Fanboi Channel

รวมพลนักเขียน แชร์เทคนิคประสบการณ์และข่าวสาร [กระทู้ที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:PcP0ccmr/

กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/

สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ

2 Nameless Fanboi Posted ID:hCRQxTDH+

อ่าว เต็มแล้วเหรอ ไม่ทันรู้ตัวเลยแฮะ

3 Nameless Fanboi Posted ID:PcP0ccmr/

เอ้อ เรามีเรื่องจะปรึกษาน่ะ ตอนนี้กำลังเริ่มนิยายเรื่องใหม่อยู่ เป็นแนวใหม่ที่ว่าจะลองแต่งดู
อยากรู้ว่าเพื่อนโม่งคิดยังไง สมผลพอรึเปล่า?

เรื่องย่อคือ อาณาจักรมนุษย์เป็นมหาอำนาจของโลกในตอนนั้น แต่ว่าหลังจบศึกสงครามครั้งใหญ่กับจอมมารเมื่อ 100 ปี ก่อน
ก็อยู่ร่วมกับอาณาจักรอื่นด้วยสันติมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมามีปัญหาทางการเมืองเพราะสนธิสัญญาพันธมิตรกับ 3 อาณาจักรมหาอำนาจอื่น
อยู่มาวันนึงก็ได้มีอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นติดกับพรหมแดนของมนุษย์ เป็นอาณาจักรที่ประชากรทั้งหมดเคยเป็นมอนสเตอร์ไร้ปัญญามาก่อน
แต่มนุษย์เองก็ไม่ค่อยจะมองเป็นภัยคุกคามเท่าไหร่เพราะยังดูถูกคิดว่าเป็นแค่มอนส์กากๆเลยไม่มีการติดต่อทางการทูตใดๆ

ทีนี้จะมีเหตุผลอะไรให้มนุษย์ที่อยู่กับความสงบสุขมาเป็น 100 ปีหลังจบสงครามกับจอมมารมาเริ่มทำสงครามอีกครั้งดีอ่ะ? คือประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่จากตอนนั้นเช่นพวกพ่อมดกับเอลฟ์(เป็นพลเมืองในสนธิสัญญา)ที่อายุยืน ก็ยังเหลืออยู่น่าจะเอียนสงครามกันแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุที่รุนแรงจริงๆแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนจะสนับสนุน ก็เลยคิดว่าเจ้าหญิงของอาณาจักรมนุษย์ที่กำลังโตเป็นผู้ อยากสร้างผลงานเอาใจพระราชา เลยไปสานสัมพันธ์กับอาณาจักรของมอนสเตอร์(เจ้าหญิงออกแนวหัวเสรี) ระหว่างทางบังเอิญเจอพวกมอนสเตอร์เข้า ก็เลยเข้าไปพูดคุยด้วย แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษากัน แถมมีทหารติดอาวุธตามมาด้วย พวกมอนสเตอร์ก็เลยฆ่าตาย เป็นชนวนให้นำอาณาจักรมนุษย์เข้าสู่สงครามอีกครั้ง

เพื่อนโม่งคิดว่าจะสมเหตุสมผลมั้ยอ่ะ? คือถ้ามองในเชิงลึก พระราชาก็น่าจะคิดมากพอตัวว่าพวกไหนเป็นคนฆ่า แถมยังมีเรื่องสนธิสัญญาพันธมิตรอีก เลยไม่น่าจะรีบประกาศสงครามเพราะความโกรธ แล้วประชาชนจะโกรธแค้นแทนถึงขนาดสนับสนุนให้ประกาศสงครามรึเปล่า? ช่วยแสดงความเห้นให้เราหน่อยสิ

4 Nameless Fanboi Posted ID:ndJ4E//jd

>>3 เราว่าพลอตแอบเชยนะ แต่ก็เขียนไปเถอะ รายละเอียดเรื่องก็ลองทำให้มันต่างจากคนอื่น ถามว่าสมเหตุสมผลไหมอ่านเผินๆคิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเรื่องด้วย เช่น ราชาอาจจะรักลูกมากกกกและมีนิสัยเลือดร้อนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วเจ้าหญิงคนนั้นเป็นที่รักของประชาชน พอโดนฆ่าเข้าทุกคนก็โกรธแค้นเป็นชนวนศึก หรือไม่ก็สร้างเรื่องมาก่อนว่าไอพวกมอนสเตอร์มันเคยทำร้ายมนุษย์มาก่อนซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่มุมมองมนุษย์ไรงี้ บลาๆ อะไรก็เขียนไปดิ หาเหตุผลให้มัน อาจจะต้องใจเย็นๆหน่อย

5 Nameless Fanboi Posted ID:ZjKzzI.CJ

>>4 เราแต่งไว้แบบที่เพื่อนโม่งแนะนำ เป๊ะๆเลยนะตอนแรก แต่ไม่รู้ทำไมยังรู้สึกว่าไม่สมผลพอ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้อธิบายตัวละครพระราชาให้ละเอียดพอละมั้ง คือตอนแรกกะจะใส่มาให้ตายอยู่แล้วเลยไม่ได้ใส่ใจมาก แต่พอย้อนกลับมาอ่านเองอีกรอบปรากฏว่ารู้สึกไม่สมผลซะงั้น ตัวเริ่มเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี่ต้องใช้ความใส่ใจมากทีเดียวแฮะ ก็ต้องขอบใจเพื่อนโม่งที่ช่วยพินพอยท์ให้

ส่วนเนื้อเรื่องจริงๆ จะดำเนินเรื่องหลังจากนี้น่ะ นางเอกที่เบื่อโลก ไม่มีความฝัน ประเทศตัวรับผู้อพยพมาเยอะมากแล้วผู้อพยพก็กลายเป็นผู้ก่อการร้าย เธอโดนลูกหลงจากการก่อการร้ายเลยมาเกิดใหม่เป็นเจ้าหญิงองค์ที่ 2 ที่โลกนี้ แต่ไม่เสียความทรงจำเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่แย่กว่าเดิมคือเหมือนจะขาดเซ้นส์ความเป็นมนุษย์ไปเลย พอพี่สาวเจ้าหญิงองค์แรกตาย ก็ได้แต่หมกตัวในวัง จนบ้านเมืองเกือบจะล่มจม มารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองแบกรับความฝันของประชาชนไว้มากมายก็เกือบจะสายไป พระราชาเองก็นำศึกจนตัวตายเลยได้รับตำแหน่งราชินีมา หลังจากนั้นตัวนางเอกก็จะหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆของอาณาจักรมหาอำนาจที่ใกล้จะถึงจุดจบ ด้วยเรื่องที่เรียนมาในโลกเก่าแล้วก็ค่อยๆเรียนรู้ใหม่จากที่นี่ในฐานะเจ้าหญิงด้วย โดยหลักๆจะเป็นสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบอบการปกครอง แล้วก็เผ่าพันธุ์(ชาติพันธุ์) สุดท้ายก็ตามหาความฝันแล้วก็ไขปริศนาความทรงจำของตัวเอง แต่เพราะพยายามจะทำให้มันสมผลที่สุดเลยไปนั่งเก็บข้อมูลมานานเกือบเดือนละ - -

เอ้อ แล้วสาระเช่น พวกทฤษฏีการปกครอง ยุทธวิธีการรบ หรือพวกทฤษฏีการทูตนี่จะใส่มายังไงให้ดูไม่น่าเบื่อดีอ่ะ คือมันค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เลยกลัวว่าถ้าย่อแล้วผู้อ่านจะรู้สึกว่ากำลังอ่านคอร์สวิชาการทูตอยู่ พอจะแนะนำให้เราได้บ้างมั้ยอ่ะ ปกติเราแต่งแต่แนวบันเทิง ตลก ติ๊งต๊องเลยยังไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่

6 Nameless Fanboi Posted ID:q63hTSFdT

>>5 หาพวกหงสาจอมราชันย์มาอ่านดู

กุกำลังร่างพล็อตอยู่เหมือนกัน แต่กลัวคนอ่านจะไม่ชอบอะไรแบบนี้
เรื่องคร่าวๆ คือ
ตัวเอกเป็นวิศวะกรเวทมนต์บรรจุใหม่ในเหมืองแร่ที่สกัดผลึกกักเก็บเวทมนต์จากสิ่งมีชีวิต ซึ่งเหมืองนี้เป็นทั้งคุก แดนประหาร และสถานที่พิเศษบางอย่าง กะจะสร้างคอนฟลิคพวกกบฏ การเมืองภายใน เชื้อชาติ ศาสนา ให้มันตีกันในเหมืองนี้สักพัก แล้วก็ระเบิดเหมืองทิ้งก่อนออกไปสู่โลกภายนอกที่เริ่มสงครามไปสักระยะแล้ว แล้วค่อยกอบกู้อาณาจักรคืนทีหลัง

คนมันจะเข้าถึงมั้ยวะ นั่งเขียนเรื่องไป เขียนloreไป กลัวเชื่อมloreพลาดชิบ

7 Nameless Fanboi Posted ID:jJZZh4W2M

>>6 กูชอบอ่านแนวคุก ๆสภาวะกดดันแบบนี้ละ โชคดีมึง ขอให้งานออกมาดีๆ

8 Nameless Fanboi Posted ID:rRYUQ9bgj

อัพนิยายตอนไหนที่คนจะเห็นเยอะๆ ปกติอัพกันกี่โมง

9 Nameless Fanboi Posted ID:OHmUL+qak

>>8 ถ้าตามปกติคนเล่นเน็ตเยอะก็ช่วงหลังทุ่มนึง ถ้าจะเอาคนเห็นเยอะๆก็ช่วง 19.00-21.00 กุว่าน่าจะพีคสุด

>>5 พวกทฤษฎี สำหรับกุเลยนะ กุชอบแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ใช้วิธีการแสดงเหตุการณ์ให้เห็นภาพแล้วค่อยๆอธิบายทีละจุดหรือมาเฉลยทีหลังก็ได้ ถ้ามาแบบยาวเหยียดนี่จะน่าเบื่อ กุก็กะเขียนแนวๆนี้เหมือนกัน แบบเน้นสาระหน่อยๆ แต่ไม่แฟนตาซีนะ กลัวเหมือนพวกเมิงเหมือนกัน กลัวว่าจะน่าเบื่อ ก็ต้องหาไรมาแซมๆให้ดูไม่เบื่ออยู่ ปวดหัวอยู่ 555

ส่วนเรื่องพล๊อตกุว่าถ้าเน้นเรื่องความสัมพันธ์ตัวละครให้อินมากขึ้นน่าจะโอเคขึ้นนะ ค่อยๆปูให้มีเหตุผลในการเกิดสงคราม เพราะตามปกติ ประชาชนทั่วไปมักไม่ชอบสภาวะสงครามอยู่แล้ว ยกเว้นเป็นประเภทชื่นชอบการต่อสู้ เรื่องตัวละครถึงรู้ว่าจะตายแต่กุว่าควรใส่ใจนะ กุคิดว่าถ้าคนแต่งเองยังไม่อิน คนอ่านก็คงจะไม่อินหนักกว่าอีกน่ะ คือกุก็มีตัวที่กะไว้ว่าจะให้ตายอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้แบบตายแล้วยังมีคนนึกถึงอะไรแบบนี้ กุไม่ค่อยอยากทิ้งๆขว้างๆตัวละครเท่าไหร่ คือคิดชื่อนานไง 555+

10 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

>>6 แต้งกิ้วมากที่แนะนำ
เรื่องของโม่งเราว่าพล็อตโอเคอยู่นะ ชอบแนวที่มันให้อารมณ์เหมือนถูกพันธนาการ จำกัดเสรีภาพ
แต่เขียนเรื่องว่ายากแล้ว การทำให้คนเข้าถึงเราว่ายากกว่า ยังไงก็สู้ๆ

>>9 แนวนี้เขียนยากจริง ถ้าไม่แฟนตาซีเราว่ากลุ่มผู้อ่านจะจำกัดขึ้นไปอีก คือจะมีแต่คนอายุ 20+ อ่านละ อาจจะเข้าถึงผู้อ่านยากขึ้น
แต่เฮ้ย ขอบใจมากกกก ก็คิดอยู่ว่ามันขาดอะไรไป ขาดจุดเด่นให้ตัวละครมีความน่าจดจำและนึกถึงนี่เอง เรื่องชื่อนี่คิดยังไงให้ออกมาดูดีอ่ะ เราคิดชื่อตัวละครได้กระจอกสัสๆพอมาอ่านเองแล้วชื่อยังกะตัวประกอบ 555 ส่วนตัวนี่ก๊อบชื่อมาจากประวัติศาสตร์ยุคกลางทั้งนั้น - -

11 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

เอ้อ ขอถามอีกหน่อย ถ้าเป็นนิยายแนวสงคราม คนส่วนมากจะนึกถึงเรื่องแนวตัวเอกเทพบู๊แหลกอะไรงี้ช้ะ แต่เราไม่คิดงั้นอ่ะ คือสงครามมันควรจะลงลึกมากกว่าแค่ต่อสู้กัน เช่นแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ชิงไหวชิงพริบไรงี้ ซึ่งพอเริ่มแต่งไปฝ่ายตัวเอกมันไม่ควรจะขาวสนิท ควรจะเป็นสีเทาๆมากกว่าเพราะไม่มีฝ่ายไหนดีฝ่ายไหนเลว ต่างฝ่ายต่างก็สู้กันเพื่อความอยู่รอด แต่เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้นิยายดูดาร์ค ดูมืดมน เพื่อนโม่งคิดว่ายังไงกัน?

12 Nameless Fanboi Posted ID:cxVhiGJZH

>>11 กูชอบแบบนี้นะ เพราะกูคงโตแล้วแหละ กูไม่ชอบแบบพระเอกมาโชว์เทพไล่ฆ่าศัตรูโดยไม่รู้สึกอะไรไม่ได้แล้วว่ะ

13 Nameless Fanboi Posted ID:w+H8RH/Pw

>>11 เขียนถึงความจำเป็นของการกระทำพระเอกสิ อย่างสมมติพระเอกส่งคนไปลอบสังหารอีกฝ่าย แล้วคนที่ลอบสังหารทำงานสำเร็จแต่ถูกจับได้ โดนฆ่า พระเอกรู้ข่าวตอนอยู่กับคนอื่นก็ทำหน้านิ่งๆ เย็นชา แต่พออยู่คนเดียวก็แสดงอาการเจ็บปวดหัวใจ แบบเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็อาจจะตามมาอีกมาก คล้ายกับสถานการณ์บีบบังคับให้ทำ คนอ่านจะได้รู้สึกเห็นใจพระเอก แต่ถ้าไม่มีเหตุผลรองรับ คนอาจจะบอกว่าพระเอกโรคจิต แนวดาร์คแน่นอน >>> แบบนี้มันน่าเบื่อนะ ออกซูด้วย

14 Nameless Fanboi Posted ID:7MozPueOi

>>13 >>12 เพื่อนโม่งช่วยได้มากเลยขอบใจมาก
อย่าเพิ่งรำคาญเรานะ ที่มาถามบ่อยๆ พอดีเพิ่งฝึกเขียนแนวนี้ 555

15 Nameless Fanboi Posted ID:WqN/P6jSA

>>11 ลองหาเมะเรื่อง legend of legendary heroes มาดูดิ น่าจะได้แนวทาง แต่ถ้าไม่ว่าง กุแนะนำไม่ค่อยถูกว่ะ

ว่าพระเอกมันจะแข็งหรืออ่อน ถ้าอ่อนก็ตามที่ >>13 ว่า แต่ถ้าแข็งแบบแพ้แล้วกลัวเสียหน้าแต่ยังเก๊กหล่อได้ก็ดูเอาตามหน้าหนังสือพิมเลย

16 Nameless Fanboi Posted ID:xxnIzh/Ld

>>15 แต้งกิ้วมาก แล้วพวกคำราชาศัพท์นี่จำเป็นมั้ยอ่ะ เช่น เวลาพูดถึงพระราชาในมุมมองบุคคลที่ 3 รึตัวคนอื่นพูดถึงเจ้าหญิงไรงี้อ่ะ
เห็นนิยายของหลายๆคนไม่ค่อยใช้เท่าไหร่

17 Nameless Fanboi Posted ID:C6neXKqUl

>>16 อันนี้แล้วแต่นะ แต่ถ้าคิดจะใช้ก็ใช้ให้มันเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่บทนี้ใช้ อีกบทไม่ใช้ แบบนี้คนอ่านจะเงิบเอา ที่ไม่ใช้กันก็น่าจะเพราะมันเขียนง่ายกว่าและเข้าถึงคนอ่านง่ายกว่านั่นแหละ เผื่อมีเด็กคลังราชาศัพท์ไม่เยอะมาอ่าน

18 Nameless Fanboi Posted ID:wZ5mgAWsb

>>17 โอเค

เพื่อนโม่งเราคนเดิมนะ คือมันเป็นแนวสงครามแหละ แต่อยากรู้ว่าถ้าตอนเริ่มเรื่องมา เป็นแนวสดใสครอบครัวอบอุ่น ตัวละครต่างๆน่ารัก ฮีลลิ่งดีต่อหัวใจ
แต่พอเริ่มดำเนินเรื่องไปก็เริ่มมืดมน ตัวละครต่างๆในครอบครัวค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จนเหลือตัวเอกเพียงคนเดียว
แล้วไปมืดมนถึงขีดสุดในตอนท้ายๆคือคนมากมายและตัวละครสำคัญตาย โดนจับไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่จะโดนคนอ่านด่ามั้ย - -

19 Nameless Fanboi Posted ID:wZ5mgAWsb

คือคิดว่าพยายามใส่เหตุผลการตายของตัวละครแต่ละตัวมาจนไม่มีจุดบอดแล้ว แต่พอมาอ่านๆดูมันตายมากเกินไปจนจะเหลือแค่ตัวเอกคนเดียวแล้ว
ส่วนที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เองก็ใส่เหตุผลอันเหมาะสมตามแบบสงครามที่มีคู่ศึกเป็นพวกบ้าอำนาจ ชาตินิยมแล้วด้วย คือนิยายสงครามมืดมนจนเรียลไปนี่จะดีมั้ยนะ

20 Nameless Fanboi Posted ID:UhAVP0yBF

>>19 มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบเรียลๆนะถ้าเหตุผลแน่นพอมันก็โอเค สงครามไม่มีคนตายเลยมันก็ไม่ใช่ปะวะ แต่ก็ไม่ใช่แบบเมะบางเรื่องที่จบแบบที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร พอจะนึกออกมะที่คนด่าๆกันเยอะ ก่อนอื่นต้องระบุไว้เลยนะว่าแนวไหน คนอ่านจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าไม่ดราม่าแล้วมาด่าทีหลัง

21 Nameless Fanboi Posted ID:.9f.NVUtH

เอานิยายลงที่ไหนดีที่ไม่ใช่เด็กดี คือกูแค่หมั่นไส้ส่วนตัว มันมีเว็บที่ดีกว่านี้มะ หรือลงๆแม่งไปเหอะ?

22 Nameless Fanboi Posted ID:FXEykRM3Z

เพื่อนโม่ง หนังสือคลังคำนี่ดีป่ะ ซื้อแล้วคุ้มไหม

23 Nameless Fanboi Posted ID:KDKbXJr3W

>>21 เว็บลงนิยายมีเยอะนะ แต่คนอ่านไม่เยอะเท่าเด็กดอก เช่น Fictionlog,Wattpad ซึ่งในความรู้สึกของกูสองเว็บนี้เรียบๆดี
ไม่ต้องมาแต่งให้รกแบบเด็กดอก ถ้าแนววายไปเลยก็เล้าเป็ด

24 Nameless Fanboi Posted ID:rudH+DYTM

>>22 ถ้าเป็นนักเขียนหรือนักแปลก็น่าจะมีติดบ้านไว้นะ มีประโยชน์กว่านิยายห่วยๆ มากมาย มีไว้ก็อุ่นใจ

25 Nameless Fanboi Posted ID:.Q7HzCMJQ

>>22 สำหรับ​กู โคตรคุ้มค่า ดีกว่าพจนานุกรม​ธรรมดาเยอะ

26 Nameless Fanboi Posted ID:3ZUyK.XCI

>>22 ควรมีประทับบ้าน มันมึประโยชน์ตอนนึกไม่ออกมาก แต่สงสัยว่าไอ้ฉบับที่พิมพ์หลังๆ มีปรับปรุงเพิ่มอะไรอีกเยอะรึเปล่า ซื้อตอนพิมพ์คร้งที่ 4 ควรซื้อใหม่มั้ย?

27 Nameless Fanboi Posted ID:zqN3eYuS/

>>22 เฮ้ย น่าสนใจอ่ะหาซื้อได้ที่ไหนมั่งแล้วหนังสือมันชื่อคลังคำศัพท์เลยป่ะนี่เวลาเขียนๆแล้วบางทีตันๆ เพราะนึกคำจะใช้ไม่ค่อยออก

28 Nameless Fanboi Posted ID:RM7VJJmdE

>>27 คลังคำ น่าจะมีเฉพาะร้านนายอินทร์ https://www.naiin.com/product/detail/190307/

เห็นพิมพ์ใหม่แล้วโมโห กูตามล่าตามหามาหลายปีไม่มีพิมพ์ใหม่ พอล่าจนเจอ ได้มาไม่กี่เดือน ตีพิมพ์ใหม่ เพิ่มศัพท์ใหม่ แม่ง

29 Nameless Fanboi Posted ID:AobEqJU3I

ถามห้องไหนได้บ้างเนี่ย คือเพิ่งเห็นข่าวที่โครงการนักเขียนหน้าใสประกาศว่ามีนิยายเรื่องนึง โดนตัดสิทธิเพราะไปดัดแปลงนิยายเรื่องอื่นมาอ่ะ ใครพอจะรู้เรื่องบ้าง?

30 Nameless Fanboi Posted ID:MfDwi.Gtx

>>29 อยากรุ้เหมือนกันว่ะ ข่าวโคตรเงียบ อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้กูวาร์บไปอ่านฉบับจริง นี่ไล่ดูอยู่ว่ากุต้องหาอ่านจากบอร์ดไหน

31 Nameless Fanboi Posted ID:CG87dzzd/

>>30 กูเจอแต่ของในเฟสแค่นี้เองว่ะ https://www.facebook.com/jamsaiteenwriter/photos/rpp.293243310799926/458024597655129/?type=3&theater

32 Nameless Fanboi Posted ID:JGcjV0VyF

ประกวดปีนี้กูไม่ตามว่ะ เพิ่งได้ยินข่าวเลยไปคุ้ยดู มีเม้นนึงในหน้านิยายตั้งข้อสังเกตว่าไดอะล็อกการบรรยายของเรื่องคล้ายกับมังงะญี่ปุ่น
ซึ่งกูก็ไม่ได้ตามดูมังงะสมัยนี้ เลยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แล้วประเด็นของเรื่องคือการมองเห็นด้ายแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าไปคล้ายกับการ์ตูนหรือนิยายเรื่องไหน
อาจจะเป็นการลอกฉากจากเรื่องอื่นมาลงก็ได้มั้ง

33 Nameless Fanboi Posted ID:JGcjV0VyF

อัพเดตล่าสุด เจ๊แตมรี่โพสต์ตอบว่าไปคล้ายการ์ตูนในโค่เรื่องนึง

34 Nameless Fanboi Posted ID:lQ.SKSYe4

ทำกันเป็นเรื่องปกติแล้วมั้งในเด็กดีก็มีพวกก๊อปแต่ได้รับความนิยมอยู่เพียบ

35 Nameless Fanboi Posted ID:jThX+z2sP

อืม เดี๋ยวนี้กูเขียนอะไรไม่เกินพันคำเลยว่ะ พอเขียนแบบไม่อีดิตก็ยังถึงอยู่หรอก แต่พอจะอีดิตนี่ตัดออกไปเยอะ ไหนจะเรื่องคำซ้ำ คิดคำบรรยายไม่ออกอีก ยิ่งเขียนยิ่งสั้น อย่างล่าสุดเขียนไปได้แปดร้อยกว่า อีดิตเสร็จเหลือห้าร้อยกว่าคำเองแฮะ เฮ้อ

36 Nameless Fanboi Posted ID:jThX+z2sP

เออ เพราะยังงี้ด้วยมั้งกูถึงเขียนเรื่องยาวไม่ได้ซักที แค่เรื่องสั้นกว่าจะถึงพันคำก็เค้นแทบตาย กูห่างไปนานกับอ่านน้อยลงด้วยก็น่าจะมีส่วนสินะ นี่กูเพอร์เฟคชั่นนิสไปป่าววะเนี่ย

37 Nameless Fanboi Posted ID:AFXetEZRo

>>35 กุไม่เป็นว่ะ เสียดายที่พิมๆไปไม่ลบ แต่ลังเลพวกเนื้อเรื่องมากกว่า อยากเพิ่มนู่นนี่เยอะไปหมดจนจะตีกันตายไม่ไปไหนซะทีมัวแต่แก้

38 Nameless Fanboi Posted ID:DsVpF3PB2

เพื่อนโม่งกูจะสามารถหาข้อมูลเรื่อง bdsm จากไหนบ้างแบบเล่นกันยังไง มีข้อควรระวังยังไง อะไรแบบนี้

39 Nameless Fanboi Posted ID:nI/xCdTx5

คงต้องเข้าสู่โลกมืด สายการ์ตูนมังงะของยุ่น สายโยมังงะของเกาหลี มีให้ศึกษาเป็นเพียบ
ส่วนเป็นหนังแสดงของคนนี่กูว่าไม่ค่อยน่าดูเท่าไร แบบมันขาดการบรรยายความรู้สึกอะไรบางอย่างไป

40 Nameless Fanboi Posted ID:qTGhAMrIk

>>38 ไปห้องกามานะ มีคุยกันอยู่

41 Nameless Fanboi Posted ID:ahrbZP+SS

>>38 ถ้าภาษาแข็งค้น google มีเพียบ ใน tumblr ก็มีบล็อกที่เป็นหัวข้อพวกนี้

42 Nameless Fanboi Posted ID:hfc1nUgCd

มึง เขียนนิยายนี่มันต้องยึดความต้องการตัวเราหรือคนอ่านวะ เห็นคอมเม้นอยากได้แบบนู้นแบบนี้แล้วกูก็ชักไม่มั่นใจแล้วดิ
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก เห็นบ่อยๆเข้ามันก็นอยด์วะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่ชอบ คนนี้พระเอกเหรอไม่เอา อยากได้อีกคน จะเปลี่ยนก็ต้องโละหมด เปลี่ยนนิสัยก็หลุดคาร์อีก เห้อ

43 Nameless Fanboi Posted ID:arkokJycs

ระบายความในใจเกี่ยวกะนิยายลงโม่งนี่จะรกไหม

44 Nameless Fanboi Posted ID:APGZwcK9H

>>43 >>>/literature/3325

45 Nameless Fanboi Posted ID:I.aD42PKf

>>42 ถ้ายึดคนอ่านจะได้ตลาด แต่คนอ่านยิ่งมากก็ยิ่งมีความต้องการหลากหลายไม่มีทางที่จะสนองได้ครบทุกความอยาก พอเขียนให้ถูกใจได้ประเด็นหนึ่งก็จะมีประเด็นอื่นมาด่าใหม่ได้เรื่อยๆ ความละโมบตะกละตะกลามของคนอ่านไม่เคยพอเพียง ยิ่งในยุคนี้สันดานระบายลงคีย์บอร์ดอย่างเมามันไม่สนใจผู้เขียน ผรุสวาจาพ่นออกมาบ่งบอกรากเหง้าการเลี้ยงดูเต็มหน้าจอ

ยึดตัวเองจะได้แนวทางและตัวตน เขียนจากตัวเอง รับผิดชอบผลงานตัวเอง ความภูมิใจว่าเกิดจากตัวเอง แต่อาจจะขายไม่ออก

46 Nameless Fanboi Posted ID:Q6Rj8HIyU

https://www.facebook.com/pippopippii/posts/10158199849990263?__mref=message_bubble

แวะมาแปะให้ เผื่อมีประโยชน์ เกี่ยวกับนิยายออนไลน์ลองอ่านดูนะ

47 Nameless Fanboi Posted ID:NCjJ.HZ6n

>>46 ตรงกับความคิดกุเกือบหมดเลยว่ะ แม่งเป็นงั้นจริงๆ

48 Nameless Fanboi Posted ID:ZwNwSyBiF

คือมึง การที่เราอ่านผลงานคนอื่นแล้วได้แรงบันดาลใจอยากแต่งแนวนั้นบ้าง มันต้องเหมือนแค่ไหนวะถึงจะไม่ดู "ลอก" เกินไป
แล้วเราต้องออกตัวว่าได้ อินสไปร์มาจากเรื่องนั้นแต่เนิ่นเลยหรือค่อยบอกทีหลังตอนคนอ่านทักดี

49 Nameless Fanboi Posted ID:/OT2G8ugq

>>48 บอกไปก่อนเลยดีกว่า
สำหรับกูถ้ามันแบบถ้ามันยังกว้างๆอยู่ได้แรงบันดาลใจจากแฮรี่งี้ เป็นคนสำคัญแล้วเข้ารร.เวทย์(หรือพลังพิเศษอื่นๆ)เลือกหอเจอนู้นนี้นั่นในรร. กูจะยังถือว่าแรงบันดาลใจนะ
แต่ถ้าเจอแบบรายละเอียด เป็นคนสำคัญเข้ารร.ต้องเข้าทางลับไปหยุดอาจาย์ แต่จริงๆจารที่สงสัยไม่ใช้คนร้ายคือจารอีกคน อะไรงี้กูจะรู้สึกว่าแม่งลอกแล้ว

50 Nameless Fanboi Posted ID:IzGgvsV16

>>48 ไม่ลอกคือรายละเอียดปลีกย่อยเมิงไม่เหมือนเลย เหตุการณ์ไม่เหมือนกันเมิงคิดใหม่หมดอะไรแบบนี้ แต่ถ้าไม่มั่นใจกลัวหลุดเหมือนมาก็แจ้งไว้ก็ได้

51 Nameless Fanboi Posted ID:yyJ.2uPNs

>>48 อินสไปร์ที่โอเคคือสตาร์วอร์สกลายเป็นมังกรหยก ถ้ามึงยังโดนจับได้ว่าอินสไปร์มาจากไหนอันนี้กูไม่โอเค

52 Nameless Fanboi Posted ID:3R+WKOYSY

>>51 สตาร์วอร์กลายเป็นมังกรหยกได้ไงอ่ะ (อันนี้อยากรู้) รู้แต่สตาร์วอร์กลายเป็น Final Fantasy 4

53 Nameless Fanboi Posted ID:HjFDfM8Yd

>>52 เจมส์ บอนด์ยังเป็นชอลิ้วเฮียงได้เลย ก็อตฟาเธอร์ก็เป็นฤทธิ์มีดสั้น ต้องไปอ่านที่พันทิพห้องหนังจีนหรือนิยายจีน เคยอ่านกระทู้เก่านานมากแล้วที่นักอ่านรุ่นเก่าๆ พูดถึงเรื่องหนังฮอลิวู้ดเป็นแรงดลใจให้นักเขียนจีนเขียนนิยายดังหลายเรื่อง

54 Nameless Fanboi Posted ID:zwplQdnox

>>52 พระเอกแขนขาด เจ้าฆ่าพ่อข้า หลงรักน้องสาว

55 Nameless Fanboi Posted ID:yYYxI7y1j

ก็อดฟาเธอร์ ก็เป็น กระบี่ ผีเสื้อ ดาวตก ของโกวเล้งได้ อันนี้ใกล้เคียงมาก

56 Nameless Fanboi Posted ID:h/oDg+8o8

>>51 >>54 มังกรหยกเขียนปี 195x หนังสือเล่มสุกท้ายของกิมย้งเขียนจบปี 1972 สตาร์วอร์ฉายปี 1977 เราว่าเพื่อนโม่งเข้าใจผิดละ

แต่ของโกวเล้งอันนี้ใช่ เห็นว่าหลายเรื่องได้แรงบันดาลใจจาก "นิยาย" ตะวันตก

57 Nameless Fanboi Posted ID:pW6nMoGk6

>>53 ของโกว้เล้ง นี่ชัดเจนว่าได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายตะวันตก มีการอภิปรายกันในแวดวงการนักเขียนมาแล้ว

58 Nameless Fanboi Posted ID:p3HrPjgxG

ไม่รู้ถามแล้วจะมีคนตอบหรือเปล่า
แบบเพิ่งได้เซ็นสัญญาครั้งแรกแล้ว
คือ ใครรู้บ้างว่า นักเขียนปกตินี่ สนพ. จ่ายค่า ebook ให้ล่าช้าสุดกี่เดือนหรือกี่ปี
แบบได้ตีพิมพ์นะ แต่ไม่ได้เงินส่วนแบ่ง ebook มาจะครบปีหนึ่งแล้ว
มันแปลกมากไหม งานก็ได้ป้ายประดับด้วย
เลยงงๆ ว่า สนพ. อื่น เป็นยังไงกันบ้าง

59 Nameless Fanboi Posted ID:k6ru4VAnL

>>58 ปกติน่าจะสามเดือนรึเปล่าวะ

60 Nameless Fanboi Posted ID:JnO4AYCf2

>>59 อันนี้ไม่รู้จริงนะ
คิดว่ามันแปลกมากๆ อยู่ ยอดอะไรก็ไม่แจ้งทั้งนั้น
เวลามันนานมากเกิน
คิดในใจว่าเรื่องที่เขียนนี่ขายดีด้วยนะ แบบขึ้นหน้าแรกในเวลาไม่กี่วัน
แต่ไม่เคยได้รับรายงานอะไรเลย
คิดว่าคงมีปัญหาแล้วละ
รู้งี้ทำมือขายเอง สบายใจกว่าต้องมาเครียดว่าจะถูกโกงหรือเปล่าอีก

61 Nameless Fanboi Posted ID:bQhSK7ZtF

กูอยากลองแปลอะไรหน่อย ถามหน่อยว่าเวลาเจอประโยคที่ในหัวอะเข้าใจแต่แปลไม่ถูกจะทำไง กับเวลาแปลได้ประโยคแล้วแต่แข็งสัสๆเลยนี้จะทำไง

62 Nameless Fanboi Posted ID:bsan8FA9K

>>60 ถ้าในสัญญาไม่มีบอก มึงควรเมลล์ไปถามตรงๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

63 Nameless Fanboi Posted ID:9ecd5Lhw.

>>58 ปกติสัญญาที่ไม่มีระบุรายได้อีบุ๊คจะเสร็จสนพ. หมดในแง่เอาไปบอกว่าเอาไปต่อยอดส่งเสริมการขาย สำนักพิมพ์จะถือว่าหนังสือตัวเล่มเขาลงทุนเยอะเขาจะเอากำไรฟรีๆ จากอีบุ๊ค

ก่อนเซ็นต้องถามแต่แรกเลยว่ารายได้ที่นอกเหนือสิ่งพิมพ์ได้หรือเปล่า? บางทีเอาไปทำละครนักเขียนไม่ได้อะไรเลยก็มี สำนักพิมพ์ที่แฟร์จะบอกรายละเอียดเลยว่าอะไรที่เขาให้ได้ เขาไม่ให้ และอีบุ๊คนี่เองที่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักเขียนไปทำหนังสือกันเองหมดเพราะโดนหักแล้วหักอีกเหลือกลับมาถึงนักเขียนน้อยกว่าอัพเอง

ถ้าได้รายได้จากอีบุ๊คจากสนพ. ปกติเขาจะเคลียร์ยอด 6 เดือน / ปีละครั้ง หลังจากหนึ่งปีไปแล้วอีบุ๊คจะขายได้น้อย (มาก) ลืมๆ เบลอๆ ได้เลยเพราะถ้ายอดไม่เยอะเขาก็ไม่โอนหรือแจ้ง

ปล. ขายดีบางเว็บแค่หลักร้อยนะมึง อย่าไปเชื่อมาก

64 Nameless Fanboi Posted ID:xyVBKb7fZ

หลักร้อยเล่มก็หลายพันเกือบๆหมื่นอยู่นะ ถ้าแบ่งแฟร์ๆ ราคาเล่มเดี๋ยวนี่ไปที่ 250-300 บ. กันแล้ว
ได้ตีพิมพ์มันก็ดีตรงได้เหมาจ่ายในแบบรูปเล่มมาส่วนหนึ่ง
แต่ปกติสัญญามันจะแบ่งเซ็นสองอย่าง ถ้าถามกูที่เคยผ่านการตีพิมพ์มาเหมือนกัน ยุคนี้ถ้าแน่ใจฐานแฟนคลับตัวเอง ออกebook เองได้พอๆกับตีพิมพ์แล้ว
แถมสบายใจกว่าอีก เพราะขายebookได้เต็มๆในงานที่เราเขียน มีทุนก็ทำมือเองสักส่วนหนึ่ง แม้จะหลัก200-300เล่ม ก็ดีกว่าไปถูก สนพ. เหมาจ่าย

65 Nameless Fanboi Posted ID:3dqhDTl6N

>>61 ก็เกลาไปเรื่อยๆ จนกว่ามึงจะคิดว่าจะเจอคำที่ใช่
เหตุผลที่มึงนึกคำไทยไม่ออก แปลว่ามึงมีคลังคำศัพท์ในหัวน้อยเกินไป

66 Nameless Fanboi Posted ID:HgemRf0Rw

กูเจอแนวทางเขียนของกูแล้ว กูคิดว่าจะเอาดีทาง Fictional History แบบ World of ice and fire วะ

กูชอบประวัติศาสตร์ อ่านมาเยอะ ทั้งแบบวิชาการและกึ่งวิชาการ กูชอบ World Building ให้เสร็จหรือเกือบเสร็จแล้วค่อยเขียนนิยาย แต่ยิ่งทำยิ่งทำให้กูเขียนนิยายไม่ออก เขียนได้แต่พล็อต พอลองมาเขียนพล็อตแบบหนังสือประวัติศาสตร์แล้วสนุกกว่าที่คิด เขียนไหลลื่นดี กูเลยอยากรู้ว่ามีหนังสือแบบนี้อีกปะ จะได้เอามาเป็นแนวทาง

67 Nameless Fanboi Posted ID:3dqhDTl6N

>>66 สามก๊ก

68 Nameless Fanboi Posted ID:4PvKNwYky

>>63 เดี๋ยวนี้น่าจะระบุสัญญา ebook หมดแล้วนะ
ส่วนตัวคิดว่าสมัยนี้ระบบขายเหมา น่าจะมีน้อยแล้วมั้ง นอกจากไปหานักเขียนหน้าใหม่ๆ ขึ้นมา
ส่วนนักเขียนที่พอรู้เรื่องการทำ ebook ก็น่าจะพอรู้เรื่องผลประโยชน์บางแล้ว
แต่คนที่มาถามว่าไม่ได้รายงานอะไรเกือบปีนี้ ผิดปกติมากๆ แล้วนะ
สนพ. น่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ

69 Nameless Fanboi Posted ID:XjihtSlS/

มีใครเคยขายพล็อตป่ะ กูนึกพล็อตเรื่องสั้นออกแล้วบอกเล่นๆว่าจะขายพล็อตแต่มีคนอยากซื้อ แต่กูไม่รู้ว่าเค้าซื้อขายกันเท่าไหร่

70 Nameless Fanboi Posted ID:9tPP+BCPK

>>69 มึงคิดว่าพล็อตของมึงดีแค่ไหนล่ะ มึงก็ตั้งราคาตามนั้น ถ้าคนซื้อเขาพอใจกับราคาแล้วคิดว่าคุ้มค่าเขาก็จะซื้อเอง ของแบบนี้มึงจะมาเทียบวัดไม่ได้หรอก มันเป็นผลงานที่เป็นความคิดของมึง ก็เหมือนกับค่าจ้างของพวกนักวาด ราคาก็ตามระดับฝีมือความเทพ

71 Nameless Fanboi Posted ID:bmJy3sFzF

>>69 เห็นมีโครงการประกวดพล็อตชิงรางวัลของสภาพรนี่ เก็บไว้ส่งประกวดเอาก็ได้
ส่วนมาขายใครได้ คิดว่านอกจากรู้จักพวกนักเขียนสายรับจ้างปั่นงานส่งให้สนพ. ก็คงยากแล้วล่ะ
ยิ่งไม่รู้จักใครเลย คงยากที่จะขายใครได้ นอกจากแต่งเอง

72 Nameless Fanboi Posted ID:USjA7MDu3

>>69 มีพวกขายพล็อตทำละครทำหนังอยู่ แต่มึงก็มีความเสี่ยงจะโดนดอยไปใช้ฟรี ต้องดูด้วยอะนะว่ามึงเป็นใคร มีดวงไหม

ส่วนพวกนักเขียน พวกนี้เขามีพล็อตรอเขียนเป็นกะตั๊ก ไม่อดอยากหรอกมึง

73 Nameless Fanboi Posted ID:qg9bhXW6C

ห้องไหนคุยเรื่อง ARC award บ้างครับ

74 Nameless Fanboi Posted ID:G4nus2Tqb

>>73 คุยที่นี่ก็ได้

75 Nameless Fanboi Posted ID:YllMT4mrY

เจอตารางแบ่งอาชีพ (แฟนตาซี) น่าสนใจดี http://weareadventurers.tumblr.com/image/139671868489

76 Nameless Fanboi Posted ID:2IidUS8IN

เพื่อนโม่งมีนิยายรึประวัติศาสตร์แนวสงครามทหารม้าเด่นๆแนะนำมั้ยอ่ะ กำลังเขียนนิยายสงครามอยู่ พอมาถึงทหารม้ามันดันตันซะงั้นกลัวไม่เรียล

77 Nameless Fanboi Posted ID:fjQ6NkIJO

>>76 war horse ได้มะ หรือไปอ่านประวัติ hussars ดู

78 Nameless Fanboi Posted ID:+lK+IwXlz

>>76 อ่านไตรภาคสัยถัง โดยเฉพาะภาคแรก พระเอกนำทัพม้าเก่งที่สุดแล้ว แล้วก็หนังสือประวัติศาสตร์มองโกลของ penage มันมีพิชัยสงครามสำหรับทหารม้าของเจงกิสข่านให้อ่านท้ายเล่มด้วยมั้ง

79 Nameless Fanboi Posted ID:3LYC9/nPI

>>77 >>78 แต้งกิ้วค่ะ เพื่อนโม่ง ฮัสซ่านี่สุดยอดจริง

เอ้อ ขอถามอีกรอบนึงสิ คิดว่าถ้าเราเขียนแบบนี้จะโอมั้ยอ่ะ
คือศึกระหว่างสองฝ่ายจบลงแล้ว ฝ่ายนึงชนะแบบรู้ผลไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่ายชนะต้องการรักษาน้ำใจของฝ่ายแพ้ที่สู้กันมายาวนาน
โดยการหยิบอาวุธ ไปคืนให้กับมือแม่ทัพของอีกฝ่าย คนอ่านเขาจะเก็ทมั้ยเรื่องเกียรติยศอะไรแบบนี้ รึควรจะนำเสนอยังไงดี

80 Nameless Fanboi Posted ID:F.phXGhRg

>>79 ขึ้นอยู่กับเซ็ตติ้งโลก + สถานการณ์ล้วน ๆ อ่ะ แต่ขอฝากคำถามให้ไปลองคิดดูเผื่อจะช่วยให้เขียนง่ายขึ้น สาเหตุของศึกคืออะไร ศึกมันดำเนินไปยังไง และจบลงแบบไหน ความเสียหายทั้งสองฝ่ายเท่าไหร่ เป็นศึกจริง ๆ หรือเป็นแค่การประลองก่อนเริ่มระดับความจริงจังของศึกมีแค่ไหน คนที่นำทัพทั้งสองฝ่ายมียศอะไร มีเจ้านายมั้ย หรือว่าเป็นกษัตริย์นำทัพเอง แม่ทัพฝ่ายที่ชนะจะแน่ใจได้ยังไงว่าฝ่ายที่แพ้จะไม่หาวิธีเล่นงานกลับ หรือวางกับดัก หรือไม่มีพลหน้าไม้ซุ่มยิงรอเก็บ

81 Nameless Fanboi Posted ID:rRierl.6Y

>>79 เขียนอธิบายธรรมเนียมของโลกนั้นในสายตาของผู้แพ้สิ

มีกรณีที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ชนเผ่าบางเผ่ามีธรรมเนียมการยื่นของขวัญแรกพบหน้า อย่างเช่นยื่นกล้วยให้ ถ้าอีกฝ่ายรับแปลว่าเป็นมิตร มันมีนัยยะอีกอย่างที่แฝงอยู่ คือการกินของอย่างเดียวกันหมายถึงพวกเดียวกัน ใน GoT ก็มีธรรมเนียมให้แขกกินขนมปังกับเกลือ ซึ่งตั้งอยู่บนหลักเหตุผลเดียวกันนี้ละ

82 Nameless Fanboi Posted ID:zf6Y0dbpH

>>80 >>81 แต้งกิ้วมากค่ะ ละเอียดมากกกก

อีกคำถามนึงตอนนี้แต่งใกล้จะจบแล้วคิดว่าเวลาปล่อยควร ปล่อยวันละตอนดีมั้ยอ่ะ แล้วปล่อยเวลาไหนคนจะเห็นเยอะที่สุดอ่ะ
คือแฟนคลับเราก็มีเยอะพอสมควรนะ แต่บางทีปล่อยไปแล้วคนเห็นกันไม่ถึง 1 ใน 4 อยากได้แฟนคลับใหม่ๆเพิ่มด้วย

83 Nameless Fanboi Posted ID:zf6Y0dbpH

อันนี้เป็นเรื่องที่ 2 เองน่ะ เรื่องแรกปล่อยสุ่มๆไปแล้วมันฟลุคอะไรไม่รู้คนตามขึ้นมา เรื่องนี้เลยกะจะให้มันดูพัฒนาขึ้นมาหน่อย

84 Nameless Fanboi Posted ID:.HLVGFff8

เจ้า - จ้าว ใช้ต่างกันยังไง

85 Nameless Fanboi Posted ID:OEG1u6D8w

>>84 กูว่าจ้าวดูโบราณกว่า เก่าๆ

86 Nameless Fanboi Posted ID:YxOn2YWi5

>>82 อาทิตย์ละตอนดีสุด เวลามึงอยากแก้อะไรจะได้มีเวลาแก้

87 Nameless Fanboi Posted ID:PmX9jIlZd

>>84 กุก็ว่าจ้าว

88 Nameless Fanboi Posted ID:/kTGjCSF0

>>84 ได้เหมือนกัน แต่ส่วนมาก จ้าวใช้กับวิญญาณ เทพ ปีศาจ ไม่ค่อยใช้กะคน แล้วก็ดูโบราณกว่าเหมือนข้างบนว่า

89 Nameless Fanboi Posted ID:d09r3q0yb

>>84 เราเข้าใจแบบนี้มานานมันถูกไหมอ่า
จ้าว = ผู้ปกครอง Lord คำเรียกผู้มีอำนาจ เช่น จ้าวแห่งเมืองขีดขิน
เจ้า = คำแทนตัวอีกฝ่ายแบบโบราณ เช่น เจ้าจะไปไหน

90 Nameless Fanboi Posted ID:LsGEWs+fU

>>84 ทำกูสงสัยด้วย เลยลองไปเปิดพจนานุกรมดู
ในพจฯบอกว่า จ้าว=เจ้า ... กูนี่ไปไม่เป็นเลย 55555
แต่เรื่องเซ้นส์ของคำ กูก็เห็นด้วยกับเม้นต์บนๆ จ้าวดูโบราณกว่า

91 Nameless Fanboi Posted ID:ppihOt2DC

จ้าว (โบ) น. เจ้า.

เจ้า ๑ น. ผู้เป็นใหญ่, ผู้เป็นหัวหน้า, เช่น เจ้านคร; เชื้อสายของกษัตริย์นับตั้งแต่
ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป, บางแห่งหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินก็มี เช่น เจ้ากรุงจีน;
ผู้เป็นเจ้าของ เช่น เจ้าทรัพย์ เจ้าหนี้; ผู้ชํานาญ เช่น เจ้าปัญญา เจ้าความคิด
เจ้าบทเจ้ากลอน; มักใช้เติมท้ายคําเรียกผู้ที่นับถือ เช่น พระพุทธเจ้า เทพเจ้า;
เทพารักษ์ เช่น เจ้าพ่อหลักเมือง.
เจ้า ๒ ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย สําหรับผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยอย่างสุภาพหรือ
เอ็นดู, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ เช่น เจ้ามานี่, คําใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง,
เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓, มักใช้เข้าคู่กับคํา นั่น เป็น เจ้านั่น เช่น เจ้านั่น
จะไปด้วยหรือเปล่า.
เจ้า ๓ น. คำนำหน้าชื่อเพื่อแสดงว่าเป็นเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ เช่น
เจ้าดวงเดือน; คํานําหน้าที่ผู้ใหญ่เรียกเด็กหรือผู้น้อย เช่น เจ้าหนู
เจ้าแดง เจ้านี่.
เจ้า ๔ น. ผู้ค้าขายสิ่งของต่าง ๆ เช่น เจ้าผัก เจ้าปลา, ลักษณนามหมายความว่า
ราย เช่น มีผู้มาติดต่อ ๓ เจ้า.

และ
https://pantip.com/topic/30208430

สรุป เหมือนกัน

92 Nameless Fanboi Posted ID:BEG7Sk3Cy

>>91 แม่จ้าว เข้าใจผิดอยู่นานสรุปคือเขียนไม่เหมือนกันเฉยๆหรอกเรอะเจ้า!

93 Nameless Fanboi Posted ID:fgrsp.sqK

>>92 ถ้าแม่เจ้าน่าจะเจ้าได้แบบเดียวนะ อย่างน้อยเราไม่เคยเห็นแม่จ้าว

แต่จ้าวกับเจ้าทำให้เรานึกถึง เสพกับเสพย์

94 Nameless Fanboi Posted ID:BEG7Sk3Cy

>>93 เริ่มจะสับสน เจ้า-จ้าว แล้วเนี่ยยังจะมี เสพ มาอีกตัวเหรอ T_T

95 Nameless Fanboi Posted ID:A/76CESf8

คือกูสงสัยว่า ทำไมบางคนถึงใช้คะค่ะไม่ถูกวะ กูเจอในนิยาย กระทู้ตามเน็ต แล้วหงุดหงิดอะ

96 Nameless Fanboi Posted ID:qR0UE7lvC

>>95 เนื่องจากกูใช้ไม่ถูกกูจะตอบให้(คนอื่นอาจไม่ใช้แบบเคสกู) เพราะอ่านแล้วมันรู้สึกเสียงไม่ต่างกัน คือแค่มีคะ/ค่ะ นะ/น่ะ ละ/ล่ะ อะไรจำพวกนี้มานี้กูอ่านออกเสียงไม่เป็นหมดเลยทุกอย่างออกเสียงเหมือนกัน เอาจริงคือกูก็พึ่งมารู้ตัวจนคนบ่นเยอะๆแล้วแบบ หือ มันเสียงต่างกันด้วยเหรอ?
ปล.กูควรบอกมั้ยว่ากูผันวรรณยุกต์ไม่เป็น
ปปล.กูพึ่งมาแยกคะ/ค่ะออกได้ด้วยคำว่าโยคะ(มีคนบอก) แต่กูก็นึกถึงโยคะแค่ตอนที่ต้องพยายามเขียนให้ถูก เวลาอ่านปกติกูก็ยังแยกคะ/ค่ะในหัวไม่ออกเหมือนเดิม

97 Nameless Fanboi Posted ID:O6RwRemiQ

กูเห็นคนทวิตว่า จ้ะ เนี่ย ทุกคนออกเสียงเป็น จ่ะ กันอยู่แล้ว กูเลยสงสัย พวกมึงออกเสียงจ้ะว่ายังไงกันวะ ของกูจ้ะก็จ้ะ จะก็จะ และจ่ะเนี่ยไม่มี

98 Nameless Fanboi Posted ID:qR0UE7lvC

>>97 จ่ะ,จ้ะ,จ๊ะ ==>จ๊ะ...

99 Nameless Fanboi Posted ID:GOCLEsoZn

>>97 จ่ะ มันออกเสียงว่า จะ ไม่ใช่เหรอ

100 Nameless Fanboi Posted ID:5EYSib1bi

>>95 สมัยเด็กน้อย กูเคยถามเพื่อนที่เรียนภาษาไทยมาด้วยกันว่าทำไมถึงเขียนนะค่ะในประโยคคำพูด เพื่อนกูบอกว่าคนอื่นเขาก็เขียนกันแบบนี้ แล้วจากนั้นกูก็เห็นคำว่านะค่ะมากขึ้นเหมือนเป็นเทรนด์อะไรสักอย่าง กูก็เลยทึกทักเอาเองว่าคำว่านะค่ะเนี่ยมันเกิดเพราะคนใช้ตามๆกันมาจนชินไปแล้ว แต่ถ้าค่ะกับคะ ที่ใช้ไม่ถูกเฉยๆนี่กูคิดว่าเขาใช้ผิดเพราะผันวรรณยุกต์ไม่ถูกเหมือนกัน

101 Nameless Fanboi Posted ID:QmCPabfqp

>>97 อักษรกลางคำตาย รูปสามัญ ออกเสียงเอก ไม่ใช้รูปเอก ส่วนรูปอื่นๆผันและออกเสียงตามปกติ
ดังนั้น จะ(ออกเสีนงเอก). จ่ะ(ไม่ใช้). จ้ะ(รูปโทเสียงโท) จ๊ะ(รรูปตรีเสียงตรี) จ๋ะ(รูปจัตวาเสียงจัตวา แต่คำนี้ไม่มีความหมายเลยไม่เห็นที่ใช้)

102 Nameless Fanboi Posted ID:eEGjFz2tB

>>100 เออไอ้ นะค่ะ นี่ด้วย ทำกูหงุดหงิดมาก เลิกอ่านเลยว่ะ แต่บางทีก็เสียดายพล็อต

103 Nameless Fanboi Posted ID:7ayh5rXkx

ส่วนนึง​เพรา​ะคนแยกไม่ออกระหว่างภาษาพูด​กับภาษา​เขียนด้วยมั้ย
คิดแต่ว่าวิบัติ​เพื่ออารมณ์ ออกเสียงแบบไหนเขียนแบบนั้น​ ไม่ยึดว่ามันถูก​มั้ย เขียนแบบนี้น่ารักกว่า บลาๆๆ

104 Nameless Fanboi Posted ID:NMZyxGP7l

>>103 มั้ย คือภาษาพูดปล่าววะ แล้ว ไหม คืออะไร ภาษาเขียน?

105 Nameless Fanboi Posted ID:wl91xIcG9

>>95 การล้มเหลวในการสอนเรื่องการผันวรรณยุกต์ ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหามากเพราะเด็กไทยรุ่นใหม่ไม่รู้อะไรคืออักษรสูง กลาง ต่ำ และไม่เข้าใจภาษาทางการกับภาษาพูด

>>97 เหมือน อะ ไม่มี อ่ะ

>>101 +1

>>104 มั้ยคือภาษาพูด ไหมคือภาษาเขียน สามารถอนุโลมกรณีในเครื่องหมาย "..."

สังเกตอีกคำที่กำลังจะเป็นปัญหา "เมื่อไหร่" เห็นเริ่มพิมพ์ตัวนี้กันเยอะขึ้น

106 Nameless Fanboi Posted ID:Y1MLo+OIK

>>105 กูอยากสารภาพว่ากูเรียนรุ่นเก่าแต่กูก็ไม่เข้าใจเรื่องการผันวรรณยุกต์ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฮือออออ
ตอนที่ >>101 อธิบายกูนี้คิดเลย ไอ้เสียงโท เสียงเอก นี้มันคือเสียงยังไงวะ//ทำหน้าตาเลื่อนลอย

107 Nameless Fanboi Posted ID:1flYwjd1O

>>106 มึงอ่านหนังสือแต่เด็กปะ คือกูอ่านหนังสือแต่เด็กเลยไม่สับสนเรื่องการใช้ภาษาอะ

108 Nameless Fanboi Posted ID:UppSPf6Le

>>106 เวลาผันเสียงวรรณยุกต์ เริ่มต้นลองผันอักษรกลางคำเป็นก่อนอ เช่น
กา. ก่า. ก้า. ก๊า. ก๋า
เสียงมันจะไล่เคล้ายโน้ตดนตรี เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท. เสียงตรี เสียงจัตวา
ส่วนรูป ก็ที่เราเขียน รูปสามัญ(ไม่มีวรรณยุกต์). รูปเอก (่). รูปโท (้). รูปตรี (๊). รูปจัตวา(๋)

วิธีที่ง่ายคือการไล่เสียงเอาให้ครบ. เวลาจะใช้งานก็ค่อยนึกถึงหลักภาษาที่เป็นข้อกำหนด
อย่างอักษรสูง อักษรต่ำ ใช้แต่ไม้เอก กับไม้โท เท่านั้น คำไหนไม่มีใช้ตัวอื่นแทนเพื่อให้เสียงครบ

ผันไม่เป็นถ้าอ่านไม่มากแต่เด็กเป็นเรื่องธรรมดา คาดว่าเป็นผลผลิตของยุคบัตรคำ จำเป็นคำๆ สะกดแบบจำการเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ไม่ใช้ตัวสะกด
การจำคำเยอะๆ หลายๆคนจะมีปัญหาการเชื่อมโยง มันเป็นเรื่องของสารเคมีในสมอง ทำให้การเชื่อมของสมองสองซีกทำได้ยากหน่อย
ไม่เกี่ยวกับไอคิว อีคิว หรือสารพัดคิว

109 Nameless Fanboi Posted ID:qxUiEJ24+

>>107 อ่านน่าจะเยอะละมั่ง แต่มานึกดูการอ่านออกเสียงในหัวของกูมันก็บรรลัยตั้งแต่เด็กเลย กูสามารถอ่านเซราวี กลายเป็นเดวิด(หรืออะไรจำพวกนี้)ได้หน้าตาเฉย
>>108 นั้นแหละที่กูทำไม่เป็น กูสามารถผัน กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า เป็น กา ก๋า ก๊า ก่า ก้า ได้หน้าตาเฉยมาก(ตอนทำข้อสอบกูจำได้ว่าเจอเรื่องนี้ปุ๊บก็มาจ้ำจี้มะเขือเปาะเลย)
ปล.กูว้ากูยังอยู่ในบุคที่สอนแบบ ม เอือ ง เมือง อะไรงี้นะ
ปปล.อนึ่งกูก็อยากแก้แหละ แต่ส่วนหนึ่งในหัวกูก็บอกว่า เรื่องแค่นี้ทำไมต้องแก้วะ(แย่มากๆ)

110 Nameless Fanboi Posted ID:ZGjjxZG+s

Ky ขอถามโม่งที่เคยตีพิมพ์ ถ้านิยายมีภาคต่อ 4 ภาค แต่กูแต่งจบ 2 ภาค ส่งให้สนพ.พิจารณาได้ปะวะ หรือต้องแต่งให้ครบสี่ภาคแล้วค่อยส่ง

111 Nameless Fanboi Posted ID:uWGrG7+Bx

>>109 ไม่ใช่หมอ แต่ขอเดาจากข้อมูลว่าน่าจะเป็นแอลดีแบบอ่อนๆไม่รุนแรง เลยติดขัดแค่การเชื่อมโยงเสียงกับตัวอักษร ถ้าอยากแก้แนะนำให้ไปดูยูทูปที่สอนการผันวรรณยุกต์ของเด็กประถม น่าจะเริ่มที่ ป.2 เค้าสอนไล่เสียง แต่ทำใจนิดนึงสอนเด็กเล็กๆ อาจน่าเบื่อบ้าง
ต้องฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนๆ แต่ไม่นาน ประมาณให้สมองมันสร้างลิงค์ได้ สามเดือนน่าจะได้ผลเน้นความสม่ำเสมอ
หมอเคยเอาภาพmri ของสมองก่อนและหลังการฝึก มาให้ดูการทำงานของสมองที่เปลี่ยนไป

112 Nameless Fanboi Posted ID:wl91xIcG9

>>109 ต้องผันอักษรกลางให้ได้ก่อน คือต้องจำอักษรกลางให้ได้ก่อน (กลางเป็นกลางตายไปว่ากันอีกที) ถ้าจำอักษรกลางไม่ได้จะไปต่อ สูง ต่ำ ไม่ได้ ตอนเรียนครูสอน ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง คือ ก จ ด ต ฎ ฏ บ ป อ

113 Nameless Fanboi Posted ID:0vntg9sT0

จ่ะ กุใช้กรณีเป็นคำพูดประมาณประชดนิดๆ ประมาณว่า จ่ะ เอาที่สบายใจ ประมาณนี้ แต่ถ้านับตามจริงคำนี้มันไม่มีหรอก ถ้าเขียนนิยายก็ไม่ควรจะใช้ เหมือนเป็นคำสำหรับแชททั่วๆไปมากกว่า ส่วนออกเสียงของกุ จ้ะ จ๊ะ ไม่เหมือนกันว่ะ เหมือนเจ้ เจ๊ ไม้โทสำหรับกุเสียงจะต่ำกว่าหนึ่งระดับ

ส่วนคะ/ค่ะ เมิงควรทำใจตั้งแต่ครูสมัยใหม่ยังใช้ผิดๆถูกๆละว่ะ กุนี่งงเลยเรียนภาษาไทยกันมายังไงวะ น่าจะเกี่ยวกับพื้นฐานการสอนแล้วล่ะกุว่านะ พวกนี้ เพราะกุสังเกตุดูรุ่นหลังๆกุไปนิดหน่อยจะยังไม่มีปัญหากัน ไม่นับพวกสก๊อยที่จงใจนะ พอรุ่นหลังจากนั้นไปปั๊บ คืออ.ที่สอนรุ่นเราๆเกษียณไปหมดแล้วไง เวลากุไปดูรร.เก่านี่แบบมีแต่อ.วัยรุ่นๆ ผลก็ตามน้านนน แต่มีที่ดีๆมีไหมก็คงมี แต่สมัยนี้ไม่เข้มงวดเท่ารุ่นก่อนๆแล้วควรจะทำใจ อ.ทำไรมากไม่ได้เลยตีก็ไม่ได้ นุ่นนี่ก็ไม่ได้

พวกคำพูดคำเขียนกุยังมึนๆเลยถึงเวลาก็ไปเปิดเช็คเอาง่ายกว่า บางทีใช้จนชินก็ลืมไปว่านี่มันคำสำหรับพูด

114 Nameless Fanboi Posted ID:u3rn455/G

>>113 ตั้งแต่เห็นอ. มหาลัยกูใช้ผิดกูก็ปลงละ

115 Nameless Fanboi Posted ID:0ClCw3Uwi

>>110 อีกสองภาคที่เหลือลองส่งแค่พล็อตไปก็ได้มั้ง

116 Nameless Fanboi Posted ID:vj3VRWUq3

กูเห็นเรื่องการผันเสียงวรรณยุกต์แบบผิดๆแล้วเซ็งว่ะ มันเป็นเรื่องที่เรียนตั้งแต่ประถมเลยนะ โตมาแล้วยังใช้ไม่เป็นอีกเหรอ อย่างคนแก่ๆเรียนน้อยอะไรอย่างงี้ยังพอว่า แต่คนสมัยนี้ที่มีการศึกษาหรือเด็กที่เรียนพิเศษมาเยอะแยะยังใช้ผิดอีก แสดงว่าอ่านหนังสือไม่ออกป้ะวะ ไม่งั้นมันก็ต้องใช้รูปวรรณยุกต์ถูกเสียงดิ ถ้าเสียงมันออกเหมือนกันจะใช้วรรณยุกต์ต่างกันทำไม

117 Nameless Fanboi Posted ID:aK4VHKNE/

>>110 ตอบนะมึง
แนะนำว่าถ้ามึงเป็นนักเขียนหน้าใหม่และไม่ได้มีติ่งตามเป็นหมื่นเป็นแสน ควรจะเขียนให้จบก่อนค่อยส่งเรื่องพิจารณาเพื่อเซฟตัวเอง แต่ถ้าเรื่องไหนยอดวิวหลายแสนหรือหลักล้าน มึงสามารถลองดูได้

118 Nameless Fanboi Posted ID:aK4VHKNE/

ส่วนคำว่า จ่ะ อักษรกลางไม่มีคำตายวรรณยุกต์เอกนะถ้ากูจำไม่ผิด อ่ะ จ่ะ อะไรพวกนี้ใช้ไม่ได้ มีช่วงหนึ่ที่มีคนตั้งมู้ในเด็กดีเพื่ออธิบายอะ ลองค้นดู

119 Nameless Fanboi Posted ID:Ytlj/Ohd8

>>117 ขอบใจมากสหายโม่ง กูเป็นนักเขียนหน้าใหม่ยอดแฟนหลักร้อยเอง คงต้องแต่งให้จบก่อนส่งละนะ

120 Nameless Fanboi Posted ID:eXyl9lImN

กูเจอปัญหานี้มานานมากจนรู้สึกตัวเองเป็นพวกหัวรุนแรงแล้วอะมึง กูรู้สึกว่าคนเขียนคะค่ะผิดมันโง่ เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเตือนแล้วไม่ปรับปรุงกูก็ยิ่งหงุดหงิด
ยังไงกูก็เลิกมองคนใช้ผิดว่าโง่ไม่ได้สักที ทำไงดีวะ

121 Nameless Fanboi Posted ID:mozUDcu8r

>>120 ถ้าไม่แนวโน้มว่าชอบใช้ผิดอย่างจงใจ มองใหม่ว่าเป็นคนป่วย เป็นอาการของคนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ทางด้านภาษา (มีราวๆ10%)และไม่ได้รับการรักษาเยียวยาจากครูผู้เชี่ยวชาญ เพราะถ้าไม่ใช่2สาเหตุข้างต้นเป็นได้ว่าไอคิวต่ำกว่าค่าเฉลียมาตรฐาน น้อยว่า90

122 Nameless Fanboi Posted ID:Puq/lPz.X

>>120 หลายคนไม่ได้โง่ แต่ดื้อก็เยอะ ยิ่งมีคนไปด่ายิ่งไม่แก้อีโก้สูงเทียมฟ้ากันจะตาย คนโง่กุเฉยๆ หลายคนอาจจะแค่ไม่รู้ก็ปรับปรุงกันได้ ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่างหรอก แต่พวกดื้อด้านไม่ฟังใครนี่สิ น่าเบื่อกว่าเยอะ

123 Nameless Fanboi Posted ID:3AVD5KfTN

กูหงุดหงิดเพื่อนกูมาก คือกูก็ไม่ได้อยากเป็นแกรมม่านาซีนะ แต่มั้ย-->ไม๊ คะค่ะใช้ผิด น่ะค่ะนะคะยิ่งไม่รู้เรื่อง วิจารณญาณก็เป็นวิจาลนยาน คือมึงช่วยค้นหาคำถูกก่อนพิมพ์ทีเถอะ ในหัวกูนี่ขีดตัวแดงรัวๆเลย

124 Nameless Fanboi Posted ID:STR3QAW+c

ไม้ยมกในคำพูดนี่เขียนยังไงวะ สงสัย "ยนยบ ๆ " กับ "ยนยบ ๆ"
แล้วเครื่องหมาย ? ! ก็แบบเดียวกันใช่ไหม กูไม่มีปัญหากับการบรรยายนะ แต่พอในวงเล็บแล้วดูไม่สวยแปลกๆ เลยไม่แน่ใจ

125 Nameless Fanboi Posted ID:NEML.8.OY

>>105 เมื่อไหร่ผิดยังไงว่ะ พจนานุกรมยังมีเลยมึง
http://www.royin.go.th/dictionary/

>>120 +1 ค่ะ คะไม่ถูกกูก็มองว่าโง่ว่ะ กูไม่รู้ว่ามีโรคอะไรแบบนี้ด้วย แต่ถ้ามึงเป็นโรคนี้แล้วรู้ตัวเวลาเขียนมึงก็ช่วยไปเปิดพจนานุกรมหน่อยได้ไหมวะ สรุปคือไม่โง่ก็ขี้เกียจสินะ
จ่ะ กูก็ไม่เข้าใจ มันต้อง จ้ะ นิ อีกอันก็ ชั้น ก็รำคาญมาก
ต้องโทษพวกสก๊อยแหละ ใช้คำผิดแล้วนึกว่าเท่ นาน ๆ เลยนึกว่าถูก
แต่ตอนนี้อย่างน้อย ปล่าว ก็ตายไปแล้วนะ ต่อไปพวกคำผิดอื่นก็อาจตายตามก็ได้ (สาธุ)

126 Nameless Fanboi Posted ID:g8sMsFZgf

>>105 เมื่อไหร่ อ่ะถูกแล้วมึง ไม่ได้ผิดเลย กูหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคนพิมพ์ว่า เมื่อไร ด้วยซ้ำ มึงลองอ่านออกเสียงดังๆ สิ แล้วมึงจะรู้ว่ามันผิดยังไง
>>123 คำว่ามั้ย ของมึงก็ผิด มันเป็นภาษาพูด ถ้าอยากให้ถูกต้องเป็น ไหม
กูรำคาญทุกครั้งที่เห็นคนพิมพ์อะไรเล็กๆ น้อยๆ ผิด (ถ้าพิมพ์ผิดไม่ได้ตั้งใจนี่เฉยๆ) มันบ่งบอกถึงสติปัญญาคนพิมพ์อ่ะ แต่กูก็ขี้เกียจไปนั่งไล่แก้ทุกคน ทำตัวเป็นแกรมม่านาซีนะมึง กูเลยปลง คิดซะว่า คนเราสติปัญญาไม่เท่ากันแล้วกัน

127 Nameless Fanboi Posted ID:PYUF4tGs9

>>126 เมื่อไรก็ถูกนะมึง มันเป็นคนละคำ ออกเสียงคนละแบบ แต่ความหายเหมือนกัน คำประเภทนี้ก็มี ซ่าหริ่ม-ซาหริ่ม (แต่คนเรียกสะหริ่ม) คาคบไม้-ค่าคบไม้
โปรดไปฟังเพลงกว่าจะรักค่ะมึง

128 Nameless Fanboi Posted ID:EaLGKhfVM

>>126 บางทีกูก็ใช้เมื่อไรนะ และออกเสียงสามัญว่า ไร ตามรูปที่เขียนด้วย ไม่ได้ออกเสียงเอกว่า เมื่อไหร่ คือใช้ตอนพูดเล่นๆกับคนสนิทกันเหมือนแบบภาษาโบราณไรเงี้ย ไปเมื่อไร ว่างเมื่อใด ฯลฯ

ส่วนมั้ยที่ >>123 พูดอะ น่าจะหมายถึงหงุดหงิดที่เขียนว่า ไม๊ ว่ะ เพราะ ม ม้ามันใช้กับไม้ตรีไม่ได้ ถ้าจะเขียนก็ต้อง มั้ย เวลาเห็นพวก ไม๊ ค๊ะ กูก็หงุดหงิดเหมือนกัน

129 Nameless Fanboi Posted ID:g8sMsFZgf

>>127 >>128 เออกูพลาดเลยตรงนี้ แต้งพวกมึงมากๆ ที่มาบอก
ส่วนคำว่า มั้ย ไม๊ กูว่าสองคำนี้จริงๆ มันก็ผิดนะ เพราะไม๊ มันไม่มี ส่วนมั้ย มันก็ภาษาพูด ถ้าจะพิมพ์/เขียน ยังไงก็ต้อง ไหม อ่ะ

130 Nameless Fanboi Posted ID:QXgq8BS6n

>>129 มั้ยกูจำยอม แต่ไม๊ศรีจะไม่ทนค่ะ

131 Nameless Fanboi Posted ID:PC0tjE98f

>>126 ไม่ๆ คือเวลาเขียนกูก็ใช้ไหม แต่ถ้ากูพิมพ์เชิงบ่นหรืออะไรงี้กูก็จะใช้มั้ย มันออกเสียงได้อารมณ์กว่า แต่คือไม๊นี่กูไม่ไหวจริงๆว่ะ...
(กู>>123)

132 Nameless Fanboi Posted ID:/MSHTIilW

แล้วถ้า "ไปตื๊บคนมา" ต้องเปลี่ยนไป "ไปกระทืบคนมา" รึเปล่า เพราะถ้าเป็นกระทืบมันไม่ได้สำนวนตัวละครเลย

133 Nameless Fanboi Posted ID:XMR4zH2bL

>>129 มั้ย กูว่าไม่ผิดนะถ้าไม่ใช่ในงานเขียน ทางการหรือบทบรรยาย อย่างให้ตัวละครพูดว่า "เธอจะไปกินข้าวกับฉันไหม" หรือ "แกๆ วันนี้ไปกินข้าวบ้านฉันมั้ย" มันก็โอเคทั้งคู่อะ
>>132 ตื๊บหรือตื้บ มึงเอาให้ชัวร์ก่อน

134 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>132 ต้องดูว่าเป็นบทพูดหรือบรรยาย ถ้าบทพูดก็แล้วแต่ตัวละครอีกว่าแนวไหน ถ้าปูมาว่าลักษณะนิสัยชอบใช้คำประมาณนี้ก็ไม่ผิดอะไร

135 Nameless Fanboi Posted ID:Zvz8CVVVa

>>124 ไม่ต้องเว้นวรรค "ยนยบ ๆ" ถูก หลัง"...!" "...," "...?"

136 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

ถามนิด ตอนนี้กุแต่งไปได้สักพักแล้วแต่ชื่อเรื่องยังไงก็นึกไม่ออกไม่ค่อยถูกใจ หรือไม่ก็ดูไม่เข้ากับเรื่อง ปกติมีหลักการตั้งกันยังไงบ้าง

137 Nameless Fanboi Posted ID:5WUOTcMpQ

>>136 เคยตั้งว่า 'ยังนึกชื่อไม่ออก' อยู่พักจนกระทั่งเขียนไปร่วม30ตอนแล้วถึงเปลี่ยนชื่อเพราะคิดชื่อออก....
เอาใหม่ๆ ถ้านึกไม่ออกจริงๆเอาชื่อตัวเอกมาตั้งก็ได้แล้วใส่คำที่มันบอกธีมของเรื่องไป

138 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>137 หรือกุควรเขียนๆไปก่อนค่อยนึกชื่อดีเนี่ย 30ตอนนี่เยอะอยู่นะ 555+ ธีมเรื่องยังหาคำที่สื่อได้ไม่ครบเท่าไหร่ แต่งๆไปอาจจะนึกออกก็ได้มั้ง

139 Nameless Fanboi Posted ID:5WUOTcMpQ

>>138 ตั้งแบบที่พอใช้ได้ไปก่อนก็ได้แล้วถ้าตอนหลังนึกได้อันที่ดีกว่าค่อยไปเปลี่ยนก็ยังไม่สายทางนี้เปลี่ยนตั้งสามรอบ =3= แต่อย่าบ่อยกับถี่เกินเด๋วคนอ่านจำเรื่องไม่ได้เอาที่สำคัญอย่าเปลี่ยนหักดิบเกินจนมันไม่เหลือเค้าของชื่อเดิมด้วยเป็นดีที่สุด

140 Nameless Fanboi Posted ID:S3DGQ0MVt

>>139 น่าสนใจอยู่แบบนี้ จะตั้งว่านึกไม่ออกแบบโม่งบนก็สงสารคนอ่าน

141 Nameless Fanboi Posted ID:Kj2TWMvap

KY หน่อยยย มีอาชีพไหนในโลกนี้ที่มันไม่ ต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่นมากป่ะ คือพระเอกกูมันต้องเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครทำงานอยู่บ้านแต่มีเงินอ่ะ นอกจากนักเขียนแล้วกูนึกไรไม่ออกเลย
กราฟิคดีไซน์ ถาปนิก โปรแกรมเมอร์พอได้ป่ะ

142 Nameless Fanboi Posted ID:qJxql2wXu

กูกลัวการเขียนเรื่องยาวๆมาตลอด กูเคยเขียนแต่ตอนเดียวจบ บางทีก็สั้นบ้าง ยาวบ้างแต่ไม่เคบเกินตอนเดียวซะที กูอยากเขียนนะแต่กลัวจะวางพลอตไม่ถูกว่ะ กูไม่เก่งเรื่องอะไรที่มันซับซ้อนเอาซะเลย จะเขียนแค่สองสามตอนจบยังไม่ไหว พวกมึงมีอะไรจะแนะนำไหม แบบควรเริ่มต้นยังไงดี

143 Nameless Fanboi Posted ID:Zvz8CVVVa

>>141 นักแปล เล่นหุ้น?

144 Nameless Fanboi Posted ID:/MSHTIilW

>>133 >>134 ใจมาก ตื้บๆ

145 Nameless Fanboi Posted ID:WK9+gjlB2

>>141 ไม่แนะนำสถาปนิก กับสายออกแบบ ต้องคุยกับคนเยอะมีทีม มีae มีสาระพัด
นอกจากพวกวาดรูปในเน็ตขายต่างชาติใน daไรพวกนี้นะ

146 Nameless Fanboi Posted ID:Yg41PShY3

>>141 เล่นหุ้น

147 Nameless Fanboi Posted ID:7R.oyl/gY

>>126 เมื่อไร คือคำเก่าที่ถูกปะวะมึง เมื่อไร เท่าไร กระไร นั่นประไร
เมื่อไหร่ คือพิมพ์ตามเสียงที่พูดเพี้ยนกันมา จนกลายเป็นถูก
กูคิดว่าเป็นแบบเดียวกับ ฉัน ที่ออกเสียงเหน่อเป็นชั้น แล้วดันกลายเป็นคนที่เหน่อคือคนกรุงเทพ คนภาคกลางที่ออกเสียงฉันถูกต้องเลยกลายเป็นโดนล้อว่าเหน่อแทน

148 Nameless Fanboi Posted ID:Kly1J96yy

>>141 เป็นนีท พ่อแม่รวย

149 Nameless Fanboi Posted ID:LIgv9kWs.

>>141 โปรแกรมเมอร์รวยนะมึง แบบสายหาบัคโประแกรมต่างๆอะ ได้รอบนึงเป็นแสนๆ

150 Nameless Fanboi Posted ID:LIgv9kWs.

กุเจอปัญหาว่ะ ตอนนี้กุเอาแต่ build world ไปจนเกือบทั้งเรื่องละ แบบว่ามีเรื่องตรงกลางแล้ว แต่ไม่มีต้นเรื่องเลย ไม่มีตัวเอก สรุปกุมาผิดทางแล้วใช่มะ

151 Nameless Fanboi Posted ID:WO/711nzi

>>141 ฟรีแลนซ์ไปเลยเหอะ

152 Nameless Fanboi Posted ID:c9a1Xek0S

>>150 ไม่หรอก ก็ค่อยๆประกอบไปทีละส่วนก็ได้เมิง ก็อยู่ที่จะดำเนินเรื่องแบบไหนมุมมองไหน ค่อยๆคิดไป ไม่ได้รีบนิ กุก็ช้าๆสโลวไลฟ์ ค่อยๆไปเหมือนกัน นึกตรงไหนออกก่อนก็เขียนไปก่อน ที่ไม่ออกก็ช่างมัน แล้วถ้ามันดูไม่เข้ากันก็ค่อยๆแก้ไปทีละนิดๆ ต้นเรื่องมันก็สำคัญ เมิงอาจจะเอาเหตุการ์ณพีคๆมาใส่ให้ดูน่าติดตามแล้วค่อยกล่าวย้อนก็ได้

153 Nameless Fanboi Posted ID:bQu1a1EAv

Ky ถ้ากูจะขายนิยายเรท 15+ กูควรขายที่เด็กดีหรือนิยายรักวะ อย่าแนะนำธัญวลัย เพราะนิยายกูเรทไม่สูงขนาดนั้น

154 Nameless Fanboi Posted ID:bVQ9N804U

>>153 กูเรท 15+ โดนเด็กดีดีดออกไม่ให้ขาย (พ่วงด้วยแบนตอนเรทกูด้วย) กูเลยเอาไปลง fiction log กับทำอีบุ๊คขาย meb (ธัญฯ ไม่ไหวเหมือนกัน)

155 Nameless Fanboi Posted ID:rhluiQUnz

>>150 กุว่าถามตัวเองก่อนเถอะว่าอยากจะเล่าอะไร สามอย่างที่อยากให้มีอยู่ในนิยายตัวเอง ตอบได้ไหมว่าคืออะไร แต่ถ้ายังไม่มีอะไรจะฟุ้งไปเรื่อย ๆ ก็ตามสบาย แต่สุดท้ายระวังเถอะ เมิงจะอยากเล่าทุกอย่างที่คิดมาแล้ว คนอ่านไม่สนุกไปกับมันด้วย

156 Nameless Fanboi Posted ID:vp6dEDssY

>>153 นิยายรักใช่เว็บนี้ปะ http://www.niyayrak.com

ระบบคล้ายเด็กดีนะ

157 Nameless Fanboi Posted ID:F3X4bN4+e

>>155 กุ150

กุสร้างระบบของโลกนิยายเอาไว้ สร้างไว้เป็นดาต้าเบื้องหลังอะ แต่รู้จะหย่อนมาข้างหน้าได้เท่าไหร่ แต่ละอันไม่ได้เกี่ยวกันตรงๆอะ

158 Nameless Fanboi Posted ID:vaWiwS6QQ

>>157 ถ้าเซ็ตโลกไว้เป๊ะ สำนวนต้องเป๊ะตามด้วยนะ ให้อารมณ์แบบไฮ แฟนตาซีอะ คือมันจะมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชอบเสพงานพวกนี้

ถ้าสำนวนไม่ดีพอ คนพวกนั้นมันก็อาจไม่อ่าน ส่วนพวกที่อ่านก็อาจเป็นนักอ่านที่คุณภาพรองลงมาหน่อย ซึ่งมึงอาจเจอคอมเมนต์เหี้ยๆ แบบ "อะไรกันนักหนา" ทำนองนี้ได้

159 Nameless Fanboi Posted ID:A8dnevPjt

>>158 นั่นแหละที่กุกังวล เพราะบทพูดเริ่มยั้วะเยี๊ยะละ แก้ไปสามรอบเหมือนจะยังไม่เคลียร์ อาทิตย์ละกันกู ไม่ไหว
เล่นmass effect หาไอเดียไปเรื่อยๆก่อนดีกว่า

160 Nameless Fanboi Posted ID:GBqU1srG6

กูมีพลอตมีเนื้อหาในหัวนะ แต่พอจะเขียน ทำไมมันตีกันจนเขียนไม่ออกเลยวะ หลายครั้งรู้สึกว่าตัวเองเขียนอะไรวกไปวนมาชอบกล บางทีก็รู้สึกเหมือนมันสื่อความหมายออกมาได้ไม่เต็มที่เหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ว่ะ แก้ไงดีวะ พอมีทางมั้ยเนี่ย 555

161 Nameless Fanboi Posted ID:Lw6UN+/XK

>>160 ทำสตอรี่บอร์ด ลำดับเป็นช่วงๆแม่งไปเลย

162 Nameless Fanboi Posted ID:oe7RZGp76

กูเขียนนิยายแนวจีนในเด็ก...ตั้งแต่สามสี่ปีก่อน ที่กระแสนังไม่แรงขนาดนี้ แต่ด้วยนู่นนั่นนี่ ทั้งปป่วยทั้งงาน อีกอย่างคือ กูรู้สึกว่า ตอนนี้ แนวนี้โหล บวกกับกูคิดว่า นิยายกูไม่จีนพอด้วย กูเลยดองยาว ทีนี้ มีคนมาทวง กูรู้สึกผิด แต่พอจะกลับไปแต่งต่อ ก็นึกถึงคำว่า จีนเสิ่นเจิ้น ลอยมาเลย ทำไงดีวะ ปล.กูรักนิยายของกูเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องแรกที่คนตามเยอะ จะลบทิ้งก็เสียดาย

163 Nameless Fanboi Posted ID:Gc6s3O4Cr

>>162 (คิดว่าคนเขียนเรื่องที่กูตามอยู่อาจจะคือมึงก็ได้...ดอง2ปี)
ถ้าใช่ เขียนต่อเถอะนะ นักอ่านรออยู่

164 Nameless Fanboi Posted ID:oe7RZGp76

>>163 ไม่ใช่ๆ กูดองไปครึ่งปีเอง แต่ปีที่แล้ว ลงไปไม่กี่ตอน ตกใจ คิดว่า เจอคนทวงอีก ถถ

165 Nameless Fanboi Posted ID:TLm72W6xP

>>162 เขียนให้จบ เพราะไม่ว่าจะดีเลิศยังไง ยังไงก็หนีไม่พ้นพวกสูงส่ง ที่วิจารณ์งานคนไทยว่าเป็นแค่จีนเสิ่นเจิ้นไปไม่ได้หรอก
แคร์มาก ปวดสมองเปล่า เขียนแค่ให้มีคนอ่านที่ชอบงานเขียนของเราก็พอ
เพราะไม่ว่าจะเขียนยังไง ถ้าเป็นเรื่องอยู่ในกระแส ก็จะถูกด่าว่าไปลอกเขามา เอาไว้ก่อนเสมอแหละ

166 Nameless Fanboi Posted ID:qfTT73XVT

ไปสายวายมา คนไม่ค่อยเหยียดงานคนไทยกันเองว่าเสิ่นเจิ้น เห็นแล้วรู้สึกสบายใจกว่าแยะ ถถถถ

167 Nameless Fanboi Posted ID:y+ialn64f

>>166 สายวาย แฟนคลับกลายเป็นน่ารักกว่าทุกสาย ตั้งแต่เรื่องกระเป๋าหนักแล้ว
แถมไม่ค่อยโดนเถื่อนมาให้ช้ำใจอีก

168 Nameless Fanboi Posted ID:o2nmLSxsY

แน่ใจเหรอว่าไม่มี ถามเพื่อความชัวร์เฉยๆนะ 555

169 Nameless Fanboi Posted ID:AOzglBDNY

ก้เขียนไว้นะว่า"ไม่ค่อย" กุรุ้แจ้ว่ามันมี แต่ห้อง801น่ารักจิงๆหนิ

170 Nameless Fanboi Posted ID:AA6Y60nU2

>>165 ขอบคุณมาก กูพยายาม

171 Nameless Fanboi Posted ID:D5dayGrMe

ในนี้มีใครส่งผลงานไป ARC Award บ้างปะวะ?

172 Nameless Fanboi Posted ID:i3GH0s4gm

>>162 กุก็เขียนอยู่นะ แต่กุเขียนสนองนี้ดตัวเอง ยังไม่ได้ลงเว็บ เพราะชอบอู้ ตอนนี้ก็อ่านๆเกลาๆไปเองก่อน พอใจแล้วไปสักครึ่งเรื่องกุว่าค่อยจะลง แต่ถึงกุจะแต่ง แต่กุก็ด่าชาวบ้านอยู่ดีนะ 555 แต่กุด่าพวกที่แต่งตามกระแสนะ แบบไม่หาข้อมูลห่าไรเลย กระทั่งนิยายแปลจีนยังไม่เคยอ่านงี้ ใช้คำสลับไปมา กุไม่ซีเรียสถ้าใช้คำไทยชื่อจีน แต่ความคิดตัวละคร สภาพแวดล้อมมันจีนก็โอเค ส่วนใหญ่ที่ด่าๆกันเพราะมันคือนิยายไทยชัดๆไง ทั้งความคิดตัวละคร สภาพแวดล้อมทางสังคม บลาๆ ยิ่งถ้าอ่านนิยายแปลมาเยอะๆมันจะอ่านๆไปตะหงิดๆไปเป็นจุดๆ ทำเอาหมดอารมณ์ กุอธิบายงงไหมวะ เหมือนพวกนิยายธีมฝรั่ง มาเฟีย บลาๆ น่ะแหละ แม่งความคิดไทยจ๋ามาเชียว แค่เปลี่ยนชื่อตัวละคร ถ้าคิดว่าไม่เข้าข่ายก็ปล่อยเบลอไป อย่าไปคิดมากเว้ย อีกอย่างหลายคนที่ด่าๆน่ะคาดหวังไง พอแบบเออมีคนชมเยอะลองไปอ่านดู ก็เจออารมณ์แบบนี้ แม่งก็เซงไง ที่สำคัญคือหลายรอบด้วย น๊านนานจะมีพวกงานดีออกมาที ก็จะแต่งช้า แต่กุไม่ซีเรียสเรื่องช้านะ ถ้ายังแต่งต่อแล้วคุณภาพกุโอเคกว่าพวกแต่งไวๆแล้วแบบ อืมมม

173 Nameless Fanboi Posted ID:xDgrbnyNF

ช่วยกูคิดชื่อนิยายหน่อยสิเพื่อนโม่ง แต่งจนจบละแต่ก็ไม่รู้จะเอาชื่อไรดี
เรื่องย่อก็ประมาณว่า พระเอกเป็นนักวิทย์ย้อนเวลากลับไปช่วยนางเอกที่ตายไปแล้วให้รอด แต่ปรากฏว่าพอย้อนกลับไปจริงๆตัวเองดันไปเจอตัวเองในอดีต เลยเจอข้อขัดแย้งของเวลาแล้วโดนเด้งไทม์ไลน์ไปจนกลายเป็นผู้หญิงไป เนื้อเรื่องก็จะออกแนวตลก โรแมนส์ ดราม่า รักสามเศร้า ปนไซไฟนิดหน่อย ไปจบตรงพระเอกในร่างผู้หญิงทำให้นางเอกรอดได้ในที่สุด แล้วนางเอกก็ไปคบกับตัวพระเอกในอดีต แต่อดีตก่อนหน้าของพระเอกก็ไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ก็เลยปลงแล้วพอใจกับบทสรุปแล้ว เพราะไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปมากกว่าเพื่อนได้ในร่างนี้ เลยมอบคำยินดีให้ทั้งสองคนแทนในฐานะคนๆใหม่ที่ไม่ใช่ตัวตนเดิมแล้ว คือพระเอกกับนางเอกคือคนๆเดียวกันน่ะ

174 Nameless Fanboi Posted ID:fLttI5yCp

>>173 ย้อนเวลาเพราะว่าอยากเย็ดเธอ

175 Nameless Fanboi Posted ID:0Xrk8cjEk

ผมยอนเวลาไปช่วยเธอแต่ผิดพลาดจนไปเป็นนางเอกแนวไซไฟเลิฟคอมเมดี้
แต่ ผู้หญิงก็รักกันได้ มีเซ็กกันได้ ทำไมมึงพอใจเป็นแค่เพื่อนวะ

176 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

Kyหน่อยนะเพื่อนโม่ง กูขอสอบถามนิดนึง พวกมึงคิดยังไงกับการซื้อadoptไปใส่ในนิยาย
Adoptคือขายไอเดีย เช่น อาวุธ ชุด ตัวละคร แผนที่ ห้อง มอนสเตอร์ ฯลฯ สรุปคือออกแบบทุกอย่างขาย
กูอยากโปรโมทกลุ่มอดอป แต่กูไม่แน่ใจว่าพวกมึงโอเคกับการซื้อไอเดียคนอื่นมาใส่ในนิยายกันไหม
กูขอบคุณคนที่ตอบกูล่วงหน้า

177 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

กู >>176 นะ คือกูเคยเห็นบางคนซื้อตัวละครพวก บอร์ดี้การ์ด เผ่า ไปใส่เป็นตัวประกอบในนิยาย เลยสงสัยว่าพวกมึงคิดยังไงบ้างกับเรื่องนี้ด้วย

178 Nameless Fanboi Posted ID:7+WfUlfLc

>>176 น่าสนใจดี แต่ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับนักเขียน. นักเขียนบางคนอาจถ่ายทอดภาพนอกจากการเขียนอะไรแบบนี้ เรื่องแบบนี้ไม่แน่ใจ ขอรายละเอียดเพิ่ม

179 Nameless Fanboi Posted ID:fLttI5yCp

>>176 มันขายได้จริงๆ เหรอวะ เอาง่ายๆเลยว่าของแบบนี้แม่งจะก๊อบปี้ไปใช้ยังไงก็ได้อะ มึงจะฟ้องร้องยังไงว่านักเขียนคนนี้เอาผลงานของมึงไป ส่วนอีกข้อนึงก็เช่นกัน จะมีนักเขียนคนไหนเหรอวะที่ยอมรับว่า เออเนี่ย นิยายของกูไม่ได้คิดเองทั้งหมดนะ แต่มีการซื้อเอาไอเดียของคนอื่นมาผสมด้วย มันฟังดูทุเรศแปลกๆ ว่ะ

180 Nameless Fanboi Posted ID:4shS1RNXi

>>178 ขอบคุณที่สนใจค่ะ
Adoptable คือการดีไซน์ทุกอย่างอย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งคนที่ทำอดอปมาขายส่วนใหญ่ก็จะวาดรูปออกมาเพื่อให้ง่ายต่อการถ่ายทอดดีไซน์ที่ออกแบบมา โดยจุดที่เราคิดว่านักเขียนน่าจะสนใจนอกจากพวก ดีไซน์ชุด อาวุธ ตัวละคร(บางคนก็กำหนดนิสัย บางคนก็ไม่กำหนด) คือ species
species คือ การสร้างสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเอง คนคิดอดอปต้องแจกแจงว่า สปีชี่ย์นี้กินอะไร มีลักษณะนิสัยอย่างไร มีวงจรชีวิตแบบไหน สืบพันธุ์ยังไง ความโดดเด่นของสายพันธุ์นี้คืออะไร โดยจะขายแบ่งอีกคือ rare uncommon common ตามราคาเลยค่ะ
species จะมี2แบบคือ opened กับ cloesed OSคือผู้ออกแบบเปิดให้ใช้เปิดเรฟฟรี CS คือ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาค่ะ
หากจะเอาไปใส่ในงานเขียน ต้องอ่านข้อตกลงที่เจ้าของงานเขียนไว้ในโพสต์ขาย เพราะบางคนอาจอัพราคาขึ้นเพราะถือว่าเป็นการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ค่ะ บางคนก็ขายให้แต่ไม่อนุญาตให้นำภาพไปใช้ ต้องเอาภาพไอเดียที่วาดนี้ไปจ้างเอาเอง
>>179 ถ้าถามเรื่องฟ้องร้องยังไงว่านักเขียนคนนี้เอาผลงานไป อันนี้คงตอบไม่ได้เพราะ"แรงบันดาลใจแรงมาก"ก็มีให้เห็นบ่อยๆในหลายๆวง
แต่ถ้าพูดเรื่องของแบบนี้ก็อปปี้ไปใช้ยังไงก็ได้
ผู้ขายอดอปเองก็เซฟตัวเองคือ ไม่ปล่อยลายละเอียดผลงานมากจนเสียเปรียบเช่นกันค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องก๊อปเพราะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ขายไอเดียต้องเซฟตัวเองระดับนึงอยู่แล้วค่ะ

181 Nameless Fanboi Posted ID:L9C1Nss.B

มีตัวอย่างนิยายที่เอาไปใช้บ้างไหม กุขอวาร์ปทีสิ

182 Nameless Fanboi Posted ID:7F0ugqTNR

>>179 เออ เรื่องประมาณนข.เอาตัวละครชาวบ้านมาใช้(แบบถูกต้องนะ)นี้กูว่ามันกไม่แปลกเท่าไร อย่างที่กูเคยเจอ(ไม่ใช้ของไทย) คือซีรีย์หนึ่งออกหลายเล่มแล้วก็มีประกวดตัวละครให้ผู้อ่านออกแบบ พอคัดเลือกเสร็จแล้ว นข.ก็เอาตัวละครที่ชนะมาเขียนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง

183 Nameless Fanboi Posted ID:P12ZdPGQy

>>181 กูพึ่งพ้นช่วงสอบเลยไม่ได้ตามนิยายมาพักใหญ่ๆ แถมกลุ่มใหญ่(ที่ไม่ใช่กลุ่มที่กูจะโปรโมทกลุ่มกูเป็นกลุ่มเปิดใหม่) โพสต์กันแทบจะวิต่อวิ ขอเวลากูขุดสักพักนะ กูไม่มั่นใจว่าจะขุดเจอไหมแต่จะพยายามหามาให้นะ

184 Nameless Fanboi Posted ID:FkrQUgJY+

>>182 อันนั้นมันเป็นตัวละครจากแฟนๆ ถือว่าเป็นการตลาดอย่างนึง แต่อันนี้มันเป็นการซื้อมานะ คือซื้อมาดื้อๆเลย มันไม่ดูแย่ไปหน่อยเหรอ ประมาณว่าไอ้นักเขียนคนนี้มันไร้น้ำยา คิดเองไม่ได้จนต้องทำแบบนี้

185 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

สำหรับ​กู คิดว่าอาชีพไหนๆมันก็มี outsource ให้ใช้ทั้งนั้น งานเขียนพวก generator ก็มีเยอะแยะ
นักเขียน​จะมีการซื้อไอเดีย​มามันก็ไม่แปลก ขายพล็อต ขายเซ็ตติ้งโลก มันก็มีทั่วไป แค่ในไทยมันเพิ่งเริ่มมีกันค้าขายเป็นกลุ่มจริงจัง​ก็เลยดูแปลกใหม่ และบางคนก็อคติเกินไป
คนเขียน​ไปซื้ออดรอปมาดูแย่มั้ยก็ไม่อะ คนอ่านนิยายคาดหวัง​อะไร ก็เนื้อเรื่อง​อยู่แล้ว ถ้าคนเขียน​สามารถแต่งให้มันดีได้ก็ไม่มีอะไรให้ติหรอก คนเขียนขายไอเดียเรื่องจะซื้อนั่นนี่มาประกอบให้เรื่องสมบูรณ์แบบ​ในส่วนที่คิดไม่ได้หรือไม่ถนัดก็ไม่เห็นแปลก
ของซื้อของขายก็ได้มาแบบถูกต้อง ดีกว่าไอเดีย​ตันแล้วไปก็อปตัวละคร​คนอื่นเรื่องอื่นมาใช้ตั้งเยอะ
ราคาจะถูกหรือแพง ก็อยู่ที่คนขายคนซื้อ ถ้าจูนกันติดโอเคก็ไร้ปัญหา​ คนนอกที่ไม่ได้​มีส่วนเอี่ยวด้วยก็ไม่มีสิทธิ​ไปวิจารณ์​งั้นงี้มากจนเกินพอดี

186 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

อาชีพอื่นเขายังมีแบ่งแยกย่อยตามแต่ถนัด มีผู้ช่วย​เลย แล้วทำไมอาชีพ​นักเขียน​จนต้องหัวเดียวกระเทียมลีบ​ คิดเองแต่งเองเขียนเองทุกสิ่งทุกอย่าง​กันด้วยล่ะ

187 Nameless Fanboi Posted ID:KEM1fjdI8

อนึ่ง​ กูเป็นคนนอก ไม่ได้เป็นทั้งคนเขียนหรือคนขาย แต่พอจะเห็นคนบ่นๆในทวิตกันมาสักพัก​ ดูรวมๆแล้วคิดอย่างงี้นะ

188 Nameless Fanboi Posted ID:AWbKYsGxo

กุว่าไม่แปลก พล๊อตก็ยังซื้อขายกันได้เลย อยู่ที่ใครจะใช้ไม่ใช้แค่นั้นแหละ บางคนอาจจะถนัดคิด ตัวละคร อาวุธ ที่แปลกใหม่ แต่ไม่ถนัดแต่งนิยายจริงจัง ก็เหมือนไปเอาดีทางนั้นแทน

189 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

กุอยากบ่นเรื่องที่กุเจอมากับนักเขียนแจ่มใสแนวลูกกวาด
มีใครอยากเม้ากะกุมั่ง

190 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

รึว่ากุมาผิดมู้

191 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

อืม กูอยากอ่าน มึงมาแชร์ปสก.ใช่มั้ยล่ะ งั้นก็ไม่น่าผิดมู้นะ

192 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

แชร์ ปสก. จากที่เคยอ่านแล้วสับได้ใช่มะ

193 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

น่าจะได้นะ

194 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

คือกุเห็นคนอวยนิยายของ พxxโx เยอะมากๆ อิเซ็ตแพลตตินั่มอะ กุเลยลงทุนถอนเงินใน atm ไปซื้อในร้านหนังสือ ราคาเต็มปกด้วย จำได้ว่าเรื่องนั้นนางเอกเป็นเมดนี่ คือกุอ่านไปไม่ก็ไม่ได้สนุกไรขนาดนั้น มันของข้างจะเรื่อยๆ สำหรับกุ แต่ที่กุอ่านแล้วสะกิดใจยิกๆ กุตลอดเลยคือนางเขียนนางเอกตัวเองแล้วแม่มหลุดคาแรคเตอร์เว้ย บางคนคงไม่ได้สังเกตไร คือกุอ่านนางเอกนี่อย่างสวย สวย หยิ่ง ดุ เป็นเมดอบรมมาอย่างดีๆ พอผ่านไปครึ่งเรื่องแม่มเริ่มพูดจาไม่ไพเราะ อิตาพระเอกก็ชอบตะโกนโวยวาย นางเอกก็เถียงแข่งสู้ พวกมึงพอนึกภาพออกมะ กุอ่านไปครึ่งเรื่องกุเจออีคำพูดที่ลงท้ายด้วย "วะ" "โว้ยยยยยยย" ย.ยัก อย่างเยอะ ใส่มาอย่างบ่อย จนกุอ่านแล้วแบบรู้สึกว่าเหมือนพระเอกนางเอกมันตะโกนกุยกันตลอดเรื่อง กุไม่ได้อรรถรสเลย ถ้าจะใส่ "วะ" ให้มันเรียล ก็ไม่น่าจะเลือกสถานการณ์หน่อย หรือไม่ก็ไม่น่าจะถี่อะไรขนาดนี้โว้ยยยยย คือกุอ่านแล้วกุเหนื่อย กูอยากปาทิ้งแต่กุก็เสียดายตังค์มากๆ กุเลยทนฝืนอ่านจนจบ และที่โคตรเบื่อคือ ไม่รู้เล่มอื่นนางเป็นงี้มั้ยนะ นางจะชอบเอาตัวคนเขียน (ตัวนางเองนั่นแหละ) มาใส่ลงไปในนิยายคุยกับตัวละครในเรื่อง คือกุเจอบ่อยมากจนกุนึกสงสัยว่าแจ่มใสปล่อยผ่านมาได้อย่างไร อาศัยว่าคนตามเซ็ตนี้เยอะไงวะ หรือเพราะนางเป็นนักเขียนรุ่นแรก
กุอยากให้นางปรับปรุงเพราะพล็อตเรื่องนางก็ไม่ไ้เลวร้ายเกินไปสำหรับกุนะเรื่องนี้ ก็เลยไปเม้นติชมในเว็บแจ่มใสตรงที่รีวิวสินค้าอะแหละ ก็ใช้คำสุภาพ ติชมนางไปนะ ก่อนโพสก็เช็กแล้วว่ากุติเพื่อก่อสุดๆ พยายามไม่ใช่คำทำร้ายจิตใจไรงี้เว้ย หลังจากนั้น ไม่ถึงสองวัน กุก็ไปเห็นนางโพสไม่พอใจในแฟนเพจจ้า นางไม่พอใจที่กุไปติเรื่องคาแรคเตอร์์นางเอกที่ไม่คงที่ของนาง นางเป็นคนสร้างตัวละครจะดีไซน์ออกมาแบบไหนก็ได้ คนอ่านไม่ได้มีอิธิพลขนาดที่นางจะต้องปรับตัวละครให้ถูกใจคนอ่าน กุไปเห็นกุก็งงสิวะ แม่ม ห่านเอ๊ย อุตส่าหวังดีแท้ๆ แล้วที่ติไปคือคาแรค์เตอร์นางเอกเปิดมาเรียบได้ครึ่งเรื่องแรก ครึ่งหลังแม่มทำตัวไม่สุภาพ แล้วไอ้ประวัติดีเด่นที่ลากยาวมาว่าเป็นเมดที่ได้รับคะแนนสูงสุด ได้รังวัลดีเด่น บลาๆๆ คือส้นติงไรวะ
หรือกุอ่านภาษาไทยไม่แตกฉานเอง รึกุอ่านนิยายไม่เข้าใจเอง กุเลยไม่อ่านนิยายของนางอีกเรื่อง และก็ไปบอกให้เพื่อนรู้ เพื่อนกุเลยตกลงจะไม่ซื้อนิยายของนางอ่านกันทั้งกลุ่ม แค่ถ้าอยากอ่านก็จะไปยืมอิห้องข้างๆ แทน 555+ ยกเว้นกุ
ปล. เรื่องนี้มันนานมาละ สมัยกุอยู่ ม. ปลาย ตอนนี้กุจะเรียนจบอยู่ละ

195 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

ต่อๆ มาที่นักเขียนอีกคน คือคนนี้กุไม่นึกคิดจริงๆ ว่านางจะเข้ามาอยู่แจ่มใส เพราะปกตินางออกนิยายกับชูการ์เรน เป็นตัวชูโรงเลยจ้า กุเห็นคนอสยเยอะมากของนามปากกานี้ "ปากกาสีชมพู" แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษนะ อืมนั่นแหละ แพ้พลังอวยก็เลยจัดชุดใหญ่ ซื้อนิยายของนางมา 10 เล่ม สั่งกับเว็บมันลดราคาให้ ถ้าสั่ง 10 เล่มแถม 1 เล่ม ก็โลภอยากได้ จ่ายไม่ถึงพันกุยอม เพราะกุตั้งใจซื้อมาอ่านเบาสมอง กุไม่ต้องการสารถค่ะ ณ ตอนนั้น แต่พอกุหญิบเล่ม 1 ของเซ็ตที่มันมี 5 เล่มมาอ่าน ปรากฎว่าโคตรน่าเบื่อเลยยยยย น่าเบื่อยิ่งกว่านิยายแสตมป์เบอรี่หรือหัวสมองตีบตันมารวมกัน คือมาจืดมากๆ ไม่มีสิ่งใดทำกุลุ้นเลยสักนิด อ่านแล้วไม่ได้ความบังเทิง พวกมึงเชื่อมั้ยว่านิยาย 99 บาทที่ขายในเซเว่นเล่มเดียว กุใช้เวลาอ่าน 3 วันถึงจบ พออ่านจบกุนี่โคตะระนับถือตัวเองเลย ทนไปได้ไงวะ แต่ความพีคมันคือตรงนี้เว้ย นางเขียนชื่อเพื่อนนางเอกผิดชื่อจ้า
เปิดเรื่องมาเพื่อนนางเอกชื่อ "นานา" พ่อไปเจอเพื่อนนางเอกครึ่งหลังอีกทีดันเป็นชื่อ "นาโน" ตอนแรกกุว่ากุเข้าใจผิด อาจเป็นเพื่อนคนละคน กุเลยลงทุนย้อนกลับไปดูใหม่ สรุปใจความได้ว่านางเอกมีเพื่อนสนิทผู้หญิงแค่คนเดียววววว แล้วอีนานามันเป็นนาโนได้ไงวะ กุงงโว้ยยย
กุเลยไม่กล้าอ่านเล่มต่อของนาง กลัวความน่าเบื่อที่กุต้องทนอ่าน 3 วันอีก มาถึงจุดนี้กุเข้าใจนักอ่านที่ลองเปิดใจอ่านนิยายขงนักเขียนใหม่ได้เลยว่าพอลองครั้งแรกแล้วมันผิดหวั้งจนไม่กล้าอ่านนามปากกานี้อีกมันเป็นยังไง จนเมื่อปีที่แล้วเพิ่งได้รู้ว่านามปากกา "It's me" ก็คือคนเดียวกันกับปากกาสีชมพู
ดีนะ กุเช็คแฟนเพจนักเขียนก่อนถึงรู้ ตอนแรกอ่านเรื่องย่อในเว็บแจ่มใสแล้วน่าสนใจ กะว่าจะซื้อ แต่สำนวนการบรรยาย+เดินเรื่องที่ทำให้กุอึดอัดไป 3 วันยังฝังรากอยู่ในหัวกุอยู่เลย กุเลยไม่กล้าสอย ถ้ายังไงใครเคยอ่านนามปากกาใหม่ของนางในแจ่มใสแล้วช่วยมาสปอยกุทีนะว่าสนุกรึเปล่า กุอยากลองให้โอกาสนางอีกครั้งนึง

196 Nameless Fanboi Posted ID:NCt9ivO/I

กุนับถือมึงที่กล้าซื้อเป็น 10เล่ม

197 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

แล้วก็เซ็ต 7's ของแตม กุไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่านางจะลืมไปว่าเขียนอะไรลงไปบ้างในเล่มของสไปร์ลที่พระเอกเป็นเจ้าชายเพี้ยนๆ นั่นอะ คือกุซื้อต่อมาอ่านรวดเดียวเลย 8 เล่ม (รวมพิเศษ) แล้วกุสับสนแทนอิพระเอกเล่มนางเอกคลั่งขาวมาก (พระเอกชื่อแซทเทิล) พระเอกมันบอกนางเอกว่าตอนคบกับนางเอกมาเนี่ย ตั้งแต่เริ่มมาเลยนางไม่เคยไปจูบกับ ญ อื่นคนไหนเลยนอกจากอินางเอกจ้า อินางเอกก็บอกว่า ฉันเชื่อใจเขา เขาไม่โกหกฉัน เพราะเขารักฉัน คือแบบกุอ่านตรงนี้ละเพลียมาก มากจนแบบอยากจะเอานิยายเล่มสไปร์ลส่ง ems ไปที่บ้านนางเอกให้นางอ่านฆ่าเวลาว่าตอนที่อิพระเอกมันหายไปกลางเรื่องมันหายไปไหน คือพระเอกมันหายไปตามสไปร์ลจ้า ถึงจะเลิกเป็นแฟนกับสไปร์ลแต่ยังมีเยื่อใย แถมตอนไปที่เกาะเพี้ยนไรสักอย่าง กุมั่นใจมากว่ากุไม่ได้อ่านพลาดหรืออ่านผิดไป แม่มพระเอกมันไปจูบกับสไปร์ลที่นู่น แล้วพอกลับมาง้อนางเอกเสือกพูดว่า รักนางเอก มั่นใจมากๆ เพราะตั้งแต่คบกันมาไม่เคยไปจูบใคร อิดอกกกกก กุอยากเผานิยายทิ้ง!!!

198 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

>>196 มึงไม่ต้องนับถือกุหรอก เพราะอีก 9 เล่มกุยังไม่แตะเลย หมักไว้ในไหดอง

199 Nameless Fanboi Posted ID:MvwUHUBX3

เรื่องนานมาแล้วสินะ สมัยนั้นคนยังไม่ค่อยอ่านตัวอย่างในเนตกันเท่าไหร่ด้วยล่ะมั้ง แต่ก็นะ ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนรุ่นแรกทำอะไออกมาก็ขายออก แต่ทีนักเขียนคนอื่นล่ะ มาตรฐานสูงชิบ เห็นได้ตามการแข่งขัน เหอะๆ

200 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

>>199 มาตราฐานพล็อตเรื่องอะสูง ต้องไม่เดินเรื่องคล้ายหรือไปซ้ำกับนิยายแจ่มใสที่เคยออกมาทั้งหมด ต้องไม่ให้น่าเบื่อ เคยได้ยินมาว่าถ้าพล็อตเรื่องน่าสนใจมากๆ แต่การบรรยายยังกลางๆ ก็ผ่านได้ เพราะเรื่องการบรรยายมันไปฝึกฝนต่อได้ในอนาคต แต่พล็อตเรื่องที่เห็นแล้วต้องซื้อแน่นอนโดยไม่ต้องดูกันที่นามปากกามันต้องมีอะไรดีจริงๆ อะ

201 Nameless Fanboi Posted ID:TdY4m10X/

ส่วนตัวกุไม่ชอบนิยายที่ผ่านมาจากโครงการหน้าใสเท่าไร มันน่าเบื่อยิ่งกว่านิยายที่ส่งไปให้ บก. พิจารณาโดยตรงซะอีก
กุชอบนิยายของพวกที่แข่งประกวดปี 1-3 ที่มี มิลด์พลัส คนที่แต่งเรื่องคุณแม่ ม.ปลาย แล้วก็ นางร้าย ปีหลังๆ สะดุดตาที่ Just Nightmare Mina แค่นั้น ที่พออ่านได้ พล็อตน่าอ่าน+บรรยายดี
แต่เมื่อปีก่อนเพิ่งซื้อนิยายของ ล้านนาที มาอ่าน ไร้รักไรนี่แหละ คือแบบกุซื้อมาเพราะพล็อตเรื่อง อีกแล้ววว กับที่เคยเห็นนามปากกานางติดท็อปนิยายเด็กดี กุไม่คิดว่าสำนวนการบรรยายจะลิเกขนาดนี้ กุอ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองกำลังดูละครเวทีโอเปร่า อ่านไม่จบด้วย
บางทีพวกที่เขียนติดท็อปเด็กดีนี่ก็ไม่ได้ประกันอะไรเลยนะว่าจะสนุกจนเอามาออกกับสำนักพิมพ์ได้จริงๆ (พวกนิยายวัยรุ่นน่ะ)

202 Nameless Fanboi Posted ID:y/xRJEmp6

Ky กูสงสัยมาตฐานไลท์โนเวลไทยว่ามีอะไนชี้วัดนอกจากภาพประกอบ คือกูลองไปอ่านพวกที่ได้ตีพิมพ์แล้ว (อดีตจอมมาร,เซเวียร์,จูนิเบียว) ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากนิยายปกติเท่าไหร่ คือถ้ายึดตามมาตฐานยุ่นหรือความเข้าใจส่วนใหญ่ คือเนื้อหาน้อยไม่เกิน 200-300 หน้า ใช้ภาษาสำนวนง่าย ๆ บรรยายไม่ละเอียดมาดบทพูดไม่ยืดยาว

203 Nameless Fanboi Posted ID:6SJb0DHNm

พวกJLS กุไม่อ่านนานมากแล้ว เลยไม่รู้เรื่องแหะ สมัยก่อนชอบอ่านแต่พวกแปลเกาหลีน่ะ กุยอมใจเมิงจริงๆที่ซื้อยกเซตขนาดนั้น เรื่องคาร์เพี้ยนหรือลืมว่าบทเป็นยังไง หรือบทเพลียๆกุค่อนข้างชินว่ะ เห็นได้จากละครไทย ที่กุก็ไม่ได้อยากจะดูแต่ที่บ้านเปิด หลายเรื่องนี่กุถึงขั้นงงว่าเอามาทำเป็นละครได้ยังไงวะ ถ้าสมมุติมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยจากเหตุการ์ณต่างๆที่เข้ามา ทำให้ตัวละครเปลี่ยนแปลงไปกุว่าก็ยังโอเค แต่อยู่เฉยๆ แสดงนิสัยผิดเพี้ยนไปนี่นข.ควรพิจารณาตัวเองปะวะ มีการมาด่าลงเพจด้วย แล้วพวกนี้มักจะมั่นหน้ามากๆ ถ้ารับฟังพูดจาดูดีมีแต่คนจะเป็นแฟนคลับขึ้นมะ นี่เหมือนชอบสร้างศัตรูกันกุไม่เข้าใจ พวกที่นิสัยดีๆก็ดีเวอร์ พวกเห้ๆ แต่ยังอยู่ในวงการนี่ก็แยะ

204 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

>>202 กุเคยอ่านไลท์โนเวลแปลนะ แต่ไม่เคยอ่านแบบที่คนไทยเขียน ถ้าเมิงอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น กุว่ามันจะต่างตรงที่ความหนานั่นแหละ เนื้อเรื่องก็คงเบาๆ อ่านง่าย เน้นวัยรุ่นอ่านสุดๆ ประโยคสนทนาเยอะ การบรรยายไม่ต้องละเอียด ขนาดเล่มเล็กเท่าไลท์โนเวลยุ่นมั้ง แบบพกพาเอาไปนั่งอ่านในรถไฟฟ้าได้ไรงี้อะ (ความคิดกุล้วนๆ)

205 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

>>203 ในละครไทยกุก็เจอแบบเมิงเลย แม่กุชอบเปิดดู กุเลยต้องดูตาม ที่กุเห็นแล้วสุดขั้วจริงๆ ก็เรื่อง "คนละขอบฟ้า" ที่พระเอกเป็นเจ้าของสวนยางอะ อิห่า ปากจัดชิบหาย แถมได้รางวัลละครที่คนพูดถึงเยอะแห่งปี 2016 กุนั่งสตั๊นเลยห่า ทั้งพระเอก พระรองแม่มคาแรคเตอร์พาสับสน "ขนาดต้นยางยังมีนำยา เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ทำไม่ไม่มียางอายบ้าง" สลัด!! ด่าเจ็บชิบหาย 555+
แต่เรื่องที่นักเขียนบ่นลงเพจนี่กุก็ไม่เข้าใจแบบเมิงนะ ว่าทำไมถึงมาโพสระบายในนี้ แต่ก็ดีละ ทำให้กุหยุดซื้อนิยายแจ่มใสไปพักนึงเลย ตอนนี้ตามเก็บแต่นักเขียนที่กุชอบจริงๆ กุเป็นพวกชอบติดตามพัฒนาการของนักเขียนที่กุชอบ พร้อมเปย์อะนะ 555+
แต่กุชอบนักเขียนที่วางตัวแบบนิ่งๆ อ่า มีไรไประบายกะเพื่อน ไม่ต้องมาโพสประจารความรู้สึกตัวเอง เพราะเดี๋ยวพอเวลามันผ่านไป ไอ้ที่ไม่พอใจก็จะลืมไปเอง ท้ายที่สุดแฟนคลับก็จะออกมาให้กำลังใจปกป้องมากกว่าเดิม มีคนรักมากกว่าเกลียด
แต่ถ้าไม่พอใจไรมาโพสด่าระบาย ไปๆ มาๆ อีพวกแฟนคลับกับคนอ่านทั่วไปนี่แหละ จะตีกันเอง ติดภาพลบไปอีกคนเขียน

206 Nameless Fanboi Posted ID:H.95Q5id+

กุเริ่มลองอ่านนิยายทำมือในเด็กดี แนววัยรุ่น 18+ เคยเปย์มาอ่านหลายเรื่อง วางพล็อตดราม่าทั้งเรื่องแต่ชอบตัดจบแบบที่กุไม่โอเคบ่อยๆ จนรู้สึกเซ็ง
บางเรื่องก็บางมากๆ แค่ 200 หน้า แต่ขายตั้ง 400 กว่า เลื่อนไปเจอนิยายวายทำมือ 400 กว่าหน้า ขาย 400กว่าบาท เป็นเมิงจะสอยเรื่องไหนล่ะ 555+
กูจะหนีไปอ่านนิยาย ภาคินัย มั่งละ เบื่อรักใคร้ไปพักนึง

207 Nameless Fanboi Posted ID:uxJbV+aR+

>>206 ทำมือมันก็เฉพาะกลุ่มแฟนคลับอยู่แล้วนี่หว่า
ราคาต่างกับแบบ สนพ. มากอยู่แล้ว ทั้งเรื่องต้นทุน และฐานแฟนคลับ
คนที่บ่นนี่คงไม่ใช่คนเคยเขียนอะไร และไม่เข้าใจความยากในการทำนะ
เมื่อก่อนที่กูยังไม่เคยเขียนนิยายเอง ก็รู้สึกแบบนี้ว่า อะไรวะแพงจัง
แต่พอเข้ามาเขียนเองและทำมือเอง จึงรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
นี่ไม่ใช่อาชีพหลัก เป็นความพอใจ ที่ต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด ไปทำงานประจำมีรายได้มากกว่าเป็น10เท่าตัว
เวลาที่เอามาเขียนให้จบได้ กับมากกว่ากันเยอะ พอทำมือ ก็ต้องคิดให้เรื่องจำนวนที่มีคนอ่านอุดหนุนน้อย อะไรนี่่อีก
ความคิดต้องเปลี่ยนไปเป็น ความพอใจทั้งสองฝ่ายมากกว่า คือคนทำมือพอที่จะมีกำไรบ้าง ถึงจะมีคนซื้อน้อยมากก็ตามที

208 Nameless Fanboi Posted ID:uxJbV+aR+

>>205 มึงก็ต้องเข้าใจนักเขียนบ้าง
อารมณ์ก็คนธรรมดา ไม่ใช่หัวหลักหัวตออะไร ยิ่งคนมาวิจารณ์มากๆ ตบะแตกได้ง่ายๆ
การบ่นในกลุ่มหรือในเพซ ก็ถือเป็นการระบายความเครียดอะไรออกมา
ส่วนที่เก็บเอาไว้ในใจ มันแล้วแต่นิสัยคน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากทนกันหรอก เพราะจะเป็นมะเร็งในอารมณ์กันเปล่าๆ
นิสัยคนเขียนก็แตกต่างกันไปร้อยคนร้อยแบบ มีคนชมคนด่าในผลงานทุกอย่างนั่นแหละ

209 Nameless Fanboi Posted ID:6Z3jJ2z8D

>>202 มีเรืรองราคาด้วยนะไลท์โนเวลไทยบางเรื่องราคาหนักพอ ๆ กับนิยาย

210 Nameless Fanboi Posted ID:3gvni+8Iw

บทกับตอนอันไหนใหญ่กว่าวะ ถ้ากูจะแบ่งเนื้อหานิยายเป็นสามช่วงจากมากไปน้อยคือ ภาค บท ตอน แบบนี้ถูกปะ

211 Nameless Fanboi Posted ID:MTlSzZiJ0

ถามหน่อย สิมีใครเคยหัวตันๆละใช้ศัพท์จากพวกเว็บ wordstuck บ้าง มันเชื่อได้ป่ะ บางคนมันก็สวยดีอ่ะ

212 Nameless Fanboi Posted ID:MTlSzZiJ0

>>211 เว้นวรรคผิดกั๊บ มือลั่น

213 Nameless Fanboi Posted ID:c+QrKkQeJ

>>210
นิยายเรื่อง​นึงมีเป้าหมาย​ประเด็นใหญ่​ๆที่เป็นส่วนสำคัญ​ประเด็น​นึงจบไป คือจบภาค

ส่วน บทกับตอน พจนานุกรม​บอกราวๆว่ามันเหมือนกันนะ

214 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>207 มันเฉพาะกลุ่มจริงๆ ก่อนจะซื้อกุต้องทำใจแต่แรกแล้วว่าราคามันแพงกว่านิยายที่ออกกับสำนักพิมพ์ บางทีกุคงเอานิยายแนววัยรุ่นทำมือ 18+ ไปเปรียบเทียบกับนิยายวายทำมือคงจะอยุติธรรมเกินไปหน่อยนั่นแหล่ะ
แต่เรื่องราคาที่กุยกขึ้นมาพูดเนี่ย คือกุไปเจอมาจริงๆ ที่เขียนแนวเดียวกัน คนแต่งเป็นที่รู้จักเยอะพอกัน แถมหน้าปกนิยายของแต่ละคนก็จ้างวาดมาเหมือนกัน แถมนักวาดแต่ละคนก็วาดสวยทั้งคู่ ซึ่งจำนวนหน้านิยายกับราคานี่แตกต่างกันมาก คนที่กุเล่าไปว่า 200 หน้าขาย 400กว่านี่ นานๆ ทีกุจะเจอแบบนี้ ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย
ในขณะที่นักเขียนอีกจำนวนหนึ่ง ราคาจะไล่ๆ กันแถมจำนวนหน้าก็สมเหตุสมผลกับราคาที่จ่ายได้ไม่รู้สึกคลางแคลงใจ ทั้งนักเขียนโนเนมทั้งที่ดังๆ ในเด็กดีกุตามมาก็เยอะเลยแหละ ราคาที่ตั้งก็ไม่ทิ้งห่างจนน่าเกลียดแบบนี้ กุเลยสงสัยว่าทำไมเขาถึงตั้งราคาแบบนั้น
หรือกุจะพลาดไป กระดาษอาจดียิ่งกว่ากรีนนี้ด หน้าปกคงลงเคลือบอย่างดีจนหน้าและแข็งแรงกว่า จะเอาเรื่องค่าจ้างวาดมาพูดกุก็ไม่กล้า เพราะบางคนนี่นักวาดค่าตัวแพงมากแต่ราคาก็ยังไม่โหดเท่านี้ แต่ไม่แน่ว่าในเล่มอาจจะมีรูปภาพประกอบเยอะกว่าอีกเรื่องก็ได้ มั้งนะ
ส่วนยอดจอง+ยอดคนที่จ่ายจริงๆ+กำไรหลังจากขายมีแต่ตัวนักเขียนเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเป็นอย่างไร

215 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>208 อืมถ้าบ่นในเฟสส่วนตัวกุก็เฉยๆ นะ ไม่ได้เข้าไปตามถึงชีวิตส่วนตัวขนาดนั้น แนะนำให้ตั้งไพรทเวทเห็นแค่เพื่อนของตัวเองก็คงดี
แต่การโพสลงแฟนเพจมันแตกต่างจากโพสลงเฟสส่วนตัวเยอะ ต้องคิดนิดนึงด้วยว่ามีแฟนเพจเพื่ออะไร แล้วมีเฟสส่วนตัวไปเพื่ออะไรถ้าจะเอาทุกอารมณ์ไปประกาศลงแฟนเพจ มารวมเลยดีกว่ามั้ย (เว้นแต่จะคิดไม่ได้)
ถ้าใครเขียนนิยายขายอยู่ กุแนะนำพวกมึงไว้ตรงนี้เลยว่าไม่พอใจอะไรแล้วจะโพสลงโซเชียลต้องคิดดีๆ ก่อนกดปุ่มโพส เพราะอย่างที่กุบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเวลาผ่านไปแม้งก็ลืมละ ไปโกรธเรื่องอื่นแทน (ที่กุพูดเรื่องนี้เพราะกุไม่อยากให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง)
แต่ถ้ามันมีมือดีแคปภาพมาประจาร เดี๋ยวแฟนคลับกับคนนอกก็มานั่งเถียงทะเลาะไร้สาระอีก สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปลบโพสตัวเองเพื่อเลี่ยงปัญหา
ชีวิตคนเรามันมีวิธีระบายอารมณ์ความเครียดเยอะกว่าที่คิด มองรอบตัวบ้างเหอะ
ก็อย่างที่มึงบอก นักเขียนก็ร้อยพ่อพันแม่ ความอดทน+นิสัยหลายๆ อย่างมันต่างกัน
แต่ต้องเตือนตัวเองไว้ด้วยว่า อะไรที่โพสลงโซเชี่ยลแบบสาธารณะไปแล้ว ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมา มันแสดงถึงความรับผิดชอบที่ตัวเองมี
แต่ถ้าแบบพวกโดนโจมตีกลับมาแล้วมาโวยวายหาเรื่องตอบโต้กลับ หรือแถจนสีข้างถลอก ก็จะยิ่งแต่เพิ่มคนเกลียดมากขึ้น
กุควบคุมอารมณ์ได้เลยไม่ต้องพึ่งโซเชียลเพื่อเรื่องแบบนี้ กุมีเพื่อนมีครอบครัว กุก็เดินเข้าไปบ่นๆ ให้พอใจ สบายใจกว่าเยอะ ได้กำลังใจที่แท้จริงด้วย ไม่ใช่พลังอวยปลอมๆ ที่แฝงมาและวันนึงมันก็หายไป กุคิดว่าถ้าต้องพึ่งอะไรแบบนี้ชีวิตคงจัดการตัวเองยากนะ แต่ก็เรื่องของเขานั่นแหละ

216 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>208 >>215
เพื่อมึงนึกภาพไม่ออก กุจะยกตัวอย่าง
ถ้ามึงเป็นผู้ชมคนนึง มึงอยากจะดูละครของใครมากกว่ากันระหว่าง แตงโม กับ ขวัญ
แตงโมเล่นละครเก่งเลยนะ แต่มีไรกะโพสลงไอจีหมด
ในขณะที่ขวัญนี่ฝีมือค่อยๆ พัฒนาจนตอนนี้เก่งมาก มีข่าวฉาวเรื่องทะเลาะกับแม่ออกมา หรือเรื่องกอล์ฟ ไรงี้ค่อยออกมาโพสอธิบายในไอจี ไรกะว่าไป
มึงไม่เคยเป็นแฟนคลับใคร รอเสพแค่ข่าวบันเทิงกับละคร มึงอยากจะดูของใครมากกว่ากัน
ทั้งที่ความจริงเบื้องลึก ด้านมืดของดาราอาจจะมีไอจีสำรองไว้ด่าคนอื่นกะได้ แค่คนดูไม่รู้
เรามองกันที่หน้าฉาก
คนส่วนมากชอบพูดว่าให้ดูกันที่ผลงาน ประโยคนี้จะหลุดมาเมื่อรู้สึกดีกับคนคนนั้น มีความชอบโดยส่วนตัว หรืออาจจะมองเป็นกลางจริงๆ แต่น้อย
ซึ่งผลงามยอดเยี่ยมสมัยก่อนจนคนพูดถึงก็มีอะ แต่ทำไมแตงโมโดนอคติเยอะจังวะ บางทีแค่โพสรูปเศร้าพร้อมแคปชั่นคิดถึงผัวเก่ายังถูกแคปเอามาด่ากันสนุกว่า ตอแหล สร้างภาพ สมน้ำหน้าที่ทิ้งผู้ชายไปเอง บลาๆ
กุเห็นจนเอือมอะเรื่องพวกนี้ แล้วก็มาตัดพ้อว่าคนดูอคติ ไม่เปิดใจชมผลงาน มันคนละเรื่องกับส่วนตัว
แต่เอาเข้าจริงแม้งโคตรมีผลลัพธ์ส่งต่อกัน

ทีนี้ถ้ามึงต้องกลายเป็นคนดัง มึงอยากจะดังแบบไหนล่ะ ดังแบบคนสงสารเห็นใจแบบขวัญ งานเข้ามาเรื่อยๆ รับตังค์ๆ
กับดังแบบในแง่ลบ โดนคนเกลียด อคติเยอะกว่าคนทั่วๆ ไปไม่รู้กี่เก่า มีงานมีเงินก็จริงแต่ก็ดราม่าแม้งทุกรอบด้วยพลังเสือกของโลกโซเชียล แต่มีความสุขไหม? กุไม่รู้
นี่คือเหตุผลที่กุอยากเตือนทุกคนว่าจะโพสระบายอะไร ก่อนกดปุ่มต้องคิดดีๆ คิดไม่ออกก็ห่างออกจากโซเชียลแล้วชวนเพื่อนไปเที่ยวหรืออารมณ์แย่มากก็นุ่งบิกินี่ไปลอยแช่อยู่ในสรถว่ายน้ำคนเดียวแม้ง

217 Nameless Fanboi Posted ID:mc/3nNpqH

>>216 ข้ามเรื่องนี้แม้งไปเหอะ กุขี้เกียจคุยเรื่องนี้ละ
ตอนนี้มีเว็บขายหนังสือร้านไหนลดราคาทั้งเว็บ 20% ขึ้นไปมั่ง
กุไม่มีปัญญาไปงานหนังสือ

218 Nameless Fanboi Posted ID:TnpDdOSdp

>>216 คนเขียนกับคนอ่าน มองคนละมุมอยู่แล้ว
คนเขียนยังเป็นคนธรรมดา ขนาดคนอ่านยังรู้สึกหงุดหงิด คนเขียนที่ได้รู้ว่าใครวิจารณ์ยิ่งมีอารมณ์เป็นสองสามเท่าตัว
คนที่วางตัวดีก็ตาามนิสัยของเขาไป คนที่ทนไม่ได้ปกติมันก็ต้องระบายออกแหละ
กูว่าคนที่วิจารณ์ว่าคนเขียนต้องดียังนู๊น วางตัวดียังงี้ ถ้าไม่มาอยู่ในสภาพเป็นคนเขียนก็คงไม่รู้ถึงความกดดัน ความตันในสมอง ความยินดีที่ได้ตีพิมพ์หรอก
ถ้าไปดูนักเขียนเก่งๆ ที่ต้องทำไมแล้วจะเขียนออกมาได้นี่ยิ่งเป็นอะไรที่สุดๆ ในต่างประเทศบางคนต้องแก้ผ้าถึงเขียนออก บางคนต้องขังตัวเองในห้องปิดสนิท บางคนแม่งเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย
คือการวิจารณ์ ถ้าลองคิดกลับว่าตัวเองโดนยังนั้นบางจะรับมือเป็นยังไง อาจจะมีมุมมองอีกอย่าง

219 Nameless Fanboi Posted ID:SlK/jFus1

>>213 แต่กูเห็นไลท์โนเวลบางเรื่องมันซอยย่อยจากน้อยไปมาก ตอน>บท>องก์>ภาค

แรก ๆ กูก็งงนะว่าต่างกันยังไง พอลองอ่านไปก็เริ่มเข้าใจว่า ตอนคือชื่อเนื้อหาหนึ่งบท บทคือการจบปมเล็กของตัวละครหรือเหตุการณ์หนึ่ง องก์คือการจบอีเว้นต์ ภาคคือจบปมใหญ่

และไลท์โนเวลส่วนใหญ่ที่มีำารจัดลำดับแบบนี้ ส่วนใหญ่ออกมาเกือบสิบเล่มละ ยังไม่จบภาคแรกเลย

220 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>218 กุล่ะเบื่อตรรกะที่ว่าถ้าไม่ได้ไปเป็นเขาไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง
มีอะไรเชื่อถือได้บ้างว่าคนที่วิจารณ์งานมันจะเป็นแค่คนอ่านอย่างเดียวไม่ใช่คนเขียนนิยายเหมือนกันน่ะ
ถ้าไม่เคยออกหนังสือมาก่อนก็วิจารณ์งานเขียนที่ใช้เงินตัวเองซื้อมาไม่ได้หรอ
ต้องเป็นมืออาชีพมาวิจารณ์เหรอถึงจะเปิดใจมากพอยอมรับได้
ไม่ใช่แค่นักเขียนหรอกนะที่โดนวิจารณ์หรือด่า
คนอ่านที่ด่าแบบไร้เหตุผลหรือบางคนด่าแบบมีเหตุผลก็โดนลากไปรุมด่า (พวกมากลากไปรุม)
แล้วส่วนมากนี่เด็กๆ ทั้งนั้น โดนเข้าไปก็ปิดเฟสหนีไปเลย เห็นบ่อยละพวกปิดเฟสเนี่ย
นักเขียนวางตัวดีแต่ระบายความท้อลงโซเชียลมันก็มี ถ้าท้อแล้วมาเล่าว่าไปเจอไรแย่ๆ มากุก็พร้อมให้กำลังใจ แบบนี้กุเห็นเยอะ
เล่าแบบไม่ต้องไปพาดพิงหรือระบุตัวตนใครชัดเจน บอกแค่ว่าเสียใจเพราะอะไรก็เพียงพอ
แต่ไอ้ประเภทโดนวิจารณ์แค่คนเดียวแล้วดิ้นจนต้องแคปเอามาด่ากลับ หาเพื่อนช่วยกันรุมด่า หรือด่าลอยๆ ไร้หลักฐานแต่คนอ่านรู้ว่าหมายถึงใครนี่กุโคตรไม่ชอบเลย
ส่วนเรื่องกดดันหนักจนเป็นโรคซึมเศร้านี่ นักเขียนไทยก็มีเยอะนะ ที่ไปพบจิตแพทย์เพื่อขอยาและปรับความรู้สึกตัวเอง
เพียงแต่ส่วนมากไม่ค่อยออกมาบอกหรอกว่าไปหาจิตแพทย์มา เพราะบางคนคิดว่าถ้าประกาศออกไป เดี๋ยวจะมีคนเอาไปพูดอีกว่าสำออย เรียกร้องความเห็นใจ
สุดท้ายจิตแพทย์ก็แนะนำไม่ต่างจากกุมากเท่าไรคือ ให้หยุดเล่นโซเชียล เลิกสนใจความคิดแย่ๆ ของคนอื่น แล้วไปพักผ่อนให้สบายใจ มีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนเผื่อเศร้ามากจนอยากฆ่าตัวตาย

221 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>220 แต่ตอนนี้เห็นบอร์ดโมงมีกระทู้ด่านักอ่านเทวดาแล้วนี่ ก็ไประบายลงกันตรงนั้น จะได้สบายใจขึ้น เพราะยังมีนักเขียนที่ไม่กล้าโพสลงโซเชียลอยู่
แต่เสียอย่างเดียวคือต้องระวังโม่งหลุดจนจับได้ว่าเป็นใครแค่นั้นแหละ
ถ้าใครเอาเรื่องในบอร์ดนี้ไปด่าต่ออีกทีนี่ก็โม่งแตกอีก อืม เหมือนจะแฟร์ดี

222 Nameless Fanboi Posted ID:EqWvDocDo

กระทู้นี้คือ รวมพลนักเขียน แชร์เทคนิคประสบการณ์และข่าวสาร
กลายเป็นมาว่า เป็นนักเขียนต้องวางตัวดี มันเลยแปลกๆ ไง
ย้ำเป็นภาษาไทย หลายรอบว่า คนเขียนก็คนธรรมดา มีร้อยคนร้อยนิสัย ทำไมคนอ่านต้องมีกรอบที่เป็นมาตราฐานเดียวว่าคนเขียนต้องทำตัวดีๆ
บางคนเป็นนักเขียนที่ไม่ได้คาดหวัง ต้องยิ่งใหญ่อะไรนัก เขียนไปตามอารมณ์
เน้นย้ำชัดเจน คนเขียนก็คน ไม่ได้วิเศษอะไรมาจากไหน ทำไมต้องถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียว? ตรรกะคนอ่านแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ

223 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

เอ๊า อาชีพอื่นมันก็คนธรรมดาเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่นักเขียน
ยิ่งอาชีพด้านการบริการนี่ถ้ามีคนแสดงออกมาไม่พอใจลูกค้า คนนอกแม้งก็รุมด่ากันสารพัด ไม่รู้หรอกว่าที่เขาออกมาบ่นเป็นเพราะเจออะไรมา
ทุกอาชีพมันมีแรงกดดันหมดแหล่ะ
แล้วอ่านยังไงว่าเน้นย้ำเรื่องวางตัวดี จริงๆ ที่พิมพ์ไปทั้งหมดนี่คือกุเห็นมาทั้งสองด้านว่า ไม่ว่าจะนักเขียนหรือนักอ่านแม้งก็โดนด่าทั้งคู่อยู่ดี ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกระทำ ถึงนักเขียนไม่ด่ากลับก็มีคนอื่นด่าแทนให้
แล้วก็ไม่ได้เห็นนักเขียนโดนด่าฝ่ายเดียว คนเขียนเอานักอ่านมาด่าลับหลังก็มีอยู่ในบอร์ดนี้ปะปนไปทั่ว
ส่วนเรื่องผิดมู้ ตอนเข้ามาก็ถามแล้วว่าบ่นนักเขียนแจ่มใสได้มั้ย แล้วสับหนังสือที่ซื้อมาอ่านในนี้ได้มั้ย กลัวผิดมู้ ก็มีคนบอกว่าได้ แล้วลามมาเรื่องวิจารณ์ได้ไงก็ย้อนกลับไปอ่านต้นเรื่องดู

224 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

แต่ไม่เป็นไร เพื่อความสบายใจของเหล่านักเขียน เดะกุย้ายไปหามู้อื่นเอง เรื่องที่แตกยอดออกมามันผิดมู้ไปแล้วแหละมั้ง

225 Nameless Fanboi Posted ID:xTwA50YJI

>>223 ก็ใช่ไง ทุกอาชีพมันมีแรงกดดันหมดแหล่ะ
มันก็ต้องมีการระบายบ่นออกกันมาบ้าง
ส่วนที่ คนเขียนเอานักอ่านมาด่าลับหลังก็มีอยู่ในบอร์ดนี้ปะปนไปทั่ว นั่นก็แสดงว่าคนอ่านก็ต้องไปทำอะไรขึ้นมาถึงมีประเด็นกันได้
แล้วงานเขียน ความเห็นส่วนตัวนะ ไม่น่าจะใช้อาชีพด้านการบริการ เพราะขายงานจากสมองที่แต่งขึ้นมามากกว่า การขายหนังสือก็ไม่ได้บังคับให้ซื้อ
เป็นเรื่องความพอใจตัั้งแต่แรก ของสองฝ่ายนั้น ไม่น่าใช่งานด้านบริการอะไร

226 Nameless Fanboi Posted ID:Hr5KELMtR

>>225 ยกตัวอย่างเฉยๆ ไม่ได้บอกว่างานเขียนคืองานด้านลริการ และที่ยกอาชีพเรื่องงานด้านบริการขึ้นมาเพราะกุมองว่ามันเป็นอาชีพที่รองรับความกดดันเยอะกว่าอาชีพอื่น

227 Nameless Fanboi Posted ID:YbsXmc7+X

>>219 องก์คือไรวะ

228 Nameless Fanboi Posted ID:960U4/6yS

>>227 องก์ใช้กับพวกบทละครอะ องก์หนึ่งจะมีฉากเดียว หรือหลายฉากก็ได้ อย่างหนังก็จะแบ่งเป็นสามองก์หลักๆ คือ องก์แรกปูเรื่อง องก์สองเหตุการณ์หลัก องก์สามคลี่คลายและบทสรุป เรื่องแบ่งองก์ไม่ตามนี้เสมอไป แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้กันประมาณนี้

229 Nameless Fanboi Posted ID:0T/FF+emh

ขอเพิ่มเติม องก์ ภาษาอังกฤษคือ act น่ะแหละ
กูว่าเพื่อนโม่งต้องเคยได้ยินคำว่า act1 2 3 ในหนัง หรือในบทละครบ้าง แต่อาจจะไม่คุ้นกับศัพท์ภาษาไทยเฉยๆ

230 Nameless Fanboi Posted ID:yor76B36t

act นี่เล็กกว่า arc ใช่มั้ย

231 Nameless Fanboi Posted ID:Mr3QD9LyC

>>230 Arc > Act > Chapter > Scene

232 Nameless Fanboi Posted ID:.no48GicS

มีใครมีปัญหาเรื่องคิดชื่อตอนแบบกูบ้าง กูแต่งเนื้อเรื่องได้ไปไกลเลยนะ แต่ 100 ตอนมีชื่อแค่ 40 เองง่ะ พอแนะนำได้มั้ยทำไงถึงจะคิดชื่อออก

ชื่อเรื่องเองก็ยังไม่รู้จะเอาอะไรดีเหมือนกัน ธีมเรื่องเป็น Apocalypse วันสิ้นโลก ตัวเอกย้อนเวลาได้แต่เปลี่ยนอดีตไม่ได้ เลยได้แต่ย้อนวันสิ้นโลกวนอยู่อย่างนั้นเพื่ออยู่กับครอบครัว ก็ทำนองนี้

233 Nameless Fanboi Posted ID:xO73nG9Zi

>>232 ลองจับประเด็นของตอนดูสิ ว่าตอนนั้นจะสื่ออะไร แค่นั้นเอง

234 Nameless Fanboi Posted ID:iXqyMVedt

KY พวกคำเรียกหญิงสูงศักดิ์สมัยอดีตนี่มันมีหลักอะไรปะ อย่างเจ้านาง แม่หญิง บลาๆอะไรแบบนี้อะ หรือเรียกๆได้หมด

235 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>234 มันต้องดูเซ็ตติ้งกับยุค
ถ้าเป็นตะวันตกก็ใช้ยศขุนนาง ถ้าเป็นลูกดยุค-เอิร์ลก็เลดี้ นอกนั้นก็ใช้มิส แต่ก็มีบางกรณีเหมือนกันที่เรียกเลดี้กับคนที่ได้รับการยกย่องไม่ก็พวกกิ๊กๆของคิง แล้วก็ช่วงหลังๆเลดี้ก็ใช้กับพวกภรรยาของอัศวินหรือพวกลอร์ดได้ด้วย
ถ้าจีนก็ใช้ถ้าเป็นลูกฮ่องเต้ก็กงจู่(เจ้าหญิง) เมียอ๋องก็หวางเฟย(ที่เห็นในนิยายแปลจะใช้คำว่าพระชายา) ลูกอ๋องก็จวิ้นจู่(ท่านหญิง) แล้วก็มีพวกวังหลัง พวกยศสนมยศนางกำนัลการกำหนดยศค่อนข้างจะเป๊ะนะ หาดูในพันทิปได้
ถ้าเป็นเมียขุนนางตั้งแต่กั๋วกงลงไปก็ใช้ฟูเหริน,ฮูหยิน (แปลไทยก็คุณนายมั้งแต่ส่วนมากเห็นทับศัพท์กัน) ลูกสาวขุนนางหรือเศรษฐีก็เป็นคุณหนูหมด ทับศัพท์ที่เคยเห็นคือเสี่ยงเจียไม่ก็กู่เหนียง (เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงหรือท่านหญิง) ถ้าคนใช้ก็ย

236 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>235 พิมพ์ตก
ลูกสาวผู้มีอันจะกิน - เสี่ยวเจีย/กู่เหนียง (กู่เหนียงเป็นคำเรียกแบบสุภาพของผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานด้วย)
ถ้าพวกคนใช้ในวังก็หนูปี้ นอกวังก็ยาโถว ยาโถวบางครั้งก็ใช้เรียกเพศหญิงแบบเอ็นดูหรือถ่อมตัวหรือเหยียดก็ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำเสียง
ส่วนหญิงสูงศักดิ์ไทย มันต้องแยกยุค อย่างอยุธยา ตำแหน่งสนมเอกชื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ หรือรัตนโกสินทร์ เรียกสนมสามัญชนว่าเจ้าจอม ถ้ามีลูกก็จะเป็นเจ้าจอมมารดา แล้วยังมีตำแหน่งมเหสีอยู่สูงกว่านั้นอีก วิกิช่วยท่านได้

237 Nameless Fanboi Posted ID:K8t2GJDxk

>>236 หนูปี้มันคำเรียกตัวเองป่ะมึง

238 Nameless Fanboi Posted ID:zINloLCJ0

>>237 เออใช่ๆ เป็นสรรพนามแทนตัว โทษที

239 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

แอบบ่นในนี้ได้ไหม โม่งจะแตกไหมนะ 555 คือกูเห็นเพื่อนกูแต่งฟิคนะแต่บางทีก็แอบตงิดๆกับคำที่เขาเลือกใช้ว่ะ อย่างดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าก็ใช้ว่าสุริยะเทพยังไม่ตื่นจากการหลับใหล ซึ่งกูคิดว่ามันดูสูงส่งไปสำหรับสถานการณ์แล้วในความคิดส่วนตัว เทพก็ต้องเป็นลักษณะมนุษย์ด้วยสิ หรืออย่าง เจ้าของตัวตาสีฟ้าใต้คิ้วเรียวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย คืออ่านแล้วชะงักนิดๆ มันออกแนวงงๆชอบกล แบบนี้เป็นประธานนำประโยคก็ได้เรอะ เอาเป็นว่าก็คห.ส่วนตัวล่ะนะ ขอแค่มีที่ระบายหน่อยก็พอ ฮา

240 Nameless Fanboi Posted ID:uebMbn697

>>239 เจ้าของตัวตาสีฟ้านี่คืออะไรวะ แต่งแฟนฟิคเสมิร์ฟเรอะ

241 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>240 ความจริงไม่ได้เขียนรายละเอียดแบบนี้แต่กูปรับนิดนึง กลัวโม่งแตก หมายถึงตลค. ที่มีคิ้วเรียวกับดวงตาสีฟ้าน่ะมึง แต่อ่านแล้วชะงักจริงๆเนอะ 555

242 Nameless Fanboi Posted ID:p1eby0VOU

เจ้าของดวงตาสีฟ้าป่าวมึง

243 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>242 ก็ใช่แหละ แต่ไม่รู้จงใจเขียนแบบนี้หรือเพราะแค่เขียนลงทวิตเลยไม่ได้เรียบเรียงมากน่ะ แต่กูล่ะขัดใจ๊ขัดใจ

244 Nameless Fanboi Posted ID:QgApPfOY1

>>239 นี่ว่าเหมือนเพื่อนมึงยังเขียนไม่เก่งอะ คือเหมือนพยายามใช้ภาษาสวยๆ แต่ไม่ได้ดูว่ามันเข้ากันกับเนื้อเรื่องมั้ย
คงต้องรอให้เค้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่านี้แล้วจะใช้สำนวนดีกว่านี้เอง
แต่กูก็เข้าใจที่มึงตะหงิดนะ เป็นกูเจอสำนวนอย่างงี้กูก็ไม่ชอบอะ 5555

245 Nameless Fanboi Posted ID:qU07IOlr6

>>239 ดูภาษามันแอ๊บลิเกเกินไปยังไงก็ไม่รู้ =w=' คือตรงพระอาทิตย์ขึ้นจะว่ามันเปรียบแบบนั้นก็ได้อยู่หรอกถ้าเป็นแนวแฟนตาซีจ๋าแล้วงานเขียนแบบยุคเก่าๆ หน่อยจะเขียนเปรียบเปรยกันประมาณนี้แหละแต่ถ้าเอามาใช้กับงานสมัยนี้แล้วเด็กรุ่นใหม่อาจจะแหยงกันเพราะมันเวิ่นเว้อถ้าให้รุ่นเก๋าๆ มาอ่านเขาก็คงปรามาสว่าแค่พยายามเลียนแบบงานรุ่งๆ ในยุคเขาไป
สรุปยังไงก็อยู่ที่บริบทในการใช้อ่ะนะ

246 Nameless Fanboi Posted ID:Tq4k3Nh6i

พูดถึงเรื่องนี้ กุก็มีปัญหานึกคำบรรยายพวกหน้าตาไม่ค่อยออกเท่าไหร่เหมือนกันนะ กำลังเซงๆอยู่รู้สึกใช้คำซ้ำซาก

>>239 พระอาทิตย์ต้องดูว่าเนื้อเรื่องมันแนวไหน ถ้าแฟนตาซีหรือเทพเซียนก็ไม่แปลก ก็อลังๆแบบนี้แหละ แต่ถ้าจะอลังก็ต้องอลังให้ตลอด ไม่ใช่สลับไปสลับมา แต่แต่งฟิคอย่าไปซีมากเลยเมิง มองผ่านได้ก็ผ่านเถอะ หลายคนก็แต่งกันเล่นๆสนุกๆ ถ้าแต่งนิยายจริงจังค่อยไปด่ามัน

247 Nameless Fanboi Posted ID:sBn6JOlv.

>>246 อันนี้จริง จะไม่ใช้แบบอลังๆแบบเพื่อนกูแต่ก็นึกคำแบบหลากหลายไม่ออก
เป็นฟิคหนังในจักรวาลแฮร์รี่น่ะ บอกได้แค่นี้สุดๆแล้วนะ เดี๋ยวโดนมันมาแหกอก 555 เป็นแนวย้อนยุคญี่ปุ่นแต่ชื่อยังอิ้งอยู่ กูเคยอ่านด้อมอื่นเซ็ตติ้งญี่ปุ่นก็จริงแต่เปลี่ยนชื่อด้วย ก็นะ แล้วแต่คนนั่นแหละ แต่ชื่ออิ้งในเซ็ตญี่ปุ่นกูก็ยังมองว่าแปลกๆนิดนึง กูอ่านไม่จบหรอก กูไม่ได้ตามแต่แค่ย่อหน้าแรกถึงตรงสุริยะเทพกูก็ปิดแล้ว แฮะๆ

248 Nameless Fanboi Posted ID:Z5OQVa6T6

มึง ถ้าเราเขียนผังตระกูลให้นักอ่านดูมันจะเป็นการสปอยล์ป่ะวะ

249 Nameless Fanboi Posted ID:A36m+ooKc

>>248 ถ้าบางตัวละครยังไม่ได้บอกความสัมพันธ์ในเรื่องแล้วเมิงกะจะให้รู้ทีหลังก็ถือว่าสปอยนะ แต่เอาจริงจังปะ กุเห็นหลาย ๆ คนสปอยตั้งแต่แนะนำตัวละครแล้วว่ะ เวลาเปิดไปอ่านอะ 555+ อยู่ที่เมิงซีเรียสไหม ถ้ามันเป็นจุดที่ต้องเก็บเป็นความลับก็เว้นตัวละครนั้นไว้ก่อนค่อยใส่ทีหลัง หลังจากแต่งจนถึงจุดเฉลยก็ได้ กุเข้าใจเมิงนะว่ากลัวคนอ่านงงอะ ยิ่งพวกตัวละครเยอะๆ มึนตาย

250 Nameless Fanboi Posted ID:xGeam0Vh1

พอเราเป็นคนจริงจัง มองโลกค่อนข้างซีเรียส แล้วจะเขียนฉากคอเมดี้นี่โคตรยาขมเลยนะ เหนื่อยมาก อ่านทวนยังไงก็ดูเหมือนยัดแก๊กให้ตัวละคร แค่ฉาก ๆ เดียวรื้อทิ้งไปจะสิบรอบแล้ว พวกเพื่อนโม่งทำยังไงกันวะกับจุด ๆ นี้

251 Nameless Fanboi Posted ID:lTb01Zxs2

>>250 สงสัย นิยายของเพื่อนโม่งจำเป็นต้องมีฉากคอมเมดี้ด้วยเหรอ ถ้าไม่ถนัดก็ไม่ต้องไปฝืนเขียนก็ได้นะ

252 Nameless Fanboi Posted ID:l1PhcdHUn

>>250 พวกฉากตลกกุก็ไม่ค่อยเขียน จะเขียนออกแนวขำนิดๆ ขำลึกๆมากกว่า แบบขำความคิดตัวละคร หรือการกระทำ สร้างนิสัยตัวละครให้มันดูตลกตามธรรมชาติ มากกว่าจะไปยัดมุก คำพูดให้ดูขำอะ ไม่ถนัดคิดคำพูดกลัวจะแป๊กเลยเอาตามทางที่ถนัดดีกว่า กุอ่านหลายคนมันแป๊กกุไม่อยากให้นิยายกุเป็นแบบนีั้นอะนะ อารมณ์แบบด่าของคนอื่นไว้ก็ไม่อยากทำแป๊กเอง 555+

ถ้าส่วนตัวกุนะ ก็จะหานิยายแนวนี้มาอ่าน หรือนึกฉากที่เคยอ่านแนวนี้แล้วชอบ แล้วดูว่าทำไมกุถึงชอบ กุถึงขำอะไรแบบนี้ แต่กุก็ประเภทขำง่ายด้วยนะ แล้วถ้าตันก็ลองพักสมองไปก่อนก็ได้ เวลากุตันๆหรืออารมณ์แบบเครียดเขียนยังไงก็ไม่ถูกใจก็พัก ข้ามไปแก้พล๊อตหรือไปอ่านไรพักสมองสักพัก ดูซีรีย์ แล้วค่อยวนมาใหม่ก็ช่วยได้นะ

253 Nameless Fanboi Posted ID:kfaoHsOaw

ฉากตลกนี่ยากมากเลยว่ะ แม่งไม่ใช่แค่มุก แต่เป็นเรื่องลงจังหวะ แล้วก็การใช้คำด้วย ยาวไปไม่ฮา สั้นไปไม่เก็ท

แต่กุเขียนอะไรก็รู้สึกตลก (เพราะกุขำง่ายด้วยแหละ) ปัญหาที่กุแก้ไม่ตกเลยก็คือดราม่าไม่ได้ ดราม่ายังจะตลก มันใช่เวลามั้ย!

254 Nameless Fanboi Posted ID:fToe6iX+n

>>250 ถ้ามีคนบอกให้มึงแทรกฉากตลกในเรื่อง มันแปลว่าที่มึงเขียนมามันไม่น่าติดตาม ว่ะ
ถ้าไม่มีคนบอกแต่มึงอยากใส่เอง กุคิดว่าไม่จำเป็น

255 Nameless Fanboi Posted ID:A9N3cUAKi

คิดแบบนี้มันอันตรายจริงๆรึเปล่าวะ รึแค่เบียวไปเอง
https://www.dek-d.com/board/view/3752879/

256 Nameless Fanboi Posted ID:JiQgk4BSD

เขียนเรื่องย่อยังไงให้ดึงดูด??

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.