Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง

Last posted

Total of 1000 posts

812 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

คิด ๆ อยู่ว่าจะตั้งกระทู้ดีหรือไม่ เพราะมันก็ปัญหาเดิม ๆ นะ
ถกเถียงกันไปมา ก็ไม่สามารถหาคำตอบที่ลงตัวได้หรอก
เจอกระทู้ลงในเรื่องนี้ทีไร ก็ผ่านไป ไม่อยากจะเข้าไปออกความเห็นอะไรให้เข้าเนื้อ ถือว่า ครอบครัวใคร ครอบครัวมันแล้วกัน

ทีนี้ก็มาเกิดปัญหา เมื่อเพื่อนที่รู้จักกันมาสิบปีแล้ว ลูกชายเขาไปรักหญิงไทยที่มาเรียนภาษาที่นี่ แล้วก็ขอแต่งงานไปเรียบร้อย พ่อแม่ก็ดีใจ เตรียมต้อนรับคู่หมั้นลูกชายเต็มที่ แต่ไม่นานนัก ลูกชายก็คอตก กลับบ้านมาบอกพ่อแม่ว่า มีปัญหา
หลังจากฟังปัญหาของลูกชายแล้ว พ่อเขาก็บอกว่า ลองมาปรึกษาดิฉันดูดีกว่า เพราะว่าอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน น่าจะอธิบายให้เขา ภรรยา และลูกชายเข้าใจได้ในเรื่องนี้

สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนดีมาก ช่วยเหลือคนตลอด มีน้ำใจ ดิฉันเห็นว่า รับฟังก่อนคงไม่เสียหาย ช่วยได้หรือไม่ค่อยว่ากัน

ลูกชายเล่าว่า เมื่อสวมแหวนหมั้นให้ฝ่ายหญิงแล้ว ทางฝ่ายหญิงซึ่งวีซ่านักเรียนจะหมดลงเร็ว ๆ นี้ ก็ดีใจมาก โทรศัพท์ไปแจ้งกับทางครอบครัวที่เมืองไทยทันที ว่าจะแต่งงานกับหนุ่มอังกฤษอนาคตดี มีการศึกษา ฝ่ายชายจะบินไปแต่งงานจดทะเบียนด้วยที่เมืองไทยก่อน เพราะอย่างไรวีซ่าฝ่ายหญิงก็จะหมดแล้ว จากนั้นค่อยว่ากัน

ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ฝ่ายหญิงรับปากจะแต่งงานโดยที่ไม่ได้มาปรึกษาพ่อแม่ และไม่ได้มีการสู่ขอ หมั้นหมายอย่างเป็นทางการ ขอให้ทางลูกสาวได้เข้าใจว่า ต้องทำตามขั้นตอน คือ ให้ฝ่ายชายมาสู่ขอ พร้อมสินสอดทองหมั้น ค่าน้ำนม (สุดแล้วแต่จะเรียก) โดยมีรายการดังต่อไปนี้

เงินสด ห้าล้านบาท
งานเลี้ยง แขกประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยคน
รถกะบะหนึ่งคันให้น้องชายเจ้าสาว (ใหม่ป้ายแดง ของมือสองไม่เอา)
ให้ปลูกบ้านให้พ่อแม่และน้องอยู่หนึ่งหลัง เป็นบ้านตึก (บ้านไม้หรือปรับปรุงบ้านไม่เอา ให้ปลูกใหม่)

เมื่อสามารถทำตามนี้ได้ จึงค่อยมาพูดถึงเรื่องแต่งงาน!

813 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ดิฉันอ่านรายการจากสินสอดที่ฝ่ายชายจดมาให้ ถึงกับอึ้งกิมกี่ พูดไม่ออก

ฝ่ายชายได้ขอร้องให้ผู้หญิงคุย ต่อรองสินสอดกับทางครอบครัว เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนปริญญาโท เรียนด้วย ทำงานด้วย เก็บเงินเองไม่ได้รบกวนพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 18 เงินเก็บก็ไม่มีมากนักเพราะเอามาซื้อแหวนหมั้นไปส่วนหนึ่ง เขาจะพยายามทำงานเก็บเงินทางนี้ เพื่อไปสู่ขอโดยเร็วและจะได้จดทะเบียนกันที่เมืองไทย เพื่อฝ่ายหญิงจะได้ทำเรื่องขอมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาต่อไป

ครอบครัวทางเมืองไทยไม่ตกลงใด ๆ ทั้งสิ้น ขอยืนยันตามทีเรียกไป โดยบอกว่า ลูกสาวตนจบปริญญาตรี แล้วได้ไปอังกฤษ ถือว่ามีคุณสมบัติดีกว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่ควรได้สินสอดต่ำกว่าหญิงสาวอื่น ๆ ในหมู่บ้าน ละแวกบ้านเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคงต้องโดนคนดูถูกและหัวเราะเยาะ ที่ค่าน้ำนมได้น้อยกว่าคนที่ไม่ได้เรียนเยอะ ๆ เสียอีก ฯลฯ

ท้ายสุดฝ่ายหญิงบอก ถ้าหากเรียกขนาดนี้ ผู้ชายคงไม่มีเงินแต่งแน่ เพราะคงไม่สามารถหาเงินมากขนาดนี้ได้ อายุก็ยังน้อย ทางบ้านก็ให้ทางเลือกมา คือ ให้เลิกแล้วหาฝรั่งคนใหม่ แค่นี้ หรือไม่ก็ให้ฝ่ายชายไปเอาเงินจากพ่อแม่มา

ฝ่ายหญิงขอให้ฝ่ายชายลองคุยกับพ่อแม่เขา ขอให้ช่วยโดยให้นำเงินออมสำหรับเกษียณ (pension) ที่พ่อแม่สะสมไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่ เอามาเป็นค่าสินสอดทองหมั้นเธอ! (ตอนที่ฟังอยู่ของเริ่มขึ้นแต่สะกดใจไว้ไม่ให้อุทานคำด่าอะไรออกไป) แล้วบอกว่า ถ้าพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ช่วย กลับไปเมืองไทยก็คงจะต้องเลิกกันแน่นอนเพราะครอบครัวเธอคงไม่อนุญาตให้แต่งงาน

ดิฉันถามว่า เขาได้คุยกับพ่อแม่หรือไม่ เรื่องแฟนตัวเองเอ่ยปากให้ขอเงินเกษียณของพ่อแม่มาเป็นสินสอดตน เขาบอกว่า เขาไม่กล้าพูด เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พ่อแม่เขาทำงานเหนื่อย เก็บเงินมาเพื่อจะได้มีเงินใช้ในบั้นปลายชีวิต ถึงจะมีบ้านอยู่ก็จริงแต่ก็ไม่ได้หรูหราร่ำรวยอะไร แค่มีพอกินพอใช้ไม่ขาด ปี ๆ ก็ไปเที่ยวพักผ่อนตามประสาคนแก่ ใกล้ ๆ บ้างหรือในประเทศบ้าง เขาไม่บังอาจที่จะเอาเงินพ่อแม่มาแน่นอน ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

เห็นหน้าพ่อหนุ่มคนนี้แล้วก็สงสาร ดิฉันเห็นเขามาแต่เด็กอายุสิบห้า ตอนนี้ก็ยี่สิบห้าไล่เลี่ยกับลูกสาวดิฉัน อยากจะช่วยเหลือ แต่จะให้ช่วยอย่างไรในเมื่อทางครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ยอมลดราคาค่าสินสอดและอื่น ๆ คงจะต้องบอกตรง ๆ ให้ฝ่ายชายตัดใจ หาเอาใหม่ เพราะว่าคงจะไม่ได้ลงเอยกันเสียแล้ว หรือไม่เช่นนั้นก็ให้ขอเงินจากพ่อแม่เอาแล้วกัน ถ้าคิดว่าชีวิตนี้ขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริง ๆ

814 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ฝ่ายชายบอกว่า เขาไม่ได้คุยกับพ่อแม่ ไม่กล้า แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า นี่คือทางเลือกสุดท้าย ในที่สุดเธอก็แนะนำฝ่ายชายให้บอกกับพ่อแม่ว่า หากไม่มีเงินพอ ขายบ้านปัจจุบันก็ได้แล้วไปซื้อบ้านที่เล็กกว่า หรือแฟลตที่อยู่กันสองคน หรือจะขายบ้านไปซื้อบ้านที่เมืองไทยก็ได้เพราะถูกกว่า

ดิฉันถามว่า เขารู้หรือไม่ว่า ชาวต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเมืองไทยได้ ซื้อได้แต่คอนโด ฯลฯ เขาบอกไม่ทราบเลย ไม่มีความรู้ แต่เรื่องพ่อแม่จะย้ายไปเมืองไทยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะสังคมเพื่อนฝูงของทั้งคู่อยู่ที่เมืองนี้

ดิฉันได้แต่ฟังเขาปรับทุกข์ และปลอบใจ ไม่ได้บอกให้เขาตัดใจ แต่บอกว่า เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่ตัวเองคงไม่สามารถเปลี่ยนค่านิยม ความคิดของคนอื่น ๆ ได้
เขาถามว่า พ่อแม่ดิฉันเรียกสินสอดหรือไม่ ดิฉันหัวเราะ ตอบว่า ดีเท่าไหร่ไม่แถมเงินให้แล้วยกลูกสาวให้ฟรี ๆ แม่ดิฉันบอก ใครมารักลูกจริง ๆ ก็พอใจแล้ว ไม่ได้เรียกร้องอะไร จะให้ก็ให้ ไม่ให้ก็ไม่ว่า ไม่ได้ขายลูกกิน (ถึงจะจนก็เถิด)

ยิ่งมามีลูกสาวด้วยนี่ จะให้ดิฉันเรียกค่าน้ำนมเท่าไหร่ ถ้าจะคิดคำนวณเป็นตัวเงิน คงไม่มีอะไรมาชดเชยได้ เพราะไม่ใช่ใช้เงินเลี้ยงลูกอย่างเดียว ดิฉันเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเสียสละ ความอดทน ทุ่มเททุกอย่างให้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ได้หวังอะไรเลยจากลูก นอกจากให้เขามีการศึกษา มีวิชาความรู้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ทำตัวเหลวไหล เป็นปัญหาสังคมหรือทำสิ่งผิดกฏหมาย ให้เป็นคนดี มีน้ำใจ แบ่งปันต่อเพื่อนร่วมโลก ดิฉันก็พอใจแล้ว เขาจะรักใคร ชอบใคร ดิฉันไม่ได้ไปเป็นเจ้าชีวิตเขา ดิฉันเป็นแม่ ถึงจะรักมาก ๆ แต่ก็ห่วงอยู่ห่าง ๆ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เงินทองก็อยากให้เขาเก็บไว้ ไม่ต้องเอามาให้หรอก แค่ไม่ต้องมาขอก็ดีใจแล้ว 555 (เขาก็ไม่เคยขอหรอกนะ มีแต่ซื้อของขวัญโน่นนี่มาให้ตามเทศกาลตลอด บางทีก็เสียดายเงินแทนเลย)

ดิฉันคิดแบบนี้ และก็ไม่สามารถบังคับให้แม่คนไหนคิดอย่างดิฉันได้ ไม่ใช่เป็นแม่ในอุดมคตินะ คิดอย่างนี้จริง ๆ

815 Nameless Fanboi Posted ID:NjuVbwNgb

>>810 เพจสวะอย่าง CSI LAเหรอครับ ฮ่าๆๆๆ

816 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ดิฉันได้บอกพ่อแม่ของฝ่ายชายหลังจากวันนั้นว่า ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยได้เลย แม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่เรื่องนี้ก็เกินความสามารถของดิฉันจริง ๆ และขอให้เขาได้ดูแลลูกชายให้ดี ๆ หากต้องเลิกกับฝ่ายหญิง คงจะอกหักมิใช่น้อย เพราะหน้าตาเครียด อมทุกข์เหลือเกิน

แม่ของฝ่ายชายได้บอกว่า เธอยินดีช่วยลูกชายทุกอย่าง ทนเห็นลูกชายอกหักแบบนี้ไม่ได้
ดิฉันเลยถามว่า หากเธอต้องขายบ้านนี้ เอาเงินมาเป็นค่าสินสอด แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ถูกกว่าที่นี่ เธอจะยอมไหม เธอจะเอาเงินเกษียณเธอกับสามีเธอมาเป็นค่าสินสอดไหม ถ้าเธอทำได้ คงจะหมดปัญหา

เธอตกใจมาก ถามว่า นี่เป็นความคิดของลูกชายเธอหรือ ดิฉันก็เลยบอกไปตรง ๆ ว่า ไม่ใช่หรอก คู่หมั้นของเขานั่นแหละที่เสนอแนะทางออกนี้ แต่ลูกเธอไม่ทำ
เธอโล่งใจ พูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้ทางโทรศัพท์ ดิฉันปลอบเธออยู่ซักพัก ก็วางสายไป

คนแก่ที่นี่ ถึงจะมีเบี้ยเกษียณจากรัฐบาลก็จริง แต่ก็ไม่มากมาย ส่วนใหญ่จะใช้เงินเกษียณที่สะสมไว้ตอนทำงาน ที่บริษัทสมทบให้แล้วตัวเองก็สะสมเพิ่มไปคล้าย ๆ กับ กองทุนสมทบของเมืองไทย เงินที่จะถอนมาใช้แต่ละเดือน บางกองทุนก็จำกัด บางกองทุนก็ไม่จำกัด เงื่อนไขต่าง ๆ กันไป แต่ส่วนใหญ่จะถอนมาได้เมื่อเป็นสมาชิกไม่ต่ำกว่าหลาย ๆ ปี หรืออายุเกินวัยเกษียณแล้ว ปราศจากเงินก้อนนี้แล้ว ชีวิตคนแก่ที่นี่จะค่อนข้างลำบากทีเดียว เพราะเขาไม่มีวัฒนธรรมที่ลูกจะต้องมาหาเลี้ยง ส่งเสียพ่อแม่ ส่วนใหญ่ก็มาหา มาเยี่ยม ให้ของขวัญตามเทศกาล

เป็นอันว่า นี่คืออีกเรื่องที่ดิฉันไม่อาจช่วยได้ ทั้ง ๆ ที่อย่างที่พ่อฝ่ายชายว่า ก็เป็นคนไทยด้วยกัน

ดิฉันไม่ได้พูดว่า ไม่ควรมีสินสอด ทองหมั้น ค่าน้ำนม แต่อยากจะขอให้เรียกร้องแต่พอดีๆ ดูฐานะของฝ่ายชายด้วยว่าสามารถไหม คุณให้เวลาเขาในการทำงานหาเงินเก็บมาสู่ขอไหม ตรงนั้นด้วยที่สำคัญ เพราะหากคนมีฐานะดี ๆ ร่ำรวย คงไม่ใช่ปัญหาอะไร

บางครอบครัว ที่เคยเห็นมา ฝ่ายหญิงมีฐานะดีมาก ฝ่ายชายไม่มี ทางบ้านฝ่ายหญิงยังให้โอกาสทำงานเก็บเงิน สร้างฐานะเลย พอมีตามสมควรแล้วค่อยมาขอ อีกอย่างก็เป็นการดูด้วยว่ารักมั่นคงไหม ตั้งใจทำมาหากินไหม เคยเห็นมาแล้วนี่คือครอบครัวคนจีนนะ ตอนนี้แต่งงานมีลูกอายุสามสิบกว่าแล้ว ก็ไม่เห็นเขาจะเรียกร้องมากมายอะไรทั้ง ๆ ที่เรียกได้ด้วยซ้ำ

ส่วนครอบครัวที่มีฐานะยากจน ดิฉันก็เข้าใจนะ เพราะตัวเองก็ไม่ได้รวย ก็อยากจะได้มีเหมือนใคร ๆ เขาบ้าง แต่นี่มันใช่วิธีที่ถูกต้องไหม มันเหมือนบีบบังคับ ฉ้อโกงยังไงก็บอกไม่ถูก

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.