Last posted
Total of 155 posts
>>117 นอกเกาะเมืองมันเป็นทุ่งนา ไม่ใช่ชุมชนหนาแน่น ถ้ามึงอ้างตัวเลข1ล้าน มันมาจากหนังสือWorld Cities ของGeorge Modelski เขียนประมาณว่าประชากรอยุธยามีประมาณ 3แสน-1ล้าน ช่วงกว้างฉิบหายแต่ชอบเอาขอบเขตบนสุดมาอ้างกัน
และถ้าอยากเปรียบเทียบ เมืองในยุคเดียวกันที่ประชากรถึง1ล้านคือปักกิ่ง ซึ่งขนาดกำแพงเมืองชั้นในก็กว้างด้านละ6กม. เบ็ดเสร็จพื้นที่ภายในกำแพงเมืองไม่ต่ำกว่า40sq.km ชุมชนรอบเมืองอยุธยานี่มีแหล่งชุมชนขนาดถึงหมื่นคนเหรอ
เรื่องทหารรับจ้างรอบบ้านมันก็จ้างเหมือนกันนะ ตอนสงครามไรสักอย่างตอนต้นกรุง มีทหารโปรตุเกศบันทึกว่าตอนไปรบที่พม่าก็ไปรบกับทหารโปรตุเกศด้วยกันเอง ที่เขมรเคยมีกษัตริย์โดนยุให้ไปนับถือคริสต์ แต่สุดท้ายก็โดนปราบ
>>129 รู้เลยไม่ได้อ่าน บอกบุญอีกรอบก็ได้
http://library.nhrc.or.th/ulib/dublin.php?ID=4888
ไปดูสารบัญ หน้า 97 แต่อ่านแค่ตรงนั้นอาจจะไม่พอ เพราะถ้าไม่มีพื้นก็ไม่เก็ตอยู่ดีว่าทำใมถึงเป็นแบบนั้น
>>130 ถ้าที่ราบภาคกลางทั้งหมดน่าจะถึง แต่แค่อยุธยาไม่ถึงหรอก มันแค่ประมาณคร่าวๆ
ไทยใช้ระบบเข้าเวรใช้แรงงาน ดังนั้นจะมีช่วงนึงที่ปชก.หนาแน่น นั่นคือช่วงปลูกและเกี่ยวข้าว ที่ตัวเลขแกว่งน่าจะเพราะแบบนี้
>>131 ของพม่ามีทหารต่างชาติขึ้นเป็นเจ้าเมืองด้วยมั้ง แต่เทียบสมัยพระนารายณ์กูเข้าใจว่าสมัยนั้นไทยมี PMC ใหญ่สุดนะ เพราะพระนารายณ์ไม่ไว้ใจคนไทย ชอบใช้ต่างชาติ และให้มีกำลังทหารได้ จำนวนถึงเยอะกว่าเพื่อนบ้าน
>>132 เพราะมีระบบใช้แรงงานนั่นแหละถึงรู้จำนวนได้ ลาลูแบร์บันทึกไว้”ทั้งอาณาจักร”มีประชากรราว1.9ล้านคนนับทั้งชายหญิง เด็ก
การเกณฑ์ไพร่เข้าเดือนออกเดือนมันเกณฑ์เฉพาะไพร่ชายฉกรรจ์(ทาสไม่โดนเกณฑ์) ดังนั้นเป็นไปได้ยากมากที่คนเกินครึ่งของทั้งอาณาจักรจะมากระจุกกันแถวรอบเมืองอยุธยา supplyไม่พอหรอก
ไม่นับว่ารูปวาด-แผนที่ร่วมสมัย ไม่มีที่แสดงว่ามีชุมชนขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงเกาะเมือง และการตั้งบ้านเรือนก็ไม่มีลักษณะที่จะยัดคน1ล้านลงในพื้นที่8ตร.กม.ได้ด้วย
ความจริงก็อปมาแปะเลยก็จบ ถ้ามีจริงก็ตบหน้าคนถามได้ แต่ถ้าไม่มีก็จะ...หน่อยๆ
>>140 -ปู่แกเขียนเล่มนี้ในปี2003
- แกเขียนว่าในช่วงปี1700 อยุธยามีประชากร 300k-1m แกเขียนเป็นช่วง ไม่ควรเอาupper limitมาเป็นเกณฑ์ฟันว่าอยุธยามีประชากรถึงล้าน
- ลาลูแบร์บันทึกปี1687 ว่า”ทั้งอาณาจักร”มีอยู่1.9ล้าน เป็นไปไม่ได้ที่ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรจะมากองกันในเขตเกาะเมือง(เพราะแผนที่และภายวาดร่วมสมัยไม่มีชุมชนขนาดใหญ่นอกเกาะเมือง) ความหนาแน่นประชากรจะเป็น6เท่าของสลัมมุมไบ
- ไม่ใช่ไม่มีคนแย้ง Ian Matthew Morris (Social Development ปี2010) ระบุว่าในปี1700 เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกคือปักกิ่ง จำนวน650k
ไปมู้ ปวศ. กันเหอะโม่งทั้งหลาย เถียงกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะแหม่
>>137 ถ้ามึงต้องการที่พูดเป๊ะๆ แบบนั้นไม่มีหรอก มันมีแต่การเปรียบเทียบว่าเจริญมากมายแค่ไหน
>>138 กูหมายถึง 1 ล้านคนนะ >>140 ตอบแล้ว
>>140 ขอบคุณมาก
>>141 สมัยศ. 17 ที่ชิงเข้าแผ่นดินจีนมีการล้างโคตรคนจีนไปเป็นจำนวนมาก กว่าจำนวนจะฟื้นได้ก็ช่วงศ. 19 เลย คนจะน้อยก็ไม่แปลก
เอ้อ อันนี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักเลยที่ไทยแซงขึ้นมาพอดี
>>143 ถ้าอ่านดีๆ ขนาดจะอ้างว่าพูดถึงความเจริญก็ยังก้ำกึ่ง เพราะส่วนใหญ่พูดถึงวัดกับวังสวยงาม การค้าขายเยอะ มีพูดถึงผังเมืองว่าดีนิดเดียว แต่แอบมีของแชร์เวสที่เขียนว่า ระบบน้ำยังไม่ดีพอ "...สถานที่ดังนี้จะอำนวยประโยชน์ได้อีกมาก ถ้าไม่มุ่งแต่จะก่อสร้างอาคารบ้านเรือนให้งดงามถึงเท่านี้ แล้วละเลยการปรับปรุงทางน้ำเสีย..." ความใหญ่โต แกมเฟอร์ก็บอกชัดเจนว่ายังไม่เท่าเยอรมันที่นึงละ "...ในกรุงมีโบสถ์วิหารอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มีบริเวณพอสมกับถนน และเต็มไปด้วยสถูปเจดีย์ปิดทองขนาดต่างๆ ความใหญ่โตไม่เท่าโบสถ์ของเรา แต่ความงามภายนอกนั้นยิ่งกว่ามากนัก..." ไอ้ที่อีตานี่เขียนว่า ยิ่งใหญ่สุดในแถบเอเชีย ก็ไม่รู้นับถึงที่ไหน หรือเจ้าตัวเคยเห็นกี่ประเทศของเอเชีย หรือจริงๆหมายถึงแค่แถบอาเซียน? สรุปว่าจากลิ้งนี่ ฝรั่งบอกแค่ว่า วัดวังสวย ผังเมืองเป็นระเบียบ(ในยุคนั้น) ศูนย์กลางการค้าขาย แค่นั้นเองแหละ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9580000098443
แล้วมีอันนี้บันทึกของตุรแปง เขียนซะเละไปเลย นอกจากการค้าแทบไม่เหลืออะไรดีๆ ทหารกาก อาวุธกาก ระบบสุขภาพห่วย การศึกษาขาดหลักเหตุผล(ไหนว่าพุทธสอนกาลามสูตร!?) ไม่ชำนาญเดินทะเล ไม่รู้ดาราศาสตร์ คนไม่ชอบคิด กฎหมายห่วยแตกทำผิดให้เป็นถูกได้แบบทุเรศทุรังที่สุด(อันนี้น่าจะโคตรจริงที่สุด เพราะคุ้นชห!) https://www.facebook.com/notes/2735881536739596/
เพิ่มเติม เรื่องศิลปะนี่ก็ยังอวยได้ไม่เต็มที่ เพราะเด่นแค่พวกแนวปั้นๆสร้างๆ แต่ภาพวาด ดับสนิท "ในกรุงสยามไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม"
>>144 เรื่องกฎหมายนี้ฝนั่งเศสคิดตรงข้ามนะ พวกนั้นบอกตัวบทกฎหมายไทยดีเลิศมาก แต่คนใช้กฎหมายเปลี่ยนกฎหมายได้ตามใจ
บันทึกมันเขียนจากความเข้าใจและจุดยืนของแต่ละคน บันทึกพวกนี้ถึงมีเรื่องขัดแย้งกันเองอยู่ และหนังสือของตุรแปงเองเป็นแค่คำบอกเล่า ไม่มีใครรู้ว่าตรงกับที่ฟังมาแค่ไหน ข้อสังเกตุคือบรีโก้นั้นอยู่ในอยุธยาช่วงกรุงแตกและถูกวาดต้องไปพม่า การจะกล่าวว่าร้ายอยุธยานั้นเข้าใจได้ นักปวศ.ไทยในยุคหลังมีฉันทามติใหม่แล้วว่าอยุธยาตอนนั้นไม่ได้อ่อนแอ กษัตริย์ไม่ได้ขี้ขลาด แต่พม่าเตรียมการมาดีจนไทยสู้ไม่ได้เองมากกว่า และเรื่องการศึกษา สมัยนั้นบาทหลวงฝรั่งเผยแพร่ศาสนาในไทยไม่ได้เพราะพระไทยแข็งแกร่ง ธำรงตนในพระวินัยดีน่าเลื่อมใส บาทหลวงสมัยนั้นถึงกับต้องเลียนแบบพระป่าเพื่อเรียกคะแนนนิยม เป็นไปได้ว่าเพรสะเหตุนี้ทำให้โจมตีการศึกษาสมัยนั้น หรือก็คือรร.วัดนั่นละ
>>145 คีย์เวิร์ดอยู่ที่ "ไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป" แปลว่าไม่งามแบบยุโรป ไม่ใช่ว่าไม่งาม อย่างศิลปะจีนก็กูเห็นว่าไม่งามเหมือนยุโรป แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่งามในแบบของตัวเอง
อีกนิด ไม่ใช่ว่าบันทึกเชื่อถือไม่ได้นะ แต่เราต้องมองด้วยว่าเขาเขียนในฐานะอะไรในสภาพแวดล้อมไหน และด้วยค่านิยมอะไรด้วย ถึงจะเข้าใจว่าทำใมเขียนแบบนี้ และให้ข้อสังเกตุไว้
>>146 >>147 ฝรั่งเศสคนไหนวะชมตัวบทกฎหมายไทย ก็ไอ้ตุรแปงนี่ก็ฝรั่งเศส??? มาลอยๆอีกแล้วนะมึง
ย่อหน้า2ก็ลอยๆ ฉันทามติของนักปวศไทยของมึงนี่ไปถึงตรงไหนวะ แค่พม่าเตรียมการดี หรือพระไทยแข็งแกร่ง ฝรั่งโจมตีโรงเรียนวัด? ใช้แค่นี้ทำลายเครดิตบันทึกไปหมดเลยเหรอ เอางี้ละกัน มีฝรั่งคนไหนเขียนว่าพระไทยเก่งเรื่องการใช้เหตุผลหรือรู้หลักวิชาการเดินทะเล ดาราศาสตร์ป่ะ? หรือมึงจะบอกว่าฝรั่งทุกคนเข้ามาโฆษณาคริสต์หมด ตั้งใจโจมตีหมด?
เรื่องภาพวาดยุโรป มันเขียนชัดเจนนะ "ไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม" คีย์เวิร์ดอยู่ที่ "หลักศิลปะของยุโรป" ซึ่งมันมีหลักวิชาที่ทางยุโรปเรียนกันแล้วก็สอนจนกลายมาเป็นหลักการวาดการเขียนทุกวันนี้นะ เช่นการร่างภาพ ปรับสเกลอะไรที่แม่งต้องลากเส้นเยอะๆอ่ะ มันไม่ใช่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น ซึ่งดูจากที่ทุกวันนี้ก็ต้องเอาหลักวิชาของฝรั่งมาสอนศิลปะ ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะว่าตุรแปงพูดผิดหรือถูก
ปล. เรื่องฉันทามติว่าพม่าเตรียมตัวมาดี จริงๆก็ไม่ได้ไปไกลขนาดว่าทหารไทยไม่ได้อ่อนแอด้วยนะ เคยอ่านหนังสือประวัติตากสินของนิธิรึเปล่า ที่เขียนว่าระบบเกณฑ์ไพร่ในอยุธยาล้มเหลวตั้งแต่ก่อนเสียกรุงแล้ว
>>148 โทษที ไม่ใช่แค่ฝรั่งเศส แต่ฝรั่งเยอะแยะเลยที่แซะกฎหมายของสยาม
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=622467765316878&id=198630671033925
"ฝรั่งคนไหนเขียนว่าพระไทยเก่งเรื่องการใช้เหตุผลหรือรู้หลักวิชาการเดินทะเล ดาราศาสตร์ป่ะ"
มีสิ ในลิงค์แรกมีพูดถึฝเรื่องคำนวนสุริยุปราคาไง การใช้ แต่เรื่องเรือไทยไม่เก่งจริงๆ สมัยนั้นใช้สำเภาจีนหมด
อย่างที่บอก มันไม่ใช่บันทึกปฐมภูมิด้วยซ้ำ แค่คำบอกเล่า และคนต้นทางคือบรีออกมาบอกด้วยว่ามั่ว
His Histoire naturelle et civile du royaume de Siam (1771) is an interesting but faulty adaptation of the observations of a vicar-apostolic who had lived for a long time in that country, and who accused Turpin of having misrepresented his ideas.
https://en.m.wikipedia.org/wiki/François_Henri_Turpin
ความงามในศิลปะอยู่ที่สายตาของคนมอง ทุกวันนี้ต่อให้มีคนใช้ทฤษฏีมาจับยังไง กูก็ไม่เห็นว่าศิลปะตั้งแต่ยุค modern มันจะสวยตรงไหน ถึงกูจะชอบสาย realistic กับ impressionist ก็เถอะ แต่มันก็แค่แนวทางนนึง แล้วถ้าจะแซะว่าคนไทยวาดรูปสัตว์ประหลาดเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ภาพมังกร ยูนิคอน นรกสวรรค์ หรือเทวดาแบบยุคกลางนี่ไม่ฟุ้งซ่านเลยสิ พวกนั้นไม่ได้วาดเทวดาคริสต์ของจริงด้วยซ้ำ
>>150 ที่ว่าดีเนี่ยรายละเอียดน้อยมาก บอกดีเฉยๆ แล้วมีแฌร์เวสที่บอกว่า ถ้าทำได้ตามกฎหมายจะมีอารยะสุดในตะวันออก อันนี้รวมจีนหรือญี่ปุ่นด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าดีก็ดี แต่ไอ้ที่ว่าดีเลิศเนี่ยลอยมาก อย่างที่ฟานฟลิตบอกได้รับยกย่อง ก็ไม่เขียนว่าใครยกย่อง ประเทศต่างๆที่เข้ามาหรือพวกอยุธยากันเองยกย่องเอง แล้วด้านการบังคับใช้ก็พูดตรงกันทุกฉบับและตรงกับตุรแปงด้วย ถ้ามึงจะบอกว่าศิลปะอยู่ที่มุมมอง กูว่าไอ้ความดีของกฎหมายตามบันทึกนี่มันดูเป็นมุมมองกว่าอีกนะ ศิลปะมันยังมีบอกว่าแย่เพราะไม่ได้สัดส่วน แต่กฎหมายที่ว่าดีไม่เขียนเลยว่าดีคือยังไง
ลิงค์แรกจากผจก? ไม่เห็นมีว่ะคำนวณสุริยุปราคา มันคำนวณได้ยุค4ไม่ใช่เหรอ นี่พูดถึงสมัยอยุธยา
ส่วนบันทึกจริงๆก็เป็นคำบอกเล่าจากคนบันทึกหมดแหละ บันทึกทุติยภูมิไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ ต่อให้มีจุดผิดพลาดก็ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ แค่ต้องพิจารณาเทียบกับหลักฐานอื่น ตัวอย่างเช่นหนังสือหลายเล่มของกศร กุหลาบ ดำรงนุพาบไปตีขลุมว่ามั่วหมดเป็นพวกขโมยหนังสือดัดแปลง แต่นิธิเอามาใช้อ้างอิง เจ้าตัวก็เขียนอยู่ว่าใช้ได้ แต่ต้องเทียบกับหลักฐานอื่นอย่างระวัง
เรื่องความงามศิลปะ ก็อย่างที่บอกมันมีหลักวิชาให้เรียนให้ศึกษาอยู่ พวกแนวทางการร่างวางสเกลภาพฉากหลังอะไรหลายๆอย่าง พวกสื่อต่างๆทั้งหนังซีรี่ การ์ตูน ภาพวาดส่วนใหญ่ยุคนี้ที่อยู่รอบตัวมึงก็ต้องใช้หลักวิชาพวกนี้ในการสร้างขึ้นมาหมดแหละ เช่นจะทำหนังมึงก็ต้องวาดคอนเซปอาร์ท วาดชุดตัวละคร วาดภาพคร่าวๆว่าฉากนั้นฉากนี้อยากจะถ่ายออกมาให้เป็นยังไง ไม่มีหลักวิชาศิลปะก็ทำไม่ได้ ถ้าศิลปะสมัยอยุธยาดีจริงมันคงเรียนกันเป็นคณะแยกออกจากศิลปะแบบฝรั่ง แล้วเอามาใช้สร้างสรรค์อะไรที่ไม่แพ้กันได้ไปแล้ว
>>151 ช่วงพีคคังซีก็จริง แต่จำนวนปชก.ไม่เพิ่มขึ้นมากขนาดนั้น ในแง่นึงช่วงพีคนั้นเกิดได้เพราะทรัพยากรมากกว่าคนนั่นละ ซึ่งค่อนข้างหาได้ยากในปวศ.จีน
แล้วกูแค่เสนอเฉยๆ ว่าทำใมอยู่ๆ ไทยถึงแซงขึ้นมาได้ เพราะสมัยก่อน นอกจากโรคระบาดแล้ว สงครามนี่ละส่งผลกับจำนวนปชก.มากที่สุด ซึ่งต้นทางเอาตัวเลขพีคมาวัดแทนที่มีเดียน
>>152 มึงไม่เข้าใจว่ามันแซะคนไทยเหรอ ถึงบอกให้ไปเทียบกับจีนหรือญี่ปุ่น แต่เทียบจริงๆ แล้วก็ไม่แน่ว่าไทยจะด้อยกว่า กฎหมายจีนหรือญี่ปุ่นสมัยนั้นไม่ได้เจริญอะไร เอาจริงหลักการปกครองด้วยกฎหมายในเอเชียนี่เบาบางมากๆ จนแทบไม่ต้องพูดก็ได้ แย่ะอกันหมดละ
ไม่มีจริงด้วยแฮะ ตอนแรกกูเหมือนเห็นในนั้น โทษที
http://thaiastro.nectec.or.th/royal/narai.html
มีการรับชมสุริยุปราคาสมัยพระนารายน์อยู่ เอาจริงกูไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนคำนวน แต่ที่แน่ๆ คือสมัยนั้นรับวิทยาการตะวันตกมาเยอะพอดู
ในการบันทึก ถ้าคนเขียนไปพบมาเองจะน่าเชื่อถือกว่าคำบอกเล่า การฟังเขาเล่าอีกทีจะมีความคลาดเคลื่อนมากน้อยตามแต่คนรับสาร แล้วในกรณีนี้คนเล่าแย้งด้วยว่าคนเขียนเข้าใจผิด ความน่าเชื่อถือเลยยิ่งต่ำเข้าไปอีก
ความงามในศิลปะนั้นมีหลักเกนฑ์จริง แต่ก็ขึ้นอยู่ว่ามึงจะชอบแค่ไหน กูยกตัวอย่างให้อีกอันก็ได้ การเขียนอักษรจีนที่คนจีนยกย่องมากว่าคือสูงสุดแห่งงานศิลปะ เรื่องนี้มีหลักการซับซ้อนและละเอียดถึงที่สุด พัฒนากันมาเป็นพันปี แต่ถามว่าคนนอกจีนเข้าใจมั้ย ก็ไม่ เอาจริงคนจีนยังไม่ค่อยเข้าใจเลย
เล็กน้อย ศิลปะจีนสมัยก่อนไม่ชอบ realism คนจีนถือว่าความสมจริงถึงขีดสุดแบบฝรั่งนั้นไม่งาม การใช้ลายเส้นแฝงความนัยนั้นงามกว่า ซึ่งก็มีพื้นฐานมาจากอักษรจีน รูปวาดถึงที่สุดคือตัวอักษร ไม่ใช่ภาพ กูพอเข้าใจหลักการ แต่กูก็มองความงามแบบนั้นไม่ออกอยู่ดี
>>153 จีนมีสำนักนิติธรรมตั้งแต่ยุคจิ๋นซีเลยว่ะ มึงจะมโนว่ากฎหมายไทยตัวบทดีเท่าหรือดีกว่าก็เป็นแค่ความเห็นนะ แต่ถ้าการบังคับใช้ด้วยยังไงก็สู้ไม่ได้ ฝรั่งมันก็เขียนอยู่ว่าห่วยแตกเละเทะ แทบทุกคนเขียนตรงกันหมดลิ้งที่มึงเอามาอ่ะ จะเอาไปเทียบจีนไม่เมคเซ้นส์อย่างแรง
เรื่องบันทึก ก็อย่างที่กูบอกทางปวศ เค้าไม่ตัดหลักฐานทั้งชุดง่ายๆแบบนั้น งานกศรกุหลาบมีทุกอย่างที่มึงพูด นิธิก็เอามาใช้ แต่ต้องใช้อย่างระวัง ตรวจเทียบกับหลักฐานอื่นโดยเฉพาะหลักฐานชั้นต้น ถ้าตัดเลยแบบมึงมันแนวของดำรงนุพาบที่เก่าเกินแกงแล้ว
ส่วนศิลปะก็อย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องความงาม คีย์เวิร์ดคือหลักวิชา ซึ่งศิลปะตะวันตกมันมีหลักวิชาที่พัฒนาต่อยอดมาได้สร้างอะไรได้มากมายทุกวันนี้ ส่วนอยุธยาก็เป็นแค่ของเก่าอนุรักษ์เท่านั้น ก็เป็นหลักฐานอยู่เองว่าความเห็นของตุรแปงถูกแล้ว
>>153 ก่อนจะเสนอว่าทำไมประชากรปักกิ่งลดลง(ซึ่งมันผ่านช่วงตกต่ำจากสงครามมา50ปี มีเวลาปั๊มประชากรขึ้นเยอะแยะ) มึงหาเหตุผลมาซัพพอร์ตการที่ตัวเมืองอยุธยาจะมีประชากรถึงล้านเหอะ ขี้วันละล้านกองในพื้นที่8ตร.กม. (พื้นที่ใช้จริงน่าจะน้อยกว่านั้นอีก เพราะมีคลอง วัด วัง สิ่งก่อสร้าง) โดยที่ไม่มีระบบสุขาภิบาล น้ำกินน้ำใช้มันจะพอไหม ไหนจะที่อยู่อาศัยอีก
เมืองที่มีประชากรแตะล้านในยุคก่อนอุตสาหกรรมมันต้องมีขนาดใหญ่โตกว่าพื้นที่เกาะเมืองอยู่แล้ว
ถ้ามึงจะอ้างว่านับรอบเกาะเมืองด้วย มึงหารูปภาพหรือแผนที่อยุธยายุคปี1700ที่แสดงให้เห็นว่ามีชุมชนขนาดใหญ่ระดับ10k ในพิ้นที่ใกล้เคียงเกาะเมืองหน่อยเหอะ(อย่างน้อยก็ต้องใกล้พอจะนับได้ว่าเป็นsuburbของเกาะเมือง ไม่งั้นก็ไม่นับว่าเป็นเมืองเดียวกันแล้ว)