สำหรับคุยเกี่ยวกับหนังสือคลาสสิค วรรณกรรมยุโรป เฮสเส นิทเช่ หรือวรรณกรรมชั้นสูง(ตามที่มีคนเรียก)
Last posted
Total of 270 posts
สำหรับคุยเกี่ยวกับหนังสือคลาสสิค วรรณกรรมยุโรป เฮสเส นิทเช่ หรือวรรณกรรมชั้นสูง(ตามที่มีคนเรียก)
Hesse ยังอ่านชื่อเค้าผิดเลย เป็นชนชั้นต่ำเสล่อมาตั้งมู้ก็เงี้ย
โทรลมาตั้งกระทู้ ปล่อยตกๆ
เสร่อสัส
ศัพท์นี้เอาไว้ใช้กับชนชั้นต่ำผมจะพิมพ์ยังไงก็เรื่องของผม
ถึงขนาดต้องไป gg มาบลัฟนี่สันดานขี้แพ้ฝุดๆเลยนะครับ
สะเหร่อ เสร่อ เสล่อ สเหร่อ สะสะสะเหล่อ
เอ้า สติแตกไปแล้วครับท่านผู้ชม ใจเย็นนะครับ
ทำเป็นพิมพ์ 555 กลบเกลื่อน จริงๆคงสติแตกจนทุบคีย์บอร์ดพังไปแล้วสินะ
เกิดเป็นชนชั้นต่ำช่างน่าสงสารจังเลยครับ
>>14 เฟสบุคเจ้าตัวถ้ามึงอยากด่าการแปล https://www.facebook.com/people/สดใส-ขันติวรพงศ์/100010925831293
ปล.ว่าแต่อยากคุยกันแต่แบบนี้จริงเหรอ
ทำไงได้ ไอ้ควายจากเด็กดีมันเข้ามาแล้ว
มึงหาวิธีต้อนควายกลับคอกได้ไหมล่ะ
สุดท้ายก็ต้องคุยกันแบบนี้แหละ
โดนเสี้ยมกันง่ายจังเลยพวกมึงเนี่ย
กูว่าปล่อยแม่งไปเหอะ อย่าไปเถียงกับมัน ไร้ประโยชน์ ให้มันดิ้นด่าๆ แสดงความต่ำตมด้านความคิดไปคนเดียว คงจะว่างมาก คนรอบตัวไม่คบ เลยไม่มีที่ระบาย เพราะดูแล้วมันไม่เลิกเหี้ยหรอก น่ารำคาญเหี้ยๆ
เห็นก็เลื่อนผ่านไป หาเรื่องมาคุยดีกว่า
ไอ้โง่เด็กดีแฟนตาซีก็ไม่ยอมปล่อยตกซะทีนะ
>>4 กรั๊กกกกกกกก ใช้สมองเถียงสู้ไม่ได้ก็เลยสอนคนอื่นสะกดคำซะงั้น
นี่มันสันดานกะเทยฟุเลยนี่หว่า อีกะเทยฟุยังหน้าด้านมาเสือกห้องหนังสืออีกหรอวะ คอก801นี่กั้นขยะแบบพวกมึงไม่อยู่จริงๆ
เก็บยาฆ่าแมลงให้พ้นมือพ่อแม่มึงด้วยนะ ขยะฟุ ขยะฟุ ขยะฟุ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆ
มึงคุยเรื่องคลาสสิคทีดิ๊ ทำไมกูเห็นมีแต่ด่าบ้าบอไรกัน
ไม่ได้ซ้ำ ไม่ได้ผิดห้อง ชื่อก็ไม่ไดด่าประชดอะไรเรื่องจะลบในเรื่องอะไรวะ
....กะจะเข้ามาหานิยายดีๆอ่านซะหน่อย น้ำตาไหลเบย.......
กุนี้อยากรู้มากว่า คห.ไหนของใคร คนนอกอย่างเราดูไม่ออกเบย
มีใครอ่านนาร์เนียทั้งซีรี่ส์จนจบบ้าง กูดูแต่หนังรู้สึกเหมือนเป็นแค่นิทานเด็กเริ่มโตธรรมดาๆ
พออ่านหนังสือจริงๆแม่งแฝงนัยยะเรื่องศาสนาเยอะมาก บางอย่างแม่งใส่มาแรงๆแบบไม่กั๊กเลยด้วย
กูล่ะแปลกใจที่ไม่มีใครเอามาเป็นประเด็น
>>36 กูเป็นคริสต์ อ่านแล้วเหมือนมันย่อยไบเบิลมาให้อ่านง่าย ๆ อะ ทุก ๆอย่างในเรื่องมันเกี่ยวกับศาสนาหมดเลย ขอเรียงภาคแปป เผื่อมีโม่งสนใจ
1.กำเนิดนาร์เนีย เป็นภาคที่ปู่ย่าของไอ้สี่สหายไปเจอตอนนาร์เนียโดนสร้าง เจออัสลาน(สิงโต=GOD) มาร้องเพลง พอร้องปุ๊ปร้องว่าอะไรก็มีสิ่งสร้างเกิดขึ้นตามนั้น ตามเล่มแรกของไบเบิล NEMESIS ตอนพระเจ้าสร้างโลกเป๊ะ มีแม่มดมาจากโลกที่ใกล้จะพัง แม่มมดก็มายืดที่นึงในนาร์เนียไป เหมือนการมาของซาตานไรงี้
2. ตู้พิศวง อันนี้ก็เป๊ะ ย้ำอยู่ว่าผู้ครองนาร์เรียต้องเป็นบุตรของอาดัมกับเอวาเทานั้น มีฉากตายแล้วฟื้นคืนของอัสลาน เล่มนี้มันรีพีทฉากและชีวิตของพระเยซูเต็ม ๆ สนุกนะ นั่งจับความเหมือนจับนัยยะอะไรเทียบไปเรื่อย
3. อาชากับเด็กชาย อันนี้กูงง ๆ เป้นพวกคนดำ จำชื่อไม่ได้อะ แต่สนุกดี ผจญภัย
4. เจ้าชายแคสเปี้ยน อันนี้เหมือนเล่าถึงยุคที่ศรัทธาเสื่อมสลาย คนไม่เชื่อในอัสลานไม่เชื่อในสิ่งวิเศษต่าง ๆ อีกต่อไปไรงี้ โดนคนต่างถื่นเข้ามาปกครองนาร์เนีย สนุก
5. ผจญภัยโพ้นทะเล อันนี้กูว่าฟีลลิ่งมันมีสัญลักษณ์เยอะมาก กูโคตรชอบแต่ละเกาะที่ผจญภัยเลยอะ น่ากลัวมาก ต้องไปอ่านเอง มีจุดแบบไบเบิลตรงที่อัสลานมาบอกเด็กสี่คน+ยูสตาส(ญาตินิสัยเสียที่โดนพามานาร์เนียด้วยแบบงง ๆ) ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะพวกเจ้ากำลังโตขึ้น แต่เราจะได้พบกันอีก.....
6. เก้าอี้เงิน อันนี้เป็นโลกใต้บาดาลล้วน ๆ มีคนคุม สิ่งใ้บาดาลก้จะนากลัๆ เหมือนอยู่ในนรกนิดนึง กูหลอน ถ้าอ่านพวกไบเบิลมาจะรู้ว่าบาดาลไม่ใช่นรก แต่อยู่ใกล้นรก เป็นที่อยู่ของพวกไม่มีที่ไปอย่างตอนพระเยซูเจ้าเกิด เด็กทารกนับพันคนถูกสังหารเพราะกษัตริย์เฮโรดตอนนั้นได้ข่าวว่าพระเยซูมาเกิดก็กลัวเลยสั่งฆ่าทารก เด็กทั้งหมดที่ตายนั่นบางคนบอกวาไปสวรรค์ แต่บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณที่ไม่มีความดีความชั่ว เลยต้องลงไปอยู่ใต้บาดาล
7. อวสานการยุทธ์ นี่ก็อีกเล่มที่สัญลักษณืเยอะมาก ทั้งหมดสื่อถึงวันพิพากษาโลก วันสิ้นดลก และการเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ทั้งหมดเลย
หนังมันใส่ได้ไม่หมดหรอก บางตัวละครที่ตัดออกแม่งก็มีนัยยะแฝงอยู่เยอะ แต่ต้องรู้พวกนี้ประมาณนึงถึงจะสนุกตอนหาeaster eggs
มีใครเคยอ่านโลลิต้าบ้าง สำนวนภาษาดีไหม กูว่าจะซื้อมาอ่านอยู่
เท่าที่กูตีความนะ
โลกนาร์เนีย = โลก
อาณาจักรนาร์เนีย = ดินแดนของคนคริสต์
อัสลาน = พระเยซู
จักรพรรดิแห่งดินแดนโพ้นทะเล = พระเจ้า
แม่มดขาว = ลูซิเฟอร์
คาร์โลเมน = คนมุสลิม อันนี้ทั้งเซ็ตติ้งภูมิประเทศ รูปลักษณ์คน ธรรมเนียม การแต่งตัว ลักษณะอาวุธที่ใช้ มันชัดมากๆ กูยังสงสัยจนทุกวันนี้ว่าไม่มีใครโวยวายจริงๆหรอวะ
อาณาจักรคาร์โลเมน = ดินแดนของคนมุสลิม
เทพ(?) ทัช = ซาตาน
นอกจากเรื่องศาสนาเหมือนจะมีเรื่องการเมืองภายในของ UK ด้วย ซึ่งจะชัดแค่ในตอนตู้พิศวง อันนี้กูฟังเค้ามาอีกที ให้ตีความเองนี่ไม่รู้เรื่องเลย
>>42 คาโลเมนนี่โดนวยหนักมาก แต่ตัวคนเขียนเองแม่งก็มีmindsetไม่ชอบมุสลิมอะ แบบต้งแต่ครูเสดแล้วอะไรประมาณนั้น ส่วนอัสลานกับพระเจ้าก็คือคนๆเดียวกันแต่แบ่งภาค ถ้าไปศึกษาไบเบิลเพิ่มจะเข้าใจ พระเจ้ามีหลายตัวตนไรประมาณนั้น
พูดแล้วก็นึกถึงHis dark materials คนเขียนนี่เกลียดนาร์เนียชิบหายเรย เร้าใจมากมึง5555555555555
นาร์เนียนี้อ่านตอนเด็กไม่คิดอะไรเลยส่วนหนึ่งเพราะความรู้คริสต์กูมันน้อยด้วย(กูว่าที่ไทยไม่ค่อยพูดถึงนัยแผงเพราะเรื่องนี้) อ่านเอาผญจภัยล้วนๆซึ่งก็สนุกอะแต่อ่านไปก็ตงิดนิดหน่อยว่าทำไมเป็นงี้มานึกได้ตอนโตว่าคงเป็นนัยแฝง
เทพของพวกคาโลเมนนี้กูว่าเท่ากับเทพของมุสลิมเหมือนจะบอกว่าไม่ใช้เทพองค์เดียวกันนะเทพของเอ็งอะปีศาจ
ต่อเรื่องนาร์เนียอีกนิด อันนี้ที่กูตีความแต่ละเล่มนะ
เล่ม 1 กำเนิดนาร์เนีย กับ เล่ม 2 ตู้พิศวง นี่ก็พระเจ้าสร้างโลกกับพระเยซูคือชีพ เป๊ะมาก
เล่ม 3 อาชากับเด็กชาย นี่ประเด็นหลักเหมือนมาเพื่อปูเรื่องของอาณาจักรคาร์โลเมนเลย แล้วก็พูดถึงความเลวทรามของคาร์โลเมนไปพร้อมกันด้วย
เล่ม 4 กูจับอะไรไม่ได้เป็นพิเศษ แต่ก็น่าจะพูดถึงการที่ผู้คนเสื่อมสรัทธาในพระเจ้า
เล่ม 5 ผจญภัยโพ้นทะเล จริงๆมีพูดถึงคาร์โลเมนเป็นครั้งแรกในเล่มนี้ พูดถึงแค่ว่าชนเผ่าที่ใช้แรงงานทาส แต่ก็ยังไม่ได้บรรยายถึงแบบแย่ๆ
แล้วก็น่าจะมีแฝงอะไรอีกเยอะเลย กูคิดว่าบทเรียนที่พวกตัวเองได้เจอในการผจญภัยแต่ละเกาะน่าจะเป็นพวกคำสอนเด่นๆของพระเยซู
เล่ม 6 เก้าอี้เงิน กูจับอะไรไม่ได้เป็นพิเศษ มีที่กูเดาคือมีการพูดถึงยักษ์ทางเหนือน่าจะหมายถึงพวกป่าเถื่อนที่ไม่เชื่อในพระเจ้ามั้งนะ (มาจาก as liberal as the north ของเชคสเปียร์???)
แล้วก็แม่มดแปลงร่างเป็นงูเหมือนซาตานแปลงร่างเป็นงูมาหลอกอดัมกับอีฟ
แต่เล่มนี้เป็นเล่มที่กูชอบมาเป็นพิเศษตรงเซ็ตติ้งเรื่องโลกใต้พิภพ มันออกเป็นแฟนตาซีแบบนิทานเด็กที่มีอะไรออกหม่นๆหน่อยแปลกๆดี เสียดายที่ไม่ได้ทำหนัง
เล่ม 7 อวสานการยุทธ์ เป็นสงครามระหว่างนาร์เนียกับคาร์โลเมนเกือบทั้งเล่ม เล่มนี้มีประเด็นจิกแขวะเยอะมาก
เริ่มด้วยอัสลานตัวปลอม => คนที่อ้างชื่อพระเจ้ามาหาประโยชน์ให้ตัวเอง
คาร์โลเมนสร้างเรื่องว่าเทพทัชกันอัสลานเป็นคนๆเดียวกัน => คนที่บอกว่าคริสต์กับอิสลามนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ว่าเป็นพวกอิสลามมาแอบอ้างหาประโยชน์
เทพของคาร์โลเมนดูเหมือนจะเป็นปีศาจ => คนอิสลามเป็นพวกชั่วร้าย บูชาซาตาน
หลังจบสงครามนาร์เนียล่มสลายแล้วโลกก็ถึงกาลอวสาน => วันพิพากษา
ทุกคนตายหมดได้มาอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นซูซานที่เลิกสนใจเรื่องนาร์เนีย มองว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ => คนที่หลงแสงสีเอาใจออกห่างพระเจ้าจะถูกพระเจ้าทอดทิ้ง
ทหารคาร์โลเมนที่เป็นคนดีได้มาอยู่ในดินแดนของอัสลานด้วย ถึงจะบูชาเทพองค์อื่นถ้าทำความดีก็เหมือนทำในนามของอัสลาน => ไม่รู้จะบอกว่าคนเขียนแม่งใจกว้างหรือใจแคบดี เหมือนจะบอกว่าถึงจะเป็นคนที่นับถือปีศาจ(จริงๆก็แฝงนัยถึงคนศาสนาอื่นโดยเฉพาะอิสลาม) ถ้าจิตใจตั้งมั่นในความดีก็เหมือนบูชาพระเจ้า คนที่บูชาพระเจ้าถ้าในใจเป็นคนชั่วร้ายก็เหมือนบูชาซาตาน
ถ้าไล่จากไทม์ไลน์ที่หนังสือออกขายกูคิดว่าตอนแรกคงไม่ได้ตั้งใจจะให้คาร์โลเมนเป็นตัวร้ายขนาดนั้น แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเอาช่วงหลังของเรื่อง
ใส่มาซะแรงขนาดนี้ต่อให้หนังไม่มีปัญหาเรื่องงบก็คงทำเล่มหลังๆไม่ได้ ไม่งั้นก็ต้องเปลี่ยนบทกับภาพลักษณ์คาร์โลเมนที่หนังสือบรรยายไปเยอะๆ
กูไม่น่าเลื่อนไปอ่านโพสต์แรกๆเลยสิพับผ่า
เก้าอี้เงินกลับเป็นเล่มที่กูชอบน้อยเกือบที่สุดแฮะ(จำเหตุผลไม่ได้นานแล้ว) กูดันไปชอบอาชากับเด็กชายกับผจญภัยโพ้นทะเลแทนกูชอบอะไรที่มันเป็นการเดินทางละมั่ง
กูรู้สึกเสียดายเวลาของกูเกือบเดือนในการอ่าน the great Gatsby จนจบเล่มยังไงไม่รู้
ไม่สนุกเลย พล็อตละครน้ำเน่าชัดชัดดดด ทำไมมันถึงขึ้นมาเป็นวรรณกรรมคลาสสิคได้กูอยากจะรู้นัก
นอกจากจะน้ำเน่าแล้วยังเหมือนส่งเสริมให้ตีท้ายครัวคนอื่น ไปแย่งเมียชาวบ้านอย่างไร้ยางอายที่สุด
กูอยากจะปาหนังสือทิ้งแต่เสียดายตังเหลือเกิน
>>51 เรื่องนี้มันเป็นการเสียดสียุคสมัยในยุคนั้น (ตอนคนเขียนเขียน) มันบรรยายความฟุ้งเฟ้อ การแบ่งชนชั้น แล้วก็สะท้อนว่าชนชั้นล่างจะโดนตีตราออกมาว่าเป็นผู้ผิดก่อน คนเขียนสะท้อนมุมมองจากตัวเอกที่เป็นชนชั้นล่างแต่ดันไปหลงรักชนชั้นสูงเลยทำทุกทางเพื่อจะยกตัวเองขึ้นมา โดยอาศัยเส้นทางการเงินของพวกมาเฟียซึ่งก็เป็นการด่าคนในยุคนั้นด้วยว่าขอให้รวยมีเงินก็จะกลายเป็นคนมีเสน่ห์ มีแต่คนยกย่องสนใจทันที แล้วนางเอกมันก็เป็นผู้หญิงจะเรียกว่าโง่คงไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัวตามแบบชนชั้นสูง พระเอกโดนแฉหมดประโยชน์ก็เลิกรู้จักทิ้งไว้แต่ความหลังให้พระเอกมันคิดเองคนเดียว ซึ่งตัวพระเอกในเรื่องเขาพยายามจะเก็บความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสาและอยู่ในช่วงเวลาตกหลุมรักเอาไว้ตั้งแต่วัยรุ่นจนตายซึ่งโคตรน่าสงสารเหมือนตาบอด แต่แปลฉบับล่าสุดคนบ่นกันเยอะว่าไม่ละเมียด โลลิต้าด้วย ถ้าจะอ่านแล้วอินเขาให้ไปหาฉบับคนอื่นแปลแต่โดนตัดเนื้อหารายละเอียดไม่ครบอีก (เวรมาก)
^*เพื่อน
The great gatsby ยังไม่เคยอ่านฉบับแปลไหนทำได้ใกล้เคียงต้นฉบับเลยนะ ของโตมรนี่ก็ทำร้ายจิตใจแฟนคลับเล่มนี้มาก
ส่วน Lolita ปราบดาเก็บความโอเคอยู่ แต่เรื่องภาษา ให้กลางๆ
ขอเสริมจาก >>53 นิดว่า ตัวคนเขียนนี่เรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นกลางค่อนสูง เพราะงั้นงานนี้มันเลยเป็นการเสียดสีชนชั้นกลางค่อนสูง-สูง จากคนใน ไม่ใช่คนนอก เซตติ้งเรื่องอยู่ยุค roaring twenties คือยุคที่ฟู่ฟ่าปาร์ตี้บ้านเศรษฐีกันเป็นวรรคเป็นเวรนั่นละ (อันนี้จำกัดความคร่าวๆ สนใจลองหาอ่านเพิ่มดู) สำหรับเรา ชอบความฟูมฟายของมัน ฟูมฟายแบบที่บางคนอาจจะรำคาญเลยก็ได้ แต่เราไม่555 มันเก็บดีเทลอารมณ์คนค่อนข้างละเอียด จิกกัดอย่างมีชั้นเชิง มีรสนิยม แล้วมันเป็นการจิกกัดตัวเองซ้อนการจิกกัดอีกที (โปรดเปิดดู opening lines ของนิค; ตัวผู้เล่า; ประกอบ) เราชอบอะไรแบบนี้ self-mockery น่ะ
ให้ระดับอาจารย์มาแปลงานแบบนี้ก็ออกมาห่วยเหมือนกันแหละ อ่านต้นฉบับดีสุด
ว่าแต่ช่วงต้นกระทู้มันเกิดอะไรขึ้นวะ มาไม่ทัน
>>53 >>57 อ่านความเห็นสองอันนี้แล้วถึงกับงงว่า...ตรูอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเขารึเปล่าวะ 55555 คือนี่ดูหนังลีโอก่อนแล้วชอบ ไปซื้อหนังสือฉบับแอโรว์มา อ่านไปก็อยากเขวี้ยงทิ้งไป แม่งแปลได้สตึมาก ยิ่งกว่าอากู๋ทรานสเลท อ่านจนจบยังจับใจความไม่ได้เลยว่ามันขึ้นเป็นงานคลาสสิคได้ไง สงสัยต้องไปหาอิ้งมาอ่านจริงๆ
กูชอบgreat gatsbyนะ อ่านตอนยุคนี้อาจรู้สึกน้ำเน่าเลี่ยนๆหน่อย แต่กูชอบการจิกกัดของเรื่องนี้นะ
พูดถึงเรื่องที่ไม่เข้าใจว่ามันขึ้นแท่นเป็นคลาสสิคได้ยังไง กูนึกถึงดอเรี่ยนเกรย์ อ่านครั้งแรกโคตรขนลุกแทบปาทิ้ง แต่ต้องอ่านต่อไปเพราะเป็นหนังสือวิชาreading
>>60 แปะมือกับมึงงง กูโม่ง >>51 เอง
คือกูขัดใจการแปลของไทยมาก แปลออกมาได้วนเวียนเพ้อเจ้อ เล่นคำเยอะเกินไปจนอ่านแล้วมึน
คนอ่านต้องใช้สมาธิในการโฟกัสมาก ปกติกูอ่านนิยายธรรมดาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบ หนากว่าอีเรื่องนี้ด้วย
แต่อีเรื่องนี้กูไม่ไหวจริงๆ กูอ่านไปได้แค่ครึ่งชม. ก็ปวดหัวกับภาษาการแปลจนอ่านได้วันละนิดละหน่อย ใช้เวลาไปเกือบเดือน
ผิดหวังฉิบหายยยยยย น้ำเน่าสาสสส กูไม่ได้รู้สึกถึงการจิกกัดอย่างมีรสนิยมอะไรตามโม่งบนๆ ว่าเลย
คือมันจิกกัดอ่ะใช่ แต่ไม่ได้จิกกัดแบบเลิศเลออะไรขนาดนั้น
ตอนแรกกูก็ข้องใจว่าคนแปลมันแปลมาได้ไงวะ พอกูไปคุ้ยๆ เวอร์ชั่นฉบับอิ้งมาอ่าน ผิดหวังไม่ต่างกันเลย ห่วยมากในใจกู
arrow แปลเหี้ยมากจริงๆ นี่กูรู้เลยว่าแปลจากประโยคภาษาอังกฤษว่าอะไร 5555 กูว่าของอีกเจ้าคงแปลดีกว่าเยอะ แต่กูอ่านฉบับเหี้ยๆ ของธนูกูก็ยังเศร้าอยู่นะ
>>62 ปวดใจจัง เพราะเราชอบแกตสบี้มาก 5555 ( >>57 เองงง) พูดถึงคนแปลแล้ว ที่คิดว่าเป็นเพชรน้ำงามวงการแปลเลยคือ สุริยฉัตร เสียดายมากที่แกเสียไปก่อน แปลดีมาก รักผลงานที่แกแปลทุกเล่ม อยากให้แปลงานอีกเยอะๆ, สดใส, จูเลียต (ชนิด สายประดิษฐ์) น่าจะเป็นคนเดียวด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ที่แปลเรื่อง pride & prejudice นี่ก็สนุกมากอีกเรื่อง แนะนำๆ (พล็อตละครไทยนะ แต่เขียนสนุก ออสเตนเป็นคนเขียนหนังสือที่กระชับ ใจความครบถ้วน คุณงามความดีของออสเตน พิสูจน์ได้จากงานของเธอ อวยอวยอวย), พิมพา คนนี้ชอบเป็นพิเศษเพราะพี่สาวแกคือ ร จันทพิมพะ ซึ่งเขียนหนังสือได้ล้ำสมัยมากกก งานของพิมพาที่แนะนำก็ทุกเรื่อง แกแปลน้อย รีเบคก้าก็สนุกนะ ชอบ, วัลยา วิวัฒน์ศร อาจารย์แกเน้นงานฝรั่งเศส ที่แนะนำก็มาตา ที่ไลบรารี่ เฮ้าส์ เพิ่งพิมพ์, นันทวัน จำนามสกุลไม่ได้ ที่แปลงานอิตาโล คัลวิโน เน้นงานอิตาลี ชอบทุกเรื่องที่คนนี้แปล, สังวรณ์ ไกรฤกษ์, ถนอมนวล โอเจริญ, อำพรรณ โอตระกูล
ถ้าอยากได้ข้อมูลเฮสเสเพิ่มเติมย้อนไปอ่านช่วงต้นกระทู้นะ เราอ่านมาแล้ว
สดใสแปลจากอังกฤษ
>>70 Hesse เฮสเซ คืออ่านแบบภาษาอังกฤษ ส่วน เฮสเซอ อ่านแบบเยอรมัน ซึ่งตัวเฮสเซ (เราอ่านแบบนี้) ก็เป็นคนเยอรมัน ควรอ่านแบบเยอรมันละนะ ส่วนเรื่องแปล เราอ่านเทียบกับฉบับอังกฤษ ก็ไม่มีอะไรพลาดจนบิดเนื้อความอะ เทียบกับต้นฉบับทำไม่ได้ เพราะไม่รู้เยอรมัน อ้อ แล้วอาจารย์สดใสแปลจากอังกฤษนะ ไม่ใช่เยอรมัน ส่วนตัวเราไม่มีปัญหาตรงนี้เท่าไหร่ แต่ก็แอบเคืองที่สนพไม่ค่อยแปะบอกที่หนังสือ
ในหนังอมริกันยังเรียกเฮสเซอเลย
มีแต่คนไทยที่อ่านเฮสเส
>>75 อ๋อกูเก็ตละ ใช่ จริงๆต้องอ่านแบบเยอรว่าเฮสเส่อะ แบบสำเนียงเป๊ะๆเลยนะ สำเนียงกลางแบบบาวาเรีย แต่บางถิ่นเยอรเขาก็เรียกเฮสเส ทีนี่เรื่องเฮสเสนี่ กูไม่มายที่จะอ่านแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นชื่อที่โดนเอามาทับภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว อย่างคนรัสเซียชื่อ ดิมิทรี งี้ ถ้าจะใช้หลักว่าต้องสะกดเฮสเสอแบบที่โทรลบอก ก็ต้องเขียนว่า ดมิตตริ นีทเช่ก็คงต้องเป็นนีตเฉ่อะ ราชบัณฑิตอนุโลมให้ใช้ดิมิทรีได้ เฮสเสก็เช่นกัน ส่วนฝรั่งอังกฤษมันก็เรียกเฮสเซออะไรไปตามสำเนียงมัน เพราะเขาไม่ได้มีวรรณยุกต์ตัวสระอะไรที่ทำให้อ่านยาก+ไม่สวยถ้าถอดตามเสียงเป๊ะ ๆ แบบของไทยเรา กูคิดเห็นงี้นะ
ปอลอ เพิ่งรู้ว่าสดใสแปลจากอิง แต่ก็รู้สึกแปลตรงไปตรงมาดีนะ เข้าใจง่ายดี
บอกบุน Oliver Twist ของดิกเกน ฉบับแปลไทย อ. สนิทวงศ์ (น่าจะเป็นฉบับ abridged) โหลดฟรีที่ meb
แถวนี้อ่านแต่เฮสเส่อะฮะ งานของคนอื่นไม่ต้องมาแนะนำ
Topic has reached inactivity threshold.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.