อดีตตำรวจนายหนึ่งสะท้อนการปรักปรำของตำรวจไทยในคดีหนึ่งว่า มีเหตุปล้นร้านทองขึ้น เจ้าร้านรู้แค่มา2คนสวมหมวกไหมพรหมพร้อมปืนได้ทองแล้วหนีไป ตำรวจจับคนร้ายมาสองคนส่งคดีและฟ้องศาลไปเรียบร้อย...จนต่อมาหญิงคนหนึ่งมาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แจ้งว่า สองคนนั้นเป็นแพะ คนปล้นคือสามีตัวเอง เพราะรับไม่ได้ จึงนำสืบใหม่ พบที่กระจกตู้ปลาร้านทองมีลายนิ้วมือจึงตรวจตรงกับผู้ต้องหารายใหม่จึงออกหมาย นำแพะมาสอบบอกว่าถูกตำรวจท้องที่เจ้าของคดี เอาตัวไปขังไวั4วันใช้ไฟฟ้าช๊อตอวัยวะเพศจนไหม้จึงยอม ดีเอสไอก็ทำคดีฟ้องผู้ต้องหาตัวจริงเข้าคุกแล้วปล่อยแพะได้ ที่สุดได้เงินชดเชย3ล้านบาท ปรากฎย้อนหลังพบตำรวจเจ้าของคดีเคยเอาผลงานคดีจับแพะไปเสนอภาค1ขอขี้นขั้นได้ แต่ตอนแทรกหลักฐานจับกุมว่า จับวันที่4 นั้น กลับเอาใบผิดที่จับเขามาวันที่2 หมายถึงออกคำสั่งจับเองแล้วเอาตัวไปกักขังหน่วงเหนี่ยว จึงถูกร้องให้ออกจากราชการ...เรื่องนี้จะบอกว่า แพะหลายแพะเกิดแต่ตำรวจปั้นคดีเอาผลงานเลื่อนตำแหน่ง เช่นเดียวกับที่ผมจะนำเสนอต่อไปนับจากนี้ด้วย และในฐานะที่ทำข่าวมาหลายปีก็ว่าถ้าเห็นตำรวจนำคนร้ายหรือผู้ต้องหามานั่งแถลงอย่ารีบเชื่อว่าทุกรายเป็นคนร้ายตัวจริงนะครับ สำหรับนักข่าวเรากรองแพะก่อนได้ด้วยการตรวจสอบผู้ต้องหาบางคดีด้วยการขอให้เขาถอดเสื้อถอดกางเกงหรือสอบถามเรื่องการทรมานมาก่อนหรือไม่ อย่าเกรงใจว่า เราหักหน้าตำรวจ แต่เราทำเพื่อช่วยคนบริสุทธ์ก่อนจะสายไป เช่นคดีเกาะเต่า วิน-ซอว์ ถูกซ้อมมาก่อน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนร้ายจริงหรือไม่ ตำรวจก็ไม่มีสิทธ์มาซ้อมใดๆทั้งสิ้น...