Fanboi Channel

รวมพลนักเขียน แชร์เทคนิคประสบการณ์และข่าวสาร [กระทู้ที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

707 Nameless Fanboi Posted ID:/AZQB0TqU

>>700 >>701 >>702 >>703 โอเค ไม่รำคาญใช่มะ เพราะกูก็กลัวว่าไปเมนท์ยาวๆร่ายยาวๆนี่คือทำตัวเด่น เพราะอยากจะมาตีซี้รึไง ไม่ได้อยากรู้จักซักหน่อย แล้วกูก็กลัวนักอ่านบางคนเขาจะคิดว่ากูเลียแข้งเลียขานักเขียนด้วยน่ะ กูไม่รู้จักใครเลยนะ แต่คิดว่าชอบก็บอกออกมา แสดงความชอบออกไปให้สุดๆเลยดีกว่า เก็บไว้ก็อัดอั้นเปล่าๆ

708 Nameless Fanboi Posted ID:zhlb.cXlD

>>705 กุเคยโดนก๊อปแบบตรงๆ ไม่เปลี่ยนคำ กุเลยไม่ลงเว็บอีกเลย
ทำแบบนี้ แคป แล้วรีพอร์ตเลย ให้มันปลิวไปซะ แบบให้มันงงๆ อย่าไปตื่นให้ไก่เตือน

709 Nameless Fanboi Posted ID:zhlb.cXlD

>>708 อย่าไปเตือนให้ไก่ตื่น แม่ง กุพิมพ์ไรไป

710 Nameless Fanboi Posted ID:eh1ZGjr+s

>>706 >>708 ยังไม่ได้คุยกับเจ้าตัวเลย เขาแปลงสำนวนไปหมดแบบนี้กูกลัวว่าหลักฐานจะไม่หนาแน่นพอว่ะ

711 Nameless Fanboi Posted ID:h7WB7rXTU

>>705 มึงแคปเก็บแล้วทำเทียบก่อน อย่าเพิ่งกดแบนกดแจ้งอะไรนาง จากนั้นหาข้อมูลของนางเอาไว้ ยิ่งได้ชื่อนามสกุลตัวจริงอะไรยิ่งดี จากนั้นรวมได้เยอะจำนวนหนึ่งจนหลักฐานแน่ใจในสายตาคนอื่นแล้วว่าดิ้นไม่หลุดแน่ๆ และนิยายเรื่องนี้มึงเขียนจบแล้วอย่าลืมไปจดลิขสิทธิ์ไว้ก่อน แสดงความเป็นเจ้าของทางกฎหมาย จากนั้นก็ไปเตือนนาง ถ้านางตกลงกับมึงได้ก็แล้วแต่มึงตัดสินใจ ถ้านางจะแถทั้งๆ ที่หลักฐานครบ มึงก็แจ้งความก็ได้เลย

712 Nameless Fanboi Posted ID:c2G80faSc

ขอบคุณทุกคนมาก จะใจเย็นค่อยเก็บหลักฐานไปแล้วค่อยจัดการทีเดียว

713 Nameless Fanboi Posted ID:0N0HhpIxy

>>704 กูเปิด กูแต่งแนวแฟนตาซี เวลาคิดแนวเรื่องไม่ออก กูจะหาพวกเพลงสมัยยุโรปยุคกลางมาฟัง พอหลับตาแล้วฟังไปเรื่อยๆ มันจะเห็นภาพออกมาเลยเว้ย

714 Nameless Fanboi Posted ID:T0FV6N/vv

พูดถึงเรื่องลิขสิทธิ์ กูขอเสือกนิดหน่อย จริงๆ พวกมึงเขียนๆ กันเนี่ย ลิขสิทธิ์คุ้มครองมึงตั้งแต่จรดคีย์บอร์ดเขียนแล้วนะ ไม่ต้องจดอะไรเลย พวกมึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ พวกมึงต้องหาหลักฐานมายันให้ได้ว่า มึงทำงานนี้ขึ้นมาก่อน ถ้ามึงมีหลักฐานตรงนี้ ต่อให้อีกฝ่ายไปจดลิขสิทธิ์ อีการจดนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร

แต่ถ้าพูดถึงว่า สำนวนเปลี่ยน พล็อตแค่เหมือน แต่การดำเนินเรื่องเปลี่ยน พล็อตรองเปลี่ยน อะไรพวกนี้เนี่ย กูบอกเลยว่ายาก ลิขสิทธิ์ "ไม่คุ้มครองไอเดีย" พูดง่ายๆ คือไม่คุ้มครองพล็อตเรื่อง คือโลกนี้พล็อตนิยายมันจะมีพล็อตใหญ่สักกี่พล็อตกันล่ะ ถ้าจะให้ดี มึงต้องดูว่าการดำเนินเรื่อง ไทม์ไลน์ไปแนวเดียวกันไหม ถ้าสลับ มันสลับแบบ ยกยอดไปเยอะไหม พล็อตรองเหมือนกันไหม ตัวละครล่ะเป็นยังไง จุดเริ่มต้น จุดพีค จุดจบ หรือพวกเอกลักษณ์เล็กๆ น้อยๆ มันมีเหมือนกันรึเปล่า เหมือนมากน้อยขนาดไหน

ทางทีดีก็อย่างที่เพื่อนโม่งคนอื่นแนะนำ เก็บหลักฐานเอาไว้เยอะๆ ลองให้คนอ่านที่เป็นกลางหน่อยอ่านแล้วบอกว่าเหมือนคล้ายตรงไหน (เพื่อที่มึงจะได้ขจัดเรื่องอคติออกไปได้ด้วย) ต้นฉบับที่เก่าที่สุดของมึงคือเมื่อไหร่ เซฟไว้ให้ดี เรื่องแบบนี้ถ้าโจมตีต้องให้มันจบในครั้งเดียวเลย อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายเวิ่นเว้อ มันน่ารำคาญ ถ้ามันเวิ่น มึงก็จัดการแจ้งความ ถ้ามันเผยแพร่ทางเน็ต มึงอยู่ไหนก็แจ้งความที่นั่นแหละ ให้มันเดือดร้อนมาหามึงเอา

คดีลิขสิทธิ์เป็นคดีที่มีโทษทางอาญา คือมีจำคุกมีอะไร มีค่าปรับ และเป็นคดีทางแพ่งคือเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดได้ มึงไม่ต้องห่วง จัดไป

715 Nameless Fanboi Posted ID:axezyzBaf

ขอ ky หน่อย ถ้าสมมติกูแต่งแนวแฟนตาซีวาย แต่เน้นแฟนตาซีหนักๆ ไม่เน้นรักนี่กูจะส่งสนพ.ไหนได้บ้างไหม

716 Nameless Fanboi Posted ID:sne9z2pbr

>>715 ยากอยู่นะมึง มันก้ำกึ่งว่ะ ลองส่ง every nabu นกฮูก (อันนี้ไม่แน่ใจ เคยเห็นสนพ.ชื่อแนวๆ นี้เปิดรับต้นฉบับนิยายวายทุกแนวอะ)

717 Nameless Fanboi Posted ID:FFzhzaHQv

>>716 ก้ำกึ่งมาก กูถึงคิดหนักอยู่ เพราะส่วนใหญ่วายมันเน้นรักมากกว่า ส่วนแฟนตาซีก็ไม่รับวายอีก orz

718 Nameless Fanboi Posted ID:WHgtA6+qg

มีใครสร้างตัวละครแบบ Decoy มั้ยเพื่อนโม่ง เช่น พวก Decoy protagonist สร้างคู่ชิบหลอกๆแล้วพลิกไปกลางเรื่อง ไม่ก็ตัวเอกตายแล้วเปลี่ยนตัวเอก คอร์ดราม่าตอบรับกับแนวนี้ยังไงบ้าง

719 Nameless Fanboi Posted ID:Zvf+GHfb0

>>699 โอ้ย ไม่เลย เม้นเหอะ ชอบอ่าน
คอมเม้นนี่อ่านวันละหลายๆรอบ้เหอะ บางทีก็ไม่ได้ตอบ เพราะไม่รุ้จะตอบเหี้ยไร บางคนมาแบบ กริ้ดดดดดดดดดดดดดดด ดอเด็กเป็นแถวยาวเหยียดแล้วจบไป กูก็เลยเอ่อ...คงไม่ได้ต้องการให้กูเรสป้อนมั้ง
แต่กุก็ชอบอ่านอยู่ดี มันเป็นผลงานกูอ่ะนะ เป็นลุกกู ใครชมลุกกู กูก็ลอยทั้งนั้นแหละ ชมสั้นก็ดีชมยาวยิ่งดี 555555555

720 Nameless Fanboi Posted ID:Zvf+GHfb0

>>718 โหหห เท่าที่เห็น คนเขียนโดนฆ่าตายกลายเรื่องค่ะมึง

แค่ที่ผ่านมากูแค่แย็บๆไปนิดหน่อย ไมได้จะเอาจริง คอมเม้นท้วงไหลบ่ายิ่งกว่าน้ำท่วมกทมอีกค่ะ แต่ของกูเป็นฟิคนะ แบบถ้าฟิคมาเปลี่ยนคู่กลางเรื่องแม่งเรื่องใหญ่ไง
แต่คิดว่าถ้าเป็นนิยายคงอีกเรื่องนึง

แต่เรื่องฆ่าตัวละครนี่คิดว่าธรรมดา แต่เปลี่ยนตัวเอกก็อาจจะต้องดูลาดเลาดีๆ

แต่ทั้งนี่ทั้งนั้น อยากเขียนแนวไหนก็เขียนเหอะว่ะ งานเราเอง

721 Nameless Fanboi Posted ID:KB047hlCo

>>718 นักเขียนขื่อดัง NYT Best Seller ทำนางยังโดนสกรีมใส่ระงมเลยคร่ะ แต่นางสตรองนางแค่หัวเราะแล้วบอก นางใจร้าย แถมยังมีตอนพิเศษเขียนไว้อาลัยให้คู่ชิพที่ตายไปอีกนะมึง ขยี้กันสุด

722 Nameless Fanboi Posted ID:orpe6YsR+

>>718 เพิ่งอ่านเจอเรื่องนึง เจ็บจี๊ดจนอยากโวยคนแต่งว่าจิตใจทำด้วยอะไร แต่มันสมเหตุสมผล และมีผลกับเนื้องเรื่อง ทำให้เรื่องมีทิศทางที่แน่นอน ทำให้ตัวละครเติบโตสตรองขึ้น กูก็โอเคอะ

723 Nameless Fanboi Posted ID:hLJiWa8hH

หลังจากกุอ่านgame of thronesแล้วกุเริ่มทำใจได้ละว่าซักวันตัวละครต้องตาย ตัวโปรดกุก็ตาย ตัวเกลียดก็ตาย ตายกันหมด
มันทำให้คนอ่านลุ้นนะมึง๕๕

724 Nameless Fanboi Posted ID:ctb0KXIL2

มาคุยเล่นกัน อะไรที่ทำให้รู้สึกท้อมากที่สุด

725 Nameless Fanboi Posted ID:urojsXeKE

>>724 สมุดที่จดพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครหาย... ที่จำได้ก็หายจากความทรงจำ...

726 Nameless Fanboi Posted ID:+0T7EYWuR

เขียนเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เหมือนต้องเริ่มต้นใหม่

727 Nameless Fanboi Posted ID:Y5+8d/laf

ไฟหมดไปดื้อๆ เขียนยังไงก็เขียนไม่ออก

728 Nameless Fanboi Posted ID:8n9dg+dXV

>>724 เดดไลน์ลน ตัน เครียด เขียนไม่ออก คนอ่านทวง เครียดกว่าเดิม ตันกว่าเดิม ไมเกรนจะขึ้น เวร

729 Nameless Fanboi Posted ID:U8/MvGaBM

>>724 ภาระหน้าที่ในชีวิตจริง

730 Nameless Fanboi Posted ID:VZcC2GrWI

>>724 ยอดขายจากเล่มที่พยายามเขียนให้ดีกว่าปกติ มีอะไรบ้างสอดแทรกในเนื้อหาไม่ให้ถูกเหมารวมว่าเขียนแต่นิยายกลวงๆ แต่ดันขายไม่ค่อยดี แต่เล่มที่เขียนพลอตธรรมดาๆ เขียนเอามันเฉยๆ ไม่สนสี่สนแปดอะไรแล้ว เสือกขายดี เลยรู้สึกว่าสิ่งที่คนด่าปาวๆ ให้เขียนอะไรดีๆ ออกมาบ้างกับคนซื้อจริงนี้มันคนละกลุ่มกันชัดๆ คิดแล้วทุกครั้งก็เลยท้อหน่อยๆ เวลาอยากเขียนอะไรที่มันพอมีอะไร แต่ก็กลัวยอดขายมันจะออกมาแล้วขายไม่ได้เลย (ขอโทษที่พูดวกไปวนมานะมึง TwT)

731 Nameless Fanboi Posted ID:MDK6Z7BKz

ตัวเอง... อุตส่าห์วางพล็อตเอาไว้ พอเขียนไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล เหตุจูงใจและน้ำหนักในการกระทำตัวละครไม่มากพอ
สุดท้าย เฟล พาลทำเอาหยุดเขียน
นี่กุหยุดมาเดือนกว่าละเนี่ย

732 Nameless Fanboi Posted ID:urojsXeKE

>>730 ไหนขอพิสูจน์ กูชอบอ่านของดี

733 Nameless Fanboi Posted ID:9ONL7rERy

>>730 จะว่ายังไงดี เอาตรงๆ เลยคือนักอ่านส่วนใหญ่แม่งกากน่ะ แม่งไม่รู้จักความสวยงามของภาษา ไม่สนใจความสมจริง (ตราบเท่าที่ไม่มั่วจนเกินไป) คืออ่านเอามันเข้าว่านั่นแหละ นิยายที่ดูไม่ค่อยมีอะไร (แต่อ่านเพลิน) เลยขายดีกว่านิยายที่จริงจังไง

ความเหี้ยมันก็จะมาตกอยู่ที่นิยายที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเหี้ยกับโคตรจริงจัง คือนิยายจริงจังถ้าจริงจังจริงๆ (งงไหม) มันก็มีตลาดให้ขายอยู่ อย่างน้อยๆ ก็เอาไปชิงรางวัลนั่นนี่ได้บ้าง ส่วนไอ้นิยายตลกโปกฮาหาสาระไม่ได้ก็ขายนักอ่านที่เอามันเข้าว่าไป ส่วนนิยายที่พยายามจะขายความสนุก+จริงจัง แม่งก็ไม่ค่อยมีใครสน สนพ. ก็ไม่อยากพิมพ์ เว้นแต่นักเขียนคนนั้นจะมีชื่อเสียงพอดึงดูดลูกค้าได้บ้าง

734 Nameless Fanboi Posted ID:U8/MvGaBM

เพื่อนโม่งมีความคิดเห็นกับจอยฯยังไงบ้าง กูว่ามันบริโภคง่ายเกินไป น่าจะมาไวไปไวไงไม่รู้

735 Nameless Fanboi Posted ID:Awu7kC2.C

>>734 นิยายในจอย เริ่มในจอยก็ควรจะจบและอยู่ในจอยต่อไป ไม่ควรตีพิมพ์ว่ะ

ส่วนจะมาไวไปไวไหมกูว่าไม่ เพราะคนเดี๋ยวนี้ชอบบริโภคอะไรที่มันย่อยง่ายๆ ว่ะ

736 Nameless Fanboi Posted ID:M9UfoHUli

>>733 มึงพูดแบบนี้กูก็แอบหน้าสั่น แถวนี้นักเขียนเยอะ แต่พอดีกูเป็นนักอ่านที่ผ่านมา กูคิดว่าการเสพสำนวนภาษาที่สวยงามมันเหมือนการกินอาหาร...ถ้าซื้อหนังสือที่ภาษาดีมาอ่านก็เหมือนได้กินอาหารที่ดี ลื่นคอ กินง่าย...แต่ถ้าซื้อหนังสือห่วยๆก็เหมือนกินอาหารหมาห่วยๆ อ่านจบๆไปแค่นั้นแล้วไม่เอามาอ่านอีก หนังสือที่ดีสำหรับกูคือเนื้อเรื่อง กูชอบอะไรที่แน่นๆ ซับซ้อนเยอะๆแบบพลิกมาพลิกไป อ่านแล้วคิดไม่ถึงจนกูต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบนึง กูชอบช่วงเวลาที่คลายปมกับย้อนความ ตลค.มาก

รองมาสำหรับกูคงเป็นสำนวน สำนวนที่ไหลลื่นอ่านไม่ติดขัดตั้งหากที่เป็นสำนวนที่สวยงาม ไม่ใช่พรรณนาเป็นหน้าไม่มีห่าอะไรเลย นั่นไม่ใช่สำนวนที่สวยงามหรอกเว้ย แม่งน้ำหวานไร้ประโยชน์ชัดๆ

อาจจะสำนวนกลางๆแต่เนื้อหาแน่นๆ ไม่กลวงโบ๋ ไม่หลักลอย สำนวนการใช้ภาษาไม่มั่วซั่วเหมือนจับเอาของดีๆมายำๆๆรวมกันกลายเป็นขยะ
มึงก็อย่าคิดแต่ว่านักอ่านส่วนใหญ่แม่งกากหรืออะไรเลย ถ้ามึงเป็นนักเขียนมึงกำลังดูถูกคนอ่าน ดูถูกคนซื้องานมึง เมื่อก่อนกูไปงานหนังสือนะชอบไปเหมามาทีเยอะๆ แต่เดี๋ยวนี้กูไม่ไปแล้วงานหนังสือ มีแต่อะไรก็ไม่รู้แม่ง นิยายก็วางพล็อตหลักลอยชิบ บางจุดไม่สมเหตุสมผลมาก บางจุดก็แบบนะ บลาๆ เยอะแยะตุงนังเลิกอ่านแม่ง กูไปอ่านหนังสือแปลดีกว่า แต่ถ้ามีงานดีๆกูก็อยากอุดหนุนนะ กูชอบหนังสือ หนังสือทำอาหารกับปลูกต้นไม้กูก็ชอบ

737 Nameless Fanboi Posted ID:jo1RNXSTr

>>736 มึงทำเป็นพูดไป ภาษาดีของแต่ละคนไม่เท่ากันนะเหวย ดูหนังสือบางเล่มที่เด็กสมัยนี้บอกว่าภาษาดีสิ / เอ๊ะ ทำไมรู้สึกแก่ๆ

738 Nameless Fanboi Posted ID:jo1RNXSTr

>>734 กูว่าไม่น่ามาไวไปไวนะ ในยุคที่คนติดสมาร์ตโฟนกันแรงเบอร์นี้อะมึงงงง อ่านจอยแม่งก็เหมือนนั่งเล่นไลน์เล่นเฟซแหละ

739 Nameless Fanboi Posted ID:hFnMQYpj3

>>724 โดนคนอ่านด่าพ่อ 55555 ก็เข้าใจแหละว่าเป็นเด็กเม้น แต่บางทีก็รู้สึกว่าทำเกินไปหน่อย กูชอบเขียนแนวโรแมนติกหลอกล่อคนให้มาติด แล้วดราม่าทีตับบินกันสนุกเลย คนไทยไม่ค่อยชอบรักสามเส้าเท่าไหร่ รึชอบก็ไม่รู้ เห็นคนด่ากูเยอะดี 55555

740 Nameless Fanboi Posted ID:M9UfoHUli

>>737 กูอยู่รุ่นที่ไม่ใช่เด็กสมัยนี้... ถึงกูจะไม่แก่มากแต่กูก็ไม่ใช่เด็ก... แต่ก็จริงเรื่องสำนวนดีกับเรื่องความสนุกนี่พูดกันยาก แม่งไม่เหมือนกันจริงๆ แต่กูไม่ค่อยแตะหนังสือสมัยนี้เท่าไหร่แม่งผิดหวัง หลายเล่มแล้วที่กูซื้อมาแล้วกูผิดหวัง แต่กูก็ไม่ชอบอ่านตามที่เขาแนะนำกันอีกอะ เพราะความสนุกของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนี่แหละ

741 Nameless Fanboi Posted ID:Cj9hAJRke

>>736 ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ แต่กูก็ยังยืนยันว่านักอ่านส่วนใหญ่ (วงเล็บให้ก็ได้ว่าคือส่วนใหญ่ที่กูเคยพบเจอ อาจไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด) แม่งกาก

ตัวอย่างที่ง่ายที่สุด คือมึงไม่สามารถเฉลยปมแบบเป็นนัยๆ ได้เลย คือถ้ามึงต้องการจะบอกว่านางเอกเป็นคนแรงๆ เพราะต้องการซ่อนความว้าเหว่ในใจจากเรื่องในอดีตเอาไว้ มึงก็ต้องเขียนให้ชัดๆไปเลยว่า นางเอกเป็นแบบนี้เพราะมีปมแบบนี้ ถ้ามึงคิดจะเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิง อย่างให้ตัวละครอื่นพูดเป็นนัยๆ หรืออธิบายปมแทรกเอาไว้ให้ได้คิดต่อ แบบนี้นักอ่านส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจที่มึงสื่อ

ตอนแรกกูก็คิดนะว่าที่นักอ่านไม่เข้าใจเพราะกูเขียนห่วยรึเปล่า แต่ก็มีคนเข้าใจอยู่หลายคนนี่หว่า ลองไปให้เพื่อนนักเขียนช่วยปรับแก้แล้วมันก็บอกโอเคเข้าใจ แบบนี้ปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่กูละ

742 Nameless Fanboi Posted ID:jo1RNXSTr

>>741 อันนี้จากใจ กูมองว่านักอ่านหลายกลุ่มในบ้านเรา ตีความงานเขียนไม่ออก เพราะเสพแต่งานง่ายๆ ที่บอกทุกอย่างโจ่งแจ้งว่ะมึง

เพราะฉะนั้นเขาเลยเลือกเสพอะไรที่มันง่ายต่อไป เหมือนตอนรากนคราฉายแล้วมีคนออกมาตีความฉากแต่ละฉากในเรื่อง แล้วก็มีคนมาด่ามาแซะไงมึงว่าจะให้ตีความอะไรเยอะแยะ ทำให้มันดูมันเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้หรือไง หลายคนในบ้านเรารักความง่ายในการเสพเช่นนี้แล

743 Nameless Fanboi Posted ID:jo1RNXSTr

>>724 โดนคนอ่านทวงยิกเหมือนไปติดหนี้มาร้อยล้าน แต่เมนต์ของคนอ่านคนนั้น เป็นเมนต์แรกของเขาในบทความของกูนับสิบตอน....

744 Nameless Fanboi Posted ID:kC.AOdbMB

>>724 แม่งท้อได้หมดแหละ หนักสุดก็หมดไฟไปเอง 555 ทำงานหนัก วันๆแม่งทำงานกลับมาก็ไม่มีอารมณ์เขียนละ ความกระตือรือร้นแม่งหดหายไปหมดอ่ะ นอกนั้นก็พวกเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่มีคนอ่าน คนอ่านไม่เข้าใจ เรื่องที่เขียนขายตลาดขายดี เรื่องที่ตั้งใจไม่มีคนอ่าน แบบกูมีหลายนามปากกาเขียนหลายแนวช้ะ เขียนจริงจังปุ้บ ไม่มีคนอ่านเลยยย
กูเคยเห็นหลายคนแม่งชอบบอกว่า เขียนไปไม่ได้ต้องการให้ใครมาอ่าน เขียนเพราะอยากเขียน
เออกูก็เขียนเพราะอยากเขียน แต่ก็ชอบให้มีคนอ่านอ่ะ ดูละเรื่องที่กูเขียนจบได้ก็มีคนอ่านเยอะทั้งนั้น แม่งทำให้เรื่องมันไปเร็วนะเว่ย เหมือนพออ่านคอมเม้นแล้วก็สมองแล่นอ่ะ 5555555
แล้วแบบมันก็จะกลายเป็นว่า เฮ้ย กูไม่ได้เขียนเหี้ยไรที่กูอยากละ กูเขียนอะไรที่คนอ่านอยากอ่านว่ะ ไรงี้
ก็เป็นฟีลลิ่งชวนท้อถอยอีกอย่างหนึ่ง

เฮ้อออออออออ

745 Nameless Fanboi Posted ID:P1pOgvhnt

เออ จู่ๆก็เกิดสงสัย กูคิดอะไรไม่ออกเลยเขียนเรื่องย่อเล่นๆ ทีนี้ก็คิดอยากเอามาแต่งจริงๆจังๆดู แต่เซ็ตติ้งมันน่าจะไม่กี่วัน ไม่กี่ตอนจบไรงี้ ก็ชักสงสัยว่าเวลาไม่กี่วันนี่ ตลค.จะตกหลุมรักกันนี่เป็นไปได้ป่ะวะ

746 Nameless Fanboi Posted ID:DnWvZDtX+

>>745 สำหรับกูคือถ้าเป็นแบบความหลงใหลชั่วคราวในไม่กี่วัน สามารถเป็นไปได้ ฟีลแบบรักแรกพบงี้ แต่ถ้าจะอยู่กันยืดๆ อาจจะต้องดูนานกว่านั้นว่ะ

747 Nameless Fanboi Posted ID:P1pOgvhnt

>>746 งั้นตัดเรื่องจบแฮปปี้แบยครองคู่กันไปเลยดีกว่าสินะ 555

748 Nameless Fanboi Posted ID:aUtG1eP+N

>>745 ถ้าเอาแค่ตกหลุมรัก วินาทีเดียวก็ตกหลุมรักได้แล้ว และที่ว่าจะอยู่กันยืดหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าก่อนคบรู้จักกันมานานแค่ไหน หรือเป็นแฟนกันได้ยังไง แต่มันอยู่ที่นิสัยและความเข้ากันได้ล้วนๆ ถ้ามึงสามารถเขียนให้ตัวละครพระนางมีนิสัยสอดคล้องกัน ต่อให้แค่จ้องตาแล้วตกหลุมรัก แต่งงานอยู่กินกันจนแก่เฒ่า กูก็ถือว่าสมเหตุสมผล

749 Nameless Fanboi Posted ID:P1pOgvhnt

>>748 คือเรื่องย่อที่กูเขียน นางเอกกำลังเดินทางไปแต่งงานไง แล้วรู้จักกับพระเอกระหว่างทาง มีเหตุต้องอยู่ร่วมกันซักหลายๆวันไรงี้ เลยว่าจะให้จบแฮปปี้มันก็กระไรอยู่ 555

750 Nameless Fanboi Posted ID:hwAIihr0V

เวลาแต่ง ในหัวพวกมึงเหมือนเป็นภาพยนตร์แมะ ของกุเป็นแบบนั้นแหละ มันแบบเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ใช่กุเป็นคนแต่งเลย แบบสนทนาไรมันไหลลื่นเหมือนตัวละครมันเป็นคนพูดกันจริงๆเลย แล้วแบบตัวละครนี้จะทำไงในสถานการณ์นี้ ในหัวกูมีเป็นม้วนหนังเลย แต่กูบรรยายออกมาไม่ถูก5555 เหมือนประมาณแปลงมูฟวี่ เป็นตัวอักษรเลย ยากชิบหายทำไงดี

751 Nameless Fanboi Posted ID:ajcASqv3p

>>750 เซมๆ ในหัวกูไปไวกว่ามือกูพิมพ์ว่ะ ประเด็นคือในหัวคิดตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องละนะ แต่แม่งเขียนไม่ไปไหนสักที

752 Nameless Fanboi Posted ID:d+81nKFky

>>751 ในที่สุดก็เจอเพื่อนแล้ว
มึงยังเขียนไม่ถึงไหน กุชื่อเรื่องยังไม่ได้เลย ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วแล้ว กว่ากุจะได้เริ่มคงแปดสิบ ให้คนอ่านลุ้นว่าอีนี่จะตายก่อนแต่งจบหรือ แต่งจบแล้วตายละกัน

753 Nameless Fanboi Posted ID:nj18k2sBq

>>752 ชื่อเรื่องกับชื่อตอนคืออะไรที่คิดยากสัสๆ ค่ะมึง 5555 ทุกวันนี้กูแทบจะขายพล็อตในคลังให้คนรอบตัวเอาไปเขียนฟิคแทนแล้ว พอกูเขียนไม่ทันใจตัวเองมันเลยสนองนี้ดตัวเองไม่ได้เลยว่ะ 55555

754 Nameless Fanboi Posted ID:nj18k2sBq

>>752 อีกอย่าง กูยอมรับว่ากูเป็นคนสมาธิสั้นด้วยแหละ ใจจดจ่ออะไรไม่ค่อยได้นานมาก กว่าจะแต่งเสร็จตอนหนึ่งก็ใช้เวลานานอะ แถมยังเป็นพวกขี้เบื่ออีก แป๊บๆ คิดพล็อตเรื่องใหม่ได้ ก็รู้สึกว่าเบื่อและอยากทิ้งเรื่องเก่าอะมึง ร้องไห้

755 Nameless Fanboi Posted ID:d+81nKFky

มึงๆ เอลฟ์ที่เป็นเด็กเรียกว่าอะไร เอลฟ์เด็กน้อย หรือเด็กน้อยเอลฟ์ หรือเด็กน้อยที่เป็นเอลฟ์

756 Nameless Fanboi Posted ID:nj18k2sBq

>>755 เจ้าเอลฟ์น้อย เด็กน้อยชาวเอลฟ์ เอลฟ์เด็ก เอลฟ์เยาว์วัย เอลฟ์น้อยผู้ไร้เดียงสา เอาแบบประมาณไหนอีกไหม

757 Nameless Fanboi Posted ID:QaAwkbt7y

พวกมึงเหมือนกูเลย มัพลอตในหัวเล่นเป็นหนัง แต่พอจะเขียนเสือกเขียนไม่ออก 555

758 Nameless Fanboi Posted ID:6XXmdFe2j

โอ้ย เรื่องชื่อนี่มีแม่งเรียลมาก คือพล็อต บทอะไรนี่คิดออกเป็นฉากๆ แต่คืดตีลังกาเค้นสมองแทบตายกูคิดชื่อเรื่องไม่ออก อนาถจังวะ TT

759 Nameless Fanboi Posted ID:AuSYySkE1

เออ... ใครเป็นแบบกุมั่ง พล็อตแม่งชอบออกมาตอนอาบน้ำว่ะ
วันก่อนกุตั้งใจจะเขียนแนว slowlife ชิลๆ สบายๆ แต่พอหลังกลับบ้านมากุเข้าอาบน้ำ ...ไม่นานพล็อตนิยายเรื่องใหม่ ดราม่า ปวดตับในแบบชนิดว่าตรงข้ามกับไอ้ที่ตั้งใจเขียนก็ผุดขึ้นมาซะงั้น
ไอ้ที่กุตั้งใจนึกพล็อตตั้งนานเสือกไม่มา พอหัวเปียกน้ำเท่านั้นล่ะ...

760 Nameless Fanboi Posted ID:hrzpTI52I

>>759 เวลาคิดพล็อตไม่ออกกูก็ชอบอาบน้ำสระผมอะ มันเป็นช่วงที่ผ่อนคลายที่สุด พล็อตเลยมาง่าย ดีแล้วล่ะ

761 Nameless Fanboi Posted ID:Ydh1eEq+N

>>759 ส่วนกู พล็อตชอบมาช่วงฟังเพลง บางทีฟังเพลงสักเพลง กูตีพล็อตได้ยาวมากไปเลยอะ แต่ส่วนมากแต่งไม่ทัน เลยไปตกเป็น sf มากกว่า

762 Nameless Fanboi Posted ID:mUigFdpts

>>759 เป็น และพออาบน้ำ​เสร็จ​ออกมา กูก็จะลืม.....

763 Nameless Fanboi Posted ID:DFUgo0tnO

พล็อตกูมาช่วงหลัง 2 ทุ่ม กูรู้สึกสงบสุขแบบไม่มีใครมากวนดี ตอนอาบน้ำสมองกูจะว่างมาก เหมือนรีเฟรชข้อมูลใหม่

764 Nameless Fanboi Posted ID:DFUgo0tnO

เออ จะว่าไปมีใครเป็นแบบกูมั้ย เวลาคิดคำศัพท์ในหัว มันออกมาเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แล้วต้องมานั่งคิดคำแปลเป็นไทย แล้วบางทีมันไม่มีคำแปลที่ชัดเจน อย่าง Juggernaut dispersion อะไรงี้อธิบายยากจริง ไม่รู้ทำไม

765 Nameless Fanboi Posted ID:3zcZVnHrc

>>764 กูว่ากูเข้าใจอยู่ แบบบางทีคำที่เป็นภาษาอังกฤษมันอ่านแล้วเก็ตความหมายเก็ตบริบท แต่พอจะแปลเป็นภาษาไทยแล้วไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร หรือจะปรับยังไงให้ได้เซ้นส์เหมือนคำอังกฤษต้นฉบับอะ
อย่างกูอ่านนิยายอังกฤษบางเล่ม กูเก็ตทุกอย่างเลย แต่พออ่านที่แปลไทยกูดันรู้สึกไม่เก็ต ไม่อินเท่าต้นฉบับ ไม่ก็รู้สึกแหม่งๆ เวลากูแปลงานกูก็เซ็งตัวเองมาก ไม่รู้จะหาคำ จะเรียบเรียงยังไงให้มันมีความหมาย+ให้ความรู้สึกเท่ากับภาษาต้นฉบับ

766 Nameless Fanboi Posted ID:JuL.0PxGK

>>764 กูเป็นๆ เดี๋ยวนี้อ่านฟิคฝรั่งบ่อยไง ศัพท์หลายคำนี่นึกไทยไม่ออก 555

767 Nameless Fanboi Posted ID:AuSYySkE1

เพื่อนโม่ง...กุ >>759 เองนะ คือตอนนี้กุเจอปัญหาว่ะ คือกุมีนิยายเขียนค้างเอาไว้ก่อนหน้านั้น แต่เพราะไอ้การอาบน้ำวันก่อนแล้วได้พล็อตนี่ล่ะ ทำให้กุเจอปัญหาอยากจะมาปรึกษา

โอเค ก่อนจะเริ่มกันกุขอบอกก่อนว่า ไอ้นิยายที่เขียนค้างเอาไว้น่ะมันเป็นเรื่องราวที่กุวางพล้อต วางเนื้อหาเอาไว้หมดแล้ว (แต่ช่วงนี้หยุดเขียนเพราะ writerblock) เนื้อหาเป็นแนวแฟนตาซีวัยรุ่นตามหาคนสำคัญ มีตัวละครชายเป็นคนดำเนินเรื่อง คือกุไม่รู้ว่าแนวนี้จะขายได้มั้ย กุเลยไม่กล้าเขียนต่อเพราะยุคนี้ถ้าไม่ใช่นิยายขายผู้หญิงเขาก็ไปอ่านนิยายแปลกันหมด

ซึ่งกลับกันไอ้เรื่องใหม่ที่คิดได้เนี่ย... มันเป็นเรื่องธีมเรื่องที่เหมาะกับ สนพ.สถาพร มาก~ ตัวละครหญิงดำเนินเรื่อง (เช็ค) มีเรื่องราวความรัก (เช็ค) ความสั้นยาวพอดีประมาณ 4 เล่มจบ (เช็ค) เมื่อเอาองค์ประกอบทั้งหมดมารวมกันก็พอจะมีหวังขายได้ (มั้ง) ใจกุเลยค่อนข้างเอียงไปทางเรื่องนี้นิดหน่อย แต่กุก็ไม่อยากจะทิ้งไอ้เรื่องที่อุตส่าห์วางทุกอย่างเอาไว้แล้วเนี่ยสิ

กุกลุ้มใจมาก ไม่รู้จะปรึกษาใครดี เพื่อนโม่งช่วยกุหน่อยได้มั้ยเนี่ย~

768 Nameless Fanboi Posted ID:ozZ1/bJG0

>>767 แต่งจบแล้ว สนพ.ไม่รับ ก็ขาย E-book บน Meb
สมัยนี้มีทางเลือกมากขึ้นในการพิมพ์ขาย บางทีผลตอบแทนดีกว่าได้ตีพิมพ์กับสนพ. อีก
ปัญหาคือแฟนคลับนั่นแหละ จะช่วยอุคหนุนเท่าไร

769 Nameless Fanboi Posted ID:M7jSz2nRD

>>767 ต้องถามแฟนคลับว่ะ ว่าแล้วก็มาให้่กุอ่านเดี๋ยวตัดสินเอง

770 Nameless Fanboi Posted ID:EsMrwFO3q

อืม... พวกแฟนคลับ ของกุนี่ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายส่วนใหญ่ว่ะ เพราะก่อนหน้านี้กุเขียนแนวแฟนตาซีเกิดใหม่ด้วยล่ะ
ไอ้เรื่องที่เขียนอยู่ก็เขียนเพราะอยากจะคงแฟนคลับกลุ่มเดิมเอาไว้ แต่ไอ้เรื่องใหม่ที่คิดพล็อตได้เนี่ย... มันไม่ใช่แนวผู้หญิงจ๋าก็จริงนะ เพราะกุตั้งใจดีไซน์ให้นางเอกแมนเข้าไว้จนแม้แต่ผู้ชายก็ต้องอาย แต่ก็กลัวว่าเขาจะไม่เอา Character แบบนั้นเนี่ยสิ

กลุ้มใจเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเขียนเรื่องไหน... นี่ล่ะปัญหาของกุตอนนี้ เฮ้อ~

771 Nameless Fanboi Posted ID:/Icsl7NtY

>>741 +1
>>750 กูเป็นๆ แต่แค่บางครั้งนะ แล้วถ้าเป็นงี้จะเขียนง่ายมาก แค่บรรยายไปตามที่เห็นในหัว

แฟนคลับนี่มักจะซื้อจริงแค่ประมาณ 10%

772 Nameless Fanboi Posted ID:Ez5U0YgHI

กูอยากมีไอดอลแต่ไม่ว่าอ่านอะไรก็ไม่ถูกใจซักที มาตรฐานสูงก็ใช่ แต่ยิ่งทำให้ห่างการอ่าน พอไม่อ่านก็เขียนไม่ออก ห่างการเขียนอีก เฮ้อ เซ็งตัวเองว่ะ เหมือนอิ่มตัว หมดไฟแล้ว เห็นคนอื่นก็อิตฉาไปทั่วเลย

773 Nameless Fanboi Posted ID:mYxUFxkZ4

คิดชื่อเรื่องจากอะไรกันวะ กูคิดมาเป็นเดือนแล้วกูยังคิดไม่ออกอยู่นั่นแหละ แต่ว่ากูเขียนชื่อไฟล์เป็นชื่อของตัวละครไปเลย กรรม

774 Nameless Fanboi Posted ID:SzLs66aHr

>>773 ชื่อเพลงว่ะ

775 Nameless Fanboi Posted ID:tZCh/fLhu

>>773 กุเอาตามการ์ตูนที่กุติดอยู่ว่ะ กุติดเรื่องใหม่ค่อยเปลี่ยน ตอนแรกจาก liar->kingdom
ตอนนี้นิยายกูกลายเป็นสงครามได้ไงไม่รู้...ถ้ากุอ่านเรื่องผี เรื่องนี้คงวกลายเป็นแนวผีแน่นวล...

776 Nameless Fanboi Posted ID:xeB6/LTQb

>>773 กุตั้งชื่อเรื่องก่อนคิดพล็อตเลยว่ะ 5 5 5

777 Nameless Fanboi Posted ID:GaVftYhBV

มีเทคนิคการสร้างตัวละครแนวสาวยันมั้ยเพื่อนโม่ง กูว่าดูซับซ้อนกว่าตัวละครแนวอื่นๆสุดละ

778 Nameless Fanboi Posted ID:Q2hS8Ozh.

>>777 ยันเดเระสินะ? ก่อนจะสร้างตัวละครมึงต้องรู้จักเอกลักษณ์ของพวกนี้ก่อน
ยันเดเระ คือพวกที่หึงแรง ไม่รักกูมึงตาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นอาการผิดปกติทางจิตของตัวละคร แต่บางทีก็อาจจะใส่ปมเข้ามา อาทิเช่น สมัยเด็กๆ เป็นคนที่โดนชาวบ้านเมิน พอมีคนเข้ามาในชีวิตก็คิดว่าเขาเป็น Savior แล้วติดหนึบคนๆ นั้นแบบไม่ปล่อยเป็นต้น

ถ้าจาก ปสก. กุถามว่ามีเสน่ห์มั้ย... กุว่า Creepy มากกว่าว่ะ

779 Nameless Fanboi Posted ID:208pGekJ1

>>778 มันดูมีเสน่ห์ในจอ ชีวิตจริงนี่น่ากลัวมากกว่าแต่ถ้ามึงรักเขาก็มั่นใจได้เลยว่าซื่อสัตย์แน่

780 Nameless Fanboi Posted ID:lQmGjV57d

สาวยันถ้าเอาไม่ดุมากมันก็จะไม่ยัน ที่กูเคยเจอว่าเกือบยันก็มี มิคาสะ ของ Attack on titan อะเกือบยัน เพราะมันมีเหตุผลว่าทำไมถึงรักฝังใจขนาดนั้น แต่ที่เห็นยันส่วนมากคือรักแบบคลั่งไคล้เกินเหตุจนเหมือนมีอาการทางจิตไปเลย

781 Nameless Fanboi Posted ID:B+DmVtHY8

เออ กูห่างการเขียนไปนาน สกิลเลยตกๆไป ตอนนี้เขียนอะไรก็ดูห้วนๆสั้นๆพิกล มีวิธีทำยังไงให้เขียนบรรยายยาวขึ้นแนะนำบ้างมั้ยวะ 555

782 Nameless Fanboi Posted ID:WZKtRFslT

>>781 ลองหานิยายอ่านมะ?

ไม่รู้คนอื่นเป็นปะ แต่เวลากูติดนิยายเรื่องไหนก็จะติดสำนวนนั้นๆมาว่ะ อ่านเล่มใหม่ก็ติดสำนวนเขามาวนๆไป แก้ไม่หายสักที จนแทบไม่อยากอ่านอะไร กลัวสำนวนเพี้ยนไป orz

783 Nameless Fanboi Posted ID:X7eHY3YB8

กูเขียนเรื่องสั้นลงทวิตแล้วให้เพื่อนอ่าน เป็นพลอตแบบนางเอกยืนเศร้าท่ามกลางฝูงชนหลังเลิกกับพระเอกไรงี้ (ใช้เพลงเป็นแรงบันดาลใจด้วย) ทีนี้เพื่อนก็บอกว่าไม่ค่อยอิน น่าจะบรรยายมากกว่านี้ว่ารักกันอะไรยังไง กูเลยอยากถามความเห็นหน่อยน่ะ คือกูตั้งใจแบบนี่เรื่องสั้นไง ไม่ต้องรู้หรอกว่าเขาคบกันยังไง เลิกตอนไหน จากนี้จะทำยังไงต่อไป ขอแค่ตอนนี้ โมเม้นนี้ รู้ว่านางเอกกำลังเศร้าเท่านั้นก็พอแต่เหมือนเขาจะชอบแบบบรรยายเยอะๆแฮะ นี่เรียกว่าเขาชอบแบบtell ไม่ได้ชอบแบบshowป่ะวะ 555 กูก็ไม่ถนัดบรรยายยาวๆ เยอะๆด้วยสิ

784 Nameless Fanboi Posted ID:sbG+A8E0q

มึงกุกำลังติดนิยายเรื่องนึงอยู่ กูนั่งอ่านคอมเม้นชาวบ้านอยู่ มีแต้คนด่านักเขียนที่ไม่ยอมทำเรื่องไปทางตามใจมัน มึงรู็สึกไงกันมั่งวะ เวลาคนเม้นแบบนี้ ไม่ใช่น้อยๆ นะ เป็นร้อยๆ เม้น บางคนมาแบบหยาบคายมาก อินจัด อีเหี้ยกูนึกว่านางเอกไปเผาบ้านมันเจ็ดชั่วโคตร
ถ้ากูเขียนเรื่องนี้กูคงแหกอกคนอ่านตายซะก่อน เปิดวอร์แบบมึงมาเขียนเองเลยมั้ย

785 Nameless Fanboi Posted ID:3Y7dddHUa

>>783 ถ้าไม่ชอบบรรยายเยอะ ใส่ link เพลงบิ้วบรรยากาศลงไปด้วยแบบนิยายวัยรุ่น
>>784 เคยเป็น โมโหจะเป็นจะตายจิตตกจากนั้นกรวดน้ำเลิกอ่านคอมเมนต์คนอ่าน

786 Nameless Fanboi Posted ID:X7eHY3YB8

>>785 ใส่แล้ว ก็ไม่รู้สินะ คงไม่ใช่แนวเขาจริงๆ 555 สงสัยกูคงต้องกลับ/ปฝึกบรรยายใหม่แล้วล่ะ รู้สึกฝืดๆสุดๆ

787 Nameless Fanboi Posted ID:8UEUQK.t7

>>782 กุเป็น~ กุมักติดสำนวนจากนิยายคนอื่นมาเขียนประจำเลย

788 Nameless Fanboi Posted ID:2m8lBiDDD

>>784 โชคดีนักอ่านกูค่อนข้างน่ารัก ไม่มีเมนต์แรง ๆ แค่แนะนำซอฟต์ ๆ บ้างบางครั้ง
และกูเขียนแบบไม่คาดหวังคอมเมนต์ ยอดวิวด้วยอะ เลยไม่มีอารมณ์อยากแหกอกหรือเอาใจนักอ่านเท่าไหร่ต่อให้แรงมายังไง

789 Nameless Fanboi Posted ID:rOLABuId4

ตอนนี้กูล่ะอยากติดสำนวนใครซักคนจังเพราะกูเขียนไม่ออกเลย แต่หาอะไรอ่านก็ไม่ถูกใจซักที orz

790 Nameless Fanboi Posted ID:sbG+A8E0q

>>789 ไปอ่าแนนวจีนเสินเจิ้นแบบกุมั้ย จะได้แนะนำเรื่องปวดตับให้

791 Nameless Fanboi Posted ID:X7eHY3YB8

>>790 กูไม่ชอบแนวจีนเท่าไหร่ แต่เอามาลองอ่านก็ไม่ขัดข้อง ถือว่าศึกษาละกัน 55

792 Nameless Fanboi Posted ID:8UEUQK.t7

อืมมม เพื่อนโม่งเอ๋ย กุขอถามหน่อย...
เขียนนิยายกันนี่ ส่วนใหญ่ความยาวประมาณเท่าไรกันมั่งนั่น?
พอดีกุตามนักเขียนคนหนึ่งเขาก็บอกว่าเขียนแค่ 50-70 หน้าก็ขายได้แล้ว อย่างมากก็ไม่เกิน 70k คำ ต่อเล่ม... ซึ่งนั่นก็ทำเอากุหันมาย้อนมองตัวเองว่ะ
กุเขียนตอนนึงก็ปาไป 15k ละ ทั้งเล่มกุก็ตีเฉลี่ยราวๆ 200k คำแน่ะ นี่แสดงว่ากุเขียนเยอะไปงั้นเหรอ?

793 Nameless Fanboi Posted ID:3Y7dddHUa

>>792 นิยายแบบเล่มบางๆ ขนาด A5 หรือเล็กกว่า ต้นฉบับจะประมาณ 70-120 หน้า A4 ตอนละ 10 - 15 หน้า ส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบบนับคำจะกำหนดอย่างน้อย 120 - 150k คำ ไม่เคยเห็นน้อยกว่านี้ยกเว้นเล่มบางจัดๆ ที่ขายตาม 7-11 พวกนั้นจะน้อยมากอาศัยขยายตัวอักษรใหญ่ๆ

794 Nameless Fanboi Posted ID:sbG+A8E0q

>>791 สิ้นเยื่อใยเสน่หา กับหยกผลาญใจ กับข้าแอบรักท่านแม่ทัพข้างเดียว (หลังๆ มาจากคอมเมดี้หน่อย ให้ตับกูได้ฟื้นฟู)
กูกำลังติดแนวนี้ ติดยาวเลย แม่งเอ้ย ตอนแรกก็ไม่สนใจ โดนโม่งมู้เสินเจิ้นลวงเข้ามาอ่าน ติดยาวเลย

795 Nameless Fanboi Posted ID:NFGEOc4j9

>>794 เอ้า นี่ก็มาชวนโม่งคนอื่นเข้าตำหนักเสิ่นเจิ้น 55555555555 ดีค่ะ มากันเยอะ ๆ /กวักมือ

796 Nameless Fanboi Posted ID:SlzECpZ8M

เสิ่นเจิ้นดีดีกุก็อยากเปย์นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนมันมีไฟต่อไป

ปล.มึงมีเสิ่นเจิ้นดีดีในเว็บเดกดอย เรื่องไหนแนะนำนอกจากนี้บ้างวะ

ตอนนี้กุอ่านไม่เยอะ แต่ หยกผลาญใจ สิ้นไร้ ลิขิตเทพอลวน หวน คุณชาย...ข้าตระหนก มู่กั๋ว เสี่ยวตี้ สมุนน้อย

มีไรนอกจากนี้บ้างวะ
ปล. ตัวประกอบสุดเริ่ดมีใครอ่านยัง เห็นอยุ่อันดับแรกๆ กุขอคนที่อ่านสับหน่อยจะได้คิดว่าควรเสียเวลาอ่านมั้ย

797 Nameless Fanboi Posted ID:GbZdymUoC

>>792 ถ้าเป็นขนาดไลท์โนเวลก็ประมาณนั้น ถ้า 200k มันจะได้ประมาณนิยายแฟนตาซีเล่มใหญ่หนาๆ

798 Nameless Fanboi Posted ID:N2votNE4F

>>796 อ่านละ สนุกดี กุชอบนางเอกที่มั่นคงว่าจะไม่ยอมแต่งง่ายๆ แค่นางเอกปฏิเสธพระเอก(?) คนคอมเม้นถล่มนักเขียนกันใหญ่เลย เรื่องนี้แหละที่กุว่าก่อนหน้านี้ สงสารนักเขียนชิบหาย คนอินก็ดีนะ แต่อินขนาดนี้กูคงด่ากลับ อีห่าเรื่องกุวางมาแล้วด่าอยู่นั่นแหละ

799 Nameless Fanboi Posted ID:N2votNE4F

ชายาอ๋องกระดูกเหล็กตอนน้อยแต่ก็น่าสนใจ ติดตามอยู่ ขอขมาที่เคยนินทาชื่อเรื่อง๕๕๕

800 Nameless Fanboi Posted ID:YyZEeTxmh

มีเรื่องจะปรึกษา กูคิดพล็อตในหัวมาเกือบสิบปีแล้วว่ะเพื่อนโม่ง มีอันนึงที่กูอยากให้เป็นแน่ๆคือ นางเอกมารุ้ตอนหลังว่าเป็นผู้ชายตั้งแต่เกิด(ให้มึงนึกถึงขั้วตรงข้ามของ เฟรินจากบารามอส) กูไม่รุ้จะเขียนอธิบายตัวตน การพัฒนาตัวละครกูจากนี้ไงว่ะ คือกูจะเขียนให้มันติดนิสัยสาวแตก โฮกผู้ชาย ก็แปลกๆ

801 Nameless Fanboi Posted ID:zgLTNVRUk

>>796 กำลังจะอ่าน เปิดมาคือนางเอกจบLSEกับHarvard ม.ในฝันกูเลยนะนั่น

802 Nameless Fanboi Posted ID:+2kNqao0/

>>782 กูก็เป็น ตอนนี้ติดนิยายเสินเจิ้น นิยายกุจักรววงศ์ๆ จีนเลย ทั้งที่เรื่องมันอยู่แฟนตาซีต่างมิติ...

803 Nameless Fanboi Posted ID:Jy9i7DMm+

โตมร กับ นพดล แปลดีปะ

804 Nameless Fanboi Posted ID:VWfC+q39E

KY คิดยังไงกับการก้อบเอาเนื้อเพลงมาใส่ในนิยายวะ
กูเห็นมาคนแม่งยกมาทั้งดุ้น จะจบเพลงอยู่และมันแปลกๆอะ คือกูเพิ่งไปเจอเพลงเหมาะๆกับเรื่องกูมา จะใส่ลงไปในเรื่องแบบนั้น/ตัดมาบางท่อน หรือ ฝังให้ฟังเฉยๆดี ไม่ต้องลงเล่ม (แต่คงไม่เล่นออโต้ กลัวคนรำคาญ 555)
ว่าแต่ก้อบลงไปงั้นไม่ผิดลิขสิทธิ์อ่อวะ ?

805 Nameless Fanboi Posted ID:whuabO2nn

>>803 โตมร ดีบ้างไม่ดีบ้าง/ นพดล เหี้ยยยยยยยย

806 Nameless Fanboi Posted ID:FGVAaCZfU

>>804 กูไม่ชอบการลงเนื้อเพลงทั้งดุ้นในนิยาย มันสื่อถือความด้อยทักษะในการแต่งนิยาย มึงควรหาทางทำให้เมนชั่นถึงเพลงโดยไม่ก้อปมาปะทั้งดุ้นมากกว่า เคสเดียวที่กูยอมคือแต่งsongfic

807 Nameless Fanboi Posted ID:6R8P+xjj5

>>804 เรื่อง​ลิขสิทธิ์​ไม่รู้​อะ แต่กูไม่เคยอินกะพวกที่ก๊อปเนื้อมาเลย ยิ่งไม่ค่อย​ได้ฟังเพลงด้วย ถ้าเจอกูข้ามอะ
ถ้าจะใช้เพลงจริงๆ น่าจะใส่อย่างชั้นเชิง​กว่าการก๊อป กูชอบแบบบอกชื่อเพลง แล้วเล่าอารมณ์บรรยากาศ​​ของเพลงงี้ แบบจนรู้สึก​อยากไปหามาฟังประกอบรรยากาศ​เนื้อเรื่องเลย

808 Nameless Fanboi Posted ID:gEkyyoLGw

ถามอะไรหน่อย เวลาพวกมึงเขียนนิยายจะมีสเป็คคู่ในอุคมคติบ้างมะ ไม่ว่าจะกี่เรื่องที่เขียนต้องมีคู่ลักษณะแบบนี้อยู่ด้วย อย่างเช่นคู่มีนิสัยคล้ายกันมากเหมือนเป็นคนคนเดียวกันหรือคู่ที่นิสัยต่างกันสุดขั้วอะไรประมาณนั้นอะ

กูชอบคู่ที่นิสัยต่างกันแต่เติมเต็มกันและกันได้ดีเหมือนแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากันว่ะ กูรู้สึกว่าคู่แบบนี้มันฟินในหัวใจกูมากกว่าคู่ที่นิสัยเหมือนกันหรือคล้ายกันยังไงไม่รู้ดิ แล้วเพราะกูชอบคู่แบบนี้กูเลยสร้างคู่ที่มันต่างกันสุดขั้วจนไม่น่าเชื่อจะมารักกันได้ทุกทีเลย

809 Nameless Fanboi Posted ID:RwJ1cpPnS

>>808 เหมียนกัน ถ้านิสัยเหมือนกันมันน่าเบื่อไปว่ะ

810 Nameless Fanboi Posted ID:oPIw2dGHz

>>808 ของกูต้องมีคู่โง่ๆประจำนิยายทุกเรื่อง เป็นตัวละคร Signature ของกู นางไม่ก็พระ สักคนต้องโง่ ส่วนอีกคนต้องฉลาด คอยช่วยไอ้/อี โง่ คอยตีกับตบมุขกัน

811 Nameless Fanboi Posted ID:oPIw2dGHz

>>804 กูว่าถ้าก๊อปไปใส่ทั้งเพลงอ่ะแย่ แถมถ้าพิมพ์นิยายคงโดนลิขสิทธิ์ด้วย ส่วนตัวกูก็มีใส่เพลงบ้าง แต่เป็นพวกเพลงสาธารณะอย่างคลาสสิกยุค 1800 อย่าง Ich hab die nacht ไม่ก็ยุคกลางอย่าง Scarborough ไปเลย ไม่โดนอะไรแน่นอน ตัดมาเป็นท่อนๆไปตามความหมายที่จะสื่อ แต่นิยายกูเป็นแนสแฟนตาซีด้วยละมั้งเลยใส่แล้วดูเข้า

812 Nameless Fanboi Posted ID:g6JmUTQM3

เออ กูกังวลเรื่องShow don't tellว่ะ สมมติกูเขียนพระเอกคุยกับเพื่อนเรื่อยเปื่อยแล้วจู่ๆก็วกมาเรื่องเงินแล้วพูดเรื่องทำงานพิเศษ ถ้ากูเขียนบรรยายว่า ถึงไม่อยากทำแต่ที่บ้านอยู่กับแม่สองคน ฐานะไม่ค่อยดีอะไรทำนองนี้ จะถือว่ากูtellมั้ยวะ แต่ถ้าไม่เขียนงั้น เนื้อหาก็จะสั้นลงเยอะเลยว่ะ

813 Nameless Fanboi Posted ID:xa5OM6Xv3

>>812 Tell มันต้องใช้อยู่ตามปกตินั่นแหล่ะ แค่จังหวะไหน show ได้ก็ควร show คนอ่านจะได้เห็นภาพหรือเกิดอารมณ์ร่วม ตัวละครเล่าไปก็ได้ว่าจนงั้นจนงี้ แล้วก็ Show ไปประมาณว่าคนฟังเห็นอีคนเล่าน้ำตาคลอหน่วย มีสะอึ้น หรือเสียงเริ่มเพี้ยน ให้มันเห็นความน่าวงวารบ้าง

814 Nameless Fanboi Posted ID:olBTPnSMh

>>812 tell สำหรับเรื่องที่ไม่เน้น show สำหรับเรื่องที่อยากเน้น หลักการแบบเรียบง่ายสุดก็ประมาณนี้

815 Nameless Fanboi Posted ID:g6JmUTQM3

ขอบคุณสำหรับคำตอบ กูจะได้พยายามกังวลน้อยลงหน่อย กูแบบกลัวว่าจะบอกคนอ่านมากเกินไป จนไม่กล้าเขียนเยอะๆเลย 555

816 Nameless Fanboi Posted ID:lScRDYUxX

ในนี้มีใครเขียนไลท์โนเวลมั่งรึเปล่าวะ
กุอยากได้คำปรึกษาหน่อย... คือกุอยากจะเปลี่ยนวิธีเขียน เขียนบรรยายให้มันเป็นไลท์โนเวลมากขึ้น จากที่ปัจจุบันกุเขียนแทบจะกลายเป็นหนังสือเล่มหนาอยู่แล้วอะ
เมื่อก่อนกุเขียนจะตกที่ 500 คำต่อ 1 หน้า A4 ปัจจุบันกุพยายามลดเหลือประมาณ 350-400 คำแล้ว แต่ว่ายังดูเหมือนไม่พอว่ะ
พอลองเอาเรื่องให้ บก. อ่านดูเขาก็ยังบอกว่ายาวไปอีก กุเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้วเนี่ยสิ

817 Nameless Fanboi Posted ID:0aJbwZA2I

มึงลองแต่งพล็อตข้างล่างนีั้เป็นภาษาที่มึงเขียนเป็นไลท์โนเวล แล้วเดี่ยวกูช่วยดูให้
"ตัวเอกชายตื่นเช้าสุดๆ ในรอบสัปดาห์ เพื่อจะไปทำเวรที่โรงเรียน แต่เจอแมวข้างทาง"

818 Nameless Fanboi Posted ID:5DWOZWJoy

กูติดเขียนยาวเหมือนกัน นี่แบบงานที่ทำอยู่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องปาไปสองร้อยหน้าแล้ว กูแบบกังวลเลย เอาไงดี แม่งจะต้องแบ่งเป็นสองเล่มมั้ยวะ

819 Nameless Fanboi Posted ID:ao93uCMOx

>>817 ฮ้า แสงแดดอุ่นๆ สายลมอ่อนๆ นี่มันดีจริงๆ เลยน้า นานแค่ไหนแล้วเนี่ยที่ไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้

ชีวิตประจำวันของผม นายคาซาม่า คิโม่ย ก็เป็นแบบนี้แหละครับ พอจากบ้านนอกมาต่อ ม.ปลาย ในเมืองกรุงก็หัวเดียวกระเทียมลีบ ยังดีนะที่คุณป้าเปิดอพาร์ตเมนท์อยู่ เลยมีที่ให้ซุกหัวฟรีๆ ไม่อย่างนั้นคงต้องเจียดเงินค่าขนมไปเช่าห้องอยู่แล้ว

แต่อยู่ในห้องใต้บันไดนี่มันก็ลำบากเหมือนกันนะ ใครจะไปใครจะมาก็ตึงตังไปหมด สุดท้ายก็ต้องเลื่อนเวลาเข้านอนมาให้ดึกขึ้น รอจนไม่มีใครขึ้นบันไดแล้วถึงค่อยหลับสบายหน่อย ปกติก็เลยตื่นค่อนข้างสายยังไงล่ะ

แต่วันนี้สายไม่ได้ ฮิๆ ก็เพราะเธอคนนั้นรอผมไปช่วยทำเวรอยู่ยังไงล่ะครับ

ต้องเป็นสาวสวยอยู่แล้ว สวยที่สุดในชั้นปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมปลายเทตันเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะจะหายตัวไปโผล่ที่หน้าประตูห้อง ร้องว่า "อิโอริจัง ผมมาแล้วนะครับ" แทนที่จะต้องมายืนรอข้ามถนนอยู่แบบนี้

ปรี้นๆๆๆ

มาอีกแล้ว พวกสร้างมลภาวะทางเสียง ฟังจากเสียงแตรแล้วรู้เลยว่าเป็นรถบรรทุกยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 10-10456 Japan รู้ได้ไงน่ะเหรอ? แค่นี้มันจิ๊บๆ ก็พ่อผมสอนวิธีแยกเสียงรถให้ตอนที่อยู่ฮาวายยังไงล่ะ

ปรี้นๆๆๆ

อีกแล้ว แต่เสียงแบบนี้เป็นฮอนด้าซิตี้สีดำ หมายเลขทะเบียน 1คว 3672 ที่แต่งไฟเหมือนเจ้าของมันสับสนว่าขับปอร์เช่ แถมไม่ยอมต่อ พรบ อีกต่างหาก ระยำจริงๆ กรมการขนส่งทางบกโทรเบอร์ไหนกันนะ

แต่เอ๊ะ ทำไมมีวีโก้ปี 2010 บีบแตรอีกแล้วล่ะเนี่ย เฮ้อ คนบ้านนี้เมืองนี้มันเป็นอะไรกันนะ

แต่เอ๊ะ บนถนนนั่น

นั่นมันน้องแมวกำลังจะข้ามถนนไม่ใช่เหรอ?

820 Nameless Fanboi Posted ID:ImeRICD/+

>>817
สมัยที่ผมยังอยู่ต่างจังหวัด แม่ก็มักพูดย้ำเสมอว่าการตื่นเช้านั้นเป็นกำไรของชีวิต
เธอมักชอบอ้างว่าตื่นขึ้นมารับอากาศแรกอันแสนบริสุทธิ์ของวันบ้างล่ะ ไหนจะอ้างว่าตื่นขึ้นมารับวิตามินดีจากแดดบ้างล่ะ
ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือแม่มักจะไล่ให้ผมออกไปวิ่งตอนเช้าอีกต่างหากซึ่งขอบอกเลยว่าผิดวิสัยของผมเข้าอย่างจัง
ถูกแล้ว... ผมไม่ใช่คนตื่นเช้า เรียกได้ว่าเกลียดการตื่นเช้าเข้าไส้เลยก็ไม่ผิดนัก
ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากจะคลุกตัวอยู่บนเตียงอุ่นๆ ซุกหมอนนุ่มๆ แล้วนอนต่อจนกว่าจะตาสว่างล่ะนะ
แต่ก็ดูเหมือนความปรารถนาของผมจะไม่มีทางเป็นจริงได้ เพราะว่า...
“พี่เมฆ! พี่เมฆ! ตื่นได้แล้วนะ! ถ้าไม่ยอมตื่นล่ะก็หนูต้องถีบพี่เมฆออกจากเตียงจริงๆ แล้วนะ!”
ผมเบิกตาโพล่ง หลังจากที่เสียงร้องแปดหลอดอันแสบแก้วหูดังได้ขึ้นพร้อมกับการเขย่าร่างของผมแรงๆ หลายๆ ครั้ง
พฤติกรรมดังกล่าวนั้นได้ฉุดสติให้หลุดจากภวังค์ ผมเริ่มปรับสายตาโดยการกระพริบตาปริบๆ สองสามครั้ง จ้องฝ้าเพดานที่เปื้อนราดำแสนคุ้นตา
เมื่อหันซ้ายก็พบว่า เจ้าสามสี แมวเจ้าถิ่นประจำบ้านยังคงนอนอุดตุลิ้นห้อยอยู่บนคอนโดสุดหรูริมห้อง
ซึ่งกลับกันนั้นเมื่อหันขวาไปนั้น...
"ในที่สุดก็ตื่นซะทีนะ! นี่จะเจ็ดโมงเช้าแล้ว!"
เด็กสาวในชุดนักเรียนคนหนึ่งกำลังยืนเท้าเอวมุ่ยหน้าใส่ผม เธอพ่นลมและขมวดคิ้วใส่ผมแทบจะทันทีในยามที่พวกเราสบตากัน
ใบหน้าอวบกลมตุ้ยนุ้ยดูคล้ายซาลาเปาขาว ๆ น่าหยิก ที่มาพร้อมกับเส้นผมยาวถึงกลางหลังมัดเปียอย่างเป็นระเบียบ เมื่อประกอบกับชุดนักเรียน ม.ต้น คอปกกะลาสีอันแสนคุ้นตาแล้ว ผมก็แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเธอคนนี้ก็คือ...
"ยัยปุ๋ยเองเหรอ? ให้ตายสิ... แหกปากปลุกแต่เช้านี่มันอะไรกันล่ะเนี่ยห๊ะ?"
"ก็พี่เมฆบอกให้หนูมาปลุกแต่เช้าเพราะต้องรีบไปทำเวรไม่ใช่เหรอ? แล้วไหงยังจะมาถามอีกล่ะ?"
เออ... จะว่าไปก็ใช่แฮะ ไอ้เราเองก็ลืมไปสนิทเลยให้ยัยนี่ปลุก
"เอาล่ะ ในเมื่อตื่นแล้วก็รีบลุกไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ...ป๊ะป๋าบอกว่าวันนี้จะไปส่งด้วย เพราะงั้นรีบ ๆ เข้าล่ะ!"
เจ้าหล่อนว่างั้น พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันควับเดินกลับไปยังทางออกห้อง
"...แล้วถ้ายังรักชีวิตล่ะก็ ...พี่เมฆก็อย่าได้ริแอบนอนต่อเด็ดขาดล่ะ"
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกไป เธอก็ชายตาหันมาแล้วพูดขู่ผมด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอันแสนน่าขนลุกซะงั้น
ซึ่งพอได้เห็นแบบนั้นผมก็พยักหน้าตอบอย่างหวาด ๆ เพราะ เข้าใจว่าถ้าหากผมลองดีแล้วผลมันจะเป็นยังไง...

วันนี้เองก็เป็นอีกวันที่อากาศดีเอาเรื่อง...
แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าอากาศมันจะดีเกินไปหน่อยจนน่าหมันไส้ไปนิด
เพราะเมื่อชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็พบว่า ท้องฟ้าวันนี้มันปลอดโปร่งเอามาก ๆ จนแทบไม่มีเมฆให้เห็นเลยซักก้อน!
แม้ว่าตอนนี้ดวงอาทิตย์ยังขึ้นไม่สูง อากาศจึงยังไม่ร้อนมากนัก แต่สำหรับคนที่เกลียดยามเช้าอย่างผมแล้ว ต่อให้ประเทศไทยเกิดพายุหิมะพัดเข้ามาผมก็ไม่รู้สึกยินดีกับการตื่นเช้าแน่...
บ้าชะมัด ...ถ้าเลือกได้ก็อยากจะตื่นสายกว่านี้ซักหน่อย
แต่ก็อย่างที่รู้ล่ะนะว่ามันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อวันนี้ผมดันเป็นเวรประจำสัปดาห์ซะงั้น
...ถ้าขาดเวรอีกครั้ง คงโดนเรียกผู้ปกครองไปพบครูแหง ๆ
ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น วันนี้ผมจึงถึงขั้นต้องทำร้ายตัวเองโดยการให้ยัยปุ๋ยมาปลุกเช้าวันนี้กันเลยทีเดียว
ให้ตายสิ... สำหรับผมแล้วการตื่นเช้านี่มันชวนให้รู้สึกห่อเหี่ยวชะมัด
และยิ่งรู้สึกเฟลหนักเมื่อหันไปมองเจ้าสามสีที่กำลังนอนยืดตัวกรนเสียงดัง ราวกับเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่บนคอนโดสุดหรู ณ มุมห้องนั่น
"...ตูอยากจะโดนรถบรรทุกชน แล้วไปเกิดใหม่เป็นแมวชะมัด"
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลุกขึ้น แล้วจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวออกไปต้อนรับวันใหม่ที่ไม่อยากจะให้มาถึง

ก็... ประมาณนี้ล่ะ

821 Nameless Fanboi Posted ID:hsX3wISjJ

กูไม่ใช่ >>817 นะ แต่ขอแสดงความคิดเห็น พูดอีกอย่างว่าเสือกก็ได้
>>819 มึงเขียนเหมือนพยายามประชดไลท์โนเวลนะ ให้ 0.5 เต็ม 14 คะแนน
>>820 มึงไทยมาก กูพอเห็นความพยายามแต่มึงยังไทยมากจริงๆ ให้ 0.05 เต็ม 14 คะแนน

เกณฑ์การให้คะแนน
14 คะแนน สำหรับใจกู

>>816 กูไม่เขียนไลท์โนเวลแต่กูอ่านแนะนำได้มะ มึงไม่ต้องตอบก็ได้เพราะกูจะแนะนำเลย กูว่าความยาวอาจจะไม่สำคัญมากเท่ากลิ่นอาย มึงเขียนเป็นไลท์โนเวลจะยาวจะสั้นมันก็เป็นไลท์โนเวล แต่ถ้ามึงพยายามเป็นไลท์โนเวล มึงเขียนสั้นๆ ก็ไม่ใช่ไลท์โนเวล กูยกตัวอย่างนะ นิยายแปลเล่มหนาสัดๆ ทำไมมันยังถูกเรียกว่าไลท์โนเวลได้ เพราะมันมีความเป็นไลท์โนเวลยังไงล่ะ ส่วนหลักเกณฑ์นั้นถ้ามึงพยายามให้คำจำกัดความมัน ต้องอย่างงั้นต้องอย่างงี้ ทำไมแบบนั้นทำไมแบบนี้ กูว่ามึงยังเข้าไม่ถึงความเป็นไลท์โนเวล แต่ถ้าใจมึงบอกได้ว่าเออ นี่มันไลท์โนเวล มึงเขียนยาวหน่อยมันก็ยังเป็นไลท์โนเวล
กูไม่แน่ใจนะว่าที่ว่ายาวไปมันยังไง แต่ถ้ามึงเขียนแบบ >>820 ถ้ากูเป็น บก ไอ้ที่ยาวไปมันหมายถึง มึงติดการบรรยายแบบนิยายไทย ไม่ใช่เรื่องจำนวนคำต่อตอน หรือมึงอาจจะบรรยายเหตุการณ์หนึ่งนานไป ไม่ใช่สิ่งที่นักอ่านไลท์โนเวลต้องการ ง่ายๆ คือน้ำเยอะ แต่มันก็ไม่เสมอไป ถ้ามึงบรรยายพร่ำเพ้อแบบไลท์โนเวลได้ ต่อให้ยาวๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นสิ่งที่คนอ่านต้องการ ตัวอย่างเช่น พี่น้องปริศนา รร มหาเวท บันทึกสงครามของยัยเผด็จการ ตอนที่มันจะอธิบายอะไรสักอย่างพร่ำเพ้อชิบหายแต่นั่นแหละเสน่ห์ของมัน

822 Nameless Fanboi Posted ID:aAAJun31d

>>819 ตกลงฉากไทยหรือฉากเจแปน หรือฉากเมืองสมมติ
กลิ่นวาซาบิใส่น้ำปลาคลุ้งไป

อ่านสนุกนะ แต่เริ่มขมวดคิ้วตรง 'อิโอริจัง ผมมาแล้ว' เอาจากที่กูอ่านการ์ตูน เขาไม่ได้ทักทายกันแบบนี้นี่?? หรือจะบอกใบ้ว่าพระเอกกำลังตามตื้ออะไรอิโอริป่าว?

ความสามารถพิเศษคือหูดี แยกเสียงรถได้ ลอกรุ่นบอกยี่ห้อได้จากเสียง เพราะพ่อฝึกไว้ตอนอยู่ฮาวาย
ตกลงมาจากฮาวายหรือบ้านนอกวะ แล้วทำไมต้องฝึกจากฮาวาย

กะปิน้ำปลาแรงขึ้น ตรงยี่ห้อรถ กูเลยไม่แน่ใจว่ามึงจะใช้ฉากวาซาบิ หรือฉากน้ำปลา หรือจะผสมกันโต้งๆแบบนี้กันแน่อ่ะ

823 Nameless Fanboi Posted ID:LXayC.JYo

>>822 ล้อโคนัน เรื่องฮาวาย

824 Nameless Fanboi Posted ID:9QLYVSKTV

>>816 มึงเขียนยังไงก็ได้นะ อยู่ที่ว่ามันยัดใส่หนังสือเล่มเล็กได้หมดไหม ต่อให้บรรยายน้อยยังไงแต่เรื่องมึงยาวมากต้องออกต่อเนื่อง 20+ เล่ม ยังไงเขาก็ไม่เอาของมึงไปพิมพ์ แต่ตอนนี้มี สนพ. รับไลท์โนเวลด้วยเหรอวะ เห็นมีแต่ทำมือกันเอง

825 Nameless Fanboi Posted ID:yJF8zeEN5

>>824 สงสัยเหมือนกันว่ามีสนพไหนรับไลท์โนเวลบ้าง พอดีกูไม่ได้เขียนแนวนี้ เลยไม่ค่อยรู้

826 Nameless Fanboi Posted ID:nXFqLOzfz

>>805 ไม่ได้เรียกแปลเหี้ยหรอก เรียกว่าแปลอย่างเก็บเอกลักษณ์คนแปล #เรียกว่าแปลเหี้ยอย่างไรให้สุภาพ

>>808 กูชอบคู่แบบคู่กัดกลายมาเป็นรักกัน อินกับการอ่านแนวเพื่อนกลายเป็นคนรักนะ แต่เขียนเองไม่ได้

>>814 +1 ตามนี้แหละมึง

>>819-820 ไม่ได้กลิ่นอายไลท์โนเวลเลยมึง ทั้งทางด้านภาษาและเซ็ตติ้ง

>>825 สนพ.พะโล้

827 Nameless Fanboi Posted ID:nXFqLOzfz

กู >>826 ลืมบอกว่ากูให้คำแนะนำไม่ได้เพราะกูอ่านอย่างเดียวอะ ไม่ได้เขียน โทษที

828 Nameless Fanboi Posted ID:IX4yGwmSi

ไลท์โนเวลก็เหมือนกับขี้ของวงการหนังสือ ถ้าจะคุยรบกวนไปคุยในห้องไลท์โนเวลที่เว็บจัดไว้ให้พวกหิวขี้ด้วยครับ มึงอย่ามาชวนคนอื่นแดกขี้ในที่ๆคนเขากินข้าว

829 Nameless Fanboi Posted ID:nQ9flpCX6

>>828 งานแบบไหนก็ควรคุยในนี้ได้ทั้งนั้น ว่างเหรอเลยมาเป็นโทรล กลับไปที่ของมึงซะไป

830 Nameless Fanboi Posted ID:4PzWqBTxx

>>829 เคยมีโทรลอาละวาดในห้อง LN อยู่พักนึง

รีพอร์ตกันดีมั้ยเพื่อนโม่ง

831 Nameless Fanboi Posted ID:gB9X8g7I2

กุ >>816 กับ >>820

แม่งชัดเลยว่ากุเขียนไลท์โนเวลไม่ได้จริงๆ ว่ะเฮ้ย Otz

832 Nameless Fanboi Posted ID:gB9X8g7I2

ถ้างั้นในฐานะที่กุเขียน >>820 กุขอถามเพิ่ม...

กุควรแก้ไอ้นิสัยแบบนี้ยังไงดีวะ? นี่แค่ฉากเดียวยังยาวขนาดนี้เลย

833 Nameless Fanboi Posted ID:sZCeSF72z

>>832 กูว่าภาษานิยายก็ดีแล้ว ทำไม​ถึงอยากหันไปแต่งไลท์โนเวล​อะ

834 Nameless Fanboi Posted ID:2dnBb1u3s

เพื่อนโม่ง มึงว่านิยายบอกเล่าโดยมุมมองของตัวเอกกับใช้ Narrator แบบมุมมองบุคคลที่ 3 บรรยายแทนแบบไหนดีกว่ากันวะ? พวกมึงใช้แบบไหนกัน? กูรู้สึกว่าพอตัวกูเขียนแบบบุคคลที่ 1 แล้ว ดูคล้ายๆไลท์โนเวลไงไม่รู้

835 Nameless Fanboi Posted ID:gB9X8g7I2

>>833 ก็ไม่ได้อยากจะเขียนเป็นไลท์โนเวลจริงๆ หรอก แต่อยากปรับสำนวนให้มันดูเข้ากับยุคสมัยน่ะ ...ยุคนี้คงอ่านมันอ่าน e-book กันด้วยไง ถ้าเขียนยาวแบบปกติมันอาจทำให้คนยี้เอา

836 Nameless Fanboi Posted ID:Bt4/MKlkI

>>835 ความคิดแบบนี้มันน่าสมเพชนะ ขอโทษที่อาจใช้คำแรงไป แต่กูไม่คิดว่าจะมีคนดีๆ ที่ไหนลดค่างานของตัวเองด้วยเหตุผลงงๆ แบบนี้

ยอมรับว่าคนอ่านแม่งกากลงทุกวันๆ (และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันเสพงานห่วยๆ อย่างไลท์โนเวล) แต่เชื่อกูเถอะ ถ้ามึงเขียนสนุก พล็อตน่าสนใจ ซูนิดหน่อยตามใจคนอ่าน ยังไงก็มีลูกค้า

837 Nameless Fanboi Posted ID:7ZmVXWX4f

>>835 คิดแบบนั้น มันจะดีเหรอ

838 Nameless Fanboi Posted ID:nQ9flpCX6

กูว่ามึงไปทางผิดนะ >>835 คือวิธีปรับสำนวนน่ะแค่ทำให้มันอ่านง่ายเข้าก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนให้เป็นสไตล์ไลท์โนเวลหรอก ว่าแต่เหมือนมึงยังไม่เก็ตเลยสินะว่าสไตล์ไลท์โนเวลเป็นไง ลองไปอ่านให้เยอะกว่านี้ก่อนมึงจะพอจับทางได้

แต่กูอ่านไลท์โนเวลก็อ่านเอาเนื้อเรื่องนะ ไม่ได้สนใจว่าสำนวนมันอ่านง่ายหรือยาก ไลท์มันจะมีเอกลักษณ์ของความเป็นไลท์โนเวลอยู่ประมาณนึง

839 Nameless Fanboi Posted ID:XTmjkF1zB

>>835 กูไม่ว่ามึงเรื่องปรับสำนวนนะ ถ้าจะหาแดกมึงก็ต้องทำความเข้าใจลูกค้า แต่กูว่าไลท์โนเวลมันก็แค่กลุ่มหนึ่ง แล้วคนกลุ่มนี้ที่อ่านกันมากจริงๆ มีอคติกับคนแต่งไทยว่ะ ส่วนใหญ่จับงานแปลมากกว่า โอเคว่ามันมีคนอ่านงานไทยนะแต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ภาษาแบบมึงกูว่าอย่าพยายามเลยเสียเวลาเกินไป มึงกลับไปเขียนในแนวทางของมึงดีกว่า สิ่งที่มึงต้องปรับอาจเป็นความกระชับ รวดเร็ว เขียนให้คนอยากอ่าน
เรื่องสั้นยาว ถ้ามึงเขียนดีมึงเขียนยาวคนก็ตาม แต่ถ้าเป็นเล่มแรกๆ เขียนสั้นก็ดี เขียนยาวบางทีมีพวกรอเล่มสุดท้ายออกค่อยซื้อมึงจะไม่มีแดกก่อน
ebook ที่ขายดีกันจริงๆ มันพวกนิยายรัก ภาษาของมึงถ้าไม่พยายามไลท์โนเวลมันก็พอไปได้ ถ้าจะหาแดกมึงไปเขียนนิยายรักดีกว่า
แต่มึงพยายามลดคำฟุ่มเฟือยลงหน่อยนะ ไอ้ที่เขียนก็ได้ไม่เขียนก็ได้ตัดให้เหี้ยนเลยก็ได้หรือใส่มาแต่น้อยๆ พอ เท่าที่กูเคยอ่าน กูไม่ได้ยี้ว่ามันยาวไม่ยาว ไม่งั้นงานจีนสามสี่สิบเล่มจะออกกันได้เรอะ แถวๆ สิบเล่มขายดีชิบหายก็หลายเรื่อง เรื่องเดียวแพคคู่ขายขาดตลาดเยอะแยะไป ปัญหาไม่ใช่ความยาว แต่เป็นการคงความสนใจคนอ่านให้ตามอ่านยาวๆ

840 Nameless Fanboi Posted ID:gB9X8g7I2

อ้อ... สรุปก็คือกุมาผิดทางสินะ?
ไอ้เราก็มัวแต่กังวลเรื่องนี้แทบตาย เพราะสมัยก่อนเคยโดนในโม่งสับว่า "รก" เป็นประจำ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากุเอาแต่นั่งแก้สำนวน ปรับให้สั้นอยู่ตลอดเลย จนกลายเป็นแบบปัจจุบันเนี่ยล่ะ

841 Nameless Fanboi Posted ID:0U+sV.GiU

>>840 มึงคือฟองเบียร์?

842 Nameless Fanboi Posted ID:sZCeSF72z

>>840 มันก็แล้วแต่จะเลือก ไม่มีถูกผิด แต่ต้องคิดดีๆว่าจะขายหีือเขียนให้กลุ่มไหน ถ้าจะไลท์โนเวลก็ไปอ่านเยอะๆก่อนดีกว่าว่าสไตล์​การเขียน​มันเป็นยังไง แต่ที่เขียนมานี่ไม่ไลท์โนเวล​จริงๆ
ท่าจะนิยาย ก็ยังรู้สึกว่าใช้คำสิ้นเปลือง​เยอะไปเช่นกัน อ่านแล้วเหนื่อย​

843 Nameless Fanboi Posted ID:i48almcUN

เห็นแท็กNovelberในทวิต นี่คือแบบเดียวกับFictoberป่ะหรือต้องนิยายยาวๆอย่างเดียว

844 Nameless Fanboi Posted ID:a66CVR/HF

>>843 ฟิคก็ได้ ตามแต่ใจอยาก สั้นยาวไม่ว่ากัน

845 Nameless Fanboi Posted ID:W+61p5IdT

>>843 ตามใจเลย กูเขียนวันนึงแค่หน้าเดียว

846 Nameless Fanboi Posted ID:5Fq3PmDmy

เพื่อนกูเรียนประวัติศาสตร์แนะนำมาว่า ถ้าคิดพล็อตเรื่องไม่ออกให้หาประวัติศาสตร์มาอ่านซะ แม่งได้ผลจริง พล็อตนี่เพียบ ยังกะนิยายที่ทุกคนเป็นคนแต่ง คือต่อให้กูก๊อปมา คนก็ดูไม่ออกแน่ๆถ้าไม่ใช่ทั้งดุ้น หรือต่อให้ก๊อปมาทั้งดุ้นถ้าไม่โคตรเซียนประวัติศาสตร์จริงๆก็ดูไม่ออก เยี่ยมยอดจริงๆ

847 Nameless Fanboi Posted ID:uY80W2KXf

>>846 เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายไงมึง
อยากเขียนนิยายการเมืองเรอะ เปิดประวัติศาสตร์ ซับซ้อมซ่อนเงื่อน
อยากเขียนนิยายเศรษฐกิจ ดูประวัติตระกูลดังๆได้เลย เทคนิคหาเงิน ปั่นหุ้น ข้อมูลวงใน
นิยายมาเฟีย ของจริงโหดกว่าเยอะ ตำรวจก็ไม่ใช่เล่นๆ
นิยายสงคราม มีให้ดูทุกวัน
นิยายรัก เอาชีวิตรักพ่อแม่ ปู่ย่าของตัวเองมาเขียนก็ได้

848 Nameless Fanboi Posted ID:05EN.2T8u

>>847 ถ้าเอาเรื่องปู๋ย่ากุมาเขียนจริงนิยายรัก คนสาบแช่งปู่กูแน่นวล๕๕๕

849 Nameless Fanboi Posted ID:uY80W2KXf

>>848 แหม นิยายดราม่าสู้ชีวิตลูกผู้หญิงก็ได้

850 Nameless Fanboi Posted ID:Y2XOxzAIy

ถ้าจะเขียนเกี่ยวกับมาเฟีย/มาเฟียจีนนี่ต้องหาข้อมูลจากไหนอะ หรือนิยายคนอื่นที่เขียนแนวนี้ก็ล่าย ไม่เอาพวกบำเรอรักทาสสวาทมาเฟีย nc 90+ นะ 555555

851 Nameless Fanboi Posted ID:05EN.2T8u

>>850 nc90+ ชาตินี้กุคงไม่ได้อ่าน

852 Nameless Fanboi Posted ID:iBfSBIG/n

>>850 มาเฟีย​นึกออกแต่ก็อดฟาเธอร์​

853 Nameless Fanboi Posted ID:5ma8PlSRu

แล้วถ้าจะเขียนแฟนตาซีนี่กุต้องเผาหัวตัวเองกี่รอบวะ?

854 Nameless Fanboi Posted ID:OwHicVyev

>>851 แค่ R-80 ก็ยังไม่รู้จะอยู่จนอ่านได้มั้ย

855 Nameless Fanboi Posted ID:5Fq3PmDmy

>>850 ประวัติศาตร์จีนก่อนสงครามกลางเมืองเลย ค้นๆไปเรื่อยๆจะเจอหัวข้อเกี่ยวกับพวกมาเฟียเซี่ยงไฮ้เอง

856 Nameless Fanboi Posted ID:V5VGqiZBl

>>850 5555 กูชอบแนวมาเฟียอ่ะ แต่ไม่ชอบแบบทาสสวาท NC90+ เหมือนกัน แต่หาอ่านที่มันโหดร้ายจริงจังนี่ยากหน่อย ถ้าเป็นนิยาย คนไทยที่เขียนนิยายแนวนี้แล้วกูว่าโอคืองานของสร้อยดอกหมากเรื่องพญามังกรอ่ะ เป็นแนวมาเฟียจีน

ส่วนมาเฟียสัญชาติอื่นๆนี่ มึงจะเอามาเฟียสัญชาติไหน ที่โดดเด่นก็มาเฟียอิตาลิ พวกซิซิเลี่ยนนี่เดอะก็อดฟาเทอร์อย่างเพื่อนโม่งแนะนำก็โอนะ แล้วหนังสือหรือข้อมูลหาง่ายอยู่ มึงเสิร์ชค่อยๆ แกะหาได้เลย แต่ถ้ามาเฟียจีนนี่หนังแนวมาเฟียฮ่องกงอย่าง internal affairs ที่กูชอบดูอ่ะ หรือจริงๆ ก็มีอีกหลายเรื่องให้ดูด้วยนะ
กับอีกอย่างของมาเฟียจีนกูเสิร์ชอ่านพวกเจอร์นัลนะ มันมีบทความเกี่ยวกับการวิเคราะห์กลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่อ่ะ เคยเจออันนึงมีโครงสร้างอะไรด้วยดีเลย แต่เป็นอิ๊งอ่ะ ที่เป็นไทยคนพูดถึงมีนิดเดียว

ของพวกมาเฟียอิตาลีก็ลองเสิร์ชตรงๆว่า Mafia อะไรงี้ แต่ของจีนนี่ใช้คำว่า Triad Mafia แล้วค่อยๆ เจาะเอา ชอบความโหดของแก๊งไหนก็ค่อยตามอ่านข่าวก็ได้ว่าแก๊งนั่นก็ได้ว่ามันทำอะไรบ้างงี้ 5555

857 Nameless Fanboi Posted ID:PhTEWAHrU

>>>850 non-fiction ได้มั้ย เคยอ่านเซ็ตของมติชน อั๊งยี่ ยากูซ่า มาเฟีย ข้อมูลแน่นดีนะ แต่หลัก wiki เลย อ่านได้ทั้งเดือนเยอะมาก

858 Nameless Fanboi Posted ID:A74lLgb4N

>>856 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล เราไม่ใช่ >>850 นะแต่เขียนแนวมาเฟียฮ่องกงอยู่เหมือนกัน

859 Nameless Fanboi Posted ID:hNhAEWUUW

>>850 เอง ขอบคุณทุกคนมากจ้า

860 Nameless Fanboi Posted ID:5ma8PlSRu

>>850 จะหาว่ากุโม้มั้ยถ้ากุบอกว่า... กุเคยทำงานกับนักการเมืองท้องถิ่นแล้วตามเขาไปดีลกับมาเฟีย...
แม่งเอ้ยยย กุแทบเยี่ยวแตกพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมาเฟีย

861 Nameless Fanboi Posted ID:.Xb9D.f.9

>>860 ญาติกูเป็นตำรวจสายสืบ กูเจอยิ่งกว่านี้อีกพอไปกับเขา วงการตำรวจแม่งก็มีมาเฟียในคราบตำรวจอยู่เหมือนกัน

862 Nameless Fanboi Posted ID:P4q/h/qKL

>>860 >>861 อิเหี้ย แซ่บ หาอ่านได้จากไหนบ้างวะ อยากรู้ๆๆๆๆ

863 Nameless Fanboi Posted ID:EtBHqxVBW

>>862 ตามวงเหล้าว่ะ 555555 ในไทยไม่ค่อยมีเป็นลายลักษณ์อักษรหรอก ส่วนกูเคยฟังตอนกินข้าวอ่ะ พ่อเล่าให้ฟังในวงข้าวเย็น อิเชี่ย แดกข้าวไม่ลงเรยยยย ตอนนั้นเหมือนจะคุยเรื่องซุ้มมือปืนอ่ะ เล่นเอากูผวาคนแถวบ้านเป็นไปเดือน

>>861 ก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้นะ แต่พวกมาเฟียบางกลุ่มในปท.เราอ่ะ ชอบส่งลูกหลานสักคนมาเป็นข้าราชการเพื่อเป็นใบเบิกทาง.... แล้วก็สูบเอาสูบเอา

864 Nameless Fanboi Posted ID:.Xb9D.f.9

>>862 ไว้กูจบโปรเจคนิยายตอนนี้ กูคิดอยู่เหมือนกัน ว่าจะเอาเรื่องจริงพวกนี้ที่คนส่วนมากไม่ค่อยได้ยิน ไม่ค่อยเชื่อกัน มาเขียนนิยาย แล้วมึงจะรู้เลย ว่าประเทศนี้แม่งยังมีความเป็น Feudal สัสๆอยู่ มึงเชื่อมั้ย ตำรวจบางเขต ถ้าจะขอย้ายต้องไปขอกับคนในคุก งงสิมาไงไปขอคนในคุก ก็ไอ้คนในคุกนั่นหล่ะ ตัวมีอิทธิพลเลย พอโดนอริเปิดโปงเรื่องที่มันโกงกิน ก็หนีเข้าคุก แต่อำนาจมันยังอยู่ คนๆนั้นเคยโดนโทษประหารคดีใหญ่ด้วยนะมึง แต่มันไม่ตาย อยู่ในคุกมีแอร์โหดสัสจริง ถ้าได้คุยกับพวกตำรวจในวงเหล้า รึทหารที่ประจำอยู่กับพวกนักการเมือง จะยิ่งขนลุกกับประเทศนี้

865 Nameless Fanboi Posted ID:.Xb9D.f.9

>>863 อันนี้กูเห็นด้วย เรื่องเส้นสายแม่งฝังรากลึกในสังคมไทยแล้วจริงๆ

866 Nameless Fanboi Posted ID:Wctm1LzyJ

>>864 เออจริง อยากรู้เรื่องเด็ดๆ ให้คุยกะทหารตำรวจในวงเหล้า เพื่อนกูเป็นทหารก็ชอบเล่าอะไรให้ฟังเหมือนกัน เปิดโลกฉห.

867 Nameless Fanboi Posted ID:yA.6VfHUS

จริงๆเรื่องพวกตำรวจ หรือเส้นสาย วงการการเมืองในไทยก็มีนักเขียนไทยหลายคนชอบเขียนถึงนะ
อย่างวินทร์เงี้ยะ ชอบเขียนแนวนี้หลายเล่มเลย

แต่นักเขียนฝึกหัด พวกในเด็กดีอาจจะไม่ค่อยมี 5555 อาจจะโพสในพันทิป น่าจะตรงกว่า

868 Nameless Fanboi Posted ID:Q5mir0+Fh

>>863 เรื่องเล่าของบ้านกูก้อเยอะนะ ญาติเล่นการเมืองท้องถิ่นวันดีคืนดีโดนเอ็มสิบหกสาดเข้าให้ รออีกเกือบยี่สิบปีถึงได้ยกพวกกลับไปล้างแค้น การเมืองท้องถิ่นแม่งโหดฉิบ ตายกันไปไม่รู้เท่าไหร่

869 Nameless Fanboi Posted ID:fkFUB2b4t

ส่วนใหญ่ในนี้นิยมเขียนแล้วลงทีเดียวหรือลงเป็นรายบทกันอ่ะ นี่เพิ่งลบบทความในเด็กดีทั้งหมดมาเพราะเป็นคนเขียนช้าลงไม่ติดต่อกันเลยคิดจะลงรอบเดียวหลังแต่งจบเลย

870 Nameless Fanboi Posted ID:1WuKWXe7Q

กูคิดว่าส่วนใหญ่ที่ลงน่าจะแต่งไปลงไป พวกที่เขียนจบแล้วลงน่าจะส่วนน้อย อาจจะมีพวกที่เขียนไประยะหนึ่งแล้วปั่นจบขายหนังสือก่อนลงให้จบ (หรือไม่ลงเลย) ส่วนใหญ่ที่ลงเด็กดีน่าจะเป็นแบบนั้น พวกไม่ลงเลยไม่นับ

871 Nameless Fanboi Posted ID:5KRHzv5i0

>>869 แต่งให้จบก่อน แล้วค่อยลงทีละนิดอะ ขืนให้ลงสด ๆ กูคงเทียวรื้อ เทียวเปลี่ยนจนฉิบหายกันพอดี

ทั้ง ๆ ที่วางพล็อตไว้จนจบละนะ ทรีตเมนต์อะไรก็มี แต่พอเขียนไปเรื่อย ๆ กูคุมตัวละครไม่อยู่อะ เลยต้องเทียวแก้ เทียวเปลี่ยนกว่าจะจบ แทบหืดขึ้นคอ

872 Nameless Fanboi Posted ID:fNj1t+jtr

>>869 เขียนให้จบ แล้วค่อยๆลง ตอนกูเริ่มแต่งนิยายแรกๆ กูเขียนแล้วลงเลย สรุป ไปๆมาๆเขียนไม่จบ ต้องดรอบ

873 Nameless Fanboi Posted ID:yaYmI48v5

ถามหน่อย พวกสนมฮ่องเต้ไรพวกนี้เขาคัดเลือกยังไง พ่อแม่เอาใส่พานถวาย หรือฮ่องเต้มาขอไปเป็นสนมเอง

874 Nameless Fanboi Posted ID:ec81RHMeY

>>873 มันจะมีพิธีคัดเลือกสนมนางกำนัล 3-5 ปี จะมีครั้งนึง แต่ถ้าฮ่องเต้อยากได้ใครระหว่างนั้นกรณีนี้ก็ได้เหมือนกัน

875 Nameless Fanboi Posted ID:ec81RHMeY

>>873 พิธีคัดเลือกนางสนมนางกำนัลก็พ่อแม่ตระกูลขุนนางนี่แหละที่ส่งไป กว่าจะผ่านแต่ละขั้นก็หลายด่านอยู่ถึงรอบสุดท้ายจะเจอฮ่องเต้ มันมีอยู่นะมึงเสิร์ชในอากู๋ดีกว่า

876 Nameless Fanboi Posted ID:I/LrClJPQ

>>873 อะนี่เป็นการคัดเลือกสนมสมัยหมิงนะลองอ่าน ๆ ดู http://www.liekr.com/post_148164.html

877 Nameless Fanboi Posted ID:i34u+sw+d

>>873 แนะนำของคุณคนนี้นะ ข้อมูลค่อนข้างโอเค https://pantip.com/topic/33197538
มีของสมัยอื่นให้ดูล่างๆด้วย เป็นแหล่งที่ชอบที่สุดอ่ะ

878 Nameless Fanboi Posted ID:8hGJsHC4+

เพื่อนโม่ง จะบรรยายทรงผมตัวละครให้ดูดีเวอร์ยังไงดี คือกูเขียนไลท์โนเวลน่ะ ทีนี้ผมนางเอกมันดูดีเกินไป กูคิดไม่ออกว่าจะบรรยายยังไงดี

879 Nameless Fanboi Posted ID:hZ3LQ48Qc

>>878 จ้างนักวาดวาด ไลท์โนเวลเขาไม่มาบรรยายอะไรกันหรอกมึง

880 Nameless Fanboi Posted ID:XsIwRVHlM

จะเขียนอะไรก็หาข้อมูลจากตำราที่น่าเชื่อถือ ถือไม่ก็ถามพวกอาจารย์ นักวิชาการก็ได้ อย่ามักง่ายหาจากอากู๋เลย ข้อมูลผิดๆเพี้ยนๆ ทั้งนั้น อ้างอิงไปก็ไม่เป็นที่ยอมรับ บางเว็บสักแต่ว่าเขียนบทความมั่วๆ เอาแบนเนอร์โฆษณามาแปะหารายได้ ไม่มารับผิดชอบเรื่องถูกผิดอะไรหรอก

881 Nameless Fanboi Posted ID:/V64lpuCT

>>880 นักวิชาการบางคนก็แม่งเชื่อไม่ได้

882 Nameless Fanboi Posted ID:nOHp+ZEFy

เพื่อนโม่ง กูมีคำถาม กูจะแต่งนิยายแนวดิสโทเปียประมาณโลกอนาคตหลังสงครามว่ะ แล้วคราวนี้มันมีเรื่องเกี่ยวกับจักรกล อะไรประมาณนี้อ่ะ แล้วมันควรจะอยู่หมวดวิทย์ใช่มะ แต่พอคิดดูหมวดนี้ยอดคนอ่านจะน้อยกว่าแฟนตาซี กูควรลงหมวดไรดี (กูเขียนในเด็ดดวก)

883 Nameless Fanboi Posted ID:zC+uZqFET

>>882 ที่จริงจะหมวดไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าต้องการผู้อ่านกลุ่มไหน

884 Nameless Fanboi Posted ID:j7g3HZgCG

>>880 บางคนมันไม่มีคนให้ถามนี่สิมึง 5555 แล้วก็นะ ตำราประวัติศาสตร์ต่างประเทศในบ้านเรา เฮ้อออออ ถอนหายใจแรงๆ บางเล่มเปิดอ่านแล้วอยากเขวี้ยงทิ้งแทบไม่ทัน (แต่บางเล่มก็ดีนะ เพียงแต่มันไม่ได้เจาะจงเรื่องที่เราๆ อยากรู้มากเท่าที่ควร อย่างเรื่องพวกวังหลังนี่แหละ)

885 Nameless Fanboi Posted ID:56cq24ka.

กูรู้ว่าไม่ควรเปรียบเทียบแต่แบบกูมีปัญหาส่วนตัวจนขาดการเขียนไปพักใหญ่ ก็พยายามฟื้นตัวอยู่ แต่บางทีพอเห็นเพื่อนๆ คนรู้จักหลายคนหรือแม้กระทั่งนักเขียนคนอื่นๆ กูก็จะอิจฉาขึ้นมาทันทีอ่ะ เขาเขียนเรื่องยาวหลายตอนได้ แต่กูจะเขียนให้ถึงหน้านึงก็เต็มกลืน เขาได้พิมพ์ออกมาเป็นเล่มๆไม่ก็อีบุ๊ค ของกูได้แต่ฝันไปวันๆ คือจิตตก เฟลชัดเจนเลยอยากขอมาระบายในนี้หน่อยน่ะ...

886 Nameless Fanboi Posted ID:5Qn7sQ6Y2

>>881 แล้วมึงคิดว่าพวกเขียนบทความในเว็บ Clickbait เชื่อถือได้เหรอวะ

887 Nameless Fanboi Posted ID:reNL.wTkm

>>885 กอดมึง กูก็เป็น

888 Nameless Fanboi Posted ID:56cq24ka.

>>887 เหมือนต้องกลับมาเริ่มใหม่อ่ะ แบบเขาไปถึงไหน ทำไมเรายังย่ำอยู่กับที่ บลาๆ ก็ตีโพยตีพายพักนึง เดี๋ยวก็สงบ 555

889 Nameless Fanboi Posted ID:caj2Y7RvG

>>885 ไม่เป็นไรนะมึง มึงคิดแบบนี้แสดงว่ามึงยังพัฒนาได้
ดีกว่าคิดว่าตัวเองดีเลิศแล้วไม่ทำอะไร สุดท้ายก็ยิ่งแย่กว่าเดิม

890 Nameless Fanboi Posted ID:JUNsPPwkP

>>86จ แฟนเก่ากูเป็นลูก ตร. แตงโมแถวตอนบนของประเทศ...เคยลองถามเรื่องวงในบางอย่างไปแถวนั้นที่เกิดขึ้นช่วงปี 2010 กว่าๆ มันตอบแบบเป็นเรื่องธรรมดาปกติมาก แต่คำตอบไม่ปกติเลย ทำกูเสียวสันหลังแทนชื่อคนที่อยู่ในคำตอบพักหนึ่งเลย แบบเหี้ยเอ๊ยยยมันมีจริงเหรอวะเนี่ย นี่เลิกกันมาจะ 3 ปี กูเคยคิดจะเอาที่ฟังมาไปลงใน storylog พอคิดแล้วคิดอีกยังไงก็ไม่กล้าเสี่ยง ที่บ้านยังไม่กล้าเล่าเลย ได้แต่เขียนไดอารี่ลง Day One แทน...

891 Nameless Fanboi Posted ID:JUNsPPwkP

>>890 ต้องเป็น >>860 โทษที

892 Nameless Fanboi Posted ID:FryD1mUEe

ถึงโม่งนักเขียน ในฐานะโม่งนักอ่านอย่างกุถ้ามึงไม่มีตอนใหม่อะไร ไม่ต้องเพิ่มตอนใหม่เพื่อคุยกับนักอ่านหรือตอบคอมเม้นในนิยายก็ได้ กุเลิกfavนิยายหลายเรื่องละทั้งเรื่องยอดนิยมและมาใหม่ กุให้ความรู้สึกเหมือนแบบมึงต้องการให้อันดับมันคงที่มันไม่แฟร์กับคนเขียนคนอื่นที่ตั้งใจเขียนออกมาเป็นตอน และน่ารำคาญสำหรับคนอ่านอย่างกูมากๆ บางเรื่องแม่งเนื้อหาที่ตอบคอมเม้นตอนเยอะกว่าเนื้อหานิยายจริงๆ อีก กูรู้มึงอยากติดต่อกับนักอ่าน แต่ทำแบบนี้ซักวันคนอ่านอย่างกูระอาแล้วจะทิ้งนิยายมึงไปแบบไม่กลับมาแน่นอน อย่าคิดว่าตัวเองจะชูคอได้นาน ถ้าไม่มีคนอ่าน มึงก็ตกมาตายได้เหมือนกัน

893 Nameless Fanboi Posted ID:kexAFQIxO

พวกมึงว่าอย่างไหนโอเคมากกว่ากันระหว่าง
1.เล่มใหญ่เล่มเดียวตะลุยเนื้อเรื่องหลัก เนื้อล้วนๆ ไม่มีน้ำปน แล้วแยกเล่มเล็กเป็นเรื่องสั้นพรีเควล,ไซด์สตอรี่,อาฟเตอร์สตอรี่ อย่างละสั้นๆ ในเล่มเล็กเล่มเดียว หรือ
2. เขียนเล่มเดียวไปเลย แล้วหาทางสอดแทรกพรีเควลกับไซด์สตอรี่ไปด้วย ส่วนอาฟเตอร์สตอรี่ค่อยเอาไปเป็นบทส่งท้าย
คือส่วนตัวกูชอบอย่างหลังมากกว่า อยากจะเขียนเรื่อยๆ ปูพื้นประหนึ่งเว็บโนเวลที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้ากระดาษ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เนื้อเรื่องไม่กระชับ แล้วกลัวอารมณ์กระโดดด้วย เพราะเรื่องหลักกูแนวผจญภัย ส่วนเรื่องสั้นจะมีทั้งเรื่องเศร้า เรื่องลึกลับ เรื่องตลก เป็นทำนองชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอกน่ะ

894 Nameless Fanboi Posted ID:PIWoNAkuj

เพื่อนโม่ง กูมาขอกำลังใจ กูทำมือ เปิดจองมาได้สักพัก ยอดจองกูยังมีไม่ถึงสิบเลย กูนี่เครียดฉห มีใครแนะนำเคล็ดลับอะไรมั่งมั้ย กูซื้อโฆษณาแล้ว แต่ยังไม่โอเคว่ะ เฮ้อ ตอนเปิดให้อ่านในเว็บก็มีคนตามพอสมควรเลยนะ แต่พอเปิดจองหายกันไปหมด กูก็ท้อเป็นนะเว้ย

895 Nameless Fanboi Posted ID:TZ1KzZGMQ

>>894 ยอดคนอ่านคนเฟฟไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่มึง เคยได้ยินมาว่ายอดคนอ่านเท่าไหร่ให้คิดว่าจะมีคนซื้อจริงแค่ 10% อะ ยิ่งลงให้อ่านฟรีด้วยจะมีกลุ่มนึงแน่ๆที่ไม่ซื้อเพราะไม่จำเป็น

896 Nameless Fanboi Posted ID:TZ1KzZGMQ

>>893 กูชอบแบบแรกทั้งในฐานะคนอ่านและคนเขียนนะ

897 Nameless Fanboi Posted ID:Qd5hJSOAI

>>894 เคยเจอเหมือนกันตอนนั้นเลิกทำ ไปทำเรื่องอื่น แล้วก็เจอบ่นอีก ทำแล้วเข้าเนื้อจะทำไปทำไมวะ

898 Nameless Fanboi Posted ID:Pl/fGWIsw

>>893 กูว่าแบบแรกดีกว่าอ่ะ อธิบายไม่ได่แต่กูชอบ 555 มันดูเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนชัดเจนดีมั้ง
>>894 โอ๋ๆ ช่วงนี้กูก็ท้อกับการเขียนเหมือนกัน (แต่คนละสาเหตุนะ)

899 Nameless Fanboi Posted ID:G1pWGABDG

>>894 ช่วงนี้เพิ่งผ่านสงครามงานหนังสือ กำลังซื้ออาจดรอปลงด้วยนะ
อีกอย่าง ราคาปกแพงไปด้วยป่าว กูเห็นนักเขียนบางคนเปิดพรีเล่มละ 450!!
กูมีเงินซื้อได้นะ แต่ราคาแรงขนาดนี้กูก็คิดหนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่มีกำลังซื้อ รอมือสอง หรือพวกที่ไม่คิดจะซื้อ ให้อ่านไม่จบก็ด่า ยอดเฟบไม่ช่วยอะไรจริงๆ
กูเฟบเป็นหมื่นคน ตามทฤษฎียอดขาย 10% ของยอดเฟบก็ควรเปนพันช่ะป่ะ แต่ยอดซื้อจริงกูแค่ 160 คนอ่ะ คิดดู

900 Nameless Fanboi Posted ID:PIWoNAkuj

กู 894 เอง ขอบคุณมากทุกคน ฮรือออ สรุปคือกูควรปลงสินะ แต่ช่วยไม่ได้ว่ะ กูดันลงจบเอง แต่ลบนะ คือ กูเคยลงไม่จบ คนอ่านแม่งก็ดราม่าว่ากูหน้าเงิน จะเอาแต่ขาย แหม่ กูก็ต้องแดกข้าวไหมล่ะ

901 Nameless Fanboi Posted ID:Qd5hJSOAI

>>900 มึงทำอะไรคนอ่านด่ามึงได้ตลอด จบไม่ถูกใจก็ด่า เรือคนละลำก็ด่า ตั้งราคาแค่ไหนก็ด่า ของแถมไม่มีก็ด่า ไม่มีตอนแถมก็ด่่า ปกไม่สวยก็ด่า

902 Nameless Fanboi Posted ID:AaLu9/3ab

>>893 กุชอบสอง

903 Nameless Fanboi Posted ID:PIWoNAkuj

>>895 ยอดคนเฟบกูหลักร้อย 5555
>>897 เออ กูก็อยากเลิกทำนะ แต่คือลงทุนไปเยอะแล้วไง นี่เดี๋ยวนี้ต้องมีปกให้เห็นก่อน กูก็ต้องให้เขาทำปกอีก ค่าปกอีก กูปวดหัวฉห
>>898 สู้ๆ นะมึง กูมีอีกสาเหตุหนึ่งคือคนอ่านน้อย 55555
>>899 กูว่าเฉลี่ยเล่มกูไม่แพงนะ เลี่ยงงานหนังสือมาแล้วด้วย แต่ช่างมันละตอนนี้ เป็นไงกูก็กัดฟันรับละ แต่ยอดเฟบมึงเยอะอ่ะ อิจ!

ขอบคุณทุกคน ถามอีกหน่อยเขียนยังไงให้คนอ่านเยอะๆ วะ เอาไปโฆษณาที่ไหนได้บ้าง กลุ่มอ่านหนังสือในเฟสก็มีแต่คนโฆษณารัวๆ เลยอ่ะ

904 Nameless Fanboi Posted ID:PIWoNAkuj

>>901 กูคงต้องปลงใช่ไหม 555

905 Nameless Fanboi Posted ID:2al5/bY9G

>>903 กูเข้าใจมึงนะ ของกูก็คนอ่านน้อยมากกกกก ยอดแอดแฟนนี่มีแค่หลักร้อยต้นๆ เหมือนกัน 555555 ยังไงมึงลองติดต่อร้านออนไลน์ไหม ถัวเฉลี่ยให้ถูกลง เผื่อได้ค่าพิมพ์เล่มมางี้ กูเองคนจองน้อยมากจนลองไปถามร้าน ปรากฎว่าบวกไปบวกมา มีส่วนลดให้ร้านงี้ ก็เออ พอค่าพิมพ์เฉยเลย

ส่วนโฆษณากูซื้อแอดโฆษณาในเพจอ่ะ เพื่อให้คนติดตามเพจเห็นมากขึ้น หรือกลุ่มเป้าหมายที่ซื้อนิยาย กูเองขี้เกียจไปลงโฆษณาตามกลุ่มอ่านหนังสือในเฟซอ่ะ อีกอย่างกูเจอหลายรอบแล้ว เวลาที่เราเปิดจองไม่มานะ พอปิดจองตีพิมพ์เป็นเล่มออกมาแล้ว คนอ่านก็จะตามมาซื้ออีกทีหลังอ่ะ ถ้าพอมีทุนอยากทำเองจริงๆ ก็พิมพ์มาเกินตามที่ตั้งเป้าไว้ก็ได้

906 Nameless Fanboi Posted ID:jJPEWQJbc

>>904 ถ้ารักจะทำหนังสือทำมือขาย ทีหลังอย่าลงจบ และให้ประกาศว่าจะทำมือตอนที่กำลังพีคที่สุด คนอ่านเม้นเยอะที่สุด ยอดวิวพีคสุด ทีนี้ก็ดูว่าได้ยอดจองเท่าไหร่ ถ้ายอดคุ้ม บอกให้ลงชื่อสั่งจองเลย จ่ายเงินเลย แต่วิธีนี้มึงต้องเขียนให้จบแล้วค่อยลง ไม่งั้นพอเขาจ่ายเงินมาแล้วมึงมานั่งงมเขียนอีกนาน เสียเครดิตหมด ขอบอกว่าวิธีนี้ได้ผลที่สุด คนกำลังอ่านมันๆ กำลังมีอารมณ์ร่วม อยากได้ ถ้าจะให้ดี ต้องลงทุนสั่งคนทำปกไว้ก่อนเลย เอาแค่ปกร่างก็ได้ บอกคนร่างว่าขอเอาปกร่างมาโฆษณาก่อน จ่ายเงินเขาไปด้วยค่าร่าง พอมึงบอกให้คนจอง มึงมีปกร่างมาให้เขาดูทันที ทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว มึงจะทำหนังสือเองต้องเป็นนักธุรกิจ ระหว่างที่จัดพิมพ์อยู่มึงก็ลงตอนพีคๆ เลี้ยงนักอ่านไว้ เผื่อได้เพิ่มยอดจองมาอีก ช่วงแรกถ้ามึงยังไม่ดัง ยอดเงินจองคุ้มค่าพิมพ์กับค่าส่งและค่ารถมึงแบกไปส่งก็พอแล้ว เป็นการสร้างชื่อเสียงไว้ก่อนว่ามึงไม่โกง ทีหลังมึงยังจะขายเล่มที่พิมพ์เกินมาได้อีก

907 Nameless Fanboi Posted ID:bPlau2O5N

>>904 คิดว่าทำซื้อประสบการณ์แล้วกันมึง รอบหลังถ้าลงมาพอควรแล้วยอดแอดเฟบไม่ถึง 2 พันกูว่าอย่าทำเลย 2 พันยังดูน้อยๆ อยู่ด้วยแต่คนรู้จักก็ราวๆ นี้ก็พอไปได้ คือยอดคนติดตามน่ะมันหมายถึงเวลาอัพแล้วคนมีเห็นด้วยไง ในบรรดาคนที่เห็นก็จะมีบางคนซื้อ 10% นี่ก็ว่าดูเยอะไปด้วยมั้ง บางคนก็ถึง บางคนก็ไม่ถึง คนเห็นน้อยไม่ซื้อมันไม่แปลกอะนะ
แต่ถ้าเข้าเนื้อหนักจริง แล้วถ้าพิมพ์มันจะเข้าเนื้อหนักเข้าไปอีกมาก มึงเชื่อตาม >>897 ก็ดี ปกก็เอาไปใช้เล่มอื่นหรือไปลง ebook หรือถ้ามันคงไม่เข้าไปมากกว่านี้เท่าไหร่ก็พิมพ์ตามออเดอร์ไปนั่นแหละ เข้าเนื้อไปแล้วก็ปล่อยๆ ไป เขียนเรื่องใหม่ต่อ
เรื่องเขียนให้คนอ่านเยอะๆ กูว่าโฆษณาตามกลุ่มมีผลไม่เท่าไหร่หรอก อย่างดีก็แค่ตอนเริ่มทำให้คนอ่านเพิ่มขึ้นไม่กี่คน มึงต้องเขียนให้คนสนุกตั้งแต่ตอนแรกๆ เลย สามตอนแรกคนต้องอยากอ่านตอนต่อๆ ไป แบบนั้นอะคนจะเข้ามาอ่าน ถ้ามึงไปสนุกกลางๆ หรือหลังๆ คนอาจไม่ทนอ่านไปขนาดนั้น ถ้าเรื่องมึงสนุกตั้งแต่แรกๆ กูว่าเดี๋ยวคนมาอ่านเอง
>>906 คิดเหมือนกูเลย แต่ตอนลงยังไม่จบก็ได้ แต่ตอนจะเปิดจองควรจะจบหรือใกล้จบได้แล้ว

908 Nameless Fanboi Posted ID:Pl/fGWIsw

กูมีปัญหา คือกูกังวลเรื่องคำซ้ำจนแทบเป็นบ้า แถมกูยังอ่านทิปการเขียนงั้นงี้ตั้งเยอะแยะแล้วก็แบบกังวลต่างๆนานามากมาย เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสไปแล้ว ตอนนี้เขียนอะไรก็ไม่ลื่น ไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนว่ะ ก็พยายามปลงนะ แต่สุดท้ายก็กลับมาเครียดเหมือนเดิม เวลาอ่านของคนอื่นจะคิดว่าแบบนี้เราก็เขียนได้ แต่พอลงมือจริง หัวโคตรโล่งเลย

909 Nameless Fanboi Posted ID:AaLu9/3ab

>>908 อย่ากังวลมากมึง ใช้ไปก่อนที่หัวจะตัน พอตันค่อยมาอ่านแล้วแก้
ดูนิยายกุมีแต่ภาษาพูดเต็มเรื่อง ต้องเร่งก่อนไอเดียหาย แล้วค่อยมาปรับทีหลังเอา๕๕

910 Nameless Fanboi Posted ID:Pl/fGWIsw

>>909 เออ บางทีก็ทำบ้างนะแต่ปัญหาถัดมาคือพอแก้แล้วก็จะเกิดอาการเพอร์เฟคชั่นนิส แก้เท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจซะทีอีก 555

911 Nameless Fanboi Posted ID:vv+q6zNM/

>>908 เป็นเหมือนกันเลยมึง ยิ่งผลงานก่อนทำไว้ค่อนข้างดี จะเขียนเรื่องใหม่ทีนี่โคตรกดดันเลยว่ะ คิดแค่ว่าต้องทำให้ดีอย่างน้อยก็ต้องพอๆกับเรื่องเดิม สุดท้ายแม่งเครียดเกิน เขียนไม่ออกเฉย

912 Nameless Fanboi Posted ID:APaJjpToB

>>908 ถ้ากังวลเรื่องคำซ้ำ แนะนำว่าแต่งให้จบทั้งย่อหน้าแล้วอ่านทั้งหมดรวดเดียว หลัก ๆ ดูว่าอ่านแล้วลื่นมั้ย อ่านแล้วโฟลว์มั้ย จังหวะการเล่าได้มั้ย ถ้าพวกนี้ผ่าน ต่อให้มีคำซ้ำเยอะก็ไมเป็นไร เพราะตราบใดที่มันโฟลว คนอ่านจะไม่รู้สึกอะไรกับคำซ้ำเลย ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าสะดุด คำซ้ำเป็นที่สังเกตได้ค่อยกลับมาแก้

913 Nameless Fanboi Posted ID:Cqz1UyXoi

กูอยากเขียนเรื่องยาวอ่ะ ที่ผ่านมาเคยเขียนแค่เรื่องสั้นตอนเดียวจบมาตลอด แต่กูก็แอบไม่มั่นใจเอาซะเลย กลัวว่าจะเขียนไม่ออก เขียนไม่รู้เรื่อง ไม่ต่อเนื่อง บลาๆ แต่กูก็พยายามปลงนะว่าเขียนๆไปเถอะ มีผลงานซักชิ้นก็ยังดี กูอยากขอคำแนะนำว่าควรเตรียมตัวไงบ้างอะ

914 Nameless Fanboi Posted ID:U12DarzmA

กุกำลังเขียนแนวเสิ่นเจิ้นอยู่ ข้อมูลแอบหายากพอสมควร อิงจากนิยายบางเรื่องก็ไม่ได้เหมือนแต่งตามจินตนาการคนเขียน กุเป็นแบบถึงตัวละครสมมุติมา แต่คนละมิติกับเหตุการณ์จริงๆ เฉยๆ คนละคน แต่ข้อมูลถูก ตัวละครกูเป็นงี้ องค์ชายลูกคนล่าสุดของฮ่องเต้กับลูกสาวคนเดียวจากตระกูลเสนาบดี(มีพี่ชายอีกแปด เป็นลูกหญิงคนเดียว) จากสมรสพระราชทาน ไปจนถึงชีวิตประจำวันของทั้งคู่ เนื่องจากยังเด็กทั้งคู่เป็นแค่ตัวหมากทางการเมืองไปพลางๆ ก่อน นางเอกก็เอ๋อๆ ต้องคอยสอนไปเรื่องธรรมนงธรรมเนียม (ซึ่งจะได้สอนตัวกุไปด้วย)
นี่กุเพิ่งเจอพงศาวดารจีน.pdfมา ไม่รู้อ้างอิงได้แค่ไหนยังไม่ได้เปิดเลย และกำลังให้เพื่อนที่เรียนที่จีนไปหาให้อยู่ (ถถถ ใช้เพื่อนให้เป็นประโยชน์สูงสุด)
ใครที่เขียนแนวเสินเจิ้นแบบกุแล้วมีข้อมูลไรดีๆ ปันกูที กราบ ยุคไหนก็ได้ ช่วยโม่งคนนี้ด้วย

915 Nameless Fanboi Posted ID:UUp.+//Uc

>>913 สร้างตัวละครหลัก นิสัยและวิถีชีวิต จากนั้นค่อยมีพล็อตเรื่องหลัก แล้วก็พล็อตรอง ตัวละครรอง จากนั้นก็เรื่องความสัมพันธ์ อิงจากนิสัยตัวละครแต่ละตัว โดยมีสถานที่ สถานการณ์ บรรยากาศในเรื่องเป็นตัวชี้นำ

ส่วนตัวกูเขียนได้เรื่อยๆ เพราะกูเอานิสัยจากคนใกล้ตัวมาเขียนเป็นตัวละครเลย เพื่อนนี่ใช้เป็นตัวละครได้ดีมาก เลือกเอาเลยว่าคนไหนนิสัยเหมาะจะมาอยู่ในนิยายของมึง จะให้เห็นภาพได้ชัดขึ้นก็คิดถึงกิจกรรมต่างๆที่มึงทำกับเพื่อนก็ได้ มาเป็นโครงเรื่องสำหรับพล็อต ส่วนตัวกูเล่นเกมส์กับเพื่อนบ่อย รู้สึกเหมือนได้ผจญภัยไปด้วยกัน มีทะเลาะ ด่า เบลมกันบ้างเป็น Conflict แต่ก็ยังไปด้วยกันได้เรื่อยๆ แต่ไปได้เรื่อยๆต้องอย่าลืมว่ามีพล็อตเรื่องหลักด้วย ให้เขียนเนื้อเรื่องหลักเป็นเควสหลักบันทึกใส่ Notepad ไว้เลยจะได้ไม่ลืม เพราะนิยายเรื่องยาวหลังๆกูเห็นออกทะเลบ่อยมาก ออกทะเลมากๆคนก็จะเลิกตามเอา

คนอื่นอาจจะคิดไม่เหมือนกูนะ แต่กูว่าถ้านิยายมึงมาถึงจุดที่ควรจบ ก็ควรทำให้จบไปเลยดีกว่า เช่นเคลียปม เคลียความสัมพันธ์เสร็จหมดแล้ว แล้วจบอย่าง ตัวเอกก็ออกเดินทางต่อไปอะไรพวกนี้อย่าเลย มันกาก พล็อตทวิสต์นี่มีได้ แต่อย่าเล่นมุขเดิมซ้ำบ่อยๆไม่งั้นคนอ่านจะเบื่อ ถ้าจะให้พีค ก็ต้องทวิต์อย่างมีเหตุมีผลต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง เออ แล้วก็มาคุยกับคนอ่านบ้าง จะได้ดูเข้าถึงได้ แต่อย่าหลุดเนื้อเรื่องไปล่ะ

916 Nameless Fanboi Posted ID:P48SC0x6J

>>915 เออ อ่านแล้วเกิดสงสัยขึ้นมาซะงั้น เนื้อเรื่องออรินี่ยากกว่าฟิคใช่ป่ะ แบบฟิคมันมีอะไรๆเตรียมมาให้หลายอย่างบ้างแต่ออรินี่คือเหมือนเริ่มจากศูนย์เลยอ่ะ

917 Nameless Fanboi Posted ID:if9dEf1Oa

>>916 ยากคนละแบบ ฟิคที่ยากคือจะคีพคาแรกเตอร์ยังไงให้ตรงกับต้นฉบับ ออริยากตรงเริ่มใหม่หมดนี่แหละ

918 Nameless Fanboi Posted ID:.WzembFxr

>>916 ออริยากกว่าเหมือนเดินคลำทางในที่มืด แต่ฟิคยังพอมีตัวเรื่อง มีคาแร็กเตอร์ให้ การเดินเรื่องออริก็ยากกว่าเพราะต้องไม่ออกทะเลด้วย ฟิคยังมีหนทางชี้มาให้แล้ว ออกทะเลไปแล้วดังยังได้

919 Nameless Fanboi Posted ID:RL7LGGm1i

>>918 ไม่นะมึง ถ้าพวกแฟนฟิคเกาหลีนี่แบบ เริ่มจากศูนย์เหมือนกัน ให้ความรู้สึกเหมือนแต่งออริแต่ครอบหน้าตาคาแรกเตอร์ด้วยใบหน้าของศิลปินอะ เป็นออริในคราบแฟนฟิคดีๆ นี่เอง

920 Nameless Fanboi Posted ID:P48SC0x6J

โอเค ก็ยากในหลายๆแบบแตกต่างกันไปแหละ แต่ยังไงกูก็ว่าฟิคมันดังง่ายกว่าอยู่ดี ก็มีฐานแฟนอยู่แล้วนี่นะ

921 Nameless Fanboi Posted ID:KiyRCzQzG

กุเซ็งว่ะเพื่อนโม่ง... กุโดน บก. บอกว่าช่วงนี้ให้ลองเขียนอะไรแนวเมากาวดูบ้างตามกระแส
...เออ แบบนี้กุต้องดมกาวก่อนเขียนรึเปล่าวะเนี่ย

922 Nameless Fanboi Posted ID:.06rfo3dx

>>921 แนวเมากาวนี่ยังไงวะ แบบเพ้อๆงี้เหรอ ยกตัวอย่างหน่อย

923 Nameless Fanboi Posted ID:RL7LGGm1i

>>920 ทำเป็นเล่นไป ดังง่ายกับผีน่ะสิมึง เดี๋ยวนี้ฟิคผุดเป็นดอกเห็ด (อิห่า ผุดเยอะพอๆ กับนิยายวายสายเน้นเยดูด เยดูดอะ) ฟิคบางเรื่อง ภาษาดีมาก แต่เงียบฉี่เพราะคนอ่านไม่รู้จักคนเขียน คนเขียนดังไม่พอ ไม่มีบารมีเหมือนคนเขียนเซเลบในแฟนด้อมบางคน สักพัก คนเขียนโนเนมพวกนั้นแม่งก็ปิ๋วไป มีเกิดและดับไปกันเยอะจะตาย มึงอย่าหวังเลยค่ะว่าเขียนแฟนฟิคแล้วจะดังเป็นพลุแตก ยอดพรีฟิคบูมบาย่า มันก็เหมือนกับเขียนนิยายออริทั่วไปนี่แหละ

>>921 เมากาวยังไงวะคะเพื่อนโม่ง

924 Nameless Fanboi Posted ID:KiyRCzQzG

>>922 >>923 แนวตลกเฮฮาน่ะ เน้นยิงมุกตบมุก ส่วนเนื้อหาก็แนวปกตินั่นล่ะ

925 Nameless Fanboi Posted ID:m.xBDTJfi

>>921 กาวเชย เค้าweedกันแล้ว

926 Nameless Fanboi Posted ID:dZ4XDr.F2

กูอัดอั้น ขอระบายแป้บ คือเวลากูจะแต่งอะไร ถ้าได้เห็นงานของคนที่เขียนดีกว่ามาก่อน กูจะโคตรเฟลซึมเศร้าไปเลย แต่ถ้ากูเห็นงานห่วยกว่าแบบพวกในเด็กดี กูจะรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที แบบเอาวะกูคงเขียนให้ดีเลิศไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ไม่กากจนทุเรศเกินล่ะวะ รู้สึกเลวชอบกล 555

927 Nameless Fanboi Posted ID:PaBnN+y5S

>>926 ก็เป็นเรื่องปกติแหละ เวลาคนเราผิดหวังอะไรซักอย่างมักจะหาอะไรที่ต่ำกว่ามาเทียบให้ตัวเองดูสูงกว่า
กุไม่ได้ว่ามึงหรอกนะ แต่มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์น่ะ

928 Nameless Fanboi Posted ID:oJb06ywwv

กูเป็นนักเขียนแล้วก็เป็นนักอ่านด้วย กูหงุดหงิดมากเวลาเจอพวกนักเขียนที่ผิดในคำที่ไม่ควรผิด(ประเด็นคือที่กูเจอบางคนเป็นนักเขียนที่นิยายตีพิมพ์ด้วยไง อายุก็ 20+ ละ) ที่กูเจอมีเขียน
' ถ้า ' เป็น ' ท่า ' กูนึกถึงท่าเรือเลย
' พาล ' เป็น ' พาน ' จะยกพานถวายใครวะ
' งอน ' เป็น ' งอล ' อันนี้เจอบ่อย นี่ใช้ผิดจนไม่รู้ว่าเขียนถูกเป็นยังไงใช่ไหมวะ
มีอีกมากมายที่กูเจอ บางอันก็ตลกดี แต่โตๆมาอายุไม่น้อยแล้วเป็นนักเขียนด้วย คำปกติง่ายๆที่ไม่ใช่ศัพท์ยากๆก็ควรเขียนให้ถูกไหมวะ
กูฝากเพื่อนโม่งนักเขียนช่วยคิดถึงเรื่องคำผิดกันนะ เพราะคำผิดมันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ตัวมึงไม่มากก็น้อย

929 Nameless Fanboi Posted ID:mi1XbLGj8

กูหงุดหงิดประเด็นการใช้สรรพนามมาก คือเรื่องเล่าด้วยสรรพนามบุรุษที่สาม แต่พอพูดถึงตัวเอกสองคนพร้อมกันเสือกใช้คำว่าเรา เจอแทบทุกเรื่องที่อ่านเลย เป็นอะไรกันไปหมดวะ

930 Nameless Fanboi Posted ID:sg8w.HyWN

กุแต่งจีนโบราณ นางเอกเรียกแทนตัวเองว่าข้าได้มะ "ข้าไม่อยากทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ขอนอนเฉยๆ เถิด ส่วนเจ้าจะไปไหนก็ไปเถิด"

931 Nameless Fanboi Posted ID:7BxX15.up

>>930 ประหลาด ใช้เจ้าค่ะ แปลว่าคนฟังสถานะสูงว่า แต่เรียกเจ้าที่สถานะเท่ากันหรือต่ำกว่า

932 Nameless Fanboi Posted ID:Q96ZXok0v

>>928 คำว่า พาน นี่ต้องดูดีๆว่ะ มันมีหลายความหมาย
เช่น พาน ว. ทำท่าว่า เช่น พานจะเป็นลม พานจะตาย พานจะโกรธ, พี่ก็พานแก่ชราหูตามัว (สังข์ทอง).
กูเห็นบางคนเขียน พาลจะโกรธ ก็เพลียเหมือนกัน

933 Nameless Fanboi Posted ID:HRRX6YDHh

>>931 พูดกับคนสองคนพร้อมกัน

934 Nameless Fanboi Posted ID:EZqMzp/wd

>>933 งั้นควรจะมีอะไรคั่นกลางไหมอะ เช่น xxx หันไปพูดกับ yyy งี้

935 Nameless Fanboi Posted ID:TDx5TcAN8

>>930 ถ้าจะข้าก็ "ข้าน้อย"

936 Nameless Fanboi Posted ID:jLsZ78xkB

>>934 จริงๆ ก็จะแยก แต่อาจารย์เดินโฉบมา กุรีบพิมพ์ก่อนนึก๕๕๕๕ แอบเล่นโม่งในห้องเรียน

937 Nameless Fanboi Posted ID:W3+2CwowD

>>932 ที่กูเจอคือมันต้อง ' พาล ' ไง แต่นักเขียนเขียนเป็น ' พาน '

938 Nameless Fanboi Posted ID:hGjR/E.1k

แต่กูว่าบางทีใช้สรรพนามผิดก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าจงใจใช้เพื่อแสดงนิสัยของตัวละคร เช่น บ่าวที่มีความทะเยอทะยาน แค่สนิทกันเจ้านายหน่อยก็ตีตัวเสมออะไรแบบนี้ รึพระเอกแนวไม่ก้มหัวให้ใคร มีความหยิ่งโอหังสูง

939 Nameless Fanboi Posted ID:TnKbhEeOA

กูเป็นนักเขียนนะ กูเข้าใจว่าใช้พาล ลอลิง
แต่สนพ.แก้ให้กูเป็น พาน นอหนูหมด
กูก็ยึดตามสนพ.วะ

940 Nameless Fanboi Posted ID:jLsZ78xkB

>>939 อ้าว ไมเป็นงั้น
กุนึกว่าพาน พานแบบ พานคือสิ่งของ
ส่วนพาลคืออารมณ์โกรธแล้วทำตัวดราม่าฟัดเหวี่ยงไปทั่ว

941 Nameless Fanboi Posted ID:SizOlRr1T

พาล ล.ลิง คือ พาลโกรธ
พาน น.หนู พานใส่ของหรือ คล้ายๆ พลอยจะ...ไปด้วย

942 Nameless Fanboi Posted ID:URq/GlqCZ

ปกติกุแต่งฟิคลงfanfictionเป็นภาษาอังกฤษกุแต่งแบบตามใจฉันไม่เคยรู้สึกกดดันเท่าไหร่ พอกุมาแต่งภาษาไทย ภาษาตัวเองกดดันชิบหาย เพิ่งลงเว็บเด็กดอยไป เริ่มมีฐานแฟนคลับ กดดันชิบหาย โอยยย กุปวดตับ หรือกุกลัวนิยายกูโผล่ในโม่งวะ ถถถ

943 Nameless Fanboi Posted ID:36Dy1xfXl

>>941 พานจะโกรธ = ทำท่าว่าจะโกรธ
พาลโกรธ = หาเรื่องโกรธ

944 Nameless Fanboi Posted ID:cBELlOCZt

>>942 เออ กูก็เป็น อยากดัง มีคนตามหรอกนะ แต่ถ้าเป็นยังงั้นกูก็จะกดดัน จะเครียดว่ะ แบบต้องเขียนออกมาบ่อยๆ ต้องเขียนให้เพอร์เฟค คนอ่านจะได้ไม่ลืม บลาๆ ซึ่งกูทำไม่ได้ว่ะ กูเพิ่งกลับมาเขียนหลังหายไปนาน ฝีมือตกไปเยอะ กูเขียนแบบนั้นไม่ไหวหรอก

945 Nameless Fanboi Posted ID:o76sl4Cln

>>942 กุขอปรึกษาหน่อยได้ไหม กุติดคิดบทสนทนาในหัวเป็นภาษาอังกฤษแต่พอมาแปลเป็นไทยยังไงก็ใช้ได้ไม่ดีว่ะ อย่างกูอยากให้ตลค. บอกกับเด็กคนนึงว่า be kind to others and live your life well. กูไม่รู้จะแปลยังไงไม่ให้กระด้างเลย "จงอ่อนโยนกับผู้อื่นและใช้ชีวิตของเจ้าให้ดี" หรือจะเปลี่ยนไปเป็น "ใช้ชีวิตของเจ้าให้มีควาหมาย" แต่มันก็แปลกๆ ว่ะ กูแต่งนิยายด้วยสำนวนแปลแต่ไม่อยากให้มันขัดเขินขนาดนี้

946 Nameless Fanboi Posted ID:IGTtUQVVS

พอความจูนิเบียวของกุหาย นิยายกุเรียลขึ้นเหี้ยๆ แต่กุลงหมวดคอมเมดี้ แม่งงงงง ความจูนิเบียวกลับมาก๊อนนนนน

947 Nameless Fanboi Posted ID:pfogvWjZF

>>945 ลองดูคาร์ของมึงก่อนมั้ยว่าปกติพูดไงมั่งอ่ะ เป็นคนพูดแนวห้วนๆหน่อย หรือพูดแบบสั้นกระฉับเรียบๆ หรือเจ้าสำบัดสำนวน
กูไม่ค่อยเก่งอิ้ง แต่เท่าที่อ่านดู อันนี้เหมือนเขาจะเน้นพูดแบบกระชับๆหน่อยเปล่า
ถ้างั้น "จงอ่อนโยนกับผู้อื่นและใช้ชีวิตของเจ้าให้ดี" นี่อาจเยิ่นเย้อไป ปรับเป็น "ดีต่อผู้อื่นและดีต่อตนเอง" อะไรงี้พอไหวมั้ย

948 Nameless Fanboi Posted ID:hVQkFD+AM

ถามหน่อยดิคือกุก็แต่งฟิคแต่งนิยายมาเรื่อยๆนะ แต่กุไม่จริงจังไงมันเป็นแค่งานอดิเรก แล้วกุถูกคนอ่านด่าวะว่าไม่จริงจัง อัพไม่สม่ำเสมอ ภาษาก็แค่พอได้ คือกุต้องจริงจังและพยายามพัฒนาฝีมือถึงขั้นไหนสำหรับงานอดิเรกวะ กุไม่หวังจะหาเงินอะไรจากเรื่องที่กุแต่งเลยนะ ถึงฟลุ๊คดังขึ้นมามีคนจะขอทำเล่มกุก็จะไม่ทำไม่อยากปวดหัวเพราะทุกวันนี้กุก็เรียนปีท้ายๆของคณะที่จบไปมีงานทำแน่นอนอยู่แล้ว กุไม่มีทางมาเอาดีด้านงานเขียนแน่ๆอะ กุอยากแต่งไปเรียบๆเรื่อยๆของกุไม่ต้องคิดไรมากแต่กุก็ไม่อยากถูกด่าละกุควรทำไงดี

949 Nameless Fanboi Posted ID:8tEeTj21g

>>948 คำเเนะนำของกูคืออย่าไปเก็บมาอารมณ์หรือทำให้ตัวเองคิดมาก ตัวเองสะดวกตอนไหน สบายใจจะเเต่งตอนไหนก็ตามใจมึงเลย เพราะคนที่พิมพ์ว่าคนเขียนแบบไม่มีเหตุผลเนี่ย เค้าไม่ได้ใช้อะไรเลย ใช้เเค่การระบายอารมณ์ใส่มึง เพราะไม่ได้อย่างใจตัวเอง เพราะงั้นนะ อย่าไปใส่ใจหรือให้ค่าเลยมึง เป็นกำลังใจให้มึงนะ

950 Nameless Fanboi Posted ID:Mty0XF.tz

>>949 ขอบใจมากมึง

951 Nameless Fanboi Posted ID:vMIA27EY8

การ์ดที่เฝ้าประตูเมืองในธีมจีนโบราณเค้าเรียกไรวะ กุนึกภาษาไทยไม่ออกเลย ตำหนวด? ผู้เฝ้ารักษาการ? ทหาร? ยาม?

952 Nameless Fanboi Posted ID:ahvNj6p4l

>>951 ทวารบาล........ แต่ธีมจีนก็น่าจะเรียกแค่ยามเฝ้าประตู ยามรักษาการณ์ไรงี้มั้ง

953 Nameless Fanboi Posted ID:12uSUyOcJ

>>951 ก็มีตำแหน่งเป็นนายทหารผู้รักษาประตูเมือง หรือไม่ก็นายทหารประจำประตูเมืองทิศไหนๆก็ว่าไปไม่ใช่รึ ?

954 Nameless Fanboi Posted ID:X+To8rWEc

>>953 กุนึกเป็นคำภาษาไทยไม่ออก

955 Nameless Fanboi Posted ID:N/94RAj2k

ใช้ภาษายังไงดีเพื่อนโม่งถึงจะดูเป็น Post modern กูว่ามันก็ไม่ค่อยต่างกับสมัยนี้ป่าววะ บก.กูแม่งบ้าบอ

956 Nameless Fanboi Posted ID:Z0rSb7zYa

ถามหน่อยครับ ปกติแล้ว นักเขียนหน้าใหม่ที่ส่งต้นฉบับผ่านจะมีบก.มาช่วยดูงานให้อีกทีหรือเปล่า

957 Nameless Fanboi Posted ID:n/f8z1/Aw

โม่งงงง เวลากุตาสว่างกุแต่งนิยายไม่ออกเลย พอกุจะหลับเท่านั้นแหละ แม่งไอเดียมา กุแต่งได้ยาวเลย ทำร้ายร่างกายกุมาก แง

958 Nameless Fanboi Posted ID:Km3yxsUnd

เพื่อนโม่ง~ คือกุสงสัยอย่างนึงอะ
ถ้ากุเขียนแนว POV1 แล้วเขียนบรรยายภาพที่ตัวเอกเห็น + ความคิด มันจะเวิ่นเว้อไปมั้ยอะ?
กุสร้างตัวละครแนวตัวเอกขี้บ่น พอบรรยายสถานการณ์ตรงหน้าเสร็จ บรรทัดต่อไปก็จะตามด้วยคำบ่นเล็กๆ ซักสองประโยค แบบนี้มันจะโอเคมั้ยหว่า?

959 Nameless Fanboi Posted ID:ICOYSrhNK

>>958 ถ้าบ่นก็บ่นให้น่าสนใจ ถ้าน่าสนใจก็โอเค ถ้าไม่น่าสนใจ เวิ่นเว้อ ก็ไม่โอเค

960 Nameless Fanboi Posted ID:Km3yxsUnd

>>959 ก็บ่นในใจแหละ แต่บางทีจะมีบ่นออกมาข้างนอกบ้าง
อ่าแล้วขอถามเพิ่มอีกหน่อย ...ถ้าตัวเอกเป็นคนบรรยาย mechanic ในเรื่องแบบคร่าว ๆ มันจะนับว่ารู้มากไปมั้ย?
ยกตัวอย่าง สมมุติในเรื่องตัวเอกบังเอิญไปเจอคนรู้จักที่มาจากตระกูลใหญ่โต ตัวเอกจะบรรยายเกี่ยวกับตระกูลนั้นว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำธุรกิจอะไร แบบคร่าวๆ ไม่ถึงกับลงรายละเอียดเบื้องลึกแบบนี้มันจะโอเคมั้ย?
เคยโดนติมาว่าตัวเอกเป็นพวกรู้มาก กุเลยไม่มั่นใจว่าเขียนแบบนี้ยังไปได้รึเปล่า

961 Nameless Fanboi Posted ID:b4+L0CVaG

>>960 ถ้าบ่นก็อยากให้พร่ำเพรื่อ​เกิน เอาให้คนอ่านอินว่าตัวเอกมันมีความคิดเห็น​อย่างไรพอ ไม่ใช่บ่นไร้สาระปล่อยมุขแป๊ก​จนรำคาญว่าจะบ่นไรหนักหนา​
รู้มากแค่ไหนก็น่าจะต้องดูว่าเป็นเรื่อง​ที่คนทั่วไปจะรู้ด้วยมั้ย ถ้าแวดวงในลับลวงพราง อันนี้รู้เกินไป

962 Nameless Fanboi Posted ID:VA57x/n0L

>>961 โอเค ขอบใจมาก~

963 Nameless Fanboi Posted ID:jc3cfapsC

เด็กดอยเวลาเราปิดเปิดเรื่องมันแจ้งเตือนคนอ่านกันมั้ยวะ กูกลัวคนอ่านที่เฟบไว้รำคาญ
ตอนนี้กูเริ่มรู้สึกอายนิยายตัวเอง

964 Nameless Fanboi Posted ID:MAqitBIH.

โอ้ยกลุ้ม เขียนนิยาย 1 ภาค แต่กลับมีความหนาเท่า LN 3 เล่ม (ราวๆ 600 หน้า)
กุควรโละทิ้งทั้งหมดแล้วไปวางพล็อตใหม่ดีกว่ามั้ยเนี่ย หนาชิบหาย

965 Nameless Fanboi Posted ID:9bOArYNWP

ถามนิด ปกติถ้าเรื่องมีตัวละครต่างชาติพูดต่างภาษากันพวกมึงเขียนกันยังไงบ้าง
อย่างมีฝรั่งโผล่มาพูดกับตัวละคร
ใช้ภาษาอังกฤษไปเลย (อาจมีวงเล็บแปลว่ามันคุยไรกัน)
หรือว่าแปลไทยให้เลย โดยระบุว่าตอนนี้ตัวละครมันกำลังคุยอังกฤษกันอยู่

966 Nameless Fanboi Posted ID:tVJTzV4BF

>>965 กูระบุว่ากำลังใช้ภาษานั้น แล้วก็แปลไทยไปเลย แต่พยายามใช้คำให้เหมือนแปลมาจากภาษานั้น ๆ อีกทีอะ

967 Nameless Fanboi Posted ID:Sk3aDH.gf

>>965 ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทยพื้นถิ่นอื่น ๆ กูไม่แปลให้ว่ะ เห็นซับในวงเล็บละขัดตาแปลก ๆ แต่จะเน้น show ให้คนอ่านรู้ว่าคำนี้ ประโยคนี้มันจะสื่อถึงอะไร

แต่ส่วนใหญ่กูใช้อย่างสุดท้ายนะ เพราะบางเรื่องตัวละครกูมีหลายชาติ ชาติสมมติก็มี

968 Nameless Fanboi Posted ID:.C2YDbkxf

>>965 กูไม่วงเล็บเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ใช้ภาษาไทยไปเลย แล้วบรรยายว่าพูดอังกฤษหรืออะไร
แต่มันก็จะงงๆถ้าเกิดว่าอยู่ดีๆมึงอยากเล่นมุกภาษาอังกฤษที่แบบ เออ ตัวเอกมึงอาจจะไม่เข้าใจงี้ มันก็จะแบบ เอ้ยย ทำไงดีวะ กูใช้ภาษาไทยมาทั้งเล่ม แม่งจะมาใช้ภาษาอังกฤษตรงนี้แม่งก็ประหลาด แต่จะให้ใช้อังกฤษทั้งเรื่องและวงเล็บตลอดก็ประหลาดเหมือนกัน

969 Nameless Fanboi Posted ID:Wz3RtPd2H

>>964 ตัดพวกน้ำๆออกไปมั่งสิมึง จุดไหนรู้สึกว่ามันไม่ได้จำเป็นขนาดที่ต้องเล่าเหตุการณ์โดยละเอียดก็เล่าข้ามไปบ้าง พล็อตย่อยอันไหนใส่เข้ามาเพื่อความสนุกแต่ทำให้เรื่องแวะออกทะเลไปพักนึงก็ควรตัดออกบ้าง

970 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

>>969 กุตัดหมดแล้ว นี่ 2 เดือนมานี่กุนั่งอ่านงานตัวเองแล้วไล่ตัดมา 2 รอบละ
แต่อันนี้กุยอมรับเลยว่าพลาดที่วางพล็อตละเอียดเกินไป ปมซับซ้อนและปูเนื้อหาเอาไว้เพื่อไปต่อ มันเลยออกมาเยอะแบบนี้
หลายคนก็บอกให้กุเขียนต่อไปอย่าได้แคร์ แต่พอมามองเทียบกับพวกไลท์โนเวลนี่ก็ทำเอารู้สึกเหมือนตัวเองมาผิดทางว่ะ - -

971 Nameless Fanboi Posted ID:Wz3RtPd2H

>>970 งั้นถ้ามึงไม่กลัวโม่งแตกลองลงพล็อตมาหน่อยได้มั้ย เผื่อช่วยบอกได้ว่าตรงไหนยังตัดได้อีก

972 Nameless Fanboi Posted ID:8Md7JfCoV

>>967 ในฐานะคนกรุงที่อ่านภาษาถิ่นไม่ออกแล้วกูค่อนข้างไม่ชอบวะ

973 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

>>971 โม่งแตกน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่พล็อตเนี่ยกุลำบากใจที่จะเล่า (เพราะมันโคตรยาว) เอาเป็นว่าขอสรุปสั้นๆ แล้วกัน

เซ็ตติ้งเป็นธีมแฟนตาซียุคกลางตอนปลาย พระเอกกุเป็นชาวนาไม่รู้หนังสือ แต่ก็หัวไว ไหวพริบดี และช่างสังเกต อาศัยอยู่กับพี่สาวฝาแฝด (พระเอกเป็นซิสค่อนติดพี่) แต่วันหนึ่งไร่ที่พระเอกอาศัยอยู่โดนโจรบุก พระเอกพยายามปกป้องพี่สาว แต่ทำไม่ได้เพราะตัวเองไร้พลัง ถึงจะโชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ทัน แต่มันกลายเป็นปมที่พระเอกอยากให้ตัวเองเก่งขึ้น

หลายวันต่อมาพระเอกกุเข้าเมือง แล้วบังเอิญโดนร้านค้าแปลกๆ ลากไป มีการคุยถามประวัติกันเล็กน้อยก่อนฝ่ายร้านค้าจะยัดเยียดให้พระเอกซื้อของชิ้นหนึ่งมา ซึ่งมันคือหนังสือ แต่พระเอกกุอ่านหนังสือไม่ออกเลยได้แค่เปิดแล้วโยนทิ้ง โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้พลังบางอย่างมา

ต่อมาพี่สาวพระเอกโดนหาเรื่อง พระเอกเลยออกมาปกป้องและบังเอิญใช้พลังอัดใส่อีกฝ่ายจนหมอบ ก่อนทั้งคู่จะหนีไป (ตอนนี้กุพยายามบิ้วความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง + ให้พระเอกตั้งปณิธานว่าจะหาทางยกระดับชีวิตตัวเองและพี่สาวให้ดีขึ้น)

แต่ไม่นานเรื่องทะเลาะกันก็แดงขึ้นพระเอกเลยโดนลากไปสอบสวน และพบว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ได้ แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้อีกฝ่ายเกิดความสนใจได้เท่ากับการที่พระเอก อ่าน เขียน และ คำนวณ ได้ ทางนั้นเลยอยากได้ตัวพระเอกเข้ามาทำงานด้วย ถึงพระเอกกุจะงงว่าเป็นไปได้ยังไง แต่ก็ยังอาศัยไหวพริบ ยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายยอมรับพี่สาวตัวเองเข้ามาด้วยได้สำเร็จ

เวลาไปผ่านไป พระเอกกับพี่สาวชีวิตดีขึ้น จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง ก็ได้มีปิศาจตนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น มันบอกว่าตัวเองเป็นปิศาจท่ี่ถูกผนึก และเฉลยว่าสาเหตุที่พระเอกใช้เวทมนตร์ได้ และอ่าน เขียน คำนวณ ได้เป็นเพราะหนังสือที่เขาซื้อมา ซึ่งพระเอกสามารถรับพลังได้มากกว่านี้ถ้าหากยอมขายวิญญาณให้กับหนังสือ พระเอกปฏิเสธ ปิศาจนั่นยอมถอยไป ก่อนมันจะทิ้งท้ายว่าหลังจากนี้พระเอกจะต้องเจอกับโชคร้ายอีกเยอะ

นี่คือ 1/3 ของเรื่องที่กุเขียน เป็นส่วนที่เขียนเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว พอลองกดเครื่องคิดเลขแล้วก็พบว่าปาไป 200 หน้าเศษๆ กันเลย ต่อให้ตัดตอนบิ้วอารมณ์ออกก็น่าจะยังเหลือ 150 หน้าอยู่ดี

974 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

>>973 ที่จริงกุก็อยากจะลงหมดนะ แต่น่าเสียดายที่นี่มันบอร์ดสาธารณะ กุเลยเผยได้แค่นี้ล่ะ
กุกำลังคิดว่าจะดรอปเรื่องนี้ แล้วไปเขียนอะไรที่มันสั้นกระชับกว่านี้ดีมั้ย คืองานนี้ไม่ค่อยคืบหน้า เพราะในใจกุรู้สึกว่ามันยาวเกิ้นนเนี่ยล่ะ

975 Nameless Fanboi Posted ID:UeQjzYEoU

ยิยายพวกมึงเคยพล็อตเปลี่ยนกันมั้ย
ของกุจากคอเมดี้ตอนนี้เป้นเหี้ยไรไปแล้วไม่รุ้ ไม่รู้จะกลับมาไงเี

976 Nameless Fanboi Posted ID:Wz3RtPd2H

>>973 เท่าที่ดูตอนนี้ตัดพล็อตไม่ได้ แต่ถ้ากูเขียน จะได้ไม่ถึง 150 หน้าด้วยซ้ำ เพราะกูจะไม่เล่าไปทีละขั้นตอน แต่จะเริ่มจากฉากที่พระเอกโดนสืบสวนแล้วแฟลชแบ๊กกลับไปเล่าความเป็นมาคร่าวๆ จากนั้นก็เชื่อมไปหาเรื่องปีศาจ มาบอกว่าที่มีเวทมนตร์เพราะบลาบลา แล้วพระเอกก็พยายามปกปิดเรื่องนี้ระหว่างที่โดนสืบสวน (ไทม์ไลน์จะเปลี่ยนจากของมึงนิดนึง) ดังนั้นกูว่าที่มันยาวไม่ใช่เพราะพล็อตนะ แต่เป็นที่การเรียบเรียงกับการลำดับเหตุการณ์เรื่องมากกว่า ฉากที่ไม่จำเป็นต้องเล่าละเอียดแบบ Sshow ก็ใช้ tell พอแล้ว อย่างช่วงชีวิตก่อนพระเอกโดนสืบสวนอะมึง

>>975 บ่อย 55555

977 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

>>976 ก็จริงอะที่กุเล่าไปตามลำดับขั้นเกินไป แถมยังใช้ show ซะเยอะด้วย Orz
แนะแนวทางได้ดีนะ แต่น่าเสียดายเพราะที่จริง... ไอ้ที่เล่ามานี่คือ flash back ของพระเอกทั้งหมดเลยอะสิ
ที่กุเขียนน่ะ บทนำคือตอนท้ายของเรื่อง แล้วพระเอกมัน flash back เล่าย้อนตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ไล่ไปจนถึงช่วงบทนำเลย

978 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

แต่ในเมื่อแนะมาแบบนี้ กุขอรับไปลองวิเคราะห์ดูแล้วกัน
บางทีอาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าให้มันสั้นกระชับกว่านี้ได้ก็คงดี

979 Nameless Fanboi Posted ID:fvfgrx3S3

เห็นยอดเฟบลดแอบใจหาย กุเขียนไรผิดไป

980 Nameless Fanboi Posted ID:pSw.7LwFo

>>979 เคยเจอยอดเฟปหลักพัน คนอ่านหลัก 1-200 มั้ย?
ลดแค่นิดเดียวอย่าได้ซีเรียสเลย

981 Nameless Fanboi Posted ID:fvfgrx3S3

นักอ่าน กุขอโทดกุไม่ว่างแต่งทุกวันนนน ทักต้องมานั่งแก้ก่อนเผยแพร่อีก

982 Nameless Fanboi Posted ID:fvfgrx3S3

คืองี้กุคิดว่ายอดเฟบลดเพราะกุลงช้า กุลงช้าเพราะกุอ่านทวน เชคอีกรอบ แก้คำผิด แก้สำนวน มันคงไม่ทันใจแบบพวกนิยายพิมพ์ผิดแต่ลงไว ฮือ

983 Nameless Fanboi Posted ID:jy0CPlCHf

>>982 มึงอยากได้คนอ่านที่ไม่สนสี่สนแปด เอาแต่ความเร็วเข้าว่าหรือเปล่าล่ะ ถ้ามึงชอบแบบนั้น มึงอยากสนองให้พวกที่อ่านนิยายเอาแค่เนื้อเรื่องสะใจตัว ไม่สนใจความละเอียดหรือความดีงามอะไร มึงก็ลงเร็วๆตามคนอื่นไป ถ้ามึงพอใจยอดวิว เผื่อว่ามึงจะเอาไปขายได้ หรือมึงภูมิใจในยอดมากกว่าในผลงานที่มึงตั้งใจำ มึงก็เอาเร็วเข้าว่า

984 Nameless Fanboi Posted ID:JHqXUiKkL

>>982 ลงช้านี่ลงช้าเท่าไหร่
ปกติกูลงอาทิตย์ละตอน ไม่มีใครบ่นอะไรนะ กูก็มีเลทบ้าง คนอ่านก็ไม่ว่าอะไรกูอ่ะ กูว่าลงช้าอ่ะได้ ให้มันดีดีกว่า

985 Nameless Fanboi Posted ID:gyj/b23dv

>>984 อาทิตย์ละตอน

986 Nameless Fanboi Posted ID:kzZJ.B1Hb

เพื่อนโม่งปรึกษาเรื่องนิยายหน่อยสิ กูมือใหม่เพิ่งแต่งเรื่อง 2
แนวสงคราม เซ็ตติ้ง ยุคกลางสไตล์จักรวรรดิรัสเซีย แฟนตาซี
อยากรู้ว่าถ้ารีบเดินเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร เร่งเข้าช่วงสงครามเลยจะโอเคมั้ยวะ ทั้งหมดนี้ใน 10 ตอน แต่เป็นนิยายเรื่องยาวนะ

เรื่องย่อ พระเอกเป็นเด็กบ้านนอกในหมู่บ้านเกษตรกรรมที่กำลังจัดงานเทศกาลต้อนรับฤดูร้อนอยู่ ส่วนนางเอกเป็นเอลฟ์นักล่าสัตว์ บาดเจ็บโดนก๊อปลินทำร้าย แล้วหลงมาหมู่บ้านพระเอก เดิมทีมนุษย์กับเอลฟ์แทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันเลยเพราะพวกเอลฟ์อยู่ในป่าลึก อันตราย กอปรกับปัญหาการเมืองภายในที่ฝ่ายปกครองแตกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายจักรวรรดินิยมนี่ยังนิยมให้ซาร์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ กับ ฝ่ายสหภาพแรงงานที่ต้องการให้อุตสาหกรรมต่างๆเป็นเจ้าของโดยชนชั้นแรงงานด้วยกัน อิงระบบ Syndicalism ทำให้เสียเสถียรภาพทางการเมือง ทีนี้พระเอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมืองเลย เพราะอยู่ในบ้านนอกตะเข็บชายแดนก็บังเอิญไปเจอนางเอกสภาพร่อมร่อใกล้ตายอยู่ แต่พาคนมาช่วยไล่ก๊อปลินได้ทัน พอนางเอกฟื้น ก็รู้สึกปลื้มและเปลี่ยนมุมมองต่อมนุษย์ นางก็เรียนวิธีทำอาหาร เล่นดนตรีจากหมู่บ้านมนุษย์ไปเผยแพร่ในหมู่บ้านเอลฟ์ ทำให้สองหมู่บ้านที่ไม่เคยติดต่อกันมาก่อนเป็นร้อยๆปี เริ่มสานสายสัมพันธ์ขึ้น

ทีนี้ฝ่่ายจักรวรรดินิยมรู้เรื่องขึ้นมา ก็เลยส่งทูตไปติดต่อกับเอลฟ์ มีบรรณาการมากมายไปให้ เอลฟ์ที่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนมุมมองกับมนุษย์ก็ยิ่งรู้สึกปลื้มเข้าไปใหญ่ แต่หารู้ไม่ว่ากำลังจะโดนหลอกรวบดินแดนให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ฝ่ายจักรวรรดินิยม แต่ด้วยวัฒนธรรมของมนุษย์ที่ยังไม่เข้ากับวิถีชีวิตของพวกเอลฟ์เท่าไหร่ ทำให้พวกเอลฟ์ปฏิเสธ แผนการรวบดินแดนจึงล้มเหลว ซาร์รู้สึกเสียหน้าที่คนป่าเผ่าเล็กๆอย่างเอลฟ์ไม่ยอมรับข้อเสนอ เลยคิดจะใช้กำลังยึดครอง โดนอ้างเหตุผลว่าปกป้องเอลฟ์จากก๊อปลิน เมื่อกองทหารของซาร์ยกพลไปยังชายแดน ฝ่ายสหภาพแรงงานเห็นกำลังพลลดลงจึงถือโอกาสปลุกระดมประชาชนให้มาเข้ากับพวกของตน เป็นชนวนที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ที่พระเอกจะโดนดึงเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยในภายหลัง ทำให้ต้องแยกจากนางเอก

เล่นเรื่องการเมือง แนวคิดทั้ง 2 ขั้วอิงจากปฏิวัติรัสเซีย 1917 แล้วก็เล่าเรื่องเหยื่อของสงครามอย่างพระเอกกับนางเอกที่เป็นแค่คนธรรมดาที่โดนดึงเข้ามาด้วย แล้วถูกบังคับให้เลือกข้างตัวเอกโดนหลอกใช้ อาจจะเพิ่มประเด็นเหยียดเพศ เหยียดเผ่าขึ้นมาด้วย แล้วก็ปัญหาจากภายนอกคือเรื่องก๊อปลินกับออร์คที่จะยกทัพลงมาบุกตอนที่สองฝ่ายกำลังตีกัน อิงจาก 1937 ญี่ปุ่นบุกจีน

987 Nameless Fanboi Posted ID:ngGx0yAtl

>>985 ถ้าระหว่างลงลดบ้างแต่ลดน้อยเป็นเรื่องปกติ ถ้าลดมากหรือลงไปเท่าไหร่ก็แทบไม่ขึ้น เรื่องของมึงมีปัญหาด้านความน่าสนใจแล้ว

>>986 10 ตอนไม่สั้นไม่ยาว แต่ไม่ควรเรื่อยเฉื่อยราบเรียบพยายามสร้างอิมแพคเป็นระยะ

988 Nameless Fanboi Posted ID:kzZJ.B1Hb

>>987 โอเค แต้งกิ้ว กำลังคิดอยู่น่ะ ถ้าสั้นไปอ่านจะไปคิดน้ำมาเพิ่ม แต่ก็กลัวจะหลุดไปหมวดไลท์โนเวลซะก่อน ขอบใจที่ช่วยออกความเห็น

989 Nameless Fanboi Posted ID:DXV6ELrPu

กุแต่งจีนโบราณ แต่ในหัวกุมีแต่ศัพท์สมัยใหม่ทั้งน้าน เง้ออออ บางอันมาแม่งเป็นตัวอังกฤษ มีวิธีทำให้สมองโบราณมะ ๕๕๕

990 Nameless Fanboi Posted ID:1d.jYTAM2

>>989 อ่านแนวที่แต่งให้เยอะ ถ้าเป็นจีนโบราณลองหาดูซีรีส์แบบมีซับหรือพากษ์ไทยก่อน ดูบ่อย ๆ ค่อนเลื่อนเป็นไร้ซับจะช่วยให้รู้ศัพท์โบราณเยอะ

991 Nameless Fanboi Posted ID:tjBR5S7cx

>>989 ตามข้างบนบอกเลย อ่านแนวจีนโบราณให้เยอะๆ มึงจะได้มีคลังศัพท์ สำนวนจีนๆ แล้วก็อย่าเพิ่งไปอ่านแนวอื่น อย่างพวกนิยายแปลจากภาษาอังกฤษนี่เว้นไปก่อนเลยกูว่า แบบสำนวนภาษาอังกฤษแม่งติดง่าย พอใช้แล้วเห็นชัดด้วย

จีนโบราณนี่ อ่านที่สำนวนมันดีๆหน่อยนะ

992 Nameless Fanboi Posted ID:KXKqVTmWD

>>990 >>991 ขอบคุณมึง เออแล้วเด็กผู้หญิงเค้าใช้สรรพนามว่าไงวะ นาง? เด็กน้อย? เธอ?

993 Nameless Fanboi Posted ID:h7mSIcoLf

>>992 ไม่รู้ว่าอ่านแนวๆ ของโกวเล้ง หรือของที่พวก วณ.เมืองลุงแปลอะไรงี้ได้มั้ย ลองดูนะโม่ง คลังคำศัพท์ไม่น้อยเลย แถมได้สำนวนมาอีกต่างหาก

994 Nameless Fanboi Posted ID:h7mSIcoLf

>>992 เพิ่มเติมว่าถ้าทีเ่ห็นบ่อยๆก็เรียกกันยาโถวน้อยบ้าง นังหนูบ้าง นางเด็กน้อย หรืออะไรงี้ไปเลยนะ (ภาษาพูดนะ)

995 Nameless Fanboi Posted ID:g5X9+UwLn

kyนะ ขอปรึกษาเรื่องการแต่งนิยายหลายฉากหน่อยนะ
ฉากแรก พระนางมีโมเม้นต์กุ๊กกิ๊กน่ารักแล้วจะจูบกันจนท้าย แต่ฉากมันออกมาจืดๆ ไม่ฟินอย่างที่อยากให้เป็น เหมือนตอนแต่งเราไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม พอมีคำแนะนำไหมว่าแก้ไขยังไงได้บ้าง
ฉากสอง ต่อเนื่องจากฉากแรกที่พระจูบนาง พระเอกนึกถึงอดีตตัวเองที่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงมาเยอะจนกระทั่งกลับตัวเป็นคนดีศรีสังคมแบบปัจจุบัน ช่วงย้อนอดีตจะเล่ายังไงให้น่าสนใจ รู้สึกเหมือนพระเอกมายืนรายงานหน้าชั้นเรียนน่ะ

996 Nameless Fanboi Posted ID:RHqHhdf6G

>>995 ฉากแรก ลบแล้วเขียนใหม่
ฉากสอง เล่าสั้นๆ ถ้าเล่าออกมาไม่ดีตัดไปเล่าตอนอื่น ใส่จุดสนใจหลายๆ อย่างพร้อมกันบางทีทำคนอ่านโฟกัสลำบาก จูบกันให้ฟินก็พอ ระหว่างฟินถ้าเอาอารมณ์อื่นมาปนบางทีมันอาจจะออกมาไม่ดี แต่ถ้ามันออกมาดีก็ไม่เป็นไร

997 Nameless Fanboi Posted ID:g5X9+UwLn

>>996 ขอบคุณมากๆที่มาแนะนำนะ เห็นภาพเลยว่าฉากมีปัญหาตรงไหน เอาไปใช้แก้ฉากอื่นได้ด้วย

998 Nameless Fanboi Posted ID:KXKqVTmWD

>>993 ที่ไม่อ่านไม่ใช่ไรหรอกกุกลัวนิยายกุเปลี่ยนแนวตามเรื่องกุอ่าน
ตอนนี้แม่งยำทุกแนวไปแล้ว เดี๋ยวไปลองก่อน หวังว่าตัวเอกกุจะไม่กบลายเป็นจอมยุทธถถ

999 Nameless Fanboi Posted ID:g8MAdR7Mw

ถามหน่อย คือกุเรียนมหาลัยอินเตอร์ในไทยที่มีนศ.ต่างชาติเยอะมาก ทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย อินเดีย
อิหร่าน อังกฤษ สวิส เมกา บราซิล กินี ไนจีเรีย เดนมาร์ก ยันเพื่อนบ้าน ฯลฯ อาจารย์ส่วนใหญ่ก็มาจากยุโรป แล้วกุจะเขียนนิยายโดยอ้างอิงเซตติ้งจากม.กูเนี่ยแหละ อ่านแล้วจะรุ้สึกอินมั้ยวะ คือไม่ใช่อะไรหรอกลำพังแค่กูเล่าให้ญาติฟังว่าม.กูอย่างงั้นๆ เขาก็นึกภาพไม่ออก ไม่ชื่อว่าในไทยมีม.แบบนี้อยู่ด้วยแล้ว เขาจะติดภาพแบบว่าภาคอินเตอร์คงมีหัวทองสักสามคนในห้าร้อย ต่างชาติที่เหลือเป็นเพื่อนบ้าน 70เปอเซ็นต์เป็นไทยหมดอะไรงี้ จริงๆ จะเปลี่ยนเป็นม.คนไทยทั้งหมดก็ได้แหละ แต่กูแค่ไม่อยากจะเขียนอะไรที่กูไม่รู้

1000 Nameless Fanboi Posted ID:pMZM.Spia

มู้ 3 >>>/literature/4775/

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.