กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/
สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ
Last posted
Total of 1000 posts
กระทู้เพื่อพูดคุยเทคนิคการเขียน และเรื่องการประกวดต่างๆเกี่ยวกับนิยาย
กระทู้แรก > https://fanboi.ch/literature/2342/
สวัสดี เราเห็นกระทู้เต็มแล้วก็เลยตั้งให้น่ะ
อ่าว เต็มแล้วเหรอ ไม่ทันรู้ตัวเลยแฮะ
เอ้อ เรามีเรื่องจะปรึกษาน่ะ ตอนนี้กำลังเริ่มนิยายเรื่องใหม่อยู่ เป็นแนวใหม่ที่ว่าจะลองแต่งดู
อยากรู้ว่าเพื่อนโม่งคิดยังไง สมผลพอรึเปล่า?
เรื่องย่อคือ อาณาจักรมนุษย์เป็นมหาอำนาจของโลกในตอนนั้น แต่ว่าหลังจบศึกสงครามครั้งใหญ่กับจอมมารเมื่อ 100 ปี ก่อน
ก็อยู่ร่วมกับอาณาจักรอื่นด้วยสันติมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมามีปัญหาทางการเมืองเพราะสนธิสัญญาพันธมิตรกับ 3 อาณาจักรมหาอำนาจอื่น
อยู่มาวันนึงก็ได้มีอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นติดกับพรหมแดนของมนุษย์ เป็นอาณาจักรที่ประชากรทั้งหมดเคยเป็นมอนสเตอร์ไร้ปัญญามาก่อน
แต่มนุษย์เองก็ไม่ค่อยจะมองเป็นภัยคุกคามเท่าไหร่เพราะยังดูถูกคิดว่าเป็นแค่มอนส์กากๆเลยไม่มีการติดต่อทางการทูตใดๆ
ทีนี้จะมีเหตุผลอะไรให้มนุษย์ที่อยู่กับความสงบสุขมาเป็น 100 ปีหลังจบสงครามกับจอมมารมาเริ่มทำสงครามอีกครั้งดีอ่ะ? คือประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่จากตอนนั้นเช่นพวกพ่อมดกับเอลฟ์(เป็นพลเมืองในสนธิสัญญา)ที่อายุยืน ก็ยังเหลืออยู่น่าจะเอียนสงครามกันแล้ว ถ้าไม่มีสาเหตุที่รุนแรงจริงๆแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนจะสนับสนุน ก็เลยคิดว่าเจ้าหญิงของอาณาจักรมนุษย์ที่กำลังโตเป็นผู้ อยากสร้างผลงานเอาใจพระราชา เลยไปสานสัมพันธ์กับอาณาจักรของมอนสเตอร์(เจ้าหญิงออกแนวหัวเสรี) ระหว่างทางบังเอิญเจอพวกมอนสเตอร์เข้า ก็เลยเข้าไปพูดคุยด้วย แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษากัน แถมมีทหารติดอาวุธตามมาด้วย พวกมอนสเตอร์ก็เลยฆ่าตาย เป็นชนวนให้นำอาณาจักรมนุษย์เข้าสู่สงครามอีกครั้ง
เพื่อนโม่งคิดว่าจะสมเหตุสมผลมั้ยอ่ะ? คือถ้ามองในเชิงลึก พระราชาก็น่าจะคิดมากพอตัวว่าพวกไหนเป็นคนฆ่า แถมยังมีเรื่องสนธิสัญญาพันธมิตรอีก เลยไม่น่าจะรีบประกาศสงครามเพราะความโกรธ แล้วประชาชนจะโกรธแค้นแทนถึงขนาดสนับสนุนให้ประกาศสงครามรึเปล่า? ช่วยแสดงความเห้นให้เราหน่อยสิ
>>3 เราว่าพลอตแอบเชยนะ แต่ก็เขียนไปเถอะ รายละเอียดเรื่องก็ลองทำให้มันต่างจากคนอื่น ถามว่าสมเหตุสมผลไหมอ่านเผินๆคิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเรื่องด้วย เช่น ราชาอาจจะรักลูกมากกกกและมีนิสัยเลือดร้อนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วเจ้าหญิงคนนั้นเป็นที่รักของประชาชน พอโดนฆ่าเข้าทุกคนก็โกรธแค้นเป็นชนวนศึก หรือไม่ก็สร้างเรื่องมาก่อนว่าไอพวกมอนสเตอร์มันเคยทำร้ายมนุษย์มาก่อนซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่มุมมองมนุษย์ไรงี้ บลาๆ อะไรก็เขียนไปดิ หาเหตุผลให้มัน อาจจะต้องใจเย็นๆหน่อย
>>4 เราแต่งไว้แบบที่เพื่อนโม่งแนะนำ เป๊ะๆเลยนะตอนแรก แต่ไม่รู้ทำไมยังรู้สึกว่าไม่สมผลพอ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้อธิบายตัวละครพระราชาให้ละเอียดพอละมั้ง คือตอนแรกกะจะใส่มาให้ตายอยู่แล้วเลยไม่ได้ใส่ใจมาก แต่พอย้อนกลับมาอ่านเองอีกรอบปรากฏว่ารู้สึกไม่สมผลซะงั้น ตัวเริ่มเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี่ต้องใช้ความใส่ใจมากทีเดียวแฮะ ก็ต้องขอบใจเพื่อนโม่งที่ช่วยพินพอยท์ให้
ส่วนเนื้อเรื่องจริงๆ จะดำเนินเรื่องหลังจากนี้น่ะ นางเอกที่เบื่อโลก ไม่มีความฝัน ประเทศตัวรับผู้อพยพมาเยอะมากแล้วผู้อพยพก็กลายเป็นผู้ก่อการร้าย เธอโดนลูกหลงจากการก่อการร้ายเลยมาเกิดใหม่เป็นเจ้าหญิงองค์ที่ 2 ที่โลกนี้ แต่ไม่เสียความทรงจำเพราะเหตุผลบางอย่าง ที่แย่กว่าเดิมคือเหมือนจะขาดเซ้นส์ความเป็นมนุษย์ไปเลย พอพี่สาวเจ้าหญิงองค์แรกตาย ก็ได้แต่หมกตัวในวัง จนบ้านเมืองเกือบจะล่มจม มารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองแบกรับความฝันของประชาชนไว้มากมายก็เกือบจะสายไป พระราชาเองก็นำศึกจนตัวตายเลยได้รับตำแหน่งราชินีมา หลังจากนั้นตัวนางเอกก็จะหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆของอาณาจักรมหาอำนาจที่ใกล้จะถึงจุดจบ ด้วยเรื่องที่เรียนมาในโลกเก่าแล้วก็ค่อยๆเรียนรู้ใหม่จากที่นี่ในฐานะเจ้าหญิงด้วย โดยหลักๆจะเป็นสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบอบการปกครอง แล้วก็เผ่าพันธุ์(ชาติพันธุ์) สุดท้ายก็ตามหาความฝันแล้วก็ไขปริศนาความทรงจำของตัวเอง แต่เพราะพยายามจะทำให้มันสมผลที่สุดเลยไปนั่งเก็บข้อมูลมานานเกือบเดือนละ - -
เอ้อ แล้วสาระเช่น พวกทฤษฏีการปกครอง ยุทธวิธีการรบ หรือพวกทฤษฏีการทูตนี่จะใส่มายังไงให้ดูไม่น่าเบื่อดีอ่ะ คือมันค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เลยกลัวว่าถ้าย่อแล้วผู้อ่านจะรู้สึกว่ากำลังอ่านคอร์สวิชาการทูตอยู่ พอจะแนะนำให้เราได้บ้างมั้ยอ่ะ ปกติเราแต่งแต่แนวบันเทิง ตลก ติ๊งต๊องเลยยังไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่
>>5 หาพวกหงสาจอมราชันย์มาอ่านดู
กุกำลังร่างพล็อตอยู่เหมือนกัน แต่กลัวคนอ่านจะไม่ชอบอะไรแบบนี้
เรื่องคร่าวๆ คือ
ตัวเอกเป็นวิศวะกรเวทมนต์บรรจุใหม่ในเหมืองแร่ที่สกัดผลึกกักเก็บเวทมนต์จากสิ่งมีชีวิต ซึ่งเหมืองนี้เป็นทั้งคุก แดนประหาร และสถานที่พิเศษบางอย่าง กะจะสร้างคอนฟลิคพวกกบฏ การเมืองภายใน เชื้อชาติ ศาสนา ให้มันตีกันในเหมืองนี้สักพัก แล้วก็ระเบิดเหมืองทิ้งก่อนออกไปสู่โลกภายนอกที่เริ่มสงครามไปสักระยะแล้ว แล้วค่อยกอบกู้อาณาจักรคืนทีหลัง
คนมันจะเข้าถึงมั้ยวะ นั่งเขียนเรื่องไป เขียนloreไป กลัวเชื่อมloreพลาดชิบ
อัพนิยายตอนไหนที่คนจะเห็นเยอะๆ ปกติอัพกันกี่โมง
>>8 ถ้าตามปกติคนเล่นเน็ตเยอะก็ช่วงหลังทุ่มนึง ถ้าจะเอาคนเห็นเยอะๆก็ช่วง 19.00-21.00 กุว่าน่าจะพีคสุด
>>5 พวกทฤษฎี สำหรับกุเลยนะ กุชอบแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ใช้วิธีการแสดงเหตุการณ์ให้เห็นภาพแล้วค่อยๆอธิบายทีละจุดหรือมาเฉลยทีหลังก็ได้ ถ้ามาแบบยาวเหยียดนี่จะน่าเบื่อ กุก็กะเขียนแนวๆนี้เหมือนกัน แบบเน้นสาระหน่อยๆ แต่ไม่แฟนตาซีนะ กลัวเหมือนพวกเมิงเหมือนกัน กลัวว่าจะน่าเบื่อ ก็ต้องหาไรมาแซมๆให้ดูไม่เบื่ออยู่ ปวดหัวอยู่ 555
ส่วนเรื่องพล๊อตกุว่าถ้าเน้นเรื่องความสัมพันธ์ตัวละครให้อินมากขึ้นน่าจะโอเคขึ้นนะ ค่อยๆปูให้มีเหตุผลในการเกิดสงคราม เพราะตามปกติ ประชาชนทั่วไปมักไม่ชอบสภาวะสงครามอยู่แล้ว ยกเว้นเป็นประเภทชื่นชอบการต่อสู้ เรื่องตัวละครถึงรู้ว่าจะตายแต่กุว่าควรใส่ใจนะ กุคิดว่าถ้าคนแต่งเองยังไม่อิน คนอ่านก็คงจะไม่อินหนักกว่าอีกน่ะ คือกุก็มีตัวที่กะไว้ว่าจะให้ตายอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้แบบตายแล้วยังมีคนนึกถึงอะไรแบบนี้ กุไม่ค่อยอยากทิ้งๆขว้างๆตัวละครเท่าไหร่ คือคิดชื่อนานไง 555+
>>6 แต้งกิ้วมากที่แนะนำ
เรื่องของโม่งเราว่าพล็อตโอเคอยู่นะ ชอบแนวที่มันให้อารมณ์เหมือนถูกพันธนาการ จำกัดเสรีภาพ
แต่เขียนเรื่องว่ายากแล้ว การทำให้คนเข้าถึงเราว่ายากกว่า ยังไงก็สู้ๆ
>>9 แนวนี้เขียนยากจริง ถ้าไม่แฟนตาซีเราว่ากลุ่มผู้อ่านจะจำกัดขึ้นไปอีก คือจะมีแต่คนอายุ 20+ อ่านละ อาจจะเข้าถึงผู้อ่านยากขึ้น
แต่เฮ้ย ขอบใจมากกกก ก็คิดอยู่ว่ามันขาดอะไรไป ขาดจุดเด่นให้ตัวละครมีความน่าจดจำและนึกถึงนี่เอง เรื่องชื่อนี่คิดยังไงให้ออกมาดูดีอ่ะ เราคิดชื่อตัวละครได้กระจอกสัสๆพอมาอ่านเองแล้วชื่อยังกะตัวประกอบ 555 ส่วนตัวนี่ก๊อบชื่อมาจากประวัติศาสตร์ยุคกลางทั้งนั้น - -
เอ้อ ขอถามอีกหน่อย ถ้าเป็นนิยายแนวสงคราม คนส่วนมากจะนึกถึงเรื่องแนวตัวเอกเทพบู๊แหลกอะไรงี้ช้ะ แต่เราไม่คิดงั้นอ่ะ คือสงครามมันควรจะลงลึกมากกว่าแค่ต่อสู้กัน เช่นแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ชิงไหวชิงพริบไรงี้ ซึ่งพอเริ่มแต่งไปฝ่ายตัวเอกมันไม่ควรจะขาวสนิท ควรจะเป็นสีเทาๆมากกว่าเพราะไม่มีฝ่ายไหนดีฝ่ายไหนเลว ต่างฝ่ายต่างก็สู้กันเพื่อความอยู่รอด แต่เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้นิยายดูดาร์ค ดูมืดมน เพื่อนโม่งคิดว่ายังไงกัน?
>>11 เขียนถึงความจำเป็นของการกระทำพระเอกสิ อย่างสมมติพระเอกส่งคนไปลอบสังหารอีกฝ่าย แล้วคนที่ลอบสังหารทำงานสำเร็จแต่ถูกจับได้ โดนฆ่า พระเอกรู้ข่าวตอนอยู่กับคนอื่นก็ทำหน้านิ่งๆ เย็นชา แต่พออยู่คนเดียวก็แสดงอาการเจ็บปวดหัวใจ แบบเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็อาจจะตามมาอีกมาก คล้ายกับสถานการณ์บีบบังคับให้ทำ คนอ่านจะได้รู้สึกเห็นใจพระเอก แต่ถ้าไม่มีเหตุผลรองรับ คนอาจจะบอกว่าพระเอกโรคจิต แนวดาร์คแน่นอน >>> แบบนี้มันน่าเบื่อนะ ออกซูด้วย
>>17 โอเค
เพื่อนโม่งเราคนเดิมนะ คือมันเป็นแนวสงครามแหละ แต่อยากรู้ว่าถ้าตอนเริ่มเรื่องมา เป็นแนวสดใสครอบครัวอบอุ่น ตัวละครต่างๆน่ารัก ฮีลลิ่งดีต่อหัวใจ
แต่พอเริ่มดำเนินเรื่องไปก็เริ่มมืดมน ตัวละครต่างๆในครอบครัวค่อยๆหายไปเรื่อยๆ จนเหลือตัวเอกเพียงคนเดียว
แล้วไปมืดมนถึงขีดสุดในตอนท้ายๆคือคนมากมายและตัวละครสำคัญตาย โดนจับไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่จะโดนคนอ่านด่ามั้ย - -
คือคิดว่าพยายามใส่เหตุผลการตายของตัวละครแต่ละตัวมาจนไม่มีจุดบอดแล้ว แต่พอมาอ่านๆดูมันตายมากเกินไปจนจะเหลือแค่ตัวเอกคนเดียวแล้ว
ส่วนที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เองก็ใส่เหตุผลอันเหมาะสมตามแบบสงครามที่มีคู่ศึกเป็นพวกบ้าอำนาจ ชาตินิยมแล้วด้วย คือนิยายสงครามมืดมนจนเรียลไปนี่จะดีมั้ยนะ
>>19 มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบเรียลๆนะถ้าเหตุผลแน่นพอมันก็โอเค สงครามไม่มีคนตายเลยมันก็ไม่ใช่ปะวะ แต่ก็ไม่ใช่แบบเมะบางเรื่องที่จบแบบที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร พอจะนึกออกมะที่คนด่าๆกันเยอะ ก่อนอื่นต้องระบุไว้เลยนะว่าแนวไหน คนอ่านจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าไม่ดราม่าแล้วมาด่าทีหลัง
เอานิยายลงที่ไหนดีที่ไม่ใช่เด็กดี คือกูแค่หมั่นไส้ส่วนตัว มันมีเว็บที่ดีกว่านี้มะ หรือลงๆแม่งไปเหอะ?
เพื่อนโม่ง หนังสือคลังคำนี่ดีป่ะ ซื้อแล้วคุ้มไหม
>>27 คลังคำ น่าจะมีเฉพาะร้านนายอินทร์ https://www.naiin.com/product/detail/190307/
เห็นพิมพ์ใหม่แล้วโมโห กูตามล่าตามหามาหลายปีไม่มีพิมพ์ใหม่ พอล่าจนเจอ ได้มาไม่กี่เดือน ตีพิมพ์ใหม่ เพิ่มศัพท์ใหม่ แม่ง
ถามห้องไหนได้บ้างเนี่ย คือเพิ่งเห็นข่าวที่โครงการนักเขียนหน้าใสประกาศว่ามีนิยายเรื่องนึง โดนตัดสิทธิเพราะไปดัดแปลงนิยายเรื่องอื่นมาอ่ะ ใครพอจะรู้เรื่องบ้าง?
>>30 กูเจอแต่ของในเฟสแค่นี้เองว่ะ https://www.facebook.com/jamsaiteenwriter/photos/rpp.293243310799926/458024597655129/?type=3&theater
ประกวดปีนี้กูไม่ตามว่ะ เพิ่งได้ยินข่าวเลยไปคุ้ยดู มีเม้นนึงในหน้านิยายตั้งข้อสังเกตว่าไดอะล็อกการบรรยายของเรื่องคล้ายกับมังงะญี่ปุ่น
ซึ่งกูก็ไม่ได้ตามดูมังงะสมัยนี้ เลยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แล้วประเด็นของเรื่องคือการมองเห็นด้ายแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าไปคล้ายกับการ์ตูนหรือนิยายเรื่องไหน
อาจจะเป็นการลอกฉากจากเรื่องอื่นมาลงก็ได้มั้ง
อัพเดตล่าสุด เจ๊แตมรี่โพสต์ตอบว่าไปคล้ายการ์ตูนในโค่เรื่องนึง
ทำกันเป็นเรื่องปกติแล้วมั้งในเด็กดีก็มีพวกก๊อปแต่ได้รับความนิยมอยู่เพียบ
อืม เดี๋ยวนี้กูเขียนอะไรไม่เกินพันคำเลยว่ะ พอเขียนแบบไม่อีดิตก็ยังถึงอยู่หรอก แต่พอจะอีดิตนี่ตัดออกไปเยอะ ไหนจะเรื่องคำซ้ำ คิดคำบรรยายไม่ออกอีก ยิ่งเขียนยิ่งสั้น อย่างล่าสุดเขียนไปได้แปดร้อยกว่า อีดิตเสร็จเหลือห้าร้อยกว่าคำเองแฮะ เฮ้อ
เออ เพราะยังงี้ด้วยมั้งกูถึงเขียนเรื่องยาวไม่ได้ซักที แค่เรื่องสั้นกว่าจะถึงพันคำก็เค้นแทบตาย กูห่างไปนานกับอ่านน้อยลงด้วยก็น่าจะมีส่วนสินะ นี่กูเพอร์เฟคชั่นนิสไปป่าววะเนี่ย
เพื่อนโม่งกูจะสามารถหาข้อมูลเรื่อง bdsm จากไหนบ้างแบบเล่นกันยังไง มีข้อควรระวังยังไง อะไรแบบนี้
คงต้องเข้าสู่โลกมืด สายการ์ตูนมังงะของยุ่น สายโยมังงะของเกาหลี มีให้ศึกษาเป็นเพียบ
ส่วนเป็นหนังแสดงของคนนี่กูว่าไม่ค่อยน่าดูเท่าไร แบบมันขาดการบรรยายความรู้สึกอะไรบางอย่างไป
มึง เขียนนิยายนี่มันต้องยึดความต้องการตัวเราหรือคนอ่านวะ เห็นคอมเม้นอยากได้แบบนู้นแบบนี้แล้วกูก็ชักไม่มั่นใจแล้วดิ
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก เห็นบ่อยๆเข้ามันก็นอยด์วะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่ชอบ คนนี้พระเอกเหรอไม่เอา อยากได้อีกคน จะเปลี่ยนก็ต้องโละหมด เปลี่ยนนิสัยก็หลุดคาร์อีก เห้อ
ระบายความในใจเกี่ยวกะนิยายลงโม่งนี่จะรกไหม
>>42 ถ้ายึดคนอ่านจะได้ตลาด แต่คนอ่านยิ่งมากก็ยิ่งมีความต้องการหลากหลายไม่มีทางที่จะสนองได้ครบทุกความอยาก พอเขียนให้ถูกใจได้ประเด็นหนึ่งก็จะมีประเด็นอื่นมาด่าใหม่ได้เรื่อยๆ ความละโมบตะกละตะกลามของคนอ่านไม่เคยพอเพียง ยิ่งในยุคนี้สันดานระบายลงคีย์บอร์ดอย่างเมามันไม่สนใจผู้เขียน ผรุสวาจาพ่นออกมาบ่งบอกรากเหง้าการเลี้ยงดูเต็มหน้าจอ
ยึดตัวเองจะได้แนวทางและตัวตน เขียนจากตัวเอง รับผิดชอบผลงานตัวเอง ความภูมิใจว่าเกิดจากตัวเอง แต่อาจจะขายไม่ออก
https://www.facebook.com/pippopippii/posts/10158199849990263?__mref=message_bubble
แวะมาแปะให้ เผื่อมีประโยชน์ เกี่ยวกับนิยายออนไลน์ลองอ่านดูนะ
คือมึง การที่เราอ่านผลงานคนอื่นแล้วได้แรงบันดาลใจอยากแต่งแนวนั้นบ้าง มันต้องเหมือนแค่ไหนวะถึงจะไม่ดู "ลอก" เกินไป
แล้วเราต้องออกตัวว่าได้ อินสไปร์มาจากเรื่องนั้นแต่เนิ่นเลยหรือค่อยบอกทีหลังตอนคนอ่านทักดี
>>48 บอกไปก่อนเลยดีกว่า
สำหรับกูถ้ามันแบบถ้ามันยังกว้างๆอยู่ได้แรงบันดาลใจจากแฮรี่งี้ เป็นคนสำคัญแล้วเข้ารร.เวทย์(หรือพลังพิเศษอื่นๆ)เลือกหอเจอนู้นนี้นั่นในรร. กูจะยังถือว่าแรงบันดาลใจนะ
แต่ถ้าเจอแบบรายละเอียด เป็นคนสำคัญเข้ารร.ต้องเข้าทางลับไปหยุดอาจาย์ แต่จริงๆจารที่สงสัยไม่ใช้คนร้ายคือจารอีกคน อะไรงี้กูจะรู้สึกว่าแม่งลอกแล้ว
ก็อดฟาเธอร์ ก็เป็น กระบี่ ผีเสื้อ ดาวตก ของโกวเล้งได้ อันนี้ใกล้เคียงมาก
ไม่รู้ถามแล้วจะมีคนตอบหรือเปล่า
แบบเพิ่งได้เซ็นสัญญาครั้งแรกแล้ว
คือ ใครรู้บ้างว่า นักเขียนปกตินี่ สนพ. จ่ายค่า ebook ให้ล่าช้าสุดกี่เดือนหรือกี่ปี
แบบได้ตีพิมพ์นะ แต่ไม่ได้เงินส่วนแบ่ง ebook มาจะครบปีหนึ่งแล้ว
มันแปลกมากไหม งานก็ได้ป้ายประดับด้วย
เลยงงๆ ว่า สนพ. อื่น เป็นยังไงกันบ้าง
>>59 อันนี้ไม่รู้จริงนะ
คิดว่ามันแปลกมากๆ อยู่ ยอดอะไรก็ไม่แจ้งทั้งนั้น
เวลามันนานมากเกิน
คิดในใจว่าเรื่องที่เขียนนี่ขายดีด้วยนะ แบบขึ้นหน้าแรกในเวลาไม่กี่วัน
แต่ไม่เคยได้รับรายงานอะไรเลย
คิดว่าคงมีปัญหาแล้วละ
รู้งี้ทำมือขายเอง สบายใจกว่าต้องมาเครียดว่าจะถูกโกงหรือเปล่าอีก
กูอยากลองแปลอะไรหน่อย ถามหน่อยว่าเวลาเจอประโยคที่ในหัวอะเข้าใจแต่แปลไม่ถูกจะทำไง กับเวลาแปลได้ประโยคแล้วแต่แข็งสัสๆเลยนี้จะทำไง
>>58 ปกติสัญญาที่ไม่มีระบุรายได้อีบุ๊คจะเสร็จสนพ. หมดในแง่เอาไปบอกว่าเอาไปต่อยอดส่งเสริมการขาย สำนักพิมพ์จะถือว่าหนังสือตัวเล่มเขาลงทุนเยอะเขาจะเอากำไรฟรีๆ จากอีบุ๊ค
ก่อนเซ็นต้องถามแต่แรกเลยว่ารายได้ที่นอกเหนือสิ่งพิมพ์ได้หรือเปล่า? บางทีเอาไปทำละครนักเขียนไม่ได้อะไรเลยก็มี สำนักพิมพ์ที่แฟร์จะบอกรายละเอียดเลยว่าอะไรที่เขาให้ได้ เขาไม่ให้ และอีบุ๊คนี่เองที่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักเขียนไปทำหนังสือกันเองหมดเพราะโดนหักแล้วหักอีกเหลือกลับมาถึงนักเขียนน้อยกว่าอัพเอง
ถ้าได้รายได้จากอีบุ๊คจากสนพ. ปกติเขาจะเคลียร์ยอด 6 เดือน / ปีละครั้ง หลังจากหนึ่งปีไปแล้วอีบุ๊คจะขายได้น้อย (มาก) ลืมๆ เบลอๆ ได้เลยเพราะถ้ายอดไม่เยอะเขาก็ไม่โอนหรือแจ้ง
ปล. ขายดีบางเว็บแค่หลักร้อยนะมึง อย่าไปเชื่อมาก
หลักร้อยเล่มก็หลายพันเกือบๆหมื่นอยู่นะ ถ้าแบ่งแฟร์ๆ ราคาเล่มเดี๋ยวนี่ไปที่ 250-300 บ. กันแล้ว
ได้ตีพิมพ์มันก็ดีตรงได้เหมาจ่ายในแบบรูปเล่มมาส่วนหนึ่ง
แต่ปกติสัญญามันจะแบ่งเซ็นสองอย่าง ถ้าถามกูที่เคยผ่านการตีพิมพ์มาเหมือนกัน ยุคนี้ถ้าแน่ใจฐานแฟนคลับตัวเอง ออกebook เองได้พอๆกับตีพิมพ์แล้ว
แถมสบายใจกว่าอีก เพราะขายebookได้เต็มๆในงานที่เราเขียน มีทุนก็ทำมือเองสักส่วนหนึ่ง แม้จะหลัก200-300เล่ม ก็ดีกว่าไปถูก สนพ. เหมาจ่าย
กูเจอแนวทางเขียนของกูแล้ว กูคิดว่าจะเอาดีทาง Fictional History แบบ World of ice and fire วะ
กูชอบประวัติศาสตร์ อ่านมาเยอะ ทั้งแบบวิชาการและกึ่งวิชาการ กูชอบ World Building ให้เสร็จหรือเกือบเสร็จแล้วค่อยเขียนนิยาย แต่ยิ่งทำยิ่งทำให้กูเขียนนิยายไม่ออก เขียนได้แต่พล็อต พอลองมาเขียนพล็อตแบบหนังสือประวัติศาสตร์แล้วสนุกกว่าที่คิด เขียนไหลลื่นดี กูเลยอยากรู้ว่ามีหนังสือแบบนี้อีกปะ จะได้เอามาเป็นแนวทาง
>>63 เดี๋ยวนี้น่าจะระบุสัญญา ebook หมดแล้วนะ
ส่วนตัวคิดว่าสมัยนี้ระบบขายเหมา น่าจะมีน้อยแล้วมั้ง นอกจากไปหานักเขียนหน้าใหม่ๆ ขึ้นมา
ส่วนนักเขียนที่พอรู้เรื่องการทำ ebook ก็น่าจะพอรู้เรื่องผลประโยชน์บางแล้ว
แต่คนที่มาถามว่าไม่ได้รายงานอะไรเกือบปีนี้ ผิดปกติมากๆ แล้วนะ
สนพ. น่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ
มีใครเคยขายพล็อตป่ะ กูนึกพล็อตเรื่องสั้นออกแล้วบอกเล่นๆว่าจะขายพล็อตแต่มีคนอยากซื้อ แต่กูไม่รู้ว่าเค้าซื้อขายกันเท่าไหร่
ห้องไหนคุยเรื่อง ARC award บ้างครับ
เจอตารางแบ่งอาชีพ (แฟนตาซี) น่าสนใจดี http://weareadventurers.tumblr.com/image/139671868489
เพื่อนโม่งมีนิยายรึประวัติศาสตร์แนวสงครามทหารม้าเด่นๆแนะนำมั้ยอ่ะ กำลังเขียนนิยายสงครามอยู่ พอมาถึงทหารม้ามันดันตันซะงั้นกลัวไม่เรียล
>>77 >>78 แต้งกิ้วค่ะ เพื่อนโม่ง ฮัสซ่านี่สุดยอดจริง
เอ้อ ขอถามอีกรอบนึงสิ คิดว่าถ้าเราเขียนแบบนี้จะโอมั้ยอ่ะ
คือศึกระหว่างสองฝ่ายจบลงแล้ว ฝ่ายนึงชนะแบบรู้ผลไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่ายชนะต้องการรักษาน้ำใจของฝ่ายแพ้ที่สู้กันมายาวนาน
โดยการหยิบอาวุธ ไปคืนให้กับมือแม่ทัพของอีกฝ่าย คนอ่านเขาจะเก็ทมั้ยเรื่องเกียรติยศอะไรแบบนี้ รึควรจะนำเสนอยังไงดี
>>79 ขึ้นอยู่กับเซ็ตติ้งโลก + สถานการณ์ล้วน ๆ อ่ะ แต่ขอฝากคำถามให้ไปลองคิดดูเผื่อจะช่วยให้เขียนง่ายขึ้น สาเหตุของศึกคืออะไร ศึกมันดำเนินไปยังไง และจบลงแบบไหน ความเสียหายทั้งสองฝ่ายเท่าไหร่ เป็นศึกจริง ๆ หรือเป็นแค่การประลองก่อนเริ่มระดับความจริงจังของศึกมีแค่ไหน คนที่นำทัพทั้งสองฝ่ายมียศอะไร มีเจ้านายมั้ย หรือว่าเป็นกษัตริย์นำทัพเอง แม่ทัพฝ่ายที่ชนะจะแน่ใจได้ยังไงว่าฝ่ายที่แพ้จะไม่หาวิธีเล่นงานกลับ หรือวางกับดัก หรือไม่มีพลหน้าไม้ซุ่มยิงรอเก็บ
>>79 เขียนอธิบายธรรมเนียมของโลกนั้นในสายตาของผู้แพ้สิ
มีกรณีที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ชนเผ่าบางเผ่ามีธรรมเนียมการยื่นของขวัญแรกพบหน้า อย่างเช่นยื่นกล้วยให้ ถ้าอีกฝ่ายรับแปลว่าเป็นมิตร มันมีนัยยะอีกอย่างที่แฝงอยู่ คือการกินของอย่างเดียวกันหมายถึงพวกเดียวกัน ใน GoT ก็มีธรรมเนียมให้แขกกินขนมปังกับเกลือ ซึ่งตั้งอยู่บนหลักเหตุผลเดียวกันนี้ละ
อันนี้เป็นเรื่องที่ 2 เองน่ะ เรื่องแรกปล่อยสุ่มๆไปแล้วมันฟลุคอะไรไม่รู้คนตามขึ้นมา เรื่องนี้เลยกะจะให้มันดูพัฒนาขึ้นมาหน่อย
เจ้า - จ้าว ใช้ต่างกันยังไง
จ้าว (โบ) น. เจ้า.
เจ้า ๑ น. ผู้เป็นใหญ่, ผู้เป็นหัวหน้า, เช่น เจ้านคร; เชื้อสายของกษัตริย์นับตั้งแต่
ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป, บางแห่งหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินก็มี เช่น เจ้ากรุงจีน;
ผู้เป็นเจ้าของ เช่น เจ้าทรัพย์ เจ้าหนี้; ผู้ชํานาญ เช่น เจ้าปัญญา เจ้าความคิด
เจ้าบทเจ้ากลอน; มักใช้เติมท้ายคําเรียกผู้ที่นับถือ เช่น พระพุทธเจ้า เทพเจ้า;
เทพารักษ์ เช่น เจ้าพ่อหลักเมือง.
เจ้า ๒ ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย สําหรับผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยอย่างสุภาพหรือ
เอ็นดู, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ เช่น เจ้ามานี่, คําใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง,
เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓, มักใช้เข้าคู่กับคํา นั่น เป็น เจ้านั่น เช่น เจ้านั่น
จะไปด้วยหรือเปล่า.
เจ้า ๓ น. คำนำหน้าชื่อเพื่อแสดงว่าเป็นเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ เช่น
เจ้าดวงเดือน; คํานําหน้าที่ผู้ใหญ่เรียกเด็กหรือผู้น้อย เช่น เจ้าหนู
เจ้าแดง เจ้านี่.
เจ้า ๔ น. ผู้ค้าขายสิ่งของต่าง ๆ เช่น เจ้าผัก เจ้าปลา, ลักษณนามหมายความว่า
ราย เช่น มีผู้มาติดต่อ ๓ เจ้า.
และ
https://pantip.com/topic/30208430
สรุป เหมือนกัน
คือกูสงสัยว่า ทำไมบางคนถึงใช้คะค่ะไม่ถูกวะ กูเจอในนิยาย กระทู้ตามเน็ต แล้วหงุดหงิดอะ
>>95 เนื่องจากกูใช้ไม่ถูกกูจะตอบให้(คนอื่นอาจไม่ใช้แบบเคสกู) เพราะอ่านแล้วมันรู้สึกเสียงไม่ต่างกัน คือแค่มีคะ/ค่ะ นะ/น่ะ ละ/ล่ะ อะไรจำพวกนี้มานี้กูอ่านออกเสียงไม่เป็นหมดเลยทุกอย่างออกเสียงเหมือนกัน เอาจริงคือกูก็พึ่งมารู้ตัวจนคนบ่นเยอะๆแล้วแบบ หือ มันเสียงต่างกันด้วยเหรอ?
ปล.กูควรบอกมั้ยว่ากูผันวรรณยุกต์ไม่เป็น
ปปล.กูพึ่งมาแยกคะ/ค่ะออกได้ด้วยคำว่าโยคะ(มีคนบอก) แต่กูก็นึกถึงโยคะแค่ตอนที่ต้องพยายามเขียนให้ถูก เวลาอ่านปกติกูก็ยังแยกคะ/ค่ะในหัวไม่ออกเหมือนเดิม
กูเห็นคนทวิตว่า จ้ะ เนี่ย ทุกคนออกเสียงเป็น จ่ะ กันอยู่แล้ว กูเลยสงสัย พวกมึงออกเสียงจ้ะว่ายังไงกันวะ ของกูจ้ะก็จ้ะ จะก็จะ และจ่ะเนี่ยไม่มี
>>95 สมัยเด็กน้อย กูเคยถามเพื่อนที่เรียนภาษาไทยมาด้วยกันว่าทำไมถึงเขียนนะค่ะในประโยคคำพูด เพื่อนกูบอกว่าคนอื่นเขาก็เขียนกันแบบนี้ แล้วจากนั้นกูก็เห็นคำว่านะค่ะมากขึ้นเหมือนเป็นเทรนด์อะไรสักอย่าง กูก็เลยทึกทักเอาเองว่าคำว่านะค่ะเนี่ยมันเกิดเพราะคนใช้ตามๆกันมาจนชินไปแล้ว แต่ถ้าค่ะกับคะ ที่ใช้ไม่ถูกเฉยๆนี่กูคิดว่าเขาใช้ผิดเพราะผันวรรณยุกต์ไม่ถูกเหมือนกัน
ส่วนนึงเพราะคนแยกไม่ออกระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียนด้วยมั้ย
คิดแต่ว่าวิบัติเพื่ออารมณ์ ออกเสียงแบบไหนเขียนแบบนั้น ไม่ยึดว่ามันถูกมั้ย เขียนแบบนี้น่ารักกว่า บลาๆๆ
>>95 การล้มเหลวในการสอนเรื่องการผันวรรณยุกต์ ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหามากเพราะเด็กไทยรุ่นใหม่ไม่รู้อะไรคืออักษรสูง กลาง ต่ำ และไม่เข้าใจภาษาทางการกับภาษาพูด
>>97 เหมือน อะ ไม่มี อ่ะ
>>101 +1
>>104 มั้ยคือภาษาพูด ไหมคือภาษาเขียน สามารถอนุโลมกรณีในเครื่องหมาย "..."
สังเกตอีกคำที่กำลังจะเป็นปัญหา "เมื่อไหร่" เห็นเริ่มพิมพ์ตัวนี้กันเยอะขึ้น
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.