"ผมเคยทำงานกับพระ !
.
ไม่ได้พูดเล่น ปีนึงเต็มๆที่ผมเคยทำงานกับพระตัวเป็นๆ พูดเก่งน้ำไหลไฟดับ เทศน์ได้เป็นต่อยหอย
.
ก็เป็นการทำงานร่วมที่สนุกดี สิ่งที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือการได้เรียนรู้ว่าพระก็มีกิเลสไม่ต่างจากปุถุชน เพียงแต่มันซับซ้อนกว่า ตีความให้ดูดีได้ง่ายกว่า
.
อีกอย่างที่พบก็คือ พระกับรถเก่านี่มักจะแยกกันไม่ออก ในช่วงหนึ่งปีที่ทำงานด้วยกัน พระที่ผมทำงานอยู่ด้วยแกไปแสวงหารถมาได้สามคัน
.
คันแรกน่าจะเป็นรถดัทสันรุ่นเก่า แกบอกว่าญาติโยมบริจาคมาแต่ต้องจ่ายค่าโอน ค่าต่อทะเบียนให้เขา แกโอนเงินไปหลายระลอก แต่สุดท้ายรถคันนั้นก็ยังไม่มีเอกสารทางกฎหมายอะไรรับรองอยู่ดี
.
มันเสียแล้วเสียอีกสุดท้ายต้องจอดทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมรถ จนเจ้าของอู่ต้องขายเป็นเศษเหล็กทิ้งไปเพราะมันเกะกะ
.
คันที่สองเป็นรถปิ๊คอัพแวนสูงโย่งโคร่งเคร่ง เก๋งรถติดยี่ห้อเปอโยต์ เครื่องยนต์เป็นนิสสัน ช่วงล่างผมไม่กล้ามุดไปดู เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยี่ห้ออะไร
.
สิ่งที่ผมจำได้ดีก็คือ คืนหนึ่งมีธุระด่วน ผมนั่งรถไปกับโชเฟอร์ต ฝนตกขณะที่รถวิ่งปุเลงๆไป ผมต้องย้ายที่มานั่งอยู่บนหน้าต่างด้านคนขับโดยยื่นตัวออกไปนอกรถแล้วใช้ผ้าปัดน้ำฝนที่กระจกหน้ารถ เพราะว่าที่ปัดน้ำฝนของรถคันนี้มันไม่มี
.
แน่นอนว่ารถคันนี้วิ่งได้เฉพาะในป่าในดง ถ้าจะเข้าไปซื้อของในเมืองก็ต้องนิมนต์หลวงพี่นั่งหัวเหม่งข้างคนขับไปด้วย จึงจะปลอดภัยจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
.
คันที่สองว่าแปลกแล้ว คันที่สามที่หลวงพี่ไปบิณฑบาตรมายิ่งแปลกกว่า ผมไม่แน่ใจว่ายี่ห้อ VW รึเปล่า หลวงพี่โฆษณาสรรพคุณของซากรถสี่ที่นั่งคันเล็กว่ามันเป็นรุ่นสิงห์ทะเลทรายที่ฝ่ายอักษะใช้ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้อดีของมันก็คือมันไม่มีหม้อน้ำเพราะว่ามันไม่ต้องใช้น้ำในการหล่อเย็น
.
ถ้าใครนึกสภาพของมันไม่ออกให้ไปหาหนังเรื่อง Madmax มาดู
.
โชคดีที่ผมลาจากหลวงพี่มาก่อน เลยไม่รู้สรรพคุณของรถคันนี้ว่าจะจี๊ดจ๊าดละลายทรัพย์ของแกไปอีกมากแค่ไหน
.
ย้อนมานั่งนับนิ้วดูเล่นๆ เงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายไปในช่วงนั้นน่าจะพอนำมาซื้อเงินสดรถมือสองสภาพดีมาใช้ขับขี่ไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัย
.
หรือจะดาวน์รถป้ายแดง เอาค่าซ่อมรถจุกจิกเป็นเงินผ่อนรายเดือนก็ย่อมได้
.
เรื่องรถกับพระ ไม่ใช่กรณีที่ผมเจอกรณีเดียว ไล่ตั้งแต่วัดป่า เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด มันก็มีเรื่องรถเก่า รถที่ญาติโยมบริจาคด้วยใจศรัทธามาทั้งนั้น
.
เกรดของรถก็สุดแต่ผลประกอบการของหลวงพ่อแต่ละท่านว่าจะสูงต่ำแค่ไหน
.
มานั่งคิดถึงปัญหานี้ได้สมติฐานมาว่า พระ ก็มีความอยากเหมือนกับชาวบ้าน รถเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางไปไหนมาไหน แต่ปัญหาก็คือพระซื้อรถใหม่มันดูไม่งาม มันดูไม่สมกับการเป็นสงฆ์ ไม่สมกับการมีภาพเป็นผู้สมถะครองเพศพรหมจรรย์
.
รถเก่า รถผิดกฎหมายเลยเป็นทางออก
.
และสุดท้ายได้กลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มไป
.
ดังนั้นแล้ว โดยส่วนตัว ผมไม่มีความเห็นกับการเอาผิดทางกฎหมายเรื่องถือครองรถเก่ากับว่าที่สังฆราชองค์ใหม่ แต่ถ้าเอาผิดแล้วก็ต้องเอาผิดกับพระภิกษุทุกรูปที่มีลักษณะการกระทำข้างต้นทุกรูป เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียว
.
ส่วนตัวผมเองก็คงต้องเตรียมขอลาอุปสมบท เบาะๆก็ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลจะไปไหนเสีย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง