Fanboi Channel

รวมพลนักเขียน แชร์เทคนิคประสบการณ์และข่าวสาร [กระทู้ที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:PcP0ccmr/

กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/

สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ

2 Nameless Fanboi Posted ID:hCRQxTDH+

อ่าว เต็มแล้วเหรอ ไม่ทันรู้ตัวเลยแฮะ

3 Nameless Fanboi Posted ID:PcP0ccmr/

เอ้อ เรามีเรื่องจะปรึกษาน่ะ ตอนนี้กำลังเริ่มนิยายเรื่องใหม่อยู่ เป็นแนวใหม่ที่ว่าจะลองแต่งดู
อยากรู้ว่าเพื่อนโม่งคิดยังไง สมผลพอรึเปล่า?

เรื่องย่อคือ อาณาจักรมนุษย์เป็นมหาอำนาจของโลกในตอนนั้น แต่ว่าหลังจบศึกสงครามครั้งใหญ่กับจอมมารเมื่อ 100 ปี ก่อน
ก็อยู่ร่วมกับอาณาจักรอื่นด้วยสันติมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมามีปัญหาทางการเมืองเพราะสนธิสัญญาพันธมิตรกับ 3 อาณาจักรมหาอำนาจอื่น
อยู่มาวันนึงก็ได้มีอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นติดกับพรหมแดนของมนุษย์ เป็นอาณาจักรที่ประชากรทั้งหมดเคยเป็นมอนสเตอร์ไร้ปัญญามาก่อน
แต่มนุษย์เองก็ไม่ค่อยจะมองเป็นภัยคุกคามเท่าไหร่เพราะยังดูถูกคิดว่าเป็นแค่มอนส์กากๆเลยไม่มีการติดต่อทางการทูตใดๆ

ทีนี้จะมีเหตุผลอะไรให้มนุษย์ที่อยู่กับความสงบสุขมาเป็น 100 ปีหลังจบสงครามกับจอมมารมาเริ่มทำสงครามอีกครั้งดีอ่ะ? คือประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่จากตอนนั้นเช่นพวกพ่อมดกับเอลฟ์(เป็นพลเมืองในสนธิสัญญา)ที่อายุยืน ก็ยังเหลืออยู่น่าจะเอียนสงครามกันแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุที่รุนแรงจริงๆแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนจะสนับสนุน ก็เลยคิดว่าเจ้าหญิงของอาณาจักรมนุษย์ที่กำลังโตเป็นผู้ อยากสร้างผลงานเอาใจพระราชา เลยไปสานสัมพันธ์กับอาณาจักรของมอนสเตอร์(เจ้าหญิงออกแนวหัวเสรี) ระหว่างทางบังเอิญเจอพวกมอนสเตอร์เข้า ก็เลยเข้าไปพูดคุยด้วย แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษากัน แถมมีทหารติดอาวุธตามมาด้วย พวกมอนสเตอร์ก็เลยฆ่าตาย เป็นชนวนให้นำอาณาจักรมนุษย์เข้าสู่สงครามอีกครั้ง

เพื่อนโม่งคิดว่าจะสมเหตุสมผลมั้ยอ่ะ? คือถ้ามองในเชิงลึก พระราชาก็น่าจะคิดมากพอตัวว่าพวกไหนเป็นคนฆ่า แถมยังมีเรื่องสนธิสัญญาพันธมิตรอีก เลยไม่น่าจะรีบประกาศสงครามเพราะความโกรธ แล้วประชาชนจะโกรธแค้นแทนถึงขนาดสนับสนุนให้ประกาศสงครามรึเปล่า? ช่วยแสดงความเห้นให้เราหน่อยสิ

4 Nameless Fanboi Posted ID:ndJ4E//jd

>>3 เราว่าพลอตแอบเชยนะ แต่ก็เขียนไปเถอะ รายละเอียดเรื่องก็ลองทำให้มันต่างจากคนอื่น ถามว่าสมเหตุสมผลไหมอ่านเผินๆคิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเรื่องด้วย เช่น ราชาอาจจะรักลูกมากกกกและมีนิสัยเลือดร้อนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วเจ้าหญิงคนนั้นเป็นที่รักของประชาชน พอโดนฆ่าเข้าทุกคนก็โกรธแค้นเป็นชนวนศึก หรือไม่ก็สร้างเรื่องมาก่อนว่าไอพวกมอนสเตอร์มันเคยทำร้ายมนุษย์มาก่อนซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่มุมมองมนุษย์ไรงี้ บลาๆ อะไรก็เขียนไปดิ หาเหตุผลให้มัน อาจจะต้องใจเย็นๆหน่อย

5 Nameless Fanboi Posted ID:ZjKzzI.CJ

>>4 เราแต่งไว้แบบที่เพื่อนโม่งแนะนำ เป๊ะๆเลยนะตอนแรก แต่ไม่รู้ทำไมยังรู้สึกว่าไม่สมผลพอ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้อธิบายตัวละครพระราชาให้ละเอียดพอละมั้ง คือตอนแรกกะจะใส่มาให้ตายอยู่แล้วเลยไม่ได้ใส่ใจมาก แต่พอย้อนกลับมาอ่านเองอีกรอบปรากฏว่ารู้สึกไม่สมผลซะงั้น ตัวเริ่มเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี่ต้องใช้ความใส่ใจมากทีเดียวแฮะ ก็ต้องขอบใจเพื่อนโม่งที่ช่วยพินพอยท์ให้

ส่วนเนื้อเรื่องจริงๆ จะดำเนินเรื่องหลังจากนี้น่ะ นางเอกที่เบื่อโลก ไม่มีความฝัน ประเทศตัวรับผู้อพยพมาเยอะมากแล้วผู้อพยพก็กลายเป็นผู้ก่อการร้าย เธอโดนลูกหลงจากการก่อการร้ายเลยมาเกิดใหม่เป็นเจ้าหญิงองค์ที่ 2 ที่โลกนี้ แต่ไม่เสียความทรงจำเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่แย่กว่าเดิมคือเหมือนจะขาดเซ้นส์ความเป็นมนุษย์ไปเลย พอพี่สาวเจ้าหญิงองค์แรกตาย ก็ได้แต่หมกตัวในวัง จนบ้านเมืองเกือบจะล่มจม มารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองแบกรับความฝันของประชาชนไว้มากมายก็เกือบจะสายไป พระราชาเองก็นำศึกจนตัวตายเลยได้รับตำแหน่งราชินีมา หลังจากนั้นตัวนางเอกก็จะหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆของอาณาจักรมหาอำนาจที่ใกล้จะถึงจุดจบ ด้วยเรื่องที่เรียนมาในโลกเก่าแล้วก็ค่อยๆเรียนรู้ใหม่จากที่นี่ในฐานะเจ้าหญิงด้วย โดยหลักๆจะเป็นสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบอบการปกครอง แล้วก็เผ่าพันธุ์(ชาติพันธุ์) สุดท้ายก็ตามหาความฝันแล้วก็ไขปริศนาความทรงจำของตัวเอง แต่เพราะพยายามจะทำให้มันสมผลที่สุดเลยไปนั่งเก็บข้อมูลมานานเกือบเดือนละ - -

เอ้อ แล้วสาระเช่น พวกทฤษฏีการปกครอง ยุทธวิธีการรบ หรือพวกทฤษฏีการทูตนี่จะใส่มายังไงให้ดูไม่น่าเบื่อดีอ่ะ คือมันค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เลยกลัวว่าถ้าย่อแล้วผู้อ่านจะรู้สึกว่ากำลังอ่านคอร์สวิชาการทูตอยู่ พอจะแนะนำให้เราได้บ้างมั้ยอ่ะ ปกติเราแต่งแต่แนวบันเทิง ตลก ติ๊งต๊องเลยยังไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่

6 Nameless Fanboi Posted ID:q63hTSFdT

>>5 หาพวกหงสาจอมราชันย์มาอ่านดู

กุกำลังร่างพล็อตอยู่เหมือนกัน แต่กลัวคนอ่านจะไม่ชอบอะไรแบบนี้
เรื่องคร่าวๆ คือ
ตัวเอกเป็นวิศวะกรเวทมนต์บรรจุใหม่ในเหมืองแร่ที่สกัดผลึกกักเก็บเวทมนต์จากสิ่งมีชีวิต ซึ่งเหมืองนี้เป็นทั้งคุก แดนประหาร และสถานที่พิเศษบางอย่าง กะจะสร้างคอนฟลิคพวกกบฏ การเมืองภายใน เชื้อชาติ ศาสนา ให้มันตีกันในเหมืองนี้สักพัก แล้วก็ระเบิดเหมืองทิ้งก่อนออกไปสู่โลกภายนอกที่เริ่มสงครามไปสักระยะแล้ว แล้วค่อยกอบกู้อาณาจักรคืนทีหลัง

คนมันจะเข้าถึงมั้ยวะ นั่งเขียนเรื่องไป เขียนloreไป กลัวเชื่อมloreพลาดชิบ

7 Nameless Fanboi Posted ID:jJZZh4W2M

>>6 กูชอบอ่านแนวคุก ๆสภาวะกดดันแบบนี้ละ โชคดีมึง ขอให้งานออกมาดีๆ

8 Nameless Fanboi Posted ID:rRYUQ9bgj

อัพนิยายตอนไหนที่คนจะเห็นเยอะๆ ปกติอัพกันกี่โมง

9 Nameless Fanboi Posted ID:OHmUL+qak

>>8 ถ้าตามปกติคนเล่นเน็ตเยอะก็ช่วงหลังทุ่มนึง ถ้าจะเอาคนเห็นเยอะๆก็ช่วง 19.00-21.00 กุว่าน่าจะพีคสุด

>>5 พวกทฤษฎี สำหรับกุเลยนะ กุชอบแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ใช้วิธีการแสดงเหตุการณ์ให้เห็นภาพแล้วค่อยๆอธิบายทีละจุดหรือมาเฉลยทีหลังก็ได้ ถ้ามาแบบยาวเหยียดนี่จะน่าเบื่อ กุก็กะเขียนแนวๆนี้เหมือนกัน แบบเน้นสาระหน่อยๆ แต่ไม่แฟนตาซีนะ กลัวเหมือนพวกเมิงเหมือนกัน กลัวว่าจะน่าเบื่อ ก็ต้องหาไรมาแซมๆให้ดูไม่เบื่ออยู่ ปวดหัวอยู่ 555

ส่วนเรื่องพล๊อตกุว่าถ้าเน้นเรื่องความสัมพันธ์ตัวละครให้อินมากขึ้นน่าจะโอเคขึ้นนะ ค่อยๆปูให้มีเหตุผลในการเกิดสงคราม เพราะตามปกติ ประชาชนทั่วไปมักไม่ชอบสภาวะสงครามอยู่แล้ว ยกเว้นเป็นประเภทชื่นชอบการต่อสู้ เรื่องตัวละครถึงรู้ว่าจะตายแต่กุว่าควรใส่ใจนะ กุคิดว่าถ้าคนแต่งเองยังไม่อิน คนอ่านก็คงจะไม่อินหนักกว่าอีกน่ะ คือกุก็มีตัวที่กะไว้ว่าจะให้ตายอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้แบบตายแล้วยังมีคนนึกถึงอะไรแบบนี้ กุไม่ค่อยอยากทิ้งๆขว้างๆตัวละครเท่าไหร่ คือคิดชื่อนานไง 555+

10 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

>>6 แต้งกิ้วมากที่แนะนำ
เรื่องของโม่งเราว่าพล็อตโอเคอยู่นะ ชอบแนวที่มันให้อารมณ์เหมือนถูกพันธนาการ จำกัดเสรีภาพ
แต่เขียนเรื่องว่ายากแล้ว การทำให้คนเข้าถึงเราว่ายากกว่า ยังไงก็สู้ๆ

>>9 แนวนี้เขียนยากจริง ถ้าไม่แฟนตาซีเราว่ากลุ่มผู้อ่านจะจำกัดขึ้นไปอีก คือจะมีแต่คนอายุ 20+ อ่านละ อาจจะเข้าถึงผู้อ่านยากขึ้น
แต่เฮ้ย ขอบใจมากกกก ก็คิดอยู่ว่ามันขาดอะไรไป ขาดจุดเด่นให้ตัวละครมีความน่าจดจำและนึกถึงนี่เอง เรื่องชื่อนี่คิดยังไงให้ออกมาดูดีอ่ะ เราคิดชื่อตัวละครได้กระจอกสัสๆพอมาอ่านเองแล้วชื่อยังกะตัวประกอบ 555 ส่วนตัวนี่ก๊อบชื่อมาจากประวัติศาสตร์ยุคกลางทั้งนั้น - -

11 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

เอ้อ ขอถามอีกหน่อย ถ้าเป็นนิยายแนวสงคราม คนส่วนมากจะนึกถึงเรื่องแนวตัวเอกเทพบู๊แหลกอะไรงี้ช้ะ แต่เราไม่คิดงั้นอ่ะ คือสงครามมันควรจะลงลึกมากกว่าแค่ต่อสู้กัน เช่นแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ชิงไหวชิงพริบไรงี้ ซึ่งพอเริ่มแต่งไปฝ่ายตัวเอกมันไม่ควรจะขาวสนิท ควรจะเป็นสีเทาๆมากกว่าเพราะไม่มีฝ่ายไหนดีฝ่ายไหนเลว ต่างฝ่ายต่างก็สู้กันเพื่อความอยู่รอด แต่เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้นิยายดูดาร์ค ดูมืดมน เพื่อนโม่งคิดว่ายังไงกัน?

12 Nameless Fanboi Posted ID:cxVhiGJZH

>>11 กูชอบแบบนี้นะ เพราะกูคงโตแล้วแหละ กูไม่ชอบแบบพระเอกมาโชว์เทพไล่ฆ่าศัตรูโดยไม่รู้สึกอะไรไม่ได้แล้วว่ะ

13 Nameless Fanboi Posted ID:w+H8RH/Pw

>>11 เขียนถึงความจำเป็นของการกระทำพระเอกสิ อย่างสมมติพระเอกส่งคนไปลอบสังหารอีกฝ่าย แล้วคนที่ลอบสังหารทำงานสำเร็จแต่ถูกจับได้ โดนฆ่า พระเอกรู้ข่าวตอนอยู่กับคนอื่นก็ทำหน้านิ่งๆ เย็นชา แต่พออยู่คนเดียวก็แสดงอาการเจ็บปวดหัวใจ แบบเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็อาจจะตามมาอีกมาก คล้ายกับสถานการณ์บีบบังคับให้ทำ คนอ่านจะได้รู้สึกเห็นใจพระเอก แต่ถ้าไม่มีเหตุผลรองรับ คนอาจจะบอกว่าพระเอกโรคจิต แนวดาร์คแน่นอน >>> แบบนี้มันน่าเบื่อนะ ออกซูด้วย

14 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

>>13 >>12 เพื่อนโม่งช่วยได้มากเลยขอบใจมาก
อย่าเพิ่งรำคาญเรานะ ที่มาถามบ่อยๆ พอดีเพิ่งฝึกเขียนแนวนี้ 555

15 Nameless Fanboi Posted ID:WqN/P6jSA

>>11 ลองหาเมะเรื่อง legend of legendary heroes มาดูดิ น่าจะได้แนวทาง แต่ถ้าไม่ว่าง กุแนะนำไม่ค่อยถูกว่ะ

ว่าพระเอกมันจะแข็งหรืออ่อน ถ้าอ่อนก็ตามที่ >>13 ว่า แต่ถ้าแข็งแบบแพ้แล้วกลัวเสียหน้าแต่ยังเก๊กหล่อได้ก็ดูเอาตามหน้าหนังสือพิมเลย

16 Nameless Fanboi Posted ID:xxnIzh/Ld

>>15 แต้งกิ้วมาก แล้วพวกคำราชาศัพท์นี่จำเป็นมั้ยอ่ะ เช่น เวลาพูดถึงพระราชาในมุมมองบุคคลที่ 3 รึตัวคนอื่นพูดถึงเจ้าหญิงไรงี้อ่ะ
เห็นนิยายของหลายๆคนไม่ค่อยใช้เท่าไหร่

17 Nameless Fanboi Posted ID:C6neXKqUl

>>16 อันนี้แล้วแต่นะ แต่ถ้าคิดจะใช้ก็ใช้ให้มันเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่บทนี้ใช้ อีกบทไม่ใช้ แบบนี้คนอ่านจะเงิบเอา ที่ไม่ใช้กันก็น่าจะเพราะมันเขียนง่ายกว่าและเข้าถึงคนอ่านง่ายกว่านั่นแหละ เผื่อมีเด็กคลังราชาศัพท์ไม่เยอะมาอ่าน

18 Nameless Fanboi Posted ID:wZ5mgAWsb

>>17 โอเค

เพื่อนโม่งเราคนเดิมนะ คือมันเป็นแนวสงครามแหละ แต่อยากรู้ว่าถ้าตอนเริ่มเรื่องมา เป็นแนวสดใสครอบครัวอบอุ่น ตัวละครต่างๆน่ารัก ฮีลลิ่งดีต่อหัวใจ
แต่พอเริ่มดำเนินเรื่องไปก็เริ่มมืดมน ตัวละครต่างๆในครอบครัวค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จนเหลือตัวเอกเพียงคนเดียว
แล้วไปมืดมนถึงขีดสุดในตอนท้ายๆคือคนมากมายและตัวละครสำคัญตาย โดนจับไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่จะโดนคนอ่านด่ามั้ย - -

19 Nameless Fanboi Posted ID:wZ5mgAWsb

คือคิดว่าพยายามใส่เหตุผลการตายของตัวละครแต่ละตัวมาจนไม่มีจุดบอดแล้ว แต่พอมาอ่านๆดูมันตายมากเกินไปจนจะเหลือแค่ตัวเอกคนเดียวแล้ว
ส่วนที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เองก็ใส่เหตุผลอันเหมาะสมตามแบบสงครามที่มีคู่ศึกเป็นพวกบ้าอำนาจ ชาตินิยมแล้วด้วย คือนิยายสงครามมืดมนจนเรียลไปนี่จะดีมั้ยนะ

20 Nameless Fanboi Posted ID:UhAVP0yBF

>>19 มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบเรียลๆนะถ้าเหตุผลแน่นพอมันก็โอเค สงครามไม่มีคนตายเลยมันก็ไม่ใช่ปะวะ แต่ก็ไม่ใช่แบบเมะบางเรื่องที่จบแบบที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร พอจะนึกออกมะที่คนด่าๆกันเยอะ ก่อนอื่นต้องระบุไว้เลยนะว่าแนวไหน คนอ่านจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าไม่ดราม่าแล้วมาด่าทีหลัง

21 Nameless Fanboi Posted ID:.9f.NVUtH

เอานิยายลงที่ไหนดีที่ไม่ใช่เด็กดี คือกูแค่หมั่นไส้ส่วนตัว มันมีเว็บที่ดีกว่านี้มะ หรือลงๆแม่งไปเหอะ?

22 Nameless Fanboi Posted ID:FXEykRM3Z

เพื่อนโม่ง หนังสือคลังคำนี่ดีป่ะ ซื้อแล้วคุ้มไหม

23 Nameless Fanboi Posted ID:KDKbXJr3W

>>21 เว็บลงนิยายมีเยอะนะ แต่คนอ่านไม่เยอะเท่าเด็กดอก เช่น Fictionlog,Wattpad ซึ่งในความรู้สึกของกูสองเว็บนี้เรียบๆดี
ไม่ต้องมาแต่งให้รกแบบเด็กดอก ถ้าแนววายไปเลยก็เล้าเป็ด

24 Nameless Fanboi Posted ID:rudH+DYTM

>>22 ถ้าเป็นนักเขียนหรือนักแปลก็น่าจะมีติดบ้านไว้นะ มีประโยชน์กว่านิยายห่วยๆ มากมาย มีไว้ก็อุ่นใจ

25 Nameless Fanboi Posted ID:.Q7HzCMJQ

>>22 สำหรับ​กู โคตรคุ้มค่า ดีกว่าพจนานุกรม​ธรรมดาเยอะ

26 Nameless Fanboi Posted ID:3ZUyK.XCI

>>22 ควรมีประทับบ้าน มันมึประโยชน์ตอนนึกไม่ออกมาก แต่สงสัยว่าไอ้ฉบับที่พิมพ์หลังๆ มีปรับปรุงเพิ่มอะไรอีกเยอะรึเปล่า ซื้อตอนพิมพ์คร้งที่ 4 ควรซื้อใหม่มั้ย?

27 Nameless Fanboi Posted ID:zqN3eYuS/

>>22 เฮ้ย น่าสนใจอ่ะหาซื้อได้ที่ไหนมั่งแล้วหนังสือมันชื่อคลังคำศัพท์เลยป่ะนี่เวลาเขียนๆแล้วบางทีตันๆ เพราะนึกคำจะใช้ไม่ค่อยออก

28 Nameless Fanboi Posted ID:RM7VJJmdE

>>27 คลังคำ น่าจะมีเฉพาะร้านนายอินทร์ https://www.naiin.com/product/detail/190307/

เห็นพิมพ์ใหม่แล้วโมโห กูตามล่าตามหามาหลายปีไม่มีพิมพ์ใหม่ พอล่าจนเจอ ได้มาไม่กี่เดือน ตีพิมพ์ใหม่ เพิ่มศัพท์ใหม่ แม่ง

29 Nameless Fanboi Posted ID:AobEqJU3I

ถามห้องไหนได้บ้างเนี่ย คือเพิ่งเห็นข่าวที่โครงการนักเขียนหน้าใสประกาศว่ามีนิยายเรื่องนึง โดนตัดสิทธิเพราะไปดัดแปลงนิยายเรื่องอื่นมาอ่ะ ใครพอจะรู้เรื่องบ้าง?

30 Nameless Fanboi Posted ID:MfDwi.Gtx

>>29 อยากรุ้เหมือนกันว่ะ ข่าวโคตรเงียบ อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้กูวาร์บไปอ่านฉบับจริง นี่ไล่ดูอยู่ว่ากุต้องหาอ่านจากบอร์ดไหน

31 Nameless Fanboi Posted ID:CG87dzzd/

>>30 กูเจอแต่ของในเฟสแค่นี้เองว่ะ https://www.facebook.com/jamsaiteenwriter/photos/rpp.293243310799926/458024597655129/?type=3&theater

32 Nameless Fanboi Posted ID:JGcjV0VyF

ประกวดปีนี้กูไม่ตามว่ะ เพิ่งได้ยินข่าวเลยไปคุ้ยดู มีเม้นนึงในหน้านิยายตั้งข้อสังเกตว่าไดอะล็อกการบรรยายของเรื่องคล้ายกับมังงะญี่ปุ่น
ซึ่งกูก็ไม่ได้ตามดูมังงะสมัยนี้ เลยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แล้วประเด็นของเรื่องคือการมองเห็นด้ายแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าไปคล้ายกับการ์ตูนหรือนิยายเรื่องไหน
อาจจะเป็นการลอกฉากจากเรื่องอื่นมาลงก็ได้มั้ง

33 Nameless Fanboi Posted ID:JGcjV0VyF

อัพเดตล่าสุด เจ๊แตมรี่โพสต์ตอบว่าไปคล้ายการ์ตูนในโค่เรื่องนึง

34 Nameless Fanboi Posted ID:lQ.SKSYe4

ทำกันเป็นเรื่องปกติแล้วมั้งในเด็กดีก็มีพวกก๊อปแต่ได้รับความนิยมอยู่เพียบ

35 Nameless Fanboi Posted ID:jThX+z2sP

อืม เดี๋ยวนี้กูเขียนอะไรไม่เกินพันคำเลยว่ะ พอเขียนแบบไม่อีดิตก็ยังถึงอยู่หรอก แต่พอจะอีดิตนี่ตัดออกไปเยอะ ไหนจะเรื่องคำซ้ำ คิดคำบรรยายไม่ออกอีก ยิ่งเขียนยิ่งสั้น อย่างล่าสุดเขียนไปได้แปดร้อยกว่า อีดิตเสร็จเหลือห้าร้อยกว่าคำเองแฮะ เฮ้อ

36 Nameless Fanboi Posted ID:jThX+z2sP

เออ เพราะยังงี้ด้วยมั้งกูถึงเขียนเรื่องยาวไม่ได้ซักที แค่เรื่องสั้นกว่าจะถึงพันคำก็เค้นแทบตาย กูห่างไปนานกับอ่านน้อยลงด้วยก็น่าจะมีส่วนสินะ นี่กูเพอร์เฟคชั่นนิสไปป่าววะเนี่ย

37 Nameless Fanboi Posted ID:AFXetEZRo

>>35 กุไม่เป็นว่ะ เสียดายที่พิมๆไปไม่ลบ แต่ลังเลพวกเนื้อเรื่องมากกว่า อยากเพิ่มนู่นนี่เยอะไปหมดจนจะตีกันตายไม่ไปไหนซะทีมัวแต่แก้

38 Nameless Fanboi Posted ID:DsVpF3PB2

เพื่อนโม่งกูจะสามารถหาข้อมูลเรื่อง bdsm จากไหนบ้างแบบเล่นกันยังไง มีข้อควรระวังยังไง อะไรแบบนี้

39 Nameless Fanboi Posted ID:nI/xCdTx5

คงต้องเข้าสู่โลกมืด สายการ์ตูนมังงะของยุ่น สายโยมังงะของเกาหลี มีให้ศึกษาเป็นเพียบ
ส่วนเป็นหนังแสดงของคนนี่กูว่าไม่ค่อยน่าดูเท่าไร แบบมันขาดการบรรยายความรู้สึกอะไรบางอย่างไป

40 Nameless Fanboi Posted ID:qTGhAMrIk

>>38 ไปห้องกามานะ มีคุยกันอยู่

41 Nameless Fanboi Posted ID:ahrbZP+SS

>>38 ถ้าภาษาแข็งค้น google มีเพียบ ใน tumblr ก็มีบล็อกที่เป็นหัวข้อพวกนี้

42 Nameless Fanboi Posted ID:hfc1nUgCd

มึง เขียนนิยายนี่มันต้องยึดความต้องการตัวเราหรือคนอ่านวะ เห็นคอมเม้นอยากได้แบบนู้นแบบนี้แล้วกูก็ชักไม่มั่นใจแล้วดิ
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก เห็นบ่อยๆเข้ามันก็นอยด์วะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่ชอบ คนนี้พระเอกเหรอไม่เอา อยากได้อีกคน จะเปลี่ยนก็ต้องโละหมด เปลี่ยนนิสัยก็หลุดคาร์อีก เห้อ

43 Nameless Fanboi Posted ID:arkokJycs

ระบายความในใจเกี่ยวกะนิยายลงโม่งนี่จะรกไหม

44 Nameless Fanboi Posted ID:APGZwcK9H

>>43 >>>/literature/3325

45 Nameless Fanboi Posted ID:I.aD42PKf

>>42 ถ้ายึดคนอ่านจะได้ตลาด แต่คนอ่านยิ่งมากก็ยิ่งมีความต้องการหลากหลายไม่มีทางที่จะสนองได้ครบทุกความอยาก พอเขียนให้ถูกใจได้ประเด็นหนึ่งก็จะมีประเด็นอื่นมาด่าใหม่ได้เรื่อยๆ ความละโมบตะกละตะกลามของคนอ่านไม่เคยพอเพียง ยิ่งในยุคนี้สันดานระบายลงคีย์บอร์ดอย่างเมามันไม่สนใจผู้เขียน ผรุสวาจาพ่นออกมาบ่งบอกรากเหง้าการเลี้ยงดูเต็มหน้าจอ

ยึดตัวเองจะได้แนวทางและตัวตน เขียนจากตัวเอง รับผิดชอบผลงานตัวเอง ความภูมิใจว่าเกิดจากตัวเอง แต่อาจจะขายไม่ออก

46 Nameless Fanboi Posted ID:Q6Rj8HIyU

https://www.facebook.com/pippopippii/posts/10158199849990263?__mref=message_bubble

แวะมาแปะให้ เผื่อมีประโยชน์ เกี่ยวกับนิยายออนไลน์ลองอ่านดูนะ

47 Nameless Fanboi Posted ID:NCjJ.HZ6n

>>46 ตรงกับความคิดกุเกือบหมดเลยว่ะ แม่งเป็นงั้นจริงๆ

48 Nameless Fanboi Posted ID:ZwNwSyBiF

คือมึง การที่เราอ่านผลงานคนอื่นแล้วได้แรงบันดาลใจอยากแต่งแนวนั้นบ้าง มันต้องเหมือนแค่ไหนวะถึงจะไม่ดู "ลอก" เกินไป
แล้วเราต้องออกตัวว่าได้ อินสไปร์มาจากเรื่องนั้นแต่เนิ่นเลยหรือค่อยบอกทีหลังตอนคนอ่านทักดี

49 Nameless Fanboi Posted ID:/OT2G8ugq

>>48 บอกไปก่อนเลยดีกว่า
สำหรับกูถ้ามันแบบถ้ามันยังกว้างๆอยู่ได้แรงบันดาลใจจากแฮรี่งี้ เป็นคนสำคัญแล้วเข้ารร.เวทย์(หรือพลังพิเศษอื่นๆ)เลือกหอเจอนู้นนี้นั่นในรร. กูจะยังถือว่าแรงบันดาลใจนะ
แต่ถ้าเจอแบบรายละเอียด เป็นคนสำคัญเข้ารร.ต้องเข้าทางลับไปหยุดอาจาย์ แต่จริงๆจารที่สงสัยไม่ใช้คนร้ายคือจารอีกคน อะไรงี้กูจะรู้สึกว่าแม่งลอกแล้ว

50 Nameless Fanboi Posted ID:IzGgvsV16

>>48 ไม่ลอกคือรายละเอียดปลีกย่อยเมิงไม่เหมือนเลย เหตุการณ์ไม่เหมือนกันเมิงคิดใหม่หมดอะไรแบบนี้ แต่ถ้าไม่มั่นใจกลัวหลุดเหมือนมาก็แจ้งไว้ก็ได้

51 Nameless Fanboi Posted ID:yyJ.2uPNs

>>48 อินสไปร์ที่โอเคคือสตาร์วอร์สกลายเป็นมังกรหยก ถ้ามึงยังโดนจับได้ว่าอินสไปร์มาจากไหนอันนี้กูไม่โอเค

52 Nameless Fanboi Posted ID:3R+WKOYSY

>>51 สตาร์วอร์กลายเป็นมังกรหยกได้ไงอ่ะ (อันนี้อยากรู้) รู้แต่สตาร์วอร์กลายเป็น Final Fantasy 4

53 Nameless Fanboi Posted ID:HjFDfM8Yd

>>52 เจมส์ บอนด์ยังเป็นชอลิ้วเฮียงได้เลย ก็อตฟาเธอร์ก็เป็นฤทธิ์มีดสั้น ต้องไปอ่านที่พันทิพห้องหนังจีนหรือนิยายจีน เคยอ่านกระทู้เก่านานมากแล้วที่นักอ่านรุ่นเก่าๆ พูดถึงเรื่องหนังฮอลิวู้ดเป็นแรงดลใจให้นักเขียนจีนเขียนนิยายดังหลายเรื่อง

54 Nameless Fanboi Posted ID:zwplQdnox

>>52 พระเอกแขนขาด เจ้าฆ่าพ่อข้า หลงรักน้องสาว

55 Nameless Fanboi Posted ID:yYYxI7y1j

ก็อดฟาเธอร์ ก็เป็น กระบี่ ผีเสื้อ ดาวตก ของโกวเล้งได้ อันนี้ใกล้เคียงมาก

56 Nameless Fanboi Posted ID:h/oDg+8o8

>>51 >>54 มังกรหยกเขียนปี 195x หนังสือเล่มสุกท้ายของกิมย้งเขียนจบปี 1972 สตาร์วอร์ฉายปี 1977 เราว่าเพื่อนโม่งเข้าใจผิดละ

แต่ของโกวเล้งอันนี้ใช่ เห็นว่าหลายเรื่องได้แรงบันดาลใจจาก "นิยาย" ตะวันตก

57 Nameless Fanboi Posted ID:pW6nMoGk6

>>53 ของโกว้เล้ง นี่ชัดเจนว่าได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายตะวันตก มีการอภิปรายกันในแวดวงการนักเขียนมาแล้ว

58 Nameless Fanboi Posted ID:p3HrPjgxG

ไม่รู้ถามแล้วจะมีคนตอบหรือเปล่า
แบบเพิ่งได้เซ็นสัญญาครั้งแรกแล้ว
คือ ใครรู้บ้างว่า นักเขียนปกตินี่ สนพ. จ่ายค่า ebook ให้ล่าช้าสุดกี่เดือนหรือกี่ปี
แบบได้ตีพิมพ์นะ แต่ไม่ได้เงินส่วนแบ่ง ebook มาจะครบปีหนึ่งแล้ว
มันแปลกมากไหม งานก็ได้ป้ายประดับด้วย
เลยงงๆ ว่า สนพ. อื่น เป็นยังไงกันบ้าง

59 Nameless Fanboi Posted ID:k6ru4VAnL

>>58 ปกติน่าจะสามเดือนรึเปล่าวะ

60 Nameless Fanboi Posted ID:JnO4AYCf2

>>59 อันนี้ไม่รู้จริงนะ
คิดว่ามันแปลกมากๆ อยู่ ยอดอะไรก็ไม่แจ้งทั้งนั้น
เวลามันนานมากเกิน
คิดในใจว่าเรื่องที่เขียนนี่ขายดีด้วยนะ แบบขึ้นหน้าแรกในเวลาไม่กี่วัน
แต่ไม่เคยได้รับรายงานอะไรเลย
คิดว่าคงมีปัญหาแล้วละ
รู้งี้ทำมือขายเอง สบายใจกว่าต้องมาเครียดว่าจะถูกโกงหรือเปล่าอีก

61 Nameless Fanboi Posted ID:bQhSK7ZtF

กูอยากลองแปลอะไรหน่อย ถามหน่อยว่าเวลาเจอประโยคที่ในหัวอะเข้าใจแต่แปลไม่ถูกจะทำไง กับเวลาแปลได้ประโยคแล้วแต่แข็งสัสๆเลยนี้จะทำไง

62 Nameless Fanboi Posted ID:bsan8FA9K

>>60 ถ้าในสัญญาไม่มีบอก มึงควรเมลล์ไปถามตรงๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

63 Nameless Fanboi Posted ID:9ecd5Lhw.

>>58 ปกติสัญญาที่ไม่มีระบุรายได้อีบุ๊คจะเสร็จสนพ. หมดในแง่เอาไปบอกว่าเอาไปต่อยอดส่งเสริมการขาย สำนักพิมพ์จะถือว่าหนังสือตัวเล่มเขาลงทุนเยอะเขาจะเอากำไรฟรีๆ จากอีบุ๊ค

ก่อนเซ็นต้องถามแต่แรกเลยว่ารายได้ที่นอกเหนือสิ่งพิมพ์ได้หรือเปล่า? บางทีเอาไปทำละครนักเขียนไม่ได้อะไรเลยก็มี สำนักพิมพ์ที่แฟร์จะบอกรายละเอียดเลยว่าอะไรที่เขาให้ได้ เขาไม่ให้ และอีบุ๊คนี่เองที่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักเขียนไปทำหนังสือกันเองหมดเพราะโดนหักแล้วหักอีกเหลือกลับมาถึงนักเขียนน้อยกว่าอัพเอง

ถ้าได้รายได้จากอีบุ๊คจากสนพ. ปกติเขาจะเคลียร์ยอด 6 เดือน / ปีละครั้ง หลังจากหนึ่งปีไปแล้วอีบุ๊คจะขายได้น้อย (มาก) ลืมๆ เบลอๆ ได้เลยเพราะถ้ายอดไม่เยอะเขาก็ไม่โอนหรือแจ้ง

ปล. ขายดีบางเว็บแค่หลักร้อยนะมึง อย่าไปเชื่อมาก

64 Nameless Fanboi Posted ID:xyVBKb7fZ

หลักร้อยเล่มก็หลายพันเกือบๆหมื่นอยู่นะ ถ้าแบ่งแฟร์ๆ ราคาเล่มเดี๋ยวนี่ไปที่ 250-300 บ. กันแล้ว
ได้ตีพิมพ์มันก็ดีตรงได้เหมาจ่ายในแบบรูปเล่มมาส่วนหนึ่ง
แต่ปกติสัญญามันจะแบ่งเซ็นสองอย่าง ถ้าถามกูที่เคยผ่านการตีพิมพ์มาเหมือนกัน ยุคนี้ถ้าแน่ใจฐานแฟนคลับตัวเอง ออกebook เองได้พอๆกับตีพิมพ์แล้ว
แถมสบายใจกว่าอีก เพราะขายebookได้เต็มๆในงานที่เราเขียน มีทุนก็ทำมือเองสักส่วนหนึ่ง แม้จะหลัก200-300เล่ม ก็ดีกว่าไปถูก สนพ. เหมาจ่าย

65 Nameless Fanboi Posted ID:3dqhDTl6N

>>61 ก็เกลาไปเรื่อยๆ จนกว่ามึงจะคิดว่าจะเจอคำที่ใช่
เหตุผลที่มึงนึกคำไทยไม่ออก แปลว่ามึงมีคลังคำศัพท์ในหัวน้อยเกินไป

66 Nameless Fanboi Posted ID:HgemRf0Rw

กูเจอแนวทางเขียนของกูแล้ว กูคิดว่าจะเอาดีทาง Fictional History แบบ World of ice and fire วะ

กูชอบประวัติศาสตร์ อ่านมาเยอะ ทั้งแบบวิชาการและกึ่งวิชาการ กูชอบ World Building ให้เสร็จหรือเกือบเสร็จแล้วค่อยเขียนนิยาย แต่ยิ่งทำยิ่งทำให้กูเขียนนิยายไม่ออก เขียนได้แต่พล็อต พอลองมาเขียนพล็อตแบบหนังสือประวัติศาสตร์แล้วสนุกกว่าที่คิด เขียนไหลลื่นดี กูเลยอยากรู้ว่ามีหนังสือแบบนี้อีกปะ จะได้เอามาเป็นแนวทาง

67 Nameless Fanboi Posted ID:3dqhDTl6N

>>66 สามก๊ก

68 Nameless Fanboi Posted ID:4PvKNwYky

>>63 เดี๋ยวนี้น่าจะระบุสัญญา ebook หมดแล้วนะ
ส่วนตัวคิดว่าสมัยนี้ระบบขายเหมา น่าจะมีน้อยแล้วมั้ง นอกจากไปหานักเขียนหน้าใหม่ๆ ขึ้นมา
ส่วนนักเขียนที่พอรู้เรื่องการทำ ebook ก็น่าจะพอรู้เรื่องผลประโยชน์บางแล้ว
แต่คนที่มาถามว่าไม่ได้รายงานอะไรเกือบปีนี้ ผิดปกติมากๆ แล้วนะ
สนพ. น่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ

69 Nameless Fanboi Posted ID:XjihtSlS/

มีใครเคยขายพล็อตป่ะ กูนึกพล็อตเรื่องสั้นออกแล้วบอกเล่นๆว่าจะขายพล็อตแต่มีคนอยากซื้อ แต่กูไม่รู้ว่าเค้าซื้อขายกันเท่าไหร่

70 Nameless Fanboi Posted ID:9tPP+BCPK

>>69 มึงคิดว่าพล็อตของมึงดีแค่ไหนล่ะ มึงก็ตั้งราคาตามนั้น ถ้าคนซื้อเขาพอใจกับราคาแล้วคิดว่าคุ้มค่าเขาก็จะซื้อเอง ของแบบนี้มึงจะมาเทียบวัดไม่ได้หรอก มันเป็นผลงานที่เป็นความคิดของมึง ก็เหมือนกับค่าจ้างของพวกนักวาด ราคาก็ตามระดับฝีมือความเทพ

71 Nameless Fanboi Posted ID:bmJy3sFzF

>>69 เห็นมีโครงการประกวดพล็อตชิงรางวัลของสภาพรนี่ เก็บไว้ส่งประกวดเอาก็ได้
ส่วนมาขายใครได้ คิดว่านอกจากรู้จักพวกนักเขียนสายรับจ้างปั่นงานส่งให้สนพ. ก็คงยากแล้วล่ะ
ยิ่งไม่รู้จักใครเลย คงยากที่จะขายใครได้ นอกจากแต่งเอง

72 Nameless Fanboi Posted ID:USjA7MDu3

>>69 มีพวกขายพล็อตทำละครทำหนังอยู่ แต่มึงก็มีความเสี่ยงจะโดนดอยไปใช้ฟรี ต้องดูด้วยอะนะว่ามึงเป็นใคร มีดวงไหม

ส่วนพวกนักเขียน พวกนี้เขามีพล็อตรอเขียนเป็นกะตั๊ก ไม่อดอยากหรอกมึง

73 Nameless Fanboi Posted ID:qg9bhXW6C

ห้องไหนคุยเรื่อง ARC award บ้างครับ

74 Nameless Fanboi Posted ID:G4nus2Tqb

>>73 คุยที่นี่ก็ได้

75 Nameless Fanboi Posted ID:YllMT4mrY

เจอตารางแบ่งอาชีพ (แฟนตาซี) น่าสนใจดี http://weareadventurers.tumblr.com/image/139671868489

76 Nameless Fanboi Posted ID:2IidUS8IN

เพื่อนโม่งมีนิยายรึประวัติศาสตร์แนวสงครามทหารม้าเด่นๆแนะนำมั้ยอ่ะ กำลังเขียนนิยายสงครามอยู่ พอมาถึงทหารม้ามันดันตันซะงั้นกลัวไม่เรียล

77 Nameless Fanboi Posted ID:fjQ6NkIJO

>>76 war horse ได้มะ หรือไปอ่านประวัติ hussars ดู

78 Nameless Fanboi Posted ID:+lK+IwXlz

>>76 อ่านไตรภาคสัยถัง โดยเฉพาะภาคแรก พระเอกนำทัพม้าเก่งที่สุดแล้ว แล้วก็หนังสือประวัติศาสตร์มองโกลของ penage มันมีพิชัยสงครามสำหรับทหารม้าของเจงกิสข่านให้อ่านท้ายเล่มด้วยมั้ง

79 Nameless Fanboi Posted ID:3LYC9/nPI

>>77 >>78 แต้งกิ้วค่ะ เพื่อนโม่ง ฮัสซ่านี่สุดยอดจริง

เอ้อ ขอถามอีกรอบนึงสิ คิดว่าถ้าเราเขียนแบบนี้จะโอมั้ยอ่ะ
คือศึกระหว่างสองฝ่ายจบลงแล้ว ฝ่ายนึงชนะแบบรู้ผลไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่ายชนะต้องการรักษาน้ำใจของฝ่ายแพ้ที่สู้กันมายาวนาน
โดยการหยิบอาวุธ ไปคืนให้กับมือแม่ทัพของอีกฝ่าย คนอ่านเขาจะเก็ทมั้ยเรื่องเกียรติยศอะไรแบบนี้ รึควรจะนำเสนอยังไงดี

80 Nameless Fanboi Posted ID:F.phXGhRg

>>79 ขึ้นอยู่กับเซ็ตติ้งโลก + สถานการณ์ล้วน ๆ อ่ะ แต่ขอฝากคำถามให้ไปลองคิดดูเผื่อจะช่วยให้เขียนง่ายขึ้น สาเหตุของศึกคืออะไร ศึกมันดำเนินไปยังไง และจบลงแบบไหน ความเสียหายทั้งสองฝ่ายเท่าไหร่ เป็นศึกจริง ๆ หรือเป็นแค่การประลองก่อนเริ่มระดับความจริงจังของศึกมีแค่ไหน คนที่นำทัพทั้งสองฝ่ายมียศอะไร มีเจ้านายมั้ย หรือว่าเป็นกษัตริย์นำทัพเอง แม่ทัพฝ่ายที่ชนะจะแน่ใจได้ยังไงว่าฝ่ายที่แพ้จะไม่หาวิธีเล่นงานกลับ หรือวางกับดัก หรือไม่มีพลหน้าไม้ซุ่มยิงรอเก็บ

81 Nameless Fanboi Posted ID:rRierl.6Y

>>79 เขียนอธิบายธรรมเนียมของโลกนั้นในสายตาของผู้แพ้สิ

มีกรณีที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ชนเผ่าบางเผ่ามีธรรมเนียมการยื่นของขวัญแรกพบหน้า อย่างเช่นยื่นกล้วยให้ ถ้าอีกฝ่ายรับแปลว่าเป็นมิตร มันมีนัยยะอีกอย่างที่แฝงอยู่ คือการกินของอย่างเดียวกันหมายถึงพวกเดียวกัน ใน GoT ก็มีธรรมเนียมให้แขกกินขนมปังกับเกลือ ซึ่งตั้งอยู่บนหลักเหตุผลเดียวกันนี้ละ

82 Nameless Fanboi Posted ID:zf6Y0dbpH

>>80 >>81 แต้งกิ้วมากค่ะ ละเอียดมากกกก

อีกคำถามนึงตอนนี้แต่งใกล้จะจบแล้วคิดว่าเวลาปล่อยควร ปล่อยวันละตอนดีมั้ยอ่ะ แล้วปล่อยเวลาไหนคนจะเห็นเยอะที่สุดอ่ะ
คือแฟนคลับเราก็มีเยอะพอสมควรนะ แต่บางทีปล่อยไปแล้วคนเห็นกันไม่ถึง 1 ใน 4 อยากได้แฟนคลับใหม่ๆเพิ่มด้วย

83 Nameless Fanboi Posted ID:zf6Y0dbpH

อันนี้เป็นเรื่องที่ 2 เองน่ะ เรื่องแรกปล่อยสุ่มๆไปแล้วมันฟลุคอะไรไม่รู้คนตามขึ้นมา เรื่องนี้เลยกะจะให้มันดูพัฒนาขึ้นมาหน่อย

84 Nameless Fanboi Posted ID:.HLVGFff8

เจ้า - จ้าว ใช้ต่างกันยังไง

85 Nameless Fanboi Posted ID:OEG1u6D8w

>>84 กูว่าจ้าวดูโบราณกว่า เก่าๆ

86 Nameless Fanboi Posted ID:YxOn2YWi5

>>82 อาทิตย์ละตอนดีสุด เวลามึงอยากแก้อะไรจะได้มีเวลาแก้

87 Nameless Fanboi Posted ID:PmX9jIlZd

>>84 กุก็ว่าจ้าว

88 Nameless Fanboi Posted ID:/kTGjCSF0

>>84 ได้เหมือนกัน แต่ส่วนมาก จ้าวใช้กับวิญญาณ เทพ ปีศาจ ไม่ค่อยใช้กะคน แล้วก็ดูโบราณกว่าเหมือนข้างบนว่า

89 Nameless Fanboi Posted ID:d09r3q0yb

>>84 เราเข้าใจแบบนี้มานานมันถูกไหมอ่า
จ้าว = ผู้ปกครอง Lord คำเรียกผู้มีอำนาจ เช่น จ้าวแห่งเมืองขีดขิน
เจ้า = คำแทนตัวอีกฝ่ายแบบโบราณ เช่น เจ้าจะไปไหน

90 Nameless Fanboi Posted ID:LsGEWs+fU

>>84 ทำกูสงสัยด้วย เลยลองไปเปิดพจนานุกรมดู
ในพจฯบอกว่า จ้าว=เจ้า ... กูนี่ไปไม่เป็นเลย 55555
แต่เรื่องเซ้นส์ของคำ กูก็เห็นด้วยกับเม้นต์บนๆ จ้าวดูโบราณกว่า

91 Nameless Fanboi Posted ID:ppihOt2DC

จ้าว (โบ) น. เจ้า.

เจ้า ๑ น. ผู้เป็นใหญ่, ผู้เป็นหัวหน้า, เช่น เจ้านคร; เชื้อสายของกษัตริย์นับตั้งแต่
ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป, บางแห่งหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินก็มี เช่น เจ้ากรุงจีน;
ผู้เป็นเจ้าของ เช่น เจ้าทรัพย์ เจ้าหนี้; ผู้ชํานาญ เช่น เจ้าปัญญา เจ้าความคิด
เจ้าบทเจ้ากลอน; มักใช้เติมท้ายคําเรียกผู้ที่นับถือ เช่น พระพุทธเจ้า เทพเจ้า;
เทพารักษ์ เช่น เจ้าพ่อหลักเมือง.
เจ้า ๒ ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย สําหรับผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยอย่างสุภาพหรือ
เอ็นดู, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ เช่น เจ้ามานี่, คําใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง,
เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓, มักใช้เข้าคู่กับคํา นั่น เป็น เจ้านั่น เช่น เจ้านั่น
จะไปด้วยหรือเปล่า.
เจ้า ๓ น. คำนำหน้าชื่อเพื่อแสดงว่าเป็นเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ เช่น
เจ้าดวงเดือน; คํานําหน้าที่ผู้ใหญ่เรียกเด็กหรือผู้น้อย เช่น เจ้าหนู
เจ้าแดง เจ้านี่.
เจ้า ๔ น. ผู้ค้าขายสิ่งของต่าง ๆ เช่น เจ้าผัก เจ้าปลา, ลักษณนามหมายความว่า
ราย เช่น มีผู้มาติดต่อ ๓ เจ้า.

และ
https://pantip.com/topic/30208430

สรุป เหมือนกัน

92 Nameless Fanboi Posted ID:BEG7Sk3Cy

>>91 แม่จ้าว เข้าใจผิดอยู่นานสรุปคือเขียนไม่เหมือนกันเฉยๆหรอกเรอะเจ้า!

93 Nameless Fanboi Posted ID:fgrsp.sqK

>>92 ถ้าแม่เจ้าน่าจะเจ้าได้แบบเดียวนะ อย่างน้อยเราไม่เคยเห็นแม่จ้าว

แต่จ้าวกับเจ้าทำให้เรานึกถึง เสพกับเสพย์

94 Nameless Fanboi Posted ID:BEG7Sk3Cy

>>93 เริ่มจะสับสน เจ้า-จ้าว แล้วเนี่ยยังจะมี เสพ มาอีกตัวเหรอ T_T

95 Nameless Fanboi Posted ID:A/76CESf8

คือกูสงสัยว่า ทำไมบางคนถึงใช้คะค่ะไม่ถูกวะ กูเจอในนิยาย กระทู้ตามเน็ต แล้วหงุดหงิดอะ

96 Nameless Fanboi Posted ID:qR0UE7lvC

>>95 เนื่องจากกูใช้ไม่ถูกกูจะตอบให้(คนอื่นอาจไม่ใช้แบบเคสกู) เพราะอ่านแล้วมันรู้สึกเสียงไม่ต่างกัน คือแค่มีคะ/ค่ะ นะ/น่ะ ละ/ล่ะ อะไรจำพวกนี้มานี้กูอ่านออกเสียงไม่เป็นหมดเลยทุกอย่างออกเสียงเหมือนกัน เอาจริงคือกูก็พึ่งมารู้ตัวจนคนบ่นเยอะๆแล้วแบบ หือ มันเสียงต่างกันด้วยเหรอ?
ปล.กูควรบอกมั้ยว่ากูผันวรรณยุกต์ไม่เป็น
ปปล.กูพึ่งมาแยกคะ/ค่ะออกได้ด้วยคำว่าโยคะ(มีคนบอก) แต่กูก็นึกถึงโยคะแค่ตอนที่ต้องพยายามเขียนให้ถูก เวลาอ่านปกติกูก็ยังแยกคะ/ค่ะในหัวไม่ออกเหมือนเดิม

97 Nameless Fanboi Posted ID:O6RwRemiQ

กูเห็นคนทวิตว่า จ้ะ เนี่ย ทุกคนออกเสียงเป็น จ่ะ กันอยู่แล้ว กูเลยสงสัย พวกมึงออกเสียงจ้ะว่ายังไงกันวะ ของกูจ้ะก็จ้ะ จะก็จะ และจ่ะเนี่ยไม่มี

98 Nameless Fanboi Posted ID:qR0UE7lvC

>>97 จ่ะ,จ้ะ,จ๊ะ ==>จ๊ะ...

99 Nameless Fanboi Posted ID:GOCLEsoZn

>>97 จ่ะ มันออกเสียงว่า จะ ไม่ใช่เหรอ

100 Nameless Fanboi Posted ID:5EYSib1bi

>>95 สมัยเด็กน้อย กูเคยถามเพื่อนที่เรียนภาษาไทยมาด้วยกันว่าทำไมถึงเขียนนะค่ะในประโยคคำพูด เพื่อนกูบอกว่าคนอื่นเขาก็เขียนกันแบบนี้ แล้วจากนั้นกูก็เห็นคำว่านะค่ะมากขึ้นเหมือนเป็นเทรนด์อะไรสักอย่าง กูก็เลยทึกทักเอาเองว่าคำว่านะค่ะเนี่ยมันเกิดเพราะคนใช้ตามๆกันมาจนชินไปแล้ว แต่ถ้าค่ะกับคะ ที่ใช้ไม่ถูกเฉยๆนี่กูคิดว่าเขาใช้ผิดเพราะผันวรรณยุกต์ไม่ถูกเหมือนกัน

101 Nameless Fanboi Posted ID:QmCPabfqp

>>97 อักษรกลางคำตาย รูปสามัญ ออกเสียงเอก ไม่ใช้รูปเอก ส่วนรูปอื่นๆผันและออกเสียงตามปกติ
ดังนั้น จะ(ออกเสีนงเอก). จ่ะ(ไม่ใช้). จ้ะ(รูปโทเสียงโท) จ๊ะ(รรูปตรีเสียงตรี) จ๋ะ(รูปจัตวาเสียงจัตวา แต่คำนี้ไม่มีความหมายเลยไม่เห็นที่ใช้)

102 Nameless Fanboi Posted ID:eEGjFz2tB

>>100 เออไอ้ นะค่ะ นี่ด้วย ทำกูหงุดหงิดมาก เลิกอ่านเลยว่ะ แต่บางทีก็เสียดายพล็อต

103 Nameless Fanboi Posted ID:7ayh5rXkx

ส่วนนึง​เพรา​ะคนแยกไม่ออกระหว่างภาษาพูด​กับภาษา​เขียนด้วยมั้ย
คิดแต่ว่าวิบัติ​เพื่ออารมณ์ ออกเสียงแบบไหนเขียนแบบนั้น​ ไม่ยึดว่ามันถูก​มั้ย เขียนแบบนี้น่ารักกว่า บลาๆๆ

104 Nameless Fanboi Posted ID:NMZyxGP7l

>>103 มั้ย คือภาษาพูดปล่าววะ แล้ว ไหม คืออะไร ภาษาเขียน?

105 Nameless Fanboi Posted ID:wl91xIcG9

>>95 การล้มเหลวในการสอนเรื่องการผันวรรณยุกต์ ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหามากเพราะเด็กไทยรุ่นใหม่ไม่รู้อะไรคืออักษรสูง กลาง ต่ำ และไม่เข้าใจภาษาทางการกับภาษาพูด

>>97 เหมือน อะ ไม่มี อ่ะ

>>101 +1

>>104 มั้ยคือภาษาพูด ไหมคือภาษาเขียน สามารถอนุโลมกรณีในเครื่องหมาย "..."

สังเกตอีกคำที่กำลังจะเป็นปัญหา "เมื่อไหร่" เห็นเริ่มพิมพ์ตัวนี้กันเยอะขึ้น

106 Nameless Fanboi Posted ID:Y1MLo+OIK

>>105 กูอยากสารภาพว่ากูเรียนรุ่นเก่าแต่กูก็ไม่เข้าใจเรื่องการผันวรรณยุกต์ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฮือออออ
ตอนที่ >>101 อธิบายกูนี้คิดเลย ไอ้เสียงโท เสียงเอก นี้มันคือเสียงยังไงวะ//ทำหน้าตาเลื่อนลอย

107 Nameless Fanboi Posted ID:1flYwjd1O

>>106 มึงอ่านหนังสือแต่เด็กปะ คือกูอ่านหนังสือแต่เด็กเลยไม่สับสนเรื่องการใช้ภาษาอะ

108 Nameless Fanboi Posted ID:UppSPf6Le

>>106 เวลาผันเสียงวรรณยุกต์ เริ่มต้นลองผันอักษรกลางคำเป็นก่อนอ เช่น
กา. ก่า. ก้า. ก๊า. ก๋า
เสียงมันจะไล่เคล้ายโน้ตดนตรี เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท. เสียงตรี เสียงจัตวา
ส่วนรูป ก็ที่เราเขียน รูปสามัญ(ไม่มีวรรณยุกต์). รูปเอก (่). รูปโท (้). รูปตรี (๊). รูปจัตวา(๋)

วิธีที่ง่ายคือการไล่เสียงเอาให้ครบ. เวลาจะใช้งานก็ค่อยนึกถึงหลักภาษาที่เป็นข้อกำหนด
อย่างอักษรสูง อักษรต่ำ ใช้แต่ไม้เอก กับไม้โท เท่านั้น คำไหนไม่มีใช้ตัวอื่นแทนเพื่อให้เสียงครบ

ผันไม่เป็นถ้าอ่านไม่มากแต่เด็กเป็นเรื่องธรรมดา คาดว่าเป็นผลผลิตของยุคบัตรคำ จำเป็นคำๆ สะกดแบบจำการเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ไม่ใช้ตัวสะกด
การจำคำเยอะๆ หลายๆคนจะมีปัญหาการเชื่อมโยง มันเป็นเรื่องของสารเคมีในสมอง ทำให้การเชื่อมของสมองสองซีกทำได้ยากหน่อย
ไม่เกี่ยวกับไอคิว อีคิว หรือสารพัดคิว

109 Nameless Fanboi Posted ID:qxUiEJ24+

>>107 อ่านน่าจะเยอะละมั่ง แต่มานึกดูการอ่านออกเสียงในหัวของกูมันก็บรรลัยตั้งแต่เด็กเลย กูสามารถอ่านเซราวี กลายเป็นเดวิด(หรืออะไรจำพวกนี้)ได้หน้าตาเฉย
>>108 นั้นแหละที่กูทำไม่เป็น กูสามารถผัน กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า เป็น กา ก๋า ก๊า ก่า ก้า ได้หน้าตาเฉยมาก(ตอนทำข้อสอบกูจำได้ว่าเจอเรื่องนี้ปุ๊บก็มาจ้ำจี้มะเขือเปาะเลย)
ปล.กูว้ากูยังอยู่ในบุคที่สอนแบบ ม เอือ ง เมือง อะไรงี้นะ
ปปล.อนึ่งกูก็อยากแก้แหละ แต่ส่วนหนึ่งในหัวกูก็บอกว่า เรื่องแค่นี้ทำไมต้องแก้วะ(แย่มากๆ)

110 Nameless Fanboi Posted ID:ZGjjxZG+s

Ky ขอถามโม่งที่เคยตีพิมพ์ ถ้านิยายมีภาคต่อ 4 ภาค แต่กูแต่งจบ 2 ภาค ส่งให้สนพ.พิจารณาได้ปะวะ หรือต้องแต่งให้ครบสี่ภาคแล้วค่อยส่ง

111 Nameless Fanboi Posted ID:uWGrG7+Bx

>>109 ไม่ใช่หมอ แต่ขอเดาจากข้อมูลว่าน่าจะเป็นแอลดีแบบอ่อนๆไม่รุนแรง เลยติดขัดแค่การเชื่อมโยงเสียงกับตัวอักษร ถ้าอยากแก้แนะนำให้ไปดูยูทูปที่สอนการผันวรรณยุกต์ของเด็กประถม น่าจะเริ่มที่ ป.2 เค้าสอนไล่เสียง แต่ทำใจนิดนึงสอนเด็กเล็กๆ อาจน่าเบื่อบ้าง
ต้องฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนๆ แต่ไม่นาน ประมาณให้สมองมันสร้างลิงค์ได้ สามเดือนน่าจะได้ผลเน้นความสม่ำเสมอ
หมอเคยเอาภาพmri ของสมองก่อนและหลังการฝึก มาให้ดูการทำงานของสมองที่เปลี่ยนไป

112 Nameless Fanboi Posted ID:wl91xIcG9

>>109 ต้องผันอักษรกลางให้ได้ก่อน คือต้องจำอักษรกลางให้ได้ก่อน (กลางเป็นกลางตายไปว่ากันอีกที) ถ้าจำอักษรกลางไม่ได้จะไปต่อ สูง ต่ำ ไม่ได้ ตอนเรียนครูสอน ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง คือ ก จ ด ต ฎ ฏ บ ป อ

113 Nameless Fanboi Posted ID:0vntg9sT0

จ่ะ กุใช้กรณีเป็นคำพูดประมาณประชดนิดๆ ประมาณว่า จ่ะ เอาที่สบายใจ ประมาณนี้ แต่ถ้านับตามจริงคำนี้มันไม่มีหรอก ถ้าเขียนนิยายก็ไม่ควรจะใช้ เหมือนเป็นคำสำหรับแชททั่วๆไปมากกว่า ส่วนออกเสียงของกุ จ้ะ จ๊ะ ไม่เหมือนกันว่ะ เหมือนเจ้ เจ๊ ไม้โทสำหรับกุเสียงจะต่ำกว่าหนึ่งระดับ

ส่วนคะ/ค่ะ เมิงควรทำใจตั้งแต่ครูสมัยใหม่ยังใช้ผิดๆถูกๆละว่ะ กุนี่งงเลยเรียนภาษาไทยกันมายังไงวะ น่าจะเกี่ยวกับพื้นฐานการสอนแล้วล่ะกุว่านะ พวกนี้ เพราะกุสังเกตุดูรุ่นหลังๆกุไปนิดหน่อยจะยังไม่มีปัญหากัน ไม่นับพวกสก๊อยที่จงใจนะ พอรุ่นหลังจากนั้นไปปั๊บ คืออ.ที่สอนรุ่นเราๆเกษียณไปหมดแล้วไง เวลากุไปดูรร.เก่านี่แบบมีแต่อ.วัยรุ่นๆ ผลก็ตามน้านนน แต่มีที่ดีๆมีไหมก็คงมี แต่สมัยนี้ไม่เข้มงวดเท่ารุ่นก่อนๆแล้วควรจะทำใจ อ.ทำไรมากไม่ได้เลยตีก็ไม่ได้ นุ่นนี่ก็ไม่ได้

พวกคำพูดคำเขียนกุยังมึนๆเลยถึงเวลาก็ไปเปิดเช็คเอาง่ายกว่า บางทีใช้จนชินก็ลืมไปว่านี่มันคำสำหรับพูด

114 Nameless Fanboi Posted ID:u3rn455/G

>>113 ตั้งแต่เห็นอ. มหาลัยกูใช้ผิดกูก็ปลงละ

115 Nameless Fanboi Posted ID:0ClCw3Uwi

>>110 อีกสองภาคที่เหลือลองส่งแค่พล็อตไปก็ได้มั้ง

116 Nameless Fanboi Posted ID:vj3VRWUq3

กูเห็นเรื่องการผันเสียงวรรณยุกต์แบบผิดๆแล้วเซ็งว่ะ มันเป็นเรื่องที่เรียนตั้งแต่ประถมเลยนะ โตมาแล้วยังใช้ไม่เป็นอีกเหรอ อย่างคนแก่ๆเรียนน้อยอะไรอย่างงี้ยังพอว่า แต่คนสมัยนี้ที่มีการศึกษาหรือเด็กที่เรียนพิเศษมาเยอะแยะยังใช้ผิดอีก แสดงว่าอ่านหนังสือไม่ออกป้ะวะ ไม่งั้นมันก็ต้องใช้รูปวรรณยุกต์ถูกเสียงดิ ถ้าเสียงมันออกเหมือนกันจะใช้วรรณยุกต์ต่างกันทำไม

117 Nameless Fanboi Posted ID:aK4VHKNE/

>>110 ตอบนะมึง
แนะนำว่าถ้ามึงเป็นนักเขียนหน้าใหม่และไม่ได้มีติ่งตามเป็นหมื่นเป็นแสน ควรจะเขียนให้จบก่อนค่อยส่งเรื่องพิจารณาเพื่อเซฟตัวเอง แต่ถ้าเรื่องไหนยอดวิวหลายแสนหรือหลักล้าน มึงสามารถลองดูได้

118 Nameless Fanboi Posted ID:aK4VHKNE/

ส่วนคำว่า จ่ะ อักษรกลางไม่มีคำตายวรรณยุกต์เอกนะถ้ากูจำไม่ผิด อ่ะ จ่ะ อะไรพวกนี้ใช้ไม่ได้ มีช่วงหนึ่ที่มีคนตั้งมู้ในเด็กดีเพื่ออธิบายอะ ลองค้นดู

119 Nameless Fanboi Posted ID:Ytlj/Ohd8

>>117 ขอบใจมากสหายโม่ง กูเป็นนักเขียนหน้าใหม่ยอดแฟนหลักร้อยเอง คงต้องแต่งให้จบก่อนส่งละนะ

120 Nameless Fanboi Posted ID:eXyl9lImN

กูเจอปัญหานี้มานานมากจนรู้สึกตัวเองเป็นพวกหัวรุนแรงแล้วอะมึง กูรู้สึกว่าคนเขียนคะค่ะผิดมันโง่ เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเตือนแล้วไม่ปรับปรุงกูก็ยิ่งหงุดหงิด
ยังไงกูก็เลิกมองคนใช้ผิดว่าโง่ไม่ได้สักที ทำไงดีวะ

121 Nameless Fanboi Posted ID:mozUDcu8r

>>120 ถ้าไม่แนวโน้มว่าชอบใช้ผิดอย่างจงใจ มองใหม่ว่าเป็นคนป่วย เป็นอาการของคนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ทางด้านภาษา (มีราวๆ10%)และไม่ได้รับการรักษาเยียวยาจากครูผู้เชี่ยวชาญ เพราะถ้าไม่ใช่2สาเหตุข้างต้นเป็นได้ว่าไอคิวต่ำกว่าค่าเฉลียมาตรฐาน น้อยว่า90

122 Nameless Fanboi Posted ID:Puq/lPz.X

>>120 หลายคนไม่ได้โง่ แต่ดื้อก็เยอะ ยิ่งมีคนไปด่ายิ่งไม่แก้อีโก้สูงเทียมฟ้ากันจะตาย คนโง่กุเฉยๆ หลายคนอาจจะแค่ไม่รู้ก็ปรับปรุงกันได้ ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่างหรอก แต่พวกดื้อด้านไม่ฟังใครนี่สิ น่าเบื่อกว่าเยอะ

123 Nameless Fanboi Posted ID:3AVD5KfTN

กูหงุดหงิดเพื่อนกูมาก คือกูก็ไม่ได้อยากเป็นแกรมม่านาซีนะ แต่มั้ย-->ไม๊ คะค่ะใช้ผิด น่ะค่ะนะคะยิ่งไม่รู้เรื่อง วิจารณญาณก็เป็นวิจาลนยาน คือมึงช่วยค้นหาคำถูกก่อนพิมพ์ทีเถอะ ในหัวกูนี่ขีดตัวแดงรัวๆเลย

124 Nameless Fanboi Posted ID:STR3QAW+c

ไม้ยมกในคำพูดนี่เขียนยังไงวะ สงสัย "ยนยบ ๆ " กับ "ยนยบ ๆ"
แล้วเครื่องหมาย ? ! ก็แบบเดียวกันใช่ไหม กูไม่มีปัญหากับการบรรยายนะ แต่พอในวงเล็บแล้วดูไม่สวยแปลกๆ เลยไม่แน่ใจ

125 Nameless Fanboi Posted ID:NEML.8.OY

>>105 เมื่อไหร่ผิดยังไงว่ะ พจนานุกรมยังมีเลยมึง
http://www.royin.go.th/dictionary/

>>120 +1 ค่ะ คะไม่ถูกกูก็มองว่าโง่ว่ะ กูไม่รู้ว่ามีโรคอะไรแบบนี้ด้วย แต่ถ้ามึงเป็นโรคนี้แล้วรู้ตัวเวลาเขียนมึงก็ช่วยไปเปิดพจนานุกรมหน่อยได้ไหมวะ สรุปคือไม่โง่ก็ขี้เกียจสินะ
จ่ะ กูก็ไม่เข้าใจ มันต้อง จ้ะ นิ อีกอันก็ ชั้น ก็รำคาญมาก
ต้องโทษพวกสก๊อยแหละ ใช้คำผิดแล้วนึกว่าเท่ นาน ๆ เลยนึกว่าถูก
แต่ตอนนี้อย่างน้อย ปล่าว ก็ตายไปแล้วนะ ต่อไปพวกคำผิดอื่นก็อาจตายตามก็ได้ (สาธุ)

126 Nameless Fanboi Posted ID:g8sMsFZgf

>>105 เมื่อไหร่ อ่ะถูกแล้วมึง ไม่ได้ผิดเลย กูหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคนพิมพ์ว่า เมื่อไร ด้วยซ้ำ มึงลองอ่านออกเสียงดังๆ สิ แล้วมึงจะรู้ว่ามันผิดยังไง
>>123 คำว่ามั้ย ของมึงก็ผิด มันเป็นภาษาพูด ถ้าอยากให้ถูกต้องเป็น ไหม
กูรำคาญทุกครั้งที่เห็นคนพิมพ์อะไรเล็กๆ น้อยๆ ผิด (ถ้าพิมพ์ผิดไม่ได้ตั้งใจนี่เฉยๆ) มันบ่งบอกถึงสติปัญญาคนพิมพ์อ่ะ แต่กูก็ขี้เกียจไปนั่งไล่แก้ทุกคน ทำตัวเป็นแกรมม่านาซีนะมึง กูเลยปลง คิดซะว่า คนเราสติปัญญาไม่เท่ากันแล้วกัน

127 Nameless Fanboi Posted ID:PYUF4tGs9

>>126 เมื่อไรก็ถูกนะมึง มันเป็นคนละคำ ออกเสียงคนละแบบ แต่ความหายเหมือนกัน คำประเภทนี้ก็มี ซ่าหริ่ม-ซาหริ่ม (แต่คนเรียกสะหริ่ม) คาคบไม้-ค่าคบไม้
โปรดไปฟังเพลงกว่าจะรักค่ะมึง

128 Nameless Fanboi Posted ID:EaLGKhfVM

>>126 บางทีกูก็ใช้เมื่อไรนะ และออกเสียงสามัญว่า ไร ตามรูปที่เขียนด้วย ไม่ได้ออกเสียงเอกว่า เมื่อไหร่ คือใช้ตอนพูดเล่นๆกับคนสนิทกันเหมือนแบบภาษาโบราณไรเงี้ย ไปเมื่อไร ว่างเมื่อใด ฯลฯ

ส่วนมั้ยที่ >>123 พูดอะ น่าจะหมายถึงหงุดหงิดที่เขียนว่า ไม๊ ว่ะ เพราะ ม ม้ามันใช้กับไม้ตรีไม่ได้ ถ้าจะเขียนก็ต้อง มั้ย เวลาเห็นพวก ไม๊ ค๊ะ กูก็หงุดหงิดเหมือนกัน

129 Nameless Fanboi Posted ID:g8sMsFZgf

>>127 >>128 เออกูพลาดเลยตรงนี้ แต้งพวกมึงมากๆ ที่มาบอก
ส่วนคำว่า มั้ย ไม๊ กูว่าสองคำนี้จริงๆ มันก็ผิดนะ เพราะไม๊ มันไม่มี ส่วนมั้ย มันก็ภาษาพูด ถ้าจะพิมพ์/เขียน ยังไงก็ต้อง ไหม อ่ะ

130 Nameless Fanboi Posted ID:QXgq8BS6n

>>129 มั้ยกูจำยอม แต่ไม๊ศรีจะไม่ทนค่ะ

131 Nameless Fanboi Posted ID:PC0tjE98f

>>126 ไม่ๆ คือเวลาเขียนกูก็ใช้ไหม แต่ถ้ากูพิมพ์เชิงบ่นหรืออะไรงี้กูก็จะใช้มั้ย มันออกเสียงได้อารมณ์กว่า แต่คือไม๊นี่กูไม่ไหวจริงๆว่ะ...
(กู>>123)

132 Nameless Fanboi Posted ID:/MSHTIilW

แล้วถ้า "ไปตื๊บคนมา" ต้องเปลี่ยนไป "ไปกระทืบคนมา" รึเปล่า เพราะถ้าเป็นกระทืบมันไม่ได้สำนวนตัวละครเลย

133 Nameless Fanboi Posted ID:XMR4zH2bL

>>129 มั้ย กูว่าไม่ผิดนะถ้าไม่ใช่ในงานเขียน ทางการหรือบทบรรยาย อย่างให้ตัวละครพูดว่า "เธอจะไปกินข้าวกับฉันไหม" หรือ "แกๆ วันนี้ไปกินข้าวบ้านฉันมั้ย" มันก็โอเคทั้งคู่อะ
>>132 ตื๊บหรือตื้บ มึงเอาให้ชัวร์ก่อน

134 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>132 ต้องดูว่าเป็นบทพูดหรือบรรยาย ถ้าบทพูดก็แล้วแต่ตัวละครอีกว่าแนวไหน ถ้าปูมาว่าลักษณะนิสัยชอบใช้คำประมาณนี้ก็ไม่ผิดอะไร

135 Nameless Fanboi Posted ID:Zvz8CVVVa

>>124 ไม่ต้องเว้นวรรค "ยนยบ ๆ" ถูก หลัง"...!" "...," "...?"

136 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

ถามนิด ตอนนี้กุแต่งไปได้สักพักแล้วแต่ชื่อเรื่องยังไงก็นึกไม่ออกไม่ค่อยถูกใจ หรือไม่ก็ดูไม่เข้ากับเรื่อง ปกติมีหลักการตั้งกันยังไงบ้าง

137 Nameless Fanboi Posted ID:5WUOTcMpQ

>>136 เคยตั้งว่า 'ยังนึกชื่อไม่ออก' อยู่พักจนกระทั่งเขียนไปร่วม30ตอนแล้วถึงเปลี่ยนชื่อเพราะคิดชื่อออก....
เอาใหม่ๆ ถ้านึกไม่ออกจริงๆเอาชื่อตัวเอกมาตั้งก็ได้แล้วใส่คำที่มันบอกธีมของเรื่องไป

138 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>137 หรือกุควรเขียนๆไปก่อนค่อยนึกชื่อดีเนี่ย 30ตอนนี่เยอะอยู่นะ 555+ ธีมเรื่องยังหาคำที่สื่อได้ไม่ครบเท่าไหร่ แต่งๆไปอาจจะนึกออกก็ได้มั้ง

139 Nameless Fanboi Posted ID:5WUOTcMpQ

>>138 ตั้งแบบที่พอใช้ได้ไปก่อนก็ได้แล้วถ้าตอนหลังนึกได้อันที่ดีกว่าค่อยไปเปลี่ยนก็ยังไม่สายทางนี้เปลี่ยนตั้งสามรอบ =3= แต่อย่าบ่อยกับถี่เกินเด๋วคนอ่านจำเรื่องไม่ได้เอาที่สำคัญอย่าเปลี่ยนหักดิบเกินจนมันไม่เหลือเค้าของชื่อเดิมด้วยเป็นดีที่สุด

140 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>139 น่าสนใจอยู่แบบนี้ จะตั้งว่านึกไม่ออกแบบโม่งบนก็สงสารคนอ่าน

141 Nameless Fanboi Posted ID:Kj2TWMvap

KY หน่อยยย มีอาชีพไหนในโลกนี้ที่มันไม่ ต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่นมากป่ะ คือพระเอกกูมันต้องเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครทำงานอยู่บ้านแต่มีเงินอ่ะ นอกจากนักเขียนแล้วกูนึกไรไม่ออกเลย
กราฟิคดีไซน์ ถาปนิก โปรแกรมเมอร์พอได้ป่ะ

142 Nameless Fanboi Posted ID:qJxql2wXu

กูกลัวการเขียนเรื่องยาวๆมาตลอด กูเคยเขียนแต่ตอนเดียวจบ บางทีก็สั้นบ้าง ยาวบ้างแต่ไม่เคบเกินตอนเดียวซะที กูอยากเขียนนะแต่กลัวจะวางพลอตไม่ถูกว่ะ กูไม่เก่งเรื่องอะไรที่มันซับซ้อนเอาซะเลย จะเขียนแค่สองสามตอนจบยังไม่ไหว พวกมึงมีอะไรจะแนะนำไหม แบบควรเริ่มต้นยังไงดี

143 Nameless Fanboi Posted ID:Zvz8CVVVa

>>141 นักแปล เล่นหุ้น?

144 Nameless Fanboi Posted ID:/MSHTIilW

>>133 >>134 ใจมาก ตื้บๆ

145 Nameless Fanboi Posted ID:WK9+gjlB2

>>141 ไม่แนะนำสถาปนิก กับสายออกแบบ ต้องคุยกับคนเยอะมีทีม มีae มีสาระพัด
นอกจากพวกวาดรูปในเน็ตขายต่างชาติใน daไรพวกนี้นะ

146 Nameless Fanboi Posted ID:Yg41PShY3

>>141 เล่นหุ้น

147 Nameless Fanboi Posted ID:7R.oyl/gY

>>126 เมื่อไร คือคำเก่าที่ถูกปะวะมึง เมื่อไร เท่าไร กระไร นั่นประไร
เมื่อไหร่ คือพิมพ์ตามเสียงที่พูดเพี้ยนกันมา จนกลายเป็นถูก
กูคิดว่าเป็นแบบเดียวกับ ฉัน ที่ออกเสียงเหน่อเป็นชั้น แล้วดันกลายเป็นคนที่เหน่อคือคนกรุงเทพ คนภาคกลางที่ออกเสียงฉันถูกต้องเลยกลายเป็นโดนล้อว่าเหน่อแทน

148 Nameless Fanboi Posted ID:Kly1J96yy

>>141 เป็นนีท พ่อแม่รวย

149 Nameless Fanboi Posted ID:LIgv9kWs.

>>141 โปรแกรมเมอร์รวยนะมึง แบบสายหาบัคโประแกรมต่างๆอะ ได้รอบนึงเป็นแสนๆ

150 Nameless Fanboi Posted ID:LIgv9kWs.

กุเจอปัญหาว่ะ ตอนนี้กุเอาแต่ build world ไปจนเกือบทั้งเรื่องละ แบบว่ามีเรื่องตรงกลางแล้ว แต่ไม่มีต้นเรื่องเลย ไม่มีตัวเอก สรุปกุมาผิดทางแล้วใช่มะ

151 Nameless Fanboi Posted ID:WO/711nzi

>>141 ฟรีแลนซ์ไปเลยเหอะ

152 Nameless Fanboi Posted ID:c9a1Xek0S

>>150 ไม่หรอก ก็ค่อยๆประกอบไปทีละส่วนก็ได้เมิง ก็อยู่ที่จะดำเนินเรื่องแบบไหนมุมมองไหน ค่อยๆคิดไป ไม่ได้รีบนิ กุก็ช้าๆสโลวไลฟ์ ค่อยๆไปเหมือนกัน นึกตรงไหนออกก่อนก็เขียนไปก่อน ที่ไม่ออกก็ช่างมัน แล้วถ้ามันดูไม่เข้ากันก็ค่อยๆแก้ไปทีละนิดๆ ต้นเรื่องมันก็สำคัญ เมิงอาจจะเอาเหตุการ์ณพีคๆมาใส่ให้ดูน่าติดตามแล้วค่อยกล่าวย้อนก็ได้

153 Nameless Fanboi Posted ID:bQu1a1EAv

Ky ถ้ากูจะขายนิยายเรท 15+ กูควรขายที่เด็กดีหรือนิยายรักวะ อย่าแนะนำธัญวลัย เพราะนิยายกูเรทไม่สูงขนาดนั้น

154 Nameless Fanboi Posted ID:bVQ9N804U

>>153 กูเรท 15+ โดนเด็กดีดีดออกไม่ให้ขาย (พ่วงด้วยแบนตอนเรทกูด้วย) กูเลยเอาไปลง fiction log กับทำอีบุ๊คขาย meb (ธัญฯ ไม่ไหวเหมือนกัน)

155 Nameless Fanboi Posted ID:rhluiQUnz

>>150 กุว่าถามตัวเองก่อนเถอะว่าอยากจะเล่าอะไร สามอย่างที่อยากให้มีอยู่ในนิยายตัวเอง ตอบได้ไหมว่าคืออะไร แต่ถ้ายังไม่มีอะไรจะฟุ้งไปเรื่อย ๆ ก็ตามสบาย แต่สุดท้ายระวังเถอะ เมิงจะอยากเล่าทุกอย่างที่คิดมาแล้ว คนอ่านไม่สนุกไปกับมันด้วย

156 Nameless Fanboi Posted ID:vp6dEDssY

>>153 นิยายรักใช่เว็บนี้ปะ http://www.niyayrak.com

ระบบคล้ายเด็กดีนะ

157 Nameless Fanboi Posted ID:F3X4bN4+e

>>155 กุ150

กุสร้างระบบของโลกนิยายเอาไว้ สร้างไว้เป็นดาต้าเบื้องหลังอะ แต่รู้จะหย่อนมาข้างหน้าได้เท่าไหร่ แต่ละอันไม่ได้เกี่ยวกันตรงๆอะ

158 Nameless Fanboi Posted ID:vaWiwS6QQ

>>157 ถ้าเซ็ตโลกไว้เป๊ะ สำนวนต้องเป๊ะตามด้วยนะ ให้อารมณ์แบบไฮ แฟนตาซีอะ คือมันจะมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชอบเสพงานพวกนี้

ถ้าสำนวนไม่ดีพอ คนพวกนั้นมันก็อาจไม่อ่าน ส่วนพวกที่อ่านก็อาจเป็นนักอ่านที่คุณภาพรองลงมาหน่อย ซึ่งมึงอาจเจอคอมเมนต์เหี้ยๆ แบบ "อะไรกันนักหนา" ทำนองนี้ได้

159 Nameless Fanboi Posted ID:A8dnevPjt

>>158 นั่นแหละที่กุกังวล เพราะบทพูดเริ่มยั้วะเยี๊ยะละ แก้ไปสามรอบเหมือนจะยังไม่เคลียร์ อาทิตย์ละกันกู ไม่ไหว
เล่นmass effect หาไอเดียไปเรื่อยๆก่อนดีกว่า

160 Nameless Fanboi Posted ID:GBqU1srG6

กูมีพลอตมีเนื้อหาในหัวนะ แต่พอจะเขียน ทำไมมันตีกันจนเขียนไม่ออกเลยวะ หลายครั้งรู้สึกว่าตัวเองเขียนอะไรวกไปวนมาชอบกล บางทีก็รู้สึกเหมือนมันสื่อความหมายออกมาได้ไม่เต็มที่เหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ว่ะ แก้ไงดีวะ พอมีทางมั้ยเนี่ย 555

161 Nameless Fanboi Posted ID:Lw6UN+/XK

>>160 ทำสตอรี่บอร์ด ลำดับเป็นช่วงๆแม่งไปเลย

162 Nameless Fanboi Posted ID:oe7RZGp76

กูเขียนนิยายแนวจีนในเด็ก...ตั้งแต่สามสี่ปีก่อน ที่กระแสนังไม่แรงขนาดนี้ แต่ด้วยนู่นนั่นนี่ ทั้งปป่วยทั้งงาน อีกอย่างคือ กูรู้สึกว่า ตอนนี้ แนวนี้โหล บวกกับกูคิดว่า นิยายกูไม่จีนพอด้วย กูเลยดองยาว ทีนี้ มีคนมาทวง กูรู้สึกผิด แต่พอจะกลับไปแต่งต่อ ก็นึกถึงคำว่า จีนเสิ่นเจิ้น ลอยมาเลย ทำไงดีวะ ปล.กูรักนิยายของกูเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องแรกที่คนตามเยอะ จะลบทิ้งก็เสียดาย

163 Nameless Fanboi Posted ID:Gc6s3O4Cr

>>162 (คิดว่าคนเขียนเรื่องที่กูตามอยู่อาจจะคือมึงก็ได้...ดอง2ปี)
ถ้าใช่ เขียนต่อเถอะนะ นักอ่านรออยู่

164 Nameless Fanboi Posted ID:oe7RZGp76

>>163 ไม่ใช่ๆ กูดองไปครึ่งปีเอง แต่ปีที่แล้ว ลงไปไม่กี่ตอน ตกใจ คิดว่า เจอคนทวงอีก ถถ

165 Nameless Fanboi Posted ID:TLm72W6xP

>>162 เขียนให้จบ เพราะไม่ว่าจะดีเลิศยังไง ยังไงก็หนีไม่พ้นพวกสูงส่ง ที่วิจารณ์งานคนไทยว่าเป็นแค่จีนเสิ่นเจิ้นไปไม่ได้หรอก
แคร์มาก ปวดสมองเปล่า เขียนแค่ให้มีคนอ่านที่ชอบงานเขียนของเราก็พอ
เพราะไม่ว่าจะเขียนยังไง ถ้าเป็นเรื่องอยู่ในกระแส ก็จะถูกด่าว่าไปลอกเขามา เอาไว้ก่อนเสมอแหละ

166 Nameless Fanboi Posted ID:qfTT73XVT

ไปสายวายมา คนไม่ค่อยเหยียดงานคนไทยกันเองว่าเสิ่นเจิ้น เห็นแล้วรู้สึกสบายใจกว่าแยะ ถถถถ

167 Nameless Fanboi Posted ID:y+ialn64f

>>166 สายวาย แฟนคลับกลายเป็นน่ารักกว่าทุกสาย ตั้งแต่เรื่องกระเป๋าหนักแล้ว
แถมไม่ค่อยโดนเถื่อนมาให้ช้ำใจอีก

168 Nameless Fanboi Posted ID:o2nmLSxsY

แน่ใจเหรอว่าไม่มี ถามเพื่อความชัวร์เฉยๆนะ 555

169 Nameless Fanboi Posted ID:AOzglBDNY

ก้เขียนไว้นะว่า"ไม่ค่อย" กุรุ้แจ้ว่ามันมี แต่ห้อง801น่ารักจิงๆหนิ

170 Nameless Fanboi Posted ID:AA6Y60nU2

>>165 ขอบคุณมาก กูพยายาม

171 Nameless Fanboi Posted ID:D5dayGrMe

ในนี้มีใครส่งผลงานไป ARC Award บ้างปะวะ?

172 Nameless Fanboi Posted ID:i3GH0s4gm

>>162 กุก็เขียนอยู่นะ แต่กุเขียนสนองนี้ดตัวเอง ยังไม่ได้ลงเว็บ เพราะชอบอู้ ตอนนี้ก็อ่านๆเกลาๆไปเองก่อน พอใจแล้วไปสักครึ่งเรื่องกุว่าค่อยจะลง แต่ถึงกุจะแต่ง แต่กุก็ด่าชาวบ้านอยู่ดีนะ 555 แต่กุด่าพวกที่แต่งตามกระแสนะ แบบไม่หาข้อมูลห่าไรเลย กระทั่งนิยายแปลจีนยังไม่เคยอ่านงี้ ใช้คำสลับไปมา กุไม่ซีเรียสถ้าใช้คำไทยชื่อจีน แต่ความคิดตัวละคร สภาพแวดล้อมมันจีนก็โอเค ส่วนใหญ่ที่ด่าๆกันเพราะมันคือนิยายไทยชัดๆไง ทั้งความคิดตัวละคร สภาพแวดล้อมทางสังคม บลาๆ ยิ่งถ้าอ่านนิยายแปลมาเยอะๆมันจะอ่านๆไปตะหงิดๆไปเป็นจุดๆ ทำเอาหมดอารมณ์ กุอธิบายงงไหมวะ เหมือนพวกนิยายธีมฝรั่ง มาเฟีย บลาๆ น่ะแหละ แม่งความคิดไทยจ๋ามาเชียว แค่เปลี่ยนชื่อตัวละคร ถ้าคิดว่าไม่เข้าข่ายก็ปล่อยเบลอไป อย่าไปคิดมากเว้ย อีกอย่างหลายคนที่ด่าๆน่ะคาดหวังไง พอแบบเออมีคนชมเยอะลองไปอ่านดู ก็เจออารมณ์แบบนี้ แม่งก็เซงไง ที่สำคัญคือหลายรอบด้วย น๊านนานจะมีพวกงานดีออกมาที ก็จะแต่งช้า แต่กุไม่ซีเรียสเรื่องช้านะ ถ้ายังแต่งต่อแล้วคุณภาพกุโอเคกว่าพวกแต่งไวๆแล้วแบบ อืมมม

173 Nameless Fanboi Posted ID:xDgrbnyNF

ช่วยกูคิดชื่อนิยายหน่อยสิเพื่อนโม่ง แต่งจนจบละแต่ก็ไม่รู้จะเอาชื่อไรดี
เรื่องย่อก็ประมาณว่า พระเอกเป็นนักวิทย์ย้อนเวลากลับไปช่วยนางเอกที่ตายไปแล้วให้รอด แต่ปรากฏว่าพอย้อนกลับไปจริงๆตัวเองดันไปเจอตัวเองในอดีต เลยเจอข้อขัดแย้งของเวลาแล้วโดนเด้งไทม์ไลน์ไปจนกลายเป็นผู้หญิงไป เนื้อเรื่องก็จะออกแนวตลก โรแมนส์ ดราม่า รักสามเศร้า ปนไซไฟนิดหน่อย ไปจบตรงพระเอกในร่างผู้หญิงทำให้นางเอกรอดได้ในที่สุด แล้วนางเอกก็ไปคบกับตัวพระเอกในอดีต แต่อดีตก่อนหน้าของพระเอกก็ไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ก็เลยปลงแล้วพอใจกับบทสรุปแล้ว เพราะไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปมากกว่าเพื่อนได้ในร่างนี้ เลยมอบคำยินดีให้ทั้งสองคนแทนในฐานะคนๆใหม่ที่ไม่ใช่ตัวตนเดิมแล้ว คือพระเอกกับนางเอกคือคนๆเดียวกันน่ะ

174 Nameless Fanboi Posted ID:fLttI5yCp

>>173 ย้อนเวลาเพราะว่าอยากเย็ดเธอ

175 Nameless Fanboi Posted ID:0Xrk8cjEk

ผมยอนเวลาไปช่วยเธอแต่ผิดพลาดจนไปเป็นนางเอกแนวไซไฟเลิฟคอมเมดี้
แต่ ผู้หญิงก็รักกันได้ มีเซ็กกันได้ ทำไมมึงพอใจเป็นแค่เพื่อนวะ

176 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

Kyหน่อยนะเพื่อนโม่ง กูขอสอบถามนิดนึง พวกมึงคิดยังไงกับการซื้อadoptไปใส่ในนิยาย
Adoptคือขายไอเดีย เช่น อาวุธ ชุด ตัวละคร แผนที่ ห้อง มอนสเตอร์ ฯลฯ สรุปคือออกแบบทุกอย่างขาย
กูอยากโปรโมทกลุ่มอดอป แต่กูไม่แน่ใจว่าพวกมึงโอเคกับการซื้อไอเดียคนอื่นมาใส่ในนิยายกันไหม
กูขอบคุณคนที่ตอบกูล่วงหน้า

177 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

กู >>176 นะ คือกูเคยเห็นบางคนซื้อตัวละครพวก บอร์ดี้การ์ด เผ่า ไปใส่เป็นตัวประกอบในนิยาย เลยสงสัยว่าพวกมึงคิดยังไงบ้างกับเรื่องนี้ด้วย

178 Nameless Fanboi Posted ID:7+WfUlfLc

>>176 น่าสนใจดี แต่ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับนักเขียน. นักเขียนบางคนอาจถ่ายทอดภาพนอกจากการเขียนอะไรแบบนี้ เรื่องแบบนี้ไม่แน่ใจ ขอรายละเอียดเพิ่ม

179 Nameless Fanboi Posted ID:fLttI5yCp

>>176 มันขายได้จริงๆ เหรอวะ เอาง่ายๆเลยว่าของแบบนี้แม่งจะก๊อบปี้ไปใช้ยังไงก็ได้อะ มึงจะฟ้องร้องยังไงว่านักเขียนคนนี้เอาผลงานของมึงไป ส่วนอีกข้อนึงก็เช่นกัน จะมีนักเขียนคนไหนเหรอวะที่ยอมรับว่า เออเนี่ย นิยายของกูไม่ได้คิดเองทั้งหมดนะ แต่มีการซื้อเอาไอเดียของคนอื่นมาผสมด้วย มันฟังดูทุเรศแปลกๆ ว่ะ

180 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

>>178 ขอบคุณที่สนใจค่ะ
Adoptable คือการดีไซน์ทุกอย่างอย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งคนที่ทำอดอปมาขายส่วนใหญ่ก็จะวาดรูปออกมาเพื่อให้ง่ายต่อการถ่ายทอดดีไซน์ที่ออกแบบมา โดยจุดที่เราคิดว่านักเขียนน่าจะสนใจนอกจากพวก ดีไซน์ชุด อาวุธ ตัวละคร(บางคนก็กำหนดนิสัย บางคนก็ไม่กำหนด) คือ species
species คือ การสร้างสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเอง คนคิดอดอปต้องแจกแจงว่า สปีชี่ย์นี้กินอะไร มีลักษณะนิสัยอย่างไร มีวงจรชีวิตแบบไหน สืบพันธุ์ยังไง ความโดดเด่นของสายพันธุ์นี้คืออะไร โดยจะขายแบ่งอีกคือ rare uncommon common ตามราคาเลยค่ะ
species จะมี2แบบคือ opened กับ cloesed OSคือผู้ออกแบบเปิดให้ใช้เปิดเรฟฟรี CS คือ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาค่ะ
หากจะเอาไปใส่ในงานเขียน ต้องอ่านข้อตกลงที่เจ้าของงานเขียนไว้ในโพสต์ขาย เพราะบางคนอาจอัพราคาขึ้นเพราะถือว่าเป็นการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ค่ะ บางคนก็ขายให้แต่ไม่อนุญาตให้นำภาพไปใช้ ต้องเอาภาพไอเดียที่วาดนี้ไปจ้างเอาเอง
>>179 ถ้าถามเรื่องฟ้องร้องยังไงว่านักเขียนคนนี้เอาผลงานไป อันนี้คงตอบไม่ได้เพราะ"แรงบันดาลใจแรงมาก"ก็มีให้เห็นบ่อยๆในหลายๆวง
แต่ถ้าพูดเรื่องของแบบนี้ก็อปปี้ไปใช้ยังไงก็ได้
ผู้ขายอดอปเองก็เซฟตัวเองคือ ไม่ปล่อยลายละเอียดผลงานมากจนเสียเปรียบเช่นกันค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องก๊อปเพราะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ขายไอเดียต้องเซฟตัวเองระดับนึงอยู่แล้วค่ะ

181 Nameless Fanboi Posted ID:L9C1Nss.B

มีตัวอย่างนิยายที่เอาไปใช้บ้างไหม กุขอวาร์ปทีสิ

182 Nameless Fanboi Posted ID:7F0ugqTNR

>>179 เออ เรื่องประมาณนข.เอาตัวละครชาวบ้านมาใช้(แบบถูกต้องนะ)นี้กูว่ามันกไม่แปลกเท่าไร อย่างที่กูเคยเจอ(ไม่ใช้ของไทย) คือซีรีย์หนึ่งออกหลายเล่มแล้วก็มีประกวดตัวละครให้ผู้อ่านออกแบบ พอคัดเลือกเสร็จแล้ว นข.ก็เอาตัวละครที่ชนะมาเขียนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง

183 Nameless Fanboi Posted ID:P12ZdPGQy

>>181 กูพึ่งพ้นช่วงสอบเลยไม่ได้ตามนิยายมาพักใหญ่ๆ แถมกลุ่มใหญ่(ที่ไม่ใช่กลุ่มที่กูจะโปรโมทกลุ่มกูเป็นกลุ่มเปิดใหม่) โพสต์กันแทบจะวิต่อวิ ขอเวลากูขุดสักพักนะ กูไม่มั่นใจว่าจะขุดเจอไหมแต่จะพยายามหามาให้นะ

184 Nameless Fanboi Posted ID:FkrQUgJY+

>>182 อันนั้นมันเป็นตัวละครจากแฟนๆ ถือว่าเป็นการตลาดอย่างนึง แต่อันนี้มันเป็นการซื้อมานะ คือซื้อมาดื้อๆเลย มันไม่ดูแย่ไปหน่อยเหรอ ประมาณว่าไอ้นักเขียนคนนี้มันไร้น้ำยา คิดเองไม่ได้จนต้องทำแบบนี้

185 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

สำหรับ​กู คิดว่าอาชีพไหนๆมันก็มี outsource ให้ใช้ทั้งนั้น งานเขียนพวก generator ก็มีเยอะแยะ
นักเขียน​จะมีการซื้อไอเดีย​มามันก็ไม่แปลก ขายพล็อต ขายเซ็ตติ้งโลก มันก็มีทั่วไป แค่ในไทยมันเพิ่งเริ่มมีกันค้าขายเป็นกลุ่มจริงจัง​ก็เลยดูแปลกใหม่ และบางคนก็อคติเกินไป
คนเขียน​ไปซื้ออดรอปมาดูแย่มั้ยก็ไม่อะ คนอ่านนิยายคาดหวัง​อะไร ก็เนื้อเรื่อง​อยู่แล้ว ถ้าคนเขียน​สามารถแต่งให้มันดีได้ก็ไม่มีอะไรให้ติหรอก คนเขียนขายไอเดียเรื่องจะซื้อนั่นนี่มาประกอบให้เรื่องสมบูรณ์แบบ​ในส่วนที่คิดไม่ได้หรือไม่ถนัดก็ไม่เห็นแปลก
ของซื้อของขายก็ได้มาแบบถูกต้อง ดีกว่าไอเดีย​ตันแล้วไปก็อปตัวละคร​คนอื่นเรื่องอื่นมาใช้ตั้งเยอะ
ราคาจะถูกหรือแพง ก็อยู่ที่คนขายคนซื้อ ถ้าจูนกันติดโอเคก็ไร้ปัญหา​ คนนอกที่ไม่ได้​มีส่วนเอี่ยวด้วยก็ไม่มีสิทธิ​ไปวิจารณ์​งั้นงี้มากจนเกินพอดี

186 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

อาชีพอื่นเขายังมีแบ่งแยกย่อยตามแต่ถนัด มีผู้ช่วย​เลย แล้วทำไมอาชีพ​นักเขียน​จนต้องหัวเดียวกระเทียมลีบ​ คิดเองแต่งเองเขียนเองทุกสิ่งทุกอย่าง​กันด้วยล่ะ

187 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

อนึ่ง​ กูเป็นคนนอก ไม่ได้เป็นทั้งคนเขียนหรือคนขาย แต่พอจะเห็นคนบ่นๆในทวิตกันมาสักพัก​ ดูรวมๆแล้วคิดอย่างงี้นะ

188 Nameless Fanboi Posted ID:AWbKYsGxo

กุว่าไม่แปลก พล๊อตก็ยังซื้อขายกันได้เลย อยู่ที่ใครจะใช้ไม่ใช้แค่นั้นแหละ บางคนอาจจะถนัดคิด ตัวละคร อาวุธ ที่แปลกใหม่ แต่ไม่ถนัดแต่งนิยายจริงจัง ก็เหมือนไปเอาดีทางนั้นแทน

189 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

กุอยากบ่นเรื่องที่กุเจอมากับนักเขียนแจ่มใสแนวลูกกวาด
มีใครอยากเม้ากะกุมั่ง

190 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

รึว่ากุมาผิดมู้

191 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

อืม กูอยากอ่าน มึงมาแชร์ปสก.ใช่มั้ยล่ะ งั้นก็ไม่น่าผิดมู้นะ

192 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

แชร์ ปสก. จากที่เคยอ่านแล้วสับได้ใช่มะ

193 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

น่าจะได้นะ

194 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

คือกุเห็นคนอวยนิยายของ พxxโx เยอะมากๆ อิเซ็ตแพลตตินั่มอะ กุเลยลงทุนถอนเงินใน atm ไปซื้อในร้านหนังสือ ราคาเต็มปกด้วย จำได้ว่าเรื่องนั้นนางเอกเป็นเมดนี่ คือกุอ่านไปไม่ก็ไม่ได้สนุกไรขนาดนั้น มันของข้างจะเรื่อยๆ สำหรับกุ แต่ที่กุอ่านแล้วสะกิดใจยิกๆ กุตลอดเลยคือนางเขียนนางเอกตัวเองแล้วแม่มหลุดคาแรคเตอร์เว้ย บางคนคงไม่ได้สังเกตไร คือกุอ่านนางเอกนี่อย่างสวย สวย หยิ่ง ดุ เป็นเมดอบรมมาอย่างดีๆ พอผ่านไปครึ่งเรื่องแม่มเริ่มพูดจาไม่ไพเราะ อิตาพระเอกก็ชอบตะโกนโวยวาย นางเอกก็เถียงแข่งสู้ พวกมึงพอนึกภาพออกมะ กุอ่านไปครึ่งเรื่องกุเจออีคำพูดที่ลงท้ายด้วย "วะ" "โว้ยยยยยยย" ย.ยัก อย่างเยอะ ใส่มาอย่างบ่อย จนกุอ่านแล้วแบบรู้สึกว่าเหมือนพระเอกนางเอกมันตะโกนกุยกันตลอดเรื่อง กุไม่ได้อรรถรสเลย ถ้าจะใส่ "วะ" ให้มันเรียล ก็ไม่น่าจะเลือกสถานการณ์หน่อย หรือไม่ก็ไม่น่าจะถี่อะไรขนาดนี้โว้ยยยยย คือกุอ่านแล้วกุเหนื่อย กูอยากปาทิ้งแต่กุก็เสียดายตังค์มากๆ กุเลยทนฝืนอ่านจนจบ และที่โคตรเบื่อคือ ไม่รู้เล่มอื่นนางเป็นงี้มั้ยนะ นางจะชอบเอาตัวคนเขียน (ตัวนางเองนั่นแหละ) มาใส่ลงไปในนิยายคุยกับตัวละครในเรื่อง คือกุเจอบ่อยมากจนกุนึกสงสัยว่าแจ่มใสปล่อยผ่านมาได้อย่างไร อาศัยว่าคนตามเซ็ตนี้เยอะไงวะ หรือเพราะนางเป็นนักเขียนรุ่นแรก
กุอยากให้นางปรับปรุงเพราะพล็อตเรื่องนางก็ไม่ไ้เลวร้ายเกินไปสำหรับกุนะเรื่องนี้ ก็เลยไปเม้นติชมในเว็บแจ่มใสตรงที่รีวิวสินค้าอะแหละ ก็ใช้คำสุภาพ ติชมนางไปนะ ก่อนโพสก็เช็กแล้วว่ากุติเพื่อก่อสุดๆ พยายามไม่ใช่คำทำร้ายจิตใจไรงี้เว้ย หลังจากนั้น ไม่ถึงสองวัน กุก็ไปเห็นนางโพสไม่พอใจในแฟนเพจจ้า นางไม่พอใจที่กุไปติเรื่องคาแรคเตอร์์นางเอกที่ไม่คงที่ของนาง นางเป็นคนสร้างตัวละครจะดีไซน์ออกมาแบบไหนก็ได้ คนอ่านไม่ได้มีอิธิพลขนาดที่นางจะต้องปรับตัวละครให้ถูกใจคนอ่าน กุไปเห็นกุก็งงสิวะ แม่ม ห่านเอ๊ย อุตส่าหวังดีแท้ๆ แล้วที่ติไปคือคาแรค์เตอร์นางเอกเปิดมาเรียบได้ครึ่งเรื่องแรก ครึ่งหลังแม่มทำตัวไม่สุภาพ แล้วไอ้ประวัติดีเด่นที่ลากยาวมาว่าเป็นเมดที่ได้รับคะแนนสูงสุด ได้รังวัลดีเด่น บลาๆๆ คือส้นติงไรวะ
หรือกุอ่านภาษาไทยไม่แตกฉานเอง รึกุอ่านนิยายไม่เข้าใจเอง กุเลยไม่อ่านนิยายของนางอีกเรื่อง และก็ไปบอกให้เพื่อนรู้ เพื่อนกุเลยตกลงจะไม่ซื้อนิยายของนางอ่านกันทั้งกลุ่ม แค่ถ้าอยากอ่านก็จะไปยืมอิห้องข้างๆ แทน 555+ ยกเว้นกุ
ปล. เรื่องนี้มันนานมาละ สมัยกุอยู่ ม. ปลาย ตอนนี้กุจะเรียนจบอยู่ละ

195 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

ต่อๆ มาที่นักเขียนอีกคน คือคนนี้กุไม่นึกคิดจริงๆ ว่านางจะเข้ามาอยู่แจ่มใส เพราะปกตินางออกนิยายกับชูการ์เรน เป็นตัวชูโรงเลยจ้า กุเห็นคนอสยเยอะมากของนามปากกานี้ "ปากกาสีชมพู" แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษนะ อืมนั่นแหละ แพ้พลังอวยก็เลยจัดชุดใหญ่ ซื้อนิยายของนางมา 10 เล่ม สั่งกับเว็บมันลดราคาให้ ถ้าสั่ง 10 เล่มแถม 1 เล่ม ก็โลภอยากได้ จ่ายไม่ถึงพันกุยอม เพราะกุตั้งใจซื้อมาอ่านเบาสมอง กุไม่ต้องการสารถค่ะ ณ ตอนนั้น แต่พอกุหญิบเล่ม 1 ของเซ็ตที่มันมี 5 เล่มมาอ่าน ปรากฎว่าโคตรน่าเบื่อเลยยยยย น่าเบื่อยิ่งกว่านิยายแสตมป์เบอรี่หรือหัวสมองตีบตันมารวมกัน คือมาจืดมากๆ ไม่มีสิ่งใดทำกุลุ้นเลยสักนิด อ่านแล้วไม่ได้ความบังเทิง พวกมึงเชื่อมั้ยว่านิยาย 99 บาทที่ขายในเซเว่นเล่มเดียว กุใช้เวลาอ่าน 3 วันถึงจบ พออ่านจบกุนี่โคตะระนับถือตัวเองเลย ทนไปได้ไงวะ แต่ความพีคมันคือตรงนี้เว้ย นางเขียนชื่อเพื่อนนางเอกผิดชื่อจ้า
เปิดเรื่องมาเพื่อนนางเอกชื่อ "นานา" พ่อไปเจอเพื่อนนางเอกครึ่งหลังอีกทีดันเป็นชื่อ "นาโน" ตอนแรกกุว่ากุเข้าใจผิด อาจเป็นเพื่อนคนละคน กุเลยลงทุนย้อนกลับไปดูใหม่ สรุปใจความได้ว่านางเอกมีเพื่อนสนิทผู้หญิงแค่คนเดียววววว แล้วอีนานามันเป็นนาโนได้ไงวะ กุงงโว้ยยย
กุเลยไม่กล้าอ่านเล่มต่อของนาง กลัวความน่าเบื่อที่กุต้องทนอ่าน 3 วันอีก มาถึงจุดนี้กุเข้าใจนักอ่านที่ลองเปิดใจอ่านนิยายขงนักเขียนใหม่ได้เลยว่าพอลองครั้งแรกแล้วมันผิดหวั้งจนไม่กล้าอ่านนามปากกานี้อีกมันเป็นยังไง จนเมื่อปีที่แล้วเพิ่งได้รู้ว่านามปากกา "It's me" ก็คือคนเดียวกันกับปากกาสีชมพู
ดีนะ กุเช็คแฟนเพจนักเขียนก่อนถึงรู้ ตอนแรกอ่านเรื่องย่อในเว็บแจ่มใสแล้วน่าสนใจ กะว่าจะซื้อ แต่สำนวนการบรรยาย+เดินเรื่องที่ทำให้กุอึดอัดไป 3 วันยังฝังรากอยู่ในหัวกุอยู่เลย กุเลยไม่กล้าสอย ถ้ายังไงใครเคยอ่านนามปากกาใหม่ของนางในแจ่มใสแล้วช่วยมาสปอยกุทีนะว่าสนุกรึเปล่า กุอยากลองให้โอกาสนางอีกครั้งนึง

196 Nameless Fanboi Posted ID:NCt9ivO/I

กุนับถือมึงที่กล้าซื้อเป็น 10เล่ม

197 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

แล้วก็เซ็ต 7's ของแตม กุไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่านางจะลืมไปว่าเขียนอะไรลงไปบ้างในเล่มของสไปร์ลที่พระเอกเป็นเจ้าชายเพี้ยนๆ นั่นอะ คือกุซื้อต่อมาอ่านรวดเดียวเลย 8 เล่ม (รวมพิเศษ) แล้วกุสับสนแทนอิพระเอกเล่มนางเอกคลั่งขาวมาก (พระเอกชื่อแซทเทิล) พระเอกมันบอกนางเอกว่าตอนคบกับนางเอกมาเนี่ย ตั้งแต่เริ่มมาเลยนางไม่เคยไปจูบกับ ญ อื่นคนไหนเลยนอกจากอินางเอกจ้า อินางเอกก็บอกว่า ฉันเชื่อใจเขา เขาไม่โกหกฉัน เพราะเขารักฉัน คือแบบกุอ่านตรงนี้ละเพลียมาก มากจนแบบอยากจะเอานิยายเล่มสไปร์ลส่ง ems ไปที่บ้านนางเอกให้นางอ่านฆ่าเวลาว่าตอนที่อิพระเอกมันหายไปกลางเรื่องมันหายไปไหน คือพระเอกมันหายไปตามสไปร์ลจ้า ถึงจะเลิกเป็นแฟนกับสไปร์ลแต่ยังมีเยื่อใย แถมตอนไปที่เกาะเพี้ยนไรสักอย่าง กุมั่นใจมากว่ากุไม่ได้อ่านพลาดหรืออ่านผิดไป แม่มพระเอกมันไปจูบกับสไปร์ลที่นู่น แล้วพอกลับมาง้อนางเอกเสือกพูดว่า รักนางเอก มั่นใจมากๆ เพราะตั้งแต่คบกันมาไม่เคยไปจูบใคร อิดอกกกกก กุอยากเผานิยายทิ้ง!!!

198 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

>>196 มึงไม่ต้องนับถือกุหรอก เพราะอีก 9 เล่มกุยังไม่แตะเลย หมักไว้ในไหดอง

199 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

เรื่องนานมาแล้วสินะ สมัยนั้นคนยังไม่ค่อยอ่านตัวอย่างในเนตกันเท่าไหร่ด้วยล่ะมั้ง แต่ก็นะ ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนรุ่นแรกทำอะไออกมาก็ขายออก แต่ทีนักเขียนคนอื่นล่ะ มาตรฐานสูงชิบ เห็นได้ตามการแข่งขัน เหอะๆ

200 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

>>199 มาตราฐานพล็อตเรื่องอะสูง ต้องไม่เดินเรื่องคล้ายหรือไปซ้ำกับนิยายแจ่มใสที่เคยออกมาทั้งหมด ต้องไม่ให้น่าเบื่อ เคยได้ยินมาว่าถ้าพล็อตเรื่องน่าสนใจมากๆ แต่การบรรยายยังกลางๆ ก็ผ่านได้ เพราะเรื่องการบรรยายมันไปฝึกฝนต่อได้ในอนาคต แต่พล็อตเรื่องที่เห็นแล้วต้องซื้อแน่นอนโดยไม่ต้องดูกันที่นามปากกามันต้องมีอะไรดีจริงๆ อะ

201 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

ส่วนตัวกุไม่ชอบนิยายที่ผ่านมาจากโครงการหน้าใสเท่าไร มันน่าเบื่อยิ่งกว่านิยายที่ส่งไปให้ บก. พิจารณาโดยตรงซะอีก
กุชอบนิยายของพวกที่แข่งประกวดปี 1-3 ที่มี มิลด์พลัส คนที่แต่งเรื่องคุณแม่ ม.ปลาย แล้วก็ นางร้าย ปีหลังๆ สะดุดตาที่ Just Nightmare Mina แค่นั้น ที่พออ่านได้ พล็อตน่าอ่าน+บรรยายดี
แต่เมื่อปีก่อนเพิ่งซื้อนิยายของ ล้านนาที มาอ่าน ไร้รักไรนี่แหละ คือแบบกุซื้อมาเพราะพล็อตเรื่อง อีกแล้ววว กับที่เคยเห็นนามปากกานางติดท็อปนิยายเด็กดี กุไม่คิดว่าสำนวนการบรรยายจะลิเกขนาดนี้ กุอ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองกำลังดูละครเวทีโอเปร่า อ่านไม่จบด้วย
บางทีพวกที่เขียนติดท็อปเด็กดีนี่ก็ไม่ได้ประกันอะไรเลยนะว่าจะสนุกจนเอามาออกกับสำนักพิมพ์ได้จริงๆ (พวกนิยายวัยรุ่นน่ะ)

202 Nameless Fanboi Posted ID:y/xRJEmp6

Ky กูสงสัยมาตฐานไลท์โนเวลไทยว่ามีอะไนชี้วัดนอกจากภาพประกอบ คือกูลองไปอ่านพวกที่ได้ตีพิมพ์แล้ว (อดีตจอมมาร,เซเวียร์,จูนิเบียว) ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากนิยายปกติเท่าไหร่ คือถ้ายึดตามมาตฐานยุ่นหรือความเข้าใจส่วนใหญ่ คือเนื้อหาน้อยไม่เกิน 200-300 หน้า ใช้ภาษาสำนวนง่าย ๆ บรรยายไม่ละเอียดมาดบทพูดไม่ยืดยาว

203 Nameless Fanboi Posted ID:6SJb0DHNm

พวกJLS กุไม่อ่านนานมากแล้ว เลยไม่รู้เรื่องแหะ สมัยก่อนชอบอ่านแต่พวกแปลเกาหลีน่ะ กุยอมใจเมิงจริงๆที่ซื้อยกเซตขนาดนั้น เรื่องคาร์เพี้ยนหรือลืมว่าบทเป็นยังไง หรือบทเพลียๆกุค่อนข้างชินว่ะ เห็นได้จากละครไทย ที่กุก็ไม่ได้อยากจะดูแต่ที่บ้านเปิด หลายเรื่องนี่กุถึงขั้นงงว่าเอามาทำเป็นละครได้ยังไงวะ ถ้าสมมุติมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยจากเหตุการ์ณต่างๆที่เข้ามา ทำให้ตัวละครเปลี่ยนแปลงไปกุว่าก็ยังโอเค แต่อยู่เฉยๆ แสดงนิสัยผิดเพี้ยนไปนี่นข.ควรพิจารณาตัวเองปะวะ มีการมาด่าลงเพจด้วย แล้วพวกนี้มักจะมั่นหน้ามากๆ ถ้ารับฟังพูดจาดูดีมีแต่คนจะเป็นแฟนคลับขึ้นมะ นี่เหมือนชอบสร้างศัตรูกันกุไม่เข้าใจ พวกที่นิสัยดีๆก็ดีเวอร์ พวกเห้ๆ แต่ยังอยู่ในวงการนี่ก็แยะ

204 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

>>202 กุเคยอ่านไลท์โนเวลแปลนะ แต่ไม่เคยอ่านแบบที่คนไทยเขียน ถ้าเมิงอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น กุว่ามันจะต่างตรงที่ความหนานั่นแหละ เนื้อเรื่องก็คงเบาๆ อ่านง่าย เน้นวัยรุ่นอ่านสุดๆ ประโยคสนทนาเยอะ การบรรยายไม่ต้องละเอียด ขนาดเล่มเล็กเท่าไลท์โนเวลยุ่นมั้ง แบบพกพาเอาไปนั่งอ่านในรถไฟฟ้าได้ไรงี้อะ (ความคิดกุล้วนๆ)

205 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

>>203 ในละครไทยกุก็เจอแบบเมิงเลย แม่กุชอบเปิดดู กุเลยต้องดูตาม ที่กุเห็นแล้วสุดขั้วจริงๆ ก็เรื่อง "คนละขอบฟ้า" ที่พระเอกเป็นเจ้าของสวนยางอะ อิห่า ปากจัดชิบหาย แถมได้รางวัลละครที่คนพูดถึงเยอะแห่งปี 2016 กุนั่งสตั๊นเลยห่า ทั้งพระเอก พระรองแม่มคาแรคเตอร์พาสับสน "ขนาดต้นยางยังมีนำยา เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ทำไม่ไม่มียางอายบ้าง" สลัด!! ด่าเจ็บชิบหาย 555+
แต่เรื่องที่นักเขียนบ่นลงเพจนี่กุก็ไม่เข้าใจแบบเมิงนะ ว่าทำไมถึงมาโพสระบายในนี้ แต่ก็ดีละ ทำให้กุหยุดซื้อนิยายแจ่มใสไปพักนึงเลย ตอนนี้ตามเก็บแต่นักเขียนที่กุชอบจริงๆ กุเป็นพวกชอบติดตามพัฒนาการของนักเขียนที่กุชอบ พร้อมเปย์อะนะ 555+
แต่กุชอบนักเขียนที่วางตัวแบบนิ่งๆ อ่า มีไรไประบายกะเพื่อน ไม่ต้องมาโพสประจารความรู้สึกตัวเอง เพราะเดี๋ยวพอเวลามันผ่านไป ไอ้ที่ไม่พอใจก็จะลืมไปเอง ท้ายที่สุดแฟนคลับก็จะออกมาให้กำลังใจปกป้องมากกว่าเดิม มีคนรักมากกว่าเกลียด
แต่ถ้าไม่พอใจไรมาโพสด่าระบาย ไปๆ มาๆ อีพวกแฟนคลับกับคนอ่านทั่วไปนี่แหละ จะตีกันเอง ติดภาพลบไปอีกคนเขียน

206 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

กุเริ่มลองอ่านนิยายทำมือในเด็กดี แนววัยรุ่น 18+ เคยเปย์มาอ่านหลายเรื่อง วางพล็อตดราม่าทั้งเรื่องแต่ชอบตัดจบแบบที่กุไม่โอเคบ่อยๆ จนรู้สึกเซ็ง
บางเรื่องก็บางมากๆ แค่ 200 หน้า แต่ขายตั้ง 400 กว่า เลื่อนไปเจอนิยายวายทำมือ 400 กว่าหน้า ขาย 400กว่าบาท เป็นเมิงจะสอยเรื่องไหนล่ะ 555+
กูจะหนีไปอ่านนิยาย ภาคินัย มั่งละ เบื่อรักใคร้ไปพักนึง

207 Nameless Fanboi Posted ID:uxJbV+aR+

>>206 ทำมือมันก็เฉพาะกลุ่มแฟนคลับอยู่แล้วนี่หว่า
ราคาต่างกับแบบ สนพ. มากอยู่แล้ว ทั้งเรื่องต้นทุน และฐานแฟนคลับ
คนที่บ่นนี่คงไม่ใช่คนเคยเขียนอะไร และไม่เข้าใจความยากในการทำนะ
เมื่อก่อนที่กูยังไม่เคยเขียนนิยายเอง ก็รู้สึกแบบนี้ว่า อะไรวะแพงจัง
แต่พอเข้ามาเขียนเองและทำมือเอง จึงรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
นี่ไม่ใช่อาชีพหลัก เป็นความพอใจ ที่ต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด ไปทำงานประจำมีรายได้มากกว่าเป็น10เท่าตัว
เวลาที่เอามาเขียนให้จบได้ กับมากกว่ากันเยอะ พอทำมือ ก็ต้องคิดให้เรื่องจำนวนที่มีคนอ่านอุดหนุนน้อย อะไรนี่่อีก
ความคิดต้องเปลี่ยนไปเป็น ความพอใจทั้งสองฝ่ายมากกว่า คือคนทำมือพอที่จะมีกำไรบ้าง ถึงจะมีคนซื้อน้อยมากก็ตามที

208 Nameless Fanboi Posted ID:uxJbV+aR+

>>205 มึงก็ต้องเข้าใจนักเขียนบ้าง
อารมณ์ก็คนธรรมดา ไม่ใช่หัวหลักหัวตออะไร ยิ่งคนมาวิจารณ์มากๆ ตบะแตกได้ง่ายๆ
การบ่นในกลุ่มหรือในเพซ ก็ถือเป็นการระบายความเครียดอะไรออกมา
ส่วนที่เก็บเอาไว้ในใจ มันแล้วแต่นิสัยคน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากทนกันหรอก เพราะจะเป็นมะเร็งในอารมณ์กันเปล่าๆ
นิสัยคนเขียนก็แตกต่างกันไปร้อยคนร้อยแบบ มีคนชมคนด่าในผลงานทุกอย่างนั่นแหละ

209 Nameless Fanboi Posted ID:6Z3jJ2z8D

>>202 มีเรืรองราคาด้วยนะไลท์โนเวลไทยบางเรื่องราคาหนักพอ ๆ กับนิยาย

210 Nameless Fanboi Posted ID:3gvni+8Iw

บทกับตอนอันไหนใหญ่กว่าวะ ถ้ากูจะแบ่งเนื้อหานิยายเป็นสามช่วงจากมากไปน้อยคือ ภาค บท ตอน แบบนี้ถูกปะ

211 Nameless Fanboi Posted ID:MTlSzZiJ0

ถามหน่อย สิมีใครเคยหัวตันๆละใช้ศัพท์จากพวกเว็บ wordstuck บ้าง มันเชื่อได้ป่ะ บางคนมันก็สวยดีอ่ะ

212 Nameless Fanboi Posted ID:MTlSzZiJ0

>>211 เว้นวรรคผิดกั๊บ มือลั่น

213 Nameless Fanboi Posted ID:c+QrKkQeJ

>>210
นิยายเรื่อง​นึงมีเป้าหมาย​ประเด็นใหญ่​ๆที่เป็นส่วนสำคัญ​ประเด็น​นึงจบไป คือจบภาค

ส่วน บทกับตอน พจนานุกรม​บอกราวๆว่ามันเหมือนกันนะ

214 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>207 มันเฉพาะกลุ่มจริงๆ ก่อนจะซื้อกุต้องทำใจแต่แรกแล้วว่าราคามันแพงกว่านิยายที่ออกกับสำนักพิมพ์ บางทีกุคงเอานิยายแนววัยรุ่นทำมือ 18+ ไปเปรียบเทียบกับนิยายวายทำมือคงจะอยุติธรรมเกินไปหน่อยนั่นแหล่ะ
แต่เรื่องราคาที่กุยกขึ้นมาพูดเนี่ย คือกุไปเจอมาจริงๆ ที่เขียนแนวเดียวกัน คนแต่งเป็นที่รู้จักเยอะพอกัน แถมหน้าปกนิยายของแต่ละคนก็จ้างวาดมาเหมือนกัน แถมนักวาดแต่ละคนก็วาดสวยทั้งคู่ ซึ่งจำนวนหน้านิยายกับราคานี่แตกต่างกันมาก คนที่กุเล่าไปว่า 200 หน้าขาย 400กว่านี่ นานๆ ทีกุจะเจอแบบนี้ ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย
ในขณะที่นักเขียนอีกจำนวนหนึ่ง ราคาจะไล่ๆ กันแถมจำนวนหน้าก็สมเหตุสมผลกับราคาที่จ่ายได้ไม่รู้สึกคลางแคลงใจ ทั้งนักเขียนโนเนมทั้งที่ดังๆ ในเด็กดีกุตามมาก็เยอะเลยแหละ ราคาที่ตั้งก็ไม่ทิ้งห่างจนน่าเกลียดแบบนี้ กุเลยสงสัยว่าทำไมเขาถึงตั้งราคาแบบนั้น
หรือกุจะพลาดไป กระดาษอาจดียิ่งกว่ากรีนนี้ด หน้าปกคงลงเคลือบอย่างดีจนหน้าและแข็งแรงกว่า จะเอาเรื่องค่าจ้างวาดมาพูดกุก็ไม่กล้า เพราะบางคนนี่นักวาดค่าตัวแพงมากแต่ราคาก็ยังไม่โหดเท่านี้ แต่ไม่แน่ว่าในเล่มอาจจะมีรูปภาพประกอบเยอะกว่าอีกเรื่องก็ได้ มั้งนะ
ส่วนยอดจอง+ยอดคนที่จ่ายจริงๆ+กำไรหลังจากขายมีแต่ตัวนักเขียนเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเป็นอย่างไร

215 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>208 อืมถ้าบ่นในเฟสส่วนตัวกุก็เฉยๆ นะ ไม่ได้เข้าไปตามถึงชีวิตส่วนตัวขนาดนั้น แนะนำให้ตั้งไพรทเวทเห็นแค่เพื่อนของตัวเองก็คงดี
แต่การโพสลงแฟนเพจมันแตกต่างจากโพสลงเฟสส่วนตัวเยอะ ต้องคิดนิดนึงด้วยว่ามีแฟนเพจเพื่ออะไร แล้วมีเฟสส่วนตัวไปเพื่ออะไรถ้าจะเอาทุกอารมณ์ไปประกาศลงแฟนเพจ มารวมเลยดีกว่ามั้ย (เว้นแต่จะคิดไม่ได้)
ถ้าใครเขียนนิยายขายอยู่ กุแนะนำพวกมึงไว้ตรงนี้เลยว่าไม่พอใจอะไรแล้วจะโพสลงโซเชียลต้องคิดดีๆ ก่อนกดปุ่มโพส เพราะอย่างที่กุบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเวลาผ่านไปแม้งก็ลืมละ ไปโกรธเรื่องอื่นแทน (ที่กุพูดเรื่องนี้เพราะกุไม่อยากให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง)
แต่ถ้ามันมีมือดีแคปภาพมาประจาร เดี๋ยวแฟนคลับกับคนนอกก็มานั่งเถียงทะเลาะไร้สาระอีก สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปลบโพสตัวเองเพื่อเลี่ยงปัญหา
ชีวิตคนเรามันมีวิธีระบายอารมณ์ความเครียดเยอะกว่าที่คิด มองรอบตัวบ้างเหอะ
ก็อย่างที่มึงบอก นักเขียนก็ร้อยพ่อพันแม่ ความอดทน+นิสัยหลายๆ อย่างมันต่างกัน
แต่ต้องเตือนตัวเองไว้ด้วยว่า อะไรที่โพสลงโซเชี่ยลแบบสาธารณะไปแล้ว ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมา มันแสดงถึงความรับผิดชอบที่ตัวเองมี
แต่ถ้าแบบพวกโดนโจมตีกลับมาแล้วมาโวยวายหาเรื่องตอบโต้กลับ หรือแถจนสีข้างถลอก ก็จะยิ่งแต่เพิ่มคนเกลียดมากขึ้น
กุควบคุมอารมณ์ได้เลยไม่ต้องพึ่งโซเชียลเพื่อเรื่องแบบนี้ กุมีเพื่อนมีครอบครัว กุก็เดินเข้าไปบ่นๆ ให้พอใจ สบายใจกว่าเยอะ ได้กำลังใจที่แท้จริงด้วย ไม่ใช่พลังอวยปลอมๆ ที่แฝงมาและวันนึงมันก็หายไป กุคิดว่าถ้าต้องพึ่งอะไรแบบนี้ชีวิตคงจัดการตัวเองยากนะ แต่ก็เรื่องของเขานั่นแหละ

216 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>208 >>215
เพื่อมึงนึกภาพไม่ออก กุจะยกตัวอย่าง
ถ้ามึงเป็นผู้ชมคนนึง มึงอยากจะดูละครของใครมากกว่ากันระหว่าง แตงโม กับ ขวัญ
แตงโมเล่นละครเก่งเลยนะ แต่มีไรกะโพสลงไอจีหมด
ในขณะที่ขวัญนี่ฝีมือค่อยๆ พัฒนาจนตอนนี้เก่งมาก มีข่าวฉาวเรื่องทะเลาะกับแม่ออกมา หรือเรื่องกอล์ฟ ไรงี้ค่อยออกมาโพสอธิบายในไอจี ไรกะว่าไป
มึงไม่เคยเป็นแฟนคลับใคร รอเสพแค่ข่าวบันเทิงกับละคร มึงอยากจะดูของใครมากกว่ากัน
ทั้งที่ความจริงเบื้องลึก ด้านมืดของดาราอาจจะมีไอจีสำรองไว้ด่าคนอื่นกะได้ แค่คนดูไม่รู้
เรามองกันที่หน้าฉาก
คนส่วนมากชอบพูดว่าให้ดูกันที่ผลงาน ประโยคนี้จะหลุดมาเมื่อรู้สึกดีกับคนคนนั้น มีความชอบโดยส่วนตัว หรืออาจจะมองเป็นกลางจริงๆ แต่น้อย
ซึ่งผลงามยอดเยี่ยมสมัยก่อนจนคนพูดถึงก็มีอะ แต่ทำไมแตงโมโดนอคติเยอะจังวะ บางทีแค่โพสรูปเศร้าพร้อมแคปชั่นคิดถึงผัวเก่ายังถูกแคปเอามาด่ากันสนุกว่า ตอแหล สร้างภาพ สมน้ำหน้าที่ทิ้งผู้ชายไปเอง บลาๆ
กุเห็นจนเอือมอะเรื่องพวกนี้ แล้วก็มาตัดพ้อว่าคนดูอคติ ไม่เปิดใจชมผลงาน มันคนละเรื่องกับส่วนตัว
แต่เอาเข้าจริงแม้งโคตรมีผลลัพธ์ส่งต่อกัน

ทีนี้ถ้ามึงต้องกลายเป็นคนดัง มึงอยากจะดังแบบไหนล่ะ ดังแบบคนสงสารเห็นใจแบบขวัญ งานเข้ามาเรื่อยๆ รับตังค์ๆ
กับดังแบบในแง่ลบ โดนคนเกลียด อคติเยอะกว่าคนทั่วๆ ไปไม่รู้กี่เก่า มีงานมีเงินก็จริงแต่ก็ดราม่าแม้งทุกรอบด้วยพลังเสือกของโลกโซเชียล แต่มีความสุขไหม? กุไม่รู้
นี่คือเหตุผลที่กุอยากเตือนทุกคนว่าจะโพสระบายอะไร ก่อนกดปุ่มต้องคิดดีๆ คิดไม่ออกก็ห่างออกจากโซเชียลแล้วชวนเพื่อนไปเที่ยวหรืออารมณ์แย่มากก็นุ่งบิกินี่ไปลอยแช่อยู่ในสรถว่ายน้ำคนเดียวแม้ง

217 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>216 ข้ามเรื่องนี้แม้งไปเหอะ กุขี้เกียจคุยเรื่องนี้ละ
ตอนนี้มีเว็บขายหนังสือร้านไหนลดราคาทั้งเว็บ 20% ขึ้นไปมั่ง
กุไม่มีปัญญาไปงานหนังสือ

218 Nameless Fanboi Posted ID:TnpDdOSdp

>>216 คนเขียนกับคนอ่าน มองคนละมุมอยู่แล้ว
คนเขียนยังเป็นคนธรรมดา ขนาดคนอ่านยังรู้สึกหงุดหงิด คนเขียนที่ได้รู้ว่าใครวิจารณ์ยิ่งมีอารมณ์เป็นสองสามเท่าตัว
คนที่วางตัวดีก็ตาามนิสัยของเขาไป คนที่ทนไม่ได้ปกติมันก็ต้องระบายออกแหละ
กูว่าคนที่วิจารณ์ว่าคนเขียนต้องดียังนู๊น วางตัวดียังงี้ ถ้าไม่มาอยู่ในสภาพเป็นคนเขียนก็คงไม่รู้ถึงความกดดัน ความตันในสมอง ความยินดีที่ได้ตีพิมพ์หรอก
ถ้าไปดูนักเขียนเก่งๆ ที่ต้องทำไมแล้วจะเขียนออกมาได้นี่ยิ่งเป็นอะไรที่สุดๆ ในต่างประเทศบางคนต้องแก้ผ้าถึงเขียนออก บางคนต้องขังตัวเองในห้องปิดสนิท บางคนแม่งเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย
คือการวิจารณ์ ถ้าลองคิดกลับว่าตัวเองโดนยังนั้นบางจะรับมือเป็นยังไง อาจจะมีมุมมองอีกอย่าง

219 Nameless Fanboi Posted ID:SlK/jFus1

>>213 แต่กูเห็นไลท์โนเวลบางเรื่องมันซอยย่อยจากน้อยไปมาก ตอน>บท>องก์>ภาค

แรก ๆ กูก็งงนะว่าต่างกันยังไง พอลองอ่านไปก็เริ่มเข้าใจว่า ตอนคือชื่อเนื้อหาหนึ่งบท บทคือการจบปมเล็กของตัวละครหรือเหตุการณ์หนึ่ง องก์คือการจบอีเว้นต์ ภาคคือจบปมใหญ่

และไลท์โนเวลส่วนใหญ่ที่มีำารจัดลำดับแบบนี้ ส่วนใหญ่ออกมาเกือบสิบเล่มละ ยังไม่จบภาคแรกเลย

220 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>218 กุล่ะเบื่อตรรกะที่ว่าถ้าไม่ได้ไปเป็นเขาไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง
มีอะไรเชื่อถือได้บ้างว่าคนที่วิจารณ์งานมันจะเป็นแค่คนอ่านอย่างเดียวไม่ใช่คนเขียนนิยายเหมือนกันน่ะ
ถ้าไม่เคยออกหนังสือมาก่อนก็วิจารณ์งานเขียนที่ใช้เงินตัวเองซื้อมาไม่ได้หรอ
ต้องเป็นมืออาชีพมาวิจารณ์เหรอถึงจะเปิดใจมากพอยอมรับได้
ไม่ใช่แค่นักเขียนหรอกนะที่โดนวิจารณ์หรือด่า
คนอ่านที่ด่าแบบไร้เหตุผลหรือบางคนด่าแบบมีเหตุผลก็โดนลากไปรุมด่า (พวกมากลากไปรุม)
แล้วส่วนมากนี่เด็กๆ ทั้งนั้น โดนเข้าไปก็ปิดเฟสหนีไปเลย เห็นบ่อยละพวกปิดเฟสเนี่ย
นักเขียนวางตัวดีแต่ระบายความท้อลงโซเชียลมันก็มี ถ้าท้อแล้วมาเล่าว่าไปเจอไรแย่ๆ มากุก็พร้อมให้กำลังใจ แบบนี้กุเห็นเยอะ
เล่าแบบไม่ต้องไปพาดพิงหรือระบุตัวตนใครชัดเจน บอกแค่ว่าเสียใจเพราะอะไรก็เพียงพอ
แต่ไอ้ประเภทโดนวิจารณ์แค่คนเดียวแล้วดิ้นจนต้องแคปเอามาด่ากลับ หาเพื่อนช่วยกันรุมด่า หรือด่าลอยๆ ไร้หลักฐานแต่คนอ่านรู้ว่าหมายถึงใครนี่กุโคตรไม่ชอบเลย
ส่วนเรื่องกดดันหนักจนเป็นโรคซึมเศร้านี่ นักเขียนไทยก็มีเยอะนะ ที่ไปพบจิตแพทย์เพื่อขอยาและปรับความรู้สึกตัวเอง
เพียงแต่ส่วนมากไม่ค่อยออกมาบอกหรอกว่าไปหาจิตแพทย์มา เพราะบางคนคิดว่าถ้าประกาศออกไป เดี๋ยวจะมีคนเอาไปพูดอีกว่าสำออย เรียกร้องความเห็นใจ
สุดท้ายจิตแพทย์ก็แนะนำไม่ต่างจากกุมากเท่าไรคือ ให้หยุดเล่นโซเชียล เลิกสนใจความคิดแย่ๆ ของคนอื่น แล้วไปพักผ่อนให้สบายใจ มีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนเผื่อเศร้ามากจนอยากฆ่าตัวตาย

221 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>220 แต่ตอนนี้เห็นบอร์ดโมงมีกระทู้ด่านักอ่านเทวดาแล้วนี่ ก็ไประบายลงกันตรงนั้น จะได้สบายใจขึ้น เพราะยังมีนักเขียนที่ไม่กล้าโพสลงโซเชียลอยู่
แต่เสียอย่างเดียวคือต้องระวังโม่งหลุดจนจับได้ว่าเป็นใครแค่นั้นแหละ
ถ้าใครเอาเรื่องในบอร์ดนี้ไปด่าต่ออีกทีนี่ก็โม่งแตกอีก อืม เหมือนจะแฟร์ดี

222 Nameless Fanboi Posted ID:EqWvDocDo

กระทู้นี้คือ รวมพลนักเขียน แชร์เทคนิคประสบการณ์และข่าวสาร
กลายเป็นมาว่า เป็นนักเขียนต้องวางตัวดี มันเลยแปลกๆ ไง
ย้ำเป็นภาษาไทย หลายรอบว่า คนเขียนก็คนธรรมดา มีร้อยคนร้อยนิสัย ทำไมคนอ่านต้องมีกรอบที่เป็นมาตราฐานเดียวว่าคนเขียนต้องทำตัวดีๆ
บางคนเป็นนักเขียนที่ไม่ได้คาดหวัง ต้องยิ่งใหญ่อะไรนัก เขียนไปตามอารมณ์
เน้นย้ำชัดเจน คนเขียนก็คน ไม่ได้วิเศษอะไรมาจากไหน ทำไมต้องถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียว? ตรรกะคนอ่านแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ

223 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

เอ๊า อาชีพอื่นมันก็คนธรรมดาเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่นักเขียน
ยิ่งอาชีพด้านการบริการนี่ถ้ามีคนแสดงออกมาไม่พอใจลูกค้า คนนอกแม้งก็รุมด่ากันสารพัด ไม่รู้หรอกว่าที่เขาออกมาบ่นเป็นเพราะเจออะไรมา
ทุกอาชีพมันมีแรงกดดันหมดแหล่ะ
แล้วอ่านยังไงว่าเน้นย้ำเรื่องวางตัวดี จริงๆ ที่พิมพ์ไปทั้งหมดนี่คือกุเห็นมาทั้งสองด้านว่า ไม่ว่าจะนักเขียนหรือนักอ่านแม้งก็โดนด่าทั้งคู่อยู่ดี ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกระทำ ถึงนักเขียนไม่ด่ากลับก็มีคนอื่นด่าแทนให้
แล้วก็ไม่ได้เห็นนักเขียนโดนด่าฝ่ายเดียว คนเขียนเอานักอ่านมาด่าลับหลังก็มีอยู่ในบอร์ดนี้ปะปนไปทั่ว
ส่วนเรื่องผิดมู้ ตอนเข้ามาก็ถามแล้วว่าบ่นนักเขียนแจ่มใสได้มั้ย แล้วสับหนังสือที่ซื้อมาอ่านในนี้ได้มั้ย กลัวผิดมู้ ก็มีคนบอกว่าได้ แล้วลามมาเรื่องวิจารณ์ได้ไงก็ย้อนกลับไปอ่านต้นเรื่องดู

224 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

แต่ไม่เป็นไร เพื่อความสบายใจของเหล่านักเขียน เดะกุย้ายไปหามู้อื่นเอง เรื่องที่แตกยอดออกมามันผิดมู้ไปแล้วแหละมั้ง

225 Nameless Fanboi Posted ID:xTwA50YJI

>>223 ก็ใช่ไง ทุกอาชีพมันมีแรงกดดันหมดแหล่ะ
มันก็ต้องมีการระบายบ่นออกกันมาบ้าง
ส่วนที่ คนเขียนเอานักอ่านมาด่าลับหลังก็มีอยู่ในบอร์ดนี้ปะปนไปทั่ว นั่นก็แสดงว่าคนอ่านก็ต้องไปทำอะไรขึ้นมาถึงมีประเด็นกันได้
แล้วงานเขียน ความเห็นส่วนตัวนะ ไม่น่าจะใช้อาชีพด้านการบริการ เพราะขายงานจากสมองที่แต่งขึ้นมามากกว่า การขายหนังสือก็ไม่ได้บังคับให้ซื้อ
เป็นเรื่องความพอใจตัั้งแต่แรก ของสองฝ่ายนั้น ไม่น่าใช่งานด้านบริการอะไร

226 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>225 ยกตัวอย่างเฉยๆ ไม่ได้บอกว่างานเขียนคืองานด้านลริการ และที่ยกอาชีพเรื่องงานด้านบริการขึ้นมาเพราะกุมองว่ามันเป็นอาชีพที่รองรับความกดดันเยอะกว่าอาชีพอื่น

227 Nameless Fanboi Posted ID:YbsXmc7+X

>>219 องก์คือไรวะ

228 Nameless Fanboi Posted ID:960U4/6yS

>>227 องก์ใช้กับพวกบทละครอะ องก์หนึ่งจะมีฉากเดียว หรือหลายฉากก็ได้ อย่างหนังก็จะแบ่งเป็นสามองก์หลักๆ คือ องก์แรกปูเรื่อง องก์สองเหตุการณ์หลัก องก์สามคลี่คลายและบทสรุป เรื่องแบ่งองก์ไม่ตามนี้เสมอไป แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้กันประมาณนี้

229 Nameless Fanboi Posted ID:0T/FF+emh

ขอเพิ่มเติม องก์ ภาษาอังกฤษคือ act น่ะแหละ
กูว่าเพื่อนโม่งต้องเคยได้ยินคำว่า act1 2 3 ในหนัง หรือในบทละครบ้าง แต่อาจจะไม่คุ้นกับศัพท์ภาษาไทยเฉยๆ

230 Nameless Fanboi Posted ID:yor76B36t

act นี่เล็กกว่า arc ใช่มั้ย

231 Nameless Fanboi Posted ID:Mr3QD9LyC

>>230 Arc > Act > Chapter > Scene

232 Nameless Fanboi Posted ID:.no48GicS

มีใครมีปัญหาเรื่องคิดชื่อตอนแบบกูบ้าง กูแต่งเนื้อเรื่องได้ไปไกลเลยนะ แต่ 100 ตอนมีชื่อแค่ 40 เองง่ะ พอแนะนำได้มั้ยทำไงถึงจะคิดชื่อออก

ชื่อเรื่องเองก็ยังไม่รู้จะเอาอะไรดีเหมือนกัน ธีมเรื่องเป็น Apocalypse วันสิ้นโลก ตัวเอกย้อนเวลาได้แต่เปลี่ยนอดีตไม่ได้ เลยได้แต่ย้อนวันสิ้นโลกวนอยู่อย่างนั้นเพื่ออยู่กับครอบครัว ก็ทำนองนี้

233 Nameless Fanboi Posted ID:xO73nG9Zi

>>232 ลองจับประเด็นของตอนดูสิ ว่าตอนนั้นจะสื่ออะไร แค่นั้นเอง

234 Nameless Fanboi Posted ID:iXqyMVedt

KY พวกคำเรียกหญิงสูงศักดิ์สมัยอดีตนี่มันมีหลักอะไรปะ อย่างเจ้านาง แม่หญิง บลาๆอะไรแบบนี้อะ หรือเรียกๆได้หมด

235 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>234 มันต้องดูเซ็ตติ้งกับยุค
ถ้าเป็นตะวันตกก็ใช้ยศขุนนาง ถ้าเป็นลูกดยุค-เอิร์ลก็เลดี้ นอกนั้นก็ใช้มิส แต่ก็มีบางกรณีเหมือนกันที่เรียกเลดี้กับคนที่ได้รับการยกย่องไม่ก็พวกกิ๊กๆของคิง แล้วก็ช่วงหลังๆเลดี้ก็ใช้กับพวกภรรยาของอัศวินหรือพวกลอร์ดได้ด้วย
ถ้าจีนก็ใช้ถ้าเป็นลูกฮ่องเต้ก็กงจู่(เจ้าหญิง) เมียอ๋องก็หวางเฟย(ที่เห็นในนิยายแปลจะใช้คำว่าพระชายา) ลูกอ๋องก็จวิ้นจู่(ท่านหญิง) แล้วก็มีพวกวังหลัง พวกยศสนมยศนางกำนัลการกำหนดยศค่อนข้างจะเป๊ะนะ หาดูในพันทิปได้
ถ้าเป็นเมียขุนนางตั้งแต่กั๋วกงลงไปก็ใช้ฟูเหริน,ฮูหยิน (แปลไทยก็คุณนายมั้งแต่ส่วนมากเห็นทับศัพท์กัน) ลูกสาวขุนนางหรือเศรษฐีก็เป็นคุณหนูหมด ทับศัพท์ที่เคยเห็นคือเสี่ยงเจียไม่ก็กู่เหนียง (เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงหรือท่านหญิง) ถ้าคนใช้ก็ย

236 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>235 พิมพ์ตก
ลูกสาวผู้มีอันจะกิน - เสี่ยวเจีย/กู่เหนียง (กู่เหนียงเป็นคำเรียกแบบสุภาพของผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานด้วย)
ถ้าพวกคนใช้ในวังก็หนูปี้ นอกวังก็ยาโถว ยาโถวบางครั้งก็ใช้เรียกเพศหญิงแบบเอ็นดูหรือถ่อมตัวหรือเหยียดก็ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำเสียง
ส่วนหญิงสูงศักดิ์ไทย มันต้องแยกยุค อย่างอยุธยา ตำแหน่งสนมเอกชื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ หรือรัตนโกสินทร์ เรียกสนมสามัญชนว่าเจ้าจอม ถ้ามีลูกก็จะเป็นเจ้าจอมมารดา แล้วยังมีตำแหน่งมเหสีอยู่สูงกว่านั้นอีก วิกิช่วยท่านได้

237 Nameless Fanboi Posted ID:K8t2GJDxk

>>236 หนูปี้มันคำเรียกตัวเองป่ะมึง

238 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>237 เออใช่ๆ เป็นสรรพนามแทนตัว โทษที

239 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

แอบบ่นในนี้ได้ไหม โม่งจะแตกไหมนะ 555 คือกูเห็นเพื่อนกูแต่งฟิคนะแต่บางทีก็แอบตงิดๆกับคำที่เขาเลือกใช้ว่ะ อย่างดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าก็ใช้ว่าสุริยะเทพยังไม่ตื่นจากการหลับใหล ซึ่งกูคิดว่ามันดูสูงส่งไปสำหรับสถานการณ์แล้วในความคิดส่วนตัว เทพก็ต้องเป็นลักษณะมนุษย์ด้วยสิ หรืออย่าง เจ้าของตัวตาสีฟ้าใต้คิ้วเรียวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย คืออ่านแล้วชะงักนิดๆ มันออกแนวงงๆชอบกล แบบนี้เป็นประธานนำประโยคก็ได้เรอะ เอาเป็นว่าก็คห.ส่วนตัวล่ะนะ ขอแค่มีที่ระบายหน่อยก็พอ ฮา

240 Nameless Fanboi Posted ID:uebMbn697

>>239 เจ้าของตัวตาสีฟ้านี่คืออะไรวะ แต่งแฟนฟิคเสมิร์ฟเรอะ

241 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>240 ความจริงไม่ได้เขียนรายละเอียดแบบนี้แต่กูปรับนิดนึง กลัวโม่งแตก หมายถึงตลค. ที่มีคิ้วเรียวกับดวงตาสีฟ้าน่ะมึง แต่อ่านแล้วชะงักจริงๆเนอะ 555

242 Nameless Fanboi Posted ID:p1eby0VOU

เจ้าของดวงตาสีฟ้าป่าวมึง

243 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>242 ก็ใช่แหละ แต่ไม่รู้จงใจเขียนแบบนี้หรือเพราะแค่เขียนลงทวิตเลยไม่ได้เรียบเรียงมากน่ะ แต่กูล่ะขัดใจ๊ขัดใจ

244 Nameless Fanboi Posted ID:QgApPfOY1

>>239 นี่ว่าเหมือนเพื่อนมึงยังเขียนไม่เก่งอะ คือเหมือนพยายามใช้ภาษาสวยๆ แต่ไม่ได้ดูว่ามันเข้ากันกับเนื้อเรื่องมั้ย
คงต้องรอให้เค้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่านี้แล้วจะใช้สำนวนดีกว่านี้เอง
แต่กูก็เข้าใจที่มึงตะหงิดนะ เป็นกูเจอสำนวนอย่างงี้กูก็ไม่ชอบอะ 5555

245 Nameless Fanboi Posted ID:qU07IOlr6

>>239 ดูภาษามันแอ๊บลิเกเกินไปยังไงก็ไม่รู้ =w=' คือตรงพระอาทิตย์ขึ้นจะว่ามันเปรียบแบบนั้นก็ได้อยู่หรอกถ้าเป็นแนวแฟนตาซีจ๋าแล้วงานเขียนแบบยุคเก่าๆ หน่อยจะเขียนเปรียบเปรยกันประมาณนี้แหละแต่ถ้าเอามาใช้กับงานสมัยนี้แล้วเด็กรุ่นใหม่อาจจะแหยงกันเพราะมันเวิ่นเว้อถ้าให้รุ่นเก๋าๆ มาอ่านเขาก็คงปรามาสว่าแค่พยายามเลียนแบบงานรุ่งๆ ในยุคเขาไป
สรุปยังไงก็อยู่ที่บริบทในการใช้อ่ะนะ

246 Nameless Fanboi Posted ID:Tq4k3Nh6i

พูดถึงเรื่องนี้ กุก็มีปัญหานึกคำบรรยายพวกหน้าตาไม่ค่อยออกเท่าไหร่เหมือนกันนะ กำลังเซงๆอยู่รู้สึกใช้คำซ้ำซาก

>>239 พระอาทิตย์ต้องดูว่าเนื้อเรื่องมันแนวไหน ถ้าแฟนตาซีหรือเทพเซียนก็ไม่แปลก ก็อลังๆแบบนี้แหละ แต่ถ้าจะอลังก็ต้องอลังให้ตลอด ไม่ใช่สลับไปสลับมา แต่แต่งฟิคอย่าไปซีมากเลยเมิง มองผ่านได้ก็ผ่านเถอะ หลายคนก็แต่งกันเล่นๆสนุกๆ ถ้าแต่งนิยายจริงจังค่อยไปด่ามัน

247 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>246 อันนี้จริง จะไม่ใช้แบบอลังๆแบบเพื่อนกูแต่ก็นึกคำแบบหลากหลายไม่ออก
เป็นฟิคหนังในจักรวาลแฮร์รี่น่ะ บอกได้แค่นี้สุดๆแล้วนะ เดี๋ยวโดนมันมาแหกอก 555 เป็นแนวย้อนยุคญี่ปุ่นแต่ชื่อยังอิ้งอยู่ กูเคยอ่านด้อมอื่นเซ็ตติ้งญี่ปุ่นก็จริงแต่เปลี่ยนชื่อด้วย ก็นะ แล้วแต่คนนั่นแหละ แต่ชื่ออิ้งในเซ็ตญี่ปุ่นกูก็ยังมองว่าแปลกๆนิดนึง กูอ่านไม่จบหรอก กูไม่ได้ตามแต่แค่ย่อหน้าแรกถึงตรงสุริยะเทพกูก็ปิดแล้ว แฮะๆ

248 Nameless Fanboi Posted ID:Z5OQVa6T6

มึง ถ้าเราเขียนผังตระกูลให้นักอ่านดูมันจะเป็นการสปอยล์ป่ะวะ

249 Nameless Fanboi Posted ID:A36m+ooKc

>>248 ถ้าบางตัวละครยังไม่ได้บอกความสัมพันธ์ในเรื่องแล้วเมิงกะจะให้รู้ทีหลังก็ถือว่าสปอยนะ แต่เอาจริงจังปะ กุเห็นหลาย ๆ คนสปอยตั้งแต่แนะนำตัวละครแล้วว่ะ เวลาเปิดไปอ่านอะ 555+ อยู่ที่เมิงซีเรียสไหม ถ้ามันเป็นจุดที่ต้องเก็บเป็นความลับก็เว้นตัวละครนั้นไว้ก่อนค่อยใส่ทีหลัง หลังจากแต่งจนถึงจุดเฉลยก็ได้ กุเข้าใจเมิงนะว่ากลัวคนอ่านงงอะ ยิ่งพวกตัวละครเยอะๆ มึนตาย

250 Nameless Fanboi Posted ID:xGeam0Vh1

พอเราเป็นคนจริงจัง มองโลกค่อนข้างซีเรียส แล้วจะเขียนฉากคอเมดี้นี่โคตรยาขมเลยนะ เหนื่อยมาก อ่านทวนยังไงก็ดูเหมือนยัดแก๊กให้ตัวละคร แค่ฉาก ๆ เดียวรื้อทิ้งไปจะสิบรอบแล้ว พวกเพื่อนโม่งทำยังไงกันวะกับจุด ๆ นี้

251 Nameless Fanboi Posted ID:lTb01Zxs2

>>250 สงสัย นิยายของเพื่อนโม่งจำเป็นต้องมีฉากคอมเมดี้ด้วยเหรอ ถ้าไม่ถนัดก็ไม่ต้องไปฝืนเขียนก็ได้นะ

252 Nameless Fanboi Posted ID:l1PhcdHUn

>>250 พวกฉากตลกกุก็ไม่ค่อยเขียน จะเขียนออกแนวขำนิดๆ ขำลึกๆมากกว่า แบบขำความคิดตัวละคร หรือการกระทำ สร้างนิสัยตัวละครให้มันดูตลกตามธรรมชาติ มากกว่าจะไปยัดมุก คำพูดให้ดูขำอะ ไม่ถนัดคิดคำพูดกลัวจะแป๊กเลยเอาตามทางที่ถนัดดีกว่า กุอ่านหลายคนมันแป๊กกุไม่อยากให้นิยายกุเป็นแบบนีั้นอะนะ อารมณ์แบบด่าของคนอื่นไว้ก็ไม่อยากทำแป๊กเอง 555+

ถ้าส่วนตัวกุนะ ก็จะหานิยายแนวนี้มาอ่าน หรือนึกฉากที่เคยอ่านแนวนี้แล้วชอบ แล้วดูว่าทำไมกุถึงชอบ กุถึงขำอะไรแบบนี้ แต่กุก็ประเภทขำง่ายด้วยนะ แล้วถ้าตันก็ลองพักสมองไปก่อนก็ได้ เวลากุตันๆหรืออารมณ์แบบเครียดเขียนยังไงก็ไม่ถูกใจก็พัก ข้ามไปแก้พล๊อตหรือไปอ่านไรพักสมองสักพัก ดูซีรีย์ แล้วค่อยวนมาใหม่ก็ช่วยได้นะ

253 Nameless Fanboi Posted ID:kfaoHsOaw

ฉากตลกนี่ยากมากเลยว่ะ แม่งไม่ใช่แค่มุก แต่เป็นเรื่องลงจังหวะ แล้วก็การใช้คำด้วย ยาวไปไม่ฮา สั้นไปไม่เก็ท

แต่กุเขียนอะไรก็รู้สึกตลก (เพราะกุขำง่ายด้วยแหละ) ปัญหาที่กุแก้ไม่ตกเลยก็คือดราม่าไม่ได้ ดราม่ายังจะตลก มันใช่เวลามั้ย!

254 Nameless Fanboi Posted ID:fToe6iX+n

>>250 ถ้ามีคนบอกให้มึงแทรกฉากตลกในเรื่อง มันแปลว่าที่มึงเขียนมามันไม่น่าติดตาม ว่ะ
ถ้าไม่มีคนบอกแต่มึงอยากใส่เอง กุคิดว่าไม่จำเป็น

255 Nameless Fanboi Posted ID:A9N3cUAKi

คิดแบบนี้มันอันตรายจริงๆรึเปล่าวะ รึแค่เบียวไปเอง
https://www.dek-d.com/board/view/3752879/

256 Nameless Fanboi Posted ID:JiQgk4BSD

เขียนเรื่องย่อยังไงให้ดึงดูด??

257 Nameless Fanboi Posted ID:/w1A.+Q1+

>>255 ถ้าการติดลึกในผลงานของศิลปินไม่ว่านักเขียน นักแสดง นักร้อง มีคนที่เป็นอย่างในกระทู้ว่า ศิลปินกลุ่มนี้จะตอบรับผลสะท้อนจากภายในตัวเองมากกว่าภายนอกหรืออีกอย่างคือคิดแต่ตัวเองและผลงานของตัวเอง เป็นภาวะหนึ่งของอาการซึมเศร้า เก็บตัว บางคนที่ดื่มด่ำมากไม่ต่างจากการเสพยาเพ้อติดกับจินตนาการแยกแยะโลกในผลงานกับโลกจริงไม่ออก นำไปสู่พฤติกรรมผิดปกติต่างๆ และฆ่าตัวตาย

ตัวอย่างเบาๆ หลงรักโลกหรือตัวละครที่ตัวเองสร้างจนตัดขาดความสัมพันธ์กับบุคคลในโลกจริง รุนแรงขึ้นมาอีกก็ฝังลึกกับปมปัญหาสถานการณ์กดดันในสิ่งที่ตัวเองเขียนขึ้นแต่หาทางออกไม่ได้กลายเป็นเก็บตัวหวาดผวากลัวสังคม

258 Nameless Fanboi Posted ID:A9N3cUAKi

>>257 น่ากลัวสัสๆ เกิดมากุเคยเจอแต่คนเซลฟ์อินเสิร์จอุดมคติของตัวเองเข้าไปในโลกนิยาย นี่แม่งสะเทือนยันโลกจริง ถ้าแบบนี้ต้องควรไปหาหมอสินะ- -
>>256 หาจุดที่เป็นประเด็นน่าสนใจของเรื่องมาเขียน อันนี้แล้วแต่เรื่องด้วย

259 Nameless Fanboi Posted ID:XfMtLQJLS

>>256 ขึ้นต้นด้วยเรื่องเกิดขึ้นกับใคร วิกฤตที่เกิดขึ้น เกิดจุดพลิกผันอย่างไร ดำเนินเรื่อง วนมาวิกฤต เกิดความพลิกผัน
แต่เริ่มแรกคิดก่อนว่าพล็อตเรื่องไอเดียเรื่องมันเจ๋งพอไหมที่จะดึงดูดคนอ่าน ถ้าไม่ ก็อย่าไปหวังเขียนเรื่องย่อให้ดึงดูด

260 Nameless Fanboi Posted ID:j/OvFrXpv

>>256 กุก็มีปัญหาเหมือนกันว่ะ แต่ก็เอาแบบกลางๆ เหมือนสรุปเรื่องคร่าว ๆ ในเรื่องย่อ ทิ้งปมให้ดูน่าติดตาม แต่สุดท้ายนะ กุว่ามันขึ้นอยู่กับตัวนิยายด้วยว่ะ กุเห็นหลาย ๆ เรื่อง เรื่องย่อไม่มีอะไรก็คนตามเยอะก็มี หรือแบบเรื่องย่อน่าสนใจพออ่านจริงยี้ก็เยอะ อย่าไปซีเรียสกับตรงนั้นมากเลย

261 Nameless Fanboi Posted ID:zVSfuOFf8

ทำไมกูเจอแต่เรื่องย่อดีแต่อ่านจริงไม่ไหววะ

262 Nameless Fanboi Posted ID:aU7DOhJOJ

สนพ.ไหนรับนิยายหนักๆ ดาร์คๆ มีฉากรุนแรง (แต่ไม่เย็ด) เล่นโศกนาฏกรรม บ้างวะ เห็นมีแต่แนวเบาๆ สุขนิยมกัน คำต่อคำน่าจะได้ อรุณกะพิมพ์คำนี่ไหวป่ะ

263 Nameless Fanboi Posted ID:jyA.1U.UT

>>262 รุนแรงนี่แรงแบบไหนอะ

264 Nameless Fanboi Posted ID:XbBPu5IGP

>>262 ไม่รู้แน่นะ ดูจากเล่มที่เคยออกมา อรุณมีนางซิน (ยิงกัน ฆ่าคน) คำต่อคำซอมบี้ปริ๊นท์ (ยาเสพติด รุนแรง) พิมพ์คำเห็นเพชรไร้กะรัต (มาเฟีย ฆ่ากัน) บ้านวรรณกรรมก็ของทมยันตี ข่มขืน/เล่นดราม่า
กูว่าคงได้หมดแหล่ะมั้ง อย่าบรรยายให้มันชัด'เกินไป'ก็พอ

265 Nameless Fanboi Posted ID:FlAFxuKnn

>>264 นางซินกูว่าไม่โหดไม่ดาร์กเลยนะ มันดูธรรมดามาก

266 Nameless Fanboi Posted ID:7/mU7J.Sv

เพื่อนโม่งมีคำถามดวงตากับนัยน์ตาต่างกันยังไงวะ กูหาในอากู๋เจอเป็นชีวะมาเลย

267 Nameless Fanboi Posted ID:DFA9KRupx

>>266 นันย์ตาก็คือดวงตาน่ะแหละ
http://www.royin.go.th/dictionary/ ลองเช็คดูดิ

268 Nameless Fanboi Posted ID:fTy90rX7i

>>266 นัยน์ตาเป็นภาษาเขียนประมาณนั้น

269 Nameless Fanboi Posted ID:dNC9RPO/9

พวกมึงเคยประสบปัญหาสำนวนไม่คงที่แบบกูไหม กูแบบเป็นพวกสำนวนเปลี่ยนไปเรื่อยเลยว่ะ เดี๋ยวบางทีกูก็บรรย๊ายบรรยายบางทีเดี๋ยวบทพูดเยอะ บางทีความคิดตัวละครก็เยอะ
มันแบบ.. บางทีอ่านงานตัวเองกูก็งงๆทั้งที่เขียนไล่ๆกันแบบสองสามวันติดกันสำนวนกูยังเปลี่ยนได้ มันมีวิธีไหนทำให้คงที่บ้างมั้ยวะ .. เหมือนบางทีถ้ากูเขียนแนวฮาๆสำนวนกูก็คอมเมดี้จ๋าบรรยายหายหด พอจะโดดไปแนวเครียดหน่อยบรรยายก็จะมาตรึม หรือมันปกติวะ
ขอโทษนะถ้ากูถามอะไรโง่ๆ Orz

270 Nameless Fanboi Posted ID:eQSVre6q/

>>269 มันก็ได้มั้งมึง ที่มึงว่ามันต้องปรับไปตามสถานการณ์ในเรื่อง ถ้าสำนวนเปลี่ยนแบบงดงามชดช้อยมาเป็นดิบแข็ง หรือโล่งๆงงๆ อันนั้นค่อยซีเรียส

271 Nameless Fanboi Posted ID:+MZFgBMUm

>>269 กุว่าแบบนี้ไม่ได้เรียกกว่าสำนวนไม่คงที่มั้ง มันก็ปกตินะ อยู่ที่ว่าจะเล่าเรื่องราวผ่านบทบรรยาย บทพูด หรือความคิดตัวละคร ในฉากนั้นๆมากกว่า กุว่าดีซะอีกมันดูไม่น่าเบื่อออก ของกุนี่บทบรรยายเยอะเขียนไหลลื่นมาก พอบทพูดช้าเป็นเต่าคลานเลย คิดไม่ค่อยออก เลยบทพูดค่อนข้างน้อยเทียบกับชาวบ้าน แต่กุก็ไม่ได้ถึงขั้นเครียดขนาดต้องมาแก้นะ ก็เหมือนเป็นสไตล์ใครสไตล์มันมากกว่า

272 Nameless Fanboi Posted ID:jUsyTe/uA

กุเบื่อวิธีเขียนแบบนึงมากเลยว่ะ แบบตัวละครคุยกัน แล้วถามอีกตัวนึง แต่มีบรรยายมาคั่นยาวๆ แล้วอีกตัวถึงตอบ
ทั้งที่บทพูดมันน่าจะต่อเนื่องตอบได้ทันที คำถามไม่ได้ยากเย็น ซึ่งกุเจอบ่อยด้วยดิ เซ็งว่ะ

273 Nameless Fanboi Posted ID:cPslTStg1

>>272 ชิบหายละ ของกุนี่ปกติเลย แต่ของกุบรรยายไม่ยาวนะ บรรยายพวกความคิดก่อนจะตอบไรพวกนี้มากกว่า ถ้าบรรยายนอกเรื่องที่คุยก็สมควรจะด่า

274 Nameless Fanboi Posted ID:zlubTMlxx

>>272 กูเขียนแบบที่มึงด่าเป๊ะเลย แก้ไม่ได้ด้วย ไว้กูจะลองเปลี่ยนแนวเขียนดูละกัน55555

275 Nameless Fanboi Posted ID:DPv2Id3RS

กูเห็นในทล น่าสนใจดีว่ะ https://goo.gl/iNDtAO โครงการ Web Fiction Academy เผื่อใครอยากลอง

276 Nameless Fanboi Posted ID:X/GrwIvGZ

>>275 ค่ายเดียวกับอุ้คบี? เรื่องจ่ายเงินนักวาดนี่เหมือนเคยมีโม่งมาคุยๆกันอยู่ว่าโหดใช่เปล่าวะ

277 Nameless Fanboi Posted ID:5V90L6epN

>>276 อันนั้นกูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูว่ามันน่าสนใจดี อันเดียวกะอุ๊คบีเหรอ

278 Nameless Fanboi Posted ID:bYX9Y8Oob

ช่ายเลยมึง อุ๊คบีซื้อฟิคชั่นล็อกมา แต่ถ้าเป็นตามที่ว่าจริงก้ไม่เลวนะ สองหมื่นถึงสี่หมื่น บางค่ายยังให้ค่าลิขสิทธิ์ของนักเขียนหน้าใหม่ไม่ถึงเลย แต่ต้องดูสัญญาว่ามันผูกอยู่กี่ปี เพราะมันปันผลแค่ 30 จากยอดขาย

279 Nameless Fanboi Posted ID:eCFYsinRl

อะไรที่เกี่ยวกับค่ายผึ้งไม่เอาด้วยเข็ดตั้งแต่เจอบุฟเฟต์

สตอรี่กับฟิคชั่นล็อกของค่ายผึ้งแต่ตั้งแรกนะ แต่ฟิคชั่นดันไปชนกับธวล. เขาพยายามจะเปลี่ยนให้ฟิคชั่นเป็นพวกวรรณกรรมเอากล่องมุ่งซีไรท์แต่สุดท้ายงานที่ลงก็... อย่างที่เห็น

280 Nameless Fanboi Posted ID:eCFYsinRl

>>279 *ตั้งแต่

281 Nameless Fanboi Posted ID:or+Kw65gj

ky เพื่อนโม่งเห็นคุยกันเรื่องฟิคชั่นล็อค คือกูสงสัย กูติดนิยายเรื่องนึงเค้าลงในฟิคชั่นล็อค แล้วแบบลงให้อ่านฟรี จ่ายเหรียญเงิน ลงให้อ่านอาทิตย์ไม่กี่ตอน แถมแต่ละตอนยังสั้นมาก กูว่าเค้าน่าจะเขียนจบแล้ว กูสงสัยทำไมแมร่งไม่ขายเป็นเหรียญทองไปเลยวะ

282 Nameless Fanboi Posted ID:c0pU.f0aI

>>281 นักเขียนอยากให้อ่านฟรีไงกระจายงานหลายๆ ที่

283 Nameless Fanboi Posted ID:MaCfEITa0

>>281 หมวดแฟนตาซี ป่าวแว้ กำลังคิดว่าน่าจะเรื่องเดียวกับที่กูกำลังติด

284 Nameless Fanboi Posted ID:Y1cSGDytD

ทำไมสนพ. ใช่เว้นวรรผิด ไม้ยมกมันต้องวรรคหน้าหลังไม่ใช่ แบบนี้ ๆ พวกนักเขียนทำมือแม่งก็ใช้ผิด สนพ. ใหญ่อย่างแจ่มใสยังหลุดคำว่าอ่ะ นักเขียนทำมือจัดหน้าทำไมไม่ใช่thai distributed พอไปใช้ justified แม่งเว้นเยอะเกินดูทุเรศ บางคนก็ไม่จัดอะไรเลย กูจะซื้อก็ไม่ซื้อแม่งละสัส ขอกูบ่นหน่อยไม่ใช่อะไร เห็นแล้วหงุดหงิด

285 Nameless Fanboi Posted ID:IAqbJAmii

>>283 น่าจะเรื่องเดียวกันแหละมึง หึหึ ตอนละนิดดู ไถผ่านๆก็จบตอนละ

286 Nameless Fanboi Posted ID:M1uedwt77

>>284 เขาเลิกเว้นหน้ากันแล้วเพราะมันเปลืองพื้นที่ตอนจัดหน้ากระดาษ แต่มันไม่ถูกต้อง

287 Nameless Fanboi Posted ID:r5YhoYI/F

>>275 บทละ 2000 คำนี้ถือว่าสั้นอยู่นะ อ่านดูแล้วน่าจะเน้นงานเบาสมองมากกว่า

288 Nameless Fanboi Posted ID:EGuTTmEw+

ถามเรื่อง 'คำสมาส' หน่อย
พอดีเมื่อวานดูรายการหกโมงเย็น(ที่คุณก็รู้ว่ารายการอะไร) เจอตอนสัมภาษณ์เกี่ยวกับศูนย์นวัฒตกรรมอนาคตชื่อศูนย์ eng ตั้งว่า Futurium
เห็นในสัมภาษณ์บอกว่าเป็นคำสมาส จาก Future(อนาคต) + rium(ศูนย์,แหล่ง) ทีนี้ไอเรื่องการเอาคำมาประสมกันในลักษณะนี้ในงานเขียน eng ก็เจออยู่บ่อยๆ เหมือนกันแต่มันเรียกว่า 'คำสมาส' ได้เหรอเพราะไปค้นจากวิกิบวกตอนเรียนเหมือนจำได้ว่ามันมาจากการเอา บาลี+สันสกฤต

ส่วนอันข้างล่างนี่ค้นจากวิกิมา

คำสมาส
คำประสมระหว่างภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ส่วนคำประสมที่มาจากภาษาอื่นๆ ไม่นับว่าเป็นคำสมาส ทั้งนี้คำประสมระหว่างภาษาบาลีกับภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤตกับภาษาสันสกฤต ก็ถือว่าเป็นคำสมาสเช่นกัน

หมายความว่าการเอาตัว eng สองตัวมา + กันไม่ใช่คำสมาส น่ะสิ? แล้วมันควรจะเรียกว่าอะไรดี? อันนี้สงสัยเฉยๆ เพราะในนิยายเราก็มีการทำในลักษณะนี้เพื่อประดิษฐ์คำศัพท์เฉพาะขึ้นมาใช้ซึ่งบางทีไม่โดนใจคนอ่านหรือเขาไม่เข้าใจก็ไม่รู้เลยมาด่าสาดเสียเทเสียจะอธิบายให้ก็ไม่ค่อยแน่นอีกจะโดนจับผิดเอาง่ายๆ เลยมาขอความรู้+ความเห็นหน่อยอย่าเพิ่งว่ากันนะ

289 Nameless Fanboi Posted ID:ipg8hCtSe

>>288 compound words
http://www.pasaangkit.com/compound-words-ตอนที่-1-compound-nouns/

290 Nameless Fanboi Posted ID:EGuTTmEw+

>>289 thx! เดี๋ยวไปลองอ่านเต็มๆ ดู

291 Nameless Fanboi Posted ID:o2dZpE+T0

ปรึกษาหน่อยเพื่อนโม่ง คือกูเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับคอนเทนส์วะ แต่พอมาทำงานแล้ว ความรู้สึกในการอยากเขียนฟิค เขียนนิยายแม่งหดหายไปหมดเลยโว้ย คือใจกูอยากเขียนมากๆ แต่พออยู่หน้าคอมก็เขียนไม่ออกวะ ในแต่จินตนาการที่พรั่งพรูในหัว กูไม่รู้จะทำยังไงดี

มึงหาว่ากุโอเวอร์ก็ได้ ถึงมันจะเป็นงานอดิเรก แต่กูกลัวว่า สักวันกูจะเขียนไม่ออกอีกเลย ถ้าไม่ใช่งานวะ ทำไงดีวะ กูควรหาแรงบันดาลใจยังไงดีมึง

292 Nameless Fanboi Posted ID:3eIhboG4K

>>291 มีจินตนาการในหัวเยอะก็จดไว้ก่อนเดี๋ยวจะลืม จดๆในมือถือก็ได้ถ้าขี้เกียจเปิดคอม แล้วก็นั่งจินตนาการต่อเรื่อยๆแหละเป็นฉากๆต่อไป พอเมิงเริ่มอินมันจะมีไฟขึ้นมาเอง หรือถ้ายังไม่มีก็ลองพักสมองก่อน ไปเล่นเกมอ่านนิยาย อ่านข่าวไรก็ได้เลิกคิดสักพัก กุคิดว่าเมิงเป็นแบบนี้เพราะเวลาทำงานก็ใช้สมองไปเยอะแล้วกับการคิดคอนเทนส์ พองานอดิเรกดั๊นใช้ต่ออีกมันเลยหนักเกิน หรือหากำลังใจดีๆเช่นพวกคอมเม้นชื่นชมติดตามก็จุดไฟได้พอตัว คิดว่าเออมีคนยังอยากอ่านอยู่ หรือเรายังรักฟิคเรานิยายเราอยากจะเขียนต่อก็ได้ ปรับๆความคิดก่อน กุว่าบังคับตัวเองให้เขียนได้ทุกวันมันก็ยากอยู่นะ ถึงจะบอกว่าเขียนทุกวันได้ก็ดี แต่กุเองไม่ได้เขียนทุกวันอะ เพราะบางวันกุเขียนได้เยอะยาวๆไป เป็นประเภทถ้าอินปุ๊บไหลลื่นยาวไป แต่ถ้าไม่มีไฟยังไงก็ไม่มี ก็จะไปนั่งแก้พล๊อต คิดชื่อตัวละครใหม่ๆเล่นๆ หรือเขียนพล๊อตเรื่องอื่นๆที่อยากลองเขียนแก้เซง เมิงให้เวลากับตัวเองเยอะๆหน่อย สู้ๆ ว่ะ

293 Nameless Fanboi Posted ID:HBPQm0yGH

>>291 อูย ปัญหาเดียวกันเลย
>>293 กูทำแล้ว เหลือแต่คอมเม้นท์นี่แหละ แม่งเงียบเป็นเป่าสาก ขนาดแค่คนมาอ่านยังแทบไม่มี รึกูลงผิดที่เองวะ 555

294 Nameless Fanboi Posted ID:HBPQm0yGH

ชี้ผิด >>282

295 Nameless Fanboi Posted ID:hCXIjrJ.D

>>292 กู 291 นะ ขอบคุณมากเพื่อนโม่ง กูอาจจะใช้สมองเยอะไป จริงๆ ช่วงหยุดสงกรานต์ยาวๆ กุดีขึ้นหน่อยนะ สักพักกลับมาเป้นแบบเดิม กูคิดว่าอาจจะต้องพักให้นานขึ้น แต่กูก็ไม่อยากทิ้งแหละ ทั้งงาน ทั้งฟิค ทั้งนิยาย อยากเขียนชิบหาย

296 Nameless Fanboi Posted ID:XCVcSt8oD

>>295 ระวังฝืนมากๆมันจะกลายเป็นยี้แทนนะ พักยาวๆแล้วค่อยมาเขียนแบบมีความสุขจะดีกว่านะ

297 Nameless Fanboi Posted ID:nyNkAP7wH

มีใครส่ง Comico บ้างไหม เห็นเปิดรับ Webnovel อยู่

298 Nameless Fanboi Posted ID:01Usp5zWN

>>297 ปั่นอยู่ ดูรูปแบบแล้ว แบบกูคงผ่านยาก กูแบบโนเวลบรรยายเยอะแต่ตัวอย่างที่เขาเอามาลงเหมือนไลท์โนเวลมากกว่ามีแต่คำพูดตัวละคร

299 Nameless Fanboi Posted ID:P1n7CQVH8

>>298 พวกบรรยายเยอะผ่านพวกนี้โคตรยาก พวกบนเว็บต้องเน้นกระชับๆน่าสนใจพีคๆทุกตอน กุก็แนวเดียวกับเมิงก็ทำใจไม่ส่งแม่งเลย

300 Nameless Fanboi Posted ID:YFzf0TaQZ

>>299 แย่ว่ะ พอตลาดมีแต่งานแบบนี้ นิยายที่เซ็ตมาดีๆ นักเขียนที่ใช้สำนวนดีๆ ก็ไม่มีที่ยืน แถมนักอ่านแม่งก็ชินกับการเสพอะไรง่ายๆ ต่อไปก็อ่านงานที่บรรยายดีๆ ไม่เข้าใจแล้ว กลายเป็นพานไม่อ่านไปเสียอีก

ตายๆๆ

301 Nameless Fanboi Posted ID:y481csA4+

>>300 ยุคที่แจ่มใสมันออกมาแต่นิยายอีโมค่อนนี่ ก็ยุคมืดอยู่นะมึง เปิดทีเจอแต่อีโมค่อนห่าเหวอะไรไม่รู้ เพลียเหี้ยๆ

302 Nameless Fanboi Posted ID:Tr/L9SGRe

>>301 มันจะกลับไปยุคอีโมค่อนอีกใช่มั้ย

303 Nameless Fanboi Posted ID:ut2k2NFRp

กูกมดไฟในการเขียนกุควรแก้ไง...

304 Nameless Fanboi Posted ID:Q+V8Zat/x

>>303 ทำใจ มึงกลายเป็นคลื่นลูกเก่าไปแล้ว

305 Nameless Fanboi Posted ID:Gn1C6tYjk

>>300 มีคนยังอยากอ่านงานที่บรรยายดีๆเพียงแต่ไม่ใช่กลุ่มใหญ่
เทียบง่ายๆงานแปลของหลินโหม่วยังมีแฟนประจำซื้อ
แต่ถ้าบรรยายดีๆพล็อตไม่ตลาดคงต้องไปสายงานประกวด

306 Nameless Fanboi Posted ID:c+ahUjKu8

>>305 สดๆ ร้อนๆ นี่ ARC award เพิ่งจะ quote ประโยคของ ดร.ป๊อป มาลงเพจนะ เหอๆ

307 Nameless Fanboi Posted ID:HKfWonVYE

>>305 กูเทกูกูว่ะ
>>306 unlike แม่ง

308 Nameless Fanboi Posted ID:gYJfVG59/

>>303 พยายามอย่าไปฝืนเขียนนะมึง จะเขียนได้มันต้องรอทั้งเวลาที่เราพร้อมแล้วก็หัวเราพร้อม มันถึงจะออกมาดี แต่ยังไงก็สู้ๆนะมึง ตอนนี้กูเองก็เป็นอยู่เหมือนกัน...

แม่ง กูเครียดว่ะ กูเขียนอะไรไม่ได้เลย เหมือนแรงบันดาลใจกูมี ไฟกูมี ความอยากเขียนกูมี แต่ทุกอย่างมันเหมือนจะอยู่แค่ในหัวกู พอกูจับปากกาจะเขียนปุ๊บ ทุกอย่างคือหยุด มันติดขัดไปหมดทุกอย่าง กูมีเรื่องที่จะเขียน กูอยากเขียน แต่พอกูเริ่มต้นพิมพ์ปุ๊บ ทุกอย่างคือหยุดไปหมดเลย กระทั่งการที่กูมาเขียนบ่นในโม่งกูยังไม่ค่อยสามารถเขียนต่อไปได้ พอเริ่มต้นพิมพ์ปุ๊บมันจะมีอะไรบางอย่างให้กูต้องหยุดชะงักกลางคันตลอด กูคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะความคิดของกูที่กังวลว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนมันจะไม่ดี มันจะน่าเบื่อ แล้วพอยิ่งเอางานปัจจุบันไปเทียบกับงานเมื่อก่อนที่ภาษาเป็นธรรมชาติกว่าและได้รับคำชมมาเยอะ กูก็ยิ่งพยายามมากขึ้นไปอีกให้กูสามารถกลับไปเขียนเหมือนตอนนั้นได้ แต่กูทำไม่ได้...กูพยายามแล้ว กูคิดว่าถ้าเขียนได้ไม่ลื่นเท่าเมื่อก่อน กูก็ต้องฝึกเขียนบ่อยๆ กูเคยกำหนดหัวข้อสามอย่างแล้วเริ่มเขียนเรื่องราวจากหัวข้อพวกนั้น ซึ่งทั้งพล็อตทั้งการดำเนินเรื่องกูก็คิดออกนะ แต่พอเขียนๆไปกูก็จะกลัวว่างานเขียนกูมันห่วยแตกจนกูหยุดลงกลางคันทุกที ตรงนี้กูก็เข้าใจว่าถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ก็ไม่พัฒนาซักที กูเลยพยายามเขียนต่อไป เจียนต่อไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งเขียนกูก็ยิ่งทรมาน มันไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนที่กูเขียนงานอย่างมีความสุขแล้ว ตอนนี้กูมีแต่ความคิดในแง่ลบที่ทำให้กูเอาแต่หยุดลงกลางคันแบบนี้
ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลกระทบต่อการเขียนอย่างอื่นที่ไม่ใช่นิยายของกูด้วย คำเชื่อมกูใช้ผิด สันธานกูใช้สลับ ทั้งๆที่เมื่อก่อนกูไม่เคยมีปัญหากับมันแล้วกูก็เริ่มไม่สามารถเขียนอะไรให้เป็นประโยคยาวๆที่สละสลวยเหมือนเมื่อก่อน
กูพยายามอ่านนิยาย ศึกษาสำนวนหลายๆแบบเผื่อมันจะช่วยในการเขียนกู พยายามฝึกเขียน พยายามเริ่มต้นใหม่
แต่ทุกอย่างที่ทำไปไม่ได้ช่วยให้กูสามารถขียนอะไรออกมาได้เลย
กูเหนื่อย กูท้อ ตอนนี้ ขนาดความรู้สึกที่ว่าเมื่อก่อนกูเขียนงานยังไงกูก็นึกไม่ออกเลยว่ะ กว่าจะเขียนย่อหน้าด้านบนนี้จบกูก็ใช้เวลานานมากๆ นานจนกูตกใจตัวเอง
กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูเป็นแบบนี้ กูหาคำตอบอะไรให้ตัวเองไม่ได้แล้ว

309 Nameless Fanboi Posted ID:nFZNQcVbd

กูถามนักเขียนหน่อย พวกมึงเลิกเขียนนิยายเห่อมอยกันตอนอายุเท่าไหร่วะ กุเข้าใจนักเขียนเด็กๆ นะ พวกที่ชอบเซ็ทตัวละครม.ปลายออกมาอยู่คนเดียวทั้งที่มีพ่อแม่ ไม่ก็เพอร์เฟคเว่อร์ๆ ใส่มุกตลกแบบโป๊งชึ่ง หรืออะไรที่ไร้เหตุผลมากๆ แต่เพราะเป็นเด็กกุเลยเข้าใจ แต่ทีนี้บางทีกูอ่านนิยายวัยทำงานที่ตลค.เป็นผู้ใหญ่ทำงานแล้ว คนเขียนก็อายุยี่สิบบวกเข้าไปแล้วยังมาแนวๆ นี้อีก กูนึกว่าคนอายุยี่สิบขึ้นจะเริ่มนิ่งเริ่มตกผลึก เบื่อหน่ายชีวิต และเริ่มมองโลกด้วยความจริงจังขึ้นกว่านี้ แล้วสะท้อนประสบการณ์ออกมาผ่านตัวหนังสือถึงได้แม้จะเป็นเรื่องรักโรแมนติกก็ตาม พอเข้าใจที่กูสื่อป่าววะ กูสงสัยเฉยๆ ว่าหรือกูเป็นคนส่วนน้อยที่มีชีวิตอมทุกข์เลยไม่เข้าใจว่าคนที่โตขนาดนั้นแล้วทำไมถึงเขียนอะไรใสๆได้

310 Nameless Fanboi Posted ID:lQxp2kzcW

>>309 การเขียนนิยายอาศัยจินตนาการส่วนตัว
การเขียนช่วงที่สนุกของชีวิตมนุษย์ คงไม่มีช่วงไหนที่สนุกเท่าไรกับช่วงวัยเรียนรู้และยังไม่ต้องรับผิดชอบตัวเอง
ซึ่งคนเขียนก็ต้องเล่นกับวัยนั้นหรือคนที่มีบุคลิกเช่นนั้น ยังมีความฝันอยู่ในตัว มองโลกไม่คิดมากอะไรนั่นเอง

ต่อมาถ้าเน้นแนวรัก ก็จะเขียนไปทางอารมณ์ กลุ่มนี้ก็เน้นความสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ ตัวละครมีนิสัยมากมาย ไม่จำเป็นต้องดูเป็นผู้ใหญ่จัด เพราะถ้าศึกษาจริงๆ คนเรามีตัวตนที่เป็นเด็กๆอยู่ในตัวมากมาย ไม่งั้นจะมีมนุษย์ป้าในสังคมได้มากมายหรือ

ส่วนที่เพื่อนโม่งเน้นอะไรเป็นจริงเป็นจังก็คงต้องหาแนวนิยายสไตล์ผู้ใหญ่อ่าน ซึ่งบอกตรงๆมีคนเขียนแนวนี้แล้วได้ตีพิมพ์น้อยราย
เพราะโลกความจริง คนอ่านคงอยากได้อะไรที่มันบันเทิงใจ หลุดพ้น มากกว่าจะมัวซีเรียลอะไรให้สมองเครียด จากชีวิตประจำวันที่แสนเบื่อหน่าย กดดัน ในการหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว

311 Nameless Fanboi Posted ID:bvazaCdlq

>>308 นึกว่ากูเป็นคนเดียวซะอีก... กูก็มีไอเดียในหัวนะแต่พอจะเขียนมันก็เค้นไม่ออกเลย เขียนอะไรออกมาก็ดูแปลกๆ ดูห่วยๆไปซะหมด กูรู้สึกว่าเขียนแล้วมันสื่ออารมณ์ได้ไม่ดีพออย่างที่ตั้งใจไว้ซักที

312 Nameless Fanboi Posted ID:oTuX71nQq

>>308 กุว่าเมิงหยุดบังคับตัวเองก่อน ส่วนตัวกุจะเขียนได้ดีตอนอารมณ์ดี ๆ แล้วก็อยากจะเขียนคิดฉากที่ถูกใจได้ค่อยเขียน อินไปกับนิยายตัวเอง ไอพวกบังคับหัวข้อแล้วเขียน บังคับตัวเองว่าต้องเขียนกุว่ามันไม่ใช่ว่ะ ฝืนเกินไปมันก็ออกมาแย่ ถ้าจะให้ไหลลื่นเมิงต้องรักนิยายตัวเองก่อน มีใจอยากเขียนจริง ๆ ขนาดนิยายตัวเองเมิงยังไม่อยากจะอ่านแล้วใครจะอ่านของเมิง กุคิดแบบนี้เวลาเขียน รักตัวละครที่สร้างคิดว่ามีชีวิตจริง ๆ เวลาแต่งก็เอาตัวเองเข้าไปนิยาย ปิดทุกอย่างตั้งสมาธิกับเรื่องราวตรงหน้า ฉากตลกเมิงต้องตลก ฉากยิ้มก็ต้องยิ้มไปด้วยเหมือนคนบ้า 555

>>309 กุเพิ่งมาเขียนตอนโตว่ะเลยตอบไม่ได้ เมื่อก่อนเคยจะเขียนแต่แค่หารูปประกอบก็หมดไฟไปเองละ ส่วนเรื่องเป็นผู้ใหญ่แล้วยังแต่งแบบนี้ เมิงต้องดูว่าเพราะอะไรว่ะ บางคนเริ่มจากแนวนี้มา มันขายได้เค้าก็เขียนต่อเรื่อย ๆ จะให้เปลี่ยนแนวแล้วขายยากสุ่มเสี่ยงบางคนก็ไม่เอา อยู่ในเซฟโซนหากินกับแฟนคลับกลุ่มเดิมๆต่อไป ต้องยอมรับว่านิยายแนวเด็กน้อยเข้าถึงง่าย ตลกตรรกะพังๆคนชอบเยอะ มันคลายเครียดดี แต่แนวสมจริงตรรกะไม่พังมีคนอ่านไหมมันก็มี แต่น้อยกว่า ขายยากกว่า เพราะแนวนี้คนอ่านก็โตขึ้นเลือกมากขึ้นไม่ดีจริงก็ขายยาก สุดท้ายถ้าจะเอาเงินมันก็วนกลับไปอยู่จุดเดิมๆ เน้นแนวตลาดๆเข้าไว้

313 Nameless Fanboi Posted ID:aP5DZe0CP

>>312 อ้อ แถมต้องข้อมูลแน่นสมจริงด้วยนะ

314 Nameless Fanboi Posted ID:WQA5axxkq

ถามนิด นิยายเซ็ตติ้งเป็นยุโรป​ยุคกลาง​ ใช้สรรพนาม ข้า, เจ้า, ท่าน
นอกจากนี้​ใช้ คุณ ได้ด้วยปะ คุณA คุณB มันหลุดตีมเปล่าวะ กูไม่ค่อยแน่ใจ
แบบเด็กเรียกผู้ใหญ่​ใช้คำเรียกอะไร ผู้ใหญ่​ไม่มียศขนาดจะใช้ว่าท่าน เรียกเจ้าก็ดูหยาบคาย​

315 Nameless Fanboi Posted ID:ftCkiTR/I

>>314 น่าจะขึ้นอยู่กับสถานะของเด็กกับผู้ใหญ่ ใช้คุณนำหน้ามันก็กลางๆดี ไม่ก็เรียกชื่อตรงๆไปเลย

316 Nameless Fanboi Posted ID:WQA5axxkq

>>315 คุณ มันไม่หลงยุคใช่มั้ย​ กูกลัวหลงน่ะ เพราะลองเปิดพวกนิยายแฟนตาซี​ที่มักใช้สรรพนาม​แนวนี้ ไม่เจอใช้คำว่า คุณ เลย

กูขยายสถานะหน่อยแล้วกัน
X เด็กเป็นลูกขุนนาง กับ Z ผู้ใหญ่​ที่เป็นสามัญ​ชน แต่ก็เป็นปราชญ์​ชาวบ้าน​ที่เป็นที่นับถือ​

แล้วก็สงสัยอีกอย่าง ในบทบรรยาย​ เวลากล่าวถึงพวกที่มีบรรดาศักดิ์​มันต้องมี ท่าน นำมั้ย สมมติ​
ท่านดยุค​และท่านดัชเชสA กล่าวทักทายกับท่านเอิร์ลBที่อยู่​กับท่านบารอนC

ปกติเขาใช้กันงี้มั้ยนะ หรือไม่จำเป็น เยิ่นเย้อไป ​ตัดท่านออกไปเลย?

317 Nameless Fanboi Posted ID:BmgL+Tg/Z

>>316 ท่านเลยดีกว่า ท่านเป็นแค่คำเรียกนะ ไม่ใช่ยศ ถ้าเป็นยศคือท่านหญิง/ชาย

มีข้าไม่ควรมีคุณ

ถ้าอยากใช้คุณก็เปลี่ยนคำเรียกเป็น กระผม ดิฉัน ท่าน คุณ ไปเลยดีกว่า (คนต่ำกว่าใช้คุณ)
ตัวอย่างนิยายสรรพนามแบบนี้คือ https://writer.dek-d.com/tfyumeiholysmy/story/view.php?id=849266
เราว่าเรื่องนี้ใช้สมูทมากเลยล่ะ (คืออวยนิยายเขาด้วย 555)

318 Nameless Fanboi Posted ID:o42XHUP.H

>>316 ถ้าว่ากันตามตรงก็ไม่มีคำว่า คุณ หรอก ภาษาใหม่ไป

ใช้คำว่า ข้า เจ้า ท่าน ไปตามปรกตินั่นละ ผู้สูงศักดิ์กว่าจะเรียกคนที่ต่ำกว่าว่าอะไรก็ได้ จะเรียกว่าเจ้าก็ได้ถ้าอยากเรียก ไม่ถือว่าเสียมรรยาทหรอก แต่จะใช้คำว่าท่านเพื่อแสดงความถ่อมตนหรือให้เกียรติอีกฝ่ายก็ได้

ส่วนเรื่องท่าน ถ้าเอาเรื่องบรรดาศักดิ์มาเล่นก็ต้องใช้ ในกรณีพูดกับคนระดับสูงมันจะมีคำนำหน้าด้วยเสมอ อย่าง

His/her majesty - ฝ่าบาท/องค์ราชา/องค์ราชินี (ราชา/ราชินีเท่านั้น)
His/her highness - ฝ่าบาท/องค์ชาย/องค์หญิง (เชื้อพระวงศ์อื่นๆ)
His eminence - ท่านผู้สูงส่ง (นักบวชชั้นสูงระดับบิชอปขึ้นไปยกเว้นโป๊ป)
His holiness - ฝ่าบาท (โป๊ปเท่านั้น)

อันนี้แปลคร่าวๆ นะ ถ้าอยากจะแยกไม่ให้ซ้ำก็ได้ กรณีโป๊ปหลักโปเจียมของไทยถือว่าเท่ากับพระสังฆราช และพระสังฆราชเท่ากับเจ้านายเชื้อประวงศ์ เลยใช้ฝ่าบาทไป แต่ถ้าแปลตามตัวคือ ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ แบบเดียวกับ eminence นั่นละ

319 Nameless Fanboi Posted ID:uHGN0kuE8

>>318 ตกไป eminence แปลว่าสูงส่งนะ His eminence เลยแปลว่า ท่านผู้สูงส่ง แต่ภาษาไทยไม่มีสรรพนามแบบนี้หรอก

320 Nameless Fanboi Posted ID:9oCzW//H6

>>316 ถ้าเด็กเป็นลูกขุนนาง เรียกเจ้าไปเลยดีกว่า ยกเว้นถ้าตัวเด็กมีความเคารพในตัวคนนี้ก็ใช้ท่านไปได้
บรรดาศักดิ์ควรใส่ท่านอยู่แล้ว กุว่านิยายธีมโบราณๆมันเยิ่นเย้อเป็นปกติอยู่แล้วนะ

กุว่าเรื่องคำจะใช้แนวไหนก็ได้อิงๆพอประมาณ ขอแค่ในเรื่องมันไม่มาสลับไปสลับมาชวนงงเอามาปนไปปนมาแค่นั้นพอ ใช้อะไรก็ใช้ไปยาวๆเป็นมาตรฐานเดียวกัน เรื่องคำเรียกบางทีก็ปรับเปลี่ยนตามอุปนิสัยของตัวละครหรือเหตุการณ์อีก

อย่าเป็นเหมือนพวกนิยายจีนโบราณบางเรื่องก็พอ กุนี่ปวดประสาทใช้จีนกลาง ไทย แต้จิ๋ว ปนกันมั่วชิบหายไปหมด ทั้งที่ความหมายเดียวกัน แปบๆ เม่ยเหม่ย พักๆ พี่สาว ถ้าพีคๆหน่อยมีเจ้มาแซมอีก

321 Nameless Fanboi Posted ID:+rVb0xsZ2

>>317-320 โอเค ขอบคุณ​มาก​ กูก็กลัว​เขียน​ออกมามันจะเป็นโลกเก๊ๆผิดยุคผิดที่​ผิดทาง​เนี่ยแหละ​ จะพยายาม​ศึกษา​อีกที​

322 Nameless Fanboi Posted ID:M0ZkodeCh

เดาผล ARC award ใครจะร่วง ใครจะรุ่ง?

วันนี้เป็นวันประกาศผลรอบคัดสรร (รอบแรก) ของผลงานทั้ง 721 ชิ้น ที่ส่งเข้าประกวดในรายการ ARC award ของสนพ. อัมรินทร์ ซึ่งจัดแทนที่รางวัลนายอินทร์อวอร์ด เป็นปีแรก ดังนั้นจึงไม่สามารถการันตีได้ว่าเกณฑ์การตัดสินจะเป็นไปในแนวทางเดิมหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานได้แจ้งรายละเอียดมาแต่ต้นว่า ผลงานที่ต้องการ คือผลงานที่ "เป็นที่สุดในทางของตัวเอง" โดยไม่ได้จำกัดแนวของผลงาน ถึงขนาดที่ย้ำออกมาว่า จะส่งเป็น photobook เน้นใช้ภาพเล่าเรื่อง โดยไม่ต้องมีตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียวก็ได้! ถ้ารูปภาพมันสื่อความหมายในตัวเองอยู่แล้ว ก็สามารถจับเงินแสนได้เหมือนกัน

แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?

เวลาประมาณ 13.00 น. ของวันนี้ กองประกวดผลงานได้ประกาศจำนวนของผู้ผ่านเข้ารอบต่อไป โดยมีจำนวนผลงานที่ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้น 38 ชิ้น จากทั้งหมด 721 ชิ้น คิดเป็น 5% จากผลงานที่ส่งประกวดทั้งหมด หรือพูดภาษาบ้านๆ ก็คือ ใน 100 ชิ้นที่ส่งไป มีผลงานเพียง 5 ชิ้นเท่านั้น ที่ได้ไปต่อ!

โม่งนิวส์ จึงขอตามติดผลการตัดสินของงานประกวดในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้น จะขอคาดการณ์ถึงประเภทของผลงานที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

ผลงาน 3 ประเภทที่น่าจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปแน่ๆ คือผลงานประเภทนวนิยาย รวมเรื่องสั้น และกวีนิพนธ์ ซึ่งเป็นผลงานประเภทยืนพื้นของทุกกองประกวด โดยแนวของงานเขียนทั้ง 3 ประเภท น่าจะอยู่ในกลุ่มของงานเกี่ยวกับชีวิต สะท้อนสังคม วิทยาศาสตร์ และอิงประวัติศาสตร์ จากการคาดการณ์ของกองบรรณาธิการโม่งนิวส์ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผลงานประเภทนวนิยายรักโรแมนติกจะผ่านเข้ารอบ เว้นแต่ว่าเนื้อหาจะมีความแปลกใหม่และดึงดูดเป็นอย่างมาก เพราะอมรินทร์เองก็มีสำนักพิมพ์ในเครืออย่าง สนพ.อรุณ ที่ตีพิมพ์นิยายรักอยู่ และหนึ่งในกองบรรณาธิการของ สนพ. อรุณ ก็คงได้รับมอบหมายให้มาเป็นกรรมการคัดเลือกผลงานในรอบนี้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่ดีจริงปังจริง คงหวังเข้ารอบได้ยากสักหน่อย

ผลงานประเภทที่น่าจะเข้ามาเป็นตัวสอดแทรกนอกเหนือจากเมนหลักทั้ง 3 ประเภท ก็คงหนีไม่พ้นนิทานภาพสำหรับเด็ก ผลงานประเภท how to และหนังสือนำเที่ยว ผลงานอื่นนอกเหนือจากประเภททั้ง 6 ที่กล่าวมานี้ กองบรรณาธิการโม่งนิวส์มองว่าเป็นไปได้ยากมากที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป

สรุป: กองบรรณาธิการโม่งนิวส์เชื่อว่า การที่กองประกวด ARC award ไม่ได้กำหนดประเภทของผลงานที่สามารถส่งได้ เพียงเพื่อต้องการให้มีผู้ส่งผลงานเข้ามาร่วมชิงชัยให้เป็นจำนวนมากที่สุดเท่านั้น สุดท้ายทางกองประกวดก็น่าจะมีการกำหนดแนวทางและกรอบของผลงานอยู่ดี

ติดตามผลการประกวดได้ใน facebook fanpage ของกองประกวด ARC Award - อ๊าคอะวอร์ด https://www.facebook.com/AmarinReadersChoiceAward/

ประกาศผลรอบคัดสรร วันที่ 8 มิถุนายน 2017 เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
#ARCAward
#มากกว่ารางวัลคือคนอ่าน

323 Nameless Fanboi Posted ID:7ZZDkit2N

เพื่อนโม่งช่วยแนะไอเดียหน่อย
กูกำลังแต่งนิยายเวทมนต์แต่มันตันๆว่ะ
ถ้าพูดถึงพวกเวทธาตุมันก็จะมีแค่ไม่มีกี่อย่างอ่ะ
อย่างดินน้ำลมไฟพิเศษหน่อยก็แสงความมืดไฟฟ้าว่าไป
แล้วพวกนี้ที่ดูเด่นๆจริงๆก็ไฟน้ำไฟฟ้าพวกนี้
กูพยายามหาอะไรเจ๋งๆเสริมให้อันอื่นให้ไม่ดูด้อยแต่นึกไม่ออก
อย่างลมนี่นอกจากบินได้กับเรียกพายุก็นึกไม่ออกแล้ว
ดินยังพอแตกไปได้เป็นสายพืชควบคุมหิน
แสง+ความมืดนี่ตันสุดๆ
กูคิดว่าความมืดคือการดูดแสงเลยจะเวทนี้สามารถดูดเวทอื่นได้แต่มันก็ดูแปลกๆโกงๆ
กูไม่ชอบให้คนเข้าใจว่า แสง=ดี มืด=เลว

324 Nameless Fanboi Posted ID:gFz+iSEwK

มืดนี่เป็นเด่นเรื่องแปลงกายรึปลอมตัวอะไรงี้ดีไหม ส่วนแสง อืม... เด่นด้านรักษาหรือป้องกันสร้างเกราะสร้างเขตแดนมั้ง 555

325 Nameless Fanboi Posted ID:gU15FeB7e

ส่วนใหญ่แสง-มืด นี่มักจะนึกถึงพวกเกี่ยวกับอวกาศหรือดาราศาสตร์แฮะ
ลองให้แสงกับมืดออกแนววิทย์กึ่งเวทดูไหม อันนี้ลองเสนอเฉยๆ นะ
แสง เคลื่อนที่ความเร็วสูง หักเหแสงสร้างภาพลวงตา ข้ามเวลาได้ ยกตัวอย่างเรื่องการเดินทางของแสงกับการมองเห็นของคนที่จะมองเห็นก็ต่อเมื่อแสงสะท้อนกลับมาที่ดวงตาแล้วเหมือนเวลาเกิดซูเปอร์โนวาในซักที่บนอวกาศกว่ามนุษย์จะรู้ว่าเกิดก็ตอนที่แสงของเหตุการณ์เดินทางมาถึงระยะที่สามารถตรวจจับได้ คิดว่าน่าจะลองแถได้อยู่นะ
มืด ควบคุมแรงดึงดูด หยุดเวลาเหมือนกับข้างบนความมืดดูดแสงสว่างเข้าไป สร้างหลุมดำด้วยการดูดกลืนแสงโดยใช้เป็นท่าผสานกับเวทแสงหรือสวนกลับ
ที่ว่าไปยังมั่วๆ อยู่บ้างเราก็จับแพะชนแกะดูอ่ะถ้าจะใช้ก็ลองค้นเพิ่มเติมก่อนแล้วปรับให้สมจริงขึ้นหรือจะแถให้ไปทางเวทโดยอ้างตำนานเทพเข้ามาเอี่ยวก็ได้ จะใส่เรื่อง โฟตอน แทคีออน ดาร์คแมทเทอร์หรืออะไรก็ได้เต็มที่เบย

326 Nameless Fanboi Posted ID:gU15FeB7e

ดันกด reply ไปซะก่อนขอต่ออีกโพสละกัน
เรื่องเวทลมคิดว่าควบคุมอากาศเพิ่มเข้าไปก็น่าจะได้นะ เช่นทำให้เป็นสุญญากาศให้ขาดใจตาย หรือเปลี่ยนคุณสมบัติของอากาศให้เป็นพิษได้อะไรงี้หรือให้เล่นคู่กับพวกสารพิษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเช่น ฉีดไบก้อนใส่ศัตรูแล้วควบคุมลมกากาศให้พาแก๊สเข้าสมองศัตรูโดยตรงเป็นต้น(เริ่มเบียวละตรู)
ลองประยุกต์กับอย่างอื่นที่ไม่ใช่เวทดูก็ได้ อย่างเรื่อง อวาตารเผ่าน้ำมันยังประยุกต์ไปถึงขั้นควบเลือดในตัวคนให้บังคับร่างกายศัตรูได้ตามใจนึกเลยเพราะน้ำเป็นส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิตอะไรแบบนี้จะดึงน้ำออกจากตัวให้แห้งตายเลยก็ได้

327 Nameless Fanboi Posted ID:24LRAEoYc

>>323 ลองเล่นเกมผสมธาตุดูมั้ย พวก alchemist

328 Nameless Fanboi Posted ID:c55RY0Bft

>>325 ไอเดียดี แต่กลัวคนอ่านไม่เข้าใจเวลาอธิบาย กูก็ไม่ค่อยเก่งวิทย์ด้วยสิ555555 แถมตัวนิยายมันแนวเทพนิยายแฟนตาซี
>>324 ปลอมตัวโอเคเลย แต่แสงนี่อยากได้ที่เน้นบู๊ๆได้ด้วยอ่ะ พวกเกราะ+รักษามันจะยิ่งทำให้ธาตุนี้ดูเป็นตัวแทนความดีเข้าไปอีก เกราะนี่เอาไปใส่ในธาตุลมแทน สร้างเกราะลมให้หักเหเวทย์อื่น รักษาเอาไปอยู่ธาตุดินดึงแร่ธาตุต่างๆจากดินพืชใช้ในการรักษา ยังงี้โอเคไหม กูคิดว่าพอเสริมให้สองธาตุนี้เด่นได้อยู่
ความมืดดูดแสงควบคุมเงาเพื่อปลอมตัว+โจมตีว่าไป
เหลือแต่แสงนี่แหละ กูลองหาข้อมูลอยู่ว่ามีนิยายหรือเกมไหนที่มีเวทย์แสงไหมเผื่อได้ไอเดียดีๆ

329 Nameless Fanboi Posted ID:e/K9cjN.R

>>327 เป็นโปเกม่อนเลย55555 ผสมธาตุลองคิดแล้วแต่ไม่ลงตัว อย่างแสง+ความมืดนึกไม่ออกว่าจะผสมกับอะไรแล้วเป็นอะไร มันจะดูแปลกๆอ่ะในความคิดกูนะ ดูเป็นคนไม่มีคู่อ่ะ กูแม่งโรคจิต5555555555

330 Nameless Fanboi Posted ID:gFz+iSEwK

>>328 อืม แสงนี่ยากจริงแฮะ งั้นปล่อยลูกบอลแสงหรือไม่ก็แท่งลำแสงโจมตีได้แบบในเกมซักเกมดีมะ (กูนึกชื่อเกมไม่ออกแต่ต้องมีซักเกมแหละน่า 555)

331 Nameless Fanboi Posted ID:VZ/2l4Lv.

>>323 กุมีวางพล๊อตไว้อยู่ แต่ของกุเป็นกึ่งกำลังภายในด้วย มันเลยเล่นท่ายากได้มากกว่ามั้ง ของกุวางไว้เลยคือ 4 ธาตุหลัก สามารถผสมรวมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่คนที่เป็นก็น้อยส่วนลงไปอีก แต่แสงกับมืดกุจะแยกโซนต่างหาก เพราะของกุคือแสงกับมืดจะโกงระดับนึง ธาตุอื่นๆมีแพ้ทางกันเองอยู่ แต่แสงกับมืดไม่แพ้ทางแล้วก็ไม่ชนะทางด้วย
ส่วนท่าร่างมันได้เยอะมากๆ ถ้าเมิงนึกไม่ออกลองไปดูพวกเกมดิ เยอะจนไม่รู้จะเอาอะไรมาใส่เลยแหละ เท่าที่ดูอยากได้พวกธาตุแสงบู๊ ๆ ปกติมันก็บู๊ได้ทุกธาตุนะ
แต่ที่นิยมคือ แสงจะเป็นสายพวกป้องกัน พวกตรึง โล่ กักขัง รักษา
ถ้าโจมตีก็แล้วแต่ชอบ อาจจะแปลงสถานะเป็นอาวุธหรือจะใช้เป็นพวกสะท้อนการโจมตีกลับก็ได้
จริงๆแสงกับมืดนี่อิสระสุดละนะจะยำยังไงก็ได้ พวกธาตุนี่ยังต้องอิงสถานะจริงของมันอีกเพราะคนติดในหัวไปหมดแล้ว

แสงแต่เป็นตัวร้ายก็เยอะแยะนะ อันนี้อยู่ที่สร้างรายละเอียดของโลกมายังไง กับตัวละครที่ใช้มากกว่า
แฟนตาซีถ้าไม่อิงวิทย์มันไปไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละขึ้นกับจินตนาการกับการบรรยายให้คนอ่านอินยังไง

332 Nameless Fanboi Posted ID:i3LHDkFTU

>>328
Son of light ... บน gravity tales ...

แสง ถ้าแปลกๆหน่อยก็ นำทางมั้ง

ถ้านิยายพลังเวทธาตุต่างๆที่แหวกๆแนวหน่อย แนะนำเรื่องนี้ https://my.dek-d.com/cidius/writer/view.php?id=591537 เผื่อได้ไอเดียอะไร

333 Nameless Fanboi Posted ID:efUUHXO+d

>>332 มึงหมายถึง child of light บน WW เปล่าวะ 555

334 Nameless Fanboi Posted ID:LqZroxHvn

ถ้าแค่เวทแสงโจมตีอย่างเดียว ยิงเป็นบีมก็เหี้ยละ จะเส้นเล็กเส้นใหญ่ก็แล้วแต่ เร็วและแม่นยำดี ถ้าร้อนมากๆก็เหมือนดาบเจไดที่แม่งทะลุทะลวงได้ทุกอย่าง(ความแรงมึงไปปรับเอา อาจจะเป็นแค่ความร้อนธรรมดาที่โดนแล้วไหม้ก็ได้) รึจะคงให้มีสถานะเป็นกึ่งของแข็งเหมือนดาบเจไดตรงๆเลยก็ได้

335 Nameless Fanboi Posted ID:uoh1wLBa5

มึง ถ้ากูจะเขียนแนวๆโอเมก้าเวอร์สแต่เป็นฉบับนอร์มอลธรรมดามันทำได้ป่ะวะ หรือมันต้องวายเท่านั้น

336 Nameless Fanboi Posted ID:xMDIODVtZ

ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ

337 Nameless Fanboi Posted ID:ngQERztFk

>>335 ได้มันก็ได้แต่ไม่เห็นว่าทำไมถ้าเป็นนอร์มอลต้องเป็นโอเมก้าเวิอร์ส แนวเหนือธรรมชาติมันก็มีแนวแบบโอเมก้าเยอะอยู่แล้ว ธีมโอเมก้าฯ มันเปิดให้การวายทั้งชายหญิงมีหลักเหตุผลรองรับการผสมพันธุ์และมีลูก

338 Nameless Fanboi Posted ID:TWdDbTCeH

เวลาเจอคนเม้นท์ชมงานกูใจฟูนะ แต่แม่งดีใจได้ไม่สุดไงไม่รู้ว่ะ เหมือนโดนคาดหวังให้งานต่อไปต้องออกมาดีพอๆกันหรือดีกว่าเดิม แล้วกูก็กดดันโน่นนี่นั่น สุดท้ายแม่งเขียนไม่ออกเฉย ควรทำไงดีวะ

339 Nameless Fanboi Posted ID:fum6v2GzT

>>338 ใช่มะ กูก็เป็น

340 Nameless Fanboi Posted ID:6kCgMC9/L

>>335 ได้สิ แต่โอเมก้าเวิร์สส่วนใหญ่กูเห็นเป็น ชช ทั้งนั้นอะ ญญ ก็มีนะ แต่น้อยกว่ามาก นอร์มอลแทบไม่เคยเห็นเลย

341 Nameless Fanboi Posted ID:cRJ8ADmGb

จะว่าไปที่ไม่ค่อยเห็นนอร์มอลเป็นโอเมก้าเวิร์สเพราะสังคมจริงมันก็ค่อนข้างเหมือนโอเมก้าเวิร์สอยู่แล้วปะวะ แบบสังคมผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงท้องได้อะ
แต่กูก็อยากเห็นอัลฟ่าหญิงทำผู้ชายโอเมก้าท้องนะ ต้องน่ารักมากแน่เลย

342 Nameless Fanboi Posted ID:cRJ8ADmGb

เอ้อ ไหนๆก็ไหนๆ ถาม >>335 หน่อยว่าทำไมมึงอยากเขียนโอเมก้าเวิร์สคู่นอร์มอลเหรอ คืออย่างกูชอบอ่านโอเมก้าเวิร์สชายชายเพราะชอบอ่านผู้ชายท้องกับเรื่องบรรยายกลิ่นงี้ กูอยากรู้มุมมองของคนที่ชอบโอเมก้าเวิร์สชายหญิงบ้างน่ะว่าชอบเวิร์สนี้ที่ตรงไหน

343 Nameless Fanboi Posted ID:np2WCbRMV

>>342 กูไม่ใช้ >>335 นะ แต่ในฐานะคนชอบ กูชอบบรรยากาศคุมตัวเองไม่ได้ ตกอยู่ในสัญชาตญาณอะ กับเรื่องระบบของโอเมก้าเวิร์ส(เอาจริงกูก็ค่อนข้างชอบหมดนะจะ ชช ญญ อัลฟ่าหญิงโอเมก้าชาย อัลฟ่าชายโอเมก้าหญิง etc)

344 Nameless Fanboi Posted ID:bMFqXmmpl

ถามอะไรหน่อย คือตอนนี้เรามีพล็อตเรื่องสั้นที่อยากเขียนอยู่เรื่องหนึ่งแต่จัดไม่ถูกว่าควรอยู่หมวดไหนระหว่างเกมออนไลน์กับสไลวไลฟ์ดี
เรื่องมันจะเกี่ยวกับเกมแนว DOTA หรือที่เรียกว่า MOBA อ่ะนะเล่าถึงกลุ่มเพื่อนชายล้วนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะไปเข้าแข่งงานแข่งเกมเลยตั้งทีมฝึกฝนเพื่อจะเข้าแข่งคัดตัวไปแข่งงานใหญ่ เนื่องจากเป็นเรื่องสั้นเลยไม่ได้วางพล็อตคลุมไปถึงตอนแข่งใหญ่กะแค่ว่าจะให้ตกแค่รอบคัดเลือกนั่นแหละแล้วไปเล่นประเด็นของคนในทีมพวกความสัมพัน ภาระในการแบ่งเวลาชีวิตกับเล่นเกม แล้วก็การค้นหาสายตัวละครที่ถนัดของตัวเอง ประมาณนี้
เนื่องจากไม่ได้วางให้มันหวือหวาแบบพล็อตเกมออนไลน์ MMORPG ทั่วไปที่พระเอกโซโล่คนเดียวได้เลยไม่ค่อยแน่ใจว่ามันควรจะอยู่หมวดเกมออนไลน์รึเปล่า เพื่อนโม่งคิดว่ายังไงบ้าง

345 Nameless Fanboi Posted ID:VmrPAfJJt

>>344 กูว่าแล้วแต่มึงว่าอยากจะได้คนอ่านกลุ่มไหนแฮะ ถ้าอยากได้พวกที่อ่านหมวดเกมออนไลน์ก็ลงหมวดนั้น

346 Nameless Fanboi Posted ID:bMFqXmmpl

>>345 อ่องั้นคงจะลองลงหมวดออนไลน์ก่อนละกันเพราะที่วางไว้ก็หนักไปทางเล่นกับตัวเกมอยู่พอสมควร Thx!

347 Nameless Fanboi Posted ID:1Ghwzb8n6

>>344 หมวดเกมออนไลน์ ถ้าไปหมวดอื่นคนอ่านไม่น่าจะเก็ท

348 Nameless Fanboi Posted ID:IEx6n4IbK

กุกำลังลองคิดงานแนวการ์ดเกมว่ะ คิดระบบไปมา ปรากฏว่ายากชิบหาย

349 Nameless Fanboi Posted ID:un8Hr1O9O

มีหนังสือรวมหรือ​เกี่ยวกับ​คำราชาศัพท์ ไว้อิงประกอบ​การแต่งนิยายแนะนำ​มั้ย​ เสิร์ชกูเกิ้ล​บางทีก็ดูเชื่อถือ​ไม่ได้​เลย ก๊อปมั่วกันไปมา

350 Nameless Fanboi Posted ID:yalnfdLpf

>>349 คลังคำมั่ง

351 Nameless Fanboi Posted ID:z.3JpeWmZ

มีใครมีความรู้เรื่องการทำหนังบ้างมั้ย กูอยากถามว่าสมมติในนิยายกูมีฉากเกี่ยวกับหนังต้นทุนต่ำ(ไม่เกิน2ล้าน)ฉายในเทศกาลเฉยๆ แล้วมีบทประมาณว่าผกก.ไปเจอคนๆ นึงแล้วถูกใจบุคลิกเลยเขียนบทนี้ขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ประมาณว่ารู้สึกว่าบทหนังขาดอะไรไปตั้งแต่แรกแล้วแต่คิดไม่ออกว่าอะไรจนมาเจอคนนี้ แต่เป็นแค่ตัวประกอบที่มาขโมยซีนห้านาทีสิบนาทีเฉยๆ ถ่ายจบในวันเดียวนี่เป็นไปได้มั้ยวะ พวกมึงที่เป็นคนอ่านจะรู้สึกเหลือเชื่อ หรือน่าขันไปไหม

352 Nameless Fanboi Posted ID:ftLyL6nWx

>>351 ถ่ายจบในวันเดียวน่ะได้ แต่ตัดต่อ ใส่ดนตรี ทำอินเซิร์ทอะไรอีก วันเดียวไม่เสร็จนะมึง

353 Nameless Fanboi Posted ID:r/.DLbU.c

>>352 โทดทีกูหมายถึงถ่ายฉากที่มีคนๆนึงในหนังแค่สิบนาทีน่ะวันเดียวเสร็จมั้ย แบบคนนี้มาถ่ายสามชั่วโมงแล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกองนี้อีกอะ ส่วนที่เหลือก็ถ่ายกันตามปกติ โพสโปรดักชั่นสองเดือนสามเดือนอะไรก็ว่าไปตามเรื่องราว

354 Nameless Fanboi Posted ID:kk+kceFR+

>>349 คลังคำ ของโคตรดี มีคำให้มึงเลือกใช้ในความหมายที่มึงต้องการ เลี่ยงคำซ้ำได้ดีเลยละมึงเอ๊ย

355 Nameless Fanboi Posted ID:kk+kceFR+

ว่าไป ไม่มีเพื่อนโม่งทำมู้ที่เกี่ยวกับโรงพิมพ์ไว้พิมพ์ฟิค พิมพ์นิยายทำมือมั้งเหรอวะ

356 Nameless Fanboi Posted ID:XEGSQ89pH

>>355 คุยกันในมู้อีเวนท์กับมู้ปั่นโดในห้อง subculture

357 Nameless Fanboi Posted ID:IQ.7kImb9

เพิ่งเห็น Comico อัพเดทนิยายไทยแล้ว พวกนิยายจากเด็กดีมาเพียบ เข้าไปดูไม่ใช่แบบไลต์โนเวลญี่ปุ่นเอามาใส่รูปด้วย ดีต่อใจมาก เห็นในพันทิพบอกให้เรื่องละแสนเลย แบบนี้ใจชื้นแล้สขายขาดก็ยอม

358 Nameless Fanboi Posted ID:IQ.7kImb9

ดูผิดไปนิดเขาบอกไม่ถึงแสน ถ้าขายขาดแบบนี้จะดีมั้ย
https://m.pantip.com/topic/36500565?

359 Nameless Fanboi Posted ID:cucF0N/J6

>>358 สงสัยว่าแค่ไม่ได้เปอร์เซนต์เหมือนทำงานรับเป็นเงินรายตอนรายเรื่องเฉยๆ หรือว่าขายขาดเลยจริงๆอ่ะ เพราะระบบการ์ตูนเขาก็ไม่ได้ซื้อขาดนะ

360 Nameless Fanboi Posted ID:IQ.7kImb9

>>359 ถ้ากูเสนอผ่านกูจะมาบอกยังไม่ถึง 80 หน้าเลยว่ะ

361 Nameless Fanboi Posted ID:.DCQlYM/g

>>358 แสนกับสองแสน ราคาต่างกันเป็นเท่าตัวความจริงแทบไม่ต้องคิดมากอะไรเลย แถมยังไม่ต้องผูกมัดสัญญาอีก

362 Nameless Fanboi Posted ID:JQINa/59M

>>358 โม้มาก 200k ต่อเรื่อง มันต้องเขียนขนาดขายเกือบหมื่นเล่ม นักเขียนเก่งขนาดนั้นไม่ต้องมาเขว้กับเว็บนิยายออนไลน์แล้ว โคตรโม้
นิยายตีพิมพ์ทุกวันนี้พิมพ์ 3-5000 เล่ม ได้เงินอยู่ 5-8 หมื่น ยังขายแบบหืดขึ้นคอขายข้ามปีดีไม่ดีสองปียังขายไม่หมด

363 Nameless Fanboi Posted ID:zgmqykYC4

>>362 คิดเหมือนกัน เรื่องเงินต่อเรื่อง
แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มี
กูรู้ว่ามีนักเขียนบางคนที่เขียนทำมือเอง มีกลุ่มตัวเองพอควร
ขายระดับหนังสือทำมือเองใกล้ๆ 1000 เล่ม + ebookได้ยอดโหลดเองเต็มๆ 500-600 โหลด
แค่นั้นก็ได้เกิน 2 แสนแล้ว
ถ้าเจาะจริงๆ มีหลายคนอยู่นะ แต่ก็นับหัวได้ และกูเดาว่าคนที่ถามต้องมีชื่อในกลุ่มนักเขียนอิสระ เน้นทำมือเอง ซึ่งเว็บนั้นก็พอจะรู้ข้อมูลบางอย่างถึงกล้าติดต่อตรงเข้าไปว่า เธอคนนี้สนใจมั้ย
ปล.ถ้าเพื่อนโม่งเนียนเข้ากลุ่มพวกนข. อาจพอเดาๆได้ เพราะเห็นบางคนว่าเรื่องนี้ได้ebookมา 2แสนกว่า บางคนว่า 3แสนกว่า บางคนแสน บางคนแปดหมื่น
คืออย่างที่บอกว่ามีนะ แต่ไม่มากมายอะไร ลองดูนักเขียนสายทำมือดังๆ ก็จะรู้ได้

364 Nameless Fanboi Posted ID:f+cd938Yf

>>354 กุเพิ่งกดโปรนอ.มาเลยเนี่ยลด 20 เปอพอดี เล่มเดียวก็ส่งฟรีราคามันถึง กลัวอย่างเดียวแม่งหนักชิบหาย - -

365 Nameless Fanboi Posted ID:IG5xI5Dg1

กูมีปัญหาว่ะ กูใส่ทุกอย่างลงในหน้ากระดาษเรียบร้อยแต่พอจะรีไรท์แม่งตันชิบหาย อ่านดูเท่าที่เขียนน่ะโอเคเลยแค่ภาษาไม่ค่อยสละสลวยเท่าไหร่ แต่พอจะแก้ก็สมองตื้อ เครียดไปหมด เหมือนสื่อออกมาไม่ได้ดั่งใจซักทีว่ะ

366 Nameless Fanboi Posted ID:FEYjMJNKO

>>365 ลองหานิยายเรื่องที่ชอบภาษาแล้วดูแนวทางเอา ของกุก็กะทำแบบเมิงนะ แต่คงรอจบก่อน รู้สึกภาษาไม่สละสลวยเหมือนกันเลย แต่ถ้ามาเขียนไปแก้ไปคนอ่านน่าจะด่า แล้วก็หนังสือคลังคำช่วยได้เยอะ แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะ กุว่าอิง ๆ เอาตามสไตล์ที่ชอบก็จะช่วยได้มากกว่า เพราะสละสลวยแต่ละคนมันไม่เท่ากัน อย่างของกุถ้าอารมณ์พวกภาษาระดับสูง ๆ กลอน ๆ อันนั้นก็เยอะไปกุไม่ชอบ กุชอบแบบกลาง ๆ พอนึกภาพออกตามได้ง่ายไม่ต้องใช้คำยากไรมากมายกว่า แต่พวกบรรยายหน้าตา กุกากคำมันชอบซ้ำ ๆ เลยว่าจะมานั่งแก้ทีหลัง

367 Nameless Fanboi Posted ID:A1CbcpSbm

เขียนนิยายสงครามยังไง ไม่ให้คนอ่านรู้สึกว่าตัวละครตายง่ายไปครับ พอลงตอนสู้บอสที่เก่งมากๆก็ไม่อยากบรรยายรายละเอียดหรือระลึกความหลังของพวกตัวรองมากเกินไปแบบซัดทีเดียว หัวกระจุยแล้วผ่านไปตัวอื่นเลยแต่คนอ่านบอกว่าใช้ตัวละครเปลือง

หรือว่าต่อไม่ควรพูดถึงคนอื่นๆให้โฟกัสพระเอกอย่างเดียวพอครับ

368 Nameless Fanboi Posted ID:7AcPdVG9z

>>367 ไม่รู้นะ ส่วนใหญ่กุมักจะอธิบายฉากตายกับพวกทหาร หรือ แม่ทัพโนเนมของทั้งสองฝ่ายนะ เน้นบรรยากาศสับสนวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างเพลี่ยงพล้ำ
แล้วอธิบายคร่าวๆว่าตัวละครสำคัญกำลังทำอะไรในความวุ่นวายนั่น (จะหนี จะสู้ จะวางแผน ๆลๆ) นอกจากจะเป็นฉากสำคัญ เรียกน้ำตา ดราม่าจริงๆ ค่อยให้ตัวละครสำคัญตายจริงๆ

369 Nameless Fanboi Posted ID:UDPNpTp3e

>>367 อ่านนิยายจีนได้ไหม กูขอแนะนำเรื่องของจิ่วถูพวกยุทธการล่าบัลลังก์อะไรเทือกๆนี้นะ บรรยายความบู๊ได้สะใจดี

แต่อย่างหนึ่งที่อย่าลืมเวลาเขียนก็คือมึงต้องนึกก่อนนะว่าคาแรคเตอร์ของคนที่สู้กันมันเป็นไง มันมีนิสัยติดสู้แบบไหน มีท่าถนัดไหม มีลูกเล่นอะไรเปล่า บ้าเลือดหรือค่อยๆเชือดหรือเป็นแบบอื่น แล้วมึงจะเขียนความคิดของฝั่งไหนก็เขียนไปเถอะ มันไม่เยิ่นเย้อหรอกถ้าคนอ่านเขาอินกับตัวละครมึงแล้วน่ะ

370 Nameless Fanboi Posted ID:bc.cEy1ns

>>367 กูยกตัวอย่างการ์ตูนได้ไหม hxh งี้ พล่ามเรื่องตัวละครใหม่มาตอนนึงเต็มๆดราม่ามากกูกำลังอินเลย พลิกหน้าถัดไปแม่งนอนเป็นศพหัวหลุดไปแล้ว =_=
กูว่าอยากทำไรก็ทำเถอะแต่เขียนให้สนุกน่าสนใจก็พอ ถ้าเขียนให้คนอ่านเค้าเสียดายตัวละครได้กูว่าเพราะเค้าชอบตัวละครนั้นนะ

371 Nameless Fanboi Posted ID:+YNyYhxfF

>>368 ขอบคุณฮะ พอดีเป็นพวกตัวละครรองๆแต่มีบทร่วมต่อสู้ไปมากับตัวเอกอยู่บ่อยๆแต่ แล้วตอนนี้คือสู้กับบอสใหญ่ของภาคที่เก่งมากๆ+ไม่อยากอธิบายยืดยาวเกินไป เลยให้ซัดตูมเดียวเละแบบไม่ให้ตั้งตัว

>>369 ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปลองหาอ่านดู

>>370 ขอบคุณครับ คือเข้าใจเหมือนกันว่าใช้ตัวละครเปลืองคือแบบตัวอย่างที่ยกมานี้ แต่ที่เขียนคือเป็นพวกตัวละครรองๆที่มีบทต้นๆเลยครับ ร่วมกลุ่มผจญภัยกับพระเอกและรอดมาด้วยกันหรือมีบางคนที่ไม่รอด พอช่วงปลายภาคก็มีอีเว้นท์ปราบบอสซึ่งอยู่คนละระดับเลยกลายเป็นเทศกาลเลือด ตายเยอะมากๆ

ขอถามอีกหน่อยได้ไหมครับ คือโดนตำหนิมาว่าตัวเอกโง่เพราะไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมดเลยพลาดท่า ควรจะแก้ดีไหม

372 Nameless Fanboi Posted ID:97Xtfc30T

>>371 ส่วนตัวไม่จำเป็นนะ มันอยู่ที่ว่าตัวเอกจะเรียนรู้จากความผิดพลาดไหม (อาจจะถูกความผิดพลาดหลอกหลอนไรงี้) หรือจะเป็นจุดพลิกพลันให้ตัวเองสูงขึ้น หรือ ต่ำลง บลาๆ บางทีการไม่รู้สถานการณ์อาจจะไม่ใช่เพราะอ่อนประสบการณ์อย่างเดียว แต่อาจจะเพราะมีหนอนบ่อนไส้ หรือ หน่วยข่าวกรองแย่ แต่ก็แล้วแต่มึงอ่ะนะมึงคนเขียน ถ้ามันรู้หมดเก่งทุกอย่างอาจจะกลายเป็นแกรี่ สตูโดยไม่รู้ตัว
- กรณีตัวรองจริงๆบางทีไม่ต้องอธิบายก็ได้ตายไง เอาแบบสงครามจบแล้วพระเอกหรือเพื่อนพบศพนอนตาเหลือกแล้วพระเอกปิดตาให้ก็ได้ หรือ บลาๆ จะได้สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม

373 Nameless Fanboi Posted ID:97Xtfc30T

>>372 กุลืมบอกไปว่ากุชอบแต่งสงครามแนวเดอะลอร์ดนะรายละเอียดอาจจะแตกต่างตามยุคสมัยของสงคราม สิ่งที่กุแนะนำอาจจะไม่เข้ากับโทนเรื่อง หรือ แนวที่มึงเขียนก็ได้ ถ้าวิธีแต่งฉากรบของกุนะ คือกุศึกษาดูกลยุทธของการรบอันเลื่องชื่อจากทั่วโลก (อิงตามยุคสมัย) แล้วดูว่าแม่ทัพคนนั้นมีแผนอะไรพลิกผันสถานการณ์ได้ อะไรเป็นปัจจัยให้การฝั่งหนึ่งพลาดพลั้งจนพ่ายแพ้ แล้วก็ลองมาดัดแปลง ใส่ความเป็นแฟนตาซีเอา

ส่วนใหญ่สงครามเมื่อก่อนตายในการรบจริงประมาณ 20 เปอ เอง ที่เหลือส่วนใหญ่ตายระหว่างโดนไล่ล่าหลังจากกระบวนทัพแตกแล้ว แต่ถ้าเขียนแนวๆบาซาร่า ที่กลุ่มพระเอกเมพจัดฆ่าลูกกระจ๊อกฝ่ายตรงข้ามเป็นผักปลา ชนะโดยไม่ต้องพึ่งทหารฝั่งตัวเองเลย แบบนี้กุเขียนไม่เป็นว่ะ

374 Nameless Fanboi Posted ID:odEng.NFF

>>371 สถานการณ์น่าจะคล้าย ๆ ที่เจอเลยแหะ แต่คนละแบบ โดนด่าเรื่องโง่เหมือนกัน 555+ แต่ท้าย ๆ กะจะมีสงครามเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ยังอยู่ช่วงแรก ๆ อยู่ ช่วงโดนด่ามันช่วงปูฟื้นอยู่ กะให้ตัวเอกมีเจอเรื่องที่ผิดพลาดอยู่แล้วเลยไม่ได้สนใจมาก อีกอย่างคือจะปูให้ตัวร้ายเก่งระดับนึงด้วย มันอยู่ที่ระดับของเหตุการณ์มากกว่า ถ้าดูพลาดง่าย ๆ เกินคนอ่านจะว่าก็ไม่แปลก ต้องเขียนให้มันดูมีจุดที่รับได้ถึงความผิดพลาด ถ้าไม่พลาดเลยมันซูเกินปกติอยู่แล้ว ต้องการเหตุผลมารอบรับให้ได้ เช่น ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง โดนฝ่ายตรงข้ามหลอก ศัตรูเก่งระดับไหนก็มีส่วนอีก สงครามถ้าชนะง่ายเกินมันก็ไม่มีอะไรให้จดจำ มันต้องสลับแพ้ชนะบ้างถึงจะลุ้น

เรื่องใช้ตัวละครเปลืองอันนี้ขึ้นอยู่กับปูมาแบบไหน ถ้าเล่าถึงมาเยอะอยู่กับตัวเอกมานานคนอ่านก็จะรู้สึกเสียดาย ส่วนตัวถ้าตัวละครแบบนี้จะตายจะมีจุดที่ทำให้ดูเหมาะสมในการตายนิดนึง เช่น ช่วยตัวเอกในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงระหว่างการต่อสู้ เหมือนตายง่ายแต่มีประโยชน์ให้กับตัวเอกบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ใช่วิ่งเข้าไปโดนศัตรูฟันหัวขาดในดาบเดียวแล้วบทหายไปเลยมันก็ดูใช้ตัวละครเปลืองไป ส่วนเล่าย้อนมันไม่จำเป็นต้องให้เจ้าตัวเล่าก็ได้ จะให้คนรอบข้างนึกถึงหรือตัวเอกเป็นคนนึกถึงก็ได้ ถึงจะตายง่ายมันก็ยังดูมีความทรงจำยังหลงเหลือให้คนที่ยังอยู่นึกถึงได้ ตีบทดราม่าไปได้อีกเยอะ อาจจะเป็นช่วงหลังจากจบสงครามแล้วหรือระหว่างสงครามให้ตัวเอกจิตตกก็ได้ อันนี้แล้วแต่วางเนื้อเรื่องมายังไง

แนะนำเหมือนโม่งบ่นเหมือนกันของจิ่วถู แต่งช่วงสงครามได้ดีจริง ๆ ทำให้อยากมาแต่งแนวนี้เลยแหละ แต่คงไม่ยาวขนาดนั้น

375 Nameless Fanboi Posted ID:I8wGofcwY

เวลามีพวกสัตว์หรือสัตว์ประหลาดร้องนี่ใช้คำอะไรกันบ้างวะ แบบ กรร ฮื่ม แฮ่ โฮก ฯลฯ

376 Nameless Fanboi Posted ID:QPgOUPQrE

>>375 น่าจะอยู่ที่หน้าตาหรือชนิดละมั้ง คิดเป็นคำร้องประหลาดขึ้นมาเองก็ได้อีกแหละ ถ้าง่ายสุดก็อิงจากสัตว์ธรรมดา

377 Nameless Fanboi Posted ID:MiUjQBvzp

>>374 ตอนแรกแบบจะแย้งไปว่าพระเอกก็คนนะ ไม่ใช่เทพหยั่งรู้ฟ้าดินที่มีตาสายตาพันลี้หรือมองอนาคตได้ แต่ไม่เอาดีกว่า ค่อยๆเขียนตอนใหม่ออกมาให้เขาเข้าใจแทนละกัน

378 Nameless Fanboi Posted ID:VxGT0vgoA

>>377 ก็มีตอบไปนะว่าพระเอกก็คนธรรมดา มีพลาดบ้างปกติ แต่กุอธิบายดี ๆ มีเหตุผลนะ ไม่ได้เหวี่ยงอะไร พอดีของกุแนวย้อนอดีต คนอ่านก็คงคาดหวังด้วยมั้งว่าจะเทพ จริง ๆ กุก็ใส่ความเทพนะแต่ส่วนอื่น จะเทพทุกด้านมันไม่ได้หรอก แรก ๆ มันจะว้าว แต่ถึงจุดนึงมันจะน่าเบื่อมาก กุทนเขียนแนวนั้นไม่ได้

379 Nameless Fanboi Posted ID:c9ZmDL91W

คนอ่านทำไมชอบเรื่องมากเรื่องนางเอกซิงไม่ซิงวะ กูเขียนให้นางเอกเคยมีแฟน ก็ได้กันเรียบร้อยไปละ แล้วก็เลิกกัน นางเอกก็มาเจอพระเอก ก็เรียบร้อยไปละอีกหน แต่โดนด่าว่าร่านซะงั้น กูเสียจึยยยย กูว่านางเอกของกูไม่มีพฤติกรรมร่านนะ คบใครก็คบทีละคน เรื่องอย่างว่ามันก็ปกติของคนเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ทั้งคู่ก็โตแล้ว รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ไหงต้องยึดติดกับความซิงขนาดนั้นวะ ไม่เข้าใจ

380 Nameless Fanboi Posted ID:WmvrtvBHc

ขอคำแยะยำหน่อยโม่ง เราเป็นนักเขียนมือใหม่ที่เพิ่งเขียนนิยายไปแค่เรื่องเดียวและกำลังเขียนอยู่ ลงในเด็กดี

ช่วยแชร์วิธีโปรโมทนิยายของแต่ละคนให้หน่อยได้ไหม กูคิดว่าแค่อัพอย่างเดียวมันไม่พออะ แต่จะไปตั้งกระทู้โทรโมทในบอร์ดมันก็ดูไม่ได้รับความสนใจมาก(ขนาดวิวกระทู้ยังแค่30กว่าเลยเท่าที่สังเกต) กูไม่รู้จริงๆว่าจะทำให้เป็นที่รู้จักได้จากทางไหนบ้าง

ขอบคุณล่วงหน้า

381 Nameless Fanboi Posted ID:WmvrtvBHc

>>379 ค่านิยมโง่ๆของคนไทยที่ผู้ชายผ่านผู้หญิงเยอะ=เท่ เจนโลก แต่ถ้าผู้หญิงเคยเยกับแฟนแล้วเลิก=ร่าน โง่ เป็นกูกูรับได้นะถ้านางเอกไม่ซิง แม่งเรื่องธรรมดาชิบหาย แต่อาจจะต้องดูบริบทอีกที ถ้ามันนิยายโบราณย้อนยุคที่ความซิงของผญสำคัญมากอาจจะดูไม่สมจริง?

382 Nameless Fanboi Posted ID:gs7SecUkX

>>381 ฝรั่งก็เป็น ไม่งั้นไม่มีคำว่า slut bitch หรอก ผู้ชายผ่านผู้หญิงเยอะก็ดูเท่ แค่เขาไม่ถือพรหมจารีมากเท่านั้นเอง (ส่วนใหญ่งานญี่ปุ่นก็ถือว่าพระเอกควรได้นางเอกคนแรกนะ)

383 Nameless Fanboi Posted ID:7QAXuoq.u

>>379 กระแสนิยมไงมึง นางเอกซิงใสๆ แสนซื่อบริสุทธิ์ แล้วก็ต้องถูกพระเอกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงไม่ซิง พออะจึ๋งกันแล้วพระเอกก็รู้ความจริง แล้งก็รัก หวงมากขึ้น ซึ่งเป็นนิยายเกลื่อนมากกกกกก โดยส่วนตัวกูไม่มีปัญหากับเรื่องซิงไม่ซิง อย่างสายสวาทที่กูเคยอ่านนางเอกก็แต่งงานมีลูกแล้ว จึงค่อยเจอพระเอก เรื่องของมึงอยู่ในแนวไหนอ่ะ หากเป็นวัยรุ่นใสๆนี่มึงอาจโดนเยอะ แต่ถ้าแนวผู้ใหญ่ขึ้นหน่อยกูว่านักอ่านที่เม้นท์ว่ามึงเรื่องเยอะไปนะ

384 Nameless Fanboi Posted ID:c9ZmDL91W

>>383 แนววัยทำงานนี่ล่ะ

385 Nameless Fanboi Posted ID:0uMa/bP3G

ถ้าไม่บอกว่าแฟนเก่าเป็นใครกูรับได้นะว่านางเอกไม่ซิง แต่ที่เคยเจอคือเหมือนเอาเรื่องเก่าที่จบไปแล้วมาพูดกูเลยไม่ชอบแนวที่ไม่ซิงเท่าไหร่ แล้วก็มีฉากกับแฟนเก่าและต่อมาเป็นพระเอก บอกเลยว่ากูไม่ได้อยากรู้ แต่รับที่ไม่ซิงได้ มีใครพอเข้าใจกูบ้างอันนี้ 555

386 Nameless Fanboi Posted ID:pDKIu0V5q

>>385 หมายถึงว่าอะไรที่แล้วก็ควรให้มันจบๆ ไปใช่ไหม ไม่รื้อฟื้น หรือทำยังกะจะมีซัมติงกันอีก

387 Nameless Fanboi Posted ID:+mIZMjJcd

>>380 กุไม่ได้โปรโมทว่ะ แชร์นิยายตัวเองยังไม่แชร์เลยเขิน บอกแต่คนใกล้ ๆ ตัว กุเน้นให้คนอ่านมาติดตามเอง ถ้านิยายเราดีจริงยังไงคนก็สนใจ แห่ประโคมแชร์ก็ได้แต่ยอดวิวปลอม ๆ กุให้ความสำคัญกับคนที่สนใจจะติดตามนิยายเราจริง ๆ มากกว่า ลองปรับคำโปรยกับรูปประกอบ ชื่อเรื่องให้น่าสนใจจะดีกว่านะ

388 Nameless Fanboi Posted ID:yxXTYUdb5

กูนึกถึงเรื่องนานะว่ะ ไม่ซิงกันทุกคน นางเอก(ฮาจิ)ก็เปลี่ยนแฟนมาหลายครั้ง แต่คนอ่านไม่โอเคแค่นังเรร่าคนเดียว

389 Nameless Fanboi Posted ID:+mIZMjJcd

สำหรับกุถ้าจะด่าว่าร่านมันคือนางเอกดูใจง่ายเกินว่ะ แบบดูรักง่ายเกินไป ไม่ได้มีปัญหากับนางเอกซิงไม่ซิง แต่ซิงก็ดีกว่า แต่หลาย ๆ เรื่องนางเอกไม่ซิงก็สตรองดี ที่ไม่ชอบก็พวกแบบขาดผู้ชายไม่ได้พวกนี้มากกว่า แบบ แปบ ๆ หาแฟนได้ใหม่อีกแล้ว แล้วก็เสียตัวอีกง่าย ๆ แล้วก็เจ็บอีก

390 Nameless Fanboi Posted ID:c8/uQxudB

จะมีใครชอบแบบกูมั้ยอารมณ์นางเอกจะไปมีอะไรกับคนนู้นคนนี้ไปทั่ว(ไม่ใช้แฟน)อารมณ์ one night stand ถ้ามีแฟนนางก็หยุดตรงนี้ แล้วคบกับแฟนในฐานะอยู่ด้วยกันได้ คุยกันได้ แต่ถ้าไม่มีนางมีอารมณ์อยากมีอะไรกับใครนางก็มี(ถ้าฝ่ายนู้นโอเคและฝ่ายนู้นไม่มีแฟน)

391 Nameless Fanboi Posted ID:F3zJNflVS

>>390 นางเอกกูเลยค่ะ 5555 แต่งสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ ไม่แคร์คนอ่าน สบายใจตัวเองนะ สนุกดีด้วย แต่ยอดวิวอย่าไปหวังนักเลย คงเพราะคาแรคเตอร์ไม่ถูกจริตคนอ่านเท่าไหร่ ทั้งพระ-นาง แต่ก็หวังนะว่าจะมีคนชอบบ้าง

392 Nameless Fanboi Posted ID:J/ShROcq8

>>390 กูเคยเจอเรื่องนึง นางเอกไป one night stand กับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย(ไม่มีฉาก) ไม่ยอมสานสัมพันธ์กับใครเลย แต่พอเจอพระเอกที่ทีแรกก็ได้ยินกิตติศัพท์นางมา ก็อยากเย็ดเลยเข้ามาตีสนิทด้วย พอสนิทกันดีแล้วเกือบๆจะเหมือนแฟน นางไม่ยอมให้พระเอกเอาว่ะ จนพระเอกโมโหว่าทำไมกับกูมึงถึงเล่นตัวจังหาาาา สรุปคือ นางเอกรักพระเอกมากกกกก จนกลัวว่าฮีจะตีจากนางไปถ้าได้นางแล้ว กลัวพระเอกรังเกียจ ก็เลยยึกยักๆอยู่นั่น แต่กูก็ไม่ได้อ่านต่อว่ะเพราะคนเขียนไม่มาอัพซักที ห้าหกปีแล้ว จนกูลืมไปแล้วเนี่ยว่าชื่อเรื่องอะไร พระเอกนางเอกชื่ออะไร จำได้แค่มันพล็อตประมาณนี้

393 Nameless Fanboi Posted ID:1hYt4Q7E0

>>391 ข...ขอชื่อออออ
>>392 กำลังจะถามเลยชื่ออะไร มึงอะะะะะ 555555

394 Nameless Fanboi Posted ID:J/ShROcq8

>>393 ขอโทษษษษษ กูจำไม่ได้อ่าาาาาาา 55555555555555555555555555555555 รู้สึกว่าเรื่องนี้ยอดวิวน้อย คนเมนท์ก็ไม่ค่อยมีด้วย คนเขียนเลยไม่มีกำลังใจมั้ง เลยไม่มาต่อ ตอนนั้นกูยังอ่านในวัยเด็กมหาลัยใสกิ๊งเลยค่อนข้างรับไม่ได้ที่นางเอกไม่ได้โดนพระเอกเปิดซิงคนแรก อ่านจบก็ปิดไป แต่ตอนนี้อะไรก็ช่างแม่ง แค่สนุกกูก็อ่าน กูชอบกูก็เมนท์ให้กำลังใจเขา ถือว่าแฟร์ๆกัน

395 Nameless Fanboi Posted ID:iToUK6L.5

นิยายเกิดใหม่ต่างโลกคือไรวะ คนพูดถึงเยอะมากๆ มันเป็นแบบไหนขยายความที

396 Nameless Fanboi Posted ID:Ky3KlttYh

>>395 ก็ประมาณว่าโลกนี้มึงเป็นคนธรรมดาๆทั่วไป วันนึงเกิดตายกระทันหัน วิญญาณมึงหลุดลอยไปสิงร่างใครซักคนที่อยู่อีกโลก โดยมากจะเป็นคนสำคัญบ้าง เป็นสาวงามล่มเมืองแต่อาภัพบ้าง เป็นนางร้ายในเกมในมังงะที่เคยอ่านบ้าง มึงจะมีชีวิตที่ต่างออกไปจากตอนที่มึงอยู่ในโลกเก่าน่ะ

397 Nameless Fanboi Posted ID:B7Ja/sFoG

>>395 มันมาจากทางญี่ปุ่น ที่ชอบไปเกิดในโลกใหม่ ๆ ออกแนวแฟนตาซีหน่อย ๆ แล้วแต่คนแต่งจะให้ไปเกิดเป็นอะไรมีเกือบจะทุกอย่างละมั้ง

398 Nameless Fanboi Posted ID:nvogg20+S

>>396 >>397 ถ้าเป็นนิยายจีน ส่วนใหญ่มักได้ไปเกิดในร่างสาวงามผู้สูงศักดิ์ มีเหตุร้ายนั่นนี่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างเดิม อาจจะเป็นคู่หมั้นที่เกลียดเจ้าของร่างเดิมมาก หรือมีคำทำนายว่าชะตาอาภัพ ทำให้ไม่มีใครมาสู่ขอ แล้ววิญญาณใหม่ก็จะจัดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนกลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องในที่สุด

399 Nameless Fanboi Posted ID:rSfLgAgv2

>>393 โม่งก็แตกดิวะ 555

400 Nameless Fanboi Posted ID:1GUTwu1v1

>>395 คือนิยายที่ตัวเอกตายหรืออื่นๆแล้วไปเกิดใหม่เป็นเด็กบ้าง ไปอยู่ในร่างคนอื่นบ้าง ในต่างโลก(บางทีถ้าโลกแฟนตาซีอยู่แล้วก็เกิดใหม่ในโลกตัวเองนั้นแหละ)
ต่างโลกบางทีก็อิงระบบเกมบ้าง เป็นโลกที่เคยเจอในหนังสือ/เกมที่โลกเก่าบ้าง แฟนตาซีธรรมดาบ้าง แล้วอต่จะเซต โดยทั่วไปจะมีความโกงหลายประการ พระเจ้าให้มาบ้าง ความรู้เดิมบ้าง เป็นต้น

401 Nameless Fanboi Posted ID:236gT8ugI

เพื่อนโม่งมีคำแนะนำดีๆสำหรับการตั้งชื่อนิยายกับเขียนเกริ่นให้ดึงดูดนักอ่านมั่งไหม
แบบคนเห็นแล้วร้อง "เฮ้ย! น่าสนใจว่ะ" แล้วรีบกดเข้ามาอ่าน เอาของนิยายแฟนตาซี พล็อตผู้กล้าปราบจอมมารดาษๆก็ได้

402 Nameless Fanboi Posted ID:pVJcajMGc

>>401 พล็อตดาษๆเขียนให้น่าสนใจก็ยากนะ เพราะเรื่องย่อที่กูสนใจคือเรื่องย่อที่บ่งบอกว่ามันไม่ดาษ
ถ้าแบบง่ายๆ ก็ยกบทสนทนาในจุดพีคๆของเรื่องมามั้ง ส่วนตัวกูชอบนิยายขำขัน ก็เน้นอันที่ดูบันเทิง เช่น
[1]
"จอมมาร วันนี้ข้าจะปราบเจ้า!"
"เข้ามาเลยผู้กล้า ใครกลัวเจ้ากัน!"
"ผู้กล้า ท่านอย่าสู้อีกเลย"
"เจ้าหญิง อย่าได้ห่วง ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้"
"ไม่! ผู้กล้า ข้าจะบอกว่าเขาเป็นพ่อท่าน"

ล้อเซียงเพียงอิ้วอีกกู... ไม่งั้นเขียนสไตล์เล่าฉากแบบคำบรรยายก็ได้ กูยกตัวอย่างอีกสักอัน
เรื่อง ภารกิจรีดไถของผู้กล้านักทวงเงิน
[2]
ในวันนี้ที่หิมะโปรยปราย ปราสาทจอมมารสูงเสียดฟ้า เหล่าผู้กล้าและสหายรอนแรมไกล เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญดุจอัศวิน วันนี้ พวกเขาสาบาน ไม่ว่าอย่างไรจะต้องให้จอมมารยอมคืนเงินที่ยืมไปให้จงได้!

คำบรรยายผสมประโยคคำพูด
[3]
อัศวินแบกถุงผ้าอ้อม นักเวทย์ชงนม นักบวชอุ้มผู้กล้า โอ๋เด็กชายที่โบกเอ็กคาลิเบอร์เล่นเหมือนอมยิ้ม "ไปเที่ยวปราสาทจอมมาร เอาดาบจิ้มเขาทีหนึ่งก็กลับบ้านได้แล้ว ที่นี่ไม่มีลูกอม ขอล่ะ ได้โปรดอย่าร้องอีกเลยนะ"

ที่จะเห็นบ่อยๆ คือพวกเล่าโครงเปิดเรื่องแบบคร่าวๆ อันนี้ก็เข้าใจง่ายดี แต่ถ้ามึงเป็นพล็อตโหลๆ กูไม่แนะนำ เพราะกูเดจาวูเรื่องย่อสไตล์นี้ติดๆกันมาเยอะแล้ว ตัวอย่างกูเริ่มตันละ เอาเรื่องข้างบนมาเขียนใหม่ละกัน
[4]
เด็กอายุเพียง 4 ขวบดึงเอ็กคาลิเบอร์ออกจากหิน พระราชาส่งเขาไปปราบจอมมารในฐานะผู้กล้าพร้อมคณะสหาย(พี่เลี้ยง) ใครจะรู้ จอมมารกลับยึดตัวผู้กล้าไปเสียฉิบ เจ้าโชตะค่อน คืนผู้กล้ามา!

กูว่าสำคัญคือมึงต้องแสดงตัวตนให้ชัดเลยว่านิยายมึงเป็นแนวอะไร ผู้อ่านที่ต้องการนิยายสไตล์นี้ก็จะเข้าหานิยายมึงเอง อย่างที่กูชัดเจนว่าเป็นนิยายตลก ถ้ามึงเขียนนิยายเศร้าก็เขียนเรื่องย่อรันทดไปอะไรงี้ กฎแรงดึงดูดอ่ะมึง

403 Nameless Fanboi Posted ID:JLvKMNudv

กูชอบอ่านแนวผู้กล้ากับจอมมารแนวตลกๆเหมือนกัน อ่านแล้วกูรู้สึกว่าเฮ้ย! ผู้กล้ากับจอมมารเจอหน้ากันแล้วไม่ต้องฉะกันทุกครั้งก็ได้ มันต้องมีเวลาที่สามัคคีกันได้บ้างสิ แต่มันต้องดูหลายบริบท คาแรคเตอร์ตัวละคร ภาษาที่ใช้บรรยาย ฉาก เนื้อเรื่อง จอมมารความจริงแล้วอาจเป็นมหาบุรุษผู้แสนดีส่วนผู้กล้าก็หน้าแอ๊บใสก็ได้ 5555

404 Nameless Fanboi Posted ID:dRSOr4VMV

>>402 >>403 ที่กูแต่งไว้(ได้หลายตอนแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงที่ไหน กะว่าได้เกินครึ่งเรื่องค่อยลง กลัวไม่จบ)คือพระเอกเป็นพ่อครัวอยู่ในยุคจอมมารนี่แหละ แต่ร้านขาดทุนป่นปี้เพราะพวกนักผจญภัยได้ส่วนลดมาแดกฟรี แม่งเลยขายร้านทิ้งแล้วออกเดินทางไปปราบเองกับเพื่อนมันที่เป็นยาม จะเป็นแนวตลกไร้สาระ จิกกัดแนวผู้กล้าคล้ายๆโคโนะสึบะ(เคยอ่านกันไหม?) กูจะสปอยล์ตอนจบเลยก็ได้ จะให้สปอยล์ไหมล่ะ

405 Nameless Fanboi Posted ID:qcIXK7Gnk

กรณีคำสบถ​ หรือตัวละคร​แบบเถื่อน​สถุล​สุดๆงี้ ใช้คำหยาบ​ในระดับไหนกันน่ะ ใช้ตรงๆ หรือเลี่ยงๆกัน

406 Nameless Fanboi Posted ID:jxSEl715n

>>404 มึงคือ 401? กูไม่รู้จักโคโนะสึบะ และไม่ได้อยากฟังสปอยด์ แต่ถ้าที่มึงเล่ามาคือคำโปรยกูจะบอกว่ามันยังไม่ดูตลกเท่าไหร่ว่ะ

407 Nameless Fanboi Posted ID:aLwJ2XDKB

>>404 มึง เอาจริงๆนะ แนวแบบนี้มันเยอะแล้วว่ะ แบบตัวเอกทำอาชีพที่ไม่เกี่ยวกับอัศวินหรือผู้กล้า แล้วต้องจับพลัดจับพลูไปปราบจอมมารอ่ะ

408 Nameless Fanboi Posted ID:d/tNel8J8

>>405 ใช้ตรงๆนะ พวกกู มึง ควาย ห่า แต่อย่างอวัยวะที่ใช้สืบพันธุ์นี่เลี่ยงอยู่
>>406 >>407 ถึงบอกว่ามันดาษๆไง

409 Nameless Fanboi Posted ID:OPsYXEMh7

>>404 ก็ฟังดูน่าสนุกนะ ขึ้นอยู่กับว่าพระเอกมันจะเอาอะไรไปปราบจอมมาร ถ้าเป็นพ่อครัวลุกขึ้นจับดาบแล้วเดินเรื่องเหมือนแนวผู้กล้าทั่วไป? หรือใช้ทักษะพ่อครัวสร้างกองทัพ ใช้ความรู้บัญชีทำอะไรสักอย่าง ลงลึกว่าทำไมผู้กล้าแม่งล้นเมืองจนร้านเจ๊งแต่ยังปราบจอมมารไม่ได้ (ผู้กล้าเหี้ยอยากแดกฟรีเลยไม่ยอมสู้จริงจัง หรือมีแต่พลังไร้สมองเลยล้มไม่ได้ บลาๆ) คือมันไปได้หลายทางอ่ะ จะด่วนสรุปว่าดาษก็เร็วไป
(ปล.กุไม่ได้อ่านโคโนะสึบะ...ถ้าพูดถึงแนวผู้กล้ากุนึกไปถึงโน่นเลย ดรากอนเควสต์ ; w ; )

410 Nameless Fanboi Posted ID:0b0OU2iqg

ถ้าลงนิยายในเว็บนี่เขียนบทแนะนำตัวละครกันป่ะวะ คือมันจำเป็นป่ะ หรือไม่มีจะดีกว่า

411 Nameless Fanboi Posted ID:SrA925ie6

>>410 หมายถึงแนะนำที่หน้าปก ? ในฐานะคนเขียนกูไม่เขียนนะ และในฐานะคนอ่านก็ไม่ชอบอ่านด้วย ดำเนินเรื่องให้รู้เองในเนื้อดีกว่า

412 Nameless Fanboi Posted ID:15pBk/u5Q

>>410 ตามแล้วใจ เขียนแล้วเพิ่งได้คาแรกเตอร์ตัวละคร ก็ค่อยเขียนเพิ่มในหน้าแนะนำนิยายก็ได้

413 Nameless Fanboi Posted ID:reu5klP6m

>>410 เอาจริงคือแล้วแต่ แต่ส่วนตัวกูไม่ชอบมันรกและกูยังไม่ได้ทำความรู้จักตัวละครไรเลยแต่กก็ต้องมาเจอรายละเอียดตัวละครแล้ว
แต่ส่วนตัวกูชอบดำเนินเรื่องไปสักภาคหรือไปช่วงเวลาหนึ่งแล้วมาพูดถึงตัวละครในจุดเล็กๆน้อยๆที่ไม่กล่าวถึงในเรื่องนะเป็น fun fact

414 Nameless Fanboi Posted ID:3WomAJ0Sm

>>410 กูไม่ชอบเหมือนกัน แต่ถ้าแนวดาษๆโหลๆอ่านเอามันส์ก็เลื่อนดูอยู่นะ มันพอบอกแนวโน้มตัวละครได้ ถ้าเรื่องไหนเปิดมาเจอพระเอกคน ตามด้วยรูปสาวๆอีกโหลกูจะได้ปิดทิ้งเลยไม่ต้องเสียเวลาอ่าน

415 Nameless Fanboi Posted ID:KwtDG8oHK

หนังสือคลังคำปกใหม่กะปกเก่านี่มันต่างกันเยอะมั้ย ศัพท์เพิ่มเยอะมั้ย
มีปกเก่าพิมพ์ครั้งที่6อยู่ แต่เหมือนบางคำที่กูต้องการไม่มี ลังเลว่าสอยปกใหม่มาดีมั้ย

416 Nameless Fanboi Posted ID:ab/QU0o8e

มึง กูขอคำแนะนำหน่อย คือกูเขียนนิยายแนวแฟนตาซีฮาๆอยู่ แล้วคิดจะส่งงต้นฉบับ มึงว่ากูควรลองส่งของ comico มั้ย หรือกูควรลองส่งสนพ.ก่อนแล้วถ้าไม่ได้ ค่อยส่ง comico กูเห็นคนที่ส่ง comico ถ้าcomico เอา เขาจะซื้อลิขสิทธิ์ไปเลยอ่ะ ได้ประมาณสองสามหมื่น

417 Nameless Fanboi Posted ID:fUEKX1V0a

>>415 กูมีปกใหม่ แต่ไม่มีปกเก่า เลยจะรู้จะเทียบให้มึงยังไงนี่สิ คำแบบไหนที่มึงต้องการ เดี๋ยวถ้ามีเวลากูลองดูให้

>>416 ของ comico ฝั่งนิยายยังไม่ค่อยมีข้อมูล ไม่รู้มึงจะส่งสนพ.ไหน แต่ฝั่งของโค่เพิ่งเปิดนิยายน่าจะผ่านง่ายกว่าหรือเปล่า (กูก็เดาอะนะ.. เห็นมีคนถามเรื่องโค่ติดต่อมาเองด้วย) ถ้าส่ง comico มึงก็ลองมาทิ้งข้อมูลในนี้บ้างแล้วกัน

418 Nameless Fanboi Posted ID:e+lu+B0fh

>>416 แนวแฟนตาซีแทบไม่เหลือสนพที่รับแล้ว นอกจากสนพใหม่ที่เพิ่งตั้งมา

419 Nameless Fanboi Posted ID:9yZ0HIlwU

>>416 นิยายไม่รู้นะ แต่ฝั่งการ์ตูนโค่โดน netwatch ถล่มมาตั้งนานแล้ว

ถึงจะไม่อยากแนะนำ แต่ลองไป fictionlog ดูก็ได้ ที่นั่นมีโครงการให้เงินเดือนนักเขียนที่เขียนดีอยู่

420 Nameless Fanboi Posted ID:Q6/ZVNa9q

>>419 ทำไมมึงถึงไม่แนะนำ fictionlog ล่ะ มันไม่ดีตรงไหนเหรอ ช่วยแนะนำหน่อย

421 Nameless Fanboi Posted ID:W7ChwwBnL

>>420 เพราะเป็นเครือเดียวกับพวกอุ๊คป่ะ แต่กูมีคนรู้จักลงในFictionlog เขาว่ามันดีกว่าอุ๊คอ่ะนะ

422 Nameless Fanboi Posted ID:TTWKuv2wX

>>419 ท้ายสุดมึงก็ต้องเขียนในกระแสที่ฮิตเว้ย เขียนดีขนาดไหนแต่นอกแนวฮิตๆก็โยนทิ้ง

423 Nameless Fanboi Posted ID:y/ylhdY1e

>>419 มึงตกข่าวตอนนี้ netwatch กลับไปเลียโค่แล้ว (ทู้นู้นเรียกกันค่ายแดง)

>>420 fictionlog เจ้าเดียวกับ ookbee กูไม่แนะนำ กูเพิ่งลบนิยายที่นั่นทิ้งไม่อยากมีปัญหาเอากระทู้พันทิพไปดูเอง https://pantip.com/topic/36665134 แต่อยากลองของก็ได้นะ

424 Nameless Fanboi Posted ID:wdZaW+ZmU

ของเมพ
เริ่มมีคนอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
https://www.readawrite.com/

425 Nameless Fanboi Posted ID:BSH.TznIM

>>424 เว็บในเครือเมบเหรอวะ เข้าไปดูละน่าสนใจดี

426 Nameless Fanboi Posted ID:G634LC7/B

>>423 กุหมายถึง web fiction acedemy ของ fictionlog

427 Nameless Fanboi Posted ID:y/ylhdY1e

>>426 เหมือนโครงการอุ๊คบีคอมมิครายสัปดาห์ที่ล่มไปแล้ว นักเขียนที่ลงกิจกรรมด่าเช็ด

อีกที่ minimore กูเห็นบางคนเอาฟิคไปลงแล้ว

428 Nameless Fanboi Posted ID:+hxoa3pSc

ฟิคชั่นล็อค กูลงนิยายแฟนตาซีที่นั่น ตอนแรกก็บอกว่า จะโปรโมทจะช่วย พอสักพักยอดไม่ดี แม่งก็ไม่โปรโมทให้กูละ ตอนมาชวนไปลงนี่พูดหวานสัส ๆ บอกว่า ลงที่นี่จะช่วยสร้างยอดสร้างฐานให้ กูอุตส่าห์ไม่ทำหนังสือขายเองมาลงเลย ตอนแรกก็ดีหลัง ๆ ก็แย่ กูจะเลิกลงละ

429 Nameless Fanboi Posted ID:+hxoa3pSc

เงินเดือนเหมือนระบบ บก น่ะ ของฟิคชั่นล็อค ถ้ายอดคนอ่านไม่ถึง เขาจะให้เงินน้อย ไอ้ค่าเปอร์เซ็นต์คนอ่านน่ะ ถ้ามึงไม่ใช่นักเขียนดัง ๆ มึงไม่ต้องไปหวังเลย ได้ไม่เท่าไหร่หรอก ตอนนี้ยิ่งฟิคชั่นดีลกับพวกนักเขียนดังมีฐานอย่าง มิว กัล คราวน์ได้ มันไม่สนใจคนอื่นแล้วละ

430 Nameless Fanboi Posted ID:4sBgPCR+g

KY มึง กูบังเอิญอ่านเจอนิยายเรื่องนึงซึ่งแม่งพล็อตเหมือนเรื่องที่กูร่างไว้แต่ยังไม่เอาลงเน็ตมาก มากแบบเอาคร่าวๆเป๊ะทุกช็อตอะมึง แล้วเฟลไงไม่รู้อะ กูว่าเรื่องกูก็ไม่เกร่อนะ กูควรจะแต่งต่อหรือหยุดดีวะ งี้ถ้ากูลงเว็บปุ๊บเขาจะหาว่ากูลอกมั้ยอะ หรือว่ากูคิดมากไปวะ ฮือ
แต่ยังไงก็เฟลอยู่ดีว่ะ ทำไงดี

431 Nameless Fanboi Posted ID:idxcByi+N

>>430 แต่งไปเหอะ ถ้าแค่แนวกูว่าจะเรื่องไหนมันก็ต้องมีไปเหมือนอยู่แล้ว

432 Nameless Fanboi Posted ID:y2h+2+KKE

>>430 ใจกูอยากให้มึงหยุดแต่งนะ ถ้ามันเหมือนเป๊ะ มึงจะบอกว่ามึงเขียนก่อนหรือยังไงก็ตาม มันไม่มีคนเชื่อหรอก มึงต้องแบกความคลางแคลงของคนอ่านไปยันตาย เสียชื่อด้วย มึงควรเขียนเรื่องที่ไม่เคยมี ถ้าอยากเขียน แค่หาพล็อตใหม่มันไม่ยากอยู่แล้ว

433 Nameless Fanboi Posted ID:g0117Uy34

>> 432 เห็นด้วยมากๆ

434 Nameless Fanboi Posted ID:g0117Uy34

คือถ้ากูจะลงนิยายอ่ะ พวกมึงแนะนำให้ลงที่เว็บไหน เห็นมีคนบอกว่าเดี๋ยวนี้คนเลิกอ่านเด็กดีกันแล้ว ลง fictionlog หรือ keedkean ดี มีเว็บไหนอื่นอีกที่แนะนำมั้ยวะ
นิยายกูเป็นแนวแฟนตาซี ฮาๆ ไม่ต่างโลก กูเคยลงเด็กดี มีคนอ่านเยอะอยู่ แต่นี่กูจะเอามารีไรต์เขียนให้จบ พล็อตให้แน่น กะส่งสนพ. อ่ะ

435 Nameless Fanboi Posted ID:nxTd9Bz7F

>>428 >>429 เหมือนอุ๊คบีคอมมิคเปี๊ยบ ตอนไปดึงนักเขียนมาลงเว็บบอกอย่างน้อยเดือนละหมื่นตอนนี้ไม่ถึงสองพันแล้ว อ้างต้องแบ่งหารๆ ให้คนอื่นด้วย
>>434 readawrite minimore พันทิพ

436 Nameless Fanboi Posted ID:2BCuiv2Hh

>>434 fictionlog เดี๋ยวซ้ำรอยบุฟเฟต์อุ๊กบี ธัญญวลัย กับอุ๊กบีคอมมิก อย่าไปหวังอะไรกับค่ายนี้ ตอนโดนเอางานไปไม่บอกจะช้ำใจเองนะ

437 Nameless Fanboi Posted ID:+hxoa3pSc

>>434 readawriter ดีกว่า

438 Nameless Fanboi Posted ID:XiK.UBBHT

>>434 กูเห็นคนอ่านเด็กดีเยอะตามปกติ นักเขียนที่ได้ตีพิมพ์หน้าใหม่ๆ อยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่มากกว่าเว็บไหนนะ
ส่วนแนวแฟนตาซี ตอนนี้สนพแทบจะไม่มีที่ไหนเปิดรับอีกแล้ว นอกจากทำมือหรือมีสนพใหม่ขึ้นมาทำ
เพราะว่า ถ้าไม่ใช่แฟนตาซีแนวรักพระเอกนางเอกวัยผู้ใหญ่ สนพใหญ่ๆไม่รับแล้วนะ

439 Nameless Fanboi Posted ID:+hxoa3pSc

>>438 เด็กดีมันอยู่นานแล้วไง แถมพวกซับพอร์ตกับ สนพ มันเยอะวะ ไม่แปลกหรอด แต่หลัง ๆ แม่งนิยายเยอะไป เบียดจะตายห่า ถ้าอยากเด่นก็ย้ายมาที่มันพอจะโชว์ฝีมือได้ ลง Nekopost ก็ได้ ถ้าขายสร้างฐานน่ะมึง

440 Nameless Fanboi Posted ID:UDRANwZS+

>>439 Nekopost นิยายไม่รับเรื่องแต่งเองแล้ว

441 Nameless Fanboi Posted ID:r+cTcksSG

>>440 มิน่าละ เหลือแต่พวกเรื่องอย่าง WAR การสงครามที่ยังลงอยู่

442 Nameless Fanboi Posted ID:DYnHVQ1RN

ถามในนี้ได้ป่ะวะ ใครเห็นแอพจอยลดาที่เป็นนิยายแชทของเครือผึ้งละมั่ง มันคิดเรทค่าขนมยังไงวะ กูอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ

443 Nameless Fanboi Posted ID:cCH3gcDeG

ky หน่อย ปกติพวกมึงแต่งวันละประมาณกี่คำวะ แล้วเขียนกันทุกวันปะ

444 Nameless Fanboi Posted ID:pAuN24KES

>>443 ตอนแรกกูก็โยนๆลงไปในหน้ากระดาษ อย่าเพิ่งสนใจอะไร (แม้จะทำค่อนข้างลำบากก็เถอะ กูอดใจแก้ไม่ค่อยไหว 555) เลยไม่ได้นับคำอะไรเท่าไหร่แต่ก็พยายามเขียนแต่ละครั้งให้ถึงอย่างน้อยพันคำอัพนะ ส่วนเขียนทุกวันนี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ กูไม่ใช่เด็กแล้ว จะเขียนอะไรก็คิดหนัก สมองมันไม่ลื่นเหมือนเมื่อก่อน ตัดใจเขียนชุ่ยๆก็ไม่ได้ด้วย ไหนจะมีเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆในชีวิตอีก เอาเป็นว่ามีอารมณ์เขียนค่อยเขียนนั่นแหละ

445 Nameless Fanboi Posted ID:Tg386.rPG

ky หน่อย ถ้ากุจะแต่งนิยายโดยใช้คำว่า<นาง>ในบทสนทนาแต่ใช้<เธอ>ในคำบรรยายมันจะขัดหูขัดตารึเปล่าที่ไม่ใช้คำเดียวกัน

446 Nameless Fanboi Posted ID:cCH3gcDeG

>>444 จริง อดใจไม่แก้ยาก 55
ขอบคุณเน้อ

447 Nameless Fanboi Posted ID:hRd7HuO6d

>>445 ไม่นะ เวลากูใช้ กูใช้แหลกเลยด้วยซ้ำ นาง, เธอ, หล่อน ใช้หลากหลายไปเลยแล้วแต่รูปประโยค

448 Nameless Fanboi Posted ID:KYwDN4xIo

>>442 มึงอยากรู้ลองลง ค่ายผึ้งระวังผึ้งต่อยละกัน

449 Nameless Fanboi Posted ID:8EQ4jfnwf

มึง เคยแคร์คนอ่านมากเกินไปปะวะ ถ้ามึงเปิดปมไปนิดหน่อยแล้วทำให้เขาอยากรู้มากจนหัวร้อน ทั้งที่กว่ากูจะเฉลยก็อีกพักใหญ่อะ

คนอ่านหัวร้อนจนกูเครียดอะมึง ทำไงดีวะ

450 Nameless Fanboi Posted ID:yqExgTfyI

>>449 หาประเด็นใหม่​ใส่ไป เดี๋ยว​ก็ลืมประเด็น​เก่าไปเอง ค่อยเฉลยตามแผน

451 Nameless Fanboi Posted ID:Smj0oA.xv

>>448 กู >>442 ลองลงดูละ งงๆกับระบบชิบ งงกับการคำนวณรายได้อีก
แทนที่จะบอกเรทให้ชัดๆมาเลย กลัวคนไม่ลงเหรอวะห่า
/อนึ่ง กูไม่ได้ตามดราม่าอะไรของค่ายนี้เลย เดะหาเวลาไปอ่านก่อน โม่งไหนใจดีบอกทางจะเป็นพระคุณอย่างสูง

จะลงต่อไป เผื่อมีอะไรมารายงานเพื่อนโม่งในภายภาคหน้า

452 Nameless Fanboi Posted ID:S7TsE.1yZ

>>451 ผึ้งเป็บแบบนี้มานานแล้วนะ ไม่เคยบอกส่วนแบ่งรายได้ชัดๆ ตอนลงแรกๆ ที่เว็บเปิดใหม่ๆ จะได้เยอะ พอคนเริ่มเยอะจะแทบไม่ได้อะไรเลย เหมือนไม่ง้อนักเขียนอีกแล้ว แล้วก็ชอบขโมยงานนักเขียนไปรียูชโครงการต่างๆ โดยไม่บอกนักเขียน ถ้านักเขียนไม่เจอเองก็เรื่องเงียบ

453 Nameless Fanboi Posted ID:fE0jWiGea

ถามหน่อยฮะสมัยนี้ นิยายแฟนตาซี ยอดพิมพ์เริ่มต้นกี่เล่มกัน

454 Nameless Fanboi Posted ID:r184DEuji

>>453 1000-2000 บางที่ 500-1000 ก็มีมึง

455 Nameless Fanboi Posted ID:afZasQ+8I

ky เจอคนอ่านเม้นดักทางตอนจบควรทำไงดี ตามพลอตเดิมที่คิดไว้ก็กะว่าจะให้มันลงเอยแบบนั้นแหละ เพราะไม่อยากให้เรื่องมันหนักมาก
กะเขียนสบายๆ ไหลไปเรื่อยๆ แล้วก็จบแฮปปี้เอนด์แบ๊วๆนี่แหละ แต่พอเห็นเม้นแล้วมีความรู้สึกอยากหักมุมมาก 55555555555 ควรเปลี่ยนไปจบแบบอื่นหรือเอาตามเดิมดี แล้วพลอตกูคือร่างไว้จนจบหมดแล้วด้วย ถ้าเปลี่ยนตอนจบอาจจะต้องเปลี่ยนโครงเรื่องตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องไปยาวเลย

456 Nameless Fanboi Posted ID:Pb+sgz6K+

>>455 อยู่ที่เมิงว่ะ โอเคกับตอนจบแบบนี้ไหม ถ้าโอเคแล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยน เรื่องเดา กุก็เจอนักอ่านเดาถูกบ้างผิดบ้างเป็นปกติ แต่ที่กุวางพล๊อตไว้มันมีอะไรมากกว่านั้นระหว่างทางอยู่แล้วเลยไม่สนใจ ถ้าเมิงคิดว่าพล๊อตโอเคสำหรับนิยายตัวเองแล้วก็อย่าไปเปลี่ยน มันจะเละกว่าเดิม หรือดูกลายเป็นเหมือนเมิงต้องการแค่จะหักมุมแกล้งคนอ่านเฉย ๆ แต่การที่เปลี่ยนกระทันหันมันจะทำให้ไม่อินกลายเป็นยี้แทน

457 Nameless Fanboi Posted ID:8lHVPAsxK

ตอนนี้เขียนนิยายลงเว็บแล้วที่ไหนได้เงินเยอะที่สุดอะ อยากหาค่าขนมเล็กน้อย

458 Nameless Fanboi Posted ID:TDEtxEFk.

>>455 อย่าเปลี่ยน กูว่านักเขียนควรจะหนักแน่นกับพล๊อตตัวเองไม่ใช่ลมเพลมพัดเปลี่ยนเพราะอยากเซอร์วิสคนอ่าน คนอ่านชอบพระรองมากกว่า คนอ่านเดาได้ ฯลฯ มึงเขียนนิยายคนอ่านเป็นร้อย มึงจะให้ไม่มีใครเดาได้มันเป็นไปได้เหรอวะ นอกจากว่าคนอ่านของมึงอ่านนิยายมาเป็นเรื่องแรกกันทุกคน อย่างกูอ่านนิยายเน็ตกูเดาทางเป็นกิจวัตรอะมึง เดาถูก 80% เลยด้วย เคยมีนข.บอกว่าเดาถูกเหมือนเปิดโพยข้อสอบเลยอะ แต่เขาก็ไม่ได้แก้อะไรนะ (คิดว่างั้น)

459 Nameless Fanboi Posted ID:0vngVn/yI

>>455 กูก็เจอบ่อยที่คนอ่านเมนต์ดักทางถูกเป็นฉากๆ
กูมักใช้วิธีแทรกเหตุการณ์อะไรบางอย่างเบี่ยงเบนความสนใจคนอ่านไปก่อน หรือเปิดตัวละครใหม่หรือตัวละครรองมาเกี่ยวพัน ตัวเอกคนใดคนหนึ่งเอาไว้
แต่ตอนจบยังคงสเต็ปแบบเดิมไว้ว่าจะจบยังไง

460 Nameless Fanboi Posted ID:wDmNUC6QX

>>455 ถ้ามึงจะเปลี่ยนกูปูเรื่องให้มันดีๆ เนียนๆ ดูมีเหตุผลให้จบแบบตอนจบที่มึงเปลี่ยนแล้วกัน
คือกูเคยเจอนักเขียนที่เหมือนเปลี่ยนเพราะหลบทางคนอ่านอย่างเดียว แล้วไม่ปูอะไรทั้งนั้น จบแบบไม่สมเหตุสมผลอะ คือกูเจองี้กูรู้สึก wtf มาก แล้วก็กลายเป็นเกลียดเรื่องนั้นไปเลย

461 Nameless Fanboi Posted ID:1xHcXKLaW

ถึง >>456 >>458 >>459 และ >>460 กู >>455 เองนะ กูไม่มายด์คนอ่านเลย ไม่คิดเซอร์วิสด้วย ทุกวันนี้เขียนตามใจตัวเองสุดๆ ที่กูหมายถึงนี่คือกูหมั่นไส้อยากแกล้งคนอ่านเฉยๆเหมือนการ์ตูนคุณเสรีอะมึง แต่ละตอนเดาเชี่ยไรไม่ได้ซักอย่างงี้ เป็นฟีลแบบ เดานักใช่มั้ยพวกเมิง เจอหักมุมแม่ง งี้อะ งงมะ 5555 แล้วก็ที่อยากเปลี่ยนเพราะกูเพิ่งลงไปแค่บทนำกับตอนแรกอะ ควรจะรู้สึกยังไงดีที่โดนดักตอนจบตั้งแต่ตอนแรก สัสเอ๊ย 55555555 แต่ไงกูคงเช็คพลอตอีกทีแล้วค่อยตัดสินใจแหละว่าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน เรื่องก่อนของกูออกแนวดราม่าทั้งเรื่องแต่สุดท้ายจบแฮปปี้ ส่วนเรื่องที่โดนดักนี่ ต้นถึงกลางเรื่องออกแนวคอมเมดี้ พอท้ายเรื่องจะดราม่าหน่อยแล้วก็จบ เลยอยากเปลี่ยนจากจบสวยๆไปจบดราม่าแม่ง แต่ตอนจบที่กูร่างไว้ในใจนี่ มันไม่ใช่แฮปปี้เอนด์สำหรับคนอื่นแน่ๆ 555555

462 Nameless Fanboi Posted ID:luwelV28T

>>461 ถ้ายังไม่ลงจะแก้ไรก็แก้เหอ กูนึกว่ามึงลงจะจบแล้ว
ระวังเป็นแบบตุ๊ดทะลุมิติแล้วกัน

463 Nameless Fanboi Posted ID:KUWMShK+K

สนพ ไหนหว่า
https://pantip.com/topic/36723989

464 Nameless Fanboi Posted ID:KUWMShK+K

นิยายรักที่คนอ่านไทยชอบนี่ เป็นแบบนี่กันหมด หรือเปล่า

465 Nameless Fanboi Posted ID:EV8s/lrMS

อยู่​ๆก็สงสัย เวลาอ่านนิยายก็พอจะรู้ว่าสำนวนแบบนี้เป็นแนวจีน แนวยุโรปนะ
แต่เอาเข้าจริงๆมันมีความแตกต่าง​ยังไงกันหว่า ให้มันแยกแยะออกมาได้

สมมติ​ฉากเดียวกัน : ชายคนหนึ่​ง​เดินเข้าไปในสวน เห็นหญิงคนนึงมองพระจันทร์​อยู่ริมแม่น้ำ

ใช้สำนวนแบบไหนให้มันดูฝรั่ง ดูจีน หรือไทยพีเรียด แบบไม่ต้องพึ่งชื่อตัวละคร​?

466 Nameless Fanboi Posted ID:jEUs3ZVD8

กูคิดเองนะ
ไทย ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในสวน เห็นหญิงสาวมองจันทร์อยู่ริมน้ำ
จีน บุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้าไปในสวน เห็นสตรีนางหนึ่งมองดวงจันทร์อยู่ริมน้ำ
อังกฤษ ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในสวน มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมองพระจันทร์อยู่ริมน้ำ

ความไทย ฝรั่ง จะมองจากบทสนทนาได้มากกว่า ถ้าไทยจะมีบุรุษ 1 กับ 2 เยอะมาก ฉัน กู เค้า ชื่อตัวเอง ฯลฯ แต่อังกฤษจะมีอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเวลาแปล ถึงคนแปลจะเปลี่ยนคำไปตามบริบทบ้างแต่คำพวกนี้ก็จะมีใช้ไม่หลากหลายอยู่ดี อย่างมากก็3-4 แบบ และไม่มีการเรียกชื่อตัวเองแน่ ๆ ในขณะที่ไทยฮิตการเรียกตัวแบบนี้มาก อีกอย่างคือชื่อเล่นกับชื่อจริง ไทยมันเป็น 2 ชื่อเลย แต่อังกฤษชื่อเล่นจะแผลงมาจากชื่อจริง และการเรียกฝรั่งจะเรียกชื่อตรง ๆ แต่คนไทยจะนับญาติ เรียกพี่เรียกน้อง ลุงป้าน้าอากันเสมอ ไม่งั้นก็ต้องมีคุณ มีท่าน หรือไอ้ อะไรพวกนี้ แล้วก็ฝรั่งของทุกอย่างจะมีการนับ มี a , a few, many ฯลฯ เสมอ ดังนั้นนิยายแปลฝรั่งจะมีคำพวกนี้มากกว่าไทย

ส่วนจีนจะมีศัพท์ที่ใช้กัน แบบ บุรุษ สตรี มันเยอะอะนะอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ต้องลองอ่านเยอะ ๆ จะเห็นความต่างของศัพท์ ส่วนการเรียกจะคล้ายไทยผสมฝรั่ง คือยามปกติก็จะมีแค่ ข้า เจ้า ท่าน แต่บางทีเวลาผู้พูดต้องการเน้นสถานะก็จะมีการใช้ศัพท์แทนตัวอื่น ๆ ในกรณีที่ผู้พูดเหนือกว่า แต่ในกรณีผู้พูดยศต่ำกว่าส่วนมากจะใช้คำแทนตัวที่ถ่อมตัวตลอด ๆ นะ

ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจของเรานะ ไม่รับประกันความถูกต้อง

467 Nameless Fanboi Posted ID:7M2F4JVQ5

อ้อ อีกอย่างการเรียกคนอื่นของจีนจะเน้นเรียกสถานะของคนคนนั้นมากกว่า เช่นคุณชาย คุณหนู ใต้เท้า นายท่าน ลูกเรา ท่านพี่ ฮูหยิน กงกง พระสนมฯลฯ ถ้าไทยจะเน้นเรียกชื่อมากกว่า แล้ว+ ความสนิทแปะไว้หน้าชื่อ อีกอย่างจีนจะมีสิ่งที่เรียกว่าฉายาที่จะใช้เรียกกันบ่อย ๆ ด้วย

468 Nameless Fanboi Posted ID:vGYe0FkNb

>>465 ของฝรั่งมันแยกออกง่ายมากเลยนะ รูปประโยคบางทีก็รู้แล้วอ่ะ โดยเฉพาะเวลาเจอคำขยายผันรูปเป็นคำนาม

469 Nameless Fanboi Posted ID:Z3/heCxmZ

ส่วนตัวกูว่าของไทยคำสวยกว่าฝรั่ง

470 Nameless Fanboi Posted ID:Z3/heCxmZ

>>469 ต่อๆ มือมันลั่น ประมาณประโยคนิยายแปลมันห้วนๆ ไม่พรรณณามาก แต่มันดีตรงที่ไม่เวิ่นเว้อนี่แหล่ะ

471 Nameless Fanboi Posted ID:TLQMWavRT

>>469 >>470 ภาษาอังกฤษคำสร้อยไม่มี มันก็เลยเหมือนดูห้วน แต่ถ้าไปอ่านต้นฉบับจะรู้สึกได้เลยว่ามันเมคเซนส์แล้วก็ได้ใจความในแบบของมันน่ะ ประโยคสั้น ๆ ห้วน ๆ แต่สวยชะมัดก็มีเยอะแยะในนิยายอังกฤษ แต่พอแปลออกมาเป็นภาษาไทยมันถ่ายทอดความสวยนั้นออกมาไม่ได้น่ะ

472 Nameless Fanboi Posted ID:2lSgGggF/

>>468 คำขยายผันรูปที่ว่าเป็นยังไงอ่ะ นึกภาพไม่ออก

473 Nameless Fanboi Posted ID:TLQMWavRT

>>472 ตัวอย่าง "ความไม่แยแสของเขาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก" หรือ "เธอรับรู้ได้ถึงความพยายามที่จะแสดงท่าทีเหนือกว่าของเขา"

จริง ๆ นึกประโยคดี ๆ ไม่ค่อยออกแหะ อันนี้คือแต่งสด แต่นิยายแปลอิ๊งหลายเรื่องจะมีรูปประโยคประมาณนี้โผล่มาน่ะ

474 Nameless Fanboi Posted ID:v.PFb7JW.

>>473 กลิ่นครีมชีสลอยมาเลย นึกออกแล้ว พวก ความ กับ การ

475 Nameless Fanboi Posted ID:B4Vi/R.68

เออ นั่งนึกเล่นๆ เมื่อก่อนกูอ่านนิยายคนไทยแต่งเยอะก็รู้สึกนะว่าติดการบรรยายแบบพรรณามาเยอะเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เขียนเท่าไหร่ แถมอ่านฝั่งฝรั่งเยอะกว่าด้วย รู้สึกจะเขียนอะไรก็ห้วนไปหมด มันมีสิทธิ์เป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยป่ะวะ 555

476 Nameless Fanboi Posted ID:FiekDncIm

>>475 ไม่ค่อยแหะ สำหรับเราถ้าอ่านฝรั่งมากขึ้นคือบรรยายยืดขึ้นไปอีก เพราะฝรั่งที่เราอ่านมีแต่สายแฟนตาซีไซไฟไม่ก็คลาสสิคที่บรรยายค่อนข้างน้ำท่วมทุ่ง กลายเป็นติดปัญหาเรียงรูปประโยคแบบประหลาดเวลาเขียนภาษาไทยแทน T^T

477 Nameless Fanboi Posted ID:B4Vi/R.68

>>476 เออ อันนี้ก็จริง บางทีแปลออกนะแต่เรียบเรียงไม่ถูก คิดในหัวเป็นอิ้งแต่แปลงเป็นไทยไม่ได้ 555

478 Nameless Fanboi Posted ID:7DtLL5kJ4

แค่ผ่านมาบ่น ตอนเด็กอยากแต่งอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอโตมาจะแต่งเบียวๆก็ไม่ไหว แถมกว่าจะทำงานหาเงินเสร็จ สมองแม่งก็ล้าจนไม่อยากคิดอะไรแล้วว่ะ orz

479 Nameless Fanboi Posted ID:TyX.VfboT

>>478 ตบบ่ามึง เหมือนกันเลย ของกุสมองล้าไม่เท่าไหร่ แต่สายตา บ่า ไหล่อะไรพวกนี้ดิ มันแสบและเมื่อยโคตรเลยว่ะ ยิ่งกุเป็นพวกแต่งช้าแต่งลบอยู่นั่นด้วยยิ่งเข้าไปใหญ่ กว่าจะได้แต่ละหน้านี่นั่งเป็นวัน มันซวยตรงที่หัวกุขยันงอกพล็อตมาก ตอนนี้มีดองไว้เป็นสิบละยังเขียนไม่จบเรื่องแรกเลย แถมตัวกุเป็นสายวาดอีกด้วย เคยคิดจะแก้ปัญหาด้วยการวาดเป็นมังงะแทน ใช้ภาพอธิบายเอาเพราะบางทีนึกจังหวะภาพคูลๆ ออก ทว่าแม่งต้องติดสกรีนโทนอะไรยุบยั่บอีก(ไม่จำเป็น แค่ความยึดติดของกุเอง) สัดสรุปกุกลับมาเขียนต่อดีกว่า 5555 กุนึกๆ อยู่ว่าอยากได้พิมพ์ดีดมาสักตัวดีมั้ยถ้างั้น จะได้ไม่ทรมานสายตากุมากนัก แต่ว่ามันเป็นจะออกมาเป็นชิ้นกระดาษอีก กุขี้เขินกลัวใครในครอบครัวมาเห็นว่ะเลยพับโครงการเก็บไป 555

480 Nameless Fanboi Posted ID:MpqnsfCZ3

เออ กูก็แต่งช้า มีพลอตในหัวเยอะแยะแต่เขียนไม่ออก เขียนออกมาสื่อไม่ได้ดั่งใจทุกที แต่กูก็พยายามไป ทีนี้มาคิดๆ กูอยากเขียนอะไรให้มีคนมากรี๊ดมาตามบ้าง แต่ปัญหาคือกูเขียนบ่อยๆ เขียนแบบกำหนดเวลาไม่ได้ว่ะ ทีนี้นานๆจะเขียนทีก็กลัวคนจะลืมซะก่อน พอมาปลอบใจว่าเขียนเพื่อสนุก เขียนไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พักก็จะย้อนกลับไปตรงอยากมีคนตามอีก เฮ้อ...

481 Nameless Fanboi Posted ID:OxlMA6O/L

กุขอบ่นมั่ง... คือทุกวันนี้กุรู้สึกอยากจะเลิกเขียนว่ะ
คือกุถนัดแฟนตาซี แต่ว่าตลาดไทยไม่รับรองเท่าไร จะให้กุไปเขียนแนวอื่นก็ไม่ได้ แถมกุแก่แล้วด้วยจะให้ไปเขียนเบียวๆ เอาใจเด็กก็ไม่ได้อีก
รู้สึกด้อยค่าว่ะ กุชักเริ่มตั้งคำถามตัวเองแล้วว่า ทุกวันนี้ที่กุเอาเวลาว่างในชีวิตมาเขียนนี่ มันคุ้มแล้วเหรอวะ?

482 Nameless Fanboi Posted ID:sBCx1.RYN

>>481 กูเขียนฟิคการ์ตูนนะ ไม่ดังอะไร คนอ่านก็แทบไม่มี กูก็ปลอบใจตัวเองว่าเขียนเพราะสนุก เพราะรักไปวันๆว่ะ แต่ก็นั่นแหละ บางทีก็ท้อเหมือนกันแต่ถ้ามันเป็นอาชีพหลักก็คงต้องทนตามกระแสจริงๆว่ะ ไม่งั้นไม่ได้ตังค์ /ตบบ่า

483 Nameless Fanboi Posted ID:cisN2iSuH

>>481 ลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษไหม กูฝึกอยู่นะ แต่กูเขียนไซไฟ

484 Nameless Fanboi Posted ID:YP3A3uGQl

>>483 ลงที่ไหนวะ แนะนำเว็บหน่อย

485 Nameless Fanboi Posted ID:ZjGaV3Ufr

>>484 Archive of our ownไหม

486 Nameless Fanboi Posted ID:gcSvmNFP.

กูขออนุญาตตบกลับมาเรื่องสำนวนจีนกะฝรั่งหน่อยนะ คือกูก็กำลังสงสัยอยู่เรื่องนึงเกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ คือเวลาอ่านนิยายแปลวัยรุ่นฝรั่ง กุจะอ่านแล้วรู้สึกว่าเออ มันคือยุคโมเดิร์นที่เราๆ อยู่กันนี่แหละ อ่านแล้วเหมือนประโยคสนทนาที่เกิดขึ้นได้จริง แต่เวลาอ่านนิยายแปลจีนยุคเดียวกันกุจะรู้สึกเหมือนกับว่าคนแปลมักจะไม่มีการใส่สีสันอะไรลงไปเลย หรือไม่ก็ชอบใส่คำโบราณๆ ลองสมมติประโยคให้ดูก็คงประมาณ "ไหนเลยจะเคยตีคน" "สำหรับเรื่องนี้ แม้แต่ฉันก็ยังไม่อาจตัดสินใจโดยพลการ" คือมักจะแปลออกมาเป็นภาษาเขียนมากกว่า กูไม่รู้ธรรมชาติของภาษาจีนนะเลยไม่แน่ใจว่าเป็นที่ภาษาเองหรือเปล่า ตอนแรกกุอ่านกำลังภายในก็ไม่รู้สึกติดขัดอะไร แต่พอเป็นนิยายยุคปัจจุบันก็เห็นสำนวนพวกนี้อีกเลยสงสัย หรือขึ้นอยู่กับชั่วโมงของนักแปลวะ

487 Nameless Fanboi Posted ID:mwGB9LnRO

>>486 เคยอ่านนิยายกับการตูนที่กูกูแปล เห็นชัดถึงความต่างในการใช้คำของนิยายโราณ กับนิยายสมัยใหม่
ส่วนนิยายสมัยใหม่ของนักแปลคนอื่นที่อ่านก็เหมือนปกติ แต่บางทีจะมีคำเรียกหา สำนวนที่ต่างจากของไทย

488 Nameless Fanboi Posted ID:U1iMMIKD1

>>486 ภาษาจีนจะแบ่งชัดเจนระหว่างภาษาเขียนกับภาษาพูด ทั้งยังแบ่งตามอักษรตัวเต็ม ตัวย่อ อักษรโบราณอีก เป็นภาษาซ้อนภาษาหลายชั้นหลายที่มามากๆ คำแปลและการออกเสียงก็ต่างกัน แม้แต่คนจีนเองยังสับสนเลย

489 Nameless Fanboi Posted ID:zLMskNJ/n

เป็นนักแต่งฟิคจากการ์ตูนหรือนิยายต่างๆพูดในกระทู้นี้ได้รึเปล่าวะ คือกูเป็นมือสมัครเล่นอะนะ ไม่เคยตีพิมพ์เพื่อขาย ก็เขียนเอามันส์ไปงั้นนะ ทำแล้วสนุกมาก เวลาเห็นคนอ่านมาอ่านแล้วบอกสนุกกูก็ดีใจ อยากเขียนเรื่อยๆ แต่พอนานๆไปกูชักเหนื่อยว่ะ กูรู้สึกกดดันยังไงไม่รู้ดิ ทั้งที่ไม่มีใครมากดดันกูหรอก แต่กูก็อยากให้มันออกมาดีว่ะ อยากให้คนอ่านเขาไม่ผิดหวังอีกว่ะเพราะตอนนั้นกูเขียนเอามันส์ เรื่องก็เลยสะเปะสะปะมาก วางโครงไม่ค่อยดี นึกอะไรออกก็เขียน อีกอย่างถึงจะเป็นคู่เมนกู กูก็ให้จบแบบ bittersweet ตามที่คิดไว้เพราะกูก็ไม่อยากจบเอาใจใครหรือทุกอย่างต้องแฮปปี้ลงเอยกันอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลนานด้วยอะ

อีกอย่างเร็วๆนี้กูเพิ่งโดนอฟช.ล่มเรือที่กูเชียร์มา กูเลยเฮิร์ตพอสมควร แถมจิตตกด้วย เหมือนที่ผ่านมากูทำไปเพื่ออะไรวะ แต่ก็พอเข้าใจว่ากูเลือกเรือผิดลำเองก็ต้องยอมรับผลของการเลือก แต่แม่ง....กูหมดแรงจริงๆนะ อยากจิครายยยยยย 5555555555

กูอยากกลับไปเป็นตัวกูสมัยก่อนจังว่ะ แบบที่เขียนๆไปไม่ต้องคิดอะไร สนุกก็พอแล้ว แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้แล้วว่ะ ทำไมกูต้องมาคิดหยุมหยิมโน่นนี่นั่นด้วยวะ ไม่เข้าใจตัวเอง

490 Nameless Fanboi Posted ID:eX.SA2lQi

>>489 กูก็สายฟิคแบบเดียวกันนะ กูเข้าใจอารมณ์มึงว่าฟิคที่แต่งขึ้นมา มีคนชอบ ก็อยากตอบสนองความคาดหวังของคนที่มาอ่านว่าจะเขียนให้ดีๆนะ
คือเริ่มแรกมึงเขียนเอามันส์ พลังกาวอัดฉีดมันก็ฮึกเหิม แต่การเขียนแบบนี้มันไม่ได้วางโครงก็จะมีพล็อตโฮลไง มึงลองหยุดแต่ง วนอ่านใหม่ตั้งแต่ตอนแรก ดูว่าเห็นภาพรวมอะไร จะไปต่อยังไงถึงจะสมบูรณ์ แล้วค่อยแต่งต่อ กูว่าแบบนี้น่าจะช่วยได้นะ
ส่วนตอนจบ แล้วแต่ความพอใจมึงอะ ว่ามึงอยากจบแบบไหน ถ้าวางเรื่องมาโอเค มีเหตุผลเพียงพอ ต่อให้bad endกูว่าคนอ่านก็เข้าใจ

เรื่องเรือโดนอฟช.ล่ม ของแบบนี้ยิ่งต้องอัดกาวเว้ย55555 ลงเรือผิดลำแล้วไงอะ นี่ฟิคมึงนะ มึงแต่งสิ่งที่อฟช.ไม่มีให้อยู่แล้ว ล่มไม่ล่มแล้วไง ขอแค่ใจมึงรัก ไม้จิ้มฟันมึงก็พายต่อได้
กูก็เคยโดนอฟช.ล่มเรือ กูยิ่งฮึกเหิมเลย ได้! เมนกูต้องมาสมหวังให้ฟิคกู! เรือน้อยๆของกูไม่มีวันตายยยย

มึงเขียนตามใจมึงอยากอะ ดีที่สุด แค่ดูพล็อตโฮล ดูโครงมันนิดจะทำให้มึงต่อเรื่องได้ สู้ๆนะมึง

491 Nameless Fanboi Posted ID:TPFQdSVYC

>>489 กูก็เป็นคล้ายๆกันเลย กูก็อยากกลับไปเป็นเหมือนตอนเด็กที่อยากเขียนอะไรก็เขียน ลื่นปรื้ดๆ ไม่ต้องมานั่งกังวลโน่นนี่เหมือนปัจจุบัน 555 /หัวเราะทั้วน้ำตา

492 Nameless Fanboi Posted ID:3cIPhJrh/

>>490 เข้าใจอยู่นะว่ายิ่งอฟช.ล่มเรือยิ่งต้องอัดกาว แต่พอมันไม่มีแรงส่งมาจากอฟช.มันก็ทำให้หมดแรงอะมึ้งงงงง เหมือนโดนความจริงกระแทกหน้า ทำให้ช้ำในกระอักเลือด 55555555555555555555555

493 Nameless Fanboi Posted ID:eX.SA2lQi

>>492 มึงนึกดิ อะไรทำให้มึงรักคู่นี้ ตอนนั้นมันคือโมเม้นของมึงใช่มั้ย ต่อให้เรื่องจะเดินต่อไปทางไหน แต่โมเม้นตรงนั้นก็ยังตราตรึง เป็นความทรงจำดีๆที่ทำให้มึงรัก กลับไปอ่านงานเก่ามึง เสพจากคนผลิตคนอื่นให้ชื่นใจ ค่อยๆฟื้นฟูกำลังใจ อฟช.ไม่มีแต่ใช่ว่าจะไม่มีคนขึ้นเรือเดียวกับมึงนะเว้ยย

494 Nameless Fanboi Posted ID:ZbGLk8.Vn

>>493 ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจนะ//กอดๆมึง เรื่องที่ค้างอยู่กูก็จะเขียนต่อให้จบล่ะ แต่คงจะพอสำหรับเรื่องนี้แล้ว กูยังไม่หนักเท่าไหร่ เพื่อนกูที่ชิพคู่เดียวกันนี่ดิ ประกาศลอยแพเลย 555555555555555555

495 Nameless Fanboi Posted ID:fHH8Avjqj

โม่งๆ อยากรู้ว่าถ้าแฟนคลับอวยคู่ชิบมากๆ แต่กูดันวางบทไว้ให้ตายคู่ ควรจะทำไงดีอ่ะ คือบทมันสมเหตุสมผลถ้าจะตายแล้ว แต่ก็กลัวคนจะหายจังแฮะ

496 Nameless Fanboi Posted ID:a0ubGBgBd

>>495 ตายตอนใกล้จบกูไม่ว่านะ แต่ถ้าตายกลางเรื่องกูจะเฟลมาก(แต่ไม่เท แต่ต้องมั่นใจนะว่าจะยังสนุกอยู่)
ตอนจบก็ทิ้งท้ายระลึกถึงหน่อยให้พอมีโมเม้นต์ ถ้ามีตอนพิเศษมายาใจด้วยจะดีมาก

497 Nameless Fanboi Posted ID:kSKFIGLeJ

จู่ๆสงสัย ไม่เคยสังเกตเรื่องนี้ ปกตินิยายหรือหนังแนวโบราณยุคกลางไรงี้ นี่เขาใช้คำ "สวัสดี" กันป่ะวะ
แบบถ้าของไทย คำว่า "สวัสดี" เพิ่งเริ่มใช้กันไม่นานมานี้เองไรงี้....

498 Nameless Fanboi Posted ID:yu2dZT+oy

>>497 สวัสดีมาสมัยจอมพลป. (จำไม่ได้ว่า ป. รอบไหนด้วย ฮืออออ) ถ้าไม่ใช่ยุคหลังจากนั้นก็ไม่ควรใช้นะ

499 Nameless Fanboi Posted ID:kitJeZx81

>>497 แต่ถ้าทับศัพท์ กู๊ดมอนิ่ง
กูว่าอ่านแล้วแปลกมากกว่ามั้ง เพราะอารมณ์อ่านสะดุด ไม่เหมือน "สวัสดี" ที่เข้าใจและเก็จได้ง่ายกว่า

500 Nameless Fanboi Posted ID:kitJeZx81

หรือจะทับศัพท์เป็น ไฮ ฮัลโหล กูว่าก็อ่านอ่านๆ ในธรรมเนียมไทยเหมือนกัน เพราะแปลมาให้คนไทยอ่านแล้ว
แบบเหมือนจีน จะทับศัพท์ตลอดว่า หนีห่าว กูว่านิยายเรื่องนั้นก็แปลกเช่นกัน

501 Nameless Fanboi Posted ID:UYW0qrXxi

พวกมึง มีใครอธิบายคำว่า สาร กับ สาสน์ แล้วก็ สาส์น ให้กูได้มั่ง กูหาอ่านในกูเกิ้ลมั่งแล้ว
ดูในราชบัณฑิตเห็นระบุไว้แค่ สาร กับ สาสน์ ส่วนสาส์น ไม่มีคำนี้
ตอนนี้กูกำลังงงว่า ถ้าพูดในเชิงว่าเป็น หนังสือที่ส่งมารายงาน มันจะใช้ว่าเป็นสาสน์ หรือเป็นสาร
คือตอนแรกกูเข้าใจว่าต้องใช้สาสน์มาตลอด แต่พออ่านราชบัณฑิตแล้วกูไม่มั่นใจเลย

502 Nameless Fanboi Posted ID:40nal63MX

https://www.facebook.com/History.KingdomOfSiam/photos/a.104656613019804.12631.104622813023184/152251961593602/?type=1&theater

503 Nameless Fanboi Posted ID:40nal63MX

ในหลวง ร.9 พระองค์ทรงใช้คำว่า พระราชสาส์น

504 Nameless Fanboi Posted ID:kSKFIGLeJ

>>501

สาร > จดหมาย เอกสาร หนังสือ(นิตยสาร)
สาสน์ > คำสั่งสอน หลักๆหมายถึงพระราชหัตถเลขาทางราชการ (เรียก พระราชสาสน์) จดหมายทางราชการของประธานาธิบดี (เรียก อักษรสาสน์) และลิขิตของพระสังฆราช

สาสน์ =ใช้กะประมุขของประเทศและศาสนา

ส่วน สาส์น ไม่มี เป็นวิสามาญนามของหนังสือชื่อ สาส์นสมเด็จ ที่ภายหลังทำให้คนเข้าใจผิดและสับสนว่าเขียนแบบนี้

505 Nameless Fanboi Posted ID:HJlmwUY48

ชอบประโยคนี้ของพระองค์ท่าน

"ถ้าราชบัณฑิตท่านขัดข้องอย่างไรที่จะบรรจุไว้ในพจนานุกรม ก็ขอให้บอกไปว่า เป็นพระราชนิยมในรัชกาลปัจจุบันละกัน"

ปัจจุบัน จึงปรากฎคำว่า พระราชสาสน์ แปลว่า จดหมายพระเจ้าอยู่หัว "และ" เขียนอีกด้วยว่า "อาจจะใช้พระราชสาส์น ก็ได้

506 Nameless Fanboi Posted ID:UYW0qrXxi

กู >>501 ขอบคุณเพื่อนโม่งทุกคน

507 Nameless Fanboi Posted ID:0Y9JkwgFU

ขอถามด้วยว่า อุปการ​ะ กะอุปถัมภ์​ต่างกัน​ยังไง...

508 Nameless Fanboi Posted ID:ZfA+au4Jn

>>507 ตามที่เราเข้าใจ อุปการะใช้กับญาติ อุปถัมป์ใช้กับคนอื่น

509 Nameless Fanboi Posted ID:qf5ZfNNUF

>>508 เรียนผู้มีอุปการะคุณทุกท่านคะ

510 Nameless Fanboi Posted ID:dIPzZk3vR

>>507 อ่ะ http://www.pkw.ac.th/old/webmaster_junior/thai/Templates/sara2.htm

511 Nameless Fanboi Posted ID:0Y9JkwgFU

>>510 ขอบคุณค่ะ //ย่อ

512 Nameless Fanboi Posted ID:KjcaLqrV7

เพื่อนโม่ง ถ้าจงใจใช้ภาษาวิบัติ เพื่อแสดงถึงความเป็นชาวบ้านในยุคกลางเพื่อให้เห็นความต่างในภาษากับคนชั้นสูงนี่คิดว่าโอเคมั้ย? เช่น คำว่าใช่ ชาวบ้านทั่วไปจะใช้ ช่าย ส่วนตัวละครที่เป็นคนชั้นสูงจะพูดว่า ใช่รึ ใช่ครับ มีหางเสียงอะไรทำนองนี้

513 Nameless Fanboi Posted ID:3ML9Tzt8u

>>512 กุคิดว่าใช้ได้นะ เวลาอ่านงานของทมยันตีมันจะมีคำประมาณนี้มาเยอะ แบบภาษาพูด กูเห็นพวกนักอ่านยังซาบซึ้งใจ บอกว่างานชั้นครู เพราะงั้นคงใช้ได้แหละ

514 Nameless Fanboi Posted ID:GKrhVbADB

>>512 ในเครื่องหมายคำพูด ใช้ได้ แต่ถ้าเป็นส่วนการบรรยายไม่ควรใช้

515 Nameless Fanboi Posted ID:aK5GLbTnz

>>512 บ.ก.กูบอกเขียนให้ถูก แกว่าเขียนถูกคนอ่านออกเสียงเป็นสำเนียงต่างๆ ได้ แต่เขียนผิดคนอ่านให้ถูกยาก

516 Nameless Fanboi Posted ID:fp0Egt///

แต่งมามีช่วงเข้าวัง(ยุโรป​แฟนตาซี)​ อยากจะใช้คำราชาศัพท์​ถูกต้อง​จริง​จัง แต่ก็กลัวคนอ่านหายจังว่ะ...

517 Nameless Fanboi Posted ID:E7EAbEv42

>>513 >>514 >>515 แต้งกิ้วเพื่อนโม่ง แล้วคิดยังไงถ้าสมมุติมาเปลี่ยนแนวช่วงปลายๆเรื่องอ่ะ? จากแฟนตาซีกลายเป็นทริลเลอร์ การเมือง ดิสโธเปียไรงี้รึกูควรไปเขียนเป็น Side story ดี แบบอยากให้เนื้อเรื่องตรงนี้มันมาสนับสนุนเนื้อเรื่องหลักให้ดูมีเหตุมีผลมากขึ้นน่ะ

518 Nameless Fanboi Posted ID:6pCkvDHQv

>>516 นึกถึงนิยายเรื่องนึกเลิฟซีนนะ บรรยายว่าเจ้าชายทรงไล้พระอังคุฐที่ริมฝีปากของหญิงสาว ถามใจดูอ่านแล้วสนุกมั้ย
มีนข นป หลายคนแจ้งไว้ว่าจะใช้ราชาศัพท์ไม่เต็มรูปแบบ

519 Nameless Fanboi Posted ID:fp0Egt///

>>518 คือมันไม่มีฉากละเอียด​ขนาดนั้นไง ไม่ใช่นิยายรัก แค่ฉากเข้าเฝ้า, รับเสด็จ, พูดคุย​การเมืองจริงจังเลยอะ...

520 Nameless Fanboi Posted ID:6pCkvDHQv

>>519 แบบนั้นใส่เต็มที่เลย แต่ควรมีเชิงอรรถให้ด้วย เพราะหลายๆคนทิ้งความรู้เรื่องราชาศัพท์ไว้ที่ป.4

521 Nameless Fanboi Posted ID:JeaF7Wilx

ช่วงนี้ทางเมพ มีฟังก์ชั่นรวมยอดเงินให้คนเขียน
แบบนี้ดีในการกระตุ้นคนเขียนมากนะ
นักเขียนที่ยอดขายมาเป็นล้าน หรือหลายแสน
สายรักโรมานซ์ เห็นคนเขียนโชว์กันหลายคน ตลาดนิยายบ้านเรากูว่าไม่ได้ซบเซาเลย แค่เปลี่ยนรูปแบบไป
และคนเขียนมาทางเลือกมากกว่าเดิม ในการลงผลงาน

522 Nameless Fanboi Posted ID:Iw1MyI.Kv

readawrite เป็นไงมั่ง เทียบกับ minimore มีคนเล่นเยอะมั้ยหรือเงียบๆ ทั้งคู่วะ แถมกุสงสัยคนที่เขียนลง wordpress นี่ต้องสร้างฐานจากทวิตเตอร์อย่างเดียวแล้วให้คนตามมาหรอ ส่วนใหญ่เห็นแต่เป็นฟิคจากด้อมหนังไม่ก็อนิเมะน่ะ

523 Nameless Fanboi Posted ID:XWxTMAD.K

เออ ขอถามหน่อยกำลังสงสัยเกี่ยวกับงการ Rewrite อะ
คือมันมีหลักเกณฑ์อะไรรึเปล่า ถ้าหาก Rewrite แล้วเนื้อหาและการดำเนินเรื่องเปลี่ยนหมด ประมาณว่ารื้อทั้งเรื่องแล้วเขียนใหม่โดยคงเอาไว้แค่ตัวละครเดิมนี่นี่เขาจะเรียก Rewrite รึเปล่า?

524 Nameless Fanboi Posted ID:twSJ4VPAb

ใครเคยพิมพ์นิยายกับสนพ.บ้าง ทางสนพ.เขาคิดปกให้หรือนักเขียนต้องคิดเองอะ

525 Nameless Fanboi Posted ID:2FiENubcp

>>524 เคยนะ ที่เจอคือพบกันครึ่งทาง ร่วมๆ กันคิด คือคุยกันอะ ทาง สนพ. ไม่ได้รวบรัดทำเองหมด เค้าก็ถามว่าต้องการหน้าปกแนวไหน หรือไม่ก็เสนอแนวทางให้เราเลือก ระหว่างขึ้นร่างแบบปกก็ส่งความคืบหน้ามาถามเป็นระยะ โอเค มั้ย อยากให้แก้ตรงไหนหรือเปล่า ประมาณนี้

526 Nameless Fanboi Posted ID:w7/NsIHRa

แวะมาบ่น เบื่อแนวพระนางตามพิมพ์นิยม เลยเขียนแนวรักนอกกระแสสนองนีดตัวเอง แถมลงทีละตอนยาว ๆ แบบไม่วางแผนเพิ่มยอดเฟบ เอาจริง ๆ แม่งก็เหงาว่ะ คนมา'เมนต์ก็ไม่แนะนำอะไรกูเลยว่าชอบไหม ถูกใจตรงไหน ...แต่กูจะลงต่อไป V๓

527 Nameless Fanboi Posted ID:LbgGuqO/Q

ถามหน่อย เวลากูคิดอะไรออกกูก็เขียน จริงอยู่ บางทีก็กังวลเรื่องสำนวนบ้าง คำซ้ำบ้างตามประสา แต่สิ่งที่ทำให้กูกังวลไม่แพ้กันหรือมากที่สุดคือจำนวนคำว่ะ เมื่อก่อนกูเคยเขียนเรื่องสั้นสองพันคำได้จากไอเดียเล็กๆ แต่เดี๋ยวนี้ไอเดียขนาดพอๆกัน กูกลับเขียนได้มากสุดแค่ห้าร้อยถึงพันคำเท่านั้นเอง กูพยายามหาวิธีเพิ่มคำลงไปแต่บางทีก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันไม่เข้ากันบ่อยๆ เออ อาจเป็นเพราะกูเคยให้เพื่อนอ่านเรื่องนึงแล้วเขาก็บอกว่าตอนสั้นไปด้วย (แค่ห้าร้อยคำนั่นแหละ) กูเลยเก็บมาจำจนถึงทุกวันนี้ แถมพักหลังๆชักห่างงานเขียนไปนาน สกิลชักฝ่อ ตอนนี้กูเลยแอบท้อๆว่ะ กลัวโน่นนี่ไปหมด เขียนเรื่องสั้นก็โคตรสั้น เขียนเรื่องยาวก็ไม่ไหว ไม่เคยทำได้ซักที คิดคำในหัวแทบไม่ออก รู้สึกตัวเองเขียนวกไปวนมา มีแต่น้ำ กลัวคนอ่านจับใจความไม่ได้ บลาๆ เฮ้อ กูพยายามเขียนให้สนุก ไม่คิดอะไรมากเหมือนตอนเด็ก ทำไมมันยากจังวะ บางทีไม่รู้อะไรเรื่องเขียนบ้างก็น่าจะดีนะ จะได้ไม่ต้องมาเครียดแบบนี้ เบียวได้เต็มที่ 555

528 Nameless Fanboi Posted ID:BP8q49Blw

อยกาเขียนบทความว่ะ เขียนได้ที่ไหนบ้าง มีเวปแนะนำไหม

529 Nameless Fanboi Posted ID:5B63BQgEg

ถามหน่อย เดี๋ยวนี้เด็กดีไม่ลดยอดแฟบให้ดูแล้วเหรอวะ พอดีสังเกตุมาหลายเดือนละตอนแรกคิดว่าน่าจะคิดไปเองแต่ลองจดยอดแฟบไว้ทุกวันๆ เพื่อเทียบแล้ว ยอดแฟบมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดลงเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้ยอดแฟบเรื่องกูนี่ขึ้นลงยังกะคลื่นเฉลี่ยนแล้วเดือนหนึ่งจะได้เพิ่มจากยอดเดิมซักสองสามคน ที่สังเกตไว้นี่ตอนนี้สงสัยว่าเป็นเพราะจำนวนตอนรึเปล่า เพราะมันเริ่มไม่ลดตอนที่ลงไปได้ซักร้อยกว่าตอนนั้นแหลหรือกูแค่คิดไปเอง

530 Nameless Fanboi Posted ID:FdeZ76wf.

>>527 มึงอย่าพยายามมากไปจนทำให้มึงรู้สึกฝืน มองย้อนกลับไปที่พล็อตก่อน ว่าเหมาะจะเล่นให้ยาวได้แค่ไหน ลองลำดับเรื่อง เวลา เหตุการณ์ที่จะเกิดว่ามีอะไรบ้างตามพล็อตนั้น บางทีปัญหาอาจอยู่ที่มึงรวบสถานการณ์เข้ามาจนทุกอย่างมันสั้นลงรึเปล่า

ตัวกูเองถนัดเขียนเรื่องยาว พล็อตสั้น ๆ กูก็แล่ให้มันยาวสุดลูกหูลูกตาได้ ในขณะที่เพื่อนกูพล็อตอาจจะยาวเท่ากู แต่เขียนจบภายในสี่หน้าเอสี่ กูเลยต้องสังเกตตัวเองกับสังเกตเพื่อนกูว่า มันมีจุดที่ต่างกันตรงไหนบ้าง

เท่าที่กูเห็นคือเรื่องการดำเนินเรื่อง เพื่อนกูเน้นรวบๆ และโฟกัสไปที่บางตัวละครเท่านั้น บางเหตุการณ์ก็พูดถึงในเชิงมาเล่าให้ฟังหลังจากผ่านไปแล้ว ทุกอย่างเลยสั้น กระชับ ส่วนของกูจะเจาะลงไปในหลายฝั่งของตัวละคร เหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่คนนิยมรวบ กูก็เจาะลงไป ข้อเสียคือมันจะยาว แต่ข้อดีคือคนอ่านจะเห็นภาพชัดแล้วก็รู้ถึงความเป็นไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่รู้ผ่านการที่คนเขียนมาสรุปให้หลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้ว

อีกอย่างคือการโฟกัสตัวละครและความรู้สึก มึงใส่ใจความรู้สึก/ความคิดตัวละครมากน้อยแค่ไหน เวลามึงเขียนเรื่อง มึงได้ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ข้างในของตัวละครออกมาบ้างแล้วยัง? ถ้ายังก็ลองทำดู เขียนความคิด ความรู้สึก ว่าทำไมทำแบบนี้ คิดแบบนี้ อารมณ์ที่เกิดขึ้นได้นี่เพราะอะไร เหตุการณ์นั้น ๆ ที่มากระทบทำให้รู้สึกยังไงบ้าง ก็นั่นแหละ ข้อเสียคือเรื่องยาวขึ้น ข้อดีคือคนอ่านอิน, เข้าใจ และรู้สึกถึงตัวละครตัวนั้นจริง ๆ

ยกตัวอย่างของกูอีกแล้วกัน ตัวร้าย A ตอนแรกกูก็เปิดมาแบบร้าย ๆ คนอ่านก็หมั่นไส้ สักพักก็ทำชั่ว คนอ่านเกลียด ต่อมากูเริ่มเล่าประวัติให้ฟังว่าเจออะไรมาบ้าง คนอ่านก็เริ่มเห็นใจ คอมเมนต์บอกว่าอย่าทำร้าย A มากไปกว่านี้เลย สงสาร และล่าสุดกูก็เขียนให้มันกลับมาทำชั่วอีกครั้ง คนอ่านก็เกลียดอีกครั้งแบบแช่งให้ตายไปเลย >> รวม ๆ แล้วคือ เป็นตัวร้ายที่ร้ายนั่นแหละ แต่คนอ่านจะได้รู้ว่าที่มันร้ายมันก็มีที่มาของความร้ายมันนะ ไม่ใช่กูจะร้ายก็เลยร้าย

รวม ๆ ก็ประมาณนี้ ลองเอามาปรับ ๆ ดู

>>528 มินิมอร์?

>>529 กูเพิ่งมาเปิดเรื่องใหม่ รู้สึกเหมือนจะมีแต่ยอดขึ้นเหมือนกัน หรือกูไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ ทั้งที่เรื่องเก่า ๆ มีขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนที่มึงว่า แต่ประเด็นคือตอนนี้ยอดในหน้าแดชบอร์ดกับหน้านิยายกูไม่ตรงกัน แม่ง 55555

531 Nameless Fanboi Posted ID:3Dxj1qy+D

>>530 นี่529 เอง แสดงว่าที่กูเดาๆ ไว้อาจจะเป็นไปได้สินะ ส่วนเรื่องแดชบอร์ดกับหน้านิยายไม่ตรงกันนี่เหมือนแดชบอร์ดมันจะเร็วกว่าป่ะแล้วหน้านิยายค่อยอัพเดทตามทีหลัง หรือว่าของมึงไม่เปลี่ยนตามเลยแม้ว่าจะผ่านไปนานแล้ว?

532 Nameless Fanboi Posted ID:RYBBGrMv8

>>531 แดชบอร์ดเร็วกว่าประมาณ 50 คนได้ มันก็ไล่ตามทิ้งห่างประมาณนี้แหละ

533 Nameless Fanboi Posted ID:gOkp32SMG

>>530 กูว่าเมื่อก่อนกูบรรยายได้นะ เดี๋ยวนี้จะเขียนแล้วหัวตันไปหมด เป็นเพราะห่างไปนานรึเปล่านะ ช่วงเรียนจบใหม่ๆนี่แบบหยุดเขียนไปเลยอ่ะ พอชีวิตลงตัวจะกลับมาเขียนอีกทีนี่โคตรฝืดอ่ะ 555

534 Nameless Fanboi Posted ID:3/xUCwTOg

อยากเขียนนิยายดาร์คๆ มาเฟีย โลกมืดหม่น ควรเอาโลเกชั่นที่ไทยหรือเมืองนอกดีวะ กูว่าเมืองนอกก็ใส่ได้เต็มที่ดี แต่คนอ่านจะอินกันหรือเปล่า ช่วยกูคิดหน่อยสิเพื่อนโม่ง

535 Nameless Fanboi Posted ID:86U6oIggT

>>534 นึกถึงมาเฟียณเดชของณาราเข้าไว้ นิยายเสิ่นเจิ้นแบบญี่ปุ่นนี่จะเรียกว่าอะไรดี โยโกฮาม่าเหรอ

536 Nameless Fanboi Posted ID:TZvnwEynp

ไพรัชนิยาย

537 Nameless Fanboi Posted ID:3/xUCwTOg

>>535 ไม่เอาอะมึง แบบมาเฟียเมกา อิตาลีแบดๆดิ พวกยากูซ่าญี่ปุ่นมันยังไงไม่รู้ 55555

538 Nameless Fanboi Posted ID:86U6oIggT

>>537 กูหมายถึงว่ามึงเขียนเซ็ตติ้งต่างประเทศยังไงก็เสิ่นเจิ้นอยู่ดี ไม่มีทางสมจริงอะไรหรอก

539 Nameless Fanboi Posted ID:HhLYoE2DE

ถ้าเขียนนิยายมุมมองบุคคลที่3 ที่ตัวละครเป็นคนไทยนี่ควรใช้ชื่อจริงหรือชื่อเล่นอะ ถ้าใช้ชื่อจริงมันจะลิเกๆไปมั้ย ถ้าใช้ชื่อเล่นมันจะดูไม่ทางการไปมั้ย หรือถ้าตัวละครเรียกกันเองด้วยชื่อเล่น แต่ในบทบรรยายดันใช้ชื่อจริงอย่างนี้จะสับสนรึเปล่าอะ

540 Nameless Fanboi Posted ID:x3XN6CTqS

>>539 มึง นิยายแนวรักผู้ใหญ่ทั่วไปเขาก็ใช้ชื่อจริงกันทั้งนั้นอะ ไม่ได้ลิเกอะไร

ส่วนเรื่องชื่อเล่น ถ้ามึงกลัวคนอ่านสับสน เอาวิธีจากที่กูคิดออกนะ

1. ชื่อเล่นตัดคำมาจากชื่อจริง เช่น เนตรสิตางศุ์(เนตร) การะเกด(เกด)

2. ชื่อเล่นมีตัวอักษรตัวแรกเหมือนชื่อจริง เช่น กรรัมภา(แก้ม) ภารนัย(ภาม)

3. ชื่อเล่นมีความหมายพ้องกับชื่อจริง เช่น ปฐพี(ดิน) อัคนี(ไฟ)

ก็ทำนองนี้ที่กูเห็นเขาใช้ๆ กัน

541 Nameless Fanboi Posted ID:0P+6Zo91q

กูระบายแป๊บ คุยกับเพื่อนแล้วเหมือนเขาไม่คอยเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้หนังสือทำมือมันง่าย ใครๆเขาก็ทำกันแล้ว 555

542 Nameless Fanboi Posted ID:cxppvbCGF

พวกมึง ทำยังไงถึงจะเขียนให้เกินหน้านึงได้วะ กูเขียนทีไรก็ได้แค่นั้นตลอดเลย พยายามนึกประโยคก็นึกไม่ค่อยออก เวลาอ่านงานคนอื่นก็คิดนะแบบเฮ้ย แบบนี้เราก็เขียนได้นี่นา แต่พอลงมือเขียนจริงๆ สมองแม่งขาวโพลนหมดเลยว่ะ เหมือนเรียบเรียงความคิดไม่ได้อีกต่างหาก เฮ้อ

543 Nameless Fanboi Posted ID:FV847Oom2

>>541 มึงลองให้ส่องตามเฟซนักเขียนหรือเฟซ meb ดูสิ
เขียนทำมือมีเงินล้านได้
https://www.facebook.com/meb.officer?fref=pb&hc_location=friends_tab&pnref=friends.all

544 Nameless Fanboi Posted ID:tDg1Gxg/i

>>543 กูคนระบายเอง คือเขาเคยทำงานในสนพ.ไง ก็จะแบบต้นทุนสูงนะ จะขายได้เหรออะไรทำนองนี้ 555

545 Nameless Fanboi Posted ID:FV847Oom2

>>544 อ้อเข้าใจล่ะ เป็นมุมของสนพ.
ก็คงยากขึ้นกว่าเก่า ทั้งเรื่องหาต้นฉบับหรือหาเรื่องที่สร้างผลกำไรได้ ไม่เช่นนั้นหนังสือได้ท่วมโกดังไม่มีที่เก็บแน่
ก็คงปรับตัวกันตามยุคสมัยล่ะนะ

546 Nameless Fanboi Posted ID:yHGFP0maJ

อืมมม ถ้ากุอยากจะเขียนขายนี่ กุต้องเขียนแนวรักอย่างเดียวเลยหรอวะยุคนี้...

547 Nameless Fanboi Posted ID:QvOKHAK/E

>>546 มึงจะเขียนแนวไหนก็ได้ ไม่อยากส่ง สนพ. มึงทำเองได้ แต่ขายออกไหม อันนั้นบางทีก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ด้วยนะมึง กระทั่งโชคชะตาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยนั้น 555 กระทั่งแนวรักเอง ใช่ว่าบางคนจะขายออกนะ กูก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้นอ่ะก็ขายไปถูๆ ไถๆ อ่ะ

548 Nameless Fanboi Posted ID:Xsx7xCd.D

ตอนแรกกูก็เขียนของกูนะ ก็สนุกของกูไป แค่บางทีดันเสือกไปเห็นงานคนอื่นแล้วมันก็เกิดอิจฉา รู้สึกเฟลขึ้นมาซะงั้นแหละ แบบอายงานตัวเองไปเลยอ่ะ กูรู้ว่าอย่าเอาตัวไปเทียบมาก แต่ก็อดไม่ไหวจริงๆว่ะ

549 Nameless Fanboi Posted ID:wXexDPK2L

พูดในนี้ได้ไหม ไม่รู้จะลงมู้ไหนดี คือกูเขียนนิยายออริยังไม่ได้ไง ทีนี้ก็เขียนฟิคอะไรไปตามเรื่องแต่พูดตรงๆ กูแอบเหนื่อยอยู่หลายครั้งนะ ด้อมที่กูตามคนก็รู้จักในไทยแม่งน้อยชิบหาย ไม่มีแรงจูงใจในการเขียนเลย เหมือนเขียนไปทำไมไม่รู้ เห็นเพื่อนเขียนแล้วมีคนตาม มีงานมีตให้ไป มีคนอื่นให้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันแล้วก็ได้แต่แอบมอง จะให้ผลิตเองกูก็ไม่เก่ง ไม่มั่นใจขนาดนั้น นี่ยังแทบไม่มีใครสนใจอีก มันก็ท้อว่ะ /ระบายจบละ ไปดีกว่า 555

550 Nameless Fanboi Posted ID:WzjQU2JAm

>>549 กูเข้าใจมึงนะถึงความท้อแท้นี้ แต่ว่ามึงต้องเข้าใจว่าทาร์เก็ตที่มึงเลือกมันกลุ่มเฉพาะจริงๆ แล้วดันเป็นกลุ่มคนน้อยด้วย ฉะนั้นก็จะไม่มีวันได้คนอ่านเยอะจนกว่ากลุ่มนี้ของมึงจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่อ่ะ ถ้ามึงจะทำฟิคขาย มันก็ขายไม่ได้เพราะคนซื้อจะน้อย แต่ถ้ามึงจะเขียนเอาความสุขว่ามีคนกลุ่มนึงติดตามมึงสม่ำเสมอและคุยกับบ่อยๆ ได้งี้ก็โอเค แต่ถ้ามึงซวยเหมือนกู กระทั่งคนจะพูดด้วยก็ไม่มีตอบสนอง ก็ได้แต่ทำใจอ่ะ กูก็เคยอิจฉาเหมือนกัน แต่พออยู่นานๆ ไปกูก็ทำใจแทนว่ากูเขียนเพราะอยากได้การตอบสนองแบบไหนกันแน่

551 Nameless Fanboi Posted ID:mH1FB2K2f

ไม่ค่อยชอบเวลาที่มีคนบอกให้เขียนเพื่อตัวเองเลยอะมึง เขียนเพื่อตัวเองก็ใช่แหละ แต่ก็อยากได้ฟีดแบกเปล่า ถ้าไม่ได้อะไรกลับมาเลยอย่างนี้เขียนเองอ่านเองคนเดียวไม่ต้องเอาลงที่ไหนดีกว่า

552 Nameless Fanboi Posted ID:ceuXzH7qB

>>551 มันเป็นคำให้กำลังใจป่ะมึง คืออย่าไปยึดถือฟีดแบคมากไปกว่าความรู้สึกที่อยากเขียนของตัวเอง เพราะมึงอยากเขียนมึงจึงลงมือเขียน คิดซะแบบนี้มันจะได้ไม่ท้อแท้

553 Nameless Fanboi Posted ID:ZRjndZ10l

>>551 กูก็ไม่ชอบนักหรอก แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้มีกำลังใจเขียนต่อไปได้อะนะ คิดดูดิ ตัวเราไม่ดัง ยังเสือกชอบด้อมเล็กที่แทบไม่มีคนรู้จักเลย ก็ได้แต่พยายามต่อไป ถ้าไม่ท้อจนเลิกซะก่อนล่ะนะ

554 Nameless Fanboi Posted ID:V6tlcAo8n

>>552 เข้าใจแหล่ะ แต่ช่วงเฟลจะไม่มานั่งคิดงี้ไง จะคิดแค่ว่าไม่มีคนอ่านงั้นไม่เขียนดีกว่า

555 Nameless Fanboi Posted ID:ZRjndZ10l

>>554 ใช่เลย นี่กูเคยเก็บไปเปรียบเทียบกับเพื่อนที่ชอบด้อมอื่นที่ดังกว่าแล้วร้องไห้ด้วยนะเว้ย แบบคร่ำครวญว่าเลิกเหอะ เลิกดีกว่าแต่พอสงบสติได้ก็นั่งเขียนต่อ คิดไอเดียต่อ 555

556 Nameless Fanboi Posted ID:BwXrQ746j

เพื่อนโม่ง ใครช่วยแนะนำวิธีจุดไฟหรือเพิ่มแรงกระตุ้นให้หน่อยได้ไหม กุป่วยแล้วรู้สึกห่อเหี่ยว+เขียนไม่ออกเลย

557 Nameless Fanboi Posted ID:qMBDFEvq1

>>551 งั้นมึงต้องถามตัวเองสิว่าตอนแรกมึงเขียนเพราะอะไร มึงก็โฟกัสจุดนั้น ถ้าด้อมเล็กคนไม่อ่านเลย นอกจากมึงที่เขียนเองอ่านเอง มึงจะทนทำไม เปลี่ยนด้อมใหม่เลย เอาที่มีคนอ่านเยอะหน่อย เขียนๆ ไปมันก็จะมีคนตามมาเอง แต่ถ้ามึงยังทนแบบนี้ สุดท้ายมึงก็จะกลับมารู้สึกเหมือนเดิม มึงก็เฟลทั้งชีวิตเพราะมันก็จะไม่มีคนอ่าน ใครก็ช่วยมึงไม่ได้นอกจากตัวมึงเปลี่ยนเองอ่ะ

แต่ถ้ามึงชอบด้อมนี้ พอหายเฟลยังไงก็กลับมาเขียนอยู่ดี มึงก็ทำต่อไป เอาจริงๆ คนเขียนก็คือมึง มึงจะควบกี่เรื่องก็ได้ จะเขียนสิ่งที่มีคนอ่านเยอะอ่านน้อยก็ขึ้นกับตัวมึงเลือกเองทั้งนั้น

ไม่รู้ว่ากูพูดแรงไปไหมนะ ถ้าแรงกูก็ขอโทษ แต่กูเข้าใจที่มึงรู้สึกนะ กูผ่านมาหมดแล้ว บางทีทุกวันนี้กูก็เป็นอยู่กับบางเรื่องบางแนวที่เขียนเหมือนกัน กูก็ถามตัวเองแบบนี้แหละถึงหลุดความรู้สึกเฟลมาได้

558 Nameless Fanboi Posted ID:Tw.wT/Gmb

>>557 สำหรับกูคนนอกไม่แรงไปหรอก แต่มันจะได้ผลแบบเดียวกับที่บอกให้คนซึมเศร้า "สู้ๆ" อะมึง บางคนเขาเข็นพลังมาจากข้างในได้ บางคนทำไม่ได้มีแต่ต้องรอพลังบวกจากข้างนอก (กูไม่ใช่ >>549 เด้อ ด้อมกูใหญ่อยู่ มีฟีดแบกพอประมาณ กูพอใจแล้ว)

ส่วนกรณีของ >>551 นี่เกิดขึ้นทุกด้อมทั้งเล็กใหญ่เลยมั้ง ฟีดแบกน้อย > รู้สึกเฟล > มีคนบอกให้ขุดความรักในด้อมกลับมา > ฮึบมาเขียนใหม่ > ไร้ฟีดแบก > ท้อถอยมากขึ้น

559 Nameless Fanboi Posted ID:xFrNT9/t/

กุขอบ่นมั่ง... กุไม่ได้หมดไฟเพราะด้อม แต่กุหมดไฟเพราะตัวเองว่ะ
กุมีนิสัยชอบอ่านของคนอื่น แล้วเอามาเทียบกับของตัวเอง ว่าง่ายๆ ก็คือศึกษางานจากคนอื่นแล้วเอามาปรับปรุงแหละ
อาจจะเห็นว่าดี แต่พอทำมากๆ แล้วกุรู้สึกว่ากุเริ่มสูญเสียตัวตนของกุไปเรื่อยๆ ว่ะ

จากที่เคยเขียนอย่างสนุก อยากเขียนอะไรก็เขียน มาปัจจุบันกุก่อนจะเริ่มเขียนกุต้องมานั่งคำนึงอะไรที่เยอะมาก
ทั้งจำนวนหน้า ทั้งการบรรยาย ทั้งการตัดคำฟุ่มเฟือย ทั้งการสร้างเนื้อหาให้คนอ่านรู้สึกค้างยามจบตอน เมื่อก่อนกุเคยเขียนตอนละ 5000 คำได้สบายๆ บัดนี้กุต้องมาตัดให้สั้นเหลือประมาณ 2000 คำ เพื่อสะดวกต่อการอัพลงเน็ต ซึ่งแม่งนั่นไม่ใช่สไตล์การเขียนของกุว่ะ

ทุกวันนี้กุรู้สึกขัดแย้งกับตัวเองมาก คืออยากเขียนนะ เนื้อหามีเยอะวางพล็อตเอาไว้เสร็จแล้ว แต่กุไม่อยากคอยมานั่งตัด คอยมานั่งแก้คำให้กระชับเพื่อเอาใจคนอ่านอะ มันเหมือนกับกุต้องมาคอยตีกรอบตัวเองว่าห้ามทำแบบนั้น ห้ามทำแบบนี้ จนจากที่กุเคยสนุกกับการเขียนได้กลายเป็นกุต้องมานั่งเครียดแทนซะงั้น

ทุกวันนี้กุได้แต่นั่งร้องไห้อะ อยากจะเขียนแต่ก็เขียนไม่ได้ คือเสียใจอะ ไอ้สิ่งที่กุพยายามศึกษาพยายามทำให้ดีขึ้นเพื่อให้ขายได้ มันกลับย้อนมาทำร้ายกุแทนซะงั้น

560 Nameless Fanboi Posted ID:qw9eZEPgF

>>559 ใช่มั้ยล่ะ กูก็เป็นเว้ย อยากเขียนดีก็ไปศึกษา แต่พอศึกษามากๆเขาก้เครียด เขียนไม่ออก รู้สึกมันไม่ใช่ไปหมดเลย จากที่กูเคยเขียนเรื่องยาวๆได้ ตอนนี้ได้แค่เรื่องสั้นเองว่ะ

561 Nameless Fanboi Posted ID:D/DQAX+3o

มึง กูมีปัญหาเขียนได้ห้าร้อยหน้าเอสี่ แต่กุนึกชื่อเรื่องไม่ออก... กุเลยลงเว็บไม่ได้ ส่งสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้ ชื่อเรื่องคิดยากชิบหาย

562 Nameless Fanboi Posted ID:Tw.wT/Gmb

>>559 อันนี้กูก็เป็น พยายามเลิกเปรียบเทียบแล้วแต่บางครั้งก็อดไม่ได้
>>561 ลองสรุปเรื่องทั้งหมด 500 หน้าของมึงเป็นเรื่องย่อสัก 1 ย่อหน้าแล้วหาแก่นมาทำชื่อเรื่องมั้ย

563 Nameless Fanboi Posted ID:D/DQAX+3o

>>562 เค กุจะลอง

564 Nameless Fanboi Posted ID:u3zt1nyjz

>>559 มึงจงโยนสิ่งที่ศึกษาทิ้งไปก่อน กูก็เคยเป็น 555 ทีนี้กูคุยกับพี่นักเขียนคนนึง นางเป็นคนชอบอ่านพวกฮาวทูการเขียนของฝรั่งงี้
นางเลยแนะนำกูว่า ถ้าต้องกังวลแบบนั้นก็โยนทิ้งไป แล้วลองเรียนร่างแรกให้จบ มีเท่าไหร่อยากเขียนอะไร มึงเขียนไปเลย
เขียนไปจนจบ จากนั้นแหละค่อยรีไรท์ออกมา ทุกสิ่งอย่างที่มึงร่ายมาว่ากังวลนั้น ก็สามารถทำได้อย่างสบาย ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วว่าหน้าจะหนาจะบาง จะอะไร หรือตรงไหนอ่อนไป เร็วไป เอื่อยไป ก็เพิ่มลดได้ตรงนี้ พอกูค่อยๆ ลองตัดพวกนี้แล้วมามุ่งเขียนตามพลอตที่กูวางเอาไว้ ไปๆ มาๆ ก็เขียนจบไม่กังวลอะไรแล้ว

ส่วนเรื่องลงเนต มันก็จะลำบากสำหรับคนที่เขียนไปลงไปหน่อย แต่โชคดีกูเขียนจบก่อนถึงจะลงอ่ะ ระหว่างนั้นกูก็ส่งพิจารณา สนพ.ไปด้วย

เอาจริงๆ ถ้าเป็นพวกนิยายรัก มึงอย่าเพิ่งกังวลเรื่องหน้าอะไรเลย ถ้ามันจะหนา แต่หนาแล้วสนุกยังไงมันก็มีคนอ่านอ่ะ

565 Nameless Fanboi Posted ID:Xu/Cr9q2O

>>559 ของกูตอนนึง 4000 คำ คนบอกว่าอัพลงเน็ตตอนนึงควรมีแค่ 2000 คำต่อตอน แต่กูก็เลือกที่จะลง 4000 คำต่อตอนเหมือนเดิม เพราะมันดำเนินเรื่องได้ดีกว่าไม่ใช่ฉับๆ ปุบปับเป็นฟาสต์ฟู้ดที่ไม่มีความละเมียดละไมอะไรเลย บางอย่างดีกับคนทั่วไปแต่อาจไม่ดีกับเราก็ได้นะมึง

566 Nameless Fanboi Posted ID:mixiNowti

>>565 ลงทีเดียวแต่แบ่ง 2 ท่อนก็ได้นะมึง พบกันครึ่งทาง 555

567 Nameless Fanboi Posted ID:Xu/Cr9q2O

>>566 ตอนมีคนบอกให้ลงที่ 2000 คำ กูก็เคยจะลองแบ่งเป็นสองพาร์ทแบบที่มึงบอก แต่มันตัดที่ 2000 โคตรลำบาก บางมันตัดฉับไม่ได้อ่ะ เนื้อหามันต่อเนื่อง ก็เลยไม่แบ่งมันเลย 5555

568 Nameless Fanboi Posted ID:5kHibnKYp

กูขอบ่นด้วย ก่อนหน้านี้กูไม่มีปัญหาอะไรกับการเขียนจนกระทั่งกูเริ่มทำงานประจำนี่แหละ เลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็แทบสลบ ไหนจะต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นเช้าไปทำงานอีก เสาร์อาทิตย์บางทีก็ไม่ได้พักเพราะต้องเคลียร์งาน พอมีเวลาร่างกายก็จะนอนท่าเดียวเลย อิวงจรเหี้ยนี่นอกจากจะผลาญเวลากูแล้วยังผลาญมู้ดขีดเขียนกูซะเหี้ยนเลย เหนื่อยจนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ บางทีได้แต่นั่งจ้องเวิร์ดเปล่าๆแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย บางทีไฟมาแบบลุกพรึ่บพรั่บ แต่ชีวิตแม่งก็บังคับให้กูต้องทำในสิ่งที่สมควรทำก่อนสิ่งที่อยากทำ กูไม่ได้เขียนแบบจริงจังมาหลายเดือนแล้ว กลับไปอ่านงานเก่าๆแล้วได้แต่อุทานในใจว่ากูเคยเขียนอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอวะ อินั่นแม่งคงตายห่าไปแล้วแน่ๆเพราะกูในตอนนี้คือถอยหลังลงคลองยิ่งกว่าประเทศนี้ กูอยากร้องไห้

569 Nameless Fanboi Posted ID:Xu/Cr9q2O

>>568 ตบบ่ามึง กูเข้าใจ งานคือเงินเว้ย พอมีเวลาแม่งก็อยากนอน นอนแบบจำศีล กูก็เป็น

570 Nameless Fanboi Posted ID:cRmNfj91s

>>568 มึงร่างแยกกูป่ะเนี่ย 555 กูไปนั่งอ่านงานเก่าก็ยังงงตัวเองเหมือนกันว่าเขียนงั้นเข้าไปได้ไง นี่ก็นึกว่าตังเองฝีมือตกลงเนอะเลยแหละ

571 Nameless Fanboi Posted ID:SG8RUQOgW

>>568 ร่างแยกกูด้วย 5555

572 Nameless Fanboi Posted ID:9oIkLbokN

>>568 มึงผิดกับกูเลย ตอนอยู่ว่างๆ กูไม่อยากทำ กูว่างเกินไปกูเนือย กูนอยด์ แต่พอตอนทำงานประจำเหนื่อยมาก กูดันมีอารมณ์อยากเขียน แล้วช่วงนี้แหละปั่นไวมาก เวลามีน้อยต้องใช้คุ้มงี้ เขียนลื่นมากเลย 5555

573 Nameless Fanboi Posted ID:c5Gm6c8aj

ด้อมที่กูติ่งตอนนี้หาฟิคดีๆยากมาก คู่ที่ชอบคนเขียนก็เสือกแต่งห่วยอย่างไม่น่าให้อภัย เห็นละหงุดหงิดจนอยากเขียนเองให้ดีกว่าแม่ง ติดอย่างเดียวคือไม่มีเวลาพอ เป็นความรู้สึกที่เหี้ยจริงๆ

574 Nameless Fanboi Posted ID:+.idVEffp

>>568 กูเป็นแบบนี้แล้วยังอิจฉาอีกว่ะ เห็นดำอนเห็นคนรู้จักเขียนนั่นนี่เยอะแยะ หันมามองตัวเอง เอิ่ม นิ่งไม่ขยับไปไหนเลย ได้แต่ท้อ คิดว่ายังไงก็ตามเขาไม่ทันแล้ว เขานำเราไปไกลแล้วว่ะ orz

575 Nameless Fanboi Posted ID:Pwr/4qqny

>>573 กูเข้าใจมึงงงงงงง //พุ่งเข้าไปกอด

576 Nameless Fanboi Posted ID:TIHGlHQJj

>>573 กูก็เข้าใจมึง กูอยู่ด้อมที่คนน้อยชิบหายจนกูเขียนฟิคเองและดองมาเกือบเดือนแล้วเพราะไม่มีเวลาเรียบเรียง
แต่กูอยากเชียร์มึงว่าถ้ามีไอเดียดีๆก็เขียนเถอะ ไม่ต้องรีบและไม่ต้องสม่ำเสมอก็ได้ ในฐานะคนเสพนี่มีฟิคคู่ที่กูอวยโผล่มาทีกูดีใจเหมือนถูกหวย

577 Nameless Fanboi Posted ID:bcnKd.io3

พวกมึง กูขอถามหน่อย ไม่แน่ใจว่าถูกห้องป่าว ว่าจะถามเรื่องพวกต้นทุนหนังสือทำมืออะ ใครเคยทำแล้วรู้ราคาคร่าวๆปะวะ เผื่อจะเอาไว้ตัดสินใจว่านิยายจะทำเล่มดีไหม แบบสมมติหนังสือประมาณ 3-400 หน้าค่าพิมพ์เท่าไหร่ ค่าปกโดยทั่วไปเียประมาณเท่าไหร่อะไรแบลนี้คร่าวๆ

578 Nameless Fanboi Posted ID:UotlDB.IL

>>577 กูเคย 400หน้า ถ้าพิมพ์100เล่มจะตกที่เล่มละ 100บาท++นิดๆ แต่กูพิมพ์2000 (ออฟเซ็ต)เลยได้ราคาเล่มละ40กว่าบาท ละโรงพิมพ์แถมมาให้อีกร้อยกว่าเล่ม

579 Nameless Fanboi Posted ID:BVNiF1LCu

>>577 คิดที่ต้นทุนตายตัวก่อนนะ คร่าวๆ นะมึง
1 ค่าปกนี้มึงต้องดูก่อนว่ามึงทำปกแบบไหน กราฟฟิกงี้กูเจอตั้งแต่ราคา 1,000-3,000 แต่บางที่ราคา 1,200 ก็สวยแล้ว

2 ค่าส่ง กรณีที่มึงบอกว่าส่งฟรี ฟรียังไงก็มีค่าส่งชิมะ มึงก็ตีคร่าวๆ ค่าบับค่าห่อค่าส่งไปรส่งอะไรไว้ประมาณ 50 บาท

3 ค่าจัดหน้า ค่าบรูฟ ค่า บก แล้วแต่ว่ามึงจะจ้างไม่จ้าง ตรงนี้ถ้าจ้างก็แล้วแต่ที่แต่เรทนะ มันก็มีทั้งแบบเหมา หรือจ่ายค่าจัดหน้า ค่าบรูฟ ค่า บก ต่างหาก ถ้ารวมๆ อาจจะประเมินไว้ที่ 10,000-20,000 แต่ถ้ามึงจัดหน้าเองบรูฟเอง ไม่ได้ส่งให้ บก ไหนตรวจ อาจจะวานเพื่อนช่วยตรวจอะไรงี้ก็หักตรงนี้ไป

4 ต่อมามึงไปขอราคาจากโรงพิมพ์ เอาหลายๆ ที่มาเทียบกัน ว่าราคาพิมพ์มันจะประมาณเท่าไหร่ อันนี้แต่ละที่ไม่ต่างกันมาก อย่างที่มึงถามประมาณ 400 หน้านี้ ที่ 100 เล่ม ราคาพิมพ์อาจจะอยู่แค่ 100-130 แล้วแต่ที่นะ

กูทำคร่าวๆ ประมาณนี้อ่ะ ค่อยมาได้ราคาหนังสือ ส่วนใหญ่กูจะพยายามไม่ขายแพงมาก เล่มไหนพิมพ์น้อยต้นทุนพิมพ์แพง ก็ก็ตัดแม้กระทั่งส่วนที่เป็นเปอร์เซ็นต์ นข ทิ้งไป ค่อยไปลุ้นกินเอากับอีบุคอ่ะ ถัวๆ กันไป

580 Nameless Fanboi Posted ID:bcnKd.io3

>>578 >>579 ขอบใจพวกมึงมาก ตอนแรกกูนึกว่ามันจะแพงกว่านี้ คิดว่า 400 หน้าอาจจะเกือบๆแตะ 200 บาท ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้น ส่วนเรื่องค่ารูปเล่มต่างๆกูพอทำเองได้ก็น่าจะดี อาจจะมีจ้างเพื่อนๆที่ชอบอ่านนิยายมาช่วยพรูฟหน่อย คงไท่ได้เสียเยอะขนาดนั้น

อีกเรื่องที่กูสงัยทสมมติสั่งพิมพ์โรงพิทพ์ที่กรุงเทพอย่าง fastbook งี้ แล้วกูอยู่ต่างจังหวัด มึงพอรู้ค่าส่งกันมะ กูไม่มั่นใจว่าแถวล้านกูจะมีโรงพิมพ์นิยายดีๆบ้างไหม อยู่บ้านนอกด้วย 555

581 Nameless Fanboi Posted ID:mEuOOvnvF

มึงต่อรองไปค่ะ แล้วแต่ความสามารถของมึง
กูต่อซีลพลาสติกฟรี ส่งฟรี บางเจ้าก็ให้ บางเจ้าก็ไม่

582 Nameless Fanboi Posted ID:yUXKU44LH

>>580 ฟาสต์แพงนะ แล้วต่อรองไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่งานนางดีอ่ะ

กูเองก็อยู่ ตจว ก็ต่อรองค่าส่ง ซีลฟรีหรือโปสการ์ดอะไรงี้ 5555 ลองๆ ขอดูมึง
แต่ค่าส่งนี่เค้าอาจจะคิดแยกอีกที ไม่แพงหรอก มันจะมีส่งเอกชนที่มาส่งถึงบ้าน ค่าส่งไม่แพงมากนะ

583 Nameless Fanboi Posted ID:bcnKd.io3

>>581 >>582 โอเค รู้แบบนี้ก็สบายใจ เดี๋ยวต้องลองๆไปถามดู ขอบใจมากนะ

584 Nameless Fanboi Posted ID:r6QXYY7nX

กุขอ ky นะ กุพึ่งได้ดูหนังเรื่องare you here ที่ Owen Wilson แสดงมันจะมีฉากนึงที่ตลค.ท้อแท้สิ้นหวังกับชีวิตแล้วผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเลยมามีเซ็กซ์ด้วยเพื่อให้กำลังใจและดึงให้อยากมีชีวิตต่อไปอีกครั้ง แล้วทีนี้กุก้จำได้ว่าในปรสิตก้มีฉากราวๆ นี้เหมือนกัน ที่ตัวเอกรู้สึกมืดมนไม่เห็นทางออกแต่พอมีเซ็กซ์ก้เหมือนจะ problem solved ซึ่งกุไม่ค่อยเข้าใจว่ามันแก้ปัญหายังไง พวกมึงอาจจะสงสัยว่ากุมาถามอะไรในห้องนี้ กุอยากได้คำตอบจากมุมมองครีเอเตอร์น่ะ เผื่อจะอธิบายให้กูเข้าใจเหตุผลได้

585 Nameless Fanboi Posted ID:a8lC7jyC1

>>584 ถ้าเป็นเชอร์รี่บอยมาก่อนก็คงเหมือนได้ข้ามผ่านอะไรบางอย่าง กลายเป็นตัวตนใหม่งี้มั้ง แต่ถ้าเคยมีเซ็กส์มาแล้วอันนี้โนไอเดียจริงๆว่ะ

586 Nameless Fanboi Posted ID:yEPeu7FW8

ใครรู้เรื่องนราเกตต์จะฟ้องตองหนึ่งลอกงานบ้าง

587 Nameless Fanboi Posted ID:7VfndsgzH

>>586 คุยกันอยู่ที่มู้นี้ https://fanboi.ch/literature/4376/

588 Nameless Fanboi Posted ID:UQs1yxrhx

มีปัญหาอยากปรึกษาว่ะ กูเขียนนิยายเรื่องนึง กูยังไม่เฉลยว่าใครเป็นพระเอกนะ แต่กำหนดพระเอกไว้แล้วล่ะ พระเอกกูจะเป็นพวกที่ดูเหมือนตัวร้ายนิดๆ แล้วกูก็วางปมให้มัน เป็นคาแรคเตอร์แนวๆปิดทองหลังพระ รักนางเอกหัวปักหัวปำแต่จีบไม่ได้เพราะมีข้อห้ามที่เป็นปมหลักอยู่ ทำได้แค่ช่วยลับหลังนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยพูด นางเอกก็เกลียดขี้หน้าพระเอก คิดว่าอีตานี่ไม่มีอะไรดีเลย

กูก็ค่อยๆให้มันเดินเรื่องไปเรื่อยๆอะนะ ที่กูปวดใจคือมีคนด่าพระเอกกูเยอะมากเลย แช่งให้ไปตายด้วย บอกถ้าไอ้นี่ได้เข้าวินจะเลิกอ่านอีกต่างหาก ฮือๆๆๆ กูปวดใจ ไม่ชอบคาแรคเตอร์แบบนี้กันเหรอ หรือกูนำเสนอไม่ดีพอ แต่แบบไหนกูก็เศร้าว่ะ

มันมีเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้นะ กูยังไม่ได้เฉลยปมอะไรก็ด่ากันสาดเสียเทเสียมาก กูเฟลง่ะ กูรักเขาเหมือนลูกเลยนะ กูควรทำยังไงดี หรือควรจะเฉยๆ ปล่อยวางไป เขียนไปเรื่อยๆเดี๋ยวคงมีคนชอบเขาเองแหละ แต่ว่ากว่าจะไปถึงจุดเฉลย พระเอกกูก็ต้องโดนด่าไปอีกยาวนานเลยอะดิ

589 Nameless Fanboi Posted ID:UQs1yxrhx

ลืมบอกว่าถ้านึกภาพไม่ออกก็นึกถึงคาแรคเตอร์สเนปไว้อะ ไม่ได้เป็นคนดีอะไร แต่ทำเพราะรักและอยากปกป้องเธอก็เท่านั้นเอง แต่พอโดนด่ากูก็ใจแป้วเลย

590 Nameless Fanboi Posted ID:1jN3v9wb9

>>588 ถ้ามึงเฉลยปมทั้งหมด ว่าคนนี้รักนางเอกมาก ทำเพื่อนางเอกทุกอย่าง เดี๋ยวคนอ่านก็รักเองแหละ เหมือนสเนปอ่ะ ตอนแรกกูโคตรเกลียด พอมาดูภาคสุดท้ายกูร้องไห้เลย สงสาร

591 Nameless Fanboi Posted ID:oaqcKt7JB

>>590 จริง ยิ่งเคยเกลียดมาก จะยิ่งสงสารมาก
แต่อย่าทำให้มันเกินเบอร์จนสงสารไม่ลงแล้วกัน

592 Nameless Fanboi Posted ID:EblzceJwO

>>588 มึงงงงไม่ต้องกังวลน้า พลอตแบบนี้มันกร๊าวใจมาก มึงก็คิดซะว่าเค้าอิน พอมึงเฉลยมานะ มันก็จะเป็นที่รักของคนอ่านขึ้นมาทันที
เหมือนที่มึงเทียบมาอ่ะกับสเนป กูนี่รักสเนปหมดใจเลย ยิ่งทำให้อยากอ่านซ้ำเพื่อทวนการกระทำของตัวละครตัวนี้ แล้วตั้งใจอ่านจับสังเกตว่าตอนไหนมันทำดีกับนางเอกมั่ง จะยิ่งกร๊าวใจมากขึ้นอ่ะ ประหนึ่งสูดบ้องกาว 555+

593 Nameless Fanboi Posted ID:Sl6ZKcUxB

>>592 แต่สเนปตายนะมึง เลยเป็นปมที่ทำให้นักอ่านสงสารมากขึ้นไปอีก
ถ้าสเนปไม่ตาย กูว่าคนไม่รักแยะเท่านี้

594 Nameless Fanboi Posted ID:Xpc0M8lYC

>>588 มึงควรเขียนมี hint ให้คนอ่านเค้าสักหน่อย ว่าอีตาคนเนี้ยเค้าแอบรักนางเอก ประมาณ แอบมองตามหลังเนิ่นนาน หรือลอบมองด้วยสายตาอ่อนโยน (แต่นางเอกไม่รู้ตัว ) มีกิริยาที่อ่อนโยนต่อนางเอกเป็นพิเศษบ้าง .....หรือไม่ก็มีตัวช่วยเช่นพวกตัวประกอบ ที่บอกว่าพระเอกไม่เคยวอแวอะไรกับใครแบบนี้ ถ้าเกลียดจริง จะต้องแบบโน้น........

คือเขียนหย่อนไว้หน่อย เวลามันพลิกล็อก คนอ่านจะได้ไม่ช็อคมาก

เหมือนโม่ง บน ๆ บอก ....J.K. เค้าหย่อนไว้ให้ snap นะ กับประโยคที่ว่า You got your mother eye.

595 Nameless Fanboi Posted ID:UQs1yxrhx

>>594 กูก็ทิ้ง hint ไว้รายทางบ้างละนะ แต่ปมพระเอกนี่กูเอาไว้เฉลยตอนท้ายสุดเลยอะ ตอนนี้ก็แก้ปัญหาให้ตัวละครอื่นๆไปก่อน ซึ่งตัวละครอื่นก็ดูมีเคมีเข้ากับนางเอกดีกว่า แม้จะไม่ได้รักชอบกันเลยก็เหอะ พระเอกของกูนี่มันอาภัพจริมๆ 555555555555

596 Nameless Fanboi Posted ID:NMNWtcdBd

>>588 กูเคยเจอพล๊อตหนักกว่ามึงอีกค่ะ เปิดเล่มมามีผู้คนนึงแม่งตัวโกงชัดๆ เป็นคนดูเทาๆฉากหน้าเป็นผู้ดีเบื้องหลังแม่งค้ายา นางเอกไปรู้ความลับโดนจับขังแล้วหนีออกมาได้ (แต่มีใบ้ๆมาว่าตั้งใจปล่อยให้หนี) ต่อมามีผู้แสนดีรักนางเอกมากมาเป็นแฟนสรุปแม่งโดนฆ่าตายมันดื้อๆ คนเขียนบอกเองเลยว่า เขียนไปๆคู่นี้ดูไม่มีอนาคตเลยฆ่าตลค.ทิ้งแม่งเลย คนอ่านอย่างกูก้อช๊อกไป แล้วสรุปนางไปควานเอาคนแรกกลับมาปั้นเป็นพระเอกได้อ่ะ แม่งโครตใจ แถมมีการบอกด้วยว่าเล่มนี้ลองเขียนดูว่าเคมีพระนางจะเข้ากันไหม (ปล.นิยายฝรั่งมีหลายเล่ม)
สรุป มึงเขียนไปอย่างที่ตั้งใจอ่ะแหละแต่ตอนหักจบมึงต้องทำให้คนเชื่อได้ว่าอิตานี่เป็นพระเอกได้อ่ะนะ

597 Nameless Fanboi Posted ID:STzyHvNwA

มีใครอ่านคู่มือนักเขียนเล่มนี้แล้วมั่ง ช่วยรีวิวที
readery.co/9786163882103

598 Nameless Fanboi Posted ID:UQs1yxrhx

>>596 เรื่องอะไรง่ะ กูชักสนใจ จะลองหามาอ่านดู

599 Nameless Fanboi Posted ID:GwJ9eoEyt

>>595 ที่เล่ามานี่ชวนให้นึกถึงองค์ชายเอ็นโจของกระทู้ข้างๆ เลย กูว่ายิ่งตอนนี้คนอ่านเหม็นหน้าฮี เวลาเฉลยมันก็จะยิ่งมีอิมแพคต์แรงนะ ขอให้ทิ้งคำใบ้มาประปรายเป็นพอ พอกลับไปย้อนอ่านจะได้ หืออออออ แบบนี้นี่เอง เพิ่มความฟินในจิตใจเข้าไปอีก

600 Nameless Fanboi Posted ID:UQs1yxrhx

>>599 ไม่เคยอ่านเรื่องนี้นะ แต่ของกูได้อิมเมจมาจากสเนปน่ะ ตอนเขียนกูยืมคาแรคเตอร์สเนปมาใช้เพราะอยากเห็นคนแบบนี้สมหวังบ้าง ยังมีตัวที่เป็นแบบนี้อีกเหรอชักสนใจ องค์ชายเอ็นโจนี่มันแนวไหนอะ แฟนตาซีรึเปล่า

601 Nameless Fanboi Posted ID:RBhk1qojQ

>>600 เป็น web novel แปลญี่ปุ่น ชื่อเรื่องนอบน้อมและหนักแน่น หรือท่านเรย์กะคานทอง แนวกลับชาติมาเกิดเป็นตัวร้ายอ่ะ

602 Nameless Fanboi Posted ID:C4nO4lVQa

เออ กูว่าอาการกลัวคำซ้ำของกูชักเป็นหนักว่ะ ขนาดคำเฉพาะกูยังไม่อยากให้ซ้ำอ่ะ เช่นคำว่าใบหน้าหันตรงมาทางเบื้องหน้า มีคำว่าหน้าสองครั้ง กูก็จะแบบอึ้ย เครียดมาก ปลงยากชิบหาย 555

603 Nameless Fanboi Posted ID:UFgGsaoB9

>>602 เป็นเหมือนกัน 555555555555 คนละความหมาย คนละบริบทกันแท้ ๆ แบบ ต้องพิษและต้องได้รับการบำรุง << ไรงี้ แค่เห็นก็คันมืออยากแก้ยิบ ๆ

604 Nameless Fanboi Posted ID:C4nO4lVQa

>>603 นึกว่าเป็นคนเดียว แบบอยากแก้แต่แก้ไม่ได้เนอะ อาจเพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้กูเขียนอะไรไม่ค่อยออกเพราะเอาแต่กังวลเรื่องนี้

605 Nameless Fanboi Posted ID:vJfsU1dAh

มีภาพทุกอย่างในหัวแต่เขียนออกมาอย่างที่คิดไม่ได้ กูควรเลิกแล้วไปกอดโถส้วมร้องไห้

606 Nameless Fanboi Posted ID:zPG78tkdM

>>601 กูไปหาชื่อดู มีกระทู้ในโม่งด้วย ยี่สิบกระทู้เลยเหรอ แถมตัวนิยายก็ไปสองร้อยกว่าตอนแล้ว กูจะอ่านหมดมั้ยวะ แอบเหงื่อตกเบาๆ
ยังไงก็ขอบคุณมึงนะ เดี๋ยวกูจะลองไล่อ่านดู

607 Nameless Fanboi Posted ID:qx3tFUjZ1

>>602 กูก็​เป็น​ เป็นจนตอนเดียวแก้ๆเกลาๆซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบๆรอบ และไม่จบสิ้นสักที...
>>606 เผื่อคาดหวัง​ แต่กูว่ามันไม่ได้เน้นเรื่อง​รักมากนะ ต้องอาศัยกาวเยอะมากเลย ถ้ามึงอยากจะเก็บเรฟนิยาย

608 Nameless Fanboi Posted ID:eh8MIJXLe

มีวิธีตัดจบดีๆมั้ยเพื่อนโม่ง กูไม่มีเวลามาแต่งต่อแล้วน่ะ เพราะงานหนักมากตั้งแต่เปลี่ยนบ.ใหม่ รึควรจะดองไว้แล้วปล่อย 3-4 เดือน ตอนนึงดี - - เพราะจะตัดจบไปเลยก็เสียดาย ยังไปต่อได้เรื่อยๆ

609 Nameless Fanboi Posted ID:qx3tFUjZ1

>>608 แล้วตัวเอกก็ตื่นขึ้นมา พบว่าทุกอย่าง​คือความฝัน...
โทษๆ

610 Nameless Fanboi Posted ID:+NGtcqmn0

กูแต่งฟิคสั้นลงทวิตเพื่อเล่นแทคฟิคโทเบอร์แล้วเพื่อนบอกแต่งฉากพระเอกตายในอ้อมกอดนางเอกนี่แต่งได้ดีกว่าตอนแต่งโมเม้นวายมุ้งมิ้ง กูควรจะดีใจไหม 555

611 Nameless Fanboi Posted ID:0AFp345LC

>>607 กูไปอ่านมาละ สองร้อยกว่าตอนกูตาแฉะเลย นิยายไม่ได้แต่งเอาแต่นั่งอ่าน โอ๊ยมึงๆๆๆ กูชอบคาแรคเตอร์แบบนี้มากเลย กูยกกายถวายหัวให้องค์ชายเอ็นโจไปเรียบร้อยแล้ว เป็นคาแรคเตอร์แนวที่กูชอบจริงๆ ไอ้พวกรักเขาและช่วยเขาลับหลังแต่ไม่เคยเอามาพูดว่าไปทำความดีมาเนี่ยแม่งก๊าว จิตใจกูสั่นไหวรุนแรงมากๆ ฮื้อออ ไม่ไหวแล้วมึง กูชอบคาแรคเตอร์ปิดทองหลังพระมากเลย กูหวังว่าความดีของเขาซักวันจะได้รับการมองเห็นนะเว้ย กูเชื่อว่าเขามีปมหนักหนาและรุนแรงรอการแก้ไขอยู่ด้วย

กูยังไม่ได้อ่านกระทู้ในนี้ แต่ลองเลื่อนๆผ่านดูเห็นมีแต่งฟิคอะไรกันด้วย กูจะพยายามอ่านให้หมดนะ

612 Nameless Fanboi Posted ID:K+GEo0coU

>>611 อ๊ายยยยย ดีใจที่ชอบนะมึง เชิญเข้าร่วมฮาเร็มท่านเรย์กะเลย ถ้าลงเรือเอ็นโจ แนะนำให้ลองอ่านฟิคเอ็นโจ side story ดูนะ มีความสครีมและจิกหมอน ช่วงหลังๆ นี่เรือเอ็นโจรั่วบ้างอะไรบ้างบ่อย (ก็ฮีทำตัวเองทั้งนั้น) แต่ยังแล่นเอื่อยๆ อยู่นะเว้ยยยยย

613 Nameless Fanboi Posted ID:Vd+sTit4T

>>612 กูลองอ่านฟิคนั้นแล้ว เติมเต็มจินตนาการได้ดีมากเลยมึ้งงง กูฟินมากๆ เดี๋ยวกูจะไปหวีดร้องในกระทู้หลัก ขอบคุณที่ชี้ทางสว่างให้กูนะ

614 Nameless Fanboi Posted ID:p+BWqIPpv

กูข้องใจไม่รู้จะถามไหน คำลงท้ายที่ว่า นี่นา นี่น่า นิหน่า ฯลฯ นี่มันต้องเขียนยังไงถึงถูกต้องวะ

615 Nameless Fanboi Posted ID:c06.xK4rK

>>614 นี่นา เช่น ก็ฉันชอบเขานี่นา!
สำหรับกู นิหน่า นินา มันขัดหูขัดตามากจริงๆ
ส่วน น่า ยกตัวอย่าง มาเถอะน่า กินน่า

616 Nameless Fanboi Posted ID:p+BWqIPpv

>>615 งั้นกูก็ใช้ถูกละสินะ เจอคนพิมพ์แบบอื่นเยอะมากจนชักไม่แน่ใจ 5555 แทงกิ้ว

617 Nameless Fanboi Posted ID:fWz2FZk0o

>>616 นี่นา นี่หนา เจอในนิยายเก่าๆบ่อย. แต่ นิหน่า นินาฯลฯ จะเจอมากในนิยายในเน็ต หรือที่โพสต์คุยกันในบอร์ด

618 Nameless Fanboi Posted ID:CTHybbbjG

ky มั้ง กูเหนื่อยใจจัง เพิ่งเจอสถานการณ์ประเภท "มึงโดนวิจารร์ได้แต่ห้ามเฟล เพราะมึงควรเขียนเพื่อตัวเองตั้งแต่แรก และมึงห้ามหยุดเผยแพร่งานของมึงเพราะคนที่ตามงานมึงอยู่จะอดอ่าน"

คือไร กูนอยด์ อยากเลิกให้คนอื่นอ่านแล้ว ขอเก็บไว้ให้ตัวเองอ่านคนเดียวก็ไม่ได้เหรอ กูเห็นแก่ตัวหรือวะเนี่ย

619 Nameless Fanboi Posted ID:5jWBJjeVb

>>618 ถ้าเป็นกูอะไรที่ทำให้ตัวเองสบายใจกูเลือกอันนั้นเป็น Priority หลัก
คือก็เข้าใจว่าคนอ่านอยากอ่านจนจบ ถ้าเราเป็นคนอ่านเราก็คาดหวังว่าจะได้อ่านต่อจนจบ เขามีสิทธิ์คาดหวัง และมึงก็มีสิทธิ์ที่จะเขียนต่อหรือไม่เขียนต่อก็ได้ ต่างคนต่างมีสิทธิ์
มึงอย่าเอาความคาดหวังของคนอื่นมาแบกไว้บนบ่าบนหลังจนหลังมึงงอ ถ้าสิ่งที่ทำมันไม่สนุกไม่มีความสุขแล้วมึงควรหยุดพัก ไปบำบัดความเครียดของมึงซะ

620 Nameless Fanboi Posted ID:Rx/rbo/uB

>>618 นั่นดิ กูก็เข้าใจนะว่าเป็นนักเขียนต้องกล้าเปิดรับคำวิจารณ์
แต่นักเขียนก็คนนะโว้ย จะเฟลไม่ได้เลยหรือไง จะมีช่วงเวลาไม่มั่นใจกับงานตัวเองบ้างไม่ได้เลยหรือไง
ทำไมชอบทำเหมือนพวกกูเป็นยอดมนุษย์ บอกว่านักเขียนต้องสตรอง โอ้ย กูก็มีเวลาท้อแท้บ้างเหอะ

กูเข้าใจนะว่าวงการนี้ต้องแข็งแกร่ง อ่อนแอก็แพ้ไป มีคนอยากเขียนอีกนับล้าน กูแค่หนึ่งในนั้น กูมาบ่นเฉยๆ สุดท้ายก็ต้องกลับไปเขียนต่อ555

621 Nameless Fanboi Posted ID:CTHybbbjG

โอเค งั้นกูหยุดพักก่อน ไว้จิตใจดีขึ้นค่อยว่ากันใหม่

622 Nameless Fanboi Posted ID:zTfeVTGiI

มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเขียนให้คนทั้งโลกชอบเรื่องของมึง มันจะมีทั้งคนชอบและเกลียดงานของมึง ไปดูtwilight เป็นตัวอย่างได้ ด่ากันเมามันส์มาก
คนเขียนเฟลมั้ย ไม่ งอกเล่มถัดไปอีก ดู 50 shades of greyมีแต่คนด่า แต่ก็มีคนอ่าน ตอนนี้งอกเล่มต่อมาละนิ เล่มอะไรนะ Mr.grey? ไรซักอย่าง
เอ้าไปเขียนต่อจ้า พวกมึงยังดีมีเรื่องเขียนลงเนตได้ชื่อเรื่อง กุยังไม่ได้ชื่อเรื่องเลย แต่เนื้อหาจะจบภาคแล้ว แม่งเอ้ย (กุคนเดียวกับที่บ่นคิดชื่อเรื่องไม่ได้แหละ)

623 Nameless Fanboi Posted ID:9Ik83V/NL

กูรู้สึกอยากโทรลคนอ่านจังว่ะ แท็กนิยายกูก็แปะไว้ ว่า Dark fantasy แม่งจะอวยให้โลกสวย ฆ่าคนนี้ คนนั้นตายทำไม กูแปลนไว้แล้ว ฆ่าตัวเอกแม่งเลยแรกเริ่มเดิมที่ก็ไม่รู้กูแต่งมันมาทำไม แกรี่จนตัวเองยังหมั่นไส้ แล้วคนมันเสือกชอบอะไรแบบนี้ด้วยไง พอมันตายแล้วค่อยไปเปลี่ยนคนใหม่มันกลางเรื่อง เอาพระรองมาเป็นตัวเอกแทนแม่ง รับนางเอกแทนให้อารมณ์ ntr แม่งเลย จะได้รู้ว่ากู คือคนกำหนดเรื่องไม่ใช่แฟนอวย กร๊าากได้บ่นแล้วรู้สึกสะใจขึ้นมาเลย ต้องจัดละกู

624 Nameless Fanboi Posted ID:LvkwWret7

>>622 ขอบใจมึง ที่จริงกูก็กลับมาเขียนแล้วละเมื่อเช้า เพียงแต่ไม่ได้เผยแพร่ ดองไว้ก่อน 555555

>>623 เฬวว่ะมึง 555 กดไลค์

625 Nameless Fanboi Posted ID:zTfeVTGiI

>>623 โทรลเลย มึงดูgame of thrones ๕๕๕๕๕ แม้เป็นตัวเอกก็ตายได้ ๕๕๕

626 Nameless Fanboi Posted ID:CTj8jtV2x

พวกมึงคิดยังไงกับการลอกพล็อต

627 Nameless Fanboi Posted ID:oZzQV9aDe

พล็อตหลักๆ ความจริงก็มีไม่กี่แบบ
ลอกพล็อตหรือโครงสร้างเรื่องคล้ายกัน เช่น เจ้าชาย เดินทางไปช่วยเจ้าหญิง เจอจอมมารกลางทาง ต่อสู้กัน เจ้าชายชนะได้เจ้าหญิงแต่งงาน
มันก็เป็นพล็อตที่คล้ายกันไปมากมาย
นักเขียนบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจ
ถ้าเนื้อเรื่องไม่เหมือนแบบเป๊ะๆ ช็อตต่อช็อต ส่วนใหญ่คนอ่านไม่ค่อยว่าอะไร
บ้านเราหรือทั่วโลก บางทีก็บอกว่ามันเป็นแรงบันดาลใจ คงอยู่ที่แต่งยังไงไม่ให้ซ้ำกัน
อย่างนิยาย ผจญภัยไปหาขุมทรัพย์ พล็อตหลักคล้ายกันบาง แต่เนื้อหารายละเอียดไม่เหมือนกันเลย
หรือนิยาย วิญญาณเฝ้าขุมทรัพ์ พล็อตหลักคล้ายบางอย่าง แต่เนื้อหารายละเอียดไม่เหมือนกัน
คือจะบอกว่าลอกได้ไหม

628 Nameless Fanboi Posted ID:r3GTjwM7r

กูเกลียดคำว่าแรงบันดาลใจมากเลย... เพิ่งไปเห็นคนเม้าเรื่องยำใหญ่พล็อตในห้องนึงมาแล้วก็มีแต่คนบอกว่าแรงบันดาลใจไม่ผิด แต่ถ้าพล็อตมันเหมือนกันเด๊ะต่างกันแค่รายละเอียดมันจะต่างอะไรกับของก๊อปอย่างอื่นวะ อย่างเช่นก๊อปกระเป๋าหลุยมาเปลี่ยนลายบนกระเป๋ากับเพิ่มดีเทลเล็กน้อยแต่รูปทรงเหมือนกันหมด แบบนี้ก็ยอมรับได้เหรอวะ

629 Nameless Fanboi Posted ID:L6Xk7tKSL

>>628 เดี๋ยวนี้คำว่าแรงบันดาลใจมีความหมายอีกอย่างหนึ่งคือ "มันลอก แต่ด่ามันตรงๆ ไม่ได้ เดี๋ยวโดนไหมศัลย์"

630 Nameless Fanboi Posted ID:suzqCCjN0

>>628 แบบตัวอย่างกระเป๋าที่เพื่อนโม่งยกมา รูปร่างภายนอก ลวดลาย ป้ายยี่ห้อ อาจเปรียบเป็น พล็อตหลัก แนวทาง จุดหลักของเรื่อง
แต่ว่านะ แล้วคนทั่วไปใช้กันหรือเปล่านี่ละ
คนทั่วไปบางทีก็ไม่สนใจอะไรมากมาย แบบซื้อมาใช้ พอเบื่อแล้วหาใบใหม่แทน
กูคาดเดาว่า ของแท้มันก็มีคุณค่าแบบหนึ่ง ของเลียนแบบก็คงให้อารมณ์อีกอย่างหนึ่งมั่ง

631 Nameless Fanboi Posted ID:suzqCCjN0

อย่างตอนนี้ มาแนว ตายแล้วไปเกิดใหม่ เป็นเมียแม่ทัพ เมียอ๋อง พระสนม
พล็อตหลักแบบนี้ มีเป็นร้อยๆ เรื่อง
แล้วเพื่อนโม่งว่า ลอกเลียน หรือ แรงบันดาลใจดีล่ะ

632 Nameless Fanboi Posted ID:L6Xk7tKSL

>>631 เอาเหตุการณ์ เอาลักษณะตัวละคร เอาพล็อตหลักหรือพล็อตย่อยมายำ ส่วนตัวแล้วเรียกลอก

แรงบันดาลใจที่แท้จริงคือ คนเขียนเห็นหรืออ่านหรือดูอะไรบางอย่าง แล้วสะดุดใจ เอามาเขียนเป็นพล็อตใหม่ สร้างตัวละครขึ้นใหม่ อ่านแล้วกลมกลืนเป็นเรื่องเป็นราวของตัวเอง ถ้ามีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าคล้าย ต้องไม่คล้ายในพล็อตหลักหรือสาระสำคัญ

633 Nameless Fanboi Posted ID:BXAombVHo

สำหรับกู ยกตัวอย่างที่กูเรียกแรงบันดาลใจได้ก็การที่โกวเล้งได้ "แรงบันดาลใจ" จาก 007 เลยเอามาเขียนชอลิ้วเฮียงอ่ะมึง

634 Nameless Fanboi Posted ID:z0P5E1W1V

>>631 แบบนี้กูถือว่าลอกนะ เพียงแต่ไม่มีใครเอาความกัน เพราะมันมีป้าย "แรงบันดาลใจ" ไว้ให้เอามาแกว่งบอกคนอื่น
สำหรับกูแรงบันดาลใจควรเป็นแค่ตามที่ >>632 บอก

635 Nameless Fanboi Posted ID:lXf.fX+5I

มีแอพไหนเอาไว้ใช้แต่งนิยายเก็บไว้ในโทสับได้บ้างวะ แบบซิงค์กับคอม/ไดรฟ์ ได้เลยงี้
กูเกิ้ลไดรฟ์กูขก.ปรับขนาดหน้าจออะ (ปรับฟ้อนท์ อะไรๆในโทสับก็ได้) เคยแต่งไว้ในเฟสมีช่วงนึงแม่งเด้งออกเองเซฟกูหายหมด อย่างเหี้ย
ตอนนี้ทำในโน๊ตแต่ก็ขก.อัพไปๆมาๆ เห้อ แนะนำกูที

636 Nameless Fanboi Posted ID:AUQwYXPgO

นี่แหละ มันเป็นโลกแห่งความจริง
ถ้าไม่มีหลักฐานลอกกันแบบ ช็อตต่อช็อต ฉากต่อฉาก
มันก็ถือว่าเป็นงานของคนเขียนคนนั้น

637 Nameless Fanboi Posted ID:ZVN0w8uq7

>>636 ปวดใจว่ะมึง... คิดพล็อตแทบตายคนอื่นเกิดแรงบันดาลใจเอาไปเขียนบ้าง ได้เครดิตเท่าๆกันอีก

>>635 โทสับมึงระบบอะไรจะได้แนะนำถูก ยินดีจ่ายค่าแอปมั้ย

638 Nameless Fanboi Posted ID:7YvQKgRA7

>>632 >>633 +1 แรงบันดาลใจต้องแบบนี้

639 Nameless Fanboi Posted ID:lXf.fX+5I

>>637 แอนดรอยด์ จ่ายได้แหล่ะถ้าดีจริง แม้ของฟรีจะน่ายินดีกว่า 555555

640 Nameless Fanboi Posted ID:/W5L8SKmJ

>>635 google doc ไงมึง

641 Nameless Fanboi Posted ID:vJ0Tzgv0L

>>635 กูใช้ JotterPad มีฟรีแต่ล็อคระบบบางส่วน ซิงก์กะ dropbox, gdrive, onedrive ได้

642 Nameless Fanboi Posted ID:B.qaRvX2q

มีแอปหรือโปรแกรมไรที่เอาไว้เชื่อมความสัมพันธ์ตัวละครบ้างมั้ยอ่ะ ตอนนี้กุงงกับลำดับผังอยู่ ตัวเอกมันอายุยืนลูกหลานยั้วเยี้ยกุต้องไปไล่ลำดับขั้น (โคตรตระกูลมันอยู่

643 Nameless Fanboi Posted ID:B.qaRvX2q

>>642 แล้วตัวเอกกุเสือกเมียใหญ่ เมียน้อยเยอะ ลำดับขั้นไม่ถูกลองflowchartแล้วงงชิบหาย๕๕

644 Nameless Fanboi Posted ID:r3GTjwM7r

>>642 Scrivener มึง มีครบทุกอย่าง แต่กูไม่มีตังค์ซื้อ เลยใช้แอปทำ mind map แทนเอา พอถูไถ

645 Nameless Fanboi Posted ID:5qxW2.m0y

>>635 word แล้วเชื่อมกับ onedrive เราใช้วิธีนี้อยู่ สะดวกดี

646 Nameless Fanboi Posted ID:bfNPjURAE

จงอภิปรายข้อดีข้อเสียของการเปิดเรื่องให้นักอ่านเงาที่ไม่เคยคอมเมนท์เลยเข้าไปอ่าน (10 คะแนน)

ป.ล. นึกถึงเมื่อปีก่อน นี่เคยเขียนเรื่องสั้นอีโรติกแล้วล็อกเอาไว้ โอ้โห นักอ่านเงาโผล่มาขอรหัสผ่านกันให้พรึ่บ ล็อกเอาไว้เพราะอยากให้เฉพาะบางคนอ่านมั้ยอะ วันหลังแจกลิงก์อากู๋ดอคแทนดีกว่า

647 Nameless Fanboi Posted ID:Alw3AUfcv

>>646 ชุ่มชื่นใจเพราะยอดวิว แต่สักพักกลับมาเหี่ยวเหมือนเดิมพอเห็นยอดคอมเมนต์ orz

648 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>646 พอมึงพูดถึงนักอ่านเงาละกูขึ้นเลยครับ กูเคยเจอกรณีหนึ่ง เป็นพี่ที่กูฟอลอยู่ในทวิต พี่แกเขียนฟิคเว่ย
.
มันมีอยู่ช่วงหนึ่งฟิคพี่แกกำลังป๊อบ ป๊อบในที่นี้คือยอดวิวสูงเอาๆ นะ แต่ยอดคอมเมนต์แม่งจัลไลมาก (ยอดน้อยไม่พอ คอมเมนต์ที่มีบางทีก็แค่พิมพ์ 555 ตลกจังเลยค่า, มาต่อเร็วๆ นะค้าไรท์) ทีนี้พี่แกก็เลยทวิตบ่นๆ ว่าเออ ช่วยกันคอมเมนต์หน่อยนะ เราอยากรู้ว่าเราต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง หรือไม่มาชวนเราคุยบ้างก็ได้
.
ปรากฏว่าคืนนั้นมีคน ask.fm มาหาพี่แกทันที ใจความประมาณว่า อย่าบ่นมากเรื่องคอมเมนต์เลยค่ะ จะเอาอะไรมาก บางคนเขาก็แค่อยากอ่าน แต่ไม่อยากเมนต์นี่คะ หรือไม่บางคนเขาก็รอสนับสนุนตอนออกเล่มเลย ถ้าอยากให้เมนต์ถึงขนาดนั้นก็ล็อกรหัสแล้วให้มาขอรหัสเลยสิคะ พี่กูก็ตอบเขาไปในลักษณะประมาณว่า สำหรับเขา การได้คอมเมนต์ถือว่าเป็นการได้พูดคุยกับนักอ่านนะ ถ้าไม่มีเลย มันก็เหมือนพี่แกไปตะโกนปาวๆ แล้วไม่มีใครสนใจนั่นแหละ อีกอย่างถึงจะบอกว่าจะสนับสนุนตอนออกเป็นเล่ม แต่ถ้าระหว่างทางที่เขียนมันไม่มีกำลังใจเลย บางทีนักเขียนบางคนก็ไปไม่ถึงจุดนั้นนะ เลยโดนมาอีก ask ค่ะ ถามกลับด้วยคำถามที่แบบ ถ้ากูแฮ็กระบบ ask ได้ กูแม่งอยากแฮ้กไปหาเลยว่าอิคนพูดเห็นแก่ตัวนี่เป็นใคร นางถามประมาณว่า “ถ้าบ่นเรื่องคอมเมนต์ขนาดนี้ก็อยากให้ลองย้อนคิดไปถึงตอนเริ่มแต่งฟิคดีๆ นะคะ ว่าแต่งเพื่ออะไร แต่งเพราะอยากฝึกฝีมือ อยากสร้างความสนุกให้คนอ่าน หรืออยากแต่งเพราะอยากเด่นอยากดัง” โอ้โหมึง คอมเมนต์เยอะก็หาว่าคนเขียนอยากเด่นอยากดังว่ะ หลังจากนั้นพี่แกไม่บ่นออกแอคหลักอีกเลยค่ะ ไปบ่นแอคหลุมแทน บ่นหนักกว่าเดิมด้วย 555555

649 Nameless Fanboi Posted ID:uI1Ne8JCZ

>>644 ขอบพระคุณ
พุดถึงเรื่องลอกพล้อต กุอยุ่สมัยที่แฮรรี่พอตเตอร์ แล้วพลอตเกี่ยวกับรร.แฟนตาซีงอกเต็มเด็กดีเลย นี่ถือว่าลอกแมะ หรือแรงบันดาลใจวะ

650 Nameless Fanboi Posted ID:uI1Ne8JCZ

ส่วนจำนวนคอมเม้นไม่ต้องคิดมากก้ได้มั้งมึง คืดในแง่ดี มึงเขียนดีละเลยไม่มีที่ติ

651 Nameless Fanboi Posted ID:H2NesI0CK

กูก็ด้วยสิ กูคนเขียน นิยายมีคนอ่านพอประมาณนะ อ่านหลักพัน เม้นหลักหน่วยอ่ะ
ถ้ากูอ้อนๆขอเม้น เม้นก็มา แต่พอกูเฉยๆ ก็เหมือนเดิม
พอกูนอยส์หนักเข้า กูปิดตอน
ทีนี้โอ้โห มากันอบอุ่น ไม่ได้มาขออ่านนะ มาด่ากูนี่แหละ มากันเป็นพรวน ด่ายังกะกูไปหยิกหอยมัน พอกูเปิดตอน หายหัว เงียบกริ๊บบ

652 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>650 มึงงงง กูพูดจากใจนะ ไม่มีใครบนโลกที่มันจะไร้ที่ติว่ะ กับเรื่องงานเขียนก็ด้วย ถ้าไม่เม้นเลยหรือมีแต่เม้นอวย กูว่าคนเขียนจะย่ำอยู่กับที่หรือไม่ก็หมดกำลังใจเขียนไปเลยว่ะ หรือบางที ถ้าไม่ได้เม้นที่เข้าข่ายวิจารณ์ (ซึ่งกูว่าหายากนะ นักอ่านในเด็กดีที่จะวิจารณ์งานวิจารณ์พล็อต การดำเนินเรื่อง บลาๆๆ เป็น ชั้นเรียนในประเทศเราไม่เปิดโอกาสให้เรียนถึงขนาดนั้นว่ะ) กูว่าอย่างน้อยชวนคุยนู่นนี่นั่นก็ยังดี แซ็วนักเขียนบ้างงี้ มันจะได้ดูไม่เหงาหงอยจนเกินไปว่ะมึง ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็จากไป ทิ้งนักเขียนให้อยู่กับรอยยิ้มที่ยิ้มจนเหงือกแห้ง

653 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>651 นอกจากปิดตอนก็จะโดนด่าแล้วนั้น ไม่ยอมอัพก็ยังโดนด่าเหมือนไปติดหนี้นักอ่านมาสิบชาติหรือไปลอบฆ่าแฟนนักอ่านเลยอ่ะมึง บางคนนี่ทวงแบบ โอเคๆ เดี๋ยวกุแชร์โลเคชั่นให้มึงนะ มึงเดินมาด่ากูต่อหน้าเลยก็ได้

654 Nameless Fanboi Posted ID:PCmqW3XLN

เออ กูก็เป็น แม่ง วิวหลักแสนเม้นมีร้อยเดียวอะไรงี้ กูก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เหมือนคุยด้วยก็ไม่มีคนคุยตอบ
พอกูประกาศว่าจะปิดตอน ก็ชอบโผล่มาด่ากู บังคับให้กูเปิดตอนงี้
หรือถ้าจะเม้น ก็จะมีพวกที่โผล่มาด่ากูอย่างเดียว กูเลยไม่รู้จะทำไงละ

ใจก็อยากปิดไม่ให้เม้นเลย แต่กูก็สงสารคนที่อ่านประจำแล้วเม้นกูทุกครั้งที่ลงเรื่องใหม่ มีอยู่สามสี่คน กูก็เลยยังอยู่ได้ เฮ้อออ
ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ยิ่งอัพนิยาย เม้นยิ่งหาย กูนี่ไม่กล้าบ่นที่ไหนเลย เพราะมันจะมีพวกเห็นแก่ตัวออกมาพูดว่าก็อยากอ่านไม่ได้อยากเม้นเหมือนที่โม่งบนๆ พูดถึงอ่ะ

655 Nameless Fanboi Posted ID:YIGyhSh.9

>>651 >>653 กูขอโทษ แต่กูเผลอหัวเราะออกมาเลย ฮืออออ มึงเป็นร่างแยกกูป่ะวะ
>>648 คุ้นๆเหมือนเคยเห็น ตอนนั้นกูยัง "ว้าว..."

656 Nameless Fanboi Posted ID:CQHG0U3aB

>>654 พอกัน แต่กูปิดเลย
เพราะเคยลองแล้วว่า เพราะจนจบเรื่อง แล้วปิดตอน ยอดขายแทบไม่ไป
แต่พอกั๊กช่วงท้าย 10% แล้วปิดตอนแบบไม่ระบุวันทันที
ยอดขายกลับมากกว่าเรื่องที่เปิดหมด 3 เท่าตัว
ตอนหลังเลยยอมโดนด่าดีกว่า เพราะถ้าแคร์มากเกินไป ยอดขายกูไม่ไปจริงๆ

657 Nameless Fanboi Posted ID:VhybhhcdM

>>656 กูกำลังจะอัพใกล้จบ พอมาอ่านเจอมึง
กูหยุดเลย 55555555

658 Nameless Fanboi Posted ID:uI1Ne8JCZ

>>656 ต้องงี้สิ555

659 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>655 เดี๋ยวนี้มีไรท์เตอร์คนไหนบ้างวะที่ไม่โดนนักอ่าน (บางกลุ่ม) ตามจิกเป็นไก่ เข้าใจนะว่าบางทีก็ติดตาม (แต่ไม่คอมเมนต์เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง คอมเมนต์ทวงยิกอย่างเดียว) แต่มึงคะ นักเขียนแต่ละคนเขาก็มีโลกจริงๆ ของเขา มีธุระปะปังที่ต้องทำ มีงาน มีเรียน มีไปเที่ยวกับผัวบ้าง (อันนี้กูขิง) จะให้อัพถี่รัวตามใจคนอ่านไปซะทุกคนก็ไม่ใช่น้อ กูกล้าพูดว่าถ้ามึงลองไปตั้งกระทู้ล่อเปา้ในเด็กดอย มึงอาจจะมีร่างแยกอีกเพียบ

อีกอย่าง นักอ่านเงาบางคนแม่งชอบกวนตีนไป ask เชี่ยๆ ทำให้เส้นเลือดตรงขมับของนักเขียนปุดๆ เล่น ใน ask.fm เข้าใจแหละว่าถ้าไม่เก็บมาคิด คำพูดพวกนั้นมันก็จะทำอะไรเราไม่ได้ แต่มึง เจอ ask มากวนบาทาบ่อยๆ นักเขียนก็นอยด์กันนะ พวกนักเขียนที่มีทวิตเตอร์กันอ่ะเจอพวกมาป่วนโดยใช้ช่องทางนี้โคตรบ่อย / แก้ๆ ข่าว พี่แกไม่ได้บ่นในแอคหลุมนะ บ่นใน dm แทน กูทักไปคุยด้วยบ้างในบางคราว ส่วนกูนี่แหละ ที่ไปบ่นแอคหลุม

660 Nameless Fanboi Posted ID:d2stfMqgK

ถ้าจะพิมพ์ขายกูอยากให้นักเขียนบอกแต่ต้นเรื่องเลยว่ะว่าจะขาย ลงไม่จบ ถ้าทำงั้นคงไม่มีใครด่าหรอก

661 Nameless Fanboi Posted ID:YIGyhSh.9

กูมีแอคหลุมเอาไว้บนคนเดียวเหมือนกัน เก็บกดเหลือเกิน บางทีก็รู้สึกเนรคุณที่ไม่ยอมเขียนให้จบ คุณนักอ่านเงาอุตส่าห์สละเวลาอันมีค่ามาอ่านทั้งที

662 Nameless Fanboi Posted ID:7XxtA+HSN

>>660 ส่วนมากที่กูเจอนะ พวกนิยายทำมือ พวกที่ชอบเอารูปเน็ตไอดอล ดารามาเป็นอิมเมจตัวละครอ่ะ ที่ชอบอัพครั้งละ 15% 10% อ่ะ อันนั้นจะรู้กันนะว่าลงไม่จบแต่พิมพ์ขาย ส่วนฟิค ส่วนมาก กูกล้าพูดว่าใกล้เคียง 100% นักเขียนจะลงให้จนจบแล้วพอตีพิมพ์ก็จะมีตอนพิเศษเป็นโบนัสให้คนซื้อเล่มว่ะ

663 Nameless Fanboi Posted ID:uI1Ne8JCZ

เรื่องไหนมีบอกเปอร์เซ็นมันไม่น่าซื้อทีหลังว่ะ ไปจะกักก็กั๊กไว้เลย กุจะได้ลุ้นไปซื้อตื่นเต้น

664 Nameless Fanboi Posted ID:RnRHbQ5bU

ในฐานะคนอ่านบางทีไม่รู้จะเมนต์ไรจริงๆว่ะ แบบว่าอ่านจบผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆเลย จะเมนต์อะไรก็จะกลายเป็นว่าตอแหลไปอีก สู้ไม่เมนต์ไปเลยดีกว่า อีกอันคือเมนต์วิจารณ์พวกวิธีการเขียน/ภาษา/สำนวน/การใช้คำ ฯลฯ กูค่อนข้างเรื่องมากเรื่องพวกนี้ ถ้าบอกไปไม่รู้คนเขียนคนไหนรับได้ไม่ได้บ้าง กูไม่อยากโดนสาปฟรีว่ะ

665 Nameless Fanboi Posted ID:Vp6QcCM8q

>>648 กูยอมรับว่ากูแต่งเพราะอยากฝึกฝีมือ อยากสร้างความสนุกให้คนอ่านและอยากแต่งเพราะอยากเด่นอยากดัง แต่ถ้าไม่มีคนเม้นเลย กุจะรู้ได้ไงวะว่าสนุกมั้ย พลาดอะไรตรงไหนหรือเปล่า หรือคุยกันให้หายเหงามั่งก็ได้ มาร่วมกรี๊ดด้วยกันหน่อย มีแค่ยอดวิวมันไม่พอหรอกเอาจริงๆ เหมือนกูต้องมานั่งปั่นงานเพื่อเอาใจพวกเขาฝ่ายเดียวแต่คุยด้วยไม่ได้เลย นักเขียนก็คนนะเว้ย ไม่ใช่เครื่องจักรผลิตเรื่อง

666 Nameless Fanboi Posted ID:tn6urDRdu

>>656 เออ อันนี้จริง กูก็เป็น เลยปิดตอนแม่งไม่แคร์ละ
แต่กูก็แจ้งทุกเรื่องนะว่าลงไม่จบ ลงได้กี่เปอร์เพราะขายด้วย 5555

แรกๆ นี่ไม่มีคนอ่านเลย หลังๆ ก็นี่แหละ ไม่เม้นแต่ช่วยมาปั๊มวิวให้กู ก็กราบขอบคุณมิตรรักแฟนเงาทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

ส่วนคอมเม้นที่กูอยากได้ เดี๋ยวนี้เลยให้เพื่อนช่วยอ่านแทนกับจ้าง บก. นอกมาคอมเม้นต์อ่านให้
แต่ถ้าเรื่องไหนไม่ผ่านพิจารณา สนพ. ก็จะซีดๆ หน่อยกับการลงทุนนี้ 55555

667 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>664 ถ้ามึงอ่านแล้วไม่รู้สึกอะไร นั่นแหละงานคนนักเขียนคนนั้นมันอาจจะไม่จับใจไง ปัญหาของมึงอยู่ที่อ่านแล้วไม่รู้สึกอะไร ฉะนั้นปัญหาของนักเขียนจะเป็นแนวๆ ว่าเขียนไม่จับใจ หรือดึงอารมณ์ไม่สึด มึงเข้าใจป่ะ

668 Nameless Fanboi Posted ID:VCag9WJhb

>>664 เอาใหม่ๆ กูพิมพ์มึนๆ การที่อ่านแล้วมึงไม่รู้สึกอะไร นั่นแหละคือปัญหา มันมองได้สองแง่คือ หนึ่งนี่เป็นปัญหาส่วนตัวของมึงเอง ที่อาจจะไม่ชอบนิยายไทป์ที่นักเขียนคนนี้กำลังเขียน เลยอ่านแล้วผ่านเลยไป กับสอง เป็นปัญหาที่ตัวนักเขียน ตัวนักเขียนอาจจะเขียนไม่จับใจ ดึงอารมณ์ไม่สุด อะไรก็ว่าไป จากใจกูเลยนะ กูไม่รู้ว่าคนอื่นมีสังคมการเรียนรู้ประมาณไหน แต่กูอ่ะ โดนฝึกมาในสังคมที่ว่า ต่อให้เป็นงานที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุดในความคิดของกู ก็ก็ต้องคอมเมนต์และวิจารณ์ให้ได้ทุกดีเทลว่ะ ทั้งทางเหตุผลและทางอารมณ์ แม้บางอันกูอาจจะรู้สึกเหมือนมึงในแง่ที่ว่าอ่านแล้วแบลงก์ก็เถอะ(อันนี้นิสัยเสียๆ ของกูเอง เพื่อนหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในสังคมการเรียนรู้แบบเดียวกับกู ชอบด่าว่ามันทำให้กูอ่านนิยายไม่สนุก แต่อีกแง่ กูรู้สึกว่ามันทำให้กูติดนิสัยที่ชอบคอมเมนต์งานนักเขียนที่กูตามนะ)
>>665 เจอทีมตะโกนแล้วไม่มีคนฟังอีกแล้ว 1 อัตรา ถามหน่อยว่าเหงาไหม เวลาเห็นแต่ยอดวิวขึ้นอ่ะ 555555 เอาจริงๆ อิคนที่ถามพี่คนนั้นต้องแยกให้ออกระหว่างการต้องการคอมเมนต์ของนักเขียน กับความอยากเด่นอยากดังนะ กูว่ามันคนละเรื่องว่ะ แต่แม่งเอามาปนกันเฉย

ไปๆ มาๆ พอมีคนเปิดประเด็นเรื่องข้อดีข้อเสียของนักอ่านเงา ทู้นี้กลายเป็นศาลาปรับทุกข์ซะงั้น

669 Nameless Fanboi Posted ID:YIGyhSh.9

ศาลาคนเศร้า 555555555
เป็นเรื่องที่วนกลับมาให้บนให้เฟลได้เรื่อยๆเลยว่ะ อยากล้อง

670 Nameless Fanboi Posted ID:uI1Ne8JCZ

มัวแต่เซร้าไปแต่งนิยายต่อปายยย

671 Nameless Fanboi Posted ID:Sn2fcapm0

กุชักสงสัยว่านี่มันมู้รวมนักเขียน หรือว่ามู้รวมศาลาคนเศร้าวะ
เอาเถอะ! แต่ตอนนี้กุมีเรื่องสงสัยอย่างนึง
ตอนนี้ในตลาดมีแต่นิยายวายรึไงฟระ!? เมื่อกี้กุแว่บไป B2S มา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ปกแบบผู้ชายกอดกันทั้งนั้นเลย

672 Nameless Fanboi Posted ID:lnLcOe5Wy

นิยายพวกมึงยังดี ของกูนี่มีแต่โทรลละ ตั้งแต่กูฆ่าอีพระเอกไป ถถถ+ ดูคนอ่านคลั่งมันก็สนุกไปอีกแบบ เอาจริงๆตอนแรกกูไม่คิดว่าจะมีคนอ่านถึง 100 คนด้วยซ้ำ แต่งระบายอารมณ์ไปงั้นๆ พอมีคนมาตามมันเริ่มรู้สึกรำคาญแปลกๆว่ะ กูแปลนไว้ว่าจะตั้งใจแต่งดีๆ มีสาระเยอะๆสักพักให้คนตามต่อ จากนั้นก็ฆ่าอีนางเอกหักมุมไปด้วยอีกตัว แมรี่ซูนักสัส เหลือพระรองกูกับมือก็พอแล้ว

673 Nameless Fanboi Posted ID:lnLcOe5Wy

เออ จะว่าไปมีเรื่องไหนเดินเรื่องโดย ไม่มีพระเอก นางเอก แต่ใช้ Ideologies เดินเรื่องมั้ยวะ? กูรู้สึกสนใจแนะนำกูหน่อยสิจะไปศึกษา

674 Nameless Fanboi Posted ID:bTlubOUc+

>>672 มึงจะหาว่ากูเสือกก็ได้นะ แต่กูอยากอ่าน ใบ้อะไรสักอย่างได้มั๊ย จะได้หาได้

675 Nameless Fanboi Posted ID:M96sTIKm3

>>673 อย่างสถาบันสถาปนาพอได้มั้ยอ่ะ

676 Nameless Fanboi Posted ID:ZulbEqzyF

>>671 พลังวาย เค้าเข็มแข็งมากขึ้น
นิยายบ้านเรา แนวรัก แนวแปลจีน แนววาย
ตลาดกลุ่มนี้ยังไปได้ดี
ส่วนสายอื่น กูเดาว่าเข็นกันลำบากโครตๆ

677 Nameless Fanboi Posted ID:BUlC1Sg5l

>>676 คือมันน่าแปลกอะนะ กุอยู่เยอรมันมานานไม่เคยเจอจึ๊งโครมแบบนี้ พอกลับมาไทยเท่านั้น Culture shock กันเลย... เดินไปไหนเจอแต่วาย วาย วาย ไม่ก็จีน ช่วงที่กุไปอยู่โน้นมันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย

เออ กุขอถามเพิ่มหน่อย~ แนว Dystopia นี่มันมีองค์ประกอบอะไรบ้างใครรู้มั่ง? กุรู้แต่ Setting มันต้องเป็นแนวโลกที่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ไม่ก็กฎหมายเข้มงวด รัฐกดขี่ประชาชนเท่านั้นเอง เห็นว่ายังมีองค์ประกอบอื่นอีกเยอะเลย

678 Nameless Fanboi Posted ID:i/YL7MfLG

เชื่อกู อย่าไปงอแงคอมเม้นท์ในหน้านิยายเยอะ ไม่เวิร์ค
คนจะไม่เม้นท์ ให้ตายยังไงมันก็จะไม่เม้นท์ คนที่อาจจะเม้นท์ก็พาลหมดอารมณ์ด้วย
บางคนตามใจนักอ่านซะเหมือนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งมึงทำอย่างนี้ก็ยิ่งดูเหมือนจูงง่าย ทุกอย่างขึ้นกับนักอ่าน ห่าเหวอะไรมันก็จะมาจ้ำจี้จำไชแต่กับมึง
พวกคำวิจารณ์จริงๆ จะดีไม่ดีกูก็รับไว้หมด แต่พวกเกรียนๆ กูก็ข้ามหมด ไม่สนไม่ใส่ใจ อะไรควรแก้ไขก็แก้ไข อะไรควรปรับปรุงก็ปรับปรุง
มึงต้องสตรองและเชื่อมั่นในตัวเองระดับหนึ่ง กูเข้าใจว่าคนเขียนทุกคนมันอยากได้ฟีดแบคทั้งนั้นแหละ คิดอีกแง่ งานเราอาจจะไม่ได้พีคขนาดที่เขาต้องมาเม้นท์ พยายามต่อไป ท้อได้ เหนื่อยก็พัก คอมเม้นท์อะไรที่ไม่สร้างสรรค์จรรโลงใจก็อย่าไปสน สู้ๆ เพื่อนโม่ง

679 Nameless Fanboi Posted ID:m7KrRmW9R

>>677 บรรยากาศว่ะหลักๆสำหรับกูเลย มันต้องให้อารมณ์ทำนองว่ามึงมีชีวิตอยู่ไปทำไมน่ะ ส่วนมากดิสโธเปียก็แนวเซ็ตติ้งเผด็จการนี่ล่ะ จะรวมพวกยุคมืดของยุโรปเข้าไปด้วยก็ได้

>>674 ไม่เอา กูไม่ได้มาโฆษสนา กูมาบ่นเฉยๆ >>678 นี่กูเห็นด้วยเลย ในนิยายกู กูไม่เคยไปเม้นตอบสักตอน กูว่าการไปตอบ/เสวนาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องบางทีมันเป็นเหมือนการยัดความคิดเราให้คนอ่านเกินไป กูชอบให้คนมันคิดกันไปเองมากกว่า แต่กูพอรู้เทคนิคทำให้คนอ่านเม้นเยอะๆละ ต้องอ่านใจคนอ่านให้ได้ ว่าคนอ่านชอบอะไร

680 Nameless Fanboi Posted ID:m7KrRmW9R

>>675 ใช่ Foundation ป่ะวะ โอเค เด่วกูจะไปศึกษามาดู

681 Nameless Fanboi Posted ID:YFdYTjQiO

เรื่องเมนท์ นิยายยาวๆ จะให้เมนท์ตลอดมันเป็นไปไม่ได้ว่ะ เพราะบางตอนมันก็ไม่ได้มีอะไรขนาดที่จะต้องเมนท์ แต่ถ้ามึงเขียนอะไรที่โห โคตรพีค โคตรโหด โคตรเจ็บปวด นางเอกมึงร้องไห้น้ำตาเผาเต่า แต่ไม่มีใครเมนท์เลย หรือเมนท์โคตรน้อยทั้งที่ยอดคนอ่านเยอะ แปลว่าต้องมีอะไรผิดปกติซักอย่างในนิยายมึง แต่ถ้าเป็นตอนทั่วๆไปก็อย่าไปหวังเมนท์เลยว่ะ ที่แน่ๆคือตอนจบนิยายมึงมีคนเมนท์มั้ย เมนท์แค่ขอบคุณค่ะหรือเมนท์ว่ารักนิยายมาก ชอบมาก จะเป็นจะตาย คิดถึงตัวละคร ถ้าเป็นอย่างหลังนี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับนึงแล้วว่ะ ถ้าตอนจบหรือตอนพีคๆ ไม่มีคนเมนท์ อันนี้สิน่าคิด

682 Nameless Fanboi Posted ID:Gx7go8s2Y

>>677 กูว่าเพิ่งมาเป็นช่วงหลังๆไม่กี่ปีนี่เองนะ

แต่ก่อนจะไม่เห็นนิยายวายบนชั้น ไม่มีโปรโมตแบบโจ่งแจ้ง แต่จะออกแนวซื้อตามแผงหนังสือข้างนอกห้างมากกว่า

683 Nameless Fanboi Posted ID:zW9WlbVWn

>>681 +1 กูเคยอ่านนิยาย ปกติก็เรื่อย ๆ เม้นกันตอนละ 2-3 คน แต่พอมีตอนพีค ตัวร้ายออกมาทำชั่วนี่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาด่าตัวร้ายเป็นสิบคนอะมึง

684 Nameless Fanboi Posted ID:L5S4RMQy2

ที่พีคกว่าคือ จะปิดตอนเพราะลงจะจบแล้วงี้ หรือปิดตอนหลังจากประกาศไปแล้วงี้ ออกมาด่าว่าปิดไว เห็นแก่ตัว 555+

685 Nameless Fanboi Posted ID:2HAz1HcbZ

อยากให้คนเม้นเยอะๆ มึงต้องเอาแนวปวดตับ แล้วจะมีพวกโผล่มางอแงเพียบ

686 Nameless Fanboi Posted ID:1ygM.MjJ+

ขออนุญาต ky
มีอาชีพไหน งานหนักเป็นพักๆ แต่มีช่วงหยุดแบบว่างๆเลย บ้างวะ
จะเอาไปใส่อาชีพพระเอก ช่วงทำงานฮีจะได้ดูมีงานการทำ ค่อยเอาช่วงว่างไปจีบนางเอกแทน
แบบวิดวะปิโตรตามแท่นไรงี้

ปล.ไม่เอานักธุรกิจนะมึง 5555

687 Nameless Fanboi Posted ID:0KI0jPutb

>>686 บัญชี? ทำงานเรื่อยๆเห็นบางบริษัทจะจ้างคนเยอะเพื่อรองรับช่วงงานเยอะเวลาปกติเลยว่าง แต่พอช่วงปิดงบเมื่อไหร่ล้มตายเป็นเบือ

688 Nameless Fanboi Posted ID:Usqei9PQ+

>>687 บัญชีกูว่าไม่นะ55555 งานมันเยอะตลอด แม่กุเปนักบัญชีนี่แทบจะเป็นยามแทนล่ะ อาจจะขึ้นกะความขายดีขอวบริาุบสสัสด้วย ปิดบัญชีแม่งก้คือไม่ได้กลับบ้านมาเจอใครอะ เสาอาทิดหยุดก้ต้องเคลีย ไม่มีโอทีด้วย

งานแนวนั้น่าจะพวกฟรีแลนทั้งหลายอะ คอลัมนิส นักวาดกาตผูน นักเรียน สถาปนิก นักร้อวง ดาราได้อุ่อีกอันคือวิศวกรปริโตร ครึ่งๆเดือนไปอยุ่แท่นขุดกลางทะเล อีกครึ่งเดือนฟรีไทม์ ทำห่าไรก้ได้ เงินเดือนเยอะกว่าชาวบ้านมาก แต่ตอนอยุ่แท่นแม่งก้เหงาจริง

689 Nameless Fanboi Posted ID:u71O.NOTt

>>686 สจ๊วต หรือนักบินไง เขาต้องมีพักเป็นรอบๆเหมือนกัน ถ้าพวกฟรีแลนซ์นักเขียนนักวาดนี่ส่วนมากเห็นปั่นงานกันจนไม่ได้ออกไปไหนซะมากกว่านะ งานไม่เสร็จก็ไม่มีตังค์นะมึง

แต่มันก็จะมีพวกที่รับเป็นโปรเจ็คๆอยู่ อย่างพวกช่างตามกองถ่ายหรือทีมทำงานสารคดีอะไรงี้แหละ รับเป็นโปรเจ็คเสร็จแล้วอาจพักสักหน่อย ผู้กำกับทั้งละครทั้งสารคดีก็เข้าข่ายนะ

690 Nameless Fanboi Posted ID:GquBVMMYh

กุถามหน่อยดิ มีคนบอกกุว่าการบรรยายเวอร์ มันจะทำให้เรื่องน่าสนใจขึ้นจริง การอธิบายรวบรัดนั้นทำให้น่าเบื่อ พวกมึงคิดว่าการบรรยายแบบไหนดีสุดกัน

691 Nameless Fanboi Posted ID:g8cBBDiVJ

>>686 งานหนังสือ นิตยสาร ช่วงปิดเล่มงานเยอะมาก ทำงานกันดึกดื่น โดยเฉพาะฝ่ายศิลป์ แต่หลังปิดเล่มแล้วจะว่างมาก ออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ ถ้าบริษัทนั้นไม่มีเวลาเข้าออกงานมาบังคับ แต่ส่วนใหญ่ก็แวบได้นั่นแหละ

692 Nameless Fanboi Posted ID:NDzmiEc0R

>>690 กูว่าไม่จริง มันอยู่ที่สไตล์คน แต่เอาที่อ่านแล้วเห็นภาพง่ายสุด ดราม่าก็จี๊ดใจ คอเมดี้ก็รู้สึกขำอ่ะ กูเคยอ่านบางคน บรรยายเวอร์วังอลังการดาวล้านดวงมาก แค่บรรยายว่านางเอกนั่งอยู่ศาลางี้ย่อหน้านึงสิบบรรทัด บรรยายทุกสิ่งอย่างจนกูต้องอ่านทวนสองรอบ คำสวยมาก แต่อ่านจบแล้วกูกลับมึนว่ามึงจะพูดอะไรกันแน่ในย่อหน้านี้อ่ะ

693 Nameless Fanboi Posted ID:fCoRsx+yN

>>692 กูนึกถึงนิยายในเด็กดีที่มู้ในห้องเว็บโนเวลเคยสับ (แนวแฟนตาซีนะ) บรรยายซะโคตรละเอียด แต่กูจำชื่อเรื่องไม่ได้ละ จำได้แต่ว่าเริ่มเรื่องด้วยฉากในบาร์อะไรซักอย่าง บรรยายอาหารบนโต๊ะถึงขั้นฟองเบียร์ในแก้วหกลงใส่จานสเต็กจนเกิดเสียงดังฟู่ แบบว่ายัดข้อมูลจนกูชักงง กูเลยจำฉายาเรื่องนี้ได้แค่ฟองเบียร์นี่แหละ 555

694 Nameless Fanboi Posted ID:JQHMeS/Hp

บรรยายเยอะเกินกูว่าแทนที่จะเห็นภาพ คนอ่านมันจะรู้สึกเบื่อเว้ย เขียนสั้นๆได้ใจความแบบจดหมายสมัครงานคนอ่านเยอะกว่าบรรยายเยอะๆอีกมึง กูทดลองมาละ

695 Nameless Fanboi Posted ID:JQHMeS/Hp

>>686 เอาแนวๆก็ Agent องค์กรลับเลยมึงไม่ว้ำใครแน่นอน 555

696 Nameless Fanboi Posted ID:bBPFhTGj/

มีใครคิดแบบกูบ้าง นิยายแนวต่างโลก เกมส์ออนไลน์นี่ ถ้าเขียนแบบแนวเรื่องจริงจัง กูรู้สึกว่าเขียนยากจังวะ พล็อตโฮลแม่งเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะกูอ่านของใคร รึแต่งเองก็ตาม เหมือนกับว่าแนวเรื่องแม่งดูขี้เกียจๆไงไม่รู้่ มีเวล มีอะไรมาแก้ความแกรี่ได้ง่ายๆ

697 Nameless Fanboi Posted ID:S.jb+mtmv

>>696 คิดอีกมุมนึงคือไม่งั้นมันจะเหมือนเป็นนิยายธรรมดาที่ตอนต้นเรื่องพระเอกตายแล้วก็มาเกิดใหม่อะ อุตส่าห์ไปต่างโลกทั้งทีก็ควรให้ความรู้สึกว่า "นี่ตัวละครจากอีกโลกนึงมาโผล่ในโลกนี้นะ"

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.