>>303 พยายามอย่าไปฝืนเขียนนะมึง จะเขียนได้มันต้องรอทั้งเวลาที่เราพร้อมแล้วก็หัวเราพร้อม มันถึงจะออกมาดี แต่ยังไงก็สู้ๆนะมึง ตอนนี้กูเองก็เป็นอยู่เหมือนกัน...
แม่ง กูเครียดว่ะ กูเขียนอะไรไม่ได้เลย เหมือนแรงบันดาลใจกูมี ไฟกูมี ความอยากเขียนกูมี แต่ทุกอย่างมันเหมือนจะอยู่แค่ในหัวกู พอกูจับปากกาจะเขียนปุ๊บ ทุกอย่างคือหยุด มันติดขัดไปหมดทุกอย่าง กูมีเรื่องที่จะเขียน กูอยากเขียน แต่พอกูเริ่มต้นพิมพ์ปุ๊บ ทุกอย่างคือหยุดไปหมดเลย กระทั่งการที่กูมาเขียนบ่นในโม่งกูยังไม่ค่อยสามารถเขียนต่อไปได้ พอเริ่มต้นพิมพ์ปุ๊บมันจะมีอะไรบางอย่างให้กูต้องหยุดชะงักกลางคันตลอด กูคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะความคิดของกูที่กังวลว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนมันจะไม่ดี มันจะน่าเบื่อ แล้วพอยิ่งเอางานปัจจุบันไปเทียบกับงานเมื่อก่อนที่ภาษาเป็นธรรมชาติกว่าและได้รับคำชมมาเยอะ กูก็ยิ่งพยายามมากขึ้นไปอีกให้กูสามารถกลับไปเขียนเหมือนตอนนั้นได้ แต่กูทำไม่ได้...กูพยายามแล้ว กูคิดว่าถ้าเขียนได้ไม่ลื่นเท่าเมื่อก่อน กูก็ต้องฝึกเขียนบ่อยๆ กูเคยกำหนดหัวข้อสามอย่างแล้วเริ่มเขียนเรื่องราวจากหัวข้อพวกนั้น ซึ่งทั้งพล็อตทั้งการดำเนินเรื่องกูก็คิดออกนะ แต่พอเขียนๆไปกูก็จะกลัวว่างานเขียนกูมันห่วยแตกจนกูหยุดลงกลางคันทุกที ตรงนี้กูก็เข้าใจว่าถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ก็ไม่พัฒนาซักที กูเลยพยายามเขียนต่อไป เจียนต่อไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งเขียนกูก็ยิ่งทรมาน มันไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนที่กูเขียนงานอย่างมีความสุขแล้ว ตอนนี้กูมีแต่ความคิดในแง่ลบที่ทำให้กูเอาแต่หยุดลงกลางคันแบบนี้
ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลกระทบต่อการเขียนอย่างอื่นที่ไม่ใช่นิยายของกูด้วย คำเชื่อมกูใช้ผิด สันธานกูใช้สลับ ทั้งๆที่เมื่อก่อนกูไม่เคยมีปัญหากับมันแล้วกูก็เริ่มไม่สามารถเขียนอะไรให้เป็นประโยคยาวๆที่สละสลวยเหมือนเมื่อก่อน
กูพยายามอ่านนิยาย ศึกษาสำนวนหลายๆแบบเผื่อมันจะช่วยในการเขียนกู พยายามฝึกเขียน พยายามเริ่มต้นใหม่
แต่ทุกอย่างที่ทำไปไม่ได้ช่วยให้กูสามารถขียนอะไรออกมาได้เลย
กูเหนื่อย กูท้อ ตอนนี้ ขนาดความรู้สึกที่ว่าเมื่อก่อนกูเขียนงานยังไงกูก็นึกไม่ออกเลยว่ะ กว่าจะเขียนย่อหน้าด้านบนนี้จบกูก็ใช้เวลานานมากๆ นานจนกูตกใจตัวเอง
กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูเป็นแบบนี้ กูหาคำตอบอะไรให้ตัวเองไม่ได้แล้ว