>>527 มึงอย่าพยายามมากไปจนทำให้มึงรู้สึกฝืน มองย้อนกลับไปที่พล็อตก่อน ว่าเหมาะจะเล่นให้ยาวได้แค่ไหน ลองลำดับเรื่อง เวลา เหตุการณ์ที่จะเกิดว่ามีอะไรบ้างตามพล็อตนั้น บางทีปัญหาอาจอยู่ที่มึงรวบสถานการณ์เข้ามาจนทุกอย่างมันสั้นลงรึเปล่า
ตัวกูเองถนัดเขียนเรื่องยาว พล็อตสั้น ๆ กูก็แล่ให้มันยาวสุดลูกหูลูกตาได้ ในขณะที่เพื่อนกูพล็อตอาจจะยาวเท่ากู แต่เขียนจบภายในสี่หน้าเอสี่ กูเลยต้องสังเกตตัวเองกับสังเกตเพื่อนกูว่า มันมีจุดที่ต่างกันตรงไหนบ้าง
เท่าที่กูเห็นคือเรื่องการดำเนินเรื่อง เพื่อนกูเน้นรวบๆ และโฟกัสไปที่บางตัวละครเท่านั้น บางเหตุการณ์ก็พูดถึงในเชิงมาเล่าให้ฟังหลังจากผ่านไปแล้ว ทุกอย่างเลยสั้น กระชับ ส่วนของกูจะเจาะลงไปในหลายฝั่งของตัวละคร เหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่คนนิยมรวบ กูก็เจาะลงไป ข้อเสียคือมันจะยาว แต่ข้อดีคือคนอ่านจะเห็นภาพชัดแล้วก็รู้ถึงความเป็นไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่รู้ผ่านการที่คนเขียนมาสรุปให้หลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้ว
อีกอย่างคือการโฟกัสตัวละครและความรู้สึก มึงใส่ใจความรู้สึก/ความคิดตัวละครมากน้อยแค่ไหน เวลามึงเขียนเรื่อง มึงได้ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ข้างในของตัวละครออกมาบ้างแล้วยัง? ถ้ายังก็ลองทำดู เขียนความคิด ความรู้สึก ว่าทำไมทำแบบนี้ คิดแบบนี้ อารมณ์ที่เกิดขึ้นได้นี่เพราะอะไร เหตุการณ์นั้น ๆ ที่มากระทบทำให้รู้สึกยังไงบ้าง ก็นั่นแหละ ข้อเสียคือเรื่องยาวขึ้น ข้อดีคือคนอ่านอิน, เข้าใจ และรู้สึกถึงตัวละครตัวนั้นจริง ๆ
ยกตัวอย่างของกูอีกแล้วกัน ตัวร้าย A ตอนแรกกูก็เปิดมาแบบร้าย ๆ คนอ่านก็หมั่นไส้ สักพักก็ทำชั่ว คนอ่านเกลียด ต่อมากูเริ่มเล่าประวัติให้ฟังว่าเจออะไรมาบ้าง คนอ่านก็เริ่มเห็นใจ คอมเมนต์บอกว่าอย่าทำร้าย A มากไปกว่านี้เลย สงสาร และล่าสุดกูก็เขียนให้มันกลับมาทำชั่วอีกครั้ง คนอ่านก็เกลียดอีกครั้งแบบแช่งให้ตายไปเลย >> รวม ๆ แล้วคือ เป็นตัวร้ายที่ร้ายนั่นแหละ แต่คนอ่านจะได้รู้ว่าที่มันร้ายมันก็มีที่มาของความร้ายมันนะ ไม่ใช่กูจะร้ายก็เลยร้าย
รวม ๆ ก็ประมาณนี้ ลองเอามาปรับ ๆ ดู
>>528 มินิมอร์?
>>529 กูเพิ่งมาเปิดเรื่องใหม่ รู้สึกเหมือนจะมีแต่ยอดขึ้นเหมือนกัน หรือกูไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ ทั้งที่เรื่องเก่า ๆ มีขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนที่มึงว่า แต่ประเด็นคือตอนนี้ยอดในหน้าแดชบอร์ดกับหน้านิยายกูไม่ตรงกัน แม่ง 55555