กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/
สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ
Last posted
Total of 1000 posts
กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/
สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ
อ่าว เต็มแล้วเหรอ ไม่ทันรู้ตัวเลยแฮะ
เอ้อ เรามีเรื่องจะปรึกษาน่ะ ตอนนี้กำลังเริ่มนิยายเรื่องใหม่อยู่ เป็นแนวใหม่ที่ว่าจะลองแต่งดู
อยากรู้ว่าเพื่อนโม่งคิดยังไง สมผลพอรึเปล่า?
เรื่องย่อคือ อาณาจักรมนุษย์เป็นมหาอำนาจของโลกในตอนนั้น แต่ว่าหลังจบศึกสงครามครั้งใหญ่กับจอมมารเมื่อ 100 ปี ก่อน
ก็อยู่ร่วมกับอาณาจักรอื่นด้วยสันติมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมามีปัญหาทางการเมืองเพราะสนธิสัญญาพันธมิตรกับ 3 อาณาจักรมหาอำนาจอื่น
อยู่มาวันนึงก็ได้มีอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นติดกับพรหมแดนของมนุษย์ เป็นอาณาจักรที่ประชากรทั้งหมดเคยเป็นมอนสเตอร์ไร้ปัญญามาก่อน
แต่มนุษย์เองก็ไม่ค่อยจะมองเป็นภัยคุกคามเท่าไหร่เพราะยังดูถูกคิดว่าเป็นแค่มอนส์กากๆเลยไม่มีการติดต่อทางการทูตใดๆ
ทีนี้จะมีเหตุผลอะไรให้มนุษย์ที่อยู่กับความสงบสุขมาเป็น 100 ปีหลังจบสงครามกับจอมมารมาเริ่มทำสงครามอีกครั้งดีอ่ะ? คือประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่จากตอนนั้นเช่นพวกพ่อมดกับเอลฟ์(เป็นพลเมืองในสนธิสัญญา)ที่อายุยืน ก็ยังเหลืออยู่น่าจะเอียนสงครามกันแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุที่รุนแรงจริงๆแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนจะสนับสนุน ก็เลยคิดว่าเจ้าหญิงของอาณาจักรมนุษย์ที่กำลังโตเป็นผู้ อยากสร้างผลงานเอาใจพระราชา เลยไปสานสัมพันธ์กับอาณาจักรของมอนสเตอร์(เจ้าหญิงออกแนวหัวเสรี) ระหว่างทางบังเอิญเจอพวกมอนสเตอร์เข้า ก็เลยเข้าไปพูดคุยด้วย แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษากัน แถมมีทหารติดอาวุธตามมาด้วย พวกมอนสเตอร์ก็เลยฆ่าตาย เป็นชนวนให้นำอาณาจักรมนุษย์เข้าสู่สงครามอีกครั้ง
เพื่อนโม่งคิดว่าจะสมเหตุสมผลมั้ยอ่ะ? คือถ้ามองในเชิงลึก พระราชาก็น่าจะคิดมากพอตัวว่าพวกไหนเป็นคนฆ่า แถมยังมีเรื่องสนธิสัญญาพันธมิตรอีก เลยไม่น่าจะรีบประกาศสงครามเพราะความโกรธ แล้วประชาชนจะโกรธแค้นแทนถึงขนาดสนับสนุนให้ประกาศสงครามรึเปล่า? ช่วยแสดงความเห้นให้เราหน่อยสิ
>>3 เราว่าพลอตแอบเชยนะ แต่ก็เขียนไปเถอะ รายละเอียดเรื่องก็ลองทำให้มันต่างจากคนอื่น ถามว่าสมเหตุสมผลไหมอ่านเผินๆคิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเรื่องด้วย เช่น ราชาอาจจะรักลูกมากกกกและมีนิสัยเลือดร้อนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วเจ้าหญิงคนนั้นเป็นที่รักของประชาชน พอโดนฆ่าเข้าทุกคนก็โกรธแค้นเป็นชนวนศึก หรือไม่ก็สร้างเรื่องมาก่อนว่าไอพวกมอนสเตอร์มันเคยทำร้ายมนุษย์มาก่อนซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่มุมมองมนุษย์ไรงี้ บลาๆ อะไรก็เขียนไปดิ หาเหตุผลให้มัน อาจจะต้องใจเย็นๆหน่อย
>>4 เราแต่งไว้แบบที่เพื่อนโม่งแนะนำ เป๊ะๆเลยนะตอนแรก แต่ไม่รู้ทำไมยังรู้สึกว่าไม่สมผลพอ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้อธิบายตัวละครพระราชาให้ละเอียดพอละมั้ง คือตอนแรกกะจะใส่มาให้ตายอยู่แล้วเลยไม่ได้ใส่ใจมาก แต่พอย้อนกลับมาอ่านเองอีกรอบปรากฏว่ารู้สึกไม่สมผลซะงั้น ตัวเริ่มเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี่ต้องใช้ความใส่ใจมากทีเดียวแฮะ ก็ต้องขอบใจเพื่อนโม่งที่ช่วยพินพอยท์ให้
ส่วนเนื้อเรื่องจริงๆ จะดำเนินเรื่องหลังจากนี้น่ะ นางเอกที่เบื่อโลก ไม่มีความฝัน ประเทศตัวรับผู้อพยพมาเยอะมากแล้วผู้อพยพก็กลายเป็นผู้ก่อการร้าย เธอโดนลูกหลงจากการก่อการร้ายเลยมาเกิดใหม่เป็นเจ้าหญิงองค์ที่ 2 ที่โลกนี้ แต่ไม่เสียความทรงจำเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่แย่กว่าเดิมคือเหมือนจะขาดเซ้นส์ความเป็นมนุษย์ไปเลย พอพี่สาวเจ้าหญิงองค์แรกตาย ก็ได้แต่หมกตัวในวัง จนบ้านเมืองเกือบจะล่มจม มารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองแบกรับความฝันของประชาชนไว้มากมายก็เกือบจะสายไป พระราชาเองก็นำศึกจนตัวตายเลยได้รับตำแหน่งราชินีมา หลังจากนั้นตัวนางเอกก็จะหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆของอาณาจักรมหาอำนาจที่ใกล้จะถึงจุดจบ ด้วยเรื่องที่เรียนมาในโลกเก่าแล้วก็ค่อยๆเรียนรู้ใหม่จากที่นี่ในฐานะเจ้าหญิงด้วย โดยหลักๆจะเป็นสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบอบการปกครอง แล้วก็เผ่าพันธุ์(ชาติพันธุ์) สุดท้ายก็ตามหาความฝันแล้วก็ไขปริศนาความทรงจำของตัวเอง แต่เพราะพยายามจะทำให้มันสมผลที่สุดเลยไปนั่งเก็บข้อมูลมานานเกือบเดือนละ - -
เอ้อ แล้วสาระเช่น พวกทฤษฏีการปกครอง ยุทธวิธีการรบ หรือพวกทฤษฏีการทูตนี่จะใส่มายังไงให้ดูไม่น่าเบื่อดีอ่ะ คือมันค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เลยกลัวว่าถ้าย่อแล้วผู้อ่านจะรู้สึกว่ากำลังอ่านคอร์สวิชาการทูตอยู่ พอจะแนะนำให้เราได้บ้างมั้ยอ่ะ ปกติเราแต่งแต่แนวบันเทิง ตลก ติ๊งต๊องเลยยังไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่
>>5 หาพวกหงสาจอมราชันย์มาอ่านดู
กุกำลังร่างพล็อตอยู่เหมือนกัน แต่กลัวคนอ่านจะไม่ชอบอะไรแบบนี้
เรื่องคร่าวๆ คือ
ตัวเอกเป็นวิศวะกรเวทมนต์บรรจุใหม่ในเหมืองแร่ที่สกัดผลึกกักเก็บเวทมนต์จากสิ่งมีชีวิต ซึ่งเหมืองนี้เป็นทั้งคุก แดนประหาร และสถานที่พิเศษบางอย่าง กะจะสร้างคอนฟลิคพวกกบฏ การเมืองภายใน เชื้อชาติ ศาสนา ให้มันตีกันในเหมืองนี้สักพัก แล้วก็ระเบิดเหมืองทิ้งก่อนออกไปสู่โลกภายนอกที่เริ่มสงครามไปสักระยะแล้ว แล้วค่อยกอบกู้อาณาจักรคืนทีหลัง
คนมันจะเข้าถึงมั้ยวะ นั่งเขียนเรื่องไป เขียนloreไป กลัวเชื่อมloreพลาดชิบ
อัพนิยายตอนไหนที่คนจะเห็นเยอะๆ ปกติอัพกันกี่โมง
>>8 ถ้าตามปกติคนเล่นเน็ตเยอะก็ช่วงหลังทุ่มนึง ถ้าจะเอาคนเห็นเยอะๆก็ช่วง 19.00-21.00 กุว่าน่าจะพีคสุด
>>5 พวกทฤษฎี สำหรับกุเลยนะ กุชอบแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ใช้วิธีการแสดงเหตุการณ์ให้เห็นภาพแล้วค่อยๆอธิบายทีละจุดหรือมาเฉลยทีหลังก็ได้ ถ้ามาแบบยาวเหยียดนี่จะน่าเบื่อ กุก็กะเขียนแนวๆนี้เหมือนกัน แบบเน้นสาระหน่อยๆ แต่ไม่แฟนตาซีนะ กลัวเหมือนพวกเมิงเหมือนกัน กลัวว่าจะน่าเบื่อ ก็ต้องหาไรมาแซมๆให้ดูไม่เบื่ออยู่ ปวดหัวอยู่ 555
ส่วนเรื่องพล๊อตกุว่าถ้าเน้นเรื่องความสัมพันธ์ตัวละครให้อินมากขึ้นน่าจะโอเคขึ้นนะ ค่อยๆปูให้มีเหตุผลในการเกิดสงคราม เพราะตามปกติ ประชาชนทั่วไปมักไม่ชอบสภาวะสงครามอยู่แล้ว ยกเว้นเป็นประเภทชื่นชอบการต่อสู้ เรื่องตัวละครถึงรู้ว่าจะตายแต่กุว่าควรใส่ใจนะ กุคิดว่าถ้าคนแต่งเองยังไม่อิน คนอ่านก็คงจะไม่อินหนักกว่าอีกน่ะ คือกุก็มีตัวที่กะไว้ว่าจะให้ตายอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้แบบตายแล้วยังมีคนนึกถึงอะไรแบบนี้ กุไม่ค่อยอยากทิ้งๆขว้างๆตัวละครเท่าไหร่ คือคิดชื่อนานไง 555+
>>6 แต้งกิ้วมากที่แนะนำ
เรื่องของโม่งเราว่าพล็อตโอเคอยู่นะ ชอบแนวที่มันให้อารมณ์เหมือนถูกพันธนาการ จำกัดเสรีภาพ
แต่เขียนเรื่องว่ายากแล้ว การทำให้คนเข้าถึงเราว่ายากกว่า ยังไงก็สู้ๆ
>>9 แนวนี้เขียนยากจริง ถ้าไม่แฟนตาซีเราว่ากลุ่มผู้อ่านจะจำกัดขึ้นไปอีก คือจะมีแต่คนอายุ 20+ อ่านละ อาจจะเข้าถึงผู้อ่านยากขึ้น
แต่เฮ้ย ขอบใจมากกกก ก็คิดอยู่ว่ามันขาดอะไรไป ขาดจุดเด่นให้ตัวละครมีความน่าจดจำและนึกถึงนี่เอง เรื่องชื่อนี่คิดยังไงให้ออกมาดูดีอ่ะ เราคิดชื่อตัวละครได้กระจอกสัสๆพอมาอ่านเองแล้วชื่อยังกะตัวประกอบ 555 ส่วนตัวนี่ก๊อบชื่อมาจากประวัติศาสตร์ยุคกลางทั้งนั้น - -
เอ้อ ขอถามอีกหน่อย ถ้าเป็นนิยายแนวสงคราม คนส่วนมากจะนึกถึงเรื่องแนวตัวเอกเทพบู๊แหลกอะไรงี้ช้ะ แต่เราไม่คิดงั้นอ่ะ คือสงครามมันควรจะลงลึกมากกว่าแค่ต่อสู้กัน เช่นแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ชิงไหวชิงพริบไรงี้ ซึ่งพอเริ่มแต่งไปฝ่ายตัวเอกมันไม่ควรจะขาวสนิท ควรจะเป็นสีเทาๆมากกว่าเพราะไม่มีฝ่ายไหนดีฝ่ายไหนเลว ต่างฝ่ายต่างก็สู้กันเพื่อความอยู่รอด แต่เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้นิยายดูดาร์ค ดูมืดมน เพื่อนโม่งคิดว่ายังไงกัน?
>>11 เขียนถึงความจำเป็นของการกระทำพระเอกสิ อย่างสมมติพระเอกส่งคนไปลอบสังหารอีกฝ่าย แล้วคนที่ลอบสังหารทำงานสำเร็จแต่ถูกจับได้ โดนฆ่า พระเอกรู้ข่าวตอนอยู่กับคนอื่นก็ทำหน้านิ่งๆ เย็นชา แต่พออยู่คนเดียวก็แสดงอาการเจ็บปวดหัวใจ แบบเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็อาจจะตามมาอีกมาก คล้ายกับสถานการณ์บีบบังคับให้ทำ คนอ่านจะได้รู้สึกเห็นใจพระเอก แต่ถ้าไม่มีเหตุผลรองรับ คนอาจจะบอกว่าพระเอกโรคจิต แนวดาร์คแน่นอน >>> แบบนี้มันน่าเบื่อนะ ออกซูด้วย
>>17 โอเค
เพื่อนโม่งเราคนเดิมนะ คือมันเป็นแนวสงครามแหละ แต่อยากรู้ว่าถ้าตอนเริ่มเรื่องมา เป็นแนวสดใสครอบครัวอบอุ่น ตัวละครต่างๆน่ารัก ฮีลลิ่งดีต่อหัวใจ
แต่พอเริ่มดำเนินเรื่องไปก็เริ่มมืดมน ตัวละครต่างๆในครอบครัวค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จนเหลือตัวเอกเพียงคนเดียว
แล้วไปมืดมนถึงขีดสุดในตอนท้ายๆคือคนมากมายและตัวละครสำคัญตาย โดนจับไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่จะโดนคนอ่านด่ามั้ย - -
คือคิดว่าพยายามใส่เหตุผลการตายของตัวละครแต่ละตัวมาจนไม่มีจุดบอดแล้ว แต่พอมาอ่านๆดูมันตายมากเกินไปจนจะเหลือแค่ตัวเอกคนเดียวแล้ว
ส่วนที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เองก็ใส่เหตุผลอันเหมาะสมตามแบบสงครามที่มีคู่ศึกเป็นพวกบ้าอำนาจ ชาตินิยมแล้วด้วย คือนิยายสงครามมืดมนจนเรียลไปนี่จะดีมั้ยนะ
>>19 มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบเรียลๆนะถ้าเหตุผลแน่นพอมันก็โอเค สงครามไม่มีคนตายเลยมันก็ไม่ใช่ปะวะ แต่ก็ไม่ใช่แบบเมะบางเรื่องที่จบแบบที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร พอจะนึกออกมะที่คนด่าๆกันเยอะ ก่อนอื่นต้องระบุไว้เลยนะว่าแนวไหน คนอ่านจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าไม่ดราม่าแล้วมาด่าทีหลัง
เอานิยายลงที่ไหนดีที่ไม่ใช่เด็กดี คือกูแค่หมั่นไส้ส่วนตัว มันมีเว็บที่ดีกว่านี้มะ หรือลงๆแม่งไปเหอะ?
เพื่อนโม่ง หนังสือคลังคำนี่ดีป่ะ ซื้อแล้วคุ้มไหม
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.