กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่าง ๆ เกี่ยวกับนิยาย
กระทู้ 1 >>>/literature/2342/
กระทู้ 2 >>>/literature/3442/
กระทู้ 3 >>>/literature/4775/
กระทู้ 4 >>>/literature/5724/
Last posted
Total of 1000 posts
กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่าง ๆ เกี่ยวกับนิยาย
กระทู้ 1 >>>/literature/2342/
กระทู้ 2 >>>/literature/3442/
กระทู้ 3 >>>/literature/4775/
กระทู้ 4 >>>/literature/5724/
อะ กูประเดิมเลยจากห้องที่แล้ว
เรื่องวรรณศิลป์ในงานเขียน ใครมีอะไรจัดเต็มมาเลย
กูควานหาหนังสือคำไวพจน์ดีๆ เลยเพิ่งรู้ว่าอมรินทร์พิมพ์ คลังคำ ใหม่แล้ว
ดีใจว่ะ
>>4 ว.วินิจฉัยกุล แก้วเก้า ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ส่วนป้าทมที่ว่าภาษาสวยกูอ่านไม่รอด เขาบรรยายแปลก ๆ ไม่ละมุน
นข.รุ่นใหม่ ๆ ก็เนียรปาตี คนเขียนกาสะลอง บรรยายดี คลังคำเยอะ
แล้วก็นิยายตีพิมพ์กับสนพ.พวกแจ่มใส พิมพ์คำไรงี้ มีคลังคำเยอะ อ่านไม่เบื่อเท่าไร แต่ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ในภาษา เอาง่าย ๆ คือชั้นเชิงภาษายังไม่มีเท่าไร
แต่ถ้าชั้นเชิงภาษาเยอะกูให้ปิยะพร ศักดิ์เกษม ยิ่งเรื่องดอกไม้ในป่าหนาวยิ่งดี ทำกูเจ็บปวดด้วยได้เลย ส่วนเนียรปาตี คนนี้กูชอบมาก ภาษาเป็นตัวเองมาก อีกคนก็ ม.มธุการี กูชอบเรื่องคนละโลก บรรยายไม่มากแต่สื่อความรู้สึกมาก อ่านจบแล้วยังตรึงใจกูจนถึงทุกวันนี้
ถ้าจะอ่านเก็บภาษาสร้างสรรค์ สวยงาม กูแนะนำวรรณกรรมนะ ไม่แนะนำนิยาย ส่วนใหญ่นิยายจะสำนวนแนว ๆ เดียวกัน ได้อารมณ์ แต่ไม่ตรึงใจ มึกนึกออกป้ะ อ่านวรรณกรรมจะดีกว่า ได้สำนวนภาษาสร้างสรรค์ ๆ กลับมาเยอะ
>>5 เออ เรื่องรัก ๆ ของเขากูก็ไม่ชอบเท่าไร แต่กูอ่านนามปากกาแก้วเก้า เรื่องภูติผีปีศาจ ภาษาดีไม่ต่างจากตอนนามปากกา ว.
เหตุผลอะไรที่ทำให้นักเขียนนิยายไทยไส้แห้งวะ ขายนิยายเรื่องเดียวได้สามแสนแต่ใช้เวลาเขียนสามสี่ปีอย่างน้อย
>>7 ตามมึงเขียนก็เหตุผลหนึ่ง ถ้าต้องเขียนสามสี่ปีได้เท่านั้นก็ไม่ไหว สามสี่เดือนก็พอถ้าจะทำเป็นอาชีพมากกว่านั้นลำบากนอกจากยอดขายเยอะพอก็ไม่ต้องเขียนบ่อย แต่ที่รอดยากหน่อยคืองานไม่ดีหรือยังไม่ขายพอ งานเขียนถ้าทำเป็นอาชีพมันก็ธุรกิจแบบหนึ่ง ไม่มีคนซื้อหรือซื้อน้อยมันก็ไม่รอด
งานดี บางทีขายไม่ออกึงขึ้นกะการทำตลาด มากกว่าดู ถนนขาวดิ
การตลาดมีส่วนจริง กูเห็นนิยายบางเรื่องโดนด่าว่าไม่ดี แต่แม่งก็ขายได้ดี ตีพิมพ์จะ 20 รอบ ได้ทำลพรรเพราะโปรโมตหนักมาก และให้นข.คนอื่นเขียนคำนิยม คอยอวย 555
เรียนการตลาด ก็สู้มีเงินทำการตลาดไม่ได้หรอก มันต้องใช้ตัง
วรรณกรรมกับนิยายปกติมันต่างกันไงวะ
กุเขียนต่อไม่ได้เพราะติดความไม่สมเหตุสมผล คือถ้าใจกุคิดว่าคนทั่วไปเขาไม่ทำแบบนี้ๆ กัน (ถึงกุจะเคยทำ) มันก็เบรกไปเลย เช่น อยากลองให้ตัวละครโร้ดทริปทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน เก๋ๆ กระชับสัมพันธ์ แต่ใจกุมันไม่ยอม อันตรายยย ปัดตก, แต่งแบบคลุมถุงชน สมัยนี้แล้วคงไม่ยอมแน่ๆ มีปัญญาหาเองได้ว้อย, แต่งรักษาผลประโยชน์ กุเชื่อในพลังงานของการเจรจา ฯลฯ เนี่ย พอเป็นแบบนี้เลยพับพล็อตไปหลายเรื่องแล้ว บางทีกูพยายามโยนตรรกะกึ่งหนึ่งทิ้งไปมันก็พอไปได้แหละ แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ใช่อยู่ดีว่ะ
>>15 ไม่ต้องไปโทษความไม่สมเหตุสมผลหรอก มึงมันกากเอง ดูอย่างนิยายวายสิ ส่วนใหญ่แม่งตรรกะวิบัติชิบหาย แต่แม่งก็ยังปั่มออกมาเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องของมึง มึงอยากจะให้ตัวเอกไปโรดทิปทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกัน มึงก็สร้างสถานการ์ณมาสิ แบบว่าสองคนนี้แม่งจะไปที่เดียวกัน แต่เสือกเหลือรถอยู่คันเดียว ก็เลยต้องไปด้วยกัน หรือไม่ก็ให้ตัวใดตัวหนึ่งโง่ ไม่รู้เส้นทาง เลยต้องขอไปกับอีกคน เยอะแยะไอ้เหี้ย โลกในนิยายเป็นของมึงทั้งใบ จะเสกเหี้ยไรมาก็ได้ เลิกอ้างตรรกะไร้สาระ แล้วก็ไปเขียนซะ
>>15 กูเคยไปแดกข้าว ไปคาเฟ่ ไปนิทรรศการกับเพื่อนที่กูเพิ่งรู้จักกว่าชื่อเป็นวันแรก ซื้อสมุดจดงานใช้คู่กัน ไปห้องเขา เพียงเพราะเราเป็นนักเขียนเหมือนกัน ในความเป็นจริงคือถ้าหากว่าเราคลิ๊กกับใคร เราทัชกับใคร เราสามารถไปไหนมาไหนกับคนนั้นได้ด้วยรสนิยมและความชอบที่ตรงกัน หรือไม่ถ้ามึงไม่ชอบแนว ๆ นี้ ก็เขียนให้ตัวละครอยากสัมผัสอะไรใหม่ ๆ อยากออกจากกรอบเดิม ๆ ฯลฯ ตัวละครก็เหมือนชีวิตหนึ่งแหละว่ะ คนเราทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพื่อความสุขได้เสมอ สมัยปัจจุบันเราไม่ต้องสนใจขนบเดิม ๆ แล้ว แต่ถ้าตัวละครมึงอยู่ในสังคมที่ค่อนข้างเข้มงวดก็อีกเรื่อง
ไม่เข้าใจพวกมึงว่ะ ทำไมไม่วางพล๊อตให้มันจบทั้งเรื่องก่อนค่อยเขียน
กูยอมเสียเวลาวางโครงสักอาทิตย์ ดีกว่ามานั่งเขียนไปเกือบเดือนแล้วโล๊ะทิ้ง เคยเจอรอบเดียวเข็ด
พวกมึง ทำการตลาด e-book กันยังไงว่ะ กูอยากเพิ่มยอดขายว่ะ
ลงนิยายที่เว็บไหนดีวะ ระหว่างเด็กดี รีดอะไรท์ มารีด ฟิคชั่นล็อก
รบกวนนิด คือถ้าอยากเขียนให้พระเอกทำงานบริษัทเนี่ย จะหาพวกข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทยังไง นึกไม่ออกเลยว่าจะทำบริษัทอะไรดี พอดีเคยทำงานมาแค่บริษัทเดียวเอง
>>28 พระเอกอาชีพอะไรตำแหน่งอะไรมึงก็ทำเกี่ยวกับบริษัทนั้นอะ เช่นเป็นนักธุรกิจอาหาร แผนกหัวหน้าฝ่ายการตลาด มึงก็ไปหาข้อมูลว่าหัวหน้าฝ่ายการตลาดมันมีหน้าที่ไรมั่ง แล้วเนื้อหางานธุรกิจอาหารคือไรบ้าง พอได้แล้วมึงก็สบายละ บริษัทมีงแค่พูดถึงภาพลักษณ์โดยรวมพอว่าใหญ่มั้ยทำเกี่ยวกับไร ไม่ต้องเจาะลึกมากว่ามีกี่แผนกมีกี่สาขา มาเจาะลึกที่ตัวพระเอกก็พอ
จ้างทำปกนิยายนี่เขาคิดเงินกันยังไงวะ
เอาทั้งกรณีรูปตลค. กะ สายโฟโต้ช้อปธรรมดาเลยนะ
ต้องมีคูณจำนวนเล่ม ครั้งที่พิมพ์ แบ่งเป็น % ให้เขาอีกมั้ย หรือจ่ายแค่ที่วาดให้รูปนี้แล้วจบเลย ใครมีข้อมูลบ้าง
>>30 จ่ายครั้งเดียวจบ ไม่ต้องแบ่ง ถ้าไม่มีชื่อเสียง ปกละ 2000 - 5000 แล้วแต่ความยากง่าย ถ้าพอมีชื่อเสียงบ้าง เคยรับงานวาดปก ค่าตัวก็จะขยับอีกสองพันสามพัน แต่ถ้ามีชื่อเสียง มีคนตามเพจ มีคนติดใจในผลงาน ออกงานสม่ำเสมอ สตาร์ทกันที่หมื่นนึงเลย และถ้าเป็นระดับที่มีการตีพิมพ์งานวาดเป็นเล่มแล้ว ดังโพดๆ ก็ว่ากันที่หมื่นห้าต่อปกเป็นอย่างต่ำ ทั้งหมดที่กูบอกมานี้คือยืมใช้งานเป็นหน้าปก กี่ปีก็ว่ากันไป ถ้ามึงจะซื้อขาดก็แล้วแต่มึงจะตกลงกับเขา ถ้าเป็นระดับดังแล้ว ซื้อขาดต้องไม่ต่ำกว่าสามหมื่น ทั้งหมดที่ว่ามาคือในวงการนิยายเท่าที่กูเคยทำ หนังสือแบบอื่นกูไม่รู้ แต่ก็คงใกล้เคียง
>>35 มึงไปจ้างใครที่ไหนมาวะ แพงชิบหาย นักวาดจีนเหรอ? หรือจ้างในนามสนพ. คือนักวาดจริงๆได้เงินไม่ถึงขนาดนั้นนะมึง นักวาดไทยกูยังไม่เคยเห็นใครคิดเป็นหมื่นหมื่นห้าเลยนะถึงจะนึกวาดระดับเอ-ลิสก็ตาม ปกแจ่มใสทั้งเล่มรวมปกกับพวกคอมมิคในเล่มยังราวๆสองหมื่นเอง ปกอย่างเดียวหมื่นห้านี่ไม่มีทาง
>>35 เดี๋ยวๆๆ มึงไปจ้างใครมา ส่วนใหญ่ไม่น่าคิดเรทขนาดนั้นนะ ขนาดพี่คนนึงที่ดังๆที่เขาวาดปกนิยายสีน้ำเยอะๆ ถ้าพูดชื่อพวกมึงก็น่าจะรู้จัก ก็ยังไม่เรตสูงขนาดนี้นะ หรือมึงไปจ้างพวกระดับอาจารย์หรอ หรือนักวาดของต่างประเทศอะ ถ้าใช่เรทไทยก็ไปคิดตามเขาไม่ได้เด้อ มึงอย่าลืมว่าค่าเงินเขาสูงกว่า เวลาแปลงเป็นเงินบาทมันเลยแพงกว่าเรทไทยด้วยกันอยู่แล้ว
อีเหี้ยยยย การเป็นนักเขียนนี้แม่งกรรมกรนิหว่า กูไม่ไหวร้าวววว ฮือๆๆๆๆ
ถ้า A4 ปกละหมื่น+ อ่ะมีสิทธิ แต่ถ้า A5 กูไม่เคยได้ยินกว่าใครคิดหมื่น+ สนพ.ไทยบางที่ก็ให้เซนต์สัญญา บางทีก็ไม่ต้องทำห่าไรเลย แค่วาดให้เฉยๆน่าจะลข.ชั่วชีวิต จ่ายครั้งเดียวจบไม่มีเห็นมีซื้อขาดไรเลยอ่ะ เม้นที่บอกซื้อขาดสามหมื่นกูเดาว่าน่าจะเป็นการดิลงานกับนักวาดตปท. เมืองไทยเรทไม่ถึงจริงๆ นึกนักวาดเกรดเอเค้าก็คิดไม่แพงขนาดนั้นน เดวเพื่อนนข.จะตกใจตาย สรุปคือมึงของงานใครก็ไปถามราคาเค้าเลย แต่บางทีนัดวาดมันไม่ค่อยว่างงานเร่งหรอกต้องเผื่อเวลา 1-3 เดือนให้เค้าวาด จบ
ถ้าจ้างนักวาดจีนที่ดังๆนี่ปกละ 20,000+ นะบอกเลย
เห็นมึงคุยเรื่องปกกันเลยมีคำถาม กูเขียนนิยายแนวลึกลับ อยากได้ปกแนวนี้ไปจ้างได้ที่ไหนวะ
>>44 ไปกลุ่ม commission ในเฟสเลยมึง
กูเคยติดต่อเพจนึง เขาเป็นตัวกลางดีลงานให้เรากะนักวาดจีน
นักวาดดังๆงามๆที่เราเห็นงานแล้วโอ้ววว อ่ะ
กุนึกว่าแค่หมื่นสองหมื่น
เลยเลือกคนวาดที่ดูงานไม่น่าจะแพง
ปรากฏว่าเขาคุยกันที่ขั้นต่ำที่สามหมื่น ไม่รวมค่าคนกลางนะคะ ไม่อยากจะคิดถึงตัวท๊อปๆ
ปล.เขาคิดสูง เพราะคนจ้างไม่กดราคานักวาด ให้ราคาฝีมือไง
จงให้คะแนนความน่าเชื่อถือของ How to แต่งนิยายใน Dex-d
>>50 ไม่น่าเชื่อถือ 55 เพราะคนที่ชอบมาตั้งบอร์ดรีวิว แนะนำงั้นงี้ จริง ๆ ก็พวกนข.หน้าใหม่ ๆ ร้อนวิชา อวยตัวเอง บอกว่างานตัวเองเอกลักษณ์ 555 ไม่อะ งานหนูไม่เอกลักษณ์เลย หนูเขียนอ่านมาน้อยเกินกว่าจะสร้างพล็อตและสำนวนที่เป็นตัวเองสุด ๆ แบบไม่ติดกลิ่นของใครมาได้ค่ะ
กุว่า How to จากเว็บมาสเตอร์ก็อะไรก็ไม่รู้ด้วย 555555
>>54 WM ในหมวดนิยายเอาตรงๆนะ พวกที่ดีๆเริ่มหายแล้วอะ เหลือแต่ติ่งสถพ ติ่งดอกปอป ติ่งกัล ติ่งแจ่มใส ที่วนเขียนบทความเชียร์พวกนี้ สาระไม่ค่อยมี กูจำได้พี่น้องพี่เต้ไรเนี่ย เขาเคยเขียนบทความดีจริงๆเกี่ยวนิยาย มีสาระจริงไม่กลวง เช่น เรื่องภูมิประเทศแบบไหนที่ใช้คำเรียกแบบไหน การเริ่มวางพล็อตนิยายควรเริ่มต้นจากอะไรต้องใส่อะไรบ้าง คือมันดีงามมากอะ กูใช้เป็นคลังความรู้ที่ดีได้เลย เสียดายอยู่เหมือนกันที่พวกพี่เขาหายไปแล้ว เหลือแต่พวก WM ติ่งโง่ๆที่เหมือนจ้างแม่ค้าครีมมาเขียนคอลัมน์อะ กลวงชิบหาย โหมแต่โฆษณานักเขียนหน้าเดิม
พวกมึงพอรู้จักเพจรีวิวนิยายสืบสวนปะ กูจะส่งหนังสือให้เขารีวิวหน่อย
ว่าแต่นอกจากหนังสือ มีค่าใช้จ่ายไปป่าววะ
>>59 กูรู้ กูแค่เปรียบเทียบตัวอย่างให้ >>47 มันดูว่า ทำไมจีนเขามีกำลังซื้อมากกว่าเรา เฉยๆ อย่างญี่ปุ่นก็เอกชนทำ บริการพวกนี้ราคาเขาสูงกว่าเรา แต่อัตราค่าเงินเขาก็สูง ซึ่งมันสมดุลกัน ประเทศอื่นประชาชนเขาถึงมีกำลังซื้อพวกสินค้าสิ้นเปลืองมากกว่าเรา
1 หยวน จีน จะเท่ากับประมาณ 4.50 บาทไทย ในราคาของที่เท่ากันกันค่าของชีพที่เท่ากัน เงินประชาชนในประเทศเขาเหลือมากกว่า ในการที่จะซื้อของสิ้นเปลืองอย่างเช่นหนังสือเขาก็มีมากกว่า
แล้วมึงอย่าลืมว่าคนเขาเยอะของเขายิ่งขายได้ถูกกว่า คนไทยมี 60 กว่าล้านคน แต่คนจีนมีพันกว่าล้านคน ต่อให้เขาขายถูก แต่จำนวนขายได้มันมีโอกาสที่จะขายได้มากกว่าอยู่แล้ว กำไรมันก็มาจากตรงนี้
ภาพวาดปก 20000+ ที่พวกมึงบอกว่าแพง ใช่มึงในค่าเงินเรามันแพง แต่ถ้าคนในประเทศเขาจ้างกันเอง มันไม่แพงนะ ค่าเงินเขาสูงกว่าเราเกือบ 4-5 เท่า ในมุมมองเขามันก็คงคล้ายๆ 5000-6000 บ้านเราอะ
แก้ๆๆ ให้ 48 ดู
>>62
ต้องชมภาครัฐบาลคอมมิวนิสต์ของเขา ที่อัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาช่วยวงการหนังสือ
แค่ใช้เงินซื้อหนังสือเข้าห้องสมุด 600,000 แห่ง ทั่วประเทศ ก็เป็นมหาศาลแล้ว
อีกอย่างฐานคนอ่านที่มีประชากรเยอะ เป็นตัวช่วยสนับสนุนอย่างดี
และวัฒนธรรมของเขาก็แทรกซึมต่างประเทศได้ง่าย... เห็นจากวงการหนังสือบ้านเราเอง ยังต้องไปซื้อลิขสิทธิ์ของเขามากันเป็นล่ำเป็นสัน
>>65 ของญี่ปุ่นค่าเงินเขาสูง แต่ค่าครองชีพเขาสูงมันก็สูงไง ทุกประเทศไม่ได้เหมือนกันปะ
มาเลงี้ก็คล้ายๆจีนนะ 1 ริงกิต เท่ากับประมาน 7-8 บาทไทย แต่มึงเขาใจคำว่าค่าครองชีพเขาเท่าคนไทยมั้ย ราคาของส่วนใหญ่มันก็เท่ากัน อาจมีเหลื่อมล้ำกันบ้างแต่ก็พอกัน อย่างของแบบเดียวกันเนี่ย ไทย 100 บาท มาเลย์อาจจะอยู่ที่ 100-120 ซึ่งมันทำให้เงินเขาเหลือ เข้าใจมั้ยเนี่ย มันไม่ใช่ทุกประเทศนะ ที่ค่าเงินสูงละค่าครองชีพจะต้องสูงอะ ขนาดประเทศเรายังค่าเงินต่ำ ค่าครองชีพยังสูงได้เลย หมายถึงถ้าเทียบกันอะนะ คือตามหลักเศรษฐศาสตร์มันไม่สมดุลอะ ประมาณนั้น เกตยัง
พวกมึงต้องเข้าใจอย่าง
ต้นทุนหนังสือถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับจำนวนตีพิมพ์ด้วย ยิ่งพิมพ์เยอะยิ่งขายถูกลง
แต่ ของไทยคือ
การพิมพ์จำนวนน้อยนั่นแหละ ยิ่งน้อย ต้นทุนยิ่งสูง เพราะมันมีหน่วยจุดคุ้มทุนด้วย
นักเขียนบ้านเรา แค่หลักพันเล่ม ยังหืดขึ้นคอแล้ว อย่าหวังว่าหนังสือจะถูกได้ ไม่งั้นสนพ. หรือ นักเขียนก็อยู่ไม่ได้
แบบทำมือยังหวังกันแค่หลักร้อย...
กูขอแชร์ประสบการณ์นิดหนึ่งนะเพื่อนโม่ง คือตอนนี้กูลาออกจากงานประจำมาเป็นนข.สายทำมือเต็มตัว(ใครมีงานดีๆทำอยู่อย่าอย่าตัดสินใจเหมือนกูล่ะ) กูตีพิมพ์นิยายครั้งหนึ่งน้อยมาก ไม่ถึงร้อยเล่มก็มี ละทุกครั้งที่ตีพิมพ์คือเสมอตัวตลอด คิดว่าไม่เข้าเนื้อกูก็บุญแล้ว ทีนี้ก็ก็ฮีลใจตัวเองด้วยการไปคิดเอากำไรจากการขายอีบุ้กแทน ยอดขายก็เรื่อยๆมาเรียงๆ มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ไปวันๆรายได้แบเดือนชนเดือนอะ กูก็ยังไม่ค่อยพอใจกับฝีมือตัวเองเท่าไหร่ แต่กูก็จะพยายามสู้ต่อไปเว้ย และคงจะต้องหารายได้เพิ่มจากงานอื่นด้วย ไม่งั้นกูคงไม่มีเงินเก็บแน่นอน
>>68 เออจริงๆ ค่าของครองชีพไทยมันสูง ถ้าวัดจากค่าเงินและอัตราเงินเดือนของประชาชนในประเทศ กูก็มีเพื่อนทำงานอยู่ปีนังนะ งานบริษัทธรรมดาๆเกี่ยวกับการไฟแนนซ์นี่แหละ ตอนอยู่ไทยได้ 20000 กว่าบาท ไปอยู่มาเลเซียได้กี่ริงกิตนี่แหละไม่แน่ใจ น่าจะ 5000 ริงกิตมั้ง ตีเป็นเงินไทยแล้วประมาณ 40000 บาทต่อเดือน ซึ่งตำแหน่งก็ลูกจ้างปกตินะ ไม่ใช่ระดับหัวหน้าด้วย แล้วกูเคยไปเยี่ยมนางที่มาเลเซีย ราคาอาหารการกินข้าวของเครื่องใช้ที่นู่นพอๆกับไทยเลย ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยยังไงเงินก็เหลือแน่ๆ ไม่แปลกที่เพื่อนกูนางไปแค่ไม่ครบปี เงินเก็บนางหลักแสนแล้ว ส่วนกูหรอหึๆ เงินเดือนก็ไม่แย่ มาตราฐานปกติ แต่อย่างต่ำๆค่าข้าวสามมื้อต่อวัน ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ ค่าเน็ต นู่นนี่จิปาถะกาละมังสังกะสี นี่ดีนะยังไม่มีลูก ไม่งั้นค่าเทอม ค่านม ค่าบลาๆก็จะมาอีก เฮ้ออออ เลิกพูดซะที่ว่าประเทศไทยค่าครองชีพถูก ใช่ สำหรับนักท่องเที่ยวมันถูก เพราะค่าเงินเข้าสูงกว่าเรา แต่สำหรับคนในประเทศ ก็ดูรายได้ด้วยจ้า ค่าครองชีพแพงกว่านี้ก็เตรียมแดกลมแทนข้าวเหอะ มันแพงจนบางครอบครัวเขาไม่กล้ามีลูกแล้ว ทีนี้แม่งก็เกิดปัญหา ไม่มีเด็กเกิดใหม่อีก จนทำให้ประเทศเข้าภาวะวิกฤตที่จะขาดแคลนแรงงานภายในอีกไม่กี่ปี เพราะในประเทศมีแต่คนแก่ เดี๋ยวแรงงานในประเทศไม่พอ เศรษฐกิจก็จะยิ่งพังกว่านี้ เจริญชิบหาย สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ สินค้าที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่อย่างหนังสือ ถามจริงใครมันจะไปมีปัญญาซื้อได้มากมายขนาดนั้น เออคนรวยหรือมีเงินหน่อยหรือคนระดับกลางบนๆอาจจะซื้อได้แหละ แต่ประเทศเราคนระดับกลางล่างไปจนถึงระดับล่างแน่นอนว่ามันเยอะกว่ามาก ซึ่งคนกลุ่มนี้บางทีเขาก็คงไม่มาซื้อของสิ้นเปลืองพวกนี้หรอก เพราะมันขายได้น้อย พวกสำนักพิมพ์มันถึงขายถูกไม่ได้
กูทำหนังสือขายทียังไม่ถึง 300 เล่มเลยมึง วงการนี้เงินไม่หนาอยู่ไม่ไหว
>>70 มึงต้องมีแฟนคลับเหนียวแน่นส่วนนึง แล้วสร้างฐานลูกค้าได้เรื่อย ๆ นึกออกปะ มันถึงจะไปรอด เพราะกูคิดว่าถ้าไม่สะสมฐานแฟนคลับไปเรื่อย ๆ แฟนคลับที่ตามมึงอยู่อาจจะลดน้อยถอยลงไป กูเห็นนข.บางคน อยู่กับสนพ.ก็มีแฟนคลับ แต่ทำมือแล้วขายไม่ดี ขนาดขายอีบุ๊กมาเป็นปี ๆ เรื่องนั้นยังไม่ได้สายสะพายเลย ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่สนพ.คือปังมาก เรียกได้ว่าเป็นนามปากกาที่นักอ่านส่วนใหญ่จะรู้จัก มีรีวิวในกู๊ดรีดส์ว่าเป็นนิยายสนุกต้องหามาอ่าน แต่ตอนนี้เขาทำมือเอง ขายอีบุ๊กเอง ฐานแฟนคลับคือคนเดิม ๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าสักวันเขาจะเลิกติดตามมั้ย กูเห็นด้วยนะว่าทุนต้องหนา กูก็คิดจะเป็นนข. ไปตลอด แต่กูจะหางานประจำทำด้วย เป็นงานที่ไปกันได้กับงานเขียน (กูเรียนอักษรมาอะ) แต่กูจะไม่ทำมือเองนะ กูจะส่งสนพ.อะ กูคิดแค่ว่ากูเขียนได้อย่างเดียว ทุนกูไม่มี กูตรวจงานเองก็ไม่ได้ (งานกูสมควรได้รับการขัดเกลาจากคนอื่น) ยิ่งการตลาดกูยิ่งเหี้ย เพราะกูทำอะไรไม่เป็นเลย มึงลองกลับเข้ามาในระบบสำนักพิมพ์ดีมั้ย ตีพิมพ์กับที่ใหญ่ ๆ น่าจะได้เงินก้อนมา อย่างน้อยก็มีเก็บไว้สักก้อนก่อนและสำคัญคือมึงไม่เข้าเนื้อ แต่แค่ต้องประสาทแดกกับการแก้ไปแก้มา แก้จนกว่าเขาจะพอใจ
>>75 สู้ ๆ นะมึง สำหรับกูนี่เขียนได้มีเอกลักษณ์ก็ถือว่ามาไกลแล้ว แต่ขั้นต่อไปคืออยากได้ตีพิมพ์กับสนพ.สักเรื่อง กูไปทีละสเตป ๆ กูไม่รีบอะ อีกอย่างกูอยากเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ว่าจะเขียนยังไงให้ดี ตอนนี้กูอ่านหนังสือเยอะมาก ต่อไปคงอ่านเก็บสำนวนแบบฝรั่ง กูว่ามันเก๋ดี สู้ ๆ นะมึงงงงง
>>80 มีนะ นักอ่านมีเยอะกว่าคนเขียน มึงไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะไม่มีคนอ่านนิยายมึง แต่มึงต้องหาทริกดึงคนอ่านให้ได้เท่านั้น อัพสม่ำเสมอก็ดีเพราะนิยายมึงจะอัปเดตบ่อยนักอ่านเห็นบ่อย ถึงนิยายมึงจะห่างไกลการติดท็อป แต่ถ้าขยันอัปเดี๋ยวก็มีนักอ่านเพิ่มมาเองแหละ
ปล.แต่กูไม่สนับสนุนการอัปแบบซอยตอนย่อย มันน่าเกลียดและฟินไม่สุด ต่อให้เขียนสนุดจนติดท็อปแต่ชอบซอยตอนถี่นักกอ่ายก็หายอะ ไม่เลิกติดตามก็ค่อยรอรวบอ่านจบทีเดียว แล้วก็รอนานจนลืม...
กูเห็นนขบางคนที่ดองนิยายนานๆ พอกลับมาอัพนักอ่านก็หายไปเยอะนะ วิธีเรียกนักอ่านกลับมาเร็วสุดคือทำPR ถ้ามีเพจนิยายอยู่แล้ว+มีทุนก็ซื้อโฆษณาเฟสบุ๊ค ในกรณีที่มึงมีนิยายสต็อกไว้จนจบ/เกือบจบแล้วPRผ่านเฟสก็ได้ แต่ถ้ายังแต่งไม่จบเดี๋ยวผลุบๆ โผล่ๆ หายไปอีกก็ไม่ต้อง การอัพนิยายสม่ำเสมอก็มีส่วน ถ้ามึงอัพนิยายทุกวันไม่มากก็น้อยนักอ่านเพิ่มแน่ๆ แต่ถ้ามึงอัพทุกวันแล้วหายไปหลายเดือนแล้วกลับมาอัพใหม่แบบนี้ ต่อให้นิยายสนุกยังไงนักอ่านก็หาย เดี๋ยวนี้นิยายสนุกๆ โผล่มาเยอะมาก กูว่าวงการนิยายการแข่งขันสูงนะ ถึงมึงจะดองแต่ก็ยังมีนิยายเรื่องอื่นให้นักอ่านเลือกอ่านอยู่ดี ยกเว้นนิยายมึงมีเอกลักษณ์มากๆ เจาะเฉพาะกลุ่มแบบ niche market ก็ยากนะที่นักอ่านจะยอมตาม
โม่งนข.มีวิธีแก้อาการหมดไฟปะวะ
กูห่างงานเขียนมาเกือบปีเพราะเรียนหนัก พอตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วกูรู้สึกหมดไฟในการแต่งต่อว่ะ คงเพราะกูอยู่ในคอมฟอร์ทโซนนานเกินไปละ ทำไงดี
อยากจะลองเขียนนิยายดูแต่ไม่รู้จะเขียนลงที่ไหนดี เพื่อนโม่งพอจะแนะนำช่องทางให้ได้ไหม?
มึงกูมีปัญหาอะ กูเขียนนิยายมานานแล้ว และกูเป็นคนฝึกการบรรยายมานานมากกกกก สุดท้ายการบรรยายกูลื่นไหล สำนวนภาษาดี (บก.บอก) สำนวรภาษามีเอกลักษณ์ เป็นตัวเอง ไม่เหมือนใคร (นักอ่านกับรุ่นพี่นักเขียนบอก) แต่กูเป็นพวกชอบอ่าน ชอบศึกษาไปเรื่อย กูเรียนอักษรด้วยเลยได้อ่านอะไรใหม่ ๆ ทุกวัน แล้วกูชอบสำนวนของนข.คนหนึ่ง เขาเขียนกระชับ ได้อารมณ์ กูอยากทำแบบเขาบ้างกูเลยเปิดเรื่องใหม่แล้วพยายามบรรยายกระชับ ๆ แบบเขา แต่กูทำไม่ได้อะ สำนวนกูเป็นตัวกูมาก ๆ มากแบบเปิดเวิร์ดมาบรรยายได้เลยเป็นหน้า ๆ งี้ กูพอใจและชอบสำนวนของกูนะ แต่กูอยากทำให้ได้สำนวนแบบเขาอะ แบบกูไม่ทิ้งสำนวนตัวเองหรอก แต่อยากทำสำนวนแบบเขาให้ได้อีกสักแบบหนึ่ง กูคิดมากมานานแล้วอะมึง กูควรทำไงดี ระหว่างฝึกใช้สำนวนแบบเขา คิดย่อให้กระชับ ๆ หรือเขียนสำนวนแบบกูไปเลย คิดอะไรได้ก็เขียนไปเลยแบบนั้นทุก ๆ เรื่องไม่ต้องดัด ฮือออ
ให้คำแนะนำกูหน่อย กูอาจจะเรียบเรียงคำถามได้ไม่ดีนะ กูอ๊อง ๆ แบบนี้ กูขอโทษ
>>94 มึงกำลังจะก็อปสำนวนเขาเหรอ? น่าเกลียดอะ ถ้ามึงเอามาใช้เป็นแรงบันดาลใจก็ว่าไปอย่าง ถ้ามึงชอบสำนวนตัวเองแต่ก็ขอบสำนวนเขาด้วย มึงก็มาประยุกต์กันได้มั้ง ไม่ถึงกับต้องทิ้งสำนวนของตัวเองแล้วก็อปสำนวนเขามาหรอก แบบ ส่วนไหนที่ควรปรับก็ปรับไปบางส่วน เช่นการบรรยายปรับให้กระชับขึ้นแต่ยังคงความเป็นตัวเองไว้ ถ้าจะก็อปสำนวนเขามาก็เหมือนมึงทิ้งเอกลักษณ์ตัวเองอะ เอามาเป็นแรงบันดาลใจได้แต่อย่าเอามาเป็นของตัวเองเลย
>>95 ฮือ ใช่มึง เออใช่คำว่าก๊อปนี่ละ ขอบคุณมึงมากที่ทำให้กูคิดได้ แง ๆ กูไม่เคยคิดถึงคำว่าก๊อปมาก่อนเลยว่ะ (กูเป็นพวกคิดอะไรไม่รอบด้านด้วยแหละ) จริง ๆ เจอคำพูดมึงที่บอกว่าอย่าทิ้งเอกลักษณ์ เออจริงว่ะ ทำไมกูต้องทิ้งเอกลักษณ์กูด้วยทั้ง ๆ ที่กูมีเอกลักษณ์ ขอบใจมึงมาก กูจะแค่ประยุกต์เท่านั้น แต่เท่าที่กูอยากได้สำนวนแบบเขากูไม่ได้ลอกเขานะ กูนั่งเขียนเองคิดเอง แต่พยายามทำให้มันกระชับมากขึ้นแบบที่เขาเขียน อะไรไม่จำเป็นก็พยายามตัดอะ แต่ตอนนี้รู้ละว่ากูต้องการอะไร ขอบคุณมากนะเพื่อนโม่ง
>>97 น่าจะไม่ใช่มั้งมึง 555 รึเปล่าวะไม่รู้ แต่นักอ่านเคยบอกว่าชอบสำนวนกูที่บรรยายละเอียด กูก็ชอบนะ แต่กูอยากเขียนให้กระชับได้บ้าง แบบเออ เรืองนี้เขียนสำนวนยาว ๆ อีกเรื่องเขียนสั้น ๆ ง่าย ๆ คืออยากเขียนให้ได้หลายแบบ กูเจอเอกลักษณ์ตัวเองแล้ว แต่อยากเรียนรู้ให้ได้มาก ๆ กูเป็นพวกแค่มีตัวหนังสือกูก็ชอบแล้ว แยกแยะไม่ได้ว่าสำนวนแบบไหนดีหรือไม่ดี เพราะนักเขียนทุกคนก็มีจุดเด่นจุดด้อยในตัวเองอยู่แล้วอะ แต่แน่ ๆ คือกูอยากทำให้ได้หลาย ๆ แบบ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นตัวเองดีที่สุด ถ้าอยากเขียนสำนวนกระชับ ๆ ก็ปรับให้เข้ากับสำนวนตัวเองเอา ขอบคุณมึงมากน้าาาาา
>>99 กูบอกแล้วไงว่าอ๊อง ๆ แบบนี้ ตอนตั้งคำถาม คอมเมนต์ กูจะใช้ภาษาวน ๆ แบบนี้แหละเพราะกูเป็นแบบนี้ แต่ในนิยายเป็นอีกแบบนึง เพราะในนิยายกูเรียงประโยคได้อยู่แล้ว แต่พอมาเขียนคำถามอะไรแบบนี้กูจะอ๊องมาก มาแนว ๆ นี้แหละ สำนวนดีไม่ดีกูไม่รู้ แต่บก.บอกว่ากูใช้ภาษาได้ดี อ่านลื่นไหล นักอ่านก็เหมือนกัน กูพอใจสำนวนนิยายกูแล้ว ส่วนเวลาเขียนอะไรที่ไม่ใช่นิยายหรือบทความอันนี้เป็นสิ่งที่กูต้องแก้ไข เมนต์นี้มึงก็อาจจะอ่านแล้ววกวนอีก เพราะกูก็เป็นแบบนี้
>>99 กูคนเดียวกับ 100 ถ้ามึงมาอ่านเมนต์กู กูอยากจะบอกตรงนี้ว่ากูไม่รู้ว่ามึงจะทำอะไรต่อ จะแซะสำนวนกูหรือว่ายังไงอีกมั้ย แต่กูไม่อยากฟัง กูรู้แต่แรกแล้วว่าสำนวนเวลากูตั้งคำถามหรืออะไรแบบนี้กูจะเขียนวน ๆ ส่วนนิยาย เรื่องสำนวนดีไม่ดีกูไม่ได้ตัดสินเองนี่ นักอ่านกับบก.แล้วก็นักเขียนที่กูรู้จักเขาบอกว่าสำนวนกูดี กูเลยยึดหลักเขียนสำนวนแบบนั้นต่อไป ถ้ามึงจะอะไรอีกกูก็ไม่เมนต์ตอบแล้วกันนะ รำคาญ
55555 อ่านไม่รู้เรื่อง จับใจความได้แค่ แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ แบบนั้น แล้วปิดท้ายว่ารำคาญ
บรรยายเยอะไม่ได้หมายความว่าสำนวนดี อ่านแล้วโคตรรำคาญ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง
ย้ำอยู่ 4-5 รอบ ว่าสำนวนดี บก.ชม คนอ่านชอบ
ถ้าไท้หลงตัวเองก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
ถ้าพอใจสำนวนตัวเองแล้วจะไปก๊อปสำนวนคนอื่นทำไม
มึงพิมพ์เองยังขัดแย้งกันเองเลย
มึงสองคนไปนอกรอบกันเองไป เสียบรรยากาศ
เบื่อโทรล หยุดวิ่งเล่น นี่กระทู้สาระ
มาเปิดประเด็นใหม่ๆ กูกำลังจะเขียนนิยายแนวเกมเอาชีวิตรอด แล้วทีนี้กูมีปัญหาคือ นิยายแนวนี้ควรกี่เล่มจบดี กูใช้ห้าตัวละครหลักอะ แล้วเกมที่จะเล่นมันต้องใช้ด่านห้าด่าน จะเอาด่านละภาคเลยมันจะดูเวิ่นเว้อไปปะ เพราะเนื้อหาหลักๆ คือแก้ปริศนาด่านเกมและปมตัวละครแต่ละตัว ซึ่งกูกะว่า 1 ภาค-1ตัวละคร 1 ด่าน โดนพล็อตเรื่องมันก็แนวเกมเอาชีวิตรอดอะแต่กูจะพาโรดี้หน่อย ๆ ด้วยการให้ทุกคนช่วยเหลือกันไม่ได้ฆ่ากันเอง ใครที่เคยเขียนแนวนี้มาแนะนำที กูลองหานิยายแนวนี้อ่านหลายเรื่องแล้วยังตัดสินใจไม่ได้อะ
Ky เพื่อนโม่งพวกมึงคิดว่าระหว่างดองนิยาย VS รีไรท์นิยาย อย่างไหนทำให้นักอ่านหายมากกว่ากัน ส่วนตัวกูคิดว่าการรีไรท์นิยายทำให้นักอ่านหายเยอะกว่าดองนิยายอ่ะ เพราะทำให้นักอ่านสับสนเนื้อหาไม่ก็บางคนขี้เกียจอ่านเวอร์ชั่นรีไรท์ก็อันเฟบไปเลย แต่ถ้าดองอย่างน้อยก็ยังแต่งต่อไม่ได้ทำให้นักอ่านสับสนเนื้อเรื่อง ที่กูสังเกตมาคือนิยายที่ดองนานๆ ส่วนใหญ่เวลาอัพนักอ่านจะดีมากกว่าเวลานข ประกาศรีไรท์อ่ะ
มึงว่าอาชีพนักเขียนในเมืองไทยจะมีโอกาสร่ำรวยไหมวะหรือว่านักเขียนที่ไหนก็เหมือนๆกัน ส่วนพวกแดน บราวน์ กับป้าคนที่เขียนแฮรี่ เป็นยอดปิรามิดวะ
>>111 ชื่อที่มึงยกมามันเกินไป
ร่ำรวยมันก็พอมีทาง แต่มึงต้องเปลี่ยนตลาดใหม่ คิดเสียว่าตัวเองเป็นคนอเมริกา เป็นคนจีน คนญี่ปุ่นที่มาพักอยู่ไทย ตลาดมึงก็จะไม่ถูกจำกัดแล้ว แต่มึงก็ต้องอ่านออกเขียนภาษาเขาได้ ถ้ามึงอยากร่ำรวยด้วยงานไทยมันก็ยากอยู่ ตลาดไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
ไอ้ เควนทิน เบ็ค (Mystertio) ที่ทำตัวเป็นคนดีตอนแรกๆ แม่งจริงๆแล้วเป็นตัวโกง อดีตลูกน้องโทนี่
ตอนมันตาย แม่งยังเฉลยออกทีวี อีกว่า สไปเดอร์แมน คือ Peter Parker โคตรเหี้ย
แถมนิค ฟิวรี่ ในเรื่อง ดันเป็น ทาลอส (สครัล ในเรื่องกัปตันมาร์เวล) ปลอมตัวมา ไม่ใช่นิคจริงๆ อึ้งสัสๆ โคตรเนียน
เพื่อนๆโม่งต้องไปดู Spiderman Far From Home ให้ได้นะครับ
ขอถามเรื่องการทับศัพท์ตัวเลขหน่อยโม่ง กูใช้โค้ดเนมตัวละครเป็นตัวเลข เวลาสนทนานี่ต้องเขียนแบบไหนว่า ระหว่าง "สวัสดี ซิกซ์ งานเป็นไงบ้าง" กับ "สวัสดี Six งานเป็นไงบ้าง"
ดูหนังกัน https://www.freetodoo.com
ในนี้มีนักเขียนคนไหนเปิดเพจในเฟสบ้างอะ พวกมึงโพสอะไรลงเพจบ้าง แล้วทำยังไงไม่ให้เพจร้าง
ทำไมนิยายที่เขียนโดยคนไทย มีแต่ฉบับภาษาไทยไม่มีภาษาอังกฤษต้องมีชื่อเรื่องเป็นภษาอังกฤษด้วยวะ
ขอถามเรื่องการใช้ยศนำหน้า Lord คือกูจะตั้งชื่อมอนสเตอร์ระดับหัวหน้าชั้นกลางๆ ไม่สูงมากต่ำกว่าราชาแต่สูงกว่าหัวหน้าฝูง เป็นผีดิบอะ ต้องใช้ไง Undead Lord หรือ Lord Undead ลองหาข่อมูลละก็มีใช้ทั้งสองแบบ กูแยกไม่ออกอันไหนผิดถูก
เพื่อนโม่งช่วยแนะนำวิธีเขียนฉากเรทยังไงให้อ่านแล้วเสียววาบๆแต่ใช้คำสวยๆบรรยายหน่อยสิ กูลองอ่านตัวอย่างจากงานอื่นแล้วกูเสือกขำแทนที่จะเสียว อย่างเช่นบรรยายว่าแท่งเนื้อร้าย โพรงสวรรค์อันอบอุ่น อันที่เจอในนิยายวายยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ อย่างช่องทางด้านหลังที่มีน้ำหล่อลื่น....แน่ใจนะว่าน้ำหล่อลื่น แต่จะให้หยาบแบบพระเอกควักควยออกมารูดมันก็เกินไป
>>142 สมัยนี้คนอ่านเน้นอะไรตรงๆ นะ มันแยกออกได้สองทาง
ถ้าโรมานซ์... ก็วนเวียนที่ สอดความเป็นชายเข้าออกกลีบงาม หรือ น้องชายตรงเหยียด บลาบลา
ถ้ารักผู้ใหญ่ก็จัดเต็ม... ท่อนเอ็น ท่อนลำแข็ง กระเด้า เร่งซอย รูสวาท หอย อะไรก็ว่าไป
แต่เห็นคนอ่านใหม่ๆ ชอบใจแบบบรรยายตรงๆ เลย ต่างจากพวกนักอ่านรุ่นเก่าๆ ที่หาสายละมุนหน่อย
ก็อยู่ที่อยากจับกลุ่มลูกค้าแบบไหน...
>>147 นิยายเรื่องนึงในธวล.ที่กูเคยเจอเสียงเอฟเฟคตอนเยแล้วขำชิบหาย ป๊าบๆๆๆ พั่บๆๆๆ อืมๆๆๆๆ จุ๊บๆๆๆๆ จ๊วบๆๆๆ แจ๊บๆๆๆๆ ล่อไปห้าหกพารากราฟ แล้วลองอ่านคอมเมนต์ดูแม่งมีคนบอกว่าอ่านแล้วเสียวด้วยว่ะ มีคนเสียวกับนิยายพรรค์นี้ด้วยเหรอวะ ไม่เข้าใจเลย เรื่องเสียวตามเว็บโป๊ถึงจะใช้คำว่าหีๆควยๆ แต่อ่านแล้วยังรู้สึกเสียวมากกว่าอ่านเรื่องห่านี่อีก
เป็นกำลังใจให้นักเขียน. โปรดเขียน NC สวยๆ
สายละมุน เขียนต้องวางเหตุการณ์นำมา แล้วบิวอารมณ์สัมผัสโอมโอมไปสักพัก กว่าจะสอดใส่
แล้วช่วงสุดท้ายเกือบเป็นสรุปให้คิดเอาเอง...
คนเขียนต้องใช้อะไรหลายอย่าง คนอ่านสายที่ชอบก็จะออกแนวละมุนหวานกันไป
แต่สมัยนี้... กูไม่อยากคิดว่าด้วยการมีเทคโลโนยี ทำให้คนเสพติดดู หนังโป๊ ได้ง่ายไปด้วย (ต่างจากสมัยก่อนต้องลอบๆ แอบๆ ดู)
พอสถานการณ์เปลี่ยน กูเลยคิดว่าคนทั่วไปเลยเสพติดแนวจัดหนักแบบนี้ไปด้วยไม่รู้ตัว...
กูเขียนทั้งสองแนวนะ แต่คนอ่านตอบสนองไปแนวจัดหนักจัดเต็มมากกว่า
ทั้งที่ชอบสายละมุนไปเรื่อยๆ มากกว่า แบบเล่มหนึ่ง ฉากเข้าพระเข้านางสองสามครั้งอะไรแบบนี้ ต่างจากสายจัดเต็มที่แทบทุกบทเน้นแต่เสพสม
สรุป กูเขียนสองสาย ได้รับการตอบสนองจากคนอ่านแตกต่างกันพอควร...
กูสายละมุนนะ บรรยายช่วงเล้าโลมไปตรงๆ จะได้ไม่ดูตลก ส่วนตอนสอดจะเขียนให้มันคิดภาพกันไปเอง
เออ อีกอย่าง กูไม่ขงไม่เขียนถึงไอ้แท่งอะไรทั้งนั้นแหละ เขียนความรู้สึกตอนสอดใส่เข้าแทนการใช้นามเรียก บรรยายความฟินตัวละคร อารมณ์แบบว่ามันรู้สึกดีสุดๆ หรือร้อน หรือเสียววาบจนไม่มีแรงหรืออื่นๆ ยกเว้นแต่ครั้งแรกอะ อันนั้นต้องเขียนฟิลต่างกันหน่อย
ปล.ถึงจะบอกงี้ แต่กูไม่เคยเขียนถึงสักกะที(กอดขาร้องห้ายย)
มึงกูขอคำปรึกษาทีดิ กูเครียดเรื่องนิยายมาก ๆ อะ กูอยาก move on สักพักหนึ่ง ไปทำอะไรก็ได้ที่จะไม่คิดถึงมัน พลังกลับมาเมื่อไรค่อยกลับไปเขียนต่อ กูไม่อยากคิดถึงเรื่องนิยายตลอดเวลา ไม่อยากคิดถึงมันในทุก ๆ วันที่ตื่นขึ้นมาอะ กูควรทำไงดีวะ เครียด หาทางออกไม่ได้ รู้สึกหนัก ๆ อยากออกไปจากตรงนี้
กุไม่เคยเขียนนิยายลงเว็บแบบจริงจังมาก่อน เคยแต่เขียนฟิคลงจอย ผลตอบรับก็ดีนะ แต่กุอยากเขียนนิยายที่เป็นนิยายจริงๆ กุเคยเขียนแนวแฟนตาซีรักๆส่งให้เพื่อนอ่านเรื่อยๆแต่ไม่กล้าลงเว็บเพราะกลัวตัวเองดอง กุจะถามว่าสมัยนี้ถ้ากุเขียนแนวแฟนตาซี แบบไม่เน้นความรัก เน้นเพื่อน ตัวเอกเป็นผญ ไม่มีพระเอก จะมีคนอ่านมั้ยวะ เพราะปกตินิยายแบบนี้ต้องมีพระเอก เรื่องมันจะน่าสนใจน้อยลงมั้ยวะ แล้วถ้าจะลงควรลงเว็บไหน เด็กดีสมัยนี้ยังมีคนอ่านอยู่มั้ย กุไม่ได้เข้าไปอ่านนิยายนานแล้ว
>>156 อยู่ที่แนวเรื่อง
ถ้าแนวจีนย้อนยุคอาจไปได้ แต่ถ้าแนวเวทมนตร์แบบแฮร์รี่น่าจะยากหน่อย
หรือแนวนางร้ายก็พอได้มั้ง...
ตัวเอกเป็นหญิง ความซู ความไร้เหตุผล มักจะคู่กันอยู่แล้ว
เขียนแล้วดูก็ไม่เสียหายอะไร อยู่ที่มึงตั้งความหวังแบบไหน เขียนเพื่ออยากเขียนก็ได้แนวทางหนึ่ง เขียนเพื่อหวังขายด้วยก็ต้องอีกแนวหนึ่ง
ช่วงเขียนไม่ออกจะอ่านเก็บเรฟไว้ ทั้งที่นิยายกูมันไม่จำเป็นต้องใช้รายละเอียดมากมายอะไร คิดว่าสักวันคงได้ใช้
นิยายอีโรติก แนวพีเรียด นี่กูส่งสำนักพิมพ์ไหนได้บ้างวะ
อาจจะเป็นคำถามงี่เง่าไปซักหน่อยนะ แต่กูอ่านเจอหลายเรื่องมากในนิยายทะลุมิติไปเกมจีบหนุ่มหรือพวกนิยายกับการ์ตูนที่พระเอกของเรื่องมีคู่หมั้น(ที่จะกลายเป็นตัวร้ายในภายหลัง)อยู่แล้ว แต่ไปหลงรักนางเอกของเรื่องที่เป็นลูกสาวบารอนตลอด ทำไมต้องเป็นบารอนวะ จะเป็นพวกดยุค มาควิสหรือเจ้าหญิงอะไรไม่ได้เหรอ แล้วถ้าเลือกลูกสาวบารอนมาเป็นเมียจะโดนพวกสภาขุนนางเล่นงานหรือเล่นเกมการเมืองอะไรมั้ย
บางเรื่องก็เห็นพวกเจ้าชายรัชทายาทถูกเลือกให้หมั้นกับพวกลูกสาวขุนนางยศต่ำกว่าดยุคแบบพวกมาควิสหรือเคาน์อะไรประมาณนั้น มันมีเกณฑ์การเลือกคู่หมั้นยังไงวะ ไม่ใช่พวกเจ้าชายทั้งหลายต้องเลือกสาวยศสูงๆไว้ก่อนเหรอ แบบลูกสาวดยุคหรือเจ้าหญิงอีกประเทศไปเลยยังพอเข้าใจได้นะ
>>163 กูอธิบายให้
เรื่องพระเอกไปหลงรักนางเอกที่เป็นลูกบารอนนี่จริงๆ มันก็วิวัฒนาการจากนิทาน นิยาย บทละคร จำพวกสามัญชนกับผู้สููงศักดิ์อย่างพวกซินเดอเรล่าหรือเดอะแก๊งค์ ที่ได้สามีสูงศักดิ์ หล่อ รวย ดี พวกนี้มันความต้องการลึกๆ ของผู้หญิงประมาณความใฝ่ฝันในชีวิตว่าสักวันหนึ่งจะได้อะไรแบบนั้น
ที่พระเอกมันไปชอบลูกสาวบารอนนี่ก็สนองความฝันเด็กผู้หญิงบ้านๆ อะ บารอนยศก็ต่ำมากละ ถ้าขุนนางมารวมตัวกันคือบารอนนี่ก็พวกบ้านนอกดีๆ นี่แหละ เพราะแบบนั้นลูกสาวบารอนก็เหมือนตัวแทนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ในวงล้อมคนที่สูงส่งกว่าตัวเอง
ส่วนดยุกเนี้ย จริงๆ ก็ญาติกษัตริย์แหละ ลูกดยุกก็ลูกพี่ลูกน้องเจ้าชาย คือถ้าใกล้ช่วงตั้งราชวงศ์มากก็ไม่แต่งหรอก ถ้าสืบทอดกันมานานๆ มึงต้องลองนึกถึงพวกอ๋องสืบทอดตำแหน่งของราชวงศ์จีนอะ จริงๆ ก็ไม่แต่งกันเองเหมือนกันแหละ คือถ้าไม่ใช่พวกรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ที่เสี่ยงเป็นโรคบางอย่างอะนะ ก็ไม่ควรจับแต่งกับตระกูลดยุก แต่บางเรื่องไม่คิดมาก อย่างเรื่องลูกสาวดยุกนี่กูก็คิดว่าบรรดาศักดิ์นี้คือเขียนเพื่อให้ดูสูงศักดิ์เฉยๆ อะ
ลูกมาควิสแต่งได้ เจ้าหญิงอาณาจักรอื่นก็แต่งได้ แล้วแต่ธีมคนเขียน คือถ้าขายฝันมากๆ หน่อยก็สาวชาวบ้านกับเจ้าชาย ถ้าขายฝันน้อยหน่อยเอาความโรแมนติคจะเขียนให้เป็นลูกมาควิสหรือเจ้าหญิงอาณาจักรอื่นก็ได้อยู่
เลือกลูกสาวบารอนก็ก็จะโดนเพ่งเล็งแหละว่าเหมาะสมไหม คือในสังคมชั้นสูงมันก็จะมองเรื่องความเหมาะสม เรื่องสายเลือด เรื่องการวางตัวแหละ ถ้ากษัตริย์มีอำนาจมาก ทำไปไม่ต้องแคร์ใครก็ได้ ถ้าอำนาจไม่มั่นคงก็ต้องเลือกตระกูลที่มีความเข้มแข็งอะไรสักอย่าง ถ้าทั้งบ้านนอกทั้งยากจนทำตัวไม่เหมาะสมคนแม่งก็จะพากันวิจารณ์ หนักหน่อยก็เริ่มคิดละว่าจะไปรอดหรือเปล่า แต่พวกนี้มันไม่ใช่นิยายขายฝันอย่างเดียวแล้วไง พาเข้าการเมืองคนก็จะเขียนออกมาอีกแบบ
เจ้าชายหมั้นลูกสาวขุนนางยศต่ำหน่อยถ้าไม่ใช่ขายฝันก็เป็นเรื่องการเมืองอะ คือตระกูลที่หมั้นต้องมีอะไรสักอย่างที่เข้มแข็ง อาจจะเงิน อำนาจทางทหาร จุดยุทธศาสตร์ อย่างใน got เรดเวดดิ้งก็มาจากจุดยุทธศาสตร์ถ้ากูจำไม่ผิด แต่ไม่แต่งกับลูกสาวเขาเขาเลยแค้นจัดงานเรดเวดดิ้งแม่ม ส่วนพวกขุนนางชั้นสูงหรือเจ้าหญิงต่างประเทศคือมีปัญหาอะไรสักอย่างเลยไม่แต่ง อาจจะเรื่องอำนาจการเมือง ความคิดกบฏ โอกาสถูกครอบงำ แต่พวกขายฝันนี่เจ้าชายเจ้าหญิงแต่งกันเยอะแยะไป แต่กับลูกสาวตระกูลดยุกอาจจะเห็นน้อยเพราะมันดูไม่สุด ไม่ต่ำแบบลูกสาวบารอนหรือสาวชาวบ้าน สูงก็ยังเป็นรองบรรดาศักดิ์เจ้าหญิง แถมจะจริงจังลูกดยุกนี่ก็ญาติๆ กันอีก
สรุปว่าเกณฑ์มันอยู่ตรงคนเขียนว่ะว่าเอาอะไรเป็นจุดขาย หรือความอยากเขียนของคนเขียน จริงๆ ก็ไม่ต่างจากนิยายรักไทยหลายๆ เรื่องหรอกที่นางเอกธรรมดาหรือบ้านจนเจอพระเอกหล่อ รวย ที่เขียนกันเกร่ออะ มันก็มาจากความต้องการคนเขียนนี่แหละที่อยากเขียนอยากได้อยากเห็นอะไรแบบนั้น
>>166 บอกไว้หมดแล้ว https://m.pantip.com/topic/33607487?
>>166 ถ้าตามประวัติศาสตร์มันก็มีช่วงที่อัศวินไม่ใช่ขุนนางแล้วก็เป็นขุนนางระดับล่าง จากนั้นก็มีขุนนางที่ได้รับการอวยยศอัศวิน ยศก็ดีกว่าพวกชาวบ้าน เป็นผู้มีเกียรติอะ จะเป็นหรือไม่เป็นผู้นำทางการทหารก็ได้ สมัยแรกๆ มันมาจากคนมีฝีมือในกองกำลังที่รวมๆ ตัวกันแล้วถูกลอร์ดอวยให้
>>167 >>168 ขอบคุณพวกมึงมาก พอดีกูกำลังศึกษาพวกยศบรรดาเจ้าๆทั้งหลายของยุโรปอยู่ประกอบการเขียนนิยายน่ะ
กูถามเพิ่มอีกข้อได้มั้ยวะ สมมติขุนนางยศเอิร์ลแต่งงานอยู่กินกับเมียมีลูกแล้ว แต่ก็ไปมีเมียน้อยและมีลูกกับเมียน้อยด้วย ถ้าเมียหลวงขอหย่า แล้วเอิร์ลแต่งงานใหม่กับเมียน้อยให้ถูกต้องตามกฎหมาย บรรดาศักดิ์จะตกไปอยู่กับลูกคนไหนวะระหว่างเมียเก่าที่หย่ากันแล้ว กับเมียใหม่ที่เพิ่งแต่ง แล้วลูกนอกสมรสนี่จะทำให้กลายเป็นลูกในสมรสได้มั้ยวะ กรณีที่อีเอิร์ลมันยังไม่หย่ากับเมียหลวง ออกแนวรับมาเป็นบุตรบุญธรรม แต่ความจริงก็เป็นลูกมันนี่ล่ะ
เอาจริงกูก็แต่งนิยายเซตติ้งพวกขุนนาง ดยุค บารอน กษัตริย์ ระบบฟิวดัล บลาๆ มีสภาขุนนาง กูก็อิงข้อมูลจากประวัติศาสตร์จริงๆ นะ แต่เปลี่ยนคำบ้าง บิดความหมายให้เข้ากับเนื้อเรื่องบ้าง ไม่จำเป็นต้องเหมือนเด่ะ แต่ถ้ามึงเขียนแบบอิงประวัติศาสตร์ ระบุเป็นยุคเลยก็โอเค แต่สำหรับกูแล้ว พวกนี้เราแต่งเองเขียนเอง ให้มันสมเหตุสมผลก็ใช้ได้แล้ว
หาข้อมูลมากไป สับสนตีกันในหัว บางอันเจอแฟค กำ กูเขียนมาแล้วเป็นแบบนี้ กูก็ปล่อยเบลอไป เสริมให้เนียนกับเรื่องพอแล้วว่ะ 55555
>>169 ให้ใครสืบทอดบรรดาศักดิ์ก็แล้วแต่เอิร์ลเลย เมียเดิมหย่าแล้วก็จบไป เมียใหม่ไม่ใช่เมียน้อยละเป็นเมียหลวงมาใหม่ ลูกก็ไม่ใช่ลูกนอกสมรสแต่เป็นทายาทปกตินี่แหละที่เกิดจากเมียใหม่ ศักดิ์ไม่ต่างกันกับลูกเมียเก่า
ส่วนลูกนอกสมรสจะให้กลายเป็นผู้สืบทอดก็น่าจะทำได้ถ้าไม่นับเรื่องกษัตริย์นะ อันนั้นลูกนอกสมรสโดยปกติไม่มีสิทธิในราชบัลลังก์ ต้องดูกฎมณเฑียรบาลประกอบอีกที ในส่วนขุนนางกูก็เห็นแหลมสีใน got ที่เป็นลูกนอกสมรสแล้วพ่อมาให้ใช้นามสกุลโบลตันทีหลัง หรือกรณีบักจอห์นที่เน็ดอ้างว่าเป็นลูกตัวเองเอามาเลี้ยง ก็บอกโต้งๆ เหมือนกันนี่แหละว่าลูกนอกสมรสของน็ด สตาร์ก แต่ไม่ให้ใช้นามสกุลสตาร์ก ส่วนบุตรบุญธรรมคือไม่ใช่ลูกแท้ๆ ตัวเองแต่รับมาเป็นลูก อันนี้ว่ากันตามท้องเรื่องที่มึงจะเขียนเลย จะให้จริงๆ เป็นลูกนอกสมรสแต่กลัวเมียหลวงรู้แล้วจะเกลียดเลยทำท่าว่ารับมาเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้ แต่ลูกนอกสมรสกับบุตรบุญธรรมมันคนละอย่างกัน
>>171 ไม่ค่อยเห็นเคสที่ แม่ของลูกนอกสมรสได้แต่งกับพ่อบ่อยๆนะ ส่วนใหญ่เป็นพวกท้องก่อนแต่งของคนระดับยศใกล้เคียงกัน และเรื่องหย่านี่ขึ้นอยู่กับนิกายที่นับถือด้วย แต่ส่วนใหญ่เรื่องหย่านี่คอขาดบาดตายมากทั้ง2ฝ่าย (ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีอำนาจแบบ คิงอังกิด ที่ตั้งนิกายใหม่มาเพื่อให้ตัวเอง หย่า ควีนได้นะ)
ส่วนจะให้ใครเป็นผู้สืบทอดนี่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกของเมียคนแรกที่แต่งตามกฏหมายก่อน ยกเว้นมันจะมีเหตุผลให้ข้ามไปให้คนอื่นแทนแบบบ้านฝ่าย ญ โดนคดีใหญ่ จะตั้งเชื้อสายนี้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งอาจไม่เหมาะสมอะไรแบบนี้ ซึ่งปรกติก็ไฟท์กันเลยละ เพราะจะมีญาติและผู้เกี่ยวข้องทางแม่ๆคอยหนุนหลังลูกของตัวเองอีกด้วย
>>172 ขอโทษทีเมื่อเช้าเบลอไปหน่อยอ่านไม่แตก
ตอนแรกกูคิดว่าหย่าเมียเก่าแล้วแต่งเมียใหม่ค่อยมีลูก อันนั้นเป็นทายาทปกติ แต่เคสมีลูกเมียแอบอยู่ก่อนแล้วขณะมีเมียหลวง ต่อมาหย่าเมียหลวงแล้วแต่งเมียน้อย อันนี้กูไม่มั่นใจนะ แต่คิดว่าสถานภาพเดิมอะคือลูกนอกสมรส ต่อมาหลังแต่งถ้าพ่อที่เป็นขุนนางให้ใช้นามสกุลก็จะกลายเป็นลูกนอกสมรสที่พ่อให้การยอมรับ ไม่น่าจะเป็นทายาทปกติเลย ต่างกันตรงที่พอให้ใช้นามสกุลก็จะมีสิทธิในการสืบทอดบรรดาศักดิ์ ความเหมาะสมยังเป็นรองทายาทตามปกติแต่สถานะดีกว่าลูกนอกสมรส
ส่วนเรื่องผู้สืบทอดก็ตาม >>172 เลย ปกติก็จะเลือกลูกคนโตจากทายาทปกติก่อน แต่ของยุโรปนี่กูจำไม่ได้ว่าอ่านข้อมูลจากไหน แต่เขาไม่ได้เคร่งเท่าธรรมเนียมของจีน ของจีนการเลือกลูกชายคนโตระบบมันฝังแน่นกว่ามาก ส่วนทางยุโรปในสถานการณ์ปกติก็ทายาทปกติคนโต แต่ยุโรปมันรบกันบ่อยแล้วก็ลุกฮือกันบ่อย หลายครั้งที่ผลประโยชน์สูงสุดของตระกูลจะเลือกตัวบุคคลที่ความสามารถ คือลูกคนโตแม่มแย่จริง ไม่น่าคุมไหว เพราะสภาพสังคมต่างกับจีนพอสมควร จีนตอนนั้นระบบพ่อบ้านที่คอยจัดการงาน ช่วยเหลืองานน่าจะดีกว่ายุโรปเลยไม่พึ่งพาตัวบุคคลมาก ส่วนยุโรปแม้จะมีคนช่วยงานแต่หลายอย่าพึ่งพาความสามารถลอร์ดมากกว่า คนยุให้เปลี่ยนตัวผู้สืบทอดดีไม่ดีก็คนทำงานให้พ่อนี่แหละ
จริงๆ กูก็ไม่อยากอ้างซีรี่ย์บ่อยนะ แต่ขออีกรอบแล้วกัน ของ got นี่บักธีออน ที่โผล่มาก็กลายเป็นลูกชายคนเดียวพี่ตายหมด ความจริงก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดเกาะเหล็ก แต่สุดท้ายพ่อก็ตั้งลูกสาวเป็นผู้สืบทอดแทน และการตั้งจริงๆ ก็ไม่ใช่เพราะธีออนน้อยมันโดนตัดหรอก แต่เป็นสภาพจิตใจมันไม่ไหว ไม่เหมาะจะเป็นผู้สืบทอด พ่อไม่พอใจที่ธีออนมันอยากอ่อนน้อมให้พวกแผ่นดินใหญ่ อันนี้บอกสภาพคร่าวๆ ของขุนนางสมัยอาศัยปราสาทหินกันอยู่ได้ คือชีวิตแม่งอยู่ยาก มึงต้องแกร่งพอปกป้องสายเลือดตัวเองก่อนถึงจะได้รับเลือก
แต่ถ้าเซ็ตติ้งตามที่การ์ตูนโชโจยกกันมา ดูจากสภาพปราสาทกับบ้านเมืองแล้วมันน่าจะมาไกลเกินยุคกลางมากแล้วแหละน่าจะมาแถวยุคปฏิวัติฝรั่งเศสกันละ ถ้ายุคนั้นขุนนางไม่น่ามีปัญหาการสืบทอดกันมาก คงให้ลูกชายคนโตเลย แล้วแต่เซ็ตติ้งคนเขียนด้วย อย่างไลต์โนเวลชาย 8 ข้าวของมันก็ค่อนข้างทันสมัย แต่การปกครองยังอิงกับยุโรปยุคกลางอยู่ แถมคนยุให้เปลี่ยนผู้สืบทอดก็พ่อบ้านของพ่อนี่แหละ
มึงถามหน่อย นอกจากบอร์ดโม่งแล้ว มีบอร์ดไหนที่คุยเรื่องนิยายกันแบบนี้อีกมะ
ใช่เรอะ ระบบยุโรปเคร่งเรื่องลูกคนโตจะตาย ไม่ใช่จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนกันได้นะ ดูอย่างfrederick the great ดิ พ่ออยากเปลี่ยนแต่เปลี่ยนไม่ได้ เรื่องทายาท ลูกชายคนโตสุดจากภรรยาที่แต่งตามกฎหมายมาก่อน ลูกนอกสมรสถ้าเกิดก่อนก็ไม่ได้ตราบใดที่ยังนอกสมรส ถ้าบอกในกรณีที่ลูกชายคนโตแย่จริงก็เปลี่ยนได้ ก็ดูอย่างกรณี Ferdinand i of Austria (1793) ดิ คือถ้าเอาตามจริงคือมันต้องดูด้วยว่าระบบสืบทอดเป็นsalic law ไหม หรือ semi salic
>>175 กูอาจจะเขียนไม่ละเอียดเอง ใน >>173 >>171 นี่กูตอบคำถาม >>169 โดยโฟกัสที่ตำแหน่งขุนนางที่เป็นเอิร์ล
ในส่วนของกษัตริย์ กูตอบไว้ใน >>171 ย่อหน้าที่ 2 อะ ว่าส่วนลูกนอกสมรสจะให้กลายเป็นผู้สืบทอดก็น่าจะทำได้ถ้าไม่นับเรื่องกษัตริย์นะ อันนั้นลูกนอกสมรสโดยปกติไม่มีสิทธิในราชบัลลังก์ ต้องดูกฎมณเฑียรบาลประกอบอีกที
คือกูยกเคสกษัตริย์ไว้เป็นอีกกรณีหนึ่งเพราะความเข้มงวดมันต่างกัน กูอธิบายถึงเรื่องการสืบทอดของแรมซีย์ ที่ตอนแรกเป็นลูกบนอกสมรสใช้นามสกุลสโนว์ ตอนหลังพ่อให้การยอมรับค่อยมาใช้นามสกุลโบลตัน ซึ่งเป็นกรณีต่างจากลูกนอกสมรสของกษัตริย์ ตรงนั้นก็อยากชี้ให้เห็นว่าในระดับขุนนางมันมีโอกาสที่พ่อจะเลือกผู้สืบทอดจากกรณีอื่นได้ที่ไม่ใช่ทายาทปกติ แถมยังพร้อมจะเปลี่ยนผู้สืบทอดอื่นได้ถ้าแรมซีย์มันทำพลาด
อันนั้นเป็นซีรี่ย์หรือนิยายเราอาจจะไม่ให้ราคามาก ส่วนข้อมูลที่กูอ่านมากูจำที่มาไม่ได้จริงๆ กูขอเขียนเป็นแนวความคิดเท่าที่กูจำได้แล้วกันว่าทำไมกูเชื่อข้อมูลนั้น แต่ต้องแยกก่อนนะว่านี่เป็นเรื่องของระดับขุนนาง กูไม่แน่ใจว่ามันเป็นหัวข้อการเปรียบเทียบการสืบทอดบรรดาศักดิ์ของจีนกับยุโรปหรือเปล่านี่แหละ จำได้ลางๆ ว่ามีการเอาของจีนมาเทียบ
อย่างแรกคือยุคสมัยที่กูอ้างเป็นช่วงยุคกลาง (หมายถึงช่วงศตวรรษที่ 5 - 15) ซึ่งระบบขุนนางมันก็มีการพัฒนาการมาตลอด กูก็ไม่ได้อธิบายไว้ แต่ขออ้างถึงตัวเองใน >>168 ที่ตอบคำถามเรื่องยศอัศวินอะ ว่ามันมีช่วงของมัน กับช่วงแรกอัศวินก็มาจากพวกคนมีฝีมือในกองกำลัง ซึ่งตอนนั้นการรวมกำลังปกครองมันแตกต่างกับสมัยต่อๆ มา อย่างน้อยกูก็เห็นว่าไอ้กองกำลังติดอาวุธนี่มันต่างจากทหารระดับหนึ่ง
ส่วนที่กูชี้เฉพาะยุคที่กูว่าเพิ่มขึ้นนี่มันอยู่ใน >>173 ย่อหน้า 3 ช่วงท้ายๆ บอกสภาพคร่าวๆ ของขุนนางสมัยอาศัยปราสาทหินกันอยู่ได้ คือชีวิตแม่งอยู่ยาก มึงต้องแกร่งพอปกป้องสายเลือดตัวเองก่อนถึงจะได้รับเลือก คิดซะว่าเป็นเซ็ตติ้งที่กูอธิบาย คือถ้านิยายคนที่ถามจะอิงประวัติศาสตร์เอาตั้งแต่ยุคปราสาทเป็นปราสาทหิน แต่ถ้าอิงสิ่งปลูกสร้างที่หรูหรากว่านั้น จะอยู่ในย่อหน้าถัดมา ย่อหน้า 4 ช่วงแถวๆ นั้นมันคงไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว คงให้ลูกชายคนโตเลย อันนี้คือความเห็นกู
กลับมาเหตุผลที่กูตอบนะว่าทำไมพ่อที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลมันน่าจะเลือกผู้สืบทอดได้ อันนี้จะไม่เชื่อก็ได้เพราะกูหาแหล่งที่มาไม่เจอ กูเรียบเรียงจากซอกหลืบความทรงจำของกู
คือยุโรปในต้นยุคนั้นประชากรมีน้อย แถมเจอโรคระบาดเป็นระลอก ดังนั้นการสร้างบ้านเรือนแต่ละหลังมันจะอยู่ห่างกันพอสมควร การที่ลอร์ดปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่จึงค่อนข้างลำบาก ประชากรกลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญก็เริ่มไม่อยากให้เขาย้ายไปไหน วันดีคืนดีกษัตริย์ก็เรียกไปช่วยรบอีก ทีนี้ด้วยสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากแบบนั้น มันทำให้เกิดความจำเป็นที่ต้องเลือกเอาคนที่มีความเข้มแข็งในการควบคุมปกครองพื้นที่ของตัวเอง ในขณะเดียวกันในประเทศจีนยุคใกล้ๆ กันในช่วงต้นน่าจะเป็นยุคสุย ยุคถังแล้ว ความยิ่งใหญ่กูคิดว่าเจริญกว่ายุโรปช่วงเดียวกันมาก การรวมตัว ระบบการปกครอง พิธีการถูกขัดเกลามาหลายราชวงศ์ละระบบอยู่ตัวมากกว่ากันเยอะ ทำให้บทสรุปว่าลูกคนโตสืบทอดกิจการตระกูลนี่มันเข้มแข็งกว่าเพราะระยะเวลาปลูกฝังมันเกิดมานาน
คือสรุปที่กูเชื่อแบบนี้เพราะมันอ้างถึงสภาพแวดล้อมความจำเป็นที่แตกต่างกัน ยุโรปช่วงต้นนั้นยังต้องการความเข้มแข็งของตัวบุคคลมากกว่า กูก็เชื่อว่าถ้าลอร์ดไม่รักลูกจนโง่เกินไปก็ควรเอาคนที่มันจะพาวงศ์ตระกูลไปรอดเป็นลำดับแรก เพราะตอนนั้นความอยู่รอดสำคัญกว่า แต่การพัฒนาการ การสั่งสมอะไรต่างๆ ระหว่างยุคมันทำให้พื้นฐานตระกูลเข้มแข็งขึ้น ภายหลังความเข้มแข็งส่วนบุคคลเป็นเรื่องรองละการยึดธรรมเนียมให้ลูกคนโตสืบทอดบรรดาศักดิ์เพื่อป้องกันปัญหาแย่งตำแหน่งค่อยถูกให้ความสำคัญทีหลัง ซึ่งเป็นบทสรุปเดียวกับจีนแต่ยุโรปเกิดขึ้นตามหลังหน่อย เท่าที่จำได้มันเขียนมาประมาณนี้แหละ
ปล. กูก็ไม่ยืนยันว่ากูถูกนะ กูแค่เห็นด้วยกับแนวคิดว่าเลือกคนที่เข้มแข็งเพื่อความอยู่รอดก่อนตามความจำเป็นในช่วงเวลานั้นๆ อะ กูแม่งก็ไม่รู้จะสืบค้นสายสกุลของบรรดาศักดิ์ขุนนางพันกว่าปีก่อนยังไง กูอาจจะผิดก็ได้
บ่น ๆ
ในนี้ใครเขียนนิยายแล้วสังคมโดยรอบไม่ได้อ่านนิยายบ้างอะ
บางทีมันก็เหงานะ นอกจาก Fc ของกู กับตามเว็ปบอร์ดต่าง ๆ กูก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร
มีใครสนใจเปล่า ใน ดดด
สวัสดีค่ะ วันนี้มีข่าวฝากมาประชาสัมพันธ์ค่ะ
ตอนนี้แจ่มใสกำลังรับสมัครกองบรรณาธิการแนว LOVE อยู่นะคะ
หลายคนอาจสงสัย นิยายแนว LOVE คืออะไร
คือนิยายรักโรแมนติกร่วมสมัยผลงานเขียนของคนไทย ที่พระเอกนางเอกเป็นหนุ่มสาววัยทำงาน เนื้อหา (รวมถึงฉากกุ๊กกิ๊ก) จึงเข้มข้นหนักเบาได้สมวัยค่ะ
คุณสมบัติของผู้ที่สนใจร่วมงานกับกองบรรณาธิการ LOVE มีดังนี้
.
- อายุไม่เกิน 35 ปี
- วุฒิปริญญาตรีไม่จำกัดสาขา
- เป็นคนชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ย้ำ ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ อ่านได้อ่านดี ชีวิตนี้ขาดหนังสือไม่ได้ และอ่านหนังสือได้หลากหลายประเภท
- มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทัศนคติดี ทำงานเป็นทีมได้
- ทำงานภายใต้ความกดดันได้
.
หากคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามนี้ และอยากร่วมจับมือเดินทางตามเส้นทางความฝันของคนทำหนังสือ เพียง…
.
- แนบประวัติส่วนตัว แนบรูปถ่าย และลิงก์ facebook
- โชว์ฝีมือเขียนเรียงความในหัวข้อ ‘เหตุผลที่คุณอยากเป็น
คนทำหนังสือ’ ความยาวไม่ต่ำกว่า 1 หน้า A4
- บอกสุดยอดหนังสือในดวงใจ 5 เล่ม พร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงรัก 5 เล่มนี้ที่สุด และหนังสือที่ไม่ชอบ 5 เล่ม พร้อมเหตุผลที่ไม่ชอบ
เรียบร้อยแล้วส่งมาที่อีเมล hr@jamsai.com ได้เลยนะคะ โดยใช้ชื่ออีเมลว่า ‘สมัครงานกองบรรณาธิการ LOVE' ค่ะ
กองฯ บรรณาธิการของเรากำลังรอคนมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานดีๆ อยู่ค่ะ
ในไทยมีกลุ่ม beta reader บ้างยังง่ะ กุมีคนอ่านแต่เขากรี้ดกันอย่างเดียว แรกๆมันก็ดี แต่ผ่านไปปีสองปีแล้วกลับมาดูคือแม่งมีจุดเหี้ยๆเยอะมากกกกก ดูเริ่มรู้สึกว่าเขาอวยกูกันเกินไป อยากได้คนอ่านที่กล้าติ หาจากไหนได้บ้าง ฮือๆ
>>193 น่าจะเพราะวน ๆ เวียน ๆ ไม่มีใครเคยเขียนแบบนี้มาก่อน กรรมการเห็นแปลกดีเลยให้มั้ง 555 กูอ่านบทสัมภาษณ์ของเขา เขาบอกว่าเรื่องมันเกี่ยวกับมายาคติของมนุษย์ แต่กูว่าคนเขียนเขียนได้ธรรมดาไปอะ เหมือนแบบเออ พอได้ซีไรต์แล้วก็เลยบอกเก๋ ๆ ว่ามันแฝงสัญลักษณ์อะไรทำนองนั้น แต่เอาเข้าจริงเหมือนเขียนให้วน ๆ ไว้ก่อน เอางง ๆ อะไรไม่รู้ อีกเรื่องที่กูไม่ค่อยชอบก็คนแคระอะ ได้ซีไรต์เหมือนกัน แต่กูก็อ่านแล้วไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง ยิ่งงานเขียนเล่มต่อ ๆ มาของนักเขียนคนนี้คือธรรมดามาก ธรรมดาจนสงสัยว่าเคยชนะซีไรต์มาได้ไงวะ เพราะงานเรื่องต่อ ๆ มาแบบกลวงมาก กูเคยดูลิสต์นิยายเข้ารอบซีไรต์ จริง ๆ เรื่องที่เข้ารอบก็ไม่ได้ดีอะไร หลายเล่มเหมือนกันที่กลวง ๆ โดนวิจารณ์ว่าเขียนไม่ดี ซีไรต์สำหรับกูคือไม่ค่อยน่าเชื่อถืออะ ถ้าจะอ่านงานรางวัลคือกูอ่านนิยายแปลเลย
ขอแทรก พวกมึงใครเป็นนักเขียน กูมาเตือน ใครที่ลงนิยายใน ดด ธวล rw fl ใดๆก็แล้วแต่ระวังด้วยนะช่วง มันมีคนสูบงานไปปล่อยเป็น pdf โดยที่คนทำมันไม่รอให้ออกเล่มด้วยซ้ำ บางเรื่องรู้เลยว่าก๊อปตั้งแต่นักเขียนเอาลงในเว็บต่างๆ เป็นไฟล์ word ที่เอามาแปลงเป็น pdf แม่งไม่รอให้เป็นเล่มด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้สูบกันตั้งแต่นักเขียนลงฟรี พวกใช้กุญแแจ ใช้เหรียญนี่ก็โดน กูเห็นบางเรื่องนักเขียนเพิ่งลงmeb 2 วัน ไฟล์เถื่อนก็มาละ เพื่อนกูเป็นนักเขียนหลายคนก็โดน ซึ่งโดนเยอะมากกูคิดว่าบางเรื่องเจ้าของงานอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำ กูลองเสิร์ชหาใน gg ดูมันไม่ขึ้นนะ แต่คนเขาไปโหลดน่าจะเยอะอะ พวกกูกับคนที่รู้เรื่องพยายามรีพอร์ตแล้ว มันก็ไปเปิดใหม่อยู่ดี ใครรู้จักนักเขียนคนไหนก็เตือนๆกันหน่อยนะ อนุญาตไม่บอกชื่อเว็บนะ ไม่อยากกระจายให้คนรู้เยอะ เดี๋ยวมันจะยิ่งเป็นช่องทางให้พวกเหี้ยๆเข้าไปโหลดเพิ่ม
แนะนำกลุ่มวาดปกในเฟสหน่อยดิ ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
Ky เพื่อนโม่ง ปกติเวลาแต่งนิยายพวกมึงทำทรีตเม้นกันก่อนมั้ย หรือวางพล็อตไว้คร่าวๆ แล้วค่อยไปด้นสดเอา กูเคยคิดจะทำทรีตเม้นแต่เวลาแต่งจริงหน้างานมันไม่เป็นไปตามทรีตเม้นอ่ะ ช่วงหลังกูเลยวางแค่พล็อตคร่าวๆ ให้ไหลไปเอง แต่ติดปัญหาตรงที่แต่งไปสักพักชอบตัน พวกมึงคิดว่าทำทรีตเม้นหรือวางพล็อตคร่าวๆ ดีกว่ากันอ่ะ
กูขอถามอะไรที่มันดูโง่ๆหน่อยนะ ebookน่ะ ถ้าจะเอาลงmep ต้องใส่ปกไปในไฟล์เลยหรือว่าใส่แยกกันต่างหาก
Ky กูมาถามในนี้ได้มั้ย ทำไมนิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียนขายดีจังอ่ะเพื่อนโม่ง ยิ่งกว่าแย่งกดบัตรคอน เพราะมีพระเอกยันเหรอวะ กูอ่านเล่ม1-2แล้วเฉยๆ การบรรยายเรื่องค่อนข้างเอื่อนในคหสตกู แต่กูชอบคาร์พี่ชายอ่ะ คือกูก็เป็น1ในคนที่รีบตื่นมากดจองนิยายนั่นแหละ 555555 แต่อยากฟังความเห็นของเพื่อนโม่งคนอื่น คิดว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงขายดี
>>212 ต้องมีปกหลังด้วยหรอวะ 55 กูลงมาเท่าไรไม่เคยมีนะ แล้วร้านทำปกอีบุ๊กก็ทำเฉพาะปกหน้า เอาจริง ๆ ถ้าคนอ่านอ่านจบหน้าสุดท้ายเขาก็ไม่มาเปิดดูปกหลังอะ มันไม่ใช่หนังสือเล่ม ทำแค่ปกหน้าก็พอมึง แต่ถ้าอยากใส่ปกหลังก็ใส่ในตัวไฟล์ไปเลย แต่กูไม่แนะนำให้ใส่อะ ใส่ไปก็ไม่มีผลอะไรนะ
ใช่ปกหลังมันเปลืองขนาดไฟล์ของคนอ่าน ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก
และไม่น่าส่งผลอะไรต่อยอดขาย... เท่ากับปกหน้าที่ต้องเน้นมากที่สุด
Ky เพื่อนโม่งปกติพวกมึงอัพนิยายบ่อยแค่ไหนอ่ะ สมมติอัพสัปดาห์ละตอนถือว่าน้อยไปป่าว นักอ่านบอกกูว่าอัพช้าขาดตอน แต่กูทำงานประจำอ่ะ แต่ก่อนกูอัพวันเว้นวันได้เพราะยังไม่ทำงาน กูอยากอัพนิยายทุกวันเหมือนกันแต่ว่างแค่วันเสาร์อาทิตย์ ถ้าอัพสัปดาห์ละตอนนักอ่านจะหายมั้ยวะ หรือกูควรเฟดตัวออกไปดองนิยายสักพัก สต็อกนิยายไว้ให้ได้เยอะๆ แล้วค่อยทยอยลง
กูมีปัญหากับการสร้างบทตัวร้ายวะ วางอีเวนท์ให้แล้วแต่วางจุดประสงค์หรือปมดีๆให้ไม่ได้ ปมมันดูซ้ำๆเบียวๆไงไม่รู้
>>215 เก่งจัง กูว่าไม่น้อยไปนะ กำลังดีเลย นักอ่านบางคนเขาเคยอ่านงานที่นักเขียนอัพถี่ๆ อัพทุกวี่ทุกวันแล้วอาจจะเคยชินว่านักเขียนทุกคนต้องอัพทุกวัน บางคนก็แต่งดีจนนักอ่านค้างอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ
กูว่านักเขียนที่อัพได้ทุกอาทิตย์หรือวันเว้นวันเนี่ย เก่งและบริหารเวลาดีมากเลยนะ เคยลองแต่งละใช้เวลาเข็นหนึ่งตอนออกมาเป็นเดือน เลยเลิกเขียนละ เป็นนักอ่านเหมือนเดิมดีกว่า555
เดี๋ยวนีัโม่งเป็นไรไปวะ ล้มเจ้าหีแตดเต็มไปหมด เข้ามาแต่ละที มีแต่ล้มเจ้าๆ ทำกูหมดอารมณ์คุย
จัดหน้าอีบุ๊ค ฟ้อนต์ 16 ชะ แล้วคิดราคาแบบไหนดี TT
กำลังเขียนเซตติ้งประเทศที่ไม่เคยไป แต่มีแพสชันต่อที่นี่มาก จะรอดมั้ยเนี่ยย รู้สึกหาเรฟเท่าไหร่ก็ไม่พอ แถมติดอ่านเรฟจนไม่มีเวลาเขียน...
พวกมึงใช้ภาพปกนิยายที่แต่งในเว็บเป็นรูปอะไรกันวะ
เอารูปของคนอื่นมาเลยได้หรอ กูรู้สึกแปลกๆ แต่เห็นใครเขาก็ทำกันทั้งนั้น
ไม่นับรูปคนจริงนะ กูพูดถึงรูปวาดออริของนักวาดที่เอาลงในโลกออนไลน์อ่ะ
อย่างนางเอกกูหัวดำ กูก็เสิชหารูปวาดผู้หญิงผมดำ พอเจออันที่ใช่ ตรงคาแรคเตอ์ ก็เอามาได้เลยหรอวะ??
>>233 ถ้าตามหลักจริงๆเลยก็ไม่ได้อะ แต่ส่วนใหญ่นักวาดไม่ได้เอาเรื่อง เพราะ 2 เหตุผลหลักๆ
1.นักวาดไม่รู้
2.นักวาดรู้ แต่เห็นว่านักเขียนไม่ได้เอามาแสวงหากำไร ในกรณีนี้บางทีนักวาดเขาก็อนุโลมอะ ถือว่าโปรโมทภาพวาดในตัว แต่ต้องใส่credit ให้เขานะ สังเกตมั้ยว่ากรณีนี้ พอนักเขียนจะเอาไปทำเล่มทำebook ขาย ก็จะไม่สามารถใช้ภาพวาดพวกนี้ไปประกอบได้โดยเด็ดขาด
แต่ถ้าตั้งใจเอาไปแสวงหาผลกำไรแต่แรก อันนี้ผิดแน่นอนผิดเน้นๆ อย่างเช่นอิพวกนิยายที่ใช้ภาพพวกนี้ไปประกอบแล้วติดเหรียญจริงๆก็ผิดนะ เพราะถือว่าคุณได้กำไรจากส่วนนั้น
และไม่ใช่แค่ภาพวาดหรอกจริงแล้วรูปถ่ายด้วย มันก็มีลิขสิทธิ์ เว้นแต่ภาพวาดหรือรูปถ่ายเหล่านั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จะนำมาแจกฟรีเอง
มาถามหาเรื่องลักษณะ Character จำได้ว่ามันไม่ใช่ Alignment อ่ะ แต่มันมีลักษณะคารา 9 แบบกุจำได้ว่าเคยมีคนเขียนเรื่องนี้ใน Facebook มีใครในนี้พอคุ้นบ้างไหมคะ จำได้อีกอย่างว่านักเขียนที่ทำเรื่องนี้เหมือนชื่อลอว์เรนซ์แต่ไม่รู้ว่ามันสะกดแบบไหนหรือเรียกว่าอะไร
>>233 เอามาก็ผิดอะแหละ พวกแจกฟรีเจ้าของจริงๆ เอามาแจกหรือเปล่าไม่รู้ อันนี้อยู่ที่มึงล้วนๆ ถ้าเลือกของฟรีเอารูปในเว็บที่เขาแจกฟรีจริงๆ มาดีกว่ารูปตามเน็ต ส่วนพวกปกรูปวาดมึงรู้อยู่แล้วว่ามันผิด มึงเห็นคนอื่นทำผิดก็อย่าไปเลียนแบบเขา เหมือนมีคนก็อปนิยายมึงไปปล่อย pdf เอาค่าโฆษณา ถ้าเขาบอกมึงว่าเห็นใครๆ ก็ก็อปกันแล้วมึงโอเคไหม ปกนอกปกในภาพประกอบก็ไม่เหมาะ
มึงขอถามหน่อย มีใครในนี้แต่งนิยายแนวจีนบ้างปะ คืออยากแต่งนะพล็อตมีอยู่เต็มหัวแต่ไม่กล้าแต่ง เพราะกูพอมีพื้นฐานภาษาจีนมาบ้างจากการที่โรงเรียนบังคับเรียนมา6ปี พอจะถามทางซื้อข้าวแนะนำตัวกับอ่านหนังสือได้ประมาณเด็กอนุบาลถึงป.1
เวลากูอ่านนิยายแนวจีนที่คนไทยแต่งเรื่องธรรมเนียมไม่เท่าไหร่นะเพราะกูจะเบลอเอาว่าเป็นโลกสมมุติ แต่เรื่องชื่ออะมึง หลายเรืองละชื่อมันเหมือนชื่อที่เขาเอาไว้ตั้งชื่อหมาชื่อแมวอะมึง บางคนตั้งชื่อซะเพราะแต่ความหมายจริงคืออะไรก็ไม่รู้
กูอยากรู้ว่าพวกมึงรับมือกับเรื่องแบบนี้กันยังไงหรือว่าเบลอแม่งไปเลยเอาชื่อที่ชอบใจก็พอ อยากแต่งแต่แต่งไม่ลงจริงๆมันตีบตันเรื่องชื่อ แถมจะให้ไปลอกๆชื่ิจากนิยายจีนมากูก็ไม่ได้านพอ
ค้นจาก google ด้วยคำว่า "แซ่จีน" , "ชื่อจีน" จะมีบทความรวมแซ่จีนและชื่อจีน มาให้เลือก มีที่เขียนเป็นบทความใน dek-d ด้วย ก็เลือกชื่อที่ชอบหรือนำคำจีนที่อยู่ในชื่อที่รู้ความหายมาผสมกัน แล้วหาแซ่ที่ออกเสียงเข้ากัน ถ้าได้แล้วก็นำไปค้นใน google ว่ามีใครใช้ไปยัง ถ้าไม่ซ้ำก็จะดี
ความหาย >> ความหมาย
เมื่อกี๊พิมพ์เร็วไปหน่อย 555
หาชื่อจากเว็บตั้งชื่อ behindthename อ่านหนังสือที่คนประเทศนั้นเขียนหลายๆ เรื่อง ดูชื่อนักเขียน ดารา นักการเมือง ความหมายส่วนใหญ่กูจะหาจนรู้ เช็คจนแน่ใจว่ามีคนจริงๆ ใช้ชื่อนี้ กูเขียนแถบอาหรับ แต่คิดว่าแนวจีนก็น่าจะไม่ต่างกัน
ฉู่เฉียวนี่เ
ใน meb นี่รายงาน meb เรื่องปดละเมิด ลข ได้ปะวะ
กูขอปรึกษาเรื่องการส่งงานสนพ.หน่อยนะโม่ง
คือกูแต่งนิยายความยาวสองเล่มจบ(กูรวมไฟล์แล้วได้จำนวนหน้า 500+ เป็นนินายสองภาค) ทีนี้กูเล็งไว้สองสนพ.คือ1168กับเอ็นเธอ เพราะกูชอบสองสนพ.นี้อะนะ ออกงานเรื่อยๆไม่แพ แต่ช่วงนี้เอ็นเธอก็ออกนิยายแปลรัวๆไม่เห็นนิยายไทยเลย 1168 ก็ออกกู๊ดนิยายเรื่องเก่าๆถี่กว่ารูปเล่มใหม่อีก กูเลยลังเลว่าจะส่งดีมั้ยวะ หรือลองทำมือเอง คือกูก็อยากได้ตีพิมพ์สักครั้งในชีวิตนักเขียนอ่ะนะ แต่ดูสภาพการณ์ตอนนี้วงการซบเซานำเข้าแต่นิยายแปลรัวๆสนพ.ที่รับงานแฟนตาซีไทยน้อยลงมากเลยอะ โม่งไหนเคยมีประสบการณ์กับสองสนพ.นี้ช่วยแชร์ที อ้อ ไม่ต้องแนะนำกูไปสถาพรนะ พอกูรู้ดราม่ามิกซ์แฟนฟิคก็แอนตี้สนพ.นี้ละ
>>252 ถ้ามึงมีฐานคนอ่านอยู่ ทำมือเอง ขายอีบุ๊คเอง เงินดีกว่า ลงทุนปกสวยๆบาดตาบาดใจหน่อย
ถ้าไม่มั่นใจก็ส่งสนพ
ที่ไหนรับก็ส่งๆไปก่อน ส่งทีละสนพ.นะ มึงยังโนเนม เลือกอะไรมากไม่ได้หรอก
ถ้าสมมติว่าผ่าน ก็ค่อยมาดูเรื่องผลตอบแทนอีกที อย่ามัวแต่รีๆรอๆว่าจะส่งหรือจะทำมือ นิยายในตลาดมันเยอะ ของมันมาไวไปไว
>>252 เออ รีบตัดสินใจ แต่เป็นกูกูมองความเซฟมากกว่า กูคงส่งสนพ.อะ เพราะไม่มีประสบการณ์การทำมือ กูเขียนนิยายรักโรแมนซ์ลงอีบุ๊ก โนเนมมาก ไม่ได้โปรโมทห่าไรด้วย มีเล่มนึงติดสายสะพายแล้ว แต่มันก็ยังได้แค่นั้นอะ รายได้ไม่ได้ดีเวอร์ พอถูไถ กูโปรโมทไม่เป็น อันนี้คือจุดบกพร่องหลักมาก ๆ ซึ่งมันทำให้งานกูขายได้ไม่เยอะเท่าไร กูเลยคิดอยากส่งสนพ.มากกว่า เขามีระบบทำงานของเขา
>>253 กูมีแฟนคลับตามในนิยายอยู่สองพันกว่า แต่ตามเพจจริงสามร้อยกว่า กูจะควรจะวัดยอดแฟนจากไหนดีวะ ถ้าทำมือจริงกูกะเอาสัก 100 เล่มพอ เคยถายเพื่อนที่ทำโดจินขายเขาบอก 100 เล่มนี่คือกำลังดี ไม่ขาดไม่เกิน งบเฉลี่ยโอเค แต่ก็เสมอตัวอะไม่ขาดทุนมสกแต่กำไรก็น้อย
>>254 กูก็โปรโมทไม่เก่ง555 แชร์ลงเพจตัวเองหรือไปฝากตามกระทู้ตามหานิยายเท่านั้น แต่ส่งสนพ.ก็กลัวปัญหาจุกจิกอย่างเลือกนักวาดหรือสั่งตัดเนื้ิหาทิ้งงี้ คือกูอยากเลือกนักวาดเองอะ(เพื่อนกูเอง อยากช่วยอุดหนุน) แต่พวกสนพ.เขามักจะมีนักวาดประจำอยู่ไง
>>255 ยึดตามที่ลงนิยายเลย ไม่ต้องยึดตามเพจ บางคนยอดไลก์เพจน้อย แต่ทำมือทียอดจองเยอะมาก ๆ ก็มี บางคนยอดไลก์เพจเยอะ แต่จองน้อยก็มีเหมือนกัน ขึ้นกับว่ามีแฟนคลับอ่านในหน้าเว็บมากแค่ไหนจริง ๆ ถ้าจะทำมือก็เริ่มน้อย ๆ ให้ตัวเองไม่เข้าเนื้อก่อน ถือว่าชิมลางก่อนก็ได้ จะได้รู้ว่าต่อไปจะเลือกทางไหนดี
กูเคยออกงานกับสนพ. แต่หลังจากนั้นก็ส่งงานไม่ผ่าน กูควรจะกอบกู้สภาพจิตใจหลังจากส่งนิยายไม่ผ่านติดๆกันหลายครั้งกลับคืนมายังไงดีวะ กูท้อมาก หรือกูไม่ควรเดินบนเส้นทางนี้แล้ว
>>252 มึงไม่ต้องคิดมากมึงกรองด้วยตัวมึงมาแล้วระดับหนึ่ง ส่งๆ ไปเถอะ มึงอาจจะไม่ได้ตีพิมพ์กับทั้งสองที่ก็ได้ ถ้าไม่ผ่านที่หนึ่งจะได้รีบส่งไปอีกที่ไม่เสียเวลา
>>255 ยอดจริงมันได้แต่ประมาณเอา แล้วแต่แนวเรื่องด้วยแต่อย่างมึงนี่ไปลงตอนใหม่ในนิยายตัวเองจะได้ผลสุด แปะลงเพจมีผลไม่มากถ้ามึงไม่ยิงโฆษณาเพราะคนมึงไม่ได้เยอะ ลูกเพจบางคนก็ไม่เห็น กูบอกเลยว่าเพจเป็นหมื่นจะให้ยอดขายขึ้นพันยังยากเลยถ้าเรื่องไม่ดีโฆษณาเปิดจองไม่เห็น ส่วนพวกกระทู้อะไรนั่นอย่าไปคาดหวัง ได้สักคนก็บุญแล้ว ตรงนั้นมันไม่ค่อยมีนักอ่านที่ยอมจ่ายเงินซื้องานหรอก มีแต่นักเขียนจ้องขายด้วยกันทั้งนั้น มึงลงไปร้อยรอบกับลงในหน้านิยายตัวเองรอบเดียว ขายในหน้านิยายมึงมีประโยชน์กว่าเยอะ ถ้ายอดไม่มากมึงพิมพ์ดิจิตอลได้ ไปขอใบเสนอราคาเขาก่อน บอกยอดเขาสัก 50 ก่อนก็ได้มึงจะได้ประมาณราคาคร่าวๆ ถูก พิมพ์มากขึ้นเขาอาจจะลดให้นิดหน่อยหรืออาจจะไม่ลดเลยถ้าไม่ได้พิมพ์สักสามร้อยเล่มขึ้นไปคงลดไม่เยอะ ถ้าลูกค้ามึงจองเกินมึงค่อยไปขอใบเสนอราคาใหม่อีกรอบอาจได้ราคาถูกลง คงไม่แพงขึ้น
>>257 มึงไปทำมือเอง บางทีมึงต้องดูงานตัวเองด้วยว่ามันน่าจะขายหรือเปล่า ดูเอาตามความเป็นจริงอย่าโกหกตัวเอง อย่าคิดว่าเคยออกแล้วมึงเจ๋งมาก งานมึงต้องผ่านตลอดๆ บางทีมันไม่ไปกับตลาดตอนนี้แล้วหรือบางที สนพ. อาจจะมองพลาดหรือดูแล้วไม่คุ้มจะทำ มึงไม่ผ่านก็ทำ ebook เขียนเรื่องใหม่ อย่าจมกับความผิดหวังมันเสียเวลา ถ้ามึงไม่รู้ว่าทำไมงานตัวเองไม่ผ่าน หรือไม่รู้ว่ามันน่าจะขายได้ไม่ได้ มึงไม่ต้องทำเป็นอาชีพ ทำเป็นงานอดิเรกก็พอ กูให้เหตุผลแทน สนพ. เอง มันมีเหตุผลเดียวคือถ้าออกแล้วเขามองว่างานมึงไม่ทำกำไรให้เขา มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก บางทีงานมึงอาจจะดีแต่ไม่ขาย หรืองานมึงแม่งไม่ดีแต่ให้ตอบตรงก็กลัวจะเสียน้ำใจ หรือมันก้ำกึ่ง เหมือนจะขายได้แต่ก็อาจไม่ได้กำไรอะไร อาจเหนื่อยเปล่าที่จะทำ แบบนี้ถ้ามึงเอาไปทำเองรับคนเดียวมันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าต้องมาแบ่งกันกับ สนพ.
>>257 ขาย e-book เอาดิ สมัยนี้ช่องทางนี้ง่ายมากๆ แล้ว
หัดทำปกเอง หัดจัดรูปเล่มเอง ไม่นานก็เป็น
เงินก้อนอาจไม่เยอะเท่าที่ได้ สนพ. ในตอนแรกๆ แต่พอมีฐานแฟนคลับของตัวเองก็จะสบายขึ้น
กูเห็น นักเขียนบางคน สนพ. ขายผลงานของนางไม่ดี ก็ไม่รับผลงานใหม่เช่นกัน
นางก็เขียนออก e-book เอง ทำไปทำมา 5-6 ปี มีฐานแฟนคลับเองมากเรื่อยๆ
ผลงานเก่า+ใหม่ขายได้เรื่อยๆ ก็เห็นออกรถป้ายแดง ผ่อนส่งสบายๆ เฉลี่ยเดือนหนึ่งๆ ชอบเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้
ขอบใจเพื่อนโม่งมาก กูตัดสินใจได้ละว่าทำมือเองดีกว่า ไม่เสี่ยงดวงกับสนพ.ละ เริ่มที่อีบุ๊คก่อน พอรายได้มากพอค่อยออกเล่มละกัน
นิยายเล่มนึงควรเอากำไรสักกี่บาทวะ
สมัยเริ่มเขียนนิยายใหม่ๆตอนเป็นเด็กน้อยมัธยมกูทำพฤติกรรมไม่ดีอย่างลอกฉาก ก็อปบทสนทนาหรือเอากลิ่นไอนิยายเรื่องอื่นมาใส่ในนิยายกูซะเยอะ บางอันที่เอาเค้าโครงมา คำบรรยายไม่เหมือนกันซะทีเดียวแต่อ่านแล้วรู้เลยว่ามาจากเรื่องไหน ตอนนี้กูไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วเพราะกูเก่งขึ้น(มั้ง)และกูละอายใจ ประเด็นคือกูเริ่มจะมีคนติดตามมากขึ้นแล้วก็มีคนขุดเอางานเก่าๆกูที่เขียนลงเน็ตมาด่าว่ากูลอก ซึ่งกูก็ยอมรับผิดเรื่องลอกและขอโทษไปแล้ว แต่มันก็ดราม่าไม่จบซักที กูควรระเบิดแอคเคาน์ทิ้งแล้วไปเริ่มต้นใหม่เลยหรือเขียนต่อไปในนามปากกานี้ดีวะ เพราะกูอยากทำเป็นอาชีพจริงจังแล้ว แต่พอคิดเรื่องลอกทีไรกูก็ละอายตัวเองทุกที แต่ให้ทิ้งแอคเคาน์นี้ก็แอบเสียดายนิยายที่เขียนค้างไว้กับคนติดตามอะ
กู 257 เด้อ ขอบคุณเพื่อนโม่งมากๆสำหรับคำแนะนำ ที่ผ่านมาหลงตัวเองว่ะ คิดว่าเคยผ่านเขาก็ต้องรับ มองว่างานตัวเองเจ๋ง นั่นนี่
มองกลับไปงานกูก็ขายไม่ดีจริงๆนั่นแหละ ยิ่งอ่านความเห็น 260 กูจุกไปเลย ถูกต้องมาก ถูกทุกอย่าง ขอบใจนะมึง หลายอย่างกูหลอกตัวเอง
พอไม่สมหวังแล้วแม่งรู้สึกเหมือนเป็นคนขี้แพ้ฉิบหาย
>>266 มาให้กำลังใจมึงละกัน สู้ๆนะมึง งานไม่ผ่านวันนี้มันไม่ได้แปลว่ามึงไร้ความสามารถนะ งานนี้มึงลองขาย ebook ดูก็ได้ อย่างน้อยไหนๆก็แต่งมาละ จากนั้นก็ลองเขียนเรื่องใหม่ดู แล้วศึกษาแนวๆที่ตลาดชอบด้วย ไม่แน่บางทีเรื่องหน้าอาจจะปังก็ได้นะ ถ้ามึงไม่ลองก็ไม่รู้อะเนอะ
>>265 ถ้ามึงไม่อยากลบแอคเคาท์มึงก็ลบนิยายที่มึงเคยลอกทิ้ง ถ้ามึงละอายใจจริงมึงก็ลบได้ สมัยม.ต้นก็เคยก็อปคาร์ตัวละครเรื่องอื่นมาใส่นิยายแต่กูยอมลบนิยายเรื่องนั้นทิ้งทั้งเรื่องแล้วขอโทษนขเจ้าของเรื่อง แต่ถ้ามึงยังไม่ลบเสียดายนิยายยังไงก็มีแต่คนด่า ตามขุดประวัติมึงมาซ้ำอีกเพราะที่มึงทำแบบนี้เหมือนไม่ได้สำนึกผิดอ่ะ
Ky มีนิยายเรื่องไหนไม่เคยโดนนักอ่านด่า/วิจารณ์แรงๆบ้างมั้ยวะ ช่วงนี้กูโครตท้ออ่ะ เพิ่งกลับมาแต่งนิยายโดนนักอ่านด่าตัวละครในเรื่องแล้วลามมาด่ากูต่อ อยากเลิกแต่งนิยายแม่งแต่เลิกไม่ได้ มีมั้ยวะนิยายที่ไม่เคยโดนนักอ่านด่า/วิจารณ์แรงๆไรงี้ กูจะเข้าไปอ่านบ้างเผื่อได้แนวทางใหม่ ; 7 ;
>>269 กอดมึงนะ สงสาร
กูว่านิยายสมัยนี้โดนด่ากันหมดแหละ ถ้าไม่ด่าในเม้นต์เรื่องก็เอามาด่าในพื้นที่ส่วนตัวอย่างทวิตหรือเฟซ หรือไม่ก็เอามาด่าในโม่ง คือยังไงถึงไม่โดนต่อหน้าก็โดนลับหลังอะ
มึงเข้มแข็งเอาไว้ละกัน อย่าเอาคำด่าพวกนี้มารบกวนจิตใจมาก ทำใจให้สบายๆจะได้มีแรงใจแต่งนิยายต่อ
>>269 จากประสบการณ์
พวกที่ชอบด่าแบบไร้เหตุผล ก็ไม่ควรไปสนใจอะไรมากนัก
พวกนี้ไม่ได้ทำให้ยอดขายของมึงดีขึ้นอะไร นอกจากทำให้สุขภาพจิตเสียเปล่าๆ
แต่ถ้าด่าแล้วมีเหตุผล มึงค่อยสนใจมากหน่อยเท่านั้น... เพราะอันนี้จะดีในแง่ที่คนอ่านอินจริงๆ กับเนื้อเรื่องหรือตัวละคร
ส่วนพวกก๊าก เถื่อน ไม่สุภาพ มึงลบคอมเมนต์ในหน้านิยายมึงทิ้งไปเลย หมดเรื่อง
กูแต่งลงธัญละมีคนเมนต์ว่า เห้อออ (เหมือนเหนื่อยใจจะอ่านอะมึง) ละก็เมนต์ทำนองว่าแต่งแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา กูลบทิ้งแม่งเลยเสียเวลา คนอ่านคนอื่นที่รอซื้ออีบุ๊กกูก็มี ไม่จำเป็นต้องสนใจอีเหี้ยนี่ ให้มันประสาทแดกไปคนเดียวเถอะ กูเขียนนิยายมาสิบปียังไม่เคยไปเมนต์กวนประสาทคนอื่นแบบนั้นเลย
>>269 กูว่าไม่มีเรื่องไหนไม่โดนด่า/วิจารณ์อรงๆนะ ยกเว้นเรื่องนั้นไม่มีคนอ่าน 5555555 กูเคยโดนนักอ่านติแรงๆ ใช้คำแรงๆ หลายรอบ มันมีนักอ่านประเภทอวตารมาด่าโดยเฉพาะก็มีอ่ะ คือแอนตี้แฟน กูโดนจนชินแต่ก็เขียนต่อไป 55555 วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือมึงตั้งใจเขียนให้ดีเขียนให้ดัง เมินคอมเม้นพวกนั้นไป คำวิจารณ์ดีๆก็รับมาปรับปรุง ส่วนคำวิจารณ์ที่สักแต่ใช้อารมณ์ก็เมินมันไป ยิ่งเก็บมาใส่ใจมึงยิ่งแต่งไม่ออกนะ บั่นทอนสมองบั่นทอนจิตใจเปล่าๆ
มีคนเม้นด่าก็ยงดีกว่าไม่มีคนเม้นเลยนะเมิง อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาอ่านเรื่องเมิง แล้วก็อินมากๆๆๆๆๆ
สอบถามหน่อยครับ
เห็นมีคนบอกว่าถ้าพิมพ์หนังสือ 1000 เล่มขึ้นไปราคาต่อเล่มมันจะถูกลง จริงปะ?
>>281 ปัจจัยมันหลายอย่างนะ มันมีเรื่องโรงพิมพ์กับจำนวนหน้าแล้วก็ออฟชั่นเสริมด้วย แต่ถ้าเอาโรงพิมพ์เดียวกันมาเทียบราคา สมมุติพิมพ์ 300 เล่มตกเล่มละ 150 บาท (อันนี้สมมุตินะ) พิมพ์ดิจิตัลอาจจะตกเล่มละ 160-170 (บางแห่งไม่รับพิมพ์จำนวนน้อย) ถ้าพิมพ์เป็นพันเล่มราคาอาจจะเหลือเล่มละไม่ถึง 80 บาท อันนี้เฉพาะค่าพิมพ์ ถ้าไปรวมทุนอื่นพวกวาดปก พิสูจน์อักษรด้วย ยิงพิมพ์เยอะก็จะต่างชัด เช่นเราพิมพ์ 300 คาวาดปก 9000 งั้นเฉลี่ยก็เพิ่มทุนไปเล่มละ 30 (อันนี้สมมุติให้เข้าใจง่ายๆ นะ) ก็จะกลายเป็นตกเล่มละ 180 (ยังไม่รวมค่าพิสูจน์อักษร) ถ้าเราพิมพ์ 1 พันเล่ม ต้นทุนก็ตกเพิ่มเล่มละ 9 บาท พอพิมพ์ออกมาแล้วก็ก็อาจจะตกเล่มละ 80 กว่าบาท เป็นต้น ต่างกันเป็น 100 ละ เทียบเป็น % ก็เกิน 100 % อีก ยังไม่รวมพวกงานบรรณาธิการ พิสูจน์อักษรเลย พวกนี้เอามากองๆ กัน ทำทีเดียว พิมพ์น้อยทุนต่อเล่มก็แพง แน่นอนว่าบางคนก็ไม่ไปจ่ายพวกนี้หรอก ทำเองหมดก็มี แต่ส่วนใหญ่มักจะมีค่าวาดปก ราคาก็แล้วแต่คนแล้วแต่เล่ม บางคนอาจจะจ่ายค่าวาดปกแค่ 1000-2000 ก็ได้ ตามคุณภาพงานกับกำลังทรัพย์คนเขียน ทุนค่าวาดมันก็ไม่ถึงเล่มละ 30 แล้ว แต่กูบอกละเอียดเป็น % ไม่ได้นะ ปัจจัยการทำงานมันมีรายละเอียดเยอะ แต่ 300 เล่มกับ 1000 เล่มนี่ต้นทุนต่เล่มน่าจะต่างกันเกินเท่าตัว ถ้าจะถามว่าทำไมคนไม่พิมพ์เยอะๆ ไปเลยเพราะถูก พิมพ์เยอะมันใช้เงินเยอะ หมดเป็นแสน บางคนไม่ไหวก็เอาเท่าที่ไหว เลยพิมพ์กันน้อยๆ แทน
กำลังคิดจะทำหนังสือทำมือค่ะ แต่ไม่รู้รายละเอียดเลย ว่าต้องยังไงก่อน ต้องทำบรีฟ คุยกับโรงพิมพ์ให้ตกลงแน่ชัดก่อนเปิดพรีใช่มั้ย ซีเรียส
>>284 ลองศึกษาจากอันนี้ดู
https://my.dek-d.com/hayashikisara/writer/view.php?id=937543
>>284 ไปถามรายละเอียดโรงพิมพ์ว่าเขาต้องการอะไรบ้างเขาจะให้รายละเอียดมาเพื่อนำไปขอใบเสนอราคา มันมีตั้งแต่ขนาดหนังสือ ความหนาของกระดาษ จำนวนหน้า ปกพิมพ์ด้านหรือพิมพ์มัน ใช้ไฟล์นามสกุลอะไรได้บ้าง แต่ละที่บางทีเรื่องไฟล์ไปจนถึงแบบตัวอักษรเกิดมีปัญหาก็มี ถ้ามีความสามารถจัดการหรือพอมีประสบการณ์จะประเมินคร่าวๆ ก่อนพอได้ จะเปิดก่อนเปิดหลังพรีได้ทั้งนั้น แต่ถ้าไม่เคยทำเลยไปถามราคาโรงพิมพ์ให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่เข้าเนื้อ
>>284 ไม่เคยทำมาก่อนมักจะงง ให้เลือกหนังสือที่พิมพ์ปัจจุบันซักเล่มที่เราชอบ แล้วไปถามสำนักพิมพ์ว่าพิมพ์ประมาณนี้ กระดาษปกแบบนี้ ด้านแบบนี้ มันแบบนี้ กระดาษเนื้อในแบบนี้ คิดเล่มละเท่าไหร่ โรงพิมพ์จะบอกได้ทันที แล้วตัวเองก็จะรู้ด้วยว่ามันจะออกมาเป็นอย่างที่ชอบหรือไม่ชอบ
ใน meb เราสามารถใช้สองไอดี ได้ปะ แบบลงนิยายแยกจากกันไรงี้ แล้วคนละไอดี ใช้บัญชีเดียวกันได้ปะ
>>284 สเป็กหนังสือนิยายทั่วไป โรงพิมพ์มีอยู่แล้ว ที่เขาอยากได้คือจำนวนหน้า กับยอดพิมพ์ขั้นต่ำ
- จำนวนหน้า เอาที่ 16 หารลงตัว จะคุ้มที่สุด
- แจ้งยอดพิมพ์เขาไป เช่น ใจนี่อยากพิมพ์ 100 ก็ลองถามที่ 100-200-300 ดู จะได้เทียบราคาทุน เราพิมพ์เพิ่มอีกนิดหน่อยแต่ราคาทุนต่อเล่มลดลงเยอะ ก็อาจจะพิมพ์มากขึ้น ค่อยเก็บไว้ขายทีหลัง
-ลองต่อรองขอโปสการ์ด ที่คั่น กับซีลฟรีได้มั้ย คือโปสการ์ดกับที่คั่น เขาให้ได้อยู่แล้วเพราะเป็นกระดาษเหลือจากทำปก แต่ซีลพลาสติกนี่บางโรงพิมพ์เก็บตังค์
-เสนอราคาไม่เอา vat ได้มั้ย
-ค่าส่งหนังสือหลังพิมพ์เสร็จ ส่งฟรีไหม บางโรงพิมพ์ส่งฟรีใน กทม ปริมณฑล ให้ 2 จุด หรือต้องจ่ายตามจริงจะส่งยังไง ขนส่งเอกชน ฯลฯ
สำคัญคือต้องได้ราคาจากโรงพิมพ์มาคร่าวๆ ก่อน จะได้มาตั้งราคาขายของเราที่มันไม่เจ็บตัว เวลาเปิดจอง ถ้าเรามีของแถมเป็นที่คั่น โปส ก็จะได้โฆษณากับคนอ่านไปเลย
ใน meb ได้กี่โหลดถึงจะแถบแดงอะ 100 ขึ้น?
>>297 เคยใช้อยู่ไม่กี่ที่ บางโรงก็ฟังเขาเล่ามา เลยไม่กล้าแนะนำ ช่วงหลังนี้มีโรงพิมพ์ให้เลือกเยอะ ต้องลองถามจากนักเขียนที่ทำมือบ่อยๆ ส่วนมากก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย พิมพ์ดีบริการดีมากแต่ราคาแพงก็มี อันที่ราคาถูกสีปกเพี้ยนก็มี บางโรงพิมพ์ดีแต่แพ็กหนังสือส่งไม่ดีทำหนังสือพัง ต้องเคลมก็มี ฯลฯ
นอกจาก meb ลงอีบุ๊คที่ไหนดี?
Ky กูขอระบายในนี้ได้มั้ย จู่ๆกูก็รู้สึกburn outกับการแต่งนิยายอ่ะ ตอนแรกกูแต่งเล่นๆเป็นแก้ตันจากเรื่องหลักที่ต้องส่งสนพ แต่พอแต่งไปแต่งมานักอ่านเริ่มเยอะขึ้น+มีแอคดังมาช่วงรีวิว พอนักอ่านเยอะแล้วกูเหมือนคนปสดแต่งไม่ออก จากที่งอกนิยายมากาวแก้ตันไม่มีเห้อะไรเลยกลายเป็นนิยายจริงจังจะพิมพ์ออกมาแต่ละตอนแม่งคิดแล้วคิดอีกกลัวนักอ่านผิดหวัง จากสปีดที่อัพทุกวันกลายเป็นอัพอาทิตย์ละครั้ง/เดือนละครั้ง พอมาถึงจุดนึงก็รู้สึกว่าแต่งไม่ออกว่ะ ยิ่งเจอนักอ่านทวงนิยายทุกวันยิ่งเหมือนคนปสดแต่งไม่ออกสุดท้ายก็Burn outเอาความรู้สึกอยากนิยายในตอนแรกกลับมาไม่ได้แล้ว กูควรจะแก้ยังไงดีวะ พอแต่งไม่ออกแล้วพาลแต่งเรื่องอื่นที่ต้องส่งสนพไม่ออกไปด้วย ตอนนี้แม่งเครียดชห TT
>>301 กูก็หมดpassionแต่งนิยายเพราะคนอ่านเยอะเกิน ไม่ใช่อะไรนะแต่เวลานักอ่านเยอะๆแล้วกูชอบเจอคอมเม้นแปลกๆ เหมือนจะด่ากูด่านิยายกู ด่าแบบไม่ใช่วิจารณ์นิยายอ่ะ พอเจอมากๆเข้าก็ไม่อยากแต่งต่อ หรือบางทีเจอนักอ่านตั้งความหวังกับนิยายไว้สูงแล้วกูทำตามที่เขาหวังไม่ได้ด้วย สุดท้ายก็แต่งไม่ออก
ของเรานี่เงียบมาก ยอดคนอ่านตอนสุดท้าย คือ ประมาณ 600 กว่า แต่มีคนเดียวที่เม้นท์ขอบคุณ 5555555
แต่ก็ดีใจแล้วละ ที่คนอ่านเยอะ เอาไปลงอีบุ๊คก็พอได้ค่าไฟอยู่
>>307 กูรู้ว่าใคร แต่ไม่ค่อยเชื่อ เคยคุยกับนักเขียนคนอื่นด้วยกัน กูเคยเห็นเขาปั่นยอดวิวในเด็กดีมาก่อนด้วย นอกจากนั้นเลยไม่เชื่ออะไรเขาอีกเลย เอาจริงรูปนั้นก็เป็นแค่สรุปยอดจากเมบ ถ้ามีใบหักภาษีจากเมบมากูจะเชื่อมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้ปรักปรำเขานะ แต่พอคิดไปคิดมา ฐานแฟนก็ไม่ได้ถล่มทลาย (เอาจริงนข.คนอื่นที่พิมพ์กับสนพ.แล้วมาทำมือเอง มีรูปส่งหนังสือเป็นพัน ๆ เล่ม อันนั้นคือน่าเชื่อซะกว่า) นิยายเขาอ่านแล้วก็เฉย ๆ ไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น
มันเยอะเพราะเขาได้ลงข่าวไหม กูเคยอ่านข่าวเขาจากที่นี่ https://mgronline.com/live/detail/9620000056751
>>313 เรื่อง เมียรักของนับแสน
ถึงว่าขายดี ขายได้สม่ำเสมอ ใน meb ยอดเงินรวมของคนนี้ ก็น่าจะถึงนะ
เพราะกูเองมีเพื่อนนักเขียนที่พอรู้อยู่ ระดับยอดขายเป็นรองเรื่องนี้ ยังไปหลายแสนเหมือนกัน
พอดีสังเกตเห็นอันดับขายดี เรื่องเมียรัก นี่มาเรื่อย ๆ แหละ... รวม ๆ คงถึงตามที่ว่า
เขาลงข่าวเพราะเขาอยากลง อยากโปรโมตเองมั้ย 55 ส่วนตัวกูยังสงสัยอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ไม่ได้อยากให้ทุกคนเชื่อตามกู ใครจะเขียนอะไรก็เขียน แนวหื่นคนอ่านเยอะจริงแต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ของแบบนี้ต้องสะสมมาเรื่อย ๆ ถึงจะทำได้ ที่บอกว่าเขียนมา 3 เล่มนี่แหละทำให้กูไม่เชื่อ เพราะในโพสต์ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมากกว่ารูปที่แคปมาจากเว็บ ถ้ามีใบหักภาษีจากเมบมาเลยจะง่ายกว่ามั้ย ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ กูมาแค่นี้แหละ อยากเขียนอะไรก็เขียน
เอาง่าย ๆ คือสมัยสอบเข้ามหาลัยแล้วเต็มไปด้วยคนของคะแนน ในทวิตก็มีกรณีคนแต่งรูป แต่งเลขคะแนนเยอะแยะ คนโดนแหกเยอะแยะ ต่อจากนั้นกูเลยไม่เคยเชื่อรูปสรุปยอดที่แคปจากเว็บมาเลย ถ้ามีใบเป็นเอกสารมันจะง่ายกว่านี้
คนเราไม่มีทางรู้ความจริงของสิ่งใด ๆ 100% หรอก สักสิบกว่าปีก่อน กูเคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่พิมพ์ด้านหลังปกว่าเขียนโดยนักเขียนที่ได้ค่าลิขสิทธิ์สูงสุดในประเทศไทย (14 ล้านบาท) หนังสือเล่มนั้นตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชื่อดัง (สำนักพิมพ์ที่มีหนังสือได้ซีไรต์มา 2 ครั้งเกือบ ๆ จะปีติดกัน) สุดท้ายจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าเขาได้ 14 ล้านจริงมั้ย หรือเป็นแค่การพิมพ์เวอร์ ๆ บนปกกระตุ้นให้คนซื้ออ่าน จำกรณี pop ได้มั้ย เขากล้าพูดให้เด็กมัธยมทั้งโรงเรียนฟังว่าวัน ๆ หนึ่งขายได้เป็นหมื่นเล่ม ได้เงินเป็นสิบ ๆ ล้าน ต่อจากนั้นกูเลยไม่เคยเชื่ออะไรอีกเลย แต่ก็ยอมรับว่าเก็บเขาไว้เป็นแรงกระตุ้น อย่างน้อยเขาก็เขียนจนจบ มีคนซื้อ แต่ไม่ได้ซื้อเยอะอย่างที่เขาหลอกคนอื่น
เรื่องยอดขายอ่ะนะ ถ้าเขียนแนวเดียวกันก็พอจะประเมินได้
สำหรับนักเขียนแนวเดียวกันจะรู้ เพราะต้องเข้าไปกดดูอันดับยอดขายของหนังสือที่ตัวเองเขียนสม่ำเสมอ
มันเหมือนเป็นความน่าพอใจที่นิยายตัวเองขึ้นไปอยู่อันดับที่เท่าไรในเมพ
คือเมพมันดีอยู่อย่าง คือบอกอันดับด้วยยอดขายจริงจากยอดโหลด ทำให้พอประเมินคู่แข่ง หรือนักเขียนที่มีอันดับสูงกว่าได้ง่ายๆ นะ
ไม่เหมือนออกกับ สนพ. ซึ่งกูเองก็เคยผ่านจุดนี้มา แต่กูรู้สึกเจ็บปวดบางอย่างกับการออกกับ สนพ. ที่ไม่สามารถตรวจสอบยอดขายจริง ๆ ได้
พวกเธอคะ ยอดขายอีบุ๊กของตัวท้อป เยอะจริงค่ะ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้แต่งยอด
นข คนที่พูดถึงไปดูนิยายนาง มีทั้งหมด 7 เรื่อง ที่เขียนใหม่ มี 3
ยอดวิวในเด็กดีนิยายนางก็เยอะอยู่นะ เห็นบางเรื่องเป็นล้าน
ดูราคาปกด้วยค่ะ ปก 300-350 ปกแพงก็ได้ส่วนแบ่งเยอะค่ะ
เรตรายได้นี้ถือว่ากลาง ๆ ค่อนไปทางสูงค่ะ
Ky พวกมึงว่าระหว่าง ดด รอร ฟชล ธวล นักอ่านเว็บไหนเยอะที่สุดวะ แล้วเว็บไหนน่าลงด้วยที่สุด เอาตามคหสตของพวกมึงก็ได้
ยอดวิวเป็นล้านเพราะปั่นค่ะ ลองไปดูความสัมพันธ์ของตัวเลขอย่างอื่นด้วยนะคะ
ยอดวิวเป็นล้าน แต่ฐานแฟนไม่เยอะ คนไม่ได้พูดถึงในวงกว้างเท่าของคนอื่น ลองคิดดูดี ๆ ว่าปั่นมั้ย แต่งมั้ย ระฆังไม่ตีก็ดัง ระฆังไม่ดังก็ยิ่งต้องตี
>>323 +1 กุเห็นชื่อเรื่องบางเรื่องละขนาดไม่อ่านยังคุ้นเลย
>>326 เรียงจากเยอะสุด ดด ธวล รอร ฟชล
ดด อยู่มานาน ฐานคนอ่านเยอะอยู่แล้ว เยอะแบบต้องเปลี่ยนวิธีการนับยอดวิวไม่ให้ปั้มได้อะ เว็บอื่นหลายๆ เว็บก่อนหน้านี้เปิดหลายรอบมันนับยอดวิวเพิ่มนะ แต่เหมือนตอนนี้บางเว็บแก้ละไม่ให้ปั้มได้ เว็บนิยายเยอะ คนอ่านคนเขียนก็เยอะแต่ดูแลเริ่มไม่ดีเท่าไหร่ หลายอย่างเมื่อก่อนแสดงผลแบบเรียลไทม์ตอนนี้ติดดีเลย์รอนานๆ ค่อยแสดงผลพวกยอดวิวจริงๆ อันดับใหม่ก็เหมือนไม่ได้เริ่มนับตอนเที่ยงคืนแบบเมื่อก่อน ระบบสนับสนุนก็ยังดูงั้นๆ อยู่
ธวล อันนี้มาหลัง ดด แต่ก็อยู่นานและแนวทางมันเฉพาะทางนิดหน่อย แต่เฉพาะทางที่คนอ่านมันเยอะด้วยตัวมันอยู่แล้วกูไม่ต้องบอกนะว่าแนวไหน รวมๆ แล้วถ้าจะไปหาเงิน กูว่าเว็บมันหักนั่นนี่เยอะได้เงินเหลือกลับมาน้อย
รอร กูชอบนะระบบสนับสนุนดี คนอ่านก็ดูโตขึ้นเรื่อยๆ แต่การสะสมฐานคงต้องใช้เวลาสักพัก เว็บนี้จุดขายนอกจากเว็บอื่นกูว่าแนวยูริว่ะที่คนอ่านเยอะพอสมควร ใน ดด มันไม่แยกหมวดแนวยูริโตยาก แต่ฐานคนอ่านน่าจะตามเว็บ ดด พอสมควรแต่อนาคตอาจจะแซงเว็บอื่นก็ได้ ดูจากส่วนแบ่งให้คนเขียนกับการสนับสนุนคนเขียนกูว่าดีกว่าเจ้าอื่น
ฟชล เว็บนี้เอาจริงๆ กูว่าโปรเจกต์แปลนิยายจีนแบกเว็บ คนเข้าไปอ่านกูว่ายุ่งยากถ้าไม่ใช่แฟนนิยายจริงๆ เป็นพวกขาจรนี่ปิดหนีตั้งแต่แรกๆ แล้ว เหมือนจะเกิดก่อน รอร แต่กูว่าถ้าเอาฐานคนอ่านปกติโดน รอร แซงแล้วล่ะ
เว็บน่าลงสุด ดด คนอ่านจริงๆ ยังเยอะอยู่ รอร ก็ดีเอาไว้ตรวจคำผิด คนอ่านก็พอสมควร แต่พวกมึงไม่ต้องคิดมาก มึงลงมันไปทุกเว็บนั่นแหละถ้าไม่คิดว่ามันเสียเวลาเกินไป
ยอดวิวเยอะก็ใช่ขายจริงดีนะ... ประสบการณ์กูเองก็เคยเขียนถึงระดับนั้น ล้านวิว จาก ดด.
แต่... ตอนหลังบอกตรงๆ ถ้าเรื่องไหนทำมือขายเอง จะลงไม่ครบจบตอน
มีสาเหตุสำคัญอยู่ 2 อย่าง...
1.ลงครบมักยอดขายไม่ดี จำเป็นต้องลง 60-70% เพื่อเน้นให้อ่านได้เพียงตัวอย่างค่อนเรื่อง แต่ไม่ใช่ทั้งเรื่อง เพราะจะทำให้ยอดขายจริงไม่ดีเท่าไร
2.ถูกดูดเข้าไปปล่อยเถื่อนจากนิยายที่ลงหน้าเว็บนั่นแหละ เพราะเว็บป้องกันดียังไง มันก็มีโปรแกรมจับภาพไปแปลงเป็นไฟล์ pdf ได้อยู่ดี
ทำให้นักเขียนที่มีประการณ์ มักจะเน้นฐานแฟนคลับที่ซื้อจริง มากกว่าคนอ่านที่ไม่อยากซื้อ
คือทำให้ยอดวิวในเรื่องนั้น ๆ จะไม่สูงเท่าไร เพราะคนอ่านบางประเภทจะรู้ได้เลยว่า นิยายเรื่องนี้ลงไม่จบแน่ ๆ ทำให้ไม่สนใจคลิกเข้ามาอ่านเพิ่มยอดวิว
จริงๆ อยากเขียนอะไรติดเรทๆ เยอะๆ บ้างนะ เผื่อขายดี แต่สุดท้ายนิยายกูก็ใสเหมือนเดิม ไม่ว่าจะแต่งกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง สุดท้ายเลย ทำไปเพื่อความสุข อีบุ๊คคือค่าไฟและค่าขนม
กูอยากเขียนแนววัยรุ่น รักวัยมหาลัย แต่พอคิด ๆ ไป ชีวิตมหาลัยกูเรียบง่ายมาก คณะกูอิสระ มหาลัยก็ไม่บังคับกิจกรรม (มหาลัยศิลปะอะ) ไม่กรี๊ดใคร เรียนเสร็จกลับหออ่านหนังสือ เขียนไปคงไม่อิน 5555
เค งั้นกูจะลองดูนะ ถ้าล่มก็ปล่อยมันไป เปิดเรื่องไว้ก่อน ถ้าวันไหนต่อได้จะไปต่อ
Ky กูสงสัยว่าเวลาแต่งวายจีนโบราณคำว่า ‘น่ารัก’ มันเป็นศัพท์สมัยใหม่ป่าววะ เวลาอ่านเจอคำนี้ในนิยายแล้วรู้สึกขัดๆไงไม่รู้
ยอดเขาอันนั้นน่าจะสองปีกว่า ไม่ใช่ยอดปีเดียว เห็นว่ายอดทั้งหมดตั้งแต่เขียนมาสองปีกว่า แต่ก็เฉพาะ ebook นะ
Ky กูอยากรู้ว่าสนพในเครือแจ่มใสเขาพิมพ์ขั้นต่ำกี่พันเล่มวะ 5,000หรือ3,000อ่ะ
สมัยนี้ยอดพิมพ์คงไม่ถึงแบบก่อน ยอดตีพิมพ์แรกเริ่มน้อยลง แต่ไปเพิ่มราคาปกขึ้น เพื่อให้นักเขียนพออยู่ได้
พิมพ์แรกก็คง 1000 - 2000 เล่ม ราคาหน้าปกมากขึ้น
ถ้ากระแสมาและขายได้จึงขยับพิมพ์เพิ่มให้ในตอนหลัง
กระดาษที่ใช้พิมพ์นิยาย ถ้าเปลี่ยนไปใช่เกรดต่ำสุด
ต้นทุนมันจะลดลงมากปะวะ เห็นน้าชาติ กอบจิต แกใช้อยู่ ไม่รู้กระดาษอะไร
Ky เพื่อนโม่ง นิยายยอดเฟบประมาณหมื่นกว่าถ้าพิมพ์เองขายเองไม่ผ่านสนพมีโอกาสที่ยอดจะถึงพันเล่มมั้ยวะ
>>348 ขึ้นอยู่กับแนว (ถ้าวาย และมี nc คงลุ้นง่าย)
แต่สมัยนี้ เปิดฟรีได้ยอดโอนจริงแน่นอนแล้วนั่นแหละ ถึงรู้ว่ามียอดเท่าไร
ถ้าเขียนจบเรียบร้อย ก็เปิดฟรีออเดอร์ได้เลย
แค่อย่าตุกติกยืดแล้วยืดอีก อ้างนู้นอ้างนี่ ไม่ยอมส่งให้คนอ่านนั่นแหละ
สมัยนี้กูว่า ติดต่อหาโรงพิมพ์เองได้ง่ายและสะดวกกว่าสมัยก่อนเยอะนะ
>>347 ลด หลักๆ จะเป็นเรื่องความหนาของกระดาษจะเห็นราคาต่างกันมากกว่า แต่กูแนะนำว่าให้จัดเต็ม 75 แกรมกรีดรี๊ดไปนั่นแหละ บางไปเวลาเปิดแล้วมันมองเห็นทะลุหน้าหลังง่ายบางทีก็ง่ายแบบไม่ต้องเอาไปส่องแดด
>>348 สนพ. ก็ต้องแบ่งด้วยนะว่าชื่อมีอิทธิพลพอไหม แต่กูว่ามันไม่ได้มีผลมากแล้วละสมัยนี้ไม่งั้นเจ้าใหญ่ๆ จะลดยอดพิมพ์กันไปทำไม
จากประสบการณ์กูนะ ยอดเฟบหมื่นนี่ยังการันตีไม่ได้หรอกว่ายอดจะถึงพันไหม มันต้องดูปัจจัยอื่นในการพิจารณาเพิ่มเช่นว่ามีฐานแฟนเก่าๆ หรือเปล่า ลงงานมาต่อเนื่องหรือเปล่า มันมีจะพลังลึกลับคอยดันยอดเพิ่มด้วย แนวที่เขียนเป็นยังไง การเล่าเรื่องเป็นยังไง มึงชี้เป้าเรื่องของมึงมาเดี๋ยวกูจะลองดูให้ว่ามันน่าจะถึงพันไหม
>>351
ไม่ลองขายเป็น E-Book บน MEB ดูล่ะ ยอดเฟบเป็นหมื่น ยอดโหลดรวมทุกเว็บ ก็น่าจะได้เกิน 500 อยู่นะ
คำแนะนำ : ในเว็บอย่าเพิ่งลงจบ ควรเร่งปั่นต้นฉบับให้เสร็จ หากในเว็บลงไปเกินครึ่งค่อนเรื่องแล้ว ก็ลงขาย E-Book ได้เลย แจ้งข่าวนักอ่านว่าเขียนจบและลงขายเป็น E-Book แล้ว นักอ่านที่สนใจสั่งซื้อก็สามารถอ่านก่อน ซึ่งจะมีตอนพิเศษในเล่มเพิ่มให้ สำหรับคนที่รอในเว็บ จะมาทยอย Up ตอนที่เหลือตั้งแต่วันไหนก็ว่าไป หากลงจบแล้วก็ปิดตอนขายใน Dek-D อีกครั้งก็ได้
เช็คราคาตลาด ตั้งราคาให้พอเหมาะ ทำปกให้ดูดีหน่อย ช่วยได้มาก หากลงขายกับ MEB เราเตรียมไฟล์นิยายเป็นไฟล์ Word แบ่งบทไว้ และแจ้งให้ MEB ช่วยจัดเล่มให้ได้
ปล. หากลงจบก่อน กว่าจะจัดเล่มเสร็จ กว่าจะออกเป็นหนังสือ รอนานๆ แถมได้อ่านจบแล้ว ความอยากซื้อหายหมด
ปล2. พลังลึกลับนั่นหมายถึงนักอ่านเงารึเปล่า 555
>>351 อาจจะถึงถ้าทำตลาดพอได้ ลงโฆษณาในหน้านิยาย เพจ ยิงแอดเป็น ลงทุนสักหน่อยพอได้ลุ้นอยู่ ไม่ต้องลงจบนะ จะลงจบก็ไว้ขายจนขายไม่ออกก่อนค่อยไปลง
ไอ้พลังลึกลับกูหมายถึงนักอ่านไม่แสดงตนกับฐานแฟนเก่าหรือขาจรจากเล่มอื่น เขียนงานถ้ามึงเขียนต่อเนื่องบางทีงานใหม่คนไม่ได้กดเฟบมากมีสามร้อยห้าร้อยแต่งานขายดีกว่าพวกเฟบเป็นพันเป็นหมื่นก็มีเพราะมีคนรอหนุน ที่กูว่าลึกลับคือมันมองไม่เห็นอะ ไม่มีตัวเลขให้สัมผัสแต่พอขายจริงมียอด แต่ยังไงก็ต้องให้พวกเขารับรู้ด้วยนะว่ามึงออกเล่มใหม่แล้ว ถ้ามึงปล่อยนานงานไม่ต่อเนืองงานความอยากอ่านลดคนพวกนี้เขาก็อาจจะเลิกตามแล้วไม่มาหนุน ส่วนแอครีวิวหรืออะไรนั่นกูไม่รู้ว่ะ พวกที่คนตามแอครีวิวเยอะจริงจังกูว่าเขาคงรีวิวด้วยความอยากรีวิวจริงๆ มันคงไม่เหมือนพวกหนังโรงมูลค่ามันไม่สูงขนาดนั้น นิยายแปลต่างประเทศยังพอว่าแต่นิยายไทยแต่งถ้าคนอ่านไม่ได้สนุกจริงกูว่ารับรีวิวก็เหมือนเผาบ้านตัวเองอะ ถ้าไม่สนุกแต่รีวิวว่าสนุกต่อๆ กันใครจะไปเชื่อถือเพจได้พังพอดี อย่างน้อยคนรีวิวมันต้องสนุกก่อน
>>358 กูก็คิดว่าลงไม่จบแล้วเปิดพรียอดซื้อเยอะกว่า แต่สนพเก่าบังคับให้กูลงในเว็บให้จบแล้วไปแถมตอนพิเศษในเล่ม กูบอกว่าลงไม่จบยังไงนักอ่านก็เยอะกว่าแต่เขาไม่เชื่อกู แล้วยอดที่พิมพ์กับสนพนั้นก็น้อยกว่าอีกเรื่องที่กูพิมพ์เองขายเองแต่ลงในเว็บไม่จบ บ.ก.จู้จี้ประสาทแดก ตอนหลังรำคาญเลิกส่งสนพแล้ว พิมพ์เองสบายใจกว่า
>>360 พูดถึงบ.ก.ปสดกูยากบ่นเรื่องบ.ก.สนพตัวเองเหมือนกัน เทคแคร์ดูแลเฉพาะนขดังๆที่นสได้ทำซีรี่ย์อ่ะ เวลานขดังในสนพส่งไลน์ไปหาตอบไวยิ่งกว่าแฟนอีก ส่วนกูส่งไลน์ไปปรึกษาเรื่องนิยายตัวเองสามชาติเศษถึงจะมาตอบ ก็รู้แหละว่านิยายตัวเองยอดขายสู้นขดังๆไม่ได้แต่ปฏิบัติแตกต่างกันแบบชัดเจนมาก กูเคยออกกับสนพนั้นหลายเรื่องแต่พอเจอแบบนี้กูยอมไปอยู่กับสนพอื่นดีกว่าไม่ก็พิมพ์เองแม่งสบายใจกว่าเยอะ
กูก็เป็นนักเขียนนะ แต่ไม่เคยทำมือเอง สำหรับกูที่เป็นนักอ่านด้วย ถ้านักเขียนคนไหนลงไม่จบบอกให้ตามในเล่ม กูเคืองนะ สนุกแค่ไหนกูก็จะเท 5555 อย่างดีก็ไปเปิดอ่านตามร้านหนังสือ ยืมเพื่อนอ่าน เช่าเอา ยังไงก็ไม่ซื้อ กูเคือง
เมื่อก่อนกูก็ลงให้อ่านจนจบ แต่มันมีผลกับยอดขายจริงๆ
นข เขียนงานขายแต่ลงให้อ่านจนจบ แล้วขายไม่ได้ก็จบจริงๆ นขอะแหละที่จบ
กุไม่ว่าเลยถ้าคนอื่นลงไม่จบ กุเข้าใจหัวอกมากๆ ถ้าเรื่องไหนชอบอ่านจบกุก็ซื้อ
พอกูมาทำขายเอง รู้ถึงความยากลำบาก กูยิ่งอยากอุดหนุนว่ะ ทั้งรูปสต็อก ทั้งหนังสือ
ถามหน่อยดิ ปัจจุบันมีทั้งอีบุ๊คและเว็บที่ต้องซื้อเป็นรายตอนเพื่ออ่าน ทำไมถึงเลือกพิมพ์เลมเป่นวะ
ก็ให้ติชมสำนวนการเขียนนั่นแหละ เห็นไปมู้ห้องซับมา เลยมีคนแนะนำให้มาที่นี่ด้วยไง
Ky เพื่อนโม่งกูเพิ่งกลับมาอัพนิยายหลังจากดองไปหลายเดือน เจอนักอ่านบอกว่าช่วงนี้สอบพอดีก็สตั้นเลยว่ะ 555555 กูควรอัพต่อหรือรออัพเสาร์อาทิตย์ดีวะ ช่วงนี้เด็กมัธยมสอบเหรอ
Ky ดดมีฟังก์ชันขายตอนอ่านล่วงหน้า7วัน พวกมึงว่ามีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างวะ กูรู้แค่ว่าข้อดีได้ตังค์ ข้อเสียเจอนักอ่านงอแงด่า ทำไมไม่อัพให้อ่านเลยทำไมต้องตั้งขายตอนล่วงหน้า กูว่าโดนแน่ๆ
อีบุ๊คนายอินทร์มันเช็คยอดขายยังไงอะ
ถามผิดห้องขออภัย
จะแก้ไงดีอาการแบบนี้ คือช่วงไม่ว่างนี่อยากกลับไปเขียนใจจะขาดแต่พอว่างจริง ๆ กลับมาเปิดดูหน้า word โล่ง ๆ ประมาณชั่วโมงนึงแล้วกดปิดโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นมาหลายสัปดาห์แล้ว เศร้า
ไม่รู้จะไปถามห้องไหน Vodka นี่รสชาติเป็นยังไงอะ อยากรู้ว่าเวลาเขาผสมกับน้ำผลไม้แล้วรสชาติเป็นยังไง ใครเคยดื่มหรือเป็นนักดื่มช่วยชี้แนะที
>>387 ถ้าปสมน้ำผลไม้ตะหวานมากกก เพลินๆ ดื่มลืมเลย ถ้าไม่ใส่ข้นนะ ถ้าใส่ไปเยอะหน่อยก็จะหวานๆอร่อยๆอยู่ดีแต่จะมีรสขมหน่อยๆ ผสมน้ำผลไม้หลายอย่างก็เรียกคอกเทล
ถ้าวอดก้าเพียวๆรสจะขมๆ ร้อนมาก กินกรึบนึงคือร้อนตั้งแต่คอลงไปที่พุง รสขมแบบค่อนข้างออกเหี้ยนิดๆ ไม่น่าดื่ม แต่ยังรสดีกว่าโซจูไม่มีรสแต่งกลื่น(โซจูต้นตำหรับ)
กลิ่นมันจะมีกลิ่นแอลกอฮอลอะ คือแค่ดมกลิ่นบางคนไม่ดื่มก็อยากอ้วกแล้วเป็นเมา น้องชายกูคือได้กลิ่นแล้วนางทำใจดื่มไม่ลงอะ กูว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น(เพราะกูเป็นสายดื่ม) ถ้าคาร์เป็นสายไม่ดื่มหนุ่มน้อยสาวน้อย แค่กลิ่นก็พาหนีละ
สมัยเรียนจบมัธยมซื้อมากรึบกับเพื่อนที่แบบ เด็กอยากลองของกันหมด นั่งมองหน้ากันอยู่นานกว่าจะลองแบบเพียว อ้วกพุ่งกันไป พอใส่น้ำผลไม้ผสมเป็นค็อกเทลต่างๆก็ดีขึ้นดื่มกันเพลิน แทบเมาตกทะเล
ถ้าตัดเรื่องกลิ่น กระดกเหล้าขาวเพียว ๆ ของไทยเรา รสก็บาดคอลึกใกล้เคียงวอดก้าระดับกลาง ๆ พอได้อยู่
ขอบคุณนะ ได้ข้อมูลเยอะแยะเลย เดี๋ยวว่างๆ จะลองไปหามาดื่มบ้าง
สนพ.Athena คือมีเปิดรร.สอนวาดด้วยเรอะ เห็นรับสมัครครูในทวิตแว้บฟ ตอนแรกก็เอ๊ะ ชื่อคล้ายๆกัน พอดูอีเมลติดต่อนี่ใช่แล้วล่ะ 555
มีเหตุผลอะไรที่นักเขียนต้องเปิดพรีก่อนปิดต้นฉบับบ้างอะ คนรอคือเพลียเด้อคุณนักเขียน T_T
คิดแล้วเศร้าว่ะ แต่งนิยายกว่าจะได้เล่มนึง ใช้เวลาหลายเดือน บางทีก็เป็นปี แต่เวลาอ่านใช้เวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง ก็จบแล้ว
กว่าจะคิดพลอต วางโครง สร้างตัวละคร เค้นคำมาบรรยาย กินพลังฉิบหาย เหมือนที่ทำมามันมีค่าแค่นี้ ไม่รู้ดิ อธิบายไม่ถูก ช่วงนี้ดิ่ง ๆ
มาบ่นเฉยๆ ไปแต่งต่อแร้วจ้า
>>397 เมื่อก่อนตอนแต่งช่วงใหม่ ๆ กูก็คิดแบบนี้นะ แต่พอแต่งไปแล้วหลายเรื่องเข้า
จะคิดอีกแบบหนึ่งว่า งานที่เราแต่งออกมา มันจะอยู่กับเราไปตลอดกาล
พอหมดลิขสิทธิ์จาก สนพ. สมัยนี้ก็เอามาออก ebook ลุ้นสนุกดีว่า วันไหนจะขายได้บ้างบนเว็บเมพ
มีความสุขที่งานเก่า ๆ และงานใหม่ ๆ มีคนซื้อไข่แตกทุกวัน (หมายถึงไม่มีเลข 0 ในวันนั้นๆ)
>>395 หาเงินจ่ายค่าวาด ค่ามัดจำเล่ม ค่าจิปาถะ แต่ถ้าพรียังไงก็นานต่อให้ต้นฉบับเสร็จนะ ถ้าเปิดแค่เดือนเดียวแล้วส่งได้คือเร็วเกินปกติแล้ว เพราะต้องรอเงินคนอ่านแหละไปจ่ายค่าพิมพ์ คนอ่านไม่ได้โอนมาพร้อมกัน กว่าจะพอค่าพิมพ์บอกเลยว่านาน แล้วกว่าจะได้ติดต่อโรงพิมพ์ ส่งงานไปกลับเพื่อมาตรวจเสียเวลาอีกช่วงค่อยสั่งพิมพ์ได้ สั่งพิมพ์กว่าจะเสร็จก็สัก 10-15 วันหลังจากตรวจงานผ่าน แล้วมากระบวนการแพคส่งอีก คนเขียนที่มีประสบการณ์หน่อยเลยกะเวลาใกล้ๆ ปิดต้นฉบับแล้วเปิดพรีก่อนรอเงินเข้ามาก่อนไม่งั้นมันกว่าจะได้เงินไปจ่ายค่าพิมพ์มันจะนานกว่าเดิม แต่ถ้าคนเขียนบริหารเวลาไม่ได้ก็จะเป็นปัญหา ส่วนพวกช้าแล้วช้าอีก ช้ามากๆ เลื่อนไปเรื่อยนั่นคือตัวคนเขียนแย่เองอะ
อยู่ที่การบริหารจัดการของนักเขียน
ถ้ามีความรับผิดชอบสูง จะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร
แต่ก็มีนักเขียนที่ออกแนว เอาเงินมาหมุนค่าใช้จ่ายก่อน ทั้งส่วนตัวทั้งส่วนงาน แบบเดี๋ยวค่อยเร่งทำ ซึ่งส่วนใหญ่จะยุ่ง ถ้าบริหารจัดการไม่เป็น
อยากบรรยายให้เห็นภาพอะ ตอนเขียนนิยายใหม่ ๆ กูเคยหัดบรรยายสถานที่ แต่ไป ๆ มา ๆ กูชอบบรรยายความรู้สึกมากกว่าเลยติดบรรยายความรู้สึก ตอนนี้อยากหัดบรรยายสถานที่อะ หาวิธีในเน็ตอ่านหมดแล้ว แต่อยากได้วิธีที่เพื่อนนักเขียนด้วยกันใช้อะ เอาแบบกูควรฝึกยังไงดี อะไรแบบนี้
Ky เพื่อนโม่งมีทริค กลเม็ดเคล็ดลับกระตุ้นยอดขายอีบุ๊กกันบ้างมั้ย มาแชร์กันหน่อย 55555
เริ่มที่กูก่อนก็ได้ กูลงนิยายหลักๆ ในดดอ่ะ กูจะแต่งจนจบเรื่องแล้วค่อยทยอยอัพในดดสัปดาห์ละครั้ง พอลงไปได้สัก 3-4 ตอนก็จะเริ่มวางขายebookในmeb ใครอ่านในดดแล้วค้างคาขี้เกียจรอกูอัพจะได้มาซื้ออีบุ๊คต่อ กูทำแบบนี้แล้วยอดขายเยอะกว่าอัพจนจบแล้วค่อยเปิดขายเกือบเท่าตัวอ่ะ
>>407 ลองไปที่เว็บเมพ ดูแนวที่สนใจ หาเรื่องที่คนอ่านโหลดอันดับต้น ๆ หรือนักเขียนที่มึงชอบ
กดโหลดทดลองอ่าน
ที่จริง ส่วนต้นเรื่องของนิยายทุกเรื่อง จะเน้นบรรยายให้คนอ่านรู้ที่มาที่ไปและต้องดึงดูดใจคนอ่านเต็มที่
มันมีอะไรต่ออะไรมากกว่าส่วนอื่น ๆ ในเล่มอยู่แล้ว เพราะนิยายจะรอดไม่รอด คนอ่าน อ่านช่วงแรกก่อนอื่นเพื่อทดสอบรสนิยมอยู่แล้ว
/Ky ไม่รู้ถามห้องนี้ได้ไหม แต่อยากรู้ว่าเมbมันเก็บ 40% ของยอดขายจริงเหรอวะ แล้วพวกมึงคิดว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้มยังไงอะ กุรู้สึกจำนวนเปอร์มันเยอะแปลกๆ เข้าใจนะว่ามันต้องมีค่าซ่อมบำรุงเว็บและอัพเดต แต่มันก็ยังดูเยอะสำหรับกุอยู่ดีว่ะ
>>409 อยู่ที่เครื่องที่ซื้อด้วย แบ่งใหญ่ ๆ เป็นสองเจ้า คือ 1.แอปเปิ้ล 2.เครื่องทั่วไปแอนรอย พีซี
ตัวอย่าง หนังสือที่กูลงขาย 99 บ. ประมาณ 30000 คำ (อันนี้แล้วแต่จะมือใหม่ มือเก่าด้วย) มีแฟนคลับเยอะก็ตั้งได้สูงกว่านี้นิดได้
ซื้อจากเครื่องทั่วไปได้รับเงินจริง 66.XX บาท ส่วนแอปเปิ้ลเหลือ 55.XX บาท
ถ้าถามว่าโอเคมั้ย ก็สมน้ำสมเนื้ออ่ะนะ
ถ้ามึงอยากได้มากกว่าก็อาจต้องเพิ่มบท หรือเพิ่มราคาเอา แต่ก็เสี่ยงที่คนอ่านจะไม่ซื้อ ถ้าราคามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไร
>>409 มันมีรายละเอียดในเมนู agreement ตรง Term of payment
ถ้าขายผ่าน app หักให้ app 30% meb เอา 14% นักเขียนได้ 56%
ถ้าขายผ่านช่องทางอื่น หักให้ตัวกลางประมาณ 4% meb เอา 19% นักเขียนได้ 67%
แต่กรณีที่ 2 นี้มันจะมีค่า seller อีกเกือบ 10% อ่ะ
คือถ้าเอา link ไปวางแล้วคนซื้อผ่าน link เรา นักเขียน (หรือใครก็ตามที่เอา link ไปวางแล้วเกิดการซื้อ) จะได้ตรงนี้อีก
แต่ถ้าคนอ่านเข้าไปคลิ๊กจากในเว็บของเมพ ส่วนนี้ meb เอาไป นะ
>>406 ของกูแต่งจบก่อน
แล้วลงขายที่เมพเลย แล้วค่อย ๆ ลงเนื้อหาตอนนิยายให้เว็บออนไลน์ต่าง ๆ
ลงไปประมาณ 60 - 70% หรือถึงตอนที่ใกล้เป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง (ไม่ลงต่อ)
ในคนอ่านที่ลุ้นไปติดตามในเมพ ... ต้องแบบนี้ถึงได้ยอดโหลดมากหน่อย
แต่ถ้าเรื่องไหนลงจนจบเนี่ย ... ยอดโหลดไม่เคยสูงเลยสักเรื่อง
จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องหลัง ๆ จะแจ้งไว้ก่อนว่าลงไม่จบ เพื่อตัดปัญหาคนอ่านถามว่าเมื่อไรจะลงจบอ่ะนะ
ปล.
เมื่อก่อนชอบให้คนอ่านเข้ามาคอมเมนต์ด้วยนะ แต่พอหลัง ๆ เรื่องที่มีคอมเมนต์มากมายเพราะลงจนจบเรื่อง กลับมียอดโหลดไม่สูง
ส่วนเรื่องที่ไม่สนใจลงให้จนจบ และกลายเป็นมีคอมเมนต์แบบร่องแร่งแทบร้าง กลับมียอดโหลดดีกว่าเยอะ
นี่ทำให้กูตัดสินใจอะไรได้บางอย่างด้วย ...
>>421 จริง เมื่อก่อนกูงอแงเรื่องเม้น เห็นนิยายคนอื่นมีเม้นเยอะ กูก็อยากได้มั่ง
ทำทุกทาง ชวนคุย เล่นกิจกรรมตอบคำถาม อ้อนๆให้เม้นหน่อย แต่กูไม่เคยบังคับขู่เม้นนะ สรุปว่าเหงาสัส หลังๆกูเลยเฉยๆ เม้นไม่เม้นตามใจเลย กูอัพขายรอยอดเงินก็พอ
ตอนที่กูหน้าใหม่ ใจดีลงให้อ่านจบ มีเม้นชมนิยายกูสารพัด ยอดเม้นเกือบหมื่น ยอดเฟบอีกสี่หมื่น กูลงจบ เปิดจองปุบ อิเหี้ย ได้ยอดจอง 50 เล่ม 55555 ปาทับจัยจนวันตาย
อ่าน เม้นต์ ไม่ซื้อ
อ่าน ไม่เม้นต์ ซื้อ
เอาตรงๆปะ ส่วนมากคนที่มีเงินซื้อมักไม่มีเวลามาตามอ่านเป็นตอนๆในเน็ต ไม่มีเวลามาตามเม้นต์ลัลล้ากับนักเขียนหรอก ต้องทำมาหากิน อ่านไปสักสิบตอนถ้าโอเคก็กดซื้อแล้ว
>>422 มึงคืออวตารกูป่าววะ 555555 ยอดเฟบยอดเม้นหลายหมื่น เปิดให้อ่านจนจบ ยอดจองนิยายได้แค่100ต้นๆ กับอีกเรื่องลงแค่ตัวอย่าง5-6ตอน ยอดเฟบยอดเม้นไม่เยอะแต่ยอดวิวเยอะ ขายได้เยอะกว่าเรื่องที่ยอดเฟบเป็นหมื่นเกือบสิบเท่าอ่ะ เพราะกูลงแค่ตัวอย่างลงไม่จบ 5555555 กูบรรลุเลยจ้า ลงไม่จบ ลงค้างไว้ถึงฉากไคล์แมกช์ ยอดขายดีสุดอ่ะ ลงเฉพาะตัวอย่างในเว็บ ใครอยากอ่านค่อยไปซื้อต่อในเมบ
เคยมีโม่งบอกว่าลงจนจบแล้วปิดตอนขายยอดขายดีสุดกูของเถียงขาดใจว่าไม่จริง ลงจนจบแล้วถึงปิดตอนยังไงยอดขายก็สู้ลงไม่จบไม่ได้อ่ะมึง กูทดลองกับตัว ทำมาหลายเรื่อง ลงไม่จบ ขายต่อในmeb/พิมพ์หนังสือขายอ่ะดีสุด ใช้หลักการเดียวกับนิยายแปลเลย ลงเฉพาะตัวอย่างในเว็บ ที่เหลือไปตามในเล่ม
Ky กูถามไรหน่อย ebookในmebกูสามารถดูยอดดาวน์โหลดนิยายของคนอื่นได้มั้ย กูอยากรู้ว่าแต่ละเรื่องขายได้เท่าไหร่ แนวไหนขายดีสุด ขอบคุณล่วงหน้าเด้อ
Top Paid คิดจากยอดขายนะ บางที ไม่ได้ยอดโหลดเยอะที่สุด แต่เพราะราคาปกแพงเลยติดอันดับ
ปล. ยอดโหลดเยอะ ก็จะทำให้ยอดขายสูงไปด้วย ตามอัตราส่วน คือมันก็เกี่ยวข้องกัน ทั้งราคา + ยอดโหลด
429 นะ
หมายความว่า หนังสือราคาถูกกว่าที่ติด top อันดับไม่สูง อาจจะมียอดโหลดมากกว่าเล่มแพงที่ติดอันดับสูงกว่าไง
หนังสือราคาถูกติด top paid อันดับดีๆ ก็แปลว่าโหลดเยอะมากๆ
หนังสือราคาแพงบางเรื่อง มียอดโหลดสูงด้วย ก็ติดอันดับได้นานเป็นเดือน ก็มี
คือจะบอกว่า อันดับในหน้า top paid มันมีปัจจัยเรื่องราคาด้วยอ่ะ
ในเมบนี่ถ้ารู้ธรรมชาติคนอ่านคือติดสายสะพายไม่ยากเลย ราคามีผลมากจริง ๆ แนวนิยายก็เหมือนกัน กูเพิ่งเขียนลงอีบุ๊กปีนี้ นูกูสัส ๆ ไม่โปรโมตงานด้วย ขายไม่นานก็ได้สายสะพาย ไม่โปรโมตงานที่ไหน แต่ออกเรื่องใหม่สม่ำเสมอ พอเขาซื้อเรื่องใหม่ก็ซื้อเรื่องเก่าไปด้วย สุดท้ายมันก็ได้สายสะพายง่าย ๆ เลย รอชิว ๆ แต่กูพูดถึงเรื่องติดสายสะพายอย่างเดียว ไม่รู้เรื่องท็อปเพดหรอกนะ กูแค่เขียน ๆ จบ ๆ แล้วลงขาย ไม่ได้สนใจอย่างอื่น ปีหน้าก็จะทำงานส่งสำนักพิมพ์อย่างเดียวแล้ว กูเบื่อการแข่งขันในเมบ
ส่วนใหญ่การแข่งขันคือ การลงนิยายในเว็บละมั้ง จะหากลุ่มคนอ่านแฟนคลับส่วนใหญ่ลงในเว็บก่อนทั้งนั้น
แล้วคนอ่านจะตามมาซื้อกันมากกว่า ที่อันดับในเมพจะส่งมีผล
เพราะส่วนใหญ่เขียนลงเว็บแล้ววางขาย แฟนคลับจะมาช่วยอุดหนุนดันยอดขึ้นไปติดสายสะพายในเวลาไม่นาน (บางเรื่องหนึ่งวันก็ติดแล้ว)
แต่ควรเลี่ยงการลงจนจบนั่นแหละ ลงจบ ยอดโหลดมักไม่ค่อยเดิน
>>437 ไม่เก่งหรอก กูแค่จับทางถูก รู้ธรรมชาติคนอ่าน กูเห็นนข.เริ่มต้นใหม่ ๆ บางคนเรียนทฤษฎีหนักมาก ทำยังไงให้ขายดี มีคนอ่าน แต่จริง ๆ แล้วทฤษฎีก็ใช้ไม่ค่อยได้หรอก ข้อสำคัญคือกูเขียนได้สองแบบ คือกูอะมีสำนวนของตัวเอง เวลาอยากเขียนลงอีบุ๊กจะใช้สำนวนที่กระชับ อ่านง่าย สบาย ๆ มันจะเขียนได้เร็ว แต่เวลาจะส่งสนพ.จะใช้สำนวนที่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นมา สวยขึ้น ลึกขึ้น กูเคยอ่านในทวิต นิยายภาษาสวยก็เหมือนกาแฟหอม ๆ อร่อย ๆ แต่ไม่เหมาะกับการอยู่โตรุ่ง เวลาคนจะโต้รุ่งเขากินกระทิงแดง ก็เหมือนนิยายอะ เป็นนักเขียนต้องเขียนได้หลาย ๆ แบบ เจาะกลุ่มคนหลาย ๆ กลุ่ม ภาษาสวยก็ใช้กับการส่งสนพ. ถ้าอยากขายได้ไว ๆ ก็เขียนลงอีบุ๊ก เขียนกระชับ ๆ สำนวนไม่ต้องซับซ้อน แนวนิยายก็สำคัญ กูไม่เคยลงนิยายในเว็บเลย เขียนเสร็จกูลงเมบ ไม่โปรโมต แต่ทำปกดี (สังคมที่กูอยู่คือสังคมคนศิลปะ) เขียนโอเค (อะกูเรียนอักษรด้วย) เวลาเขียนนิยายหรือเขียนอะไรก็ตามให้ดูคนอ่านเป็นหลัก อาชีพนักเขียนไม่มีจุดสูงสุด ต้องไปต่อเรื่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เวลาเริ่มต้นเขียนใหม่ ๆ กูก็ประสาทแดกอะ ชอบไปส่องคนอื่น แข่งกับคนอื่น แต่เขียนนาน ๆ เข้าก็เริ่มไม่มีเวลาส่องละ ต้องหาข้อมูลมาเขียนนิยาย อ่านงานดี ๆ หาแรงบันดาลใจ วันหนึ่งหมดไปละ ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย
กูขอถามหน่อยได้มั้ยว่าที่ลงไม่จบแล้วให้ไปตามต่อพวกมึงแต่งแนวไหนเหรอ คือกูแต่งแนววายแล้วมีคนรีวิวอีกแบบ ไม่รู้เพราะต่างเรื่องเลยต่างผลหรือเพราะแนววายมันต้องลงให้จบ
>>439 นี่ลงไม่จบ ลงค้างไว้ตลอด อยากลงเมื่อไรก็ลง 3 ปีผ่านไปมาอัพก็มีอะกู 555 บางทีเขียนจบแล้วแหละ แต่กูก็ไม่ได้ไปอัพต่อ เขาถามว่าจะมีอีบุ๊กมั้ยกูยังไม่ได้ตอบเมนต์เขาเลยเนี่ย กูไม่ได้ซีเรียสเรื่องนักอ่านเพราะจะส่งสำนักพิมพ์ กูคงช่วยอะไรมึงไม่ค่อยได้นะ กูเป็นนักเขียนสายเหี้ยอะ ขอโทษที แงงงงงง
>>441 กูเขียนคำตก ขอโทษที หมายถึงที่ข้างบนบอกลงไม่จบแล้วไปขายในmebกำไรดีกว่าลงจบ มีสายวายมั้ย เพราะเคยเห็นคนนึงในสายวายลงหลายแบบ แล้วที่ลงไม่จบขายได้เงินน้อยสุด เพราะคนอ่านรอสปอยตอนจบว่าจบดีไหม พอไม่มีใครเคยอ่านก่อนเลยไม่มีคนกล้าซื้อน่ะ กูเลยสงสัยว่าเป็นแค่เฉพาะคนเขียนคนนั้นหรือคนอ่านวายส่วนใหญ่เป็นงั้น กูกำลังลังเลว่าจะลงจบปิดตอนหรือลงไม่จบดี
>>440 เห็นคนอ่านสายนี้หลายคนบ่นว่าแนวนี้จบแผ่วปลายหรือตัดจบเยอะ ถ้าไม่รู้ตอนจบก่อนไม่กล้ากดซื้อน่ะ ซึ่งกูไม่รู้ว่าคนซื้อส่วนใหญ่เป็นงั้นหรือแค่บางส่วน
>>442 กูก็ไม่ได้สนนักอ่านขนาดนั้น กูสนเงิน555 เม้นจับต้องไม่ได้ ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เงินอย่างน้อยก็ซื้อชานมไข่มุกตอนเขียนได้ล่ะวะ
>>443 พูดยากอะ ในวงการนี้คือไม่มีอะไรแน่นอนเลย บางคนลงให้อ่านไม่จบก็ขายดี บางคนต้องลงอ่านให้จบถึงจะขายได้ (อาจเพราะที่ลงไปไม่ดึงดูดพอ คนเลยไม่อยากอ่านตอนจบก็ได้) ละถ้าเขียนดี สนุก อัพช้ายังไงก็มีคนจำได้และมาอ่านต่อ เอาเป็นว่าเอาที่มึงสะดวกใจดีกว่านะ อย่างที่บอกอะ มันน่าจะเป็นเคส ๆ ไปมากกว่า อย่างกูหลัง ๆ มาไม่เคยลงงานที่ไหน ไม่โปรโมตงาน ลงขายอีบุ๊กเลยก็ขายได้สายสะพายอะ กูว่าของแบบนี้แล้วแต่คนมากกว่ามั้งเขียนตรงตลาด ตั้งราคาเหมาะสม ก็ขายได้ระดับนึงแล้ว ถ้าอยากได้เงิน กูบอกตรง ๆ อะว่าไม่มีอะไรดีเท่ากับการเขียนให้ตรงตลาด
ขอกู เขียน สายรัก สายโรมานซ์ สายรักผู้ใหญ่ สายแฟนตาซี
ลงไม่จบวะ ถึงขายดีกว่าลงจบ คอมเมนต์คนอ่านไม่ได้ช่วยอะไร (อาจเพราะกูเคยโดนด่าเละเทะมาก่อนเรื่องลงลงไม่จบ...ให้ซื้ออ่านช่วงหลังเอา)
บอกได้แค่
คนอ่านที่ซื้อยังไงก็ซื้อ คนอ่านที่ไม่ซื้อยังไงก็ไม่ซื้อ ต่อให้แต่งได้ดีขนาดไหนก็ตาม
ก็ขนาดลงไปถึง 60-70% แล้ว ยังจูงใจให้ซื้อไม่ได้
ก็มีสองแบบ คือ เนื้อเรื่องไม่สนุก หรือ คนอ่านที่บ่น เค้าไม่ตั้งใจซื้ออยู่แล้ว
เห็นคุยกันเรื่องรายได้ใน meบ กูนี่หน้าแห้งเลย เพิ่งเคยขายครั้งแรก ยอดโหลดก็น้อยนะ ยังหักซะเยอะอีก
อย่าซีเรียสเรื่องยอดขายเลยมึง ของกูคิดว่าเป็นแค่ค่าต่อชีวิต ค่าน้ำค่าไฟให้แม่ 5555 สิ่งที่กูต้องการจริง ๆ คือความสร้างสรรค์ กูรักการเขียน กูเลยเขียน คิดแบบนี้ก็มีความสุขดี กูลงทุนกับการเขียนนิยายมากนะ แม้ตอนนี้สิ่งที่ตอบแทนมาก็ยังไม่เท่าทุน กูสอบเข้าคณะอักษร ไปหายืมหนังสือมาอ่านสร้างแรงบันดาลใจ เข้าเอกที่สอนวรรณกรรม คิดเสียว่าการเขียนมันเป็นกำไรชีวิต อย่างน้อย ๆ ถ้าขายได้ก็ได้เงินกินขนม กูอาจจะมองโลกสวยเกินไป แต่กูมองแบบนั้นจริง ๆ อะ กูรักงานที่กูทำ ให้อีบุ๊กทุกเล่มกับแฟนคลับที่ติดตามตั้งแต่กูเขียนใหม่ ๆ เขียน ๆ ไปนาน ๆ มันจะมีเรื่อง Amazing เข้ามาในชีวิตมึงเอง เมื่อถึงเวลานั้นแล้วมึงจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เขียนนิยาย
ปรึกษาเรื่องการทำปกหน่อย คิดว่าปกแบบไหนที่คนชอบอะ
>>446 หักน้อยแล้วในบรรดา ebook ไทย ยังมีเจ้าอื่นที่หักมากกว่านี้ ไม่เอาไปเทียบพวกเว็บขายรายตอนนะ อันนั้นเขามีเว็บลูกอีกเว็บหนึ่ง มึงลงขายครั้งแรกถ้าไม่เข้าใจตลาดขายได้น้อยไม่แปลกหรอก หลายคนอยู่มานานแต่ถ้าไม่ทำความเข้าใจกับตลาดก็ขายยากอยู่ดี
>>449 มึงปรึกษากว้างมาก กูก็ตอบกว้างๆ นะ ปกที่เห็นแล้วมันใช่ เห็นแล้วอยากซื้อก็ทำปกแบบนั้น ถ้ามึงบอกแนวมาสักหน่อยกูจะทำให้มันแคบลง แต่พื้นฐานคือปกที่คนเห็นแล้วอยากซื้อ
วันหนึ่งถ้านักเขียนตายไป meb จะทำยังไงเหรอ
>>453 เงินถูกส่งเข้าบัญชีธนาคารของนักเขียน
ถ้ามีทายาทก็ติดต่อกับฝ่ายเมพว่าจะถอนออกหรือวางขาย
(ถอนออกจากการวางขาย แต่คนโหลดเก่า ๆ ยังมีไฟล์เก่าให้อ่านได้ตลอด)
ส่วนกรณีไม่มีทายาทก็คงว่าตามกฏหมาย เมพคงมีสิทธิจัดการเองได้ อาจเปิดให้โหลดฟรีกันไปก็ตามแต่ ซึ่งถึงตอนนั้น คงไม่มีคนอ่านใหม่ ๆ สนใจแล้วมั้ง
วางลิงก์อีบุ๊กเมบในหน้าเด็กดียังไงวะ ก๊อปเซลเลอร์ลิงก็มาแปะเฉยๆ ก็ URL พืดดด ไม่เป็นกรอบสวยๆ เลย
ขอถามซื่อๆ แนวเรทที่เขียนขายกันใน meb มีฉากอมหรือเลียมั่งไหม บรรยายไม่โจ่งแจ้งชนิดที่มาเป็นชื่ออวัยวะ แล้วที่ขายเป็นเล่มออกกับ สนพ. มีเรื่องไหนที่มีฉากแบบนี้ไหม มีบรรยายบ้างไม่ใช่ตัดเข้าโคมไฟอะ ถามเป็นแนวทางเพราะเรื่องที่กูเขียนมีฉากแบบนี้ คือถ้ามันส่ง สนพ.ไม่ได้จะได้ขายเอง ช่วงนี้ขาดเงิน เห็นบอกแนวนี้ขายได้ อย่าดูถูกมวลชนคนหื่น
เรื่องนี้มันจะสองปีแล้ว เมื่อไปดูวันที่ลงขาย
อย่างที่กูรู้ top paid หน้าแรกของหมวดแนวรักผู้ใหญ่ ช่วงครึ่งบนในเดือนนั้น ๆ จะได้ 100 โหลด+ เสมอ
ผ่านมาจะสองปี กูเห็นเรื่องนี้ติดอันดับหน้าแรกอยู่แทบทุกเดือน
1000 -2000 โหลด คิดว่าไม่น่ามีปัญหานะ
ปล. ไม่ใช่ว่าแนวหื่นทุกเรื่องจะขายดีนะ คือมันก็ต้องสนุกและหื่นได้ดีในระดับหนึ่งด้วย ถึงจะขายได้ดิบได้ดีต่อเนื่อง
เจ็ดสามีนั่นเกินหื่นไปแล้วปะวะ กูอ่านแล้วคิดว่ามันเหมือนนิยายอย่างว่าในหนังสือโป๊สมัยก่อนเลย สำนวนภาษาแย่กว่านิยายพวกนั้นด้วย
หื่นแต่มีคนอ่านมีคนเปย์ ก็ขายได้เรื่อย ๆ แหละ ในเมบคือเงียบนะ เมนต์น้อย แต่ไอ้เหี้ย หลังไมค์คือคนเขียนรับทรัพย์รัว ๆ ผิดกับนิยายปกติบางเรื่อง เมนต์เยอะสำหรับกู แต่ไม่ติดสายสะพายสักที 5555
เพราะคนอะเนอะ เรื่องเซ็กส์มันเย้ายวน
>>468 เรื่องนี้ลองอ่าน ตย แล้วไปไม่รอดจริงๆ ถึงจะเป็นนิยายอีโรติก กูก็อยากอ่านที่เป็น romance erotic ที่สุดท้ายลงเอยด้วยดีพระนางรักกัน (อย่างของศิริกัญญ์)
ประเภทที่ นอ ได้กับผู้หลายคนแล้วออกโทน dark erotic นี่ กูอ่านแล้วหดหู่ว่ะ
ปล. แต่เจออยู่เรื่องนึง เริ่มเรื่องนึกว่าจะ dark erotic ไปๆ มาๆ นี่มันตลกเสียดสี+แฟนตาซีโรมานซ์ เหนือความคาดคิดกูมาก 555 (เรื่อง จำนนรัก)
หมวดนั้น มันเป็น porn เน้น ๆ นั่นแหละ แต่กูพอเข้าใจอยู่นะ
คือถ้าจะเอาสลวย ก็ต้องหาใน หมวดโรมานซ์ ที่มีกำกับว่า 18+
ส่วนหมวดรักผู้ใหญ่ เน้นสายหื่น ยิ่งหื่นยิ่งดีมั้งในหมวดนี้
หลานของพ่อ กับหลานของแม่ เขียนชาร์ตเพ็ดฯ มาจากคนละฝั่งกัน แต่อยู่ระดับเดียวกัน เรียกเป็นลูกพี่ลูกน้องไหมวะ
ก็ไม่ใช่แหละ ไม่มีสายเลือดเดียวกันซักหยด แต่สนิทกันมากแบบเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ละกูต้องการคำเรียก งงมั้ย จะใช้หลานป้า หลานลุงบ่อยๆ มันก็เยอะน่ะ
อธิบายว่าเป็นญาติห่าง ๆ
คำเรียกหลานป้า หลานลุง ไม่แปลกหรอก ... เหมือนการนับถืออีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่นั่นแหละ
ถ้ากำหนดให้ตัวละครเรียกแบบนั้น
คนทั่ว ๆ ไป ก็เรียก ลุง เรียก ป้า ได้ง่าย ๆ ในสังคมไทยอยู่แล้ว
คือถ้ากูเขียนนิยาย ีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีีมีฉากเรต แต่ภาษาที่ใช้ ไม่ซี๊ดซ๊าด ปึกๆ ปักๆ ควรลงโรมานซ์หรือนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ดีวะ
สามวันแล้วฟชล.ยังไม่แอพพรูฟอีบุ๊กให้เลยว่ะ มันช้าขนาดนี้เชียว
มีคนที่รับเป็นบรรณาธิการณ์ฟรีแลนด์ปะวะ
แบบว่าเราให้ต้นฉบับเขาไป เขาก็ไปอ่าน แล้วก็มาบอกให้เราปรับปรุงโน้นนี่
พอว่าจะรวมเล่มนิยาย เลยอยากให้มันออกมาดีที่สุด
>>484 มีแต่ราคาก็ไม่ต่ำนะ
ถ้าหนังสือทำมือเอง แล้วลงทุนไปกับการจ้างคนมาตรวจสอบเป็นบรรณาธิการ แล้วไหนจะเรื่องทำปกอีก
ถ้าเพื่อนไม่ประหยัด 2 ส่วนนี้ มันก็อาจจะเข้าเนื้อได้ ถ้ายอดขายจริงไม่เป็นไปตามที่คิด
ส่วนใหญ่จะเปิดฟรี... เพื่อเช็กให้แน่นอนก่อนกันทั้งนั้น ถ้ายอดสูงจริง ก็ควรลงทุนได้ แต่ถ้าผลมาอีกแบบ...การทำเองทุกอย่างจะดีกว่า
>>493 อยากพัฒนาตัวเอง ถ้ารับการติชมได้ คนอ่านจะช่วยได้เยอะ
ลงนิยายในเว็บนั่นแหละ บอกรับคำติชมได้ ขอแบบแรง ๆ จัดเต็มได้เลย
(แต่เรามักเห็นว่า พอโดนตำหนิไม่กี่เมนต์ ก็หงุดหงิดออกมาแทบทุกราย ไม่ตอบในกระทู้ ก็เอามาบ่นในเฟซเป็นส่วนใหญ่)
หรือ ถ้าลงในเว็บแล้วไม่มีคนอ่านมาคอมเมนต์
ก็ต้องสะดุดใจตัวเองได้พอควรว่า ที่เขียนอาจจะไม่โดนใจคนอ่านเท่าไร ต้องแก้ไขสิ่งที่จะดึงดูดใจคนอ่านให้เข้ามาเมนต์ให้ได้ นั่นคือการพัฒนาที่เห็นชัดล่ะ
ไม่รู้สินะ ไม่ใช่สายเขียนประกวด
ปกติ นิยายวัดกันแค่ ขายดีไม่ดี ยอดโลหดได้เยอะไม่เยอะ ได้ทำเป็นละครไหม?
หรือสายภูมิใจก็แค่ คนอ่านเยอะไม่เยอะ
ปล.
ถ้างานเขียน แล้วขายไม่ออก ก็ถือว่าสอบไม่ผ่านแล้วล่ะ หลักการง่ายมากว่า
นิยายได้รับความนิยมหรือเขียนได้ถูกใจคนขายจน เค้าซื้อได้หรือเปล่านั่นแหละ
ถ้าทำตรงจุดนี้ไม่ได้ ต่อให้ได้ บก. มาช่วยก็ไร้ความหมาย
>>502 อย่าโกรธกันนะ
คือ ถ้ามัวเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์เกินเหตุ ระวังอาจเป็นพวกซึมเศร้าอะไรเกินเหตุ
งานเขียน ต้องเตรียมใจรับจุดด้อย จุดบกพร่องอะไรของตัวเองไว้บ้าง
เพราะความสมบูรณ์แบบในโลกนี้ไม่มีหรอก ยิ่งอยากให้สมบูรณ์ ยิ่งเครียด และพานทำให้จินตนาการในการเขียนเคร่งเครียด ไม่สนุกได้ล่ะ
อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย ใครจะจ้างก็จ้าง ไม่จ้างก็ไม่ต้องจ้าง ขึ้นกับเงินล้วน ๆ
มึงแปะสิมากูวิจารณ์ให้เอง
ในเมพ ระหว่างนิยายรัก กับ โรมานซ์ มันควรแบ่งที่ฉากเรตใช่ปะ แต่มันคือระดับไหน กูเคยเห็น มีคอมเม้นท์ บอกนิยายที่อยู่ในหมวดโรมานซ์ว่า มีฉากได้กันไม่เยอะ ไม่น่ามาอยู่หมวดนี้
>>511 3 ระดับ
อ่อน ๆ เน้นเนื้อเรื่อง ก็ หมวดนิยายรัก
แรงขึ้นมา แต่ยังมีเนื้อหามากกว่าฉาก nc ก็ หมวดนิยายรักโรมานซ์ แต่สามารถมี 18+ กำกับคัดคนซื้ออยู่ระดับหนึ่ง
แรงสุด เน้นอารมณ์คนจะจ้วงแททงกัน ไม่เน้นเนื้อหาเท่าไร ก็ หมวดนิยายรักผู้ใหญ่ ... อันนี้ต้องยืนยันอายุด้วยการส่งรูปบัตรประชาชน บอกวันเดือนปีเกิด ด้วยถึงจะสามารถซื้ออ่านได้
Ky เพื่อนโม่ง ซือฝึกับซือจุนใช้ต่างกันยังไงอ่ะ มันแปลว่าอาจารย์เหมือนกันใช่ป่ะ แต่ทำไมบางเรื่องใช้ซือฝุบางเรื่องใช้ซือจุนวะ กูงง
>>513 http://www.futurec-cn.com/คำจีนสับสน-师父-กับ-师傅-ใช้ต/
1.เป็นอาจารย์เชี่ยวชาญสอนวิชาให้จริง ๆ
กับ
2.เป็นคำสุภาพ คำให้เกียรติ ใช้เป็นสรรพนามเวลาเราเรียกช่างหรือคนงานที่มีความชำนาญหรือมีประสบการณ์บางสาขา เช่น ช่างไม้ พ่อครัว ช่างแต่งผม คนขับรถ ฯลฯ
>>511 อันนี้เคยคุยกันไว้ในมู้จีน ขอยาดก๊อปลิงค์มาให้
https://fanboi.ch/literature/6523/255/
ขอเพ้อหน่อย ช่วงนี้นิยายกูไม่มีคนเม้นต์เลยสักคน แต่กูชอบอ่านนิยายตัวเองมากกกก พอได้กลับมาอ่านทวนซ้ำแก้นั่นแก้นี่แล้วสนุกดีว่ะ เหมือนได้สร้างกำลังใจให้ตัวเองว่าแต่งสนุกเหมือนกันนี่ ถึงไม่มีคนเม้นต์แล้วแต่นิยายกูโคตรสนุกเลย นับถือตัวเองที่แต่งมาจนจบ TT ใครที่เจอปัญหานี้อยู่ก็ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ นะ รักงานเขียนของตัวเองให้มาก
ฟวย เป็นเพอร์เฟกชันนิส กูรับไม่ได้ว่ะที่นิยายมันจะมีฉากไม่เป๊ะ ไม่ปังหลุดรอดมา ในหัวกูมันประมวลผลอยู่ตลอดเวลาว่ามันต้องสุดอะ เพราะแบบนี้กูมีพล็อตเป็นสิบ แต่แม่งก็จบในหัวตลอดเลย มีเรื่องไหนบ้างวะที่กูจะเขียนจนจบ กูก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย นั่งเขียนๆลบๆ
>>517 เมื่อก่อนก็คิดเยอะแบบนี้ แต่หลังจากที่อ่านของคนโน้นคนนี้ กูเริ่มเบาลงจนนิยายจบมาหลายเรื่อแล้ว 555555
แต่ก่อนเรื่องอาชีพพระเอกนางเอก กูแบบอยากเขียนให้มันสมจริง แต่แบบนะ กูเขียนนิยายรักไง แล้วก็เคยมาขอคำปรึกษาในนี้แหละ เพื่อนโม่งบอกเอาแค่เป็นพื้นหลังพอ กูเลยสนุกกับการเขียนขึ้นเยอะ
กูเขียนนิยายมาปีที่ 10 ได้เรียนอักษร (ลงวิชาศิลปะการเขียนแล้วก็วรรณกรรม) กูเคยประสาทแดกกับทุกอย่างในการเขียนนิยาย แต่ตอนนี้ผ่านพ้นความประสาทแดกพวกนั้นมาแล้ว อยากบอกว่ามีความสุขมาก ๆ วัน ๆ เขียนงานไปเรื่อย ๆ ตั้งลิมิตว่าปีนี้จะเขียนกี่เรื่อง ๆ อ่านหนังสือ ดูหนังเพื่อเพิ่มทรัพยากรในหัวทุกวัน ไม่ได้สนใจข่าววงการหนังสือเท่าไร เวลามีดราม่านักเขียนก็แค่มองจากวงนอก มีความสุขมาก ๆ ว่ะแม่ง
ว่าด้วยเรื่องความเป๊ะของนักเขียน ในฐานะที่กูเป็นทั้งนักอ่านและนักเขียนกูว่ามันก็ดีนะที่นักเขียนอยากเขียนให้เป๊ะ ทั้งการดำเนินเรื่อง การใช้ภาษา โครงเรื่อง ฯลฯ มันได้ขัดเกลาตัวเองและยกระดับวงการนักเขียนนิยายมือสมัครเล่น แต่กูว่าเป๊ะให้มันพอดีอ่ะ ล่าสุด พักนึงมาละ กูไปเจอนิยายเรื่องนึง บรรยายยิบย่อยชิบหายยยย คือมันกลายเป็นเวิ่นไปอ่ะมึง จริงๆ นักเขียนคนนั้นถือว่าเด่นเรื่องการใช้ภาษา (แม้พล็อตจะน้ำเน่ายุงชุมและเชยไปบ้าง) แต่มึงนึกออกป่ะ เหมือนเขาแต่งนวนิยาย ซึ่งกูอ่านแล้วถ้าเขาตัดการบรรยายสารพัดที่ไม่จำเป็นออกน่าจะลดจำนวนหน้าลงได้สัก 500 หน้าโดยไม่กระทบเนื้อเรื่องหลักและไม่เสียอรรถรสด้วย
บรรยายเกี่ยวกับอะไร ที่ไม่จำเป็น?
วางทรีทเม้นแแบบเป๊ะๆ แล้ว ตั้งใจจะให้จบที่ 40 แต่ไปๆ มาๆ แม่งเขียนได้ 50 ตอน ถถถถถถถ ไม่ดีเลยเพราะมันยืดไปอ่ะจิ
>>521 กูไม่รู้นะว่า 520 อ่านเรื่องไหนมา แต่ตอนนี้กูก็อ่านนิยายอยู่เรื่องนึง มีราวๆ 550 หน้า แต่บรรยายความรู้สึกตัวละคร ปูมหลัง ยัดมาหน้าต่อหน้า บทสนทนาที่เอาไว้เดินเรื่องแทบหาไม่เจอ อึดอัดมาก กูอ่านได้วันละแค่ร้อยหน้า (ร้อยหน้ายังกระอักเลือด) ภาษาเขาสวยดี ใช้คำเพราะๆ มาเขียน แต่ก็แค่ภาษาสวย บรรยายล้นมากไปหน่อยจนน่าเบื่อ 1 ย่อหน้าจับใจความสำคัญไม่ได้ อยากบรรยายอะไรก็บรรยายออกมาตรงนั้น นี่คือนิยายที่บรรยายเวิ่นเว้อเกินไปในความคิดกู
กูชอบนิยายที่นักเขียนเก่งเรื่องสร้างคาแรกเตอร์ อ่านแล้วไม่ค้านความรู้สึกว่าทำไมตัวละครถึงทำแบบนี้ บางเรื่องคือตัวละครแบน การกระทำไม่สมกับที่นักเขียนให้ปูมหลัง แต่ไม่น่ารำคาญเท่าบรรยายเวิ่นเว้อ
Ky กูขอระบายหน่อยได้มั้ย คราวก่อนกูไปเล่าความลับเกี่ยวกับนิยายกูให้เพื่อนนขคนนึงฟังอ่ะซึ่งความลับนั้นมีผลกับตัวกูแล้วก็งานกูในอนาคต(ประมาณว่าโปรเจคใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้) คือแบบกูไว้ใจเขาด้วยแหละ แล้วไม่คิดว่าเขาจะเอาความลับกูไปเผยแพร่ให้คนอื่นฟังโดยที่กูไม่ได้อนุญาตอ่ะ คือกูอึ้งมาก เสียใจมากไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น รู้สึกเหมือนโดนแทงข้าเลยว่ะ TT
ใน meb คนที่มีรูปโปรไฟล์ คือ นักเขียนใช่ปะ
มีพวก Tag เกี่ยวกับออริคาราให้เล่นกันบ้างไหมวะเพื่อนโม่ง อยากได้แบบพวกรู้จักตัวละครเรามากขึ้นไรงี้
มีใครเคยเจอคนจากสนพ. มาทาบทามให้ส่งนิยายให้เขาพิจารณาบ้างมั้ย?
สนพ เดี๋ยวนี้ขาดต้นฉบับ นักเขียนที่พอมีฐานแฟนคลับก็ทำมือกันเยอะ
ก็เลยมี จนท ไว้คอยหาต้นฉบับ ส่วนมากก็เรื่องที่ลงในเน็ตแล้วมีคนตามพอประมาณ หรือติดอันดับตามเว็บลงนิยาย
คำทาบทามประมาณนี้ก็คือมาจองไว้ก่อน ถ้าเขียนจบเรื่องหรือเพิ่มฐานคนอ่านในอนาคตได้ ก็จะเอาไปตีพิมพ์
เคยคิดว่าเราจะได้ข้อเสนอพิเศษหรือเปล่านะ เขาสนใจขนาดนี้ สรุป ป่าวค่ะ ได้เรตต่ำอีกต่างหาก 555
บาง สนพ ก็เหวี่ยงแห ติดต่อไปทั่ว เรื่องไหนดังขึ้นมาก็บอกว่า ติดต่อก่อน
บางทีส่งให้แล้วก็ไม่ผ่าน เขาสนใจต้นฉบับ ติดต่อทาบทามมาก็ไม่ได้แปลว่าจะส่งแล้วผ่านอะ 555
>>537 มีเด็กหน้าใหม่ก็ถูกทาบทามเเบบนี้ เด็กมันก็ดีใจ โพสโม้อวยนิยายตัวเองไปสามวันแปดวันไม่ซ้ำคำ กูก็เตือนว่ามึง อย่าเพิ่งออกตัวแรง จองอ่านไม่ใช่จองพิมพ์ นางไม่ฟัง สรุปหน้าแหก ได้ข่าวว่าเอางานเที่ยวไปเสนอสนพ. แต่พอรอได้สามอาทิตย์ งอแงอีก ปสดว่าเขาไม่เอางานหนูแน่เลย เจ้านี้ให้ยอดน้อย เจ้านั้นปกไม่สวย กูเชียร์ทำมือก็ไม่เอา ไม่กล้า อยากเห็นงานวางขายหน้าร้านใหญ่ กูล่ะเพลีย
นักเขียนหน้าใหม่ก็แบบนี้ละมึง เรื่องเยอะ เรื่องมาก ก็งานของตัวเองอะเนอะ อยากให้ได้ดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขียนเยอะๆ คงได้บทเรียนเองละ คนรู้จักกูเขียนมานานละ สนพ.ให้ผ่านพิจารณาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ตีพิมพ์ ไปตีพิมพ์ของคนอื่นๆ ก่อน รอแห้งกันไป จะสิ้นปีแล้วก็ยังไม่ได้เห็นปกเลย
ความหน้าแหกนี้กูก็เคย จองนะ จองแล้ว แต่ผลคือไม่ผ่าน เศร้าไปค่ะ
เดี๋ยวนี้ยอดพิมพ์ขั้นต่ำของ สนพ เท่าไหร่แล้ว 2000 ใช่มั้ย?
สมัยก่อน 3 พันเล่มก็ไม่พอกินอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าจะออกทุกเดือนหรือรีปริ้นซ้ำไปซ้ำมากันทุกคน มายุค 2 พันเล่ม คนที่มีชื่อเสียงสักหน่อยก็เริ่อมถอยไปทำมือเอง เดี๋ยวนี้ 500 กูก็เห็น สนพ. เล็กๆ ผุดขึ้นมาเยอะ ถ้าเป็นนักเขียนที่เคยออกเล่มมาก่อนคงไม่เอาด้วย พวกนี้พอเดาตัวเลขออกคร่าวๆ อยู่แล้ว แต่หน้าใหม่ที่อยากลงร้าน บางทีอาจไม่สมหวังเพราะ 500 เล่มมันลงได้แค่บางร้าน จำนวนเท่านี้น่าจะเน้นพรีกับงานหนังสือมากกว่า
บ้านส้มเท่าไหร่ฟระ พวกแนวเลิฟกุเห็นเงียบๆ
ส้มที่เงียบๆ เพราะไม่มีต้นฉบับป่าววะ 55 กูเห็นบางทีก็เอางานของนข.หน้าใหม่มาพิมพ์แต่บ้ง นข.นามปากกานั้นออกกับส้มเรื่องเดียวก็ไปทำอีบุ๊กละ ส้มนี่ที่ไม่มีต้นฉบับคงเพราะให้ผ่านยากอะ นข.เก่า
สัส เผลอกดไปก่อน 55 ส้มให้ผ่านยาก แก้แล้วแก้อีก นข.เก่า
อะ อีกรอบ นข.เก่าย้ายไปอยู่ที่อื่นไม่ก็พิมพ์มือกันเยอะ แต่กูก็คิดนะว่าเมื่อก่อนส้มออกงานเยอะกว่านี้ แต่บางงานก็ไม่ได้สนุกอะไร ออกจะจางๆ ด้วยซ้ำ ยิ่งนข.บางคนออกนิยายเป็นซีรี่ส์ก็ยิ่งไม่สนุกสำหรับกูอะ 55
คงแล้วแต่แนวมั้ง นี่โรมานซ์ ไม่ได้ส่ง สนพ นานแล้ว เคยถามคนที่ออกกับชูก้าร์บีท เครือสถาพร ได้เริ่มต้น 2 พัน ประมาณปีที่แล้วนะ ไม่รู้ที่อื่นขั้นต่ำกันเท่าไหร่
มีใครรู้ดราม่านข สนพแสงแห่งรักบ้างมั้ย
ใครรู้ลึกๆช่วยเหลาให้หน่อย จักขอบพระคุณ
ชี้เป้าดราม่า พุ่งไปที่เพจ Pan uาsา ได้เลย ชัดเจน
ดราม่าไรกันวะ
>>560 กูมองแบบกลางๆนะ ว่างานออกเดือนเดียวกัน ช้ากันไม่กี่วัน แต่อีกฝ่ายได้คิวออกก่อน งานออกติดกันขนาดนี้ ถ้าลอกจริง กองบก.ก็ตบกบาลก่อนแล้วป่ะ กองเดียวกันแท้ๆ กูคิดว่าแม่งหวงอาชีพพระเอกกันเว้ย เสือกมาออกชนกันไรงี้
ซึ่งอีห่า พระเอกสนพ.นี้มันก็วนอาชีพกันจะยัดตูดตาย
มาเฟียเดินขี่คอกันล้นโลก ชีคเสร่อๆไม่ก็ซีอีโออภิมหารวยยยย พอมีอาชีพประธานาธิบดีก็เลยหวงก้างอ่ะมั้ง
นักเขียนอีกคนเขาว่าไง หาอ่านได้ที่ไหนง่ะ
ตลกจังวะ สนพ.เดียวกันยังตีกันอีก
ไม่ต้องเถียงกันหรอก! เพราะไอเดียก็มาจากนิยายจีนเหมือนกันละวะ
อ้าวก็เถียงกันเรื่องอาชีพ กูก็ว่าไอเดียมันก็มาจากนิยายจีนไง มันไม่ผุดมาเฉยๆ หรอก ก็แค่นั้น
บวกเกาไปอีกก็ได้
โทษทีที่เมนเดียวไม่จบ
อาจจะสื่อไม่ดี แต่อยากบอกว่า สองคนมันก็ไม่ใช่ออริจิน แล้วเถียงกันทำไมวะ แค่อิเรื่องอาชีพ
ต่อไปน่าจะเป็นอีกอาชีพที่ฮิต ลองไปตามดูมาบ้างก็เห็นนักเขียน(อีกคน คนที่3 )ที่ออกงานกับสำนักพิมพ์แสงแห่งรักเพิ่งเปิดนิยายใหม่พระเอกเป็นท่านประธานาธิบดี
วันๆ ทำอะไรบ้างวะ คือสงสัยน่ะพวกเซ็ตไว้เว่อวังขนาดนี้มันจะแตะอาชีพมากขนาดไหน
จะเอาแนวแฟนตาซีฮา ๆ ก็ลองหาการ์ตูนเรื่องนี้มาดู...
The Ride-On King ปูตินต่างโลก
ล้อเลียนท่านประธานาธิปดีสุด ๆ พล็อตของนักเขียนต่างประเทศ มันไปไกลกว่าที่จะมาทะเลาะเรื่องติ๊งต็องอาชีพอะไรกันแบบนี้แล้ว
พล็อตมันซ้ำจนเกร่อมาก
>>577 แนวรักก็หมกมุ่นแต่ด้านอารมณ์นั่นแหละมึง คนอ่านอยากเป็นซินเดอเรลล่า มีแฟนเท่ ๆ รวย ๆ ทั้งนั้น เป็นไปตามเป็นธรรมชาติ
ถ้าพระเอก (ประธานาธิบดี) ไปเน้นทำงาน ก็จะเป็นเรื่องเกมการเมือง ช่วงชิงผลประโยชน์ ... กูว่าคนอ่านเบื่อตายชัก
ถ้าพระเอก (ประธานาธิบดี) ไปเน้นสายต่อสู้ ก็จะเป็นนิยายสงคราม ต่อต้านอะไรสักอย่าง ... ต่อต้านการก่อการร้าย ต่อต้านยาเสพติด
ถ้าพระเอก (ประธานาธิบดี) ไปเน้นสายพัฒนาประเทศ ขายค้า ก็จะกลายเป็นนิยายแนวแฟนตาซีไปอีก
สรุป ... วัน ๆ ไม่คิดลากนังเอกไปกระซวก แล้วจะคิดอะไรวะ 555+
กูสงสัยว่าถ้าเขียนนิยายแนวแฟนตาซีต่างโลก แล้วให้พระเอกเป็นไบที่คบหญิงช่วงนึง คบชายช่วงนึง อารมย์ซีรี่ฝรั่งที่คบๆเลิกๆ จบกันดีบ้างแย่บ้างจนไปจบที่คนสุดท้ายหรือจบที่ forever alone นี่มันควรอยู่ในนิยายปกติ หรือวายวะ
แล้วแต่จะให้น้ำหนักแบบไหน
แบบธรรมดา เวลาเอาไปลงนิยายในหมวดหรือเอาไปขาย ก็ลงหมวดรักธรรมดา
แต่ถ้าเน้นวาย ก็ต้องเขียนไปทางวาย เวลาเอาไปลงนิยายในหมวดหรือเอาไปขาย ก็ลงหมวดวาย
ควรคิดแยกให้ดีก่อน ... เพราะมีผลต่อคนอ่านและคนซื้อนิยาย การลงผิดหมวดก็ผิดกลุ่มคนอ่านนั่นแหละ
ถ้าคิด ครึ่ง ๆ กลาง ๆ คนอ่านอาจไม่โดนใจ ... การจบก็มีผลมากเช่นกันนะ ส่วนใหญ่คนอ่านชอบแฮปปี้เอนดิ้ง ถ้าจบไม่ตรงใจ ควรระวังการเทไม่ซื้อนิยายนั้น ๆ
ก็ประมาณนี้ แต่ถ้าไม่สนใจเรื่องคนอ่านและยอดขาย ก็ตามใจคนเขียนได้เลย
Meb มีการจำกัดแอคเค้าท์ไหม อยากเปิดเพิ่ม
เพื่อนๆ กูคือ 520 มาเม้นทิ้งไว้แล้วหายไปอาทิตย์นึง ขอโทษจริงๆ เพื่อนโม่งอุตส่าห์มาตอบกู >< ช่วงนี้กูปัญหาชีวิตรุมเร้ามากเวอร์ อยากตายห่าไปซะเดี๋ยวนี้เลย เฮ้อออ
ky เพื่อนโม่งกูขอถามเรื่องEbookหน่อย รายได้จากการขายEbookหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วต้องเอาไปยื่นรายได้คำนวณภาษีใหม่อีกมั้ยวะ
เอาไปดิ
ถ้ากรณีภาษีไม่ถึงเกณฑ์ ก็ขอคืนภาษีได้อีก
แต่ถึงรายได้จะถึงเกณฑ์ ก็ต้องไปแจ้งอยู่ดี
ตอนนี้ สนพ.ไหนน่าส่งต้นฉบับบ้างคะ นิยายรัก นึกออกแต่ สถา กับ แจ่ม
หนาวงี้เขียนนิยายไม่ออกเลย มือแข็ง สมองตื้อ
Ky มีใครเลยลงขายนิยายติดเหรียญในธวลบ้าง กูอยากรู้ว่าเขาให้ส่วนแบ่งนขยังไงอ่ะ 100 เหรียญ = 1 บาท ช้ะ สมมติตอนนึงติด 200 เหรียญเงินเข้านข 50% = 1 บาท แล้วมีคนบอกว่ากุญแจเอามาซื้อนิยายได้แต่จะเอายอดกุญแจที่นักอ่านจ่ายมาหักออกจากเหรียญอีกที จนเงินถึงนขไม่ถึง 1 บาท อันนี้เรื่องจริงมั้ยวะ
มึง ตัวเอกมันจำเป็นต้องทำงานให้เห็นมั้ยวะ
แบบว่าของกูอาชีพตัวเอกกะเนื้อเรื่องมันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย ถ้าไม่ใส่ไปพระเอกกูจะโดนหาว่าไม่ทำงานทำการมั้ยวะ มุแง หรือกูควรจะหาตรงกลาง
นิยายแย่ ๆ เกิดจากอะไรบ้างวะ
>>595 แย่ไม่แย่มันขึ้นกับรสนิยมส่วนบุคคล นิยายโคตรแย่สำหรับมึงอาจเป็นนิยายโคตรดีสำหรับอีกคน กูเรียนเอกที่เกี่ยวกับวรรณกรรมโดยตรงก็รู้สัจธรรมว่าต่อให้เรียนทฤษฎีมาแน่นแค่ไหน อ่านวรรณกรรมขึ้นหิ้งสักกี่ร้อยเล่ม แต่ถ้านักอ่านไม่ชอบงานของมึงมันก็เกมโอเวอร์ สำหรับกู กูคิดแค่ว่าเป็นนักเขียนไม่ควรหยุดพัฒนา เขียนได้หลาย ๆ แบบ หลาย ๆ แนว ปรับตัวไปตามยุคสมัย
>>595 เกิดจากนักเขียนชุ่ย เช่นไม่หาข้อมูลในส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น ไปขายตัวเพราะยายเป็นเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ไม่มีเงินรักษา ค่ายาแพงมาก โรคนั้นคือ เบาหวาน ขั้นแรกๆที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หรือการสะกดผิด ใช้คำผิด ถ้าเป็นสัก20ปีที่แล้ว อาจไม่ง่ายที่จะตรวจสอบ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีมีมากมายทั้งสะดวกและรวดเร็ว
ส่วนสำนวนจะไม่ถูกจริต หรือพล็อตซ้ำซาก เรื่องแบบนี้มันเป็นรสนิยมส่วนตัว
มึง ถามหน่อยดิ เวลาส่งนิยายให้สนพ. เขาแนะนำอะไรมึงเพิ่มไหม ทำไมกูไม่เคยได้รับฟีดแบกอะไรเลยวะ บางทีกูก็อยากให้เขาสนใจบ้าง พวกที่ส่งนิยายไปสนพ.เขายังได้คำติ หรือแก้ไขจุดบกพร่องอะไรต่างๆ กูเหมือนถูกลอยแพเขียนงานอยู่คนเดียวเลยวะ รู้แค่กำหนดส่ง เดดไลน์ อะไรแบบนี้ กูอยากรู้บ้างว่างานกูดีไหม แย่ตรงไหน ควรปรับแก้อะไรรึเปล่า ควรพัฒนางานเขียนยังไง ตอนนี้เหมือนเขียนงานส่งให้กำแพงเลยว่ะ จะกี่เล่มก็เป็นยังงี้ ไม่เคยได้รับคอมเมนต์เนื้อหาจากคนในสนพ.เลย หรือจริงๆ เขาก็เป็นแบบนี้กันหมด
>>601 +1 การที่นิยายขายออกส่งไป สนพ. ก็รับเรื่อยๆ เป็นฟีดแบกแบบหนึ่งแล้ว แถมมี สนพ. อื่นติดต่อมาอีกคือนิยายมึงควรจะใช้ได้ระดับหนึ่ง เรื่องคำแนะนำอะไรนั่นกูบอกตรงๆ นะว่าบางทีมันก็ไม่ใช่อย่างที่เขาว่าเสมอไปหรอก คนใน สนพ. ยังความเห็นไม่ตรงกันได้เลย เหงาๆ ก็คุยกับนักอ่านเอา นักอ่านบางคนอยู่กับเรื่องของเรามากกว่า บก ด้วยซ้ำ
ถ้าอยากพัฒนาตัวเองระดับส่งไปเท่าไหร่ก็ผ่าน มึงต้องพึ่งตัวเองละ มึงต้องเชื่อกูก่อนว่ามึงคนละเลเวลกับนักเขียนทั่วไประดับหนึ่งแล้ว ทั่วๆ ไปส่งงานไม่ผ่านเป็นส่วนใหญ่ มึงอยากก้าวหน้าก็ต้องมองว่าตัวเองพัฒนางานไปไกลกว่านี้ได้ไหม บางทีเวลาอ่านงานดีๆ ดีกว่าเรามากๆ มันก็จะพอมองเห็นภาพว่าเราขาดอะไร หรือบางทีมึงลองออกมาทำมือดู ท้าทายยอดขายด้วยตัวเอง มึงจะเจอฟีดแบกจริงๆ ว่าคนอ่านชอบขนาดจะซื้องานเราจริงหรือเปล่า
>>598 สภาพเดียวกันเลย ช่วงแรกวิจารณ์ เล่มหลังๆแก้คำผิดอย่างเดียว
หลังตีพิมพ์แล้ว บางที ก็มีคำแนะนำลอยมาไม่ระบุคน (เขาอาจไม่คิดอะไร แต่นี่มันเราชัดๆ ถ้าไม่ชอบแบบนี้ ทำไมไม่บอกก่อนพิมพ์วะ)
ลงท้าย ปล่อยวาง คิดว่า งานเรา เรารู้ดีที่สุด (ถึงจะไม่จริง555) ก่อนส่ง แก้ให้ดีที่สุด ให้ตัวเองพอใจที่สุดก็พอ เพราะจริงๆมันก็หน้าที่เราแหละที่จะทำให้งานมันสมบูรณ์ ถูกใจคนอ่านที่สุด บก.จะวิจารณ์หรือไม่ อย่างไร ก็เป็นขอบเขตงานของเขาเหมือนกัน
>>601 ขอบคุณมึง
>>602 อยากลองทำมือเหมือนกัน ตอนตัดสินใจออกกับสนพ.ก็เพราะกลัวงานจะออกมาไม่ดี เลยอยากให้เขาสกรีนให้ อยากได้คำแนะนำ แต่ไม่มีเลย อยากถามเหมือนกัน ว่าจะไม่สนใจกันหน่อยเหรอ เฮลโหลลล เวลาเห็นเขาคุยกันกับนักเขียนคนอื่น กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศ รู้สึกตัวเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ เหมือนที่นี่ไม่ใช่ที่ของกู แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เหมือนได้ปรับทัศนคติใหม่ จากความเห็นมึง ขอบคุณมากนะ กูมองอะไรไม่กว้างเอง อย่างแรกกูควรพึ่งพาตัวเองก่อน
>>603 เขียนเรื่องทั่วไปปกติเลย ไม่ได้หวือหวาอะไร
>>604 กูไม่ได้คำวิจารณ์ตั้งแต่เรื่องแรกแล้วมึง แก้คำผิดอย่างเดียวเหมือนกัน กูถึงอาการหนักไง แต่ขอบใจมากมึง อย่างน้อยก็รู้สึกว่ามีคนเป็นเหมือนกู
พวกนักธุรกิจประธานบริษัทหรือท่านรองเขาทำงานกันแบบไหนอะ ทำงานหนักมั้ย มีเวลาไปจีบสาวหรือเปล่า อยากแต่งพระเอกอาชีพนี้แต่ไม่เคยคลุกคลีกับคนแบบนี้เลยอะ ไม่รู้จะไปหาข้อมูลจากไหน กลัวเผลอแต่งให้เป็นแนวท่านประธานผู้ว่างงานที่จีบสาวและทำตัวเสเพลไปวันๆ แงง
>>606 ถ้าบริษัทใหญ่ๆ ระดับมหาชน ส่วนใหญ่ก็เหมือนในนิยาย ในทีวีนั่นแหละ ประชุมผู้บริหาร ประชุมนโยบาย ประชุมแทบทุกสัปดาห์ วันๆ เซ็นเอกสารกองใหญ่ มีเลขาเป็นทีมไม่ใช่มีแค่คนเดียว วันไหนไม่เข้ามาเซ็น พนักงานแต่ละฝ่ายก็รออนุมัติกันเหงือกแห้ง คอยเช็กวันที่นายเข้ามาเซ็นอนุมัติยิ่งกว่าเช็กวันไข่ตก ถ้าประธานออกไปพบลูกค้า ลูกค้าต้องระดับใหญ่มาก แต่ละเดือนมีประชุมสมาคม มีงานเลี้ยงไฮโซโบใหญ่ระดับเอลิสต์
ถ้าบริษัทไม่ใหญ่ ต้องทำงานเหมือนระดับผู้บริหาร แต่ก็ยังต้องเซ็นเอกสารอยู่ดี
เอกสารที่เซ็นถ้าไม่ใช่อนุมัตินโยบาย ก็ต้องดูระดับจำนวนเงิน ระดับประธานต้องอนุมัติหลักล้านขึ้นไป อนุมัติฟ้อง อนุมัติโบนัส เช่น หลักหมื่นให้แค่ระดับผู้จัดการแผนกเซ็น หลักแสนต้องผู้จัดการฝ่าย ถ้าหลักล้าน ก็อาจจะมีผู้บริหารสายงานคั่น ไม่เกินกี่ล้านก็ว่าไป ก่อนจะถึงระดับประธานเซ็น
ช่วงจีบสาวก็ช่วงไปงานเลี้ยงไฮโซนั่นแหละ คนรวยๆถึงได้ไปเจอกับดาราไง
>>606 เจ้านายกูทำงานแทบจะทั้งวันทั้งคืน บินๆๆๆแล้วก็บิน บินไปตปทเกือบยี่สิบวันต่อหนึ่งเดือน มันมีหลายสาขาในโลก เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น เพราะผู้หญิงทนไม่ได้ ระดับกิจการพันล้าน ทำงานแบบโคตรจริงจัง แถมหล่อมากด้วย เจอแต่ละทีแดกข้าวไปด้วยทำงานไปด้วยตลอด แต่อย่างว่า แกเป็นคนพลิกฟื้นกิจการของคนรุ่นพ่อ หล่อ เก่ง นิสัยดี แต่ไม่มีเวลาว่ะมึง
>>606 กูขอเล่าในฐานะที่เคยเป็นเลขาผู้บริหาร ละพอจะได้เห็นกิจวัตรท่านประธานบ้าง คืออย่างที่ >>608 บอก เลขามันต้องมีเป็นทีม ละเวลาประชุมเฉพาะเลขามันก็จะมีเรื่องมาเม้าท์ม้อยหอยสังข์เป็นประจำ ซึ่งเท่าที่ฟังๆมากูไม่เคยเห็นเจ้านายจีบใครว่ะ วันๆนางทำแต่งาน มาเช้ากลับค่ำ ประชุมทั้งวันอ่ะมึง บางทีก็ออกไปดูโรงงานบ้าง ไปพบลูกค้า ไปต่างประเทศ นางเป็นคนแบบบ้างานเกิ๊น หรืออาจเพราะนางมีแฟนมีคู่หมั้นตั้งแต่เรียนจบโทมาจากเมืองนอกก็ได้เลยไม่สนใจอย่างอื่น งานเลี้ยงอะไรก็ไม่ค่อยไปกับเขา โอกาสที่จะได้พบสาวๆหน้าใหม่นั้นยากว่ะ แต่เจ้านายกูไม่เจ้าชู้เลยนะ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้แย่ (แต่ก็ไม่ได้หล่อวัวตายควายล้ม)ไม่เคยหลีใคร อีกอย่างท่านเชื่อฟังคำแม่มาก แม่สั่งอะไรก็ทำ ละแม่ก็เชื่อหมอดูมากกก เชื่อกว่าข้อมูลที่พวกกูนั่งอดตาหลับขับตานอนทำมาทั้งคืนอิ้ก เจ้านายกูหยุดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตามพนักงานบริษัท ส่วนอาหารอาหารกลางวันห่อมาจากบ้าน นั่งกินในห้องทำงานคนเดียว
เพื่อนโม่งขอคำแนะนำหน่อยว่ากูควรจะเปิดนิยายลงถึงตอนไหนดี
คือนิยายกูเกี่ยวกับย้อนเวลา อิงประวัติศาสตร์จริงๆ
คราวนี้กูวางพล็อตไว้ให้นางเอกกูย้อนเวลา 3 ครั้ง
ซึ่งเนื้อเรื่องหลักจะอยู่ในการย้อนเวลาครั้งที่ 3
2 ครั้งแรกเหมือนเป็นปมที่วางไว้ ซึ่งสำคัญกับพล็อตทั้งหมดเหมือนกัน
กูวางแพลนไว้ 3 เล่มจบ พระเอกกูจะโผล่ช่วงกลางค่อนท้ายเล่ม 1 เลย
กูวางธีมนิยายไว้ หลักๆเลยคือโรแมนซ์ อิงประวัติศาสตร์จริง ซึ่งก็จะมีเรื่องการเมือง และสงครามมาเกี่ยวด้วย
คราวนี้การย้อนเวลาครั้งที่ 2 ของนางเอกกู
กูเลือกให้ไปช่วง สงครามจีน-ญี่ปุ่น ช่วงปี 1940
ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้วแม่มโหดสัสรัสเซียมาก นางเอกกูก็สะบักสะบอมพอสมควร
คราวนี้กูกลัวว่าคนอ่านจะเทก่อนที่จะเข้าเนื้อเรื่องจริงๆ เพราะช่วงนี้มันหดหู่สัสๆ
เรื่องโรแมนซ์อะไรแทบไม่มี แต่มันก็สำคัญกับพล็อตที่กูวางไว้มากๆเหมือนกัน
เพื่อนโม่งว่ากูควรจะเปิดให้อ่านฟรีจนถึงช่วงไหนวะ
1. จบการย้อนเวลาครั้งที่ 2
2. ถึงฉากเปิดตัวพระเอก (ย้อนครั้งที่ 3)
3. 70% ของเล่ม 1
4. เปิดฟรีทั้งหมดในเล่ม 1
>>610 วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ไม่เข้าบริษัท แต่ทัไปงานเลี้ยง บินไปต่างประเทศ ถ้าให้ท่านประธานเข้าบริษัทมาทำงานวันหยุด แสดงว่าทีมระดับล่างไม่มีประสิทธิภาพ เตรียมโดนทานอสดีดได้เลย
นอกนั้นก็เป็นเวลาส่วนตัว หยุดพักผ่อน อยู่กับครอบครัว เที่ยว ปาร์ตี้ บางคนเอาเวลาไปทำกิจการส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับบริษัท เช่นทำแบรนด์เสื้อ นำเข้าสินค้าแฟชั่นมาขายแบบเปิดร้านในห้าง
ถ้าเจ้านายไปตปท.วันทำงาน ทีมเลขาจะเมล์แจ้งผู้บริหารส่วน หรือลงเมล์รวมให้พนักงานทุกคนทราบ
>>609 กูว่ามันเกี่ยวกับสไตล์ที่เจอด้วย ไม่มีเวลาให้ แต่เสือกมีแฟนเยอะ
แสดงว่าผู้หญิงที่จีบติด มองแค่หน้าตา ฐานะ อย่างเดียว
ได้เสียเป้นแฟนกัน ต่างคนต่างกิน แล้วก็เลิก ... ชีวิตจริงของกู เห็นแบบนี้บ่อยหลายคนอยู่
ยิ่งมีสังคมออนไลน์ คุยผ่านเฟส บางที คุยกันไม่กี่ครั้งก็นัดเจอ กินกันแล้ว ... โลกมันเปลี่ยนไปเร็วเกิน
>>617 ขออภัย กูบอกไม่ได้จริงๆแค่นี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว โม่งแตกตกงานชิบหอยหมด
>>618 บางบริษัทที่กูเคยอยู่ เมียน้อยเจ้านายเต็มตึกเลย กูแม่งไม่รู้จะยกมือไหว้ใครก่อนดี ใหญ่ทุกคน ชิบหายยย พระเอกเป็นพวกนักธุรกิจโคตรเปิดกว้าง ตั้งแต่บ้างาน ยันบ้าหอย เชิญนักเขียนแสดงฝีมือกันให้เต็มที่ แต่ส่วนมากไม่ค่อยแดกเลขาหรอกนะ คงมีบ้าง แต่เลขาจริงๆส่วนมากคือผู้กุมความลับ และสับราง เผลอๆเมียเจ้านายสกรีนก่อนเริ่มงานด้วยเหอะ แม่งไม่กินกันเองเท่าไหร่ ส่วนกูไม่ใช่เลขา แต่ทำสายอื่นที่ต้องเจอเจ้านายบ่อยๆ
ดันมู้
Ky เพื่อนโม่งสมมติขายebookได้แสนกว่าบาทไม่ยื่นรายได้จะโดนสรรพากรตามมั้ยวะ
แต่ถ้ามีรายได้แค่แสนกว่า แล้วไม่มีรายได้อื่นอีก ก็แค่ยื่นไป ไม่มีอะไรต้องเสีย เพราะรายรับไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี เผลอๆถ้ามีหัก ณ ที่จ่าย จะขอคืนได้ด้วย
>>622 มีใบเสร็จมั้ย? มีแจ้งหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือเปล่า? ถ้าไม่มีหลักฐาน เราไม่แจ้งไป สรรพากรไม่รู้ แต่...ถ้าวันนึงเขาเรียกตรวจสอบ เช่นจากบัญชีที่โอนเงิน เราโดนภาษีย้อนหลัง มีความผิดด้วย มีหลายคนเสี่ยงไม่แจ้ง แต่ก็อยู่อย่างเสียวๆ ว่าสรรพากรจะเรียกตรวจเมื่อไหร่
>>625 รายได้เกินขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษียังไงก็ต้องยื่น คำนวณหักลดหย่อนแล้ว จะได้เสียภาษีหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง
เขียนไม่ออกว่ะมึง เหมือนเขียนแล้วก็จะชะงักตลอดเลย พอมาอ่านทวนก็รู้สึกฝีมือตัวเองดร็อปลงไปมาก มันไม่มีความรู้สึกกระตือรือร้นตอนเขียนเลยว่ะ ตอนนี้กูรู้สึกว่างเปล่าทุกครั้งที่เขียนอะไรซักอย่าง ทั้งกดดันทั้งเกร็ง อาจเพราะเรื่องก่อนที่เคยเขียนดันทำได้ดีจนคนชอบ พอมาตอนนี้เลยเขียนอะไรไม่ออกเลย พอจะเขียนตามใจก็เกิดกังวลสายตาคนอื่นจนมันเกร็งไปหมด
ทรมานชิบหาย อยากเลิกเป็นแบบนี้แล้ว อยากกลับไปเขียนแบบมีความสุขเหมือนเดิม ทำยังไงดีวะ
>>635 ปัญหาเดียวกับกูเลยว่ะ กูแก้โดยการอวตารไปแอพอ่าน แล้วเขียนทุกอย่างที่อยากจะเขียน สนุกมาก หายเครียดเลย ไม่มีใครรู้จัก คือใส่เต็มที่ แล้วก็กลับมาเขียนเรื่องหลักที่ต้องเขียนต่อ มันดีมันโล่งดีน่ะมึง ข้อเสียอย่างเดียวคือคนที่มาอ่านเขาไม่รู้ว่ากูมาระบายเฉยๆ ยอดอ่านก็ดี อันดับก็ดี คึกคักเหี้ยๆ
นิยายสาย age gap เจอกันตอนฝ่ายนึงเป็นเด็กนี่เขียนยังไงไม่ให้ดู pedo วะ
เห็นโม่งด้านบนพูดว่าหัวหน้าส่วนใหญ่ไม่กินเลขา นี้เลยพึ่งไปเจอนิยายเรื่องหนึ่งพระเอกเป็นหัวหน้าจับแดกเลขามาหลายคนจนถึงนางเอก มันก็หนุกดีนะ แต่อ่านพวกมึงแล้วกูก็อินไม่ลงอีกต่อไป555
>>640 เจ้านายไม่ชอบกินเลขา กูว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของผู้ชายคนนั้น ๆ และนิสัยของเลขาคนนั้นมากกว่า
เรื่องเยส มันไม่มีมาตรฐานอะไรว่า หัวหน้าจะไม่จ้องกินเลขา
แต่ส่วนใหญ่เลขาดั้งเดิมของบริษัท
มักจะแก่และไม่เชิญชวนให้กินมากกว่า หัวหน้าถึงไปหาสาวรุ่นกระชุ่มกระชวยในที่ทำงานมากกว่าจะสนใจ
ขอข้อมูลหน่อย ส่วนใหญ่ท่านประธานบริษัทเขาอายุเท่าไหร่หว่า อยากได้แบบไม่มากจนถึงเลขสี่ นำหน้าด้วยเลขสามแต่ลงท้ายด้วยเลขอะไรดี
เอ้อ เห็นเขาบอกเจ้านายชอบกินแคดดี้ เรื่องจริงป่ะ? 555555
>>643 บ.กูประธานอายุ 70 555555+ บ.ชื่อดังอยู่แหละ กูทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาอีกทอด พี่เลขาเขาคือเก่งมากกูทึ่ง รู้ใจเจ้านายยิ่งกว่าเมีย แต่ประธานบ.กูเค้าธรรมมะธรรมโม มีรุ่นลูกเขาแหละ 35+ ที่เจ้าชู้หน่อย แต่แกไม่มองเด็กในบ.หรอกมันคนละชั้นกันเกินไป เจอหน่าดันก็มนห้องประชุมเครียดชิบหายจะมีอารมณ์มาสปาร์คกัตอนไหนวะ555555
พูดถึงพวกเจ้านาย บริษัทที่เคยทำนี่ ประธานคือพ่อแก่มากค่ะ แต่ลูกๆ มาเป็นท่านรอง จะบอกว่าลูกคนหนึ่งสปาร์คกับพนักงานในบริษัทนะเว้ย แบบพนักงานธรรมดาเลย เป็นตำนานนน แต่อีกคน เมียเป็นนางงามวะ แม่งไปนินทาเขาว่าเกย์กัน เปิดตัวเมียมีอึ้งไปทั้งบริษัท
สิ่งที่กูจะสื่อคือ ความรักอะไรก็เกิดขึ้นได้นะเคอะ จะกับเลขาก็ได้ กับพนักงานธรรมดาก็ได้ จริงจริ๊งงง
และพวกบรรยากาศในห้องประชุมนะ ถ้าเจ้านายเข้าด้วย (พี่ๆ ผจก เล่าเราเป็นพนักงานตัวจ๋อยไม่เคยได้ประชุมกะนาย) พวกพี่ๆ บอกได้แต่นั่งเอามือกุมไข่ พูดห่าอะไรก็ผิด55555
แต่ถ้าประชุมกับน้องๆ หรือ ผจก ด้วยกันนี่โคตรบันเทิง ครื้นเครงจนกูแบบ มึงคุยกันเรื่องเครียดนะโว้ย เสียหายหลายล้าน555
เห็นในทวิต เขาว่าควรติดแท็ก bad end ลงหน้านิยาย จะได้เป็น warning ให้คนอ่าน คิดยังไงกันบ้างวะ
กูชอบให้บอกนะว่า BE หรือ HE กูไม่ถือว่าสปอย แต่ถ้าเจาะรายละเอียดนั่นคือใช่
ตลกมาก เรียกร้องให้นข.รับผิดชอบต่อสังคม แต่ตัวเองไม่จัดการความรู้สึกตัวเอง *กุมขมับ*
กูเป็นนักเขียนฟิคว่ะ แค่เขียนฟิคให้ตัวละครที่ชอบได้กันไปวันๆ พล็อตแม่งก็ไม่ค่อยมีอะไร ออกแนวน้ำเน่าละครไทยตบจูบด้วยซ้ำ กูเขียนมาหลายแนวแล้วล่ะ ทั้ง HE BE แต่พออ่านทวิตนึงด่านักเขียนประมาณว่าเกลียดพวกเขียนให้มีการเย็ดกันแบบไม่ยินยอม ผลิตแต่สื่อไม่จรรโลงสังคม เสริมสร้างความกดขี่ทางเพศ จากที่เขียนสนุกๆกูรู้สึกผิดจนจิตตกเขียนอะไรไม่ออกเลยว่ะ พอจะเขียนก็คิดมากเรื่องนี้ ทั้งๆที่กูแค่อยากเขียนอะไรเย็ดๆพอร์นๆแค่นั้นล่ะ แต่กูต้องรับผิดชอบสังคมไปด้วยอีก ยากจังว่ะ
>>659 มึงต้องทำใจล่ะ อันนั้นรสนิยมเขา อย่างตัวกูใครจะเขียนก็ไม่ว่าหรอก กูน่ะไม่อ่าน แล้วก็ไม่เขียนแนวข่มขืนเลย เพราะกูขยะแขยงเรื่องการข่มขืน ขนาดตัวร้ายโดนกูยังเกลียดนิยยเรื่องนั้นปเลย ฟินไม่ลงจริงๆ แล้วอันนี้คือตัวกูไง มึงเปลี่ยนใจเขาหรือใครไม่ได้ มึงก็ต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง อีกอย่างเขาก็บ่นระบายความในใจ มึงจะรับเอามาทำไม
>>658 กูเขียนหลายแนวอะ ทั้งสมยอมและไม่สมยอม กูมองว่าเป็นโมเมนต์หนึ่งที่กูอยากเห็นจากคู่ชิพกูเช่นว่านางเอก/นายเอกของกูขัดขืนไม่สมยอมแล้วจะเป็นไง ให้พระเอกกูเป็นไอ้โรคจิตในฟิคนี้จะเป็นไง แต่ต้นฉบับฮีสุภาพเรียบร้อยน่ารักมากนะเว้ย กูแค่อยากเห็นฮีแสดงด้านมืดออกมาใส่นางเอกเฉยๆ ฟีลเดียวกับอ่านโดจินม็อบไร้หน้ารุมเยตัวเอกจนมายด์เบรกอะ อ่านเอาเงี่ยนอย่างเดียวไม่ต้องคิดเยอะ กูอยากเขียนหลายๆ kink ออกมาสนองนี้ดตัวเองเท่านั้นล่ะ แต่พอโดนด่าว่าเป็นการส่งเสริมความกดขี่ทางเพศกูก็จิตตกเลย
>>661 มันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาอะมึง เพราะบางคนมันแยกแยะชีวิตจริงกับนิยายไม่ได้ โดยเฉพาะเยาวชน ซึ่งแม่งแอบอ่านแน่ๆอะ แล้วนิยายที่เราเขียนอาจไปสร้างมายด์เซตผิดๆให้คนอ่าน ประเทศเราเรื่องจัดหมวดวรรณกรรมตามอายุมันไม่เข้มงวดอะมึง เด็กเข้าถึงโคตรง่าย เข้าร้านหนังสือซื้อนิยาย18+กูก็เห็นขายให้เฉย บางประเทศนี่ไม่ได้เลยนะ มึงจะซื้อหนังสือเรตมึงต้องแสดงบัตรประชาชน พวกนิยายออนไลน์ก็เหมือนกัน กูไม่เข้าใจอะมึงป้องกันด้วยวิธีเด้งหน้าต่างขึ้นมาถามว่าอายุเกิน 18 ปียัง? ฟายเหอะ กันได้มากมั้งแบบนั้น มึงรู้ปะประเทศที่เขาพัฒนาแล้วพวกนิยายหมวดติดเรทมันต้องไม่แสดงสาธารณะ จะเห็นได้เฉพาะบัญชีที่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนแล้ว และมีอายุถึงตามเรทนั้นๆเว้ย แต่กับประเทศเรามันไม่ใช่ไง ดังนั้นเราเป็นนักเขียนถึงควรเป็นส่วนหนึ่งที่ควรช่วยกันรับผิดชอบหน่อย อย่างน้อยก็เริ่มต้นที่งานตัวเราเองเนี่ย อย่าไปส่งเสริมให้คนอ่านเข้าใจอะไรผิดๆแบบนั้น ถือว่าช่วยให้สังคมมันดีขึ้นบ้างสักนิด
คือกูไม่ได้ว่ามึงนะ เพราะถ้าถามว่ามึงเขียนผิดมั้ย ก็ไม่ผิดหรอก สิทธิ์ของมึง แต่มึงต้องรับให้ได้ด้วย ถ้าเขาด่า เพราะการข่มขืน มันเป็นการกระทำที่เหี้ยอะ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน และมันไม่ควรจะถูกหยิบมาใส่ในสื่อต่างๆให้ถูกมองว่ามันเป็นเรื่องปกติและให้อภัยได้อะมึง กูเองก็เป็นนักเขียน เขียนอิโรติกด้วย กูไม่เคยอยากให้เด็กเข้ามาอ่านนิยายกูเลย มีเหตุการณ์ที่ช๊อคมาก คือการที่มีเด็กประถม มาเม้นต์ขอ nc กูอะ กูนี่กุมขมับเลย นึกถึงตอนนั้นกุยังอ่านกาตูนดิสนีย์ นิทานบลาๆอยู่เลย กูนี่อยากจะบล๊อกแม่งให้หมด คือมันยังไม่ถึงวัยอะ แต่กูก็รู้แหละว่าห้ามไม่ได้หรอก ฉะนั้นเวลากูเขียนนิยายกูจะซีเรียสเรื่องพวกนี้มากนะ Sex ไม่ผิด แต่ต้องเป็นเกิดจากความยินยอม และ ความรับผิดชอบ ตัวละครกูถ้าอยู่ในวัยที่ยังไม่พร้อมรับผิดชอบ จะต้องใส่ถุงยาง กูเขียนเน้นทุกครั้ง และที่สำคัญจะต้องไม่มีการข่มขืนเด็ดขาด
>>663 จะว่าแก้ตัวก็ได้นะ เวลาที่กูเขียนแนวข่มขืนไม่สมยอมคือเรื่องสั้นตอนเดียวจบ เขียนเอาฉากเย็ดๆไม่ต้องเท้าความเยอะ กูขี้เกียจคิดเหตุผลในการเย คิดซะว่าอ่านโดจินเย็ดๆ sex fantasy ระบายความเงี่ยนและสันดานดิบตอนเดียวจบไปละกัน แต่ถ้าเขียนเรื่องยาวก็ต้องให้สมยอมทุกครั้งว่ะ เพราะกูก็ไม่อยากให้พระเอกกูเป็นนักข่มขืนแล้วจบแฮปปี้โรแมนติคกับนางเอกเหมือนกัน
>>664 ไม่เกี่ยวกับเรื่องสั้นเรื่องยาวดิ่ ประเด็นมันอยู่ที่สิ่งที่มึงเขียนออกมามันมีคนเสพ ซึ่งมันส่งผลต่อสังคม ซึ่งสังคมในขณะนี้เขารณรงค์เรื่องนี้ไง จีนก็ไปแล้ว ญี่ปุ่นก็เริ่มแล้ว สื่อที่เกี่ยวกับแนวข่มขืนเริ่มถูกทอดจากเว็บแล้วนะ ไทยเองเมื่อก่อนพระเอกโมโหหึงแล้วข่มขืนนางเอกเยอะแยะ เดี๋ยวนี้ก็แทบไม่มีละ คือมันยังไม่100% แต่เขาก็พยายามช่วยๆกันอะ ซึ่งถ้ามึงยืนกรานว่าแม่งคือความสุขของมึงก็แล้วแต่มึงอะ มึงก็มีสิทธิ์เขียน แต่คนอ่านเขาก็มีสิทธิ์วิจารณ์เหมือนกัน แล้วเรื่องข่มขืน คนส่วนใหญ่ก็คงไม่วิจารณ์ว่าดีก็แค่นั้น ทางแก้มีสองทาง เลิกเขียนแนวนี้ กับ เขียนต่อไปแต่ไม่ต้องสนใจคนอื่น เพราะถ้ามึงสนใจมึงก็จะมานั่งเฟลงี้อะ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์เว้ย เพราะมึงรู้อยู่แล้วนี้ว่าทำแล้วมันจะมีคนด่า อย่าลืมว่ามึงเลือกอะไรก็ต้องยอมรับฟีดแบ็กด้วยอะ
กูว่าจะเขียนเหี้ยไรก็เขียนไปเหอะ มัวแต่คิดมากก็ไม่ได้เขียนกันพอดี แต่ก็แปะคำเตือนไว้ก่อนก็ดีว่านิยายเรื่องนี้มีฉาก non consent นี่คือจินตนาการให้อ่านเอาเงี่ยนอย่างเดียวจ้า แค่ sex fantasy เท่านั้น การข่มขืนเป็นการกระทำที่เลวร้ายและผิดกฎหมายห้ามทำตามเป็นอันขาด ส่วนคนอ่านจะแยกแยะจินตนาการกับโลกความจริงได้มั้ยก็แล้วแต่สติปัญญาแล้วล่ะว่ะ ส่วนคนที่เขียนออกมาก็ต้องรับฟีดแบคให้ได้ละกัน ต่อให้นิยายมึงดีส่งเสริมศีลธรรมและความถูกต้องดีงามแค่ไหนก็ไม่มีหรอกที่ทุกคนบนโลกจะชื่นชอบน่ะ
>>651 คนที่ถือว่าสปอยล์มันก็มีไงมึง อีกอย่าง HE หรือ BE มันไม่ใช่คีย์เวิร์ดทริกเกอร์ที่สมควรใส่มากกว่าไง จะไปเจ้ากี้เจ้าการสั่งให้นักเขียนต้องมาใส่มาบอกทุกอย่างตามใจอิคนต้นเรื่องก็ไม่ใช่ปะ หรือถ้านักเขียนไม่ใส่ แล้วมึงไปถาม แล้วเขาไม่ตอบ มึงด่าเขา กรณีนี้ก็ไม่โอเคเหมือนกัน เดี๋ยวนี้นักอ่านเทวดามันเยอะนะ ไม่ได้จ่ายเงินให้เขียน แต่ชี้นิ้วสั่งคนเขียนเป็นเบ้เลยอิเวร
เคยกลัวที่จะขายผลงานของตัวเองกันรึเปล่า ก้าวข้ามความกลัวนั้นกันไปแบบไหน ตอนนี้ปสดมาก วอนผู้รู้แนะนำที
>>668 ทำไมถึงกลัววะ ไม่ค่อยเข้าใจ กลัวขายไม่ดีหรือยังไง กลัวพวกนี้ก็คิดว่าขายแล้วมีแต่ได้มากกับได้น้อย ไม่ขายคือขาดทุนกำไรเพราะจะไม่ได้อะไรเลย ของกูตอน สนพ. พิมพ์ให้ได้ตังค์มาก็เฉยๆ ละ ตอนหลังมาทำเองก็เฉยๆ เพราะแม่งเสียเวลาเขียนมาตั้งนานกูไม่ทิ้งต้นฉบับที่เขียนจบแล้วไว้เฉยๆ หรอกมันไม่ได้เงิน
เราอยากจะลองเขียนนิยายดูอะ คือส่วนใหญ่จะเขียนกันกี่หน้าต่อ1ตอนหรอ แล้วควรเขียนให้ได้หลายๆตอนก่อนมั้ยอะค่อยลง
>>668 ไม่กลัวอะ ถ้ามึงกลัวอะไรจุกจิกมึงเลิกกลัวไปเหอะ ตอนนี้ที่น่ากูกลัวคือนิยายมึงโดนก๊อปไปปล่อยเป็นไฟล์ pdf ให้โหลดฟรีมากกว่า พวกสันดานเหี้ยเนี่ย ทำให้กูล่ะหมดอารมจะเขียน อิพวกเปรตขอส่วนบุญ และที่จะแนะนำคือเวลาลงอย่าลงจบเรื่อง เพราะ อิพวกห่านั้น เดี๋ยวนี้มันไม่ได้ซื้อหนังสือซื้ออีบุ๊คมาก๊อปมาถ่ายเอกสารแจกละนะ แม่งก๊อปจากที่นักเขียนลงในเว็บที่ลงให้อ่านเนี่ย ควายเหอะ ยิ่งพูดยิ่งรมเสีย
นิยายเเปล , นิยายของคนไทย ( ไม่ได้ผ่านการเเปล )
อันไหนจะช่วยในการซึมซับฝีมือได้มากกว่า
มีงานเขียนเเนวเล่าเรื่องให้อ่านมั้ย เเบบว่า ไม่มีบทพูด มีเเต่Povผู้บรรยาย ไม่ก็เเนว Documentary ที่สำนวนดีๆ
เราคือ670นะ แล้วเวลาลงนี่ส่วนใหญ่ลงกันอาทิตย์ละกี่ตอนถึงจะไม่เหนื่อยเกินไป นักอ่านยังตามเรื่อยๆอะ อันนี้ขอถามล่วงหน้าอีกนิด เผื่อถ้าวันไหนนิยายโอเคคนชอบเยอะขึ้นมา ระหว่างลงเว็บติดเหรียญ ทำเป็นอีบุ้ค หรือผ่านสำนักพิมพ์อันไหนรุ่งกว่ากันอ่า
>>668 >>675 ทำใจได้เลย นิยายให้อ่านฟรี ยังมีคนเข้ามาด่า นับประสาอะไรกับลงขาย ของกู นิยายเรื่องเดียวกัน นักอ่านบางคนบอกสนุก คุ้มค่า บางคนบ่นเสียดายเงิน ที่ไม่เม้นท์อะไรแต่โหวตดาวเดียวก็มี
ไม่ต้องกลัวจะลงขายหรอก ยังไงซะ มันก็มีทั้งคนชอบ คนไม่ชอบนั่นแหละ ถ้าลงนิยายในเว็บอยู่แล้ว ลองขายในเว็บนั้นดู / ส่ง meb ขายเป็น ebook ก็ได้
คำแนะนำคือ ก่อนวางขายควรตรวจคำผิดให้ดี (เห็นหลายเรื่องแล้วที่โดนโหวตต่ำเรื่องนี้) สำหรับปกนิยาย ถ้าเป็นปก ebook อย่างเดียว ราคา 1xxx ก็พอโอเคอยู่นะ
การลงอีบุคขายใน MEB มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ มีคนซื้อกันไหม ส่งรีเควสให้MEBเอาหนังสือมาลงเพิ่มได้ป่าว
จัดรูปเล่ม ส่ง Add New Book ในmeb แล้วนั่งรอไม่กี่ชั่วโมงก็น่าจะได้รับอนุมัติแล้ว
... กรณีที่เคยมีผลงานขายมาก่อนนะ
แต่ถ้าหน้าใหม่เพิ่งลงขายครั้งแรก ทาง meb อาจตรวจเช็คนานหน่อย แต่ก็ไม่เกิน 1-2 วัน ก็ผ่าน ถ้าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร
ปกอีบุ๊ค 500 ก็มีนะ ดีด้วย ยิ่งพวกแบบทำสำเร็จมา ก็ไม่ถึง 500 นะ
แต่ถ้าทำเองได้ก็ประหยัด กูว่าปกอีบุ๊ค ทำให้สวยหน่อยก็พอละ ไม่ต้องหรูเท่าเล่ม บางเรื่อง ปกฟ้อนท์อังสนา ยังติดเบสเซลเลอร์เลย มันอยู่ที่ความสนุกของนิยาย
นิยายเส้นเรื่องตรงจะรอดไหม
ห่าเอ๊ยยย นี่กูเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย!! ทำไมพอเขียนไปได้บรรทัดเดียวกูจะต้องกลับมานั่งเกลาประโยคเดิมอยู่ตั้งนานสองนานด้วยวะ เพลียจิตเว้ยยย กูบังคับตัวเองไม่ได้ ถ้ามันไม่โอเคกูจะไม่ยอมไปเขียนบรรทัดต่อไปเลย ชาติไหนจะจบหนึ่งตอนล่ะวะเนี่ย โว๊ะ!!
หมวดรักหวานแหวว กับ ซึ้งกินใจ ในเด็กดี มันต่างกันยังไงอะ ให้ดูที่ระดับความดราม่าเหรอ
โอ๋น้า มึงไม่ได้ป่วยหรอกแค่ฝีมือยังไม่พอเฉยๆ เลยต้องแก้แล้วแก้อีก เก่งมากๆ แล้วก็จะหายเอง สบายใจได้
ใครเคยไปบาร์บ้าง แบบ โซนเครื่องดื่มที่มีบาร์เทนเดอร์คอยชงเหล้าให้อะ อยากรู้ว่าต้องจ่ายเงินยังไง แล้วดูราคาเครื่องดื่มยังไง กูหาข้อมูลไม่ได้เพราะแถวบ้านไม่มีบาร์ แง
>> 697 เขามีเมนูให้ แต่บางคนมาประจำหรือไปเที่ยวบ่อยๆ ก็จะสั่งพวกที่ตัวเองกินบ่อย พวกนี้ก็ไม่ดูเมนูกันหรอก บาร์มันจะมีเครื่องดื่มคล้ายกันแหละ ยกเว้นสูตรจำเพาะของร้าน ส่วนเวลาคิดเงินจะรวมคิดทีเดียว แต่บางร้านก็ให้จ่ายก่อน สั่งทีนึงจ่ายทีนึงงี้ คงกลัวพวกชักดาบหรือแดกจนเมาแล้วพูดกันไม่รู้เรื่อง
เหตุการณ์ในค่ำคืนแสนเศร้าผ่านคำบอกเล่าจากคำพยานของคุณยองวี เตย์ สมาชิกคริสตจักรเราซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่รอดชีวิตมาได้หลังจากติดอยู่ในชั้นLG พร้อมลูกชายวัย11 ขวบ น้องโจเซฟ เตย์
....
"ผมกับลูกต้องหาที่ซ่อน ผู้คนแตกตื่นกันมาก เราอยู่ที่บริเวณ food landชั้นใต้ดิน มันกว้างเกินไป ไม่ค่อยมีที่ปลอดภัยให้ซ่อนเลย เราไปหลบแถวแผนกของสด ผมกอดลูกไว้ น้องโจตัวสั่นไปหมด ผมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราย้ายเข้าไปห้องซึ่งน่าจะเป็นstore...เราพบกับพ่อแม่ลูกครอบครัวนึง ลูกสาวเขายังเล็กมากสัก 2-3ขวบ พวกเราอยู่ด้วยกันประมาณ 10 คน ปิดไฟปิดประตูและพยายามอยู่กันอย่างเงียบที่สุด...ทั้งหวาดกลัว หนาว อึดอัด และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ
....
เวลานั้น..พระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนผมในใจว่า ให้ออกไปจากตรงนี้มันไม่ปลอดภัย และเมื่อชายหนุ่มคนนึงชื่อ ติ๊ก ซึ่งดูแข็งแรงและมีสติชักชวนเราทุกคนหาที่ซ่อนใหม่ เป็นห้องควบคุมไฟที่อยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อย ผมหันไปชวนชายผู้เป็นพ่อ ไปด้วยกันมั้ยครับ? เขาตอบด้วยสีหน้ากังวล"ไม่ล่ะครับ ผมจะอยู่กับภรรยาที่นี่"
....
นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายของเรา
....
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงท่ามกลางความกดดัน เสียงปืนที่ดังในระยะใกล้ประชิดเข้ามา เราอยู่ในห้องมืดแคบๆนั้น7 คน สัญญาณอันตรายใกล้เข้ามาทุกที เราได้ยินเสียงลูกสาวของเขาร้องไห้กรีดร้องเพราะเสียงปืนที่ดังเกิน เธอร้องไม่หยุด แล้ววินาทีแสนโหดร้ายก็เกิดขึ้น เสียงปืนระดมยิงไปที่ประตูหลายนัด ได้ยินเสียงฆาตกรถีบประตูปังเข้ามาในห้องที่พ่อแม่ลูกอยู่นั้น เสียงฝีก้าวของมันห่างจากที่เราอยู่เพียงระยะ2 เมตร!
....
"มานี่!!!!?" เสียงฆาตกรขู่คำราม เสียงเด็กหญิงยังคงกรีดร้องเสียงดังและเสียงพวกเขาค่อยๆห่างออกไป ตามมาด้วยเสียงปืนที่ดังเรื่อยๆเป็นระยะ....กลิ่นเขม่าควันปืนฟุ้งกระจายไปทั่ว ผมเคยได้กลิ่นนั้นนานมาแล้วครั้งที่เคยเป็นทหารรับใช้ชาติที่สิงคโปร์
วินาทีนั้นพวกเราแทบหยุดหายใจ ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทุกคนในห้องนั้นน่าจะพอนึกออก ผมกอดโจเซฟไว้แน่น โจไม่สบายผมกลัวว่าเขาจะส่งเสียงไอ แต่ขอบคุณพระเจ้าทุกคนเงียบกริบแทบกลั้นหายใจ วินาทีเช่นนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ คงยากจะเข้าใจ มันบีบหัวใจเหลือเกิน...
....ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวนี้จริงๆ...
ไม่มีวินาทีไหนที่ผมหยุดอธิษฐานเรียกหาพระเจ้าตลอด 9 ชม.ที่ติดอยู่ในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเราจะมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่ สิ่งที่ผมกลัวเวลานั้นที่สุด คือ ผมกลัวจะไม่ได้เจอหน้าอร(ภรรยา)และเจมส์(ลูกชายคนโต)อีกแล้ว หรือนี่คือเวลาสุดท้ายของชีวิตผม....
....
ติ๊ก ชายหนุ่มในห้องที่พอจะสามารถติดต่อกับเพื่อนภายนอกได้เรื่อยๆ เขามีสติพอที่จะช่วยผมและคนอื่นๆไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินไป ติ๊กบอกพวกเราที่เป็นผู้ชายว่า หากถึงเวลาคับขันผมจะสู้ พวกเราต้องสู้ ผมจะเปิดก่อน คุณและคนอื่นๆต้องช่วยกันจับมันไว้ พอจะถ่วงเวลาให้ผู้หญิงและเด็กหนีได้บ้าง ผมรู้ความหมายทันทีว่า ถ้าเราจะต้องตายครั้งนี้ เราก็จะตายแบบยอมสู้ อย่างน้อยลูกชายผมต้องรอด...
....
ในที่สุดเวลาประมาณตี 3 ความช่วยเหลือก็มาถึงเรา..เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษหลายสิบนายเข้าถึงตัวเรา พวกเขาให้สัญญาณยิงเปิดทางสามครั้ง เมื่อสิ้นเสียงปืนครั้งที่3 พวกเขาบอกให้วิ่งไปกับเขาทันที....ผมพลัดหลงกับลูกชายในจังหวะช่วงชุลมุน ผมร้องขอเจ้าหน้าที่ หาลูกผมๆ พวกเขาพยายามให้ผมใจเย็นและให้ความมั่นใจว่า ลูกชายผมอยู่ในมือตำรวจปลอดภัยแล้ว...ผมได้พบหน้าลูกชายและภรรยาอีกครั้งที่รพ.มหาราช เจ้าหน้าที่ประสานให้เราให้เจอกัน เมื่อพร้อมหน้าเราโอบกอดกันด้วยความขอบคุณพระเจ้า
.....
ผมเจอติ๊กครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลมหาราช เรากล่าวลาและแยกย้ายไปหาครอบครัวอย่างสวัสดิภาพ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมิตรภาพอันแสนสั้นที่มีความหมายไปตลอดชีวิต...
....
ผมขอบคุณพระเจ้า คืนนั้นผมกับลูกคงจากไปพร้อมกับครอบครัวพ่อแม่ลูกนั้นแล้ว แต่พระเจ้าเมตตาผมกับลูกชายเหลือเกิน พระหัตถ์ของพระองค์ปกป้องคุ้มครองเราไว้ ทรงปิดตามัจจุราชและผ่านเลยเราไป ผมเชื่อในคำอธิษฐานและการปกป้องผ่านคำอธิษฐานเผื่อของพี่น้องคริสเตียนมากมาย..
...
ติ๊กถามผมว่า ถ้าเรารอดไปได้ ผมจะไปทำบุญ พี่ไปกับผมมั้ยครับ ผมตอบเขาอย่างมั่นใจ ไม่ล่ะครับ ผมเป็นคริสเตียน พรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมจะไปโบสถ์ ผมจะไปนมัสการพระเจ้าของผม และขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยผมและลูกผ่านเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้"
....
ขอบคุณพระเจ้า
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแด่ครอบครัวนี้ และทุกครอบครัวที่สูญเสียในครั้งนี้
#เหตุการณ์กราดยิง8กุมภาพันธ์2020
โอเมก้าเวิร์ส NL นี่ปกติไหม
ถ้าในนิยายมีแากพูดถึงความรุนแรง ข่มเหงหรือข่มขืน แบบไม่ได้เจาะรายละเอียดลงลึก ไม่ได้บรรยายชัด นักเขียนต้องติดwarningปะวะ
เพื่อนโม่ง กูอยากลองเขียนนิยายสักเรื่อง แต่กูไม่เคยเขียนมาก่อนเลย ที่กูเคยเขียนอะไรเป็นจริงเป็นจังมีแต่ essay ส่งอาจารย์อะ
กูเลยลองบรรยายฉากๆนึงในหัวกูออกมาเล่นๆ คือกูยังไม่ได้คิดพล็อต คิดชื่อคิดห่าอะไรเป็นจริงเป็นจังนะ แค่ลองบรรยายดู
นี่เป็นครั้งแรกของกูเลยนะ แต่กูไม่รู้ว่าโอเคมั้ย อยากให้เพื่อนโม่งช่วยอ่านแล้วแนะนำกูหน่อย
ปกติเค้าคุยกันห้องไหนวะ ห้องนี้ป่ะ กูเป็นโม่งใหม่
ยาวเกินต้องแบ่งตอบ
ชายหนุ่มค่อยๆกดริมฝีปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากของหญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
ไฟปราถนาค่อยๆประทุขึ้นทีละนิด.. ทีละนิด จนในที่สุดก็ลุกโชน ดุจแสงตะเกียงยามคืนที่มืดสนิท
จากที่ตั้งใจจะทำเพียงแค่แตะลงไปบนริมฝีปากเบาๆ ก็กลายเป็นจูบที่ดูดดื่มลึกซึ้ง
เมื่อหญิงสาวเผยอริมฝีปากอ้าออก ลิ้นของเค้าก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปควานหาความชุ่มช่ำจากโพรงปากน้อยๆ
มือของคเชนทร์เริ่มขยับอย่างอยู่ไม่สุก มือนึงอ้อมไปประคองศรีษะของเธอเอาไว้ ส่วนอีกข้าง... กำลังบีบเคล้นหน้าอกคู่งามอย่างเอาแต่ใจ
หญิงสาวส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆ เมื่อมือที่ประคองศรีษะของเธออยู่ เลื่อนสอดเข้าไปในเสื้อ
และจัดการปลดตะขอบราเซียของเธออย่างชำนิชำนาญ
คเชนทร์รู้สึกว่าแกนกลางลำตัวของเขากำลังร้อนเป็นไฟ เขาถอนจูบออกมาอย่างยากเย็น
และดันตัวเธอให้นั่งพิงกับโซฟา พลางถลกเสื้อของเธอขึ้น
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ พยายามยกแขนขึ้นมาปิดบังร่างกายตัวเองเป็นพัลวัน
ขณะที่ปากก็พูดเสียงตะกุกตะกัก "จะ.. จูบ จูบ อย่างเดียวก็พอ ละ..แล้วพี่เคน"
เมื่อตะขอบราเซียถูกปลดออกไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ดึงบราเซียออกมา
และนั้นจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา... อย่างแน่นอน ….. แต่เธอยังไม่พร้อม
แน่นอนว่าเขารู้วิธีที่จะทำให้เธอโอนอ่อนผ่อนตาม เธอไม่ได้รังเกียจเค้า ข้อนี้สำคัญที่สุด
แล้วยังเป็นเด็กสาวที่โดนจูบไปเพียงนิดเดียวก็อ่อนระทวย พลางป้องกันตัวอย่างขัดเขินแบบนั้น
เค้าพาเธอไปถึงจุดนั้นได้ แต่..มันไม่ควรเป็นแบบนั้น
คเชนทร์รู้ดีว่าการขยับตัวไปตามหัวใจ หรือขยับตัวทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แบบไหนง่ายกว่ากัน แต่เขาก็เลือกทำในสิ่งที่ยากกว่า
"แค่นี้ก็พอแล้ว" เขากระซิบบอกเธอที่กำลังหน้าแดงก่ำ พลางเอื้อมมือไปใส่ตะขอบราเซียกลับคืนให้
แน่นอนว่าแค่นี้มันไม่พออยู่แล้ว แต่เขาจำใจต้องบอกเธอไปแบบนั้น "นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆอย่างพีชยังไม่ถึงเวลา"
คเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ก่อนจะผละออกไปนั่งข้างๆ พลางเป่าลมออกจากปากเพื่อพยายามดับความกระหายที่คุกกรุ่น
"เอ๊ะ! นี่พี่เคน แกล้งพีชเหรอ" หญิงสาวโพล่งออกมาด้วยความหัวเสียเล็กๆ ด้วยเข้าใจว่าชายหนุ่มแกล้งตนจริงๆ
คเชนทร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว ที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าตนต้องพยายามควบคุมตัวเองแค่ไหน
"ทำไม เสียดายเหรอเรา"
"บ้า ใครบอกเสียดาย ตกใจต่างหาก ไม่คิดว่าจะไปไกลขะ..ขนาดนั้น" เธอตอบกลับด้วยท่าทีประหม่าเล็กๆ นั่นยิ่งกระตุกหัวใจของชายหนุ่มให้ร้อนระอุยิ่งกว่าเดิม
"พี่เคน แกล้งพีชสนุกมากมั้ย"
"ก็นิดนึง" ชายหนุ่มตอบอย่างติดตลก พลางเอื้อมมือไปบิดจมูกของหญิงสาวเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
"พี่ไม่ทำหรอก… ยังไม่ใช่….ตอนนี้" เขาจงใจเว้นระยะห่างคำพูดให้ฟังดูสองแง่สองง่าม พลางจ้องมองใบหน้าเธอด้วยแววตาพราวระยิบ ก่อนจะก้มหน้าลงไปจุ๊บเธอเบาๆอีกครั้ง อย่างอดใจไม่ไหว
"พี่ว่า ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่พีชจะเป็นห่วงนะคะ"
"แต่ว่าพีช ยังอยากอยู่กับพี่เคนต่อนี่นา"
"ให้พีชอยู่ต่ออีกนิดนะ ถือว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เราคบกันเลยนะ น้าาา นะคะ ให้พีชอยู่ต่ออีกแปปนึงนะ
พีชแค่อยากอยู่กับพี่เคนให้นานกว่านี้อีกนิด พี่เคนนั่งทำงานไปก็ได้ เดี๋ยวพีชนั่งดูเฉยๆ อ้อ!! ให้จูบเพิ่มอีกทีด้วย แต่แค่จูบเท่านั้นนะ"
หญิงสาวทำน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กๆเวลาขอของเล่นจากผู้ใหญ่ พลางเกี่ยวแขนชายหนุ่มไว้อย่างพยายามเอาใจ โดยหารู้ไม่ว่า ท่าทีออดอ้อนของเธอ กอปรกับแขนของชายหนุ่มที่หญิงสาวเกี่ยวเอาไว้ ได้เสียดสีไปมากับหน้าอกของเธอ ซึ่งมันกำลังจะปลุกไฟปรารถนา ที่เขาเพิ่งจะดับมันลงไปเมื่อกี้อย่างยากเย็นขึ้นมาอีกครั้ง
"แบบนี้ไม่ดีแน่" ชายหนุ่มพึมพำเบาๆกับตัวเอง แต่ทว่าหญิงสาวกลับได้ยินอย่างชัดแจ๋ว
"อะไรไม่ดี เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่นา.. พี่เคนก็บอกแล้วนี่ว่าจะไม่ทำอะไร ให้พีชอยู่ต่ออีกนิดนะ …. น้าาา สัญญาว่าจะไม่กวน"
"แต่นี่มันใกล้เที่ยงคืนแล้วนะครับ" คเชนทร์พูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
"พรุ่งนี้พีชมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ ไหนบอกอาจารย์คนนี้โหดไง ต้องเข้าคลาสตลอดด้วย แล้วจะตื่นไหวเหรอ "
"แต่ว่า …." พีชญาพยายามคิดหาข้ออ้างมาโต้แย้ง แต่ก็ถูกขัดคอไว้ซะก่อน
"หรือพีชคิดจะโดดเรียน? … พี่จะได้โทรบอกพ่อพีชดักไว้ก่อนเลย" ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะออกมา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่กับเธอ ไม่มีอะไรในตอนนี้ ที่เขาต้องการมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่คเชนทร์รู้ดีว่าขืนให้เธออยู่แบบนี้ต่อไป มันจะไม่จบแค่จูบแน่ เธอน่ะ...พอใจที่ได้จูบ และพอใจแค่นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเด็กวัยแรกรุ่น ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรัก และจบที่จูบกัน แค่นั้นก็สุขจนล้นแล้ว ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับผู้ใหญ่ แค่จูบอย่างเดียวมันไม่พอ และเขาก็เกลียดตัวเองตอนนี้ ที่ต้องมารับบทผู้ใหญ่เข้าใจเด็ก
ทั้งๆที่ตัวเองไม่บริสุทธิ์ใจเลยสักนิด ให้ตายเถอะ
"พี่เคน ทำไมดูอยากให้พีชรีบกลับจัง มีอะไรป่ะเนี่ย … หรือว่าา…พี่เคนรำคาญพีชเลยไม่อยากให้อยู่ หรือว่าจริงๆแล้วนัดใครไว้อีก?"
"พีช !! " ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อหญิงสาวอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าเธอจะคิดไปได้ไกลขนาดนั้น
"คิดไปไหนแล้วเรา พี่ไม่ได้รำคาญ ตรงกันข้ามเลยต่างหาก แล้วก็ไม่ได้นัดใครด้วย"
"พีช" ชายหนุ่มเอ่ยอย่างทอดถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง
"พี่รับปากกับคุณพ่อคุณแม่พีชไว้ว่าจะพาเรากลับไปส่งที่บ้าน แล้วนี่มันก็ดึกแล้ว
พรุ่งนี้พีชก็มีเรียนเช้า ถ้าพีชกลับบ้านช้าจนตื่นไปเรียนไม่ไหว นั้นมันไม่ดีกับตัวพีชเลยนะ
แล้วคุณพ่อคุณแม่พีชจะมองพี่เป็นคนยังไง แล้วอีกอย่างพี่ก็กลัวขับรถไม่ไหวถ้าจะดึกกว่านี้ "
เหตุผลพวกนั้นน่ะ ก็ส่วนนึง แต่ให้ตายยังไงเค้าก็ไม่กล้าบอกเหตุผลที่สำคัญที่สุดออกมา
จะให้อธิบายความดำมืดในใจนี้ยังไง 'พีชพี่กลัวอดใจไม่ไหว' เหรอ? เธอจะมองฉันยังไงละทีนี้
ถูกมองเป็น 'ไอ้หื่น' ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน คงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง…
นระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจมอยู่กับความคิด หญิงสาวก็โพล่งออกมา "ก็ได้ พีชกลับก็ได้" โดยแฝงแววประชดชันเล็กๆเอาไว้ในน้ำเสียง
และเหมือนชายหนุ่มก็พอจะจับความนัยที่แฝงมาในน้ำเสียงแบบนั้นได้
"พีช ไม่ทะเลาะกันนะ คบกันวันแรกก็ทะเลาะกันเลย มันฤกษ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะพี่ว่า"
เอออ ประมาณนี้แหละ จัดเต็มมาเลยเพื่อนโม่ง มุมมอง การใช้คำ เวิ่นเว้อ อะไรยังไง
กูไม่รู้จะไปปรึกษาใครรรร
เรื่องภาษากูขอแตะนิดเดียวพอนะ ไปศึกษาเอา เรื่องจุดไข่ปลา ... เรื่องการเว้นวรรค เครื่องหมาย ! เครื่องหมาย ? พวกภาษาพูดภาษาเขียน การใช้พวก าาา กับคำผิดนิดหน่อย พวกนี้เขียนไปปรับไป
เข้าใจว่าเวลาเขียนเรื่องแรกๆ เราอยากให้จังหวะคำ จังหวะการออกเสียงตัวละครในนิยายตรงกับจินตนาการตัวเองเลยใช้ ... ผสมกับการเว้นวรรค บางคนก็คงจะบ่นๆ มึงบ้าง แต่กูขี้เกียจพิมพ์ สำหรับคนเริ่มต้นกูคิดว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ เอาไว้มึงรู้แล้วค่อยปรับอีกที
สำหรับแนวที่มึงเขียนมานั้น กูไม่สันทัดเท่าไหร่ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องทำนองนี้แต่ก็พอบอกได้ว่ามึงสมควรอ่านอะไรแบบนี้มาพอสมควร อ่านแล้วก็ลื่นไหลดีเหมือนคนมีความหื่นในหัวใจถึงตัวละครหญิงจะพยายามดูใสๆ แต่ที่จริงแล้วนางก็แอบหื่นนั่นแหละ มันไม่มีหรอกเอาหน้าอกไปถูแขนเขาแล้วไม่ได้คิดอะไร ส่วนผู้ชายทำท่าหื่นแต่ป๊อด เธอยังไม่พร้อม ไม่พร้อมพ่อง! มึงอย่าหลอกตัวเอง ที่จริงแล้วมึงมันปอดแหก
นี่แหละมุมมองกู มึงไปสายนี้ได้ต่อให้มึงไม่ได้เขียนมามากแต่จินตนาการการเรียบเรียงเรื่องราวกูอ่านแล้วไม่งง ไม่ได้ดูเวิ่นเว้อมาก คลังคำในหัวมึงก็ดูพอใช้ได้ ปรับเรื่องการเขียนที่มึงไม่เคยรู้หรือเคยเรียนแต่คืนอาจารย์ไปหมดแล้วมึงน่าจะอยู่ระดับกลางๆ ไปดีของคนเริ่มเขียนใหม่ๆ แล้ว
ถ้ามึงมีวัตถุประสงค์ในการแต่งนิยายก็บอกมาก่อน กูจะดูทิศทางให้ว่าน่าจะให้ความสนใจเรื่องไหน เช่นอยากให้คนอ่านเยอะ อยากขายดี อยากให้กลายเป็นละคร หรือแค่อยากเขียนเฉยๆ
>>708 กูไม่ได้ตั้งใจจะเขียนสายนี้หรอก จริงๆกูมีเรื่องที่กูตั้งใจจะเขียนจริงๆ แบบวางพล็อตไว้ 2 ปีแล้ว ทั้งหาข้อมูลด้วยอะไรด้วย
ปัญหาคือพล็อตเรื่องที่กูตั้งใจเขียนมันมหากาพย์ แต่กูรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีปัญญาเขียนได้ขนาดนั้น
เลยอยากฝึกฝีมือ เริ่มจากเรื่องง่ายๆ รักทั่วไป พล็อตเบาๆก่อน ระหว่างที่กูหาข้อมูลและวางพล็อตให้สมบรูณ์
ประมาณนั้นแหละ เพื่อนโม่ง คือกูนี่แบบ 0 เลย เมิงอยากยัดไรใส่หัวกูจัดมาเลย
ส่วนเรื่องอยากขายดี เออกูก็อยากได้ตังค์มาจ่ายค่าเน็ตกูด้วย
ทำไมกูขำที่มึงด่าพระเอกกู 5555555555 เออ แม่งก็จริงที่มึงพูด ขอบใจมาก สำหรับคำชี้แนะ
กูว่านะ การวางพลอตแน่นๆ นี่มันกับดักนักเขียนใหม่ หลายๆ คนอยากเขียนอะไรที่มันอลังการแต่พอเริ่มจริงเขียนออกมาไม่ได้ คนทำได้มันก็มีแหละแต่คนพวกนั้นจะไม่ถามใครทั้งนั้นอะ เขาเขียนของเขาเลย ส่วนที่พวกที่เล็งแล้วเล็งอีกกูเห็นลากยาวมาเยอะ กูเห็นด้วยนะถ้ามึงยังคิดว่าไม่ไหวกูแนะนำให้เก็บพลอตนั้นไว้ก่อนมึงไปเขียนอะไรที่ง่ายขึ้นสักหน่อยให้จบถือว่าซ้อมมือก่อนค่อยมาเริ่มงานใหญ่ทีหลัง
แต่ส่วนใหญ่เลยที่พวกเริ่มเขียนใหม่มองข้ามนี่ก็พวกการเล่าเรื่องให้มันน่าสนใจอะ การเล่าเรื่องคืออะไรที่คนอ่านเห็นเป็นสิ่งแรก เรื่องพลอตนั้นคนอ่านจะรู้ทีหลังและจะรู้ก็ต่อเมื่อมึงเล่าเรื่องดึงเขาไว้ได้แล้ว ต่อให้พลอตมึงจะสุดยอด วะ วะ ว้าว ยังไงแต่ถ้าคนไม่อ่านก็คือจบ การจะดึงคนอ่านไว้มันก็ขึ้นอยู่กับการเล่าเรื่องของมึง มึงไปดูที่กูเขียนใน >>708 ก็ได้ ทำไมมึงขำตรงช่วงนั้น ก็นั่นแหละ กูว่ากูเขียนขำกว่านี้ได้นะแต่มันจะด่าพระเอกมึงหยาบคายเกินไป
เรื่องนี้มันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาก อย่าไปคิดว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ อ่านแล้วว้าวก็พอ ถ้ามึงไม่เข้าใจกูจะตั้งเกณฑ์ให้ 1 อ่านแล้วรู้สึกว่ามันก็ดีนะ แปลว่า งานมึงยังไม่ดี กับ 2 อ่านแล้วว้าว กูเขียนสนุกดีนี่นา ถ้าไม่หลอกตัวเองหรือมีรสนิยมที่แตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ ก็โอเคแบบนั้นน่าจะผ่าน
ส่วนเรื่องการเขียนยังไงให้ขายดี มึงต้องเขียนว้าวมากๆ ตั้งแต่บทแรกไปถึงสักสิบยี่สิบบทแล้วแต่ความยาวของตอนที่มึงเขียน ถ้ามึงหน้าใหม่นะ มึงอย่าไปปูพื้นเล่าเป็นประวัติศาสตร์แบบสตาร์วอร์ก่อนแล้วค่อยเข้าเรื่องแบบเนิบๆ สมัยนี้ไม่ทันกินแล้ว สิ่งสำคัญคือทำให้คนอ่านสนุก ถ้ามึงรู้สึกว่าตัวเองอ่านนิยายอย่างคนอ่านทั่วๆ ไป มึงจะเข้าใจไอ้คำว่าสนุกนี่มันเป็นยังไง ถ้ามึงไปวิเคราะห์วิจัยมากบางทีมึงจะค่อยๆ ห่างจากความเข้าใจไปไกลแทน
สุดท้าย ถ้ามึงเขียนนิยายอย่างข้างบน มันจะอยู่ระดับก็ดีที่แปลว่าไม่ได้ดีพอจะขายได้หรือขายออก ถ้าอยากให้ขายได้ก็ต้องกระตุ้นอารมณ์คนอ่านให้มากกว่านี้ ไม่ได้หมายถึงว่าให้คนอ่านหื่นอย่างเดียวนะ อารมณ์อื่นๆ อยากรู้อยากเห็น สนุกสนาน กรีดร้อง หรือเหี้ยอะไรก็ตามที่ไม่ใช่อ่านแล้วจิตใจสงบไร้ระลอกคลื่น
>>170 เห็นด้วยกับมึง นักเขียนใหม่มักจะกังวลเรื่องพล็อตไม่แปลก ไม่อลัง แต่เอาเข้าจริงงานจะขายได้หรือไม่ ดังหรือเปล่า อยู่ที่สนุกโดนใจคนอ่านมั้ย สังเกตดูชาร์ตขายดีไม่ว่าจะเป็นนายอินทร์หรือใน meb พล็อตก็ไม่ได้อลังการอะไรหรอก แต่เขาเล่าเรื่องมีชวนอ่าน ตัวละครมีเสน่ห์ ดำเนินเรื่องน่าติดตาม มันมีเยอะนะที่บางเรื่องพล็อตดี ภาษาดี แต่ทำไมอ่านแล้วไม่สนุก ไม่รู้จะติตรงไหน รู้แค่ไม่สนุก แต่บางเรื่องพล็อตหลวม ความสมจริงหลุดๆ ก็มี แต่สนุกชิบหาย
>>710 โอเคโม่ง กูไปอ่านวิธีการใช้ ... "" าาา มาแล้ว ขอบใจมาก แล้วกูก็พอจะมีหลักให้ยึดเกาะจากคำแนะนำของมึงแล้ว
วันนี้กูไปนั่งดำงานของคนอื่นมา ตาม meb สุ่มๆกดซื้อมาอ่าน 4-5 เรื่อง แนวๆเดียวกัน ปกติกูอ่านแต่ในฐานะของนักอ่าน พอลองอ่านในฐานะของคนอยากเขียน กูพอจะเข้าใจคำว่า 'อ่านแล้วจิตใจสงบไร้ระลอกคลื่น' 'อ่านแล้วสนุกน่าติดตาม' ที่มึงว่าละ เออ กราบร่องนมงามๆจริงๆ
กูกะจะยังไม่ขายตอนนี้หรอก ว่าจะลองเขียนพวกพล็อตเบาๆนี่ให้จบสักเรื่องก่อน ค่อยๆเหลาสกิลไป
ไม่เขียน แม่งก็ไม่ได้สกิล
ปกติกูอ่านแต่งานของนักเขียนตะวันตก แถมอ่าน Eng อีก แถมแม่งอ่านอยู่แค่แนว แฟนตาซี แคบชิหายเลยกู
พวกมึงมีงานแนวรักโรแมนติคของนักเขียนไทยฝีมือดีๆแนะนำให้กูบ้างมั้ยวะ
>>711 เออ กูนึกคำนี้ตั้งนานนึกไม่ออก คำว่าเขียนแล้วชวนอ่านนี่แหละ กูว่าสิ่งนี้กับคำว่าพลอตดีภาษาดีนี่แทบจะคนละเรื่องกันเลยแต่คนเขียนหลายๆ คนคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกันแล้วมาสงสัยว่างานเราก็ดีภาษาดีทำไมไม่มีคนอ่าน คือมันขาดเสน่ห์ ไม่น่าติดตาม อย่างเรื่องที่พลอตดีภาษาดีที่มึงว่าไม่รู้จะติตรงไหนก็ตรงที่มึงเขียนถัดมานั่นแหละคือไม่สนุกสำหรับคนอ่าน แล้วคำนี้มันเป็นตัวตัดสินเลยว่าคนจะตามหรือไม่ตามต่อ ตามเกณฑ์ข้อ 1 กูแหละ อ่านแล้วมันก็ดี แปลว่างานยังไม่ดี แค่ไม่ได้ชวนยี้ จะคาดหวังให้ขายดีด้วยงานทำนองนี้เป็นเรื่องยาก
>>712 กูถามมึงหน่อยว่ามึงเข้าใจคำว่าโรแมนติกของไทยเป็นยังไง คือถ้ามีคนพูดถึงนิยายโรแมนซ์ของไทยนี่อาจจะหมายถึงนิยายที่เน้นซั่มกัน 18+ 25+ 40+ มันจะแนวหนึ่ง แต่ถ้าโรแมนติกแบบชวนฝันก็จะอีกแนวหนึ่ง ยังไงกูว่าอาจนิยายใหม่ๆ ตามยุคสมัยให้มากกว่านิยายชั้นครูน่าจะดีกว่า นิยายชั้นครูช่วยขัดเกลาภาษามึงได้ แต่อิทธิพลของงานอาจจะทำให้มึงเขียนออกมาไม่ตรงกับกระแสความนิยมของนักอ่านรุ่นหลังๆ ถ้าคิดถึงเรื่องขายด้วยให้ทิศทางความสนุกถูกใจคนรุ่นใหม่กับกลางเก่ากลางใหม่แบบอายุ 20-50 ดีกว่า กลุ่ม 20 กลางๆ ปลายๆ ขึ้นไปเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อไปจนถึงกลุ่ม 40 กว่าๆ กลุ่มนี้โตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยน การทำตลาดช่องทางออนไลน์ทำได้ง่ายกว่า ส่วนนิยายมึงลองไปถามห้องตู้นิยายไทยดูแบบนิยาย 10 ปีนี้ที่ต้องลองอ่านอาจจะได้คำแนะนำหลายเรื่อง
ส่วนรสนิยมมึงนี่กูคิดว่าอาจเป็นอุปสรรคหน่อยนะ ไม่ได้ว่ารสนิยมมึงว่าไม่ดีแต่ความรู้สึกกูคือตอนนี้แฟนตาซีตะวันตกหลังยุคแฮรี่กับแนวดิสโทเปียที่มีหนังโรงพวกม็อกกิ้งเจย์ถัดจากนั้นกูมีความรู้สึกว่างานแนวนี้ไม่ใช่แนวที่ขายดีในไทย วิธีเขียนที่มีอิทธิพลจากการบรรยายแบบนิยายตะวันตกคนอ่านอาจจะไม่อินและขายลำบาก เรื่องนี้กูอาจจะผิดก็ได้ตอบด้วยความรู้สึกล้วนๆ แต่อ่านที่มึงลองเขียนมาก็ดูไม่ได้รับอิทธิพลทางนั้นมาเท่าไหร่
Ky เพื่อนโม่ง กูอยากลองแต่งแนวจีนพีเรียดอยากรู้ว่าชื่อตัวละครสามารถหาจากไหนได้บ้าง หรือมีหนังสือขายมั้ย กูคิดชื่อจีนไม่ค่อยออกไม่รู้ความหมายด้วยอ่ะ ปกติพวกมึงหาชื่อมาแต่งนิยายจากไหน ช่วยบอกบุญกูหน่อย 🙏🏻
ต้นฉบับเป็นตัวเอียง เวลาทำ epub ของเมพ มันจะเอียงก้วยป่ะวะ
' กับ " ใช้ยังงัย
มีใครมี Character Sheet บริจาคบ้างไหมวะ ไม่เกี่ยงเรื่องสั้นยาวกราบล่วงหน้า
ถามหน่อยได้มั้ย เราอยากลองแต่งนิยายลงเด็กดี แต่ก็อยากหารายได้เสริมด้วยอะ เราควรทำยังไงดี แต่งให้จบแล้วค่อยปิดตอนขายเป็นเหรียญหรือลงอีบุ้คตามเว็บใหญ่ๆอะ แล้วถ้าอยากให้นิยายมีคนอ่านเยอะๆควรลงหลายๆเว็บมั้ยอะ พวกธัญวลัย จอยลดา รี้ดอะไร้ ไรงี้
นิยายแปลนี่ถ้าเขาซื้อลิขสิทธิ์ขึ้นมาคือเราต้องปิดทันทีใช่มั้ยแม้ว่าจะขออนุญาติจากเจ้าของเรื่องแล้ว คือไม่คุ้มที่จะแปลถ้าเราจะหารายได้เสริมจากตรงนี้ด้วย?
>>725 ขออนุญาตแปลที่เข้าใจคือฟรี ให้นิยายต้นฉบับของเขารู้จักเป็นวงกว้างแต่เจ้าของอาจไม่อนุญาตก็ได้แต่ถ้าจะเอานิยายเขามาหาเงินอันนี้ต้องแจ้งเจ้าของและจ่ายค่าขออนุญาตด้วย ถ้าขอและได้จ่ายค่าขอลิขสิทธิ์แบบลง ebook หรือลงแพลตฟอร์มเว็บไซด์ต่างๆ แล้ว ส่วนนี้แยกกับส่วนตัวเล่ม ถ้ามีเจ้าอื่นขอแบบตัวเล่มไปก็ไม่ต้องปิด อย่างไรก็ตามอย่าขโมยมาแปลหาเงินดื้อๆ ก็พอ
>>724 หลักๆ ถ้าทำเองก็สองทางคือแบบเล่มกับ ebook แบบเล่มเปิดจองเอง ทำเอง ส่งเองหรือส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้วเขาตีพิมพ์ให้ แบบ ebook ก็มีเจ้าหลักๆ ก็เม็บ แพลตฟอร์มที่คล้ายกันก็ของเด็กดี รี้ดอะไรต์ ธัญ จอย กูไม่เคยลงนะ เว็บพวกนี้ส่วนแบ่งไม่เท่ากันไปดูเอาเอง
อยากให้คนอ่านเยอะๆ ลงหลายๆ เว็บเป็นทางหนึ่งแต่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหรอก จริงๆ ถ้างานมึงสนุกมาก ลงต่อเนื่อง สะสมฐานแฟนไปเรื่อยคนอ่านก็จะเยอะเอง ถ้าไม่ไปเขียนแนวเฉพาะทางมากๆ อ่านยากๆ กลุ่มคนอ่านน้อย ลงเท่าไหร่คนก็ไม่ค่อยอ่าน หากไม่ใช่งานเฉพาะกลุ่มก็คืองานมึงยังไม่ได้ดี ไม่ได้สนุกพออะนะ ถ้างานดีพอมึงลงกี่เว็บคนก็เยอะ(ที่ไม่ใช่เว็บแนวเฉพาะทาง) จะหารายได้ก็ต้องปรับปรุง
สุดท้าย จากประสบการณ์ตัวเองและคนอื่นๆ ลงจบแล้วค่อยเปิดขายยอดตกแน่นอน มึงจะแต่งไปลงไปก็ได้แต่ต้องขายก่อนลงจบ
เวลายื่นภาษีจาก meb ต้องยื่นหมวดไหน แล้วแบบ ต้องบวกรายได้ทุกเดือนเองใช่ปะ
ตื่นเต้นอ่ะ วันที่ 23 นี้ จะได้เจอสาวที่คุยผ่านเฟสมา1เดือน น่าจะได้เย็ดกัน ตื่นเต้น ต้องเตรียมตัวยังไงดี กับการนัดเย็ดครั้งแรกวะ ผู้หญิงซิงด้วย แต่กูหยั่งเชิงด้วยคำพูดหลายๆรอบแล้ว ดูจะมีใจและยอมเรื่องพวกนี้อยู่ คิดว่าไม่น่าพลาด
กูควรทำตัว วางตัวยังไงวะ เตรียมตัวยังไงดี นี่กูโกนหมอยรอแล้วนะ อยากให้ควยเนียนๆ
เวลากลัวผลงานเก่าของตัวเอง ต้องทำยังไง มันเป็นความกดดันที่อยากจะเขียนให้ดีขึ้น แต่กำแพงของงานเก่า ยิ่งทำให้กดดัน เลยเอาแต่เก็บรายละเอียดจนงานไม่คืบไปทางไหน เหมือนจะดีแต่กลายเป็นบ่วงรัดถ่วงแข็งถ่วงขา ไม่กล้าที่จะเขียนอะไร กลายเป็นปิดกั้นจินตนาการกันไป เพราะคำว่าต้องสมจริง งานต้องดีขึ้น ความสมเหตุสมผลต้องมา(ไม่ชอบเทียบกับงานคนอื่น เทียบแต่กับของตัวเอง ทำไมมันดูดร็อปลงเรื่อยๆ ในแง่ของความสนุก)
>>739 กว่าจะมาถึงตรงนี้ มันไม่ง่ายนะมึง กูเนี่ยเขียนงานไม่ได้มาครึ่งปีอะ จริงๆ จะเรียกว่าเขียนไม่ได้ก็ไม่ถูกนัก คือแบบเขียน เขียนแล้วแก้ เขียนแล้วแก้อยู่นั่นแหละ พล็อตก็แก้สี่ห้าครั้งสุดท้ายไม่ถูกใจก็ดอง แล้วไปเขียนเรื่องใหม่ก็เป็นเหมือนเดิม จนเมื่อเร็วๆ นี้กูกลับไปอ่านงานเก่าของตัวเอง แล้วความรู้สึกตอนที่เขียนเรื่องนั้นมันก็กลับมา เอ่อตอนนั้นก็มีความสุขดีนี่หว่า ถึงแม้เรื่องมันไม่ได้ดีมากมายแต่มันก็มีความสุข
ก็เคยคิดว่าอยากจะกลับไปเขียนให้มีความสุขแบบนั้น ก็เลยปลงอ่ะมึง
แต่ไม่ใช่จะไม่พัฒนาตัวเองนะ กูก็พยายามอ่านงานให้มากขึ้น หลากหลายขึ้น กูเชื่อว่าถ้าเราเขียนไปเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ มันต้องดีขึ้นแต่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา จะให้ได้อย่างใจเราตอนนี้คงทำไม่ได้ สู้ๆ เว้ย
มึงคิดถูกแล้ว งานที่ทำภายใต้แรงกดดันออกมาไม่สนุกก็ไม่แปลกหรอก มันยากที่คนเขียนไม่มีความสุขกับงานแล้วจะทำให้คนอ่านสนุกกับงานแบบนั้นได้ มันแค่งานที่เค้นออกมาแบบไม่ค่อยมีประโยชน์อะ แค่ยาว แค่มีเนื้อเรื่อง มีพลอต มีทุกอย่างแต่แม่งไม่สนุก การเปลี่ยนนามปากกาใหม่กูว่าช่วยได้ เปิดเรื่องใหม่ก็ช่วยได้ แต่ถ้าอยากทำงานเก่าให้จบให้สนุกต้องปรับสภาพจิตใจตัวเองว่ะ ที่มึงคิดว่าทำไมงานตัวเองความสนุกดรอปลง กูว่ามึงคิดถูกแล้วแหละ งานที่ทำออกมาไม่ดีมึงจะปลอบใจตัวเองว่าจริงๆ มันดีก็ไม่ใช่แหละ แต่ยิ่งคิดว่าจะทำยังไงให้มันดียิ่งจมยิ่งดิ่ง งานที่ออกมาสนุกได้กูว่าทำงานภายใต้สภาพที่ไม่กดดันตัวเองจะง่ายกว่า
กูคนหนึ่งที่มีกำแพงกับงานเดิม นามปากกาเดิม แล้วแม่งกดดันตัวเองจนเขียนไม่ออก สุดท้ายก็ดอง กูก็เลยลองมาเขียนเรื่องใหม่ นามปากกาใหม่ รู้สึกว่าเขียนได้ดีกว่าเดิม ไม่กดดัน แล้วก็มีความสุขมากขึ้น
>>746 เรื่องเก่ายังไงก็ต้องเก็บให้เสร็จ ระหว่างนั้นคงลองทำตามคำแนะนำในนี้ดูก่อน เพราะไม่ได้คิดที่จะจริงจัง อยู่ๆต้องมาจริงจังเลยค่อนข้างปรับตัวยาก ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าปัญหามันจะเยอะขนาดนี้ แก้ไปเรื่องนึง อีกเรื่องก็ตามมา เป็นนักเขียนนี่ไม่ง่ายเลย ไม่ใช่แค่เขียนงานให้ดี คำวิจารณ์ก็ต้องก้มหน้ารับ พอจะเขียนเรื่องใหม่ ทั้งความสำเร็จ และความผิดพลาดจากเรื่องเก่าก็ยังตามหลอกหลอน นับถือใจคนที่ยึดอาชีพนี้
>>747 จะลองทำดูนะ หวังว่ามันจะได้ผลไปในทิศทางบวกเหมือนคนอื่น
Ky เพื่อนโม่งปกติพวกมึงแต่งนิยายที่ไหนกันวะ โต๊ะทำงานมีเก้าอี้ซัพพอร์ตหรือกางโต๊ะญี่ปุ่นแต่งบนเตียง ช่วงหลังกูเป็นโรคปวดหลังอ่ะ กูควรแต่งนิยายยังไงดี ถ้าซื้อเก้าอี้ทำงานมาจะช่วยได้มั้ย TT
>>749 แต่งทุกที่เลย แต่ช่วงเร่งงานชอบใช้โต๊ะญี่ปุ่นตั้งบนที่นอน เพราะความขี้เกียจ ง่วงก็ทิ้งดิ่งเลย แต่ได้อะไรกลับมารู้ไหม ปวดแขน ปวดไหล่ ปลายนิ้วชาจนยกไม่ขึ้น ต้องหยุดเขียนเป็นอาทิตย์กว่าจะหาย ทำบนโต๊ะทำงานเถอะ ถ้าคิดจะจริงจัง ท่านั่งท่าพิมพ์ สรีระมันไม่ได้ ร่างกายพังมาก
ใน MEB จัดอันดับจากยอดขายหรือจำนวนครั้งการโหลดอะ
>>759 ยอดขายคือ สมมุติ เล่ม นี้ 100 บาท ขายได้ที่จ่ายเงินซื้อ ยอดโหลด 10 เล่ม ยอดขายคือ 1000
อีกเล่ม ราคา 400 บาท ขายได้ ที่คนจ่ายเงินซื้อ 3 เล่ม ยอดขาย 1200 บาท
เล่มที่ราคา 400 (3x400=1200) จะติดอันดับ 1 ขายดี
เล่มที่ราคา 100 (10x100=1000) จะติดฮิตขึ้นหิ้ง
ยอดที่เอามาคิดน่าจะเป็นยอดโหลดที่คนกดซื้อ
อันนี้คือที่กูเข้าใจ
กูอธิบายงงไหม555
สมัยก่อนท้อปขายดีคิดเฉพาะยอดโหลดไง พวกติดอันดับหนึ่งเป็นหนังสือราคาถูก 20 บาทมั่ง 10 บาทก็มี เล่มละหลายร้อยแทบไม่มีโอกาสได้ติดเพราะยอดโหลดสู้ไม่ได้ ตอนหลังเมพปรับเป็นคิดจากยอดขาย หนังสือราคาแพงมีโอกาสติดท้อปบ้าง
เล่มไหนราคาแพง ติดขายดีแล้วยังติดที่ฮิตขึ้นหิ้งด้วย ก็ถือว่าขายดีมาก
พูดถึงอีบุ๊ค กูเห็นคนอื่นขายนิยายได้เรื่อยๆ เลย ดีจัง กูวางขายมาหลายเดือนละ ยอดขายไม่ถึงสิบ ท้อมาก ดีนะที่ทำปกเองก็เลยไม่ค่อยเจ็บหนักเท่าไหร่ แต่เสียใจว่ะ ไม่รุ่งจริงๆ กูไม่มีหัวไม่มีความสามารถด้านนี้เลย เขียนเป็นงานอดิเรกแล้วอย่าไปจริงจังกับมันดีกว่า เจ็บ ฮือออ
มีใครขายebookได้เดือนละแสนกว่ามั้ยวะ อยากรู้ว่าแต่งแนวไหน ทำการตลาดยังไงถึงได้ขนาดนั้น
เห็นยอดโหลด(ดูจากจำนวนรีวิว)ของ เล่มที่ราคาแพงแล้ว อิจฉาเลย บอกตรง
นิยายที่รีดอะไรท์เขาขึ้นโปรโมทให้นี่ ต้องทำไงอะ ถึงจะได้ขึ้น
Best Seller พวกที่ได้ติดโบว์แดงเขานับจากยอดขายหรือยอดโหลด?
ถามหน่อยรีดอะไวท์มันมียกเลิกหัวใจปะ ทำไงใครรู้บ้าง
ยกเลิกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นนิยายตัวเองก็ยังดี ตั้งค่าไม่ให้โชว์จำนวนหัวใจก็จบ แต่ถ้าคนอื่นก็นะ 55555 อยากให้มันยกเลิกได้นะ บางเรื่องดีแต่ตอนแรก เลยกดให้ อ่านไปเรื่อยๆ เริ่มอิหยังวะ อยากริบหัวใจคืน
++++++
ถ้าเปิดขายแพคในเด็กดีแล้ว ยังขายในแมพได้อีกมั้ย มีเงื่อนไขห้ามอะไรรึเปล่า
Ky EbookในMebจะได้สายสะพายก็ต่อเมื่อขายได้กี่เล่มขึ้นไปวะ 1,000เล่มป่ะ?
ยอดโหลด ebook สูงสุดของพวกมึงเท่าไหร่กันวะ คือกุอยากรู้ว่ากุอยู่มาตรฐานไหน กุหมดไฟ
เพิ่งรู้ว่าการแปะ seller link ของmeb แล้วมีคนกดซื้อลิงก์ที่เราแปะไว้ จะได้เงินด้วย เขาคิด%กันยังไง กี่โหลดได้กี่บาท
ถามธรรมเนียมชายหญิงลงนิยายในเว็บแล้วขายในmebหน่อย ปกติสายวายคนอ่านจะด่านักเขียนที่ลงในเว็บไม่จบ ถ้าไม่ได้บอกตั้งแต่เปิดบทความว่าจะลงไม่จบเพื่อขาย กูอยากรู้ว่าที่ลงนิยายชายหญิงกันครึ่งเรื่องแล้วขายในmebต้องแจ้งอะไรนักอ่านก่อนมั้ย หรือลงถึงจำนวนตอนที่อยากลงแล้วก็พิมพ์โดดๆไปเลยว่ามีเปิดขายตอนต่อจากนี้ในmeb ใครอยากอ่านให้ซื้อจากลิงค์นี้
ถามด้วยปะ พวกมึงคำนวณราคาอีบุ๊คกันยังไงหรอ
ถ้าอ่านละเอียดตั้งแต่แรกก็จะรู้ว่ามีนะ
>>807 อ่านรายละเอียดตรง Term of Payment นะ
ราคาขาย e-book = 100 บาท
ส่วนแบ่งการชำระเงินผ่านระบบบัตรเครดิต = 4 บาท (4% ของราคาขาย)
ส่วนแบ่งของ publisher/writer = (100-4)×70/100 = 67.2 บาท (67.2% ของราคาขาย)
ส่วนแบ่งของ meb = (100-4)×20/100 = 19.2 บาท (19.2% ของราคาขาย)
ส่วนแบ่งของ Seller = (100-4)×10/100 = 9.6 บาท (9.6% ของราคาขาย)
ถ้าพอจะมีเวลาว่าง ก็ลองไล่ๆ อ่านเมนูต่างๆ ในเว็บดู เขามีให้ดูอยู่แล้ว เพราะคงไม่มีใครป้อนข้อมูลให้ตลอดหรอก
ค่า seller link นี่ ถ้าคนอ่านเข้าจากหน้าเว็บของเมพ ก็จะเป็นเมพที่ได้ส่วนแบ่งไปนะ
มีช่องทางก็แจ้งคนอ่านผ่านเฟส ผ่านหน้านิยายอะไรก็ได้
ถ้าเขาเข้าจาก link ของนักเขียน ก็ช่วยสนับสนุนนักเขียนให้มีรายได้อีกทาง
Ky เพื่อนโม่ง คือ กูกำลังจะเริ่มทำมือ อยากถามว่าปกติพวกมึงใช้บริการพิสูจน์อักษรร้านไหนกันอ่ะ เคยมีกรณีไฟล์หลุดจากพิสูจน์อักษรมั้ย
เพื่อนโม่งสอบถาม ถ้าจะลงเนื้อเพลงภาษาอังกฤษในนิยายควรแปลเป็นไทยไหมหรือลงทับศัพท์เลย
>>814 เป็นคนอ่าน ขออนุญาตมาตอบว่าถ้าเอาเนื้อเพลงที่มีอยู่จริงมาลง
จะเป็นภาษาอังกฤษ มี/ไม่มีแปลไทย ก็เปิดข้ามอยู่ดี
ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะ แต่ไม่อินเวลาตัวละครร้องเพลงบอกรักหรือส่งเนื้อเพลงแทนใจกันด้วยเพลงที่มีอยู่จริง (ไม่ใช่ว่าตัวละครในเรื่องเป็นคนแต่ง)
ถ้าบอกชื่อเพลงมาเป็น ref. เฉย ๆ ยังพอไหว แต่ส่วนใหญ่เจอคือเอามาเกือบทั้งเพลง นายเอก ก็ฟัง/อ่านไปร้องไห้ไป
โดยส่วนตัวคืออ่านแล้วไม่อิน เพราะงั้นจะลงมากี่ภาษาก็เปิดข้ามอ่ะ
ขออภัยที่ความเห็นเหมือนกวนมากเลย
คนชอบก็มีนะ ถ้าจะลงก็ลงเถอะ
>>814 เรื่องที่กูเคยอ่านส่วนใหญ่เขาแปลนะ แต่บางคนก็ไม่แปล บางเพลงเนื้อหามันดิบๆ เถื่อนๆ เซ็กซี่ แปลไทยแล้วไม่ฟินพอ5555
กูคิดเหมือน >>816 เลย ไม่ชอบอ่านเพลงเหมือนกัน กูรู้จักไม่รู้จักก็อ่านข้ามหมดอะ เคยลองอ่านของนักเขียนที่ให้บทพระเอกร้องเพลงเขาก็เขียนแค่ชื่อเพลง เขียนความหมายโดยรวม บรรยายน้ำเสียง ท่าทาง แววตา ภาษากาย ซึ่งกูชอบการบรรยายแบบนี้มากกก ของแบบนี้แล้วแต่คนจริงๆ
กูอ่านนิยายในเน็ตเรื่องนึง
พระเอกนางเอกเป็นนักร้องเพลงโคฟเวอร์ (แนวโบราณ)
กูชอบทุกเพลงเลย
แต่พอตีพิมพ์เขาต้องเปลี่ยนเนื้อเพลงใหม่หมด ต้องแต่งเนื้อเอง
ถามหน่อย ในนิยายนี่ควรใส่ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพละเอียดแค่ไหนวะ คือกูกะไม่ถูก กลัวว่าบอกแค่ทำอะไรจะโดนดูกลวง แต่ถ้าใส่เยอะไปคนแม่งอ่านข้ามเสียเวลาหาข้อมูล
เพื่อนโม่งมีนิยายเรื่องไหนที่รู้สึกว่าชื่อดึงดูดเข้าไปอ่านบ้าง พอดีคิดว่าชื่อนิยายตัวเองที่ลองตั้งมันยังไม่โดนอะ เลยอยากดูเรื่องอื่นเป็นแรงบันดาลใจ ออกตัวก่อนว่าไม่ได้คิดจะลอกนะ
กูก็พยายามเลี่ยงคำว่ารักนะ อยากได้ชื่อนิยายเก๋ๆ แต่เป็นคนที่ไม่มีหัวด้านการตั้งชื่อเลย 5555
ส่วนตัวชอบชื่อที่เล่นคำสวย ๆ = มนตร์จันทรา มายาตวัน ราตรีประดับดาว ไม่ก็บอกลักษณะตัวเอกไปเลย = ไฮโซติดเกาะ แม่ค้าขนมหวาน เจ้าสาวฉบับตกขอบหรือเป็นประโยค / วลีประหลาด ๆ = อกเกือบหักแอบรักคุณสามี จนกว่ารักบันดาลใจ ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน
กูไปนั่งดูชื่อนิยายในเมพ หมวดนิยายรัก มันก็รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นานทีจะมีไม่รักบ้าง555
คำว่า Priestess ที่หมายถึง นักบวชเพศหญิง จะแปลยังไงให้ฟังดูดี และไม่รู้สึกว่าใช้คำเว่อเกินไปวะ
อยากได้เป็นคำแบบกลางๆ ที่ฟังแล้วไม่เจาะจงศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
คืออย่าง ภิกษุณี พอฟังแล้วก็จะรู้สึกว่ามันคือศาสนาพุทธ
หรือแปลว่า นักบวชหญิง ห้วนๆ ไปเลย มันจะแปลกไหมวะ
>>836 บางอย่างไม่ต้องแปลให้สละสลวยเกินไปก็ได้ตรงๆง่ายก็อ่านไม่สะดุดแล้ว ถ้าเอาตรงตัวนักบวชหญิงคิดตรงสุดแล้วไม่ได้ดูแย่อะไรด้วย แต่ประเด็นคือถ้าคำนี้มันมีบริบทอื่นๆมาเสริมคำแปลอาจจะเปลี่ยน เช่น แปลว่าเป้นตัวละครที่โดนยกย่องประดุจเจ้าหญิงก็แปลว่าธิดาเทพก็ได้ เป็นนักบวชในวัดจีนก็แปลว่าแม่ชีก็ได้ ใช้แทนคนที่ทำดีกับเราก็อาจจะแปลว่าแม่พระก็ได้ หรือเป็นคำเปรียบเทียบว่าสูงส่งบริสุทธุิ์ก็ได้ อยู่ที่ว่าคำมันอยู่ในบริบทไหนอะนะ
นิยานเล่มไหนบ้างที่ภาษาสวย อ่านเเล้วเหมือนอ่านกลอน คล้องจองเเล้วอ่านลื่น อ่านเมื่อคืนเเล้วติดใจ
ไม่เห็นกระทู้หนังสือญี่ปุ่นเลย
อยากถามว่า
「花火の家の入り口で」詩集 吉増剛造
Yoshimasu Gozo
"At the entrance of the fireworks house"
มีเเปลไทยไหม
กูเป็นประเภทมีพล็อต แต่ไม่ชอบเขียนโครงว่ะ ซึ่งกูก็รู้แหละว่าไม่จบแน่ๆ แต่กูมองว่ามันเสียเวลาและกูเป็นเพอเฟคชันนิส ชอบเขียนอะไร ทำอะไรสักอย่างตรงตามที่ตั้งใจไว้เป๊ะ พล็อตที่กูจะเขียน จะระบายลงกระดาษมันเต็มไปด้วยรายละเอียดโลกพล็อตนิยายของกู และกูก็ใส่ใจอยากเขียนให้มันคงเดิมเหมือนตอนยังมีแรงบันดาลใจแรกเริ่ม การจะร่างโครงนี่มันยากจริงๆ
ขออภัยที่บ่นข้างบนนะ
กูแค่อยากมาถามว่าพวกมึงใช้เวลาร่างพล็อต ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกันนานแค่ไหน ตอนนี้กูจริงจังกว่าเดิม แล้วอยากเขียนไปไกลให้จบสักเรื่อง แต่ติดตรงนี้ ช่วยบอกกูที
เพื่อนโม่งถามหน่อย นิยายตอนนึงมันคราวเขียนยาวสักกี่ตัวอักษรถึงจะกำลังพอดีวะ
ตอนนี้พยายามเขียนไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รู้จะแบ่งตอนยังไงดี
กูพิมพ์ฟิคทิ้งไว้ที่บอร์ดนึงแล้วไม่ได้ไปต่อนานละ วันนี้นึกขึ้นได้เลยกลับไปดู เจอคนมาแต่งต่อให้เฉยเลยว่ะ แถมแต่งเป็นเรื่องเป็นราวมากด้วย ให้นางเอกกูไปรักคนอื่นซะงั้น ทั้งที่กูฟิกโพจั่วหัวไว้ว่าต้องเป็นคู่ AB เท่านั้น แต่เสือกแต่งต่อเป็น CB ให้กูเฉย กูควรทำไงดี จะแต่งต่อก็ไม่มีอารมณ์แต่งละเพราะมันนานแล้ว กูขี้เกียจ แต่ก็ไม่อยากให้ฟิคกูโดนเอาไปปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้ว่ะ ไม่ได้มาขอกูแถมยังเอาไปแต่งเป็นคู่อื่นอีก มันจี๊ดก็ตรงนี้ แถมยังตอบเมนท์คนอ่านในกระทู้กูประหนึ่งว่าเป็นคนเขียนแทนกูแล้ว
หรือกูควรหลังไมค์ไปขายพล็อตเลย มึงอยากได้พล็อตก็เอาไป แต่จ่ายตังกูมาด้วย กูขี้เกียจแต่งต่อแล้ว ซื้อพล็อตกูเด่ะ 55555555555
อยากลองแต่งนิยายวายวัยรุ่นแต่ไม่อยากเขียนคำหยาบอะ เพราะในชีวิตจริงก็เป็นคนไม่ใช้คำหยาบเลย แต่พอไม่เขียนคำหยาบก็ไม่รู้มันจะเรียลมั้ย พวกฟิควายที่เคยอ่านส่วนใหญ่เป็นของต่างประเทศซึ่งไม่ใช้คำหยาบอยู่แล้ว แต่นิยายวายไทยในโรงเรียนชายล้วนไรงี้มันก็ต้องมีบางคนที่พูดบ้าง ยากจัง
พอดีในกรุ๊ปนักเขียน กรุ๊ปหนึ่งมีการแชร์เรื่องขึ้นแบนเนอร์ในรีดอะไรท์ สรุปมีนักเขียนมาแชร์ บอกว่าเสนอเข้าไปได้นะทางเพจรีด แน่ภาพที่ใช้จะต้องเป็นลข.ของตัวเอง
รบกวนถาม ถ้าจะให้ตัวละครเป็นคนต่างชาติแล้วพูดภาษาของมัน
1.ควรจะให้เป็นยังไงระหว่าง”สบายดีไหม” เขาถามเป็นภาษาอิตาเลียน หรือว่า Come staiไป ส่วนตัวกูอ่านงานแดนบราวน์แปลไทย มันใช้ โคเม สไต สบายดีไหม เขาถาม แล้วมันแปลกๆ
2.เวลาบรรยายความรู้สึก ถ้าเราใส่สำนวนแบบไทยๆมันจะแปลกปะวะ หรือควรใส่สำนวนในภาษานั้นแบบแปลเป็นไทยเลย
>>859 ขอบใจ
คือมีปัญหากับตรงข้อสอง เพราะกูอ่านนิยายที่เซตติ้งเกิดในโตเกียวยุคปัจจุบัน ตัวละครเป็นคนญี่ปุ่น ล่ะมันมีการบรรยายโดยใช้สำนวนไทย แบบ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว บางทีตัวละครเป็นคนพูดสำนวนอีก กูเลยอยากถามความเห็นเพื่อนโม่งหน่อย
ตอนนั้นเห็นคนเขาฉอดเรื่องนิยายแนวพ่อลูก ครูกับเด็ก เปโดกับรักต่างวัย ข่มขืนไม่เท่ากับสมยอมกัน กูอ่านแล้วได้สาระมากเลย แต่กูดันเคยเขียนนิยายแนวนี้ไปเรื่องนึงว่ะ รู้สึกผิดอะ รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่กูยังไม่อยากลบนิยาย เขียนคำเตือนไว้ที่หน้านิยาย บอกนักอ่านว่าสิ่งที่ตัวละครในเรื่องทำมันไม่เหมาะสมมากๆ แล้วจำกัดอายุคนซื้อที่ 18 ปีขึ้นไปโดยต้องยืนยันด้วยบัตรประชาชนจะช่วยได้หรือเปล่า?
กูก็เขียนแนวอาหลาน แต่เรื่องความเป็นอาหลานนี่ไม่มีปัญหาเพราะคนละสายเลือดโดยสิ้นเชิง แต่ประเด็นคือกุเขียนให้อาหลงรักหลานตั้งแต่หลานยังตัวเล็กตัวน้อย แนวใคร่เด็ก เลยต้องมารื้อใหม่ให้จบแบบที่ควรจะเป็นเพราะไม่อยากให้เป็น soft power
ใครเป็นบ้าง อยากเขียนแต่เขียนไม่ออก พอดันทุรัง ออกมาแย่ ต้องแก้ใหม่หมด
คือกูเป็นคนชอบพวกเลี้ยงต้อยนะ อาหลานบาปๆก็ชอบ แต่เคยเจอแบบที่มีอารมณ์กับเด็กหญิงอายุ 10-12 ขวบนี่ไม่ไหวว่ะ ต่อมหื่นกูเหี่ยวหมดเลย มันเด็กน้อยไปอ่ะครีปปี้ ถ้ารู้สึกกับ 16-17 นี่คือพอได้นะเพราะเด็กมันก็เป็นสาวแล้ว แต่ถ้าถึงขั้นซั่มเด็ก 17 นี่ก็ไม่โออยู่ดี
ถ้าเป็นเรื่องของพระนางนักเขียนอาจโน้มน้าวให้คนอ่านชอบคสพแบบนี้ แต่ถ้าอ่านเรื่องอื่นจะเห็นว่าเด็กที่สมองยังไม่โตเต็มที่กับผู้ใหญ่คือการโดนเอาเปรียบ อ่านไปก็รู้สึกสงสารเด็กไป บางเรื่องนางเอกเพิ่งเรียนจบมหาลัยพระเอก30กว่ามีปสกโชกโชนแต่พอพระนางเจอกันแป๊บๆได้แต่งงาน ผู้หญิงที่เพิ่งเรียบจบต้องมาเป็นแม่คนแล้วทั้งๆที่โลกกว้างใหญ่ไพศาล
เห็นพวกมึงคยกันเรื่องนี้หลายวันแล้วเอาจริงตอนเด็กอ่านแล้วไม่คิดมากนะ แต่พอโตขึ้นหันกลับไปนึกถึงนิยายแนวนี้ที่อ่านแล้วขยะแขยง
Ky เพื่อนโม่ง เดือนมีใครยอดขายตกบ้างมั้ย คือกูลงงานใหม่ในmebเดือนนี้แต่ยอดขายลดลงจากที่ลงเดือนที่แล้วเยอะเลยอ่ะ ไม่รู้กูมือตกหรือเป็นเพราะศกแย่วะ TT
มึง ถ้าเราอยู่เมืองนอกตลอดเลยงี้จะยังทำสัญญาตีพิมพ์กะสนพ.ที่ไทยได้ปะ เขาต้องนัดเจอตรวจต้นฉบับอะไรมั้ย
กูเป็นมือใหม่หัดเขียน ทีนี้อยากให้พระเอกนางเอกจูบกัน เป็นจูบแรกของทั้งคู่หลังจากรู้ว่าใจตรงกัน และไม่เคยจูบเลยเก้ๆกังๆกันนิดหน่อย แต่อ่านแล้วไม่ค่อยฟินเลยว่ะ มันจืดๆยังไงก็ไม่รู้ ควรบรรยายความรู้สึกอะไรด้วยมั้ย จะเขียนว่ามีผีเสื้อบินวนในท้องกูก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนั้นเท่าไหร่ หรือควรเขียนแบบรสชาติหวานนั่นนี่โน่น แต่ก็ไม่อยากเขียนแบบจ๊วบจ๊าบอู้อ้าฟินมากเลยจ้า พวกมึงมีวิธีเขียนฉากแบบนี้ยังไงวะ กูเขียนไม่เป็น เขิน
>>881 โจโจ้คือไร หนังเหรอ
คือบางเรื่องที่กูไปอ่านมันเขียนเสียงเอฟเฟคพระเอกนางเอกจูบกันแบบ อืมๆๆๆๆจ๊วบๆๆๆจุ๊บๆๆๆๆ ฟินจังอิอิ ซึ่งกูไม่อยากเขียนแบบนี้ไง แต่หลายเรื่องก็เขียนเหมือนผีเสื้อบินวนในท้องซึ่งกูก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไงไอ้ความรู้สึกแบบนั้น กูอยากเขียนแนวใสๆกุ้งกิ้งเลย หวานๆเบาๆนุ่มๆ จูบเสร็จมาเขินม้วนกันเอง แต่พอกูเขียนเสร็จแล้วอ่านคือรู้สึกจืดมาก เฉยมาก ดูเนิบนาบแบบ อ้าว จูบเสร็จแล้วเหรอ เออๆ จบแล้วแดกข้าวกันดีกว่า หรือเพราะพระเอกนางเอกของกูเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เวลาจูบเลยให้ฟีลเหมือนเพื่อนมากกว่าจะเหมือนคนรักก็ไม่รู้ว่ะ
>>882 เขียนมุมมองแบบไหนอะ บุคคลที่ 1 หรือ 3 ลองบรรยายความรู้สึกเพิ่มเข้าไปมั้ย ไปโฟกัสกับคำว่าจะทำยังไงให้ดูเก้ๆ กังๆ แบบน่ารักน่าเอ็นดู กูว่าจูบแรกทำให้โดขิโดขิง่ายนะ กูเคยเขียนไปว่านางเอกตกใจ ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้จนเผลอหายใจไม่ทัน หายใจติดขัด เผลอกำชายพระเอกเสื้อไว้แน่น หัวสมองแบลงค์ คิดอะไรไม่ออกเลยว่ะแก รู้แค่ว่าปากนุ่มจัง อะไรก็ว่าไป5555555 กูไม่ชอบเสียงจูบที่มันจ๊วบๆ จู๊บๆ เหมือนกัน มีเยอะแล้วมันอึ๋ย ชอบแบบมีเล็กน้อยพอให้กระชุ่มกระชวยหัวจายย
ky พวกมึงว่าใช้นางกับตัวละครเด็กผู้หญิงดูแปลกๆไหม กูจะเขียนนิยายแฟนตาซี ใช้สรรพนามข้าเจ้าท่าน ก็เลยจะเรียกนางกับผู้หญิง
นิยายเล่มมันจะใส่ warning กันยังไงวะ ไม่เคยเห็นเลย เจอมากสุดแค่มีเนื้อหารุนแรง เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ก็ว่าไป
อย่างในเว็บก็มีแท็กมีอะไรให้ติดเตือน ทำไมในเล่มไม่มีบ้าง
เพื่อนโม่งมีวิธีโปรโมทนิยายกันบ้างนอกจากให้คนรู้จักจริงๆอ่าน
>>894 ลงเรื่อยๆ ถ้าคนชอบมากพอลงนิยายตอนใหม่คือการโปรโมตที่ดีที่สุด กูไม่เคยเอางานให้คนรู้จักอ่านเลย เขิน
ส่วนเขียนเสร็จแล้วจะขาย ก็หาเพจหากลุ่มฝากไปตามเรื่องราว ควรดูบรรยากาศกลุ่มก่อนโพสต์ด้วย นอกนั้นก็เปิดโพสต์ในเพจตัวเอง อันนี้เฉพาะแฟนเพจเห็น ทำทุกอย่างแล้วไม่กระเตื้องเลย ลงตอนเยอะแล้ววิวยังน้อย แฟนเพจไม่มีคนกดถูกใจ ให้ไปเขียนงานใหม่งานที่เขียนจบแล้วอาจจะยังดีไม่พอ
ช่วยยกตัวอย่างงานเขียนที่ภาษาอ่านง่าย-ลื่นไหล
กับอ่านยาก-ติดขัดมาหน่อยสิ
แบนเนอร์นิยายในmeb เขาจะติดต่อนักเขียนเหรอ
ใครก็ได้บอกหน่อย ศัพท์เรียก ขบวนพิธีเสด็จ (ประมาณมีราชวงศ์ประทับอยู่) ทางยุโรปกับประเทศทางเขตทะเลทรายนี่เขาเรียกว่าอะไรกันวะ กูโง่ นึกแล้วนึกไม่ออก ก็เขียนแม่งไปก่อนว่าขบวนเงี้ย มันใช้ถูกแล้วปะวะ กูไม่รู้จะไปถามหาจากไหนดี
ขบวนเสด็จก็ได้ปะ
ปกติเวลาอ่านนิยายกันจบ เคยหยิบมาอ่านซ้ำกันบ้างมั้ย
แต่งนิยายแบบวางพลอตไว้หมดแล้วแต่ไม่มีอารมณ์จะเขียนเลยอะ แต่ความคิดแนวอื่นเรื่องอื่นผุดมาตลอด ก็จดๆไว้นะแต่ใจมันอยากจะไปเขียนเรื่องนั้นมากกว่า พอเขียนสองเรื่องไปด้วยกันความคิดเรื่องที่สามก็มาอีกแล้ว เรื่องแรกยังไม่จบเลย ปกติทำยังไงกันอ่า อยากเขียนให้จบสักเรื่องสักที
KY อยากรู้เวลาได้เงินของนข.อะเพื่อนโม่ง เขาจ่ายเป็นล็อตพิมพ์เหรอ เช่นส่งต้นฉบับแช้ว ตีพิมพ์ครั้งแรกแสนเล่ม ก็ได้เงินเปนจน.เล่ม × % ปก อะไรก็ว่าไป แล้วพอได้พิมพ์ครั้งที่ 2 ก็จ่ายอีกเป็นก้อน ๆ เหรอ หรือว่าแบ่งจ่ายผ่อนเราเป็นเดือน ๆ
ระหว่างทำอีบุ๊คขายเองไม่ก็ติดเหรียญ กับ ส่งสนพละได้ตีพิมพ์อันไหนได้รายได้เยอะกว่ากันอะ
ช่วงนี้อยู่บ้านการเงินติดขัดกำลังพยายามหาเงินเสริมเลยมาจะเอานิยายที่ลองแต่งไว้ลงเว็ปดู ถ้าเปิดโดเนท แปะเลขบัญชีเราไว้ตอนไหนยังไงถึงจะไม่น่าเกลียดอะ เห็นนิยายบางเรื่องก็เปิดโดเนทแต่เปิดตอนลงมาครึ่งเรื่องแล้ว ไม่ก็เปิดแต่แรกเลย เขาเขียนดีนะแต่อัพช้า เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับการอัพเร็วอัพช้าเลยแต่เปิดให้สนับสนุนเท่านั้น เรายังโนเนมอยู่ยังไม่ดังแบบเขาจะเปิดได้มั้ย จะโดนด่ามั้ยอะ
>>916 ต้องการโดเนตแบบไหนอะ ถ้าแบบเว็บรอร. จะมีโดเนตชานม ไอติม ผ้าปิดปาก ราคาน่ารักๆ ห้าบาทสิบบาท ไม่พอกินแต่ได้รับแล้วใจฟู ถึงจะมีโดเนตเป็นห้าร้อยหรือหนึ่งพันกูก็ไม่เคยเห็นใครโดเนตเยอะขนาดนั้น (แต่คนอื่นในนี้อาจเคยเห็นนะ) ส่วนแปะเลขบัญชี กูไม่รู้ว่าจะมีคนโอนหรือเปล่านะ แต่ถ้าอยากได้เงินจริงๆ ก็แปะเลย บอกเหตุผลไปด้วยก็ได้ ถ้านักอ่านเขาชอบงาน ชอบนักเขียน อยากซัพพอร์ตให้นักเขียนยิ้มได้ เขาก็เปย์เองนั่นแหละ ไม่น่าเกลียดหรอก สบายใจได้ ถ้ามีนักอ่านบอกว่าขอโดเนตทำไม น่าเกลียดว่ะก็เอามาบ่นในนี้ เดี๋ยวตามไปด่าให้55555
ไม่รู้ว่ามึงโนเนมเท่ากูหรือเปล่า แต่กูลงขายอีบุ๊คได้เงินมาแค่พันนึงเอง ฮืออ ปวดหลังก็ปวด ปวดคอด้วย กูพอละ เหน่ย คงไม่เหมาะกับวงการนี้จริงๆ TT
>>917 งืออ ขอบคุณมากน้า สู้ๆต่อไปไปด้วยกัน ไว้หายปวดแล้วกลับมาแต่งเป็นงานอดิเรกก็ได้ สักวันต้องเป็นวันของเราา จริงๆเราแต่งเล่นๆสนุกๆอ่านเป็นงานอดิเรกเหมือนกัน เคยลงเว็ปแบบสนุกๆอยู่ไม่กี่ตอน แต่โควิดรอบนี้ลำบากจริง ยังเรียนอยู่ งานก็ไม่มี ก็หวังจะลองพึ่งทางนี้แหละ เห็นเขาแปะเลขบัญชีกันแต่เขาเป็นนักเขียนนิยายดัง คนที่โนเนมๆไม่เห็นแปะเลยเลยกลัวๆอะ ขอบคุณมากน้า
>>916 มึงควรกลัวว่าไม่มีคนอ่านก่อนกลัวโดนด่า ลงๆ ไปเถอะ ยังไม่จบถ้ามีคนอ่านก็ขายตอนล่วงหน้าได้ ขายแพคได้ ถ้าใน ดด โดเนตก็ลงไป รอร จบแล้วทำ ebook เปิดพรีเล่มขายอีกต่อ ถ้ามีคนอ่านมากๆ ก็ไม่ต้องกลัวโดนด่าแล้ว มึงต้องกลัวไม่ได้เงิน ต้องกลัวที่จะทำงานฟรี คนด่าไม่เด็กน้อยก็พวกชอบของฟรีมึงลงจบเขาก็ไม่จ่ายเงินให้มึงหรอก ถ้ามีก็เป็นคนกลุ่มน้อยที่เป็นคนดีมากๆ ซึ่งค่อนข้างหายาก อ่อ ช่วงเรียนเหมาะสุดแล้วในการเริ่มเขียนนิยาย
กูไม่แน่ใจว่าควรถามทู้ไหน ขอถามนี่แล้วกันนะมึง ว่าไอ้การเขียนนิยายแนวอาชญากรรมเป็นการ romanticize เหรอวะ
กูหมายถึงถ้าพล็อตมันเป็นแนวๆที่ส่อไปทางนั้นแล้วก็ไม่ควรเขียนเลยเหรอ
>>921 แต๊งมึง วิธีนี้น่าจะดี
>>922 กูหมายถึงรวมๆอะ แต่กูก็ไม่รู้จะอธิบายไงดี แบบที่มึงว่าก็ใช่ พระเอกทำร้ายนางเอกแต่ไม่โดนไรเลย หรืออาจจะเป็น แม่นางเอกทำร้ายนางเอกไรงี้ก็ได้
>>923 แล้วแบบไหนถึงจะไม่โดนแหก? กูเข้าใจว่าจะทำให้ถูกใจทุกคนก็ไม่ได้ แต่ก็แอบคิดว่ามีคนบางกลุ่มปสดกันมากจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประด็นกันช่วงนี้นะ แค่มีบทอย่างงี้ๆไม่สนบริบทก็พร้อมเอาขึ้นมาแหกแล้วอะ
ปกตินิยายตอนนึงนี่ใช้เวลาเขียนกันนานมั้ยอะ เราเขียนไป5ชม เห็นคนที่แต่งสดแล้วอัพทุกวันวันละสองสามตอนนี่นับถือเลย
ยัดตัวละครเข้าเรื่องแล้วไม่ได้ใช้เลย งุ้ย
มีใครได้เมลล์แจ้งโอนเงินจาก meb เดือนนี้แล้งบ้างวะ
ขอถามเรื่องการใช้สรรพนามหน่อย
ถ้านิยายของเราเป็นเซตติ้ง ยุคกลางปลายๆของตะวันตก ประมาณ คศ1500 นี่เราสามารถใช้สรรพนามแทนตัวเองหรือเรียกคนอื่นว่าอะไรได้บ้าง
ผม-คุณ-ท่าน
ฉัน-เธอ
ข้า-เจ้า
ขอคำปรึกษาหน่อยนะ ตอนนี้แต่งนิยายภาค1ใกล้จบละแต่กำลังจะลงตอนแรกในเว็ปเร็วๆนี้ 1ภาคมีความยาวประมาณ 30กว่าบท บทละ2500-3000คำ น้อยไปมั้ย วางแผนไว้จะให้มี2ภาค ก็จะ2เล่มพอดี ควรจะตั้งราคาอีบุ๊คต่อเล่มเท่าไหร่ง่ะ แล้วถ้าเรายังไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่แต่ดันปิดตอนของเล่ม1 ไปแล้ว(กะจะลงจนจบแล้วค่อยปิดตอนก่อนเริ่มภาค2) คนที่จะมาซื้อเล่ม2ก็จะน้อยลงใช่มั้ย(เพราะมาไม่ทันอ่านเล่ม1) แบบนี้ควรรวม2ภาคเป็น1เล่มมั้ย ทำให้ความยาวเพิ่มขึ้นเป็น70บท อีบุ๊คก็คิดราคาเพิ่ม ส่วนในเว็ปก็ค่อยปิดตอนตอนภาค2แทน ไรแบบนี้อ่า
คือกูไม่ได้แต่งนิยายมาสักพักละ ไม่อยากอ่านของคนอื่นด้วยเพราะกลัวไปก๊อปไปได้แรงบันดาลใจมาโดยไม่รู้ตัว พอกลับมาแต่งแล้วรู้สึกว่าตัวเองหาคำมาใช้ไม่ถูก คิดประโยคลื่นๆ ไม่ได้ กูเลยไปอ่านนิยายตัวเองที่แต่งจบไปแล้วเพื่อจะได้ใช้สำนวนเหมือนตัวเอง อันนี้ถือว่ากูก๊อปนิยายตัวเองมั้ย ผิดหรือเปล่าวะ5555555
>>936 ของมึงไม่มากไม่น้อยไปหรอก รวมๆ น่าจะอยู่แถวแปดหมื่นถึงแสนคำ ราคาต่อเล่มนี่เป็นสิ่งที่พูดยาก บางทีมันต้องดูตามคุณภาพนิยายมึงด้วยกูสำรวจแล้วนิยายบางเรื่องไม่ถึงแสนคำก็ตั้งเล่มละสามร้อยได้ ถ้าแนววายนี่อาจจะพุ่งไปสามร้อยห้าสิบถึงสี่ร้อยด้วยซ้ำ แต่นิยายรัก นิยายไทย ส่วนใหญ่กูเจอเกินแสนคำเยอะราคาก็ตั้งแต่สองร้อยไปถึงสามร้อยกว่าบาท บางคนสองสามแสนคำขายร้อยเดียวก็มี แต่ไม่ใช่ว่าตั้งถูกแล้วคนจะซื้อนะ สมัยก่อนอาจใช่ว่าคนเห็นเล่มหนาๆ ราคาไม่แพงหยิบมาเพราะคิดว่าคุ้ม สมัยนี้ความคิดคนเปลี่ยนไปแล้ว นิยายไหนไม่ดึงพอขายราคาถูกคนก็ไม่ซื้อ นิยายไหนคนอยากได้อยากโดน ราคาแรงหน่อยคนก็พอไหว เรื่องนี้มึงต้องประเมินตัวเองอะระดับคุณภาพนิยายมึงทำให้คนอยากอ่านอยากซื้อได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าปังแน่ก็ตั้งไปเลยสามร้อย ถ้าคิดว่าก็มีคนอ่านระดับหนึ่งนะ ลงสักพักแล้ววิวเกินแสนได้ ตั้งไปสักสองร้อยต้นๆ กลางๆ ถ้าแบบลงแล้วคนไม่ค่อยสนใจ นิยายอยู่ในซอกหลืบ ปกดูแล้วงั้นๆ มึงตั้งสองร้อยหรือต่ำกว่าก็อาจจะขายยากสักหน่อย
ส่วนนิยายเล่มหนึ่งเล่มสอง โดยธรรมชาติแล้วเล่มหลังจะขายได้น้อยกว่าเล่มแรกๆ เสมอ เหมือนวิวในนิยายที่มันสะสมน่ะ บางคนอ่านแล้วทิ้งระยะมีร้อยแปดเหตุผลที่เขาก็จะไม่ได้มาอ่านอีก พอไม่ได้อ่านอีกถึงเวลาลงเขาก็ไม่ได้เข้ามาดู แต่ขาจรมาใหม่แวะเวียนมาก็อาจจะไปเพิ่มยอดเล่มแรกก่อน เล่มแรกสนุกเขาก็อุดหนุนเล่มสองต่อ ยอดขายกับยอดวิวมันคล้ายๆ กัน ตอนหลังๆ เล่มหลังๆ ยอดสะสมโอกาสจะเท่าตอนแรกๆ เล่มแรกๆ เป็นไปได้ยาก
รวมสองเล่มดีไหม ก็แล้วแต่มึงนะ กูคิดว่าราคานิยายนี่ถ้าพุ่งไปสี่ร้อยต่อเล่มคนจะตัดสินใจยากแล้ว นิยายมึงถ้าบทกับตอนพอๆ กันทั้งสองเล่ม รวมกันไม่เกินสองแสนคำ ก็มีหลายเรื่องเนื้อหาประมาณเท่านี้ในเล่มเดียว แต่ราคาก็ไม่ถึงสี่ร้อยกันเป็นส่วนใหญ่ แต่มันก็มีวิธีดึงยอดขายของมันแหละถ้าทำเล่มเดียว มึงลงนิยายได้หลายตอนเป็นการโฆษณาทางหนึ่งคนมาซื้อก็ยังได้อ่านอีกเยอะ เขาก็อาจจะเห็นว่าคุ้ม มึงแบ่งสองเล่ม ลงมากคนซื้อบางส่วนก็อาจมองว่าไม่คุ้มซื้อแล้วไม่ได้อ่านอะไรเพิ่ม ลงน้อยคนก็อาจจะยังไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ จริงๆ อย่าสนใจมาก หลายคนเอาหัวมาคิดเรื่องนี้มากเกินไปแต่งานไม่ค่อยดีพอที่คนจะจ่ายเงิน เอาเวลาไปเขียนเล่มใหม่ๆ หาเงินได้เร็วกว่า
ส่วนเรื่องชื่อเสียง มันก็มีส่วนดันนิยายให้คนรู้จักเป็นวงกว้างแต่อย่าไปคิดว่ามันเป็นอุปสรรคมาก สิ่งสำคัญจริงๆ คือนิยายมึงดี สนุก น่าติดตาม คนอ่านอ่านแล้วดิ้นพล่าน ต่อให้มึงนิรนามมาก่อนมึงก็ดังได้ในเดือนสองเดือน มึงไม่ต้องรู้จักกูก็ได้ แต่กูเขียนเล่มแรกก็พอมีชื่อขึ้นมาเลย แล้วไม่ใช่แค่กูคนเดียว กูเห็นคนอีกเยอะแยะดังตั้งแต่เขียนเล่มแรก ทุกคนมีจุดร่วมเหมือนกันหมดคือนิยายสนุก คนเลยติดตาม บางคนมีชื่อเสียงมาก่อนมาเขียนเรื่องหลังๆ กลับมายังเป็นผู้นำตลาดไม่ได้เลย วงการนี้อย่าให้ค่ากับชื่อเสียงมาก สิ่งที่จะทำให้มึงขายได้ ขายดีคือคุณภาพงาน มึงเขียนดีก็ดังได้ ต่อมาเขียนแย่ลงมากมึงก็ดับได้เหมือนกัน ดับไม่พอคนจะนินทามึงเยอะแยะอีกต่างหากถ้ามึงเขียนแย่เกินไป ดังนั้นมึงอย่ากังวลเรื่องชื่อเสียงเลย
นักเขียนเป็นห่าอะไรกันครับ กูแค่ไปเม้นว่าสนุก แม่งมาด่ากูเฉยว่าสนุกยังไงตอนนี้ออกจะเศร้ากูสนุกที่มีคนตายงั้นเหรอ กับไอ้พวกปัญญาอ่อนที่กูเม้นว่า ต่อออ แล้วมาด่ากู พอไม่เม้นแม่งก็บ่นว่าทำไหมไม่มีใครเม้น มึงเป็นโรคซึมเศร้ารึไบโพลาหรอ? ชมก็ด่า ไม่ชมก็บ่น ช่วยเปิดใจและสมองกันหน่อยนะครับ วันไหนเป็นเมนก็อย่าเอามาลงกับนักอ่านไม่งั้นกูจะไม่ซื้องานของมึงแล้วนะ
พูดแล้วของขึ้น อีก่าทำตัวเป็นพระเจ้าทั้งๆที่มึงเป็นแค่ผู้ผลิตสินค้าแท้ๆไม่เจียมตัวงานถึงจะขายไม่ออกไง
>>940 ปล่อยไปมึง นักเขียนบางคนอีโก้สูง บางคนมารยาทก็ทราม นักเขียนด้วยกันเองจับกลุ่มนินทากันเยอะแยะ บอกตรงๆบางคนวุฒิภาวะต่ำนะ เพื่อนนักเขียนด้วยกันที่กูรู้จักคนนึงก็อารมแบบนี้ แต่นางก็ไม่สนหรอก บกให้ท้าย แฟนคลับกางอกปกป้อง เวลามีใครเม้นต์ไม่ถูกใจนางๆก็เหวี่ยงหมด ทั้งที่บางทีคนเม้นต์ไม่ได้อะไรเลย นักเขียนด้วยกันเตือนก็หาว่าเขาอิจฉา แต่ก็แค่นั้น บอกตามตรงมึงทำไรไม่ได้หรอก ทำได้แค่ไม่ต้องอุดหนุนผลงานมันก็พอคนพวกนี้ ไปอุดหนุนนักเขียนดีๆเถอะ
KY กูอยากศึกษาวิธีเขียนฉาก NC หน่อย โม่งมีนิยายเรื่องไหนที่พอจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ได้ป่าว ที่สกรีนมามีแต่ อ๊าๆๆรัวๆไป 4-5 บรรทัด ไม่ก็บทพูดมีแต่ "แน่นจัง" "แน่นมาก" "อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะมัน..." "เรียกชื่อข้าสิ" บลาๆๆ
กูอยากแต่งนิยายมี่มีเรื่องการเมืองมาเอี่ยว แต่ยังงงกับพวกตระกูล ตำแหน่งขุนนางต่างๆอยู่ แล้วก็อยากรู้เรื่องชีวิตขุนนางเป็นยังไงด้วย ตอนนี้พยายามหาข้อมูล พอรู้แค่คร่าวๆ โม่งมีแหล่งข้อมูลหรือหนังสือที่อธิบายเรื่องนี้บ้างไหม
ไม่รู้กม. ไม่รู้จะถามมู้ไหนด้วย แต่อยากรู้ว่าทำไมขายนส.มือสองแล้วไม่ผิดกม. แต่หารอีบุ๊คแล้วผิด มีใครรู้มั่ง
หนังสือ กูว่าเพราะมันมีจำนวนจำกัดนะ เลยขายมือสองไม่เป็นไร แต่อีบุ๊คมันไม่มีลิมิตจำนวนเล่มไง ก็เพื่อประโยชน์ของนักเขียน
สมมุติมีคนเปิดให้เช่าไอดีอ่านอีบุ๊ค เจ้าของไอดีแม่งซื้อไว้ทุกเล่มไรงี้ จาก สนพ.หนึ่งแคเคาท์หนึ่ง จากอีก สนพ.แอคเคาท์หนึ่ง เอาไว้ให้เช่า มึงคิดดูดิ ทั้งนักเขียน ทั้งตัวแอปไม่ได้อะไรเลย
>>954 จริง ที่ผ่านๆตามาเดี๋ยวนี้วิธีเยอะมาก นอกจากพวกเวปดูดนิยายไปลงให้อ่านฟรีเก็บค่าโฆษณาแล้วยังมีพวกหารอีบุ๊ค เวียนกันเป็นสิบ ให้เช่า หรือวิธีที่บูมสุดก็ซื้ออีบุ้คแอคเค้าละหนึ่งเล่มอ่านจบแล้วก็ขายต่อ (อันนี้ก็เหมือนมือสองไม่รู้ผิดมั้ย แต่จริงๆทำอีบุ๊คออกมาก็ลดต้นทุนพวกค่ากระดาษไปแล้วนะ) ไม่รู้จะจัดการปัญหายังไง
Ky กูแต่งนิยายรักจีนโบราณ แนวเกิดใหม่ปราบมาร มีเส้นเรื่องหลัก แต่ตัวเอกเป็นผู้ชาย นางเอกมาๆหายๆระหว่างนั้นมีผู้หญิงอื่นหลายคนแวะเข้ามาในชีวิต กูควรส่งเข้าหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคตหรือกำลังภายในดี
สอบถามหน่อยพอดีไปเห็นดราม่าในมู้นิยายไทยมา ที่ว่านักเขียนก็อปข้อความมาจากทวิตอะ คือถ้าบางอันเป็นคำคมสั้นๆนี่เราสามารถเอามาปรับนิดๆได้มั้ย หรือควรคิดเองหมดอยู่ดี (คือคนที่ดราม่าคนนั้นเอามาทั้งดุ้นเลย ยาวด้วย) พอดีเห็นในทวิตบางคำมันกินใจดี แล้วบางเรื่องเราก็ไม่เคยประสบเหตุการณ์นั้นๆเลยชอบส่องๆเก็บคำไว้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนิยาย ถามไว้เป็นความรู้จ้า
ทำไมเป็นนักเขียนมันต้องรู้สึกเศร้าขนาดนี้ อยู่ ๆก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้ง อาการหน่วงๆเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลามันคือไรวะ รักษาหายไหม ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย กูไม่เคยป่วยแล้วก็ไม่อยากป่วยเลยวะ กูกลัว ถ้าเขียนแล้วเป็นแบบนี้ ควรเลิกเขียนไหม เหมือนสุขภาพจิตมันแย่ลง ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
ถ้าเริ่มไม่ไหวก็ไปหาหมอ นักเขียนต้องอยู่กับตัวเองเยอะ บางทีก็เผลอเอาคุณค่าตัวเองไปผูกกับงานกับผลตอบรับ
ถามหน่อยเวลาพวกมึงเขียนนิยาย พวกมึงนั่งคิดพล็อตเงียบๆ คนเดียวในห้องส่วนตัวรึเปล่า คือเมื่อก่อนกูเคยเขียนได้วันละตอน แต่พอย้ายมานั่งเขียนในออฟฟิศที่บ้าน มันมักอะไรมาดึงโฟกัสสายตาหรือบางทีก็มีเสียงคนคุยอะไรงี้ลอดเข้าหูอะ ถึงเปิดเพลงกลบแล้วมันก็ยังลอดเข้ามาอยู่ดี ช่วงนี้เลยแบบสามสี่วันได้ตอนงี้ พล็อตดำเนินเรื่องก็คิดไม่ค่อยออก บางทีหงุดหงิดเล็กๆ ในใจด้วยซ้ำแล้วไม่มีอารมณ์เขียนต่อ มานั่งเปิดเฟส เปิดอย่างอื่นดูแทน
>>968 พล็อตกูชอบมาตอนทำอะไรแปลกๆ อยู่เฉยๆ ชอบไม่ได้พล็อต ต้องไปเรียน ไปกินข้าว ดูหนังเหมือน >>969 เลย
กูเข้าใจนะ laptop กูพัง กูเลยต้องมานั่งใช้คอมกลางบ้านแต่ง ทุกคนต่างเปิดทีวี กินข้าว ชวนญาติมาบ้าน กูไม่มีสมาธิหนักมาก ยิ่งฟังเพลงยิ่งไม่มีสมาธิ สำนวนก็แปลกๆ ไม่เหมือนตอนนั่งแต่งในห้องคนเดียว กูต้องการห้องเงียบๆ กลับคืนมา ฮืออ
ไม่รู้จะไปถามที่ไหนดี กูอยากได้ชื่อโรคที่ต้องนอนโรงพยาบาลนานๆ ให้หมอตรวจดูอาการเรื่อยๆ อะ เอาสัก 1 อาทิตย์หรือเป็นเดือนเลยก็ได้ อยากสร้างอีเว้นต์ในนิยายแต่กูไม่ค่อยป่วย ไม่เข้าโรงพยาบาลมานานแล้ว มีโรคอะไรบ้าง หรือมีเว็บมีคีย์เวิร์ดให้กูไปค้นต่อมั้ย แนะนำหน่อย
ขอถามหน่อย ถ้าเราทำมือขายเอง เราต้องฝากร้านช่วยโปรโมทไหม หรือขายเองเงียบๆไป
ดันมู้
>>946 แวะมาขอบคุณโม่งที่แนะนำซีรีส์อันเป็นนิรันดร์
ไม่ใช่นักเขียนเจ้าของคำถามนะ อยู่สายอ่าน เน้นแต่จีนโบราณกับไทยนิดหน่อย ขอกราบแนบตักที่ช่วยแนะนำ แม้จะไม่ชินกับการแปลสรรพนามเรียกผญ.ว่าหล่อนๆๆ ปกติเจอแต่นางไม่ก็เธอ
แต่โดยรวมแล้วชอบมากกกกก //กราบพับเพียบอีกที
ใครมีแนว Paranormal Romance ภาษาสวยประมาณนี้แนะนำอีกไหม อยากหาอ่านเพิ่ม
ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
>>982 มันมีมู้นี้ มึงไปเม้าท์กับกูได้นะเรื่องซีรี่ชุดนี้5555 ช่างเอาท์ดอของอิหมาป่ากับหนูลูกครึ่งวัลคีรีว้าวซ่าเปิดโลกกูมาก555
https://fanboi.ch/literature/5766/recent/
โม่งถามหน่อย ตอนนี้ทำเอานิยายลงเว็บขาย นิยมเว็บไหนกัน แนวเรื่องเป็น แฟนตาซี
เด็กดี หรือ fiction log
ปกติแต่งนิยายใช้แอพไหนกันอะ ปกติเราแต่งในคอมแล้วแม่พึ่งซื้อไอแพดมาใหม่เลยเอามายืมใช้บ้าง จะแต่งในโน้ตมันก็ซิงค์ไปไอโฟนของแม่ (เราแต่งนิยายวาย) ถ้าแม่เห็นนี่แย่แน่ ไมโครซอฟเวิดก็เสียตังรายเดือน แนะนำหน่อยน้า
ขอคำแนะนำเพื่อนโม่งที่เชี่ยวแนวจีนหน่อย อยากรู้ว่าในเซ็ตติ้งตระกูลใหญ่ที่พ่อแม่ไม่ใกล้ชิดกับลูกหรืออารมณ์แบบเป็นลูกชังนี่จะเรียกชื่อลูกคนนั้นว่ายังไง ตามปกติมันจะเป็น อา..., ...เอ๋อร์, เสี่ยว... แต่พวกนี้มันเป็นแนวๆชื่อเล่นแสดงความเอ็นดูหมดเลยนี่สิ
กระทู้ 6 https://fanboi.ch/literature/10634/
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.