พูดถึงเรื่องเพื่อน ... จากตอนสมัยมัธยมต้นที่ไม่ได้สนิทสนม
ถ้าเรามีน้องสาว แล้ววันนึงน้องเราจะแต่งงาน เรารู้ว่าเพื่อนเราเปิดร้านทอง เราคงไม่ไปบอกเพื่อนคนนั้นว่า เฮ้ยเพื่อน น้องสาวของเราจะแต่งงาน ขอทองมาเป็นของขวัญในงานแต่งน้องเราหน่อยสิ !!
เราคงต้องคิดไปซื้อกับเพื่อน ไปอุดหนุนเพื่อน ถ้าเพื่อนจะมีส่วนลดให้ ก็ถือเป็นน้ำใจที่มีให้กัน แต่เราคงจะไม่หน้าทนถึงขั้นต่อขอราคาทุนเพื่อน หรือขอลดราคาครึ่งนึง เพราะมันเสียมารยาทนะ
แล้วยิ่งถ้าเพื่อนมีส่วนลดให้แล้ว แต่เราเองที่ไม่ซื้อ คิดว่าลดน้อยเกินไป คิดว่าไม่คุ้มค่า ซื้อไม่ไหว หรือไม่มีปัญญาซื้อ เราก็ยิ่งควรจะต้องเกรงใจและขอบใจเพื่อนคนนั้นเขานะ เพราะอย่างน้อยเขาก็เสนอน้ำใจมาให้
เราจะไม่เที่ยวไปบอกกับใครต่อใครว่า ร้านทองของเพื่อนเราแม่งก็งั้นๆแหละ กูมีปัญญา กูจะไปซื้อที่ไหน ร้านไหนก็ได้ จะซื้อแพงกว่า ร้านดังกว่า ร้านดีกว่าที่มึงขายก็ได้ ทำไมน้ำใจให้เพื่อนแค่นี้ก็ให้กันไม่ได้ ...
สำหรับกูนะ บอกตรงๆ มันตลก มึงติดต่อกูไปร้องงานแต่งน้องมึง กูลดให้มึงสามหมื่นจากราคาโชว์ปกติ ค่าใช้จ่ายกู นักดนตรีกูหกคน คนละหกพัน ซาวด์เอนจิเนียร์กูหกพัน เทคนิคเชี่ยนกูอีกสามคน ค่ารถตู้กู ค่ารถวง ค่ารถเครื่องดนตรี ค่าคนดูแล สิ่งที่กูได้กลับมาคือมึงไปบอกใครต่อใครว่ากูไม่มีน้ำใจ ... โอเค กูจะจำไว้เพื่อน
กูเองก็อยากรู้ ถ้าเป็นมึง เอาเงินให้เพื่อนมึง หรือให้ใครไปซักสามหมื่น หรือแค่ให้เขายืมคิดดอกด้วย มึงจะพูดเป็นบุญคุณเป็นเจ้าชีวิตเขาซักขนาดไหน !?! กูถาม!!
นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องรวยจนนะ กูไม่สนใจ กูไม่เคยไปแบมือขอมึงแดก แต่นี่แค่เรื่องที่ว่า มึงมันสาระเลว !!!
จากกู นักร้องที่ไม่ดังแถมยังไม่มีน้ำใจ