เวลามีกรณีการควบรวมกิจการกัน นอกจากหน่วยงานที่ป้องกันการผูกขาดของประเทศนั้นจะพิจารณาจาก HHI ก่อนและหลังการควบรวมแล้ว ยังมักพิจารณาอัตราการเปลี่ยนแปลงของ HHI ประกอบกันด้วย เช่น อัตราการเปลี่ยนแปลงของ HHI ไม่ควรเกิน 100 เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ กรณีการควบรวมกิจการของ CP All และ Tesco Lotus ได้ทำให้เกิดการกระจุกตัวของตลาด ทั้งตลาดร้านสะดวกซื้อ และตลาดโมเดิร์นเทรด

ในกรณีของตลาดร้านสะดวกซื้อ ค่า HHI ก่อนการควบรวม = 5,553.19 (แปลว่า เข้าข่ายผู้ขายน้อยรายอยู่แล้ว) หลังการควบรวม ค่า HHI พุ่งขึ้นเป็น 6,944.09 หรือเพิ่มขึ้นถึง 1,390.90

ส่วนในกรณีของตลาดโมเดิร์นเทรด ค่า HHI ก่อนการควบรวม = 2,496.75 (คือ เกือบจะเข้าข่ายผู้ขายน้อยรายอยู่แล้ว) หลังการควบรวม ค่า HHI พุ่งทะยานเป็น 4,219.54 หรือเพิ่มขึ้นถึง 1,722.80 เลยทีเดียว

มาถึงกรณีของ True กับ DTAC ก่อนการควบรวมค่า HHI อยู่ที่ 3,454 หลังการควบรวมค่า HHI พุ่งขึ้นเป็น 4778 หรือเพิ่มขึ้นถึง 1,324 กันเลยทีเดียว

กล่าวได้ว่า ถ้าใช้ตำราเศรษฐศาสตร์ การควบรวมทั้ง 3 กิจการ เป็นสิ่งที่ไม่ควรอนุญาตให้มีการกระทำ เพราะทำให้ตลาดมีการผูกขาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนมาก

แต่กรณีแรก การควบรวมก็สำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว ส่วนในกรณีที่หลัง (DTAC กับ True) รัฐมนตรีดิจิทัลออกมาส่งสัญญาณทำนองว่า รัฐบาลคงไม่มีอำนาจไปขัดขวางใดๆ แถมรัฐมนตรียังบอกด้วยว่า บางประเทศมีผู้ประกอบการรายเดียว แล้วจะลดการลงทุนซ้ำซ้อน และต้นทุนจะถูกลง???

แต่ผลการวิจัยที่ผมได้อ่านมาพบว่า ผลไปในทางตรงข้าม ยิ่งแข่งขันน้อย การลงทุนยิ่งน้อย และแน่นอน คุณภาพของเครือข่ายก็จะด้อยลงตามไปด้วย

ผมฟังแล้วรู้สึกหนักใจมาก เพราะไม่แน่ใจว่า ทำไมการสอนเศรษฐศาสตร์ที่ลูกศิษย์ของเราเข้าใจได้ แต่รัฐบาลของเรากลับไม่ยอมเข้าใจ

แต่เพื่อเปิดโอกาสในการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ในเมื่อรัฐบาลดูเหมือนจะฉีกตำราเศรษฐศาสตร์ขนาดนี้แล้ว ผมแนะนำให้รัฐบาลลองยกร่างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบใหม่ และ/หรือ ตัวชี้วัดการผูกขาดแบบใหม่ มาให้นักเศรษฐศาสตร์ ประชาชน และชาวโลก ดูกันหน่อยนะครับ

308 Nameless Fanboi Posted ID:MwCcx+S+ip

ทำไมหลิ่มถึงเชียร์ซีผี ซีผีไปเป็นพ่อพวกมึงตั้งแต่เมื่อไหร่

309 Nameless Fanboi Posted ID:S3XIeDG48D

>>305 อ่านไปถึงพิมพ์ได้ไม่จำกัดก็เลิกอ่านละ ประเทศไหนวะพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด

310 Nameless Fanboi Posted ID:FfHPtPinqh

อ๋อ ประเทศTetherที่ติ่งเหรียญรักไง พิมพ์USDTออกมาไม่จำกัด ไม่มีอะไรแบค แต่ติ่งเหรียญทำเป็นมองไม่เห็น ไปร้องมอๆใส่เงินจริงแทน

311 Nameless Fanboi Posted ID:cp9G4NhMvn

เหล่าพนักงานทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า บริษัทที่ทำงานนั้นเป็นของพนักงานทุกคน ไม่ใช่ของนายทุนตามที่เขาหลอกลวง เพราะพนักงานคือผู้ช่วยกันสร้างและดำเนินกิจการ แต่ทำไมถึงไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ์เสียงในการบริหารองค์กรเลย

312 Nameless Fanboi Posted ID:cp9G4NhMvn

>>310 ทั้ง Tether และทั้งประเทศแม่มันก็พิมพ์เงินมาใช้ไม่จำกัดเหมือนกันน่ะแหละ มึงควรร้องประเทศนั้นด้วยนะ ที่ไม่ยอมเลิกพิมพ์เงินซะที ทำไมไม่เข้าใจว่าระบบเงินเฟ้อ โดยการพิมพ์เงินแจก ประเทศอื่นๆ จะเจอปัญหาเงินเฟ้อแบบเดียวกับที่พิมพ์

313 Nameless Fanboi Posted ID:S3XIeDG48D

>>312 ไม่มีประเทศไหนที่พิมพ์เงินได้ไม่จำกัด

ต่อให้เป็นอเมริกาที่ติ่งเหรียญชอบอ้าง มันก็พิมพ์ไม่จำกัดไม่ได้ มันพิมพ์ได้แค่ขอบเขตของหนี้ที่ตัวเองมีเพื่อเอาไปซื้อBondsกลับ

แต่Tetherของมึงขยันปั๊มแบบไม่มีcap มันเหมือนกันตรงไหนวะ

ติ่งเหรียญไทยโดนติ่งเหรียญฝรั่งที่บื้อพอกันกรอกหูมาแล้วก็สำรอกต่อแบบไม่คิด นกแก้วนกขุนทองชิบหาย

314 Nameless Fanboi Posted ID:cp9G4NhMvn

>>313 qe คือการกู้เงินกับ fed ซึ่งจะกู้เท่าไรก็ได้ ไม่จำกัด ในตอนนี้มันยังไม่ยอมหยุด qe เลย

315 Nameless Fanboi Posted ID:S3XIeDG48D

>>314

มันต้องมีคนซื้อbondsเป็น3rd partyระบบQEถึงจะทำงานได้ ไม่ใช่รัฐบาลเตี๊ยมกันเองแบบที่ติ่งเหรียญชอบมั่ว

Tethersไม่มี3rd partyเข้ามาเกี่ยวเลยตอนมันปั๊มUSDT จะเอามาเทียบกันมันไม่ได้ เพราะTethersหนักกว่าเยอะ

316 Nameless Fanboi Posted ID:u2BQnGIKCg

เส้นชัยมโน …
น้องคนหนึ่งหลังไมค์มาขอคำปรึกษา หลังไปเข้าอบรมวิธีการสร้างอิสรภาพทางการเงิน ผ่านช่องทางออนไลน์กับกูรูด้านความมั่งคั่งท่านหนึ่ง (ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จัก)
น้องเขาเล่าว่า หลังเรียนวิธีตั้งเป้าหมายกับกูรูท่านดังกล่าวแล้ว ก็ให้รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเป้าหมายการเงินที่เขาคิดได้จากวิธีที่กูรูสอน ออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ 500,000 บาทต่อเดือน
ที่สำคัญมันเป็น Passive Income หรือรายได้จากทรัพย์สิน ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน (หรือ Active Income)
ซึ่งนั่นหมายถึง เขาต้องสร้างและสะสมทรัพย์สิน (อาทิ หุ้น กองทุนรวม อสังหาฯให้เช่า ธุรกิจ หรืออื่นๆ) ที่จะสร้างหรือผลิตรายได้ให้กับเขาทุกเดือน ในรูป ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า กำไรจากกิจการ และค่าลิขสิทธิ์ รวมๆ กันเดือนละ 500,000 บาท
[ต่อไปนี้ คือ เรื่องราวการสนทนาระหว่างผมกับน้องเค้าที่อยากหยิบมาเล่าให้ฟังแบบไม่ต้องตัดสินถูกผิด]
“แล้วปัญหา คือ ... ?” ผมถามหลังจากฟังน้องเขาเล่าเรื่องตัวเองจบ
“ก็แค่เห็นเป้าหมายแล้วผมตกใจครับ รายได้จากทรัพย์สินเยอะขนาดนั้น ตอนนี้แค่ 1,000 เดียว ผมยังไม่มีเลย ที่สำคัญหนี้ผมยังมีหนี้อยู่อีกตั้งแยะ ที่ยังใช้เขาไม่หมด”
“แล้ว? ...” ผมถามต่อ หลังฟังคำอธิบาย
“ผมก็เลยมาถามพี่หนุ่มนี่ยังไงละครับ เอาเข้าจริง ผมเองก็ดูๆ อยู่หลายทาง แต่ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี พี่หนุ่มมีคำแนะนำมั้ยครับ ว่าผมควรเริ่มจากทำอะไร?”
“ก่อนจะไปถึงวิธีการหา Passive Income ต่อเดือนมากขนาดนั้น ถามหน่อยสิ ตอนเห็นตัวเลขเป้าหมาย เรารู้สึกยังไง”
“รู้สึกเลยครับว่า งานประจำไม่ตอบโจทย์ชีวิตเราแน่ๆ”
“ไม่ใช่สิ! ที่พี่ถามหมายถึง ตอนเราได้ตัวเลขเป้าหมายการเงิน เราไม่รู้สึกเอะใจอะไรกับมันเลยเหรอ?”
“เอะใจยังไงครับ”
“งั้นถามใหม่ อะไรทำให้เราเชื่อในทันที ว่ามันเป็นเป้าหมายเรา?”
นิ่งเงียบไปนาน ผมเลยถามต่อ
“ทำไม? ต้อง 500,000 เป็น 100,000 หรือ 150,000 พอมั้ย? จะเอา 500,000 ไปทำอะไรบ้าง ที่บอกว่าต้องได้เท่านี้ ถึงจะมีชีวิตที่มีอิสรภาพ หมดกังวลเรื่องการเงิน”
ปลายทางยังนิ่งเหมือนกำลังคิด
“ถ้าเห็นตัวเลข 500,000 ที่คำนวณได้แล้วรู้สึกตกใจ อาจเป็นไปได้มั้ยว่า เป็นเพราะเราเองก็หาเหตุผลมาอธิบายมันไม่ได้ เราไม่อินกับมัน หรือที่แย่ที่สุด คือ ไม่มีเหตุผลรองรับว่าทำไม? ต้องพยายามทำตัวเลขนั้นให้เป็นจริงขึ้นมา”
“แล้วเรามีวิธีดูยังไงครับ ว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นเป้าหมายของเราจริงๆ” เจ้าของเรื่องถามกลับ
“ก็เหตุผลหลังตัวเลขไงหละ ทำไม? ทำไม? ทำไม? เราเคยถามตัวเราจริงๆ” มั้ย WHY หนะ
จะว่าไปตัวเลข 500,000 ที่เราคำนวณได้ อาจจะถูกก็ได้นะ ถ้าเราตั้งโจทย์เองว่า เงินกินอยู่ใช้จ่ายในแต่ละเดือนระดับนั้น ถึงจะมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม
แต่ถ้าไม่ใช่ คิดถึงมันแล้วใจสั่น ไร้พลัง อันนั้นก็อาจเป็นตัวเลขที่เราอุปโลกน์ขึ้นมา เป็นเรื่องที่เรามโนไปเอง คิดเกินความต้องการที่แท้จริงไปไกล เป้าหมายจริงอาจไม่ได้สูงขนาดนั้นก็ได้ อันนี้มุมมองส่วนตัวพี่นะ”
“แต่ถ้าแบบนั้นมันจะเป็นลดขนาดความฝันตัวเองหรือเปล่าครับ คนเราควรคิดใหญ่ ฝันใหญ่ไว้ก่อน ยังไงก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ”
“ฝันใหญ่คืออะไรวะ พี่ว่าคนเรามีความสุขกับ “ความฝันที่เป็นจริง” มากกว่าหรือเปล่า?
ความฝันที่เป็นความฝันของเราจริงๆ ไม่ได้หยิบยืมหรือเลียนแบบคนอื่น มีเหตุผลรองรับเป้าหมายหรือสิ่งที่ฝัน ทำให้เรามีพลังอย่างแรงกล้า กล้าลุย กล้าเดิน กล้าลงมือทำ
และนั่นจะทำให้ทุกวันที่เรากำลังพยายามทำความฝันหรือเป้าหมาย เราจะมีความสุขในทุกวัน ทั้งๆ ที่ยังไม่สำเร็จ
หรืออย่างน้อยก็ไม่ตกใจกับเป้าหมายตัวเองตั้งแต่เริ่ม แบบที่เราเป็นอยู่นี่ไง”
.
.
.
หลังจบข้อความสุดท้าย น้องเขาหายตัวไป ไม่ส่งข้อความอะไรกลับมาอีกเลย
สงสัยผมคงพูดจา Abstract เกินไป ไม่ตรงใจน้องเค้าแน่เลย 555
#โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH

317 Nameless Fanboi Posted ID:u2BQnGIKCg

ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้วโว้ยยยยยย!!
ซื้อเรือนหอ บ้านริมทะเลสาบ วิว 100 ล้าน ติดภูเขาดอยสุเทพ ใจกลางเมืองเชียงใหม่
.
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
จากเด็กที่ต้องเลิกเรียนกลางคัน
เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ
ทำงานเสิร์ฟอาหาร ได้วันละ 80 บาท ทำได้แล้ว
.
3 หลักการหาเงินให้เก่ง
ในการทำธุรกิจและลงทุน
ที่ผมได้นำมาใช้ตลอด 20 ปี
1) ตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งของ
.
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะถ้ามีภาพชัดเจนในสิ่งที่อยากได้ เราจะลุยทุกอย่างแบบไม่กลัวเหนื่อย อุปสรรคจะใหญ่ขนาดไหน เราก็จะผ่านไปให้ได้
.
ตอนเด็กๆ เวลาไปโรงเรียนผมจะต้องเดินผ่านทะเลสาบ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจทุกครั้ง ภาพนี้ติดตามาตลอด เลยสัญญากับตัวเองว่าชีวิตนี้ ต้องมีบ้านริมทะเลสาบให้ได้
.
เลยมาดูโครงการนี้กับซินแส ตั้งแต่ปี 2018
ถ้าได้วิว ตรงนี้คือ ทำเลที่ดีที่สุด ของโครงการ
เป็นหลังริมที่ติดทะเลสาบวิวภูเขา มีสระว่ายน้ำ
รับพลังฮวงจุ้ยเต็มๆ ตรงกับชะตาชีวิตเรา
.
แปะรูปโครงการ ที่หัวเตียง เห็นภาพบ้านทุกคืน
บอกกับตัวเอง เราต้องทำให้ได้ จะเอาๆ
.
ตอนต้นปีนี้ทางโครงการก็โทรมาบอกทันทีเลย
ว่าหลังตรงนี้สร้างเสร็จแล้วนะ
วางเงินจองทันที ไม่ลังเลเลย
เพราะเป็นหลังที่รอมานานแล้ว
.
2) มองหาโอกาสใหม่ๆ เสมอ
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตแบบเอาตัวรอด
.
เพราะด้วยความลำบากตั้งแต่เด็ก ทำให้คิดหาช่องทางอยู่ตลอด อะไรที่ทำเงินได้ ผมทำได้หมด ไม่มีข้ออ้าง ไม่เกี่ยงงาน ขอเพียงแค่ ได้เงิน
- รับจ้างพิมพ์งาน หน้าละ 5 บาท
- เด็กเสิร์ฟร้านอาหาร ได้วันละ 80 บาท
- รับจ้างทำ Website ฯลฯ
.
จนมาถึงจุดๆ นึงรู้เลยว่า การทำงานหนัก นอนน้อยๆ ขยันสุดๆ ไม่ได้ทำให้เรารวยเสมอไป
.
แต่การที่เรามองหาโอกาสใหม่ๆ แล้วเข้าไปจับช่องทางทำเงินก่อนที่คนอื่นจะมองเห็น จะทำให้เรารวย
อย่างที่ผมได้ศึกษาการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2014 เพราะเป็นเคล็ดลับของคนรวย และลงทุนมาตลอด ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ
.
จนช่วง Cryptocurrency มาแรกๆ ปี 2018
รู้เลยว่ามันต้องมาแน่นอน รีบศึกษาเข้าไปลงทุน
.
เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ นำเงินเก็บจากขายของออนไลน์มาต่อยอด Trade จนสามารถทำเงินได้เยอะมาก จนถึงทุกวันนี้
.
3) แรงผลักดัน
.
ผมโชคดีมากที่มี ภรรยา Minly MY ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คอยให้กำลังใจ และ ซัพพอร์ตทุกๆเรื่อง ผ่านทั้งทุกข์ ทั้งสุขมาด้วยกัน
.
และทีมงานทุกๆคน ที่เป็นแรงสนับสนุน ฝ่าฟันอุปสรรค์กันมาตลอด
.
ทำให้มีแรงบันดาลใจ ตั้งใจอยากให้ชีวิตครอบครัวเราดีกว่านี้ ไม่อยากให้ลำบาก เหมือนชีวิตผมตอนเด็กๆ
.
ถ้าผมทำเพื่อตัวเองคงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้
วันนี้อยากให้ทุกคนลองทำเพื่อคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา ลูก พี่น้อง ที่จะทำให้ชีวิตเค้าดีขึ้น
คุณจะมีพลังลุกขึ้นมาสู้อย่างเหลือเชื่อเลยครับ
.
ตอนนี้โอกาสใหม่ๆ ยังมีเยอะอยู่
ขอแค่ไม่ยอมแพ้ เรียนรู้ตลอดเวลา
เราก็จะสามารถทำเงินได้ครับ
.
ลองนำ 3 หลักการนี้ปรับใช้กันดูนะครับ
.
สุดท้ายนี้
เหลืออีก 1 เดือน จะหมดปี 2021 แล้ว
จงเชื่อมั่น พยายามให้เต็มที่ มั่นใจตัวเอง
ผมเชื่อเลยว่าเป้าหมายของทุกๆ คน
จะเป็นจริงในเร็ววันนี้ ได้เหมือนกัน
ผมเป็นกำลังใจให้ครับ 😊
.
Winner Thunthorn

318 Nameless Fanboi Posted ID:neye8RB5/X

🚨สรุปคดีนักเรียนม.3ที่จังหวัดไอจิแทงกันตาย เมื่อวาน เด็กที่ก่อเหตุให้การว่า “โดนแกล้ง”นะครับ … ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ ผู้ก่อเหตุซื้อมาจากเนตฯ พกมาในกระเป๋าเข้าโรงเรียน ไม่ให้ใครเห็น ผลชันสูตรพบ แทงลึกทะลุตับไปเลย … ทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าคงแค้นอีกฝ่ายมาก
.
☝🏻คนที่รู้จักผู้ตายบอกว่า เป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ขัน มีมารยาททักทายผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำ .. ส่วนชาวเนตบางคนแย้งว่า “ใช่สิ .. คุณเคยเห็นเด็กที่เนิร์ดไปแกล้งคนอื่นไหมล่ะ?”
.
#RIP #อารมณ์ชั่ววูบ #แกล้งเพื่อน #จบข่าว

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

319 Nameless Fanboi Posted ID:eaL2oCh/wl

>>318 กุเคย เนิร์ดแกล้งคนอื่นได้นะ แต่แกล้งคนที่เนิร์ดกว่า

320 Nameless Fanboi Posted ID:cwI3cHL0LF

>>318

สังคมชอบเด็กรังแก และให้รางวัลเด็กที่รังแกคนอื่น

เพราะเด็กที่รังแกคนอื่นจะมีความมั่นใจในตัวเองสูง ความมั่นใจที่ได้มาจากการที่เห็นว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น(คนที่แกล้ง) แล้วสังคมจะให้รางวัลคนที่มีความมั่นใจในตัวเองด้วยความสนใจ,ตำแหน่งผู้นำ,และโอกาส ในขณะที่เด็กที่ถูกรังแกจะขาดความมั่นใจในตัวเอง และสังคมไม่ชอบคนที่ขาดความมั่นใจ

ต่อให้มีแคมเปญออกมาเท่าไหร่ๆบอกเด็กว่าการรังแกมันไม่ดีๆๆๆๆ แต่ไอ้เด็กที่รังแกคนอื่นได้รับรางวัลจากสังคมแบบนี้ เด็กนักรังแกมันก็ไม่เปลี่ยนนิสัยหรอก

321 Nameless Fanboi Posted ID:WgZbgrWjsW

>>319 มึงเล่นกลางแล้วกากละสิ เลยโดนแกล้ง

322 Nameless Fanboi Posted ID:WgZbgrWjsW

>>320 มันมีวิธีการสร้างความมั่นใจโดยไม่ต้องแกล้งคนอื่นอยู่นะ ขึ้นกับสังคม แต่ก็นั่นละ การแกล้ง=สร้างภาวะการเหนือกว่าผู้อื่น มันเป็นสัญชาติญาณขั้นพื้นฐานสุดในสัตว์สังคม

323 Nameless Fanboi Posted ID:WgZbgrWjsW

คดีข่มขืนแพะ.....
.
บอกก่อนว่าไม่ใช่อุปมาอุปไมยครับ อันนี้เรื่องจริง
ชายวัย 60 ปีนาม Shaari Hasan ถูกจับในข้อหาข่มขืนแพะอายุ 2 ปีจนมันตาย
โดยเจ้าของแพะพบเขาที่กางเกงหลุดลุยใกล้กับแพ็คของเขา เมื่อเขาตะโกนถามว่าทำอะไรชายคนดังกล่าวก็ได้หนีไป
เขาจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี และภายหลังแพะเขาก็ได้ตายด้วย
โดยตำรวจได้จับกุมเขานักแสดงคดีในข้อหาทารุณกรรมสัตว์และมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์อย่างผิดธรรมชาติ(งงข้อหานี้) โดยหากศาลตัดสินว่าเขาผิดจริงเขาต้องได้รับโทษสูงสุด 20 ปี
เหตุเกิดที่รัฐสลังงอร์ประเทศมาเลเซีย

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

324 Nameless Fanboi Posted ID:76A2D/GsrE

>>323 เหยด รับโทษเท่าคดีฆ่-าคนตายเลยนะนั่น มันน่าจะเป็นแค่คดีทำลายทรัพย์สินเค้าป่าว กฎหมายโหดเกิ๊น

325 Nameless Fanboi Posted ID:rIcamlIOb9

พวกที่สนับสนุนแนวคิดนี้หลายคนพยายามแก้ต่างว่าการมองว่ามนุษย์ทุกๆคนเท่ากันที่แท้จริง คือการมองให้เห็นว่ากลุ่มไหนที่ถูกกดขี่มากกว่าแล้วนำอภิสิทธิ์พิเศษไปให้พวกเขา เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้มนุษย์ทุกคนเท่ากันอย่างแท้จริง

โดยจากแนวคิด critical race theory ของพวกนี้ คนผิวดำคือกลุ่มที่ถูกกดขี่ตลอดกาลจนกว่าคนผิวขาวจะมีจำนวนน้อยกว่าครึ่ง ดังนั้นการให้อภิสิทธิ์กับคนผิวดำในสังคมที่คนผิวขาวมีจำนวนมากกว่าจึงเป็นเรื่องที่สมควรทำครับ

326 Nameless Fanboi Posted ID:YqcNTC0TMu

ผู้ถาม : ถ้าผมฉีดวัคซีนแล้ว ผมไม่ต้องใส่แมสก์แล้วใช่ไหม ?
CDC : ไม่ ยังต้องใส่แมสก์ต่อ

ผู้ถาม : ถ้าผมฉีดวัคซีนแล้ว ผมจะไม่ติดโควิทแล้วใช่ไหม ?
CDC : อาจจะนะ แต่ก็คงติดล่ะ

ผู้ถาม : ถ้าผมฉีดวัคซีนแล้ว ผมแพร่เชื้อต่อไม่ได้ใช่ไหม ?
CDC : ไม่ เพราะวัคซีนไม่ได้หยุดการแพร่เชื้อ

ผู้ถาม : ถ้าผมฉีดวัคซีนแล้ว มันจะป้องกันผมได้นานเท่าไร ?
CDC : ไม่มีใครตอบได้ เพราะวัคซีนยังอยู่ในขั้นทดลองอยู่เลย !!!

ผู้ถาม : ถ้าผมฉีดวัคซีนแล้ว ผมไม่ต้องเว้นระยะห่างแล้วใชไหม ?
CDC : ไม่ได้

ผู้ถาม : ถ้างั้นวัคซีนได้ประโยชน์อย่างไรบ้างล่ะ ?
CDC : ก็หวังว่าไวรัสจะไม่ฆ่าคุณยังไงล่ะ

ผู้ถาม : คุณแน่ใจนะ ว่าวัคซีจะไม่เป็นอันตรายต่อผม หรือ ฆ่าผม ?
CDC : ไม่การันตี

ผู้ถาม : ถ้าดูจากสถิติแล้ว คนติดไวรัสนี้มีโอกาสรอดถึง 99.97% ทำไมผมต้องฉีดวัคซีนด้วยล่ะ
CDC : เพื่อปกป้องคนอื่น

ผู้ถาม : งั้นถ้าผมฉีดวัคซีน ผมก็จะปกป้องทุกคนรอบตัวได้งั้นสิ ?
CDC : ไม่ได้หรอก

ผู้ถาม : ถ้าผมเจออาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน บริษัทผู้ผลิตหรือรัฐบาล จะจ่ายเงินชดเชยผมใช่ไหม ?
CDC : ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน! บริษัทวัคซีนและรัฐบาลได้รับการปกป้อง และไม่ต้องจ่ายเงินใดๆเลย

ผู้ถาม : ทำไมถึงไม่มีการชดเชยล่ะ
CDC : ก็เพราะมันเป็น "วัคซีนทดลอง" ยังไงล่ะ

สรุป : วัคซีนโควิทไม่ช่วยป้องกันไวรัส ไม่กำจัดไวรัส ไม่ป้องกันให้เราตาย ไม่การันตีว่าคุณจะไม่ติด และคุณก็แพร่เชื้อต่อได้อีก ต้องใส่แมสก์ เว้นระยะห่างอีก แล้วก็ต้องล็อกดาวน์ต่ออีก แล้วถ้าคุณมีอาการไม่พึงประสงค์ถึงตายได้ คุณก็แค่ "ซวย"

แล้วทุกคน "โง่" กันหมดใช่ไหมเนี่ย ผมต้องบอกว่า คงไม่หรอก ยกเว้นคุณเป็นพวกขับรถอยู่คนเดียว แล้วยังใส่แมสก์อยู่ ถ้าอย่างนั้นคุณควรได้รางวัลอะไรสักอย่าง หรือถ้าคุณคิดว่า เวลายืนอยู่ในร้านอาหาร คุณติดโควิทได้ แต่ถ้านั่งโต๊ะเมื่อไร คุณติดไม่ได้ .... ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นจริงๆ คุณเหมือนหลงทางอยู่ใน "ป่าแห่งความโง่เขลา" นะ ...

ทั้งหมดนี้ มาถึงคำถามสุดท้าย ทำไมผู้มีอำนาจถึงพยายามให้เราฉีด "วัคซีนทดลอง" กัน

327 Nameless Fanboi Posted ID:oXPVor/Uf+

>>326 เปรียบเทียบแบบบิดเบือนอัตราส่วน
มีโอกาสเป็นอันตรายต่อคนฉีด --จริง แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ระดับ 1ในแสน
ไม่ได้หยุดการแพร่เชื้อ --แต่ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้เกิน 60%
ป้องกันได้นานเท่าไร -- ผลออกมาแล้วว่าอยู่ที่ 6 เดือนแบบป้องกันการติดเชื้อมีอาการ และจะค่อยๆลดลง แต่ป้องกันอาการหนักยังเท่าเดิม
คนติดเชื้อโอกาสรอดสูงอยู่แล้ว --แต่ถ้าฉีดโอกาสที่อาการหนักก็จะน้อยลงมากๆๆๆๆๆไปอีก

328 Nameless Fanboi Posted ID:YqcNTC0TMu

มีโอกาสเป็นอันตรายต่อคนฉีด --จริง แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ระดับ 1ในแสน --> ถ้าหาก "ไม่ซวย"

ไม่ได้หยุดการแพร่เชื้อ --แต่ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้เกิน 60% --> วัคซีนที่ดีจริง ต้องป้องกันการติด และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ลองดูวัคซีนหลายๆตัวที่ทำให้โรคหายไปสิ แต่กับโควิต โรคไม่ได้หายนะ ตกลงเป็นการเล่นคำสินะ

ป้องกันได้นานเท่าไร -- ผลออกมาแล้วว่าอยู่ที่ 6 เดือนแบบป้องกันการติดเชื้อมีอาการ และจะค่อยๆลดลง แต่ป้องกันอาการหนักยังเท่าเดิม --> แต่ก็มีโอกาสตายอยู่ดีถ้า "ซวย"

คนติดเชื้อโอกาสรอดสูงอยู่แล้ว --แต่ถ้าฉีดโอกาสที่อาการหนักก็จะน้อยลงมากๆๆๆๆๆไปอีก --> เหรอ ลองดูอัตราการตายในโซนยุโรปกับเมกาดูสิ ตอนนี้กลับมาเพิ่มล่ะ อย่ามาอ้างว่าคนไม่ได้ฉีดเท่านั้นที่ตายนะ ในเมื่อยอมรับว่า คนที่ฉีดจะติดได้

329 Nameless Fanboi Posted ID:mqIf2cluHC

>>325 แล้วไอ้ critical race theory มันหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าเป็นแผนชั่วของเฮเกลและลูกศิษย์คาร์ล มาร์กเผยแพร่ทฤษฎีเพื่อทำลายโลกตะวันตก

330 Nameless Fanboi Posted ID:0SE079vOn4

>>328 mrna ก็ไม่ได้กันติดขนาดนั้น ที่เยอรมันระเบิดไปแล้ว

331 Nameless Fanboi Posted ID:c1.m+KTuQe

>>326 พวกไม่ฉีด เหมือนจะดูโง่ที่สุดนะ แต่เราไม่รู้ว่าวัคซีน มันจะทำอะไรกับเราในอีก3 ปี , 5ปีข้างหน้า
คนที่ไม่ฉีดนะฉลาดที่สุด

332 Nameless Fanboi Posted ID:fHXTt6TNsG

ใช่ ต้องระวังอนาคตอีก 3 ปี 5ปี แต่วันนี้ไม่ต้องระวัง ติดปุ๊บตายเลย ไม่ต้องเครียดเรื่องอนาคต นี่แหละคนฉลาด 555

333 Nameless Fanboi Posted ID:zYghbz.fC.

>>332 คนติดส่วนใหญ่ไม่ตายนะ

334 Nameless Fanboi Posted ID:4/Li5XvFrR

>>333 คนฉีดส่วนใหญ่ก็ไม่ตายนะ

335 Nameless Fanboi Posted ID:zYghbz.fC.

>>334 ถ้ามันสร้างภูมิก็ไม่ได้ กันติดไม่ได้ เหมือนอย่างวัคซีนอื่นๆ แถมวิธีการทดสอบเป็นแบบ blind test อีก และตอนนี้ยังเป็นวัคซีนขั้นทดลอง ทั้งที่ปกติวัคซีนตัวอื่นต้องใช้เวลา 5-10 ปีในการทดสอบและรับรอง เชื่อได้ไงว่าจะไม่มีผลข้างเคียงอื่นใน 5-10 ปี

336 Nameless Fanboi Posted ID:9AWRXVqIX4

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมคนเลวในสังคมของเราถึงอยู่ในสังคมของเราได้อย่างมีความสุข ทำไมพวกเขาถึงสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ยางอายในสิ่งที่เขาทำหรือในสิ่งที่เขาเป็นได้

ทำไมคนที่กระทำไม่ดีกับเราโดยตรงหลายๆคนถึงดูเหมือนกับว่าเขาไม่เคยสำนึกผิดในสิ่งที่เขาทำเลย

เหตุผลง่ายๆก็คือ คนที่เลว คนที่ไม่ดี คนที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีเลย

ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าคนที่ไม่ดี เเละคนที่เห็นเเก่ตัวส่วนใหญ่มักจะมีความสามารถพิเศษในการหาเหตุผลมารองรับการกระทำที่ไม่ดีของตัวเอง (ถึงเเม้ว่าเหตุผลที่พวกเขานำมาอธิบายการกระทำที่ไม่ดีของตัวเองนั้นจะเป็นเหตุผลข้างๆคูๆก็ตาม) เเละการมีเหตุผลรองรับในหัวของตัวเองนั้นสามารถช่วยทำให้เขามองผ่านพฤติกรรมที่เห็นเเก่ตัวของตัวเองไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ดีเเต่มองไม่เห็นความเป็นคนไม่ดีของตัวเอง ส่วนใหญ่เเล้วจะเเชร์บุคลิกภาพส่วนตัว (personality traits) ที่สำคัญ​นั่นก็คือ การสำคัญตัวเองเป็นพิเศษ (narcissistic) เเละการขาดการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (lack of empathy) ซึ่งทั้งสองบุคลิกภาพนี้มีส่วนที่ทำให้พวกเขาตาบอดเเละมองไม่เห็นผลลัพธ์ด้านลบที่พฤติกรรมของตัวเองมีกับผู้อื่น

เเละด้วยเหตุผลที่คนเลวไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนเลวนี้นี่เองที่ทำให้วิธีการใช้เหตุผลในการทำให้พวกเขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนเลวเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ (หรืออาจจะทำไม่ได้เลยด้วยซำ้ไป)

337 Nameless Fanboi Posted ID:ulq0TYLNcL

ปี 2023 จะเอาโควิดอยู่กันทั่วโลกแล้วยังวะ อยากถอดหน้ากากแล้ว

338 Nameless Fanboi Posted ID:jFCtmVzgQq

ใส่แบบนี้ไปตลอดเลยนั่นละดีแล้ว คนที่เป็นโรคแพนิคแบบกูการใส่หน้ากากมันช่วยให้กล้าออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมากกว่าเดิมเยอะเลย

339 Nameless Fanboi Posted ID:YdEomqj9UB

หน้ากากกันโควิด โรคทางเดินหายใจ และ pm2.5 อีกใส่ๆไปก่อน

340 Nameless Fanboi Posted ID:w69DkonPAa

>>338 กูไปศัลยกรรมมา อยากโชว์หน้าหล่อๆแล้ว

341 Nameless Fanboi Posted ID:kmQRTBW2JZ

พวกที่โทษนักวิจัยว่าทำแต่อะไรที่ใช้จริงไม่ได้ หอคอยงาช้างนี่ไม่แหกตาดูหน่อยเหรอว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คนทำวิจัยแต่มันอยู่ที่คนอำนวยความสะดวกให้มันเกิดขึ้นได้จริงและส่งเสริมการเอามันไปใช้ หลัก ๆ แล้วคือรัฐ เพราะรัฐเป็นหน่วยงานที่สามารถลงทุนอะไรในระยะยาวที่ระยะเวลาคืนทุนช้า ความเสี่ยงสูง สองอย่างนี้เป็นคาแรคเตอร์ของนวัตกรรมที่สดใหม่ นอกจากนี้ยังมีอำนาจในการขอความร่วมมือให้คนโน้นคนนี้มาช่วย ประสานทั้งระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ บูรณการแผนทรัพยากรบุคคล การศึกษา การลงทุน ถ้าไม่ใช่รัฐละใครจะทำได้ทั้งหมด

เอาจริงตอนนี้ไม่ต้องไปพูดถึงอะไรไกลอย่างให้รัฐอำนวยความสะดวกเลย แค่มันไม่ขัดก็พอ ถ้าให้คิดจริง ๆ โมเดลที่ตัดรัฐออกมันก็มีอยู่ อย่าง VISTEC เนี่ย ถือว่าประสบความสำเร็จเลย เขาทำ ecosystem ของเขาเองทั้งลูป ที่ทำได้เพราะแบ็คด้วยบริษัทที่เผาเงินปีละพันล้านหมื่นล้านได้โดยขนหน้าแข้งไม่ร่วง ทำไปได้ไม่กี่ปี กำไรเฉย วันนี้ VISTEC เป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น แต่เรื่องที่น่าเศร้าคือสิ่งที่ VISTEC พัฒนาขึ้นล้วนเป็น proprietary knowledge ของนายทุน หรือต่อให้ VISTEC ประกาศ public domain การค้นพบของตัวเอง พวกที่เหลือในประเทศนี้ก็ไม่มีทางตามทัน เพราะพื้นฐานความรู้ความเข้าใจและการสนับสนุนในประเทศนี้มันห่างชั้นกันเกินไป สถาบันวิจัยเอกชนจึงไม่มีทางทำหน้าที่แทนรัฐได้ในเรื่องการสร้างความก้าวหน้าเรื่องนวัตกรรมในองค์รวม

342 Nameless Fanboi Posted ID:zK.d4.hvbJ

* พวกเราอยู่ท่ามกลางวิกฤติกับไวรัสโคโรน่า พวกเราต้องใช้วิทยาศาสตร์เป็นตัวนำไม่ใช่วิธีการของโดนัลด์ที่ควบคุมพฤติกรรมของตนเองไม่ได้ หวาดกลัวชาวต่างชาติและพยายามก่อให้เกิดความกลัว
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดที่นำประเทศของพวกเราในการฝ่าฝันเหตุการณ์ฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข

* กำแพงนั้นหยุดไวรัสโคโรน่าไม่ได้ การแบนเดินทางทั้งหมดที่มาจากยุโรปหรือส่วนไหนก็ตามบนโลกใบนี้ก็หยุดไวรัสโคโรน่าไม่ได้เช่นกัน โรคนี้สามารถส่งผลกระทบต่อทุกๆประเทศและทุกๆคนบนโลกได้และพวกเราต้องมีแผนการในการสู้กับมัน

* ทรัมป์ได้ลดคุณค่าของอเมริกาในสายตาของชาวโลกโดยการขยายการสั่งห้ามการเดินทางที่มาจากแอฟริกาที่ทำให้คนน้ำตาลและดำที่ต้องการอพยพมายังอเมริกาได้ยากขึ้น มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายและพวกเราไม่สามารถยอมให้เขาทำสำเร็จได้
* การขยายมาตรการสั่งห้ามการเดินทางของทรัมป์เป็นการบ่อนทำลายค่านิยมหลักของอมเริกา มันถูกขับเคลื่อนโดยความเกลียดชังไม่ใช่ความมั่นคง

/โจไบเดน ได้กล่าวกาเสียงด่าทรั้มป์ปีก่อนไว้
/ปีนี้โจทำที่ด่าไว้เองหมดจ้า

343 Nameless Fanboi Posted ID:g3BMT8TqAD

มีเพื่อนๆที่ไปแสดงความไม่เห็นด้วยกับการ “ขายเสื้อเปิดนม” หลังไมค์กันมาว่าโดนทัวร์ลงกันเละ
ด้วยเหตุผลว่าการเปิดนมขายเสื้อ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
เข้าใจกันว่า “ไม่เดือดร้อน” นี่แหละครับ ที่เป็นปัญหา
ลองถามตัวเองดูกันมั้ยครับ ทำไมประเทศที่เจริญเค้ารวยได้โดยไม่ต้อง “ขายของลับ”
เปิดนมขายเสื้อ
เปิดนมเอายอดไลค์
เปิดนมขายของในเฟส
เดี๋ยวนี้ “เอากัน” โชว์ เพื่อหาเงินใน OnlyFans
ส่วน sideline มหาวิทยาลัย หากันได้ทุกมหาวิทยาลัย สวยๆทั้งนั้น สนนราคา 2,500-50,000
50,000 นี่หลีดคณะในมหาวิทยาลัยดัง
ถามว่าขายตัวทำไม
คำตอบคือ “ใครๆก็ทำ” เอาเงินไปเที่ยวญี่ปุ่น ซื้อมือถือแพง ออกรถหรู
“เพื่อถ่ายรูปอวดลงในโซเชียล”
โลจิกเดียวกันนี้ อีกหน่อยก็จะมี “เปิดกระดอ” ขายข้าวผัด
ผู้หญิงเปิดได้ ผู้ชายก็เปิดได้
ไม่มีห่าอะไรที่เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพ อนาคต และสมองฉลาดๆเลย
แต่รากปัญหาว่าทำไม “ใครๆก็ทำ” คืออะไร
ผมก็จะย้ำเรื่องที่โพสต์เมื่อวาน
ผมไม่ได้มองว่าปัญหานี้เกิดจากน้องเปิดนม
ผมกลับมองว่ามันคือปัญหาการศึกษาห่วยที่ทำให้คนไม่มีทางออก
ผมมองว่ามันคือการสร้างค่านิยมจากภาครัฐที่รับส่วย
คุณลองนึกว่าตัวเองเป็นเด็กประถม 1 โรงเรียนวรรณวิทย์ที่เจ้าของแสนจะตั้งใจดี
ตั้งแต่ประถม 1 ถึงมัธยม 3 ใน 9 ปีเต็มๆนั้น คุณต้องเดินผ่านบาร์เบียร์ที่มีสาวๆแต่งตัวโป๊ แลกลิ้น โดนนัว ถูกจับนม ล้วงควัก โดยฝรั่ง เพื่อแลกเงิน 500 บาทอยู่
สนนราคา “หิ้ว” ก็ 1,500 บาท หิ้ว “หมู่” 3 คน เหมา 4,000 บาท ถ้าอยากถ่ายคลิป เพิ่ม 10,000 บาท โดยให้ฝรั่งโชว์ใบตรวจโรคให้ดู
ไม่นับโชว์ “ปิงปอง” ที่มีอยู่ทั่ว
เด็กมันถึงรู้สึกว่าสิ่งนี้ “ปกติ”
เขตคลองเตย และตำรวจ ก็ทำให้มันเป็นเรื่อง “ปกติ” ที่อนุญาตให้เปิดร้านแบบนี้ได้ทั่วเขต
แต่คนทั่วโลกเค้าไม่มองว่าปกติ ในการตีค่าคนเป็นเศษเนื้อ แถมมันคือการ “ทำลาย” ลูกหลานโดยตรง
ใครลอง search Google ดู จะเจอคำว่า “Thailand Street Meat”
โคตรดูถูกชาติไทย
แต่จริง เราทำให้เขาดูถูกเราเอง
เขตคลองเตยช่วยทำลาย ตำรวจท้องที่ก็ช่วยทำลาย
ไอ้ห่า เวลาต่างชาติชอบเพลง One night in Bangkok
ต่างชาติใส่คำว่า “Hooker” หรือ “กะหรี่” ไปใน dictionary
ภาครัฐก็อย่าดัดจริตไปโวยวายเค้า
ข้าราชการอย่างพวกคุณหนะช่วยกันสร้างเมืองแบบนี้กันทั้งนั้น แล้ววันอาทิตย์ค่อยไปนุ่งขาวห่มขาว ถ่ายรูปทำบุญกัน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

344 Nameless Fanboi Posted ID:HRRrQFNVM.

>>343 Sex Work is Work สิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ร่างของฉันฉันตัดสินใจได้

345 Nameless Fanboi Posted ID:THPDTPZBuF

>>343 กุเข้าใจว่า ดีไซน์เสื้อนี่ มาจาก ประเทศผู้เจริญ แล้วนะ

346 Nameless Fanboi Posted ID:YPjA7/CcMF

>>344

sex work is work งั้นก็ช่วยไปจ่ายภาษีหน่อย

347 Nameless Fanboi Posted ID:5QygJwoYqu

>>346 ก่อนจะไปบอกให้เขาไปจ่ายภาษี มึงมีกฎหมายอะไรคุ้มครองเขาหรือยัง

348 Nameless Fanboi Posted ID:VtYn1sKRm/

ว่าแต่มีกะหรี่ชาติไหนมีกม.คุ้มครองบ้างวะ

349 Nameless Fanboi Posted ID:5QygJwoYqu

ว่าแต่มีชาติไหนคิดจะไถภาษีกระหรี่บ้างวะ

350 Nameless Fanboi Posted ID:HRRrQFNVM.

>>348 ส่วนใหญ่เป็นโลกตะวันตก แต่มันก็มี 2 แนว บางที่ใช้ legalize (ต้องขึ้นทะเบียนด้วย) แต่บางทีก็ใช้ decrimination (ไม่ต้องขึ้นทะเบียนก็ได้ แต่กฎหมายไม่ถือว่าผิด) ส่วนโลกอื่นก็เทาๆ แบบเรานี่แหละ

351 Nameless Fanboi Posted ID:wACp6ztHNr

เข้าไปสำรวจความคิดเห็นทางการเมืองของเด็กในโรงเรียนแล้วคือชัดมากว่าActive Citizenส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกับLGBTQ+มากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงกับLGBTQ+ตอบตั้งแต่เรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ สมรสเท่าเทียม ไปจนถึงเรื่องสถาบัน ส่วนคำตอบผู้ชายมีแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่มีAwarenessใดๆทั้งสิ้น😑

352 Nameless Fanboi Posted ID:VCMc3PLRKV

มีawareness แต่เป็นฟุหยะ ก็เป็นสวะของสังคมนะครับพอๆกับจอร์จ ฟรอย 😑

353 Nameless Fanboi Posted ID:80jHrWSyT.

ทุกอย่างมีขึ้นย่อมมีลง มันเป็นวัฎจักร ถ้าทุกคนรวยหมด แล้วใครเสีย

เสียแล้วอย่าพาลก็แค่นั้น เพราะความผิดพลาดอยู่ที่คนเล่นไม่ได้อยู่ที่ตลาด

354 Nameless Fanboi Posted ID:isgC+DPqIY

เพราะฝั่งนั้นเหี้ยก็เลยต้องเหี้ยตามกันเหรอ กูเข้าใจนะสำหรับคนที่อยากทำ แต่กูไม่ทำวะ แล้วก็ไม่เห็นดีด้วยหรอก

355 Nameless Fanboi Posted ID:RbmWnOb6x+

คนที่รับไม่ได้กับเรื่องincestเยอะมากในสังคมมนุษย์ ราวกับว่าโลกของเรานี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่เรียกว่าincestเกิดขึ้นเลยสักครั้งเพราะผู้คนล้วนต่อต้าน... แต่ความจริงนั้นเปล่าเลย ทั้งๆที่มีคนรับไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่กลับเกิดขึ้น ซุกซ่อน ปกปิดซ่อนเร้น อยู่ภายใต้ผ้าห่ม ภายในหลังคาเรือน ทั้งที่ออกข่าวและยังไม่มีใครรับรู้ แม้แต่ในขณะนี้หลายๆแห่งในโลกคงนัวร์incestกันอยู่ทั้งสมยอมและข่มขืน.... ในเมื่อมันมีเรื่องราวเกิดขึ้นจริงในสังคม แล้วทำไมถึงเอามาเขียนเป็นนิยายไม่ได้กันนะ รู้สึกลำคาญทุกที ที่เรื่องราวในนิยายถูกจำกัดโดยผู้คนที่ดัดจริตพวกนี้ 😑

356 Nameless Fanboi Posted ID:cR+w.OIfL0

การinsect ไม่ได้ผิด แต่ปิดที่คลอดลูกออกมาแล้วเอ๋อ ก็เท่านั้น

357 Nameless Fanboi Posted ID:f0x3pWFUmE

สนับสนุนให้ระบบสินสอดจบที่รุ่นเรา
- ไม่ชอบโดนตีราคา คำนวนจากหน้าตาหน้าที่การงานฐานะ
- เงินสินสอดที่จะตกลงว่าคืนไม่คืน มันเป็น issue ที่ไร้สาระมากๆ
- ผู้หญิงโตมามีค่าน้ำนม >>> ผู้ชายแม่เค้าก็เสียเงินเลี้ยง
- อายุที่ป้อปในการแต่งคือเกือบสามสิบหรือสามสิบกว่ามันเป็นวัยสร้างตัว คนที่มีเงินมากองส่วนใหญ่คือ พ่อแม่หาให้ มีเงินอยู่แล้ว ถ้าคนฐานะปานกลาง นี่ยากมากเลยนะ
- การหาสินสอดมาเป็นการบอกว่าผู้ชายจะเลี้ยงผู้หญิงได้ >>ผู้หญิงมึงเป็นไรไม่ทำงานหรอ ก็ออกไปทำงานช่วยกันสร้างตัวสิ อยู่งอมืองอเท้าให้เงินมันงอกเองหรอ
- เผื่อสามีทิ้งผู้หญิงจะได้มีเงินไว้ตั้งตัว >> จดทะเบียน ร่างสัญญาทางกฎหมายส่งค่าเลี้ยงดูบุตรตามเหมาะสมกรณีแยกทางกัน
- ไม่ว่าคุยกับใครสุดท้ายมันจะจบที่วัฒนธรรมเรามันต้องมี ไม่มีแปลว่าฝ่ายชายไม่ให้เกียรติ + หน้าตาของพ่อแม่ฝ่ายหญิง
-พิมพ์ไปพิมพ์มามันเป็นเรืองของผู้ใหญ่กับเรื่องความพึ่งพาตัวเองไม่ได้ของผู้หญิง ยังติดกับกรอบความคิดแต่งงานสามีเลี้ยง ทั้งที่จริงๆ มันไม่ต้องขนาดนั้น
- commitment ในการใช้ชีวิตร่วมกันคือการเดินไปด้วยกันไม่ใช่ภาระ

งานแต่งงานนี่มันภาระทางการเงินมากๆเลยนะ
ชอบบรรยากาศงานแต่ง แต่อยากให้ญาติผู้ใหญ่เข้าใจว่างานแต่งคืองานที่ร่วมยินดีกับบ่าวสาว ไม่ใช่งานรวมรุ่นของพ่อแม่ รบกวนจัดแยกงานดีกว่า ถ้าอยากให้ได้ดั่งใจรบกวนแต่งเองค่ะ

358 Nameless Fanboi Posted ID:BnP6NtSnAi

มีคนสงสัยว่า ทำไมกรรมการกสทช.ชุดนี้อยู่นานจัง คืออยู่มา 10 ปีแล้ว (ตามพ.ร.บ.จริงๆ กำหนดวาระไว้ที่ 6 ปี)

คำตอบก็คือ หลังรัฐประหาร นอกจากคสช.จะมีประกาศคสช.ฉบับที่ 85/2557 ระงับการเลือกตั้งทุกระดับ คสช.ยังมีประกาศและคำสั่งอีกหลายฉบับ ให้ระงับการสรรหากรรมการองค์กรอิสระทุกแห่ง ให้ยกเลิกที่สรรหามาและให้เริ่มสรรหาใหม่หมด หรือให้ยืดการดำรงตำแหน่งของกรรมการที่มีอยู่ ซึ่งในนี้ก็รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญและกสทช.ด้วย

(ดูที่ iLaw รวบรวมไว้ https://ilaw.or.th/node/4808 จะเห็นว่า คสช. เข้าไปวุ่นวายกับการสรรหาผ่านคำสั่งและประกาศลักษณะนี้ อย่างน้อย 14 ครั้ง)

สำหรับ กสทช. ในปี 2558 มีกรรมการลาออก (ไปดำรงตำแหน่งอื่น) มีการสรรหากรรมการใหม่มาแทน แต่สนช. (ซึ่งคสช.ก็ตั้งมาทั้งหมด) ไม่รับรอง และคสช.ใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งว่าไม่ต้องสรรหามาแทน มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น ส่วนในปี 2559 มีกรรมการต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ (อายุเกิน 70 ปี) แต่คสช.ก็ใช้มาตรา 44 อีกครั้ง ไม่ให้มีการสรรหา โดยให้เหตุผลว่า กำลังแก้ไขพ.ร.บ.กสทช.อยู่ ให้รอก่อน

พอประกาศใช้ พ.ร.บ.กสทช.ฉบับใหม่ มีการสรรหาตามกระบวนการของกฎหมายใหม่ ในปี 2561 สนช.ก็ไม่รับรองอีก
https://ilaw.or.th/node/4786

ก็เลยทำให้อายุของคณะกรรมการกสทช.ยืดมาเรื่อยๆ

พอหมดยุคคสช.หน้าฉาก (แต่คำสั่งและประกาศทั้งหมดยังอยู่ และคนในคสช.จำนวนหนึ่งแปลงร่างไปอยู่พลังประชารัฐ) ไม่มี สนช. แล้ว ไม่สามารถใช้มาตรา 44 หรืออำนาจพิเศษไปล้มกระดานแบบชัดแจ้งได้ ก็ต้องอาศัยกลไกรัฐสภา โดยเฉพาะวุฒิสภา (ซึ่งคสช.แต่งตั้งมาทั้งหมด 250 คน) ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีการดึงเรื่องหรือเร่งเรื่อง เพื่อให้กระบวนการนิติบัญญัติเสร็จในเงื่อนเวลาที่จะทำให้เกิดผลตามที่ต้องการ

ปี 2563 มีการสรรหากรรมการกสทช.อีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกล้มไปอีก เมื่อต้นปี 2564 โดยวุฒิสภา
https://www.isranews.org/article/isranews-news/96124-nbtc-board-Recruit-senate-news-law.html
https://www.bangkokbiznews.com/tech/915914
https://www.bangkokbiznews.com/news/922642
https://www.thansettakij.com/politics/468829

ปี 2564 มีการสรรหาอีกรอบ คณะกรรมการสรรหาประกาศชื่อว่าที่กรรมการ 7 คนตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2922837

แต่นี่จะสิ้นปีแล้ว วุฒิสภายังไม่รับรองเสียที ตามข่าวคือ ผู้ใหญ่ในรัฐบาลยังตกลงกันไม่ได้ 😂
https://mgronline.com/politics/detail/9640000096875

ตอนนี้ก็ซื้อเวลาไปก่อน วุฒิสภาแต่งตั้ง คณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของว่าที่ กสทช. โดยมี พลเอก อู้ด เบื้องบน อดีตปลัดกลาโหม ทหารคนสนิทของเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธาน ในข่าวก็ตั้งข้อสังเกตว่า รายชื่อกรรมาธิการตรวจสอบทั้งหมดนี่ก็ใกล้ชิดประยุทธ์โดยตรง
https://www.naewna.com/business/columnist/49546

(นี่ก็เป็นอีกพลังของวุฒิสภาแต่งตั้ง ที่จะมีอำนาจในกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระต่างๆ อีกทอดด้วย)

นี่ทำให้นึกถึงการสรรหาคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่กระบวนการสรรหาเสร็จสิ้นแล้ว คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วตั้งแต่ พ.ค. 2563 แต่นี่ผ่านมาปีครึ่ง ยังไม่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ข่าวแจ้งว่าผู้ใหญ่สั่งให้ทบทวน
https://www.isranews.org/article/isranews-news/90567-personalcommit05.html
https://www.isranews.org/article/isranews-news/90567-personalcommit05.html

ไม่รู้จะมีกระบวนการสรรหาไปทำไม ถ้า "ผู้ใหญ่" ซึ่งไม่ได้อยู่ในกระบวนการสรรหาตามกฎหมายจะวุ่นวายขนาดนี้

359 Nameless Fanboi Posted ID:IaTi0MZC2t

>>357 loser cope

360 Nameless Fanboi Posted ID:AWYv+2oBaP

>>357 กูมองว่าสินสอดคือให้เงินพ่อแม่ฝ่ายหญิงไปเลี้ยงดูตัวเองตอนแก่ว่ะ เพราะต่อจากนี้ฝ่ายหญิงจะต้องไปเลี้ยงดูพ่อแม่ฝ่ายชายแทนแล้ว เพราะงั้นถ้าจ่ายสินสอดไปแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ควรจะต้องส่งเงินให้ทางบ้านใช้อีกแล้ว จะเอาทั้งสินสอดทั้งเงินเลี้ยงดูในอนาคตมันดูไม่ใช่อะ

361 Nameless Fanboi Posted ID:RO/hPO7UPF

>>360 เอาจริง ๆ กูไอ้การส่งเงินให้ที่บ้านใช้ที่ก็ความเพี้ยนอย่างหนึ่งของสังคมไทยนะ เอาจริง ๆ ถ้าเอาจากต่างประเทศเนี่ย พ่อแม่ต้องส่วนใหญ่มีเงินเก็บรึเงินจากรัฐอุดหนุนเพียงพอที่จะใช้ชีวิตสบาย ๆ ได้เลย เพียงแต่บ้านเรามันไม่ใช่การเลี้ยงเด็กซักคนให้โตค่าใช้จ่ายเยอะชิบหาย แล้วรัฐก็ไม่ได้มีนโยบายรึอะไรที่สนับสนุนให้ออมเงินใช้ชีวิตยามแก่เลย ใครใคร่อยากจะทำก็เชิญลองผิดลองถูกเอาเอง ไปถูกทางก็สบายตอนแก่ ไปผิดที่ผิดทางก็ต้องรอลูกทดแทนค่าน้ำนมไป กูไม่ได้บอกว่าการส่งเงินให้ที่บ้านใช้คือสิ่งที่ผิดนะ เพราะกูก็ทำ แต่เอาจริง ๆ คือมันไม่ควรต้องทำไง เหมือนสินสอดนี่แหละแม่งตัวด้อยค่าคนเลย ถ้ามีดีย์จริงทำไมประเทศที่แม่งเจริญ ๆ กันเขาไม่นิยมกันวะ

362 Nameless Fanboi Posted ID:2OCLjf3NWB

>>360 แต่งงานแล้วไม่ต้องจ่ายเงินเลี้ยงพ่อแม่ผญ เหรอวะ? ของครอบครัวกูยังจ่ายนะ ไม่ได้เยอะหรอกแต่พวกเงินใช้รายเดือน+ค่ารักษาเวลาป่วย

363 Nameless Fanboi Posted ID:AWYv+2oBaP

>>361 กูมองว่าการเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นวัฒนธรรมเอเชียน่ะ (จีน ญี่ปุ่นสมัยก่อนก็ทำ) เพราะสมัยก่อนพอลูกชายแต่งงานแล้วก็อาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ต่อ มันเลยต้องเลี้ยงดูพ่อแม่โดยอัตโนมัติ แต่เดี๋ยวนี้คนแต่งงานแล้วย้ายออกไปสร้างบ้านตัวเองอยู่ ไม่ก็ออกไปหางานทำที่อื่น มันเลยเกิดวัฒนธรรมส่งเงินให้พ่อแม่ขึ้นมา แต่กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประเทศอื่นเลิกส่งเงินให้พ่อแม่กันตอนไหน แล้วตอนเลิกใหม่ๆมันมีดราม่าเหมือนไทยตอนนี้ไหม

>>362 กูคิดอย่างนั้นนะ มันแฟร์ดีออก แต่ปัจจุบันก็เห็นจ่ายทั้งสินสอดทั้งเงินรายเดือน

364 Nameless Fanboi Posted ID:4awqSjh34/

>>360 ใช่ เกิดเป็นผู้ชายทั้งที่ต้องเลี้ยงดูทั้งพ่อแม่ตัวเอง และพ่อแม่แฟนได้สิวะ ถ้าหาเลี้ยงให้ไม่ได้ก็ไม่ควรแต่งงาน เป็นโสดตายๆไปซะสิ

365 Nameless Fanboi Posted ID:nuNUY6aGNo

>>361 ตปท.เงินที่รัฐจ่ายคืนมาคือบำนาญนะ แปลว่าสมัยทำงานจ่ายเงินเข้าไปสมทบ พอแก่ตัวถึงได้คืนมา มึงว่าเมืองไทยมีคนจ่ายตรงนี้กี่คนละ คนที่จ่ายรัฐก็มีบำนาญให้ คนไม่จ่ายก็ไม่มีให้ ง่ายๆ แค่นี้ละ

>>362 บ้านกูแค่ช่วยกันเวลาต้องการหรือมีงานสำคัญนะ ไม่ได้จ่ายรายเดือน

366 Nameless Fanboi Posted ID:Rpvcf72GSi

>>361 ที่เห็นบ่อยๆเวลามีข่าวคนตายอายุ 20-30 แล้วพ่อแม่(บางทีมีพี่น้อง) 40-50 ก็ออกมาร้องฟูมฟายว่าเป็นเสาหลักของบ้าน
คือแค่ 40 ก็เลิกทำงานรอให้ลูกเลี้ยงกันแล้วเป็นปกติเลย ส่วนเงินออม เงินกองทุน เงินบำนาญ ประกันสังคม ไม่มีหรอก ไม่เคยส่ง

367 Nameless Fanboi Posted ID:6Fqv1bUMLP

ปท.กำลังพัฒนา แรงงานอยู่นอกระบบจะเยอะมาก (ไม่ได้หมายถึงอาชีพผิดกฎหมายนะ แต่หมายถึงทุกๆ อาชีพที่ไม่เข้าระบบ ภงด.) และแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่มาพร้อมกับสถานะการศึกษาน้อยด้วย (ของไทยยังดีนะที่เฉลี่ย ป.6-ม.3 บาง ปท. แค่ประถมยังยากเลย) ครั้นจะไปเรียนตอนแก่ก็คงไม่มีใครทำหรอก มีครอบครัวยิ่งแทบเป็นไปไมไ่ด้เพราะต้องทำงานเลี้ยงลูก มันก็ต้องวนลูปแบบนี้แหละ มีลูกมากๆ พอแก่ตัวลูกก็เลี้ยง

อย่างของไทยอาจจะต้องรอดูอีกสัก 20-30 ปีข้างหน้า เพราะบ้านเราจุดเปลี่ยนสำคัญคือการมี กยศ. ในปี 2539 ตรงนี้ทำให้คนเรียนถึง ป.ตรี เป็นอย่างน้อย เพิ่มขึ้นมาก (สมัยก่อนคงเคยได้ยินเรื่องเล่าว่าบ้านไหนลูกจบ ป.ตรี คือปิดซอยเลี้ยงกันน่ะ) บ้านเราถ้าไม่จบ ป.ตรี โอกาสทำงานดีๆ มั่นคงแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ก็ยังมีตัวแปรอื่นๆ อยู่ดี เช่น คนไทยเข้าใจเรื่องการออมและการลงทุนน้อยมาก การเก็บเงินของคนไทย ถ้าไม่ใช่ฝากธนาคารก็ไม่พ้นไปเล่นแชร์ (ไม่นับหวยกับพวกที่มีธุรกิจอื่นเสริมนะ) หุ้น-กองทุนต่างๆ ไม่ได้อยู่ในหัวเลยน่ะ กูว่าตรงนี้แหละจะทำให้ซ้ำรอยเดิม ในขณะที่ลูกหลานกลับเรียกร้องความฝันของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

368 Nameless Fanboi Posted ID:6Fqv1bUMLP

ลืมๆ กู >>367 นะ คือกูจะให้รอดูอีก 20-30 ปีข้างหน้าน่ะ ว่าถ้าคนมีการศึกษาเพิ่มขึ้น การกดดันให้ลูกหลานเลี้ยงจะลดลงไหม

369 Nameless Fanboi Posted ID:RO/hPO7UPF

>>368 กูว่าขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ สังคมมากกว่าการศึกษาแฮะ การศึกษาอาจจะช่วยตรงคนรุ่นถัดไปมีความรู้เรื่องการเงินมากขึ้น ก็มีช่องทางมีการวางแผนเกษียณได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องพลักดันบีบบังคับนี่กูมองเหมือนสินสอดด้านบนคืออยู่ที่ mindset ล้วน ๆ อันนี้มันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่าย ๆ ยกเว้นจะเสร่อเป็นชนกลุ่มน้อยที่คิดแบบนั่นไปแล้ว อะไร ๆ ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่แล้วแต่ศรัทธาอยากจะทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ

370 Nameless Fanboi Posted ID:aRe3FZC3Zr

>>366 เคสแบบนั้นทั่วไปจะเป็น พ่อแม่ทำงานรับจ้าง ซึ่งรายได้ไม่แน่นอน ลูกคนที่ตายเป็น คนที่มีงานประจำรายได้แน่นอน จะพูดว่าเป็นเสาหลัก ก็ไม่ผิดนะ

371 Nameless Fanboi Posted ID:6Fqv1bUMLP

>>369 ที่กูยกเรื่องการศึกษามาเพราะว่าบ้านเราใบปริญญามันมีผลมากน่ะ ตอนไม่มี ป.ตรี เป็นได้แค่แรงงานระดับล่าง หางานดีกว่านั้นยาก ต้องเอา ป.ตรี มาก่อน โอกาสจะเปิดกว้างทันที ตรงสาย-ไม่ตรงสายก็ช่างเข้าไปก่อนแล้วค่อยไปเรียนรู้เอา รายได้ ป.ตรี กับต่ำกว่า ป.ตรี มันห่างกันเยอะอยู่น่ะ พ่อแม่ถึงไม่อยากให้ลูกเรียนอาชีวะ (นอกเหนือจากเรื่องตีกัน) หรือถ้าไม่มีทางเลือกก็ต้องเรียนอาชีวะแล้วหาทางไปเทียบโอน ปวส. กับมหาลัยที่ยังรับเทียบเอา (สมัยนี้ยังมีป่าววะที่ยังรับเทียบ หรือบังคับใช้แค่ ปวช. สอบเข้าแล้วเรียน 4-5 ปีเหมือนสามัญ) บ้านเราแรงงานอาชีวะถึงขาด เพราะคนที่เรียนอาชีวะก็ไม่ยอมเข้าทำงานก่อนแต่ต่อ ป.ตรี ไปเลย (เมืองนอกจบ ปวช.-ปวส. ทำงานก่อน ป.ตรี มาเรียนกันตอนอายุเลข 3 เลข 4 ไม่ใช่เรื่องแปลก) ทีนี้พอคนมันมีรายได้มากขึ้นแล้ว ยังจะหวังเรื่องให้ลูกเลี้ยงอีกไหม แต่กูก็ยังห่วงเรื่องความรู้ด้านการเงินนั่นละ ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้าน เอาแค่มนุษย์ออฟฟิศทั่วๆ ไป มีไม่มากหรอกที่เล่นหุ้น-กองทุน โดยมากก็วงแชร์ไม่ก็ฝากธนาคารเป็นหลัก

>>370 ใช่แล้ว แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่อายุมากละด้วย คนพวกนี้เป็นผู้ตกค้างจากโลกเก่าที่การศึกษาชั้นสูง (ป.ตรี ขึ้นไป) เข้าถึงยาก เลยทำได้แต่งานแรงกาย

372 Nameless Fanboi Posted ID:4awqSjh34/

>>368 การศึกษาไทยไม่มีทางดีขึ้นหรอก มึงดูข้อสอบที่ออกข่าว แม่งเน้นศีลธรรมแบบง่าวๆ ให้ยกเลิกวิชาสังคม ศีลธรรม ไปซะยังจะดีกว่าเลย

373 Nameless Fanboi Posted ID:2OCLjf3NWB

>>372 ไอ้พวกศีลธรรมสายพุทธนี่ถ้าไปจับผิดจริงๆกูว่าบ้งเยอะชิบหาย ของมันเขียนมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้วอ่ะ ยิ่งมีประเด็นการเมืองอีก พังสัสๆ ทุกวันนี้ผ้าเหลืองไทยกูว่าคุณค่าลดลงไปเหลือเท่าๆกับผ้าห่อศพซึ่งเป็นต้นกำเนิดของมันแล้ว

374 Nameless Fanboi Posted ID:nuNUY6aGNo

>>372 มันพัฒนานะ แต่พัฒนาไม่เท่ากัน รร.ไหนพัฒนาก็พัฒนาไป รร.ไหนไม่พัฒนาก็อยู่อย่างนั้นละ

อย่างหนังสือเล่มนี้ที่นักวิทย์ไทยที่ไปทำงาน (ชั่วคราว) ที่โน่นช่วยกันทำหลักสูตร แล้วลองดูคนที่ไปตอบสิ

https://www.facebook.com/35328943432/posts/10159525973278433/

375 Nameless Fanboi Posted ID:nuNUY6aGNo

💢คดียาพิษป้ายเกงใน💢
วันก่อน #ทนายสาวขาเว้าสูง ดูข่าวการฆ่าเมียที่อินเดีย ทำให้นึกถึงคดีฆาตกรรมเมียที่จีนอยู่คดีหนึ่ง

👉 ปี 2016 ณ มณฑลเจียงซู ชายแซ่จาง 张 อายุ44ปีเป็น老实(คนซื่อๆ) 内向者 (ไม่ค่อยพูดเงียบๆ) เรียบร้อย เค้าได้แต่งงานกับหญิงแซ่หวัง 王 อายุ42ปี เธอชอบออกสังคม ดังนั้น งานในบ้านฝ่ายชายเป็นคนรับผิดชอบ ส่วนงานนอกบ้านฝ่ายหญิงรับผิดชอบ

📌 ฝ่ายชายผ่านการแต่งงานมาแล้ว 3ครั้ง ส่วนฝ่ายหญิงผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้ว2ครั้ง

👉 ช่วงแรกทั้งคู่รักกันดี จนกระทั่งฝ่ายหญิงที่ปรกติก็ออกไปติดต่องานนอกบ้าน กลับมาทำตัวมีความลับปกปิดข้อความในมือถือ จนฝ่ายชายระแคะระคาย และสืบได้ว่า ฝ่ายหญิงมีวีแชต 2 บัญชี ท้ายที่สุดฝ่ายชายจับได้ว่าถูกนอกใจ (出轨)

👉 แต่ฝ่ายชายทนค่ะ ไม่แสดงออก แต่อยากสั่งสอนเมียตัวเอง จึงลงมือป้ายยาพิษไปที่กางเกงใน‼️ ยาพิษตัวนี้คือ 百草枯 bai-cao-ku เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชในกลุ่ม dipyridil ซึ่งที่จีนสารตัวนี้มันไม่มีสี+ไม่มีกลิ่น!!! ต่อให้เอาไปซักตากแดด ก็จะไม่มีรอยคราบใดๆ (มันร้ายมากค่ะ!!) แต่พิษยังเหลืออยู่ เมื่อผิวที่สัมผัสถูกยาพิษนานๆเข้า ทำให้สารพิษซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำลายอวัยวะภายใน ทำให้การทำงานของอวัยวะล้มเหลว (器官功能衰竭死亡) จนตายในที่สุด 😱

👉 ฝ่ายหญิงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อแพทย์ได้ทำการชนสูตรศพพบว่า อวัยวะภายในถูกทำลาย จึงได้ส่งเรื่องต่อให้ตำรวจทำการสืบสวน จนในที่สุดฝ่ายชายก็ยอมรับว่า เขาได้ป้ายยาพิษในกางเกงในของเธอ ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมและส่งฟ้องศาลในที่สุด

👉 ในชั้นศาล ฝ่ายชายให้การว่า เขาไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้หญิงให้ถึงแก่ความตาย เพียงแค่อยากสั่งสอนฝ่ายหญิงที่นอกใจเขาเท่านั้น 🙄 (教训她一次) และเขาป้ายยาพิษเพียงครั้งเดียว(จ๊ะ) ศาลคงพิจารณาตัดสินให้ กระทำความผิดตั้งใจทำร้ายร่างกาย (故意伤害罪) จนถึงแก่ความตาย ตามกฎหมายอาญาจีนมีโทษจำคุกเป็นเวลา12ปี (被判12年) บ๊ายยยยจ้า

🔺 สารเคมีชนิดนี้ ไม่ได้ถูกใช้ในการฆาตกรรมเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ในจีนก็เคยมีคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว แต่เป็นเคสฝ่ายหญิงจับได้ว่าสามีนอกใจ จึงเอากางเกงในของสามีไปแช่ยาพิษดัง ส่งผลให้แหนมตุ้มจิ๋วของขุ่นสามีเน่าสิค่ะ และต้องตัดทิ้ง (ไม่รู้ว่าไข่2ใบยังอยู่ดีไหมมม) แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีค่ะ ที่สามีไม่ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต เพราะหลังจากที่หนอนน้อยของสามีสัมผัสกับสารพิษไปไม่นาน เขาก็ป่วยและไปหาหมอเรื่องมาแดงขึ้น จึงทำการรักษาและรอดชีวิตมาได้ #ทนายสาวขาเว้าสูง นึกถึงคำพูดของ 猪八戒 (ตือโบก่าย) " ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ ใจขื่นขมระทมชั่วนิรันดร์"

😘ช่วงนี้ปักกิ่งอากาศหนาว ทนายสาวได้รับพิษเย็นเข้าท้อง ต้องลด+ละ+เลิกใส่เกงขาสั้นเว้าสูงสักระยะ ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

#ผู้จีน #จีน #ปักกิ่ง #คดี #คดีความ #คดีเด็ด #คดีอาญา

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

376 Nameless Fanboi Posted ID:Si9nW64rwo

>>375 แล้วชายชู้ตายมั้ยวะ หรือรอดเพราะใส่ถุง+ไม่ลงลิ้น

377 Nameless Fanboi Posted ID:nuNUY6aGNo

>>376 น่าจะไม่ตาย ไม่งั้นข้อหาคงโดน 2 ศพแล้ว

378 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

จากที่สังเกตเล่น ๆ ในโซเชียล คนรุ่นใหม่ (อายุ 25 ลงไป) ที่เป็นชนชั้นกลางไปถึงกลางค่อนสูง แทบไม่มีใครชอบรัฐบาลเลย แต่ในหมู่คนเกลียดร้าบานก็มี 2 กลุ่ม

1) กลุ่มที่เลือกจะสู้กับรัฐบาลด้วยการปฏิเสธอำนาจทางเศรษฐกิจของรัฐ และไปจริงจังกับคริปโต กับ DeFi

2) กลุ่มที่เลือกจะสู้กับรัฐบาลด้วยการเรียกร้องรัฐสวัสดิการ ศึกษาแนวคิดฝ่ายซ้ายทั้งเก่าและใหม่ เพื่อหาวิธีให้สังคมเท่าเทียมขึ้น

คงไม่ต้องบอกว่าเราเชียร์ฝั่งไหน แต่ส่วนตัวคิดว่าคนสองกลุ่มนี้เมื่อโตมา จะกลุ่มแรกจะเป็นขวา กลุ่มสองจะเป็นซ้าย และอาจขับเคี่ยวด้านอุดมการณ์กันในอนาคต

ใดๆ คือไม่ว่าในอนาคต ขวาหรือซ้ายจะชนะ แต่เราหวังว่าขวากับซ้ายจะได้แข่งกันในบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีอำนาจเหนือ รธน. มาแทรกแซง ไม่มีองค์กรที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนอย่าง สว. ลากตั้งหรือศาล รธน. มาคิดแทนประชาชน

คือสุดท้ายแล้วประเทศจะเจริญไหมไม่รู้ แต่ขอให้ประชาธิปไตยกลับมาก่อน ให้เสียงประชาชนมันมีค่ามากกว่านี้ คือขอให้ประชาชนได้ตัดสินใจอนาคตประเทศจริง ๆ จะรุ่งเรืองหรือรุ่งริ่งก็ขอให้เรามีส่วนกำหนดมัน

379 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

หลังจากที่โดนวัยรุ่นเมกาทัวลงในทวิต🤣 ก็มีเพื่อนที่พ่อเป็นอเมริกัน แต่มาอยู่ไทยส่งคลิปนี้มาให้ดู
คลิปนี้วิธีเล่าเรื่องน่าสนใจมาก New York Times ทำเองเลย ด่าdemocratที่ย้อนแย้ง พอมีอำนาจก็ไม่ทำตามนโยบาย
.
1. วิกฤตที่อยู่อาศัย
ที่อยู่อาศัยแม่งโคตรสำคัญ ส่งผลกระทบต่อสภถานะทางเศรษฐกิจสังคม ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กคนหนึ่งมากมายมหาศาล เช่น คุณเกิดในชุมชนที่ดี ก็จะได้รับอิทธิพลที่ดี ฯลฯ แต่รัฐบาลเดโมแครตก็ไม่แก้สักที
housing permit ในประเทศ California ลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับประชากรที่มากขึ้น
ตำแหน่งงานในซานฟรานเพิ่มขึ้น 6แสนกว่าตำแหน่ง แต่มีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นแค่แสนเจ็ด ราคาบ้านก็เลยแพงบรรลัย > american dream is declining for sure!
และ! แนะนำให้ดูในคลิปเลย เรื่อง Palo Alto ที่อยู่ติดกับ Silicon Valley บัดซบมากๆ
(ขนาดสวีเดน ประเทศสวัสดิการถ้วนหน้า ที่ความเท่าเทียมสูงอยู่แล้ว เจอเรื่องนี้ ยังส่งผลกระทบมหาศาล แล้วเมกาจะขนาดไหน)
.
2. ภาษี
เดโมแครตบอกเสมอว่าจะเก็บภาษีคนรวย (ซึ่งไบเดนก็กำลังจะเริ่มเก็บจริง เพื่อเอามาออก Social Spending Bill เพิ่มสวัสดิการให้ประชาชน เริ่มออกแนวยุโรปแล้วน้า) แต่รัฐที่มีความเหลื่อมล้ำภาษีสูงที่สุดอันดับแรกคือ Washington ที่โหวตเดโมแครตมหาศาล และเป็นรัฐที่อยู่ของ Bill Gates และ Jeff Bezos ที่นั่นคนรวยจ่ายภาษีเป็นสัดส่วนต่อรายได้น้อยกว่าคนจนมหาศาล ซึ่ง Texas ที่เป็นรัฐสลิ่ ม เป็นอันดับ 2 และ Florida อันดับ 3
.
3. โรงเรียน
เดโมแครตบอกจะทำให้คุณภาพการศึกษาเท่าเทียมกัญในทุกรหัสไปรษณีย์ของประเทศ
แต่ระบบโรงเรียนในอเมริกา ได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่เก็บได้ในพื้นที่ นั่นหมายความว่าที่พื้นที่ไหนรวยโรงเรียนก็จะมีคุณภาพดี ถ้าพื้นที่ไหนจนโรงเรียนก็จะห่วยบรม
.
ยังแย่ไม่พอ! ที่ Chicago เมืองที่โหวตเดโมแครตมหาศาล โอบาม่าเคยเป็นสว.จากที่นี่
cook countyใน chicago ซึ่งเป็น county ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเมกา รองจาก county LA โดนแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบ(gerrymandering)แตกออกเป็น 140 เขต! เลยทำให้เขตรวยกับเขตจนแยกกันไปอีก จากที่ตอนแรก140เขตนี้ จะเอาเงินมาเฉลี่ยรวมกันแล้วแบ่งอย่างเท่ากัญ
.
เอาแค่ 3 เรื่องนี้ง่ายๆ ยังไม่ต้องไปเรื่องอื่น มันก็เห็นแล้วว่า American "dream" เสื่อมมานานแล้ว และกำลังเสื่อมลงต่อไปเรื่อยๆ เมกาตอนนี้กับเมกาสมัยหลังสงครามโลก โอกาสไม่เท่ากัญ ชนชั้นทางเศรษฐกิจไม่เท่ากัญ
ตอนนี้ประเทศที่ครองแชมป์ american dream คือเดนมาร์ก และอันดับ 1-5 คือประเทศนอร์ดิก ที่เป็นรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าทั้งหมด! 🇳🇴🇸🇪🇫🇮🇮🇸🇩🇰 ส่วนอเมริกาต้นกำเนิดอยู่อันดับ 27
.
อเมริกามันก็แบบนี้ ใช้กลไกตลาดมาก่อนอย่างอื่น ยิ่งมนุษย์พึ่งพากลไกตลาดมากเท่าไร ก็มีแต่ความทุกข์ เพราะมันไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ที่จะมาให้ต้องแข่งขันกันตลอดเวลา เครียด! นโยบายเศรษฐกิจของทั้ง2ขั้วการเมืองเหมือนกัญเกือบหมด ฝ่ายซ้ายกระแสหลักเมกาต้องการแค่ประชาธิปไตยทางการเมือง ไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจด้วยแบบซ้ายยุโรป🚩
.
อีกทั้งระบบการเมืองเมกา มีแต่ล็อบบี้ยิส เลือกตั้งไปก็เท่านั้น ทั้ง2พรรคใหญ่เป็นพรรคนายทุนหมด คนรุ่นใหม่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง มีที่ยืนน้อยลงในระบบเศรษฐกิจ คนกลุ่มนี้จะหันไปหาสังคมนิยมแบบยุโรปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกโพลก็สำรวจมาตรงกัญ
.
แต่ที่น่าแปลกใจดี คนไทยจำนวนมาก ที่มีการศึกษา ไปเมกาบ่อย แถมยังเรียนสายสังคมศาสตร์ ก็ยังคิดว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ดี ไม่เข้าใจจริงจริ๊ง…

380 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

>>379 โคว้ท นี้รอดูโปรทรัมป์มาซ้ำกับพวก neoliberal มาโต้แย้งเลยครับ
จะBuild back better Make. America Great Again ก็เป็นนโยบายที่ต้องการแก้ไขจากAmerican dream ที่เสื่อมถอยลงไป

381 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

เท่าที่ผมดู ในคลิปมันด่าพวกคนที่อ้างว่าตัวเองเป็น Liberal บางกลุ่ม มากกว่าที่จะด่านักการเมืองพรรคเดโมแครตนะ คือพวกนี้ปากก็บอกว่าสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมความเท่าเทียม แต่พอนักการเมืองจะออกนโยบายในแนวทางที่ว่า คนพวกนี้ก็จะออกมาคัดค้าน ถ้ามันเป็นนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางสังคมของตัวเองด้วย อย่างในตัวอย่างแรก ทางสภาเมือง Pato Alto เขาเสนอให้เปลี่ยนสีผังเมืองจากเดิมที่ให้สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยว เป็นให้สร้างอพาร์ทเมนต์ได้ เพื่อเป็น affordable housing แต่พวกคนที่อยู่อาศัยในชุมชนนั้น ซึ่งเป็น Democrat และปากก็บอกว่าส่งเสริมค.เท่าเทียม กลับโหวตคว่ำการตัดสินใจของสภาเมือง เพราะกลัวราคาที่ดินจะตก และไม่อยากให้คนรายได้น้อยเข้ามาอยู่ชุมชนของตัวเอง โดยอ้างเหตุผลเรื่องค.ปลอดภัย

คือมันจะแซะว่าพวกนี้เป็นแค่ Liberal ตามกระแส

382 Nameless Fanboi Posted ID:+9/LNX/qPA

>>379 >>381 แปะคลิปให้เผื่อคนอยากดูเต็มๆ คลิปนี้มาซักพักแล้ว

https://youtu.be/hNDgcjVGHIw

>>381 มันไม่ใช่แค่แซะพวกตามกระแสหรอก เพราะเขตที่มันยกมาเป็นสีน้ำเงินมายาวนานมาก แต่พฤติกรรมนั้นแตกต่างจากที่ปากพูดเยอะนะ หรือก็คืออุดมการณ์ Liberal ทั้งหลายนั้นควรไปทำที่อื่นที่ไม่ใช่สวนหลังบ้านกูแค่นั้นละ

383 Nameless Fanboi Posted ID:X+TurH3mjY

>>381 นี่มันขนมหวานชาว กทม. ชัดๆ

384 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

ความคิดกุ รัฐที่เป็นสีน้ำเงิน มันไม่ใช่เพราะคนในรัฐนั้นมีแนวคิดก้าวหน้าเท่าไรหรอก ก็มีบ้างแต่ไม่ได้จำนวนเยอะพอ กลุ่มคนที่เยอะที่สุดคือกลุ่มกลางๆ ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร การแบ่งฝ่ายในอเมริกาแค่ liberal กับ conservative มันแบ่งได้หยาบมาก ล่าสุดสำนักหนึ่งแบ่งได้ 7 กลุ่มมั้ง มีคนแปะแล้ว

ในอเมริกา จะเดมหรือgop เอาทุนนิยมทั้งคู่ ทั้งพรรคทั้งมวลชน มันต่างกันแค่เรื่อง ศาสนา lgbtq+ มุมมองเรื่องผิวสี

มีนักวิชาการอเมริกาบอกว่า การเมืองอเมริกาเป็นการเมืองเชิงอัตลักษณ์ เช่น กุโปรผิวดำ คนผิวดำมาเลือกกุ กุโปรคนขาวกว่า ชาตินิยมผิวขาว มาเลือกกุ

385 Nameless Fanboi Posted ID:GpF7LJNIm8

https://www.facebook.com/100040741782180/posts/479467290087993/
อีกเรื่องคือการแบ่งเขต ทุกพรรคแม่งก็แบ่งเขตเข้าข้างตัวเอง ก็ไม่แปลกที่พรรคใดพรรคนึงจะครองพื้นที่ยาวนานได้

386 Nameless Fanboi Posted ID:5qtOO1meFe

ขนาดเบอนี่ที่ซ้ายเมกาเลียจนไข่ชุ่ม พี่แกยังเปลี่ยนวลีเลย ก่อนจะรวยพี่แกด่าพวกเศรษฐีเงินล้าน แต่พอพี่แกรวยแล้วพี่แกเปลี่ยนไปด่าเศรษฐีหมื่นล้านแทน อิอิ เนียน

387 Nameless Fanboi Posted ID:+9/LNX/qPA

>>384 มันมีข้อมูลอยู่นะว่าถ้านับจำนวนคนเลือกจริงๆ คนเลือกทรัมป์ส่วนใหญ่มาจากรัฐสีน้ำเงิน เพราะคนเยอะกว่า ส่วนรัฐสีแดงมันสวิงไปทางเดียวค่อนข้างง่ายอยู่แล้วเพราะคนน้อยกว่า แต่ถ้าจะพูดกันตามตรง ทุกรัฐมันก็สวิงไปมาได้ระดับนึงอยู่แล้ว

จุดนึงที่กูว่าควรพูดคือรัฐสีแดงค่อนข้างปากตรงกับใจและก็ทำตามนั้นจริงๆ ชอบปืนก็พกปืน ไม่ชอบทำแท้งก็แบนแม่งเลย ชอบเศรษฐกิจเสรีก็ลดภาษีไป Texas เป็นตัวอย่างที่ดีของแนวนี้ ถ้าให้ขุดเรื่องปากอย่างใจอย่างก็คงมีบ้างละ แต่ในด้านการแสดงออกมันทำอย่างที่พูดชัดเจนกว่านะ

388 Nameless Fanboi Posted ID:sDJtSx5agk

>>384 อเมริกามีอิกนอร์เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมซ้ายบ่ายเค้าไม่ออกมาแซะบ้างนะ

389 Nameless Fanboi Posted ID:+9/LNX/qPA

>>388 บ้านเขาไม่เรียกอิกนอร์ เวลาโพลสอบถามว่าอยู่พรรคไหน ส่วนมากทั้งสองพรรครวมกันจะประมาณ ​50-60% ตลอด น้ำเงินมากกว่าแดงเสมอ ที่เหลือเป็น swing voter ทำให้ที่ผ่านมาการเมืองเมกาพยามเดินสายกลางมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่อยู่ตรงนี้

390 Nameless Fanboi Posted ID:jJ966qc2Um

วันนี้วันพรรค
1 ธันวา 2485 วันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
79 ปีผ่านไป พรรคคอมมิวนิสต์ไม่เหลืออีกแล้ว
อุดมการณ์ปฏิวัติแบบเดิมๆล่มสลาย-ทั้งโลก
เหลือแต่พรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นเผด็จการในระบอบทุนนิยมโดยรัฐ
:
อย่างไรก็ตาม ถึงจะวิพากษ์แนวคิดทฤษฎีผิดพลาด (จนนำไปสู่หายนะ)
ผมก็รักผูกพันพรรคคอมมิวนิสต์ คารวะอดีตสหายทุกยุคที่ต่อสู้เสียสละ พลีชีพ ไปตราบเท่าลมหายใจสุดท้าย
ไม่มีใครอีกแล้วที่จะต่อสู้อย่างกล้าหาญ บนความใฝ่ฝันอันสูงส่ง เท่าชาวพรรคคอมมิวนิสต์
สละชีวิต อุทิศตนฝ่าฟันความยากลำบากทุกชนิด
ด้วยความเกลียดชังการกดขี่ขูดรีด ความอยุติธรรม
ใฝ่ฝันจะเห็นโลกเท่าเทียม
บนความคิดวิทยาศาสตร์ ธาตุแท้ของโลกประกอบด้วยวัตถุ โลกนี้ไม่มีพระเจ้าองค์ใด คนเกิดมาเท่ากัน ไม่มีผู้มีบุญญาธิการเหนือใคร แรงงานคือผู้สร้างโลก ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ทั้งแรงกาย แรงสมอง แต่ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคมชนชั้น จนคนไม่เท่ากัน ได้รับค่าตอบแทนไม่เป็นธรรม
นักรบคอมมิวนิสต์ตลอดร้อยปีที่ผ่านมาคือผู้กล้าหาญที่สุด
เพราะกล้าเผชิญหน้าความตาย กล้าเสียสละเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก บนความตระหนักว่าไม่มีชาตินี้ชาติหน้า ไม่มีีนรกสวรรค์ ไม่มีผีสางเทวดา ไม่มีใครอยู่บนฟ้า
:
ความผิดพลาดของพรรคคอมมิวนิสต์คือ "เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ" คิดว่าจะเป็นต้องปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วก็เป็นเผด็จการโหดร้ายเสียเอง
และมองข้ามทุนนิยม ในแง่ที่ผลประโยชน์เงินทองการแข่งขันช่วงชิง มันเป็นแรงบันดาลใจ กระตุ้นพลังการผลิตการพัฒนาเทคโนโลยี (เติ้งเสี่ยวผิงจึงต้องปลดปล่อยพลังการผลิต)
แต่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ในแง่ของความใฝ่ฝัน ถึงความเท่าเทียมเป็นธรรม (แม้ต้องปรับว่ามีความแตกต่าง) ต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบ ยังไม่ได้ล่มสลายไป
โดยเฉพาะในวิบัติเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่เกิดความเหลื่อมล้ำรุนแรงทั้งโลก ก็เกิดความสนใจหวนไปศึกษามาร์กซิสต์ใหม่ เกิดพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตยในแนวคิดใหม่ๆ แม้ยังไม่เห็นแนวทางเด่นชัด
ก็เชื่อมั่นว่า "คอมมิวนิสต์ประชาธิปไตย" จะกลับมามีที่ยืน อย่างน้อยก็จะเป็นพลังถ่วงดุลต่อความเหลื่อมล้ำผูกขาดกอบโกยที่จะทำให้โลกวิบัติอยู่ตอนนี้
(อันที่จริงการที่โลกทุนนิยมตะวันตกปรับตัวยอมรับสิทธิเสรีภาพ สิทธิแรงงาน ก็มาจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายซ้ายในยุโรปอเมริกาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษถึงยุค 60-70 นั่นเอง)

มิตรสหายท่านหนึ่ง

391 Nameless Fanboi Posted ID:lIE7jXLAam

>>390 ถ้าไม่ใช้เผด็จการของชนชั้นกรรมมาชีพแล้วจะปกครองโลกที่ยึดมาจากกระฎุมพียังไงละ วิธีนี้เป็นสาเหตุของความล้มเหลวก็จริง เพราะโหดร้ายต่อคนในมากเกินไป แต่นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นใดอีกในการยึดปัจจัยการผลิตคืนมา การนองเลือดเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องทำรวดเดียวให้จบ ไม่ใช่ทำซ้ำๆ เหมาเองถึงขั้นเสนอว่าคนทุกรุ่นควรมีประสบการณ์การปฏิวัติ ถ้าทำจริงความผันผวนทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองตะมากเกินไปจนสังคมมนุษย์รับไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องล่มสลายอยู่ดี

ส่วนคอมมี่ปชต. ทางเดียวที่จะทำได้คือให้ทุกคนในสังคม "ยินยอม" สละปัจจัยการผลิตส่วนเกินออกไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นหนึ่งกลายเป็นคอมมี่โดยธรรมชาติเอง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ด้านเศรษฐกิจ ถ้าจะเอาปชต.ที่หมายถึงทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียง มันก็ต้องมีวิธีการคุ้มครองเสียงส่วนน้อย ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นเผด็จการของชนชั้น XXX ผ่านการออกเสียงของคนส่วนใหญ่นั่นละ

กรณีใกล้เคียงกันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในแอฟริกาที่คนดำที่เป็นชนกลุ่มใหญ่ในประเทศออกเสียงยึดทรัพคนขาวและกีดกันต่างชาติ สุดท้ายก็ทำร้ายตัวเองจนลุกไม่ขึ้น ถ้าส่วนใหญ่โหวตนำปัจจัยการผลิตส่วนเกินเข้ารัฐ แต่มีคนบางส่วนไม่ยินยอม แล้วผลสุดท้ายใช้กำลังบังคับ มันจะต่างกับเผด็จการของชนชั้นกรรมมาชีพยังไง

จุดนี้กูมองว่ามันต่างกับภาษีสูงๆ แบบแสกนดิเนเวียนะ ถึงมันจะมาจากรากฐานเดียวกัน แต่ภาษีนับปัจจัยเป็นเงินเท่านั้น เพียงแต่ปรัชญาคอมมี่ ปัจจัยการผลิตคือทุกอย่างที่ไม่ใช่แรงงานของตัวเอง มึงจะกลายเป็นสังคมคอมไม่ได้เลยถ้าไม่มุ่งทางนี้ ซึ่งมันสุดโต่งไปจนถ้าไม่ใช่เผด็จการก็ทำไม่ได้อยู่ดี

ที่เดียวที่กูนึกออกว่าจะใช้คอมมี่ได้คือโคโลนี่ต่างดาว ที่ผู้ตั้งรกรากยุคแรกทุกคนต้องแบ่งปันทรัพยากรเข้ากองกลางหมด แล้วออกแรงเพื่อสร้างความรุ่งเรืองร่วมกัน นอกนั้นในสังคมโลกปัจจุบัน กูไม่เห็นทางอื่นจริงๆ

392 Nameless Fanboi Posted ID:qFZ4O/S.NL

>>390 พี่ๆ พี่ออกจากป่าตอนปีไหนอะค้าบ?

393 Nameless Fanboi Posted ID:JHpLru6PCc

ตามความคิดของกู คอมมิวนิสต์คือแนวคิดที่ดูถูกความเป็นมนุษย์มากที่สุดลัทธิหนึ่ง

กูอยากมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ มันก็มายึดของกูไปแล้วเอาเสื้อผ้าห่วยๆเหมือนๆกันมาแจกให้กูกับคนในหมู่บ้าน
เพื่อให้ทุกคนเท่าเทียมกัน
กูอยากมีรถยนต์ดีๆไว้ขับไปทำงาน มันก็มายึดเอารถของกูไปให้ท่านผู้นำกับกรรมการพรรคใช้
แล้วเอาจักรยานเส็งเคร็งมาแจกให้กูกับคนอื่นๆในหมู่บ้านใช้ ทุกคนในหมู่บ้านจะได้เท่าเทียมกัน

ทำไมกูถึงรู้สึกว่าความเป็นมนุษย์ของกูกำลังถูกย่ำยีวะ แบบนี้ตัวกูเองก็ไม่ต่างไปจากมดปลวกดีๆตัวหนึ่งเท่านั้นเองนี่หว่า
ความเป็นมนุษย์ของกูอยู่ที่ไหนนนน

394 Nameless Fanboi Posted ID:X/zPHE9jSk

>>390 กูตัดที่กูตอบที่อื่นมาตรงนี่ด้วย เพราะเกี่ยวข้องกันมากพอดี

"Finally, he admitted that no, I would not be allowed to be a capitalist in his Marxist vision of my country. It was communism or the bullet.

Mind you, he wasn’t advocating killing me at all, or capitalists in general. His idea is that anyone who saw the wonders of Marxism and didn’t change their mind, and accept that Marxism was better, was just simply someone who hated the poor, who was selfish, who threatened the existence of the state, and was, ultimately evil and so bad for the workers that, yes, it would be necessary to kill such a person."

https://www.quora.com/As-a-communist-have-you-ever-said-you-wish-all-capitalists-were-dead-I-keep-hearing-capitalists-say-the-only-good-communist-is-a-dead-communist-and-as-a-communist-I-would-never-say-something-like-that-about

>>393 จริงๆ คอมมี่ยึดถือในเรื่องการสร้างทุกสิ่งจากสองมือนะ ไม่ได้ใช้ทุนขูดรีดจากคนอื่น แต่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ก็อย่างมึงว่าละ คอมมี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ยอมสละปัจจัยเข้ากองกลางทิ้ง มันไม่มีทางเลือกอื่นเลย

395 Nameless Fanboi Posted ID:s3o+dM3oLd

การลดทอนย่อส่วน cancel culture ลงเป็นแค่ online mob น่าจะเป็นการตัดตอนประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมมวลชนในโลกออนไลน์นี้อย่างมาก รวมทั้งยังเป็นการเลือกข้างในดีเบตเรื่องนี้ ที่ยังไม่มีข้อยุติในโลกตะวันตกอีกด้วย

ดิฉันคิดว่าสื่อออนไลน์ควรแปลงานสองชิ้นนี้ของ Vox ซึ่งประมวลมาไว้ค่อนข้างดี ตั้งแต่กำเนิดของคำและการใช้คำนี้ที่เริ่มต้นในหมู่ชนผิวสีซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไร้อำนาจในสังคม ‘I may have no power, but the power I have is to [ignore] you.’ การเติบโตของวัฒนธรรมนี้ในบริบทของการเมืองแบบตาสว่าง (Woke politics) พร้อมๆไปกับขบวนการเคลื่อนไหวอื่นๆเช่น BlackLivesMatter และ MeToo การที่ cancel culture ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม และถูกโจมตีจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่น รีพับลิกัน และสื่อฝ่ายขวาในสหรัฐฯ และการแยกขั้วของทรรศนะที่มีต่อ cancel culture ในอเมริกา

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้คือ วัฒนธรรมนี้พื้นฐานสำคัญมาจากการต้องการแสวงหาหนทางในการทำให้ผู้ที่มีอำนาจนั้นรับผิดชอบ (Accountability) ด้วยปฏิบัติการรวมหมู่ (Collective action) ของกลุ่มคนที่ไม่ได้มีอำนาจอะไร แต่ปฏิบัติการที่ว่า ก็ใช่ว่าจะทำให้คนต้องกลายเป็น"เหยื่อ"ในทุกกรณี กรณี เจ เค โรว์ลิ่ง เป็นตัวอย่างอันหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ขนาดโดนประชาคมรุมโจมตีถ้อยคำเหยียดคนข้ามเพศจนสนั่นโลกออนไลน์อย่างหนัก แต่ยอดขายหนังสือของเธอกลับพุ่งสูงอย่างไม่แคร์ใคร สะท้อนอิทธิพลของเธอที่มีเป็นอย่างดี และแน่นอนที่ว่าผลที่ตามมาของ cancel culture ย่อมได้แก่บรรยากาศที่แยกขั้ว ตัดสินผู้คน และการสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายๆคนไม่พึงใจ และอยากหาวิธีการประเภทอื่นที่ "สร้างสรรค์" กว่า (ว่าแต่ มันคืออะไรล่ะ ที่จะทำให้พวกอภิสิทธิ์ชนมี accountability ได้?)

แต่นั่นก็มาจากจุดยืนของพวกผิวขาว ชนชั้นกลาง และพวกที่มีอภิสิทธิ์กว่าใครมายาวนาน สำหรับคนผิวสีแล้ว สังคมมันแยกขั้วทางชนชั้นและเชื้อชาติมาตลอดอยู่แล้ว ในโลกออนไลน์เท่านั้นแหละ ที่พวกเขามีโอกาสได้มีปากมีเสียง โต้กลับพวกอภิสิทธิ์ชนได้บ้าง เหมือนที่เกิดขึ้นตอนนี้ในโลกทวิตภพของไทยนี่แหละ
https://www.vox.com/22384308/cancel-culture-free-speech-accountability-debate

https://www.vox.com/culture/2019/12/30/20879720/what-is-cancel-culture-explained-history-debate?fbclid=IwAR2A7gf8WG8ttebMMRl0ImiWsCq5FRcB4L3IGPCjnSh3Nrw1z1R3_os5rUs

Akane Isaiah ลองเข้าไปอ่านในข่าวแรกดูนะคะ เพราะเขาเปรียบเทียบให้เห็นได้ค่อนข้างชัดว่า ในบรรดาคนที่มีอิทธิพลและมีชื่อเสียง cancel culture อาจไม่สามารถสร้างผลกระทบได้มาก เพราะคนเหล่านี้ก็มีฝ่ายสนับสนุนของตน ที่พร้อมจะโต้กลับ กรณี เจ เค โรว์ลิง เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง แต่สิ่งที่สังคมกังวลคือ เมื่อ cancel culture ถูกเอาไปใช้กับคนที่ไม่ได้มีชื่อเสียง และไม่ได้มีทรัพยากรมากพอจะ back up มันสามารถกลายเป็น harrassment ได้ เขายกตย.กรณีนักเขียน trans คนหนึ่งที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น transphobic จากงานที่ตนเองเขียน และถูกคุกคามทั้งในและนอกโลกออนไลน์ และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประเด็น cancel culture กลายเป็นดีเบตที่ค่อนข้างเข้มข้นในอเมริกา ฝ่ายที่เห็นว่ามันเป็นอาวุธของคนที่ไร้อำนาจ ก็สนับสนุนแนวทางนี้ ในขณะที่ฝ่ายที่คัดค้าน ก็เห็นต่าง แต่ต้องแยกแยะค่ะ ระหว่างฝ่ายที่คัดค้านที่มาจากพวกอนุรักษ์นิยม ที่ปักป้ายแนวทางแบบนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม กับพวกที่อยากจะแสวงหาแนวทางประเภทอื่นที่จะลดผลกระทบที่ตามมาได้

396 Nameless Fanboi Posted ID:s3o+dM3oLd

>>393 กูอยากมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ มันก็มายึดของกูไปแล้วเอาเสื้อผ้าห่วยๆเหมือนๆกันมาแจกให้กูกับคนในหมู่บ้าน
เพื่อให้ทุกคนเท่าเทียมกัน

อันนี้ มั่ว ไม่ได้เข้าใจคอมมี่เลย แนวคิดคอมมี่ คือมึงจะใส่สูท ใส่เสื้อตัดอ้อย ก็จชต้องเท่ากัน ไม่ใช่ใส่สูทแล้วได้รับการปฏิบัติดีกว่า

397 Nameless Fanboi Posted ID:s3o+dM3oLd

คอมมี่/สังคมนิยม ไม่ได้สูญหายไปไหน มันแค่ปรับตัวเป็น socialist democratic กับ social democracy เช่นกัน
ทุนนิยมก็ปรับตัว ให้เป็นทุนนิยมสีชมพู มีสวัสดิการ มีกฎหมายแรงงาน เด็กไม่ต้องใช้แรงงานหนัก ทุนนิยมสีเขียว ทุนนิยมก็ล้มเหลว เลยมี เคนเชี่ยน ที่สนับสนุนให้รัฐแทรกแซงเมื่อจำเป็น เพราะเรารอตลาดปรับตัวไม่ไหว

398 Nameless Fanboi Posted ID:s3o+dM3oLd

การแบ่งแค่ทุนนิยมกับคอม จริงๆแบ่งได้หยาบมาก เหมือนแบ่งว่าคนไทยมีแค่สามกีบกับไม่ใช่สามกีบอะ เพราะคอมมี่เองก็มีหลายสาย ทุนนิยมก็มีหลายสาย ทั้งสองไม่เคยหายไปไหน แค่แตกแขนง ไปเท่านั้นเอง

Keynes argued that governments should solve problems in the short run rather than wait for market forces to fix things over the long run, because, as he wrote, “In the long run, we are all dead.”

399 Nameless Fanboi Posted ID:weakTk2efy

เราไม่สามารถ”เปลี่ยน”คนรอบตัวได้ แต่เราสามารถเปลี่ยน”คน”รอบตัวได้

400 Nameless Fanboi Posted ID:weakTk2efy

มนุษย์มักกล่าวว่าเด็กไม่มีความกลัว เมื่อเด็กไม่กลัว พวกเขาจึงมีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากคนผู้หนึ่งผ่านประสบการณ์มากมาย พวกเขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับความน่ากลัวของสิ่งต่างๆ เสือกินคน กรงเล็บเสือทําร้ายคน ความแข็งแกร่งของตนเองไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คิด

จินตนาการเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ผู้คนจะรู้สึกเจ็บปวด เข้าใจโลก และเข้าใจตนเอง

401 Nameless Fanboi Posted ID:+o8ZIDmhJE

>>395 เขียนได้ดีนะ แต่ Vox นี่อย่างเอียงเลย กูดู Explained หรือช่องมันบ่อย เวลายกอะไรมานี่หนักข้างเดียวมาก อย่างเรื่องล้างสมอง พูดว่ามีต้นกำเนิดจากจีน แต่บอกว่าคอมมี่สร้าง แล้วฟุตเทจก็ยกมาแต่ฝ่ายขวา ยังดีที่มีจรรยาบรรณหน่อยที่พอพูดเรื่องสื่อหลักเอาเรื่อง Lab leak มาใช้ แล้วพูดถึงไบเดนหน่อย แต่โดยรวมมันก็เลือกมาพูดฝั่งเดียวอยู่ดี

>>397-398 กูถึงชอบอุดมารณ์คอม แต่จะให้ปฏิบัติตามแนวทางคอมกูไม่เอาด้วยหรอก แค่เอามาถ่วงน้ำหนักกับทุนนิยมสุดโต่งก็พอ

402 Nameless Fanboi Posted ID:Fig5TnE+Y2

>>401 เช่นเดียวกับที่คอมมี่ที่แท้จริงไม่เคยเกิดขึ้น ทุนนิยมที่แท้จริงก็ไม่เคยเกิดขึ้น

ไอ้พวกที่อยู่ ทั้งคอมมี่ที่ไม่เท่าเทียม ทุนนิยมที่ไม่เสรีมีผูกขาด ล้วนแต่เกิดจากพวกลัทธิแก้’ขอเอากลางๆไม่สุดโต่ง’ทั้งนั้น

ถ้าเปรียบทางธรรมก็คือพวกที่ ‘ใจดั่งกระจกใส หมั่นขัดถูอย่าให้มีมลทิน’ ยันตายก็ไม่ได้บรรลุธรรม

403 Nameless Fanboi Posted ID:X/zPHE9jSk

สาระว่าด้วยเรื่อง "Act of God"

จากคำวินิจฉัยที่ 20/2564 ของศาลที่ผมนำมาทำมีม มีการใช้คำว่า "an act of God" ในการอธิบายเพศตามธรรมชาติ จริง ๆ แล้วเป็นภาษากฎหมาย ไม่ได้สื่อจำเพาะเชิงศาสนาเอกเทวนิยม

ด้วยคำแนะนำของแอดเฮราคลีออส ยังไงมันก็เกี่ยวกับคริสต์อยู่ดี ผมเลยขอถือโอกาสนำเสนอสาระทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคำว่า "Act of God" เลยแล้วกันครับ

(ถ้าคิดว่าภาพคุ้น ๆ ไม่ต้องตกใจครับ ไม่ใช่โพสต์เก่า เอามาดัดแปลงใหม่เป็นภาพประกอบสาระเชิงประวัติศาสตร์ 555)

ผมเจอบทความวิชาการที่ว่าไว้เกี่ยวกับ Act of God เดี๋ยวจะเรียบเรียงให้อ่านกัน

คำว่า "Act of God" ในทางกฎหมาย สามารถสืบย้อนได้ถึงยุคโรมัน ตอนนั้นเขาเรียกกันว่า "Vim Maiorem" (หรือ Vis Major แปลว่า "อำนาจเหนือกว่า") เป็นข้อแก้ต่างที่ศาลให้ใครก็ตามที่ไม่สามารถมาตามหมายเรียกได้เพราะเหตุสุดวิสัย เหมือนกับ Force Majeure ของฝรั่งเศส

พอคริสต์ศาสนาอุบัติและเผยแผ่ไปทั่วยุโรป รวมถึงอังกฤษ คำว่า "Vis Major" เลยกลายเป็น "Act of God" คือเหตุสุดวิสัยนั้นมาจากพระเจ้าทางคริสต์ศาสนานั่นล่ะครับ ซึ่งถูกศาลอังกฤษนำมาใช้แทนภาษาละตินช่วงปลายศตวรรษที่ 16-17

ในประวัติศาสตร์ศาลอังกฤษ คำว่า "Act of God" ถูกใช้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับอำนาจพระเจ้า แต่หมายความถึงเหตุทางธรรมชาติ ฝนตก ฟ้าผ่า พายุเข้า หรือดันตายซะก่อน ก็ว่ากันไป ทางอเมริกาเองก็นิยามว่า Act of God คือ "อุบัติเหตุ (Accident) ใด ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่มีมนุษย์เข้าไปแทรกแซง และไม่สามารถยับยั้งได้"

แม้จะไม่เกี่ยวกับพระเจ้า แต่ก็ยังใช้คำนี้ต่อไป เหตุสุดวิสัยอะไรก็ชอบเรียกว่า "Act of God" ซึ่ง

ตัวอย่างการนิยามในคดีก็เช่น คดี Transco plc v Stocport Metropolitan Borough Council ของอังกฤษ ปี 2003 ที่บริษัทแก๊ซ Transco plc ฟ้องเรียกค่าซ่อมท่อแก๊ซจากสภาเมืองสต็อคพอร์ต เพราะมองว่าท่อแก๊ซใต้ดินของตัวเองเสียหายจากท่อน้ำของสภา

ศาลตัดสินว่าสภาไม่ผิด เขาแค่ใช้ประโยชน์จากที่ตรงนั้นเฉย ๆ ปริมาณน้ำจากท่อที่ทำให้ท่อแก๊ซเสียหายก็ไม่ได้มากเกินปกติ โดยคดีนี้ได้ยก Rylands v Fletcher มาประกอบ และมีการให้นิยามคำว่า Act of God ไว้ว่า

"ดังนั้น คำว่า 'Act of God' จึงเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมายระบบ Common Law เสมอ มันเป็นคำเปรียบเปรยอันมีที่มาจากศาสนา เอาไว้ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่ไม่มีการกระทำของมนุษย์มาเกี่ยว หรือเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะยับยั้ง เช่น อุบัติเหตุที่ฝ่ายจำเลยได้แสดงมานั้นก็เป็นสาเหตุทางธรรมชาติ ซึ่งยับยั้งไม่ได้ไม่ว่าทางตรงทางอ้อม ไม่มีมนุษย์มาแทรกแซง และไม่สามารถยับยั้งได้จากความคาดการณ์ การวางแผน หรือ การดูแลของมนุษย์"

การเรียก "Act of God" กับเหตุสุดวิสัย อาจพูดได้อีกนัยหนึ่งว่าคือการโยงอุบัติเหตุกับศาสนา ซึ่งอิงตามศาสนาที่คนยุโรปและสหรัฐฯส่วนใหญ่นับถือคือคริสต์ศาสนา ที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว Only God ไม่ใช่ Gods หรือ Goddess เป็น Omniprotence ผู้ทรงสรรพานุภาพ

ทรงรู้ทุกอย่างและกำหนดทุกอย่างในชีวิตมนุษย์ นั่นจึงเป็นที่มาของ "Act of God" ครับ

อ้างอิง : Accidents and Acts of God: A History of the Terms โดย Hermann Loimer, Mag Dr iur และ Michael Guarnieri ในวารสาร American Journal of public health ฉบับมกราคม ปี 1996 (ปีที่ 86 ฉบับที่ 1)

/AdminMichael

#มิตรสหายท่านหนุ่ง

404 Nameless Fanboi Posted ID:X/zPHE9jSk

>>402 กูมองว่ามันเกิดได้นะ ถ้ามึงรีเซ็ตโลกใหม่แบบไปตั้งโคโลนี่ดาวใหม่เลย ด้วยสภาพที่ถูกบังคับ ในช่วงแรกมันจะเหมือนคอมมิวนิสต์กลายๆ นั่นละ เพราะต้องปันส่วนทรัพยากรเข้าส่วนกลางอย่างเข้มข้น แล้วใช้แรงงานของทุกคนพัฒนาอารยธรรม

แต่ปัญหาคือถ้าเอามาใช้ตอนเปลี่ยนผ่านที่ต้องฆ่าล้างคนไม่รู้เท่าไหร่ และห้ามมีคนเห็นต่าง มันทำจริงไม่ได้หรอก ผิดวิสัยมนุษย์เกินไป

405 Nameless Fanboi Posted ID:s3o+dM3oLd

เรื่องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนี้ ในแง่หนึ่ง ก็เป็นคำวินิจฉัยที่เป็นความน่าอับอายของประเทศไทย ชาวโลกที่ไหนอ่านเขาก็คงหัวเราะเยาะ (เว้นแต่เสียแต่บางที่ ที่ legalize gay conversion therapy)

แต่ในอีกแง่หนึ่ง ต่อไปถ้าสังคมไทยพัฒนาไปถึงขนาดที่เป็นประชาธิปไตยได้ นี่จะเป็นพัฒนาการการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่ทัดเทียมอารยะประเทศ เพราะไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อเมริกา) ก็เคยได้รับความอยุติธรรมผ่านกระบวนการศาลมาแล้วทั้งสิ้น ถ้าการเคลื่อนไหวยังมีกำลังต่อไป จนสามารถเอาชนะคำพิพากษาขยะแบบนี้ได้ จะเป็นสิ่งที่ทรงพลังมหาศาล

ลองค้นดูก็ได้ Defense of Marriage Act (DOMA) ในสหรัฐเป็นกฎหมายห้ามรัฐบาลกลางยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน กฎหมายแบบนี้อยู่ได้มาเกือบ 15 ปีค่อยถูกวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ หรืออย่างที่มีคนยกในสัปดาห์ก่อน ๆ Dred Scott v. Sandford ที่ตัดสินว่าทาสไม่ใช่คนก็ต้องรบกันถึงจะยกเลิกคำพิพากษาเหี้ย ๆ แบบนี้ได้

ไอ้ที่เขาพูด ๆ กันว่าเวลาอยู่ข้างเรา มันก็คงประมาณนี้แหละ แต่มันจะนานแค่ไหนมันอีกเรื่อง

406 Nameless Fanboi Posted ID:Fig5TnE+Y2

>>404 สังคมพื้นฐานสุดคือไม่มีปัจจัยการผลิต ทุกคนในสังคมแชร์สิ่งที่เก็บหามาได้
สังคมคอมมี่ขั้นสุดคือปัจจัยการผลิตพร้อมและทุกคนแชร์ผลผลิตกัน มันคือย้อนกลับไปสภาพดั้งเดิมสุดโดยมีความเข้าใจแจ้ง

พวกที่พล่ามว่าคอมมี่เป็นจริงไม่ได้ ทุนนิยมเวิร์คสุดแล้ว ในไส้ก็ไม่ได้อยากได้ทุนนิยมที่สมบูรณ์หรอก ทุนนิยมที่แท้จริงถึงไม่เคยเกิดบนโลกนี้เหมือนกัน
พวกนี้ก็ได้แต่คอยขัดขาคนที่พยายามไปหาอุดมคติ เพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่ในสังคมครึ่งๆกลางๆต่อไป
ย้อนแย้งเหมือนอคิลีสวิ่งแซงเต่าไม่ได้ เพราะพวกที่คอยหาครึ่งทางนี่แหละ

407 Nameless Fanboi Posted ID:QA.KexeFog

สมรส = เพื่อสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น
หลากเพศสภาพ = ผิดธรรมชาติ
ครอบครัวคนหลากเพศ = ความรักอาจไม่ละเอียดอ่อน
จารีตประเพณี = หยุดนิ่งไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้
สถาบันครอบครัว = ความมั่นคงของรัฐ
สวัสดิการจากรัฐ = ภาระไม่ใช่หน้าที่

ฯลฯ

มองในแง่ดี คำวินิจฉัยศาล รธน. กรณี #สมรสเท่าเทียม และคำวินิจฉัยส่วนบุคคล รวมมิตรโลกทัศน์ไดโนเสาร์แบบไทยๆ ทั้งหมดไว้ในเอกสารฉบับเดียว ใช้สอนได้หลายวิชาเลย

#เป็นคนคิดบวก 😌

408 Nameless Fanboi Posted ID:bnpjpCGuaL

「残業時間60時間を超えると、
幸福度は急にぐっと上がる」
เมื่อชั่วโมงทำโอทีเกิน 60 ชั่วโมง
คะแนนความสุขก็เพิ่มมากขึ้นทันที
「死人に口なし」
คนตายพูดไม่ได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

409 Nameless Fanboi Posted ID:7Wg78OXKdg

อะไรที่เขียนไว้ในรธน.ว่า #กษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ ≠ #กษัตริย์มีอำนาจสั่งการได้ด้วยตัวเอง เพราะในระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รธน. อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนต้องถูกใช้ผ่านทาง รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และ ศาล กษัตริย์ไม่สามารถใช้อำนาจได้ด้วยตัวเอง

410 Nameless Fanboi Posted ID:+GdHXKZYAs

>>406 อธิบายหน่อยว่าสังคมอุดมคติแบบสุดโต่งของแต่ละแนวคิดมันอยู่จริงๆได้ยังไง ไม่เอาแบบโคโลนี่เล็กๆอยู่กันแบบไม่กี่สิบคนนะ

411 Nameless Fanboi Posted ID:ypFKlsjgQJ

>>410 ของทุนนิยมนี่เห็นได้บ่อยนะ มันสเกลง่ายกว่า พวกไซไฟโลกอนาคตที่บ.คุมทั้งโลกแทนรัฐบาลไรพวกนี้ กับแบบ Madmax ที่ไร้กฎ

ส่วนของคอมมี่มันนึกภาพยากหน่อย เพราะสเกลคนดีลำบาก ส่วนใหญ่เลยตั้งภาพว่าเป็นสังคมที่ XXX คอยกำหนดกฎเกนฑ์และการกระจายทรัพยากรในกลุ่มให้แทน ไม่ก็โลกที่ไร้เงินตราแต่ทุกคนทำตามฝันแบบ star trek ซึ่งก็น้อยเกิน

ให้อธิบายเพิ่มนะ

ทุนนิยมขั้นสุดเชื่อในการแข่งขัน การแข่งขันเมื่อถึงจุดนึงจะกลายเป็นความร่วมมือตามธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่มันจะผูกขาดฮั้วกันมากกว่า ในสังคมนี้คนดีอยู่ยาก

คอมมี่ขั้นสุดเชื่อในการรร่วมมือ การร่วมมือถึงขั้นสุดจะเกิดการแข่งขัน/พัฒนาให้ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วมนุษย์ไม่ได้มีมโนธรรมสำนึกเพื่อผู้อื่นขนาดนั้น ในสังคมแบบนี้คนเลวจะได้เปรียบคนดีอย่างมากเลย

พอนึกภาพออกแล้วใช่มั้ยว่าสภาพที่ถึงขีดสุดมันเป็นยังไง

412 Nameless Fanboi Posted ID:JCPS0BiUi1

>>410 ทุนนิยมสมบูรณ์
- ตลาดเสรีสมบูรณ์ ไม่มีแทรกแซง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด invisible hand
- มีทรัพย์สินส่วนบุคคล ทรัพย์สินสาธารณะ(public properties) แต่ไม่มีทรัพย์สินส่วนกลาง(common properties) พูดง่ายๆคือนอกจากของส่วนตัวแล้ว ไม่มีของที่”สงวนไว้ใช้เฉพาะกลุ่ม”
- การแข่งขันสมบูรณ์ ไม่มีประเภทเกิดมาบนกองเงินกองทองพ่อแม่สร้างไว้

413 Nameless Fanboi Posted ID:ypFKlsjgQJ

>>412 ข้อสุดท้ายมึงเอามาจากไหน ทุนนิยมคือการสะสมทุน ถ้าสะสมทุนแล้วไม่ส่งต่อมันจะเรียกว่าสะสมทุนได้เหรอ ทุนนิยมขั้นสุดจะต้องไม่มีภาษีด้วยซ้ำ ที่มึงว่านี่เป็นคอมมากกว่านะ ตายแล้วพูลเข้ากองกลาง ไม่ส่งต่อให้ลูกหลาน เพราะลูกหลานจะได้รับจากส่วนกลางแทน

เอาจริงทรัพย์สินสาธารณะก็จะไม่มีด้วย เพราะทุกอย่างต้องกำหนดด้วยทุน แปลว่ามันซื้อได้หมด ไม่มีการแยกหรอกว่าอันไหนส่วนตัวไม่ส่วนตัว มีแต่ซื้อแล้วหรือยังไม่ซื้อ แต่ก็จะมีบางอันที่ซื้อไม่ได้อยู่ เพราะไม่มีใครอ้างความเป็นเจ้าของได้ ถึงซื้อขายไม่ได้

จริงๆ กูไม่เข้าใจว่ามึงจะแยก public กับ common ออกมาทำใม เพราะมึงแยกผิด public คือส่วนกลางทางกฎหมาย common คือส่วนกลางทางชุมชน แต่คำว่าชุมชนนี้กว้างมาก มันหมายถึงสิ่งที่เป็นของมนุษย์ชาติทั้งมวลแล้วไม่มีใครครองครองได้ด้วย อย่างเช่นชั้นบรรยากาศ/อากาศ ทะเล หรืออะไรพวกนี้ ในยุโรปบางประเทศจะรวมแสงแดดด้วย การที่มึงลดให้เหลือว่าทรัพย์สินที่สงวนเฉพาะกลุ่มจึงไม่ถูก

เอาจริงในอนาคต ถึงมึงซื้อดาวหรือแสดงความเป็นเจ้าของกาวดวงนึงได้ มึงจะซื้อขายทุกอย่างบนดาวดวงนั้นก็ได้ อย่างอากาศหรือแสงแดด แต่มึงทำที่โลกนี้ไม่ได้เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของ กลับกัน ถ้าเป็นคอมมี่จะบอกว่าดาวดวงนั้นเป็นของสาวนรวม ต้องพูลเข้าส่วนกลางแล้วแบ่งอีกที

414 Nameless Fanboi Posted ID:JCPS0BiUi1

>>413 แยกเพราะcommon propertiesมันคือเป็นmean of production และหวงห้ามไว้ใช้เฉพาะกลุ่มชุมชน
ถ้ามึงจะprivateดวงอาทิตย์ก็เรื่องของมึง แต่จะมาแชร์กันใช้เฉพาะกลุ่ม นอกกลุ่มห้ามใช้มันจะทำให้เกิดการผูกขาด ซึ่งย้อนแย้งกับการแข่งขันเสรี
เปรียบเทียบคือเหมืองทองที่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าไปขุดได้ แต่จอบเสียมเครื่องมือและทองที่ขุดได้เป็นของมึง แต่ถ้ามึงรวมกลุ่มกันไปล้อมว่าเหมืองนี้เป็นของพวกกูเท่านั้น(common property) นี่มึงผูกขาดแล้ว
ถ้าตัวมึงคนเดียวมีปัญญาขุดเหมืองทั้งเหมืองคนเดียว คุ้มกันเหมืองไม่ให้มีคนอื่นมาแย่งขุดได้ด้วยกำลังของมึงคนเดียว เหมืองเป็นprivate propertyของมึงได้

ทุนนิยมคือการสะสมทุน แต่เป็นการสะสมทุนของปัจเจก การส่งทุนข้ามรุ่นหรือผ่านกลุ่มคือมึงเอาไปปนกับcorporatismแล้ว ครึ่งๆกลางๆไม่สุดทาง
ทุนนิยมที่แท้คือทุกคนเป็นunitเดียว ต่างคนต่างแข่ง

415 Nameless Fanboi Posted ID:ypFKlsjgQJ

>>414 มึงเอาภาษาคอมมี่มาใช้นี่เอง กูถึงรู้สึกแปลกๆ

Common ไม่ได้สงวนใช้เฉพาะกลุ่ม มันขยายไปทั้งหมดเลยได้ แบบที่กูยกตัวอย่างชั้นบรรยากาศนั่นละ มันอยู่ในสภาวะที่ไม่มีใครครองครองได้

เรื่องนี้เป็นการผูกขาดจริง ไม่เสรีจริง เพราะมันเป็นมุมมองของคอมว่าทุกอย่างต้องแบ่งปันด้วยตัวมันเอง การที่ทุนนิยมไม่มีสิ่งนี้ถือว่าถูกต้องแล้ว ที่กูแย้งคือการที่มึงชี้ว่าสงวนใช้เฉพาะกลุ่มนี่ละ

ทุนนิยมมันไม่ส่งข้ามรุ่นได้ด้วยเหรอ ไม่เคยได้ยิน การห้ามส่งข้ามรุ่นนี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แนวคิดคอมตีโต้ทุนนิยมได้เลยนะ

แล้วก็เป็นคนละเรื่องกับการแข่งขันแบบเสรีด้วย การแข่งขันแบบเสรีก็เป็นการผูกขาดได้ถ้ามีอำนาจพอ อย่างมึงเองยังยกตัวอย่างเลยว่า privatized ดวงอาทิตย์หรือเหมืองก็ยังได้ เสรีถึงขั้นสุดมันคือการผูกขาดโดยไม่ผิดนั้นละ เพราะการแข่งขันเสรีไม่เท่ากับแข่งขันยุติธรรม คนละเรื่องกันเลย

416 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

>>415 กูแยกให้นะ
Common กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์เข้ามา’ครอบครอง’ และ’บริหารจัดการ’สินทรัพย์ร่วมกัน ใช้ประโยชน์ได้เฉพาะกลุ่ม

Public คือของนั้นไม่อยู่ใต้การครอบครองของใคร ไม่อยู่ใต้การบริหารจัดการของใคร ทุกคนมีสิทธิ์ใช้เท่ากัน

อ่ะ ว่าด้วยเรื่องมรดกเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับideal capitalism
In his lectures on jurisprudence, Adam Smith himself said that “there is no point more difficult to account for than the right we conceive men to have to dispose of their goods after death” (Fleischacker, 2004: 198). This is an entirely fabricated social right, and one that runs counter to capitalist ideals. The free enterprise system is predicated upon rewarding and, consequently, incentivising production. Remuneration is allocated to those who provide the factors of production, and in proportion to that provision. Inheritance stands in stark contrast to this principle: it is not earned, but comes about entirely as the result of a parental lottery. From a purely economic perspective, the random allocation of resources cannot possibly lead to an efficient outcome. To allow such a state of affairs is to undermine the working of the ‘invisible hand’ by which market activities are guided.

417 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>416 มึงตีความคำว่า Common แคบไป ตำว่าเฉพาะกลุ่มมันขยายไปทั้งเผ่าพันธ์ได้ ถ้าตามปกติก็อย่างมึงว่สละ แต่ในแนวทางคอมมี่ Common ใช้ในความหมายนี้เท่านั้น

Public มันแค่ในเชิงกฎหมายว่าไม่ใช่ Private และมิอาจครอบครองได้ แต่ถ้าจะใช้คำว่าการใช้ประโยชน์ร่วมกัน มันหมายถึง Common มากกว่า ในอังกฤษ ก่อนการล้อมรั้ว (Enclosure) สังคมอยู่ในระบบนี้ทั้งนั้น

เรื่องมรดกมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามึงจะเอาทุนนิยมแบบสุดโต่งจริง มันก็จะเข้าทาง Laissez-faire ที่ว่าจะไม่มีกฎเกนฑ์รองนับอะไรเลย ทุกอย่างจะเสรีถึงขีดสุด แล้วถ้าไม่มีการแทรกแซงจากปัจจัยภายนอกเลย การให้หรือไม่ให้มรดกก็เป็นเรื่องของความสมัครใจที่พ่อแม่จะให้ลูกหลานเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าจะยกด้าน efficient มันก็ใช้หลักโบราณได้ว่าสอนลูกมาดี ถึงจะไม่ consistancy นัก แต่ถ้าจะใช้เหตุผลนี้ในโลกที่ไม่มีกฎเกณฑ์ ใครจะทำใมละ

ที่กูกับมึงมองต่างกันอยู่ตรงนี้ละ กูมองว่สเมื่อถึงภาวะขั้นสุดปลาย ทั้งคอมมี่และทุนนิยมจะไม่รัฐแล้ว ไม่มีการบังคับใช้ XXX ใดทั้งสิ้น ทุกคนกระทำตามหลักการนั้นด้วยตนเอง รัฐจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป สิ่งที่มึงอธิบายมาทั้งหมดยังติดกรอบคำว่ารัฐอยู่ มันยังไปไม่ไม่สุดจริง

ถ้ามึงจะยกคำพูด Adam Smith มา กูอยากให้ยกก่อนนี้มาหน่อย บริบทจะได้ครบ

"A power to dispose of estates for ever is manifestly absurd. The earth and the fulness of it belongs to every generation, and the preceding one can have no right to bind it up from posterity. Such extension of property is quite unnatural.
There is no point more difficult to account for than the right we conceive men to have to dispose of their goods after death."

418 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

>>417 นี่แหละตัวอย่างของพวกที่ชอบบอกว่าอุดมคติเป็นจริงไม่ได้ เพราะ…….ขัดแย้งกับธรรมชาติของมนุษย์
ก็เลยต้องวนเวียนส่ายไปส่ายมาอยู่ตรงกลางๆ

ทุกหลักการมันก็มีอุดมคติของมัน แต่ถ้ามึงเป็นลัทธิแก้ เอาทุนนิยมมาผสมฟิวดัลผสมคอร์ปอเรทเติมคอมมี่ เพราะคิดว่ามันจะเหมาะกับสังคมที่เป็นจริงมากกว่า สุดท้ายแล้วมึงก็ไปไม่ถึงอุดมคติ อยู่กับยำใหญ่ที่มึงสร้างขึ้นมาโดยที่ก็ไม่แน่ใจว่ามึงจะพยากรณ์มันได้ไหม
เป็นผลลัพธ์แบบ prisoner’s dilemma

419 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>418 แล้วมันผิดตรงไหนละ การที่มันเป็นไปไม่ได้เพราะขัดธรรมชาติมนุษย์นี่คือปัญหาของอุดมการณ์สุดโต่งทุกสายเลยนะ หรือมึงคิดว่าทุนนิยมสุดโต่งทำได้จริงๆ

ทุนนิยมอาจจะเข้ากับธรรมชาติมนุษย์มากกว่าด้านการแข่งขันและความเสรี แต่ไม่มีใครรับความรู้สึกถึงขีดสุดนั้นได้ตลอดเวลาหรอก คนเราต้องการความมั่นคงในระดับหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้วรัฐเป็นผู้ให้สิ่งนั้นผ่านกฎหมายและระเบียบ ซึ่งก็คือการแทรกแซง ขอเพียงมีรัฐอยู่ แค่เพียงการมีตัวตนของรัฐก็คือการแทรกแซงแล้ว การไม่มีการแทรกแซงตามอุดมคติทุนนิยมถึงต้องไร้รัฐเท่านั้น

กูยังย้ำเหมือนเดิมมว่ามึงใช้ public กับ common ผิด public คือเป็นของส่วนกลางด้วยกฎหมาย แต่ในโลกที่ไร้รัฐ กฎหมายจะไม่มีอยู่ มีแต่สมดุลย์ของ demand-supply ที่คงไว้ และก็ไม่มี common เพราะขัดกับหลักทุนนิยมและปัจเจก จริงๆ ใช้คำว่า joint-venture แทนก็ได้ เพราะถ้าไม่ใช่ private ก็ต้องมีการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กัน

ตัวมึงเองยังหยิบยืมภาษาคอมมี่มาใช้และยังไปไม่สุดเลย จะว่าคนอื่นเป็นลัทธิแก้ก็เกินไป ทุนนิยมสุดโต่งต้องเข้าถึงคำว่า free market เหนือสิ่งอื่นใด และจุดนั้นมันมีชื่อว่า Anarcho-capitalism มึงที่ไปไม่ถึงจุดนั้นไม่มีสิทธิว่าคนอื่นเป็นลัทธิแก้หรอก

420 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

แล้วกูพูดตอนไหนว่ากูเป็นทุนนิยม? กูแค่ชี้ว่าพวกที่ยกหางทุนนิยมมากดคอมมี่ พล่ามว่าคอมมี่ในอุดมคติเป็นจริงไม่ได้เพราะขัดกับสันดานมนุษย์ ทุนนิยมที่มันยกหางนี่ก็เป็นจริงไม่ได้เหมือนกัน
ถ้ามึงยึดprincipleแล้วไปให้สุดตามทาง มึงก็ยังรู้ว่ามึงจะไปไหน แต่ถ้ามึงมัวเก็บนั่นผสมนี่ ก็เป็นเหยื่อปูปลาต่อไป

อยากไปนิพพานแต่นั่งขัดกระจกในใจ อยากไปพุทธเกษตรแต่มานั่งยุบหนอพองหนอ ก็คงไปถึงหรอก

421 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>420 กูก็ไม่ใช่ทั้งทุนหรือคอม มึงยังว่ากูเป็นลัทธิแก้เลย กูต้องเขียนวิจารณ์ตัวเองมั้ยมึงถึงจะพอใจ

ถ้าจะบอกมีใครมากดคอมมี่มึงก็แย้งที่กดสิ ไม่ใช่มาชี้ว่าทุนนิยมมันก็ไม่ดีนะ fallacy สัดๆ

แล้วกูผสมตรงไหน กูนี่ยึดหลัก free will+market ถึงขีดสุดจนเป็น arnachy มึงที่ยังยึดติดกับรัฐอยู่นั่นละจับโน่นผสมนี่ เพราะปล่อยความเป็นรัฐไม่ได้ แล้วไม่เข้าใจเรื่อง free will ในระบบตลาด

แล้วกูก็ไม่ได้ยอกว่าเฉพาะคอมเป็นไปไม่ได้ ทุนนิยมก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน แค่มันเข้ากับธรรมชาติมนุษย์กว่า เลยโน้มเอียงไปทางนั้นมากกว่าก็แค่นั้น

อันนี้มึงไปไกลเกินไปแล้ว ไร้สาระด้วย

422 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

“กูก็ไม่ใช่ทั้งทุนหรือคอม”
“ กูนี่ยึดหลัก free will+market ถึงขีดสุดจนเป็น arnachy”

โอย ย้อนแย้งฉิบหาย

แล้วกูยึดติดกับรัฐตอนไหนวะ

423 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>422 กูพูดถึงหลักทุนนิยมขั้นสุดว่าต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่ากูถือหลักนี้ เพราะกูเองก็ถือหลักคอมอยู่พอตัวเลย เวลาเล่นเกมส์สาย Civilization กูชอบคอมที่สุดแล้ว

ย้อนไป>>412 ที่มึงตอบเองก็ได้

ตลาดเสรีสมบูรณ์ ไม่มีแทรกแซง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด invisible hand

การจะถึงขั้นนี้ได้ต้องไม่มีรัฐเท่านั้น

ส่วนที่ว่ามึงยึดติดกับรัฐตรงไหนนะเหรอ ก็ใน>>412 อีกนั่นละ ทรัพย์สินสาธารณะ (public properties) ของมึงจะเป็นสาธารณะได้ต้องมีรัฐจัดการเท่านั้น มรดกก็ด้วย ถ้าทรัพย์สินไม่ส่งให้ลูกหลานต่อแล้วมันจะไปไหนถ้าไม่ใช่รัฐ

ในระบบทุนนิยมสมบูรณ์ จะไม่มีกฎอะไรเลย ทึกอย่างกระทำด้วยความเต็มใจต่อกัน ถ้ามีคนตกลงจ่ายเงินขอฆ่าอีกฝ่าย แล้วอีกฝ่ายตกลง นั่นก็ทำได้ ไม่ใช่ฆาตกรรม ไม่ผิดกฎหมาย มรดกก็เหมือนกัน ถ้าทั้งผู้ให้และรับตกลงกัน ก็ให้=รับมรดกได้ มึงสับสนว่ากูเอาฟิวดัลเข้ามาใช้ แต่ไม่ใช่ มันทำได้ตามคำว่า free will+market อยู่ มึงยังยึดติดว่าทุนนิยมขีดสุดมีกฎหรือการบังคับใช้อยู่ กูถึงว่ามึงยึดติดกับรัฐไง

424 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

โอ้โห เอาแค่public propertyมาเคลมว่ากูยึดติดกับรัฐ ต้องมีรัฐเป็นผู้จัดการpublic property ถุย
ไม่งั้นจะแยกpublicกับcommonทำห่าอะไร ก็กูย้ำไปแล้วว่าcommonมันคือทรัพย์สินที่บริหารจัดการและจำกัดการใช้ประโยชน์โดยกลุ่มคนหนึ่ง = รัฐหรือองค์กร

Public propertyมันคือทรัพย์สินสาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิ์ในการเข้าถึงและใช้ตามศักยภาพของตนเอง ไม่ต้องมีใครมาควบคุม ไม่ต้องมีรัฐมาควบคุมด้วย อ่านไม่แตกนะมึงนี่
Private property ถ้าเจ้าของไม่มีปัญญาบริหารจัดการแล้ว จะด้วยหายใจไม่ออกขึ้นมากระทันหัน มันก็ต้องกลายเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ ทุกคนที่มีศักยภาพเข้าถึงย่อมมีสิทธิ์เคลม ใครจะได้กรรมสิทธิ์ไปก็ต้องมาจากการแข่งขันว่าในหมู่คนที่จะเคลม ใครจะให้ผลประโยชน์มากกว่า นี่คือหลักการของทุนนิยมที่ว่าการแข่งขันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม

ประเภทรับต่อมรดกนี่แหละที่ทำให้การแข่งขันลดลง

425 Nameless Fanboi Posted ID:mrEjIpQYTI

ขอถามคำถามเบรคหน่อย

ถ้า free will + free market จนไม่จำเป็นต้องมีรัฐและใช้เงินตราเป็นเจ้าของในการซื้อขาย แบบนี้จะมีใครเป็นคนรักษาความปลอดภัยและกฎหมายหรอ เพราะมันอาจจะมีคนใช้พละกำลังเป็นตัวตัดสินแย่งของมา หรือฆ่าเจ้าของเก่าทิ้งเลย แบบนี้มันจะสงบสุขได้หรอ

426 Nameless Fanboi Posted ID:GLJcxhTADB

>>425 btc จะเป็นคำตอบของระบบไร้รัฐในยุคต่อไป เพราะมึงไม่สามารถข่มขู่ให้เอาสินทรัพย์กับคนที่มึงถูกข่มขู่ได้ ด้วยการเข้ารหัสที่ไม่สามรถแกะได้ btc จะถือว่าเป็นสินทรัพย์ของมึงโดยสมบูรณ์ ที่รัฐจะเข้ามายุงไม่ได้ และก็จะไม่มีคนใดมาแย่งสินทรัพย์ยั้นจากมือมึงไปได้ การปกป้องของรัฐในอนาคตก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

427 Nameless Fanboi Posted ID:iCo0Hl1s8r

กูออกมาข้างนอกนะ ID เปลี่ยน

>>424 กูก็ยังยืนยันว่ามาแยกแยะผิด common ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่มึงว่า เอาจริง common นี่หมายถึงรัฐไม่จัดการด้วย เพราะรัฐไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทุกคนใช้ได้หมด เช่นอากาศหรือทะเล แต่ public คือเป็นของรัฐ รัฐมีสิทธิจัดการได้ มึงสับสนความหมายเอง

การรับมรดกทำให้การแข่งขันลดลงจริง แต่ลำดับชั้นมันต่ำกว่า free will+market ถ้าพ่อลูกตกลงกันได้ก็รับมรดกได้

>>425 ตามสมมติฐานว่าทุกคนจะใช้เหตุผล เพราะถ้าทุกคนแย่งชิงกันจะเป็นการลดประสิทธิภาพของตลาด ความปลอดภัยจะไม่มีใครจำเป็นต้องรักษา เพราะทุกคนจะรักษาดุลยภาพ=ผลประโยชน์ของสันติเอง ถ้ามึงคุ้นกับทฤษฏีเกมส์จะเข้าใจ

แต่มันเกิดขึ้นยาก เพราะมันขึ้นกับว่าทุกคนต้องมีเหตุผลตลอดเวลา John Raws เคยเสนอแนวคิดเรื่อง Vail of Ignorant โดยสมมุติว่าให้ทุกคนอยู่ในภาวะมืดบอดโดยสมบูรณ์ เมื่อทุกคนไร้ซึ่งทุกสิ่ง และไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอะไร คนจะไม่สร้างระบบที่สุดโต่ง เพราะกะงวลว่าคนอื่นจะทำแบบมึงว่าละ คนจะเลือกความปลอดภัยขั้นต่ำ คือชีวิต>ทรัพย์สินก่อน และระบบต่างๆ จะตามมา

>>426 ทำใมจะแย่งไม่ได้ BTC มันเป็น post quantum ถูกเจาะได้แน่ ต่อให้ไม่มีอันนี้ ถ้ามึงถูกปืนจ่อหัวแล้วจะไม่ให้เหรอ

428 Nameless Fanboi Posted ID:GLJcxhTADB

>>427 ถ้ามึงโดนปืนข่อหัวอยู่จริงไปถึงให้หนือไม่ให้มึงก็ไม่รอด บางครั้งการไม่ให้อาจจะทำให้มีโอกาสรอดมากกว่าไม่รอด เพราะยังใช้เป็นเครื่องต่อรองได้อยู่บ้าง คนที่ให้เลยโดยความกลัว ส่วนใหญ่จะไม่รอด

429 Nameless Fanboi Posted ID:Qx+MriKL+G

>>427 มึงนั่นแหละสับสนความหมาย
common property
n. 1) real property owned by "tenants in common," who each have an "undivided interest" in the entire property. 2) property managed by a homeowners' association in a condominium project or a subdivision development, which all owners may use and each owns a percentage interest. 3) lands owned by the government for public (common) use, like parks and national forests.

Public คือสิ่งที่”ยังไม่ถูกทำให้เป็นprivate” จะด้วยเพราะเจ้าของเดิมสูญสิ้นไปแล้วอยู่ระหว่างรอมีคนใหม่มาเคลม หรือเพราะไม่มีใครมีปัญญาเคลมเป็นของส่วนตัวได้ก็แล้วแต่

การให้มรดกมันขัดแย้งกับทุนนิยมในอุดมคติ เพราะมันเป็นการสะสมทุนโดยไม่มีการแข่งขัน ไม่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยเฉพาะการที่พ่อแม่ตกลงให้มรดกลูกเพราะความผูกพันทางสังคมนี่แหละที่โคตรขัดกับfree will

430 Nameless Fanboi Posted ID:IXkunASPE1

>>428 เอาจากไหนมาว่าคนให้มักไม่รอด ขอสถิติหน่อย

>>429 กูต้องย้ำอีกกี่รอบความหมายมึงแคบไป เพราะกูยกมาตั้งไม่รู้กี่รอบว่าอากาศหรือแสงแดดก็เป็น common แล้วมันอยู่ในที่มึงว่ามั้ยละ

กูว่ารูปนี้แบ่งได้ชัดดี

https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRwphyEYfus45cm-hXKWZMSpJkvzAC7A0cOhw&usqp=CAU

มึงใช้ Public ในแง่นั้นได้ กูยอมรับการตีความนี้ ตอนแรกกูไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนดี

อุดมคติของทุนนิยมให้ค่าเสรีมากกว่าประโยชน์สูงสุด แม้มันจะขัดกัน แต่การตกลงปลงใจทั้งสองฝ่ายมีน้ำหนักมากกว่า การขัดขวางหรือแทรกแซงเรื่องนี้ย่อยผิดหลักการไม่แทรกแซงตามหลักทุนนิยมนั่นละ

เอาจริงพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องให้เพราะความผูกพันก็ได้ ถ้าคิดในแง่ผลประโยชน์ การให้คนในบริหารงานต่อก็อาจจะดีกว่าการให้คนนอกได้ หรืออาจจะข้ามรุ่นไปให้หลานก็มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

431 Nameless Fanboi Posted ID:cBSg09tLJo

>>430 ก็พอให้แล้วมึงก็หมดประโยชน์ไง ทีนี้ก็ปิดปากมึงซะ จะได้ไม่มีพยาน

432 Nameless Fanboi Posted ID:9BiSXpLI6w

Vail of Ignorant ก็ใช่ว่าทุกคนจะเลือกแบบกลางๆ บางคนมันมีจิตวิญญาณนักพนันก็เลือกระบบเสรีสุดโต่งก็ได้
เพราะมันคิดว่าถ้าโชคดี(ชนะพนัน)ก็ได้ไปอยู่กลุ่มบนสุด

433 Nameless Fanboi Posted ID:I+DaTJu5cd

คอมมี่ = loser , ส่วนเกินของสังคม

ไม่ต้องแถเหี้ยไรยาวๆ กูแถให้สั้นๆพอ

434 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>432 Raws ก็บอกว่าคงมีคนแบบนั้นบ้าง แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกเซฟตี้ขั้นพื้นฐานไว้ก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าสถานะของตัวเองในภาวะนั้น ความกลัวจึงอยู่เหนือความโลภ

435 Nameless Fanboi Posted ID:6iH48z05JP

>>432 >>434 นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่คนเกิดมาฐานะดี สบายจน Ignorance ได้ โดยมากก็จะอินกับความเหลื่อมล้ำ และอยากให้รัฐเข้าแทรกแซงเรื่องสวัสดิการกันทั้งนั้น มากน้อยอีกเรื่องก็เถียงกันไป แต่ไม่มีนี่ไม่ได้หรอก

436 Nameless Fanboi Posted ID:4+9vLDRYkW

พวกเชียร์ทุนนิยมไม่อยากอยู่ในโลกทุนนิยมสมบูรณ์
พวกคอมมี่อยากอยู่ในโลกคอมมี่สมบูรณ์

ทุนนิยมดีกว่าคอมมี่

Logic!!

437 Nameless Fanboi Posted ID:lQNBwtmLgQ

>>433 ถ้าไม่มีคอมมิวนิส แรงงานเป็นพันล้านทั่วโลกคงโดนนายทุนกดขี่ไม่ต่างจากยุคค้าทาส คอมมิวนิสคือสิ่งที่ทำให้ชนชั้นแรงงานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมมีชีวิตที่ดีขึ้น

438 Nameless Fanboi Posted ID:1q6zqybOqH

>>436

คนเชียร์ทุนนิยมใช้ชีวิตตามหลักการทุนนิยม ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา

คนเชียร์คอมมี่ไม่ยอมใช้ชีวิตตามหลักคอมมี่ ไม่แจกจ่ายทรัพท์ ยังใช้เงินตรา ยังซื้อของ

คอมมี่ดีกว่าทุนนิยม

Logic!!

439 Nameless Fanboi Posted ID:rZIu.D8ZSe

>>437

คนริเริ่มแนวทางทำงานสัปดาห์ละห้าวัน วันละ8ชั่วโมง คือเฮนรี่ฟอร์ด นายทุนตัวเป้ง เพราะฟอร์ดเห็นว่าถ้าลูกจ้างมีเวลาว่าง ลูกจ้างจะใช้เงิน และการใช้เงินจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ฟอร์ดไปในตัว แล้ววิธีของฟอร์ดก็ได้รับความนิยมจนที่อื่นๆเอาไปทำตามจนถึงทุกวันนี้

ขนาดการช่วยชนชั้นแรงงาน ทุนนิยมยังทำได้ดีกว่าเลยอ่ะครับ อ่ะครับ

440 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>439 มึงคิดว่าฟอร์ดกับแสกนดิเนเวียร์อันไหนช่วยลูกจ้างดีกว่ากัน

441 Nameless Fanboi Posted ID:rZIu.D8ZSe

>>440

แสกนดิเนเวียเป็นทุนนิยม ไม่ใช่คอมมี่อ่ะครับ อ่ะครับ

ว่าแต่แสกนดิเนเวียช่วยแรงงานดี แรงงานไทยได้ผลพลอยได้รึเปล่าครับ แต่ฟอร์ดทำงาน5วัน วันละ8ชั่วโมงนี่แรงงานทั่วโลกได้ผลพลอยได้อ่ะครับ กลายเป็นมาตรฐานโลกไปแล้วตอนนี้

442 Nameless Fanboi Posted ID:TDI26mcaOl

>>441 ระบบ Nordic มีพื้นฐานมาจากคอมมี่ ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบการตลาดแล้ว มรดกของยุคนั้นก็ยังอยู่

443 Nameless Fanboi Posted ID:mhGaHE8LEp

>>442 เปลี่ยนอะไร

“ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบตลาด”

ถามอีกที เปลี่ยนอะไร เปลี่ยนจากระบบไหนมาเป็นระบบไหน

เปลี่ยนอะไรของมึง ถ้ามันเป็นทุนนิยมมาตลอดมันจะเรียกว่าเปลี่ยนได้ไง

444 Nameless Fanboi Posted ID:gzuHFvIsyV

>>443 ก็จริง ก่อนนี้ต้องเรียกว่าเอียงซ้ายมากจนระบบรับไม่ไหว ถึงเปลี่ยนมาขวา ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนระบบ แต่เปลี่ยนความโน้มเอียงมากกว่า

445 Nameless Fanboi Posted ID:qKFcXnErlx

เวลาซ้ายเบียวคอมยกแสกนเป็นตัวอย่าง นึกถึงข่าวผู้นำเดนมาร์กบอกว่าประเทศกูไม่ใช่คอม ไม่ใช่โซเชี่ยลลิสต์ด้วย เลิกเอาประเทศกูไปอ้างได้แล้ว กูเป็นทุนนิยม

ขำดี ประเทศโซเชี่ยลลิสต์ของจริงถ้าไม่ล่มก็เผ็ดกลาง เลยต้องมั่วชาวบ้านที่ประสบความสำเร็จว่าเป็นพวกเรา

https://www.thelocal.dk/20151101/danish-pm-in-us-denmark-is-not-socialist/

446 Nameless Fanboi Posted ID:U3r3C2ipam

ประเทศที่ประกาศตัวเป็นsocialismในรัฐธรรมนูญและมีระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรค
-Algeria 25ปี
-Bangladesh 50ปี
-Guyana 41ปี
-India 44ปี
- Nepal 6ปี
-Portuguese 45ปี
-Sri Lanka 43ปี

447 Nameless Fanboi Posted ID:LyWzF5gMAo

>>446 ประเทศรวยๆ กินดีอยู่ดี เท่าเทียม ไม่มีคนจน คนรวย ทั้งนั้นเลยว่ะ

448 Nameless Fanboi Posted ID:LyWzF5gMAo

เรื่องนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

เวลา สร้างอะไรในกรุงเทพ ก็หาว่า เอาแต่สร้างในกรุงเทพ ไม่ยอมกระจายความเจริญมาต่างจังหวัด คนจากบ้านนอกต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ

แต่ เวลา สร้างอะไรในต่างจังหวัด หรือที่ไหนที่ไม่ใช่ในกรุงเทพ ก็หาว่า มลพิษ เอื้อนายทุน เพราะ คนต่างหวัด ระดับการศึกษาต่ำ ติดภาพจำที่ว่า โรงงาน อุตสาหกรรมผลิตสินค้า ต้องมีปล่องควัน ปล่อยควันดำๆ ออกมาเยอะๆ เหมือนยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม + อยากจะทำการเกษตร แบบเดิมๆมากกว่า พูดยังกับว่า คนทั้งประเทศ ทำเกษตร ประมงทุกคน

วนกลับไปบรรทัดแรก

สนับสนุนให้สร้างนิคมอุตสาหกรรมหนัก ที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย ยิ่งเยอะยิ่งดี เอาให้ทุกอำเภอมีโรงงาน ไทย จะได้กลายเป็นประเทศรายได้สูงซักที ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กรุงเทพกับ ภาคตะวันออก เพราะมีเยอะแล้ว ที่มาประท้วงก็แค่ ไม่กี่สิบกี่ร้อยคน ในขณะที่คนทั้งอำเภอ ที่เขาไม่ได้มีบ้านติดทะเล สำหรับ จับปลา จับปู จับหอย หรือ มีที่ไร่ที่นา ก็อยากจะมีโอกาสการจ้างงานที่ดี ใกล้บ้าน ไม่มองตรงนี้บ้าง เน้นแต่ดราม่าโง่ๆ

มิตรสหายท่านหนึ่ง

449 Nameless Fanboi Posted ID:9A5MnUUr+A

>>448 ไม่ได้ เมืองไทยห้ามเจริญ ต้องทำนาจับปลาอยู่กับธรรมชาติเท่านั้น

450 Nameless Fanboi Posted ID:S1YIxUCihN

สรุปสั้นๆ ประเทศไทยไม่เจริญเพราะ NGO

451 Nameless Fanboi Posted ID:TqkF.2ph9T

1. จะนะเกิดในยุคเผด็จการทหาร
2. มท.ก็ดันเรื่องเปลี่ยนผังเมืองสีเขียว ให้เป็น สีม่วง เพื่อทำโครงการนี้
3.วันทำประชาพิจารณ์ เสือกเอา คฝ.มากันชาวบ้านกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยไม่ให้เข้าในพื้นที่ไปร่วมทำประชาพิจารณ์ แต่เสือกเอาชาวบ้านต่างพื้นที่นั่งรถบัสเข้ามาร่วมทำประชาพิจารณ์
4. สส.พรรคหนึ่ง (คือมันนั่นละ) ใน รบ.กว้านซื้อที่ดินเพื่อขายนายทุนโดยมีทหารคอยอำนวยความสะดวก

มิตรสหายท่านหนึ่ง

452 Nameless Fanboi Posted ID:ExdIsAxxMk

บริษัทต่างชาติตั้งโรงงานในประเทศโลกที่สามใช้แรงงานผิดกฏหมายไม่เคยโดน ส่วนไทยมีพวกจ้องจับผิดแบนตลอด สรุปคือถูกวางหมากไว้แล้วว่าประเทศนี้ห้ามเจริญ ถ้าไม่เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำได้แค่ต่อรองผลประโยชน์เล็กน้อยของกลุ่มคนบางกลุ่มต่อไปส่วนประเทศถูกทิ้งไว้กลางทางตามนโยบาย

453 Nameless Fanboi Posted ID:ExdIsAxxMk

ประเทศประชากรส่วนใหญ่จน ก็เหมือนคนจนที่เสือกกระแดะอยากดูดีแดกอาหารมังที่โคตรแพง ทั้งที่ร้านข้างทางถูกๆแถวบ้านก่อนก็ได้สารอาหารที่จำเป็น แล้วเอาตังที่เหลือไปพัฒนาส่วนอื่นๆ คนโง่เท่านั้นที่รบตามตำรา

454 Nameless Fanboi Posted ID:rUA.S+mA6s

แถวบ้านกูตอนเด็กๆก็เคยมีเรื่องแบบนี้ จะมีการมาสร้างนิคมโรงงานใกล้ๆ ชาวบ้านก็ตั้งหน้ารอไปสมัครงานกันจะได้ไม่ต้องถ่อสังขารเข้ากรุงหางานแบบเดิมอีก สุดท้ายรัฐต้องล้มโครงการเพราะพวก ngo เหี้ยๆกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ฝูงนึงมาก่อม็อบแล้วเนียนว่าเป็นชาวบ้านแถวนั้น

ถึงกูจะไม่ชอบไอ้ตู่แต่กูก็สนับสนุนให้มันล้างบางไอ้พวกเหี้ยนี่ให้หมดๆไปเลยนะ บ่อนทำลายประเทศชาติชิบหาย

455 Nameless Fanboi Posted ID:rUA.S+mA6s

แล้วก็อีกเรื่องนึง ไอ้สื่อเหี้ยๆที่ชอบไปแอบอิงกับพวกngoอีก ชาวบ้านจริงๆที่ต้องการการพัฒนาไม่เคยคิดไปสัมภาษณ์ เสือกไปสัมแต่ไอ้ฝูงม็อบส้นตีนที่ชาวบ้านจริงๆไม่รู้จักพวกแม่งสักคน คนนอกก็ไม่รู้ก็เชื่อตามสื่อเหี้ยที่นำเสนอมา

456 Nameless Fanboi Posted ID:BkX6rU/NaA

>>448 เขาไม่ได้ประกาศว่าจะห้ามสร้างนิคมอุตสาหกรรม แต่ขอให้มีการทำประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมใหม่ แถมคราวก่อนคนในพื้นที่จริงๆถูกห้ามเข้าร่วมในการทำประชาพิจารณ์ มีนิคมในพื้นที่ใกล้เคียงอยู่แล้วแต่ก็ยังว่างเปล่า แถมมีนักการเมืองคนหนึ่งกว้านซื้อพื้นที่ไว้ก่อนการเว็นคืนที่ดินอีก

457 Nameless Fanboi Posted ID:fTwu2kaP6f

ไม่ทำประชาพิจารณ์ ไม่ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีแต่ควายนั่นแหละที่สนันสนุน เห็นในนี้อยู่ 2-3 ตัวนี่ โง่ดักดานสัสๆ

458 Nameless Fanboi Posted ID:fTwu2kaP6f

เอะอะจะสร้างนิคม สร้างแล้วไม่มีใครมาลงทุนเพราะนายกควายๆของมึง จะสร้างไปหาพ่องมึงในนรกเหรอ วันๆเอาแต่เพ้อมโนโลกสวยว่าสร้างแล้วต้องมีโรงงานมาลงทุน ถถถถ เอ๋อชิบหาย

459 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

>>458 ก็เพราะจะมีคนมาลงทุนเลยสร้าง ไม่มีแล้วจะสร้างทำเหี้ยอะไรตั้งแต่แรก

ชลบุรี ระยอง โรงงานเยอะจะตายห่า ท่องเที่ยว ประมงก็ยังอยู่ได้ แถมคนอพยพมาอยู่เป็นล้านๆ ที่ไหนมีงานก็มีคน สามกีบเสล่อแต่จะโหนม๊อบชาวบ้านหาแดกท่าเดียวไม่ดูข้อเท็จจริง

แต่ เอาจริงๆภาคใต้ไม่มีโรงงาน ก็อยู่ได้ มันอุดมสมบูณร์ ถึงจะจนก็ไม่ลำบากมาก เหมือนอีบางภาค ที่จนจะตายห่า นอนรอแต่เงินขายตัวของบุตรหลานทั้งจาก กทม. แล้ว ต่างประเทศ เขาจะสร้าง รง. ทำเหมือง ก็ค้านไปเรื่อย แล้วก็มาด่า กรุงเทพ ว่าไม่ยอมกระจายความเจริญ ก็แมร่งไม่เอาเอง โดน ngo หลอกให้กลัว อุตสาหกรรม

460 Nameless Fanboi Posted ID:fTwu2kaP6f

>>459 มาแล้วไอ้เอ๋อ มีคนมาลงทุนเลยสร้าง ??? มึงไม่เคยเห็นนิคมร้างสินะ แล้วที่จะนะเนี่ย ไม่ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เลยนะไอ้ควายหลิ่ม โง่ให้สุดนะไอ้เอ๋อ

461 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

>>460 มึงได้อ่านเนื้อหาโครงการบ้างมั้ย ???

462 Nameless Fanboi Posted ID:8Z6st4KMSU

เอาที่กูไปโพสต์ในมู้นกฟ้า netwatch มาแปะนะ

เอาจริงๆ คือโครงการต่างๆ Infra ทั้งหลายมันเกิดในยุคที่สิทธิมนุษยชนยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญน่ะ กูทำงานกับนักวิชาการหรือ NGO ที่ขับเคลื่อนประเด็นพวกนี้ ได้ฟังพวกนี้พูดบ่อยๆ จนบางทีกูยังรู้สึกผิดเลยที่เกิดมาเป็นคน กทม. เพราะถนน ทางด่วน ทางรถไฟ สวนสวยๆ ไม่รู้ว่าที่ไหนมีเลือดและน้ำตาของคนที่ถูกไล่รื้อบ้าง สมัยก่อนสื่อถูกรัฐควบคุมเข้มกว่านี้ โซเชียลก็ยังไม่มี ทนายอาสาที่ทำงานด้วยใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ทำให้จบๆ ไปก็น้อยมาก เรียกว่าโดนไล่แถมไม่ต้องเวนคืน ไม่ต้องเยียวยาอะไรก็ทำได้น่ะมึง บางอย่างก็ยังเป็นบาดแผลจนทุกวันนี้ พวกชุมชนที่ถูกย้ายออกไปสุดขอบเมือง แต่ไม่ได้มีขนส่งมวลชนรองรับ การเข้ามาทำงานในเมืองเลยลำบากขึ้น อะไรแบบนี้แหละ กูมองว่าแม่งเหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล ตอนพัฒนาแรกๆ ต้องการกำลังคนเลยหลับตาข้างหนึ่งให้คนอพยพเข้ามามากๆ เป็นแรงงาน แต่พอเมืองพัฒนามาได้แล้ว ก็เริ่มไล่พวกคนจนๆ ออกไปเพราะเป็นทัศนียภาพไม่สวยงาม

อันนี้กรุงเทพฯ นะ ตจว. เถื่อนกว่านั้นเยอะ ไล่ไม่ไปใช่ปะ ยิงแม่ง เผาแม่ง ยัดข้อหาคอมมี่แม่ง กูฟังคนรุ่นเก่าๆ เล่าแล้วกูเข้าใจเลยว่าทำไมสมัยก่อนคนแม่งเข้าป่าหรือเป็นแนวร่วมคอมมีกันเยอะ หรือพอหมดยุคคอมมี่ ทำไมคนเชื่อ NGO มากกว่า ก็เพราะ EIA หรือข้อตกลงใดๆ เขียนอย่าง แต่เอาจริงๆ ไปทำอีกอย่าง เอาง่ายๆ ระบบบำบัดน้ำเสีย เปิดกันตลอดเวลาจริงไหม บางที่เปิดแค่ตอนมาตรวจ พอเรื่องเงียบก็ปิด พอมีตรงนี้ สื่อเล่นข่าวบ่อยๆ กระแสหวาดระแวงก็เลยแรง

ยิ่งหลังปี 40 มี รธน. ที่เป็น ปชต. มากขึ้น มีกรรมการสิทธิฯ กับศาลปกครองให้ฟ้อง รวมถึงการเกิด พรบ.ข้อมูลข่าวสาร ที่ประชาชนเรียกเอกสารที่จำเป็นจากหน่วยงานรัฐ นี่แหละ ทำให้ภาครัฐจะรวบรัดโครงการแบบที่ผ่านมาก็ทำไม่ง่ายแล้ว ยิ่งยุคหลังๆ มีโซเชียล แฉกันแบบจะๆ เอกสารที่ไม่เคยหลุดก็หลุด สัญญาต่างๆ ก็มีคนตั้งข้อสังเกตพิรุธ มันถึงได้มีคนหนุนการยุึดอำนาจของตู่ในปี 57 ไง เพราะในมุมหนึ่งมันก็มีคนต้องการให้กลับมาเร่งสร้าง Infra เยอะๆ แต่ในสายตาคนเล็กคนน้อยเขาไม่ชอบหรอก

>>459 ชลบุรีคือสร้างได้จากยุคก่อนสิทธิมนุษยชนเบ่งบาน แต่ตอนนี้ EEC ก็มีปัญหา มีการประท้วง มีเวทีคัดค้านกันอยู่โดยอ้างว่าแค่ Eastern Seaboard ของเก่ายังส่งผลกระทบไม่พออีกหรอต่อวิถีเกษตรดั้งเดิมและปัญหาสิ่งแวดล้อม อีกอย่างกูมองว่าตะวันออกโชคดีด้วยที่เกษตรและประมงไม่มีมูลค่าสูง และท่องเที่ยวก็ไม่ได้บูม อุตสาหกรรมเลยลงหลักปักฐานได้ง่าย ไปดูภาคใต้ ก่อนยุคท่องเที่ยวบูม คนใต้แทบไม่ต้องมาเป็นแรงงานหรือขายหxยใน กทม. เพราะราคายางกับปาล์มดี พ่อแม่ส่งลูกชายหญิงเรียนจบสูงๆ ได้ทุกคนเมื่อเทียบกับเหนือ-อีสาน ยิ่งพอยุคท่องเที่ยวบูมยิ่งไปกันใหญ่ คนใต้ประกาศไม่เอาอุตสาหกรรม จะเอาแต่ท่องเที่ยว ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น เพราะตอนไม่มีโควิดมันก็บูมจริงๆ แถมท่องเที่ยวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าอุตสาหกรรมน่ะ ในความคิดคนทั่วไปนะ

463 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>461 มึงได้ดูข่าวบ้างไหม ว่าโครงการนี้มันพิรุธเพียบ หาไอ้ควาย

464 Nameless Fanboi Posted ID:bJhkjVsceJ

>>458 ทำใมจะๆม่มีคนมาลงทุน เอาแค่โรงไฟฟ้านี่ก็มีคนอยากสร้างที่ใต้เยอะสัดๆ ทั้งทุนไทยกับต่างชาติ จะนะนี่ก็มีคนลงทุนเยอะแล้วนะ

>>459 แต่เอาจริงๆ ทะเลชลนี่ไม่ค่อยน่าเที่ยวนะ กูชอบแสมสารก็จริง แต่บางจุดอย่างจอมเทียนนี่กูไม่ชอบเลย รู้สึกไม่สะอาดจริงๆ แต่มันไม่ใช่ไม่สะอาดแบบโนงงานนะ มันเพราะโรงแรมกับที่อยู่แถวนั้นมากกว่า

>>463 มีพิรุธเพียบจริง แต่ก็คนละเรื่องกับไม่มีคนมาลงทุนนะ

465 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

น้องๆสามแตดไม่อยากได้ โรงงานอุตสาหกรรม เพราะเดี๋ยวโตไปก็ไปขายหีขายตูดเสรี ถ่ายคลิปโป๊ลง Onlyfan กันหมดแล้ว ได้เงินเยอะกว่าด้วย จะมาเหนื่อยนั่งเรียนหนังสือ สอบเข้ามหาลัย แล้วหางานดีๆ ทำ ทำไม นี่สิ กามเมืองดีของแท้ หนังสือไม่ต้องเรียน งานไม่ต้องทำ แหกหีแหกแตดโชว์ ก็ได้เงินง่ายๆ แล้ว

466 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>465 ความคิดโคตรหมอยหมา

467 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

อ่าน >>462 แล้ว ก็สรุปได้ว่า สิทธิมนุษยชน สมัยนี้ ก็แค่วาทกรรมโง่ๆ เล่นใหญ่ จากตะวันตก ส่งเข้ามาล้างสมอง ประเทศกำลังพัฒนา ไม่ให้ได้ ขึ้นไปเทียบกับประเทศมันได้ ก็แค่นั้นแหละ

จีนรวยกว่าอินเดีย ก็น่าจะเหตุผลเดียวกัน

468 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>467 วาทกรรมโง่ๆ นั่นมันไม่ใช่สิทธิมุนษยชนแล้ว มันคำที่ว่าให้สำนึกบุญคุณพ่องมึงต่างหาก ที่ล้างสมองเด็กให้ทำแต่เรื่องโง่ๆพอเพียงๆส้นตีนอะไรนั่นอะ

469 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

แล้ว สามแตดตัวไหนหนุน ค้าหี onlyfan เสรี นักหนา อย่าให้กูเห็นมึงส่งลูก ส่งหลาน เข้า รร. นะ อายุ 6 ขวบ เมื่อไร ก็ พามันไปเดบิวต์ เปิดตัว ที่ซ่อง ที่สตูดิโอ เลย จะได้มีเงินแสนต่อเดือนใช้ ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้านายทุน ในบริษัท ตามอุดมการ์ณ

ไม่ทำตามนี้ = ตุ๊ด

470 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>469
โชว์ความโง่อีกแล้ว ไอ้ควาย โง่ได้ทุกวันจริงๆ ไอ้หลิ่มเนี่ย งั้นมึงที่หนุนระบอบกษัตริย์มึงต้องไปเป็นทาสอย่าเสือกเสนอหน้ามามีเงินเก็บเองนะไอ้สัส ตรรกะมึงนี่โคตรป่วยเลย ไอ้ควาย

471 Nameless Fanboi Posted ID:QunZ/yiq8l

>>470 ตุ๊ดว่ะ

472 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

>>470 ใครเป็นทาสวะ แล้ว กษัตริย์ ห้ามมึงทำงานหาเงินเหรอ

เถียงได้ ระยำ ชิบหาย

473 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>472 อ้าวแล้วใครอยากเป็นกะหรี่วะ ตรรกะระยำนั่นมันเริ่มจากมึงเลย ไอ้ควาย

474 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>472 เห็นชอบเป็นทาสกราบตีน ก็ไปเป็นซะสิไอ้ควาย รับใช้พ่องมึงอะ อย่าเสนอหน้ามาทำงานเอง ไปรับใช้พ่องมึงโน่น ไอ้สวะ

475 Nameless Fanboi Posted ID:qcQG+Qylfi

>>474 มีแต่สามกีบ ที่หลอกว่าตัวเอง โดนกดขี่ แล้วก็ประชดไล่ให้คนอื่นทำ ทั้งๆที่แมร่งไม่มีใครสั่งให้ทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว

ขรรม

476 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>475 เพ้ออะไรของมึงไอ้ควาย อย่าลืมลาออกจากงานแล้วไปเป็นทาสพ่องมึงนะ ไอ้สัสลูกตุ๊ด

477 Nameless Fanboi Posted ID:poytZdw85x

>>476 อันนี้สงสัยมานานละ บอกเป็นเป็นซ้ายหัวก้าวหน้า แต่ดันใช่คำด่าเหยียดเพศเป็นขวาตกขอบ?

478 Nameless Fanboi Posted ID:F3cQVK59Dv

หัวก้าวหน้าแบบกลวงๆไง

479 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>477 >>478 พอใจจะด่าอะ ลูกต๊ดสัสหมาทาสพ่องมึงไง

480 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

ตรรกะหลิ่ม กูด่ามึงตุ๊ดได้ แต่พวกมึงห้ามด่ากูนะเว้ย ไม่งั้นมึงกลวง ถถถถ ไอ้สวะลูกตุ๊ด

481 Nameless Fanboi Posted ID:mU9rClN9Pn

ตุ๊ดเป็นพวกฝั่งซ้ายพอมึงด่าตุ๊ดเลยเหมือนด่าตัวเองนะ

482 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>481 ด่าตัวเองอะไรของมึง กูด่ามัน

483 Nameless Fanboi Posted ID:+33WQQX+91

เป็นลูกตุ๊ดมันเจ็บตรงไหนวะ ทำไมโดนด่าว่าลูกตุ๊ดแล้วต้องโกรธ

484 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

นั่นดิ ไม่เจ็บแต่บางคนดิ้นพราดๆเลยว่ะ อสกข 5555+

485 Nameless Fanboi Posted ID:8Z6st4KMSU

>>467 กู >>462 นะ แต่กูเห็นใจคนจน คนชั้นล่างว่ะ ประเทศนี้ก่อนที่สิทธิมนุษยชนจะเบ่งบาน แม่งมีแต่การสมคบกันของนักการเมือง-บิ๊ก ขรก.-กลุ่มทุนใหญ่ แต่ไม่สนใจคนเล็กคนน้อยมาตลอด

486 Nameless Fanboi Posted ID:XH4EcLun7U

สรุปแล้วไทยตกขบวณไม่ทันยุคปฎิวัตอุตสาหกรรมพอคนอื่นเจริญหมดแล้วเข้าสู่ยุคสิทธิมนุษยชนเราก็ต้องก้มหน้าอยู่แบบพอเพียงต่อไป ท่านตรัสรู้เข้าใจทุกอย่างจึงละทิ้งทางโลกปลีกวิเวกไปอยู่เยอรมันเพราะอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้มีแต่คนที่ไม่เข้าใจคอยด่าซ้ำเติม

487 Nameless Fanboi Posted ID:5GJVw1XIJt

ใช้คําว่าตุ๊ดด่า มันไม่ได้ทําให้อีกฝ่ายเจ็บหรอก
แต่กูแค่เหยียดพวกผิดเพศวิกลจริตเฉยๆ 😝

488 Nameless Fanboi Posted ID:8Z6st4KMSU

>>486 จะประชดแบบนั้นก็ได้นะ กูเองก็เถียงไม่ออก มันเป็นความจริงน่ะ หลัง รธน.40 เราแทบไม่มีเมกะโปรเจ็คท์ใดๆ อีกเลย เอาแค่รถไฟฟ้ากว่าจะสร้างได้แต่ละสายก็แสนยากเย็น ทุนใหญ่บ้านเราเองก็รู้ตรงนี้ดีแหละ เลยขยายไปลงทุนเพื่อนบ้านไง หรือจีนแม่งไปไกลถึงแอฟริกาโน่น เพราะยังมีแรงงานถูกๆ และทรัพยากรให้ดูดอีกเหลือเฟือ

489 Nameless Fanboi Posted ID:VvSRXS+PBC

ทำลายสิ่งแวดล้อมกันเข้าไป จะเอื้อนายทุนละสิ
ทำไมไม่เอาเวลาไปพัฒนาประเทศให้เจริญเหมือนญี่ปุ่นเกาหลีใต้
ประเทศก็ไม่เจริญ นายทุนก็กดขี่ เงินเดือนเด็กจบใหม่ก็น้อย มันจะไปพอกินพอใช้ได้ยังไง
อยากให้เด็กจบใหม่ไม่ว่าจะเรียนจบสาขาอะไร อย่างน้อยก็ต้องได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 40,000 บาททุกคน
#saveจะนะ

490 Nameless Fanboi Posted ID:XdiMExQHsx

กษัตริย์ที่ไหนๆ และสมัยไหนๆ ก็มีเครือข่ายทั้งนั้น และเครือข่ายคือกลุ่มคนที่สถาบันกษัตริย์มั่นใจและวางใจในความจงรักภักดี จะภักดีเพราะพ่อแม่สอนมา หรือภักดีเพราะได้ประโยชน์ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยสถานะและรายได้ของกลุ่มคนเหล่านี้ดำรงอยู่ได้ก็เพราะมีสถาบันกษัตริย์ แต่เครือข่ายของราชวงศ์บูร์บงนั้นแคบลงไปเรื่อยๆ จนเหลือแต่ขุนนางผู้ดีและมหาเถระ แม้แต่เหล่ากระฎุมพีที่เติบใหญ่ขึ้นก็ไม่ได้ถูกดึงมาเป็นเครือข่าย นอกจากคนที่ยอมเสียเงินมหาศาลซื้อสถานะและตำแหน่ง

ดังนั้น ในฐานะคนที่มีบุคลิก “จืด” สนิทอย่างหลุยส์ 16 พระองค์ย่อมไม่สามารถเป็นศูนย์ของแรงโน้มถ่วงที่ดึงเครือข่ายเข้าหา หรือผูกเครือข่ายไว้อย่างเหนียวแน่นเหมือนสมเด็จเทียด (หลุยส์ 14) ได้ หลุยส์ 16 จึงไม่มีวิธีอื่นที่จะรักษาเครือข่าย นอกจากยอมจำนนตามความประสงค์ของเครือข่าย

และเครือข่ายนี่แหละครับที่มีส่วนอย่างมากในการทำลายสถาบันกษัตริย์ฝรั่งเศสลง ทั้งก่อนและหลังปฏิวัติ รวมทั้งมีส่วนในการส่งหลุยส์ 16 ขึ้นสู่ลานกีโญตีนด้วย

ในขณะที่หลุยส์ใช้การยอมจำนนเพื่อผูกเครือข่ายไว้ มารี อังตัวแนตต์กลับกลายเป็นพลังให้ความภักดีของเครือข่ายต่อสถาบันกษัตริย์เหลือแต่ผลประโยชน์ล้วนๆ พระราชินีทรงใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเป็นที่ลือเลื่อง ทรงทำความบาดหมางให้แก่เครือข่ายสถาบันที่มีมาแต่เดิมลงหมด แล้วสร้างเครือข่ายส่วนพระองค์ขึ้น อันล้วนแต่เป็นโก๋และกี๋ทั้งนั้น ทรงใช้ชีวิตในปาร์ตี้ที่ปารีสจนดึกดื่นเสมอ จนเกิดข่าวลือว่าพระองค์มีชู้ (ความจริงมีหรือไม่ก็ไม่แน่ ถึงไม่มีก็ดูจะหวิดๆ อยู่)

ชีวิตสุดสะวิงของพระราชินีดำเนินไปท่ามกลางความเหลื่อมล้ำอย่างหนัก และในปลายรัชสมัย ท่ามกลางความอดอยากยากแค้นของประชาชนด้วย (เช่นในปี 1788 ฝรั่งเศสประสบภัยหนาวอย่างไม่เคยเจอมาก่อน และผลิตธัญพืชได้ไม่พอ) พวกผู้ดีและกระฎุมพีเรียกพระองค์ว่า L’ Austrichienne แปลซื่อๆ คือหญิงออสเตรีย แต่เพราะมีคำว่า chienne จึงใช้เป็นสมญา คำนี้แปลว่าหมาตัวเมียและเหมือน bitch ในภาษาอังกฤษ มักใช้กันในความหมายว่า “อีดอก”

(ในภายหลังพวกสาธารณรัฐนิยม เช่น โรเบสปิแอร์ ก็มักเรียกพวกที่นิยมระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญว่า monarchien จากคำ monarchie ซึ่งแปลว่าสถาบันกษัตริย์ ความหมายแฝงของ monarchien จึงเป็น “สุนัขรับใช้ของกษัตริย์”)

นิธิ เอียวศรีวงศ์
กีโญตีนกับปฏิวัติฝรั่งเศส
https://www.matichonweekly.com/column/article_493542

491 Nameless Fanboi Posted ID:XdiMExQHsx

>>486
>>488

รธน 40 อยู่ได้แค่10 ถ้านับเฉพาะรัฐบาลที่มาจากระบบเลือกตั้งก็แค่ 5ปี เองนะ ซึ่งถ้ารัฐธรรมนูญถูกใช้ไปยาวๆ จะเกิดระบบสองพรรค และก็อาจเกิดเมกกะโปรเจ็ค อะไรอีกเยอะเพื่อสร้างความนิยมแข่งกับฝั่งตรงข้าม

กุขอย้ำว่ารธน 40 นี่ใช้จริงๆ แค่ 5ปี ส่วนหลัง2550 บ้านเมืองเป็นยังไงก็รู้กันอยู่นี่ เป็นช่วงวิกฤต ห่ำหันกันด้วยอำนาจ ยุบพรรค มวลชน vs มวลชน ศาล กองทัพ กษัตริย์ ลงมาเล่นหมด นิติสงคราม มันจะมีเมกกะโปเจ็คห่าเหวอะไรได้ยังไง พอจะสร้างก็ไปขัดขา ส่วนคนมีอำนาจเบ็ดเสร็จก็โง่

492 Nameless Fanboi Posted ID:XdiMExQHsx

>>486 เขาไม่ได้ต่อต้านการสร้างอุตสาหกรรมเลย กุรำคาญพวกประชดแบบอ่านข่าวแต่พาดหัวอะ
เอางี้ คนจะมาสร้างนิคมอุตสาหกรรมหลังบ้าน แต่ไม่ถามความเห็น ไม่จ่ายชดเชย ต่อให้ในโม่งมึงจะตอบยังไง กุว่าในชีวิตจริงมึงก็ดิ้น
พื้นที่ที่ควรสร้างอุตสาหกรรมมากที่สุดคืออีสาน เหมือนเมกา ดูไบ ที่สร้างเมือง สร้างอุตสาหกรรมในเมืองที่เป็นทะเลทรายบ้าง ไม่รู้จะขายอะไรบ้าง

493 Nameless Fanboi Posted ID:yPns3FmSUm

>>492 อีสานมันมีทางระบายสินค้าออกได้แค่ทางปากช่องทางเดียวไง ทำนิคมอุตสาหกรรมมันต้องดูความคุ้มทุนค่าขนส่งด้วย

494 Nameless Fanboi Posted ID:bJhkjVsceJ

>>492 มัน "ควร" เพื่อกระจายรายได้จริง แต่ไม่ "เหมาะ" เพราะปัญหาโลจิสติค ถ้าจะใช้ในประเทศพอก็ว่าไปอย่าง แต่ไทยยังไงก็ต้องส่งออกเป็นหลักอยู่ดี

ทางแก้คือทำรถไฟทะลุลาวไปออกเวียดนาม 2 เส้นที่วางแผนไว้คือหนองคายกับอุบลมั้ง แต่มันยาก ภูเขาลาวกั้นทั้งลูกแบบนั้น ถึงจะง่ายนิดหน่อยตรงที่ไม่ต้องแคร์สิ่งแวดล้อมลาว แต่ค่าก่อสร้างไม่ถูกแน่

495 Nameless Fanboi Posted ID:8Z6st4KMSU

>>491 ประเด็นคือแม้จะฉีก รธน. 40 แล้วเกิด 50 และ 60 แต่กลไกที่เคยมีใน 40 ก็ไม่หายไปไหนน่ะ ขนาดยุคนี้แม้จะถูกทำให้บิดๆ เบี้ยวๆ แต่ก็ไม่กล้ายุบเลิกทิ้ง เพราะสำนึกเรื่องสิทธิมนุษยชนมันตื่นแล้วและมันจะไม่ดับลง OK ในทางการเมืองอาจจะมีเหลืองมีแดงมีส้ม มีเอา-ไม่เอาเจ้า แต่พวกเรื่องชุมชน-สิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นพวกสายวิชาการ-NGO หรือพวกคนรากหญ้า พวกนี้ยังเห็นไปทางเดียวกันอยู่คือต้องระแวงอุตสาหกรรม และปกป้องวิถีชีวิตท้องถิ่น เพราะเจ็บปวดกับการพัฒนาในยุคก่อน รธน. 40 มาแล้วไง มองกลุ่มทุนใหญ่เป็นศัตรู เชิดชู SME รายย่อย อะไรแบบนี้

>>492 อีสานก็มีประท้วงเหมือนกัน เหมือง โรงไฟฟ้า นิคม เขต ศก. พิเศษ โครงการผันน้ำ เรื่องนี้มันเป็นสำนึกชนบทนิยม เกษตรนิยมไปทั่วประเทศแล้วน่ะ ทั้งที่ศักยภาพในการท่องเที่ยวน้อยกว่าเหนือกับใต้อีกนะ

>>493 >>494 ใช่ นั่นก็เป็นอีกเหตุผล แต่ไทยก็ไม่พร้อมสร้างเองเพราะไม่มีเงิน จริงๆ ไทยสามารถเป็นเจ้าอาเซียนตอนบนได้เลยด้วยซ้ำ พม่า ลาว เขมร เวียดนาม ถ้าเลือกได้พวกนี้ซื้อของไทยนะ ของจีนถูกกว่าจริงแต่คุณภาพหวยเกินไง ถ้ามีทางรถไฟเชื่อมไทยกับชาติพวกนี้ น่าจะเป็นประโยชน์เยอะ แต่ก็นั่นละ ไม่มีตังค์ จะไปพึ่งจีนก็กลัวจีนจะเขี้ยวอีก

496 Nameless Fanboi Posted ID:XdiMExQHsx

ปัญหาของจะนะอย่างหนึ่งคือ มันมาจากการตัดสินใจของส่วนกลาง การตั้งนิคมอุตสาหกรรมมันควรจะเป็นอำนาจของผู้ว่าจังหวัด(ที่มาจากการเลือกตั้ง) ที่มีอำนาจบริหารในจังหวัด และ อนุมัติโดยสภาจังหวัด

‘โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน’ ของรัฐบาล คสช. เมื่อปี 2559 ที่ต้องการเปลี่ยน 3 พื้นที่ ได้แก่ อ.เบตง จ.ยะลา, อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษ ด้วยการตั้งเป้าว่าจะขยายรายได้ให้กับผู้คนในพื้นที่นั้นๆ

แต่แล้วเมื่อปี 2562 ครม.ก็อนุมัติให้ อ.จะนะ จ.สงขลา กลายมาเป็นพื้นที่แห่งที่ 4 ของโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พร้อมด้วยการนำของกิจการเอกชน 2 บริษัท ได้แก่ TPIPP และ IRPC และได้อนุมัติงบลงทุน 18,680 ล้านบาท โดยที่ไม่ได้พูดคุยกับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาก่อน

"ทุกปัญหาในประเทศนี้สามารถโยงเข้าสู่ปัญหารัฐราชการรวมศูนย์ได้หมดจริงๆ อย่างโครงการจะนะ ถ้าเป็นที่อื่นชาวบ้านอาจไม่ต้องไปมาประท้วงไกลถึงกรุงเทพ ไปประท้วงหน้าที่ทำงานผู้ว่าราชการ(ที่มาจากการเลือกตั้ง)ได้เลย"

ประเทศมันขาดการกระจายอำนาจ กระจายแบบครึ่งๆกลางๆ

>>493 >>494 "ต้องดูความคุ้มทุนค่าขนส่ง" ใช่ ต้องดู แต่ที่ต้องดูจริงๆ คือความคุ้มค่าของโครงการโดยรวม โครงการจะสร้างรายได้ หมุนเวียนเงินในภาคอีสานและประเทศ ซึ่งตรงนี้จะชดเชยต้นทุนค่าขนส่งไปเอง เวลามึงจะประเมินความคุ้มค่าของโครงการเมกกะโปรเจ็ค กุว่ามึงต้องดูสิ่งที่ผลผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมนะ

"ไทยยังไงก็ต้องส่งออกเป็นหลักอยู่ดี"
นักเศรษฐศาสตร์หลายคน เสนอให้เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจมาหลายครั้งแล้ว ต้องหันมาเน้นการบริโภคภายในประเทศ แต่ก็เน้นบริโภคได้ไง ถ้าคนยังไม่รวย(ไม่จนตามสถิติ แต่ไม่รวย และค.เหลี่ยมล้ำยังสูง)

จริงก็มีรถไฟ ตรงมาแหลมฉบัง ผ่านฉะเชิงเทรา อะไรพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็เข้าใจว่าใช้ขนส่งสินค้าอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องสร้างใหม่ ขนส่งสินค้าไม่ต้องเร็วระดับความเร็วสูงก็ได้มั้ง แค่สร้างรางทางคู่

497 Nameless Fanboi Posted ID:XdiMExQHsx

>>495 60 ไม่ใช่อะ คสช.อนุมัติโครงการอะไรแบบมักง่ายไปหลายโครงการ
แล้วภาพจำของหลายคนในนี้ มีประท้วง=ต่อต้าน เป็นประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน NGO ซะหมด
อย่างจะนะ รมต ปชป มันกว้านซือที่ดิน มันก็เรื่องเงินๆทองๆของชาวบ้านนนี่แหละ ไม่ได้จะสิทธิมนุษยชน
แล้วกุถามพวกมึงเหอะว่า จะนะควรตั้งนิคมจริงๆใช่มั้ย มึงไปดูนิคมอุตสาหกรรมที่พยายามสร้างมาก่อน >>ร้าง สัสๆhttps://twitter.com/PimkarnKiratiw1/status/1468167594012143617?s=20

มันแค่การปั่นราคาที่ดิน โดยการสร้างโครงการนิคมอุคสาหกรรมรึเปล่า มึงไปดูกันดีๆก่อน จะมาประชดประชัน
ไม่ใช่เอะอะ พอเห็นประท้วงก็ สิทธิมนุษยชนๆๆ บางทีชาวบ้านและกลุ่มต่อต้านไม่ได้จะอะไรมากหรอก แต่โครงการมันห่วยจริงๆวะ

กลไกที่เคยมีใน 40 ก็ไม่หายไปไหนน่ะ
ไม่หายแต่ชื่อรึเปล่า ไปดูให้ละเอียดอีกเรื่อง องค์กรอิสระ อิสระแต่ชื่อทั้งนั้น แต่งตั้งโดยใคร มีที่มายังไง มันไม่ใช่แค่บิดเบี้ยวอะ มันจะยุบทิ้งทำไมอะ เอาไว้เล่นงานฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่ไม่กล้าเลย ตลก มันอยากเก็บไว้เล่นงานอีกฝั่ง ไม่ได้กลัวสำนึกเรื่องสิทธิมนุษยชนอะไรหรอก

สรุปนะ
โครงการมันห่วยจริงว่ะ แค่แผนปั่นราคาที่ดินของนิพนธ์

498 Nameless Fanboi Posted ID:7qNF2N3vzH

>>497 หลิ่มมันหลอน NGO อยู่ ต้องเข้าใจมันหน่อย มันเอ๋อ

499 Nameless Fanboi Posted ID:bJhkjVsceJ

>>496 นิคมมันควรจะเป็นเรื่องจองส่วนกลางอยู่ดี เพราะวงเงินการลงทุนมันใหญ่ไป แล้วถ้าให้แต่ละจังหวัดทำได้เองมันจะไปซ้ำซ้อนกันจนเจ๊งหมด

การให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมก็สำคัญละ แต่มันก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย อย่างเรื่องโรงไฟฟ้าที่ภาคใต้แทบไม่ยอมให้ตั้งเลย ต้องส่งจากภาคแื่นมาเกือบหมด แบบนี้มันใช้ไม่ได้นะ ทั้งที่ภาคใต้นี่สร้างง่ายมากๆ มันเป็นทางตรงเส้นเดียว แทบไม่ต้องกระจายซ้ายขวา คุ้มที่สุดในทุกภาคแล้ว

นี่ ที่คนพูดเรื่องต้นทุนค่าขนส่งนะเขาพูดถึงความสามารถด้านการแข่งขัน ถ้าต้นทุนมึงสูงไปก็ไม่มีคนมาหรอก ส่งออกไปแพงกว่าชาวบ้านก็แข่งยากอีก คิดแค่ว่าสร้างงานแต่ไม่คิดเลยว่าใครจะซื้อ ถ้านับค่าขนส่งวัตถุดิบนำเข้าก็แพงเข้าไปอีก ฐานอุตสาหกรรมถึงชอบตั้งตามชายฝั่งไง

โครงสร้างตรงนี้มันขึ้นกับจำนวนปชก.มากกว่า ถ้ามึงมีคนระดับ 100 ล้านจะพึ่งตลาดในประเทศเป็นหลักก็ได้ แต่ไทยไม่ไหวหรอก ถ้าจะเพิ่มรายได้ให้คนในประเทศ มันก็ต้องมีเงินไหลเข้ามาก่อน ซึ่งทางหลักมี 2 ข้อ คือท่องเที่ยวกับส่งออก มึงไม่มีทางเลือกอื่นหรอก IT ก็กระจายรายได้ยาก

ถ้าจะให้เน้นการบริโภคเพิ่มขึ้นนะทำได้ และควรทำ เป็นเป็นหลักนะไม่ไหวหรอก มันมีข้อจำกัดด้านปชก.อยู่ ยกเว้นไทยจะมี baby boom อีกรอบ ไม่งั้นยังไงการส่งออกก็จะเป็นกำลังหลักอยู่ดี

>>497 รูปน้อยไปหน่อย คงต้องดูจำนวนการเช่าที่เป็นหลักมากกว่า แต่ตัวนโยบายมันดีนะ หลักการจองมันคือเพิ่มการแปรรูปยางในประเทศ เรื่องนี้ไทยควรทำมานานแล้ว โดยเฉพาะยางรถยนต์แบรนด์ไทย

500 Nameless Fanboi Posted ID:5bj9HPX+Lk

-คนดำเรียนเลขไม่เก่ง เลขเป็นการเหยียดเชื้อชาติ

-ชายแปลงเพศแข่งกีฬาชนะผู้หญิงเป็นความเท่าเทียมกัน

“ยินดีต้อนรับสู่อเมริกา ประเทศที่แม้แต่วิชาคณิคศาสตร์ก็ถูกกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติสีผิวได้”

https://imgur.com/DT0XLMj

#ต่อไปต้องบังคับเรียนภาษานิโกรด้วยไหมถึงจะได้ไม่เหยียด

501 Nameless Fanboi Posted ID:6xqQ8zibv4

ผมเคยฟังคลิปเมื่อนานมาแล้วนะครับ สำหรับโครงการนี้
เรื่องนี้มีปัญหามายาวนานมากๆครับ ใครเคยฟังผู้บริหารของทีโพลีน ก็เห็นโม้มานานมากๆแล้ว
ชาวบ้านก็แบ่งเป็น 2 ฝั่ง แต่ส่วนมากจะไม่อยากได้ซะมากกว่า

คือชาวบ้านเค้าก็มองว่า ถ้ามีนิคมอุตสาหกรรม ยังไงธรรมชาติจะเสื่อมโทรมลง
อย่างแรก เรื่องอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษอันนี้ก็อย่างนึง

แต่เรื่องที่สำคัญคือ ท่าเทียบเรือขนสินค้าครับ
อย่างแรก จะต้องมีการขุดน้ำให้ลึกขึ้น ถ้าไม่ขุดเรือก็เข้ามาไม่ได้ เพราะน้ำมันตื้น
อย่างที่สอง ต้องสร้างท่าเทียบเรือขนาดใหญ่
ซึ่งจะทำให้ชายหาดกลายเป็นดินเลน ซึ่งพวกสัตว์น้ำมันจะตายหมด
อันนี้ต่างประเทศก็เป็น ซึ่งก็ต้องแลกกัน ระหว่างเศรษฐกิจ กับธรรมชาติ

ซึ่งที่อื่นมันไม่เป็นปัญหา เพราะความเป็นอยู่ของประชากร มันแตกต่างกัน
ชาวใต้พื้นบ้าน ส่วนไม่น้อยเลย ที่ทำประมง จับปลามาขาย จับปลามาทำอาหาร
ซึ่งถ้าสร้างท่าเทียบเรือ ก็จะไม่เหลือปลาให้จับ

ชาวบ้านเค้าก็แค่ไม่ได้อยากเป็นพนักงานโรงงาน แต่อยากจับปลาขายได้ กินได้ ชีวิตชิลๆเหมือนเดิมมากกว่า
เพราะนิคมเดิมๆที่สงขลา ก็ทำลายธรรมชาติมาทีนึงแล้ว แถมเป็นนิคมกึ่งๆจะร้างอีกด้วย ประโยชน์น้อยมาก
แต่ผู้บริหารของโพลีน กับ IRPC ก็มั่นใจว่า จะสามารถผลักดันให้นิคมนี้สำเร็จได้
และจะช่วยเศรษฐกิจภาคใต้ได้เยอะ จะช่วยสร้างงานอะไรต่างๆ และจะทำให้คนใต้รวยขึ้น เป็นเขตเศรษฐกิจใหม่

แต่ชาวบ้านก็บอกว่าไม่เอา ไม่ได้อยากทำงานโรงงาน ไม่ได้อยากเจริญ แต่มีมลพิษ รถติดอะไรว่าไป
อยากจะทำท่องเที่ยว จับปลา เลี้ยงตัว ตัดต้นไม้ ปลูกยางเหมือนเดิม
ทางบริษัทก็บอกเชื่อสิ ถ้าทำแล้วดีชัวรวยขึ้น เจริญขึ้น
ชาวบ้านก็บอกเออ..รู้แล้ว แต่ไม่เอาไงสึส จะเลี้ยงปลาจับปลาา!!
เรื่องมันก็วนๆอยู่แบบนี้มายาวนานครับ ซึ่งมันแย่ไหม มันก็แล้วแต่จะมอง แต่ผมก็เข้าใจชาวบ้านนะ

502 Nameless Fanboi Posted ID:uj3AUrK/62

>>501 เมื่อวานเห็นเม้นแบบนี้ใน SS คนเดียวกันเหรอวะ?

503 Nameless Fanboi Posted ID:j8f3RpQ51x

>>500 ไม่ต้องเรียนอะไร ใช้ภาษากาย เท่าเทียม

504 Nameless Fanboi Posted ID:f8XGu9G.mJ

>>501 นี่แหละทำไมอุตสาหกรรมถึงเกิดในภาคใต้ยากกว่าภาคตะวันออก ถ้าย้อนไปดู ปวศ. วิวัฒนาการทางของพื้นที่ทั้ง 2 ภาคจะต่างกันพอสมควร

ภาคตะวันออกเดิมทีไม่มีอะไรโดดเด่น เพิ่งมาบูมตอนอเมริกามาใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานทัพช่วงสงครามเวียดนามในยุค 60s เลยเกิดแหล่งท่องเที่ยวแบบสมัยใหม่แห่งแรกอย่างพัทยา ทีนี้พออเมริกาถอนทหารออกไปจากไทย พัทยาเองก็ซบเซาไปเหมือนกัน จนปลายยุค 80s มีโครงการ Eastern Seaboard บวกกับอเมริกาบีบญี่ปุ่นให้ไปลงทุนต่างประเทศ ทุนยุ่นเลยไหลเข้าไทยก็ไปลงภาคตะวันออกนี่ละ แถมยุคนี้สงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมไทยก็จบแล้ว สถานการณ์เพื่อนบ้านก็เริ่มนิ่ง การท่องเที่ยวเริ่มโปรโมทได้มากขึ้น หลังจากนี้ ศก. ไทยก็บูมยาวๆ ไปอีกหลายปีก่อนจะเละจากต้มยำกุ้ง ช่วงนี้ภาคตะวันออกเผลอๆ บูมกว่าใน กทม. อีกมั้ง แต่ก่อนมีแต่คนอพยพไปหางานทำใน กทม. แต่ตอนนั้นคลื่นมนุษย์ไหลไปชลบุรี-ระยอง ยิ่งกว่า ไปลงทั้งภาคอุตฯ และท่องเที่ยว พัทยาก็กลับมาคึกคักอีกรอบในยุค 90s แถมเกิดที่ใหม่ๆ อย่างศรีราชา ที่พวกญี่ปุ่นชอบมาอยู่กันอีก รวมถึงคนไทยมีเงินเยอะขึ้นแต่เวลาน้อย บางแสนก็ตอบโจทย์ในวันพักผ่อนสั้นๆ ได้ดี คือเอาตรงๆ เกษตรและประมงในภาคตะวันออกไม่โดดเด่นมาแต่แรกน่ะ อุตสาหกรรมจึงมีที่ลง และอุตสาหกรรมก็ไปหนุนให้ท่องเที่ยวที่ซบเซากลับมาฟื้นด้วยเพราะคนเดินทางมาเยอะขึ้นทั้งไทยและต่างชาติ

ทีนี้มาดูภาคใต้นะ ก่อนจะมีการท่องเที่ยวบูม ภาคใต้อยู่ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วนะ ยาง-ปาล์ม แต่ก่อนราคาดีมาก คนใต้แทบไม่จำเป็นต้องมาเป็นคนงานตามโรงงานใน กทม. (ผญ ก็ไม่ต้องมาขายหxยให้ถูกเหยียด) แบบคนเหนือ-อีสาน พ่อแม่ส่งลูกหลานเรียนจบมหา'ลัยได้เยอะก่อนที่อื่นๆ (รามคำแหงเลยถูกแซวว่าเป็นจังหวัดที่ 15 ของภาคใต้ เพราะตั้งแต่ตั้งมหา'ลัย คนใต้มาอยู่กันแถวนี้จนเป็นเมืองของพวกเขาไปละ) แถมสินค้าประมงเอาจริงๆ ราคาดีกว่าข้าวอีก ทีนี้พอยุค 90s การท่องเที่ยวบูม ภาคใต้ก็ได้ประโยชน์ไปด้วย (แม้กระทั่งโก-ลก ที่นราฯ ยุคนั้นก็เฟื่องฟูมาก ก่อนจะซบเซาจากเหตุก่อการร้ายที่เ่กิดเรื่อยๆ หลังปี 2004 น่ะ) จึงไม่แปลกหรอกที่คนใต้จะไม่เอาอุตสาหกรรม เพราะลำพังภาคเกษตรอย่างยาง-ปาล์ม บวกประมง พวกนี้ก็อยู่กันได้สบายๆ แล้ว ยิ่งมีท่องเที่ยวมาด้วยยิ่งดีไปใหญ่

505 Nameless Fanboi Posted ID:uj3AUrK/62

>>504 คนใต้กินหลากหลาย ยางโล 90 ไม่พอกินหรอก จะอยู่ได้ด้วยตัวเองได้ไง?

506 Nameless Fanboi Posted ID:f8XGu9G.mJ

>>505 สมัยก่อนอยู่ได้เพราะราคายางดี ไอ้คำว่ากินหลากหลายก็มาจากตรงนี้แหละ รายได้ดีก็มีของกินเยอะ ต่างจากอีสานยากจนต้องกินข้าวคลุกน้ำพริกหรือน้ำปลาไง

507 Nameless Fanboi Posted ID:unXgkZ1E3M

ไม่ใช่แดกได้ทั้งของบกของทะเลเหรอ

508 Nameless Fanboi Posted ID:ou6jHKW3A8

ยุทธศาสตร์จีนในมุมมองของสหรัฐ 2021
คำโปรย :
เป้าหมายของจีนคือพัฒนากองทัพที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าสหรัฐ สอดรับกับการพัฒนาประเทศ ฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้าสำเร็จภายในปี 2049

ต้นเดือนพฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมสหรัฐเสนอรายงานความก้าวหน้าทางทหารและความมั่นคงของจีนตามข้อมูลและมุมมองของตน ชื่อ “Military and Security Developments Involving the People's Republic of China (PRC) 2021” ในบท Understanding China’s Strategy มีสาระสำคัญดังนี้
เป้าหมายยุทธศาสตร์จีนคือฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้าสำเร็จภายในค.ศ. 2049 เป็นส่วนหนึ่งของ “ความฝันจีน” สร้างสังคมนิยมตามคุณลักษณะของจีน (socialism with Chinese characteristics) โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นแกนนำ
จีนต้องการมีอิทธิพลโลกเทียบเท่าหรือมากกว่าสหรัฐ ปรับเปลี่ยนระเบียบระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อระบบอำนาจนิยมปักกิ่ง (Beijing’s authoritarian system) ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) เป็นตัวอย่างจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นเครือข่ายหุ้นส่วนระหว่างประเทศตามแบบที่จีนต้องการ เช่นเดียวกับ Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ล้วนเป็นแผนสร้างอิทธิพลครอบงำของจีน
ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 รัฐบาลจีนเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ กำลังทางทหาร เพิ่มบทบาทในเวทีโลก ประกาศใช้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “dual circulation” ให้การบริโภคภายในเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีระดับสูง ให้การลงทุนต่างชาติสนับสนุนเป้าหมายนี้
การที่จีนไม่ใช้ระบบตลาดเสรีแต่รัฐควบคุมอย่างเข้มข้นเป็นโทษต่อนักลงทุนต่างชาติ มักส่งเสริมเอกชนของตนมากกว่า การแข่งขันไม่เป็นธรรม ขโมยสิทธิบัตร จารกรรมความลับทางเศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์จีนยึดมุมมองการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจ การปะทะระหว่างอุดมการณ์ เห็นว่าสหรัฐยังคงปิดล้อมตนและพยายามสกัดการปิดล้อมดังกล่าว นอกจากนี้ผู้นำจีนพร้อมเผชิญหน้าประเทศอื่นๆ หากผลประโยชน์ขัดกัน ชี้นำว่าชาติตะวันตกกำลังถดถอยไม่แปลกที่จีนก้าวขึ้นมา
นโยบายต่างประเทศมุ่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน “community of common destiny” สอดรับการฟื้นฟูชาติ ใช้แนวการทูตแบบรัฐมหาอำนาจจีน ชี้ว่าบริบทโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีเหตุตึงเครียดมากขึ้น เพิ่มบทบาทกองทัพต่อนโยบายต่างประเทศ โรคระบาดโควิด-19 ส่งเสริมนโยบายประเทศ เชิดชูความสำเร็จในการจัดการโรคระบาด ช่วยเหลือต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยประชาธิปไตยควบคุมโรคระบาดได้ดีเช่นกัน
การพัฒนากองทัพควบคู่กับการพัฒนาประเทศ มีกฎหมายระบุว่ากองทัพมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ใช้ยุทธศาสตร์บูรณาการกองทัพกับพลเรือน พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนกับทางทหาร (dual-use) เชื่อมโยงอุตสาหกรรมพลเรือนกับทางทหาร รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ฝ่าย สร้างสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์ทั้งต่อกองทัพกับพลเรือน รวมทั้งระบบขนส่ง เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเทคโนโลยีมาก หวังเป็นมหาอำนาจนวัตกรรมโลก เป็นผู้ครอบงำเทคโนโลยีการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) ซึ่งจะทำให้กองทัพจีนกลายเป็นกองทัพระดับแนวหน้า ให้ความสำคัญกับปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ advanced computing, quantum information sciences ไบโอเทคโนโลยี การสำรวจอวกาศ ฯลฯ
มียุทธศาสตร์ป้องกันประเทศเชิงรุก (active defense) จะตอบโต้แน่หากถูกโจมตี ตั้งเป้าภายในปี 2049 เป็นกองทัพเข็มแข็งระดับโลก ขยายบทบาทสู่ระดับโลก มีฐานทัพสิ่งอำนวยความสะดวกในต่างแดน เอื้อให้กองทัพจีนปฏิบัติการไกลขึ้น ฐานทัพจีนที่จิบูตี (Djibouti – อยู่ในทวีปแอฟริกา) กำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานรอบด้านทั้งการส่งกำลังบำรุงทัพเรือ อากาศ ทัพบก ไซเบอร์และอวกาศ และกำลังคิดทำเช่นนี้กับหลายประเทศ เช่น ในกัมพูชา เมียนมา ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เคนยา ฯลฯ

509 Nameless Fanboi Posted ID:ou6jHKW3A8

>>508

ปัจจุบันจีนมีทหารประจำการราว 2 ล้านนาย มุ่งพัฒนาให้ทันสมัย เชี่ยวชาญการรบแบบกองกำลังผสม ประสานทั้งทางบกทางเรือและทางอากาศ รวมทั้งอวกาศ สงครามอิเล็กทรอนิกส์ ปฏิบัติการทางไซเบอร์ ด้วยการตั้งเป้าต่อกรศัตรูที่เข้มแข็ง (strong enemy) กับประเทศที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน การเข้าแทรกแซงจากประเทศที่ 3
พฤศจิกายน 2020 กระทรวงกลาโหมจีนรายงานผลการพัฒนากองทัพทันสมัยเป็นไปตามแผน รวมถึงสงครามอัจฉริยะ (intelligentized warfare) มีจำนวนเรือรบมากที่สุดในโลก มีเรือรบผิวน้ำกับเรือดำน้ำรวม 355 ลำ กำลังพัฒนาสู่ปฏิบัติการหลายภารกิจ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะสามารถโจมตีข้าศึกระยะไกลอย่างแม่นยำโดยใช้ขีปนาวุธร่อน พัฒนาสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ การป้องกันเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำติดขีปนาวุธ
กองทัพอากาศจีนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีเครื่องบินกว่า 2,800 ลำ เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีทิ้งระเบิด 2,250 ลำ
จนถึงขณะนี้จีนมีขีดความสามารถ anti-access/area-denial (A2/AD) ในหมู่เกาะชั้นแรก (First Island Chain) และกำลังขยายสู่หมู่เกาะชั้นสอง (Second Island Chain) และไกลออกไป
ด้านขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ ในทศวรรษหน้าจีนตั้งเป้าพัฒนาและขยายอาวุธนิวเคลียร์ทุกประเภท ตอนนี้กำลังขยายกำลังผลิตพลูโตเนียม ภายในปี 2027 อาจมี 700 หัวรบพร้อมยิงและในปี 2030 อาจมี 1,000 หัวรบ อีกทั้งกำลังพัฒนา air-launched ballistic missile ติดหัวรบนิวเคลียร์ (รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อกันยายน 2021 ระบุว่าสหรัฐมีนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 3,750 หัวรบ ส่วนจีนมี 350 หัวรบ) กำลังพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ สะสมขีปนาวุธ DF-26 ที่สามารถติดตั้งหัวรบธรรมดากับหัวรบนิวเคลียร์ ปี 2020 ประจำการอาวุธไฮเปอร์โซนิคพิสัยกลาง DF-17 เร่งพัฒนาสงครามอวกาศ ความก้าวหน้าทางอวกาศเพื่อประโยชน์ทั้งทางทหารกับพลเรือน และอาจพัฒนาดาวเทียมพลเรือนที่สามารถต่อต้านขีปนาวุธข้าศึก
จีนยังคงวิจัยด้านเคมีชีวภาพ สารพิษร้ายแรง (potent toxin) ที่ใช้ประโยชน์ทั้งทางพลเรือนกับทางทหาร
ผู้นำจีนประกาศชัดว่ากองทัพจีนต้องมีบทบาทระดับโลก สัมพันธ์กับการสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ปกป้องผลประโยชน์ต่างแดน สนับสนุนนโยบายต่างประเทศ คู่กับการที่จีนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน ทำให้หลายฝ่ายสงสัยเจตนาของจีน มีแนวโน้มจะใช้กำลังทหารข่มขู่ประเทศอื่น
จีนพยายามขยายอิทธิพล มุ่งเป้าสถาบันวัฒนธรรม องค์กรสื่อ ธุรกิจต่างๆ สถาบันศึกษาและกลุ่มศึกษานโยบายทั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ ให้นานาชาติยอมรับแนวคิดจีน เห็นด้วยกับรัฐบาลจีน ใช้แนวคิด “รบ 3 สมรภูมิ” (Three Warfares) ได้แก่รบทางจิตวิทยา รบทางความคิดเห็นประชาชน และรบทางกฎหมาย (psychological warfare, public opinion warfare, and legal warfare)
จีนมีงบกลาโหมมากเป็นอันดับ 2 ของโลกและเพิ่มงบทุกปี ทั้งยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายทางทหาร งบกลาโหมที่ประกาศจึงต่ำกว่าที่เป็นจริง
นับจากสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทำสงครามหรือปะทะทางชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยเรื่องเขตแดนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย เวียดนาม อดีตสหภาพโซเวียต ทุกวันนี้ยังมีปัญหากับหลายประเทศ เช่น มี EEZs ทับซ้อนกับญี่ปุ่น ทับซ้อนกับหลายประเทศในทะเลจีนใต้
รายงาน Military and Security Developments Involving the People's Republic of China (PRC) 2021 ชี้ว่าเป้าหมายของจีนคือพัฒนากองทัพที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าสหรัฐ สอดรับกับการพัฒนาประเทศ ฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้าสำเร็จภายในปี 2049
5 ธันวาคม 2021
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 26 ฉบับที่ 9154 วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564)
--------------------------
#ยุทธศาสตร์จีน

510 Nameless Fanboi Posted ID:+8mpQRKaAF

>>509 รบทางจิตวิทยา รบทางความคิดเห็นประชาชน และรบทางกฎหมาย เป็นสมรภูมิที่จีนย่อยยับยังไม่ทันออกรบ สหรัฐดูจะเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากกว่า โดยเฉพาะกฏหมายแซงชั่นที่มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต แต่สื่อส่วนใหญ่ชอบพูดเหมือนกับว่าจีนสามารถใช้สามสิ่งนี้สู้กับสหรัฐได้

511 Nameless Fanboi Posted ID:UGGIHgcXzV

>>510 มันพอสู้ในประเทศที่คนเกลียดเมกาได้ หรือมีคนเชื้อสายจีนเยอะ อย่างไทยนี่ก็ชัด ถ้าพูดให้เฉพาะเจาะจง ไม่ใช่หลิ่มที่จีนพอชักจูงได้ แต่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากที่ยังเป็นเจ๊กรักซัวเถาอยู่ พวกนี้เพจ IO จีนเจาะง่ายมาก ล้างสมองยัดห่าไรก็เชื่อไปหมด ขนาดบางคนอยู่ในกลุ่มล้มเจ้ายังอวยฮ่องเต้สีอยู่จนวันตายได้เต็มปากเต็มคำ

จริงๆ ถ้าไม่มีโควิดจีนจะยังคะแนนดีกว่านี้นะ แต่อันนี้พูดตามตรง นอกจากเจ๊กซัวเถาอาการหนักมากๆ หรือบ้าทฤษฏีสมคบคิด ทุกคนก็เชื่อทั้งนั้นละว่ามาจากอู่ฮั่น

512 Nameless Fanboi Posted ID:r4nrz58t/y

ถ้าให้เลือกระหว่างโปรจีนกับโปรเมกา จะเลือกแบบไหนกัน
ส่วนตัวเลือกเมกา รู้นะว่าเมกามันก็ here แต่คิดว่าจีน here กว่า ถถถ

513 Nameless Fanboi Posted ID:QLFm/puzv+

>>511 มันมีด้วยเหรอวะล้มแต่อวยจีน? กลุ่มไหนว่ะ?

514 Nameless Fanboi Posted ID:sw7UbQbPQz

>>510 ไม่นะ 3 อย่างนี้กุว่าหลังๆจีนมัน พัฒนาขึ้นมาแล้ว อาจจะยังใช้ไม่ได้ผลในวงกว้าง แต่มันก็เชิงบีบบังคับให้คนที่ต้องทำธุรกิจกับมัน โอนอ่อนตามไปด้วยได้แล้ว

515 Nameless Fanboi Posted ID:QLFm/puzv+

>>514 ทางธุรกิจมันก็ทำมานานแล้วนี่ แต่ด้านจิตวิทยากับคคหปชช ยิ่งทำยิ่งเหมือนตัวตลก อย่างล่าสุดเหน็บปชตแบบตะวันตก แต่ปทมันยังแบนหมีพูอยู่เลย ขนาดเพจสถานทูตจีนของไทยที่มีคนเชื้อจีนเยอะก็โดนทัวร์ลง แล้วด่าจีนนี่ยัดคุกยากด้วยนะ ลำบากฝ่ายขี้ตีนเลย

516 Nameless Fanboi Posted ID:3exINpmoy1

>>512 โปรจีน ตราบเท่าที่ไทยอยู่ใกล้จีนมากกว่าเมกา

517 Nameless Fanboi Posted ID:3exINpmoy1

>>515 ไม่ได้แบนนะ ไปดูที่เซี่ยงไฮ้ดิสนี่แลนด์ได้ แบนการใช้หมีพูด่าประธานสีเฉย ๆ

518 Nameless Fanboi Posted ID:3D/ERSUyP6

>>513 ในกลุ่มเฟสแบบตลาดหลวงหรือเสื้อแดงมันชอบพูดเรื่องสาธารณะรัฐ มีออกแบบธงไว้ด้วย แต่ในเพจหรือกลุ่มจีนๆ อวยฮ่องเต้สีบ่อยมาก กูไม่เข้าใจแม่งเหมือนกัน

519 Nameless Fanboi Posted ID:Bky8j383tn

กูก็เพิ่งรู้นะว่าสวีเดนมีปัญหาข่มขืน ก็ตอน

ไปจับคนที่ทำวิจัย ว่าทำไมผู้อพยพสร้างปัญหาข่มขืนเพิ่มขึ้น บลาๆๆๆ
https://imgur.com/46XattL

520 Nameless Fanboi Posted ID:WJ+F8BsQsK

>>519 เดี๋ยวนี้สวีเดนปัญหาเยอะ โดนขโมยของ โจรขึ้นบ้านอะไรเบี้ยเยอะแต่ทำร้ายร่างกายอาจจะน้อย ส่วนใหญ่เกิดมาจากพวกผู้อพยพ คนจากประเทศตลาดล่างนี่แหละ ไม่ค่อยปลอดภัยละเดี๋ยวนี้ แต่ก็ดีกว่าไทย

521 Nameless Fanboi Posted ID:8fLpUoEXqw

>>520
X เกิดจากคนประเทศตลาดล่าง
O เกิดจากมุซซี่

522 Nameless Fanboi Posted ID:wevEtFcGxE

ไม่ใช่แอนไม่สวยนะ แอนสวยมากแต่ถ้าแอนจะมาเรียกร้องสาวพลัสไซร้แอนมาผิดเวค่ะ เวนี้เขามีระเบียบวินัยมานานมากละ จู่ๆจะมาบอกฉันเป็นสาวพลัสไซร้ฉันก้อคว้ามงได้ ถ้าแอนคิดว่าการที่ไม่ดูแลตัวเองละจะมาคว้ามง แอนคิดผิดมาก แอนอย่าลืมตอนที่ประกวดในไทยแอนก้อลดน้ำหนักมาประกวดเด้อ ถ้าแอนปล่อยตัวแบบนี้ตั้งแต่ที่ไทย แอนไม่ได้มงตั้งแต่ที่ไทยแล้ว เสียดายมากไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจละจะมาเปลี่ยนมายเซ็ทกรรมการแบบนี้ เหมือนเอาเปรียบคนที่เขาจัดระเบียบมีวินัยกับการดูแลรูปร่างตัวเองที่เข้ามาประกวดเลยง่ะ กะเทยคิดว่าน้องจะได้ออกของในรอบจับไมค์ สรุปตุ๊บ 😢😢😢 ถึงยังไงก็เป็นกำลังใจให้น้องเสมอค่ะ แต่พี่จะไม่อวยจนไม่ลืมหูลืมตา พี่คิดว่าพี่ติเพื่อเราจะไปพัฒนาในอนาคต เราสามารถเป็นตัวแทน RSB ในไทยได้คะ

523 Nameless Fanboi Posted ID:hAbKN5AzFm

>>519 >>520 >>521 หัวข่าวแม่งทำอย่างกับว่าจะโดนตำรวจจับ แต่จริงๆแค่โดนตั้งบอร์ดจริยธรรมสืบสวน แถมข้อมูลมาจากปี 2000-2015 ส่วนเรื่องปัญหาการคุกคามทางเพศในสวิเดนมีมานานแล้ว และอยู่ในอัตราสูงด้วยเพราะเหยื่อกล้าแจ้งความกว่าประเทศอื่น

524 Nameless Fanboi Posted ID:AJCBUKW3Fw

>>523 แต่ก็ออกแนวใช้อำนาจขัดขวางการวิจัยนี้ให้เผยแพร่ถูกป่ะ

525 Nameless Fanboi Posted ID:xDkbJrHOAl

>>522 ทำไมไม่ไปรณรงค์นอกเวทีประกวด

526 Nameless Fanboi Posted ID:U2gvI8W97r

>>525 ต้องการสร้างค่านิยมใหม่ ใช้เวทีเป็นการแสดงสัญลักษณ์ จุดประเด็นถกเถียงในสังคม ถ้าให้ยกตัวอย่างคล้ายๆ กัน คือตอนเนเน่ไปร่วมพิธีเคารพ ร.5 ที่ ฬ แต่เลือกใช้วิธีโค้งคำนับแทนหมอบกราบ เป็นการแสดงออกด้วยเป้าหมายเดียวกัน

527 Nameless Fanboi Posted ID:GN/jNAFMSl

ทำให้คนเห่าหอนประเด็น RSB ได้นี่กูว่าประสบความสำเร็จระดับนึงเลยนะ เป้าหมายสมัยนี้มันไม่ใช่คำชมแล้ว มันคือยอด engagement

528 Nameless Fanboi Posted ID:5eV8M6fbAG

ผมได้ฟังคลิปพี่เอ้แนะนำชีวิตจากเด็กบ้านๆไปจบเอ็มไอที (ฟังมาหลายรอบแล้ว) และคลิปพี่เอ้อำลาจากการบริหารลาดกระบังแล้วผมศรัทธาพี่เอ้มาก ทั้งคลิปการไปเรียนที่เอ็มไอที และชี้ว่าได้ทำอะไรให้กับคนกรุงเทพมาแล้วบ้าง และโดยเฉพาะอำลาลาดกระบางตอนที่พี่เอ้บอกว่าทำให้ลาดกระบังเป็นองค์กรที่ฟื้นตัวเร็วที่สุดในเอเชียองค์กรหนึ่ง หลังจากที่เงินหายไป พันกว่าล้าน ...
วันนี้ผมตัดสินใจได้แล้วครับ ผมเลือกพี่ทริป-ชัชชาติเป็นผู้ว่ากทม. และ เลือกพี่เอ้-สุชัชวีเป็นอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ !!! #พี่เอ้ฟอร์อธิการจุฬา #เปลี่ยนจุฬาฮ่าฮ่า

529 Nameless Fanboi Posted ID:4I9.dnnuVl

>>526 มึงอ่านไม่ขาด โดนนางงามหลอกเพิ่มยอดไลค์ให้ตัวเอง >>/lounge/13461/616-617 ทำตอแหลจะรณรงค์ระดับโลก แต่เสือกใช้ broken english

530 Nameless Fanboi Posted ID:4I9.dnnuVl

>>529 ทำลิ้งค์พลาด >>>/lounge/13461/616-617

531 Nameless Fanboi Posted ID:U2gvI8W97r

>>528 มหาลัยชั้นนำพวกนี้ซีเรียสเรื่องผู้บริหารต้องเป็นคนในจะตายห่า สจล. นั่นก็เหมือนกัน ดังนั้น ฬ ก็คงไม่ต่างหรอก

>>527 >>529 >>530 สรุปเน้นหากินกับม็อบ 3 นิ้วหรอวะ

532 Nameless Fanboi Posted ID:4I9.dnnuVl

>>531 ตัวเลขไม่โกหก https://trends.google.com/trends/explore?q=real size beauty มีแต่คนไทยเย้วๆกันเองในกะลา บทความในเนตก็มีแต่เวบไทยกับเวบภาษาอังกฤษของสำนักข่าวไทย มโนกันเองว่าปังมาก จุดประเด็นในเวทีประกวด แสงส่อง ความจริงคือต่างชาติไม่มีใครสน ไร้ประโยชน์ชิบหาย

533 Nameless Fanboi Posted ID:XGqAbs0ym5

>>532 จะมองแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้ามองว่ายังไงถ้าไม่ได้มงก็ไร้ประโยชน์เหมือนกันอยู่แล้ว ทำแบบนี้ให้ได้กระแสในประเทศต่อก็ดีกว่าป่าว

534 Nameless Fanboi Posted ID:QF+OsOXDT7

>>533 ดีกับใครล่ะ ใครได้ประโยชน์บ้างนอกจากเจ้าตัว

535 Nameless Fanboi Posted ID:PlAOY6plMN

อินกับreal size beautyแต่ตอนหาผัวในทินเดอร์จำกัดส่วนสูงกับขนาดหำผู้ชาย แบบนี้ไม่ดีนะครับ

536 Nameless Fanboi Posted ID:tF5xcnR9r4

>>532 กรุงเทพไม่เยอะอย่างที่คิดแหะ ไปเยอะที่จังหวัดอื่นๆแทน

537 Nameless Fanboi Posted ID:TUxoay2/8g

>>534 ต้องโลกสวยขนาดไหนวะถึงถามว่าใครได้ประโยชน์ ก็ต้องตัวเองดิ แล้วจะมีคนคิดแบบเดียวกันมากพอจนกลายเป็นส่วนรวมรึเปล่านั่นอีกเรื่อง มีประโยชน์ส่วนรวมไหนไม่ได้เกิดจากตัวคนทำเองด้วยหรอวะ

538 Nameless Fanboi Posted ID:5zKSZ.BP/a

แบรนด์เพื่อไทยมันขายสนาม กทม. ลำบาก ชัชชาติ อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (โควต้าเพื่อไทย) อดีตแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย เลยต้องลงในนามอิสระ

อันนี้คือดูถูกคน กทม. ว่าโง่ ชั้นนึงแล้วนะ

แต่ที่เพื่อไทยมาบอกว่าไม่ส่งผู้สมัครเพราะไม่อยากตัดคะแนนฝ่าย ปชต. นี่ดูถูกประชาชนว่าโง่ ซ้ำเข้าไปอีกนะ

เขาคงคิดว่าประชาชนกินหญ้าเป็นอาหาร ไม่ใช่กินข้าว

อย่างแรกคือคุณส่งคนของคุณลงสมัคร เพียงแต่ไม่ได้ระบุแบรนด์ลงไปเป็นทางการเท่านั้นเอง ด้วยเหตุผลที่เขียนไปแล้วข้างต้น แต่ดันมาบอกว่าไม่ส่ง

แล้วยังมาอ้างต่ออีกว่า ไม่ส่งเพราะไม่อยากตัดคะแนน จุดประสงค์จริงๆคือเพื่อพยายามกันท่าไม่ให้ก้าวไกลส่งผู้สมัครมาตัดคะแนนคนของคุณ

คือถ้าไม่อยากให้ตัดคะแนนกันจริงๆ คุณก็ถอนคนของคุณออกสิวะ

539 Nameless Fanboi Posted ID:0PKWAb1xKE

งานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ในระยะหลังพบว่า อำนาจเหนือตลาด (market power) ของบริษัทในประเทศพัฒนาแล้ว (advanced economies) ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และอำนาจเหนือตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลทางลบต่อระดับการลงทุนและอัตราการเติบโตของผลิตภาพการผลิต (productivity) ของบริษัทในประเทศกลุ่มดังกล่าว ซึ่งข้อค้นพบนี้ก่อให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบัน สาเหตุของอำนาจเหนือตลาดที่เพิ่มขึ้น และบทบาทของผู้กำหนดนโยบายต่อการยกระดับการแข่งขันภายในประเทศ

บทความวิจัยเรื่อง “Common Ownership, Domestic Competition, and Export: Evidence from Thailand” ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของผู้ถือหุ้น อำนาจเหนือตลาด (market power) และพฤติกรรมการส่งออกของบริษัทในประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลงบการเงินรายปีและข้อมูลผู้ถือหุ้น จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับข้อมูลการส่งออก จากกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ในบทความนี้ ผู้เขียนให้นิยามของ “กลุ่มทุน” ว่าหมายถึงกลุ่มบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกันผ่านการถือครองหุ้น ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบริษัทในกลุ่มทุนมีอำนาจเหนือตลาดสูงกว่าบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่มทุนที่มีขนาดใหญ่และมีการกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังพบว่าอำนาจเหนือตลาดส่งผลต่อการตัดสินใจของบริษัท โดยบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาดสูง มีแนวโน้มที่จะลงทุน ส่งออก และอยู่รอดในตลาดต่างประเทศต่ำกว่าบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาดต่ำ ข้อค้นพบในบทความชิ้นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในการดำเนินนโยบายด้านการแข่งขัน ผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องนำโครงสร้างความเป็นเจ้าของมาพิจารณาร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่บริษัทหลาย ๆ บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายเดียวกัน

บทความวิจัยโดย ทศพล อภัยทาน, ดร.ชานนทร์ บรรเทิงหรรษา, ดร.อาชว์ ปวีณวัฒน์ และ รศ. ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์

สามารถอ่านบทความวิจัยฉบับนี้เพิ่มเติมได้ที่
https://www.pier.or.th/wp-content/uploads/2020/06/pier_dp_140.pdf

540 Nameless Fanboi Posted ID:ZnssYdFwaM

ป้าเมย์ตาย มีโทบี้และแอนดรูว์ ในตัวอย่างคนที่ช่วย mj คือ แอนดรูว์ ,โทบี้มีครอบครัวแล้ว ,ด็อกโต้ เป็นคนดีย์ค่อยช่วยปีเตอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ //end credit ตัวแรกเป็นของเวน่อม ที่มาทิ้งเชื้อไว้ end credit ตัวสองเป็นของหมอแปลก หมอไปขอให้แวนด้ามาช่วยกันจัดการมัลติเวิร์ส มีdr.strange supreme จาก whatif มาด้วย

541 Nameless Fanboi Posted ID:Y0RXDdiIra

เหยา หมิง ผู้ไม่ได้กำเนิดมาจากความรัก

การถือกำเนิดของ เหยา หมิง (Yao Ming) นักบาสเก็ตบอลจีนผู้ลือชื่อนั้น เขาไม่ได้กำเนิดมาจากความรักหนุ่มสาว แต่เขาถือกำเนิดขึ้นมาเพราะความรักชาติ เพราะพ่อและแม่ของเขาต่างก็เป็นเมล็ดพันธุ์นักกีฬาของชาติจีนในยุคสมัยประธาน เหมา เจ๋อ ตุง พวกเขาถูกสั่งการว่าให้มีลูกด้วยกันโดยที่ไม่ได้มีความรักแก่กันเลย

เหยา ซี หยวน เป็นนักบาสเก็ตบอลจีนที่สูงถึง 208 เซนติเมตร เขาถูกเบื้องบนสั่งการให้บ่มเพาะความรักกับ ฟาง เฟนดี กัปตันบาสเก็ตบอลทีมชาติจีนหญิง ซึ่งมีความเก่งกาจและสูงถึง 188 เซนติเมตร พวกเขาแทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะเจอกันก็แค่ตอนร่วมประชุมใหญ่นักกีฬา ซึ่งว่ากันว่านักกีฬาจีนจะต้องถูกเกณฑ์เข้าแคมป์ตั้งแต่ยังเยาว์ และชีวิตของพวกเขาต้องตัดขาดจากโลกภายนอก แล้วมุ่งหน้าฝึกฝนจนเป็นยอดนักกีฬาในแคมป์ของรัฐบาลจีนนั่นแหละ เรียกง่ายๆ ว่าเขาเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติของชาตินั่นเอง

ความสัมพันธ์ของ เหยา ซี หยวน กับ ฟาง เฟนดี นั้นเดิมทีพวกเขากล้ำกลืนฝืนใจมาก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีคนที่ตนรักอยู่แล้ว แต่ หลิว ซี หยู นักบาสรุ่นพี่ได้เข้ามาตั้งตนเป็นพ่อสื่อพ่อชัก แล้วอธิบายนโยบายเร่งด่วนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนี้ให้เขาทั้งสองฟังว่า จีนต้องการสร้างเมล็ดพันธุ์นักกีฬารุ่นใหม่โดยผสมเอาสายพันธุ์นักกีฬาแท้เข้าด้วยกัน นักกีฬาที่จะเข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องมีร่างกายสูงใหญ่ และมีความอัจฉริยะในด้านกีฬา ซึ่งเขาสองคนคือหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือก นี่คือการทำเพื่อชาติบ้านเมือง

พวกเขาไม่ทันได้ปลูกต้นรักด้วยซ้ำ แค่มีเซ็กส์กัน แล้วถือกำเนิดเด็กชายร่างยักษ์ออกมาสมใจรัฐบาลจีน เด็กคนนั้นชื่อว่า เหยา หมิง ซึ่งก็ถูกรัฐบาลยึดไปเป็นสมบัติของชาติตามระเบียบเรียบร้อยโรงเรียนจีน

ไม่ใช่มีแค่ เหยา หมิง ที่ถือกำเนิดมาเพราะความรักชาติของพ่อแม่ (หรือพูดง่ายๆ ว่าโดนคลุมถุงชนโดยรัฐบาลนั่นเอง) มีนักกีฬาจีนหลายต่อหลายคนที่เกิดมาจากการผสมสายพันธุ์ของพ่อแม่ที่เป็นยอดนักกีฬา ชีวิตในโรงเรียนกีฬาของรัฐบาลจีนมันไม่ได้สวยหรูนักหรอก เด็กอายุ 3-4 ขวบ ถูกเคี่ยวเข็ญจนวัยเด็กที่จะได้วิ่งเล่นวิ่งซนได้ขาดหายจากชีวิตพวกเขาไป เช้าสายบ่ายเย็นพวกเขาต้องอยู่กับกีฬาที่พวกเขาถนัด

เริ่มแรกเลยคือจะมีครูฝึกคอยสอดส่องว่าเด็กคนไหนสมควรให้เล่นกีฬาชนิดไหน ก่อนที่จะจับแยกไปตามกีฬานั้นๆ ตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นวัยหนุ่มสาว พวกเขาจะถูกอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์หาครอบครัวได้แค่วันเดียว และมือถือจะถูกริบไป โดยที่คัดค้านอะไรไม่ได้เลย การฝึกสุดมหาโหดจะเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก โดยที่พ่อและแม่ไม่สามารถคัดค้านสิ่งที่ลูกถูกกระทำ เพราะพวกเขายินยอมให้ทายาทไปเป็นสมบัติของชาติจีนแล้ว

เหยา หมิง คือตัวอย่างของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ การที่เขาได้แชมป์มามากมาย และเขาได้ไป NBA นั่นทำให้เขามีอภิสิทธิ์เหนือนักกีฬาคนอื่นๆ เขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่อยากทำ และเขาเป็นคนทำให้พ่อกับแม่ของเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกคลุมถุงชน แต่เป็นเพราะฟ้าลิขิตมาแล้ว แม้พวกเขาจะมารักกันในภายหลังที่ให้กำเนิดเมล็ดพันธุ์โคตรนักกีฬาแล้วก็ตาม ส่วนผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ พบกับความพ่ายแพ้ แม้จะได้รับการฝึกมาดีแล้ว พวกเขาจะถูกรัฐบาลจีนทอดทิ้งไม่ใยดี บางคนถึงขนาดทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากเล่นกีฬา ก็ไม่สามารถทำงานเหมือนคนปรกติได้ เบื้องหลังความสำเร็จนั้นมีนักกีฬาจีนอีกมากที่ตกอับ และกำลังร้องไห้อยู่

นั่นคือเรื่องราวอีกด้านของนักกีฬาจีนที่ไม่ค่อยมีใครรู้ พวกเขาเกิดมาล้วนแล้วแต่ถูกเรียกว่า สมบัติของชาติ พอๆ กับที่ถูกเรียกว่า มนุษย์ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

ขอบคุณภาพจาก Reuters
โดย ผู้จัดการรายวัน
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000024319

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

542 Nameless Fanboi Posted ID:LMC1TClEZJ

>>538 อนคมเลยส่งป้าไอซ์ลงแทน พทยิ้มหวานเลย ขอบจัยนะ

543 Nameless Fanboi Posted ID:A3VGU.Yaoc

>>541 นึกถึงPotsdam Giantของปรัสเซีย

544 Nameless Fanboi Posted ID:MZveYpjOh2

>>541 ต่อไประบบ Social Credit ก็จะทำให้ชาวจีนทั้งประเทศเป็นแบบนี้แหละ ไม่มีทางเลือกส่วนตัว ทุกคนต้องทำเพื่อชาติ ถูกเคี่ยวกรำอย่างที่สุดเพื่อให้แกร่งกว่าคนชาติอื่นๆ แล้วส่งไปเรียนต่อ ไปทำงาน ไปสร้างกิจการ จนมีอิทธิพลเหนือคนท้องถิ่นไม่ว่าผิวขาว ผิวดำ ผิวเหลือง

ไชน่านัมบ้าวาน หวงตี้สียิ่งใหญ่หมื่นๆ ปี ชาวฮั่นเกรียงไกรพิชิตทั่วหล้า จงหยวนจะกลับมาเป็นศูนย์กลางโลกอีกครั้ง

545 Nameless Fanboi Posted ID:Y0RXDdiIra

>>543 รัสเซียก็มีคล้ายๆ แบบนี้นะ เรื่องการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์นี่เป็นอะไรที่คอมยึดถือในอุดมการณ์เลย

>>544 ในเร็วๆ นี้มันคงไม่บังคับไปถึงขั้นนั้นหรอก เอาแค่เรื่องกำจัด LGTV จันยังทำไม่ได้เลย แต่ถ้าส่งเสริมให้มีลูกเยอะขึ้น กูว่าอาจจะทำได้

นอกเรื่องนิดนึง จริงๆ กูนึกออกอีกอย่าง วิธีการเพิ่มจำนวนปชก.แบบง่ายๆ ไทยก็ทำได้ คือการให้สมรสเท่าเทียม อนุญาตให้ทำอุ้มบุญได้ แล้วให้สิทธิพิเศษทางภาษีกับคนกลุ่มนี้เท่าคู่สมรสและมีบุตรตามปกติ เพราะเป็นเกย์ใช่ว่าไม่อยากมีลูก ถ้าเป็นเพศเดียวกันก็ให้สิทธิทำฟรีสองคนไปเลย แค่นี้ก็เพิ่มจำนวนปชก.ได้อย่างง่ายๆ แล้ว

เท่าที่กูได้ยินมา ในจีนมีเรื่องแบบนี้เยอะนะ ถึงจะไม่เป็นทางการ แต่ก็มีรพ.หลายแห่งรับอุ้มบุญให้คู่เกย์อยู่ เพราะค่านิยมเรื่องลูกชาย อุ้มบุญมันเลือกเพศได้ด้วย ตรงใจคนจีนเลย ส่วนใข่=สายพันธ์ก็เลือกได้หลากหลายถ้าเงินพอ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกที่มีเชื้อสายหน้าตาใกล้เคียงคนจีนมากกว่า กูเคยได้ยินว่าภาคเหนือไทยมีทำอยู่

546 Nameless Fanboi Posted ID:MZveYpjOh2

>>545 ประเด็นคือพอประเทศเจริญขึ้นมา มันจะมีสักกี่คนที่อยากมีลูกวะ ขนาด ปท. ที่มีสมรสเท่าเทียมไปก่อนไทยยังไม่มีผลเลย

547 Nameless Fanboi Posted ID:BZTtLqHzyX

>>545 ***รับเยดสดแตกใน ทอม-ดี้ ท้องละ 150 บาท***
ตัวสูงกรรมพันธุ์ดี เหมาะจะเป็นโครโมโซมXให้ลูกของคุณ
รับประกันท้องชัวร์ ไม่ท้องยินดีเยดใหม่ภายใน 30วัน

548 Nameless Fanboi Posted ID:tAmKM.4cNS

>>547 โฆษณาแบบนี้ใครมันจะใช้บริการวะ ขนาดคนรับเยยังไม่รู้เลยว่าชายมันให้ได้ทั้ง X และ Y ลูกออกมาเอ๋อตามพ่อดิแบบนี้

549 Nameless Fanboi Posted ID:BZTtLqHzyX

>>548 กุขายแค่ 150 มึงจะเอาอะไรมากวะ มีบริการดีกว่านี้ก็มาแข่งกันดิ๊

550 Nameless Fanboi Posted ID:v8epnaPCDU

บริษัทยักษ์ใหญ่ มาขอลดราคาค่าสินค้า/บริการ ให้เหตุผลเรื่องโควิด เราก็โง่เห็นใจ ลดราคาให้

ต่อมาเห็นบริษัทนี้ใช้เงินมหาศาล แม้จะเป็นคนละส่วนก็เถอะ
มาถึงตอนนี้เงินเลทมา “หลายเดือน” แล้ว ด้วยเหตุผลว่าคนทำบิลยุ่งมาก

บริษัทเหล่านี้ใช้ความเห็นใจ มาขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เคยเห็นใจอีกฝั่งบ้าง เชื่อเหอะสถานการณ์ปกติที่ลดแล้วก็ลดเลย
จริงๆแล้วเขาแค่ทำตาม KPI จะลด cost หรืออะไรก็ว่าไป เพื่อเอาตัวรอดคนเดียวใน corporate ladder พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วใครจะลำบากก็ช่างแม่ง เหมือนพวกผู้จัดการแบงค์ที่มาขอให้ช่วยซื้อกองทุนทำประกันเอายอด เพื่อย้ายสาขา พอได้ปุ๊บจะติดต่อก็ลำบากล่ะ

จริงๆก่อนจะไปสอนใครเท่ๆ ให้มี empathy ดูคนในองค์กรตัวเองก่อนเลย ก่อนจะไปแสดงวิสัยทัศน์มี innovation ทำ digital transformation ให้องค์กรตัวเองทำก่อนเลย

ไม่งั้นสังคมมีแต่พวกหิวแสง พูดอย่างทำอย่าง สร้างความเชื่อผิดๆ งานเร่งแต่เงินช้า คนรวยสอนให้คนจนพอเพียง คนมีขอให้คนไม่มีเสียสละเพื่อส่วนรวม คนดีย์สอนให้คนอื่นอยู่ในศีลธรรมทั้งที่ตัวเองกิเลสหนากว่าค่ามาตรฐาน

มันก็เลยเป็นแบบนี้ไงล่ะ

551 Nameless Fanboi Posted ID:Y0RXDdiIra

>>546 ในสังคมจีนกูว่าพอได้นะ คนมันชอบลูกชาย แล้วเกย์ที่นี่มีโอกาสทางการงานกว่าผู้หญิงเยอะ ยังไงเงินก็น่าจะดีกว่าคู่ชายหญิงทั่วไปละ อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มอัตราการเกิดได้ละ

>>548 ทำเป็นเล่น ที่ยุ่นมีแบบนี้จริงจังนะ ทั้งแบบเยสสดกับบริจาคน้ำเชื้อ มีเป็นเว็ปให้เลือกพ่อพันธ์เลย เท่าที่อ่านส่วนใหญ่จะฟรี ฝ่ายหญิงออกแค่ค่าเดินทางกับห้อง แบบกลับกันก็มี ร้านบางร้านของยุ่นมีสไตล์สาวท้องด้วย มีลูกก็ถือว่าจ็อบเสริม

อเมซซิ่งดีนะ แต่ที่อเมซซิ่งกว่าคือทั้งที่มีอะไรแบบนี้ อัตราเกิดแม่งยังต่ำเหี้ยๆ ได้

552 Nameless Fanboi Posted ID:v8epnaPCDU

คนสวย= อุ้ยเธอสวยจังน่ารักมาก
หน้าตาบ้านๆ=เธอสวยในแบบของตัวเอง
คือชมเฉยๆเราก็ดีใจนะแต่....ทำมั้ยต้องเติม ของตัวเอง

553 Nameless Fanboi Posted ID:OdtXillUr5

ผมเคยมี บทสนทนาดีๆ อันนึง กับ procurement enterprise รายนึง (ที่เผลอๆ อาจจะรายเดียวกัน)

"เราใช้ rate นี้เป็นมาตราฐานอยู่แล้วค่ะ"
"เอ่อ.. rate นี้ มันเกิน 10 ปีมาแล้วเลยนะครับ?"
"อุ๋ย ... รู้ด้วยหรือคะ"
"แฮะๆ สมัยก่อนผมตอนผมเป็นฝั่งคนจ่าย ก็ rate นี้ล่ะครับ"
"ค่ะ ยังไงก็ต้อง rate นี้ล่ะค่ะ"
"เอางี้เลยดีกว่าครับ อยากให้ผมลดให้เท่าไหร่ครับผม แล้วเดี๋ยวทางผมจะรีบกลับไปปรึกษา ทางการเงิน ของบริษัท แล้วรีบให้คำตอบเลยครับ"
"อ้อ ค่ะ ลดให้ซัก XXXXXX ได้ไหมคะ"
"โอเคครับ รับเรื่องนะครับผม เดี๋ยวรีบสรุปแล้ว จะรบกวนขอปรึกษาอีกทีนะครับผม"

.....

ประมาณนี้...

554 Nameless Fanboi Posted ID:OdtXillUr5

"ไม่ว่าจะลงทุนด้วยสินค้าอะไร อย่าเป็นคนสุดท้ายของ Cycle (วง)​ในรอบนั้น" และถ้าภาพใหญ่เป็น Downtrend อีก เราจะเหงาแบบไม่สิ้นสุดเลย "ติดดอยได้ แต่ดอยให้ถูกฝั่ง" ยังพอน่าให้อภัย ถ้าดอยผิดฝั่ง ต้องไปวิ่งรอบสนาม แสดงว่าคุณไม่มีความรู้เรื่องวัฏจักรราคาหุ้นเลย (Wyckoff​ Logic)​ คุณต้องศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมมากขึ้น และกลับมาในสนามใหม่ จดข้อผิดพลาดและแก้ไขว่าเรา"โดนเพราะอะไร?"

กลับกันถ้าอยู่ถูกฝั่ง Majority มันเป็นโซน Uptrend สุดท้ายท้ายสุดมันจะกลับมา เพราะมันคือหลัก Demand Supply​ แทบไม่ต้อง cut เลย "แต่แค่รอให้เป็น" เท่านั้น แยกภาพใหญ่แบบนี้ให้ออกก่อน และคุณจะข้ามขั้นสายกราฟเทคนิคอีก1 step

ต่อไปแยกโซนของ Cycle ให้เป็น เมื่ออยู่ถูกฝั่งแล้ว หุ้นตัวนั้นเป็นหน้าเทรด Buy on dip/Follow buy/หรือ Break out แยกโซนหุ้นให้ออกในโซนนั้นๆ เพราะอะไร? เพราะเราจะจับ Momentum Volume ที่จะเข้าหุ้นได้ถูก เพราะแต่ละโซน Demand ของ Volume มันมีอารมณ์​ต่างกัน ชอบซื้อสะสมเหงาๆแนว DCA ก็ Buy On Dip, ซื้อเปลี่ยนเทรนด์​จุดยุทธศาสตร์​ก็ Follow​ Buy, ซื้อเบรคกรอบสะสมลุ้น New High ก็ Break Out พยามแยก Section ให้เป็นซึ่ง"โครตสำคัญ"

ต่อไปเป็นกรอบ Risk Reward Management​ ในการออก Order ในแต่ละโซน(ที่กล่าวด้านบน)​ มีกรอบในใจทุกครั้งที่จะตัดสินใจ ฐานล่างอยู่ที่เท่าไหร่? โซนบนกรอบอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่ออะไร ก็เพื่อการจัดวาง Money Management​ ให้ถูกไง ไล่จาก 100% จากระดับฐานลดหลั่นขึ้นไปบนโซนบนตาม"อัตราความเสี่ยง" ที่จะ MM เงินเข้าลงทุน และคุณจะไม่ต้องถามใครเลย "ว่าแนวรับแนวต้านเท่าไหร่ครับ/คะ"? "

ที่กล่าวมาก็คือนี่ยังไม่รวมรายละเอียดยิบย่อยที่ท่านๆจะต้องดู BidOffer/Ticker/Flow ภาพรวมในแต่ละวันเลย เพราะอะไร? เพราะถ้ายังมองภาพด้านบนไม่ออก ก็จะผิดหลัก Sequence แต่แรก และถ้ามาแบบมวยวัดผมบอกเลย "ตลาดนี้มันชอบครับ" ถ้าคุณให้ความสำคัญแบบ "อดิเรก" รายรับคุณก็จะอดิเรกๆ แต่ถ้ามันเป็น Passion ของคุณ ก็ยินดีด้วย เพราะสุดท้ายผลลัพธ์​มันจะค่อยๆดีขึ้นกับคุณ​เองไม่ช้าก็เร็ว

#เด็กเล่นหุ้น

555 Nameless Fanboi Posted ID:XAVpOIwFcE

>>551 นี่ไม่ใช่มุกหรือพูดเล่นใช่มะ กูเห็นในการ์ตูนหื่นหลายเรื่องนึกว่าแค่เรื่องแต่งซะอีก555

แต่ถ้ามีจริง กูว่าอัตราการเกิดจะยังต่ำก็ไม่แปลกอะไร คนมันจะไม่อยากมีลูก ต่อให้จ้างเยได้มันก็ไม่อยากมีอยู่ดีน่ะแหละ รับจ้างเยแต่ไม่ได้เลี้ยงให้ด้วยนี่หว่า

556 Nameless Fanboi Posted ID:8F+4qTo5m7

>>555 เรื่องจริง ตอนกูรู้นี่อึ้งมาก ที่ตามอ่านแล้วเป็นเรื่องเสียวก็เยอะ แต่เรื่องจริงก็มี บริจาคสเปิร์มผ่านเน็ตนี่เยอะจนเป็นข่าวเลยว่าอันตราย เป็นใครก็ไม่รู้ อาจมีโรคก็ได้

557 Nameless Fanboi Posted ID:YQwSJ8XPDd

เห็นข่าวภาษีขายหุ้น 0.1% จากยอดการ trade ผมไม่ได้คิดอะไรมาก จริงๆที่รัฐควรเก็บและที่รัฐประเทศพัฒนาแล้วเก็บกันหนักมากคือ capital gain tax ถ้ากลัวจะกระทบรายย่อย ก็ตั้ง minimum ไว้ก็ได้ สมมุติที่ 10 ล้านบาท นับเฉพาะที่กำไรที่ขายแล้ว ต่ำกว่า 10 ล้านไม่เก็บ ส่วนที่เกิน 10 ล้านต้องจ่ายภาษี เปอร์เซ็นของการจ่ายเก็บเพิ่มตามขั้นบันได สิ้นปีโบรกแต่ละโบรกแจ้งยอดไปที่สรรภากร แล้วก็ไปเคลียร์กัน นับกำไรหลังหักผลขาดทุน

มันไม่ make sense ที่พวกคนชั้นกลางเงินเดือนเดือนละไม่กี่แสนบาทต้องจ่ายภาษีสูงสุด 30 กว่า% ขณะที่คนรวยขายหุ้นกำไรปีละเป็นร้อยเป็นพันล้านไม่ต้องเสียภาษีซักบาท ผมเข้าใจว่าไม่มีน่าประเทศพัฒนาประเทศไหน (ยกเว้นสิงคโปร์) ที่ไม่เก็บภาษี capital gain tax

แต่ดูแล้วก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ที่ทำได้เพราะตอนเลือกตั้งคนชั้นกลางเป๋นคนเลือกรัฐบาล รัฐบาลก็ทำอะไรโดยฟังคนชั้นกลางเป็นหลัก

จริงก็อยากจะบอกเพื่อนๆนักลงทุน โดยเฉพาะพวกรายใหญ่ๆ ว่ารู้ตัวมั๊ยพวกเราโชคดีมากที่เกิดมาเป็นคนไทย ถ้าอยู่ประเทศพัฒนาแล้วต้องจ่าย tax กันเท่าไหร่ อยู่เมกาบางรัฐถ้ากำไรหุ้น 100 ล้านบาทนี่จ่าย short term capital gain tax 50 ล้านนะครับ เห็นออกมาบ่นมาด่าลุงกัน ดูไอ้พวกคนชั้นกลางที่จ่าย tax กันเยอะๆซิว่าได้อะไรกันบ้าง บางคนจ่ายภาษีปีนึงหลายแสน บางคนปีนึงเป็นล้าน ถามว่าได้อะไรบ้าง ตกงานได้เงินช่วยเดือนละเท่าไหร่ มีลูกกล้าส่ง รร รัฐเหรอ เกษียณได้เงินประกันสังคมถ้าจำไม่ผิดเดือนละ 600 มั๊ง เบี้ยคนชราอีกเดือนละ 800 บาท พวกเค้าหลายท่านยังไม่บ่นกันเลย แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว พวกท่านไม่ได้จ่ายภาษีจะบ่นอะไรกัน ถ้าลุงไปแล้วมีคนใหม่ที่อยากเปลี่ยนประเทศจริงๆมาจุกนะครับ
#เรารักลุงตู่

558 Nameless Fanboi Posted ID:a.1sr0caUL

ถ้าจะให้ทุกคนช่วยประคับประคองคนชราเรื่อยไป แต่คนแก่บางคนขี้หงุดหงิดมาก ลูก-หลานขอร้องอะไรก็ไม่รับฟัง นึกว่าตัวเองยังเก่งเหมือนสมัยเมื่อตอนเป็นหนุ่มๆ

พบอย่างนี้นานวันนานปีเข้า ลูก-หลานก็อึดอัด

คนรุ่นเดียวกันก็อึดอัด

เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะครับ

559 Nameless Fanboi Posted ID:KihhHEJ9My

นี่คือกงกรรมกงเกวียนของ "วัฒนธรรมแคนเซิล" ในจีน

ถ้าใครได้อ่านที่ผมเขียนมาเรื่อยๆ จะรู้ว่าบรรยายกาศในจีนตอนนี้ค่อนข้างตึง อาการรักชาติรุนแรงมากจนเกิดพฤติกรรม "รายงาน" หรือฟ้อง

คือพฤติกรรมที่คนในครอบครัว ในสังคม ในประเทศสอดส่องอย่างระแวงกันเองแล้วไปโพนทะนาว่า "คนๆ นี้ไม่รักชาติ"

ตอนนี้คือกรณีอาจารย์คนหนึ่งวิทยาลัยเจิ้นต้านจื๋อเย่ที่เซี่ยงไฮ้สอนนักศึกษาว่ายอดคนตายจากรณีสังหารหมู่ที่นานกิง คือ 300,000 คนนั้นเยอะเกินไป ว่า "ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มารับรองเลยหรือ?"

อาจารย์ยังบอกให้นักเรียนอย่าได้ชิงชัง (ญี่ปุ่น) ไปตลอดกาล ควรจะตรองดูว่าเหตุใดสงครามจึงเกิดขึ้น

ปรากฏว่ามีนักศึกษาถ่ายคลิปเอาไว้ แล้ว (นักศึกษาอีกคน) เอาไปลงโซเชียลเท่านั้นแหละเป็นข่าวใหญ่ตลอดสัปดาห์นี้

อาจารย์คนนี้ถูกสั่งพักงาน ถูกสอบสวน และถูกไล่ออกในที่สุด

ยังไม่นับการที่อาจารย์ถูก "ล่าเนื้อมนุษย์" จากชาวเน็ตจีนถูกด่าทอ ขุดคุ้ยไม่มีชิ้นดี

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจีนตอนนี้ คือหากคุณรักชาติไม่พอ หรือตั้งคำถามกับชาติ จะเจอถล่มจนเสียผู้เสียคน

แต่มันไม่จบแค่นั้น มีข่าวว่านักศึกษาในคลาสบางส่วนไม่พอใจ เพื่อนร่วมชั้นที่เอาเรื่องไปแฉ เลยจัดการเอาข้อมูลคนๆ นี้ไปขึงพืดในโซเชียลบ้าง ทำให้ถูกชาวเน็ตอีกกลุ่มไปรุมโจมตีอย่างหนัก

นักศึกษาคนนี้ถูกรุมหนักเข้าก็เกิดลูกบ้า เอาข้อมูลคนที่ส่งข้อความมาด่ามาแปะในโซเชียลบ้าง ทั้งเบอร์โทร ชื่อเสียง หน้าที่การงาน - ประมาณว่าไม่มีทางที่ข้าจะลงนรกคนเดียวแน่นอน

ล่าสุดไม่รู้ว่าตอนนี้แต่ละฝ่ายเละแค่ไหนบ้าง

ยังมีอีกกรณีหนึ่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชิงเต่าที่ดันส่งเสริมให้นักศึกษาไปศาลเจ้ายาสุคุนิ (ที่สถิตวิญญาณของอาชญากรสงครามมหาเอเชียบูรพาและทหารญี่ปุ่นที่รุกรานจีนหลายกรณี)

บอกว่าคนรุ่นใหม่ "กายตรงไม่ต้องกลัวเงาคด ในใจไม่มีผีสาง" ถ้าใจไม่คิดคด ไปศาลเจ้าศาลเจ้านั่นก็ไม่ต้องระแวงอะไร

อาจารย์คนนี้พูดพาดพิงถึงกรณีจางเจ๋อฮั่น นักแสดงหนุ่มที่ถูกขุดคุ้ยว่าไปศาลเจ้ายาสุคุนิเมื่อไม่กี่ปีก่อน และตอนนี้เกือบจะหมดอนาคตไปแล้ว

ปรากฎว่าไม่รอดเช่นกันกัน อาจารย์คนนี้ถูกถูกเด้งไปเรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้สรุปไว้เป็นข้อมูลสำหรับเขียนยาวๆ ในวันหน้า เพราะบรรยากาศแบบปฏิวัติวัฒนธรรมแบบนี้คงไม่จบง่ายๆ อาจจะเพิ่งเริ่มด้วยซ้ำ

ในยุคปฏวัติวัฒนธรรมนั้น ลูกสอดส่องพ่อแม่ ศิษย์จับผิดอาจารย์ หมู่บ้านจับผิดกันเอง สังคมระแวงกันและกันว่า "แดงไม่พอ"

จากไม่คอมมิวนิสต์พอ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นรักชาติไม่พอ

ยิ่งจีนถูกบีบจาก "ปฏิปักษ์" อารมณ์รักชาติภายในยิ่งรุนแรง ไม่ต้องบอกว่ากระแสต่อต้านอเมริกานั้นแรงแค่ไหน ขนาดที่ว่าใครที่แสดงอาการ "นิยมฝรั่ง" ก็ยังอาจจะถูกโจมตีเอาง่ายๆ ด้วยซ้ำ

เป็นปรากฏการณ์ที่ละสายตาไม่ได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

560 Nameless Fanboi Posted ID:3mlSSnZziX

>>559 จางอี้หมิง เจ้าของติ๊กต็อกที่เคยทำงานในไม่โครซอฟท์ เคยโพสเรื่องความเปิดก้วางของสหรัฐเมื่อเทียบกับในจีน ตอนหลังโดนขุดซะเละเลย นี่ขนาดเคยโดนรัฐบาลสั่งแบนแอ็ปมาก่อนนะ

561 Nameless Fanboi Posted ID:N.gJjn6Mjc

>>559 >>560 ยุโรปเคยล่าแม่มดกันจนตื่นรู้เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน มึงว่าจีนจะไปในทางเดียวกันไหม หรือจะไปทางไหน

562 Nameless Fanboi Posted ID:QTYIazo/jT

ถ้าจีนยังเปย์ชั้นกลาง-นิวมันนี่-อีลิทให้อยู่สบายใส่เสื้อสุพรีมได้ ก็อย่าหวังเลยว่าคนจีนจะตื่น

563 Nameless Fanboi Posted ID:JwinU7dmfO

>>561 ตาม>>562 นี่เลย กูเคยอ่านบทวิเคราะห์ของคนจีนอยู่ เด็กรุ่นใหม่ของจีนที่ตะวันตกคาดว่าจะเป็นปชต.มากขึ้นนั้นไม่จริงเสมอไป เพราะเด็กมันโตมากับ "(พรรค) คอมมี่ที่กินได้" พวกนี้เลยเชื่อมั่นในพรรคคอมมากกว่า ดูได้จากการที่กลุ่มคลั่งชาติสุดคือกลุ่มแดงน้อย ที่หมายถึงคนจีนสีแดงรุ่นใหม่นั่นละ เรื่องนอนราบไม่อยากทำงานมันก็คือการประท้วงให้พรรคคอมเลี้ยงดูมากกว่านี้หน่อย ไม่ได้อยากเปลี่ยนระบบจริงๆ

แต่ปัญหาของจีนคือเรื่องจำนวน อะไรก็ตามต่อให้คิดเป็น % เล็กน้อย พอแปลงเป็นจำนวนในจีนมันก็มากอยู่ดี พรรคคอมเลยไม่กล้าชะล่า กลัวว่ากลุ่มน้อยที่ต้องการปชต.จะเสียงดังพอจนคนกลุ่มอื่นเดินตาม แบบตอนเทียนอันเหมินนั่นละ

564 Nameless Fanboi Posted ID:xkxrmwyr+C

>>563 กูว่าที่คนรุ่นใหม่ในจีนเชื่อในรัฐบาลเป็นเพราะว่าข่าวเกี่ยวกับชาติตะวันตกในจีนมักจะพูดถึงความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตย ความเหลื่อมลำ้ คนไร้บ้าน ความขัดแย้งทางการเมือง การเหยียดเชื้อชาติต่อคนเอเชีย มันทำให้คนจีนยุคนี้มีทัศนคติถึงตะวันตกที่ต่างจากคนรุ่นก่อน สมัยก่อนพวกประเทศตะวันตกคือทุกสิ่งทุกอย่างของความศิวิลัย ความฝันของคนจีนคือพยายามสอบเข้ามหาลัยดีๆ แล้วทำงานในบริษัทใหญ่ๆของตะวันตก จากนั้นทำเรื่องขอสัญชาติ สมัยนี้เด็กที่สอบเข้าไปเรียนในมหาลัยชื่อดังของตะวันตกจะต้องเกิดอาการช็อก เมื่อรู้ว่าที่นี่เขาไม่จ่ายเงินด้วยสมาร์โฟน ในโลกอินเตอร์เน็ตจีน คนจีนมักจะชอบเปรียบเทียบราชวงศ์ชิงยุคปลายกับตะวันตกในยุคนี้ แน่นอนมันทำให้คนที่ชื่นชมอะไรหลายๆอย่างของตะวันตก อย่างเช่นจางอี้หมิงเจ้าของติ๊กต็อกโดนด่าเสียบประจาน ข้อหาที่ดันไปหลงเชื่อมายาของโลกตะวันตก

565 Nameless Fanboi Posted ID:9dk/a3RfR5

>>564 อัตราการไปเรียนต่อนอกของคนจีนก็ยังสูงอยู่นะ แล้วเรื่องได้สัญชาติ คนรุ่นเก่ายังเชื่อเรื่องนี้อยู่ คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงานเชื่อเรื่องนี้น้อยลงบ้าง แต่ถ้ามีเงินจริงๆ ก็มักเลือกไปอยู่นอกมากกว่า

566 Nameless Fanboi Posted ID:AwnwsYCY89

มางานคอสเพลย์งานนึง ก็ได้ตกผลึกทางความคิดแบบหนึ่ง คือ เทศกาล ความสุข อะไรแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ในสังคมสังคมหนึ่งมันต้องมีต้นทุนชีวิตก่อนอะ

พอมีต้นทุนชีวิต มันจะเป็นเหมือนพวกชนชั้นสูงกรีกสมัยก่อน วันวันไม่ทำอะไร นั่งถกแต่ปรัชญา (เหมือนกลุ่มการเมืองที่โหวตเนื้อหมา อันนี้น่าผิดหวังสุดละอย่างที่เคยพูดและพวกโรดีเซีย) เออ นั่งถกปรัชญา คุยแต่คำถามปัญญาอ่อนว่า กะเพราใส่ถั่วฝักยาวดีมั้ย ใส่ข้าวโพดดีมั้ย

คือไอ้การถกกันของพวกห่านี้มันไม่ได้ถึงครึ่งของการ discuss กันใน Democratic Centralism ของเลนิน และการดำเนินการของตำรวจลับสทัยปฏิวัติวัฒนธรรมด้วยซ้ำ

กลับมาที่งานคอสเพลย์ต่อ อือม ก็สนุกแหละ แต่ในขณะนึงก็มี awareness ตลอดเวลาว่าก็ยังมีคนที่เขาไม่ได้มีโอกาสแบบเราอะ

เดินผ่านคนรู้จักด้วย เดินผ่านเด็กกลุ่มมีม เดินผ่านพี่ที่ดังๆในวงการคอส

แต่ที่แน่ ๆ คือถึงพวกนี้จะเป็นซ้าย แต่มันยังไม่ก้าวผ่านจุดที่ผมอยู่อะ พวกนี้ยังไร้เดียงสาเกินไปจะเข้าใจโลก สนุกกับภาพลวงตาที่ทุนนิยมสร้างขึ้น ผมก็เลยไม่เดินไปทัก ปล่อยให้พวกนี้มันโตขึ้นเอง หรือถ้ามันไม่โต ก็ถือว่าสูญเปล่าไป

แต่ก็ดีนะสุดท้ายงานนี้ก็ไม่เจอหน้าพวกขวาจัดหลุดมาให้เห็น ไม่อยากพูดื่อแต่ก็น่าจะรู้ว่าใคร ถ้ากูเห็นกูเล่นแม่งในงานไม่เกรงใจคนอื่นแน่

567 Nameless Fanboi Posted ID:9dk/a3RfR5

>>566 Woke+Chad สัดๆ เลยครับสหายท่านนี้ อ่านแล้วร้องไห้ทั้งยืนเลย 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣

568 Nameless Fanboi Posted ID:N4FJTqgsxB

คุ ณ ใ ส่ แ ว่ น ห รื อ เ ป ล่ า ?

-มิตรสหายพอลพต

569 Nameless Fanboi Posted ID:E4.zKngPWz

ในสังคมคอม(ทางปฏิบัติ ไม่เอาในอุดมคติที่ไม่มีวันเป็นจริงได้)คงไม่มีหรอกงานคอสเพลย์ นู่น โดนบังคับให้ไปทำนาไม่ก็ก่อสร้างกัน ไม่มีเวลาว่างกับพลังงานมาคอสเพลย์

570 Nameless Fanboi Posted ID:K2DiOzA8mJ

ทำยังไงจึงจะได้พบคนที่ร่วมแบ่งปันความรู้สึก
คนที่อยู่ด้วยแล้วผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง ‼
.
ก่อนจะพูดถึงประเด็นนี้ อยากให้ทุกคนรู้จัก "โครงสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล" กันก่อน คำว่าโครงสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หมายถึงความเป็นจริงแสนเรียบง่ายว่า #ตัวตนที่เราแสดงออกสู่ภายนอก เป็นเช่นไร คนซึ่งเข้ากันได้ก็จะเข้ามาหา พูดอีกอย่างคือ หากกด #ตัวตนแท้จริง ไว้ใต้เปลือก คนที่เข้ามารายล้อมก็จะมีแค่คนซึ่งเข้ากับ #เปลือก นั้นได้
.
จำไว้ว่า การหุ้มเปลือกเพื่อไม่ต้องแสดงตัวตนแท้จริงจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนซึ่งเข้ากับเปลือกนั้นได้เข้ามาหาเรา แล้วคนอ่อนไหวง่ายควรทำยังไง ไม่ยากเลย ยิ่งแสดงตัวตนที่แท้จริงมากเท่าไรก็ยิ่งอยู่สบาย เพราะผู้คนซึ่งเข้ากับตัวเองได้ก็จะเข้ามารายล้อม
.
ใครที่เคยให้ความสำคัญกับคนอื่นก่อนตัวเอง ลองเริ่มจากการพูดแสดงความคิดเห็นและแสดงสีหน้าตามที่ใจคิดไม่ว่าเวลาดีใจหรือไม่ชอบใจ แล้วคนซึ่งชื่นชอบคุณในแบบที่คุณเป็น เช่น "ชื่นชอบตัวคุณซึ่งมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง" "ชื่นชอบตัวคุณซึ่งมีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย" ก็จะเข้ามารายล้อม และเมื่อรอบตัวมีแต่คนที่เข้ากับตัวคุณได้ โอกาสพบเจอความรู้สึกไม่น่าพิสมัยย่อมลดลง ทำให้คุณกล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองมากขึ้น 😎
.
.
"เป็นคนอ่อนไหวให้มีความสุข"
ทาเคดะ ยูกิ เขียน
อนิษา เกมเผ่าพันธ์ แปล
.
สั่งออนไลน์ได้ที่
หรือ Inbox และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
.
#เป็นคนอ่อนไหวให้มีความสุข #howto
.
ภาพโดย Pexels จาก Pixabay

571 Nameless Fanboi Posted ID:KJxuK1Yz3k

โพสท์นี้ วิเคราะห์บอลจริงจัง เขียนลำดับเหตุการณ์ และอธิบายเหตุผล คลาดเคลื่อน ราวกับเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่ข้ออ้างให้ กกท. กับฝ่ายรัฐบาล ที่ต้องการจะแก้กฎหมายโดยใช้ พรก. โดยไม่ต้องผ่านสภาก่อนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเลย?
เพราะปัญหานี้มันเป็นปัญหาของฝ่ายบริหารล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปัญหาของฝ่ายนิติบัญญัติสภาล่ม พิจารณาล่าช้าอะไรเลย (ถ้าเป็นวาระสำคัญที่ รัฐบาลต้องการผลักดัน หรือ คว่ำ สภาไม่เคยล่ม ผลโหวตเป็นไปตามที่รัฐบาลต้องการทุกครั้ง) ร่างแก้ไข พรบ ยังไม่ได้มีการยื่นเข้าสภาเลยด้วย เพราะ ตั้งแต่โดน WADA แบนมาเดือน ตค. 64 รัฐบาลประยุทธ์ โดยวิษณุ ก็ล็อกแนวทางแก้ปัญหาไว้แล้วว่าจะออกเป็น พรก. โดยเอาปัญหาเรื่องความล่าช้าถ้าต้องใช้กระบวนการแก้ พรบ. มาอ้าง ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าไปดูตาม รธน. กฎหมาย นี้ไม่ได้เข้าข่ายเรื่องที่จะออกเป็น พรก. ได้ซึ่งได้แก่ 1.ความปลอดภัยของประเทศ 2.ความปลอดภัยสาธารณะ 3.ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ 4. ป้องปัดภัยพิบัติ แต่อย่างใด แต่วิษณุพยายามไป "ลอดช่อง" อ้างว่าอาจทำให้เสียรายได้หลายล้าน (ซึ่งมันก็ไม่ได้เข้าข่ายเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจอยู่ดี) เลยจะขอลัดขั้นตอนออก พรก.
จริงๆถ้าฝ่าย รบ. ที่คุมเสียงข้างมากเด็ดขาดทั้งในสภาผู้แทนฯ และคุมเสียง วุฒิสภา ได้หมด เห็นความสำคัญกับการแก้กฎหมายนี้ สามารถแก้ พรบ. โดยดันให้ผ่าน 3 วาระรวดทั้ง 2 สภาก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ซึ่งปัญหาการไปลักไก่ตัดตอนกระบวนการสภาโดยออก พรก. ในเรื่องที่ไม่สมควรทำได้นี้ จะเป็นปัญหาต่อโครงสร้างที่ใหญ่กว่าเรื่อง โดนแบนธงชาติ หรือชื่อประเทศ ในการแข่งขันกีฬาอะไรนี่มาก

วิเคราะห์บอลจริงจัง หมายถึงลำดับเหตุการณ์ที่เขียนในโพสท์ ไม่ได้หมายถึงลำดับเวลา ... ผมไม่ได้บอกว่าคุณเป็นกระบอกเสียง แต่บอกว่าข้อเขียนนี้ "ราว"กับเป็นกระบอกเสียง ...ทั้งที่เรื่องนี้ ปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากฝ่ายบริหาร/กระทรวงท่องเที่ยวกีฬา/การกีฬาฯ แต่ในโพสท์เขียนราวกับไปให้น้ำหนัก กับเรื่องปัญหาสภาล่ม เกมส์การเมืองของฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลฯลฯ ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ...
ถ้าฝ่ายบริหาร/รัฐบาลเห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ เวลาที่เหลือ 8 เดือน ออก พรบ ทำไมจะไม่ทัน... อย่างที่บอกไปว่ารัฐบาลยุคนี้คุมเสียงเด็ดขาดของทั้ง สส และ สว. สามารถดันเรื่องขึ้นมาพิจารณาก่อนลัดคิวเรื่องอื่น แล้วพิจารณา 3 วาระรวดในวันเดียวก็ทำได้ ...อย่างที่เห็นว่า ที่ผ่านมาถ้ามีการโหวตเรื่องที่สำคัญกับฝ่ายรัฐบาล (ไม่ว่าจะเป็นให้ลงมติรับ หรือ ปฏิเสธ) สภาจะมากันครบ ลงคะแนนกันไม่มีแตกแถวตลอด ... ถ้า 8 เดือน ไม่สามารถดัน พรบ เรื่องผ่านไปได้ นั่นแสดงว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้เอง อย่าไปโทษว่าเป็นปัญหาของสภา เป็นปัญหาของฝ่ายนิติบัญญัติอื่นๆ ... และ ถ้่าออก พรบ เรื่องนี้ไม่มีประเด็นอะไรให้มีคนร้องศาล รธน หรอก (แต่ถ้าจะลักไก่ออกเป็น พรก. นี่ไม่แน่ น่าจะต้องมีคนไปร้องว่าผิด รธน)
ปัญหากรณีเนี้ยมันเหมือน คุณต้องทำวิทยานิพนธ์ แต่คุณไม่ยอมทำสักที แล้วพอถึงกำหนดไม่ทันแล้ว กลับมาโบ้ยว่าระเบียบในการอนุมัติวิทยานิพนธ์มีปัญหา...ใช้เวลามากไป ต้องมาเสียเวลาตีพิมพ์จัดทำรูปเล่ม ต้องมาเสียเวลาจัดส่งให้คณะกรรมการ ต้องนัดกรรมการมาประชุมพิจารณาอีก ซึ่งกรรมการแต่ละคนก็คิวแน่น กว่าจะนัดได้ก็ใช้เวลา(ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลองนัด) ... ดังนั้นขอยกเว้นระเบียบปกติ ขอไม่ต้องตีพิมพ์รูปเล่ม ไม่ต้องส่งเล่มให้คณะกรรมการ ไม่ต้องมีกระบวนการให้คณะกรรมการพิจารณา แค่ให้ อ.ที่ปรึกษา อนุมัติก็จบได้เลย
ปัญหาเรื่องธงนี่จริงๆไม่ใช่เรื่องใหญ่โต คอขาดบาดตายอะไร รัสเซีย ก็ต้องไปใช้ธง ROC ในโตเกียวโอลิมปิค ไม่เห็นปูตินจะกระเทือนอะไร เมื่อเทียบกับปัญหาที่จะเกิดตามมากับกระบวนการออกกฎหมายของประเทศ ถ้าใช้วิธีออก พรก ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าข่ายให้ออก พรก ได้ เพราะความล่าช้าและมักง่ายในการทำงานของฝ่ายบริหาร อันนี้เป็นบ่อเกิดของปัญหาที่ลามไปทุกวงการ ไม่ใช่เรื่องวงการกีฬาอีกต่อไป

572 Nameless Fanboi Posted ID:K2DiOzA8mJ

สำนักงานประกันสังคมขยายอายุผู้มีสิทธิ์รับเงินบำนาญจาก 55 ปีเป็น 60 ปี โดยใช้กับผู้ประกันตนใหม่และผู้ประกันตนที่อายุน้อยเท่านั้น ผู้ประกันตนปัจจุบันที่ใกล้เกษียณอายุจะไม่ได้รับผลกระทบ
เหตุผลที่สำนักงานประกันสังคมต้องเปลี่ยนเกณฑ์อายุที่จะเริ่มรับเงินบำนาญก็เพื่อลดจำนวนเงินที่กองทุนประกันสังคมจะต้องจ่าย เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำเพื่อไม่ให้กองทุนประกันสังคมจะล้มละลาย
เรื่องนี้มีคำเตือนจากภาควิชาการมาหลายปีแล้วว่า กองทุนประกันสังคมอาจจะขาดสภาพคล่องหรือล้มละลายในอีก 30 ปีข้างหน้า (ตอนนี้ก็เหลือ 20 กว่าปี) เนื่องจากสัดส่วนการจ่ายเงินบำนาญชราภาพมากกว่าเงินที่เก็บสมทบเข้ากองทุน แม้ว่าประกันสังคมหวังว่าจะนำผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนประกันสังคมมาช่วยจ่ายค่าบำนาญ แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็ไม่มากเพียงพอที่จะแก้ปัญหานี้ได้
แม้ที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านแนวทางการขยายอายุผู้มีสิทธิ์รับเงินบำนาญ แต่ถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าแนวทางการขยายอายุรับเงินบำนาญจะถูกบังคับใช้แน่นอน
อ่านต่อได้ที่ https://plus.thairath.co.th/topic/money/100851
ติดตามไทยรัฐพลัสได้ทาง
Website: https://plus.thairath.co.th
Twitter: https://twitter.com/thairathplus
Instagram: https://instagram.com/thairathplus
Facebook: https://www.facebook.com/thairathplus
#ไทยรัฐพลัส #ThairathPlus #WeSPEAKtoSPARK #ประกันสังคม #เงินบำนาญชราภาพ #เงินประกันสังคม

573 Nameless Fanboi Posted ID:KJxuK1Yz3k

บางทีเวลาผมเห็นคอมเม้นท์เด็กรุ่นใหม่สามนิ้วบางคนพูดว่าคนรุ่นก่อนไม่ได้สู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง สู้ไม่สุด เลยทำให้คนรุ่นหลังต้องมาสู้เรื่องนี้
จริงๆผมจะไถจอผ่านไปเลยก็ได้ แต่คิดอีกทีขอพูดอะไรหน่อยดีกว่า
สมัยก่อน (คนรุ่นก่อน) มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองแบบ radical อยู่แน่นอน คิดอยากพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินด้วยซ้ำ ถ้าว่ากันตามตรงทางประวัติศาสตร์มีเกิดขึ้นตลอดนะ
เพียงแต่รุ่นสามนิ้วสู้ภายใต้บรรยากาศที่มีรัชกาลที่ 10, อยู่ในยุคที่เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารเร็วมากจนรัฐเอาไม่ค่อยอยู่ ปิดกั้นไม่ได้
ถ้าสามนิ้วเคลื่อนไหวในยุคที่รัชกาลที่ 9 กำลังรุ่งเรืองสุดขีด ระเบียบอำนาจทางการเมืองแทบไม่แตกแถวจาก consensus ร่วมของสังคมใต้ ร.9 ยุคที่รัฐคุมสื่อแทบทุกอย่างได้อยู่หมัด ไม่มีเทคโนโลยีเนตความเร็วสูง ไม่มีแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียข้ามชาติให้ใช้ ฯลฯ คุณเคลื่อนไม่ได้แบบปี 63-64 หรอก นี่บอกเลย
นักต่อสู้รุ่นก่อนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแบบคว่ำฟ้าคว่ำแผ่นดิน หลายคนจบลงด้วยความตายครับ เป็นความตายที่ขวาจารีตไทยมอบให้อย่างเต็มใจด้วย
เอาง่ายๆ ไม่ต้องกลับไปไกลมาก ในระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมามีพวกลี้ภัยการเมืองออกนอกประเทศกี่คน มีพวกโดนอุ้มหายกี่คน มีพวกโดนอุ้มฆ่าถ่วงน้ำโขงกี่คน
ตอนนี้คนรุ่นใหม่สามนิ้วพูดเรื่องสถาบันกษัตริย์ในทางวิจารณ์ได้สบายมาก (มากกว่ายุค ร.9) พูดเรื่องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคว่ำฟ้าคว่ำแผ่นดินได้เหมือนเรื่องปกติ ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องด่านักสู้รุ่นก่อนหรอกครับ เพราะพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคุณในเรื่องความคิดนักหรอก

574 Nameless Fanboi Posted ID:6DhKXXhU0T

>>571 พรี่พูติกาลยอดนักแซะนี่ครับ ไปแซะเพจนีโอหริ่มอย่างวิเคราะห์บอลจริงจัง

575 Nameless Fanboi Posted ID:q7lsqnEN6N

ระบอบ”ประยุทธ์”ใกล้ล้ม
สลายงัดลูกไม้เดิมๆออก
มาใช้เต็มรูปแบบ

เผด็จการประยุทธ์เพลี่ยงพล้ำ ดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนล้มสลาย หาทางออกไม่เจอ เลยต้องงัดเอาลูกไม้เดิมๆของเผด็จการแบบเก่าๆออกมาใช้

"สงครามศาสนา" จิตตวิทยามวลชนที่มีการเรียนการสอนกันในหน่วยรบพิเศษ(หมวกแดง) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) หลักสูตรสงครามจิตวิทยา "แบ่งแยกแล้วปกครอง" ถูกนำออกมา
ใช้อย่างเต็มรูปแบบ

ถ้าเราสังเกตุให้ดีๆ ก็จะเห็นกันได้ว่า ในช่วงสองสามเดือนมานี้ "สงครามศาสนา" สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ(ต่างศาสนา) ได้ถูกนำมาแชร์กันกระจายไปตามห้องไลน์กลุ่มต่างๆ วันละหลายสิบรอบ หลายสิบข้อความ อาทิ

อิสลามจะล้มพุทธ, อิสลามจะยึดครองประเทศ, อิสลามไม่ใช่ศาสนา, อิสลามสอนให้ฆ่าคน, คนมุสลิมมีอภิสิทธ์เหนือคนพุทธ ฯ ล ฯ

ข้อความข่าวแบบนี้ (และบางข่าวมีภาพประกอบ) ที่เห็นแชร์กันว่อนตามห้องไลน์ นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานและฝีมือ
ของ กอ.รมน.จากหน่วยรบพิเศษ(หมวกแดง) ทั้งสิ้น

พอข้อความข่าวและภาพถูก
ส่งและแชร์ออกมา จาก ทหารกอ.รมน. (ที่แฝงตัวอยู่ตามห้องไลน์ข่าวต่างๆ) พอคนฝ่ายประชาธิปไตยที่รู้ไม่เท่าทัน
หรือคนฝ่ายประชาธิปไตยที่คลั่งพุทธเห็นเข้า ก็พากันงับข่าวไอโอ(ศาสนา)เหล่านี้ ไปแชร์ต่อ จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย กระจายว่อนตามห้องไลน์ต่างๆ

แทนที่จะเอาเวลาไปโจมตีรัฐบาลเผด็จการทหารประยุทธ์ที่มันกำลังเพลี่ยงพล้ำ กลับเอาเวลาไปโจมตี

ศาสนา(อิสลาม)แทน เผด็จการทหารประยุทธ์เลยลดแรงเฉียดทานลง เข้าแผนเข้าทางเผด็จการ(ทีม กอ.รมน.)
แบบไม่รู้ตัว

ถ้าคนฝ่ายประชาธิปไตย และคนที่รักพุทธ(คลั่งพุทธ)ทั้งหลายรู้เท่าทัน และฉุกคิดกัน
สักนิดว่า คนไทย95%เป็นคนพุทธ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ศาสนาอิสลามหรือศาสนาใดๆจะมายึดครองประเทศ

และถ้าคนฝ่ายประชาธิปไตยฉุกคิดกันสักนิดว่า คนไทย
ภายใต้การปกครองของระบอบเผด็จการประยุทธ์
ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร (หรือแม้แต่คนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย) ก็ถูกรัฐบาลเผด็จการทหารประยุทธ์ มันใช้กฎหมายและปากกระบอกปืนกดหัวคนไทยไว้พอๆกันทุกคน

อีกอย่างพวกเราอย่าลืมว่า
คนฝ่ายประชาธิปไตยนั้น
หาใช่มีแต่คนพุทธเท่านั้น
คนฝ่ายประชาธิปไตย มีคนที่เป็นศาสนิกของทุกศาสนา
ออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกัน

และอีกอย่างที่สำคัญพวกเราอย่าลืมว่า คนมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเขาถูกรัฐเผด็จการทหารไทย ใช้กฎหมายและกดปืนปกครอง(กดหัว)เขามายาวนานกว่าร้อยปี ซึ่งนักหนาสาหัสยิ่งกว่าพวกเราเป็น
ร้อยเท่า

ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย และผู้รักพุทธ(คลั่งพุทธ)ทั้งหลาย เลิกตกเป็นเครื่องมือ
ของฝ่ายความมั่นคง(กอ.รมน.) เลิกทำสงครามศาสนากันเถอะ

แล้วหันหน้าจับมือกันเดินไปพร้อมกัน เพื่อโค้นล้มระบอบเผด็จการประยุทธ์ ที่มันกำลังเพลี่ยงพล้ำลงไปให้ได้ก่อน

"สงครามระว่างศาสนา" อย่าเพิ่งสร้างกันตอนนี้เลย เพราะมันมีแต่จะเข้าทางเข้าแผนของเผด็จการ และเป็นการต่อลมหายใจให้ประยุท์เท่านั้น.

576 Nameless Fanboi Posted ID:lzCBT.CUWX

>>575 หนังสือน่าอ่าน
http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/rarebook/rarebook_data/55.pdf

คนเขียนก็ได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ

577 Nameless Fanboi Posted ID:rGlH9beA5G

>>575 nice try มุซซี่

578 Nameless Fanboi Posted ID:K2DiOzA8mJ

รับราชการ หรือ ทำธุรกิจเอกชนดี

Me : ถ้าตัดเรื่องอื่นออกให้หมด แล้วมองแต่เรื่องเงิน เคยได้ยินมาว่าค่าเฉลี่ยที่รัฐจ่ายเงินให้กับราชการ 1 คนอยู่ที่ 27 ล้านบาท เบิกทุกอย่างเต็มแมก ค่ารักษาพยาบาล รวมเกษียณ บำนาญ และฌาปณกิจหมดแล้ว .. ตัวเลขดีเลยหละ

ย้ำว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งไม่รู้ไปกองที่หน่วยไหนนะ

แต่ถ้าทำเงินได้มากกว่า 27 ล้านต่ออายุไข ก็มาเอกชน ก็ดี

ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลขให้น้อง ๆ ตัดสินใจครับ ^^

579 Nameless Fanboi Posted ID:ovsvtslk3a

>>575 ใช่หรอ ในยุค คสช. กูยังเห็นตู่มันโดนหาว่าเป็นมุสซี่อยู่เลย

580 Nameless Fanboi Posted ID:q7lsqnEN6N

คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นั้นดูเหมือนว่าจะถูกนำมาใช้ได้ในทุกยุค ทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่ตอนนี้ เมื่อมีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งนามว่า @bV6eBJOQc7bUvgO ที่ได้ออกมาทวีตบอกว่าตัวเขานั้นมาจากโลกอนาคตปี 2058 และได้ทำการเดินผ่านกาลเวลามาในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตอย่างถูกต้องและแม่นยำหลายเหตุการณ์จนทุกคนต้องทึ่ง ที่น่าสนใจก็คือเขาได้มีการทำนายราคา BTC ในปี 2058 ด้วย หากคำพูดของเขาเป็นจริง การใช้คำว่าทำนายคงจะไม่ถูกนัก เนื่องจากว่าเขาได้สำผัสมันแล้วในโลกอนาคต ก่อนที่จะได้เดินทางมายังเวลาในปีปัจจุบัน โดยอ้างอิงจากเพจเฟสบุคของ Japan Guide Book นั้น ได้มีการรายงานว่านักเดินทางผ่านกาลเวลาผู้นี้เคยทำนายไว้ว่า ญี่ปุ่นจะได้เหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก 2020 ทั้งหมด 27 เหรียญ โตเกียวโอลิมปิก 2020 นั้น ท้ายที่สุดแล้วจะได้จัดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม 2021 ราคาหุ้น Nikkei จะร่วงในเดือนมีนาคม 2020 ใครที่เชื่อจะโชคดี อาเบะ ชินโซ จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน 2020 และ สุงะ โยชิฮิเดะ จะมาดำรงตำแหน่งแทนหลังจากนั้น ที่น่าสนใจก็คือชายผู้อ้างตัวว่า Rei คนนี้กล่าวว่าเขานั้นเกิดปี 2034 เป็นนักศึกษาระดับปริญญาโท แผนกวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว วิชาเอกสถาปัตยกรรมศาสตร์ และได้เดินทางมาจากปี 2058 ด้วยเครื่องไทม์แมชชีนโดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกที นาย Rei เคยกล่าวไว้ว่าจะเดินทางข้ามเวลากลับไปในวันที่ 28 กันยายน 2020 แต่สุดท้ายด้วยความผิดพลาดบางประการก็เลยยังไม่สามารถกลับโลกอนาคตได้ จนกระทั่งล่าสุด นาย Rei ได้กลับมาเล่นทวิตเตอร์อีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และบอกว่าจะลองหาทางกลับอีกครั้ง และโอกาสสุดท้ายที่จะได้กลับก็คือ วันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้ หนึ่งในทวีตของเขานั้นได้มีการกล่าวว่าราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 780 ล้านเยน หรือราว ๆ 231 ล้านบาทในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ซึ่งเขากล่าวว่ามันเกิดขึ้นในปี 2058 และจุดสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือในยุคนั้น “ไม่สามารถซื้อได้ แต่ทำได้แค่เทขายเท่านั้น” ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เนื่องจากว่าหากมีคนเทขาย ก็แปลว่าต้องมีคนซื้อ ดังนั้นคนขายจะขายให้กับใคร? นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่า Bitcoin จะถูกขุดหมดในปี ค.ศ. 2140 อีกด้วย นอกเหนือจากเรื่องของ Bitcoin แล้ว

581 Nameless Fanboi Posted ID:ISUJUMXr6v

>>575 แล้วเรื่องที่มีบางฝ่ายอ้างว่าประยุทธ์เป็นมุสลิมละ แม่งมีคนเชื่อหลายคนด้วย

582 Nameless Fanboi Posted ID:0X5fVblX36

>>581 สมัยจัดการธรรมกายไง มีการปั่นว่าตู่เป็นมุสซี่ต้องการทำลายศาสนาพุทธ

583 Nameless Fanboi Posted ID:.wi9Qxp9qd

กล่องสุ่ม 101

จะซื้อกล่องสุ่ม ต้องเข้าใจกฎของกล่องสุ่ม (loot box หรือชื่อหรูๆ คือ mystery box) คือมันมีของหลายระดับแบ่งตามความหายาก มี common (เกลือ) มี rare มี super rare หรือหายากยิ่งกว่านั้นก็แล้วแต่จะตั้งชื่อ เรียกเป็นทางการก็ rarity

พูดภาษาชาวบ้าน กล่องสุ่มก็เหมือนหวยอ่ะ ส่วนมากคือถูกแดก ส่วนน้อยคือถูกรางวัล แล้วกองสลากก็จะโพนทะนาเฉพาะคนได้ super rare ไง คนก็โลภหวังจะได้แต่อันที่ถูกรางวัลกัน

สรุปคือ เมื่อเปิดกล่องสุ่มมามันจะมีอันที่ได้น้อยกว่ามูลค่าที่ซื้อไปอยู่เป็นส่วนมาก

ยิ่งถ้าเป็นสินค้าที่มีต้นทุนผลิต หรือของทั่วๆ ไป (commodity) ก็คือคนซื้อส่วนมากจะขาดทุน โดยเอาไป subsidise ให้คนที่ได้รางวัลใหญ่ ซื้อ 100 นึงจะไปหวังว่าทุกคนต้องได้อย่างน้อย 100 นึงไม่ได้ แล้วใครจะออกเงินค่ารางวัลที่เกิน 100 นั่นละจรั๊บบบ..

จะมียกเว้นบ้างก็คือพวกสินค้า value added สินค้า creative หรือสินค้า digital ที่ต้นทุนไม่ได้ตามมูลค่าหรือคุณค่ามาด้วย ค่อยว่ากันไป

584 Nameless Fanboi Posted ID:Kxcz8Gnl.D

กล่องสุ่มที่ดี คือกล่องที่สุ่มแค่ของไม่สุ่มมูลค่า

ยุ่นมีกล่องอาหารทะเลสุ่มรายเดือนโดยชาวประมง แต่ละเดือนของไม่เหมือนกันแล้วแต่จับอะไรได้ แต่มูลค่าของข้างในพอๆกันทุกเดือนทุกกล่อง ไม่มีคนนึงได้กุ้งฝอย อีกคนได้ปลากะพง

https://youtu.be/_IzBlNSgSfY

585 Nameless Fanboi Posted ID:FFNEEmnrSW

นักเขียนหมี (นามสมมุติ) : ในที่สุดโลกก็เข้าใจความงามที่ถูกต้องสักทีนะครับจารย์ ว่าความสวยอ่ะไม่ต้องไปขวนขวายเสริมนี่นั่น แต่เป็นอย่างที่เป็นก็พอ
ผม : โอ เรานี่หัวก้าวหน้า ตามเรื่องบิวตี้สแตนดาร์ดกับเขาด้วยเหรอ
นักเขียนหมี (นามสมมุติ) : กระดานมันคือความถูกต้องมาตั้งแต่วันสร้างโลกแล้วครับ
ผม : … แกมันไม่ใช่คนหัวก้าวหน้าหรอก แกมันเป็นแค่โลลิค่อน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

586 Nameless Fanboi Posted ID:ZmofFklhBQ

เสียดาย สส ดีๆ

587 Nameless Fanboi Posted ID:zGLr8t98h3

https://www.facebook.com/100001569842087/posts/4892573474138266/?d=n

588 Nameless Fanboi Posted ID:tHCERpwgD6

สิระสมัคร ส.ส. ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ หรือไม่ ? มีโทษจำคุก 1-10 ปี
พรรคพลังประชารัฐ รู้เรื่องนี้แล้วปล่อยให้สิระสมัครหรือไม่ ?
กกต. ปล่อยปละละเลยให้สิระลงสมัครได้อย่างไร ?

589 Nameless Fanboi Posted ID:WtQrQTkcn9

>>588 ตอนนั้นไม่คิดว่าจะฟลุ๊คชนะแช้มป์เก่าด้วยมั้ง

590 Nameless Fanboi Posted ID:JgeJ0y87DG

>>589 มันลงพื้นที่เยอะนะ ไม่ฟลุ้กหรอก ตอนนี้ก็เตรียมเมียไว้ลงแทนแล้วด้วย

591 Nameless Fanboi Posted ID:CR5HPbvax6

ศึก 2 สายพันธุ์ : เมื่อลิงก่อเหตุฆ่าหมาไปกว่า 250 ตัว

ที่เขตบีด ในรัฐมหาราษฏระของประเทศอินเดีย ได้เกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อลิงได้ทำการฆ่าหมาไปถึง 250 ตัว

เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองมาจัลกอนของเขตบีด เมื่อมนก็ตามที่พวกลิงได้เห็นลูกหมา มันก็จะจับตัวเจ้าหมาน้อยขึ้นไปบนที่สูง ไม่ว่าจะเป็นตึกหรือต้นไม้ จากนั้นก็โยนลูกหมาลงมากระแทกพื้นจนตาย โดยในเวลาแค่ 1 เดือนที่ผ่านมาก็มีหมาถูกฆ่าไปอย่างน้อย 250 ตัวแล้ว

ห่างจากเมืองมาจัลกอนออกไป 10 กิโลเมตร มีหมู่บ้านชื่อว่าลาวูลซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ 5,000 คน แต่กลับไม่มีลูกหมาเหลืออยู่สักตัว ชาวบ้านได้ติดต่อไปที่สำนักงานป่าไม้ให้มาจับลิงในบริเวณนั้นเสีย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ไม่สามารถจะจับลิงได้แม้แต่ตัวเดียว

ชาวบ้านบอกว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อพวกหมาจำนวนหนึ่งได้ไปฆ่าลูกลิงตัวหนึ่งเข้า พวกลิงจึงได้ฆ่าลูกหมาในแถบนั้นเป็นการล้างแค้น โดยจับขึ้นไปบนที่สูงแล้วโยนลงมา

หลังจากความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ในการจับลิง ชาวบ้านก็เริ่มช่วยลูกหมาในหมู่บ้านกันเอง แต่พวกลิงก็หันมาทำร้านชาวบ้าน ทำให้เหล่าผู้ชายที่พยายามจะช่วยลูกหมาพลัดตกลงมาจากตึกแล้วได้รับบาดเจ็บเสียเอง

พอพวกลิงฆ่าลูกหมาจนเกือบหมดหมู่บ้านแล้ว พวกลิงก็ยังไม่หยุด คราวนี้เล็งเป้ามาที่บรรดาลูกมนุษย์แทน เด็ก ๆ ที่เดินไปโรงเรียนถูกลิงทำร้าย จนสร้างความหวาดผวาอย่างหนักให้กับชาวบ้าน

สเตฟานี พอยเด็กเตอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก (SUNY) ซึ่งได้ทำการวิจัยสัตว์จำพวกวานรกล่าวว่าลิงนั้นสามารถแสดงพฤติกรรมอย่างการแก้แค้นได้

"เราได้เห็นมาแล้วว่าหากพวกมันตัวใดตัวหนึ่งถูกทำร้าย ก็มีโอกาสสูงที่พรรคพวกของลิงจะไปทำร้ายคนที่มีความเกี่ยวข้องกับศัตรูของพวกมัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ 'การแก้แค้น' จะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากที่พวกมันถูกทำร้าย"

จากรายงานข่าวล่าสุด ลิง 2 ตัวที่เกี่ยวข้องกับเหตุสังหารหมู่ฝูงหมาถูกจับได้แล้ว และพวกมันจะถูกจับไปปล่อยในป่าในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

แต่จะทำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสงบลงหรือไม่ ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ..

ที่มา : https://www.news18.com/news/india/revenge-of-the-apes-monkeys-in-mahas-beed-on-a-murderous-rampage-after-dogs-kill-one-of-their-infants-4565003.html

https://www.newsweek.com/monkey-kill-dogs-puppies-revenge-india-captured-1660998

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

592 Nameless Fanboi Posted ID:0X5fVblX36

>>591 นี่มันพิภพวานรชัดๆ

593 Nameless Fanboi Posted ID:q5Fcz2ba9X

เปลี่ยนงานบ่อย จนไม่มีประสบการณ์ ???

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ พยายามหาตัวตนของตัวเอง และความต้องการได้รับ High Benefit ทำให้การเปลี่ยนงานบ่อย กลายเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะกับสายงานเทคโนโลยี

สำหรับแป้ง แป้งมองว่า เราควรอยู่ ในที่ที่เหมาะกับเรา ในที่ที่เราได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ในที่ที่เรามีโอกาสในการเติบโต ในที่ที่เรามีเพื่อน เดินทางสะดวก และในที่ที่ให้ benefit เราตามที่เราคาดหวังระดับหนึ่ง

ฟังดูอาจจะเยอะ แต่มันต้องมีสักที่ ที่เป็นที่ของเรา ... แต่จะเป็นที่ไหนละ???

ซึ่งหลายๆ คนก็พยายามหาตัวเอง เพราะเชื่อว่า ที่นั้นมีอยู่จริง แต่แค่หาไม่เจอ

กลายเป็นว่า เขาเปลี่ยนงานบ่อย จนกลายเป็นนิสัยไปละ แอ๊ะอะเปลี่ยน แอ๊ะอะเปลี่ยน ไม่มีอะไรดีพอ หรือแท้จริง เขาเองต่างหากที่ปรับตัวไม่ได้

มีคนที่แป้งรู้จักคนนึง อายุก็ไม่น้อย profile ดีมาก แต่เปลี่ยนงานบ่อยมากเช่นกัน แค่ 2 ปี ไปอยู่บริษัทเจ้าสัว มาแล้ว 3 บริษัท (3 เจ้าสัว) ซึ่งแต่ละที่ ก็ให้ Benefit ที่น่าพอใจทุกที่ แต่ปัญหาที่ทำให้เขาย้ายที่ทำงาน เหมือนเดิมทุกครั้ง นั้นคือ... ไม่ได้ทำงานตามที่คาดหวัง

แป้งได้ลองคุยกับเขา แล้วพบว่า ที่ผ่านมา จากการเปลี่ยนงานบ่อยๆ เขาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ยังไม่มีโครงการที่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้สร้างทีม พูดไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาเขาแก้ปัญหาอะไรให้องค์กรได้

เป็นเรื่องน่าเสียดายในฝีมือของเขาเป็นอย่างมาก

สำหรับแป้ง เมื่อก่อนแป้งอยู่ Bank ระหว่างนั้นโดนซื้อตัวตลอด ให้ Benefit มากกว่าเดิม 3 เท่า แต่ที่แป้งไม่ไป เพราะแป้งอยากจบโครงการให้ได้ อยากมีประสบการณ์ที่ชัดเจน ว่า เราได้ทำงานจนสำเร็จ และนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต เพราะการได้ทำโครงการบริหารเงินสดให้ธนาคาร เป็นรากฐานให้แป้งเข้าใจรูปแบบการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จนวันนี้ สามารถเป็นผู้ออกแบบ และบริหารโครงการได้

Benefit มันไม่ได้อยู่ในรูปของ "เงิน" อย่างเดียว แต่มันคือ คุณค่า ที่เขาให้เรา เช่น ให้ความรู้ ให้โอกาสได้ใช้ความสามารถ ให้ทีมงานที่น่ารัก ให้ความมั่นใจ ว่าเราคือคนสำคัญ

เราอาจจะคิดว่าเราเจ๋ง เราเก่ง ความเป็นจริง เราก็แค่คนคนหนึ่ง มีคนที่เก่ง และเจ๋ง อีกมากมาย อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนแตกต่าง คือ ทัศนคติ ซึ่งส่งผลให้แต่ละคนเติบโตไปในเส้นทางของตัวเอง

สุดท้ายนี้ ความเห็นของแป้ง การเปลี่ยนงาน เป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ แต่อย่าให้การเปลี่ยนบ่อยๆ มาทำให้เราเสียโอกาส และทำให้นิสัยของเรากลายเป็นคนไม่สู้งาน โดยที่เราไม่รู้ตัวนะคะ

ใกล้สิ้นปีแล้ว ขอใช้โพสนี้ สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ล่วงหน้าด้วยค่ะ Happy New Year ค่ะ :)

594 Nameless Fanboi Posted ID:.JjNGkQmxF

ตำนานขายถุงมือกันหิมะ ในเมืองไทยจนรวย

คนโง่ไม่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาเลยทำมันจนสำเร็จ

ทิมโมที่ เด็กส์เตอร์เป็นหนุ่มอเมริกันที่ค่อนข้างหลงตัวเองคิดว่าตัวเป็นอัจฉริยะ แต่งตั้งตัวเองเป็นสุดยอดนักปราชญ์แห่งโลกตะวันตก เขียนจดหมายตื๊อขอทำงานให้รัฐเดือนละมากกว่า 300 ฉบับ ทั้งๆที่เขียนหนังสือผิดๆถูกๆอ่านไม่รู้เรื่อง

จนได้แต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการกวางในรัฐแมสซาชูเซส มีหน้าที่ตรวจตราไม่ให้มีการล่ากวางเกินจำนวน เป็นการตัดรำคาญ

ประเด็นคือที่แมสซาชูเซสไม่มีกวางเลยสักตัวเดียว

และด้วยบุคลิกการวางตัวของเขาทำให้สมาคมคนรวยในอเมริกาไม่ชอบหน้า
โดยพื้นเพดั้งเดิมของเขาเป็นเด็กชาวไร่จนๆธรรมดา แต่ได้เงินเป็นกอบเป็นกรรมจากการแต่งงานกับแม่ม่ายใจเปลี่ยวเงินถุงเงินถัง

ในตอนที่อาณานิคมอเมริกาประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ เงินจำนวนมากของคนในสหอาณานิคมทวีปอเมริกา เริ่มกลายเป็นของไร้ราคา ผู้คนเริ่มเอาเงินไปทิ้ง

แต่ก็มีบ้างที่เศรษฐีเข้าไปช่วยค้ำประกันค่าสินค้าต่างๆแทนผู้ไร้ แลกเอาเงินไม่มีค่าของอังกฤษ แม้ไม่ได้ค้ำประกันให้เต็มจำนวน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เงินเลย

ส่วนมากมักจะค้ำประกันแทนพวกทหารผ่านศึกหรือคนที่อย่างน้อยดูมีเครดิต

แต่ไม่ใช่กับเด็กส์เตอร์ เขาประกันให้ทุกคน เก็บเอาเศษกระดาษเหลือทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก

วันดีคืนดีรัฐบาลประกาศรับแลกเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการเปลี่ยนค่าเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐได้

เด็กส์เตอร์ผู้มากับดวงอยู่ๆก็รวยขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาเลยมีที่เชิดหน้าชูคอกับสมาคมคนรวยในอเมริกา

ด้วยนิสัยการวางตัว ความหลงตัวเอง คนในสมาคมนิยมเขาว่าเป็นไอ้โง่ที่หลงตัวเองแถมทำตัวน่ารำคาญชิบหาย หลายๆคนเลยวางแผนการกำจัดเขาซะ

ด้วยการให้คำแนะนำการทำธุรกิจแบบโง่ๆไปเพื่อที่เขาจะได้ล้มละลายแล้วหายไปจากสังคมด้วยตัวเอง

- ขายที่อุ่นเตียงในแถบทะเลแคริบเบียน

ที่อุ่นเตียงเป็นอุปกรณ์ของชาวยุโรปที่ไว้ใช้ในเวลาที่อากาศหนาวเย็น สภาพของมันเป็นกระทะโคตรใหญ่และยาว ใส่ถ่านหินร้อนๆไว้ในกระทะแล้วนำไปถูบนเตียงให้ทั่วๆเพื่อให้มันอุ่น

แน่นอนว่าแคริบเบียนเป็นที่ๆอากาศโคตรร้อน การส่งของแบบนี้ไปขายเป็นจำนวนมาก

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะ แถบแคริบเบียนทำธุรกิจผลิตน้ำตาลจากอ้อย

ปัญหาในการผลิตคือไม้พายมันคนได้แต่ตักไม่ได้ จะตักก็ต้องใช้กระป๋อง มือใกล้น้ำตาลร้อนๆร้อนมือ

แต่พอมีที่อุ่นเตียงที่พวกคนงานไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่มันใช้คนก็ได้ใช้ตักก็ได้ เหมาะกับอุตสาหกรรม เป็นที่ต้องการสูง

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

595 Nameless Fanboi Posted ID:.JjNGkQmxF

>>594
-ขายถุงมือกันหิมะในสยาม

ทุกคนรู้กันดีว่าที่สยามไม่มีหิมะตก แต่เด็กส์เตอร์เห็นว่าที่อุ่นเตียงขายดีในแถบแคริบเบียนโดยไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไม

เลยคิดว่า ดินแดนแถบใต้คงอากาศหนาวเย็นมากแน่ๆเลยเอาถุงมือกันหนาวอย่างหนากันหิมะกัดไปขายในแถบเส้นศูนย์สูตรส่งมาขายถึงสยามประเทศเป็นจำนวนมาก

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่ดวงเขาดีจัดๆที่ตอนนั้นจะมีการขนคนไปตั้งอาณานิคมในไซบีเรียพอดี แล้วพวกพ่อค้าเดินทางผ่านมาเห็นขายอยู่ที่สยาม ก็เหมาซื้อไปจำนวนมาก เพื่อให้ลูกเรือและคนงานใส่ในแถบหนาวเย็นของรัสเซียที่กำลังจะไป

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

-ขายถ่านที่นิวคาสเซิ่ล

มันมีสำนวนโบราณอยู่ว่า เอาถ่านหินไปขายที่นิวคาสเซิล หมายถึงการกระทำที่เปล่าประโยชน์ เพราะนิวคาสเซิลเป็นแหล่งผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนั้น

แต่เด็กส์เตอร์ไม่รู้ว่าเหล่าคนรวยในสมาคมแกล้งพูดให้เขาทำเรื่องโง่ๆจะได้เป็นที่ขบขันแล้วก็ล้มละลายหายไปสักที

เขาจึงขนถ่านหินไปขายที่นิวคาสเซิลจำนวนมาก

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่ตอนที่สินค้าไปถึงคนงานทั่วทั้งนิวคาสเซิลหยุดงานประท้วงกันหมด ทำให้ถ่านหินของเขาเป็นที่ต้องการของทั้งตลาด ทุกคนพากันให้ราคาสูง

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

-ขายคัมภีร์ไบเบิลที่อินเดีย

อินเดียไม่ใช่ดินแดนคริสเตียนเลยสักนิดแต่ด้วยเหตุผลกลอันใดไม่ทราบ เด็กส์เตอร์ขนคัมภีร์ไบเบิลไปขายที่อินเดียเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่ไม่น่าจะมีคนมาซื้อมันเลยสักนิด

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่ตอนนั้นคริสตจักรวางแผนที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสให้อินเดีย และส่งมิชชันนารีไปจำนวนมาก บังเอิญมีคนขนไบเบิลมาจำนวนมากแถวๆนั้นด้วยพอดี มิชชันนารีจึงเหมาคัมภีร์ไปใช้ในภารกิจเผยแผ่ศาสนาของพวกเขา

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

-ขายแมวจรจัด

ปัญหาแมวจรจัดชุกชุมแถวๆอเมริกามีอยู่เยอะมาก และเริ่มจะกลายเป็นสัตว์รบกวน เพราะไม่มีคนอยากจะกินแมว มันเลยไม่ถูกล่าเหมือนสัตว์อื่นๆ

ทิมโมที่ เด็กสเตอร์เลยจับแมวจรจัดพวกนั้นขึ้นเรือส่งไปขายที่แคริบเบียน

ซึ่งเป็นอะไรที่ดูเหมือนจะการกระทำโง่ๆเพราะแมวเป็นสัตว์ที่เอาไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย กินก็ไม่ได้ ขนก็ไม่มี หนังก็เล็กเอาไปทำอะไรไม่ได้

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่ที่แคริบเบียนมีปัญหาหนูชุกชุม และไม่มีใครคิดเอาแมวมาขายแถวนี้เลยแม้แต่คนเดียวยกเว้นเด็กส์เตอร์

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

-ขายกระดูกวาฬ

ในช่วงหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น รัสเซียเชื่อว่ากระดูกวาฬเป็นของวิเศษมันจึงมีราคาดีขายได้ แต่ในเวลาที่ทิมโมที่ เด็กส์เตอร์สะสมรวบรวมกระดูกวาฬมานั้น แทบหาคนซื้อไม่ได้แล้ว เพราะรัสเซียเลิกงมงายไปแล้ว และมันก็กลายเป็นของที่แทบจะไร้ราคา

น่าจะเป็นเส้นทางสู่การล้มละลายของเขา

แต่อยู่ๆอุตสาหกรรมสิ่งทอของฝรั่งเศสก็ล้ำหน้าอย่างรวดเร็วการผลิตเสื้อผ้าจำนวนมาก และการทำคอร์เซ็ต ยกทรงชุดเข้ารูปพอดีตัวต่างๆจำเป็นต้องใช้กระดูกวาฬจำนวนมาก เขาจึงส่งมันไปขายที่ฝรั่งเศสแทน

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กูนี่อัจฉริยะจริงๆ

ทุกเส้นทางการทำธุรกิจโง่ๆที่เหมือนจะโง่กลับทำกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาล จนคนต่างๆในสมาคมเลิกตอแยกับเขาก่อนที่เขาจะรวยไปมากกว่านี้

#มิตรสหายนักธนูท่านหนึ่ง

596 Nameless Fanboi Posted ID:kQfYDs67iH

>>566 ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถถถถถถถ
ไอ้การสงสัยในเรื่องปัญญาอ่อนที่มึงว่าน่ะเปลี่ยนโลกมาแล้วนักต่อนัก
ถ้ามีคนสงสัยว่าทำไมแอปเปิ้ลถึงหล่นจากต้นในวันที่โลกยังไม่รู้จักแรงโน้มถ่วงล่ะ มึงจะว่าเขาปัญญาอ่อนมะ?
ถ้ามีคนสงสัยว่าโลกมันแบนจริงป่าวในวันที่คนทั้งโลกเชื่อว่าโลกแบนล่ะ มึงจะว่าเขาปัญญาอ่อนมะ?
กุไม่อยากฟีดโทรล แต่พิมไว้เผื่อมีพวกคิดแบบที่มึงโทรลจริงๆ ถถถถถถ

597 Nameless Fanboi Posted ID:Lu+5Wu66tF

มางานคอสเพลย์งานนึงก็ได้ตกผลึกทางความคิดแบบหนึ่ง คือ เทศการ ความสุข อะไรแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ในสังคมสังคมหนึ่ง มันต้องมีต้นทุนชีวิตก่อนอ่ะ

พอมีต้นทุนชีวิต มันจะเป็นเหมือนพวกชนชั้นสูงสมัยกรีกสมัยก่อน วันวันไม่ทำอะไร นั่งถกแต่ปรัชญา (เหมือนกลุ่มการเมืองที่โหวตเนื้อหมา อันนี้น่าผิดหวังสุดล่ะ อย่างที่เคยพูดและพวกโรดิเซีย) เออ นั่งถกปรัชญา คุยแต่คำถามปัญญาอ่อนว่า กระเพราะใส่ถั่วฝักยาวดีมั้ย ใส่ข้าวโพดดีมั้ย

คือไอ้การถกกันของพวกห่านี้ มันไม่ได้ครึ่งของการ discuss กันใน democratic centralism ของเลนิน และการดำเนินการของตำรวจลับสมัยปฎิวัติวัฒนธรรมด้วยซ้ำ

กลับมาที่งานคอสเพลย์ต่อ อือม ก็สนุกแหละ แต่ในขณะนึงก็มี awareness ตลอดเวลาว่าก็ยังมีคนที่เขาไม่ได้มีโอกาสแบบเราอ่ะ

598 Nameless Fanboi Posted ID:AxhmvHt32I

โบกี้ไลอ้อน เล่าประสบการณ์การเสพติดการช้อปปิ้ง ชอบซื้อของซ้ำๆ ชอบซื้อของเยอะจนต้องพบจิตแพทย์ เผื่อใครที่กำลังเป็นแบบนี้ลองอ่านดูนะคะ

-โบกี้ยอมรับว่าตัวเองเป็นสายช้อป ช้อปจนคนรอบตัวด่า ต้องไปพบจิตแพทย์เรื่องการช้อปปิ้ง เพราะมีความรู้สึกว่าเวลาที่อยากได้อะไรจะไม่แค่อยากได้ มันไม่ใช่ว่าอยากได้ก็ต้องได้ แต่มันกระหายในสิ่งนี้และรู้สึกว่าทุกอย่างจะต้องเป็นของกู ต่อให้เราไม่มีเงินเราก็จะหาเงิน ต่อให้เราใส่ไม่ได้เราก็จะซื้อ จะเอามาดูเล่นก็ได้ อะไรก็ได้ ขอแค่ให้เราได้ซื้อ

-มีนิสัยชอบซื้อสินค้ามาซ้ำๆกัน ซื้อตุนไว้ เวลาชอบเสื้อตัวไหนก็จะซื้อเสื้อมาแบบเดียวกันสีเดียวกัน 10 ตัว

-เวลาเห็นของอะไรถ้าอยากได้ก็เอาหมดทุกอย่าง เวลาแม่ค้าจะลดราคาให้ก็จะบอกว่าไม่ต้องลด ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสารบวกกับเสพติดการช้อปปิ้ง หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์ก็ได้บำบัดด้วยการทานยาและทำการบ้าน ต้องทบทวนตัวเองทุกครั้งก่อนจะซื้ออะไร

"เราไม่รู้ว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ดีมั้ย แต่ด้วยความที่เราเป็นแบบนี้ ไม่รู้จะปิดบังอะไรไปทำไมเพราะมันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เราช้อปจริง ถามว่ารวยขนาดนั้นมั้ย ก็ไม่ เราไม่ได้รวยแต่เราใช้เงินเกินตัว เราไม่เคยมีเงินเราก็ใช้ไปเถอะ ตอนเด็กเราไม่มี เราก็ไม่รู้ว่าตอนโตเราจะไม่มีอีกมั้ย รีบใช้ เพราะเงินมันจะไปตอนไหนก็ไม่รู้ เราไม่มีเงินแต่เรามีของ

ที่พูดมาเมื่อกี้ น้องๆ หนูไม่ควรเอาอย่างนะคะ มันไม่มีอะไรดีเลยค่ะ เงินควรเก็บบ้าง อย่างน้อย 33% ของรายได้....แต่พี่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เน้นความสุข ไม่เน้นเงินค่ะ"

"จริงๆ จะบอกว่า เราอาจจะดูมาดเหมือนว่าเราแบบไฮโซ ใช้เงินมากนู่นนี่นั่น ไม่ใช่นะคะ เราทำงานทุ่มสุดตัวเพราะว่าเราอยากได้เงินมาใช้ มันเป็นความสุขอะไรไม่รู้ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ควรทำยิ่งเฉพาะถ้าคุณไม่ได้มีเงินเหลือขนาดนั้นก็อย่าทำเถอะค่ะ อันนี้บอกตัวเองนะคะ"

สัมภาษณ์ Nine Entertain: https://youtu.be/6w8Q4qADieg

#บันเทิงเริงแมว

599 Nameless Fanboi Posted ID:eg5CA.tP1x

If santa doesn't exist, then why does the living room couch have milk stains 🤭🤔🤯

Checkmate atheists 😎💯

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

601 Nameless Fanboi Posted ID:fhi4gbvHfu

เพื่อไทยรู้อยู่แล้วว่าจัดตั้งรัฐบาลหน้าก็ไม่สามารถจับมือกับก้าวไกลได้ เพราะนโยบายและความคิดความแตกต่างกันสิ้นเชิง

มีทางเดียวเท่านั้นที่จัดตั้งรัฐบาลและได้รับความชอบธรรมมากที่สุดคือได้ สส. 253 เสียง แล้วจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ถ้าได้ 170กว่า ต้องหาพรรคร่วมรัฐบาลนั้นคือพลังประชารัฐ

602 Nameless Fanboi Posted ID:AdVhFs7Fx7

เวลาพูดเรื่องประชาธิปไตยในการแบ่งกำไรทุกคนจะมาทรงนี้แหละ แล้วตอนขาดทุน ขาดทุนด้วยกันกับนายจ้างมั้ย?
ตอนลงทุน ลงทุนด้วยกันกับนายจ้างมั้ย?
มันเป็นความคิดที่คับแคบ และไร้ซึ่งจินตนาการถึงข้อเท็จจริงที่เห็นอยู่ตำตา
นั่นคือทุกคนที่ทำงาน แม่งเหนื่อย แม่งใช้สมอง ใช้แรงกำลัง ในการทำงานกันเป็น “ทีม” เพื่อให้งานขององค์กรมันดำเนินไปได้
ที่เจ้าของรวย เพราะเจ้าของเอาเงินที่คนทำงานทุกคนเป็นคนสร้าง มาเป็นของตัวเองคนเดียว
เช่น
พนักงานตัดต่อวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอนี้คนเดียว มูลค่าวิดีโอ 100,000 บาท 1 เดือนตัดได้ 2 วิดีโอ แต่พนักงานคนนี้ได้เงินเดือน 20,000 บาท อีก 180,000 บาท ถูกเอาไปเป็นของเจ้านายคนเดียว (ที่ทำแค่ตำแหน่งบริหาร หรือก้ทำงานแค่ 8 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นต่อวัน)
หรือ
เจ้าของร้านอาหารบุฟเฟต์ กับพนักงานยกเตา ก่อเตา และเปลี่ยนเตา มูลค่าของการทำทั้งหมดนี้ต่อวันคือ 2,000 บาท แต่พนักงานคนนี้ได้เงิน 500 บาท อีก 1,500 บาท ถูกเอาไปเป็นของเจ้าของคนเดียว (ที่ทำแค่ตำแหน่งบริหาร หรือก้ทำงานแค่ 8 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นต่อวัน)
ตัวอย่างทั้ง 2 ทำให้เราเห็นว่า เราไม่รู้ว่านายจ้างจะ “ขาดทุน” เดือนไหน ปีไหน
แต่คนทำงาน “ขาดทุนทุกวัน” “ขาดทุนทุกเดือน” และ “ขาดทุนทุกปี”
อะ ยังไง? ตอบซิ
แล้วทุกคนก็จะรุมปกป้องนายทุน เจ้าของบริษัท ว่า “คนเหล่านี้เป็นคนที่เสี่ยงที่สุด”
แต่ตอนเกิดวิกฤต ถามว่าถ้าบริษัทจะต้องอยู่ต่อ “ใครโดนเลิกจ้างก่อน?”
เจ้าของ หรือ คนทำงาน?
ได้คำตอบแล้วนะ
เพราะงั้นคนที่ขาดทุนตลอดและเสี่ยงที่สุด คือคนทำงานเว้ย ไม่ใช่เจ้าของ ไม่ใช่นายทุน
อะถามกลับ คนทำงานต้องถูกบังคับขาดทุนตลอดเวลา
นายจ้างมันมาขาดทุนด้วยมั้ย???
เพราะการขาดทุนของคนทำงาน คือกำไรของนายจ้าง เจ้าของบริษัทไงล่ะ?
คำถามต่อไป
มีนายทุนคนนึง เอาเงิน หมื่นล้านมากองไว้ เพื่อหวังให้มันผลิตของ สร้างบริการ คำถามคือ “เงินอย่างเดียว” มันทำได้มั้ย?
ตอบคำถามนี้ที
มันทำไม่ได้
เงินทุนของคุณไร้ค่า ถ้าไม่มีคนทำงาน
ไอเดียสุดบรรเจิดของคุณเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ ถ้าไม่มีคนทำงาน
เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ของคุณ มันไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีคนทำงาน
คำถามสุดท้าย
ร้านบุฟเฟต์ไม่มีคนทำงานทั้งหมด มีแต่เจ้าของ คุณว่าร้านมันไปได้มั้ย?
กลับกัน ร้านบุฟเฟต์ขาดเจ้าของไป แต่มีคนทำงานทั้งหมดร้านมันไปต่อได้มั้ย?
อะอีกคำถาม เผื่อยังสงสัย
เซเว่นเป็นพันสาขา ไม่มีพนักงาน 30,000 กว่าคน มีแต่เจ้าสัว เจ้าสัวคนเดียวทำทั้งหมด พันสาขาทำได้มั้ย?
กลับกัน
ถ้าเซเว่นไม่มีเจ้าสัว (ซึ่งไม่มีอยู่แล้วนะ ในทางปฏิบัติ) แต่มีพนักงาน 30,000 กว่าคนเซเว่นมันไปได้มั้ย?
ชัดป่ะ
การขาดทุนที่เกิดขึ้นทุกวัน ๆ ทุกเดือน ๆ ทุกปี ๆ ของคนทำงานทุกคน ในทุก ๆ องค์กร
นั่นคือ “การลงทุน” เว้ย
เค้าลงทุนด้วยแรง ด้วยหยาดเหงื่อและมันสมองของพวกเค้า ให้กับองค์กรทุกวัน
เข้าใจยัง เงินที่เค้าควรจะได้คือ 100
แต่เค้าถูกหักไป 90 ทุกวัน ๆ
แบบนี้ไม่เรียกลงทุนในกิจการด้วยหรอ

603 Nameless Fanboi Posted ID:AdVhFs7Fx7

***เพิ่มเติม จากการได้ไล่อ่านคอมเม้นทุกคนครับ
เท่าที่ไล่อ่านมาทุกคนมีคำถามกันหมดว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผลประโยชน์จะตกแก่คนทำงานเท่ากัน ๆ กัน หรือไม่ต่างกัน 10-100-1,000 เท่า แบบที่เป็นอยู่ เวลาขาดทุนจะทำยังไง? คนทำงานรับความเสี่ยงด้วยมั้ย?
องค์กรแบบที่เป็นทางออกของปัญหานี้คือ
Cooperative คือองค์กรแบบที่คนทำงานทุกคนในนั้นเป็นเจ้าของร่วมกัน เป็นหุ้นส่วนกัน
คนทำงานทุกคนมีสิทธิในการเสนอและลงมติโหวตนโยบายองค์กร
มีสิทธิเลือกตั้งบอร์ดบริหาร 100% ทั้งบอร์ด
มีสิทธิมีส่วนร่วมเสนอและออกแบบเงินเดือน น้อยสุดถึงมากสุดห่างกันไม่เกินกี่เท่า หรือ ไปจนถึงเท่ากันทุกตำแหน่ง
ในประเทศที่มีกฎหมายการจดจัดตั้งองค์กรแบบนี้ จะทำให้องค์กรสามารถเซ็ตระบบ “membership” ที่คนที่จะเข้ามาทำงาน ต้องซื้อสิ่งนี้ เพื่อเป็นหุ้นส่วนร่วมกันขององค์กร (สมมุติ อาจจะราคา 100,000 บาท แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเงินเดือนอาจจะเหยียบแสน เมื่อเข้ามาทำงานในองค์กรที่บริหารแบบ Co-op ไม่กี่เดือน/ปี ก็สามารถซื้อได้)
สิ่งนี้ขายต่อไม่ได้ ต้องเป็นคนที่ทำงานที่นั่น หนึ่งคนมีได้แค่ 1 membership share ต่างจากหุ้นปกติทั่วไปที่หลายคนเข้าใจ
เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงมีสถานะ เป็นทั้งหุ้นส่วนและคนทำงานในเวลาเดียวกัน (หรืออาจจะเรียกว่าบริษัทหาหุ้นส่วนที่เป็นคนทำงานคนใหม่เข้ามาก็ได้ แทนที่จะหาลูกจ้าง)
องค์กรลักษณะนี้มีทั้งในยุโรปและในอเมริกา มีความหนาแน่นมากเป็นพิเศษในสเปน ในโลกมีคนหลายล้านคนทำงานในองค์กรลักษณะนี้
เมื่อเป็นแบบนั้น ภายในองค์กรดังกล่าว จึงไม่มีทั้ง นายจ้าง หรือ ลูกจ้าง
มีแต่คนทำงานที่เป็นหุ้นส่วน ซึ่งทำงานในส่วนต่าง ๆ ขององค์กร เป็นเจ้าของร่วมกัน รวยด้วยกัน ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และหากมันจะเจ๊ง หรือขาดทุน ก็ขาดทุนและเจ๊งด้วยกัน
แต่มีงานวิจัยที่บอกว่า องค์กรลักษณะนี้มีเปอร์เซ็นต์การล้มละลายน้อยกว่าบริษัทปกติ และมีเปอร์เซนต์โอกาสผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจได้มากกว่า
Co-op คือรูปแบบการบริหารกิจการธุรกิจ โดยการมุ่งหาหุ้นส่วนคนทำงาน เพิ่ม ไม่ใช่หา “ลูกจ้าง”
วิธีนี้จะทำให้ความเหลื่อมล้ำในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมถูกบรรเทาแก้ไข เพราะช่องว่างรายได้ ไม่ได้ห่างกันเกินไป
ตอนนี้ที่ความเหลื่อมล้ำมันพุ่งสูงแบบนี้ เพราะระบบปัจจุบันนี้อนุญาตให้คนส่วนน้อยได้ทุกอย่างไป ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนช่วยกันสร้างขึ้นมา
คิดถึงชีวิตที่ทุกคนสามารถมีความสุขได้ กำหนดทิศทางชีวิตตัวเองได้ ดูแลคนที่รักได้ มีอนาคตได้ ซื้อบ้านได้ไม่ยาก มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้
ซึ่งพูดมาถึงตรงนี้แล้ว มันก็เป็นโลกที่คุ้มค่าที่เราจะถกเถียงกันเพื่อให้ได้มันมาครับ

604 Nameless Fanboi Posted ID:pfALWwBKf4

Spiderman ภาคใหม่ ตอนจบ MJ ไม่ตาย

Spiderman ทอมฮอลแลนด์ ช่วย MJ ไม่ทัน โดนก็อบลินมาชน
แต่ Spiderman แอนดรูว์ ช่วยไว้ได้ทำให้ MJ ไม่ตาย เหมือนตอนช่วย Gwen ไม่ทัน

605 Nameless Fanboi Posted ID:qMnipy1o47

>>603 แลกมาด้วยการไม่ได้เงินเดือน ต้องรอปันผลสิ้นปีเหมือนผู้ถือหุ้น

606 Nameless Fanboi Posted ID:vZgSPVSL2T

นิยายสามบาท
มโนขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องจริงบนโลก
1. ภาพยนตร์ ถูกขโมยลิขสิทธิ์เอาไปใช้ฟรี บนเว็บพนันออนไลน์เพื่อดึงคนให้เข้าไปเล่นพนัน
2.พนันออนไลน์ ดูดเงินผู้คนที่เข้ามาเล่นเป็นเงินมหาศาล ที่ผิดกฎหมาย
3.เม็ดเงินนั้นถูกนำมาฟอกอีกครั้ง ด้วยการให้ทุนทำภาพยนตร์ ใหญ่โต สั่นสะเทือนวงการ แถมได้งานที่ดีด้วย
4.ผู้คนในวงการก็ชื่นชมกับนายทุนใหม่ ใจใหญ่ มีวิสัยทัศน์ โดยลืมข้อแรก และการฟอกเงินไป
5. แถมเงินสีเทาพวกนี้มักมีที่มาที่หลากหลาย นอกจากพนัน ยังเป็นยาเสพติด ของเถื่อน รวมถึงคอรัปชัน ที่มัดรวมกันมาแยกไม่ออกว่าเงินมาจากไหน
6. มีคนบอกว่า ก็ยังดีที่ยังเอาเงินกลับมาทำหนัง แล้วถามว่าเป็นมึง มึงไม่เอาเหรอ
….คำถามนั้น เป็นคำตอบของตัวผู้ที่ถามเองแล้ว
7. ไม่ใช่ครั้งแรกบนโลก ฮอลีวู้ด ก็มี ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีมีหมด และแทบจะทุก ๆ วงการ บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของโลก ก็เงินยากูซ่า วงการอสังหานี่เป็นที่แรก ๆ คอนโดสร้างเสร็จใน2ปี ตั้งร้างโด่เด่เพราะติดคดีมากมาย
ให้ได้อารมณ์หนังหน่อย ก็ไม่ต่างจาก เอสโคบา ที่ขายยา ให้ลูกหลาน แล้วเอาเงินมาแจกพ่อแม่
อยู่ที่ว่าเราจะรู้สึกกับเรื่องพวกนี้อย่างไร
8.คนทำธุรกิจตามระบบ ตรงไปตรงมา ก็ก้มหน้าทำกันต่อไป ไม่มีใครสรรเสริญ แถมโดนด่าว่าเป็นนายทุนหัวโบราณ ไร้ความคิด หน้าเลือด เพราะไม่ได้มีมากมาย ไม่ได้หามาง่าย ๆ เพื่อเอามาจ่ายแจก
นิยายสามบาท
มโนขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องจริงบนโลกครับ

607 Nameless Fanboi Posted ID:sgJZO0fEwM

>>606 เอาตรงๆ นะ กูสงสัยนานแล้ว ไม่ว่าที่ไหนในโลก การทำงานหรือทำธุรกิจแบบขาวสะอาด มันจะทำให้ชีวิตโดดเด่นขึ้นมาได้จริงหรอวะ กูเห็นทุกที่หรือทุกคนที่โดดเด่น มีด้านสีเทาๆ ทั้งนั้น บ้างก็ไปทางเทาเข้มค่อนดำด้วยซ้ำ

608 Nameless Fanboi Posted ID:/spzI7vod6

>>607 เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ ที่สำคัญคือมึงแยกแยะสีต่างๆ ยังไงมากกว่า ว่าอันไหนขาวดำหรือเทา

609 Nameless Fanboi Posted ID:Hk80dJKAiC

>>607 Jimmy Carter ก่อนเป็นปธน.ปลูกถั่วลิสง พอเลิกเป็นปธน.ก็กลับไปปลูกถั่วเหมือนเดิม

610 Nameless Fanboi Posted ID:OJ5G3/F/8Z

>>606 ฟังดูแล้ว เหมือนกุใช้ชีวิตผิดมาตลอดเลยวะ

611 Nameless Fanboi Posted ID:m4SaHka8+8

>>609 ไร่เขาใหญ่พอ จนมีเงินเหลือไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม ก่อนเข้าเส้นทางการเมืองนี่

612 Nameless Fanboi Posted ID:8K7zmgKW73

สรุปข่าวช่วงบ่าย (28/12/2021) เกิดเหตุดราม่าขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีไบเด้นได้ออกมาบอกว่า ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ออกมาจากรัฐบาลกลางในการสู้กับไวรัสโคโรน่าถึงแม้ว่าเขาจะได้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการทำให้ไวรัสหยุดตัวเองไปซะในขณะที่เคสติดเชื้อได้พุ่งขึ้นในระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน 1/2021 ถึงแม้ว่าจะมีการสวมหน้ากากและฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีการประชุมกับบรรดาผู้ว่าการรัฐ 25 รายเพื่อหารือถึงปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้น

เขาได้บอกบรรดาผู้ว่าการรัฐว่า งานนี้ไม่มีวิธีแก้ปัญหาจากรัฐบาลกลางต่อไวรัส Omicron โดยงานนี้วิธีแก้ปัญหานั้นจะมาจากระดับมลรัฐอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าพวกคุณต้องการอะไรก็ให้พูดมาได้เลย พวกเราจะคอยสนับสนุนพวกคุณเอง

งานนี้ก่อให้เกิดการตอบรับดังนี้

Greg Abbott ผู้ว่าการรัฐ TEXAS ได้ตอบโต้ว่า
ไบเด้นบอกว่า งานนี้จะไม่มีมาตรการแก้ปัญหาในเรื่องไวรัสโคโรน่าที่จะออกมาจากรัฐบาลกลางและปัญหานี้จะต้องถูกแก้โดนระดับมลรัฐ ถ้าพูดแบบนี้ละก็เขาควรจะยุติการบังคับสวมหน้ากากที่ออกมาจากรัฐบาลกลางซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาของรัฐ TEXAS คือ การไม่บังคับและให้เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล

Tom Cotton สมาชิกวุฒิสภาได้ตอบโต้ว่า
เมื่อโจ ไบเด้นได้พูดว่า จะไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ออกมาจากทางรัฐบาลกลาง งานนี้เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการที่โดนต่อว่าในเรื่องการไร้ความสามารถของเขา
ถ้าเขาเชื่อแบบนี้จริงๆละก็ เขาควรจะยกเลิกคำสั่งการสวมบังคับหน้ากากของรัฐบาลกลางที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ไบเด้นเปิดชายแดน ละทิ้งการตรวจหาคนติดเชื้อ
งานนี้ไม่มีมาตรการแก้ปัญหาจากรัฐบาลกลางแต่รัฐบาลกลางสามารถช่วยแก้ปัญหาได้โดยการควบคุมชายแดน อนุมัติการรรักษาและทดสอบที่ปลอดภัยและแต่งตั้งบรรดาผู้นำในหน่วย FDA และ CDC ที่มีความสามารถ

Madison Cawthor สมาชิกรัฐสภาได้ตอบโต้ว่า
โจ ไบเด้น ได้ออกมาโทษคนที่ไม่ฉีดวัคซีนว่าเป็นต้นเหตุมากกว่าโทษว่าเป็นความผิดของจีน

Buzz Patterson สมาชิกรัฐสภาได้ตอบโต้ว่า
ไบเด้นได้ยอมแพ้ในเรื่องชายแดน ยอมแพ้ต่อ The Squad ยอมแพ้ต่อตาลีบันและล่าสุดเพิ่งยอมแพ้ต่อไวรัสโคโรน่า
ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขานั้นยังใช้ชีวิตปลอดภัยที่ชายหาดบ้านเขาและหลับสนิทเลยละ

https://www.dailymail.co.uk/news/article-10349067/GOP-slams-Biden-said-no-federal-solution-combatting-coronavirus.html
คลิปวีดีโอดังกล่าวของ Biden
https://videos.dailymail.co.uk/video/mol/2021/12/27/4520110474616522594/640x360_MP4_4520110474616522594.mp4

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

613 Nameless Fanboi Posted ID:Zh1baNPz5o

เคยไปนั่งกินปิ้งย่างเกาหลีกับ "กลุ่มคนรวย" แล้วแบบว่า พวกนางก็คีบหมูคีบเนื้อลงไปปิ้ง แล้วทิ้งไว้จนมันไหม้ดำเป็นตอตะโก เราเลยต้องช่วยคีบเนื้อที่กำลังไหม้ขึ้นมากิน ส่วนพวกคนรวยก็นั่งคุยกัน ไม่สนใจเนื้อที่กำลังไหม้เหล่านั้นเลย ไปๆมาๆ กลายเป็นเรากินอยู่คนเดียว เหมือนคนตะกละ
พอหลังจากกลับแล้ว ถึงได้รู้ว่า เป้าหมายของการนั่งในร้านอาหารของพวกคนรวยคือ มาสนทนากัน ส่วนอาหารคือพร็อบประกอบฉาก เอามาวางไว้เฉยๆ พอคุยกันจบ ก็ทิ้งอาหารพวกนั้นไปเลย พวกคนรวยเขาใช้ทรัพยากรกันสิ้นเปลืองแบบนี้แหละ

614 Nameless Fanboi Posted ID:vWPPwDjFrd

>>613 กูเห็นวงเหล้าแถวบ้านก็ทำนะ

615 Nameless Fanboi Posted ID:QjZxJkbX2b

>>613

พอคนแก่บอกให้กินอาหารให้หมดเพราะชาวนาทำงานหนัก พวกมึงก็แซะด้วยการบอกว่าจ่ายเงินไปแล้วเรื่องกู

แต่พอเป็นคนรวยที่จ่ายเงินไปแล้วเหมือนกันทำหมูไหม้ ทำเป็นมาwokeเรื่องทิ้งขว้าง

ขำ

616 Nameless Fanboi Posted ID:PCbWjW1+vl

>>613 เมาส์กันเพลิน ส่วนคนเขียน ไม่มีอะไรจะคุยเลยกินอยู่คนเดียว คนอื่นก็คงเกรงใจละมั้ง

617 Nameless Fanboi Posted ID:py0dg2ecD4

คิดว่าปีเสือ 2565 จะดุไม่แพ้ปีวัว แนวโน้มการเมืองและเศรษฐกิจมีคนพูดไปเยอะแล้ว แต่คิดว่า มิติทางศีลธรรม-วัฒนธรรมก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ในเมื่อดูทรงแล้วเผด็จการอำพราง aka ฟาสซิสต์แบบไทยๆ น่าจะลุแก่อำนาจมากขึ้น ใช้อำนาจแบบไม่แคร์ใครมากขึ้น ทำให้ 2565 น่าจะเป็นปีแห่งการทดสอบ "จุดยืนทางศีลธรรม" ทั้งระดับปัจเจกและสังคม ที่ชัดเจนกว่าปี 2564 โดยเฉพาะในเรื่องที่อยุติธรรมอย่างชัดแจ้ง หรือเรียกร้องมโนธรรมอย่างชัดเจน

ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวข้อง แต่ไม่ปริปากพูดถึงจุดที่เป็นปัญหาเห็นๆ ก็จะถูกตั้งคำถาม(และอาจทัวร์ลง 55) มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดยืนและความเป็นกลาง(ที่แท้จริง หมายถึงการตัดสินอย่างเป็นภววิสัยและมืออาชีพ ไม่ใช่กลางระหว่างถูกกับผิด) เช่น

- ทำเรื่องปราบปรามคอร์รัปชัน แต่ไม่แตะการฉ้อฉลเชิงอำนาจ
- เรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่แตะบทบาทสถาบันและกองทัพ
- ผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ไม่แตะเมกะโปรเจกต์ที่รัฐไม่(อยาก)กำกับ
- ดันเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ไม่พูดถึงคดี 112 และ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
- เรียกร้องให้ลดความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่แตะอำนาจผูกขาด ไม่แตะการเก็บภาษีทรัพย์สินจากเศรษฐีในอัตราก้าวหน้า

#ตามดูอย่างใกล้ชิดกันต่อไป

618 Nameless Fanboi Posted ID:tfpdD4YvK8

>>612 ไม่สวมหน้ากาก ไม่ฉีดวัคซีน ไบเดนผิด

619 Nameless Fanboi Posted ID:0BJZxdwAzi

>>618 ถูกต้องนะครับ บ้านเราก็เหมือนกัน คนติดเพราะไปมั่วสุมกันเอง ลุงตู่ไม่ผิด

620 Nameless Fanboi Posted ID:driIVv56pq

ณ๊องๆคนรุ่นใหม่ในทวิตเตอร์ ด่าพวกบูมเมอร์ว่าขี้โกงทำลายชาติ ไหงวันนี้แทกรับจ้างสอบถึงเทรนดิ้งได้อ่ะครับณ๊องๆ

ทำไมด่าพวกหัวหงอกไว้แล้วเสือกทำซะเอง

ให้มันจบที่รุ่นเราไหมล่ะครั๊ป

621 Nameless Fanboi Posted ID:/PgRisTBSz

>>620
ไอ้เอ๋อมาโชว์โง่อีกแล้ว ในแท็กมีแต่คนด่าเป็นส่วนใหญ่นะน้องหลิ่มเอ๋อออออ ว่างๆพาแม่มึงไปทำหมันที่โรงบาลหมาด้วยละ

622 Nameless Fanboi Posted ID:driIVv56pq

ถ้าไม่มีคนทำ คนจะด่าทำไมอ่ะหนู

ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไม่จ้าง พวกนี้จะทำเงินจากไหนอ่ะ อิอิ

623 Nameless Fanboi Posted ID:/PgRisTBSz

>>622
ถถถ ไอ้เอ๋อโชว์โง่อีกแล้ว อาจจะมีคนทำคนมึงเหมาหมดเลยว่าเด็กรุ่นใหม่ทุกคนทำเหรอ เอ๋อสมเป็นหลิ่มปัญญาอ่อนดีว่ะ

624 Nameless Fanboi Posted ID:driIVv56pq

>>623
จ้างให้ไปสอบ = ยังเรียนอยู่
ยังเรียนอยู่ = อายุน้อย
อายุน้อย = เด็กรุ่นใหม่

ตรรกะอ่ะนาย

625 Nameless Fanboi Posted ID:P.WUJ97Tqv

>>623 แล้วตอนมึงเหมาBoomersว่าขี้โกงหมดทุกคนนี่ไม่เอ๋อเลยเหรอ

626 Nameless Fanboi Posted ID:/PgRisTBSz

>>625 ถถถ ในแท็มีคนด่าเพียบหลิ่มเอ๋อยังเหมาว่าเด็กจ้างสอบหมด แล้วกูไปเหมา boomer ตอนไหนวะ เอามาดิ๊ไอ้เอ๋อ

627 Nameless Fanboi Posted ID:/PgRisTBSz

>>624 ตรรกะปัญญาอ่อนของมึงเหรอ ถถถ เข้าไปอ่านในแท็กยังคนด่าเพียบไอ้ปัญญาอ่อน

628 Nameless Fanboi Posted ID:IL09/jLJmk

เหลียดใครในสามก๊กมันขึ้นอยู่กับคนอ่านแล้วย้อนมองว่าตังเองอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน

ซุนกวน - มรดกพ่อกับพี่สร้างไว้ ผลงานลูกน้องเด่นกว่านาย ระยะยาวก็รู้ๆกัน (เอาจริงๆกูก็ขี้เกียจตามก๊กนี้ด้วย เกิดมาก็รวยเลยไม่ค่อยอยากตาม)

เล่าปี่ - อดีตเด็กสลัมแว้นท์ขี่ม้า คอยดักตบทรัพย์ผ้าเหลืองๆมาทำทุน เอานักเลงขายหมู(รวยมีตัง)&ฆ่าคนหนีคดี? มาเป็นพี่น้องครอบครัวยังกับทอเรตโต้ fast furious ต้องปากกัดตีนถีบตั้งแต่ต้นพนักงานใครดีใครห่วยก็รับหมด แต่ถ้าหักหลังก็ตัดทิ้ง(ลิโป้) ปากกล้าหน้าด้านอ้างชื่อสกุล

จากเด็กขายเสื่อ(สมัยนี้คงขายยา )ทำทุกวิถีทาง เพื่อผลักดันตัวเองให้สูงขึ้นมา แม้จะเหยียบหัวคนไต่ขึ้นมา เลยอาจทำให้เหล่าชนชั้นสูงหมั่นไส้ไอ้แว้นท์เจ๊กคนนี้กัน พอไต่ขึ้นสูงแล้วพลาดตกลงมาตายคนเลยสะใจสมน้ำหน้ากัน

โจโฉ - เด็กเส้นพ่อ รู้ไหมกูลูกใคร ยืมนาฬิกาเอ้ยดาบไม่ต้องคืนมาแล้ว สกุลญาติมิตรสหายไม่ใช่กระจอก เมียคนอื่นก็ฟันมาแล้ว พอทำผิดอ๋อมันคือแป้งเดี๋ยวกูตัดผมทิ้งก็ได้
เงินทุนดีกล้าทุ่มซื้อตัวพนักงานลาออกมาเข้าบริษัทตน
เมืองปกครองเป็นที่ทำเลทอง ส่วนเมืองอื่นรอไปก่อนนะ ใครพวกก็ต้องได้กินด้วย แต่ใครกล้าขัดมึงอาจติดเชื้อในกระแสเลือด
แถมมีฮ่องเต้ม.44ให้สั่งบังคับได้ทันใจ

คนยุคนี้จะอวยโจโฉก็ไม่แปลกนะ
แต่คนยุคเก่า ที่จนมาก่อน มันชีวิตคล้ายเล่าปื่คนเลยชอบเล่าปื่เยอะกว่า

ปล. มองเทาๆออกแบบไหนก็ได้หมดแหละ ต่อให้อิง ปวศ. เราจะมั่นใจได้ไหมว่าคนเขียนไม่แอบแต่งเสริมแก้ไขแบบที่เราเจอๆกันของชาติอื่น

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

629 Nameless Fanboi Posted ID:22XtpfJjl+

>>628 ของไทยเหมือนเอาเรื่องเหี้ยๆของทุกก๊กมารวมกัน ตอแหลโหนบรรพบุรุษเหมือนเล่าปี่ โหดเหีัยเยดเก่งบิดกฎหมายเหมือนโจโฉ ซุนกวน...นึกไม่ออกว่ะ จืดเกิน ช่างแม่ง

630 Nameless Fanboi Posted ID:BfT92a+GN7

>>628 กูมองว่าคนรุ่นใหม่ (ที่ไม่ได้หมายถึงม็อบ 3 นิ้วนะ มันมาก่อนนั้นสักระยะละ) ชอบโจโฉเพราะมันตรงไปตรงมาดีน่ะ ไม่ต้องอ้างศีลธรรมความเป็นคนดีเพื่อชุบตัวแบบเล่าปี่ พวกกระแสตั้งคำถามกับภาพลักษณ์ความเป็นผู้ดีสูงส่ง มันเริ่มถูกพูดถึงตั้งแต่ Gen Y มีปากมีเสียงเมื่อราว 10-15 ปีก่อนละ

631 Nameless Fanboi Posted ID:hP5zIsRvSw

>>628 เล่าปี่ตอนเด็กยากจนก็จริง แต่ตอนวัยรุ่นมีเศรษฐีแซ่เล่ามาส่งเรียนหนังสือกับอาจารย์สุมาเต็กโช เป็นเพื่อนร่วมชั่นกับกงซุนจ้าน

632 Nameless Fanboi Posted ID:zToEyANl5+

คนยุคเก่าชอบเล่าปี่เพราะนิยายมันแต่งออกมาให้เล่าปี่เป็นพระเอก หนังทำออกมาก็ทำให้เล่าปี่เป็นพระเอกตามนิยาย ก็ชอบเล่าปี่กัน
คนยุคใหม่มาย้อนดู บวกเจอคนวิเคราะห์บอกว่าจริงๆโจโฉก็ไม่ได้เป็นคนเลวเหมือนในนิยาย เลยเข้าสภาวะตาสว่างมาอวยโจโฉกัน

633 Nameless Fanboi Posted ID:42zDO1jrDH

คนชอบโจโฉเพราะแม่งเผด็จการนั่นแหละ
ลองบอกโจโฉชอบประชาธิปไตยคงขำกลิ้ง

634 Nameless Fanboi Posted ID:SkRrdZ0IIJ

>>630 ว่าไงดีล่ะ ที่ว่าเชียร์เพราะตรงไปตรงมานั่นก็ใช่ แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นตามกระแสด้วย เท่าที่กูจำได้มันเริ่มจริงๆก็ช่วงที่สามก๊กฉบับคนเดินดินที่อวยโจโฉด่าเล่าปี่ขงเบ้งโคตรๆ ออกมาประมาณ20ปีที่แล้วมั้ง เพราะฉบับนี้อ้างว่าเอาข้อมูลจากปวศ แต่จริงๆอ้างอิงปวศกับนิยายปนกันมากแล้วมีจุดผิดไม่น้อยด้วย แต่ก็ทำให้แฟนอวยโจโฉเยอะขึ้นมากๆ ทีนี้มันก็แพร่ไปทางเน็ต พวกข้่อมูลอ้างอิงที่ไม่มากและมีส่วนผิดอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีก กูว่าส่วนใหญ่ที่อวยโจโฉไม่ได้รู้ปวศของโจโฉจริงเท่าไรหรอก ส่วนที่ตอแหลมันก็มี เช่นที่ไปร้องไห้หน้าหลุมศพอ้วนเสี้ยว หรือบอกตัวเองภักดีแต่ก็วางเครือข่ายขุนนางพวกพ้องตัวเองจนฮั่นไม่เหลือที่ยืน หรือแทนที่จะสั่งฆ่าซุนฮกตรงๆก็ส่งขนมกล่องเปล่าไปให้เป็นนัยแทน มือตัวเองไม่เปื้อนเลือดงี้

>>631 อจ.ไม่ใช่สุมาเต๊กโช ในนิยายเป็นโลติด ในปวศ ไม่แน่ใจ

635 Nameless Fanboi Posted ID:P.AlcZ8EWq

สิ้นปีแล้ว จะมาสรุปเศรษฐกิจไทยปีนี้ รวมถึงความเสี่ยงปีหน้าให้ทุกคนฟัง

ปีนี้ หากต้องให้คะแนนเศรษฐกิจไทย เรียกว่าสอบตก
ไม่ว่าเทียบกับใคร เราโตต่ำกว่าเค้าหมด

เราโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเศรษฐกิจโลก
ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน
และที่สำคัญสุด หากเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียน ถ้าไม่นับพม่าที่เจอปัญหาการเมืองในประเทศ
เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุด

เศรษฐกิจโลกปีนี้ IMF ประเมินโตที่ 5.9% ประเทศกำลังพัฒนาโตที่ 6.4% ส่วนอาเซียน ADB ประเมินว่าโตที่ราว 3% ..เศรษฐกิจไทยโตแค่ 0.9 - 1% เท่านั้น

.. เห็นอย่างนี้แล้ว น่าหดหู่จริงๆฮะ

แล้วปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร จะดีกว่านี้มั๊ย มีความเสี่ยงอะไรรออยู่

ในความเห็นผม ปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงอย่างน้อย 5 เรื่อง ที่เราต้องเตรียมรับมือกัน

1. โควิดจะทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ ต้องล็อกดาวน์อีกมั๊ย

ถ้ามีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เรื่อยๆ ควบคุมยาก จนรัฐต้องล็อกดาวน์ ปิดห้างร้านอีก จะส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศสูง เศรษฐกิจไทยเสี่ยงหดตัวมาก

2. โควิดจะทำให้การเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงัก หรือไทยต้องปิดประเทศอีกมั๊ย

เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง ก่อนโควิด มีนักท่องเที่ยวปีละ 40 ล้าน มีส่วนจ้างแรงงานมากถึง 1 ใน 6 ดังนั้นตราบใดที่นักท่องเที่ยวไม่กลับมา เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบสูง

จะเห็นว่า ความเสี่ยงทั้ง 2 ข้อล้วนขึ้นกับโควิด ว่าเราจะคุมโควิดได้ดีแค่ไหน ปีหน้าจะรับมือการแพร่ระบาดได้ดีกว่าปีนี้หรือป่าว

3. เงินเฟ้อ สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่ง

ทั่วโลกอยู่ในช่วงเงินเฟ้อขาขึ้น หลายประเทศเงินเฟ้อพุ่งทำลายสถิติ ทั้งจาก ราคาน้ำมัน เชื้อเพลิง อาหารและปัญหาห่วงโซ่การผลิตสินค้าทั่วโลกที่สะดุด (Supply Chain Disruption) ไปจากโควิด ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น ทั้งหมดนี้จะเห็นชัดในปีหน้า

ดังนั้น คนไทยต้องเตรียมรับมือของแพง ค่าครองชีพที่เพิ่ม ซึ่งเสี่ยงซ้ำเติมผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ที่รายได้ลดลงในสถานการณ์โควิดอยู่แล้ว

4. กระแสการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนทั่วโลก เสี่ยงกระทบการลงทุนและจ้างงานในประเทศ

จากปัญหาห่วงโซ่การผลิตที่สะดุด บรรษัททั่วโลกมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิต พึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศให้น้อยลง เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนวัตถุดิบนำเข้าจนกระทบการผลิตสินค้า ไทยในฐานะเป็นแหล่งลงทุนเพื่อผลิตสินค้าขั้นกลาง มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าขั้นกลางจำนวนมาก เสี่ยงสูญเสียคำสั่งซื้อหรือถูกย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น กระทบการจ้างงานในประเทศ

5. ความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ในบรรยากาศที่ทั่วโลกเงินเฟ้อสูงขึ้น หลายประเทศมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษก็พึ่งประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือเงินเฟ้อเช่นกัน

การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเสี่ยงกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน นอกจากนี้หากไทยมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็เสี่ยงกระทบการลงทุน กระทบผู้มีหนี้สิน และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว

ทั้งหมดนี้คือปัจจัยระยะสั้นที่จะกระทบเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ยังไม่รวมปัจจัยอื่นเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวัน ปัญหาหนี้เสียในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

สรุปว่าปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังเจอความท้าทายหลายอย่าง หากเรา โดยเฉพาะรัฐบาลไม่เตรียมรับมือให้ดี เศรษฐกิจไทยคงเสี่ยงซ้ำรอยปีนี้ คือโตต่ำ โตช้า โตไม่ทันคนอื่นต่อไป

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

636 Nameless Fanboi Posted ID:P.AlcZ8EWq

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้รับเกียรติจาก ดร.พิม มโนพิโมกษ์ คุณสุพริศร์ สุวรรณิก และ คุณชัยธัช จิโรภาส มาบรรยายในงาน PIER Research Exchange ออนไลน์ ในหัวข้อ “The Macroeconomic Effects of Climate Shocks in Thailand”
งานศึกษาชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง (climate shocks) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและปานกลาง โดยวิเคราะห์ผลกระทบต่อ real GDP growth และเงินเฟ้อทั้งในระดับภาพรวมของประเทศและในรายหมวดย่อย รวมถึงศึกษาถึงความแตกต่างของผลกระทบ climate shocks ต่อกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ ทั้งนี้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า
1. Climate shocks ส่งผลในทางลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและท่องเที่ยว โดยผลของ climate shocks มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละรายอุตสาหกรรม และผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังขึ้นอยู่กับทิศทางและขนาดของ climate shocks เป็นสำคัญด้วย
2. กลุ่มจังหวัดที่มีรายได้ที่แท้จริงต่อหัวต่ำจะมีความอ่อนไหวและได้รับผลกระทบเชิงลบจาก climate shocks มากกว่า ในขณะที่กลุ่มจังหวัดที่พึ่งพาการเกษตรจะได้รับผลกระทบที่ไม่รุนแรงเท่า
3. Climate shocks มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม หาก climate shocks มีความรุนแรงสะสม จะสามารถส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้และคงค้างอยู่นาน ถึงแม้ว่าผลกระทบของ climate shocks ส่วนมากจะส่งผลต่อราคาอาหารสดมากที่สุด ผลการศึกษายังพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) อาจได้รับอิทธิพลในทางอ้อมจากการส่งผ่านต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นได้
ผลการศึกษาทั้งหมดมีนัยต่อการดำเนินนโยบายการเงิน อาทิ ประเด็นการเกิด trade-off ในการใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังเกิด climate shocks ที่รุนแรง การดำเนินนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด รวมไปถึงความสำคัญของการสื่อสารเพื่อช่วยยึดโยงเงินเฟ้อคาดการณ์หลังเกิด climate shocks นอกจากนี้ การเกิด climate shocks ที่จะมีแนวโน้มรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ย่อมสร้างความท้าทายในการสร้างแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์ตัวแปรทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการดำเนินนโยบายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สามารถเข้าชมสไลด์ประกอบการบรรยายได้ที่ https://www.pier.or.th/exchanges/2021/17/

637 Nameless Fanboi Posted ID:F2v9Pky52e

10 ข้อหา #พิมรี่พาย
.
1. จำหน่ายเครื่องสำอางไม่ได้จดแจ้ง โทษสูงสุด ปรับ 20,000 บาท (พระ ราชบัญญัติเครื่องสำอาง 2558 )

2. จําหน่ายเครื่องสําอางไม่มีฉลาก โทษสูงสุด จำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท (พระราชบัญญัติเครื่อง สำอาง 2558 )

3. จำหน่ายเครื่องสำอางหมดอายุ โทษสูงสุด ปรับ 10,000 บาท (พระ ราชบัญญัติเครื่องสำอาง 2558 )

4. จําหน่ายอาหารหมดอายุ โทษสูงสุด จําคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท (พระ ราชบัญญัติอาหาร 2522 )

5. จำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ โทษสูงสุด จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท (พระราชบัญญัติอาหาร 2522 )

6. จําหน่ายสินค้าควบคุมไม่มีฉลาก โทษสูงสุด จําคุก 6 เดือน ปรับ 100,000 บาท (พระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค 2522)

7. ช่วยขายของหนีภาษี โทษสูงสุด จําคุก 5 ปี ปรับ 4 เท่าราคาสินค้า (พระราชบัญญัติศุลกากร 2560)

8. ฉ้อโกงประชาชนโทษสูงสุด จําคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท

9. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา14 (1) โทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000บาท และ

10. ฟอกเงิน โทษสูงสุด จำคุก 10 ปี

ทั้งหมดนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ ทนายรัชพล ศิริสาคร นําเอกสารหลักฐาน ยื่นเรื่องร้องขอให้ บก.ปคบ. ตรวจสอบ และสําเนินคดีกับ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์-ยูทูบเบอร์ชื่อดัง

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

638 Nameless Fanboi Posted ID:aOjhbE8o16

>>637 จำคุกความผิดครั้งแรก ถึงตัดสินว่าผิดจริงก็รอลงอาญาอยู่แล้ว แต่หงุดหงิดค่าปรับว่ะ ใส่ตัวเลขไปในกฎหมาย พอผ่านไปนาน ๆ ค่าเงินก็น่อยลงกลายเป็นปรับเท่าจิ๋มมด มีข้อ 7 อันเดียวที่อาจโดนเยอะหน่อย นอกนั้นไลฟ์วันเดียวก็เกินแล้ว

639 Nameless Fanboi Posted ID:F2v9Pky52e

>>638 รู้สึกมันนับต่อเคสนะ เลยตั้งไว้น้อย อย่างปรับไม่เกิน 10,000 แต่ถ้ามี 100 เคสก็ล้านนึง

กูไม่แน่ใจว่านางมีกี่เคสนะ แต่ถ้าทุกคนฟ้องก็เอานางหมดตัวได้เลย เพราะนอกจากค่าปรับแล้วต้องจ่ายชดเชยคนฟ้องอีก

640 Nameless Fanboi Posted ID:P.AlcZ8EWq

1. Empire of Pain

ประสบการณ์อ่านที่วางไม่ลงที่สุดแห่งปี 2021 ของตัวเอง และหนึ่งในหนังสือสารคดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยอ่าน เขียนโดยนักข่าวสืบสวนสอบสวนที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในอเมริกา เล่าเรื่องราวของตระกูล Sackler อภิมหาเศรษฐีซึ่งคู่ควรกับการถูกเรียกว่า "dynasty" หรือ "ราชวงศ์" ด้วยความที่มีอิทธิพลมหาศาลทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ตีแผ่ความชั่วร้ายของตระกูลนี้เบื้องหลังวิกฤตเสพติดยาแก้ปวด opioid ในอเมริกา (รวมถึงการมีส่วนร่วมในวิกฤตของข้าราชการ นักการเมือง ผู้ดำเนินนโยบายสาธารณสุข แพทย์ และตัวละครจากอีกหลายภาคส่วน) อย่างชัดเจน เจ็บแสบ ละเอียดลออ และน่าทึ่งตลอดความหนา 500 กว่าหน้า

หนังสือแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกพาไปเจาะเบื้องหลังและชีวิตของ Arthur Sackler ผู้นำตระกูลที่สร้างความมั่งคั่งและพาครอบครัวไปบุกอุตสาหกรรมยาตั้งแต่ต้น ส่วนที่สองพูดถึงการคิดค้นยา OxyContin และส่วนสุดท้ายพูดถึงจุดเริ่มต้นที่ตระกูลเริ่มเสียชื่อเสียง ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าสมาชิกหลายคนของตระกูลนี้เห็นแก่ตัว โลภมาก และเจ้าเล่ห์ขนาดไหนในการผลักให้ Purdue Pharma (บริษัทยาที่ Sacklers เป็นเจ้าของ) ขึ้นแท่นครองตลาดยาแก้ปวดในอเมริกา

คู่ควรทุกประการกับคำโปรย "secret history" เพราะตระกูล Sackler ที่ผ่านมาพยายามทุกวิถีทางที่จะสร้างภาพว่าเป็นตระกูลเศรษฐีใจบุญ (บริจาคเงินมโหฬารให้กับมิวเซียมและโรงเรียนทั้งประเทศ และอุปถัมภ์ศิลปวัฒนธรรมหลายแขนง) และตีตัวออกห่างวิกฤต opioid ทั้งที่ตัวเองไม่เพียงแต่อยู่เบื้องหลัง แต่ยังหาทางหลบเลี่ยงการตรวจสอบทุกวิถีทาง ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยยอมรับผิดใดๆ ต่อสาธารณะเลย

ที่สุดของข่าวเจาะและหนังสือสารคดี ตีแผ่ด้านมืด(ที่มืดมากๆ) ของทุนนิยมอเมริกัน บริษัทและตระกูลเศรษฐีที่หน้าเลือดและหน้าเงินที่สุดแห่งหนึ่งได้ชนิดไร้ข้อปฏิเสธ น่าจะขึ้นแท่น "หนังสือแห่งปี" ของหลายสำนักและกวาดรางวัลอีกมากมาย

หวังว่าวันหนึ่งจะเขียนหนังสือได้ดีอย่างนี้บ้าง :)

641 Nameless Fanboi Posted ID:P.AlcZ8EWq

ดู Don’t Look Up แล้วคิดขึ้นมาถึงประเด็นหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องของการ ‘สืบทอดอำนาจ’
.
ที่จริงหนังไม่ได้พูดเรื่องนี้ตรงๆ แต่พูดถึงมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่มีอำนาจทางการเงินมากมายมหาศาล จนสามารถเลือกเอาชีวิตคนทั้งโลกไป ‘เสี่ยง’ กับหายนะระดับสูญพันธุ์ และเขาทำอย่างนั้นได้ เพราะมีอำนาจผ่านเงิน ทำให้เกิดการปกครองแบบอ้อมๆ ที่น่าจะพอเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบ Plutocracy หรือเศรษฐยาธิปไตย ผ่านการแผ่อิทธิพลไปครอบงำประธานาธิบดีของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
.
อย่างไรก็ตาม พอดูแล้วก็นึกถึงประเด็น ‘การสืบทอดอำนาจ’ โดยผ่านสายเลือด ที่สามารถยกมรดกพกสถานทั้งหลายให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานและรุ่นถัดๆ ไป ทั้งในรูปแบบของเงินทองและ legacy ต่างๆ ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งเหมือนกัน
.
ระบบการสืบทอดอำนาจแบบนี้ดูเผินๆ ไม่อันตราย เพราะถ้ามีสัก generation ที่บริหารดีๆ อำนาจก็จะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล แต่ถึงจุดหนึ่ง มันจะมหาศาลเสียจนไม่สามารถลดน้อยถอยลงได้อีก เช่นถ้าคุณเป็นตระกูลที่มีเงินสักหมื่นล้านบาท จะทำอย่างไรเงินนั้นก็ไม่สามารถลดลงได้เลย แค่ฝากธนาคารไว้เฉยๆ ก็เพิ่มมหาศาลแล้ว
.
ซึ่งถ้าคนในตระกูลนั้นในแต่ละยุคสมัยมีสำนึกทางสังคมที่ดีก็ดีไป แต่โดยหลักความน่าจะเป็นแล้ว โอกาสที่คนสืบสายเลือดไปเรื่อยๆ แล้วจะเกิดความผันแปรทั้งทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดู จะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้ามีสัก generation หนึ่งที่ได้ผลผลิตออกมาแย่ แต่แย่แล้วมีอำนาจมากๆ (แบบเศรษฐีในเรื่อง) ก็อาจส่งผลร้ายต่อสังคมได้มหาศาลทีเดียว
.
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็เลยนึกถึง ‘ภาษีมรดก’ ที่มีไว้เกลี่ยกระจาย ไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน แต่คือการเกลี่ยกระจาย ‘อำนาจ’ ผ่านการปกครองแบบ Plutocracy ที่อาจเกิดขึ้นทางอ้อมได้ (เงินกับอำนาจแยกออกจากกันยากมาก)
.
ดังนั้น ข้อถกเถียงที่ว่า ฉันอุตส่าห์หาเงินมาแทบตาย ถ้าฉันรวยมากๆ ทำไมจะยกให้ลูกหลานของฉันไม่ได้ จึงมีคำตอบอยู่ตรงนี้นี่แหละครับ นั่นคือคุณไม่สามารถรับประกันได้หรอกว่า ลูกหลานในอนาคตของคุณตลอดชั่วนิรันดร์กาล จะเป็นคนที่มีสำนึกทางสังคมที่ดี แต่พวกเขาจะมี ‘อำนาจ’ มหาศาลที่ส่งผลต่อสังคมต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะในทางบวกหรือลบ ดังนั้นปัญหาต่อสังคมโดยรวมจึงอาจเกิดขึ้นได้ เพราะลูกหลานของคุณอาจใช้ Plutocracy ทางอ้อมในการก้าวข้ามกลไกการตรวจสอบควบคุมต่างๆ แบบเดียวกันกับที่ตัวละครมหาเศรษฐีในหนังเรื่อง Don’t Look Up ทำก็ได้ ซึ่งหากเกิดเพียงแค่ครั้งเดียว ก็อาจสร้างหายนะได้แล้วเพราะเมื่ออำนาจมาก ผลกระทบก็จะมากตามไปด้วย
.
ถ้ามองในแง่นี้ ความร่ำรวยและอำนาจของตระกูลหนึ่งๆ ที่มีล้นเกิน และขาดกลไกทางสังคมในการเกลี่ยกระจายความมั่งคั่งให้ชอบธรรมและสมดุล จึงอาจเหมือนระเบิดเวลาของสังคมก็ได้
.
และการบอกว่า Don’t Look Up ก็อาจเป็นไปเพื่อ ‘กัน’ ไม่ให้เรา ‘มองขึ้นไป’ เห็นโครงสร้างกดเหยียดที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เหนือหัวของตัวเราเอง โดยไม่มี Dicisive Event หรือเหตุการณ์สุดท้ายที่ตัดสินเด็ดขาด (แบบดาวหางพุ่งชนโลก) มายุติทุกสิ่ง โครงสร้างเช่นที่ว่าก็เลยสามารถดำรงอยู่ได้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
.
สุดท้าย สิ่งเดียวที่เราทำได้จริงๆ ในสภาวะจำยอมก็คือ Don’t Look Up นั่นแหละ
.
เพราะมองขึ้นไปแล้วมัน ‘เจ็บ’ เหลือเกิน

642 Nameless Fanboi Posted ID:6Q/QclCug/

จะรีวิวปี 2021 ตัวเองก็พบว่า เฮ้ย สุดยอดเลย ทุกอย่างที่ตั้งเป้าไว้ตอนต้นปีนี่มัน… ไม่สำเร็จสักอย่าง!

ยิ่งไปกว่านั้นพอมองย้อนไปปีก่อนๆ ก็เหมือนไม่เคยทำอะไรตามเป้าได้เลยนี่หว่า มันน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ คนอะไรจะชุ่ยได้ขนาดนี้!

ทว่าชีวิตมันก็ดูไม่ได้แย่นักหรอกนะ แม้จะมีเรื่องเฟลเยอะ แต่เพราะชอบทำนู่น ทำนี่ไปเรื่อยๆ มันก็มีออกดอกออกผลให้กันบ้าง

แต่ที่บอกเนี่ย ไม่ได้หมายถึงว่า ไม่ต้องแพลน ไม่ต้องมีเป้าหมายนะเฟ้ย คือทำได้มันก็ดีไง ผมก็อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จกับทุกอย่างที่ทำอยู่นะ แต่พอทำไม่ได้ จะให้ทำไงฟระ ร้องไห้เรอะ? นั่งเศร้าเรอะ? สุดท้ายก็เรียนรู้และไปต่อ ช่างแม่ง

คงยึดเบสไลน์อยู่ที่ยังสามารถรับผิดชอบตัวเองและคนรอบตัวได้ก่อน ลุยๆ กันไป ยังไงก็รู้สึกเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นทุกปี มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย

ท้ายสุด เมื่อเราหลีกเลี่ยงความผิดหวังไม่ได้ การที่จะเป็นคนที่เก่งขึ้น มันคงมีแค่ 2 ทาง

ทางแรก คือ เรียนรู้ ปรับตัว ลุยต่อ ฟังเหมือนง่ายแต่ยาก แต่หากทำได้มันก็เหมือนเราเลเวลอัปตลอด

ทางที่สอง นั้นง่ายกว่ามาก เป็นทางที่ผมใช้ทุกปี หากทำทางแรกไม่ได้ แต่ยังอยากดูเป็นคนเก่ง ก็แค่ตั้งสเตตัสรีวิวประจำปี หามุมความคิดเท่ๆ มั่นหน้าสอนคนอื่น เท่านี้คนก็จะมองว่าคุณเก่งแล้ว!

เชื่อผม ผมทำมาหลายปี มีแต่คนคิดว่าผมประสบความสำเร็จ ธุรกิจยิ่งใหญ่ เป็นเศรษฐีคริปโต เกษียณตัวเองเป็น Food blogger โอ มาย ก็อด

และถ้าใครยังคิดอย่างนั้นอยู่ ก็ลองกลับไปอ่านพารากราฟแรกดู …จะรู้ความเป็นจริง 😭

643 Nameless Fanboi Posted ID:WnlIxv4LIy

>>639 เห็นว่าหลายคนเปลี่ยนใจไม่ฟ้องแลกกับค่าชดเชย 5,000 เพราะไม่อยากเสียเวลาขึ้นศาล อหเอ๊ย 5,000 คือแม่งก็ยังกำไรเพราะมันเอาของเหลือทั้งมาให้ตั้งแต่แรก ฝั่งลูกค้าก็คือยังขาดทุนอยู่ดีเพราะไอ้ของที่ได้มายังไงก็ใช้ไม่คุ้ม 5,000
สรุปคือไม่มีอะไรเปลี่ยน ดังแล้วดังเลย คนอวยก็อวยต่อไป งี่เง่าชิบหายประเทศนี้

644 Nameless Fanboi Posted ID:gH5WgFqC/G

>>643 แทนที่จะบ่น ไปรณรงค์แก้ระบบศาล(จริงๆก็ทั้งระบบราชการเลยแหละ)ให้มันสะดวกสบายกับคนมาฟ้อง/ใช้บริการมากกว่านี้จะดีกว่าไหม นี่ขนาดจะฟ้องยังไม่อยากฟ้องยอมรับ5000ดีกว่า กูมองไปที่ระบบศาลมากกว่าว่าจะวุ่นวายยุ่งยากอะไรขนาดนั้น ขนาดโจทก์ยังแบบนี้แล้วจำเลยจะขนาดไหน กรณีจำเลยก็มีที่โดนแกล้งไปฟ้องไกลถึงตจว ไกลๆ ให้ไปสู้คดีเสียเงินทองมาก ไม่นับเรื่องที่ไม่ได้ประกันตัวหรือสั่งพิจารณาลับอื่นๆอีก ถ้าประเทศนี้มันจะห่วยไม่ใช่เพราะคุณภาพคนเป็นหลักหรอก

645 Nameless Fanboi Posted ID:TLKGJQNqOG

>>643 ไม่แปลกหรอก ปกติก็งี้ละ

ส่วนจะร่วงมั้ยต้องดูต่อไป ถ้านางล้มเรื่องที่ลุกยากจริงๆ แบบลุงพลก็จบ

>>644 มันควรจัดกลุ่มกันฟ้องหมู่แบบเมกาดีกว่า ทีเดียวจบไปเลย

ส่วนเรื่องศาลฟ้องยากเป็นกันทุกประเทศละ ขนาดเมกาที่ฟ้องร้องกันขนาดนั้นก็มีการยอมความกันบ่อยกว่าเยอะ เรื่องฟ้องที่กันดารนี่เหมือนจะเป็นทุกประเทศเลย อย่างเคสป๋าเด็ปนี่ก็ล่อกันข้ามประเทศข้ามรัฐเหี้ยๆ

646 Nameless Fanboi Posted ID:2AxEiG1+ZW

>>645 ป.แพ่ง ไทย มีฟ้องแบบกลุ่มนะ แต่ประเด็นคือผู้เสียหายไม่รู้จักกฎหมายตัวนี้ เข้าใจว่าต้องฟ้องเอง

647 Nameless Fanboi Posted ID:gH5WgFqC/G

>>645 เคสเดปป์นี่อันนี้รึเปล่า "เด็ปป์จึงฟ้องศาลทั้ง 2 ประเทศ คือ ฟ้องเดอะ ซัน ข้อหาหมิ่นประมาทที่อังกฤษ และฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ด ที่ศาลในรัฐเวอร์จิเนีย ข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน" https://workpointtoday.com/explainer-johnny-depp/ เดปป์มันฟ้องในศาลในท้องที่ๆจำเลยอยู่ ส่วนในไทยมันไปไล่ฟ้องมั่วเอาสะดวกตัวเอง เช่นโจทก์เห็นจำเลยโพสด่าขณะที่ตัวโจทก์เองนั่งแดกข้าวอยู่แถวบ้านในจังหวัดชายแดน แม่งก็ฟ้องแถวบ้านตัวเองเลย จำเลยอยู่กทม ก็ต้องไปขึ้นศาลแถวชายแดนอะไรงี้

648 Nameless Fanboi Posted ID:gH5WgFqC/G

>>646 อันนี้ก็เป็นที่การศึกษาด้วยไหม ถ้านึกถึงประถม-มัธยม กูนึกไม่ออกนะว่าสอนกฎหมายเป็นเรื่องเป็นราวตอนไหน จะมีสอนหน่อยก็พวกนิยามของกฎหมายต่างๆ เช่นรธน พรบ หรืออธิบายหน้าที่พลเมืองอะไรงี้ แทนที่จะเรียนปวศอวยๆซ้ำๆซากๆ หรือไอ้พวกคำสอนบุดด้าตั้ง6-10ปี กูว่าตัดไปครึ่งนึงแล้วเพิ่มวิชากฎหมายพวกนี้ยังดีกว่า

649 Nameless Fanboi Posted ID:TLKGJQNqOG

>>646 พึ่งรู้ว่ามี กรณีนี้คงอยู่ที่ตัวทนายด้วย เมกามันมีพวกทนายอาสาที่หวังเงินกับความดังจากคดีกลุ่มเยอะ ของไทยพวกนี้ก็มี แต่ไม่รู้ทำใมไม่ทำ

>>647 ไม่ใช่ ทั้งคู่ไม่อยู่ใกล้เวอจิเนียร์แม้แต่น้อย ส่วนใหญ่ทั้งคู่อยู่ LA เพราะทำงาน LA อยู่สุดตะวันตก ส่วนเวอจิเนียร์อยู่สุดตะวันออก

ส่วนสาเหตุที่ฟ้องที่นั่นก็ตามนี้

https://www.robertreeveslaw.com/blog/johnny-depp-suing-virginia/

650 Nameless Fanboi Posted ID:BUeDtHAyT/

>>648 ของกูมีตอน ม.ต้น มีสอนแค่คาบยังบ่นต้องมานั่งท่องจำ

651 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

LTF ที่จบที่รัฐเท กองทุนทิ้งไม่ดูแลขาดทุนยับ ประกันที่จบที่เคลมยาก ฝากสิบปีแพ้เงินเฟ้อยับๆ ค่าครองชีพหักได้ 60K ไม่เกรงใจค่า BTS กันเลย เลี้ยงพ่อแม่สองคนหักได้อีก 60K ให้กินมาม่าใส่ผักชีทั้งปียังไม่ค่อยจะพอ อย่าเรียกลดหย่อนเลยครับ

ถ้าเข้าใจไม่เละแบบตอนนี้ครับ

652 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

คือเอาตรงๆ ผมเข้าไจกล้าแหละ ว่ามองว่าทำแบบนี้คนจะหนีไม่ยอมออกมาจ่าย ละมุนละม่อมจัดการได้ดีกว่า แต่เรื่องนี้ผมไม่ได้อยากได้เสดตะกิดดี ผมอยากได้ความเท่าเทียม ถ้าโดนภาษีแล้วจะเจ๊งก็เจ๊งไป ไปยกตัวอย่างทุนใหญ่ได้ยกเว้นอีก อย่าไปยก ไปหาทางเก็บภาษีมันแทนโว้ยยยยย

653 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

ฐานเสียงสลิ่-นี่โหดร้าย ไม่เหมือนฐานแดงฐานส้ม อันนั่นแจกเงินกะยกเลิก 112 ไม่ต้องเหตุผลเยอะ เจ็บคอ

654 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

พรรคแม้ว พรรคทอนฉลาดกว่าเยอะจริงๆ รูจักลูกค้า รูวว่าอะไรคือเรื่องที่กลุ่มลูกค้าตัวเองต้องการ อะไรห้ามแตะ ส่วนปชป. นี่เหตุผลเยอะ ไม่ยอมเลือกข้าง(ลูกค้า)

655 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

ขอเหตุผลดีดีที่คนกลุ่มหนึ่งยังต้องจ่ายภาษีอยู่แล้วเห็นแม่ค้าที่อวดรวยลงโซเชี่ยลควรได้รับการยกเว้นภาษีเพื่อจูงใจให้เข้าระบบหน่อยครับ

656 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

คือไอ้เรื่องภาษีเนี่ย คนตัวเล็กไม่สนเหตุผล สนแต่ความเท่าเทียม

657 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

นี่ขนาดลังเลพรรคกล้าเพราะมีพี่สมคิดร่วมทีมนะ มาแตะเรื่องเก็บภาษีแม่ค้านี่ยอมไม่ได้เลย ถ้าเมืองไทยจะมีแค่ตู่ที่กล้าแตะภาษีนี้ก็คงต้องเลือกตู่แหละ

658 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

เห่นหลิ่มเชียร์อรรถวิท วันนี้ออกมาปกป้องแม่ค้าบอกแต่ก่อนเสียน้อย คนละครึ่งทำเสียตามจริง ... ผมนี่ใบ้เลย ในฐานะคนเสียภาษีมาตลอด

659 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

#เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก
.
การเสนอความคิดนี่ยากอยู่แล้ว การถูกสื่อนำข้อเสนอไปพาดหัวชวนให้คนเข้าใจผิดนี่ยิ่งทำให้การสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างสร้างสรรค์ยิ่งยากขึ้นไปอีก
.
เรื่องแบบนี้ผิดพลาดกันได้ ต้องขอบคุณ 'ประชาชาติธุรกิจ' ที่แก้ข่าวให้หลังเราได้ทักไป
.
หลักการของเราชัดเจนครับว่า ประชาชนคนไทยทุกคนนั้น เมื่อมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี และรัฐบาลหรือพรรคการเมืองก็ต้องตอบให้ได้และทำงานให้ดีว่าเอา “ภาษี” ของประชาชนไปใช้อย่างไร สองอย่างนี้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน
.
แต่แม้แต่ทุนใหญ่ข้ามชาติยังมีมาตรการจูงใจเว้นภาษีให้ พรรคกล้ามองว่า ‘คนตัวเล็ก’ ก็ควรได้รับความช่วยเหลือด้วย ‘แต้มต่อ’ ให้ตั้งตัวได้เหมือนกัน
.
เมื่อวานนี้ เลขาฯ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพฯ เขต9 ของ พรรคกล้า - KLA Party ลงหาเสียงในพื้นที่ตลาดสด เขตจตุจักร-หลักสี่ มีแม่ค้าหลายรายบอกทีมเรามาว่า “คนละครึ่ง” เป็นโครงการที่ดี กระตุ้นการสะพัดของเม็ดเงินให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากในภาวะวิกฤต
.
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ผงะกับการถูกสุ่มเรียกเก็บภาษีในมูลค่าที่สูง ซึ่งอยากที่บอกไว้ครับ ใครมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี และปัญหาของไทยที่หมักหมมมานานคือความเป็นเมือง Shadow Economy มีเศรษฐกิจนอกระบบเยอะเกินไป จนรัฐไม่สามารถใช้ Data ในการดูแลทั่วถึงได้
.
“คนละครึ่ง” จาก แอป “เป๋าตัง” เป็นหนึ่งในกุศโลบายจูงใจให้คนเข้าระบบภาษี และแน่นอนในเชิงกระบวนการต้องละมุนละม่อม ไม่ใช่ดักตีหัวเรียกภาษีทันทีที่เข้ามาในระบบ
.
ผมเข้าใจมุมมนุษย์เงินเดือนนะครับ ท่านเสียภาษีกันอย่างมีวินัยทุกปี และท่านก็ได้รับการ “ลดหย่อน” มากมายหลายรูปแบบตั้งแต่ ลดหย่อนทั่วไปประจำปี ลดหย่อนผ่านระบบการออม ผ่านกองทุน รวมไปถึง ลดหย่อนผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในมุมอดีตรัฐมนตรีคลัง พวกท่านคือกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ
.
รัฐบาลคิดถูกแล้วที่ออกมาตรการอย่าง ‘คนละครึ่ง’ เพื่อช่วยพ่อค้าแม่ขายรายเล็กในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ในเมื่อเขาเดือดร้อนช่วงนี้ ควรให้โอกาสเขาอีกสักนิด เว้นการเก็บภาษีสัก 1-2ปี (หรือเมื่อวิกฤติเริ่มคลี่คลาย) แล้วค่อยๆเก็บภาษีจากเขาเมื่อเขาลืมตาอ้าปากได้ และเมื่อเขาคุ้นเคยและเห็นประโยชน์จากการเข้ามาอยู่ในระบบ
.
นี่คือ ‘ศิลปะ’ การบริหารเศรษฐกิจ ที่ต้องออกมาในเชิงนโยบาย เพราะหากไม่มีนโยบายชัดเจน เราก็จะเห็นราชการทำหน้าที่ของเขา ส่งผลให้เป้าหมายที่ใหญ่กว่าอาจต้องผิดแผนไป
.
#พรรคกล้า #เรามาเพื่อลงมือทำ
#การเมืองสร้างสรรค์ #ปฏิบัตินิยม

660 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ขอเสนอนิดนึงนะคะ พอดีหาคอมเมนท์คุณเกี่ยวกับภาษีไม่เจอนะคะ เลยขอภายใต้นี้นะคะ

ตามหลักการมันควรเป็นอย่างนี้มั้ย

ปัจจุบันคนที่เสียภาษีเงินได้จริงๆ มีน้อยมาก และผู้ที่เสียส่วนใหญ่คือคนที่ทำงานเป็นพนักงานประจำ การหักลดหย่อนภาษีคือ 50% ของรายได้ ไม่เกิน 100000 และค่าใช้จ่าย 60000 มีลูกมีพ่อแม่ ลดได้อีกไม่เท่าไหร่ ที่เหลือต้องไปเลือกว่าจะซื้อพวกประกัน SSF RMF หรืออื่นๆ
แต่ละคนทำอาชีพอิสระ หักได้เลย 60% บางคนรายได้ดีกว่าที่ถูกรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่ายไว้ และร้านค้าหรือหาบเลที่เราเห็นๆ บางคนรายได้ดีกว่าพนักงานบริษัทอีกนะคะ

จริงๆ พรรคกล้า ควรจะเสนอการกระจายการเก็บภาษีให้ได้จำนวนคนเยอะขึ้น อัตราแต่ละช่วงมีความถี่และหลากหลายขึ้น ในส่วนของพนักงานกินเงินเดือน ควรจะปรับค่าใช้จ่ายให้สอดคล้อยกับความจริงบ้าง

บางครั้งการที่เราจะจำกัดความว่า คนตัวเล็ก คือ คนที่เปิดร้านหรือหาบเล่ มันอาจจะแคบไปรึเปล่าคะ มีพนักงานออฟฟิศตั้งมากมาย ที่มีรายได้น้อยกว่าร้านค้า แต่เสียภาษีมากกว่ามาก

เพิ่มเติมนะคะ ในมุมมองเรา การที่มีแอพเป๋าตังค์ นอกจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายของประชาชน เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของเงินในระบบ ยังเป็นลดการหักหัวคิว หรือ การโกง ทั้งยังตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินได้
... มันยังเป็นการช่วยให้รัฐรู้ว่า รายได้ของร้านค้าหรือผู้ขายจริงๆอยู่ที่ประมานเท่าไหร่ ปกติสรรพากรพื้นที่จะลงตรวจสอบและประเมินเอง (เท่าที่เคยได้ยินและมีคนทำร้านค้าบอกนะคะ) มันเลยเป็นภาษีเหมา ซึ่งทำให้เสียต่ำกว่าความเป็นจริงมาก แต่เมื่อมีระบบ คุณจ่ายตามจริงก็ถูกต้องแล้ว

พรรคกล้า ควรชูเรื่องการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง การจัดทำบัญชีร้านค้า และภาษีพื้นฐานนะคะ เพราะเมื่อแม่ค้าพ่อค้ามีความรู้เรื่องบัญชี จะรู้ว่า จริงๆแล้วธุรกิจที่คุณกำลังดำเนินงานอยู่มีรายได้และค่าใช้จ่ายจากตรงไหน ควรปรับปรุงหรือลดอะไร และมันจะสามารถพัฒนาทั้งในรูปของปัจเจกไปจนถึงมหาภาคได้

สุดท้าย เราค่อยข้างชอบคุณกรณ์กับคุณอรรถวิชช์นะคะ แต่เรื่องภาษีนี่ ไม่ไหวจริงๆค่ะ ประเทศเราคนเสียภาษีมีจำนวนน้อยมากๆนะคะ หน้าที่ของพลเรือน(ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน) ถ้าคุณหาเงินได้จากเขา คุณก็ควรจะเสียบ้าง แต่ไม่ใช่อุ้มคนไม่เสียให้ไม่ต้องเสียอีก บางครั้งคนที่น่าสงสารสุดคือคนในระบบนะคะ ทั้งประกันสังคม ทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย

เราเชื่อว่าประเทศจะพัฒนาได้ ไม่ใช่แค่คุณหรือใคร แต่เราทุกคนต้องพัฒนาไปด้วยกัน ดังนั้นคุณควรผลักดันหรือสนับสนุนให้ทุกคนมีองค์ความรู้เรื่องภาษีที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันคนที่บ่นส่วนใหญ่คือคนไม่เคยโดน/จ่ายตามจริง พอโดนก็ตกใจและบ่นว่าไม่เป็นธรรม

สุดท้าย สุขสันต์ปีใหม่ค่ะ

661 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

มองเห็นหัวมนุษย์เงินเดือนบ้างก็ดีนะครับ โดนระบบบังคับจ่ายภาษีมาตลอด ค่ารักษาพยาบาลของประกันสังคมก็ยังต้องจ่ายเองทุกเดือน (เงินประกันสังคมส่วนหนึ่งคือค่าประกันรักษาพยาบาลจ่ายทิ้ง และค่าประกันว่างงานจ่ายทิ้ง) การรักษาพยาบาลยังด้อยกว่าบัตรทองรักษาฟรีเสียอีก ทั้งๆที่มนุษย์เงินเดือนโดนระบบบังคับจ่ายภาษีจ่ายประกันมาตลอด แต่..ความช่วยเหลือต่างๆ มีมาให้แต่คนอื่นที่พวกเขาไม่ได้จ่ายภาษี อย่ามาอ้างว่าจ่าย VAT มากกว่า (ปริมาณคน) แล้วมนุษย์เงินเดือนไม่ต้องจ่าย VAT หรอ จ่ายทั้ง ภงด. และ VAT แต่สิ่งที่ได้กลับมาน้อยมาก รัฐมีแต่เอาเงินไปช่วยเหลือทางอื่นหมด

662 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

ไม่เห็นด้วยที่จะเว้นภาษีไป2ปีแล้วค่อยเก็บ มันไม่แฟร์กับคนที่เสียภาษีมาตลอดชีพ เมื่อเข้าเทศกาลหาเสียง นักการเมืองก็ต้องการคะแนนเสียง แต่อย่าลืมว่าคนพวกนี้ เอาเปรียบคนอื่นมาช้านานมากเท่าไหร่ จนชาติไทยไม่พัฒนาจนถึงป่านนี้ ต้องสร้างความเข้าใจให้คนกลุ่มนี้ ยอมเสียภาษีเหมือนคนอื่นได้ด้วย รายได้พวกนี้มีเงินหมุน บางคนขายได้มีกำไรกันเป็นเดือนละหลายหมื่นหลายแสน เหตุใดจึงจะเอาแต่ได้ ให้รัฐสนับสนุนแต่ไม่ยอมจ่ายภาษีเลย มันไม่ยุติธรรมและมันแย่มาก คนหาเสียงช่วยคนแบบนี้ก็แย่มาก ไม่มีความเป็นธรรมกับคนที่เขาถูกบังคับให้เสียภาษีมานาน ส่วนนายทุนเห็นออกแต่นโยบายช่วยให้รวยยิ่งขึ้นไปภาษีก็จ่ายน้อยลดให้อีก ส่วนชนชั้นกลางจ่ายภาษีเป็นสัดส่วนใหญ่ของรายได้เสียด้วยซ้ำ แถมโดนบีบอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งด้านบนและด้านล่าง มันแฟร์ กับเค้าตรงไหน?

663 Nameless Fanboi Posted ID:5f9coF9xHd

พรรคกล้าไม่น่ามาแตะเรื่องภาษี ของพ่อค้าแม่ค้า เสียคะแนนเสียงและเปลืองตัวเปล่าๆ มนุษย์เงินเดือนอยู่ในระบบ ภงด 11 ล้านคน (ประชากร 69 ล้านคน) เสียจริงๆ 4 ล้าน แถมทางคุณยังบอกรัฐจัดเก็บรายได้ภาษีจาก GDP ได้แค่ 16% แสดงว่าการจัดเก็บรายได้จากระบบภาษีไม่มีประสิทธิภาพ มันต้องแก้ไขโครงสร้างภาษีของประเทศกันใหม่หรือไม่ คิดว่าคุณกรณ์น่าจะรู้เพราะเคยเป็น รมต คลัง แต่ไม่มีใครกล้าแตะเรื่องภาษี เพราะกลัวเสียคะแนนเสียง

664 Nameless Fanboi Posted ID:IEvISod4Y8

พรรคขยะ คิดซะว่า เป็น ใกล้กาว เวอร์ชั่น reverse

665 Nameless Fanboi Posted ID:+/5YtW6oW8

รีวิวปี 2021
- สุขภาพ ปกติดี ไม่มีอะไร นน.เท่าเดิม พยามเล่นริง หุ่นจะได้ไม่ย้วย ไม่ป่วยอะไร มีแค่ภูมิแพ้ บรึ๋ยๆๆๆ ฉีดวัคซีนมา 3 เข็ม
- สุขภาพจิต ขึ้นๆลงๆ เหมือนมี cycle ที่วนเวียนมาจุดนึงก็จะ mental breakdown แล้วก็กลับมาปกติ ต้องกราบเพื่อนๆโดยเฉพาะ เจ้ย แพ้ว เมที่รัก ฮือๆๆๆๆ และคนอื่นๆที่ได้ฟังแพะบ่น ขอบคุลมาก
- การงาน ได้เปลี่ยนมาเริ่มงานนึง ในตำแหน่งที่ไม่เคยทำ จับฉ่ายมั่วซั่วไปหมด 55555555555 แล้วก็บู้ม ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่อืม ไม่พุดดีกว่า 555555
แล้วตอนนี้ก็เริ่มทำงานที่ 5 ได้จะสองเดือนแล้ว ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดีทีเถอะ อ๊าก ตั้งใจมาก
- งานอดิเรก ปีนี้คอสน้อยลงเยอะมาก เพราะยุ่งด้วย+แก่+เหนื่อย+ชุดย้ายไปอยู่บ้านอีกฝั่ง+กดแต่ชุดโลลิต้า จ่ายแพง รอนาน เลยแบบ อ่า ขี้เกียจจังเลยนะ แต่ก็งอกงานอดิเรกใหม่เป็นการทำเรซิ่น ทำอย่างขยันขันแข็งมาก คือมันโคตรจะ teraphy อ่าห์ หวังว่าจะพัฒนาจนมีความมั่นใจที่จะเปิดร้านบ้างน้า
- ความรัก ฉันรักน้ำอร่อย ขอบคุณค่ะ
ใดๆคือผ่านมาได้อีกปีแล้วนะ เก่งมากตัวชั้น 😭😭😭😭
และเก่งมากกับเพื่อนๆที่คอยรับความประสาทแดกของแพะ
ขอบคุณมิตรสหายซัพพอร์ทเตอร์หลายๆท่านที่ทำให้แอ๊ะยังมีไฟ(บนหัว)อยู่ถึงตอนนี้
ด้วยรัก
จากแอ๊ะที่หน้าไม่โหด แต่อยู่ในโหมดเบอเซิกตลอดเวลา

667 Nameless Fanboi Posted ID:I6K6/dX3zy

บันทึกปี 2021 ที่มีทั้งดี และร้าย แต่นี้แหละ รสชาติของชีวิต

- งาน
ค่อนข้างเป็นปีที่รู้สึกดีกับงานมากๆ แม้จะเจอ Covid ทำให้การเติบโตไม่เป็นไปตามเป้า แต่มันก็ยังคงเติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งในมุมของรายได้ และจำนวนบุคลากร ซึ่ง ณ ตอนนี้ หลังบ้านแข็งแรงมาก เป็นผลจากการ Transform บริษัทไปเมื่อปี 2020 ซึ่งตอน Transform เจอแต่เรื่องเครียดๆ และเมื่อผ่านมาได้ ก็เลยทำให้แข็งแรงขึ้น และพร้อมจะเผชิญกับทุกอุปสรรคจริงๆ ต้องขอบคุณทีมงาน และ Partner โดยเฉพาะ CPO และ COO ของ Coraline สำหรับปี 2022 เชื่อว่าจะเป็นปีที่โตก้าวกระโดดมาก เพราะงานที่อั้นจากปี 2021 กลับมาดำเนินการต่อ และจากสัญญาที่ตอนนี้กำลังเดินเรื่องที่คาดว่าจะได้เริ่มโครงการเร็วๆ นี้อีกหลายโครงการ

- ลูกๆ
ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะลูกๆ เกิดในปีนี้ รู้สึกขอบคุณที่ลูกๆ เข้ามาในชีวิต ทำให้ได้เรียนรู้ที่จะสละทุกอย่าง เพื่อ 2 คนนี้จริงๆ แม้จะเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ช่วงแรกๆ ลูกๆ เป็นโคลิค ก็กังวลมาก แต่ตอนนี้เข้าที่ ทำทุกอย่างเป็นเวลา เลี้ยงง่ายขึ้นเรื่อยๆ เหลือที่ยังเหนื่อยก็เพราะต้องตื่นทุก 2 ชม. มาปั้มนมในตอนกลางคืน และทำงานในตอนกลางวัน โดยรวมก็ Happy มากๆ ลูกๆ น่ารักมากๆ จริงๆ

- ความสัมพันธ์
เป็นปีที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างไม่ดี เดิมที่โดยพื้นฐาน เราก็ต่างกัน ซึ่งที่ผ่านมา แป้งก็จะดูแลตัวเองเป็นหลัก แต่พอตั้งท้อง เจออาการแพ้ท้องไป เจอ Bed Rest ไป เจอเบาหวานไป กลับไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากสามีเท่าที่ควร กลายเป็นพ่อแม่ต้องมาคอยดูแล หาอาหารให้ทาน พอคลอดลูก ตอนแรกก็คิดว่าสามีจะช่วยเลี้ยงลูกมากกว่านี้ เพราะหน้าที่หาเงินเป็นของแป้ง กลายเป็นว่า มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และยังมีเรื่องส่วนตัวอีกหลายเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ที่เขาว่า "อดทนเพื่อลูก" มันจริงแท้ แน่นอน และที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันน้อยมาก เพราะมันเหนื่อย และรู้สึกไร้ประโยชน์ Focus ไปที่ลูก และเรื่องงานเป็นหลัก ซึ่งแป้งแน่ใจว่า แป้งเป็นผญ ที่ Need การ Spoil น้อยมาก ดูจากการที่แป้งเป็นคนรับภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว และของลูกๆ เป็นหลัก ซึ่งปัญหาต่างๆ ทำให้นิ่งขึ้น พยายามจะปล่อยวาง มันก็มีอะไรดีขึ้นบ้าง ก็ต้องขอบคุณป๊าม๊าของสามี และผู้ใหญ่ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ เรื่องแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องของการปรับตัว แป้งก็อาจจะคาดหวังมากไป หรืออาจจะเพราะเขายังไม่พยายามมากพอ

- ครอบครัว
ขอบคุณพ่อแม่ ป้าๆ อาๆ ที่เข้ามาช่วย support ในการเลี้ยง 2 จิ๋ว รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีญาติเยอะ และต่างพร้อมใจกันมาช่วยเหลือ

ปีนี้รู้สึกพอใจในการควบคุมจิตใจ และ อารมณ์ของตัวเองมากๆ เจอทั้งความเครียดเรื่องงาน และภาวะฮอร์โมนต่างๆ แต่ไม่มีซึมเศร้า ไม่ร้องไห้ อาจจะมีคิดมากจนนอนไม่หลับบ้าง แต่ไม่ปล่อยให้ความกังวลมาทำให้เสียสุขภาพ ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณ 2 จิ๋ว ที่สร้างรอยยิ้ม และทำให้แม่คนนี้รู้จักอดทน เพื่อลูก แม่จะพยายามให้มาก และจะทำให้ดีที่สุด

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ค่ะ ขอสวัสดีปีใหม่ และหวังว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ดีของทุกคนค่ะ

668 Nameless Fanboi Posted ID:GDHJStStR7

พวกมึงรู้ไหมว่าทำไมคนจีนถึงถูกเรียกว่า "เจ๊ก" เรื่องนี้ต้องย้อนไปหลายร้อยปีเลย สมัยก่อนนั้นที่เรายังเรียกซ่องว่า “โรงรับชำเราบุรุษ” ผู้ที่มาใช้บริการก็มีมากมายทั้งฝรั่งหัวทอง หรือคนเอเชียหัวดำด้วยกัน แต่กระนั้นแล้วสาวๆที่ให้บริการก็ชอบที่จะรับบริการให้กับของเล็กๆมากกว่าใหญ่ๆ สินค้าจะได้ไม่ช้ำ ซึ่งพวกคนจีนก็ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าเล็กสั้น ใครอยากได้งานสบายๆไม่ระบมก็นิยมรับคนจีนเป็นลูกค้า โดยจะมีการให้เลี้ยวไปเข้าไปใช้บริการอีกช่องทางนึง หรือที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า "เจ๊กเลี้ยว" จนสุดท้ายก็ถูกย่อเหลือแต่คำว่า เจ๊ก ในปัจจุบัน

669 Nameless Fanboi Posted ID:/ZAEeP4CvS

>>668 กูไม่เชื่อ

670 Nameless Fanboi Posted ID:7eYVBlW7GS

หมูแพง มีคนทำคอนเทนต์เทียบราคาหมูกับค่าแรงประเทศต่างๆ

ด่าการบริหารกับเศรษฐกิจของไทยก็เป็นเรื่องดี แต่เท่าที่อ่านดูแล้วคนที่ด่านี่เหมือนด่าเอามัน ไม่เข้าใจว่าอเมริกาทำยังไงให้ได้สัดส่วนหมูต่อค่าแรงแบบนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆราคาหมูอเมริกาเกิดขึ้นเอง

อเมริกาผลผลิตทางเกษตรถูกเพราะมีโครงการSubsidize “จ้าง”เกษตรกรให้ปลูกหรือเลี้ยงสัตว์เพื่อเงินอุดหนุน ปีนึงทุ่มไป20Billions แค่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูก็ได้ไป1.2Billions แล้ว

ถ้าอยากได้หมูถูกแบบอเมริกา ก็ต้องเก็บภาษีเพิ่มเอาไปจ่ายอุดหนุนเป็นแรงจูงใจให้คนเลี้ยงหมูมากขึ้น พอเลี้ยงมากราคาก็จะถูก แต่คนไทยจะยอมไหมล่ะถ้าภาษีที่เก็บจากตัวเองถูกขึ้นเพราะจะโดนเอาไปอุดหนุนอาชีพอื่นที่ตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์โดยตรง

ทุกคนอยากนั่งใต้ร่มไม้ แต่ไม่มีใครอยากปลูกต้นไม้

671 Nameless Fanboi Posted ID:KO3bi2be+C

>>670 มีอีกวิธีง่ายกว่า รัฐเคยใช้ควบคุมราคาข้าวในประเทศให้ถูกอย่างได้ผลมาแล้ว
เก็บค่าภาษีส่งออกสินค้าจำเพาะให้มันหนักๆ (พรีเมี่ยมข้าว) แค่นี้supplyในประเทศก็เยอะขึ้น ราคาก็ถูกลงแล้ว

672 Nameless Fanboi Posted ID:fKaEOD/+iA

>>671 ได้แค่ระยะสั้นนั่นละ ระยะยาวยังไงก็ต้องเพิ่มจำนวนการผลิต แต่ก็ต้องลดจำนวนคนเลี้ยงด้วย ไม่งั้นคนเลี้ยงจะตายก่อน

673 Nameless Fanboi Posted ID:QQ0nD.LW8K

>>670 ด่ารัฐเรื่องปัญหาในประเทศในฐานะผู้เสียภาษีให้รัฐนำไปบริหารและเป็นเงินเดือนของราชการ แปลกตรงไหนครับ

674 Nameless Fanboi Posted ID:KO3bi2be+C

>>672 ผ่านมา70ปีแล้ว ข้าวยังไม่แพงจนคนเดือดร้อน ก็แปลว่ามันได้ผล
แต่รัฐไม่ทำหรอก กระทบรายได้เจ้าสัว
https://www.kaohoon.com/column/503909
หมู่ไก่แพง ราคาหุ้นขึ้น เจ้าสัวยิ้มอยู่แล้ว

675 Nameless Fanboi Posted ID:fKaEOD/+iA

>>674 ในไทยข้าวไม่มีวันแพงหรอก ผลิตเกินความต้องการกว่าเท่าตัว แล้วคนส่วนใหญ่ในประเทศก็ไม่ต้องการให้แพงด้วย ทางช่วยชาวนาจริงๆ จึงไม่ใช่ราคาข้าว แต่เป็นจำนวนชาวนา

676 Nameless Fanboi Posted ID:NrDX3y8BsN

>>675

จะว่าไปที่หมูอเมริกาถูกก็เป็นเพราะอเมริกามันผลิตหมูเกินความต้องการของตลาดตัวเองด้วย เยอะจนส่งไปขายจีน ญี่ปุ่น เม็กซิโกได้

ดังนั้นสรุปได้ว่าถ้าต้องการให้หมูถูกแบบอเมริกา ก็ต้องเพิ่มซัพพลายในประเทศ แต่จะทำยังไงให้ซัพพลายเพิ่มล่ะ ถ้าไม่ใช่ด้วยการทุ่มเงินล่อใจคนให้เลี้ยงหมูแบบ >>670

677 Nameless Fanboi Posted ID:zsvH3S+IjY

เจ้าสัวแดกรวบตลาดไปแล้ว หลิ่มยังโง่อยู่

678 Nameless Fanboi Posted ID:Ns8A0aHdWo

แค่เปลี่ยนตัวเองเป็นมุสซี่ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องหมูแพงละนะ

679 Nameless Fanboi Posted ID:fKaEOD/+iA

>>676 หมู=สัตว์ทั้งหมดมีปัญหาคอขวด 2 จุด 1.โรงเชือด 2.พ่อค้าคนกลาง

การจะเพิ่มผลผลิตแล้วให้คนเลี้ยงหมูอยู่ได้ ต้องเพิ่มข้อ 1 แล้วตัดข้อ 2 ออกให้มากที่สุด ทั้ง 2 ข้อทำได้ด้วยการรวมกลุ่มกันผลิตและแปรรูปเอง แต่มันลำบาก ทำเกษตรพันธะสัญญาง่ายกว่าเยอะ

680 Nameless Fanboi Posted ID:uUaFlHXZYY

>>679 แล้วทำไมคนไม่ทำโรงเชือดเพิ่ม

681 Nameless Fanboi Posted ID:fKaEOD/+iA

>>680 ระเบียบลำบากยุ่งยากใช้เงินเยอะอีก ฟาร์มทั่วไปไม่มีส่วนนี้ของตัวเองหรอก ถ้าจะทำคือต้องรวมกลุ่มกันทำ เป็นสหกรณ์อะไรก็ว่ากันไป

https://www.thansettakij.com/economy/498149

682 Nameless Fanboi Posted ID:KO3bi2be+C

>>681 แต่มุสซี่เชือดแพะเชือดวัวกลางชุมชนได้อ้างว่าทำตามประเพณีศาสนา
เจ๊กมาเชือดหมูไหว้เจ้าแข่งหน่อย

683 Nameless Fanboi Posted ID:NrDX3y8BsN

>>679 ทำให้เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ง่ายๆ ไอ้ราคาอาหารถูกเนี่ย

เวลาเห็นพวกทำคอนเทนต์เทียบราคากับค่าแรงของประเทศต่างๆแล้ว คนโฟกัสแค่whatไม่ได้โฟกัสที่how ว่ากว่าฝรั่งมันจะดั๊มราคาอาหารให้ลงมาได้มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ไอ้กันใช้เงินล่อชาวนา ยุโรปใช้วิธีนำเข้าจากประเทศอียูอื่นที่ค่าแรงถูก

684 Nameless Fanboi Posted ID:JdaVc2aSP5

>>682 เชือดเองได้แต่ขายได้แต่ตลาดนัดอ่ะ

ส่วนระเบียบผ่อนปรนถ้าจะเอาง่ายกว่านี้ให้เอา NGO หมกส้วมก่อน

685 Nameless Fanboi Posted ID:sc2Y0najhe

นักวิเคราะห์ วิเคราะห์ว่าปี 65 เงินเฟ้อมาไม่ควร ถือเงินสด เพราะด้อยค่า ที่ชัดเจนเลย ราคาหมูแพงขึ้น ทั้งที่ค่าแรงเราต่ำ แต่ราคาหมูต่อกิโลกรัม แพงกว่า ประเทศพัฒนาแล้วที่ค่าแรงขั้นต่ำเขาสูงกว่าเราหลายๆเท่า

686 Nameless Fanboi Posted ID:9gye2MYRHU

ทางแก้คือ ยกระดับความสามารถของแรงงานไทยให้สูง >ไปอยู่ในภาคอื่นๆที่ไม่ใช่เกษตร > คนไทยได้ค่าแรงสูง
ต่อให้เนื้อหมูแพงขึ้นคนไทยก็ยังมีกำลังชื้อ
ค่าแรงวันละ 350 เนื้อหมูโลละ 150 ซื้อกินได้วันละ 2.3โล
ค่าแรงวันละ 1000 หมูโลละ 200-250 ซื้อกินได้วันละ 4-5โล

แล้วให้ทุนไทยไปส่งเสริมให้เพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา เลี้ยงหมูเยอะๆ เพื่อเอามาป้อนตลาดในไทย

687 Nameless Fanboi Posted ID:JdaVc2aSP5

>>685 หุ นักวิเคราะห์พาไปดอยล่ะไม่ว่า ความรู้สึกช้าเสมอ นักลงทุนเค้า all in โยนใส่หุ้น กับกองทุน เมกาตั้งแต่ช่วง flash dump ปี 2020 กันหมดแล้ว

ตอนนี้นักวิเคราะห์บอกให้เก็บอย่างอื่น ในขณะที่นักลงทุนทยอย tp กำไรกลับมาเป็น เงินสดตั้งกะปลายปี

688 Nameless Fanboi Posted ID:NrDX3y8BsN

>>686 เปิดให้สมาชิกอาเซียนทำฟรีเทรดไร้ภาษีเหมือนอียูก็ได้ แต่จะได้ผลไหมนี่อีกเรื่อง

ผักจีนไหลเข้ามา ราคาผักถูก แต่คนไทยไม่เชื่อมั่นในคุณภาพ
ถ้าหมูเวียดนามหรือหมูกัมพูชาเข้ามาในไทย คนไทยก็คงแหยงๆเหมือนี่แหยงผักจีน

689 Nameless Fanboi Posted ID:xhIiKo+ZJR

>>688 ผักจีนมีพาราควอทแบบเม็ดอยู่นาจา

690 Nameless Fanboi Posted ID:9gye2MYRHU

>>688 ถึงได้ให้ทุนไทยเข้าไปส่งเสริมไง การเลี้ยงหมูก็จะได้มาตรฐานผ่านเกณฑ์ของไทย

691 Nameless Fanboi Posted ID:9gye2MYRHU

อีกอย่างหนึ่ง ต้นทุนหลักๆในการเลี้ยงหมูขึ้นอยู่กับราคาของวัตถุดิบอาหารหมูในตลาดโลก
ต่อให้ค่าแรงไทยเพิ่มขึ้นต้นทุนเนื้อหมูก็จะเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าไหร่

692 Nameless Fanboi Posted ID:fKaEOD/+iA

>>683 เมกาแก้ปัญหาโรงเชือดด้วยการควบรวม จำไม่ผิด รง. 9-10 โรงเชือดสัตว์ 70% ในเมกาเลย แต่ที่มันทำได้เพราะ Big 4 บ.อาหารเมกาครองตลาดมากอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเวลาควบรวมแบบนี้พอเกิดปัญหาทีก็ใหญ่ตาม แบบตอนโควิดรอบแรกที่ปิดรง.ไปจนคนเมกาขาดแคลนเนื้อ

>>684 ในแง่นี้กูเห็นด้วยกับ NGO ที่ตั้งมาตรฐานไว้สูงนะ กูไม่อยากแดกของไม่สะอาดวะ

>>686 >อัพเวลตัวเอง
>ประท้วงขอเงินช่วย

มึงว่าอันไหนง่ายกว่ากันอะ

แต่ฟาร์มหมูนี่ยังดีนะที่ส่วนใหญ่มีความรู้กว่าชาวนา พวกนี้ปรับตัวได้ง่ายกว่า แต่ถ้าไม่รวมกลุ่มกันผลิตและแปรรูปยังไงก็สู้ไม่ได้อยู่ดี

>>689 มึงว่าคนส่วนใหญ่แยกออกมั้ยละว่าผักอันไหนของไทยของเจ๊ก ถ้าจะกีดกันโดยห้ามผักใช้สารเคมีเลยก็ทำได้ แต่เมกาจะกดดันไทยก่อนจีนอีก ไอ้กฎหมายที่เคยออกไปป่านนี้ก็ยังไม่ได้บังคับใช้ซักที

693 Nameless Fanboi Posted ID:S8n8y2t2HQ

เอาจริงๆไม่มี cp เนื้อสัตว์น่าจะเป็นของที่จับต้องได้ยากกว่านี้

อุตสาหกรรมการเกษตรในไทยควรจะให้รายใหญ่ทำ

694 Nameless Fanboi Posted ID:U6.N5ViDQK

>>693 มึงซีเรียสไหมกับการที่ SME จะตายหมดน่ะ กูถามแค่นี้แหละ เรื่องนี้ใหญ่มากสำหรับสังคมไทย ตั้งแต่ตอนที่ 7/11 ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โชห่วยนั่นละ เรื่องนี้สังคมไทยโดยรวมแม่งมองเป็นดราม่าหมดนะ ช่วงหนึ่งที่มีข่าวว่า 7/11 จะทำอาหารตามสั่งขายเลยมีกระแสต้านรุนแรงจนต้องยอมถอยไง เพราะแม่ค้าสตรีทฟู้ดจะตายเรียบ แล้วอาชีพเกษตรกรนี่บ้านเราแตะไมไ่ด้เลย โดนข้อหารังแกคนจนแน่ๆ แค่นี้ CP ก็เป็นตัวร้ายมากพอละ

695 Nameless Fanboi Posted ID:LMkI+3zNGy

>>694 ถ้าหมูไก่ถูกลงกว่านี้ได้คนไทยยอม

696 Nameless Fanboi Posted ID:WWJ8eAYh0J

>>694 ไอ้ข้อหารังแกคนจนนี่โดนแล้วมันจะเป็นอะไรเหรอ ทุกวันนี้อีลีทก็โดนทั้งนั้นมันไม่เห็นจะเป็นห่าอะไรซักตัว ส่วนพวกคนจนที่มึงบอกแตะไม่ได้นี่ก็เห็นมาม็อบแล้วโดนส้นตีนแตะร่างกายกันเป็นหมู่คณะแทบจะทุกวันที่มีม็อบนี่นา

697 Nameless Fanboi Posted ID:4Q8jDBarzn

ไม่ใช่ว่าโชห่วยตายเพราะไม่ยอมพัฒนาตัวเองเหรอวะ ของที่ขายไม่เยอะไม่หลากหลาย ไม่ยอมเปลี่ยนสต๊อกเวลาของค้างหมดอายุ เจ้าของร้านพูดจาหมาไม่แดก แกล้งทอนเงินผิด ไม่มีลดราคา

ถ้าเคยเข้าโชห่วย มึงต้องเคยเจอหนึ่งในข้างบนนี้ พอมีคู่แข่งขึ้นมา คนไม่เข้าก็ทำเป็นร้อง

698 Nameless Fanboi Posted ID:XdZ.9yJtOx

>>694 เรื่องขายอาหารตามสั่งนี่กูไม่แคร์นะ เพราะไม่ได้บังคับให้เข้าซักหน่อย ต่อให้ถูกกว่าแต่อาหารมันขึ้นกับรสชาติเป็นหลัก ก๋วยเตี๋ยวบางเจ้าขาย 50-60 คนยังเต็ม บางเจ้าขาย 30 คนไม่แดกก็เยอะเยอะ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวลอะไร

>>697 ชาวทวิตนักอนุรักษณ์โชห่วยนี่เคยเข้าจริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย

699 Nameless Fanboi Posted ID:S8n8y2t2HQ

>>694 ธุรกิจ อยู่ไม่ได้ก็ตายไป จะมาให้ babysitting ยันชาติหน้า กูไม่เอาด้วย เรื่องอะไร ต้อง เสียงบประมาณภาษีไปอุ้มธุรกิจที่แมร่งไม่เห็นอนาคต

700 Nameless Fanboi Posted ID:fz9t8q0Pg3

Don't Look Up - สะท้อนบทบาทของ Social sciences หรือสังคมศาสตร์ที่หายไปในการแก้ปัญหาที่โลกเผชิญ

Don't Look Up เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่มีกระแสมาแรงในขณะนี้ โดยเฉพาะหลายคนบอกว่าสถานการณ์มันช่างเหมือนประเทศเราซะเหลือเกิน ... หนังเรื่องนี้ฉายภาพการโต้ตอบปัญหาระดับโลกอย่าง Climate change ของคนกลุ่มต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งแบบไม่เห็นหัวคนอื่น ...

ในบางมุมก็มีคนไปสะท้อนประเด็นที่ว่านักวิทยาศาสตร์ชื่นชอบหนังเรื่องนี้เพราะการเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ยันการมีอยู่ของปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหา อีกทั้งนักวิชาการยังออกมาสะท้อนถึงความสำคัญของกระบวนการ peer-reviewed ที่สื่อออกมาในหนังช่วงหนึ่งด้วย ... คอดูหนังบางคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบบ้าง แต่ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่หนังเรื่องนี้สะท้อนออกมาตรงๆ หรือไม่ได้สะท้อนออกมาแต่ทำให้คนคิดต่อมันน่าสนใจมากๆ วันนี้ก็เลยอยากชวนคุยประเด็นที่จั่วหัวมา
--------------

🤔 อีกมุมหนึ่งที่ยังไม่เห็นพูดถึงกันมากนักคือการสะท้อนเรื่องบทบาทของ Social sciences หรือ Social scientists ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในทวิตเตอร์มีนักวิชาการเขียนสะท้อนถึงหนังเรื่องนี้ว่าถึงแม้ว่าจะเป็นหนังที่สะท้อนปัญหาและเชื่อมกับวิกฤตของโลกเช่น Climate change ได้ดี แต่มีจุดหนึ่งที่ยังไม่ได้สะท้อนแง่มุมของปัญหาที่มี Social sciences เข้ามาเกี่ยวนัก

- ในเรื่องปัญหาอุกกาบาตชนโลก ถูกนำมาเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ปัญหาอื่นๆ ทำให้ถูกมองข้ามไป เช่น ความเหลื่อมล้ำ การเหยียดเพศ/เชื้อชาติ และการเอารัดเอาเปรียบ ... ถึงแม้ว่ามุมนี้นักวิชาการที่ทวีตเรื่องนี้บอกว่าไม่ได้แตะปัญหาตรงนี้ แต่ว่าเราคิดว่ามีบางมุมที่หนังเรื่องนี้สะท้อนเรื่อง discrimination เช่น การที่อาจารย์ผู้ชายได้ซีนในการค้นพบ ทั้งๆ ที่คนค้นพบคือนักวิจัยปริญญาเอก

- ในเรื่องมีการเน้นแต่ที่เป็นปัจเจกและมีความเชื่อ หรือความมุ่งมั่นในมุมตัวเอง แต่ไม่ได้มองถึงการรวมกลุ่มเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น สหภาพแรงงาน หรือการเคลื่อนไหวทางสังคมต่างๆ เพราะฉะนั้นการกระทำ หรือเรียกร้องที่เป็นตัวแทนของคนกลุ่มใหญ่จึงไม่เกิดขึ้น

- เมื่อขาดการรวมกลุ่ม การแก้ปัญหาหลักๆ ก็ไปหวังพึ่งเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและมีผลกระทบต่อคนหมู่มากขนาดนี้

- Social sciences ควรถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา เพราะ การรณรงค์ว่าให้ "ฟังนักวิทยาศาสตร์" หรือ "เชื่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์" อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

- การแก้ปัญหาเช่นนี้ รวมถึงปัญหาภาวะโลกรวน ควรเริ่มจากการเข้าใจความซับซ้อนของสังคมควบคู่ไปกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เน้นที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจแบบในหนังเท่านั้น

- ถึงแม้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จะเป็นข้อมูลที่"ถูกต้อง" แต่มันไม่เพียงพอที่จะใช้แค่ข้อมูลที่ถูกต้องมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง "It's not enough to be right" เพราะการแก้ปัญหาแบบนี้ก็มีประเด็นทางการเมืองและสังคมพันอยู่ ทำให้ต้องคำนึงถึงขั้วอำนาจ และการรวมกลุ่มเพื่อขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวด้วย

- มีนักวิชาการตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า มันสะท้อนทุนวิจัยที่เป็นการแก้ปัญหา หรือทำเกี่ยวกับ climate change เป็นการให้ทุนสายวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ ทุนที่ให้สายสังคมมีน้อยมากๆ ทั้งๆ ที่ก็จำเป็นในการแก้ปัญหา และปรับตัว เช่นกัน

ประเด็นอื่นๆ ที่อ่านมาหลายๆ โพส หลายๆ ทวีตที่ชวนคิดต่อจากหนังเรื่องนี้ เช่น เรื่องบทบาทของสื่อ การสื่อสารงานวิจัย อิทธิพลของธุรกิจ และอื่นๆ เป็นต้น

ใครดูแล้ว ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรกันบ้าง?

--------------

เพิ่มเติม/อ้างอิง
https://twitter.com/StefanAykut/status/1476544244961759240?t=q_F5TcrQQ9ThD5jXLS92PA&s=19
https://twitter.com/DrLucyJWishart/status/1476125817667309570?t=6NgqCQG_TqUDrUuC0qbfsA&s=19

อีกมุมมองจาก พ่อบ้านเล่างานวิจัย
https://www.facebook.com/102463195189634/posts/284734610295824/

701 Nameless Fanboi Posted ID:U6.N5ViDQK

>>697 >>698 >>699 มันเคยมีรายเล็กในไทยที่ยืนเด่นท้าทายเจ้าสัวได้ด้วยหรอวะ

702 Nameless Fanboi Posted ID:dzkM.z8Yuu

>>697 โดนสเมิร์ลงมาตบ ร้องกันทั้งเซิร์ฟ

703 Nameless Fanboi Posted ID:WWJ8eAYh0J

>>701 เรียกว่าทั้งโลกเลยดีกว่า ตปท ที่ท้าทายรายใหญ่ได้มันก็มีกมช่วยรายเล็กทั้งนั้น เช่น ห้่ามผูกขาด ตรรกะง่ายๆ คนมันมีทุนมีคนมากกว่า คนมีน้อยกว่าจะสู้ได้ไง แค่นี้ไม่รู้ทำไมคิดกันไม่ได้ เลียแม่งอยู่นั่นละรายใหญ่ กำไรมาก็ไม่เห็นได้แบ่งกับเค้าซักคน

704 Nameless Fanboi Posted ID:XdZ.9yJtOx

>>701 มึงนิยามคำว่าท้าทายยังไง ถ้าเทียบในระดับสเกล ก็มีแต่รายใหญ่ถึงสู้กับรายใหญ่ได้นะ แต่ถ้าเอาเรื่องอยู่รอดได้ กูเห็นเยอะแยะเลย เอาจริงในกทม.ร้านอะไรก็ตามที่ขายดีมักอยู่รอบ 7 อาจจะกลับกันก็ได้ แต่แบบนี้นับเป็นท้าทายได้มั้ย

705 Nameless Fanboi Posted ID:U6.N5ViDQK

>>704 ถ้าหมายถึงร้านอาหาร ที่กลัวกันคือสมมติ 7/11 ทำได้บ้าง ร้านพวกนี้จะตายกันหมดไง แต่ยุคนี้กระแสต้านแรงเลยยอมถอย ความสัมพันธ์มันก็เลยเกื้อหนุนกันแบบที่เห็นนี่แหละ

706 Nameless Fanboi Posted ID:XdZ.9yJtOx

>>705 อย่างที่กูตอบไปใน>>698 มันขายคนละแบบกันวะ ถ้า 7 จะขายได้คือพวกขายกลางคืนตอนร้านปิด แบบนี้ไม่แย่งลูกค้าแน่นอน แล้วตอนกลางวันยังไงคนก็เลือกความอร่อยมากกว่าอยู่แล้ว ถ้าไม่ไกลเกินไปนะ

707 Nameless Fanboi Posted ID:U6.N5ViDQK

>>706 มันมีเรื่องการตลาดด้วย เหมือนมีคนตั้งข้อสังเกตว่าตอนที่ 7/11 เริ่มขายข้าวกล่องใหม่ๆ ยุคนั้นของพวกนี้คือกินกันตาย ให้ระดับเดียวกับพวกมาม่าทำกินเองของพวก นศ. อยู่หอน่ะ แต่เหมือนเดี๋ยวนี้กินกันทุกเวลาเป็นปกติไปแล้ว ถ้า 7/11 ทำตามสั่งได้บ้าง อาจจะเหลือแค่ร้านโคตรเทพที่อยู่ได้ (ลองนึกถึงเจ๊ไฝ สุดท้ายก็เข้าร่วมเป็นพันธมิตรการค้ามันซะเลย เห็นมีเมนูแกใน 7/11 อยู่) แต่ลุงๆ ป้าๆ ทั่วไป กูฟันธงได้ว่าแม่งตายหมดแหละ

708 Nameless Fanboi Posted ID:U6.N5ViDQK

ลืมๆ กู >>707 นะ กูหมายถึงร้านระดับกลางๆ ทั่วไปน่ะ ยังไงก็ตายเพราะ 1.ทุนใหญ่เข้าถึงวัตถุดิบได้ในราคาถูกกว่า (เอาจริงๆ คือข้ามขั้นนั้นไปแล้วเพราะเล่นคุมตั้งแต่การผลิตเลย) 2.วิจัยตลาดได้ แกะสูตรได้ แบบนี้ชาวบ้านทำไม่ได้แน่ๆ

ร้านที่อยู่ได้ต้องเทพระดับมิชลินให้ดาวน่ะ ที่เหลือตายเรียบ

709 Nameless Fanboi Posted ID:rLP/1UyJUS

>>708 กูไม่เชื่อว่าจะตีตลาดร้านระดับกลางๆ ยังไงทำของเยอะๆแบบนั้นก็ไม่มีทางสู้เรื่องความหลากหลาย, ความรู้สึกของคนกินได้
แต่พวกร้านตามสั่ง/ข้าวแกงล่างๆนี่น่าจะไม่รอด

710 Nameless Fanboi Posted ID:XdZ.9yJtOx

>>707 สมัยนี้ก็ยังแค่กันตายอยู่นะ บางอย่างอร่อยจริง แต่เทียบกันแล้วถ้ามีน้านธรรมดาคนก็กินร้านธรรมดามากกว่าอยู่ดี

เรื่องอาหารเนี่ย ถ้าราคามันไม่โดดเป็นอาหารหรู คนจะเลือกความอร่อยมากกว่าราคาอยู่ดี ต่อให้มีหุ่นยนต์ทำรสชาติกลางได้ แต่ก็ใช่ว่าคนจะชอบกินทุกคน ยังไงร้านทั่วไปก็ยังขายได้นั่นละ

>>709 กูว่าเริ่มไม่รอดตั้งแต่มีแกรบละ ร้านหมาไม่แดกแถวบ้านกูปิดไปเพราะคนสั่งจากที่ไกลหน่อยมากินนี่ละ

711 Nameless Fanboi Posted ID:DXFW4gfczY

>>709 >>710 ปัญหาของร้านเล็กๆ คือคุมความสม่ำเสมอด้านรสชาติหรือส่วนผสมไม่ได้ น่าจะเคยเจอบ้างละ บางคนได้เยอะบางคนได้น้อย

แถมเทรนด์สมัยใหม่ 1.รักสุขภาพ อาหารกล่องแช่แข็งมันมีระบุส่วนประกอบชัดเจน และด้วยกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรมเลยคุมความสม่ำเสมอได้ หรือถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบย้อนหลัง (ถ้าจะทำจริงๆ อะนะ) ก็ทำได้ แถมปรับสูตรได้ง่ายด้วย แต่พวกสตรีทฟู้ดโดยทั่วไปเป็นปัญหาตรงนี้มาก แก้ยากยิ่งกว่าเกณฑ์ความสะอาดอีก 2.ความเป็นส่วนตัว เหมือนมันมีคนตั้งข้อสังเกตนะ ว่าสังคมสมัยใหม่คนไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทจริงๆ มาทักทายถามไถ่หรือพูดจาแซวหยอกล้อ ซึ่งถ้าเป็นสังคมเก่า เราจะเห็นวิถีแบบนี้เป็นปกติ ลุงๆ ป้าๆ ร้านอาหารบางทีก็กลายเป็นญาติหรือเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่ง แต่ยุคนี้มองว่าน่ารำคาญน่ะ

712 Nameless Fanboi Posted ID:v4auLM6mko

พยากรณ์ปี 2022

ปีพยัคฆ์วารี (เหรินหยิน 壬寅)
นักษัตรจีนเปลี่ยนวันตรุษจีน 1 กุมภาพันธ์
ไท่ซุ่ย (ไท้ส่วยเอี้ย) ย้ายวันลี่ชุน (หลิบชุ้ง) 4 กุมภาพันธ์
นักษัตรโหราศาสตร์ไทยเปลี่ยนวันตรุษไทย 4 เมษายน

ปีขาลเป็นปีแห่งการปฏิวัติ การปราบปราม การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการสูญเสียเลือดเนื้อถึงชีวิต แต่ปีนี้เป็นเสือธาตุน้ำ เหตุรุนแรงจะบรรเทาลงได้ในระดับหนึ่ง

ผู้ที่มีความกล้าเสี่ยงจะได้รับผลสำเร็จที่ดี การเก็บตัวอยู่ในแบบเดิมๆ จะส่งผลร้าย

ตลาดหุ้น ตลาดทุน ตลาดเงินและสินทรัพย์ต่างๆ จะวิ่งโลดแล่นอย่างหวือหวา และมีขาลงที่หวือหวาเช่นกัน ให้ระวังตัวด้วยความรู้และสติเสมอ

ภัยพิบัติจากน้ำท่วมยังมีต่อเนื่องอีกปี แต่โรคระบาดจะค่อยๆ สงบลงในกลางปี

จะเกิดภัยสงครามขึ้นในโลก เกิดวิกฤตจวนเจียนแตกหักระหว่างมหาอำนาจ แต่จะสงบลงในไม่กี่เดือน ไม่ขยายวงกว้าง มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะช่วยให้มนุษย์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ใครคว้าโอกาสทันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้

ขาลชงวอก คนเกิดปีวอกให้ระวังภัยจากอุบัติเหตุ การเดินทาง ของมีคม การตกจากที่สูง และการถูกข่มขู่คุกคาม

ของมงคลปีนี้คือเขี้ยวและเล็บสัตว์(จริงหรือปลอมก็ได้) สีมงคลคือสีดำ ทิศมงคลคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

713 Nameless Fanboi Posted ID:fEPLUP4hWR

ทุกวันนี้เห็นคนพูดถึงคำว่า ‘ไม่มีมารยาท’ กันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ในทวิตเตอร์ ที่มักจะชอบบอกคนอื่นๆ ว่า - ช่วยมีมารยาทกันหน่อย, อะไรทำนองนี้
.
เลยทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยอ่านเจอ ว่าด้วย ‘มารยาท’ นี่แหละครับ
.
เขาบอกว่า คำว่า Etiquette หรือ Manners นั้น ในสมัยก่อนโน้น เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดหรือ ‘แผ่’ ออกมาจากศูนย์กลางสองแห่ง คือ ‘วัด’ กับ ‘วัง’ หรือจากผู้ปกครองศาสนจักรหรืออาณาจักร ประมาณว่าพระที่เป็นใหญ่ (เช่น โป๊ปหรือพระสังฆราช หรือศาสดา) หรือกษัตริย์ หรือราชา (หรือหัวหน้าเผ่า) มีอัธยาศัยอย่างไร ก็กำหนดให้คนในสังคมที่ตัวเองปกครอง ต้องมีอัธยาศัยประมาณเดียวกันไปด้วย ก็เลยเกิดดอกออกผลมาเป็น ‘มารยาท’ ซึ่งอิงอยู่กับ ‘ความเป็นผู้ดี’ (ที่ถูกกำหนดโดย ‘อำนาจ’) สูงมาก
.
ดังนั้น เวลาได้ยินคนบอกคนอื่นให้ ‘มีมารยาท’ ก็เลยมักรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ตะหงิดๆ จนกระทั่งมาอ่านเจอเรื่องราวว่าด้วย ‘มารยาท’ อีกแบบหนึ่ง
.
มารยาทอีกแบบ แปลมาจากคำว่า Civility ซึ่งในหนังสือเรื่อง Metropolis โดย Ben Wilson เล่าถึงลอนดอนยุค 1660s เอาไว้ว่า ตอนนั้นน่าจะเป็น ‘คลื่นลูกแรก’ ของการ ‘เห่อร้านกาแฟ’ กัน
.
อย่างที่เรารู้อยู่ว่า อังกฤษเป็นสังคมชนชั้น มีการกำหนดบทบาทหน้าที่ของคนต่างชนชั้นเอาไว้ชัดเจน แต่กำเนิดของร้านกาแฟ ที่มาพร้อมกับการ ‘บูม’ ของการค้า กลับทำให้คนต่างชนชั้นสามารถมา mingle กันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
.
คนจน คนรวย ขุนนาง พ่อค้า คนชั้นล่างชั้นสูงอะไรก็เข้าร้านกาแฟได้ และที่สำคัญก็คือ ‘ต้องเข้า’ เสียด้วย เพราะในยุคนั้น ร้านกาแฟก็คือ ‘โซเชียลมีเดีย’ นี่แหละครับ ถ้าไม่เข้าก็อาจจะ ‘ตกข่าว’ ได้ เพราะร้านกาแฟคือที่ชุมนุมของข้อมูลข่าวสารในวงการทั้งหลายแหล่
.
โดยคนต่างวงการกันก็จะเข้าร้านต่างกัน กวี นักเขียน เข้าร้านนึง พ่อค้าทางทะเลเข้าอีกร้านนึง นักเขียนบทละครกับนักแสดงเข้าอีกร้านนึง เป็นต้น ดังนั้น การเข้าร้านกาแฟของลอนดอนในศตวรรษที่สิบเจ็ด จึงคือการเข้าไป ‘ปะทะสังสันทน์’ กันแบบเต็มๆ
.
หลายคนกังวลว่า พอเป็นแบบนี้แล้ว คนต้องทะเลาะกันแน่ๆ เพราะคงถกเถียงเรื่องโน้นเรื่องนี้กันเต็มไปหมด
.
แต่ก็ได้สิ่งที่เรียกว่า Civility นี่แหละครับ มาเป็นเหมือนน้ำหล่อลื่นไม่ให้การเสียดสีปะทะกันนั้นมันครูดกันจนบาดเจ็บ
.
ถ้าเราดูชาวชนบท พวกเขาอาจจะพูดจากันกระโชกโฮกฮาก ด่ากัน หรือไม่ต้อง ‘มากมารยาท’ อะไร นั่นก็เพราะคนชนบทอยู่ในโลกที่รู้จักกันเกือบหมด รู้ว่าใครมาด่าฉัน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร จะตามตัวเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในโลกของ ‘เมือง’ ที่เพิ่งเกิดใหม่ ผู้คนแออัดยัดเยียด เกิดภาวะ ‘นิรนาม’ ขึ้นมา ถ้าถูกด่า ถูกปล้น ถูกแทง ก็ไม่รู้หรอกว่าใครทำ
.
ดังนั้น เมื่อเข้ามาอยู่ในที่แออัดคับแคบแต่ร้อนแรงไปด้วยบรรยากาศและการโต้เถียงอย่างร้านกาแฟ (เราอาจนึกภาพ ‘สภากาแฟ’ ก็ได้) คนเมืองก็เลยต้องการ ‘กิริยามารยาท’ เพื่อใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก และสิ่งนี้นี่เอง ที่เบน วิลสัน เรียกว่า Civility
.
เขาอธิบายว่า Civility ไม่เหมือน Etiquette หรือ Manners ที่เกิดจากการกำหนดของราชสำนักหรือศาสนจักร แล้วแผ่ซ่านออกมาในหมู่ ‘ผู้ดี’ ทว่า Civility คือกิริยามารยาทที่ ‘เกิดขึ้นเอง’ จากคนชั้นกลางที่เริ่มถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือความสุภาพธรรมดาๆ ที่เกิดจากการ ‘เคารพ’ กันและกันนั่นเอง
.
ด้วยเหตุนี้ Civility จึงคือ ‘มารยาท’ ที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และมีความ ‘เท่ากัน’ ในเชิงอำนาจค่อนข้างสูง และกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลอนดอนเติบโตขึ้นมาเป็นมหานคร และในศตวรรษที่สิบแปดกับสิบเก้า ก็กลายมาเป็นมหาอำนาจของโลก
.
ไม่รู้เหมือนกันว่า เวลาพูดว่า - ช่วยมีมารยาทหน่อย, ในโลกโซเชียลมีเดีย คำว่า ‘มารยาท’ ของเรา หมายถึงความหมายแบบไหน แบบที่ถูกกำหนดโดยอำนาจที่ใหญ่กว่าแบบคนที่ชอบอ้างตัวว่าเป็น ‘ผู้ดี’ มักใช้เพื่อเหยียดคนอื่น หรืออำนาจแบบ Civility ที่เกิดจาก ‘คนเท่ากัน’ ช่วยกันกำหนดมันขึ้นมาทีละเล็กละน้อย

714 Nameless Fanboi Posted ID:dTgFZWk6ww

>>713 น่าจะผสมๆ กันนั่นละ ด้านหนึ่งรากเก่าของชาวเอเชียอย่าง Seniority ก็ไม่ได้หายไปไหน เด็กยังถูกเรียกร้องให้พูดจากับผู้ใหญ่ด้วยความเคารพ แต่ขณะเดียวกันวัฒนธรรมใหม่อย่างการให้เกียรติกันก็เข้ามาด้วย ถึงแม้จะเด็กกว่าแต่ผู้ใหญ่เองก็จะไปด่าทออะไรเด็กแบบไม่สมเหตุสมผลก็ไมไ่ด้เดี๋ยวจะเสียความน่าเชื่อถือ กลายเป็นพวกแก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน

ทีนี้มารยาททั้งความหมายเก่าและใหม่แบบที่ว่า มันถูก Disrupt ด้วยโลกโซเชียลไง โลกจริงที่คนต้องเจอหน้ากันยังไงก็ต้องเกรงใจกัน มารยาทไม่ว่าด้วยสถานะชนชั้น (ความหมายเก่า) หรือการให้เกียรติกัน (ความหมายใหม่) ที่เคยถูกมองว่าจำเป็นในการรักษาความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ ในสังคมให้อยู่ร่วมกันได้เลยถูกท้าทาย เพราะโลกโซเชียลไม่ต้องเจอหน้า ทำไมต้องเกรงใจกันล่ะ เลยไม่แปลกที่พอเข้าโซเชียลกันแล้วจะเด็กจะแก่ก็แรงใส่กันทั้งคู่ มีแต่พลังลบๆ Toxic เต็มไปหมด

715 Nameless Fanboi Posted ID:hhbB8U44f5

พุทธศาสนากับคอมมิวนิสต์ต้องการให้คนใช้ปัญญาไม่งมงาย
พุทธกับคอมฯที่แท้จึงไปด้วยกันได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

716 Nameless Fanboi Posted ID:hhbB8U44f5

>>715

คอมฯจีนไม่กี่ปีสร้างเทคโนฯล้ำหน้าทุนนิยมหน้าเลือดคอมมิวนิสต์
จึงเป็นแนวคิดที่เลิศล้ำอำไพสามารถแก้ปัญหาฟอนเฟะของทุนนิยมได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

717 Nameless Fanboi Posted ID:yzYIVn0UFG

ระบบการปกครองของจีน

กษัตริย์ + จารีต + ศาสนา
|
v
คอมมิวนิสต์ + ลัดธิบูชาตัวบุคคล
|
v
เผด็จการ + ทุนนิยม

718 Nameless Fanboi Posted ID:dTgFZWk6ww

>>715 ทำเป็นเล่นไป มีความพยายามโยงวิถีชีวิตแบบสมถะ ผลิตเท่าที่จำเป็นในการบริโภคแบบพุทธ เข้ากับแนวคิดคอมมี่ด้วยนะ

719 Nameless Fanboi Posted ID:NDoS5U5FdD

>>718 ไอ้เรื่องสมถะกินอยู่เท่าที่มีนี่ทุกศาสนาก็แบบนี้หมดนะ กูนึกถึงศาสนาที่ไม่พูดเรื่องสมถะไม่ออก

แล้วสำนักเศรษฐศาสตร์ที่พูดแบบนี้ก็มี คือ Austrian School แต่มันเป็นเชิงแนวคิดมากกว่า สำนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป ลองดูอันนี้เสริม

https://youtu.be/o6UXRZ2XwgU

720 Nameless Fanboi Posted ID:bibijaYfe0

พ่อรวยสอนลูก

721 Nameless Fanboi Posted ID:pEdjMvFgos

>>717 กูเติมบรรทัดสุดท้ายให้ : เผด็จการ + ทุนนิยม + ลัทธิบูชาตัวบุคคล

722 Nameless Fanboi Posted ID:moZKNkq4YJ

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ti69ui15onuo1h14ec15h ·
เงินหรือความสุข อะไรเป็นแรงผลักดันให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน?
.
เราเคยมีความเชื่อว่า ถ้าอยากให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ เราต้องอัดฉีดเงินเข้าไป คนจะได้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะคนต้องการเงิน
.
คำถามก็คือ มันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า?
.
.
1
สารคดี “100 HUMANS Life’s Questions. Answered.” ทาง Netflix ในซีซัน 1 ตอน 6 “How to be happy”ทำการทดลองว่า ระหว่างเงินกับความสุข อะไรคือแรงผลักดันให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพได้มากกว่ากัน
.
ผู้วิจัยแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม โจทย์คือ แต่ละกลุ่มต้องหาทางทำหอคอยจากเส้นพาสต้าดิบแล้วปักมาชเมลโลไว้ข้างบนสุดภายในเวลาที่กำหนด กลุ่มไหนทำหอคอยได้สูงที่สุดเป็นฝ่ายชนะ
.
โดยกลุ่มแรก ผู้วิจัยบอกว่าใครชนะจะได้เงิน 400 ดอลลาร์เป็นรางวัล ส่วนกลุ่มที่สอง ผู้วิจัยบอกว่าเรามาเล่นเกมกัน ขอให้ทุกคนสนุกกับเกมนี้ให้เต็มที่ เอาสนุกไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวมาดูกันว่าใครชนะ
.
สองกลุ่ม สองแรงผลักดัน วิธีการทำงานและผลลัพธ์จะออกมาแตกต่างกันอย่างไร
.
2
ระหว่างการทดลอง ผู้วิจัยสังเกตเห็นความแตกต่างในบรรยากาศการทำงานของทั้งสองกลุ่มครับ
.
กลุ่มที่มีเงิน เป็นแรงผลักดันจะทำงานกันอย่างคร่ำเคร่ง สีหน้าของพวกเขาจริงจัง บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด แสดงความคิดเห็นกันน้อย พวกเขากลัวผิดพลาด แม้กระทั่งคุยกันเสียงเบาๆ ราวกับกลัวว่าทีมอื่นจะได้ยินไอเดียแล้วขโมยไปใช้ —- ขนาดนั้นกันเลย
.
ส่วนกลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดันจะมีเสียงหัวเราะเฮฮากันลั่นห้อง สมาชิกแต่ละคนให้ความร่วมมือกันอย่างดี สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาคุยกัน ทุกคนได้พูดสิ่งที่ตัวเองคิด ถามความเห็นกัน ไม่มีใครออกคำสั่ง และดูจะไม่ค่อยกดดันเท่าไร
.
.

723 Nameless Fanboi Posted ID:moZKNkq4YJ

3
ผลสุดท้ายเมื่อหมดเวลา กลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดัน ทีมที่ทำหอคอยได้สูงสุดคือ 21 นิ้ว ขณะที่กลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดัน ทีมที่ทำหอคอยได้สูงสุดคือ 25.25 นิ้ว
.
นอกจากนั้น กลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดัน 3 ทีม สามารถสร้างหอคอยที่ตั้งอยู่ได้สำเร็จ ขณะที่กลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดัน 4 ทีม สามารถสร้างหอคอยที่ตั้งอยู่ได้สำเร็จ
.
การทดลองนี้บอกเราว่า ความสุขเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานได้มากกว่าเงิน
.
ความสุขทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร
.
.
4
เมื่อสัมภาษณ์กลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดัน พวกเขาบอกว่าตอนทำงานด้วยกันพวกเขามีความสุขมาก ตั้งใจแต่ก็ไม่กดดัน ทำหอคอยล้มก็ยังหัวเราะได้และก็หาทางต่อขึ้นใหม่ เสนอไอเดียไปแล้วไม่เวิร์คก็ไม่ได้รู้สึกผิด พวกเขารู้สึกว่าทำงานกันเป็นทีมมากๆ
.
ในขณะที่เมื่อสัมภาษณ์กลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดัน พวกเขาบอกว่าตอนทำงานค่อนข้างกดดันและตึงเครียด เกร็งว่าจะทำผิดพลาดเลยไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะถ้าไอเดียที่เสนอไปไม่เวิร์คขึ้นมาแปลว่าทำทีมเสียเวลา และทำให้ทีมพลาดเงินรางวัล —- หมาเลยฮะ
.
.
5
ที่น่าสนใจคือ ตอนที่ประกาศผู้ชนะ กลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดัน ทีมที่ชนะจะแสดงอาการดีใจมาก แต่ทีมที่แพ้จะ นิ่งๆ ปรบมือแสดงความยินดีเหมือนพอเป็นพิธี สีหน้าของทีมที่แพ้มีความผิดหวังเจืออยู่
.
ในขณะที่บรรยากาศของกลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดันนั้น เมื่อประกาศผู้ชนะ ทีมที่ไม่ชนะก็ยังเฮฮา มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม แถมยังมีเสียงปรบมือแสดงความยินดีให้ทีมที่ชนะเสียงดังกว่ากลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดันอีก
.
ผมคิดว่า บรรยากาศที่แตกต่างกันของทั้งสองกลุ่มเมื่อประกาศผู้ชนะมาจาก กลุ่มที่มีเงินเป็นแรงผลักดันนั้น เมื่อมีทีมเดียวที่ได้รางวัลเป็นเงิน 400 ดอลลาร์ ทีมอื่นที่แพ้ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้อะไรกลับไปเลย จะยินดีกับทีมที่ชนะก็ยินดีนะ แต่ฉันแพ้ ฉันไม่ได้อะไรเลย แถมยังรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำให้ทีมชนะได้ เหี่ยวเลยทีนี้!
.
ในขณะที่กลุ่มที่มีความสุขเป็นแรงผลักดัน จริงอยู่ว่าโจทย์ที่ได้รับมอบหมายคือการต่อหอคอยพาสต้าให้สูงที่สุด แต่พวกเขาทำงานอยู่บนวิธีคิดว่า ขอให้ทุกคนสนุกกับเกมนี้ เอาสนุกไว้ก่อน
.
พอพวกเขาทำงานไปด้วยความสุข พวกเขาก็เลยเหมือนได้รับรางวัลไปแล้วในตัว เมื่อประกาศผลผู้ชนะ ต่อให้ทีมที่ทำหอคอยได้ไม่สูงเท่าก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาได้รางวัลคือความสุขไปแล้ว เมื่อมีความสุขจากการทำงานร่วมกัน ก็เลยไม่มีความรู้สึกผิดหวังว่าทีมตัวเองแพ้ ต่อให้ไม่ชนะก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ออกมาเป็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้ ที่สำคัญ มันทำให้พวกเขา ยินดีกับทีมที่ชนะไปด้วยหมดหัวใจ
.
ดูจากการทดลองนี้แล้ว เราอยากทำงานด้วยบรรยากาศแบบไหนล่ะครับ ตึงเครียด กดดัน หวาดกลัว รู้สึกผิด ไม่รู้สึกยินดีเมื่อคนอื่นประสบความสำเร็จ หรือว่ามีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม ผ่อนคลาย ช่วยเหลือกัน รับฟังกัน ให้โอกาสกันและกัน ชื่นชมยินดีเมื่อคนอื่นประสบความสำเร็จ
.
.
6
เพื่อเข้าใจการทดลองนี้มากขึ้น Daniel H. Pink ผู้เขียนหนังสือ “Drive” อธิบายในรายการว่า โจทย์ของการทดลองการสร้างหอคอยพาสต้าเป็นโจทย์ที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเอาพาสต้ามาตั้งเป็นหอคอยได้อย่างไร
.
เมื่อเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์จึงต้องมองหาความคิดใหม่ๆ ที่ปกติไม่ได้ใช้ ต้องเสี่ยงให้มากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือการให้รางวัลเป็นเงินนั้นทำให้คนจดจ่ออยู่แค่ไม่กี่อย่าง ส่วนกลุ่มคนที่มีความสุขเป็นแรงผลักดันนั้นไม่ได้จดจ่ออยู่แค่ไม่กี่อย่าง พวกเขาจึงทำได้ดีมากกว่า

724 Nameless Fanboi Posted ID:moZKNkq4YJ

.
เรื่องนี้น่าสนใจครับ เพราะถ้าต้องการความคิดสร้างสรรค์แปลว่าเราต้องทำให้ความสุขเป็นแรงผลักดันในการ ทำงาน เพราะเมื่อต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แปลว่าต้องทดลองทำอะไรใหม่ๆ แน่นอนว่าต้องยอมเสี่ยงที่จะทำ อะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งนั่นแปลว่าอาจจะเกิดความผิดพลาดได้
.
แต่เมื่อบรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วย ความสุข ต่อให้เกิดความผิดพลาด พวกเขาจะให้อภัยกัน ให้กำลังใจกัน สู้ไปด้วยกันและเริ่มต้นใหม่ได้ เอาจนหาวิธีการที่เวิร์คได้ และถ้าอยากได้งานที่มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องเกิดจากการระดมพลังสมองของทุกคน นั่นแปลว่าทุกคนต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมั่นกันและกัน ศรัทธากัน รับฟังความคิดเห็นกัน ช่วยเหลือกัน ให้ความร่วมมือกัน ซึ่งถ้าปราศจากความสุข สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น
.
พอจะเห็นไหมครับว่า ความสุขมีพลังมากแค่ไหนในการทำงาน
.
.
7
เราจะเรียนรู้อะไรได้จากการทดลองนี้?
.
ไม่ได้หมายความว่า ถ้าใช้เงินเป็นแรงผลักดันไม่ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพแล้ว งั้นต่อไปก็ไม่ต้องมีโบนัสหรือไม่ต้องให้เงินเดือนสิ ไม่ใช่นะครับ
.
เพราะในความเป็นจริง การดำรงชีวิตอยู่ก็จำเป็นต้องใช้เงิน เราไม่ได้หายใจแล้วก็อิ่มนี่นะ และเงินก็เป็นรางวัลอย่างหนึ่งที่ถ้าเราใช้อย่างมีประสิทธิภาพก็ช่วยดึงดูดให้คนทำงานอยู่ —- ไม่อย่างนั้นในการทดลองนี้คงไม่มีใครตั้งใจทำหอคอยพาสต้ากันอย่างเอาจริงเอาจังขนาดนี้
.
แต่อย่าลืมสิ่งสำคัญที่มนุษย์ต้องการในชีวิต นั่นคือความสุข การทดลองนี้ทำให้เราเห็นแล้วว่าความสุขเป็นแรงผลักดันให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราได้เห็นบรรยากาศการทำงานที่ก่อตั้งเกิดความคิดสร้างสรรค์ เกิดความร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน นั่นก็มาจากการที่คนเรามีความสุขเป็นแรงผลักดัน
.
ทำงานอย่างมีความสุข แล้วความสุขจะพาเราสู่ความสำเร็จ เพราะความสุขก็คือความสำเร็จในตัวแล้ว
.
ทั้งเงินและความสุขเป็นสิ่งสำคัญทั้งคู่ ได้เงินมาอย่างเดียวแต่ไม่มีความสุขคงเหมือนไม่มีชีวิตมาก มีความสุขอย่างเดียวแต่ไม่มีเงินก็คงใช้ชีวิตบนโลกแห่งความจริงได้ยาก
.
ถ้าคนเราได้งานที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเงินและความสุข ลองคิดดูว่าเขาจะเปล่งศักยภาพออกมาขนาดไหน
.
.
8
John Lennon เคยเล่าว่า ตอนอายุ 5 ขวบ แม่ของเขาสอนว่าความสุขคือสิ่งสำคัญในชีวิต พอเขาไปโรงเรียน คุณครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร —- คำถามเดียวกับที่พวกเราทุกคนคงเคยเจอใช่ไหมครับ
.
John Lennon เขียนในกระดาษว่า “ความสุข” โตขึ้นเขาอยากมีความสุข แต่คุณครูบอกว่า เขาไม่เข้าใจโจทย์ ไม่เข้าใจคำสั่งของครู
.
แต่ John Lennon บอกว่า ครูไม่เข้าใจชีวิต
.
คำตอบของคุณยังเป็นคำว่า “ความสุข” อยู่ไหมครับตอนนี้

725 Nameless Fanboi Posted ID:KZfMuXOEyG

https://scontent.fbkk9-3.fna.fbcdn.net/v/t39.30808-6/271084530_973938186582771_1940824384091053064_n.jpg?_nc_cat=106&ccb=1-5&_nc_sid=8bfeb9&_nc_eui2=AeH81ffyEXfNGbibJ2cvs_gjVCfxHkCB7J5UJ_EeQIHsns7YnYjDNRY6oCplKBumfIygD4GWFaK-Koh0c5aSG5DJ&_nc_ohc=ZikuzyuCgT8AX972MpW&tn=TjNuCNa0ozp6DjPc&_nc_ht=scontent.fbkk9-3.fna&oh=00_AT9_u1e_ElgHlMByaFl_wz6XJ1tYbB-Up0BwjwEr07KqbA&oe=61DA67C0 หืออออออ

726 Nameless Fanboi Posted ID:xgjeH6lpTQ

ทักษิณจะกลับบ้าน?
ตั้งแต่เช้าก็เห็นเสียงบ่น (จากฝั่งเชียร์เพื่อไทยหรือหมั่นไส้ติ่งส้มนั่นแหละ) ว่าคนฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันแซะทักษิณ
ซึ่งยังงงๆ อยู่ เพราะไล่ดูฟีดข่าว ก็เห็นมีคนวิจารณ์ 2-3 คน
ติ่งส้มส่วนใหญ่ไม่ได้อยากยุ่ง (คงเบื่อทะเลาะ)
งั้นวิจารณ์เองซะดีไหม 🤣
........................
ผมว่าอันดับแรกคือคนงงงวย พูดเพื่อ?
หาเสียงให้พรรคหมอวรงค์มั้ง 😝 เพราะพูดทีไรก็ปลุกขวาคลั่ง รวมพลังปกป้องประยุทธ์
จะบอกว่าพูดเพิ่มน้ำหนักการวิเคราะห์สถานการณ์ ( ครึ่งปีหลังมีรัฐบาลใหม่ จะต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ตู่ไม่ได้กลับมา)
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดอ่อยว่าอยากกลับบ้าน
คนวิจารณ์จึงมองว่าพูดไม่ฉลาดเลย
.......................
ลึกลงไป ทำไมทักษิณพูดอยากกลับบ้านทีไรต้องมีปัญหา
โดยหลักการ ทักษิณเป็นนายกฯ ที่ถูกรัฐประหาร ถูกกระทำอย่างอยุติธรรม ยัดเยียดคดีความ ติดคุก ยึดทรัพย์ ตัดสินลับหลังนับไม่ถ้วนจนคนขี้เกียจจำเพราะมองเป็นความอยุติธรรมซ้ำซาก
เป็นคนที่ถูกกระทำอย่างเลวร้ายที่สุดในประเทศนี้
แม้ไม่ได้ถูกเข่นฆ่าถูกคุมขังเหมือนคนเสื้อแดง ก็เป็นความเลวร้ายอีกด้านจากจุดร่วมความอยุติธรรมเดียวกัน
:
ทักษิณจึงควร(ต้อง)ได้กลับบ้าน โดยผ่านการต่อสู้ทวงคืนประชาธิปไตย ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ชำระสะสางความอยุติธรรม
อันที่จริงพูดได้ว่าเป้าหมายของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ข้อหนึ่งก็คือทำลายโครงสร้างรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ทวงความยุติธรรมให้เสื้อแดงและทักษิณ ซึ่งไม่ใช่แค่อภัยโทษ แต่ไต่สวนใหม่ล้างความผิดที่ถูกยัด คืนทรัพย์สินให้เขาไป
:
กระนั้น ที่ทักษิณพูดอยากกลับบ้านทีไรมักมีปัญหา
ก็เพราะทักษิณน่าจะคิดว่าการต่อสู้ตามหลักการตามกระบวนการมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะกลับได้ต้องผ่านการดีลการต่อรองอำนาจจนนำไปสู่การ "ให้อภัย" เท่านั้น
มองในมุมคนแก่อายุ 72 อยากเลี้ยงหลาน ก็ไม่ผิดหรอกที่จะคิดอย่างนั้น
(มองในมุมปฏิบัตินิยม สังคมไทยแม่-ก็เป็นอย่างนั้น อาจต้องหลังทักษิณตายยี่สิบปี จึงสามารถชำระสะสางเขียนตำราเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทยใหม่ว่าคดีความทั้งหมดเป็นการยัดเยียดให้ร้ายทำลายประชาธิปไตย)
แต่มองอีกมุมในฐานะที่ทักษิณเป็นผู้นำขบวนประชาธิปไตย (อย่างน้อยก็ในปีกพรรคการเมือง ในความนิยมของมวลชน)
มันก็เกิดความไม่ไว้วางใจมาตลอดว่า ทักษิณเอาเงื่อนไขการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปดีลเพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านหรือไม่
ยิ่งพูดไม่มีปี่ขลุ่ย ยิ่งทำให้คนงง
มันเป็น Dilemma ระหว่างคนที่เคยเป็นนายกฯ จากเลือกตั้งที่ถูกรัฐประหารที่มีคนรักคนนิยมมหาศาลคาดหวังให้นำการต่อสู้
กับคนแก่อายุ 72 ที่น่าเห็นใจว่าอยากจะยอมทุกอย่างเพื่อกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน

727 Nameless Fanboi Posted ID:5nAfzJ3a4W

วันนี้มีพนักงานของนัตโตะ ถอยรถป้ายแดงเป็นของขวัญตัวเองได้อีกคนแล้ว เด็กคนนึงที่เรียนจบแค่ ม.2 เข้ามาทำงานกับนัตโตะวันแรกได้เงินเดือนตามค่าแรงขั้นต่ำคนจบ ม.2 ผ่านมาเพียงแค่ 1 ปี รายได้ต่อเดือนมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำคนจบ ป.ตรีแล้ว วันนี้การันตีสถานะภาพทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต เป็นที่ประจักษ์ ด้วยการถอยรถป้ายแดง กู้ซื้อรถคนเดียวไม่ต้องมีคนค้ำได้แล้ว จำนวนผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 1ใน3 ของรายได้ ตามกฏของ กำลังการผ่อนรถตามรายได้ ไม่ได้เกินตัว

การสอนพนักงานทำงานให้มีคุณภาพมากขึ้น เพิ่มศักยภาพตัวเองขึ้น เพื่อทำงานให้รายได้ต่อชั่วโมงสูงขึ้น แล้วมันจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถีบตัวเองขึ้นมาในสังคมที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตได้สวยหรูขึ้น เหมือนที่นัตโตะ ก็ถีบตัวเองขึ้นมา. พอสอนลูกน้องทำ พอลูกน้องทำได้ คนสอนก็มีความสุขและสนุกตื่นเต้นตามไปด้วย

การบริหารกิจการตามสไตล์นัตโตะจะชอบเสนอหน้าที่รับผิดชอบใหม่ๆ ให้พนักงานแทบทุกคนเสมอ แต่.... ไม่เคยถามพนักงานว่า “ถ้าให้ขยับขึ้นไปทำงานแบบนู้นแบบนี้ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นทำได้ไหม” เพราะคนขี้โม้จะบอกทำได้ และคนพูดไม่เก่งจะบอกว่าไม่กล้ารับปาก

ไม่ว่าจะได้คำตอบอะไรมา ก็รู้สึกว่าคำถามแบบนี้มักจะไม่เกิดประโยชน์ต่อการตัดสินใจโยกย้ายปรับตำแหน่งพนักงาน เพื่อทำประโยชน์ให้กิจการเรามากขึ้นเลย มีโอกาสเอาคนขี้โม้ไปทำแล้วพัง หรือเสียโอกาสไม่ได้ดันคนพูดไม่เก่ง

คำถามเดียวเลยที่ชอบถามพนักงาน คือ “ถ้าให้ไปทำงานตรงนี้ตรงนั้น ชอบไหม คิดภาพตามแล้วสนุกไหมตื่นเต้นไหม”

ถ้าอยากไปจะให้ไป หน้าที่ของพนักงานคือ ทำหน้าที่ใหม่ให้สนุก หน้าที่ของนัตโตะคือหาทางสอนให้พนักงานสนุกและตื่นเต้น และแบกรับความเสี่ยงไปด้วย จุดยากคือ ต้องรีบตัดสินใจ ถอยกลับ หรือไปต่อ ให้ไวที่สุด ไม่เสียเวลานาน. ถ้าคนสอนก็มีเทคนิค คนปฏิบัติก็ตื่นเต้นอย่างตั้งใจ เมื่อนั้นกิจการก็ทำกำไรเพิ่มได้ พนักงานก็เติบโตก้าวหน้า win win กันทั้งสองฝ่าย

728 Nameless Fanboi Posted ID:ljo+LnXufY

>>722-724 nice

729 Nameless Fanboi Posted ID:ljo+LnXufY

Good read

730 Nameless Fanboi Posted ID:5nAfzJ3a4W

ครั้งนึงนานมาและ…..🤔🤔
ขณะกำลังเดินหาของใน MBK มีป้าร้านขายของคนนึงจ้องเรามาแต่ไกล พอเราเดินผ่าน ป้าก็พูดออกมากับคนขายอีกร้านนึงว่า ไอ้พวกเล่นกล้าม จู๋เล็กอิยัง แม่นแล้ว!! สงสัยคงนึกว่าผมเป็นคนจีน คิดว่ากูฟังไม่ออก ผมเลยหันไปบอกป้าเบาๆว่า ไม่เล็กนะครับ ป้าบอก อุ๊ย ตายห่า!!

731 Nameless Fanboi Posted ID:323w+RAYwD

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2022 ที่ผ่านมา โป๊ปฟรานซิสได้ออกมาเผยความเชื่อว่า "การไม่มีบุตร นำไปสู่การสูญเสียความเป็นมนุษย์" พร้อมกล่าวว่า

"ทุกวันนี้เราเห็นความเห็นแก่ตัวรูปแบบหนึ่ง เราเห็นว่าผู้คนไม่อยากมีลูก หรือมีลูกแค่คนเดียวและไม่มีลูกอีก

คู่รักหลายๆ คู่ไม่มีลูกเพราะพวกเขาไม่อยากมี แต่พวกเขากลับมีหมาสองตัว แมวสองตัว... ใช่ หมาและแมวมาแทนที่ลูกๆ

การปฏิเสธที่จะเป็นพ่อคนหรือแม่คนมันเป็นการบั่นทอนและพรากความเป็นมนุษย์ไปจากพวกเรา
ด้วยวิถีนี้อารยธรรมของเราจะแก่ชราลงและสูญสิ้นมนุษยชาติ เพราะการสูญเสียความเป็นพ่อคน แม่คน และบ้านเกิดของเราจะทุกข์ทน เพราะไม่มีเด็กๆ เหลืออยู่"

จากนั้นโป๊ปฟรานซิสยังส่งเสริมให้ผู้คนมีลูก พร้อมแนะนำสำหรับคนที่ไม่สามารถมีลูกได้ให้ลองรับเด็กสักคนมาเลี้ยง

732 Nameless Fanboi Posted ID:ljo+LnXufY

>>731 talking about God's wills

733 Nameless Fanboi Posted ID:.IL3lY5vx0

>>731 อยากให้คนทำอะไรในโลกทุนนิยมก็จ่ายเงินมาดิ มาขอให้ทำเปล่าๆเพื่อ greater good นี่ไม่ต่างจาก fem หรือ sjw เลยนะ

734 Nameless Fanboi Posted ID:HeuZD6awF2

เสรีภาพก็มีไว้แค่...หลอกให้ทาส
ทำงานให้พวกเราอย่างมีความหวัง
แล้ววันหนึ่งพวกมันจะพบกับ
เสรีภาพ..ที่แท้จริง...ก็คือ....ความตาย
ควินตัส : 74 B.C

735 Nameless Fanboi Posted ID:5nAfzJ3a4W

งานกำกับรับปีใหม่ 1/2022

---

- เป็นอีกงานที่ได้สื่อสารที่รู้สึกมานานอีกครั้ง เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทำไมสื่อหลักของเราต้องเล่นตลกกับอะไรเหล่านี้ อ้วน ดำ เตี้ย หัวล้าน เสียงแหบ หรือดาร์คไปถึงออทิสติคและอาการต่างๆ บ้านเราแม่งคืออเวนเจอร์ของการ pick on
- โอเค อดีตก็เรื่องหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันยังมีมรดกจากยุคนั้นตกทอดมาถึงพฤติกรรมทั้งในจอและนอกจอในยุคนี้
- เราเหวอมากที่เปิดรายการทีวีปัจจุบันแล้วยังเห็นการเล่นมุกหรือแซวกันแบบนี้ ในแง่ความเป็นมนุษย์มันแย่ และในแง่ความมืออาชีพมันก็มักง่ายเหลือเกิน ไม่รู้จะเล่นอะไร ก็เดี๋ยวกวาดตาดูข้อด้อยของอีกฝ่ายแล้วกัน
- พอได้แล้ว อย่าใจร้าย อย่าขี้เกียจ อย่าซ้ำซาก
- งานนี้ขอขอบคุณลูกค้าที่โอเพ่นกับเรา และทีมงานที่เต็มที่ทุกคนครับ

https://fb.watch/amOa4gJiSb/

736 Nameless Fanboi Posted ID:5nAfzJ3a4W

Kanoklada Thipthanathon ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวเพื่อนหลายคนเป็นครอบครัวที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วก็เป็นตระกูลที่แบบมีมรดกตกทอดอะไรเยอะ สิ่งหนึ่งที่รู้เลยเค้าจะมีระบบไม่ต้องใช้นักสืบ แต่พวกเนี่ยเค้าจะมีเครือข่ายในการดูประวัติการเงินอยู่แล้ว เพราะมันจำเป็นการที่เอาใครเข้ามาเกี่ยวดองใน เครือญาต หากมันไม่โอเคมันจะพังทั้งระบบเพราะว่าธุรกิจหรือว่าทรัพย์สินสิ่งที่เขาสร้างมา มันใช้เวลากันมาทั้งชั่วลูกชั่วหลานของเค้าก็เลยมองว่าเออแต่ละคนก็มีวิธีการดูแลจัดการตรงนี้แตกต่างกันไป

ตอนแรกทึ่งเค้าทำแบบนี้ด้วยหรอจริงๆก็เป็นการปกป้องสิทธิ์ของวงศ์ตระกูลเขาด้วย และฝ่ายลูกสาวด้วย

737 Nameless Fanboi Posted ID:5nAfzJ3a4W

เคยเจอสรรพากรย้อนหลัง เอกสารงานฟรีแลนท์ตกหล่นเพียงไม่กี่ชิ้น

โดนค่าปรับ และดอกเบี้ยย้อนหลัง 5 ปี ต้องจ่ายเพิ่มร่วมแสน

สรรพากรคือกฎหมาย ดังนั้นกฎหมายดอกเบี้ยปกติใช้กับที่นี่ไม่ได้

ขอผ่อน 3 เดือนได้ แต่คิดค่าปรับและดอกเบี้ยรายวัน... งั้นปิดยอดจบ

***ถ้าเขาออกกฎหมายเก็บภาษีเทรดคริปโต แล้วให้เก็บทรานเซคชั่นเอง ... น่าจะโดนย้อนหลังกันบาน

738 Nameless Fanboi Posted ID:9MC5ZNpBqo

อ่านแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นนะ สนับสนุนให้คลอดลูกตามธรรมชาติหรือรับอุปการะลูกบุญธรรม มากกว่าการเลี้ยงหมาแมวแทนเด็ก?! ฟังแล้วดูเหยียดสปีชี่ส์มากเลยอะ All species matter

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

739 Nameless Fanboi Posted ID:F80W439g92

จะเขียนเป็นครั้งสุดท้าย
เบื่อจะเถียง

.

นักระบาดวิทยาเตือนกันทั่วโลกแล้ว, ล่าสุดเมื่อคืนนี้องค์การอนามัยโลกก็เพิ่งออกแถลงซ้ำว่าอย่าประมาท Omicron เพราะยังมีคนที่เสียชีวิตจากมันอยู่, ผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นเนื่องจากผู้ติดเชื้อมีมากขึ้นอย่างมหาศาลจนกำลังล้นระบบในหลายประเทศ, และยังมีเรื่องที่ผู้ติดเชื้อจำนวนมากมีอาการต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย … มันจึงไม่ใช่ Mild Variant อย่างที่เอาไปพูดกันผิด ๆ

.

มันไม่ได้เป็นวัคซีนธรรมชาติ
เพราะอาการมันมากกว่านั้น
โดยเฉพาะการเกิดลิ่มเลือดต่อไป
ที่เรายังไม่รู้ว่าอาการนี้จะอยู่ในร่างกายอีกกี่ปี
มีความเสี่ยง Stroke หรือ หัวใจวายตั้งแต่ตอนอายุน้อย ๆ นี่ไม่ดีเลยนะครับ

.

โดยเฉพาะการแพร่กระจายระดับ 8-15 เนี่ยจะทำให้โอกาสที่มันจะพัฒนาสายพันธุ์ใหม่อีกก็มีสูงมากขึ้นอีก (ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมายของมัน ทำให้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนกล้าฟังธงว่าตัวต่อไปจะอ่อนลงเรื่อย ๆ )

.

การระมัดระวังทำให้เรา Control ได้
Control ได้ = ไม่ถึงกับต้อง Lockdown
ตอนนี้ยังอยู่ในโหมดไม่ประมาทไว้ก่อน
ไปไหนมาไหนก็สวมมาสก์, ล้างมือ, รักษาระยะห่าง

.

อยากให้สื่อมวลชนไทยระมัดระวังการนำเสนอข้อมูลให้กับประชาชนด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและเริ่มประมาทคิดไปว่าไม่เป็นไรหรอก ติดไปเดี๋ยวก็หาย

740 Nameless Fanboi Posted ID:.uPw3OLQmf

>>739 จะทวงโลกใบเดิมไหม?

741 Nameless Fanboi Posted ID:mTFIGxO7qp

วันนี้เดินเข้า 7-11 เพื่อไปซื้อน้ำเปล่า พกเงินมา 6 บาท ขาดไป 1 บาท เลยขอลดราคาให้หน่อย พนักงานมันปฎิเสธใหญ่ เลยโยนเศษเหรียญใส่กล้องวงจรปิดพร้อมบอกให้พวกพนักงานได้ยินว่าเจ้านายพวกมึงทำประเทศพังไม่พอยังไม่สำนึกบุญคุณคนไทยแบบกูอีก นี่แหละจะเป็นก้าวเล็กๆในการทำลายธุรกิจของไอ่เจ๊กชั่ว

743 Nameless Fanboi Posted ID:ZexnvbWCw.

>>741 เท่ที่สุดเลยครับพี่

744 Nameless Fanboi Posted ID:9aG65uC42/

สื่อไทยนี่อันตรายทำข่าวแต่การตายของ คนฉีดวัคซีนที่มีเกิดโอกาสเป็นลิ่มเลือด 1ใน50,000 คน แต่ ถ้าไม่ฉีดโอกาสเกิด ลิ่มเลือดอุดตัน 1 ใน 5 คน

745 Nameless Fanboi Posted ID:DdOEDCKiDC

>>744 พอๆ กับเรื่องข่าวโควิดนั่นละ ทิศทางโลกเขาจะเริ่มแยก "ผู้ติดเชื้อ" กับ "ผู้ป่วย-ผู้ตาย" ออกจากกันละ สื่อไทยยังพาดหัวให้คนกลัวกันอยู่เลย

746 Nameless Fanboi Posted ID:mqgNjx9vf1

>>741 แล้วมึงจะเข้าไปเพื่ออมไข่เจ็กใช้บริการแม่งทําห่านไรตั้งแต่แรกวะ ควาย คนจริงป่านนี้แก้ผ้าวิ่งไปlootingที่สำนักงานใหญ่ละ

747 Nameless Fanboi Posted ID:QnavuDLVXs

ถาม: ส.ส. 1 คน (ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี) มีงบประมาณให้บริหารเพื่อประชาชน ปีละเท่าไหร่?

ตอบ: 0 บาท ค่าแรงรายเดือนกับเบี้ยประชุม ก็คงมีรายรับจากรัฐอยู่ที่แสนกว่าบาท/เดือน เท่านั้น

ดังนั้นเวลาถามผู้สมัครฯ ว่าจะทำอะไรให้ประชาชน ต้องดูว่ามีอำนาจมั้ย ไม่งั้นก็คือใช้อำนาจเกินกฎหมายให้

748 Nameless Fanboi Posted ID:YBh5wXGURl

แอบสังเกตุคนเก่ง ที่ทำงานมีประสิทธิภาพมาหลายคน เจอคุณลักษณะร่วมกัน คือ

-------
คำถามเก่ง มักใช้ถามประจำ

- agenda ที่มาคุยกัน มีอะไรบาง ส่งอีเมล์พร้อมไฟล์ Presentation ที่จะใช้ในการประชุมก่อนได้จะยิ่งดี

- ความหวังอะไรจากการประชุมครั้งนี้ บอกทุกคนให้ชัดเจน ตอนจบต้องถามตัวเองว่า บรรลุในสิ่งที่คาดหวังมั้ย

- next step เราจะเริ่มกันยังไง

- ขอนัดคุยครั้งต่อไปเลยได้มั้ย

- นัดคุย แล้วใส่ใน calendar ส่วนตัว พร้อมยิง invitation หาทุกคนทันที

- ใครเป็น contact person หรือ คน lead งานนี้

- จิ้มเลย ว่าใครรับผิดชอบเรื่องไหนบ้าง

- คิดว่าจะทำเสร็จได้ประมาณวันไหน

- มีส่วนไหนที่ทำให้ช้าหรือติดปัญหาบ้าง

- สามารถต่อรอง ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ทันที เพราะรู้ว่าจะมาคุยเรื่องอะไร และเตรียมตัวมาดีแล้ว ขออนุมัติขอบเขตการตัดสินใจจากหัวหน้างานมาเรียบร้อยแล้ว

- 'เอ๊ะ' มากกว่า 'อ๋อ' ตั้งคำถามและสมมติฐานเก่ง ไม่ใช่ใครพูดอะไรก็เชื่อไปซะหมด ถามหาที่มาที่ไป หลักการคิดต่างๆ

-------
ส่วนคนที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

- พวกเราช่วยๆกัน (ไม่มีกำหนดว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบ)

- ไม่มี next step ต้องทำอย่างไร กำหนดขอบเขตหน้าที่กันยังไงบ้าง

- เดี๋ยวแจ้งไปอีกทีว่า จะนัดกันอีกทีเมื่อไหร่ (ปฏิเสธแบบสุภาพ, หรือเตรียมแกล้งลืม ไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ให้ priority)

- ขอกลับไปคุยกันในทีมก่อน แล้วแจ้งกลับอีกทีว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ (ไม่ได้ทำการบ้านก่อนเข้าประชุม ไม่ได้เตรียมตัวมาคุย ไม่มีเป้าหมายในใจชัดเจนว่าต้องการอะไร)

- พยายามหาเหตุผล 108 ข้อ มาอธิบายว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ แทนที่จะคิดว่า “มันต้องได้” แม้ว่าจะทำไม่ได้ ก็จะคิดว่า จะต้องทำยังไงถึงจะทำให้สำเร็จได้

- สำหรับคนที่เอา Laptop เข้าห้องประชุม ให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้คนรอบข้างเสียสมาธิในการประชุม เพราะเสียงคีย์บอร์ดและคนข้างๆเค้าอาจจะอยากเผือกว่าคุณทำอะไรอยู่ ส่วนตัวเองก็จับเนื้อหาสาระอะไรได้ไม่เต็มที่ เพราะหู ตา มือ ทำงานช้าเร็วต่างกัน

- อาจจะดูไม่ให้เกียรติประธานที่ประชุมอีก มารยาทในการร่วมประชุม โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ สำคัญมาก เป็นเรื่องที่ต้องรู้ แต่มักจะไม่มีคนมาบอก

- หลายคนชอบบอกว่าใช้ Laptop จดโน้ต แต่การประชุม หน้าที่ที่สำคัญกว่าการจดประชุม คือ ตั้งใจร่วมประชุม มีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็น ระดมสมอง เพราะ 1 มีตติ้ง เวลาของคนในมีตติ้ง 10 คน อาจมีมูลค่าหลายล้านบาท

- หลายบริษัทจึงมีกฏห้ามนำ laptop เข้าห้องประชุม ใครเอาเข้ามาใช้ ต้องไล่ออกนอกห้องสถานเดียว

-------

คนที่ highly effective เนี่ย ต้องรู้เลย ใครรับผิดชอบเรื่องไหน จะทำเสร็จใช้เวลาเท่าไหร่ และควรจะมาติดตามงานกันอีกมีเมื่อไหร่ และรู้ว่าควรไปคุยกับใครบ้าง เพื่อผลักให้งานมันเดิน และรู้ในใจแต่แรกแล้วว่าต้องการอะไร

ในชีวิตการทำงาน เราจะได้เจอคนแบบนี้เยอะมาก
จบไทย จบนอกก็ไม่ได้บ่งบอกว่าทำงานเก่งหรือไม่เก่ง

-------

“คนเก่งจริง” นอกจากจะ highly effective แล้ว ยัง humble มากๆ และมีศิลปะในการทำให้คนอื่นเต็มใจทำงานให้เรา

หรือแม้กระทั่งจะวิจารณ์หรือให้ความเห็น ก็สามารถพูดโน้มน้าว ไม่สร้างความแตกแยกได้ด้วย (สุดยอดคือ ด่าจนคนที่ถูกด่า ไม่รู้สึกว่าโดนด่า แต่เต็มใจยอมรับผิด)

ถ้าได้ทำงานกับหัวหน้าแบบนี้ ถือว่าโชคดีสุดๆ เรียนรู้จากเค้าให้เยอะๆ วันหนึ่งถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการ จะทำงานเยาะแหยะไม่ได้

แต่ถ้าหัวหน้าไม่ได้เป็นแบบนี้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเอง คนที่เป๊ะ คือคนที่ทำงานเก่ง และเป็น candidate ที่จะก้าวเป็น top management เป็นผู้นำองค์กรที่ดีต่อไปในอนาคต

-------
อ่านจบ ฝากกดติดเพจอีกเพจที่เน้นเรื่อง Upskill ด้วยนะครับ 🥺 : SHiFT Your Future

749 Nameless Fanboi Posted ID:1miyLCsJgP

โอวาทวันเด็กสอนลูก ฉบับคนเรียล 2022

“ลูกเอ๊ย โตขึ้นมา ลูกจะรู้ว่าชีวิตเรามันเลือกได้ระหว่างความร่ำรวยกับความสุข …พ่อหลงผิดมานาน อย่าพลาดเหมือนพ่อ ลูกจงเลือกความร่ำรวยไว้ก่อนเสมอ
ความสุขมันมาแป็บเดียวเดี๋ยวมันก็ไปลูก เงินเนี่ย มีเยอะมันค่อยๆ ใช้ได้ เอาไปลงทุนต่อก็ได้ เอาไปซื้อความสุขบางอย่างก็ยังได้ มันไม่หมดง่ายๆ หรอกถ้าเรารู้จักจัดสรร เห็นกระปุกหนูไหม หนูเอาความสุขใส่ไปได้ไหม ไม่ได้ใช่ไหมลูก เห็นไหม อย่าโง่
โตมาลูกจะพบกับคำโกหก romanticize ความเหลื่อมล้ำที่ว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ พ่อก็ไม่เข้าใจแม่งเหมือนกันว่าถ้างั้นมึงเอาไปซื้ออะไร อย่าไปฟังมันมากลูก มันคือพวกลวงโลก …ซื้อความสุขเรื่องนึง แต่มีเงินมันลดความทุกข์ได้แน่นอนลูก ลองป่วยและไม่มีเงินดู อยากรู้จริงๆ ว่าจะหาความสุขมาจ่ายค่าหมอยังไง
ถ้าลูกมีเงินแล้วยังไม่มีความสุข ไม่ได้หมายความว่าลูกเดินทางผิด แต่นั่นหมายถึงลูกยังมีเงินไม่พอ แค่นั้นเลยลูก โลกมันทุนนิยม และเราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก
พ่อไม่ได้สอนให้ลูกฟุ่มเฟือย แต่ลูกต้องหาเงินให้เป็น ไม่ใช่หาแต่ความสุข
พ่อไม่ได้สอนให้ลูกโลภมาก เอาเปรียบคนอื่น แต่ลูกต้องมั่นคงพอที่จะดูแลตัวเองและครอบครัวได้ จากนั้นค่อยเผื่อแผ่คนที่เขาขาด
เข้าใจไหม? สรุป หนูอย่าโตไปเป็นคนดี …โดนเขาเอาเปรียบ กดขี่ ได้ง่าย จงโตไปเป็นคนรวยที่ฉลาดและนิสัยดีลูก
ตามนี้นะลูก สุขสันต์วันเด็ก ขอให้ปีนี้หนูเป็นเด็กดี อีก 10 ปีเป็นผู้ใหญ่ที่รวย โอเคนะ! อ่ะ เอาตุ๊กตา Paw Patrol ไปเล่นได้”

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

750 Nameless Fanboi Posted ID:SkMLg4i4s2

[book-review] ฟูโกต์กับลัทธิเสรีนิยมใหม่ (Foucault and Neoliberalism)
พิพัฒน์ พสุธารชาติ บรรณาธิการ
สำนักพิมพ์ Illuminations Editions
.
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทความงานเขียนและงานแปลที่เกี่ยวข้องกับมิเชล ฟูโกต์ นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์ความคิดในมิติข้อถกเถียงลัทธิเสรีนิยมใหม่ ในสังคมไทยที่ได้ใช้คำว่า “วาทกรรม” อย่างแพร่หลายเกิดจากการแปล ‘discourse’ ซึ่งฟูโกต์เป็นผู้ริเริ่มวิพากษ์สังคมด้วยการวิเคราะห์วาทกรรมโดยสืบสาวไปถึงต้นตอและความลื่นไหลของอำนาจในการประชันความหมาย
.
ในหนังสือเล่มนี้ชวนตั้งประเด็นคำถามจากหนังสือเล่มสำคัญของฟูโกต์ ‘The Birth of Biopolitics’ ซึ่งย้อนกลับไปตั้งต้นอำนาจที่บังคับผู้คนในชีวิตประจำวัน ถ้าหากมองจากมุมของ Friedrich Hayek เสรีภาพของมนุษย์คือการบังคับให้น้อยที่สุด แล้วขีดเส้นการบังคับด้วยหลักกฎหมายทั่วไป สิ่งนี้ถือเป็นการกดทับมนุษย์ที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจริงหรือ นักวิชาการทั่วโลกจึงได้ชวนถกเถียงว่าฟูโกต์เห็นด้วยกับเสรีนิยมใหม่หรือไม่? ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมข้อถกเถียงไว้อย่างน่าสนใจในหลายมิติ ทั้งการถกเถียงกับลัทธิเสรีนิยมใหม่ในเรื่องความคลุมเครือ และ จุดร่วมระหว่างฟูโกต์กับเสรีนิยมใหม่
.
หนังสือประกอบไปด้วย 2 ภาค และบทความที่น่าสนใจอีก 8 บท โดยบทที่ 3 “การเดินทางของเสรีนิยมใหม่ใน 3 ทวีป” โดย รศ.ดร.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ได้ทำให้ภาพเสรีนิยมใหม่ที่คลุมเครือให้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเชิงรากฐานความคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่ผสมระหว่างเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิคที่เน้นความมีเหตุมีผลของมนุษย์กับเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียซึ่งเน้นหลักจริยศาสตร์ จนสุดท้ายเสรีนิยมใหม่มองว่าโลกมีความซับซ้อนและไม่แน่นอน การใช้กลไกราคาจะเป็นสิ่งที่สะท้อนความต้องการที่แท้จริง มากกว่าความเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงเสรีนิยมใหม่ที่เข้าไปในแต่ละประเทศก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน บทความได้ยกตัวอย่างลักษณะทางเศรษฐกิจการเมืองใน 4 ประเทศ 3 ทวีป อันเป็นตัวกำหนดทิศทางเสรีนิยมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น
.
ชิลี ห้องทดลองแนวคิดเสรีนิยมใหม่ในทางปฏิบัติ ในช่วงแรกกลุ่ม Chicago Boys มีบทบาทในการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ถูกปรับออกจากทีมเศรษฐกิจแล้วเกิดการปรับแต่งเสรีนิยมใหม่ให้เป็น ‘pragmatic neoliberalism’
.
บราซิล ประธานาธิบดีที่มาจากพรรคแรงงาน เน้นการทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (participatory budgeting) แต่ท้ายที่สุดพรรคแรงงานประนีประนอมกับแนวทางเสรีนิยมใหม่มากเกินไปทำลายแนวร่วมที่สำคัญ ทั้งขบวนการแรงงานและกลุ่มคนจนเมือง
.
เกาหลีใต้ มีการปรับเปลี่ยนแนวทางรัฐพัฒนา (developmental state) ที่รัฐเป็นผู้ชี้นำกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้วยการลดบทบาทรัฐ และ Economic Planning Board ลง ปรับกติกาการลงทุนเพื่อให้ทุนภายนอกเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น
.
ยุโรปตะวันออก เป็นกลุ่มประเทศที่ต้อนรับเสรีนิยมใหม่เป็นอย่างดี หลังจากที่อยู่ภายใต้ทุนโดยสหภาพโซเวียตมาเป็นเวลานาน มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นเอกชนตามแนวทางเสรีนิยมใหม่ จนกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ใช้แนวทางเสรีนิยมใหม่มากกว่าอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาเสียอีก
.
บทความนี้มีจุดเด่นที่สำคัญ คือ การชี้ให้เห็นได้ว่าเสรีนิยมใหม่ขึ้นอยู่กับบริบทเศรษฐกิจการเมืองของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างมากและได้ย้ำเตือนข้อพึงระวังอย่างหนึ่ง คือ ตลาด ≠ เสรีนิยมใหม่ ไปเสียทีเดียว ถ้ากระบวนการเสรีนิยมใหม่ยึดโยงกับบริบทเศรษฐกิจเมืองของแต่ละประเทศ แล้วการวิพากษ์เสรีนิยมใหม่ของฟูโกต์มีจุดแข็งและช่องโหว่อย่างไร ชวนอ่านต่อได้ในหนังสือ

751 Nameless Fanboi Posted ID:blWO6tWIFL

Flip Flop คือ รองเท้าแตะ ทำไมมันกลายเป็นศัพท์แสลงของเกย์ แปลว่า ผลัดกันเอาได้ล่ะ

752 Nameless Fanboi Posted ID:SkMLg4i4s2

ราคา = มาร์จินกำไร + ค่าวัตถุดิบ + ดอกเบี้ย + ค่าแรง” ในธุรกิจที่มาร์จินกำไรสูงและวัตถุดิบมีสัดส่วนมากกว่าค่าแรงมากๆ (เช่น ธุรกิจเนื้อสัตว์) การกดค่าแรงเป็นการส่งเสริมความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ถ้านายทุนลดมาร์จินเพียงนิดเดียวก็ยังติดโผมหาเศรษฐีอยู่ดี #ค่าแรง

753 Nameless Fanboi Posted ID:f.2reAI+rk

ENEMIES OF AMERICA:
1-TWITTER
2-FB
3-GOOGLE
4-U-TUBE
5-PELOSI*
6-SCHUMER
7-NEWSOM
8-GARLAND
9-FAUCI
10-BIDEN
11-HARRIS
12-WEINGARTEN
13-WALENSKY
14-MILLEY
15-AUSTIN
16-AOC
17-MAYORKIS
18-BRAGG
19-SCHIFF
20-REID
21-BEHAR
22-LEMON
23-NYT
24-WAPO
25-NBC
26-CBS
27-MSNBC
28-THE SQUAD

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

754 Nameless Fanboi Posted ID:9M6q7tfskN

>>753 enemies of GOP*

755 Nameless Fanboi Posted ID:9M6q7tfskN

สิ่งที่ชวนให้เข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับนโยบายจำนวนข้าวคือการเลือกใช้คำว่า ‘ขาดทุน’ ราวกับว่าภาครัฐเป็นองค์กรแสวงหากำไรที่พอถึงสิ้นปีจะต้องนำรายได้มาหักค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณกำไรสุทธิแล้วจ่ายเป็นเงินปันผลคืนให้กับประชาชน ทั้งที่ความเป็นจริง เป้าหมายของการมีรัฐบาลก็คือสร้างประโยชน์แก่สาธารณชน ไม่ใช่กอบโกยเข้ากระเป๋าตัวเอง

ลองถามตัวเองเล่นๆ ก็ได้ครับว่าจะทำอย่างไรให้โครงการอย่างจำนำข้าวมีกำไร คำตอบก็ตรงไปตรงมา คือการตรากฎหมายบังคับให้เกษตรกรชาวไทยต้องขายข้าวในราคาต่ำกว่าตลาดให้กับรัฐบาล เช่น ราคาตลาดของข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 13,000 บาท รัฐก็บังคับให้เกษตรกรขายให้ส่วนกลางในราคา 10,000 บาท ก่อนจะนำมาไปจำหน่ายต่อเพื่อทำกำไร สิ้นปีก็เตรียมจ่ายโบนัสให้กับคณะรัฐบาลในฐานะผู้บริหารดีเด่น แบบนี้หรือเปล่าครับคือรัฐบาลในฝันที่เราต้องการ?

ตัวอย่างในย่อหน้าข้างบนเป็นเรื่องไร้สาระจนน่าหัวเราะ การประกบคำว่า ‘ขาดทุน’ กับการใช้งบประมาณของภาครัฐจึงเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัวอย่างไม่น่าให้อภัย

756 Nameless Fanboi Posted ID:DIlkfEdbPB

>>755 ประเทศนี้เคยมีสิ่งที่เรียกว่าคณะกรรมการสำรองข้าว โดยบังคับให้ผู้ส่งออกข้าวต้องขายข้าวให้รัฐในราคาต่ำกว่าตลาดเป็นสัดส่วน15%ของปริมาณส่งออก และสำนักค้าข้าวบังคับให้ผู้ส่งออกข้าวต้องจ่ายค่าส่งออกเป็นมูลค่า30%ของราคาส่งออก สองหน่วยงานนี้ทำรายได้ให้รัฐมากถึง32%ของรายได้แผ่นดินต่อปี และกดราคาข้าวในประเทศให้ต่ำกว่าตลาดโลกมาก

757 Nameless Fanboi Posted ID:2Tyn7L9D6x

>>755 คนที่พูดงี้ส่วนใหญ่ก็ด่ากบท. รฟท. ขสมก. เวลาขาดทุนตลอด ทำใมไม่ชมมั่งละว่าขาดทุนเพื่อชาติ

758 Nameless Fanboi Posted ID:+orp7wpWsv

>>757 ตัด กบท. ออกก็ได้นะ ไม่ใช่บริการจำเป็นพื้นฐาน คนทั่วๆ ไปไม่ค่อยได้ไปนอกหรอก แล้วบินใน ปท. low cost มีเยอะแยะ แต่ รฟท. กับ ขสมก. กูเห็นด้วยน่ะ ราคาตั๋วต่ำกว่าต้นทุนจริงเพราะรัฐจัดงบอุดหนุนตลอด แต่ก็โดนด่าตลอดว่าทำไมขาดทุน

759 Nameless Fanboi Posted ID:tDPSQFaTcO

>>757 พวกนี้มันกำไรง่ายมากนะ แค่ขึ้นราคา แต่ถ้าขึ้นราคาก็โดนด่า ขาดทุนก็โดนด่า ไม่รุจะเอายังไงกับ ปชช ดี

760 Nameless Fanboi Posted ID:.2LsC6VXdS

>>757 รฟท นี่ถ้าบริหารดีๆกำไรน่าจะเยอะสุดละมั้ง เพราะที่ดินเยอะมาก แต่ก็นะ

761 Nameless Fanboi Posted ID:+orp7wpWsv

>>760 ที่ดินเยอะแต่ติดข้อหารังแกคนจน + เอื้อนายทุนไง ยุคหลังๆ ทำอะไรมากไม่ได้แล้ว โดนค้านตลอด

762 Nameless Fanboi Posted ID:2Tyn7L9D6x

>>758 จริง อันนั้นขาดทุนเพราะโง่เอง แต่อีก 2 อันขาดทุนเพราะรัฐจงใจกด

>>759 หากำไรก็ตาม>>760 ใช้ประโยชน์จากที่ดินมาลดค่าโดยสารได้ โดยเฉพาะรฟท.ที่ที่ดินเยอะมาก เอาแค่ที่ในกทม. ถ้าเช่าราคาเป็นธรรมนี่กำไรเน้นเน้นๆ เลย

หลายปีก่อนตอนเซ็นลาดจะหมดสัญญาเช่าแล้วทำใหม่ กูจำได้ว่าแค่ไม่กี่ร้อยล้าน ทั้งที่ตรงนั้นทำกำไรให้กลุ่มเซ็นทรัลมากเป็นอันดับ 2 เลยตอนนั้น คิดปีละพันล้านก็ยังมีกำไร แล้วเส้นที่ลากผ่านอโศกนี่ราคาแพงกว่าทองอีก แต่หากำไรไม่ได้

ตัดที่กทม.ออกไป ตลาดนัดตามสถานีรถไฟนี่ก็มีเยอะแยะ แต่เงินเข้ากระเป๋าคนอื่นหมด ไม่ได้เข้ากระเป๋ารฟท. ต่อให้ไม่ขึ้นราคาค่าเช่า แต่เงินเข้ากระเป๋ารฟท.ให้หมดก็มีรายรับอื้อแล้ว

763 Nameless Fanboi Posted ID:5UHrdqU/Yb

เคยเสนอค่าแรง 900 แต่ตอนนี้คิดว่าขั้นต่ำต้อง 1000 บาท/วัน หลักการค่าแรงไม่ใช่แค่ใช้เพื่อประทังชีพ แต่ต้องสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้ด้วย เราต้องช่วยกันทำลาย "ค่าแรงสูง ของจะแพง" ที่ถูกชนชั้นนำทำให้กลายเป็นผีที่ทุกคนต้องหวาดกลัวได้แล้ว

764 Nameless Fanboi Posted ID:6ULoImH0LR

>>763 ถ้าค่าแรงไม่เอามาคิดรวมเป็นต้นทุนของสินค้าก็คงทำได้อ่านะ

765 Nameless Fanboi Posted ID:Rk/X4sMynm

ค่าแรงขึ้น = ราคาของแพงตามเป็นโดมิโน่ > จนค่าแรงไม่พอซื้อของ

ถ้าขึ้นค่าแรงจนถึงระดับหนึ่ง
กูว่าต่อไปคงได้ใช้เครื่องจักรแทนแรงงานล่ะ หรือปิดโรงงานย้ายออก = มีคนตกงาน

766 Nameless Fanboi Posted ID:GBYsoJDOsr

>>765 แค่ 300 แม่งก็ย้ายฐานไปเพื่อนบ้านกันพอสมควรละ เหลือที่แบบกิจการที่รอบๆ บ้านหรือภูมิภาคอื่นยังสู้ไม่ค่อยไหว (ยานยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้า-อิเล็ก) แต่อนาคตก็ไม่แน่แล้ว เขมรกับเวียดนี่ยิ้มเลย

767 Nameless Fanboi Posted ID:sf4X3xI9hi

>>766 มันควรจะให้ย้ายอยู่แล้ว ประเทศไทยเราต้องปรับเศรษฐกิจ มาเน้นการบริโภคภายในประเทศ พวกมึงจะให้เราเป็นโรงงานอาเซียนจนวันตายเลยหรือไง

ประเทศพัฒนาแล้ว แม่งไปตั้งโรงงานนอกประเทศ(ส่วนใหญ่)ตัวเองที่ค่าแรงถูก แล้วขยับค่าแรงในประเทศ เน้นขับเคลื่อนจากการบริโภคทั้งนั้น

768 Nameless Fanboi Posted ID:2FizMccc7V

>>767 มันเป็นปัญหาเรื่องกับดักค่าแรงปานกลาง ถ้าไทยมีเทคของตัวเองจนไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติได้ก็ทำได้ แต่ต่อให้ทำได้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นค่าแรงพุ่งพรวด 300% แบบที่อยากได้มั้นช็อคตลาดเกินมแต่กว่าจะถึงตอนนั้นเงินเฟ้อก็จะนำหน้าจนค่าแรงไม่พออีกอยู่ดี

อีกทางนึงก็ไปสายบริการอย่างท่องเที่ยวนั่นละ เราคิดราคาส่วนต่างได้ตามสบายเลย แต่ตอนนี้ทางนี้ล้มไปแล้ว คงยากที่จะแทงทางนี้อีก อย่างมากก็คงไว้ในระดับที่เป็นอยู่

769 Nameless Fanboi Posted ID:d3stTZBBeA

>>767 เน้นบริโภคภายในประเทศ ท่องเที่ยวกับอาหาร อย่างอื่นของนอกบาน

770 Nameless Fanboi Posted ID:Q+S9iFFQYL

คนที่จะตายก่อนคือพวกมนุษย์บำนาญกับข้าราชการ พวกนี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางรายรับ เวลาค่าครองชีพปรับขึ้นตามค่าแรงก็ได้ปรับตามช้าสุดหรือไม่ได้ปรับเลย นอกนั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าช่วงล็อกดาวน์เยอะ สุดท้ายสัดส่วนค่าครองชีพ:ค่าแรงก็จะกลับมาอยู่ในอัตราไม่ต่างจากเดิมหรอก

ทำเงินเฟ้อปีละ10% พวกมนุษย์บำนาญขี้คร้านจะกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ไม่งั้นก็แห้งไปเอง

771 Nameless Fanboi Posted ID:z3MkZaMwKX

>>770 อยากให้เป็นเวเนเหรอวะ

772 Nameless Fanboi Posted ID:2FizMccc7V

>>769 จะขายคนในแต่คนไทยไม่ยอมจ่ายของแพงหรอก

กูพึ่งดูซีรี่ย์เกาเรื่องนึงทีาพูดดีมาก ชื่อ Hanwoo rapsody ฮันวูคือวัวเหลืองเกาหลี สมัยก่อนราคาแพงกว่าเนื้อวัวนำเข้ามาก จนคนคิดกันว่าจะถูกเนื้อวัวนอกตีตลาดแน่นอน เขาเลยสร้างสตอรี่และคุณภาพให้คนกิน ว่าเนื้อฮันวูราคา 30,000 วอนอร่อยกว่าเนื้อวัวนำเข้าราคา 20,000 วอน เพราะงั้นแดกของเหาเถอะ แล้วก็จัดเกรดเนื้อ สูงสุดคือ A++ ที่พึ่งทำได้เมื่อสิบปีนี้เอง

ไทยเราก็ควรทำแบบนี่นะ ที่กูรู้ว่ามำได้คือเนื้อโพนยางคำกับเนื้อวากิวที่ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีวัววากิวนอกญี่ปุ่น เพราะไทยนำเข้ามาก่อนสั่งห้ามส่งออก ไทยสร้างสตอรี่และคุณภาพขายได้ แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยนั่นละ

773 Nameless Fanboi Posted ID:Q+S9iFFQYL

>>771 ปี30-39เงินก็เฟ้อปีละ10%ก็เห็นอยู่กันได้เป็นยุครุ่งเรืองด้วยซ้ำเหอะ

อย่างเวเนมันhyperinflation ทีเดียว1ล้าน%ก็พังสิวะ

ถ้าเงินเฟ้อไม่ทันจำนวนประชากร สุดท้ายเงินก็จะฝืด ประชากรหดตัวแบบญี่ปุ่นนั่นแหละ

774 Nameless Fanboi Posted ID:2FizMccc7V

>>773 ก็รายได้มันนำเงินเฟ้อ มึงว่าสมัยนี้จะมีแบบนั้นอีกเหรอ จะมีได้ทางเดียวคือไทยเจอบ่อน้ำมันระดับซาอุหรือเวเนนั่นละ ถึงจะมีเงินแจกคนทั้งชาติแบบนั้น

775 Nameless Fanboi Posted ID:Q+S9iFFQYL

>>774 ทำQE + เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไปมันก็ขึ้นได้ แต่GDPไม่ขึ้นตามหรอกนะ
อีกกลุ่มที่จะร้องโอยคือพวกที่ถือพันธบัตรรัฐบาล หรือพวกหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหลาย แต่ข้าราชการ-คนแดกบำนาญ-คนถือพันธบัตรมันเป็นผู้มีอำนาจของประเทศไง
พวกreal sectorไม่ได้กระทบอะไรหรอก

776 Nameless Fanboi Posted ID:2FizMccc7V

>>775 ถามจริง มึงเรียนเศรษฐศาสตร์จากทวิตเตอร์มาเหรอ หลุดโลกได้ใจจริงๆ

777 Nameless Fanboi Posted ID:z3MkZaMwKX

>>773 มีแค่ 2 ปีที่ถึง 10 หลังจากนั้นก็ประมาณ 5% แต่มันจบที่อะไรก็น่าจะรู้ >>775 soft qe ก็คนละครึ่งไง ส่วนเพิ่มค่าแรง 300% นี่คิดว่าแรงงานไทยสู้ automation หรือแรงงานต่างชาติได้เหรอ คนไทยที่เป็นแรงงานไรฝีมือเยอะกว่ากลุ่มที่มึงคิดว่าจะร้องโอดโอยเยอะ คิดว่าทำไมไทยไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าล่ะ

778 Nameless Fanboi Posted ID:vEBSZ+g39I

ยุโรปหลังกาฬโรคระบาด กลุ่มชาวนาเลยมีความสำคัญ เพราะที่ดินเยอะแต่คนน้อย(เพราะตายห่าไปเยอะ)
ความต้องการแรงงานสูง ถ้าไทยจะแก้ปัญหานี้ต้องเอาชาวนากับแรงงานไร้ฝีมือไปรมแก๊ส
เอาซัก 10 ล้านคน พอแรงงานทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมเหลือน้อย จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซักสองเท่าก็ได้อยู่

779 Nameless Fanboi Posted ID:GBYsoJDOsr

ไม่มีเทคฯ ก็พึ่งพาตัวเองไม่ได้ บ้านเราปัญหาตรงนี้ เพราะเราชินกับการรับจ้างผลิตนะ ขนาด EEC ก็เหมือนกัน กูไม่ค่อยเชื่อเรื่องถ่ายทอดเทคโนโลยีเท่าไร เราไม่ได้มีอำนาจต่อรองแบบเจ๊ก และเราก็ไม่บ้าระห่ำที่จะแอบขโมยเหมือนตำนานของพวกยุ่น เกา หรือยิว สุดท้ายก็แค่เปลี่ยนการรับจ้างผลิตไปอีกอุตสาหกรรมหนึ่งต่างจากเดิมแค่นั้นละ

ที่สำคัญเอาจริงๆ เราค่อนข้างไปสายท่องเที่ยว-บริการมานานละ เรียกว่าหลังต้มยำกุ้งคนไปออกทางนั้นเยอะ เพราะหลายๆ อย่างมันเป็นอาชีพอิสระด้วย วุฒิการศึกษาก็ไม่ต้องเฉพาะทางมากนัก ถ้าไม่เจอโควิดก็คงอยู่ไปได้เรื่อยๆ นั่นละ

780 Nameless Fanboi Posted ID:GBYsoJDOsr

>>778 ถึงได้มีความคิดเห้ๆ ไง ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ ทำไมไม่ทำแบบยุโรปวะ ปล่อยให้โรคระบาดไปทั่วๆ ยังไงคนแก่ก็ตายเป็นกลุ่มหลัก คือเกษตรกรไทยส่วนใหญ่แก่ไง ปรับตัวไม่ค่อยทันอยู่แล้ว (แต่ใครทำแบบนั้นแม่งต้องใจดำมากๆ แหละ กูคนนึงละทำไม่ลง)

781 Nameless Fanboi Posted ID:Q+S9iFFQYL

>>777 มันจบเพราะแม่งอยากfixค่าเงินบาท
กูพูดถึงเงินเฟ้ออย่างเดียวโดยที่gdpไม่ต้องโตตามเงินก็ได้ สุดท้ายจะเป็น100บาท/usd ค่าแรงวันละพัน ข้าวแกงจานละ200 สัดส่วนมันก็ไม่ต่างหรอก

แต่พวกแดกเงินบำนาญยังได้เงินต่อเดือนเท่าเดิม แห้งตายไป
พวกถือพันธบัตรหุ้นกู้ ก็ขาดทุนมูลค่าไป

782 Nameless Fanboi Posted ID:z3MkZaMwKX

>>781 ถ้ามึงศึกษาวิกฤตินั้นมาซักเสี้ยวนึงมึงคงไม่ตอบแบบนี้

783 Nameless Fanboi Posted ID:Q+S9iFFQYL

>>782 แล้วไม่จริงรึไง เสือกบ้าอยากรักษาสามเหลี่ยมมหาวินาศ อัตราแลกเปลี่ยนคงตัว-เงินไหลเข้าออกเสรี-กำหนดนโยบายดอกเบี้ยได้ตามใจ เลยเอาเงินสำรองระหว่างประเทศไปถมสู้ให้ค่าเงินบาทคงตัว พอเงินหมดก็ปล่อยลอยทีเดียว

ถ้าไม่บ้าfixค่าเงินบาท ปล่อยให้ค่อยๆอ่อนตัวไปตามสภาพเงินเฟ้อตามจริง เฟ้อขึ้นปีละ10%ก็ควรจะอ่อนตัวไปตามนั้น มันก็ไม่เป็นห่าอะไรหรอก

784 Nameless Fanboi Posted ID:vEBSZ+g39I

>>780 สุดท้ายก็ตายคาบ้าน คาถนน
เอาจริงกูว่าถ้า รบ มันจัดการดีกว่านี้หน่อย
รพ. เอาไว้รักษาผู้ป่วยสีเหลืองสีแดง สีเขียวให้อยู่บ้าน/ศูนย์พักคอย
แล้วถ้าคนติดจนล้น ก็เอามาไว้ที่ รพ.สนาม
ไม่มีหมอก็ช่างแม่ง เอาแค่ให้ได้ชื่อว่ามานอนตายที่ รพ.สนาม ก็พอ
(คุ้นๆว่ามีคนบ่นเหมือนกันว่า ช่วงพีคๆ รพ.สนาม เหมือนนอนรอความตาย
ใครไม่ไหวก็ตาย ใครรอดก็รอด) แล้วเอาคนแก่ คนป่วยติดเตียง
ไปนอนใน รพ.สนาม ถึงตายขึ้นมาญาติก็ไม่ติดมากเหมือนตายคาบ้านหรอก

785 Nameless Fanboi Posted ID:2FizMccc7V

>>777 ด้านคุณภาพในแถบนี้ไทยสู้ได้นะ โดยรวมน่าจะฝีมือดีสุดแล้ว

ไทยสนับสนุนให้มาผลิตในไทย แต่ญี่ปุ่นยังไม่ค่อยขยับ มันถึงลดภาษี 40% เอาใจ แต่ติดเงื่อนไขว่าได้แล้วต้องมาผลิตในไทยอีก 2-3 ปีด้วย ถือเป็นวิธีการที่ดี

>>779 ถ้าได้เงินกะบคนในจังหวะดีไทยก็ทำไรได้หลายอย่างนะ อย่าง Vistec นี่ก็ออกดอกออกผลเร็วกว่าที่คิด ปตท.ก็เตรียมรับมือการออกจากธุรกิจน่ำมันแล้ว แม้เงินจะไปลง R&D มากขึ้นเยอะ แต่รวมๆ ยังบอกยากว่าจะส่งผลจริงจังเมื่อไหร่

786 Nameless Fanboi Posted ID:GSwI8VCOex

เรื่อง vaccine mandate ของสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นคดีว่าจะคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ใน SCOTUS นี่ก็น่าสนใจดี

อย่างแรกก็คือมันไม่ใช่คดีรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คดีที่เป็นเรื่อง constitutional question แต่เป็นปัญหากฎหมายปกครองธรรมดา ๆ คลาสสิค ๆ ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยในที่ทำงานหรือ OSHA (โอชา) จะมีอำนาจในการกำหนดให้แรงงานของสหรัฐฯ (ในบริษัทที่มีมากกว่า 100 คน) ต้องตรวจ atk ทุกสัปดาห์หรือไม่ก็ฉีดวัคซีนอย่างเป็นการทั่วไปหรือไม่

ดูเผิน ๆ คำตอบเหมือนจะง่าย ก็ต้องมีอยู่แล้วสิเพราะหน่วยงานนี้นั้น Congress ตั้งมาให้มากำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในที่ทำงาน โควิดก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรงงาน แต่ฝั่งอนุรักษ์นิยมในสหรัฐฯ ขุดหลักการทางกฎหมายขึ้นมาต่อสู้ประเด็นนี้เยอะมาก อันที่สำคัญอันหนึ่งก็พูดถึงเรื่อง major question doctrine ซึ่งบอกว่า หน่วยงานของรัฐจะไปตีความกฎหมายหรือออกกฎหมายลำดับรองมาจนมีผลเป็นเสมือนการสร้างกฎหมายใหม่ในประเด็นสำคัญอย่างยิ่งไม่ได้

พูดง่าย ๆ ก็คือ OSHA มีอำนาจทั่วไปในการสร้างมาตรฐานในที่ทำงาน แต่อย่างโควิดนี่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก โดยเจตนารมณ์ของผู้ตรากฎหมายคงไม่ได้อยากให้ OSHA มีอำนาจบังคับให้คนฉีดวัคซีนเป็นการทั่วไป เพราะเป็นประเด็นสำคัญมาก ๆ ในสังคม หลักการนี้บอกว่า ถ้า Congress อยากให้ OSHA มีอำนาจจริง ๆ Congress ต้องไปตรากฎหมายใหม่ เขียนอำนาจให้ชัด ๆ เลย ว่า OSHA จะมีอำนาจ regulate ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนได้

ความจริงแล้ว หลักการนี้ขัดกับ backbone ของกฎหมายปกครองอยู่เหมือนกัน เพราะกฎหมายปกครองนี่ ถ้าเป็นเรื่องการตีความอำนาจที่ค่อนข้างจะกำกวมหรือกว้างแล้ว ศาลมักจะ defer ให้กับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ไม่ใช่ตัดสินเอง ผู้พิพากษาศาลสูงบางคน คือ Kagan ถึงกับบอกว่า ศาลไม่ใช่ elected politician ไม่ได้ accountable กับใคร ดังนั้นสิ่งที่เหมาะสมควรจะเป็นว่าให้ประชาชนไปตัดสินใจกันเอาเองผ่านความรับผิดชอบทางการเมือง

แน่นอน ฝั่งที่เป็นผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมนั้น เป็นปฏิปักษ์กับ administrative state อยู่แล้ว ดังนั้น deference ต่าง ๆ เนี่ยมักจะไม่ถูกกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม โดยใน term นี้ที่มีหลายคดีที่ศาลส่อแววว่าจะกลับหลัก (หรืออย่างน้อยก็จำกัดหลักการ) เรื่อง Chevron deference ซึ่งหมายความว่า ศาลอาจเข้ามาตรวจสอบการตีความขยายอำนาจของหน่วยงานของรัฐในสหรัฐฯ มากขึ้น ไม่ใช่แค่ยอมรับการตีความของหน่วยงานรัฐที่ reasonable อีกต่อไป

787 Nameless Fanboi Posted ID:h5p7XRI.hm

>>786 ดูเถียงกันมีเหตุผลดีนะทั้งสองฝ่ายเลย
ถามเพื่อความรู้แล้ว​OSHAเคยมีข้อบังคับเรื่องวัคซีนตัวอื่นๆในการทำงานมั้ย?

788 Nameless Fanboi Posted ID:GSwI8VCOex

ติดตามข่าวกองทัพอากาศจะซื้อ F-35 มาสักพัก นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาคิดยังไง

ต่อให้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสถานะทางการเงินของประเทศปัจจุบัน แล้วก็ตัดประเด็นเรื่องที่ว่า air superiority กับ strike mission ที่แม่งหมดยุคไปแล้วออกไปก่อนนะ

แต่คือจะซื้อ F-35 จริงดิ คือ F-35 นี่แม่งสุดยอดแห่งความเละเทะแล้ว เป็นเครื่องบินรบที่ราคาแพงที่สุด ($150 ล้าน โดยประมาณ) ค่าบำรุงแพงหูฉี่ที่สุด ($31,000 ต่อชม. บิน) รุ่นนึงที่เคยมีการสร้างขึ้นมา การพัฒนาเต็มไปด้วยความอีลุ่ยฉุยแฉะ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ช้าแล้วช้าอีก ตัว concept design เองไม่ชัดเจน เครื่องเดียวจะให้เป็นทุกอย่าง อัตราส่วนปีกที่เล็ก เพื่อที่จะได้เก็บบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ (ซึ่งเราไม่มี ส่วนไอ้ที่มีนั่นไม่นับ) เครื่องยนต์เดียวที่ไม่มีสำรอง พังแล้วพังเลย ตัวถัง stealth fighter ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าไทยจะ service ยังไง บวกกับปัญหาและบั๊กอีกยุ่บยับที่ทุกวันนี้ผู้ผลิตก็ยังแก้ไขกันไม่หมด คือนึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดว่านี่เป็นทางเลือกจะซื้อที่ดีได้

คือเข้าใจว่าจริงๆ มันก็ดีแหล่ะ ไม่งั้นหลายๆ ประเทศเขาก็คงไม่ซื้อไปใช้กัน ถ้าผมมีสูตร action replay กดเงินได้ไม่อั้นก็คงอยากจะมีเก็บเอาไว้ให้ลูกเล่นที่บ้านสักฝูงนึงเหมือนกัน แต่นึกไม่ออกว่าด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่าง ในปัจจุบัน นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วเหรอวะ เก็บเอาไว้รอเครื่องบินที่ดีกว่านี้ดีกว่ามั้ย (ซึ่งโอเค มันยังไม่มีตอนนี้ แต่คือคนอื่นเขาก็ไม่มีเหมือนกันเปล่า)

นี่แม่งเหมือนกับว่าที่บ้านไม่มีอันจะกิน ต้องยืมเงินคนไปทั่ว แต่คิดวางแผนจะไปซื้อลัมเบอร์กินี่รุ่นที่มีปัญหาเยอะที่สุดอ่ะ

789 Nameless Fanboi Posted ID:ghgWw64Dm0

>>772 ปัญหาคือ เนื้อไทยคนติดภาพว่า เหนียว เหม็นคาว แดกดิบก็พยาธิ

790 Nameless Fanboi Posted ID:Ih6bNuizlw

คนไทยกำลังเจอกับปัญหา Cost Push Inflation...

แอดหายไปนาน เพราะช่วงนี้ยุ่งมากๆ วันนี้เรามาลองอัพเดทราคาค่าครองชีพกันครับ

ทำไมเงินเฟ้อที่ ไทย กับที่ สหรัฐ ถึงต่างกัน!?

ในทางเศรษฐศาสตร์ "เงินเฟ้อ หรือ Inflation" มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

✓ Cost Push Inflation
✓ Demand Pull Inflation

สองสิ่งนี้ต่างกันอย่างไร? แอดจะยกตัวอย่างง่ายๆแบบชาวบ้านเข้าใจได้ คือ

1) ตอนแรก หมู่บ้านแห่งนึง
✓ มีคนอยู่ 100 คน
✓ มีร้านอาหาร 1 ร้าน

ฝั่ง Supply
ต้นทุนข้าวแกงจานละ 20 บาท
ราคาขายจานละ 40 บาท
ปริมาณที่เตรียมขาย 100 จาน

ฝั่ง Demand
คนทั้งหมู่บ้านมี Budget ค่าอาหาร 4,000 บาท
กำลังซื้อต่อจาน 40 บาท
ปริมาณคนที่บริโภค 100 จาน

ทุกอย่างจะ Match กันหมด
เกิด "ภาวะสมดุลของราคา" หรือไม่มี Inflation

สรุป
✓ ร้านอาหารกำไร 2,000 บาท
✓ คนในหมู่บ้านกินอิ่มหมด

2) กรณีแรก Cost Push
✓ ราคาน้ำมันขึ้น
✓ ราคาข้าวขึ้น
✓ ราคาก๊าซขึ้น
✓ ราคาหมูขึ้น

ฝั่ง Supply
ต้นทุนข้าวแกงจานละ 30 บาท
ราคาขายเป็นจานละ 50 บาท (Cost Plus Pricing)
ปริมาณที่เตรียมขาย 100 จาน

ฝั่ง Demand
คนทั้งหมู่บ้านมี Budget ค่าอาหารเท่าเดิม 4,000 บาท
กำลังซื้อต่อจาน 50 บาท
ปริมาณที่ซื้อได้ 80 จาน

...แบบนี้เขาเรียกกันว่า Cost Push Inflation ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

เพราะกลายเป็นว่า แทนที่คน 100 คนในหมู่บ้านจะได้กินข้าวครบทุกคน จะเหลือแค่ 80 คนเท่านั้นที่ได้กิน

เนื่องจากรายได้(Budget ที่ได้รับมา)ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งสุดท้าย จะทำให้ร้านอาหารขายได้ในปริมาณที่ต่ำลง

สรุป
✓ ร้านอาหาร กำไรเหลือแค่ 1,600 บาท และต้องลดปริมาณการขายลงในอนาคต
✓ คนได้กินข้าวไม่ครบทุกคน...ยิ่งทำให้คนประหยัดมากขึ้น ใช้จ่ายลดลง

3) กรณีสอง Demand Pull
✓ เพิ่ม Budget จับเงินใส่คนในหมู่บ้านเป็น 5,000 บาท หรือคนทำอาชีพใหม่มีรายได้มากขึ้น

ฝั่ง Supply
ต้นทุนข้าวแกงจานละ 20 บาท
ราคาขายเป็นจานละ 50 บาท ร้านเพิ่มราคาขายเพราะคนมีกำลังซื้อสูงขึ้น
ปริมาณที่เตรียมขาย 100 จาน

ฝั่ง Demand
คนทั้งหมู่บ้านมี Budget ค่าอาหาร 5,000 บาท
กำลังซื้อต่อจาน 50 บาท
ปริมาณที่ซื้อได้ 100 จาน...

แบบนี้แสดงว่า ประชาชน มีเงินเหลือพอ ซึ่งจะทำให้ร้านปรับราคาขึ้นได้เป็น 50 บาท เพื่อให้ Match กับ Demand ที่มากขึ้นจากกำลังซื้อของคน

หรือเรียกันว่า Demand Pull Inflation ซึ่งเป็นกลไกที่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจ

สรุป
✓ ร้านอาหาร กำไรเพิ่มเป็น 3,000 บาท
✓ คนได้กินข้าวครบทุกคน...แม้ค่าครองชีพจะสูงขึ้นตามแต่ไม่รู้สึกลำบาก...

==========================================
กลับมาที่ปัจจุบัน "ปัญหาเงินเฟ้อ" ที่ไทยกับที่สหรัฐ เจอแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ของสหรัฐ เป็นประเภท Demand Pull Inflation ซึ่งต้องจัดการให้เหมาะสมด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ลด QE ลดกำลังซื้อของคน ไม่ให้เงินเฟ้อสูงยิ่งขึ้นไปมากกว่านี้จนคุมไม่อยู่

ในขณะที่ของไทย เป็นประเภท Cost Push Inflation ซึ่งไม่สามารถแก้ได้โดยการขึ้นดอกเบี้ย(เพราะยิ่งทำให้คนลำบากขึ้นไปอีก) แต่จะแก้ไขได้ต้องทำดังนี้

✓ ลดต้นทุนของสินค้า ให้ร้านขายราคาต่ำลง

✓ เพิ่มรายได้(กำลังซื้อ)ให้ประชาชน ให้กลับมาซื้อข้าว 100 จานได้เหมือนเดิม

ซึ่งการลดต้นทุน ทำได้ยากเพราะ สินค้าต้นทางหลายชนิดไปผูกกับราคาโลก (ที่โดน Demand Pull จนราคาขึ้นมาสูง) เช่น น้ำมัน ก๊าซ ปุ๋ย อาหารสัตว์ เหล็ก กระเบื้อง ไม้ และอย่างที่เราทราบกันว่ารัฐบาลไทยแทบควบคุมราคาสินค้าไม่เคยได้...และถ้าคุมได้ต้องควักเงินชดเชยจำนวนมาก

ส่วนการเพิ่มรายได้...ไม่ต้องอธิบายก็เห็นแล้วนะครับว่าคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ช่วยได้แค่ระยะสั้น...และต้องควักเงินชดเชยจำนวนมากเช่นเดียวกัน

แต่การสร้างรายได้ในระยะยาวแบบต่อเนื่องและเพียงพอที่จะสู้กับโครงสร้าง Cost Push Inflation ยังไม่ค่อยชัดเจนนัก...

หุ้นที่เหมือนจะได้ประโยชน์ อาจเป็นกลุ่มอาหารทดแทน หรือกลุ่มที่เฮโลขึ้นราคาขายตามเทรนด์ Cost Push Inflation โดยที่ตัวเองต้นทุนยังเท่าเดิม...

แต่คนที่เสียประโยชน์แน่นอน คือ คนไทยเกือบทุกคนครับ

แชร์ไว่อ่านทำความเข้าใจกันนะครับ ว่าเงินเฟ้อของเรา กับของสหรัฐ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง...

#SoloInvestor

791 Nameless Fanboi Posted ID:w3VEEbTRmR

when i told my mum i was gay she called my dad and told him he owed her £10

792 Nameless Fanboi Posted ID:w3VEEbTRmR

I used to be friends with the guy who was obviously gay. I asked him a few times and he denied it so I just let him think I believed him. After about a year of friendship he "came out" to me with a big dramatic speech and I was like yeah, obviously, I know. He was shocked and a little disappointed I didn't have an obvious reaction.

793 Nameless Fanboi Posted ID:79GWI4rnFk

>>792 u fuck his ass yet ya fag

794 Nameless Fanboi Posted ID:w3VEEbTRmR

ใครๆก็อยยากได้สูตรไดเอทวิเศษ
มันต้องว้าว ต้องดูมีปฏิหาร ต้องมีสูตรการกินเทพๆ ต้องไม่เหนื่อย ต้องต้าชช

ผมเคยอ่านเรื่องราวของน้องผู้ชายที่หนัก 120+โลขึ้นไปและลดลงมาเหลือ80โล ใน2ปี โดยมีข้อความช่วงนึงระบุว่า

ออกไปเดิน-วิ่ง 2ชั่วโมงทุกวันไม่ขาดตลอด2ปี

ซึ่งจริงๆเป็นใจความสำคัญของเรื่องนี้
เลยคือเค้าตัดสินใจที่จะยอมเหนื่อย

แม่งดูธรรมดามากๆ และใช่คับไม่มีใครสนใจเรื่องราวส่วนนี้เลย โดยเจ้าตัวไม่เปิดเผยว่าวันๆทำอะไรอย่างอื่นบ้างและกินยังไง

เรื่องนี้มียอดแชร์และคอมเม้นท์สูงมาก
และทุกคอมเม้นท์แทบไปทางเดียวกันหมดคือพยายามถามว่า น้องๆทานอะไรและขอสูตรการกินหน่อย

พอรบเร้ามากๆเข้า สิ่งที่เจ้าของโพสต์แปะรูปมาตอบทุกคนคือภาพของ

ข้าวสวยและไข่ขาวต้ม

และระบุว่า เนี่ยก็กินแบบนี้ทุกวัน แค่นี้เลยไม่ตอบเพิ่มแล้วว

แล้ววงก็แตกคับ เรื่องจบแค่ตรงนี้ เพราะมันไม่น่าสนใจแล้ว ไม่มีใครสนใจว่า เค้าเหนื่อยแค่ไหนใช้เวลาและแคลอรี่ไปมากขนาดไหน เพราะทุกอย่างมัน ดูแบบ

ธรรมดามาก มันไม่ต๊าชอ่ะ

ทุกคนรู้ เรารู้ คุณรู้ ใครก็รู้
ออกกำลังกายและคุมอาหาร ไงแม่งง่ายชิบหาย มันทั้งง่ายมากและยากสาหัสในเวลาเดียวกัน เพราะจริงๆคือมันเหนื่อยและหน่ายกับการทำอะไรซ้ำๆอย่างยาวนานมาก

ไม่มีใครจดจำเพราะมันธรรมดา คุณไม่ได้ใช้สูตรปาฏิหารแบบ ดื่มน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลทุกวัน ดื่มโปรตีนเชคแทนข้าว คุณไม่แดกแป้งทำคีโต แดกมะนาวโซดา แดกยาวิเศษ นั่งๆนอนๆแล้วผอม มันไม่ต๊าชเอาซะเลยเลย

ทีนี้ถ้าแก้ไขหน่อยว่า ลดได้ด้วยสูตรอะไรซักอย่าง แดกของที่ดูไม่ธรรมดา เป็นไงครับ ขายของได้ คนกราบไหว้ชาบูๆ เห็นอะไรมั้ยครับ?

สูตรการสถาปนาตัวเป็นจ้าวลัทธิเป็นกูรูไดเอทเทพๆขึ้นมาทันทีขายสูตรลดน้ำหนักที่ถ้าคุณทำตามไม่ได้แปลว่าขี้แพ้และพยายามไม่มากพอ เนี่ยแหละ วงการที่หลอกแดกคนได้เยอะที่สุดตลอดกาล

795 Nameless Fanboi Posted ID:Ih6bNuizlw

คืนนี้ว่างๆไม่รู้จะทำอะไร นั่งเปิดดูตัวเลข productivity ต่อหนึ่งชั่วโมงทำงานของชาวอเมริกันเทียบกับประเทศอื่นๆ รวมทั้งจีน เห็นแล้วน่าสนใจดี เลยเอามาให้ดูกันเพื่อเป็นความรู้รอบตัว

ในรูปจะเห็นว่า Productivity ของสหรัฐกับจีนมันห่างกันตั้ง 4-5 เท่า และยิ่งห่างขึ้นห่างขึ้น ไม่ใช่แคบลง

ทีนี้ไอตัวเลข productivity นี่มันบอกอะไรเรา?

productivity มันบอกว่าทุน Capital (K) แต่ละหน่วยหรือทรัพยากรมนุษย์ (L) แต่ละหน่วยที่ลงทุนไป สหรัฐจะสามารถสร้างผลผลิต Y ได้มากกว่าจีน 4-5 เท่า

และความชันในการเพิ่มของ productivity ของสหรัฐมันชันกว่าของจีนเสียอีก เนื่องมาจากหลายๆด้าน เช่น สัดส่วนประชากรสูงวัยของจีนที่สูงกว่าสหรัฐ นวัตกรรมต่างๆที่คิดค้นในสหรัฐ การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การดึงดูดทรัพยากรมนุษย์ ฯลฯ ทำให้สหรัฐสามารถนำทุนแต่ละหน่วยที่สะสมไว้หรือแรงงานแต่ละหน่วยที่มี มาแปลงเป็นผลผลิตได้มากกว่าหลายเท่า

แปลว่าอะไร?

แปลว่าจีนไม่มีทางไล่ตามสหรัฐทันอย่างที่ใครหลายคนเพ้อฝันแน่ๆ ใน 20-30 ปีนี้

แต่ทำไมเราถึงเห็น ศก จีนพุ่งพรวดๆ อย่างรวดเร็ว อัตราการเติบโตสูงกว่าสหรัฐมากมายจนเหมือนจะไล่ทันในไม่กี่ปีนี้แล้ว

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะฟังก์ชั่นการผลิตมันมีคุณสมบัติที่เป็น diminishing of returns to capital คือทุนหรือแรงงานแต่ละหน่วยที่ใส่เข้าไปเพิ่มขึ้น มันจะได้ผลผลิตเพิ่มในอัตราที่ลดลง คือจีนเพิ่งออกจากหลุมมาเมื่อ 30 ปีมานี่เอง มีทุนสะสมเริ่มต้นจาก 0 ถ้าจีนใส่ทุนที่เป็นเครื่องจักรเข้าไปเครื่องแรก จากเดิมที่ไม่มีอะไรเลย มันจะได้ผลผลิตเพิ่มมา 100 หน่วย แต่เมื่อใส่เครื่องที่สองที่สามเข้าไป มันจะได้ผลผลิตเพิ่มมาแค่ 98 และ 96 หน่วยเท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นอัตราการเจริญเติบโตของผลผลิตจีนแบบโตพรวดๆ เพราะเป็นการเติบโตจากการใส่ทุน K หน่วยแรกๆ เข้าไป ซึ่งก็เหมือนเมืองไทยเมื่อ 30-40 ปีก่อนนั่นแหล่ะ เพราะมันเริ่มจากมีทุนเป็น 0

แต่เมื่อผ่านไปผ่านไป อัตราการเพิ่มของผลิต (Y) มันลดลงเรื่อยๆ การออม (S) ก็เพิ่มขึ้นช้าลง เงินที่จะเอามาลงทุน (I) มันก็เพิ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ค่าเสื่อมของเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะมากกว่าการลงทุนที่ใส่เข้าไป หมายความว่าเดิมใส่ทุนเข้าไปเพิ่ม 10 บาทจะได้ผลผลิตเพิ่มกลับมาจากเครื่องจักร 50 บาทค่าเสื่อม 0 คือไม่ต้องมีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรหรืออาคารสถานที่เลย

แต่ตอนนี้ค่าเสื่อมของเครื่องจักรมันเพิ่มขึ้นมาจนทุน 10 บาทที่เพิ่มเข้าไปมันต้องเอาไปซ่อมบำรุงเครื่องจักรอาคารสถานที่เสียหมด ทำให้หยุดการเจริญเติบโต เรียกว่าถึงจุด steady state ใส่เพิ่มเข้าไปมากกว่านี้คราวนี้ผลผลิตเพิ่มจะเริ่มติดลบ สุดท้ายก็จะติดกับดักอยู่ตรงนี้เหมือนไทย เพราะ productivity จีนกับไทยอยู่ในระดับเดียวๆ กันนี่แหล่ะ ห่างจากสหรัฐหลายเท่าตัว ไล่ยังไงก็ไม่มีทางทันเพราะจีนกำลังกลายเป็นสังคมสูงอายุที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงกว่าสหรัฐที่รับผู้อพยพเด็กๆเข้ามาทุกปี คนหนุ่มสาว productivity มันมากกว่าคนแก่เยอะ นี่ยังไม่พูดถึงความแตกต่างของ productivity ที่เกิดจากนวัตกรรมที่สหร๊ฐทิ้งห่างจีนหลายช่วงตัวและยิ่งจะทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ดูจากกราฟ productivity ก็ได้

ดังนั้น ใครที่เพ้อฝันว่าจีนจะแซงสหรัฐขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วครับ เอาว่า productivity แซงญี่ปุ่นให้ได้ภายใน 30 ปีนี้ยังยากเลย

แต่ที่คุณจะได้เห็นใน 20 ปีต่อไปคืออาคาร ถนนหนทาง สะพาน ที่จีนระดมใส่เงินเข้าไปสร้างเพื่อให้เกิดเป็นตัวเลข GDP โดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตอะไรเลย เอาไว้แหกตาชาวโลกเท่านั้น จะเริ่มพังลงมาเพราะไม่มีเงินพอที่จะไปซ่อมบำรุงมัน

796 Nameless Fanboi Posted ID:SMHr.2J2B1

>>795 พวก productivity ของสหรัฐเนี่ยถ้าไม่ได้มาจากหุ่นยนต์ก็มาจากโรงงานรับจ้างผลิตต่างประเทศทั้งนั้น ถึงจีนจะแก่ตัวลงแต่การพัฒนาด้านเครื่องจักรก็พัฒนาไปมาก ลองดูโรงงานของเล่นที่ใช่เครื่องพ่นสีอัตโนมัติในจีนดูสิ ไม่ได้คลานๆช้าเหมือนไทยแล้วมโนว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย ส่วนสหรัฐเองถึงจะรับผู้อพยพมาทุกปีแต่มันก็ยังไม่พอที่จะทดแทนกลุ่มแรงงานยุคเบบี้บูมเบอร์ที่เกษียณในช่วงนี้ นี่ขนาดไม่ได้นับกระแสต่อต้านผู้อพยพนะ

797 Nameless Fanboi Posted ID:o1yZqFOsHl

>>796 กูมองว่าสิ่งที่เมกาได้เปรียบชาติอื่นที่นโยบายดึงคนนี่แหละ ได้ทั้งคนทั่วๆ ไปไปเป็นแรงงาน ได้ทั้งคนเก่งๆ ไปเป็นมันสมอง คือไม่ยึดติดกับเชื้อชาติ ในขณะที่ชาติอื่นยึดติดกับความเป็นเชื้อชาติมากกว่า แม้แต่ยุโรปก็ด้วย

798 Nameless Fanboi Posted ID:5iGX3/gDOv

>>796 productivity นี่กูเข้าใจว่านับแค่ผลิตในเมกานะ ส่งไปผลิตที่อื่นไม่นับ

จุดที่วัดได้ดีจุดนึงคือการใช้พลังงาน อันนี้อธิบายชัดดี

https://youtu.be/dcIQdlud88c

799 Nameless Fanboi Posted ID:HgLxrjWhjF

>>776 ไปฟัง ทวิตที่บอก ต้องขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 900-1000 ชัวร์

800 Nameless Fanboi Posted ID:6I3Z97pivA

ลองมองแบบนี้ดู

- ถ้าเกิดปรากฏการณ์สักอย่างที่ทำให้นาย A เกิดดังขึ้นมา บรรดาค่ายศิลปินก็แจ้นเข้าไปจับเซ็นสัญญาเป็นลูกจ้างในสังกัด สิ่งที่ตามมาคือ "สิทธิ์ในการเข้าถึงของสื่อ" จะต้องผ่านค่ายก่อนเสมอ และนั่นคือเรื่องของเม็ดเงินที่จะต้องมาคุยกัน

การสัมภาษณ์ออกรายการ การนำตัวไปเป็นพรีเซนเตอร์ หรือแม้แต่การนำภาพไปใช้งาน ล้วนแต่มีมูลค่าทั้งนั้น อันนี้ผมไม่ได้มองว่ามันดูงี่เง่าหรืออะไรนะ แต่มองว่าค่ายศิลปินมองไกลดี

ทว่า "กลุ่มเป้าหมาย" จะให้การสนับสนุนได้มากน้อยแค่ไหนยังไง อันนี้ก็ว่ากันไป แต่มองในแง่ของธุรกิจ มันก็เป็นเรื่องปรกติในยุคสังคมใหม่ไปแล้วที่ "ชื่อเสียง" นั้นมี "ราคา" แนบไว้เสมอ

801 Nameless Fanboi Posted ID:wZ48debpbw

โสเภณีที่ผมรู้จัก
เธอไปทำงานต่างประเทศ
เธอเล่าว่า...เคยรับแขกสูงสุด15คน

ทำงานครั้งละครึ่งชั่วโมง
บางคนก็ไม่ถึง15-20ทีก็จบ
ขยันแค่ไหนก็ได้...แค่นี้

ช่างแอร์คนนึงที่ผมรู้จัก
เขาเป็นน้าของแฟนเก่าผม เขาบอกวันนึงสูงสุด
เคยติดแอร์ได้3หลังหลังละตัว
ทำงานตั้งแต่8โมงเช้าถึงสองทุ่ม

แท็กซี่คนนึง
เช่าห้องติดกับผมตอนอยู่กรุงเทพ
สูงสุดเคยหาเงินได้3,000
ขับตั้งแต่ตีห้าถึงสามทุ่ม เป็นรถตัวเอง

ทีนี่เรามาดู...อีกมุม

เจ้าของอาบอบนวดที่ผมรู้จัก
รายได้วันละเกือบล้าน เขามีรายได้จาก
ผู้หญิงมากมายมานั่งให้บริการในตู้

เจ้าของร้านแอร์ที่ผมรู้จัก
วันนึงขายแอร์ได้20-30ตัว
เพราะเขามีทีมช่างออกติดตั้งมากมาย

เจ้าของอู่แท็กซี่
ที่ผมเคยนั่งกินเบียร์ด้วย
มีรถแท็กซี่20-30คัน รายได้วันนึงเป็นหมื่นๆ

ผมพยายามจะสื่ออะไร?

ผมพยายามจะบอกทุกคนว่า
ต่อให้คุณขยันแค่ไหน ก็รวยยาก
ตราบใดที่คุณยังต้องลงไปเล่นเอง
ทำเอง ทำคนเดียว

คุณเจ็บขึ้นมา คุณป่วยขึ้นมา
รายได้คุณจะหยุดตามคุณทันที

ผมเคยให้คนรู้จักมาล้างแอร์ที่บ้าน
เขาบอกผมว่า ขอเป็นสิ้นเดือนนะ
งานค้างไว้มากมาย เพราะเขาทำกับน้องชายแค่สองคน

ต่อให้เขาอยากรับงานแค่ไหน
อย่างเก่งเขาสองคนพี่น้อง
ก็ล้างได้วันนึงไม่ถึงสิบบ้าน

แต่ถ้าเขา สร้างทีม สร้างแขนขาให้ตัวเอง
แล้วนั่งรับงาน เขาอาจจะรับได้
วันละ20หลังก็ได้

ต่อให้ โสเภณีที่ผมรู้จัก
อยากได้งานวันละ20รอบ ก็ไม่สามารถทำได้

ต่อให้แท็กซี่ที่ผมรู้จัก
อยากขับ24ชั่วโมงก็ทำไม่ได้

อย่าจำกัดตัวเองไว้แค่เพียงเท่านี้

แม้กระทั่งนักร้องดัง
ศิลปินดัง ก็ยังต้องขึ้นเวที ถึงจะได้เงิน

อย่าเอาตัวเอง...แลกเงิน
(ถ้าเลือกได้)

ไม่ต้องดูอื่นไกล
ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนึงในโคราช
ผัวทำ เมียเสิร์ฟ ขายดี
วันดีคืนดี ผัวตาย ร้านต้องปิด

เพราะไม่มีใครทำต่อ
ลูกก็ไม่เอา เมียก็ทำไม่เป็น

ถ้าเขา...สร้างแบรนด์
สร้างระบบ โดยที่ใครก็
ทำได้ตามมาตรฐานของเขา

ต่อให้เขาตาย...คนข้างหลัง
ก็ยังมีรายได้และร้านยังอยู่

คุณดูเจ้าของค่ายเพลงสิ
เจ้าของร้องเพลงเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ...โคตรรวย

โดยไม่ต้องขึ้นเวที
ไม่ต้องเล่นคอนเสิร์ต
ก็รวย จากรายได้ ที่ได้จากศิลปิน

สรุปให้เข้าใจง่ายๆ
อยากโคตรรวยคุณต้องเป็นเจ้าของค่ายเพลง
อย่าเป็นแค่...ศิลปิน

เจ้าของอู่ เจ้าของอาบอบนวด
เจ้าของร้านแอร์ก็เหมือนกัน เหมือนค่ายเพลง
คนขับแท็กซี่ หมอนวด เหมือนศิลปิน

แทบจะไม่มีเศรษฐีคนไหน
รวยจากการทำเองทุกอย่าง
เขารวยเพราะจ้างคนเก่งมาหาเงินให้เขาทั้งนั้น

ยกตัวอย่างสุดท้าย
ถ้าผมขายก๋วยเตี๋ยวเอง อยู่ร้านเอง
ได้กำไรวันละสามพัน ผมยอมที่จะจ้างคนเก่ง
จ้างพนักงานดีๆมาทำแทนผม
แล้วเหลือกำไรวันละพัน...ผมยอม

เพราะผมจะได้ไปเปิดสาขา2-3-4-5
มี5สาขา กำไรสาขาละ1,000
เท่ากับผมมีรายได้วันบะ5,000
โดยไม่ต้องยืนลวกก๋วยเตี๋ยวเอง

นั่นแหละที่พยายามจะสื่อ

ถ้าวันนี้รายได้ของคุณ
มากจากการลงมือทำอะไรเองทุกอย่าง
ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก หากวันนึงทำงานไม่ได้

802 Nameless Fanboi Posted ID:Hi7tYI1n8x

วันนี้อยากเขียนเรื่องภาคใต้หน่อย
ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมา ภาคใต้เจริญขึ้นอย่างไรบ้าง?
ตัวอย่างที่อยากยกมาอธิบายคือ กระบวนการการกรีดยาง
อย่างที่ทราบกันดี ยางเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ เคยราคาดีมากๆ ทำให้คนใต้มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าคนภาคอื่นในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม..

ปัจจุบันราคายาง รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรของภาคใต้นั้นไม่ได้อยู่ในช่วงที่จะทำให้คนใต้ “กินหลากหลาย” ได้มากกว่าคนที่อื่นแล้ว มิหนำซ้ำ ยังยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยการมีการเมืองและเศรษฐกิจที่ปิด ไม่มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง

ซึ่งส่งผลให้ไม่เกิด creative destruction ที่เป็นการพัฒนาไปสู่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า (Acemoglu)
ตัวอย่างเรื่องการกรีดยาง รูปแบบของคนไทยที่มีมาตลอด โดยเฉพาะคนใต้ คือออกไปกรีดเช้ามืด กรีดสูงได้ไม่เกินมือเอื้อมถึง ให่น้ำยางไหลลงชามที่รองไว้ แล้วเดินมาเก็บไปขาย

วันไหนฝนตกก็ไม่กรีด เดี๋ยวน้ำยางหน้ายางจะคุณภาพตก ภาคใต้ปีนึงฝนตกแปดเดือน แต่กรีดเท่าที่ได้ก็พอมีกินมีใช้แล้วสมัยก่อน
สมัยนี้ ยางปลูกได้หลายที่มากขึ้น แต่ความต้องการในตลาดโลกลดลงทำให้ราคาตกมาหลายสิบปี
แต่การเมืองแบบปิดส่งผลให้แทนที่จะปรับตัวสร้างนวัตกรรมให้ดีขึ้น..

กลายเป็นสามารถบีบให้รัฐต้องอุดหนุนประกันราคาแบบผิดกลไกตลาดไปมาก ทีนี้ก็ไม่ต้องปรับตัว รอให้รัฐบาลฝ่ายตัวเองผันเงินตรงอื่นมาอุ้มฐานเสียงก็เพียงพอ ในเวลา 30-40 ปีมานี้ ยางไทยแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเลย ทั้งที่มีเวลาสะสมทุนอยู่นานมาก

ในขณะที่จีน ที่ปลูกยางสำเร็จได้ไม่นาน มีนวัตกรรมการกรีดยางที่กินพื้นที่หน้ายางได้มากกว่า มีถุงบรรจุน้ำยางที่ไม่ต้องกลัวฝนตก แล้วมีเครื่องกรีดที่ตั้งเวลาให้กรีดเองได้ทุกเช้า ใช้นวัตกรรมลดต้นทุนและแรงงานได้ ในขณะที่ผลผลิตก็ได้มากขึ้น ในขณะที่ไทย ยังคงเป็นแบบเดิม ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่

ซึ่งหมายถึงการใช้ต้นทุนมากกว่า แต่ได้ผลผลิตน้อยกว่า พร้อมกับความต้องการในตลาดที่น้อยลง แบบนี้คือหายนะแน่นอนถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง

สุดท้ายนี้ต้องยอมรับกันได้แล้วว่า มันจะไม่มีอีกแล้วที่ผลผลิตทางการเกษตรแบบเพียวๆจะมีราคาสูงแบบสมัยก่อน มันจะสูงได้ก็ต่อเมื่อมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนา

รัฐบาลนี้ขึ้นมามีอำนาจ อุดหนุนข้าว ลำไย มัน พออีกรัฐบาลขึ้นมามีอำนาจ อุดหนุนปาล์ม ยาง บิดกลไกตลาดแบบไม่สนหลักการ ไม่พัฒนา ประเทศโดยรวมก็รอล่มสลายได้เลย
ปัจจุบันมีลิมิทของเงินอุดหนุนสินค้าเกษตรอยู่ ซึ่งชนเพดานแล้ว คาดว่ารัฐบาลจะขอขยายเพดานเพิ่มอีกเร็วๆนี้ รวมถึงเงินกู้ด้วย
ถ้ารัฐบาลไม่ช่วยเหลือเรื่องพัฒนานวัตกรรม เอาแต่อุดหนุนสินค้าเกษตรแบบปฐมภูมิ มันก็จะกลายเป็นว่า

803 Nameless Fanboi Posted ID:SSP3/75Vs7

>>802 เรื่องเทคที่จีนเอามาใช้นี่เพราะโดนกดดันทางยุทธ์ศาสตร์มากกว่า คือความพยามพึ่งพาในประเทศเป็นหลัก เพราะกลัวการปิดล้อม เลยยอมขาดทุนกับการผลิตในประเทศ ถ้าราคายางไม่ดีดขึ้นสูงถึงจุดนึง เทคที่ลงไปทุกอย่างจะเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับต่อไป เป็นเหตุผลเดียวกับที่เราไม่ค่อยเห็นเทคอะไรเกี่ยวกับเรื่องปฐมภูมินั่นละ มันไม่คุ้มด้านต้นทุนเพราะมีแรงงานอยู่มากกว่า

จริงๆ ยางภาคใต้มีปัญหาใหญ่กว่านั้น คือโรค ต้นยางภาคใต้มี DNA เดียวกันเกือบหมด และไม่ต้านทานโรคเหมือนกันหมด ตอนนี้มันก็เริ่มมีโรคแล้ว แต่ยังไม่แพร่ระบาดอะไรนีก ปัญหาคือถ้ามันระบาด ต้นยางภาคใต้ตายเกลี้ยงชัวร์ ในแง่นึงมันก็ดีที่เป็นการ set zero ระบบที่เกิดขึ้นใหม่จะอยู่พัฒนาไปอีกขั้น แต่เศรษฐกิจภาคใต้ในระยะสั้นตายแน่นอน และมันอาจเป็นจุดสิ้นสุดของปชป.ด้วย

804 Nameless Fanboi Posted ID:Hi7tYI1n8x

1.เนื่องจากประเทศไทยนั้นการคลังมีปัญหาขาดดุลอย่างยาวนานโดยเฉพาะตั้งแต่ 2020 เป็นต้นมา และหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไปชนกรอบ 60% ของ GDP แล้วและตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเห็นแนวทางว่าประเทศไทยจะใช้หนี้นี้อย่างไร การเสนอเพียงแค่การลดภาษีโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้ศักยภาพการใช้หนี้ของไทยลดลงเป็นอย่างมาก (ข้อเสนอแนะ : เสนอให้งดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกะบสินค้าบางประเภทไปเลยที่เป็นสินค้าจำเป็นต้องการยังชีพของผู้มีรายได้น้อยและเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มกับพวกสินค้าฟุ่มเฟือยแทน นอกจากแล้วการปฏิรูปโครงสร้างการใช้จ่ายภาษีก็สำคัญ การลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความมั่นคง ลดสวัสดิการของข้าราชการระดับสูง ลดงบประมาณในส่วนของสถาบันลง เป็นต้น)

2.เรื่องค่าจ้างฉันเคยแย้งไปแล้ว ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ในการเพิ่มค่าแรง ประเด็นหลักที่ควรเน้นมากกว่าคือการเพิ่มค่าจ้างแท้จริง (Real wage) ไม่ใช่ค่าจ้างที่เป็นตัวเงิน ดังนั้นเราควรเน้นทีาการลดค่าครองชีพมากกว่า

3.การลดราคาสินค้าในที่นี้หากเป็นการแทรกแซงกลไกตลาดนั้นอาจทำให้ปัญหาซ้ำร้ายกว่าเดิมจากกลไกตลาดที่ถูกบิดเบือน แต่เห็นด้วยมาก ๆ ว่าเราควรพิจารณาโครงสร้างตลาดสินค้าเกษตรและปศุสัตว์อย่างจริงจัง “ทั้ง Supply chain” นอกจากนั้นแล้วต้องหาทางต่อสู้กับ Cost puch (เงินเฟ้อจากปัจจัยด้านอุปทานที่ลดลง) ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีด้วย

805 Nameless Fanboi Posted ID:y+WXrDGwPr

คุมันโง่ ไอ้จิพุงปลิ้น คุบางคนยังอยู่ห้องเช่า หรือ อยู่บ้านพ่อบ้านแม่อยู่เลย รถยนต์ก็ไม่มีใช้ บางคนขับแกร๊บ บางคนนั่งรถทัวร์มาจากต่างจังหวัด มาเสนอหน้าจับมือให้เมมจำได้ GEก็ออกแคมเปญ​ยิ่งใหญ่ จบงานก็อิ่มอกอิ่มใจ เมมที่เชียร์ก็ติดบ้างไม่ติดบ้าง เงินที่ทั้งติดและไม่ติดก็ไปลงที่อสังหา เรื่องพวกนี้ลึกๆพวกมึงก็รู้ ถ้าใครมีตังกูก็ไม่ว่าหรอก แต่คุแม่ง50%แม่งไม่ได้รวยนะ มีเศรษฐี​อยู่ไม่กี่คนหรอก แต่พวกคุบางกลุ่มก็เชียร์กัน เร้ากันให้สู้เพื่อเมม คนรู้จักกูเป็นนักแปล แม่งรับงานนอกจนงานประจำแทบจะเสียเลย เพื่อเอาเงินไปโหวตเมมท้ายตาราง นั่นคือช่วงเศรษฐกิจ​ไม่แย่เท่านี้นะ เพื่อนคุบางคนขับแกร๊บ แม่งเริ่มฟามเงินแล้ว นี่หรอวะระบบที่ควรสนับสนุน
อย่างที่บอก เนื้อสัตว์เมมยังเลี่ยง จะให้เขากินเนื้อคนหรอ เห็นแก่ตัวเกินไปมั้ง

โอตะ คุ บุฮี้

806 Nameless Fanboi Posted ID:UXzz3irQyg

I hate yall doin nothing telling yall self a blackpill shit
As da same time yall let a brunch of fuckin ugly korean vibe เจ็ก faggots wakin on Siam street thinkin they r chad n handsome
Why society let this shit happen bruh Why feminine face wins the modern asian beauti standard like woman want to date a lesbian with a dick or something
THERES NO CHAD SOCIETY IN ไอเหี้ยเจ็ก INFLUENCED COUNTRY LIKE THAILAND
ITS FUCKING JIMIN SOCIETYอิเหี้ย WHATEVER YALL DO TRYIN TO BE CHAD or SIGMA SHIT YAL DOIN WRONG HERE. ASIAN WOMAN NOWADAYS LIKE OMEGA MALE N TRYNA HAV A PEGGING SEX
FUCK KOREAN SOLFPOWER SUCK MA ASS SMALL BOOBA ENERGY BRUH

807 Nameless Fanboi Posted ID:Mt+t4Uf1al

ผมไม่คบคนที่มีเงิน
เพราะเงินของเขาไม่ใช่เงินของผม
ผมไม่ดูแคลนคนยากจน
เพราะเขาไม่ได้ขอเงินผมไปดำเนินชีวิต
ผมไม่สรรเสริญเยินยอผู้มีอำนาจ
เพราะความสะดวกที่เขาหยิบยื่นให้มันย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย
ผมเชื่อและแคร์ก็แค่
1. คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผม
2. คนที่ฉุดให้ผมลุกขึ้นยืนตอนที่ผมล้ม
3. คนที่ไม่ทอดทิ้งผม แม้ตอนที่ผมแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
เชื่อไหมครับ
มิตรแท้ปากไม่ค่อยหวาน แต่ที่ปากหวานมักตีสีหน้าเก่ง
ชอบผมก็คบหา ไม่ชอบผมก็เชิญไปไกลๆ
ชีวิตคนมันสั้น จะมานั่งปั้นหน้ากันทำไม?
ต่อให้ไม่รู้หนังสือ ก็ต้องดูคนเป็น..

808 Nameless Fanboi Posted ID:oiaQ.E0PYJ

จำครั้งแรกในชีวิตได้ดี ตอนไปซื้อกิจการต่อคนอื่น แล้วต้องมาซ่อมแซม ปรับปรุง รีโนเวท สภาพกิจการ แม่งโครตมืด8ด้าน ไม่รู้จะให้ใครมาช่วย ไม่รู้จะต้องจ้างใคร แต่วันนี้มีทีมงานทุกส่วนพร้อมในมือ เช่นวันนี้เอาพนักงานล้างรถมา5คน มาลุยงานปรับปรุงร้านใหม่ใครเห็นก็ต้องตกใจคิดว่าจ้างผู้รับเหมามา ไม่มีใครเชื่อว่าเอาลูกน้องที่ร้านล้างรถมาช่วยงาน เพราะคนส่วนใหญ่จะมีทัศนคติที่ว่า การจ้างพนักงานมาทำงาน x ถ้าให้ไปทำงาน y เพิ่มแล้วจะต่อต้านจะไม่ยอม

ตอนนี้มาเถอะ จะต้องซื้ออีกกี่กิจการ ก็มีทีมงานพร้อมลุย ถ้าจังหวะ ถ้ามูลค่าที่ประเมินมันเกินราคาที่ตกลงจ่าย และต้องมั่นใจว่าวันนึงถ้าต้องปล่อยกิจการนี้ไป ต้องได้กำไร เพราะก็ปล่อยอยู่เรื่อยๆ แปปเดียวก็ปล่อยได้หมด เพราะพัฒนากิจการจนมูลค่ามันโตได้จริงๆ

กลับมาที่เรื่องด้านบนย่อหน้าแรก กลยุทธ "ซื้อใจในช่วงเวลาที่เหมาะสม" คือสิ่งที่ยากที่สุด ในภาพด้านบนคือ สั่งงานบอกลูกน้องลงเลยลงไปขุดดินในบ่อบำบัดเลย ตอนสั่งเราก็ต้องพร้อมรับผิดชอบ หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุทางกาย แต่รวมถึงอุบัติเหตุทางใจ ก็ต้องรับผิดชอบให้ได้ แล้วก็ขึ้นไป บิ๊กซี ไปซื้อชุดมาให้ใหม่หมด บอกว่า เดียวทิ้งชุดเก่าเลย ซื้อชุดใหม่ให้แล้ว

ที่ต้องบอกว่าในเวลาที่เหมาะสมคือ เราไม่ได้ซื้อใจแบบเรื่อยเปื่อย เพราะนัตโตะบอกลูกน้องเสมอว่า เป็นพนักงานผม ก็คือเป็นพนักงานนะ คำว่าพนักงานคือทำงานเพื่อให้เจ้าของกิจการได้กำไร นัตโตะไม่เคยพูดกับลูกน้องแม้แต่ครั้งเดียวว่า เราอยู่กันแบบครอบครัว เราอยู่กับแบบพี่น้อง คำพูดนี้ นัตโตะไม่อิน เพราะนัตโตะบอกลูกน้องเสมอว่า ทุกคนทำงานเพื่อเงิน การมีเงินจะทำให้ชีวิตเดินได้อย่างมีคุณภาพ และเฮียก็ทำธุรกิจเพื่อเงินเช่นกัน ไม่ได้ทำเพื่อการกุศลเลี้ยงพวกเอ็งแบบไม่แสวงหาผลกำไร ใครรับคำพูดนี้ไม่ได้ ก็มักจะไล่ออกเสมอ และส่งท้ายด้วยคำพูดว่า ถ้าพ่อแม่เอ็งมีธุรกิจ ก็ไปช่วยงานพ่อแม่สิ จะออกมาหางานทำทำไม อย่าแม้แต่จะอ้างใดๆ เพราะถ้าอ้าง แสดงว่าธุรกิจครอบครัวมันไปไม่รอด เอ็งถึงได้มาทำงานกับเฮียไง เปลี่ยนใจได้นะ เฮียพูดแรง แต่พร้อมเริ่มต้นใหม่ กับลูกน้องคนเดิม แต่ต้องทัศนคติใหม่นะ ได้เสมอ5555

แต่งงาน เดือนหน้า ร้านใหม่ในบิ๊กซีก็จะเปิดเดือนหน้า บรรเทิงมากๆ

809 Nameless Fanboi Posted ID:VIKx.+CqrQ

อยากมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก แต่ไม่รู้จะทำยังไง

ลองเลือกใช้วิธีคู่จิ้นดูครับ

วิธีไม่ยากเลย กำเงินแล้วติดต่อไปยังเน็ตไอดอลที่กำลังมีชื่อเสียง เตี๊ยมกัน บรีฟสคริปท์ให้เรียบร้อยว่าจะเล่นบทไหน แรงแค่ไหน

จากนั้นก็ขยันทำคอนเทนต์ด้วยกันแบบเหมือนแฟน แต่กั๊กๆ เอาไว้ เอาให้มุ้งมิ้งๆ ให้เน็ตไอดอลขยันโพสต์บ่อยๆ ขยันไลฟ์บ่อยๆ ให้เราปรากฏตัวหน้าสื่อบ่อยๆ

แต่ต้องยอมเปลืองตัวหน่อย กัดฟันทนเอา แล้วพอสุกงอม ก็ค่อยๆ เฟดตัวออก วินวินทั้งคู่ เน็ตไอดอลได้เงิน เราได้เป็นที่รู้จัก

วิธีนี้พิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็น

จ่า-เจี๊ยบ (ที่อีเจี๊ยบดังขนาดนี้ก็เพราะจ่าพิชิตช่วยชงจิ้นให้)

พรี่เก่ง ลายพราง กับเมียคนก่อนหน้าปัจจุบัน อันนั้นแป้บเดียว แต่ก็ได้ฐานแฟนคลับไปเยอะเหมือนกัน

ลองเอาไปทำกันดูครับผม ฝืนนิดเดียวครับ แต่คุ้ม

810 Nameless Fanboi Posted ID:m+9QdvGoIU

อันนี้ต้องบอกว่า ต่อให้เกิดการบุกยูเครนจริงแล้วรัสเซียผนวกบางส่วนของยูเครนได้ รัสเซียก็ชิบหายอยู่ดี เพราะเศรษฐกิจที่แย่มาก + สถานการณ์โควิทที่เลวร้าย (ติด5-7 หมื่น ตาย 6-700 ร้อยทุกวัน ทั้งที่ทุกฝ่ายมองว่าตัวเลขจริงนั้นเยอะกว่านี้มาก ) ถ้าถูกพวกชาติในยุโรปกดดันด้านเศรษฐกิจต่อนี่ยิ่งชิบหายไปกันใหญ่ ต่อให้ปูตินใช้นโยบายสู้ด้วยท่อแก๊สก็ตาม แต่ว่าอีกไม่กี่เดือนก็หมดหน้าหนาวแล้ว สถานการณ์แบบนี้มันต้องมีเรื่องที่ตัวปูตินต้องลดความไม่พอใจของคนรัสเซียเองโดยใช้เรื่องสงครามเพื่อหันเหความไม่พอใจด้วยแหละถ้าเป็นแบบนี้ขั้นต่อไปอาจถึงขั้นสงครามใหญ่ได้ แล้วสถานการณ์การเมืองในรัสเซียใช่ว่าจะนิ่ง ต่อให้อยู่ภายใต้ปูตินก็เถอะ แรงกระเพื่อมจากคนของตัวเองถ้ากระเพื่อมขึ้นมาปูตินก็อาจจบได้เหมือนกัน

811 Nameless Fanboi Posted ID:O53AgZUhtW

Warning: สเตตัสนี้มีข้อความเหยียดหยาม 100%

คือนะ ยอมรับเถอะว่าพวกที่สอบเข้าไปเป็นตำรวจปลายแถว พวกโรงเรียนนายสิบตำรวจ พวกที่มาเป็นคฝเนี่ย
เกินครึ่งก็คือพวกล้มเหลวทางการศึกษาที่ไม่มีปัญญาก้าวหน้าในด้านอื่นๆแล้วอ่ะ บางคนจบมหาลัยมาแต่ทำงานอื่นไม่รุ่ง ก็ไปสอบตำรวจ (ซึ่งพวกฉลาดๆแม่งไปสอบเข้าเตรียมทหารกันตั้งแต่สามชาติก่อนละ)

พอสอบติด(กะอีแค่โรงเรียนนายสิบตำรวจ) ก็ดีใจใหญ่โตกับการที่ได้โกนหัว ติดยศ อินกับการฝึกโง่ๆ มั่นอกมั่นใจในความเป็นนักเรียนตำรวจของตัวเอง สังเกตได้จากทัศนคติโง่ๆตามเพจตำรวจ ที่ชอบเห็นผู้หญิงเป็น sex object บ้างล่ะ คิดว่าผู้หญิงทุกคนอยากมีผัวเป็นตำรวจบ้างล่ะ คิดว่าตัวเองเสียสละกว่าอาชีพอื่นบ้างล่ะ พอตอนใกล้จบเลือกสถานที่ทำงานก็มีวัฒนธรรมเสร่อๆ ต้องคอยโพสต์อวดว่าผม เรียนที่นี่ รุ่นนี้ สอบได้ลำดับเท่านี้ ขอเลือกปฏิบัติงานที่นี่ครับ (finding who asked?)

พอจบออกมาก็สุดแสนจะภูมิอกภูมิใจว่าตัวเองเนี่ย เป็นตำรวจ ตัวเองยิ่งใหญ่ เป็นผู้ใช้กฎหมาย ไปไหนใครๆก็เกรงใจ ชาวบ้านชาวช่องก็ชื่นชม ทั้งๆที่ยศก็แค่นั้น คือชาวบ้านตาดำๆ เค้าเห็นใครเป็นข้าราชการเค้าก็ชื่นชมหมดแหละ ไม่ใช่แค่พวกมึง

ทีนี้พอด้วยความที่ตำรวจส่วนมาก เป็นพวกพื้นฐานทางวิชาการต่ำเนี่ย มันก็เลยทำให้ขาดทักษะหลายๆอย่างไป ความคิดความอ่านแบบมีวิจารณญาณ ทักษะในการค้นคว้าหาความรู้ และอื่นๆ ประกอบกับไอด้วยความที่อยู่ในระบบสังคมแบบนั้นเนี่ยก็ทำให้เคารพบูชาในความเป็นตำรวจของตัวเองโดยที่ไม่รู้เลยว่า วงการอื่นๆเค้าไปกันถึงไหนแล้ว ตอนที่มึงโกนหัวใส่เสื้อขาวฝึกวินัย

พอโดนเรียกเข้าเมืองมา อยู่ใต้อำนาจพวกยศสูงๆ ด้วยความที่ความคิดความอ่านค่อนข้างต่ำเนี่ย เค้าให้ทำอะไรก็ทำหมดไม่ได้คิดว่ามันถูกไหม มันควรไหม คือเราตลกมากตอนช่วงปีที่แล้วที่นายมันถามว่าเคยเห็นรถไฟฟ้าไหม ถ้าชอบเดี๋ยวจะพามาดูอีก คือตลกตรงที่ ตำรวจพวกนั้นเนี่ย มันโง่จนถึงขนาดไม่รู้เลยหรอ ว่านายมันกำลังเหยียดความภูธรของมันกันอยู่

แต่นั่นแหละ ด้วยความที่ความรู้ด้านวิชาการต่ำ ความสามารถในด้านความคิดความอ่านก็ต่ำ บวกกับความ narcissist ในความเป็นตำรวจของตัวเองว่ามันยิ่งใหญ่ มันก็เลยมีผลออกมาเป็นพวกคฝ. ปราบม็อบ ที่ไม่ได้สนใจเรื่องของ moral อะไรอ่ะ พอทำไปนานๆเข้าก็ชินชา จนหลังๆมาก็เริ่มสะใจที่ได้ทำเหี้ยๆกับประชาชน ใช้ประชาชนเป็นที่ระบายอารมณ์

จริงๆนะ เวลามีตำรวจตัวไหนบอกว่าผมก็อยู่ข้างคุณ ผมพวกคุณ อยากบอกมากว่ามึงหุบปาก มึงไม่ต้องพูด ถ้ามึงวิวัฒนาการขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้แล้วจริงๆ มึงแสดงออกให้ประชาชนเห็น ว่ามึงอยู่ข้างพวกเขา ไม่ใช่เป็นศัตรูกับเขาแบบทุกวันนี้

แต่ก็นั่นแหละค่ะ บอกแล้วว่าพวกนี้เป็นพวกล้มเหลวทางการศึกษา มันคงคิดกันไม่ได้หรอก

Edited: สรุปง่ายๆคือ คนโง่ไม่ควรมีอำนาจและอาวุธค่ะ เพราะถึงแม้ role ของอาชีพคือปกป้องประชาชน แต่พออาวุธและอำนาจมาอยู่ในมือคนโง่ๆ มันกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายประชาชนค่ะ

812 Nameless Fanboi Posted ID:VI3FNNSMOy

>>811 ตำรวจชั้นไหนก็เหมือนกันน่ะ ตราบใดที่ยังเป็นระบบ "คำสั่งนายคือประกาศิต" อันนี้พูดกันนานแล้ว ตำรวจเนี่ยควรมีระบบแบบทหารจริงๆ หรือ? แต่ก็นั่นละ มันฝังกันมาตั้งแต่สมัย ป. ที่มีลูกน้อง 2 คน คือสฤษดิ์กับเผ่า สฤษดิ์เป็น ผบ.ทบ. คุมทหารอันนี้เข้าใจ แต่เผ่าที่คุมตำรวจก็ต้องการสร้างให้ตำรวจเป็นกองกำลังแบบนั้นเหมือนกัน เลยพยายามล็อบบี้จนตำรวจสามารถฝึกวิชาแบบทหารได้ มีอาวุธระดับน้องๆ ทบ. ด้วย และตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่รัฐบาล วัฒนธรรมมันก็ฝังรากไปแล้ว อย่าลืมอีลีทฝ่ายทหาร เขาก็มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นอีลีทฝ่ายตำรวจ จบ ตท. มาด้วยกัน แล้วใครมันจะเปลี่ยนระบบได้ (ส่วนนักการเมืองลึกๆ ก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก เพราะเห็นว่าใช้ประโยชน์ได้เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง) และนันละคือปัญหา ปกติงานดูแลคนในประเทศเขาไม่เอาทหารมาทำเพราะทหารมีวัฒนธรรมคำสั่งนายคือประกาศิต มันเป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะทหารมีหน้าที่ไปรบต้องเป็นเครื่องจักรสังหารไม่ต้องคิดเยอะ แต่ตำรวจเอาจริงๆ มันคืองานบริการประเภทหนึ่ง Mindset มันควรเหมือน ขรก. พลเรือนทั่วไป (เพียงแต่ต้องฝึกการต่อสู้เพิ่มเพราะมีงานจับผู้ร้าย ซึ่ง ขรก. พลเรือนอื่นๆ ไม่ต้องทำก็ไม่จำเป็นต้องฝึก)

813 Nameless Fanboi Posted ID:ETHD+VxvC6

>>811

คนการศึกษาต่ำ = ไม่ควรมีอำนาจ

แบบนี้ฝั่งขวายิ้มแก้มปริเลย ไดโนเสาร์ตายตาหลับเพราะมีผู้สืบทอดแล้ว แนวคิดเดียวกันเป๊ะ

ทฤษฏีเกือกม้า มี อ ยู่ จ ริ ง

814 Nameless Fanboi Posted ID:E.fF6tMzJy

>>809 ลองทําแบบนี้ที่โปแลนด์ดิ ชื่อเสียงอ่ะดังแน่ แต่ตัวเหลือแต่ศพ

815 Nameless Fanboi Posted ID:iW3OqySDT8

>>814 คืออะไรวะ

816 Nameless Fanboi Posted ID:YTGi5sk1D0

>>815 โปแลนด์เกลียดเกย์ โดนฆ่าตายกับขังคุกให้เห็นตลอด แต่ก็ยังดีกว่าประเทศมุสซี่กะรัสเซีย

817 Nameless Fanboi Posted ID:lCA7wdWpLM

ประเทศเราเศรษฐกิจจะล้มเเละจะเป็นเหมือนเวเนซุเอลาในไม่ช้านี้ สัญญาณไม่ดีเลยตอนนี้ โรงงานย้ายฐานผลิตไปเวียดนามเยอะมากตั้งเเต่ 7 ปีที่เเล้ว นักลงทุนในไทยเเละนักลงทุนต่างประเทศเค้าหนี้จากไทยกันหมดเเล้ว นักลงทุนต่างประเทศที่ระดับเเสนล้านเคยพูดไว้ว่า ไทยจะไม่ฟื้นตัวอีกเเล้วเเละจะตามรอยเเบบประเทศเวเนซุเอลาในไม่ช้านี้
ค่าเงินบาทเราจะเฟ้อเเละไร้ค่าเเบบเวเนซุเอลา ผมเเนะนำให้เก็บเงินเท่าที่จำเป็นต้องใช้ ถ้าเหลือก็เปลี่ยจากเงินบาทไปเป็น ทองคำ เเละ Digital Asset (สินทรัพย์ดิจิตอล)
ใครมีโอกาสลู่ทางไปอยู่ต่างประเทศที่พัฒนาเเล้วได้ให้รีบไป

818 Nameless Fanboi Posted ID:YTGi5sk1D0

>>817 พวกท่องตามกันมาแล้วไม่ยอมอัพแพทตลอด จะว่าไปก็คล้ายกับตอนบอกว่าแม้วจะทำไทยเป็นอาร์เจนติน่าดี อัพแค่แพทเป็นเวเนแค่นั้น

819 Nameless Fanboi Posted ID:xc7.A9cMDt

>>818 มันมีเหตุผลที่จะเตือนแหละ คำว่ากับดักรายได้ปานกลาง , ประเทศหยุดพัฒนา การที่แดง-ส้ม เอาเรื่องนี้มาโทษตู่ กลับกันเหลือง-ขนมหวาน เอาเรื่องนี้ไปโทษแม้ว แสดงว่ามันคงมีส่วนจริงมั่งละ ถ้าตัดเสื้อสีออก เราไปต่อไม่ได้เพราะไม่มีเทคฯ พอเหมือนโลกที่ 1 และจะกลับไปแข่งกับพวกโลกที่ 3 ที่ด้อยพัฒนากว่าก็ไม่ได้น่ะ ในขณะที่ค่าแรงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบขึ้น เขาเลยไป ปท. โลกที่ 3 แบบเวียดนามหรือเขมรกัน

820 Nameless Fanboi Posted ID:icIsuU0ui1

>>819 มีเหตุผล แต่ไม่ใช่อย่างที่มันเตือนหรอก อย่างฐานการผลิตที่ย้ายมาไทยก็มี มันจะเป็นคนละอย่างกับที่ย้ายไปหาแรงงานราคาถูกอย่างเวียดนาม เพราะไทยยังมีคุณภาพกว่า อย่างซัมซุงที่ว่าไปเวียดนามเยอะ แต่ฐานใหญ่สุดจริงๆ คือไทยนะ เพราะไทยรวมเครื่องใช่ไฟฟ้าทุกประเภท เวียดนามมีแค่มือถือ

ในด้านนี้สิ่งที่ไทยขาดจริงๆ ไม่ใช่เทค แต่เป็นแบรนด์ที่คนไทยซื้อ ถ้ามันเริ่มจากฐานในชาติไม่ได้ มันจะเอาทุนไหนไปขยายตปท. คำว่าแบรนด์เนี่ยไม่ต้องใช้เทคดีมากก็ได้ แค่คุณภาพสมราคาก็พอ ไม่ก็อย่างแฟชั่นที่ราคาไม่ขึ้นกับอะไรเลยนอกจากค่่แบรนด์ล้วนๆ

ส่วนค่าเงินบาทนี่กูไม่ห่วงนะ เงินสำรองไทยเยอะจะตายห่า ทองก็เยอะ ช่วงนึงปีที่แล้วไทยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สุดของโลกเลยมั้ง เอาจริงตอนนี้ถือว่าแข็งด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะดอลอ่อนค่าลงกว่าไทยด้วย

821 Nameless Fanboi Posted ID:LSvuKXc3wc

>>818 Fun fact : ยุคแม้วตอนนั้น คนอยากให้เป็นรัฐสวัสดิการ เหมือนเวเน

822 Nameless Fanboi Posted ID:hvl5k9t0be

>>817 >>819 >>820 กูว่าประเทสเรามีปัญหาก็จริง แต่ไม่ถึงขั้นเวเนซูเอล่าหรอก เรื่องใหญ่ในตอนนี้คือภาวะสมองไหลของไทยซึ่งมันจะเกิดขึ้นในอนาคตแน่ มันจะทำให้การพัฒนาสินค้าไฮเทคได้น้อยลง

823 Nameless Fanboi Posted ID:Yx4/T.uiBn

>>821 no คนเอาไปเปรียบเทียบเวเนเพื่อด่าแม้วต่างหาก

824 Nameless Fanboi Posted ID:nMCbZRP1pW

>>821 จำได้ อย่างพวกกลุ่มทวงคืตปตท.ยกเวเนมาตลอดเลย

>>822 จริง แต่ภาพรวมตอนนี้มันยังไม่นับว่าไหลเท่าไหร่ เพราะกลุ่มเทคเริ่มปรับโครงสร้างกันอยู่

>>823 เหมือนที่ตอนนี้ยกเวียดนามมาด่านั่นละ ปั่นกันจนไม่รู้อะไรจริงไม่จริงแล้ว

825 Nameless Fanboi Posted ID:neDydZlLZx

>>820 กูสงสัยว่าบ้านเมืองอื่นที่เจริญกว่าเรา มันมีการเหยียดคนด้วยวัตถุป่าววะ อย่างบ้านเรายุค 70-80 คนใช้รถญี่ปุ่นโดนเหยียดโดยพวกใข้รถยุโรป พอยุค 90 คนใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกาหลี (ซัมซุงนั่นละ) หรือไทย (ธานินทร์) ก็คนใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นเหยียด พอยุคต้น-กลาง 2010 คนใช้มือถือแอนดรอยด์ก็โดนพวกใช้ไอโฟนเหยียด กูมองค่านิยมแบบนี้แหละที่ทำให้แบรนด์ท้องถิ่นเกิดยาก

>>822 เวเนฯ หายนะจริงๆ ของมันกูให้ 2 เรื่องนะ คือการไปบอกให้คนเลิกทำเกษตร อันนี้จริงๆ เป็นแนวคิดดีนะเพราะภาคเกษตรยังไง GDP ก็ต่ำอยู่แล้ว มีมากไปรัฐก็ต้องอุ้มแบบไทย แต่พอบอกว่าไม่ให้มีเลย ไม่ต้องปลูกอะไรแล้ว ซื้อกินเอา 100% ตอนที่น้ำมันราคาดีมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอน้ำมันราคาตกก็เละเทะ กับอีกอันคือมันคิดได้ไงวะ น้ำมันเหลือเฟือแต่สร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า พอหน้าแล้งมาก็ไฟดับสิ ถ้าไทยยังไม่มาถึงขั้นนีกูคิดว่าไม่เป็นขนาดนั้นหรอก (จริงๆ เวเนฯ ขายการท่องเที่ยวยังได้เลย ภูมิประเทศถ้าปิดตาแล้วเอากูไปปล่อย กูคงเข้าใจว่าโดนเอาไปปล่อยไว้ที่ภาคใต้บ้านเราอะ มีทั้งชายหาด ป่าและน้ำตกสวยๆ)

>>823 >>824 ใช่แล้ว และนี่คือความต่างระหว่างเหลืองกับขนมหวานด้วย พวกเหลืองจุดประเด็นเจ้าสัวครองเมืองนะ ห้างค้าปลีก-ร้านสะดวกซื้อฆ่าโชห่วย น้ำมันทุนผูกขาด พวกนี้เริ่มเอามาด่าแม้วที่ปล่อยให้เกิดขึ้น และตอนนี้ก็เอาเรื่องเดียวกันมาด่าตู่ บอกว่าอะไรที่แม้วเคยพยายามทำแล้วทำไม่ได้ (เพราะโดน รปห. ไปก่อน) ตอนนี้ตู่ทำได้หมดละ คำว่าระบอบทักษิณอันมีปนะยุทธ์เป็นนายกฯ ก็มาจากพวกนี้ (ส่วนพวกขนมหวานดูจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย ตู่จะบริหารจนความเหลื่อมล้ำเพิ่มยังไงมันก็ยังเชียร์น่ะ)

826 Nameless Fanboi Posted ID:GAc7m+mxAA

ถ้าประยุทธ์เป็นเจ้าของ CP กูว่าก็โดนไล่เหมือนแม้วอ่ะ 555

827 Nameless Fanboi Posted ID:nMCbZRP1pW

>>825 เหยียดสิ มีประเทศไหนไม่เหยียดคนด้วยวัตถุด้วยเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นของแบรนด์เนมไม่มีมูลค่าอย่างทุกวันนี้หรอก

แต่ของพวกนั้นถ้าไม่เอาคุณภาพขายก็จะขายด้วยสตอรี่ ทุกวันนี้ยังมีคนเมกาที่เชื่อเรื่องรักชาติ/ความเป็นเมกา=Ford/GM อยู่เลย จริงๆ ก็ไม่ผิด เพราะคนเมกาชอบรถคันใหญ่เครื่องแรงๆ ความรู้สึกเต็มสูบ ผิดกับรถญี่ปุ่นที่เน้นประสิทธิภาพกับความถูก หรือเรียบแต่หรูของยุโรป รถเมกาก็เลยยังขายได้ในแบบของมัน

828 Nameless Fanboi Posted ID:tQl9+Z9kS/

ผมตั้งข้อสังเกตว่าส่วนหนึ่งของตัวระบบโครงสร้างการจัดเก็บภาษีของไทยคือเรื่องการเมืองในตัวมันเอง ที่ผมมองเช่นนี้เพราะว่ารัฐใช้อำนาจตัวเองเข้ามา “เสือก” กับชีวิตเศรษฐกิจของประชาชนทุกวันโดยเฉพาะเรื่องเก็บภาษี รัฐสามารถเก็บภาษีจากประชาชนได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายรองรับ ซึ่งกฎหมายนี้คือการตีกรอบวิถีการผลิตและความสัมพันธ์ทางการผลิตของผู้คนในรัฐให้เดินไปในทิศทางที่ถูกตีกรอบไว้ เป็น natural law ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม
หากเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีย่อมถูกตัดสินใจโดยสภาที่มาจากประชาชน ดังนั้น เรื่องของภาษีจึงเป็นเรื่องของการเมืองในตัวมันเอง
แต่จริงๆแล้วความเป็นการเมืองในโครงสร้างภาษีของไทยก็มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้น ยิ่งถ้าหากคุณเป็นนักเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมือง เป็นนักการเมือง หรือเป็นผู้ที่สนใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการเมือง ก็ต้องมองโครงสร้างภาษีให้ “เป็นการเมือง” เช่นกัน

เมื่อดูจากตัวเลขการจัดเก็บภาษีของสรรพากรปีงบประมาณ 2563 รัฐเก็บเงินได้ทั้งหมด 1,833,812 ล้านบาท (หลักล้านล้านบาท) ภาษีส่วนใหญ่ที่รัฐเก็บได้มาจาก “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ถึง 40.63% รองลงมาคือภาษีนิติบุคคล(พวกบริษัทห้างร้านต่างๆ) 33.17% อันดับสามคือภาษีรายได้บุคคลธรรมดา(พวกลูกจ้างทั้งหลาย) 18.33%
เมื่อมองตัวเลขนี้จะเห็นว่ารายได้ส่วนใหญ่ของรัฐมาจาก “มวลชนคนทั่วไป” ถึง 40.63% เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่จัดเก็บตามการบริโภคของคนไทยทั้งประเทศในแต่ละวัน ถ้านึกอะไรไม่ออกก็ให้นึกถึงบิล 7-11 คุณลองดูในบิลได้เลยว่าเงินที่คุณซื้อของไปถูกหักเป็นภาษี (vat) กี่บาท นั่นแหละคือเงินที่รัฐเอาไปจากคุณ
คำว่า “มวลชนคนทั่วไป” ที่เป็น unit หรือหน่วยสร้างรายได้ให้รัฐมีกันอยู่ราวๆ 66 ล้านคน ดังนั้น นโยบายใดๆก็ตามที่กระทบกับ vat ย่อมมีผลทางการเมืองตามมาเสมอ
นอกจากนี้ เมื่อเรามองให้ลึกขึ้น vat 40.63% ที่รัฐได้ไปจากประชาชน มันเกิดจากกิจกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยในแต่ละวัน ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องการจับจ่ายใช้สอย การผลิตสินค้าและบริการของรายย่อย การทำมาค้าขาย การลงทุน การบริโภคของกินของใช้ทุกๆวัน
-----------
สมมุติว่าคุณซีเรียสจริงจังเรื่อง “รัฐสวัสดิการ” มากๆ อยากให้เกิดรัฐสวัสดิการในไทย คุณต้องการเรียกร้องให้รัฐดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดยันตายเหมือนแนวคิดของ อจ ป๋วย สิ่งแรกที่คุณต้องทำก่อนเลย คือ ทำให้ฐาน vat 40.63% ขยายตัวเพิ่มขึ้นไปอีก รองลงมาก็ต้องทำให้ฐาน tax ของนิติบุคคล 33.17% โตขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นไปอีกจนกว่าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายรัฐสวัสดิการในทุกมิติตามที่คุณต้องการ
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่คุณจะทำต่ออาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของการตะโกนข้อเรียกร้องเรื่องรัฐสวัสดิการจนปากเปียกปากแฉะเพียงอย่างเดียวแล้ว คุณต้องมีข้อเสนอเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาด้วย เพราะคุณต้องสร้างตลาดบริโภคขนาดใหญ่โตมหึมา คุณต้องสร้างตลาดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการให้ใหญ่ขึ้น และคุณต้องสร้างผู้ประกอบการ บริษัท ห้างร้าน ให้เกิดขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะแหล่งรายได้หลักของรัฐมาจากของพวกนี้โดยตรง
พูดง่ายๆ คุณต้องทำให้โครงสร้างจัดเก็บภาษีของรัฐขยายตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพื่อที่ข้อเรียกร้องเรื่องรัฐสวัสดิการของคุณเป็นจริงขึ้นมาได้ในทางปฎิบัติ
ซึ่งการจะทำให้โครงสร้างภาษีของรัฐขยายตัวขึ้นได้ก็ต้องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจทุกขา (the whole economic cycle) สิ่งที่คุณต้องทำก็คือคุณต้องมีข้อเสนอทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง สามารถปลดปล่อยพลังการผลิตและพลังการบริโภคของคนไทยได้ตามที่คุณต้องการ
----------
ยกตัวอย่างตามที่ผมเขียนไปข้างต้น ถ้าเราใช้ระบอบประชาธิปไตย เรารู้แน่นอนว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีย่อมต้องมาจากประชาชน คุณต้องการผลักดันรัฐสวัสดิการ สิ่งแรกที่คุณต้องทำให้ได้ก่อน คือ เข้าไปมีอำนาจรัฐ เพื่อใช้อำนาจรัฐนั้นดำเนินแผนงานตามที่คุณตั้งใจไว้
นี่คือการเมืองแล้วครับ...

ต่อมา คุณรู้แล้วว่าจู่ๆจะให้ทำรัฐสวัสดิการแบบชั่วข้ามคืนน่ะไม่มีทางทำได้หรอก คุณก็ต้องคิดต่อไปว่าจะทำให้ชีวิตปากท้อง ชีวิตทางเศรษฐกิจ ชีวิตการทำมาหากินของประชาชนเติบโตขึ้นยังไง ทำให้ประเทศไทยเกิดการลงทุน เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่ขึ้นมาได้ยังไง เพราะคุณหวังผลเรื่องขยายโครงสร้างการจัดเก็บภาษีเพื่อเอาเงินมาพัฒนาทำรัฐสวัสดิการ
นี่ก็คือการเมืองอีกเช่นกัน ....
เพราะคุณต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศมีรายได้มากกว่ารายจ่าย ซื้อง่ายขายคล่อง คุณต้องครองใจผู้คนด้วยความคิดที่ถูกต้องของคุณ เพียงเพราะว่าคุณต้องการเงินภาษีจำนวนมากมาทำรัฐสวัสดิการนี่แหละ
ถ้าหากคุณทำได้ สิ่งที่คุณทำจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ทางการผลิตและวิถีการผลิต รวมถึงการบริโภคของผู้คนส่วนใหญ่ในชาติ ซึ่งนั่นย่อมหมายถึง “ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ครับ

829 Nameless Fanboi Posted ID:neDydZlLZx

>>828 ยังไงปากท้องก็ต้องมาก่อนอะ คือจะทำยังไงให้ ศก. มันโตและต้องโตแบบกระจายด้วยนะ แล้วคนจะบ่นเรื่องเก็บภาษีน้อยลงเพราะแม้จะเสียไปบ้างแต่รายได้ที่เหลือมันก็ยังพออยู่พอกิน รัฐสวัสดิการถึงใช้ได้ดีใน ปท. ที่ฐานะดีระดับหนึ่งแล้ว เอาจริงๆ ปัจจัย ศก. สำคัญกว่าการเมืองด้วยซ้ำ เห็นได้จากพวกรัฐน้ำมันทั้งหลายก็ไม่ได้เป็น ปชต. แต่มีสวัสดิการเลี้ยงประชาชนตั้งแต่เกิดจนตายเหมือนกัน เพราะน้ำมันคือตัวสร้างรายได้อะ

830 Nameless Fanboi Posted ID:nMCbZRP1pW

>>828 อันนี้เขียนดีและครบมาก ไม่เพ้อฝันว่าจะทำได้ทันทีแบบซ้ายทวิตเตี้ยน

"รองลงมาก็ต้องทำให้ฐาน tax ของนิติบุคคล 33.17% โตขึ้นตามไปด้วย"

ง่ายๆ บังคับการจดทะเบียนให้คนอบคลุมก็พอใช้ ประเทศพัฒนาแล้วรถเข็นยังต้องขอเลย ถ้าจะทำก็ต้องยกเครื่องใหม่มั้งระบบ แต่ผลที่ได้คุ้มแน่นอน

831 Nameless Fanboi Posted ID:neDydZlLZx

>>830 ทำให้ความรู้เรื่องภาษี (แบบที่เอาไปใช้ได้จริงๆ ตั้งแต่การยื่น การวางแผน การลดหย่อน ฯลฯ) เข้าใจง่ายกับุทกชนชั้นก่อน ซึ่งกูว่าโคตรยาก เดี๋ยวก็มีเสียงบ่นอีกมึงไม่สงสารตาสียายสาจบ ป.6 ม.3 หรอ กูเน้นกลุ่มนี้นะ เพราะอาชีพอิสระจำนวนมากก็เป็นกลุ่มนี้แหละ รถเข็น เกษตรกร แท็กซี่-วิน

832 Nameless Fanboi Posted ID:GAc7m+mxAA

vat จริงๆแล้วมันก็มาจากบริษัทที่จด vat แต่ประชาชนส่วนส่วนใหญ่เดินจ่ายตลาดไม่น่าจะจ่ายค่า vat กันนะ

833 Nameless Fanboi Posted ID:crIBaQoc.K

เอะอะพวกมึงก็อ้างvat vatปีนึงพวกมึงจ่ายเท่าหีมด ต่อไปไม่ต้องให้รัฐเก็บvatแล้ว พวกชังชาติอย่างมึงจะได้ไม่มีข้ออ้าง

-มิตรสหายท่านหนึ่ง-

834 Nameless Fanboi Posted ID:4UrfCZ08Xm

>>833 สมเป็นหลิ่มความคิดเอื่อนายทุน

835 Nameless Fanboi Posted ID:2JotwXN3Gg

>>833 ดีครับ เมื่อไหร่จะเลิกเก็บ รออยู่นะ

836 Nameless Fanboi Posted ID:3NgZTNj1JX

ที่กุเรียนมา vat เป็นภาษีฐานบริโภค ซึ่งคนจนเสียเปรียบคนรวย เพราะคนรวยซื้อแบบเหมาได้ ทำให้ vat จริงๆ ต่อหน่วยที่แท้จริงจะถูกกว่าคนจนว่ะ หลายคนคงเคยอ่านบทความ

หลายๆประเทศ vat ไม่ใช่รายได้หลักของรัฐ แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับนิติบุคคล

หรือง่ายๆ เราต้อง eat the rich นั่นแหละ

837 Nameless Fanboi Posted ID:f+hCKj62oW

>>833 ภาษีสรรพสามิตไปไหนไอ้หลิ่มโง่ แม่มึงโดนแมงดารุมเยดจนออกมาเป็นมึงเหรอ หา ไอ้ปัญญาอ่อน

838 Nameless Fanboi Posted ID:crIBaQoc.K

"หากดูจากฐานข้อมูลผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2555 ของกรมสรรพากร พบว่า คนไทยทั้งประเทศมี 66 ล้านคน มายื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ 91 ประมาณ 9.79 ล้านคน ไม่มายื่นแบบฯ 56.21 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก คนชรา พระ นักบวช คนพิการ และแรงงานนอกระบบ

ในจำนวนคนที่มายื่นแบบฯ กับกรมสรรพากรทั้งหมด 9.79 ล้านคน ได้รับยกเว้นภาษีเพราะรายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทต่อปีจำนวน 6.54 ล้านคน เหลือคนที่มายื่นแบบและจ่ายภาษี 3.25 ล้านคน เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กรมสรรพากร 197,881 ล้านบาท ดังนั้นกล่าวโดยสรุปได้ว่าคนไทยทั้งประเทศ 66 ล้านคน เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กรมสรรพากรจำนวน 3.25 ล้านคน"

http://thaipublica.org/2014/06/personal-income-tax-structure-19/

ทั่นผู้รักความเท่าเทียมทั้งหลาย จ่ายภาษีกันอย่างเท่าเทียมไหมมมมม

คริคริคริ

-มิตรสหายท่านหนึ่ง-

839 Nameless Fanboi Posted ID:HkHia49Y1w

>>836 เก็บภาษีเงินได้คนรวยก็ใช้นักบัญชีกับทนายหาช่องโหว่ไม่ต้องจ่ายเอา

คนรวยไม่จ่าย คนจนไม่จ่าย สุดท้ายก็ลั้นกลางที่ต้องแบก สมใจมึงเลย คนจนไม่ต้องจ่ายมากกว่าคนรวยแบ้วเพราะไม่จ่ายเหมือนกัน ให้ไอ้พวกชั้นกลางจ่ายไป อีทเดอะริชไหมล่ะมึง

840 Nameless Fanboi Posted ID:U0rPhgv3iU

>>839 มันถึงได้มีคนบอกละมั้งว่า ปท. ที่ดีคือ ปท. ที่มีคนชั้นกลางเป็นประชากรส่วนใหญ่ เพราะถึงจะมีคนรวยกับคนจนที่ไม่ต้องจ่ายภาษี (หรือมีช่องให้จ่ายน้อยลง) แต่พวกนี้ก็แค่คนส่วนน้อย ส่วนพวก ปท. กำลังพัฒนา คนจนยังเยอะ แถมชนชั้นกลางยังแบ่งเป็นกลางล่างที่รายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์จ่ายภาษี กับกลางบนที่ต้องจ่ายเต็มๆ แบบเลี่ยงไม่ได้เหมือนคนรวยอีก

841 Nameless Fanboi Posted ID:wta3G6wnaq

พูดถึงภาษี ภาษีที่ดินแม่งทำให้แถวบ้านก็ตัดต้นไม้ถมที่กันจนโล่งไปหมด สุดท้ายคนรวยคือคนถมที่ สัส

842 Nameless Fanboi Posted ID:S49BCWRwDk

เคยเชื่อว่า ความรัก จะเอาชนะทุกอย่าง จึงเป็นสิ่งเดียวในโลกนี้ ที่ไม่ได้ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ

ไม่เป็นไร เราเสียสละได้ อะไรที่เราทำได้ เราจะทำ

จนกระทั่งเมื่อวันที่เราอ่อนแอ

- อ่อนแอเรื่องงาน .... ได้รับคำพูดที่ทิ่มแทง ซ้ำเติม
- อ่อนแอเรื่องร่างกาย .... ปล่อยให้ดูแลตัวเอง หรือให้พ่อแม่ดูแล
- อ่อนแอเรื่องจิตใจ .... ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

และที่ไม่คิดไม่ฝัน คือ เมื่อจับได้ว่าคนรักคุยกับคนอื่นทางออนไลน์ ประโยคแรกที่ได้กลับมาก็คือ .... "ใครๆ ก็ทำกัน"

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก คือ การพูดจา ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมต้องพูดหยาบในบ้าน ทำไมกับคนในบ้านไม่พูดจามีหางเสียง

ย้อนกลับมาวันนี้ เชื่อแล้วว่า ความรักมันไม่ได้สวยงาม และคนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้

ทุกคนบอกว่าให้อดทน ... ใช่นะ ก็อดทนอยู่ พยายามประคับประคองให้ดี อะไรปรับได้ก็ปรับไป แต่มันจะทนได้อีกนานมั้ย

มีเรื่องอีกมากมายที่พิม หรือบอกใครไม่ได้ และที่พิมมานี้ ก็เป็นส่วนที่พร้อมจะแชร์ เป็นอะไรที่เก็บสะสมมานานมากๆ แล้วจริงๆ

ไม่มีใคร Perfect ไปทุกเรื่อง แม้เราจะอยากให้มัน Perfect ก็ตาม

สุดท้ายนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม เราก็จะต้องอดทนต่อไป เพื่อ "ลูก"

ถ้าย้อนกลับไปได้ จะเชื่อตามที่เขาพูดกัน .... เลือกคนที่เขาดูแลเราได้ เลือกผู้ชายที่พร้อมจะเป็นผู้นำ เพราะยังไงก็ตามเมื่อเป็น "ครอบครัว" มันจะให้เป็นภาระของคนคนเดียวไม่ได้หรอก

ปล. มันเกิดมานานมากแล้วค่ะ เผื่อหลายคนเป็นห่วง แต่มันจะกลับมาเศร้า ถ้าเรื่องที่กระทบกระทั่งเป็นเรื่องของลูก

กับแป้ง ไม่เป็นไร จะยังไงก็ได้ แต่อยากให้ทำให้ลูก ให้ดีที่สุดหน่อย ยังไงเขาก็คือแก้วตาดวงใจของเรา

843 Nameless Fanboi Posted ID:y7G6CdXNFS

>>841 ใน กทม. เหมือนกัน ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนะ แต่ก่อนมันจะมีที่โล่งๆ เอาไว้รับน้ำใช่ปะ เป็นแก้มลิงน่ะระหว่างน้ำรอระบาย กูสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ กม.ภาษีที่ดินผ่าน หลายๆ แห่งแม่งถมที่ เทปูนสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างกันละ

844 Nameless Fanboi Posted ID:jrEtFXy3OV

สมมติ อีสาน แยกจาก สยาม
ประชากรรัฐสยาม
ซื้อสินค้า 100 บาท สิ่งที่เขาได้คือ ตัวสินค้าา และจ่าย vat7% และจ่ายค่าตราฮาลาล

ประชากรรัฐอีสาน
ซื้อสินค้า 100 บาท สิ่งที่เขาได้คือ ตัวสินค้า และจ่าย vat7% เขาไม่ต้องจ่ายเงินให้คณะอิสลามกลาง

นั่นคือ ทุก 100 บาท ที่ประชากรจ่ายรัฐอีสานมีเงินนำมาพัฒนาประเทศมากกว่ารัฐสยาม

845 Nameless Fanboi Posted ID:N7VzgqYioZ

เจ็ก กับ มุสลิม กูเลือกมุสลิม
อีสาน กับ มุสลิม กูเลือกอีสาน
เจ็ก กับ อีสาน กูเลือกอีสาน
สริ่ม กับ มุสลิม กูเลือกมุสลิม
เจ็ก กับ สริ่ม กูเลือกสริ่ม
อีสาน กับ สริ่ม กูเลือกอีสาน

846 Nameless Fanboi Posted ID:bKxZylV2Vx

ผมรู้จัก อ.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิช Somkiat Tangkitvanich มานานพอสมควร น่าจะช่วงราวๆ ปี 2008-2009 ที่ อ.เคยให้เกียรติมาคอมเมนต์งานวิจัยชิ้นเล็กๆ หลังจากนั้นก็ได้เจอ อ.เรื่อยๆ ตามโอกาสต่างๆ (ส่วนใหญ่คือเวทีสัมมนา)

วันนี้เพิ่งได้ทราบข่าวเรื่อง อ.สมเกียรติ ไปดีเบทเรื่อง Bitcoin ในรายการ ThaiPBS เลยตามไปดูคลิปฉบับเต็ม (ลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=VLoiQN5G4I4)

แน่นอนว่าในฐานะปัจเจกชน ผมย่อมมีความเห็นหลายๆ เรื่องต่างจาก อ.สมเกียรติ เป็นเรื่องปกติ แต่ในคลิปนี้ ความเห็นของผมสอดคล้องกับ อ.สมเกียรติ ทุกอย่าง (ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าอาจเป็น unpopular opinion สำหรับยุคสมัยนี้ ทัวร์น่าจะลง)

ผมเลยอยากสรุปประเด็นที่ อ.สมเกียรติ เสนอในรายการ และแทรกความเห็นส่วนตัวของผมลงไปด้วย ดังนี้

847 Nameless Fanboi Posted ID:bKxZylV2Vx

=== อะไรคือ "เงิน" ในทางเศรษฐศาสตร์===

ประเด็นแรกที่ อ.สมเกียรติ นำเสนอคือ "Bitcoin ไม่ใช่เงินในทางเศรษฐศาสตร์"

เพราะเงินในทางเศรษฐศาสตร์ ต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 3 ข้อ

1. ต้องเป็นหน่วยในทางบัญชี ว่าอะไรราคาเท่าไร ราคาจึงต้องมีเสถียรภาพ

ราคาของ Bitcoin และคริปโตแกว่งจนไม่สามารถใช้เปรียบเทียบราคาได้ คิดว่าตรงนี้ทุกคนคงยอมรับ ไม่ว่าฝ่ายสนับสนุนหรือคัดค้าน

2. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เช่น เอาเงินไปแลกเป็นไก่ อ.สมเกียรติบอกว่า Bitcoin เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน "ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร" จากหลายปัจจัย ได้แก่ ราคาไม่นิ่ง, ใช้เวลาในการประมวลผลธุรกรรมนาน (จะกล่าวถึงต่อไป)

848 Nameless Fanboi Posted ID:bKxZylV2Vx

3. มีลักษณะเป็นนิรนาม (anonymous) ซึ่งปัจจุบันเงินคริปโตยังสามารถตามรอยได้ (เทียบกับกรณีเงินสด) จากปัจจัยเรื่อง blockchain สาธารณะ

อ.สมเกียรติสรุปว่า "Bitcoin และคริปโตไม่ใช่เงินแน่ๆ แต่อาจเป็นหลักทรัพย์ได้" แต่ก็ยังเป็นหลักทรัพย์ที่เสี่ยงมาก เพราะใช้เก็งกำไรมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม

ความเห็นของผมคือ Bitcoin และคริปโตไม่ใช่เงินแน่ๆ และอาจไม่ได้เป็นหลักทรัพย์ (asset) ในความหมายดั้งเดิมด้วย คุณลักษณะของมันใกล้กับหลักทรัพย์แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว (อาจคล้ายกับทองในยุคโบราณ แต่ไม่ใช่ทองในยุคปัจจุบัน) ซึ่งตรงนี้เราคงต้องหาชื่อใหม่มาเรียกมัน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของทุกคนในอนาคตระยะยาว

=== การกักเก็บมูลค่า ===

แต่ประเด็นที่ถกเถียงกันหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องการกักเก็บมูลค่า

อ.สมเกียรติ ดีเบทเรื่องความสามารถในการกักเก็บมูลค่า (store of value) ของสิ่งใดๆ โดยบอกว่าตัวชี้วัดเรื่อง "มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ไม่สามารถแปลว่ามันสามารถกักเก็บมูลค่าได้ในระยะยาว

เพราะฟองสบู่ในอดีตอย่างฟองสบู่ดอกทิวลิป ก็เคยมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนฟองสบู่จะแตกเหมือนกัน (จตุคามนี่ก็ใช่ ผมเสริมเอง) เราจึงไม่สามารถนำมูลค่าในระยะสั้น (แถมเป็นช่วงเก็งกำไรจัดๆ) มาอธิบายได้ว่ามันสามารถกักเก็บมูลค่าได้จริง

อีกตัวอย่างที่ อ.สมเกียรติยกมา คือ ราคาบ้านในอเมริกาที่เคยพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนวิกฤต 2008 คนก็เชื่อกันว่ามันจะขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันลง แต่เมื่อฟองสบู่แตก ทุกคนก็พบความจริงว่ามูลค่าของมันสามารถหายไปได้

ประเด็นที่คนเดือดกันเยอะคือ ทอง ซึ่ง อ.สมเกียรติ เปรียบเทียบว่า "อย่างน้อยก็นำไปใช้เป็นเครื่องประดับได้" แต่ Bitcoin นั้นมาจากอากาศธาตุ ทำให้ชุมชนคริปโตเดือดกันมาก (เห็นเอาไปทำภาพโควตกันด้วย)

ตรงนี้ผมคิดว่าคนไปให้ความสนใจกับ wording (ที่ย่อมไม่ถูกใจฝ่ายสนับสนุน) มากกว่าประเด็นหลักที่คุยกันคือ intrinsic value (วิธีการวัดมูลค่าทรัพย์สินในทางการเงิน) กรณีของบ้านหรือทองนั้นมีมูลค่าที่จับต้องได้จริง เพราะมีอรรถประโยชน์จริง ใช้อยู่อาศัยหรือเป็นเครื่องประดับ แม้ว่ามูลค่าประเมิน กับมูลค่าที่ตลาดให้ราคาอาจต่างกันมาก แต่อย่างน้อยมูลค่าพื้นฐานของบ้านหรือทองก็ไม่ใช่ 0 แน่ๆ

ผมคิดว่าเราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า ในทางกายภาพแล้ว เงินคริปโตมันก็เป็นแค่รหัสชุดหนึ่ง ที่สังคมส่วนหนึ่งไปให้คุณค่ากับมัน ตรงนี้ก็คิดว่าเทียบกับจตุคามน่าจะเป็นตัวอย่างที่สุด คือเรานำดินก้อนหนึ่งที่ไม่มีมูลค่าใดๆ มาทำพิธีกรรม (ในที่นี้อยากใช้คำว่า ritual ไม่ว่าเป็นน้ำมนต์หรือคณิตศาสตร์) บางอย่าง แล้วคนกลุ่มหนึ่งให้ค่ากับมัน

ประเด็นตรงนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า ให้ค่าหรือไม่ให้ค่า แต่สิ่งที่จะชี้ก็คือ intrinsic value ของทั้งเหรียญคริปโต หรือก้อนดินจตุคาม โดยตัวมันเองลำพังนั้นไม่มีอยู่ อันนี้ไม่น่าจะมีใครเถียง

อีก wording ที่คนเดือดกันมากคือ คุณค่าของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับ "มโน" ของแต่ละคน อันนี้เทียบกับกรณีของจตุคามก็ถูกอีก การที่ก้อนดินมีค่ามหาศาลก็มาจากมโนภาพจริงๆ (ซึ่งเป็นธรรมชาติปกติของมนุษย์มากๆ ถ้าใครเคยอ่านงานของ Yuval Harari ก็เขียนเรื่องนี้ไว้ละเอียดว่า Homo Sapiens เหนือกว่า Homo Erectus ตรง "มโน" ได้นี่ล่ะ มโนก็มโนสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย มนุษยชาติก็มโนกันทั้งนั้น)

=== ความเร็วในการทำธุรกรรม ===

อีกประเด็นหนึ่งที่ถกเถียงกันคือเรื่องความเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้กรอบไหนวัด ในรายการเป็นการนำกรอบ 10 นาทีของ Bitcoin เทียบกับระยะเวลา clearing เงินข้ามประเทศที่อาจใช้เวลา 30 วัน เลยถือว่าคุณสมบัติของ Bitcoin ดีกว่า

แต่เรื่องนี้ก็ถูกแย้งได้ว่า หากมีเงินดิจิทัลที่โอนเร็วกว่า Bitcoin (เช่น เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง CBDC ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้บล็อกเชนก็ได้ แต่คนมักเข้าใจผิดกันว่าต้องใช้ หยวนดิจิทัลที่พูดกันเยอะๆ ก็ไม่ได้ใช้บล็อกเชนเด้อ) คุณค่าของ Bitcoin ย่อมน้อยลงไป (logic test)

849 Nameless Fanboi Posted ID:bKxZylV2Vx

=== การควบคุมโดยรัฐ ===

ดีเบทอีกข้อคือเรื่อง เสรีภาพในการไหลเวียนของเงิน ฝ่ายที่ต่อต้านเงินแบบเก่านั้นมักชูประเด็นว่า เงินแบบดั้งเดิมจะถูกควบคุมโดยรัฐในแง่มุมต่างๆ ทั้งการกำหนดมูลค่าแลกเปลี่ยน และการควบคุมการไหลเวียนของเงิน (capital control)

แน่นอนว่าในมุมผู้บริโภค การขนเงินจำนวนมากข้ามพรมแดนเป็นเรื่องยากเพราะมี regulation มากมาย ทั้งช้าและแพง อันนี้ผมเห็นด้วยนะ เราก็ต้องหาวิธีแก้ไขมัน

แต่ในมุมกลับที่ฝ่ายต่อต้านเงินแบบเดิมไม่ค่อยพูดถึงกันนัก คือข้อดีของระบบ centralization ที่หากมีดราม่าใดๆ กระทบคนตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมาก รัฐรวมศูนย์แบบดั้งเดิมมักสามารถตามเงินกลับคืนมาได้

ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้ที่ https://markpeak.net/bitcoin-ponzi-scheme/ มีกรณีน่าสนใจคือแชร์ลูกโซ่ Ponzi Scheme ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คือเคสของ Bernie Madoff (โดนจับแล้วฆ่าตัวตายในคุก) สุดท้ายแล้วสามารถตามเงินกลับคืนมาได้ถึง 70% ด้วยกระบวนการยุติธรรมตามปกติ (70% ที่ว่านี้คือ 14 billion USD) ในขณะที่เงินคริปโตนั้น ด้วยสถาปัตยกรรม decentralized ของมัน ถ้าเงินหายหรือถูกขโมยก็ลาก่อน ไม่ต้องฝันถึงการทวงคืน

อ.สมเกียรติ ยังเสนออีกประเด็นว่า เงินที่ควบคุมโดยรัฐสามารถปรับปริมาณเงินทั้งระบบขึ้นหรือลงให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโลกได้ (ควบคุมเงินให้น้อยลงแก้ปัญหาเงินเฟ้อ หรืออัดฉีดเงินเข้ามาให้เศรษฐกิจเดินต่อได้) ซึ่งเงินคริปโตที่ไม่มีคนควบคุมจริงๆ อย่าง Bitcoin กำหนดปริมาณเงินไว้ตายตัวแต่แรกแล้ว ถ้าในอนาคตมีปัญหาอะไรแล้วแก้ยากมาก (เงินคริปโตอื่นที่สามารถ mint หรือ burn ได้โดยเจ้ามืออันนั้นไม่นับนะ 555)

===สรุป===

ว่าด้วยจุดยืนส่วนตัวแล้ว ผมไม่มีปัญหาใดๆ กับการที่คนไปลงทุนในคริปโต เห็นเพื่อนรวยก็ยินดีกับเขาด้วย (อย่าลืมเลี้ยง) แต่ถ้าติดดอยก็ตัวใครตัวมัน เป็นเรื่องปกติ คนดอยก็น่าชื่นอกตรม hodl ไว้ก่อน

แต่เราต้องไม่ลืมว่า แต่เหตุผลทุกอย่างที่ฝ่ายสนับสนุนคริปโตนำมาใช้งาน มันมีอยู่ด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้นคือ ปั่นราคาเหรียญให้สูงขึ้น ตัวตรรกะที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้นสามารถตีตกได้ในทุกประเด็น

ในสายตาของผมแล้ว เราควรพูดกันตรงไปตรงมา การพูดว่า "เล่นคริปโตเพราะอยากรวย" นั้นเท่กว่า "เล่นคริปโตเพราะอยากเปลี่ยนโลก" เป็นไหนๆ

850 Nameless Fanboi Posted ID:CbGbfaHg7t

>>849 บิทคอยน์ขาดแง่เสถียรภาพ ซึ่งไม่มีทางที่ธปท.หรือธนาคารกลาง(ดีๆ)ในโลกจะให้ฟรีคริปโตแบบไม่แทรกแซงเลย (ไม่ต้องยกเอลกวาดอร์)เพราะหน้าที่ดูแลเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเป็นของธปท. ถ้าฟองสบู่แตกขึ้นมา คนกระทบเยอะเป็นวงกว้างโดนที่ธนาคารกลางไม่เคยเข้าไปกำกับดูแลเดี๋ยวธปท.ก็โดนด่าอีก คนเล่นก็มองแง่ว่าทำไมไม่สนับสนุน คือมึงได้ประโยชน์เพราะมึงทำกำไรได้ไง แต่ไม่ได้มองแง่ภาพรวมประเทศว่าจะชหมั้ย

851 Nameless Fanboi Posted ID:T9l0+gR43+

พร่ำสอนคนบอกเป็น Store of value แต่ขายครอสคริปโต

852 Nameless Fanboi Posted ID:5QRFKoNsD7

🇯🇵คนขับรถญี่ปุ่น70% ไม่หยุดรถตรงทางม้าลายที่ไม่มีสัญญาณจราจร😅
🇯🇵🚗🚙🚗🇯🇵

พอดีมีเรื่องทางม้าลาย กำลังเป็นกระแสที่ไทย และมีสถานีวิทยุของไทยโทรมานัดสัมภาษณ์ข้ามประเทศ ถึงประสบการณ์ ก็เลยลองค้นข้อมูลที่ญี่ปุ่น เพื่อจะขิงคนไทย😅

เอร๊ยไม่ใช่ 😂 เพื่อหาตัวเลขและหลักฐานมายืนยันว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะหยุดให้คนข้ามแม้ว่าทางม้าลายจะไม่มีสัญญาณจราจร

แต่ก็ต้องตกใจที่พบว่า ตัวเลขที่ได้จากการสำรวจจริงกับความเชื่อที่แอดมินเคยมีกลับตรงกันข้าม

จากการสำรวจของJAF หรือสมาพันธ์รถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่รณรงค์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนและคอยช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้รถเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แอดมินเองก็เป็นสมาชิกขององค์กรนี้ โดยเสียค่าสมาชิกปีละ5000เยน

จากการสำรวจครั้งล่าสุดปี2021 ของJAF พบว่า 70%ของคนขับรถในญี่ปุ่น ไม่หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลายที่ไม่มีสัญญาณจราจร

🇯🇵🇯🇵
วิธีการสำรวจของJAFก็โดยการให้เจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์ ข้ามถนนตรงทางม้าลาย ที่ไม่มีสัญญาณ จราจร 100 ครั้ง ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ แล้วดูว่า รถที่วิ่งมาจะหยุดไหม

ผลเฉลี่ยออกมาว่าในปี2021 มีผู้หยุดรถที่ทางม้าลายเพียงประมาณ 30%

การสำรวจแบบนี้ได้เริ่มครั้งแรกปี2016 ซึ่งปีนั้นมีคนขับญี่ปุ่นทั่วประเทศหยุดรถตรงทางข้ามแค่7.6%

และเมื่อประกาศผลสำรวจออกไปให้สาธารณะชนรับทราบ ปีต่อๆ ไป การหยุดรถตรงทางม้าลายก็เริ่ม ดีขึ้นเรื่อยๆ จาก 7.6% ผ่านไป6ปีก็ขึ้นเป็น 30% ดูแนวโน้มเช่นนี้ถือว่าน่ายินดี

ความเชื่อกับความจริง เมื่อทำให้เป็นตัวเลขทางสถิติ น่าจะทำให้ประชาชนญี่ปุ่นมองเห็นความจริงมากขึ้น และส่งผลให้พฤติกรรมคนขับรถเปลี่ยนไป

🇯🇵🇯🇵
สิ่งที่น่าสนใจของการสำรวจนี้คือมีการประกาศตัวเลขอัตราการหยุดให้คนข้ามตรงทางม้าลายที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร ซึ่งการประกาศเช่นนี้มีผลทางจิตวิทยาให้แต่ละจังหวัดพยายามที่จะแข่งขันกันด้านวินัยจราจรมากขึ้น

Ranking ปี2021 จังหวัดที่คนขับมีวินัยและมีน้ำใจหยุดให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย

Top5 จังหวัดที่คนขับหยุดมากที่สุด

1.Nagano: 85.20%
2. Shizuoka: 63.80%
3. Yamanashi: 51.90%
4.Miyagi: 51.40%
5. Ishikawa: 50.70%

จังหวัดที่คนขับรถหยุดให้น้อยสุดTop5
1.Okayama: 10.30%
2.Tokyo: 12.10%
3.Aomori: 14.00%
4. Kyoto: 16.80%
5.Wakayama: 18.40%

*ส่วนฮอกไกโด หยุดให้ที่ 25.6%

🇯🇵🇯🇵
สรุปมาเที่ยวญี่ปุ่น ตอนข้ามทางม้าลายตรงไม่มีสัญญาณจราจร ต้องคิดเสมอว่า คนขับรถญี่ปุ่นโดยเฉลี่ย 70% ยังไม่หยุดรถให้🤣

แต่ถ้าเรายกมือขึ้นระหว่างข้ามถนนหรือระหว่างรอข้ามเหมือนเด็กประถมญี่ปุ่นคนขับรถจะหยุดให้เป็นส่วนใหญ่(อันนี้ยังไม่มีข้อมูลการวิจัยหรือตัวเลขสถิติยืนยัน มาจากประสบการณ์ในญี่ปุ่นล้วนๆ)

🚗🚗
ตามกฏหมายจราจรญี่ปุ่น
1. ต้องหยุดถ้าเห็นคนกำลังจะข้ามทางม้าลายที่ไม่มีสัญญาณจราจร
2.ห้ามแซงตรงระยะ30เมตรก่อนทางม้าลาย
3.กรณีไม่มีคนข้ามให้ขับรถในความเร็วที่พร้อมเบรคได้เสมอ

แต่ตำรวจญี่ปุ่นก็ยังไม่เคร่ง คนเลยไม่ค่อยหยุดกัน🤣 มีการแอบซุ่มจับบ้าง แต่เท่าที่มีประสบการณ์ขับรถมากว่า10 ปีในญี่ปุ่น ตำรวจจะเน้นจับความเร็ว และ จับคนไม่หยุดรถตรงป้าย Stop ในจุดที่ไม่มีสัญญาณมากกว่า

🇹🇭🇯🇵
ประเทศไทยน่าจะมีการสำรวจพฤติกรรมคนขับรถทั่วประเทศไทย เรื่องการหยุดรถที่ทางม้าลายบ้าง ทำตัวเลขแยกตามจังหวัด จะทำให้คนไทยได้รู้ว่าเราอยู่ในระดับไหนของความมีน้ำใจบนท้องถนน และจะช่วยเป็นตัวเลขให้นำมาใช้ในการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน

บันทึกญี่ปุ่น
แอดมินสะมุโตะ
26มค.2022

🇯🇵อ้างอิง ตัวเลขการสำรวจจาก JAF (สมาพันธ์รถยนต์ญี่ปุ่น)

....

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

853 Nameless Fanboi Posted ID:ve6hulHxdR

บิทคอยน์เป็นเรื่องยาก

การจะทำความเข้าใจบิทคอยน์นั้นยากกว่า ต้องอาศัยเวลา และการศึกษาอย่างลึกซึ้ง

คำถามคือทำไมมันถึงต้องยากขนาดนั้น?

เพราะบิทคอยน์เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่เคยมีสิ่งประดิษฐ์นี้เกิดขึ้นบนโลกมาก่อน มันคือการนำเอาศาสตร์หลายๆศาสตร์ที่โลกนี้มีอยู่แล้วมาประกอบรวมกัน ซึ่งประกอบด้วย..

1. คณิตศาสตร์ - ทฤษฏีเกม (Game Theory)
2. ศาสตร์การเข้ารหัส (Cryptography)
3. วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย และการส่งข้อมูล (Computer Network and Data Transmission)
4. เศรษฐศาสตร์และนโยบายการเงิน (Economic and Monetary Policy)

การจะเข้าใจบิทคอยน์ได้อย่างลึกซึ้งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจศาสตร์ทั้ง 4 อย่างนี้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน

เพราะถ้าเพียงทำความเข้าใจแบบผิวเผิน หรือ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเพียงพอในด้านใดด้านหนึ่ง จะทำให้ไม่สามารถมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงที่บิทคอยน์นำเสนอได้

เช่น หากโปรแกรมเมอร์มองบิทคอยน์ด้วยมุมมองทางด้าน วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ อย่างเดียว โดยไม่ได้ศึกษาข้อจำกัดทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการเงิน ก็จะมองว่าบิทคอยน์นั้นเป็นโครงการที่ด้อยประสิทธิภาพมากทางด้านการใช้งาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนบิทคอยน์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากกว่าเดิม.. คนกลุ่มนี้จะกลายเป็น altcoiner / shitcoiner / ผู้เชื่อมั่นใน blockchain และหาทางปรับเปลี่ยนบิทคอยน์โดยการสร้างเหรียญใหม่และหาทางทำกำไรจากโครงการนั้นๆ โดยคิดว่าเหรียญที่ตนเองสร้างขึ้นมาใหม่นั้นดีกว่าบิทคอยน์เสมอ

หรือ หากนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักที่ศึกษานโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคมาทั้งชีวิต มองบิทคอยน์ด้วยมุมมองทางด้านเศรษฐศาสตร์กระแสหลักเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจกลไกทฤษฏีเกมและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์รวมถึงแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์กระแสรองที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยน์ ก็จะมองว่าบิทคอยน์นั้นไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีมูลค่า เป็นเพียงแชร์ลูกโซ่ เป็นของเล่นของคนไม่มีความรู้ทางการเงิน เป็นฟองสบู่ที่รอวันระเบิด คนกลุ่มนี้จะกลายเป็น no coiner ที่ทำตัวเป็นผู้มีความรู้ในด้านเศรษฐศาสตร์และออกมาสาปแช่งบิทคอยน์ออกสื่อกระแสหลักอยู่เสมอ

ดังนั้นการจะพยายามให้ความหมายและตีความเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในมุมมองของเหล่าผู้เชื่อในบิทคอยน์นั้นหลายคนก็มีความคิดไปในทางเดียวกันว่า "สกุลเงิน" เป็นเพียงคุณสมบัติหนึ่งของบิทคอยน์เท่านั้น บิทคอยน์จะเป็นเงินหรือไม่นั้นไม่สำคัญตราบใดที่ผู้คนยังใช้งานมัน รักษามัน และระบบของมันยังสามารถทำงานได้โดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้

ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้างบิทคอยน์ นิยามบิทคอยน์ไว้ว่ามันคือ ระบบเงินสดอิเล็คทรอนิคส์แบบบุคคลถึงบุคคล (A Peer-to-Peer Electronic Cash System) นับตั้งแต่วันแรกที่บิทคอยน์สร้างมาถึงวันนี้บิทคอยน์ไม่เคยวิ่งไปถามเหล่าผู้มีอำนาจในระบบเศรษฐกิจหรือธนาคารกลางว่าตัวมันจะต้องได้การยอมรับว่าเป็นเงินหรือไม่ เพราะในทุกๆวันนั้นมีผู้คนจำนวนมากมายทั่วทุกมุมโลกทำการเคลื่อนย้ายมูลค่าผ่านระบบบิทคอยน์ ทำการค้า เก็บสะสมมูลค่า ใช้จ่ายซื้อขาย ฯลฯ อยู่ตลอดเวลา และตัวมันเองได้แสดงให้ทุกคนเห็นและพร้อมท้าทายทุกคนอยู่เสมอว่ามันเป็นได้มากกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิมรวมถึงพร้อมจะพัฒนาเพื่อสร้างเสรีภาพอิสรภาพที่ดีกว่าระบบการเงินดั้งเดิมได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

854 Nameless Fanboi Posted ID:Gm.Mm5Cykg

น้ำมันปาล์มแพง เพราะ ปาล์มดิบแพง ผลผลิตน้อย ชาวสวนน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ ผู้บริโภคบ่น

ตัดภาพไปที่ คนบอกว่า ทำไมเกษตรกรญี่ปุ่นรวย ในขณะที่ชาวนาไทยจน แต่ พอราคาผลผลิตทางเกษตรแพง คนแดกก็บ่นอยู่ดี

สรุป ประเทศไทยควรจะเลิกทำเกษตรกรรม นำเข้าอาหารจากต่างประเทศ ราคาถูกกว่าแน่นอน เพราะเทคโนโลยีการเกษตรเค้าดีกว่า ผู้บริโภคแฮปปี้ ได้แดกหมูโลละ 100 ไก่โลละ 40 เกษตรกรก็อพยพออกจากชนบทเข้าสู่เมืองมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคบริการและอุตสาหกรรม

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

855 Nameless Fanboi Posted ID:ve6hulHxdR

สิ่งที่ผมเห็นต่างจากนักเศรษฐศาสตร์ยุคเดิม ว่าทำไม Bitcoin ถึงมี Value ด้าน Economic

ตอนนี้เราจะเห็นว่านักเศรษฐศาสตร์หลายคนไม่สามารถมอง Value ของ Bitcoin ออก ผมคิดว่าเนื่องจากอาจจะมองข้ามกฏพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์บางอย่างไป

ทำไม Bitcoin ถึงมี Value สาเหตุหลักๆคือ Tech company ใหญ่ๆ Trust และเชื่อมันในตัวมัน และโลกนี้กำลัง Run โดย Tech company เหล่านั้น ซึ่งมีกำลังทั้งสร้าง และ บริโภค Productivity มหาศาล บางบริษัทอาจมีมูลค่ามากกว่าเงินรายได้ของประเทศไทยทั้งประเทศด้วยซ้ำ

ดังนั้น Bitcoin จึงโดน Back up จาก Productivity ของ Tech company เหล่านี้ ไม่ต่างอะไรกับประเทศประเทศนึงที่เงินตราโดน Back up ด้วย Productivity ของคนในประเทศ

ลองจินตนาการดูแล้วกันว่าถ้าเกิดมีของอะไรก็ตามที่ Back up โดยแหล่งรวมตัว Productivity หัวกะทิของคนทั้งโลก มันจะเป็นอย่างไร

ผมถึงมองว่ามันไม่เกี่ยวกับว่าราคา Bitcoin จะต้องขึ้นหรือลง แต่มันคือสิ่งแลกเปลี่ยนในโลกยุคใหม่ที่โดน Back up Value จาก Productivity ของกลุ่มคนหัวกะทิของ Tech company ทั้งโลกนั่นเอง

856 Nameless Fanboi Posted ID:Gvguo9qq5+

เด็กโปก แถวบ้าน 😱พวกกุไม่แก้งหรอก🤘🏻 ไอสัดพวกกุแค่ชอบ😜🔥c-walk 🤠😏👍🏻ก้อพวกกุชอบ🥱 c-walk🤨ก้อพวกกุชอบ😎😰c-walK 😥😘 พวกกุต้องไม่แอ็คหรอก😎 ไอสัด👿🥸 พวกกุแค่เต้น😒😒 c-walk😁🥳🥳พวกกุไม่แก้งหรอก🤘🏻ไอสัดพวกกุแค่ชอบ😜😜💢c-walk 😈🔥💢🔥ก้อพวกกุชอบ😄 c-walk😍ก้อพวกกุชอบ😇c-walk😌🤗พวกกุต้องไม่แอ็คหรอก🥸ไอสัด👿🤑พวกกุแค่เต้น😍😍c-walk😏👣

857 Nameless Fanboi Posted ID:ve6hulHxdR

“ถ้าเมียน้อยเป็นผู้ชาย ฟ้องไม่ได้นะ ให้ทำใจ….”

#ทนายเมียหลวง

858 Nameless Fanboi Posted ID:d2gcBx29M2

>>855

whyต้องtypeไทยwordอังกฤษwordครับ want toแสดงthatคุณsmartด้วยusingคำthaiกับenglishสลับwithเหรอ

859 Nameless Fanboi Posted ID:iQcGIIzjvA

กูรําคานพวกชอบบอก’ใช้อังกฤษคําไทยคําอย่างู้นงี้ๆ’ โชว์สกิลเหี้ยไรกับศัพท์ง่ายๆวะ มึงสื่อสารรู้เรื่องก็พอแล้วนิ เรื่องมากเป็นตุ๊ดจังวะ

860 Nameless Fanboi Posted ID:DaYJNJlbfR

>>859 ถ้าศัพท์ง่ายทำไมไม่ใช้ภาษาไทยตั้งแต่แรก

จะเอาเท่ก็ยอมรับเถอะ

861 Nameless Fanboi Posted ID:kQnTdF8KmK

>>860 ก็จะใช้ผสมภาษามันผิดกฎหมาย? มันศิลธรรมเหรอ? กูต้องพูดภาษาไทยทั้งประโยคเพื่อเทิดทูนชาติ ศาสน์ กษัตริย์หรา ชาตินิยมหราไอสัสนี่Cuck เอาเท่เหี้ยไรหล่ะ 1 สมองกูโง่กูควายประมวนผลหาคําไทยไม่ถูกบางที เพราะบางครั้งต้องทํางาน2ภาษา มึงอ่ะเอ๋อมองคนอื่นว่าอวดดีคือมึงจะกดตัวเองทําไมถามก่อน Niggaนี่แม่วควายแท้หลาว 2 คําบางคําไม่มีแปลไทยได้ตรงตัวตรงบริบท และคําหนึ่งๆในภาษาต่างประเทศอาจมีความหมายเฉพาะตัว อย่างที่เอามาด่ามึงได้ไงไอCUCKจั๊ดง่าว ไม่ต้องห่วงCuz when I speak fuckin English I mix it with the Thai word as well ไอควาย ya know Nothing can replace ไอควาย word
อีควาย Ah yes my favorite Thai word

862 Nameless Fanboi Posted ID:swF9FKjRlY

เกาหลีใต้มี "โฮมทาวน์ชะชะช่า"

3 จังหวัดชายแดนใต้เราก็มี "โฮมทาวน์บะบะบึม" อ่ะครับ

เอาไปทําซีรีส์ ของเรามันส์กว่าแน่นอน ไหนจะไปป์บอม์เอย ไหนโรงเรียนปอเนาะจะสอนประกอบระเบิดแสวงเครืองอีก
ตัวเอกนีต้องกลับมาจากการไปเรียนทีอียิปต์ไม่ก็ปากีฯ แค่คิดก็มันส์แว้วววววววว

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

863 Nameless Fanboi Posted ID:rUJBA+tERR

>>859 กุเห็นมีแต่ตุ๊ดหัวสูงมองคนอื่นเป็นไพร่นะที่ทำแบบนี้

864 Nameless Fanboi Posted ID:nOpuzT5t1k

>>861 ใช้ภาษาไทยหมดมันเกี่ยวไรกับรักชาติศาษนาและกษัตริย์ มึงจะโยงทำใม

865 Nameless Fanboi Posted ID:a+33d7mRFF

>>864 ก็มันกราบหมาอะ ต้องเอามาโหนหน่อยดิ๊ 555

866 Nameless Fanboi Posted ID:nOpuzT5t1k

>>865 ใครกราบหมา

867 Nameless Fanboi Posted ID:5Ke0FwY.9V

ฟีดโทรลทําควายไรวะ แม่ง โม่งใหม่โครตเอ๋อ

868 Nameless Fanboi Posted ID:H11v4my0uB

“มี Value”
“มีค่า”

“มี Value” ต้องจิ้มแป้น 10 ครั้ง (รวมปุ่มเปลี่ยนภาษา+เว้นวรรค+ตัวพิมพ์ใหญ่)
“มีค่า” ต้องจิ้มแป้น 5 ครั้ง

ประหยัดเวลาตรงไหนวะ ไอ้การพิมพ์ไทยคำอังกฤษคำเนี่ย

869 Nameless Fanboi Posted ID:y17kmvhJSI

>>868 คำว่า value กับ มีค่า มันให้อารมณ์คนละอย่างกันนะ
อย่างคำว่า บิตคอยน์มีค่า คำนี้ไม่ได้ทำให้กูนึกถึงเงินอะ มันเหมือนกับคำโฆษณาทำนอง ฝาโค้กมีค่า อย่าทิ้ง มากกว่า ถ้าคำว่า value กับ มีค่า มันเหมือนกันจริง มึงคิดยังไงกับประโยค "เวลามี value" วะ

870 Nameless Fanboi Posted ID:nOpuzT5t1k

>>867 รอบนี้มันฉลาดขึ้นนะ รู้ตัวว่าด่าผิดเลยไม่มา ถ้ามันมาตอบกลับจะฮากว่าเยอะเลย น่าเสียดาย

871 Nameless Fanboi Posted ID:nOpuzT5t1k

>>869 คลังคำศัพท์มึงน้อยเองเลยมองได้แบบนี้ ไม่แปลกหรอก

872 Nameless Fanboi Posted ID:H11v4my0uB

>>869

“เวลามีค่า” ก็ไม่มีอะไรแปลกนิ อารมณ์ต่างกันอะไรของเมิง

873 Nameless Fanboi Posted ID:y17kmvhJSI

>>872 คุณเอ๋อหรือปัญญาอ่อน

874 Nameless Fanboi Posted ID:BpEZmHgxwT

อารมณ์ไม่เหมือนกัน = ไม่ได้ใช้คำอังกิกแย้วม่ายยู้จึกว่าเลาเท่ เลาฉลาด อ่ะกั๊บ ใช้คำอังกิกแล้วยู้จึกว่าเลานี่มังอิงเตอร์จิงๆ

กูอธิบายให้ละนะ

875 Nameless Fanboi Posted ID:H11v4my0uB

>>873 ยิ่งแถยิ่งลงเหว พอเถอะ

876 Nameless Fanboi Posted ID:y17kmvhJSI

>>875 ไม่ๆ คือเรางงว่ามึงพูดเรื่องเดียวกับเราอยู่รึเปล่าอะ >>872

877 Nameless Fanboi Posted ID:swF9FKjRlY

วิเคราะห์ผลเลือกตั้งซ่อมหลักสี่
ผู้ใช้สิทธิ
เดิม 74.54%
ใหม่52.68%
ธรรมดาเลือกตั้งซ่อม คนมาน้อยลง
.
.
.
คะแนนเดิม
พปชร 27%
พท 25%
อคม 20%
ปชป 12.7%
.
คะแนนใหม่
พปชร 8.9%
พท 33.3%
กก 23.1%
กล้า 22.7%
ทพด 5%
.
.
.
ข้อสังเกต
- ยินดีกับพี่อ็อปครับ แกฉีดยุง ฉีดแมว ทำพื้นที่มาตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง พท. ควรได้จากรอบนี้
- ส่วน MVP ของงานนี้ผมให้ป๊าเสรี
- คะแนนรวมฝ่ายประชาธิปไตย เพิ่มราว 11% เพื่อไทยเพิ่ม 8.3% ก้าวไกลเพิ่ม 3.1%
- คะแนน พปชร. นั้น… ก็ดูเอาละกัน
ถ้าเฉดขวาไป คน กทม เลือกกล้า มากกว่า พปชร. แล้ว
ผมคิดว่าต่อจากนี้ น่าจะลำบากในการรักษา สมาชิกพรรคมากขึ้น (อย่าลืมว่า เลือกตั้งซ่อม ภาคใต้ ปชป ก็กลับมาชนะด้วย)
- บอกได้ว่าคนไม่เอาลุงตู่จริง (คนที่บอกว่าเอาแบบชัดๆแน่ๆ คือ พปชร กับ ทพด) พรรคลุงตู่ไม่ขลังแล้ว
- ถ้าคิดว่าพรรคกล้า จริงๆคือ คะแนน ปชป. เปลี่ยนร่าง จะเห็นว่า พปชร. ไหลมาให้ 10% เมื่อเทียบกับที่ผ่านๆมาตั้งแต่สมัยยุคยิ่งลักษณ์ ก็อาจบอกได้ว่า ฐานคะแนน ปชป กลับมารวมกัน
- คะแนน บางส่วนย้ายจากฝ่ายขวา ไปแล้วไม่กลับมาเลย > คะแนนสัดส่วนตรงนี้มากพอที่ต่อให้ ก้าวไกล กับเพื่อไทย แข่งกัน ฝ่ายประชาธิปไตยก็ยังชนะอยู่ดี
- ใน กทม. ก้าวไกลกระแสไม่ตกจากสมัยอนาคตใหม่ ถึงไม่ชนะรอบนี้ แต่คะแนนเละไม่เหมือนท้องถิ่นต่างจังหวัด แสดงว่าฐานวัยรุ่น ทะลุแก๊ส ไม่ใช่แค่กระแส แต่มีจริง

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

878 Nameless Fanboi Posted ID:ufd3DZ8qhK

อย่าไปว่าคนติดดราม่าพี่มหา vs น้าเน็คเลยครับ

เพราะเขาตีกันมันส์ยังกับบากิ โครงเรื่องยังกับการ์ตูนจัมป์

ลองคิดว่าความเดิมตอนที่แล้ว มหาพลังสามล้านฟอล เพลี่ยงพล้ำ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ล้มลุกคลาน สูญเสียยอดฟอล เจอพลังโซเชียลห้าล้านไลท์น้าเน็ค กระทืบ มีคนบอกว่า “ชีวิตในโลกโซเชี่ยลของแกมันจบแล้วไพรวัลย์”

ตอนต่อมา มหาเปิดการ์ด ความจริงที่เก็บซ่อนไว้ ผู้ชมอึ้ง ร้อง “หนาหนี” ไม่จริงน่า - คนที่ชาร์จไปก่อนล้อฟรีเบรกไม่ทัน

ทิดพลิกกลายเป็นฝ่ายโจมตี

น้าเน็คตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ด้วยกระบวนท่า “ขอโทษก็แล้วกัน”

แต่ท่าที่เคยใช้ได้ผลกับคนอื่น กลับใช้ไม่ได้กับการโจมตีของทิด

กลายเป็นว่า น้าเน็ตพลาดท่า พลังแฟนฝ่ายไพรวัลย์คลับรุมกระทืบ ดาเมจกระจาย

กลายเป็นกลับมาสูสีได้เฉย

แล้วก็ตัดจบ ต้องดูตอนต่อไป ว่าการต่อสู้จะเป็นยังไง น้าเน็คจะพลิกกลับมาด้วยท่าไหน ไพรวัลย์จะปิดเกมเลยมั้ย

เรทติ้งกระฉูด วงการบันเทิงอ่ะเนาะ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

879 Nameless Fanboi Posted ID:xKoHHTcjrH

กูตามไปดูคลิปคือมันมีก่อนหน้าที่น้าอ่านข่าวของแพรหวานแล้วมันค่อนข้างจะเป็นเชิง เจ๊แพรเลยโกรธป่ะแบบเหมือนโดนด่าแบบสุภาพต่อหน้า เจ๊ก็เลยลุกหนีไปเรย

880 Nameless Fanboi Posted ID:xKoHHTcjrH

***ตกไปคำนึง เชิงลบ***

881 Nameless Fanboi Posted ID:AYkenz5f6K

และแล้วคนก็ลืมเรื่องตร ชนหมอ แล้วไปจดจ่อกะข่าวทิดvsอินฟลูฯแทน

882 Nameless Fanboi Posted ID:/N9cETdt.D

>>881 มาดูกันว่าที่เคร่งๆ เรื่องทางม้าลาย จะเคร่งได้กี่วัน

883 Nameless Fanboi Posted ID:1.uZM7L4lK

ไม่ต้องไปเล็งตร.ชนหมอ
ปกติ แม่งก็จะสอยคนข้ามทางม้าลายกันทุกวันไม่เกี่ยงรวยจนอาชีพอยู่แล้ว

884 Nameless Fanboi Posted ID:w1C1MQ.Wek

>>881 ลืมยังว่าเมื่อสองปีก่อนมีทหารคลั่งกราดยิงห้างโคราช มีผอ.ปล้นทอง

885 Nameless Fanboi Posted ID:/N9cETdt.D

สงสัยในช่วง 4-5 ปีนี้ แม่งจะมีแค่เรื่องรถตู้ซิ่งทำรอบจนเพลีย (ไม่เมา-ไม่เสพ) ข้ามฝั่งชนกระบะตาย 20 กว่าศพ เรื่องเดียวละมั้ง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ที่รถขนส่งมวลชนทุกคันต้องติด GPS ดูความเร็วไม่เกิน 80 (อนุโลมไม่เกิน 90-100) และมีการตอกบัตรลงเวลาเข้า-ออกคนขับที่ตัวรถเพื่อจำกัด ชม. การขับ ไม่ให้ทำรอบจนหลับใน

นอกนั้นก็แค่ไฟไหม้ฟาง

886 Nameless Fanboi Posted ID:P3j4wPeq/b

>>885 ไฟไหม้ฟางแปลว่ทไรครัง

887 Nameless Fanboi Posted ID:xbDLhBQP5K

>>886 เอาไปอบไก่ จะหอมน่ากินกว่าไฟแก๊สหรือไฟถ่าน

888 Nameless Fanboi Posted ID:/hwb4NW.2R

>>887 มันแปลว่าเฟย์กับแก้วจะเสียเพื่อนเพราะไฟไหม้ตะหาก

889 Nameless Fanboi Posted ID:bKe5RQWMQf

สมควรแล้วล่ะ ทำตัวเหี้ยแบบนี้ใครจะอยากคบมึง

890 Nameless Fanboi Posted ID:u0zAUkGWEh

เจอความเห็นน่าสนใจ จากกรณีกลับลำของ paypal จะไม่ให้ใช้ทะเบียนพาณิชย์บุคคลไม่ได้แล้ว
"อยู่ดีๆ รัฐบาลก็ได้รายชื่อฟรีแลนซ์ที่มาจดทะเบียนพาณิชย์"
ชิบหายไปนะครับ หนีภาษีไม่ได้แล้ว ตามตัวง่ายขึ้นเยอะ ฮา
ปล. ผมส่งภาษีเองทุกปี อย่ามายุ่งกะตู

891 Nameless Fanboi Posted ID:O96tUwmGId

สังคมคาดหวังไว้กับเพื่อไทย-ก้าวไกลไว้มาก

ปัญหาปากท้องที่หนักหน่วง โควิดทำคนอดอยากปากแห้ง พรุ่งนี้จะกินอะไร ก่อนนอนยังคิดไม่ตก คนไม่น้อยหวนคิดถึงนโยบายเศรษฐกิจยุคไทยรักไทย

ปัญหาโครงสร้างสังคม เช่นเรื่องตำรวจ คนต้องการเห็นการแก้ไข ปฏิรูป กรณีผู้กำกับโจ้มาจนถึงหมอกระต่ายเป็นข่าวใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจมาข้ามปี

จากเรื่องตั๋วช้าง กัาวไกลปักธงโดดเด่นในการเป็นเป็นพรรคที่จะมาท้าชนเรื่องนี้ คนก็เลยมีความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องระบบและโครงสร้าง

เหนืออื่นใดในฐานะสองพรรคแกนนำต้าน คสช. สังคมหวังเห็นการขับเคลื่อนการเมืองที่พิสูจน์ประจักษ์ชัดว่าประชาธิปไตยนั้นดีกว่าเผด็จการ พอกันทีกับคำพูดพวกการเมืองวุ่นวาย นักการเมืองเอาแต่ตีกัน

การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นบวก เป็นความหวัง ตอกย้ำทั้งเรื่องปากท้อง นโยบายเศรษฐกิจที่ชาญฉลาด คู่ขนานไปกับความกล้าหาญในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่กัดกินสังคมไทยมานาน

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนต้องการเห็น
เป็นเรื่องหน้าบ้านที่คนรับรู้

มากกว่าเรื่องใครตบตี ไม่ถูกกัน ใครเกลียดขี้หน้าใคร ที่เป็นเรื่องหลังบ้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จะต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างไร และไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรกับมันดี

892 Nameless Fanboi Posted ID:ITgJIJcLCq

การจากไปของเด็กชายสีฟ้า ว่าด้วย The Blue Boy งานศิลปะที่ปลุกอังกฤษตื่นฝันว่าตนเองนั้นไม่ได้เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งอีกต่อไป

ในปี 2022 ถือเป็นปีครบรอบ 100 ปีที่ภาพวาดโด่งดัง The Blue Boy หรือแปลเป็นภาษาไทยว่าเด็กชายสีฟ้าได้ลาจากประเทศอังกฤษไปสู่บ้านใหม่ในสหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปในปี 1922 เด็กชายสีฟ้าถือเป็นผลงานศิลปะที่โด่งดังที่สุด และทำราคาขายมากที่สุดในโลก ปิดการขายที่ 778,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 9 ล้าน 2 แสนดอลลาร์ ตามค่าเงินปัจจุบัน) เจ้าของเก่าของภาพวาด คือดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์ ขุนนางชาวอังกฤษที่สูงศักดิ์แต่ร้อนเงิน ส่วนผู้ซื้อ คือ เฮนรี่ อี. ฮันติงตัน เจ้าพ่อทางรถไฟชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งแต่ขาดสเตตัสทางสังคม

ฮันติงตันเป็นเหมือนเศรษฐีเงินใหม่จำนวนมากที่โหยหาการเป็นสุภาพบุรุษ พวกเขาซื้อหาผลงานศิลปะล้ำค่าจากยุโรปเพื่อประดับบารมี โดยหนึ่งในตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการซื้อขายภาพวาดงานศิลปะจากบรรดาผู้สูงศักดิ์ในประเทศอังกฤษซึ่งหลายท่านตกอยู่ในภาวะถังแตกหลังเศรษฐกิจอังกฤษแย่ลงอย่างมากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

สามอาทิตย์ก่อนเด็กชายสีฟ้าจะถูกขนส่งไปประเทศใหม่ ภาพวาดที่เปรียบเสมือนสมบัติของชาติ ถูกยืมมาจัดแสดงที่ The National Gallery เป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยมีผู้เข้าชมเพื่อบอกลามากกว่า 9 แสนคน

ภาพวาดเด็กชายสีฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่าในหลายแง่มุม อย่างแรกที่สุดคือมันเป็นงานศิลปะที่วาดโดยศิลปินชาวอังกฤษชื่อดังอย่าง โทมัส เกนส์เบรอ อย่างที่สองคือการวาดภาพ The Blue Boy มีบริบททางประวัติศาสตร์สื่อถึงช่วงเวลาที่การแต่งกายแบบย้อนยุคกำลังได้รับความนิยมในอังกฤษ ภาพวาดเด็กชายในชุดสีฟ้าถูกวาดขึ้นราวปี 1770 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แฟชั่นแบบฝรั่งเศสถูกตั้งคำถามในประเทศอังกฤษ

มีความคิดที่จะเดินกลับหลัง หันไปสวมเสื้อผ้าแบบที่นิยมกันในยุคของพระเจ้าชาร์ลที่ 1 แห่งราชวงศ์สจ๊วตซึ่งสื่อถึงความเป็นอังกฤษได้ดีกว่า ในภาพนี้โทมัส เกนส์เบรอ ได้นำเสนอมุมมองทางสังคมอย่างน่าสนใจด้วยการเลือกให้แบบของเขาสวมใส่เสื้อผ้าจากยุคสมัยของพระเจ้าชาร์ลที่ 1 ซึ่งเป็นแฟชั่นย้อนยุคถึง 100 ปี เด็กชายคนนี้จนถึงปัจจุบันยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นหลานชายของศิลปินซึ่งช่วยงานเขาอยู่ที่สตูดิโอ

ความน่าสนใจอย่างที่สาม คือภาพวาดเด็กชายสีฟ้ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการโต้เถียงในวงการศิลปะ เรื่องราวกล่าวว่าโจชัว เรย์โนลส์ ศิลปินมีชื่ออีกท่านได้กล่าวบรรยายที่ Royal Academy Arts วิทยาลัยศิลปะชื่อดังของอังกฤษ ว่าสีฟ้านั้นไม่สามารถนำมาใช้เป็นพระเอกของภาพ มันถูกสร้างมาเพื่อทำให้สีโทนร้อนอื่นๆ เช่น สีแดง สีน้ำตาล สีส้มและสีเหลือง ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

เกนส์เบรอไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาจึงวาดภาพ The Blue Boy ขึ้นมา โดยวางเด็กชายสวมชุดสีฟ้าตรงกลางภาพ ยืนประจันหน้ากับผู้ชมด้วยท่าทางมั่นใจเพื่อเป็นการตอบโต้ทฤษฎีของเรย์โนลส์

ไม่มีใครทราบว่าเรื่องเล่านี้เป็นจริงแค่ไหน แต่น่าสนใจว่าตัวภาพThe Blue Boy นั้นถูกวาดขึ้นบนผ้าใบใช้แล้วนำมารีไซเคิล ดังนั้นภาพวาดชิ้นนี้คงไม่ใช่งานที่ถูกวาดโดยได้รับทุนทรัพย์จากผู้อุปถัมภ์ แต่น่าจะเป็นงานส่วนตัวของศิลปินที่คิดจะทดลองแนวทางใหม่ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก

ภาพวาด The Blue Boy เป็นผลงานชื่อดังที่ถูกซื้อขายกันในวงสังคมชั้นสูงอังกฤษจนมาจบอยู่ที่ดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์ มีข่าวลือว่าดยุกจำเป็นต้องขายภาพเพราะภาระทางภาษี ทันทีที่ภาพถูกประกาศขาย บรรดานักสะสมชาวอังกฤษ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ล้วนพากันเสนอราคาเพื่อหวังว่าจะได้เป็นผู้ครอบครองผลงานชั้นครู น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถสู้ราคาที่ถูกเสนอมาจากฝั่งอเมริกา ทุกครั้งที่มีผู้เสนอราคาใหม่ เฮนรี่ อี. ฮันติงตัน เจ้าพ่อทางรถไฟผู้มั่งคั่งก็สามารถปั่นราคาให้สูงขึ้นจนเหมือนไร้ซึ่งเพดาน ผู้อำนวยการ The National Gallery ในกรุงลอนดอน ทำได้เพียงต่อรองขอนำภาพมาจัดแสดงเป็นการชั่วคราวเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้บอกลา ตัวเขาเสียใจมากกระทั่งเขียนข้อความที่ด้านหลังของภาพว่า ‘au revoir’ (ลาก่อน จนกว่าจะได้พบกันใหม่)

The Blue Boy ไม่ใช่ผลงานสูงค่าเพียงชิ้นเดียวที่ถูกขายออกนอกประเทศ ในช่วงทศวรรษที่ 1920s ขุนนางอังกฤษจำนวนมากขายของสะสมเพื่อต่อสู้กับสภาพการเงินที่ฝืดเคืองหลังสงคราม รัฐบาลอังกฤษเป็นหนี้มหาศาล แถมแทบไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนฟืนฟูซึ่งทุ่มเงินจำนวนมากให้ประเทศที่เป็นสมรภูมิหลักอย่างเบลเยี่ยมและฝรั่งเศส

893 Nameless Fanboi Posted ID:ITgJIJcLCq

>>892

การสูญเสียThe Blue Boy กลายเป็นแผลในใจของประชาชนจำนวนมากที่ต้องตื่นมายอมรับความจริงว่าประเทศของพวกเขาไม่ใช่มหาอำนาจอันดับหนึ่งเหมือนเมื่อก่อน หลายคนเปรียบเทียบการจากไปของเด็กชายสีฟ้า ว่าเป็นเหมือนกับการสูญเสียเด็กหนุ่มจำนวนมากซึ่งเป็นอนาคตของชาติไปกับสงคราม

บทเรียนดังกล่าวกลายเป็นที่มาซึ่งทำให้รัฐบาลอังกฤษคิดถึงกลไกอื่น ที่สามารถควบคุมดูแลการขายงานศิลปะ เพิ่มโอกาสให้ผลงานล้ำค่าไม่ถูกซื้อขายออกนอกประเทศ โดยในปี 1952 ได้มีการผ่านกฎใหม่บังคับให้การซื้อขายงานศิลปะและวัตถุทางวัฒนธรรม จะต้องผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการพิจารณาการส่งออกผลงานศิลปะและวัตถุทางวัฒนธรรม (The Reviewing Committee on the Export of Works of Art and Objects of Cultural Interest - RCEWA)

โดยคณะกรรมการฯ จะพิจารณาคุณค่าของงานผ่านข้อกำหนดสามอย่าง 1.ผลงานชิ้นนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในเชิงประวัติศาสตร์ 2.ผลงานชิ้นนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในเชิงศิลป์ เช่นมีความโดดเด่นในเทคนิคบางอย่างหรือเป็นตัวแทนศิลปะในบางช่วงเวลา 2.ผลงานชิ้นนี้มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการศึกษาในแวดวงศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือแวดวงอื่นๆ ต่อไปในอนาคต หากผลงานชิ้นไหนเข้าเกณฑ์หนึ่งในสาม คณะกรรมการก็สามารถออกมาตรการระงับการซื้อขายเป็นการชั่วคราวเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อในประเทศ หน่วยงานรัฐบาล พิพิธภัณฑ์ทั้งของภาครัฐและเอกชน ระดมทุนเพื่อซื้อผลงานชิ้นดังกล่าวเก็บไว้ในประเทศ

ในปี 2020 มีรายงานว่าคณะกรรมการฯ ได้ทำการตรวจสอบผลงานศิลปะและวัตถุทางวัฒนธรรมมากถึง 9,511 ชิ้น 17 ชิ้นในนั้นผ่านหนึ่งในสามหลักเกณฑ์ แต่มีเพียง 5 ชิ้นงานที่สามารถหาผู้ซื้อในประเทศอังกฤษได้ โดยคณะกรรมการฯ ไม่มีอำนาจระงับการซื้อขายอย่างถาวร เพียงแต่สามารถยืดเวลาออกไปให้ได้นานที่สุดเท่านั้น

มาร์ติน เบลีย์ นักข่าวศิลปะจากหนังสือพิมพ์ The Art Newspaper ของอังกฤษกล่าวว่ามาตรการนี้สามารถปกป้องงานศิลปะได้ขั้นหนึ่ง แต่หากผลงานชิ้นเอกอย่าง The Blue Boy ถูกนำออกมาประมูลขายในปีนี้ มูลค่าของชิ้นงานอาจพุ่งสูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ไม่แน่ว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของอังกฤษ จะมีเงินมากพอต่อสู้กับทุนของต่างชาติได้อยู่ดี

แม้จะไม่สามารถเก็บงานศิลปะหรือซื้อภาพวาดเด็กชายสีฟ้ากลับมาอย่างถาวร แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่ในปีนี้ (2022) The National Gallery ของอังกฤษสามารถติดต่อขอยืมภาพวาด The Blue Boy กลับมาจัดแสดงในประเทศได้เป็นการชั่วคราว ถือเป็นครั้งแรกในรอบ100 ปี ที่เด็กชายคนนี้ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเก่า โดยงานศิลปะที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ จะถูกนำมาจัดแสดงที่ The National Gallery จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2022

ถ้าลูกเพจท่านอยู่ที่อังกฤษอย่าลืมแวะไปชมผลงานหายากชิ้นนี้กันนะคะ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

894 Nameless Fanboi Posted ID:cUUHPoVXAJ

ช่วงนี้เห็นคนใกล้ๆ ตัว รวมถึงคนในห่างตัวเท่าไหร่ ใน FB โพสท์ถึงเรื่อง "อาการซึมเศร้า" และ "โรคซึมเศร้า" มากขึ้น อาจจะเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น .....
ผมขอเสริมอะไรสั้นๆ ตรงนี้ นิดหน่อย
การคุยกับคนเป็นโรคซึมเศร้า หรือมีอาการซึมเศร้า บางทีต้องเลือกคำให้ดี .... คำให้กำลังใจแบบไทยๆ (รวมถึงแบบญี่ปุ่นๆ ที่เราอาจจะติดมาจากการอ่านการ์ตูน) หลายคำ นี่อาจจะส่งผลแย่ต่อจิตใจคนที่ฟังก็ได้นะ ทั้งที่คนพูดน่ะหวังดีอยากให้กำลังใจ
ผมขอยกตัวอย่างคำหนึ่ง คือ
"สู้ๆ ครับ/ค่ะ" (ไทยๆ ใช้กันบ่อย) และ
"พยายามเข้านะครับ/ค่ะ" (อันนี้ญี่ปุ่นจ๋า)
คนเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการซึมเศร้าหลายคน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สู้นะ เขาสู้ และบ่อยครั้งสู้จนเหนื่อยแล้ว การที่บอกว่าให้สู้ๆ นี่บางทีเขาจะรู้สึกนะ ว่าเขายังสู้ไม่พออีกเหรอ เขาเหนื่อยแล้วล่ะ
เช่นเดียวกับคำว่า "พยายามเข้านะ" ที่บางคนรู้สึกว่าพยายามหนักมาจนเหนื่อยแล้ว
ทั้งนี้ ต้องเข้าใจก่อน ว่าผมไม่เคยเคลมว่า "คนเป็นโรคซึมเศร้า สู้ชีวิตหนักกว่าคนอื่น" และเข้าใจว่า "คนที่มีชีวิตลำบากกว่า Mr. ABC ที่เป็นโรคซึมเศร้า" มีเยอะแยะเช่นเดียวกัน
มันเป็นคนละเรื่องกันเลยนะ … และการเปรียบเทียบอะไรแบบนี้หรือชี้ให้เห็น fact เรื่องนี้ มันไม่เคยช่วยอะไรเลย
ถ้าสังเกต comment ... เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเป็นโรคซึมเศร้าบ่นอารมณ์จิตตก เหนื่อย ฯลฯ อะไรแบบนี้ อย่าไปบอกเขาเลยว่า
"สู้ๆ"
"พยายามเข้านะ"
"เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
เรื่องพวกนี้เขารู้ดีอยู่แล้ว เขาสู้ของเขาอยู่แล้ว เขาพยายามของเขาอยู่แล้ว และไอ้เรื่องที่ว่าเดี๋ยวเวลามันก็ทำให้ทุกอย่างมันก็ผ่านไป น่ะมันก็สัจธรรมที่เขาก็รู้อยู่แล้วน่ะแหละ ... ไม่งั้นเขาคงไม่รอดไม่ผ่านมาถึงจุดนั้นๆ หรอก ....
สิ่งที่เขาอาจจะไม่รู้ หรืออย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเท่าไหร่ในขณะนั้น (คือบางทีมันรู้ทั้งรู้แหละ แต่มันไม่ค่อยรู้สึกในขณะนั้น) …. คือ มีกี่คนที่ยังเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ มีกี่คนที่อยากรับรู้ปัญหาของเขา .... มีใครบ้างไหมที่เข้าใจเขา ไม่ได้ปล่อยหรือทิ้งให้เขาสู้ เขาพยายาม อยู่ลำพัง และบอกว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น .....
คำพูดที่ผมกล่าวมาเหล่านี้ ไม่เพียงแต่อาจจะทำให้เขารู้สึกแย่ลงอย่างที่ผมบอกแล้ว ยังอาจทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีใครสักคนที่อยากรับรู้อะไร หรือเข้าใจเขาเลย มีแต่พูดผ่านๆ ไปตามมาตรฐานแบบนั้นแหละ
คนพูดบางคนอาจจะบอกว่า "แต่นั่นเป็นการแสดงว่าเราเป็นกำลังใจให้อยู่นะ" หรือ "เราก็แค่อยากให้เขารู้ว่ามีเราอยู่ตรงนี้นะ" ....
ก็ต้องเรียนว่า "ผมไม่มีประเด็นเรื่องเจตนานะครับ" ..... แต่ถ้านั่นคือเจตนา .... ข้อความที่ท่านเลือก .... หลายกรณีมันส่งผลตรงข้ามกับเจตนาท่านอ่ะครับ
เอาจริงๆ แล้ว ถ้าเจตนาท่านเป็นเช่นนั้น ก็บอกว่า "ระบายได้นะ เราฟัง" หรือแค่ "เป็นกำลังใจให้นะ" จะตรงจุดกว่าเยอะ และดีกว่าเยอะมาก
ว่าจะเขียนสั้นๆ .... ยาวอีกล่ะ ฮ่วย

895 Nameless Fanboi Posted ID:ABSMhajSJj

ทำไมคนในยุคนี้ถึง .. "ยากมากๆ" .. ที่จะมีรายได้หรือรวย มากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ของเรา (เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ)
.
มีการศึกษาและผลสำรวจที่นำเสนอออกมาใน The Economist ว่า
.
โอกาศที่ คนที่เกิดในชนชั้นล่าง 5% ที่จนที่สุด ... จะสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และสามารถผลักตัวเอง จนข้ามไปเป็นชนชั้นคนรวยที่สุดของสังคม Top 5% ได้ // ในประเทศของตัวเองได้นั้น ...
ตัวเลขความเป็นไปได้ในความเป็นจริง มีเท่ากับดังนี้ :
.
- ใน UK มีโอกาศแค่ 9%
- USA มีโอกาศประมาณ 7.5%
- Denmark ประมาณ 11.6%
- Canada ประมาณ 13%
- ส่วนในประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาส่วนมากนั้น ในผลสำรวจไม่มีตัวเลขรองรับ แต่คาดกันว่าน้อยกว่า 1% (ไทยเราอยู่ในกลุ่มนี้)
.
แปลอีกอย่างคือ .. ถ้าคุณเกิดมาจน และ + ยิ่งโดยเฉพาะถ้าไปเกิดในประเทศที่จน .. โอกาศที่คุณจะจนต่อไปจนถึงช่วงที่คุณแก่ .. จะมีสูงถึงเกือบ 99%
(แน่นอน มันมีกรณีตัวอย่างที่สามารถ พาตัวเองทะลุข้ามชนชั้นและสะสมความมั่งคั่งไปได้ แต่ถือเป็นส่วนน้อยมากของสังคม) ...
.
สาเหตุหลักของเรื่องเหล่านี้คือ
1. ระดับของรายได้ที่ต่างกันเกินไปจากรุ่นพ่อแม่ (เมื่อถอดเทียบทอนอัตราเงินเฟ้อลงไปแล้ว เด็กสมัยนี้เรียนจบใหม่ รายได้น้อยกว่าคนรุ่นพอ่แม่ในวัยเดียวกัน 3-4 เท่า โดยเฉลี่ย)
2. การกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมในหลายๆสังคม โดยเฉพาะประเทศที่มีการผูกขาดโดยกลุ่มทุนยักใหญ่สูงๆ
3. ประสิทธิภาพของการกระจายผลประโยชน์ที่ภาครัฐได้รับผ่านภาษี กลับคืนสู่สังคมในรูปของ สวัสดิการภาครัฐต่างๆ เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล ระบบโครงสร้างคมนาคมที่เอื้อให้ลด คชจ ของคนในประเทศนั้นๆ
.
ใน US ปี 1975 .. สัดส่วนของคนรวยที่สุด 1% ของประเทศ .. จ่ายภาษีเป็นสัดส่วน 9% ของภาษีรวมที่เก็บได้ทั้งประเทศในแต่ละปี
และมาถึงปัจจุบันปี 2018 ตัวเลขนี้กลายเป็น 22% ... (คนรวย รวยขึ้นกว่าเดิมมาก หรือไม่ก็ คนรวยจ่ายภาษีเป็น % เยอะขึ้น)
คำถามคือประเทศของเราตอนนี้ ตัวเลขพวกนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ?
.
สถิติที่น่าสนใจคือ
- ในยุคของหลังสงครามโลก (1940-45) เพิ่งจบลง ... เด็กที่เกิดใน US ช่วงนั้น มีโอกาศสูงถึง 90% ที่เมื่อเขาเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไป จะสามารถตั้งตัวและร่ำรวยกว่าคนรุ่นพ่อแม่ของเขาได้
- แต่ตัวเลขนี้ลดลงตลอดมาใน US ... เด็กที่เกิดในปี 1955 ... โอกาศจะอยู่ที่ 70%
- เมื่อมาถึงปี 1970 ... โอกาศลดลงมาที่ 60%
- และในปี 1980 .. เด็กที่เกิดใน US ช่วงนั้น โอกาศที่จะรวยกว่ารุ่นพ่อแม่ลดลงมาเหลือ 50%
- และเมื่อมาถึงปัจจุบัน .. ตัวเลขนี้ยิ่งลดลงต่อเนื่องกว่าเดิมเข้าไปอีก
- ขนาดในประเทศพัฒนาแล้วอย่าง US, UK, Europe ยังเห็นตัวเลขที่น่ากังวลขนาดนี้ / ประเทศแถบกำลังพัฒนาอย่างเราๆ ยิ่งหนักหนากว่าอย่างเทียบไม่ติด ...
.
ตัวช่วยเรื่องนี้ .. ที่เป็นทางเลือกเพียงไม่กี่ทาง ของคนที่เกิดมาจนแต่เกิด เพื่อจะพาให้คนเหล่านั้นทะลุกำแพงนี้ไปได้ คือ "การศึกษา"
.
ใน UK ปี 2016
- 40%ของการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อใน Cambridge, Oxford มาจากนักเรียนในกลุ่ม รร เอกชน (ลูกคนมีเงิน)
- และใน UK มีพ่อแม่ที่สามารถส่งลูกเรียน รร เอกชนเหล่านั้นได้ มีเพียงแค่ 6.5% ของประชากรเท่านั้น (แปลว่าคนส่วนน้อยที่รวยแล้ว ยังได้รับอภิสิทธิ์โอกาศส่งลูกเข้าเรียนต่อมหาลัยชั้นนำ โอกาศสูงกว่าผู้อื่นอีก)
- แต่พอมาในปี 2020 ใน UK ตัวเลขของการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อใน Cambridge, Oxford จากกลุ่ม รร เอกชน ลดลงเหลือ 30.4% (ตัวเลขดีขึ้น แสดงถึงความพยายามในการลดความเหลื่อมล้ำได้ผลขึ้นบ้าง ก็ยังดี / แล้วของประเทศเราละ เป็นอย่างไร ?)
.
ผลสำรวจใน US ปี 2014-2019
- 43% ของนักเรียนที่ถูกรับเข้าเรียนต่อใน Harvard University เป็นเด็กพิเศษ (เด็กที่ถูกเสนอชื่อจาก Dean, และเด็กเส้นลูกคนมีฐานะหรือมีชื่อเสียง)
- วงจรนี้แสดงถึง วงจรที่ยากก้าวผ่านของสังคม นั่นคือ "ถ้าคุณเกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่รวย มีโอกาศสูงมาก ที่คุณจะสามารถเรียนจบและจบจากสถาบันช้ันนำของประเทศ .... และจะส่งผลให้โอกาศทางสังคมจะสูงกว่าผู้อื่น" "ในขณะที่ ถ้าคุณเกิดมาในครอบครัวที่จน โอกาศสูงที่คุณอาจจะเรียนไม่จบ และจมอยู่กับสถานะทางสังคมชั้นล่างต่อไป"
- ต้นทุนทางบ้าน ส่งผลต่อต้นทุนการศึกษาของลูก และส่งผลต่อต้นทุนทางสังคมของลูก และยิ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังต้นทุนการสร้างต่อยอดรายได้ของลูก ..

896 Nameless Fanboi Posted ID:ufivLU6v+h

>>895 สรุปถ้ากากเกิดที่ไหนก็จน

897 Nameless Fanboi Posted ID:yroMjsEKz0

>>895 ข้อมูลโตครมโน ขายฝันสุดๆ

898 Nameless Fanboi Posted ID:rIdiEs3F+W

>>895 >>896 >>897 กูเข้าใจ มันเป็นกันทั้งโลก มันถึงได้มีปรากฏการณ์ Gen Z เรียกหาสังคมนิยมกันเพียบ เพราะคนรุ่นนี้โอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวยากกว่ารุ่นพ่อแม่ มองไปทางไหนก็เจอคนจับจองพื้นที่หมดแล้วน่ะ

899 Nameless Fanboi Posted ID:44TAN.kf08

“เรารู้จักมุสลิมดีๆ ตั้งหลายคน”
สหาย ดูดีๆ มุสลิมที่ดีคือมุสลิมที่มีความเป็นมนุษย์มากกว่าความเป็นมุสลิม

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

900 Nameless Fanboi Posted ID:41Zx/Ki3Ro

ไม่ใช่ความผิดฝ่ายค้านในกรณีที่สภาล่ม เพราะทุกครั้งการออกฎหมายและรับรองกฎหมายส่วนใหญ่จะผ่านโดนเสียงฝ่ายรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัย ฝ่ายค้านที่เสนอกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรก็จะถูกตีตกทุกครั้ง นั่นหมายความว่า เป็นสิทธิและหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลในการออกกฎหมายและอนุมัติกฎหมายนั้นเสมอ

และฝ่ายค้านมีแค่หน้าที่เป็นปากเป็นเสียงในการคัดค้านกฎหมายบางรายการหรือนโยบายบางอย่างเท่านั้น แต่ทุกครั้งจะถูกปัดตกเสมอเพราะฝ่ายรัฐบาลจะถือเสียงข้างมาก

จากการที่สภาล่มในครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ฝ่ายรัฐบาลนอกจากไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ก็ส่งเสริมฝ่ายค้านเพื่อต่อต้านเผด็จการ หลายคนในฝ่ายรัฐบาลที่ตั้งใจไม่ร่วมสังคกรรมในการเข้าร่วมประชุมรัฐบาล เป็นการแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า ประยุทธ ควรไปจากประเทศไทย รวมไปถึงสถาบันที่หนุนหลังประยุทธก็เช่นกัน ควรออกไปจากประเทศไทยได้แล้ว

901 Nameless Fanboi Posted ID:xo/ZWIUaG2

>>900 ปกติสภาล่มมักมาจากเสียงส่วนใหญ่ขาดประชุมซึ่งก็คือฝั่งรัฐบาลนะ ดูได้จากสมัย ปชป เป็นฝ่ายค้าน เวลาล่มนี้ฝั่งรัฐบาลหายหัวประจำแม้กระทั่งนายกก็โดดร่ม

902 Nameless Fanboi Posted ID:vJmc88UqqK

มีคนบอก "อยู่ประเทศนี้ลำบากย้ายประเทศดีกว่า !!!"
ตอบ ถ้าคุณเก่งอยู่ประเทศไหนก็ต้อนรับคุณ! ถ้าไม่มีความรู้ก็ไม่มีใครต้องการคุณครับ นี่คือสัจธรรม ถ้ามีความรู้บริษัทก็ง้อคุณให้เงินเดือนคุณสูงๆ ถ้าไม่มีความรู้ไม่มีที่ไหนต้องการครับ เพิ่มความรู้ดีกว่า!!! อยู่บ้านนอกก็รวยได้ครับ

903 Nameless Fanboi Posted ID:5PquTDuWXF

พอเพียงตามรอยพ่องดิ๊ กร๊ากกกก 5555

904 Nameless Fanboi Posted ID:5PquTDuWXF

ไม่มีความรู้ก็ไม่มีที่ไหนต้องการ แต่ถึงโง่ขนาดไหน ถ้ารักพ่องหลิ่มก็ต้องการนะ 555555555555555555555555555555555555

905 Nameless Fanboi Posted ID:Rv3BgbEG5V

คุยกับสหายธรรมชาวทิเบต เคยไปอยู่ภูฏานเพื่อเรียนคำสอน เลยได้ความรู้เรื่องดาร์คๆ ของภูฏาน
.
ผม : ที่ภูฏานมีการอุ้มหายไหม? นักโทษการเมือง มีคุกไหม?
.
เพื่อน : อ๋อ มี แต่ที่นั่นเขาไม่มีคุกนะ เขามีแต่ศูนย์อบรม ใครทำอะไรผิดก็เข้าศูนย์อบรม ไปทำสาธารณประโยชน์ ไปปรับความเข้าใจฯลฯ
.
ผม : แล้วนักโทษการเมืองล่ะ พวกออกแนวชูสามนิ้วภูฏานไรงี้
.
เพื่อน : ก็มี เขาก็จะเอาไปเข้าศูนย์อบรม ตอนผมอยู่บางทีก็มีรถตำรวจเข้ามา แล้วก็พาคนแถวๆ นั้นขึ้นรถไป พาไปอบรม แต่ไปนานหน่อย
.
ผม : อ๋อ เป็นเดือนๆ เป็นปีไรงี้?
.
เพื่อน : เปล่าครับ บางคนหายไปนานจนญาติลืมไปแล้วก็มี
.
ผม : .........
.
เพื่อน : แล้วก็บางคนก็จะถูกพาไปมีความสุข ไปพบความสันติ
.
ผม : ยังไง พาไปมีความสุข ?
.
เพื่อน : พาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า............
.
ผม : ไปยังไงอะ นั่งสมาธิ ฝึกปฏิบัติธรรม?
.
เพื่อน : เปล่า โยนลงแม่น้ำ ให้เขาได้ทำบุญ บริจาคร่างกายเป็นอาหารปลา
.
ผม : ................โอเค
.
(มีอีกเยอะเลย ทั้งเรื่องสินค้ามีอยู่แบรนด์เดียวคือแบรนด์ของราชวงศ์ ประชาชนห้ามใส่เสื้อต่างชาตินอกจากเสื้อผ้าพื้นเมืองภูฏาน รัฐบาลจัดสรรที่ดินทำกินให้แต่ผลผลิตต้องขายให้รัฐในราคาถูก แล้วรัฐก็จะเอามาขายคืนให้คุณเอาไปใช้อีกที
.
ถ้าสามนิ้วภูฏานเป็นพระ ก็จะนิมนต์ให้สึก สึกแล้วค่อยพาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า)

906 Nameless Fanboi Posted ID:L3p4aA1GsQ

ทำไมเวลา สศจ. วิจารณ์เสื้อแดง ต้องมีคนสงสัยว่าเป็นตัวปลอม เฟซโดนแฮก ไปจนถึงเป็นติ่งส้มอะไรพวกนี้ ทั้งที่ความเป็นจริง สศจ. แกพร้อมเผชิญหน้าทุกคนที่แกต้องการ หากแกเห็นว่าต้องวิจารณ์อ่ะครับ

907 Nameless Fanboi Posted ID:4uSLpKaVO6

ชะตากรรมคู่แฝดมรณา
ฉากต่อไปบริษัทคู่แฝดมรณาน่าจะถูกดำเนินคดี เพราะว่าสร้างข้อมูลการทดลองเชิงคลีนิคที่เป็นเท็จเมื่อตอนส่งรายงานให้กับหน่วยงานอย. เพื่อขออนุมัติการใช้มรณาเป็นกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลที่ตกแต่งนี้ไม่ยอมเปิดเผยสาธารณะ อย.ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ทำให้มีคนไปทำการฟ้องร้องต่อศาลผ่านกฎหมายข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากเห็นว่าผลข้างเคียงของมรณารุนแรงมาก ป่วยหนักก็มีมาก ลาจากโลกก็มี ปรากฎว่าศาลสั่งให้เปิดเผยข้อมูล แต่เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจกั๊กเรื่องเอาไว้ ค่อยๆปล่อยข้อมูลที่ละช็อต ข้อมูลเท่าที่เปิดเผยมาพบว่ามีการตกแต่งเสริมความงามเกินจริง เมื่อเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปว่ามรณาใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อขายของจะโดนดำเนินคดีฟ้องร้องความเสียหาย ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารมรณาจึงมีการขายหุ้นทิ้ง โกยเงิน แล้วแจวเรือหนี สาเหตุที่ต้องมีมรณาคู่แฝดจะได้ทำให้การผูกขาดดูไม่น่าเกลียด

13/2/2022

908 Nameless Fanboi Posted ID:S99WR7NbJK

>>906 ใช่ ทอนกับปิแยร์โดนอาจารย์ด่าตั้งเยอะกว่าที่จะเล่นเรื่องสถาบัน

909 Nameless Fanboi Posted ID:bmxcHkca5S

ลูกล้มเจ้าพ่อระทมนั่งอมทุกข์
ลูกติดคุกต้องคดี พ่อซี้แหง๋
ลูกยอสอตอนอ พ่อไม่แคร์
พ่อกับแม่ก็เล่นสดบทแตกใน (ฮา)

910 Nameless Fanboi Posted ID:oaGJzU0E57

ลูกรักพ่องพ่องไม่สนจนคนคลั่ง
ขว้างขวดปังดังลงพื้นสะอื้นหา
พ่องอยู่ไหนชูรูปไว้ในใจกล้า
พ่องรักหมามากกว่ามึงลูกหัวควย
5555555555555555555555

911 Nameless Fanboi Posted ID:uFWO4oh8pt

ให้เงินคนฉลาด 3หมื่น เขาจะกลับมาพร้อมกับเงิน3แสน
ให้เงินคนดำ3หมื่น เขาจะกลับมาพร้อมกับเงิน3แสนเช่นกัน แถมปืนอีก1กระบอก

912 Nameless Fanboi Posted ID:cm9ZCujh9I

Sex creator sex worker เหี้ยห่าเหวอะไร กระแดะชิบหาย เรียกกะหรี่ หรือ ขอซื้อ ทำหื่นใส่ ก็โกรธ ด่าว่า SH หีแตดอะไรไปเรื่อย

สรุปแล้ว อาชีพที่มึงทำ มันดีหรือไม่ดีวะ ถึงอยากให้สังคมย่อมรับ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

913 Nameless Fanboi Posted ID:34a6kn6V2J

https://www.facebook.com/100044339710592/posts/493789492109037/?d=n

แต่มึงก็เป็นส่วนนึงที่โพสต์ความสำเร็จแล้วทำให้คนอื่นเขากดดันไม่ใช่เหรอว่านายอุ้ม

914 Nameless Fanboi Posted ID:yM2PiF+siW

>>912 เขาขายคลิป ไม่ได้ขายตัว

915 Nameless Fanboi Posted ID:x6DRRvjhyQ

เรื่องเปลี่ยนชื่อกรุงเทพภาษาอังกฤษจาก Bangkok เป็น Krung Thep Maha Nakhon ไม่ใช่เรื่องแค่ตลกอย่างที่เราคิดนะครับ

เพราะเมื่อมันเป็นมติ ครม. และประกาศของราชบัณฑิตฯ

เท่ากับว่า หน่วยงานราชการทั้งหมดต้องปฏิบัติใช้ตาม ตามระเบียบสารบรรณฯ ของสำนักนายกฯ

เมื่อทุกหน่วยงานราชการต้องปฎิบัติตาม เท่ากับป้ายทั้งหมดของราชการ ต้องเปลี่ยนตาม

คิดเป็นเงินเท่าไร ไม่อยากนับ ค่าทำป้ายเนี่ย

นอกจากนี้ ต่อไปในเอกสารราชการ ต้องเปลี่ยนจาก Bangkok เป็น krungthep Maha Nakhon จาก 7 ตัวอักษร เป็น 19 ตัวอักษร (รวมช่องไฟ 2 ช่อง เป็น 21 ตัวอักษร)

พื้นที่กระดาษและหมึกที่จะต้องเสียเพิ่มเติม คือ 3 เท่าตัว

ในปี 2014 มีงานวิจัยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนฟอนต์จาก Times New Roman เป็น Garamond ที่บางลง สามารถประหยัดเงินค่าหมึกพิมพ์และกระดาษไปได้ 234 ล้านดอลลาร์

ถ้าไทยจะต้องเปลี่ยนคำว่า Bangkok ทุกคำเป็น Krungthep Maha Nakhon จะสิ้นเปลืองเพิ่มปีละเท่าไร?

916 Nameless Fanboi Posted ID:RR5kpknlCW

>>915 จริง โคตรสิ้นเปลืองเลย แล้วชื่อ Bangkok มันก็ไม่เสียหายตรงไหน

917 Nameless Fanboi Posted ID:Bn8Hbc3Vul

จะชื่ออะไรสุดท้ายพ่องก็ไม่อยากอยู่เหมือนเดิม ไปเยมันดีกว่า 555

918 Nameless Fanboi Posted ID:lXbh26KX6C

>>916 จริง ใช้คำว่า bangcock ดีกว่า

919 Nameless Fanboi Posted ID:bAe7tT2pjx

กำเนิดในฝูงสัตว์ร้าย ไร้ซึ่งทางเลือก ทำตามคำสั่งต้องฆ่าฟัน ถูกโซ่ตรวนจองจำ ได้เติมตัวความหิวโหย แต่มันยังคงหลงเหลือ ไม่ได้ถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตแบบนี้ ถูกนำโดยจ่าฝูงผู้มืดบอด เตรียมตัวออกจากฝูง ได้เวลาทิ้งมันไว้เบื้องหลัง ปลดเปลื้องออกจากความเจ็ดปวดที่เคยมีมา ไม่ฝ่าฟัน ไม่มีวันเติบโต ตอนนี้ข้าเป็นนายของตัวเอง รับแผลเป็นบนใบหน้า ปาดคราบเลือดภายใต้หมู่ดารา ข้าจะต้องอยู่รอด ฟังเสียงข้าเห่าหอน ถึงเวลาทิ้งมันไว้เบื้องหลัง ข้าเป็นนายของตัวเอง

920 Nameless Fanboi Posted ID:YDocQMaWUa

>>919 >>>/webnovel/

921 Nameless Fanboi Posted ID:6rtmK4t09X

กรุงเทพฯ เมืองที่มีชื่อซับชื่อซ้อน

นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน "เล่นๆ" ของผมเท่านั้น เพราะผมสนุกกับการเดานิรุกติศาสตร์ทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะรากเหง้าไทยๆ ที่มันคลุมเครือละหาหลักฐานได้ยาก จึงได้ไม่มีเบื่อ

ชื่อกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน

คำ "กรุง" เป็นภาษาเขมร ปัจจุบันหมายถึงเขตปกครองประเภทหนึ่งของกัมพูชาในทำนองว่าเมืองใหญ่หรือเทศบาล แต่โบราณ "กรุง" ยังหมายถึงราชอาณาจักร/ประเทศ เช่น กรุงกัมพูชาธิบดี

"เทพ" ผมคิดว่าน่าจะสืบทอดจากขนบความเชื่อเรื่อง "เมืองเทพนคร" ซึ่งพระเจ้าอู่ทองทรงอพยพมา แล้วมาตั้งเมืองใหม่คืออยุธยา

"มหานคร" คือเมืองใหญ่ แต่ผมยังคิดว่ามันสะท้อนเรื่องขนบการเรียกเมืองหลวงว่า "พระนคร" โดยรับสืบทอดมาจากเมืองพระนครธม

แต่รากเหง้าชื่อของ "กรุงเทพมหานคร" มันไม่ได้มีแค่นี้ มันมาจากชื่อเต็มว่า "กรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีอยุธยา"

ชื่อยาวๆ นั้นสืบทอดมาตัั้งแต่สมัยอยุธยา

อย่างที่สันนิษฐานว่า "เทพ" มาจาก "เทพนคร" เมื่อพระเจ้าอู่ทองทรงตั้งเมืองใหม่คือ "อยุธยา" แล้ว ในกาลต่อมายังผนวกชื่อเดิมของเมืองใหญ่แถบนั้นมาด้วย คือ "ทวารวดี"

เมืองทวารวดีเดิมนั้นยังไม่ทราบว่าที่ใด ทั้งสุพรรณหรือละโว้หรือนครชัยศรี แต่ชวนให้เดาได้ว่าพอเมืองเดิมสิ้นอิทธิพลแล้ว อยุธยาเป็นใหญ่ขึ้นมา ก็ผนวกชื่อทวารวดีมาสืบทอดไป

เทพนครนั้นคือเมืองหลวงเดิมทางเหนือคือกำแพงเพชร ทวารวดีคือเมืองใหญ่ทางใต้ สร้างนครรัฐ/ประเทศขึ้นมา จึงใช้คำว่า "กรุง"

สมัยอยุธยานั้นเรียกทั้งกรุงศรีอยุธยา กรุงทวารวดี อาจมีเรียกกรุงเทพเป็นครั้งคราว พม่านั้นเรียกอยุธยาว่า "ทวารวดี" อยู่เนืองๆ

กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยานี้สืบทอดต่อมา แม้กรุงจะสิ้นสูญเพราะพม่า แต่พระราชวงศ์ใหม่มาตั้งเมืองที่ธนบุรี แล้วย้ายมาที่ฝั่งตรงข้ามโดยเรียกว่า "กรุงทวารวดี" (ดังปรากฎตัวอย่างในจดหมายความทรงจำเจ้าครอกวัดโพ)

บางครั้งเรียกว่า "กรุงศรีอยุธยา" ซึ่งใช้คำนี้บ่อยกว่า เพื่อแสดงว่าเมืองบางกอกนี้คือกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาไม่ขาดตอน

ดังนั้นเมื่อเรียก "กรุงเก่า" ในเอกสารสมัยก่อนก็จะเรียกว่า "กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาเก่า"

ชื่อประเทศนั้นเห็นเรียกว่า "กรุงศรีอยุธยา" และ "กรุงเทพมหานคร" ชื่อนี้คงจะหมายถึงเมืองหลวงด้วย

จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็เริ่มจะละการเรียกว่ากรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา มาใช้ว่าประเทศสยาม และหลังจากนั้นคำว่า "กรุงเทพมหานคร" ก็หมายถึงเมืองบางกอก ไม่ได้หมายรวมถึงประเทศอีก

ดังในประกาศสมัยรัชกาลที่ ๔ กล่าวว่า "กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยาที่เรียกว่าบางกอก"

จบการสันนิษฐานแต่เพียงเท่านี้แล

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

922 Nameless Fanboi Posted ID:oDzEy.UfrO

>>919 อิหยังวะ

923 Nameless Fanboi Posted ID:FQdYzzySJL

ถ้าบอกว่าสนามบินสุวรรณภูมิใช้ Bhumi ถูกแล้ว กรุงเทพก็ควรใช้ Deva นะ
เนี่ยเห็นปัญหามั้ย
ส่วนตัวแม้ว่าจะเป็นคำสันสกฤติ แต่การออกสเสียงมันเป็นไทยเรียบร้อย การแก้เป็น Suvarnabhoom/phoom ไมใช่เรื่องที่ไม่ควรคุยอะไรเลย และควรด้วยซ้ำ
ทำไมคนชื่อ ภูมิ ถึงไม่มีใครใช้ Bhumi (ยกเว้นคนนึงอีก) เนี่ยมันคือปัญหานะ
ถ้าบอกเราควรยึดให้ถูก กรุงเทพ ก็ควรใช้ Krung Deva นะ
แต่ไม่แก้ก็ได้ ก็จะเป็น สุวันนาบ่าฮู้มี่ แอร์พอร์ทต่อไป ก็มีมดี

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

924 Nameless Fanboi Posted ID:AdXh.EsItd

>>923 มันไม่มีเพราะคนตั้งไม่รู้ไง ขนาด Phuket เขียนให้ถูกคือ Bhuket หรือเรื่อง Joke ที่สาวไทยมีคำว่า "พร" เวลาไปเรียน-ไปทำงานที่โลกตะวันตกแล้วโดยฝรั่งล้อเพราะพ้องกับคำว่า "Porn" ก็มีคำแนะนำมาสักพักละ แก้เป็น "Bhorn" ได้ จะได้ไม่โดนล้อ แต่ก็นั่นละ ใช้กันมานานจนเป็นวิถีชีวิตแล้ว เคยชินแล้ว และไม่เปลี่ยนมันก็ไม่กระทบอะไรเท่าไร เลยไม่เปลี่ยนกัน

925 Nameless Fanboi Posted ID:n8X7tBJ8bR

>>923 จริงๆ phoom ก็ใช้ไม่ได้นะ เพราะ ph มันคือเสียง ฟ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นฟูมไป อย่างน้อยถ้าจะเลือกใช้ p ก็ต้องสะกดว่า poom จะตรงเสียงกว่า อย่างภูเก็ตนี่ก็เหมือนกัน ก็ตามที่ >>924 บอกเลย

926 Nameless Fanboi Posted ID:M65q.B5veR

ภูมิ - Bhumi กูเห็นใช้กันเยอะแยะ

927 Nameless Fanboi Posted ID:Z7/bR2sUWo

>>926 ใช้ตามรุ่นก่อนไง

928 Nameless Fanboi Posted ID:6jmXpnBT6h

ฟัก
พร
คอก
แคม
ปู พู (=ขี้)
พี่ ปี (=เยี่ยว)

929 Nameless Fanboi Posted ID:.agECOxlcZ

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงปูเนื้อเรื่องแบบนี้ มันกลายเป็นการชี้น้ำว่า โลกนี้มีแค่ UBI และ¹ "อย่างอื่น" ที่ไม่ใช่ UBI แต่เป็นสิ่งลอยๆ เรียกว่า "รัฐสวัสดิการ" มีลักษณะสำคัญคือมันเป็น conditional transfer

ซึ่งมันเป็นการบิดเบือนความจริงที่ว่า มันมี alternative อื่น ๆ ในการดำเนินนโยบายรูปแบบ unconditional transfer อีกเยอะแยะ เพราะมันก็เป็นที่ทราบกันดี ใน literature ที่เกี่ยวข้องว่า มันไม่เคยมี UBI program ที่ funding ได้ด้วยระบบภาษีได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีกรณีศึกษาอื่น ๆ ที่เป็น unconditional transfer และเป็นนโยบายที่มีลักษณะใกล้เคียง หรือ partially UBI

นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงเกณฑ์การแบ่งประเภทนโยบายด้านรัฐสวัสดิการ มันควรจะเป็นการแบ่งที่ intersection ของ conditional and unconditional transfer (ซึ่งถ้าให้แยกไปอีก อาจจะเป็น tax based or benefit based ได้อีก)

ดังนั้นแล้ว การแบ่งที่ควรจะเป็น น่าจะเป็น conditional transfer vs unconditional transfer เสียมากกว่าการแบ่ง UBI vs “รัฐสวัสดิการ” ที่แปลว่า conditional transfer

ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในเชิง techincal เรื่องนี้มันซับซ้อนมากกว่าที่คิด เขาพบว่าต้นทุนในการทำ UBI มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องง่าย ๆ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ แบบที่คำผกาอธิบาย แต่ว่ามันเกี่ยวข้องกับโครงสร้างประชากร ระดับรายได้โดยรวมของประเทศ หรือระดับภาษี ในรายงาน world bank เกี่ยวกับ UBI ก็พบว่า ต้นทุนการใช้จ่ายของ UBI ในประเทศที่รายได้สูง มีแนวโน้มที่จะต่ำกว่ารชประเทศที่มีรายได้ต่ำ และ ถ้าหากว่าประเทศรายได้สูง เช่น อังกฤษ หรือฝรั่งเศส ลดระบบสวัสดิการทั้งหมดที่มี แล้วมาใช้ UBI ก็แทบจะไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มเลย ในขณะที่ยิ่งประเทศรายได้ต่ำ ทำเหมือนกัน กลับมีต้นทุนส่วนเพิ่มขึ้นมาได้

930 Nameless Fanboi Posted ID:U8pqGeYMPt

>>928 ชิต = ขี้

>>929 จะรัฐสวัสดิการหรือ UBI ยังไงมันก็เป็นเรื่องของ ปท. พัฒนาแล้ว ที่ 1.รายรับสูงกว่ารายจ่าย และ 2.มีประชากรไม่มาก ต้องมีทั้ง 2 ข้อประกอบกันด้วยนะ ขาดข้อใดข้อหนึ่งก็ลำบากละ ปท. กำลังพัฒนา แม้ประชากรไม่มาก แต่ถ้ารายได้ไม่สูงกว่ารายจ่ายมากพอสมควรทำมาก็ล่ม หรือประเทศพัฒนาแล้ว แต่ประชากรเยอะมาก ถ้าทำรัฐสวัสดิการเต็มรูปแบบก็ไม่แน่ว่าจะแบกไหวเหมือนกัน ลงท้ายก็เลยทำแค่บางส่วนตามกำลังและความเหมาะสมของแต่ละประเทศ

931 Nameless Fanboi Posted ID:.agECOxlcZ

ทำงานมาสักพักแล้วรู้สึกว่าเรื่องนโยบายจริงๆ มีความซับซ้อน มีรายละเอียดสูง แต่การบทสนทนาส่วนใหญ่จะไม่ลงรายละเอียดนัก นโยบายอาจจะหยาบขึ้น แต่ไปเน้นว่าจะต้องสื่อสารได้ชัด อาจจะเพื่อให้โฆษณาง่ายขึ้นหรือได้คะแนนเสียงง่ายขึ้น (เหมือนในกรณีนี้)

932 Nameless Fanboi Posted ID:.agECOxlcZ

เรื่องสองแก้งค์การเมืองชลบุรีที่กำลังดราม่ากันตอนนี้ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเล่าตำนานต่างๆสมัยผมเรียนอยู่บางแสน
ผมเรียนบางแสนอยู่ 4 ปี เรียนจบก็ทำมาหากินอยู่ที่เมืองชลต่ออีกหลายปี รวมๆกันก็เกิน 10 ปี ชีวิตช่วงนั้นแทบจะกลายเป็นคนถิ่นที่นั่นเพราะรู้จักคนพื้นที่เยอะแยะไปหมด ทำให้รับรู้เรื่องเล่าตำนานเจ้าพ่อท้องถิ่นบ้างตามประสาคนอยู่พื้นที่นาน
อันที่จริงพวกเจ้าพ่อแถวนี้ก็ไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไรหรอกครับ คนนอกพื้นที่มักเข้าใจกันไปเองว่าสมัยโน้นกำนันเป๊าะคุมได้หมดทั้งจังหวัด ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ มันมีเจ้าพ่อกลุ่มอื่นในจังหวัดอยู่ด้วย เพียงแต่อิทธิพลมีไม่มากเท่ากลุ่มคุณปลื้ม และไม่โด่งดังเท่าคุณปลื้มแค่นั้นเอง
(ตระกูลทางแม่ผมก็มีเกี่ยวดองกับเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นแถวนี้ด้วย สมัยผมเด็กๆไปเล่นบ้านแกได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยเรื่องการเมืองกันประจำเพราะมีตำแหน่งฝ่ายบริหารในพื้นที่)
สมัยเมืองชลเถื่อนๆ วันดีคืนดีก็มีข่าวออกทีวีว่าดักยิงกันเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว แล้วไอ้ที่ไม่เป็นข่าวก็อีกหลายเคส อาจจะไม่ใช่การจ้างมือปืนมายิงรูปแบบเดียว รถชนตายก็ได้ รถพุ่งลงข้างทางก็ได้ โดนวัยรุ่นรุมยำจนตายก็ได้ ทำทีว่าคดีลักทรัพย์
คนพื้นที่จะรู้ดีว่าอันไหนตายทั่วไปหรือตายเพราะ "การเมือง"
แต่สมัยนี้เมืองชลอาจจะไม่ได้ wild west เหมือนยุคเก่าแล้ว เจ้าพ่อนักการเมืองท้องถิ่นก็ต้องมีพัฒนาการเรื่องภาพลักษณ์กันบ้าง สมัยที่ผมยังใช้ชีวิตอยู่พัทยา-บางแสน ขับรถผ่านทีไรก็เห็นป้ายนักการเมืองค่ายคุณปลื้มรุ่นใหม่ทรงหล่อพ่อเมืองพัทยา(สมัยนั้น)เป็นประจำจนชินตา แม่งมีแม่ยกเยอะชิบหายเพราะแกหล่อ หน้าตาดี ทันสมัย ดูมีการศึกษา ลุคชนชั้นกลางดีๆเลย
ถึงอาจจะไม่ใช่ wild west เหมือนแต่ก่อนก็ใช่ว่าความขัดแย้งระหว่างกลุ่มก๊กเจ้าพ่อจะหายไป วันนี้เราเห็นแล้วว่าใครกำลังวอร์กับใครด้วยเรื่องอะไร
เห็นมีเปรียบเปรยกันว่ามีแม่ทัพ ขุนศึก เจ้าเมือง ปานนั่งอ่านสามก๊กเวอร์ชั่นคนเมืองชล ก็รอดูกันต่อไปว่าเรื่องจะจบลงแบบไหน
---
เพิ่มอีกนิดจะได้พอเข้าใจว่าทำไมเจ้าพ่อเมืองชลถึงได้ฮึ่มๆใส่กัน
เมืองชลเป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้วยพื้นที่ทางเศรษฐกิจหลายส่วนรวมกัน ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพื้นที่ผลประโยชน์สูงลำดับต้นๆของประเทศ
เมื่อเป็นพื้นที่ผลประโยชน์สูงจึงไม่แปลกที่ใครๆก็ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่เมืองชล (เมืองชลนี่ผมพูดถึงไม่ใช่แค่ตัวเมืองชลนะ พูดรวมทั้งหมดทุกพื้นที่ที่อยู่ในเขตจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง)
การแสวงหาผลประโยชน์ที่มั่นคงที่สุดก็ต้องมีอำนาจทางการเมืองในพื้นที่ ถ้าแบ่งเขตไม่ดี ไม่ลงตัว ก็จะเจอข้อกล่าวหาว่า "ขยายอาณาจักร" แบบที่เราเห็นในดราม่านี่แหละ...
วัดพลังกันไป..

933 Nameless Fanboi Posted ID:FFGZfX7P.2

เวลาได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ใช่ นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดไว้ ถูกตามไล่ล่าโดยสัตว์ร้ายผู้หิวกระหาย นักล่าอันเฉียดฉิวความตาย ใกล้จนสิ้นลมหายใจ กำลังใกล้สิ้นลมหายใจ กฎแห่งธรรมชาติ !!! และมันก็จากไปตอนตะวันขึ้น ด้วยชีวิตที่อยู่บนเส้นด้าย ( มีชีวิต ) ชั่วครู่เดียว (ไร้ซึ่งทางเลือก) คงจะต้องทำตามกฎแห่งวัฏจักร (มีชีวิต) ด้วยชีวิตที่อยู่บนเส้นด้าย (ไร้ซึ่งทางเลือก) ในที่แห่งนี้ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด อะไรจบก็จบไป มีชีวิตรอดเพื่อวันข้างหน้า เกมแห่งชีวิต นักล่ากับเหยื่อผู้ปราดเปรียว มันไม่การันตี ว่าใครจะสำเร็จ ระหว่างผู้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ กฎแห่งธรรมชาติ กฎแห่งธรรมชาติ

934 Nameless Fanboi Posted ID:yli4Ssx95h

>>930 ประเทศพัฒนาแล้วและประชากรไม่มาก
India: am I a joke to you?

935 Nameless Fanboi Posted ID:zBfw/bc8GG

วันนี้อ่านคอมเมนต์ในเวยปั๋ว ปรากฎว่าไม่ใช่คนจีนทุกคนจะเห็นดีเห็นงามกับ "กรณีดอนบัส" ซึ่งปูตินรับรองอธิปไตยให้ (ซึ่งผมคิดว่าเตรียมจะเขมือบอย่างเป็นทางการต่อไปเหมือนที่ทำกับไครเมีย)

เราเห็นปูตินกับสีจิ้นผิงอี๋อ๋อกัน ตกลงจะช่วยสนับสนุนกัน ส่วนชาติตะวันตกก็ปั่นว่าที่รัสเซียกำแหงเพราะจีนช่วยหนุน และที่จีนก้าวร้าวเพราะรัสเซียคอยให้ท้าย

เราคิดว่าคนจีนจะต้องเออออห่อหมกกับการกระทำของรัสเซีย ปรากฎว่าผิดถนัด ท็อปเมนต์จำนวนไม่น้อยในข่าวปูตินวันนี้ ออกไปในทางแขวะหรือด่ารัสเซียเสียด้วยซ้ำ

เท่าที่ผมเห็นไม่ค่อยจะมีคนชื่นชมเลยกับการกระทำนี้ ที่สำคัญคือคนจีนบางคนเห็นว่าการกลืนดินแดนของรัสเซียทำให้หวนนึกถึงชะตากรรมเดียวกับที่จีนเคยถูกรัสเซียทำไว้สมัยราชวงศ์ชิง

บางความคิดว่า ปูติน "ใช้สูตรเดียวกันกับแมนจูเรียนอกและมองโกเลียนอก"

สมัยชิงนั้นจีนเสียดินแดนอันไพศาลให้รัสเซีย คือ "แมนจูเรียนอก" คือภาคอีสานเกือบครึ่งหนึ่งของจีนที่ตอนนี้เป็นภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย พื้นที่ตรงนี้จีนสมัยชิงเสียไป ตอนที่กำลังอ่อนแอหนักเพราะพัวพันกับขบถไท่ผิงทางตอนใต้ พวกรัสเซียก็จัดการเคลมภาคอีสานที่กำลังเปิดช่องพอดี

หลังจากนั้นจีนพ่ายสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 พวกชาติตะวันตกยกพวกกันมาเฉือนจีนคนละชิ้นสองชิ้น รัสเซียแม้ไม่ใช่คู่กรณีก็เข้ามาร่วมวงด้วย ซึ่งราชสำนักชิงก็ดันยอมเสียอีก

อีกส่วนหนึ่ที๋โดนคือ "มองโกเลีย" ซึ่งมีทั้งส่วน "นอก" และส่วน "ใน" หลังสิ้นราชวงศ์ชิงตั้งสาธารณรัฐจีน ดินแดน "มองโกเลียนอก" ฉวยโอกาสประกาศเอกราช รัสเซียก็เข้ามาช่วยหนุนให้แยกตัวออกมาเพื่อจะได้เป็นรัฐบริวารของตน โดยที่สาธารณรัฐจีนประท้วงและเคลมกรรมสิทธิ์เหนือมองโกเลียนอกต่อจากต้าชิง แต่ก็ทำได้เท่านั้น เพราะมองโกเลียนอกเป็นประเทศเอกราชไปเรียบร้อย คือ "ประเทศมองโกเลีย" ในปัจจุบัน ส่วนมองโกเลียในยังเป็นของจีน

ดินแดนอีกส่วนของพวกมองโกลที่ถูกรัสเซียชิงไปคือ "ตูวา" ตอนนี้คือสาธารณรัฐตูวาในสหพันธรัฐรัสเซีย วิธีการที่รัสเซียชิงไปคือฉวยโอกาสตอนที่จีนอ่อนแอ รัสเซียส่งคนเข้าไปอำพรางเป็นพวกเรียกร้องเอกราชในตูวาซึ่งคนในก็ต้องการอยู่แล้วด้วย พวกผู้นำตูวาก็เรียกร้องให้รัสเซียเข้ามา "อารักขา" ด้วย ทำให้รัสเซียมีความชอบธรรม จนกระทั่งตูวาเป็นรัฐอารักขาของรัสเซีย - ถูกกลืนไปเรียบร้อย

จะเห็นว่าวิธีการนี้รัสเซียรุ่นปูตินก็ยังใช้ และใช้มาแล้ว 2 ครั้งกับไครเมียและดอนบัส

นี่คือความขัดแย้งในยุคต้าชิง-หมินกั๋ว แม้แต่ยุคคอมมิวนิสต์ จีนกับโซเวียตก็จูบปากกันได้ไม่นาน ท้ายที่สุดก็ทะเลาะกันเรื่องอุดมการณ์แตกต่างกัน จนกลายเป็นอริ

ระหว่างที่ยังคบกันนั้นคอมมิวนิสต์จีนของให้โซเวียตทบทวนสนธิสัญญาเรื่องชิงดินแดนไม่เป็นธรรม แต่โซเวียตทำเป็นหูทวนลม จีนแม้ไม่พอใจแต่ก็เก็บอาการไว้ จนกระทั่งแตกคอกัน สองฝ่ายก็ปะทะกันด้วยอาวุธเรื่องดินแดนในที่สุด

จีนยืมคำพูดของเลนินมาด่าโซเวียตว่าเป็นพวก "สังคมนิยมแต่ปาก ทำตัวเป็นจักรพรรดินิยม"

เวลาผ่านไปร่วมร้อยกว่าปีแล้วกับความบาดหมางจีน-รัสเซีย แม้จะจูบปากกันอีกในระดับรัฐบาล แต่ประชาชนจีนยังไม่ลืม พอปูตินทำตัวแบบเป็น "จักรพรรดินิยม" เยี่ยงบรรพบุรุษขึ้นมา คนจีนก็ไม่รีรอที่จะด่าปูตินว่าทำตัวเป็นพวกจักรพรรดินิยม

มันมีเรื่องคาใจกันแบบนี้ จึงเป็นเหตุให้เราเห็นว่า "คนจีนต้องเชียร์รัสเซียแน่ๆ " เป็นมายาคติทางการเมืองเรื่องหนึ่ง

แผนที่ที่แนบมาด้วยคือแผนที่อ้างกรรมสิทธิ์ของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จะเห็นว่าไต้หวัน (เคยเคลมดินแดนที่พิพาทกับรัสเซียเป็นพื้นที่ใหญ่ คือมองโกเลียนอกและตูวาแต่เคลมภาคอีสานหรือแมนจูเรียนอกแค่นิดหน่อย

ปัจจุบันไต้หวันไม่เคลมมองโกเลียแล้ว ปฏิบัติในฐานะประเทศเอกราช เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ยังถือว่าเป็นดินแดนตน คนมองโกเลียเข้าไต้หวันไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องขอใบอนุญาตเท่านั้น

ส่วนคนแผ่นดินใหญ่ไม่เคลมขนาดนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่รัสเซียทำกับจีน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

936 Nameless Fanboi Posted ID:5ZrWy9jHA+

>>934 แล้วอินเดียมันเป็นรัฐสวัสดิการเต็มที่ตั้งแต่เมื่อไร?

937 Nameless Fanboi Posted ID:0cCxZAnp.3

ยืนอยู่ตรงนี้
ฉันก็ได้รับรู้ว่า
เราทั้งสองเป็นเหมือนกัน
พยายามที่จะสร้างประวัติศาสตร์
แล้วใครล่ะจะเป็นผู้ตัดสิน
ผิดหรือถูก
ในยามที่เราไร้ที่ซึ่งกำบัง
ฉันคิดว่าเราทั้งสองคงจะยอมรับ
ความรุนแรงมารุนแรงกลับ
แต่ในท้ายที่สุด
มันจะต้องเป็นอย่างงี้ !!!
ฉันสร้างทางของฉันขึ้นมา
นายทำตามโทสะของนาย
แต่เราทั้งสองคงจะเหมือนกัน
โลกได้ถูกแผดเผา
ผู้คนต่างล้มตาย
ไม่สามารถโทษใครไม่ได้เลย
ยืนจ้องมองแผ่นดินอันรกร้างว่างเปล่า
ฉันสัมผัสถึงชีวิตใหม่ที่จะกำเนิด
ภายใต้หยาดโลหิตเหนือผืนทราย !!!
ภายใต้หยาดโลหิตเหนือผืนทราย !!!!!!

938 Nameless Fanboi Posted ID:k7d69FEHEw

>>936 เป็นตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ เขียนอยู่ในรธน. มีกฎหมาย-มาตรการsubsidizeปัจจัย4+คมนาคมผ่านการใช้เลขประจำตัว สิทธิประโยชน์ก็เช่น
- ซื้อวัตถุดิบอาหารในราคาถูก เป็นปริมาณ/ต่อคน/ต่อเดือน
- ให้ทุนสร้างบ้านในplanที่รัฐกำหนด
ค่ารักษาพยาบาลโคตรถูก ค่ารถไฟโคตรถูก
มีpension programให้ทุกคน

คุณภาพมันก็ระดับอินเดียแหละ แต่ประเด็นที่กูจะสื่อคือรัฐสวัสดิการมันทำได้ทุกระดับแหละ ไม่จำเป็นต้องประชากรน้อย-พัฒนาแล้ว

939 Nameless Fanboi Posted ID:nNLP2P/FHD

>>938 แต่จะเอาแบบอยู่ได้ด้วยสวัสดิการอย่างเดียวมันก็ต้องแบบนั้นอะนะ แค่เงินดูแลลูกก็ทำมุสซี่ในยุโรปผลิตกันไม่หยุดเลย

940 Nameless Fanboi Posted ID:2AA54/b73V

>>938 กูว่ามันดูลำบากกว่าบ้านเราอีกนะ ถึงบ้านเราจะไม่ได้ทำทุกเรื่อง (หลักๆ ก็มี 30 บาท , เรียนฟรีขั้นต้น + กยศ. ขั้นสูง) ก็เหอะ

941 Nameless Fanboi Posted ID:iowEysZe6b

คัมภีร์มนูธรรมศาสตร์บอกว่าสอนอรรถ(วิชาทำมาหากิน)ให้วรรณะล่างได้ แต่อย่าไปสอนศาสตร์(คัมภีร์ต่างๆ)ให้เชียว เดี๋ยวไม่เป็นอันทำมาหากินแล้วลากกันพังไปทั้งเมือง

เห็นสภาพซ้ายทุกวันนี้แล้วแม่ง ไม่เก่าเลย

942 Nameless Fanboi Posted ID:2AA54/b73V

>>941 เจ๊กถึงได้เน้นด้านวิทยาศาสตร์ไง เพราะมันเป็นวิชาชีพได้ (หมอ วิศวะ ช่างเทคนิค ฯลฯ) ส่วนพวกสายสังคมมันเฉพาะคนที่คู่ควรได้รับการถ่ายทอดน่ะ ไม่งั้นเกิดแนวคิดอะไรแตกแขนงไปเยอะหมด ผลคือบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยเป็นปึกแผ่น

943 Nameless Fanboi Posted ID:cAPhneSYSC

>>942 การที่วิชาชีพรวมตัวกันเป็นองค์กร ต้องมีการบริหารแบบหัวหน้า สมาชิก ลูกจ้างนี่ไม่นับเป็นสายสังคมหรอ

944 Nameless Fanboi Posted ID:NB4jfDGG4T

>>943 มันต้องไม่ขัดกับแนวทางของรัฐไง ระบอบแบบเจ๊กเลยถูกเรียกว่า "ทุนนิยมแบบสั่งการ" ดังนั้นอะไรที่อยู่นอกเหนือหรืออาจจะมาทาบรัศมี CCP คือต้องถูกห้ามถูกแบนหมด

945 Nameless Fanboi Posted ID:Qq7iOD148i

เพิ่งได้เล่นคอม เลยขอพิมพ์ยาวหน่อยนานๆที

หงุดหงิดนิดนึงตรงที่ความสำคัญของ Russia-Ukraine Invasion (War?) มีเยอะมากๆ แต่หน้าไทม์ไลน์เพจไทยมีแต่มีม หรือเซ็ง trade คริปโตหล่น ผ่านไป 3-4โพสโดยที่หลายๆคนไม่สามารถตระหนักถึงความรุนแรงเป็นวงกว้างของเหตุการณ์นี้ได้

มันมีอะไรเยอะกว่านั้นมาก ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ผู้คนที่จะmisplaced (ตอนนี้อพยพออกจากคีฟกันวุ่นไปหมด คิดภาพอยู่ดีๆก็ต้องรีบหนีออกจากรุงเทพ เพราะระเบิดลง อยู่ดีๆหน้าบ้านกลายเป็น War Zone) ความปลอดภัยของมนุษย์ร่วมกัน การจุดชนวนความรุนแรงล้ำเขตแดนและsovereigntyของประเทศอื่น as a justification of war

การพยายามเข้าร่วม NATO ของยูเครน โดยสถานะเมมเบอร์ของ NATO ระบุให้ 'come to ones aids' เมื่อถูกโจมตี (ลัตเวีย เอสโตเนีย และ ลิตัวเนีย ได้สิทธิ์คุ้มครอง ช่วยเหลือทางการทหารนี้จากการเป็นเมมเบอร์อยู่แล้ว)
และความไม่น่าเชื่อถือของอเมริกาอยู่แล้ว ดูอย่างการเข้าไปยุ่งในประเทศต่างๆ หรือfund terrorist groupsของอเมริกา หรือการค่อยๆขยายNATOเข้ามารวมประเทศรอบข้างรัสเซียในยุโรปตะวันออก

ปูตินไม่ได้บุกเข้ายูเครนเพราะเป็นบ้าขึ้นมาเฉยๆ รัสเซียถือว่าเรื่องนี้ มีผลต่อความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรง และการ recruit ประเทศที่สำคัญต่อรัสเซียเช่นจอร์เจียและยูเครน คืองูเห่าหน้าประตูบ้าน

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของยูเครน as a ส่วนหนึ่งของรัสเซีย การมีRussian-speaking citizensอยู่เยอะ หลายภาคส่วนในยูเครนยังภัคดีต่อการอยู่ใต้ sphere of influence ของรัสเซีย หลายภาคส่วนต้องการ EU/NATO(US) reform และแยกตัวออกมาจากอิทธิพลนั้น

เศรษฐกิจหลังการคว่ำบาตร ณ ปัจจุบัน ก๊าสธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื่อเพลิงในยุโรป 1/3 ส่งมาจากรัสเซียผ่านช่องทางยูเครน ก๊าสแพงขึ้น น้ำมันแพงขึ้นไหม เมื่อเศรษฐกิจประเทศใหญ่ๆกระทบในยุคโลกาภิวัตน์ เรื่องนี้ซีเรียสถึงปากท้องทุกคนในระยะยาว

ยูเครน ในฐานะประเทศมีเอกราช จากที่เล่าไปพารากราฟบนว่า เมื่อยังไม่ได้เป็นส่วนหนึงของ NATO (yet) กำลังทหารของชาติอื่นๆไม่มีสิทธิ์อันถูกต้องไหนมาช่วยเหลือ และกำลังทหารยุทโธปกรณ์ของยูเครนเทียบรัสเซียยังไงก็ไม่ติด

อนาคตของยูเครน จะขีดเส้นความสามารถของประชาคมโลกในการทำสิ่งที่เราสาบานจะทำมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และ สอง : ป้องกันการเกิดสงคราม (hot war)

หลังจากนี้ ราคาของพลังงานที่แพงขึ้น refugees situation ที่จะเกิดขึ้น และจะไปกระทบต่อการเมืองในประเทศของอีกหลายๆที่ การป้องกันการปะทะของ NATO และ Russia โดยตรง จะกลายไปเป็นสงครามการเมือง เราจะสละอธิปไตยของยูเครนเพื่อหนีสงครามโลก แล้วจะมีประเทศไหนต่อไปไหมที่ต้องเสียเอกราช หรือ เราจะไม่สนใจเพราะการระหว่างประเทศไม่สำคัญและดูห่างไกล เหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา โรฮิงญา อุยกูร์ สงครามซีเรีย อิสราเอลปาเลสไตน์ ฯลฯ ไปได้นานแค่ไหน ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน UN doesn't work ทรัพยากรทางธรรมชาติอุ้มมนุษย์แทบไม่ไหว และเหวของความเหลื่อมล้ำกว้างจนมองไม่เห็นอีกฝั่ง

We need to LEARN about what's happening around us, not just ignore it and joke about everything that isn't your tragedy.

946 Nameless Fanboi Posted ID:Wn4iePdHoE

>>945 คงไม่ถึงขั้นสงครามโลกหรอก กูคิดงี้นะ จริงๆมันก็ทําสงครามเจอร์เจีย กับยูเครนมาก่อนหน้านี้แล้วเรื่องประเด็นอิทธิพลตะวันตกเข้ามาเนี่ยแหละ แต่จบด้วยคบปัญหาไว้เป็นเพียงFrozen Conflict ไว้เฉยๆ แต่ข่าวสมัยก่อนคนมันไม่แตกตื่นเท่ากับตอนปีนี้
ตอนสงครมจอร์เจีย 2008 ก็เศรษฐกิจโลกตกตํ่าแบบนี้เลย แต่มันก็ไม่ขยายผลไปเป็นสงครามระดับภูมิภาค หรือระดับโลกอ่ะ ตะวันตกยื่นมือเข้ามาช่วยไม่ได้
แต่ที่มึงพูดมาก็มีพอยท์อาจเป็นไปได้ มองเป็นภาพรวมกว้างๆตรงทะเลจีนใต้ ไต้หวันก็สุ่มเสี่ยงเหมือนกัน คือมันแยกกันชัดเจนมากๆว่าเป็นรัสเซียจับมือจีนงัดกับตะวันตกโดยมีเมกานํา เรียกว่าสงครามเย็น 2 น่าจะถูกมากกว่า กูว่าแต่ละประเทศไม่เสร่ยงเอาตัวเองลงเข้าไปแบบสมัยสงครามโลก1-2หรอก

947 Nameless Fanboi Posted ID:Wn4iePdHoE

>>945 อีกอย่างคือมึงหยุดคนjokeไม่ได้หรอก มันมีทั้งคนที่ไม่แคร์เหี้ยไร เบียวตะหาน กับคนที่อยากหาอะไรแก้เครียด คนแบบนี้มันมีทุกที่ทุกสมัยแหละ แม้กระทั่งทหารยูเครนรัสเซียมันยังเต้นกันในติ๊กตอกอยู่เลย
กูว่าที่พูดเยอะๆก็ถือว่ามีAwarenessมาบ้าง ดีกว่าสมัยก่อนๆเงียบกันกว่านี้ไม่พูดถึงเลย ตอนปี2008 รัสเซียมันเล่นบุกวันที่8เดือน8เลยนะ วันนั้นคือวันเปิดตัวโอลิมปิค2008ที่ปักกิ่ง คือเห้สัส แต่ในไทยคือกริบมาก ตอนจอร์เจียก็เนี่ยแหละให้นาโต้มาเช่าสนามบินติดอาวุธต่อต้านอากาศยานเป็นภัยกับรัสเซียเหี้ยๆ

948 Nameless Fanboi Posted ID:Wn4iePdHoE

ว่าแต่>>945 การใช้คําของมึงคุ้นๆจังวะ มาจากสํานักไหนนี่รู้เลย555

949 Nameless Fanboi Posted ID:WIyknrFbDV

>>946 แต่การบุกรัสเซียคราวนี้เหมือนว่าจะตั้งใจผนวกยูเครนเลยนะ ไม่ใช่แค่ดึงเช็งสร้างสถานการณ์ยืดเยื้อ 5 ปี 10 ปี

950 Nameless Fanboi Posted ID:vy69wQyZJN

>>949 จริงที่ว่าตอนนี้บุกปิดทุกทิศ ไม่ใช่แค่กับเมืองโดเนียสกับลูฮานส์ทางด้านตะวันออกที่จะประกาศอิสระภาพ แต่กูว่าเป็นการปิดเส้นทางเพื่อให้ฝ่ายรัสเซียได้เปรียบทางด้านการรบเฉยๆ การที่จะผนวกทั้งประเทศไปเลยเนี่ยแม่งต้องใช้ทุนมหาศาลกว่านี้มาก นองเลือดชิบหายมากเพราะคนยูเครนก็ไม่ยอม แล้วไม่มีการรับรองว่าจะสําเร็จมั้ยด้วย และแม่งจะโดนประนามชิบหายกว่าตอนยึดไครเมียอีก คือรัสเซียเศรษฐกิจตอนนี้ก็ใช่ว่าจะดี และการต่อรองเรื่องแก๊สนั้นมีผลแค่ในระยะหน้าหนาวเท่านั้น เยอรมันนีตอนนี้ก็ขู่ว่าจะรื้อโครงการNord stream2ละ
แต่แม่งสงครามครั้งนี้ตรึงกําลังรบเยอะกว่าปี2014จริง ก็ไม่รู้ว่าปูตินจะมาไม้ไหน แต่ถ้ามาแบบที่มึงว่ายึดทั้งยูเครนกูว่ารัสเซียอาจชิบหายเองแบบสงครามอัฟกันนะ
ยังไงก็คหสตแบบคิดตื้นๆ ขกหาตัวเลขอะไรมาวิเคราะห์ไม่ใช่งานหลักกู555

951 Nameless Fanboi Posted ID:wA7j/EIAtt

>>945 ประวัติศาสตร์อันยาวนานของยูเครน as a ส่วนหนึ่งของรัสเซีย
^
ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรเคียฟจนถึงปัจจุบัน ดินแดนยูเครนเป็น"ส่วนหนึ่งของรัสเซีย"จริงๆแค่ช่วงปี1784-1917เหอะ

952 Nameless Fanboi Posted ID:vy69wQyZJN

>>951 ทางนโยบายต่างประเทศรัสเซีย หรือที่กระทรวงต่างเทศรัสเซียใช้อ้างงี้จริงๆ ตรรกะมันไม่ใช่อยู่แล้วเพราะยูเครนมีเอกราชเป็นของตัวเอง แต่รัสเซียใช้อ้างในการทําสงครามเท่านั้นแหละ ทั้งความเป็นชาตินิยมสลาฟ การอ้างว่าปกป้องชาวรัสเซียนอกเขตอิธิปไตยของตน

953 Nameless Fanboi Posted ID:Sn1vGxn3d.

>>945 อ่านต้นๆแล้วรู้สึกได้ว่ามาแนวพวก woke เพี้ยนๆแหงๆ
พออ่านมาถึงส่วนที่หาความชอบธรรมให้รัสเซียแล้วไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะมั้ง

954 Nameless Fanboi Posted ID:vy69wQyZJN

>>953 กูไม่ใช่ >>945นะเว้ย แต่กูพอเดาๆรู้ว่ามันเป็นเด็กจากที่ไหน อิอิ ที่มันพิมพ์มาเป็นเอกสารนโยบายต่างประเทศของรัสเซียปี2016เลย เท่าที่กูรู้ในไทยมีอจท่านเดียวที่เขาสอนโดยเน้นจากเอกสารนี้ แต่จริงๆอาจารย์ที่เขาสอนเขาก็ยํ้านะว่า’ไม่ได้สอนให้มึงไปรับใช้รัสเซียนะ’ อันนี้มันคือนโยบายต่างประเทศที่รัสเซียมองตะวันตกเฉยๆ ก็ต้องมองผลประโยชน์ตัวเอง อ้างว่าตัวเองถูกก่อนแหละ
แต่945มันก๊อปมาจากมิตรสหายท่านหนึ่งอีกทีป่าวว้า

955 Nameless Fanboi Posted ID:s+8J6yJIUh

>>954 กุก็อปมาจากเด็กรัฐศาสตร์อินเตอร์เลยนะ

956 Nameless Fanboi Posted ID:vy69wQyZJN

>>955 ไอจารย์ที่กูว่ามาก็จารย์รัดสาสIRเนี่ยแหละ แหมคิดว่าหมายถึงจารย์อินฟลูเอ้นส์ตามเพจเฟสบุ๊คเรอะ

957 Nameless Fanboi Posted ID:EwLesrRpMZ

ทำไมเพิ่ลๆตามเฟสที่ปกติจะหึ่มๆหั่มๆฮึกเหิมกับความอยุติธรรม มาวันนี้ล้อเล่นตลกโปกฮาเรื่องหุ้นร่วงบิทคอยร่วงกันขำขัน ทั้งๆที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตการนี้

งง ไม่เข้าจึย

958 Nameless Fanboi Posted ID:wH6H/wHXNv

>>957 มิตรสหายพรี่โจว?

959 Nameless Fanboi Posted ID:Xmb10hPL1H

ไอ้พวกที่สะใจเรื่องที่ยูเครน แล้วมาบอกว่า"เห็นยัง ทหารมีไว้ทำไม" ขอบอกเลยนะ
.
.
"ควย"-เถอะ-ครับ
.
.
มึงไม่สนใจชีวิตและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนที่ได้รับผลจากสงคราม
มึงแค่สะใจที่ฝ่ายที่มึงอวยได้แสดงอำนาจ
มึงแค่อยากเอาชนะเพื่อสนับสนุนอีโก้ของตัวเอง

แล้วเวลาตามข่าว แมร่งลำคานลูกหาบปูตินชิบหาย
ชอบมาบอกว่า ผู้นำยูเครนเสือกอยากเข้านาโต้ทำไม
ไม่ก็ ผู้นำตัวตลก เล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศไม่เป็น อ่านเกมไม่ออก สมน้ำหน้า
.
ควยครับ
.
กรณีแบบนี้ให้นึกภาพเด็กสองคนชื่อรัสเซียกับยูเครน ยืนด่าไปมาระหว่างกัน ด่าแรงขึ้นเรื่อยๆ ด่าพ่อล่อแม่ เอาคนโน้นคนนี้มาอ้างให้อึกฝ่ายกลัว
แล้วเด็กชายรัสเซียก็ง้างหมัดซัดเด็กชายยูเครน
.
ตอนนี้เด็กสองคนกำลังต่อยกันอยู่โดยที่ยูเครนที่ตัวเล็กกว่าเริ่มฟันร่วง มีแผลแตกมากขึ้นเรื่อยๆ
.
คิดว่าใครผิดครับ?
ผิดเท่ากันเพราะทะเลาะชกต่อย
ยูเครนผิดที่ไปทะเลาะกับรัสเซีย
หรือรัสเซียผิดที่ต่อยก่อน
.
หรือจะปล่อยให้ยูเครนโดนต่อยจนสลบแล้วไปบอกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง

960 Nameless Fanboi Posted ID:.+jP8Kd1di

สงครามไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นเผด็จการ หรือ คอมมิวนิสต์ แต่สงครามเกิดจาก 'toxic masculinity' ในสังคมระบบสองเพศชายเป็นใหญ่ 'ผู้ชายตรงเพศ รักเพศตรงข้าม' ที่ถือครองอำนาจมายาวนานเป็นผู้กระทำการ มันจึงเกิดได้กับทุกรูปแบบการปกครองโดยรัฐหรือการไม่ปกครองโดยรัฐ (อนาธิปไตย)

ตราบเท่าที่โลกยังคงเต้นเร้าอยู่บนกองเพลิงของระบบสองเพศชายเป็นใหญ่ มันไม่มีทางที่โลกนี้จะสงบสุข ปราศจากสงครามการฆ่าฟันหรอกค่ะ
มีแต่ความเสมอภาคทางเพศที่จะทำให้โลกสงบสุข

#standwithukraine #standwithhumanity

- มิตรสหายท่านหนึ่ง

961 Nameless Fanboi Posted ID:.g0j3NAVQP

>>960 ลองทางจืนดูว่าชิบหายเพราะขันทีไปตั้งกี่ยุคแล้ว

962 Nameless Fanboi Posted ID:W0Lw6r3ba3

>>960 อะไรเนี่ย

963 Nameless Fanboi Posted ID:wA7j/EIAtt

>>961 ยิ่งตรงเลย ขันทีไม่ใช่ตุ๊ด มันกระหายอำนาจเพราะต้องการชดเชยความบกพร่องทางเพศนี่แหละ

964 Nameless Fanboi Posted ID:1G4IqSCJ/9

>>960 ตรรกะส้นตีนอะไรเนี่ย 55555

965 Nameless Fanboi Posted ID:OLisAPXNjB

>>964 ตรรกะเฟมทวิต

966 Nameless Fanboi Posted ID:9NefD/91md

>>960 สาเหตุที่ปูตินสั่งบุกยูเครน
1. มันเป็นผู้ชาย

967 Nameless Fanboi Posted ID:OV//94ey9+

>>960 ตอนแรกกูนึกว่ามะนคือเบียวเห่อหมอยเฟมทวิต สรุปไปดูโปรไฟล์เป็นกระเทยผู้ใหญ่แล้ว…

968 Nameless Fanboi Posted ID:vsq.HMQDCs

กูเห็นมีทวิตนึงเป็นแบล๊ควูแม่นบอกว่าปูตินบุกยูเครนได้เพราะเป็นไวท์เมล สงครามเกิดจากไวท์พริวิเลจ

ปวดหัว

969 Nameless Fanboi Posted ID:B3Pr+uECkh

จากกรณีที่มีดารานักแสดงท่านหนึ่งพลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นข่าวในตอนนี้ ทำให้ผมนึกถึงตอนลงแข่งไตรกีฬาครั้งแรกในชีวิตในงานกรุงเทพไตรกีฬาเมื่อปี 2015
วันรับ BIB ก่อนวันแข่ง ผมไปยืนดูกลุ่มโปรซ้อมว่ายน้ำ ซึ่งถ้าดูเผินๆถ้าเทียบกับทะเลตอนคลื่นแรงก็ไม่น่ากลัวอะไร
แต่ภาพที่เห็นวันนั้นคือ หลายคนที่ลงซ้อม ว่ายไม่ไปไม่ก็เคลื่อนที่ช้ามากครับ จนผมต้องถ่ายวีดีโอและถ้าจำไม่ผิดหนึ่งในโปรที่ลงซ้อม ก็มีพี่อุ้ย ทัศน์วรรณ จนผมถึงกับเครียดกลัวว่าเช้าวันแข่งจริงจะเป็นแบบนี้ไหม เพราะตอนนั้นไม่เคยว่าย Open Water มาก่อน
วันนั้นบรีฟที่ได้จากพี่ตั้มก็มีพูดถึงกระแสน้ำในช่วงสตาร์ทว่าไม่เท่าไหร่ แต่หากสายนิดนึงจะเริ่มมีกระแสน้ำจากน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งเป็นตามนั้นจริง เพราะรอบ 2 ที่ว่ายรู้สึกได้ชัดเจนมากๆ จังหวะตามน้ำว่ายสบาย แต่พอทวนน้ำนี่หนังชีวิตเลย
การว่ายในน้ำจืด ยิ่งกับแม่น้ำที่มีกระแสน้ำ โดยส่วนตัวว่ายยากกว่าทะเลมาก ทะเลลอยตัวก็ง่ายกว่า แถมแหล่งน้ำจืดบ้านเราส่วนใหญ่ขุ่นกว่า
อยากบอกว่าต่อให้คุณจบ Ironman มา อย่าประมาทครับ เดินทางทางน้ำ ขึ้นเรือพยายามใส่ชูชีพ หรืออย่างน้อยๆคิดเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเสมอ จะซ้อมว่าย Open Water ก็อย่าลืมติดทุ่นผูกเอวไว้
ฝากวีดีโอตอนปี 2015 ให้ดูครับ

970 Nameless Fanboi Posted ID:B3Pr+uECkh

ความเป็นชาติสำคัญขนาดไหน
มีคนให้ความเห็นไว้น่าสนใจว่าโปแลนด์ตัดสินใจผิดพลาดที่เข้าร่วมกับอียู เพราะเข้าร่วมแล้วคนก็อพยพไปอียูหมด กลายเป็นประเทศจมลง
ผมมีเพื่อนชาวโปแลนด์ ถ้าคุยกับเขาเขายินดีกับการเข้าอียูมากๆ เพราะมันทำให้เขาออกเดินทางข้ามประเทศได้ เขามีทางเลือก ชีวิตเขาดีขึ้น
ถ้ามองในมุมของชาติในเชิงคอนเซปต์การตัดสินใจของโปแลนด์ก็อาจจะผิดพลาด แต่ถ้ามองจากมุมของมนุษย์แล้วการตัดสินใจนี้ก็ทำให้ชีวิตชาวโปแลนด์หลายคนดีขึ้นจริงๆ เราจะบอกว่ามันผิดได้เหรอ
ความรุ่งเรืองของชาติมันสำคัญขนาดไหน
ถ้าวันนี้ประเทศที่ชื่อว่าโปแลนด์หายไป แต่คนที่เคยถือสัญชาติโปแลนด์ชีวิตดีขึ้นหมดเลย เราจะเลือกอะไร
เราตั้งคำถามแบบนี้กับอเมริกา จีน รัสเซีย ได้มั้ย
ถ้าวันนึงมีเหตุการณ์คุกคามที่ผลลัพธ์อาจจะทำให้ไม่มีประเทศอเมริกาแต่ชาวอเมริกาชีวิตดีขึ้นโดยเฉลี่ย คนที่ปกป้อง "ชาติที่ชื่อว่าอเมริกัน" เอาไว้ เขาทำถูกหรือทำผิด เขาแค่ต้อง "ป้องกันตัวเอง" หรือทำอะไรไร้สาระฟังไม่ขึ้นอยู่
คนที่มองการเมืองว่าจุดชนะคือชาติเกิดความรุ่งเรือง มาปะทะกับคนที่มองว่าการเมืองจุดชนะคือชีวิตคนดีขึ้น มันคุยกันยากนะ เพราะเป้าหมายปลายทางไม่ตรงกันอยู่แล้ว

971 Nameless Fanboi Posted ID:qFZfUna+p5

การเผารัฐสภาเยอรมัน ชนวนเหตุทำให้ฮิตเลอร์เถลิงอำนาจ
เหตุการณ์วางเพลิงเผาอาคารรัฐสภาเยอรมัน (ไรชส์ทาค) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1933 เปิดช่องให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเพิ่งจะสาบานรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันได้เพียง 4 สัปดาห์ ถือโอกาสเล่นงานพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันซึ่งเป็นพรรคการเมืองคู่แข่งที่สำคัญของพรรคนาซี
โดยหลังจากที่ทางการได้จับกุมผู้ต้องหาวางเพลิงซึ่งเป็นพวกนิยมซ้ายจัดโดยมีชื่อว่า "ฟันเดอร์ลึบเบอ" ฮิตเลอร์ได้สั่งจับกุมนักการเมืองสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหมด พร้อมทั้งส่งกองกำลัง SA เข้ากวาดล้างสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และทำลายการดำเนินงานของพรรค
ฮิตเลอร์ใช้ช่วงโอกาสที่เขาถือว่ากำลังหมิ่นเหม่ต่อการเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ด้วยการเกลี้ยกล่อมให้ประธานาธิบดีฮินเดินบวร์คในวัยชราภาพ ให้ประกาศใช้กฎหมายพิเศษภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1933 ซึ่งฮิตเลอร์ได้นำร่างกฤษฎีกาเพลิงไหม้ไรชส์ทาคให้ฮินเดินบวร์คประกาศใช้ เพื่อหวังเล่นงานพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมัน ซึ่งมีทั้งการข่มขู่ ข่มเหง จับกุม ริดรอนสิทธิการทำกิจการทางการเมือง เมื่อเห็นว่าพรรคคู่แข่งอ่อนแอแล้ว ฮิตเลอร์จึงประกาศยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือน มีนาคม 1933 โดยยังคงอนุญาตให้พรรคอมมิวนิสต์เข้าร่วมเลือกตั้งได้เพื่อลดแรงต่อต้านจากมวลชน ผลคือพรรคนาซีได้ที่นั่งในสภา 44% (เลือกตั้งครั้งก่อนได้ที่นั่ง 33% ) แล้วฮิตเลอร์ก็ดำเนินแผนการต่อมานั่นก็คือ การออกกฎหมายรัฐบัญญัติมอบอำนาจ (Ermächtigungsgesetz) ในวันที่ 23 มีนาคม 1933 โดยฮิตเลอร์ได้เกลี้ยกล่อมให้พรรคกลาง (Zentrum) ลงมติสนับสนุนผ่านสภาได้สำเร็จ ซึ่งทำให้รัฐบัญญัติมอบอำนาจมีผลบังคับใช้ได้สมบูรณ์ โดยฮิตเลอร์ได้ขึ้นมามีอำนาจเบ็ดเสร็จในทางพฤตินัยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

972 Nameless Fanboi Posted ID:H1C.1EH+Bs

ในช่วงของความขัดแย้งความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
.
สิ่งหนึ่งที่ได้นำมาพูดคุยกันอีกเรื่อง เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนถกเถียงกัน คือ เรื่องของระบอบการปกครอง
.
เพราะเมื่อพูดถึงรัสเซีย เราก็จะนึกย้อนไปถึงสมัยสหภาพโซเวียต อันเป็นต้นตำรับของ “คอมมิวนิสต์”
.
และแน่นอนว่า ในความขัดแย้งนั้น ย่อมนำไปเปรียบกับอีกฝั่งฝ่าย นั่นคือ“ประชาธิปไตย”
.
ซึ่งถ้าว่ากันตามรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยเราก็ปกครองด้วยระบอบ “ประชาธิปไตย” เช่นกัน แต่มีส่วนขยายเพิ่มเติมคือ “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข“
.
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าใน Spectrum ของประชาธิปไตยเอง ก็มีได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น อนุรักษ์นิยม หรือ เสรีนิยม
.
รวมไปถึงการปกครองในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น “ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ” หรือ “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” หรือแม้กระทั่ง “คอมมิวนิสต์” เอง ก็มีดีกรีแตกต่างกันออกไป จนบางครั้งก็แทบจะหลุดจากเค้าโครงนิยามกันไปไกลพอสมควร
.
.
.
เรื่องของยูเครน-รัสเซีย ทางเพจได้เคยสรุปไว้แล้วตามนี้
https://www.facebook.com/100044521326013/posts/523141049179935
.
แต่วันนี้ จะมาอธิบายในเบื้องต้น ของลักษณะรูปแบบการปกครอง ที่เราอาจจะเคยได้ยินถึงเรื่องของ “ซ้าย-ขวา” กันอีกครั้ง
.
คำว่า ซ้าย – ขวา เป็นคำที่ใช้นิยามกลุ่มต่างๆ ในการเมืองทั่วโลกมานาน เพื่อให้เข้าใจถึงความหลากหลายของความคิดและกลุ่มทางการเมือง
.
จุดเริ่มต้นของคำว่า ซ้าย-ขวา ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการเมืองโลก เกิดขึ้นในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ.1789 ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปอยู่ในรูปแบบสาธารณรัฐ และมีสมัชชาแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา
.
ภายในห้องประชุมสมัชชา กลุ่มตัวแทนกรรมกร ชาวไร่ชาวนา ถูกจัดให้นั่งทางด้านซ้ายของประธานสมัชชา (Left-wing) ส่วนตัวแทนของขุนนาง ทหาร นักบวช และคนร่ำรวย หรือพวกศักดินา นั่งทางด้านขวา (Right-wing)
.
เมื่อโลกมีการพัฒนามากขึ้น ความเป็นซ้ายกับขวา จึงซับซ้อนมากขึ้น โดยความเป็นซ้ายหรือขวานั้น จะขึ้นกับสองปัจจัยหลักๆ คือ บทบาทอำนาจของรัฐในการควบคุมสิทธิส่วนบุคคล และนโยบายทางเศรษฐกิจรวมไปถึงการควบคุมการใช้ทรัพยากรโดยภาครัฐ
.
ฝ่ายซ้าย มักจะหมายถึงแนวคิดที่เน้นให้มีการเปลี่ยนแปลง เน้นความเท่าเทียมกันในสังคม ให้ความสำคัญกับบทบาทของรัฐในการกระจายผลประโยชน์ทางทรัพยากรและเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น
.
แต่ในฝ่ายซ้ายเองก็ยังมีการจำแนกออกไปตามมิติต่างๆ โดยขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อย
.
ซ้ายกลาง – เสรีนิยม
ซ้ายจัดแบบเน้นอำนาจรัฐ – ลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เหมาอิสต์
ซ้ายแบบไม่เอาอำนาจรัฐ – กลุ่มอิสระนิยมฝ่ายซ้าย (Left-libertarians)
ซึ่งหากสุดโต่งไปเลย ก็จะเป็นลักษณะของกลุ่ม คอมมิวนิสต์อนาธิปไตย (Anarcho-communism)
.
ตัวอย่างกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในฝ่ายซ้าย - กลุ่มก้าวหน้า เสรีนิยมคลาสสิค สังคมเสรีนิยม สังคมประชาธิปไตย สังคมนิยม สังคมนิยมประชาธิปไตย ฆราวาสนิยม คตินิยมสิทธิสตรี ลัทธิอัตตาณัติ ลัทธิต่อต้านจักรวรรดินิยม ลัทธิต่อต้านทุนนิยม
.
ส่วนฝ่ายขวา มักจะหมายถึงความคิดของกลุ่มที่เชื่อในกลไกอิสระของตลาด ไม่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการบริหารเศรษฐกิจมากนัก โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการให้รัฐยังคงควบคุมปัจจัยต่างๆ ทางสังคม และกลุ่มที่ไม่ต้องการให้รัฐเข้ามามีบทบาทใดๆ เลย ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ
.
ในฝ่ายขวาเองก็มีการจำแนกออกไปหลากหลายเช่นกัน
ขวากลาง – อนุรักษ์นิยม จารีตนิยม
ขวาจัดแบบเน้นอำนาจรัฐ – รัฐอำนาจนิยม ฟาสซิสต์
ขวาจัดแบบไม่เอาอำนาจรัฐ – กลุ่มอิสระนิยมฝ่ายขวา (Right libertarians)
ซึ่งหากสุดโต่งไปเลย ก็จะเป็นลักษณะของกลุ่มอนาธิปไตย (Anarchy)
.
ตัวอย่างกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในฝ่ายขวา – นักปฏิกิริยา อนุรักษนิยมใหม่ ประเพณีนิยม ทุนนิยม เสรีนิยมใหม่ อำนาจนิยมฝ่ายขวา กษัตริย์นิยม เทวาธิปไตย ชาตินิยม นาซี (รวมถึงนาซีใหม่)
.
เวลาเราพูดถึง “ซ้าย” กับ “ขวา” แต่ละประเทศอาจจะมีนัยยะที่แตกต่างกันอีก ตามความแตกต่างของมิติความคิดในเรื่องการเมือง สังคม ศาสนา เศรษฐกิจ ซึ่งถึงแม้ว่าเส้นที่แบ่งซ้ายขวา จะไม่ได้มีเส้นที่ชัดเจนนัก แต่มันก็ช่วยให้เราเข้าใจบริบทในเรื่องของการเมืองได้ง่ายขึ้น
.
ในบางประเทศที่การมีส่วนร่วมของประชาชนถูกจำกัดให้ได้รับน้อยที่ควรจะเป็น กลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียม หรือสิทธิที่พึงมีกลับถูกรัฐมองว่าเป็นฝ่ายซ้ายจัด เป็นภัยต่อความมั่นคงไปเสียอย่างนั้น
.
หรือในประเทศที่ควบคุมระบบเศรษฐกิจมากๆ กลุ่มคนที่เรียกร้องให้เศรษฐกิจดำเนินไปตามกลไกลตลาดตามปกติ ก็ถูกรัฐมองว่าเป็นฝ่ายขวาจัด ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเช่นกัน
.

973 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

เมื่อไรก็ตามที่คุณส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปในประเทศอื่น เพื่อโจมตี ยึดฐานที่มั่น ก่อความรุนแรง ฆ่าพลเรือง ทำลายการปกครองของรัฐนั้น คุณคือ "ผู้รุกราน"

แต่ถ้าคุณคืออเมริกา ลืมข้างบนนั่นไปซะ เพราะคุณคือกองกำลังรักษาสันติภาพ และส่งเสริมประชาธิปไตย

974 Nameless Fanboi Posted ID:tonPFJ3hGk

ไอ้ข้างบนที่พล่ามมา ยูเครนไปอัลเลาะห์อักบาร์ใส่ใครหรือยัง

975 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>974 แล้วกรณีซีเรียล่ะ ไปทำอะไรให้ไอ้กันเจ็บแค้นล่ะ เลยโดนถล่มยับเลย

976 Nameless Fanboi Posted ID:3oZAnzRHut

ซีเรีย "กูอยู่ของกูดีๆ "

977 Nameless Fanboi Posted ID:v8Tr2O6jZB

>>975 ซีเรียมัน proxy war สามกีบติดอาวุธอ่ะ

978 Nameless Fanboi Posted ID:HHitIEcBw+

ซีเรีย ประชาชนต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ แล้วบังเอิญว่ารัฐบาลมีรัสเซียหนุ่น เมกาเลยได้ช่องเลย ภารกิจพิทักษ์ประชาธิปไตย แต่ตัวเองก็ได้ประโยชน์คือต้องการลดอิทธิพลรัสเซียในตะวันออกกลาง

ไว้รัฐบาลตู่เข้าข้างจีนเต็มตัว แล้วสามกีบกล้าพอจะตั้งกองกำลังติดอาวุธแบบฝ่ายต่อต้านซีเรีย กูว่าไอ้กันก็พร้อมแอบส่งอาวุธให้นะ

979 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>974 แล้วตอนนี้ อิสราเอล เข้าไปยึดปาเลสไตน์เงียบๆเลยนะ
ตอนอิรัก ซัดดัม ได้ไป อัลเลาะห์อักบาร์ ใส่ไอ้กันตอนไหนบ้าง อันนี้กูไม่เห็นเลยนะ

980 Nameless Fanboi Posted ID:1cHQ3IImhh

จีนมันมาเคลมดินแดนไทยแบบรัสเซียมั่งหวังว่าโม่งอวยปูตินในนี้คงจะยอมรับได้เนอะ

981 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>980 แต่ยูเครนเคยอยู่ในโซเวียตมาก่อนนะ จีนไม่เคยคิดจะยึดไทยหรอก คนละโยชน์เลย ไว้ตอนจีนเข้ายึดไต้หวันค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่านะ

982 Nameless Fanboi Posted ID:1cHQ3IImhh

>>981 อ้างแบบนี้ก็อ้างได้ดิว่าเมื่อก่อนคนไทยก็คือคนจีนที่อพยพมาจากเทือกเขาอัลไต

983 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>982 อ้างได้มั่วโคตร เรื่องจีนอพยพ กับ พื้นที่ประเทศของจีน คนละเรื่องกันเลย มันเกี่ยวกันตรงไหนวะ ไม่งั้นไชน่าทาวน์ในอเมริก ควรไล่ออกไหมล่ะ คนจีนมายึดที่ไชน่าทาวน์

984 Nameless Fanboi Posted ID:1cHQ3IImhh

>>983 ก็อย่างที่บอกได้ มึงอ้างว่าเคยเป็นดินแดนมาก่อน งี้ ลาว เขมร พม่า ก็อ้างได้มั่วๆหมดเลยสิว่าไทยเป็นของพวกมันมาก่อน

985 Nameless Fanboi Posted ID:1cHQ3IImhh

หรืออย่างภาคใต้ ลองมาเลเซียมาเคลมสามจังหวัดใต้เพราะเมื่อก่อนคือรัฐมลายู คิดว่าไทยจะยอมให้ปะละ

986 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>984 กูชี้ไปที่ >>982 ประเทศจีนจะยึดไทยเพราะคนจีนอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต อันนี้อ่ะโคตรมั่วมากกว่าอีก
กู >>983 >>981 ทางจีนมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ยูเครน ซีเรีย เป็นส่วนหนึ่งของรัซเซีย
แต่ไทยไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจีนอันนี้ต่างหากที่มึงมั่ว

987 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>985 ก็ลองมาเคลมดูสิ มึงมีกองกำลังไหมล่ะ ทำอย่างที่รัซเซียทำกับยูเครน หรือ ไอ้กันทำกับ iran ก็ได้นะ หรือถ้ามึงแน่จริงๆก็ทำเหมือนอย่างอิสราเอลทำกับปาเลสไตน์เลยดิ

988 Nameless Fanboi Posted ID:nQi2Auo+w1

>>985 ลองทำดูเลย กูก็อยากรู้ว่าทหารไทยมีน้ำยาจริงๆไหม หรือไม่กล้าล่ะ

989 Nameless Fanboi Posted ID:HHitIEcBw+

ไม่เหมือนอะ จีนอพยพมันคือจีนที่หนีภัยสงคราม (ตั้งแต่กบฎไท่ผิงปลายต้าชิง ยันยุคขุนศึกก๊กต่างๆ ที่รัฐบาลเจียงไคเช็คคุมไม่ได้) และความยากจนไปหาโอกาสในดินแดนอื่น จากนั้นอยู่ๆ ไป รุ่น 2 รุ่น 3 ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนจีนแล้ว แต่เป็นคนประเทศนั้นๆ ที่มีเชื้อสายจีน

ส่วนรัสเซียมันคือพวกคนรัสเซียที่ตั้งรกรากในพื้นที่ยูเครนตั้งแต่สหภาพโซเวียต พอโซเวียตแตกพวกนี้ก็ยังผูกพันกับรัสเซียมากกว่า แถมยูเครนเองก็ปกครองไม่ดีด้วย (เห็นว่ากระด้างกระเดื่องก็ดันส่งพวก Azov หน่วยหัวรุนแรงไปกดปราบ เลยยิ่งเกลียดไปใหญ่) เลยอยากแยกดินแดนไปรวมกับรัสเซีย

ส่วนไทย ถ้าเราเป็นมหาอำนาจแบบรัสเซีย ก็น่าคิดนะว่าเราจะไปเอาเกาะกงมาจากเขมรไหม? เพราะตรงนั้นมีคนไทยติดอยู่เพียบเลย (เราเสียให้ฝรั่งเศสไปตอนที่ปกครองเขมรอยู่น่ะ)

990 Nameless Fanboi Posted ID:HHitIEcBw+

>>985 ใครจะเคลมอะไรก็เคลมได้ แต่ขึ้นอยู่กับคนในพื้นที่มากกว่าว่าจะเอาไง อย่างคน 3 จังหวัดอยากไปอยู่กับมาเลย์แค่ไหนล่ะ ถ้ามากพอมันก็ไม่แน่ แต่ถ้าไม่มากพอ มันก็จะเป็นแบบตอนนี้แหละ ก่อการร้ายไปวันๆ ไม่สามารถยกขึ้นสู่ระดับแข็งเมืองได้ แบบนี้กูเป็นมาเลย์ก็ไม่กล้าหนุน เพราะหนุนไปก็แพ้ มันต่างจากรัสเซียทีไ่ปหนุนบางเมืองในยูเครนนะ เพราะเมืองพวกนั้นใจคนมันอยู่กับรัสเซียไง

991 Nameless Fanboi Posted ID:H1C.1EH+Bs

แบบนี้อาจจะหมายความว่าต้นทุนของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีมากกว่าต้นทุนที่ใช้ในการทำสงครามจริง ๆ แต่กลายเป็นการเปิดสงครามหน้าใหม่ ระหว่างธนาคารกลางรัสเซีย กับตลาดการเงินโลกหรือเปล่า

ถ้าเข้าใจไม่ผิด การตรึงค่าเงินหมายถึงการเอาเงินทุนสำรองของธนาคารกลางที่อาจจะถืออยู่ในสกุลเงินประเภทอื่นเข้ามาซื้อเงินสกุลรูเบิล เพื่อตรึงไม่ให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนไปมากกว่านี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการประกาศตรึงค่าเงิน กำหนดเพดานอัตราแลกเปลี่ยนโดยธนาคารกลาง ไม่ได้เป็นการประกาศได้ง่าย ๆ แค่ลมปาก แต่ก็ตามมาด้วยต้นทุนทางการเงินที่มหาศาล

นอกจากนี้ ที่อ่านผ่าน ๆ มีอีกประเด็นหนึ่งก็คือ จากมาตรการ sanction ของรัฐบาลยุโรป แคนาดา และอเมริกา ก็มีการ freeze ทรัพย์สินบางส่วนของเงินทุนสำรองของธนาคารกลางรัสเซียเอาไว้ประมาณ $630 ล้านดอลลาร์ หมายความว่ากระสุนที่จะนำมาใช้ในการตรึงค่าเงินของธนาคารกลางรัสเซีย ก็อาจจะน้อยลงไปกว่าที่ควรจะมี

(https://www.wsj.com/livecoverage/russia-ukraine-latest-news-2022-02-26/card/sanctions-on-russia-s-central-bank-deal-direct-blow-to-country-s-financial-strength-AGe2bBTKmYW2bzqRnNWI)

เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นได้เลยว่าหน้าฉากของสงครามสมัยใหม่มันเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่แน่ใจว่าจะต้องขอบคุณหรือขอโทษกับระเบียบการเงินโลกที่มันถูกพัฒนา จนสร้างแรงกดดันทางการเมืองได้อย่างมหาศาล ลดจำนวนคนล้มตายโดยไม่จำเป็นจากสงครามได้

ป.ล. จะเห็นได้ว่า ไม่ได้ใช้คำว่า “ระบบ” แต่ใช้คำว่า “ระเบียบ” เพราะระบบตลาดของโลกการเงินยังคงเหมือนเดิม แต่ระเบียบของโลกการเงินนับตั้งแต่มีเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็น de facto currency สามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหันให้กับระบบการเงินของประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายมากขึ้น

992 Nameless Fanboi Posted ID:Zg2P6H9kFn

ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมแตงโม ยังไม่มีโอกาสได้เขียนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เอาล่ะ ขอเครียดแบบซีเรียสนิดนึง นี่คือข้อสังเกตค่ะ
1. พลัง public opinion โดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยลมีเดียมันล้นหลาม ในช่วงที่ผ่านมา ที่เห็นดิชั้น fanatical กับเรื่องแตงโม เพราะต้องการทดสอบไอ้พลังของ public opinion อันนี้ มันมีผลอย่างมากในการชี้นำการพิจารณาคดี ที่สำคัญ อาจจะนำไปสู่การชี้นำกฎหมายก็ได้ โดยเฉพาะในบริบทของไทยที่การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนแอ และลื่นไหลไปตามกระแสสังคม
2. คนไทยพร้อมถูกสะกดจิตหมู่ collectively hypnotised โดยเอามาตรฐานทางศีลธรรมแบบสมบูรณ์มาเป็นเครื่องนำทาง แม้ว่าในชีวิตประจำวันของเราจะไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมนั้นๆ ตอนนี้ ใครที่เสนอความเห็นเรื่องแตงโมนอกลู่ไปจากหลักศีลธรรม จะถูกห้ำหั่น in some ways บุคคลทั้ง 5 ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ถูกพิพากษาไปแล้ว ตอนนี้ แม้แต่การพูดถึงอดีตที่ไม่พึงประสงค์ของแตงโมก็เป็นเรื่องผิด (ดิชั้นใช้คำว่าพูดถึงนะคะ ไม่ได้ไปไกลกว่าวิจารณ์เลย) มันเกิดปรากฏการณ์ compassion แบบเหมารวม คือการให้ความเห็นใจแก่ผู้ตายต้องให้ทั้งหมด ห้ามกล่าวถึงในทางลบทั้งสิ้น อันนี้หมายรวมถึงห้ามพูดถึงความประมาทที่อาจเกิดจากตัวผู้ตายเอง
3. บทบาทของผู้ชี้นำสังคมอย่างพี่หนุ่มกรรชัย แม้ดิชั้นได้เขียนไปขอบคุณในเรื่องการเป็นปากเสียงชาวบ้าน แต่ดิชั้นไม่แน่ใจว่านี่เป็นบทบาทที่เหมาะสมของผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ที่ต้องคงความเป็นกลาง (ให้มากที่สุด) และรายงานข้อเท็จจริง แทนที่จะเป็นการรายงานอารมณ์ การเล็คเชอร์แขกที่มา ทั้งนี้ พี่หนุ่มรู้ว่ากระแสสังคมอยู่ที่ไหน และต้องการ capitalise จากกระแสอันนั้นเพื่อความสำเร็จของรายการและตัวพิธีกร เช่นกัน ในรายการนั้น มันมีการพิพากษาเกิดขึ้นแล้วเหมือนกัน อันนี้ค่อนข้างโหด คือคนไทยชอบดูการเชือดกลางรายการแบบสดๆ อย่างนี้มาก
4. สุดท้าย ทำไมคดีแตงโมถึงกลบทุกข่าว ทำไมเวลามีคนหาย คนตาย คนถูกอุ้มคนอื่นจึงไม่สามารถสร้างพลังได้เท่านี้ อย่าลืมว่า คนไทยเกือบทุกคนรู้จักแตงโม โตมากับแตงโม เรียกว่ารู้จักเหมือนคนรู้จัก มันเป็นมายาคติ แล้วสังคมไทยนิยมสร้างมายาคติแบบนี้ ดาราที่ต่อสู้เพื่อชีวิต มาจากครอบครัวที่แตกแยก ผิดหวังกับความรัก ไม่สมหวังกับชีวิต ผ่านอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตาย หลงผิดทางการเมือง จนตาสว่างทางการเมือง และพบรักแท้ แต่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้ ส่วนกรณีอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่ถูกอุ้มหาย คนเหล่านั้นคือประเด็นทางการเมืองที่มายาคติแบบนี้มันเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ

993 Nameless Fanboi Posted ID:xgNrBD/9O+

>>992 คนเขียนต้องกลับไปเรียนภาษาไทยใหม่ล่ะ

994 Nameless Fanboi Posted ID:hdK89eYPM+

>>993 มึงนี่ใช่คนจากกระทรวงวัฒนธรรมที่เสนอการเปลี่ยนชื่อสถานที่ข้าราชการเป็รภาษาไทยล้วนป่ะ อิห่า มึงอีกละไอโม่งตัวนี้ คือคนอื่นเขาก็อ่านเข้าใจกันหมด มีแต่มึงที่บ่นอ่ะ ใช้อังกฤษปรไทยอ่านไม่ออก แง่ๆ เรื่องมึงไอควาย กลับไปท่องกาพย์กลอนไปสัส ภาษาถ้ามันสิ่อความหมายรู้เรื่อวก็ถือว่าทําตามเป้าประสงค์มันถูกแล้ว ไม่ต้องเขียนถูกหลักไวยกรณ์หมดหรอก

995 Nameless Fanboi Posted ID:l+G4W0eCdl

>>992 ถุยยย เมิงเดิมพันแก้ผ้าที่ชิบุย่า เมิงยังผิดคำพูดเลย ไอตุ๊ดสามกีบ
Opinion didn't Count
และที่สำคัญเมิงด่าเฌอปรา

996 Nameless Fanboi Posted ID:PTlS2ZDe6X

ไม่กล้าทำตามทึ่เห่า อยู่ยุ่นก็ควรฮาราคีรีตัวเอง

997 Nameless Fanboi Posted ID:aF5zSwY06/

>>994
ถ้าwantเอาlikeนั้น การthatผมtypeแบบthisก็countว่าok ใช่orไม่

มันreadง่ายveryมาก Writingแบบthisมันnotสับสนforแน่นอน

998 Nameless Fanboi Posted ID:w05i9ztDLR

>>994
ชั่ยฆร่ะภรี้ พาสามั๋ยจ๋ามเป๊ณต๋องสาโกฒหั๊ยทูกฒามวั่ยยากณ ณู๋เห๋ณด๋วญ

999 Nameless Fanboi Posted ID:PTSbzN8kMs

>>998 พิมอัลลัยอ่านมั่ยรุเริ่งเรยณ๊ คร๊ ปัยหัดเลียรพาสาทัยมาหมั่ย ณ๊ คร๊

1000 Nameless Fanboi Posted ID:Ioh7cj52j7

ปิดให้กระเทยหนีคดี ปสด

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.