วงการนิยายไทยมีอะไรให้พูดถึงบ้าง จะเม้ามอยนักเขียน แหกหนังสือทำมือ นินทาสำนักพิมพ์ไรก็จัดมา
Last posted
Total of 1000 posts
วงการนิยายไทยมีอะไรให้พูดถึงบ้าง จะเม้ามอยนักเขียน แหกหนังสือทำมือ นินทาสำนักพิมพ์ไรก็จัดมา
สงสัยมานานแล้ว ทำไมพวกนิยายวายทำมือมันขายดีจังวะสัส
ไม่รู้ถูกห้องเปล่า แต่ก็ขอปรึกษาหน่อย คือกูเขียนนิยายแนวแฟนกึ่งผจญภัย จิ้นได้นิดๆ คือกูควรลองส่งที่ไหนวะโอกาสผ่านถึงจะเยอะ เพราะเท่าที่กูส่องดูสถานี่เหมือนจะรับแต่พวกวิวสูง เอนเทอร์ก็เหมือนจะพิมพ์เฉพาะพวกผ่านประกวด HB เลิกรับคนไทยไปละ คือมีที่ไหนแนะนำกูไหม แล้ว WF นี่มีดราม่าอะไรหรือเปล่า เหมือนจะเหลือตัวเลือกให้กูที่นี่ที่เดียว
>>4 >>>/literature/2342/ กูว่าห้องนี้เหมาะกว่า(รึเปล่า?) 1168 ดูจากต้องมาประกวดพล็อตกูว่าคงรับงานง่ายอยู่
คุยสนพ.นิด meedee นี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าเห็นคนเขียนรีอาลีสแกแจ้งว่าจะสนพ.จะไม่พิมพ์ต่อแล้ว และชะตากรรมเรื่องอื่นๆละ?
กูว่ามีดีส์คือตัวลอยแพอีกสนพ. ดูที่เอาออกมาแต่ละเรื่องสิปังสักเรื่องมั้ย ออกงานถี่แถมบางคนนักเขียนโนเนมเหี้ยๆ ถ้าบอกว่าขาดทุนยับจนไม่มีงบมาลงกับนิยายแนวอื่นนอกจากวายกูไม่แปลกใจ แต่กูลองอ่านวายแล้ววางเลย ไม่กล้าซื้อจากที่นี่อีก
ned เลย
>>9 อ้ออ ถ้างั้นก็น่าจะพอมีลุ้นมั้ง เห็นยังมีแฟนตาซีขายอยู่เหมือนกันนี่ แต่เดี๋ยวนี้แม่งดูเน้นขายกู้ดส์ หนังสือก็วนๆ เอาของเก่ามาทำปกใหม่งี้ สำนักพิมพ์มันไม่มีคนสนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
>>12 ถูก แม่งเลือกหนังสือดะชิบหายยยย กูยังไม่เข้าใจหลักการในการเลือกเค้าเลย แล้วออกมาทีโบ้มๆ กูเห็นแล้วไม่รู้สึกว่าน่าอ่านเลยว่ะ
ขอ KY หน่อย แจ่มใสลอยแพ LN ทั้งไลน์เลยอ่ะ กูเสียใจมาก ตามอยู่ตั้งหลายเรื่อง
เขาเป็นคนขี้อวด อวดจนกูต้องอันฟอล ไม่ให้เห็นหน้าในนิวฟี้ด ถ้ามึงอยู่ในกรุ๊ปประกวด มึงจะเห็นความเยอะยิ่งกว่าเดิม โม่งหลุดแล้ว //กุมโม่งตัวสั่น
เห็นออกหนังสือมาเยอะอยู่นี่หว่า...
>>15 อ่าวเรอะ ลอยแล้วรึนี่ ไม่นึกว่าแจ่มก็ลอยกับเขาด้วย
พูดถึง world fantasy เจ้านี้มีเรื่องนึงที่กุติดใจ soul slayer ออกเล่ม 1 แล้วก็ไม่ออกต่ออีกเลย?? หรือกุพลาด
สถาพรกุว่าแนวแฟนตาซีไทยเขาคงจะคิดหนักแล้วว่ะ พักหลังเห็นเขา sale รัวๆๆๆๆ 40% โคตรบ่อยๆๆๆ ล่าสุด 70%
กุเห็นละเจ็บปวด
>>22 ดังรึป่าวไม่รู้ กูอ่านแบบผ่านๆ จบไปสองเล่มแต่ยังไม่ได้อ่านต่อ สำหรับกู ธรรมดามาก ตอนแรกซื้อมาเพราะรู้สึกว่าพลอตน่าสนใจแต่พออ่านจริงกูว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล โดยเฉพาะสเกลพลัง กับเหตุผลของตัวเอง
จะอ่านเอามันส์ มันก็ไม่ได้มันส์ขนาดนั้น ซื้อมาเล่มละ 50 ยังเสียดายตังค์ แค่เช่าอ่านเวลาว่างก็พอ
>>29 สรุปคร่าวๆจากเด็กดวกกับที่กูเคยได้ยิน บก.ป กับ บก.ด แย่งอำนาจกัน พอบก.ป ออก บก.ด เลยเรืองอำนาจจัดการระบบภายในสถาใหม่หมด พยายามไล่นักเขียนเก่าออกและดันนักเขียนตัวเองแทน ได้ข่าวว่าพยายามแกล้งนักเขียนเก่าประมาณว่าเลื่อนกำหนดการออกไปไกล ให้นิยายไม่ผ่านโดยไม่พิจารณา ลดจำนวนเล่ม และรู้สึกจะให้แก้เนื้อหาใหม่ด้วยมั้ง อันหลังกูนี่กูไม่แน่ใน แว่วมาว่าพวกหน้าใหม่จะตีพิมพ์แค่พันเล่มจากที่เคยตีสามพัน แต่อันนี้หมวดรัก ไม่รู้แฟนเหมือนกันไหม
อะไรดราม่าไหมนี่กูไม่รู้ว่ะแต่เห็นเรื่องใหม่ๆของสถาที่ออกมาแต่ละเรื่องดูไม่เข้าท่าว่ะ ว่าแต่จะเอานักเขียนเก่าออกทำไมวะกูงงแล้วใครบ้างที่มึงบอกว่าออกจากสถา
เรื่องแจ่มกับหัว JLN เข้าใจว่าเขาไม่ซื้อเรื่องใหม่เพิ่มแล้วปิดหัวนี้แต่เรื่องที่ซื้อมาแล้วจะพิมพ์ต่อจนจบนะ เลยคิดว่าเจ้าหญิงจอมฟลุคได้อ่านจนจบซะอีก แต่อาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้
อย่าพลาด ความคืบหน้าคดี มมล. วันที่ 2 มีนาคม ช่องไทยพีบีเอส
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=908666639241371&set=a.110136559094387.16804.100002941293325&type=3&theater
ปล. สำหรับคนที่ตกข่าว อ่านรายละเอียดมู้นี้ http://pantip.com/topic/34635577
>>47 กุเชื่อว่าปีนี้ยอดขายทุกสนพคงตกลงไม่มากก็น้อย ดูจากเจ้าใหญ่ๆ พยายามจัดโปรกันใหญ่ แจ่มใสก็แพไลน์นึงเปิดใหม่ไลน์นึง สยามกับสถาก็ลดบ่อยไปไหน หลายสนพ ตระเวนอีเว้นแถมโปรโมทสุดๆ
ยุคนี้จะรอดกุว่า ไม่ต้องออกมาทีเดียวหลายปก แต่ทุกปกที่ออกมาควรจะสนุก เดี๋ยวนี้จะซื้อแต่ละเรื่องอ่านรีวิวหรือตัวอย่างก่อนแทบทุกเรื่อง ไม่ได้ซื้อง่ายๆ
จะโดดมาทำไมกันวะ หนังสือแม่งควรมีความหลากหลาย พอออกกันเกร่อ ก็บ่นอีกว่าเยอะ
เห็นสถาพรจัดโปรลดราคา 70% อีกแล้วว่ะ รึจะรีบขายล้างสต็อกเพื่อที่จะได้เอาพวกนิยายแปลมาเร็วๆ แล้วเรื่องปกบารามอสรีเมคยังจะทำต่ออีกไหมนั่น เห็นในมู้เด็กดวกบอกว่าบก.ด เริ่มไล่ล้างบางนักเขียนเก่าๆ ที่เป็นของบก.ป เพื่อปั้นเด็กใหม่เพิ่มเป็นสังกัดตัวเอง แล้วนิยายเก่าๆ ที่คนเริ่มลืมอย่างบารามอสจะโดนด้วยไหมนั่น
พูดถึงบารามอสกูก็สงสัย เซวีน่าก็ดังพอกันทำไมไม่มีรีเมคปกบ่อยๆ บ้างวะ รึบารามอสคนเขียนขาดเลยรีได้สบายไม่ต้องเสียงตังค์เพิ่ม
เออ จะว่าไป เดี๋ยวนี้เวบมันไม่มีบอร์ดแล้วเหรอวะ เห็นเมื่อก่อนมีบอร์ดพูดคุย บอร์ดลงนิยายด้วยนี่นา
>>57 >>60 อ๋อ เออว่ะ ลืมเล่มนั้นไปได้ไงวะ ตอนเด็กๆ นี่กูอยากได้มากเลยอะ แต่แพงชิบหาย สองพันได้มั้ง ? พอกูมีตังปุ๊บก็หาซื้อไม่ได้ละ
>>58 >>62 ถ้าลดมากๆ กูว่าโดนเทชัวร์ บางทีก็เซ็งนะ ถ้าสนพ ทำงี้บ่อยๆก็ไม่มีใครซื้อตั้งแต่มันออกแรกๆ หรอก รอลดราคากันหมด อย่างกล้วยงี้กูเลิกซื้อไปละ รออีกไม่นานแม่งเหลือเล่มละ 70 อดทนมากๆ หน่อยเหลือ 20 งี้ ลดไม่เห็นใจคนซื้อราคาเต็มเลยสราด
เคยเห็นโปรที่ผ่านมาของสถาพรลด 35-50% นี่ลดอย่างโหด 70%(เฉพาะซื้อออนไลน์นะ) รอดูว่างานหนังสือจะเป็นไง
ล่าสุด CMU Book Fair กูอยากจะบอกว่า ลด 80% จ้า เป็นงานที่ออกหลังเดรกเกอร์ด้วยอ่ะมึง งานใหม่กว่าเดรกเกอร์อีกแต่ลด 80% แต่งานของกัลคือลด 20% ทั้งที่เก่าจนไม่รู้จะเก่าไงแล้ว
งานของ Season Cloud นี่เรื่องนัยน์ตาก็โดนลด 80% Abyss Rider นี่อยู่กอง 50% ว่ะ อีกอย่างแม่งลด 80% ไม่พอน่ะ 55555 มีซื้อเหมารวมเป็นเซ็ตด้วยจ้า ถูกไปอีกกกกก
เรื่องไหนสนุกๆและจบแล้วบ้างวะ เผื่อจะไปสั่งซื้อที่เขาจัดโปรออนไลน์
ไอ้พวกตระเวนทัวร์อยูไกลบ้านกูสุดๆ
>>73 นัยน์ตาของ SC มันหลายปีแล้วสมควรอยู่ ส่วนเรื่องใหม่เจ็ดการ์ดกูเห็นยังลด 30-40% มั้งกูไม่ค่อยแน่ใจ จำได้ว่าลดพอกับมายาของคุณวี แต่ที่น่าเจ็บใจจริงต้องเมจิกเวิลกับอวาลอนว่ะ ยังไม่จบเลยนะมึงแถมงานออกถี่มาก มาลด 60% พอมองไปนิยายรักแม่งบุฟเฟ่ค่าาาาา กูว่ามันจะเจ้งรึเปล่าวะที่นี่
>>75 ของคุณวีเงือกลด 60-70% ส่วนวิซาร์ดลด 40% ทั้งชุด ถ้ามึงสนก็น่าซื้อนะ แต่จากที่กูดูมันลด มันเหมือนจะลดไม่เท่ากัน รอบก่อนกูได้มายามาตอนมันลด 60%
ปล.ที่ฮาที่สุดคือกูซื้อหนังสือเรื่องรุ่นพี่แม่งแถมฟรีดาร์คแฟนตาซีเล่มหนึ่งเลยนะ ไอ้เหี้ยนี่หนังสือหรือไม้จิ้มฟัน
สัสมือลั่น ยังด่าไม่จบ แต่ไอ้เหี้ย ที่กูอยากถีบสำนักพิมพ์เลยคือจอมมารน้อยของคุณวี กูซื้อมาเล่มละ 300 แม่งหักหลังกู ตอนนี้ลด 70% ทั้งชุด แถมได้ข่าวว่าถ้าไปเดินเจอบูธที่มันออกไปเร่ลดราคาเลด 80% อีก กูสาบานว่าต่อไปของสถากูจะไม่ซื้อตอนออกใหม่ๆแล้ว
กูเลิกซื้อกล้วยเพราะลดหักหลังเหมือนขายล้างสตอค มาตอนนี้สถาก็เอามั่งเรอะ เหอๆ
มานึกๆดู ไอ้ไลน์ไลท์โนเวลนี่เหลือเรื่องจอมมารเรื่องเดียวเหรอวะ เห็นตอนแรกมีอะไรนะ M.houseกับกาลิเลียนเทลล์อะไรนี่แหละ แล้วก็เงียบไปเลย อีกทีก็เปิดไลน์ดาร์คแฟนตาซี นี่ออกกี่เรื่องวะ จำไม่ได้แต่ไม่เยอะแน่นอน มาตอนนี้ก็ลดล้างสตอคกับตัวทำเงินออกกันใหญ่ สถาเดี๋ยวนี้เป็นอะไรเนี่ย หมดยุครุ่งเรืองแล้วเรอะ...
>>75 กูเห็นโดนทุกคนเลยนะนอกจากกัลธิดาที่คลอดลูกคลอดหลานเซวีน่ามาไม่หยุด สีสันนี่กูยังไม่ติดใจเท่าไร แต่ไอ้สำนักพิมพ์นี้มันเกลียดอะไรคุณวีวะ ทั้งโดนตัดเล่มทั้งโดนลดราคา ไอ้ที่บอกว่า ด. ตั้งใจจะปั้นเด็กตัวเองอาจจะจริงก็ได้ว่ะ กูไม่เห็นเรื่องของเด็ก ด.มาลดเลยทั้งๆ ที่ได้ข่าวว่ายอดขายแย่มาก
>> 82 แล้วเด็กของด. คือใครบ้างวะ อันนี้ไม่รู้จริงๆ ฟังที่พวกมึงเล่า เหมือนเอามาลดแทบหมดทุกคนแล้วเหลือแต่เจ้าแม่เซวีน่าที่ไม่ลด
>>82 เท่าที่กูสังเกต นิยายแฟนตาซี ช่วงนี้ไม่มีเรื่องไหนขายดีหรอก
สนพ. ใหม่ของ ด. เน้นไปเปิดตัวที่งานหนังสือเพราะได้เงินคืนทุนเร็วสุดและได้กำไรต่อเล่มดีสุดเพราะไม่ต้องแบ่งให้สายส่ง 35-40%
และจากกระทู้เด็กดวกที่คุยลากไส้กัน
เห็น ด. ก้ไม่เน้นพิมพ์เต็ม 3000 เล่ม ซึ่งคงพิมพ์ที่ 2000-1000 เล่ม เพื่อคืนทุนให้เร็วที่สุดหรือไม่ต้องเจ็บตัวเท่าไร
อีกทั้งแนวทางคงพิมพ์ปีล่ะ 2 ครั้งในงานหนังสือ
เด็กใน สนพ. นั้นเลยมีบางส่วนแยกออกมาพิมพ์มือเองเพราะต้องการออกได้มากเล่มกว่าเดิม
ปล.รู้สึกว่า สนพ. ใหม่ของ ด. จะกำหนดเล่มจบกันเลยนะว่าไม่ให้เกิน 3-4 เล่มจบ. ในเรื่องนั้นๆ
กูเคยได้ยินว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่รับนิยายภาคเยอะๆหลายๆเล่ม เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าจะขายได้ตลอด สู้เอาแบบเล่มเดียวหรือไม่กี่เล่มจบยังดีซะกว่า
>>83 ที่กูรู้คือเรื่องตุ๊ด ด.ช่วยโปรโมตสัสๆ เดี๋ยวมึงลองดูหลังจากนี้ ด.ไปทาบทามในเด็กดีหลายเรื่อง พอเขี่ยนักเขียนเก่าหมด พวกนี้แหละจะมายืนแทน
นอกจากนิยาย ช่วงนี้สถาเป็นไรกับนักวาดด้วยปะวะ กูว่าเริ่มไม่สวย เห็นเปลี่ยนนักวาดกระทันหันด้วยอย่างอวาลอน นักวาดเขาไม่ว่าง หรือสถาแม่งไปมีปัญหากับเขา
เออคุยกันเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ขุดความทรงจำ กูจำได้ว่าสถา มันเคยมีจัดประกวดอะไรสักอย่างคล้ายๆ ของเอนเทอร์ปะ ที่เป็นนิวบลัด ปัจจุบันยังมีจัดอยู่ไหมวะ แล้วคนที่ชนะเก่าๆ นี่เป็นเด็กใคร ยังได้ออกงานอยู่ไหม หรือโดนโละไปพร้อมกับยุคนี้แล้ว
สถาแม่งพิมพ์ตั้งหลายอย่างนี่ ช่วงหลังเห็นเด่นตรงนิยายรักด้วย แถวนั้นผลตอบแทนยังดีอยู่หรือเปล่าวะ ฟังจากที่คุยกันสายแฟนตาซีแม่งย่ำแย่สุดๆ
>>93 ที่เห็นในมู้เด็กดวก รู้สึกว่าไม่ต่าง หน้าใหม่จะโดนลดเหลือพิมพ์แค่พันเล่ม นักเขียนเก่ามีร้อนๆหนาวๆบ้าง แต่โม่งที่บอกว่ามีปัญหาไม่ได้อธิบายว่าเรื่องอะไร แต่ในมุมกู ถึงมีก็คงไม่เท่ามั้ง ยังไงก็บก.คนละชุด สถาแฟนมันมีปัญหาเพราะบก.สองคนแย่งอำนาจกัน ถ้าไม่ตีกันมันอาจไม่แย่
แม่งแย่งอำนาจกันประสาอะไรวะ สุดท้ายดูล่มจมกันหมด แต่ป.ก็ไปเปิดค่ายใหม่ตัวเองได้พักนึงแล้วนี่ น่าจะหมดยุคแย่งอำนาจแต่ กูไม่เห็นสถาแฟนตาซีจะกระเตื้องขึ้นเลย
>>78 กอดมึงงงงง เหมือนกูเลย แม่งเอ๊ย เออ แต่กูยังดีกว่ามึงหน่อยมั้ง ซื้องานหนังสือ แต่มาเจอลด 70 % งี้โคตรช้ำ
สำนักพิมพ์แม่งคิดไรอยู่วะ ถ้ามันเก่าค้างสต็อคสภาพไม่สวยละจะมาลดเนี่ย ไม่มีใครด่าหรอก แต่นี่บางเล่มออกมาได้แป๊บเดียวมึงเอามาลดซะเละเทะแล้ว หลังจากนี้ใครจะกล้าซื้อหนังสือมึงตอนพึ่งออกวะ เขาก็รอลดราคาหมดสิ
>>96 เดี๋ยวกูจะรอดูว่าไล่ออกหมดแล้วสำนักพิมพ์จะเหลืออะไรมั้ย เมื่อก่อนน่ะมันขายชื่อสำนักพิมพ์ คนเลยตามซื้อของนักเขียนใหม่ด้วย แต่เดี๋ยวนี้กูว่าชื่อนักเขียนดังนำไปแล้วนะเว่ย ถ้าเขาออกแล้วคนตามไปซื้อกับนักเขียนแล้วไม่สนใจซื้อกะแม่งกูจะสมน้ำหน้าให้
แล้วที่บอกว่าจะไล่นักเขียนเก่า เริ่มยุคใหม่ นักเขียนใหม่เลย ไอ้ที่ว่าใหม่เนี่ย ใครพอจะยกตัวอย่างให้กูฟังพอเป็นวิทยาทานสัก 2-3 ชื่อได้ไหมวะ ว่าเช่นเรื่องอะไร หรือคนเขียนนามปากกาอะไรบ้าง ไม่ใช่อะไรหรอก กูจะได้ไปดูว่าที่บอกยุคใหม่นี่มันเป็นยังไงวะ เพราะที่ผ่านมากูก็ชินเคยอ่านแต่คนที่มีข่าวว่าจะโดนไล่กันเนี่ยแหละ
>>101 ใกล้ละมึง มันมีช่วงเล่ม 3-4 หรือไรนี่หละที่แต่งได้เหี้ยมากอะ จนคนด่าแล้วก็เลิกอ่านกันไป หลังๆ ได้ข่าวว่าเขียนดีขึ้นอีกหน่อย แต่คนคงไม่ค่อยกลับไปอ่านแล้วมั้ง แม่งเลยลากยาวอย่างที่หวังไม่ได้น่ะ
จะว่าไป ทำไมบารามอสไม่มีเอามาลดราคาวะ หรือมันจะมีนัยยะอะไรบางอย่าง ?
เห็นคนพูดเรื่อง 10 ปีไม่ออกเล่มต่อ Prince of Killer กูล่ะ.... ก็ไม่ออกเหมือนกัน ฮือ
Dragon heart กุว่าไม่น่าจะเป็นเด็กดันของบก.นะ เคยอ่านสมัยเค้ายังไม่ได้ขึ้นอันดับสูงในเด็กดี กุยังคุยกับน้องเลยว่าเขียนใช้ได้(ดีกว่าอันดับสูงๆอ่านะ) ดูแล้วเนื้อเรื่องเล่มไม่เยอะได้ตีพิมพ์แน่ขึ้นอยู่กับเวลา
ky หน่อย จะขายนิยายบน ookbee ตอนนี้คิดว่าไงมั่งเพื่อนโม่ง
ลอยแพเฮี้ยอะไร พวกเมิงนี่ก็มโนกันไปใหญ่ กุจะบอกข่าววงในให้ ที่เขาแห่กันเอาหนังสือมาลดเพราะปริมาณหนังสือที่ยังรอขายมันล้นคลัง สายส่งไม่อยากรับผิดชอบ เขาก็เลยเอามาขายถูก ๆ จะได้กำจัดหนังสือในคลังให้หมดไว ๆ จบนะ
พวกเมิงรู้แล้วก็ไปแดกไวตามิลค์กลั้วยาสลายมโนซะนะ
>>119 ถ้ามึงวงในมากก็บอกมาสิ พวกกูจะได้รู้ ที่เห็นโผล่มาก็มีแค่ด่าๆ เนี่ย เท่าที่กูส่องๆอยู่เนี่ย นักเขียนบางคนเขาทำมือขายเองไม่ก็ประกาศจะทำขายแล้ว ถ้าไม่แยกทางกันจริงแม่งก็ส่งสนพ ต่อได้ดิวะ เซ็ตเดียวกันแท้ๆ ส่วนอีเล่มที่หายไปยาวๆ นั่นก็ด้วย เลิกหวังได้เลยว่าแม่งจะมีเล่มต่อ
โอเค ขอบคุณ ได้เงินช้าแฮะ แต่อีบุ๊คมันไม่มีต้นทุน กูเลยคิว่าลองลงดูน่าจะไม่เสียหลาย
ส่วน meb กูลงขายแล้ว ระบบเขาดีจริง ๆ
http://pantip.com/topic/34839855
ก่อนอุษาสางของพนมเทียนลอก sorrow of satan มาจริงเหรอวะ กูไม่เคยอ่านก่อนอุษาสาง ใครเคยอ่านบ้าง
ก็ดี
เด็กดันสถาอีกคนน่าจะ ล.โลกลัลล้า ด้วยป่าววะ เด็กใหม่ แต่ได้ออก สี่ห้าเล่มจบนะ Game idol อะ แต่ตอนนี้เพิ่งออกแค่สอง ถ้าไม่ดันคงไม่ได้ออกเยอะขนาดนี้ปะ แต่น้องเขาก็เขียนใช้ได้ระดับนึง แต่กูว่ามันก็ถือว่าธรรมดาว่ะ ถ้าเทียบกับรุ่นเก่าๆ ดูยังไม่น่าเอามาปั้นแข่งกับกัล ไรงี้ได้เลย
ห่านจิก กูกลัวมากกว่าถ้ากูสั่งหนังสือสถาไปตอนนี้แล้วกูจะเจอลด 90% เดือนหน้า ... my wicked wizard นี่จะมีลดอีกมั้ยวะ ตอนนี้แม่ง 40% อยู่
>>132 กูอ่านแล้วธรรมดามากว่ะมึง มุกก็ขำบ้างแป้กบ้าง เหมาะจะอ่านเรื่อยๆ ในเว็บ ถ้าต้องซื้อเล่มจริงเพื่อติดตามกูก็ไม่เอา ราคานี้คูณห้าเล่ม กูซื้อนิยายแปลดีๆ ได้ยกเซ็ตเลยนะ แต่งานคงตรงแนวตลาดแหละ ช่วงที่พิจารณากับสถา บก.บานาน่าก็ติดต่อมา แต่นางได้ที่สถา เลยปฏิเสธบานาน่าไป
>>134 เอ๊า ก็ถึงบอกว่าให้พูดๆ มา ไม่ใช่สักแต่ด่าว่าคนอื่นเค้ามโน เพราะที่พวกกูคุยกันก็ไม่ใช่ว่าจะพูดลอยๆ มั้ย เห็นว่าสถานการณ์มันเป็นงี้ก็วิเคราะห์กันไป แล้วที่มึงบอกว่ามึงทำงานเกี่ยวกะร้านหนังสือเนี่ย ถ้าไม่ได้ดีลกับภายในของสถาโดยตรงมึงจะรู้สถานการณ์ได้ไง ? สุดท้ายที่มึงตอบก็ไม่ได้ดูจริงไปกว่าเรื่อง "มโน" ของพวกกูเลยมั้ยล่ะ ตอบก็ไม่ได้ว่าแค่เคลียร์คลังแล้วทำไมนักเขียนถึงออกกัน ทำไมไปทำเล่มเอง แล้วถ้าเคลียร์คลังเยอะขนาดนี้จริงแปลว่าหนังสือแม่งขายไม่ออกเลยใช่มั้ย สุดท้ายมึงก็มโนไม่ต่างกันแหละ
>>133 เห็นด้วยนะ ไม่สนุกขนาดนั้น กูอ่านเพราะเนโรน่ารักอย่างเดียวเลย ยิ่งหลังๆ อ่ะน่าเบื่อมาก ตรรกะตัวละครโคตรโชเน็นมังงะ ซึ่งกูไม่ชอบ แต่รีไรท์ตีพิมพ์แล้วคงดีขึ้นมั้ง
>>136 ล.โลกรู้จักพวกนักเขียนสถาพรที่ไปเป็นวิทยากรในค่ายประกวดอ่ะ พล็อตเกมไอดอลก็เอาไปให้ดูตอนนั้นด้วย จากนั้นก็เริ่มเขียนแล้วลงเด็กดีแล้วพิมพ์เป็นเล่ม ส่วนประกวดพูนิก้านี่กูไม่รู้แฮะ
>>144 ไม่ได้ถูกไซโคหรอก แต่เจ้าตัวเป็นสาววายเองเลยแหละ แฟนคลับคนเขียนเรื่องอีทเตอร์และนักเขียนชื่อน้ำตาล(ที่นิยายถูกแปลเป็นภาษาอินโดหรือมาเลเซียนี่แหละ) ตัวละครเลยออกแนวจิ้นวาย(เหรอ?) พล็อตกูว่าก็น่าสนใจดี แต่ครึ่งหลังใกล้จบมันเห้มากและตรรกะวิบัติโคตร อารมณ์เหมือนกินซีซ่าสลัดใกล้จะหมดแล้วเจอแมลงสาบอยู่ก้นถ้วย
>>153 อ่านนานละจำไม่ค่อยได้ว่ะ
คนทุกคนจะมีวงกตในใจ ในวงกต สิ่งที่มีความสัมพันธ์กับคนนั้นในโลกแห่งความจริงจะมีตัวตนขึ้นมา เรียกรีเลชั่น องค์กรอีเรส เป็นองค์กรที่รวมผู้มีพลังเข้าไปบุกรุกวงกตคนอื่น ลบรีเลชั่นได้ ถ้าลบไปหมด เจ้าของรีเลชั่นก็เหมือนตายจากโลกไป
พระเอก 1 มีแค้นตามหาคนล้างบางหมู่บ้าน ประมาณว่าพัวพันองค์กรนี่ และได้เข้าทีมที่มีพระเอก2 พระเอก 2อยู่เพื่อน้องสาวที่ป่วยเรื้อรัง ก็จะมีการทำภารกิจ คนในทีมก็จะดูมีเลศนัย มีการกระทำแปลกๆ อีพระเอก 1 ถูกปั่นหัวไปมา
ตัดมาที่สปอยจบ อีตัวบอส ถูกเฉลยว่าคือ ไอ้นั่นแหละ แล้วอีกฝ่ายคือแก๊งที่พระเอกนำทีม
เอาจริงๆ คือกูอ่านรอบเดียวนานมาแล้ว จำรายละเอียดบ่
>>154 งั้นอีกสองเรื่องก็ได้แปลเหมือนกันสินะ
>>155 อ่านแล้วทำไมกูนึกถึงเมะญี่ปุ่นเรื่องแบล็คร็อกชูตเตอร์ ที่มีเรื่องการต่อสู้ในโลกแห่งจิตใจ ตัวตนในโลกแห่งจิตใจคือความเจ็บปวดของจิตใจ ถ้าตัวตนนั้นหายไปความเจ็บปวดก็หายไปด้วย และความจำที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดนั่นก็จะหายไปอีก
สรุปนิยายเรื่องนี้บอสคือเพื่อนพระเอก?? พีคสัสๆ
เมิ่อก่อนกูชอบอ่านแฟนตาซีมาก แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ามันโหลๆว่ะ ไม่มีเรื่องไหนโดดเด่นเลย
กูเจอแต่แบบ แนวตัวเอกหลุดเข้าไปในเกม อะไรพวกนี้ ถ้าสมัยก่อนหน้านั้นก็กระแสโรงเรียนเวทย์มนตร์ บูมๆๆๆ
ใครอ่านแนวนี้ แนะนำให้กูหน่อยได้มั้ย นี่เบื่อมาก
>>167 >>168 ขอบใจว่ะ กูตามทันละ
เชี่ยยย ดอกปอปเป็นพวกอีแอบหรืออยากเป็นพี่ชายจนเสียสติวะ แถมมีบังคับไลค์/โพส อย่างกับพวกเน็ตไอดอลวัยรุ่นทั้งหลาย (ดอกปอปอายุน่าจะเลยวัยรุ่นไปแล้วว่ะ) ไม่รู้ว่าจขกท.พูดจริงรึเปล่า แต่นิสัยชอบยกตนข่มท่านนี่ของแท้ว่ะ แต่นิยายดอกปอปนี่มันนับเป็นไซไฟได้เหรอวะ? กูว่ามันก็แค่แฟนตาซีปล่อยพลังไม่มีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอะไรมาเกี่ยวข้องเลยนะ หรือจะหมายถึงนิยายเรื่องไวท์โร้ค ซึ่งนั่นก็ไม่เคยอ่าน เคยอ่านแต่เรื่องตุ๊กตากับผู้หญิงและเฟทไดอารี่
ปล. นอกจากเขียนขยะวรรณกรรมกับทอล์กโชว์ขายฝันไปวันๆ ดอกปอปมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งบ้างไหมวะ
เฮ้ย ไอ้เรื่องมันหลงตัวเองหรือเขียนนิยายห่วย ขี้โม้นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่ รู้กันอยู่แล้ว
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า นี่มัน sexual harassment ลวนลามทางเพศไม่ใช่เหรอวะ เรื่องใหญ่นะเว้ย
ความจริงเคยเห็นเฟสหมอนี่ผ่านๆ เหมือนกัน ชอบมีประมาณเด็กผู้ชายวัยมัธยมล้อมหน้าล้อมหลัง
แล้วก็เรียกกันพี่ๆ น้องๆ อะไรแบบนี้แหละ กูค่อนข้างเชื่อนะว่าเจ้าของกระทู้มันไม่ได้โกหกเรื่องนี้
เพราะมันเข้ากับสภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่ แบบอะไรก็เฮีย อะไรก็ให้กำลังใจน้องชายคนนั้นคนนี้
สิ่งที่น่าสนใจมากคือ 1. แม่งได้รู้เบื้องหลังว่าอ้อ ทีแท้มันเหมือนลัทธิขายตรงเลยนี่หว่า ก๊อปปี้
หว่านแหคำพูดเพื่อดึงหาคนมารัก มาเป็นแฟนคลับให้มากที่สุด คือจะเป็นคนมีชื่อเสียงมันต้อง
ทำอะไรแบบนี้เลยสินะ ไม่ต้องสนใจความผูกผันจริงๆ
2.เรื่องลวนลามที่เจ้าของกระทู้เล่านี่แหละ คนไทยแม่งอาจจะไม่ได้สนใจอะไรกันมาก โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย
แต่มึงลองเปลี่ยนคิดว่าเจ้าของกระทู้และเพื่อนพ้องที่โดนใกล้ชิดเป็นเด็กผู้หญิงดิ นี่มันร้ายแรงไม่ต่าง
จากอีพวกข่าวดีเจนักเย็ดทั้งหลายเลยนะเว้ย แล้วยังแบบไปหากินโรงเรียนตลอด หาเหยื่อใหม่ๆได้เรื่อยๆ
น่าเป็นห่วงลูกหลานฉิบหาย
กูว่าเจ้าของกระทู้แม่งเล่าใส่ใจผิดประเด็น หัวกระทู้แม่งก็เหมือนไม่เข้าเป้าด้วย สิ่งสำคัญคือที่มันโดนลวนลามต่างหาก อย่างที่บอกมึงลองเปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิงและก็โดนหลอกมากอด มาหอม มาลูบคลำ อะไรแบบนั้นสิเป็นร้อยเป็นพันคนโดยไอดอลที่พ่อแม่คิดว่าโรงเรียนจัดมาสอนลูกหลาน ฉาวเหี้ยๆ
วันนี้สถาแม่งลดนิยายรักเหลือ 10 เล่ม 599 ส่งฟรีว่ะ จะปิดสนพรึเปล่าวะนี่
กูก็หลงไปซื้อเด็กหญิงกับตุ๊กตาตอนมันมาพูดที่โรงเรียน ตอนนั้นหลงคิดว่ามันเป็น ดร. จริงๆด้วย
กู >>119 แวะมาบอกรอบสุดท้ายว่าก็ตามที่โม่ง >>181 บอกอะ ขายขาดทุนดีกว่าไม่ได้สักบาท พวกเมิงจะหมั่นไส้หรือคิดว่ากุไม่รู้จริงก็เรื่องของพวกเมิง พวกเมิงมีสิทธิ์จะคิด
เรื่องภายในสถาพรกุไม่รู้ นักเขียนออกเพราะอะไรกุจะรู้กับมันไหม กุบอกแล้วว่ากุไม่ได้ทำงานที่นั่น เมิงรอคนจากสถาพรมาตอบละกัน แต่ถ้าเมิงอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการขายหนังสือในภาพรวม ถ้ากุว่างจะเข้ามาตอบ
เออ ลืม ถ้าเมิงตามงานจากหลายสำนักพิมพ์ เมิงน่าจะเห็นนะว่าแทบทุกสำนักพิมพ์เอาหนังสือออกมากระหน่ำลดราคากันอยู่ ยิ่งช่วงก่อนงานหนังสือยิ่งต้องลดเพื่อกระตุ้นให้พวกเมิง ๆ ไปซื้อให้หมด ๆ ไปเนี่ย เมิงนึกสภาพหนังสือใหม่จ่อรอเข้าคลังก่อนงานหนังสือนะ แต่ละสำนักพิมพ์ออกปกใหม่เจ้าละกี่ปก คูณจำนวนยอดพิมพ์ แล้วลองคิดค่าใช้จ่ายสูญเปล่าจากการต้องเช่าโกดังดู
เริ่มปรับตัวแล้ว ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอีกหน่อยคงมีการยุบสาขาให้เห็น
ซีเอ็ดปิดไปเยอะแล้วและจริงๆภายในมันทุจริตกันเยอะ หนังสือที่คนมีอำนาจสั่งเข้ามันเาแต่ที่มีหัวคิว มึงลองเดินๆดูเหอะหนังสือที่วางในซีเอ็ดน่ะส่วนใหญ่อะไรก็ไม่รู้เรื่องขายดีๆก็ขาดมีไม่ครบเล่มส่วนเรื่องที่ไม่น่าขายได้เอาลงเล่มเดียวกันที่ 7 เล่ม
ส่วนสถานี่กูคิดว่าคนในก็วนๆอยู่แถวนี้แหละไม่ว่าจะรับหรือไม่รับ ดีไม่ดีอาจมีออกสื่อว่าเรารักกัน
ส่วนเรื่องลดราคากูว่าคนคัดงานนี่รับผิดชอบเต็มๆนะ คัดมาขายไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับ
>>188 ที่ว่าคัดมาขายไม่ได้เนี่ย กูว่ามันต้องปรับปรุงเรื่องการตลาดด้วยแหละ บางเรื่องสนุกนะ แต่ตอนมีขายไม่มีใครรู้จักสักคน พอขายหมดคนหาตรึม
อย่างยูเจนิดิส กูก็ไม่แน่ใจนะว่าคนรู้จักแค่ไหน แต่ตอนนู้นนนนนน ที่มันออกใหม่เลยกูเมิน จนกูมาเจอในงานลดราคากองเซลและกูก็เจอตลอดด้วยนะ เล่ม 3 บ้าง เล่ม 4 บ้าง
กูว่าเรื่องนี้โปรโมตดีๆ ก็เปรี้ยงได้ สนุกโคตรชนิดที่ถ้ามึงให้กูซื้อราคาเต็มก็ไม่เสียดายเงิน
กุ >>119 นั่นแหละเมิง คือพวกเรา ๆ ซื้อหนังสือทางออนไลน์มากขึ้นด้วย แล้วก็อ่านหนังสือเป็นเล่ม ๆ น้อยลง ที่วางในร้านมันเลยต้องปรับลดลงตามไง พอที่วางน้อยลง หนังสือก็ล้นคลัง มันเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ปีนี้เห็นชัดเพราะคลังจะไม่ทนหนังสือสะสมเยอะขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่อไปไง พอหนังสือคืนสำนักพิมพ์ ทางนั้นก็ไม่มีที่เก็บ ต้องเอาออกมาลด
กุเห็นด้วยเรื่องปรับปรุงการตลาดนะ ของทุกสำนักพิมพ์เลย โปรโมทกันยังไม่พอนะ
กูอยากบ่น กูไม่รู้ว่าถูกกระทู้รึเปล่าเพราะรู้สึกห้องนี้มันใช้มั่วๆงงๆ
อ่านที่พนมเทียนพูดหรือวินทร์พูด กูอยากตะโกนว่าห่าาาา เอ็งพูดงี้ไม่รู้จักแฟนฟิคเว้ย ไอ้เรื่องว่าทำไม่สร้างเรื่องใหม่เองเลยเอาเรื่องคนอื่นไปแต่งทำไมมันคือจุดที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย อย่างปู่ยังไม่เท่าไรเรื่องตัวเองโดนก็เข้าใจว่าโกรธ แต่วินทร์แกยังไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้เข้าใจอะไรกับแฟนฟิคเลยแต่มาพูดเนี้ยนะ จุดสำคัญมันไม่ได้อยู่จุดที่อยากแต่งเรื่องเว้ย แต่มันอยู่จุดที่กูอ่านนิยายแล้วอยากเอาเรื่องนั้นมาต่อยอดมันจะเป็นอะไรถ้าเป็นแบบนี้ ไม่พอใจก็คือไม่พอใจ จะหยุดจะห้ามอะไรก็ทำไมสิทธิของเขายังไงเขาก็เจ้าของเรื่องแต่กูหงุดหงิดชิบหายกับการพูดโดยที่ไม่รู้อะไร
>>194 ถึงจะบอกต่อยอดแต่จริงๆก็ไปละเมิดสิทธ์ผู้แต่งอยู่ แฟนฟิคไม่ใช่เรื่องถูกต้องอยู่แล้วมาอ้างว่าทำให้ดังไม่ได้ ชอบก็ไปวิเคราะห์ใส่ทีสิส เอาไปสร้างเรื่องใหม่ ไม่ใช่เอาเรื่องคนอื่นมายำตามความคิดตัวเอง ถ้าเขียนออกมาดีก็ดีไป ไอ้ที่ออกมาระยำเจ้าของเรื่องคิดยังไง แล้วเคยไปขอเจ้าของเรื่องก่อนมั้ย บางคนเอาไปทำขายอีก
จะว่าไปนักเขียนบางคนเองก็อาจจะไม่รู้ก็ได้นะว่าตัวเองกำลังเขียนแฟนฟิคอยู่ อย่างรักที่ต้องมนตราของป้าทมอะไรแบบนี้
กุมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับ สนพ enter นิดนึงว่ะ คือ กุชอบนิยายของ rick riordan กับ นิยายญี่ปุ่น (ของ สนพ มันก็พวกยาคุโมะ นักประเมินQ ไรงี้)
กุก็เลยกดไลค์ตามแฟนเพจมัน จนได้เห็นนิยายอื่นของ สนพ เข้า ซึ่ง..... กุรู้สึกว่าหน้าปกกับชื่อมันดูประหลาดๆจูนิเบียวจังวะ มันคือนิยายอะไรเรอะ
อย่างหน้าปก LN เนี่ยกุไม่สะดุดใจอะไร เพราะชินแล้ว แต่ของ สนพ นี้มันดูต่างออกไป แถมอ่านที่แอดมินเขียนไม่รู้เรื่องเลยด้วย
คอนเซปหนังสือของ สนพ นี้คืออะไรกันแน่วะ
>>198 >>200 กูตามเอ็นเธอร์ตั้งแต่ออก LSK 1 ยุคเปิดไลน์ไต้หวัน กูจะบอกว่าที่แทนตัวเองว่าเฮีย เป็นมาตั้งแต่ในบอร์ดเอ็นเธอร์ ยังไม่เป็นเพจ ในบอร์ดกูว่า ฮาๆ เป็นกันเอง กูชอบนะ แต่เดี๋ยวนี้ในเพจกูก็รู้สึกว่าเหมือนไม่ธรรมชาติเท่าไร เหมือนพยายาม พักนึงในเพจเขาก็ตอบครับๆ แต่กูที่ตามมาตลอดก็รู้สึกว่าไม่ชิน
และกูก็ไม่ติดตามแนวคนไทยด้วย ยกเว้นลวิตร์
กูว่าที่มันฝืดไปทุกทีเพราะเฮียพยายามมากไป
จากติ่งเฮีย
1168 ขายนิยายแบบพรีออเดอร์แล้วว่ะ ขนาดสำนักพิมพ์ยังพรีเองนับประสาอะไรกับนักเขียนทำมือ /ถึงช่วงหลังๆ กูจะเห็นทำของ "พรีเมี่ยม" ออกขายเยอะกว่าหนังสือก็เถอะ
>>198 มี4 แนวมั้ง เหมือนเคยเห็นเขาว่าไว้
enter แนวแปลฝรั่ง
Enter หยดเลือด แนวสืบสวน กับหลอนๆ
ELN แนว light novel ญี่ปุ่น
แล้วก็ enter here เป็นไทยกะไต้หวัน แนวชวนจิ้น
อ่อ มีแนวกำลังภายในอีกอัน เพิ่งออกมา 2 เรื่องมั้ง
สมัยก่อนกูก็เบียว ตามมันทุกเรื่องของสนพ.เลย ตอนนี้มานั่งเหม่อมองกองที่ซื้อมาโดยเฉพาะของคนไทยแต่งที่ไม่ใช่ลวิตร์
แบบว่า นี่กูทำอะไรลงไป...
ส่วนของอวี้หว่อ(เป็นจุดขายของสนพ.ยุคแรกๆ) ตอนแรกกูก็ชอบนะ แต่ไม่ชอบตอนจบของเจ๊แกซักกะเรื่อง เลยเลิกตามเรื่องใหม่ล่ะ
เรื่องเพจกูว่าแอดมินชอบเล่นแก๊กดึงดูดลูกค้าวัยทีนน่ะ แต่รู้สึกว่ามันอวยเรื่องจิ้นเกินไปว่ะ ขนาดกูเป็นสาววายเห็นแล้วยังรำคาญเลย
ทำไมใช้ว่าเฮียแล้วกูนึกถึงดอกปอบ ...
กอดพวกมึง กูก็เกลียดตอนจบอวี้หว่อทุกเรื่อง นิยายเบียวๆที่ซื้อในวัยเด็กตอนนี้กูก็ร้องไห้กับเงินทุกเรื่อง
ปล.แต่กูก็ยังต้องการเรื่องเบียวๆมาอ่านคลายเครียดนะ แต่เบียวในวัยเด็กมันไม่ได้คุณภาพสำหรับกูแล้ว ว่ากันตามตรงเรื่องของอวี้มันก็ทำกูอ่านคลายเครียดได้ดีนะ(ไมนับตอนจบ)
แนว Enter คือแนวไม่จิ้นวายไม่ใช่เหรอวะ แบบลวิตร์ ฟินด์ไรงี้ก็อยู่แนว Enter
พวกมึงว่าก็อบกันหรือเปล่าวะ
http://imgur.com/HwuB6qT
>>212 โห ยังกะคนละเรื่องเลยอะมึง ในหนังนี่มุ้งมิ้งโคตรซอฟต์
ให้หนังสือนี่ครึ่งเล่มแรกเย็ดผู้หญิงไปเกือบสิบคนละมั้ง จบเรื่องมีเมียครึ่งโหล เป็นยอดคนโคตรแมรี่แกรี่ พอจะตายเสือกหาวิธีแก้ได้ตลอด บางทีไม่รู้จะทำไงเสือกโชคดีไปแอบได้ยินแผนการของตัวโกงซะงั้น
ใครต้องการอ่านนิยายที่พระเอกเก่งเทพโชคดีแบบมีเหตุผล(เหี้ยๆ) น่าจะลองอ่านดูนะ
รึจะเป็นยุคตกต่ำของสถาวะ ช่วงเกือบปีที่ผ่านมาเรื่องใหม่สถาเหมือนจะไม่ดังสักเรื่อง
กูก็คิดว่างั้น แต่จีนแปลของสถายังไม่ค่อยปัง กูสอยเรื่องคู่สืบอะไรสักอย่างมา แม่ง...นี่ห้าเดือนแล้ว กูยังอ่านไม่จบเลยสัส
>>203
อันนี้กูเพิ่งเห็น สนพ. เล็กๆก็ทำแปลกๆ เพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน
อย่างของ เมจิค ก็ออกเล่มต่อแบบเรื่องที่พอมีกำไรบ้าง มา 2 เรื่องจาก 6 เรื่องที่เปิดตัว
แล้วให้ นักเขียน เรื่องที่ไม่ได้ออกกับ สนพ. แล้ว
มาวางขายแบบหนังสือทำมือเล่มต่อ (เล่ม2) อีก 2 เรื่อง ซึ่งมันก็ยังดีกว่าลอยแพทิ้งคนอ่าน
เรื่องตุ๊ดนี่สนุกมากปะวะกูไม่เคยอ่าน แต่เหมือนสถาดันจัง กูเห็นเปิดจองพร้อมลายเซ็นบ่อยมาก
นักเขียนเก่า ถ้าไม่นับกัลนี่ ยังไม่ได้เซ็นเยอะขนาดนี้เลยมั้ง
แสดงว่าข่าวลือที่สถาเอานักเขียนเก่าออกแล้วดันเด็กใหม่นี่มีมูลสิวะ โม่งสักคนบอกเด็กดัน ด. คือเรื่องตุ๊ดกับดราก้อนฮาร์ท
>>229 ก็สนุกนะมึง แต่พวกตัวละครหลักที่เป็นตุ๊ด 4 คนกูรู้สึกว่าเป็นตุ๊ดจริงๆ อยู่คนเดียว ที่เหลือเหมือนผู้หญิงเกินไป หรือหลุดไปสิงร่างสาวงามจนกลายเป็นผู้สาวจริงๆ เพราะมันไม่ค่อยมีโมเม้นแบบผู้ชายใจหญิงเลยอะ กลายเป็นผู้หญิงเจ้าปัญญามากฝีมือเหมือนพวกซีรี่ย์ชาววังของเกาหลีไปแล้ว
มีใครรู้เรื่องเมจิคดีๆบ้างกูไม่เห็นหนังสือมันตามร้านแถวบ้านกูเลยว่ะ จะรอดไหมวะ
สภาพรร่วมกับช่อง 3 เปิดโครงการประกวดพล็อตเอาไปทำเป็นละครว่ะ
ต่อเรื่องสถากับenter เจออันนี้อีก...มึงว่าก็อปมะ อันแรก enter อันที่สองสถา
โว๊ะ! โปรยเรื่องมาอย่างซีเครียด แต่ในดราม่ามีความฮาซ่อนอยู่...ไม่สิ ไม่ซ่อนล่ะ เพราะฮากันให้เห็นจะจะเลย ในเมื่อ ‘โจนาธาน พอล’ ตัวเอกของเรานั้น เห็นหล่อๆ แบบเน้ แต่มัน 'ต๊อง' ได้ใจจริงๆ!
------------------------
โปรยปกมาซะซีเรียส แต่ในความซีเรียสนั้นมีความมันหลากรสชาตแอบแฝงอยู่ จะเป็นแบบไหน ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลย!
เพื่อนโม่งครับ
Net ผมเลิกโดนแอดมินโม่งแบนแล้วครับ
คิดถึงเพื่อนโม่งทุกคนจังเลยฮับ
คันปากคันมือยิบๆคุยกับเพื่อนโม่งไม่ได้เป็นเดือน
ทำงานวงการนี้ยิ่งไม่ควรก็อปไม่ใช่เหรอวะ
เป็นสนพ.ก๊อบสนพ.ด้วยนะมึง กูว่าเหี้ยมาก
วิกฤติการณ์หนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์
รายได้ตกต่ำที่สุดในรอบ ๔๐ ปี
การก้าวสู่ยุค ๔ จี ทำให้สื่อใหม่..เวบไซต์ ทวิตเตอร์ ไลน์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และอื่นๆ เข้าถึงคน ถึงข่าวสาร ทุกชนิด รวดเร็วเพียงแค่กะพริบตา
สื่อกระดาษ หนึ่งในสื่อที่เรียกว่า "สื่อสารมวลชน" โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ นิตยสาร (เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมา งบโฆษณานิตยสาร จากเอเยนซี ลดลงถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์) ลดความสำคัญไปไม่มากก็น้อย (หมายถึง-ลดลงไปมากและน้อยตามลำดับ)
ขณะที่สื่อทีวีดิจิตัล ๒๔ จอ ก็มีแนวรบรอบด้าน ทั้งในแวดวงของตัวเอง รวมทั้งเคเบิ้ล และทีวีฟรีทางจานดาวเทียม
ช่องทีวีทั้งขาใหญ่และใหญ่มาก โละคนไปแล้ว ๔-๕ ช่อง ( ล่าสุดช่องในเครือแกรมมี่) หลายช่องปรับตัวหนีตายกันโกลาหล หลายช่องยิ่งปรับ รายการก็ยิ่งซ้ำกัน เอาอย่างกัน เช่น ๒-๓ ช่องเพิ่มรายการชกมวย โดยที่ไม่เคยอยู่ในไลน์มาก่อน บ้างก็แข่งขันกันประกวดร้องเพลง และตะลุมบอนรายการข่าวอย่างบ้าเลือด
ช่องกรรมกรข่าวที่ว่าแน่ๆ แฟนที่แท้ส่วนมากเป็นแม่ค้าชาวบ้านร้านตลาด ใช้ลีลาใส่อารมณ์เน้นเสียงทั้ง รัก โศก โหด ฮา พูดซ้ำพูดซ้อน ฉายวนฉายเวียน บางเรื่องราวก็โศกซ้ำโศกซ้อน เหมือนหนังอินเดีย บางที"นักเล่าพันล้าน" ก็พูดอ้อนออเซาะเหมือนนักร้องลูกทุ่ง อย่างนี้ชาวบ้านชอบ ใครจะเรียกเรตติ้งเอาไปใช้ได้เลย (นักเล่าข่าวบางช่องก็เลียนแบบ)
วารสารของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ เนื่องใน "วันนักข่าว" ๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ก็เน้นเสนอรายงาน "ไลน์..ข่าวนอกลู่ คู่แข่งสื่อเก่า-ใหม่"
อีกเล่ม แสดงความเป็นห่วง ขึันหัวปกว่า "อนาคตสื่อไทยบนเส้นทาง (แพร่ง) ปฏิรูป"
ในขณะที่สื่อใหม่ก้าวกระโดดไป ๔ ก้าวแล้ว แต่สื่อสิ่งพิมพ์ค่ายยักษ์ใหญ่ ยังหากินกับการลงรูปดาราแก้ผ้าโชว์นุ่งกางเกงในอ้าซ่าหน้าหนึ่งฉบับวันอาทิตย์ ทำอย่างนี้ยาวนานมากว่า ๔ ทศวรรษ คิดหรือว่าจะยังเพิ่มยอดขายได้(ในยุคนี้)
นี่เป็นการฟ้องว่าโลกเปลี่ยนแต่สื่อไม่เคยเปลี่ยน
แล้วสถานการณ์ "หนังสือเล่ม" หรือ พ็อคเก็ตบุ๊ค ในภาวะเศรษฐกิจกู่ไม่กลับยามนี้ล่ะ เป็นอย่างไร
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่จะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคม นี้ เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า แต่ที่แน่ๆคือ จากการที่ได้สนทนากับ คุณวินัย ชาติอนันต์ ผู้บริหาร บริษัทเคล็ดไทย เจ้าเก่า (จากการพบกันในงานคุณประภัสสร เสวิกุล) เขาบอกว่า
"พูดได้เลยว่า ปีนี้หรือขณะนี้ รายได้จากการขายหนังสือตกต่ำที่สุด ในรอบ ๔๐ ปี ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน" (หมายถึงนับตั้งแต่ตั้งบริษัทเคล็ดไทยมาแล้ว ๓๗ ปี)
เขาย้ำว่า "ไม่เคยตกต่ำอย่างนี้มาก่อน แม้ช่วงวิกฤติยุคฟองสบู่แตก ปี ๒๕๔๐ ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ายุคนี้"
โปรดหายใจลึกๆยาวๆ ตั้งสติแล้วสุมหัวกันคิดและคิดว่าจะทำอย่างไรดี.
จากเฟสคุณถวิล มนัสน้อม
จากข่าวว่ายอดขายในงานหนังสือลดลงอย่างต่อเนื่อง
งานคราวที่แล้วก็มียอดลดลงถึง -25%
งานเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่รับคนเพิ่มมีแต่ลดพนักงานลงอย่างเดียว
ปล.
เมื่อยอดขายในงานสัปดาห์หนังสือไม่หวานอีกต่อไป
สำนักพิมพ์ต่างๆ มีรายได้ลดลง ก็ส่งผลเป็นลูกโซ่ ทั้งสายส่ง ร้านหนังสือ นักเขียน ฯลฯ
ในที่สุดนักเขียนก็ต้องทำขายเองเพราะไม่มีสนพ.จ้าง แล้วหนังสือทำมือราคาก็สูงกว่าสนพ.พิมพ์ นักอ่านก็จ่ายแพงมากขึ้น นักอ่านก็เลิกซื้อไปหาสแกนอ่านฟรี กฎหมายมีแต่ใช้งานไม่ได้เพราะค่าใช้จ่ายฟ้องร้องแพงแถมปกป้องผู้ละเมิด นักเขียนเลิกเขียน
ทางออกสนพ. ไปหาเรื่องจากต่างประเทศมาแปลป้องกันความเสี่ยง นักเขียนไม่มีคนซื้องาน ทำเอง ราคาแพง นักอ่านไม่ซื้อ นักเขียนเลิกเขียน
วงจรอุบาทว์ทั้งคู่
>>254 มึงประมาทพลังของสายทำมือมากเกินไป ถ้าเป็นอย่างที่มึงว่า คงไม่มีหนังสือทำมือออกมามากมายขนาดนี้หรอก มันมีคนที่แพงเท่าไหร่ฉันก็ยอมจ่าย เพื่อให้ได้อ่านนิยายที่ฉันชอบ จะเล่มละ 400+ ก็ขายได้ มึงไปดู หนังสือของ สนพ. นาบู ขายในงานหนังสือไม่ลดสักบาท ขายดีอย่างกับแจกฟรี ยังไม่นับขาย E-book ที่ต้นทุนเป็น 0 อีกนะมึง ไม่ใช่ทุกคนที่จะอ่านแสกนหมด หนังสือทำมือน่ะ มีคนซื้อแค่ 50 คน ก็อยู่ได้แล้ว กำไรเล่มละ 200 แถมมึงขายได้ตลอดชาติ พิมพ์มาพอขายก็ยังได้ มึงได้ไปงาน Gen Y ที่ขายหนังสือทำมือวายที่ผ่านมาไหม หรือเอาแต่นั่งเทียนอยู่หน้าคอมแล้วมโนว่ารู้ทุกอย่าง
พวกเอาเรื่องจากต่างประเทศมาแปล มึงคิดว่ามันไม่เจ๊งเหรอ ดูอย่างไลน์ LN แจ่มใสสิมึง หรือสถาพรที่เอาหนังสือแปลมาขายสิมึง มันความเสี่ยงน้อยอย่างที่มึงว่าไหม
ไอ้ที่มันอยู่ไม่ได้เพราะว่ามันกระจอกไง ปรับตัวตามโลกไม่ทันแล้วมานั่งโวยวายโทษคนโน้นคนนี้ "หนังสือดีๆ ขายไม่ได้" เชี่ยไร ถ้าของมึงดีมึงก็ต้องขายได้สิ
กูซื้องานหนังสือน้อยลงเพราะเกลียดโปรโละของไม่เห็นหัวคนซื้อครั้งแรกว่ะ
>>255 มึงอย่าเอาแต่ยาโอยมาวัดตลาด ยาโอยกูยอมรับแพงแค่ไหนก็ซื้อ สาวฟุแรงจริงหนุนจริง มึงดูตลาดนอร์มอลบ้างซบลงเรื่อยๆ ไม่งั้นคนจะแห่มาทำแต่ยาโอยเหรอวะ เพราะคนอ่านนอร์มอลแค่นิยายลงเน็ตเรื่องไหนประกาศรวมเล่มขายไม่ลงต่อ คนอ่านก็เปลี่ยนไปอ่านเรื่องอื่นแล้วไม่ง้อนักเขียน
>>258 ยาโอยไม่ใช่หนังสือเหรอวะ กูงง พอมีอันที่เขาขายได้ทำได้ มึงบอกไม่นับซะงั้น ถ้างั้นมึงไปดูนักเขียนชื่อ ใบบัว bigger ที่ทำหนังสือทำมือออกมาขายแบบบูมๆ หรือมึงจะบอกว่าหนังสือโรม้านซ์ไม่นับอีก เอาแฟนตาซีก็ได้มึงไปดูราชานกฮูก ขายหนังสือทำมือมันได้ 200-300 เล่มนะโว้ย
แล้วเรื่องหนังสือแปลเสี่ยงน้อยกว่าอีกนะ เงียบเลยนะมึงอมไรอยู่
คือจากที่กูดูมากลุ่มยาโอย
เป็นกลุ่มที่ถ้าชอบจะเป็นซื้อทันที ไม่เรื่องมาก
ซึ่งแปลกกว่าสายนอร์มอลมากๆ
กำลังซื้อจากกลุ่มนี้ต่างจากกลุ่มอื่นๆ ชัดเจนวะ
นิตรสารแนวเก้ง กวาง ชะนี ถ่ายหนุ่มหล่อ ล่ำ จะติดท็อปในการขายตลอด (มากกว่านิตรสารสาวๆที่นุ่งน้อยห่มน้อยเสียอีก)
นิยายแนวยาโอย แฟนคลับที่ซื้อ ถึงจะมีน้อย แต่สนับสนุนคนเขียนดีมากๆ
มากจนสายปกตินอร์มอลเห็นเป็นเซ็งในยอดขายของตัวเองเลยวะ
กู >>256
>>257 >>263 ก็ตามที่พวกมึงว่า คือกูรู้สึกมันต่างกับที่ญี่ปุ่น เวลาญี่ปุ่นขายจะมีลอตแรก มีลิมิเต็ดอีดิทชั่นให้กูกระเหี้ยนกระหือรือต้องรีบซื้อว่ะ ขณะที่ของไทยกูโมโหมากที่มันเสือกมีของแถม หรือมาลดราคาในงานต่อมา คือกูไม่เข้าใจ สนพ ไทยว่ะ ทำไมมันไม่คิดบ้างว่าคนที่ซื้อกลุ่มแรกๆ คือแฟนคลับของ สนพ หรือนักเขียนคนนั้น หรือเพราะเห็นพวกกูเป็นหมูในอวยเลยขายราคาเต็มหลอกฟันกลุ่มนี้ก่อน กูหงิดในเรื่องนี้มากจนหลายปีมานี้กูเลยไม่รีบร้อนต้องซื้อว่ะ คือถ้า สนพ มันไม่เห็นหัวคนกลุ่มแรก กูจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เอาเงินให้ สนพ ไปหล่อเลี้ยงเพื่ออะไร
เหตุผลอีกข้อคือเป็นที่ตัวกูเอง กูพบว่าหลายครั้งหนังสือบางเล่มกูอ่านไม่ทันจบมันก็ลดราคาแล้วซะงั้น ไอ้พฤติกรรมซื้อเยอะๆ แล้วเก็บสะสมสุดท้ายต้องเหลือเล่มที่อ่านไม่ทันเป็นวงจรอุบาทว์ กูเลยเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ซื้อเมื่ออยากอ่าน ไปร้านหนังสือแทน ส่วนงานหนังสือถ้าตอนนั้นมีอะไรที่อยากอ่านพอดีค่อยซื้อ โดยไม่สนใจโปรห่าเหวอะไร สิ่งที่ได้คือกูซื้อมากูอ่านจบเท่าที่กูอยากอ่าน มันโอเคกว่าอ่ะนะ
กูเห็นด้วยเรื่องลดราคาเยอะมากๆ ถึงจะมีโม่งเคยบอกว่าเพราะสนพ ต้องการเคลียร์คลังก็เถอะ กูว่ามันเซลล์เยอะไป บางเรื่องพึ่งออกมาได้ไม่นานด้วยซ้ำ ถ้าเป็นหนังสือเก่าๆ เอามาโละขายคนเค้าไม่ว่าหรอก shock sale กูรับได้นะ เพราะที่ลด 50% คือมีตำหนิ ถึงจะไม่ร้ายแรงแต่ในมุมของคนอยากเก็บสภาพสวยจริงๆ ก็อาจจะไม่ซื้ออยู่แล้ว แต่สถาเนี่ย ที่มาลดหลายเรื่องคือสภาพสวยมาก แม่งไม่เห็นใจคนซื้อก่อนหน่อยเหรอวะ
แจ่มประกาศลอยแพ LN แล้วว่ะ อิแจ่ม กูเกลียดๆๆๆๆมันนนน กูเสียใจ ต่อจากนี้ถือว่ากูหมดเวรหมดกรรมกับมันละ ฮืออออ
เห็นสถาพรเอานิยายแปลเรื่องใหม่มาอีกแล้วว่ะ แนวแฟนตาซีโรงเรียนปีศาจ มีสี่เล่มจบ สองเรื่องแรกมันขายดีจนกล้าลงทุนต่อเหรอวะ
>>268 ยังไม่จบไม่ใช่เหรอวะ เห็นแอดมินตอบว่าทางฝั่งนู้นยังเขียนไม่จบ
>>269 กูไม่รู้หรอกนะว่ายอดขายสองเรื่องแรกมันดีไหม แต่ตอนซื้อลิขสิทธิ์ซื้อมาสาม(เห็นบอกในเพจตั้งแต่ปีที่แล้ว) แต่เหมือนแปลไม่ทันหรือว่าอะไรสักอย่าง เรื่องใหม่มันเลยเพิ่งออก
สงสารนักเขียนไทยเบาๆวะ โดนตัดสิทธิ์ห้ามออกหลายเล่ม แต่สนพ.กลับซื้อนิยายแปลที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากี่เล่มจะจบ
เขร้ สุดท้ายแจ่มมันก็ไม่รับผิดชอบคนอ่าน
กูโกรธมาก เสียใจ เรทีเซียของกู กูซื้อมาตั้ง6เล่มแล้วนะ มาลอยแพกูเฉยเลยยยย โอ๊ย โกรธ
>>273 สนพ แม่งนึกแต่ว่าเดี๋ยวนี้คนสนใจงานแปลจีนกันเยอะ เรื่องที่เลือกมาก็น่าจะขายดีในจีน(มั้ง?) ก็คงขายดีในไทยด้วย แต่บางทีคงจะลืมไปว่าแปลจีนที่ขายดีในไทยคือนิยายรักเป็นหลัก หรือไม่ก็พวกแนวกำลังภายใน ในรั้วในวังอะไรก็ว่าไป พวกนี้อยู่มานาน ฐานคนอ่านค่อนข้างคงตัวแล้ว แต่สายแฟนตาซีเนี่ย กูว่าไม่ค่อยผ่านเท่าไหร่นะ จะขายได้หรือจะล่มก็รอดูกันไป
เห้ย พวก lolita กับ clockwork orange ทำไมสนพไทยเขาถึงพิมพ์ขอบกระดาษแบบนั้นวะ มันดียังไงอะ
คือมันไม่ได้กำไรไงเลยลอยแพ แจ่มแม่งชอบเอากำไร
ขายหนังสือมันไม่ได้กำไร เอาเงินไปปั้นดารานักร้องหน้าใสดีกว่า
Blissไม่ได้กล่าว
เห็นอวาลอนเปลี่ยนคนวาดปก แถมนักวาดมาตอบเม้นเหมือนมีปัญหากับสนพ มีใครรู้รายละเอียดบ้างไหม
เฮ้ย แจ่มใสไลท์โนเวลโดนดองจริงดิ! มีต้นข่าวป่ะ ไหงทางนี้คุ้ยหาในเพจแล้วไม่เจอ........
เสียดายแค่เรทีเซียเรื่องเดียวนี่แหล่ะ ยังดี RDG จบไปแล้วนะ.....
***ไป
สนพ.เมจิคของบก.โป่งเจ๊งรึยังวะ ปีใหม่เกือบสามเดือนแล้วเห็นออกแต่ของนกฮูก คนเขียนเรื่องที่เหลือแยกไปทำมือกันหมดแล้ว เรื่องเซนเห็นเลื่อนมาสองรอบละ ใครวงในรู้อะไรมาช่วยแง้มให้กูฟังที
ปล.กูไม่ใช่แฟนคลับสนพ.นี้นะ แค่อยากเผือกและอยากเห็นสนพ.ใหม่ๆได้เกิดบ้าง วงการหนังสือจะได้ไม่เงียบเหงา
>>297
เซน เล่ม 2 เห็นในเฟสประกาศว่าลงขาย e-book แล้วใน meb
แต่แบบเล่มก็คงไปเปิดตัวขายในงานหนังสือเหมือนเดิมกับเล่มแรก
ทางเล่มอื่นๆที่เห็นว่า กำเนิดจักรพรรดิฯ เล่ม 2 ของนกฮูก สนพ. ออกในงานหนังสือเช่นกัน
ส่วนที่แยกทำมือเอง คือ ดุจตะวันกับซาตาน 2 กับ Begin Again 2
ก็ได้ข่าวว่าจะมีเล่ม 2 ไปวางขายในงานด้วยบางส่วน
อันนี้เท่าที่รู้จาก เฟส สนพ.
ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่มีข่าว รวมไปถึงเรื่องที่เคยติดต่อเอาไว้ก็ยังไม่เห็นข่าวเช่นกัน
สรุปเดาว่าจาก 6 เรื่องที่เปิดตัว...
มี 2 เรื่องพอไปไหว (หมายถึงคุ้มทุนที่จะลงทุนต่อได้)
อีก 2 เรื่องแยกตัวทำมือเอง อาจเพราะ สนพ. ลงทุนไปแล้วเสมอตัวเลยให้ทางนักเขียนอิสระทำเองในเล่มต่อ
อีก 2 เรื่องที่เหลือค่อนข้างเงียบยังไม่เห็นข่าวเล่มต่อ
>>301
เห็นในห้องนินทาเด็กดวก มีวงในบอกว่า เซ็นสัญญากันเล่มต่อเล่มวะ เพื่อนโม่ง
ทาง บก. เอง ก็คงมีประสบการณ์มากอยู่
สิทธิเล่ม 1 เป็นของ สนพ. เอง ส่วนเล่มต่อๆไป คงเป็นสิทธิของนักเขียนเอง
กูว่าก็ดีเหมือนกัน ที่ไม่ต้องค้างคาใจกันเรื่องลอยแพ
อีกอย่างแบบนักเขียนคงอยากออกเร็วขึ้น ไม่ต้องรอยาวแบบต้องรองานหนังสือ ถึงจะได้ออกเล่มใหม่เท่านั้น
เพราะ สนพ. ใหม่ๆ มักจะมุ่งเก็บเงินสด เงินหมุนให้เร็ว และได้กำไรที่สุด จากงานหนังสือที่ไม่ต้องแบ่งหัวคิวให้สายส่งถึง 40%
กูเข้าใจแล้วว่าทำไมรู้สึกอย่างนั้น
คือตำแหน่งฟอนท์มันล่อไปครึ่งหน้า แถมไปวางคู่กับเงาตัวละคร ปกแม่งเลยไม่มีอะไรเด่น (ขาดการเล่นระดับไปหน่อย)
อย่างตอนเล่มแรกมันยังดูโอกว่า ในความเห็นกูนะ
ฟ้อนอักษรคงใช้แบบเดียวกับเล่มแรก
เห็นในหน้านิยายมีวางเทียบปกเล่มแรกกับเล่มสองกันแล้ว ก็คงใช้ชุดฟ้อนอักษรแบบนี้ทั้งชุด
พอดีเล่มแรก มีมังกรเด่นกว่าตัวอักษร
ส่วนเล่มสอง กูดูแล้ว เน้นไปที่เงาสีสันด้านหลัง
แต่ตัวอักษรชื่อเรื่องสีเข้ม มันเลยเด่นเกินไปนิด
วิจารณ์เรื่องปกเซนหน่อยนะ
คือ กูรู้สึกว่า สนพ. อาจมองไปที่คนซื้อที่มีอายุวัยทำงานแล้วด้วย (กลุ่มที่มีกำลังซื้อ)
เลยไม่ทำออกมาแนวตัวการ์ตูนวัยรุ่นจ๋าเกินไป
แบบเคยส่องในเฟสของ สนพ.เมจิค
กูเห็นคนที่เข้ามาถามเรื่องเซน ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานแล้วแทบทั้งนั้น
ส่วนเด็กวัยเรียน เห็นเข้ามาถามน้อยมาก ซึ่งส่วนใจน่าจะอยู่ในส่วนคอมเมนต์ในหน้านิยายเด็กดีมากกว่า
พอดีดูชื่อคนออกแบบปกเล่มแรกแล้ว
เห็นเป็นคนออกแบบปกนิยายให้กับหลาย สนพ. ที่เป็นแนวนิยายขายคนวัยทำงานแล้วอ่ะ
>>309
อย่าลืมกลุ่มที่โตมากับแนวแฮรี่พอตเตอร์ หรือแนวของ บก. สนพ. เมจิคเอง อย่าง บารามอส รุ่นนั้นสิ เพื่อนโม่ง
รุ่นนั้นป่านี้คงทำงานกันหมดแล้ว แต่กูคิดว่ายังมีเยอะที่ชอบอ่านแนวนี้อยู่
และเป็นรุ่นที่มีกำลังซื้อน่าจะดีที่สุด สังเกตุปกเซนตอนนี้มีกลิ่นคล้ายปกบารามอสรุ่นแรกอยู่มากทีเดียว
ส่วนคนอ่านรุ่นหลังๆ (วัยรุ่นตอนนี้) จะมักชอบอ่านหรือโหลดในเว็บเอามากกว่า (ความหมายของกูคือกลุ่มนี้ไม่ค่อยจะซื้อหนังสือมากเท่าที่ควรนั่นเอง)
กูยังจำดราม่าของเรื่องนี้ได้ดี ซึ่งบอกตรงๆว่าคงมาจากคนอ่านรุ่นหลังๆ มากกว่าคนอ่านรุ่นก่อน(วัยทำงานที่มีเงินซื้อได้แบบไม่คิดมาก)
>>311
อาจเพราะมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องรับภาระการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน และครอบครัว
สมองเลยมองเห็นเรื่องการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จมากกว่าสิ่งอื่นๆ ละมั้ง เพื่อนโม่ง
กูเองก็รุ่นแรกๆ แนวนี้เหมือนกัน
เมื่อก่อนอ่านได้บ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ แบบต้องรอช่วงวันหยุด หรือช่วงที่งานไม่เยอะ
ถึงจะหยิบหนังสือมาอ่านสักทีหนึ่ง
เพื่อนโม่ง กูอยากรู้ว่าโอกาสที่จะมีสนพ.ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องที่เคยออกกับสนพ.ที่เจ๊งไปแล้วนี่มันริบหรี่แค่ไหนวะ กูเห็นมันเอาแต่เรื่องดังๆ อย่างอาร์ทิมิสกับอินเดธไปทำต่อ ส่วนเรื่องที่ไม่ดังนี่หมดโอกาสเลยป้ะวะ
>>313
ใช่แนวเรื่องไปคนล่ะแนว แต่ก็ยังเป็นแนวแฟนตาซี ที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ มังกร หนูพูดได้
ซึ่งมันก็ขายแนวจิตนาการ หลุดโลกแห่งความเป็นจริงอยู่ดี
ส่วนแนวแบบโรงเรียนเวทแท้ๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแนวเกิดใหม่ แล้วล่ะมั้ง เพื่อนโม่ง
แต่ยังไม่รุ่งเรืองเท่ากับสมัยแฮรรี่ที่คนซื้อหนังสือกันง่ายกว่าตอนนี้
และปกตินิยายในเว็บมันก็มีตัวอย่างให้อ่านอยู่แล้วบางส่วน
ถ้าไม่ถูกใจ ตัวอย่างสิบกว่าตอนนั้นในหน้านิยายก็คงจูงใจให้ซื้อไม่ได้อยู่แล้ว
สรุป กูว่าซื้อไม่ซื้อ ถูกใจไม่ถูกใจ
เงินในกระเป๋าของนักอ่านนั้นๆ เป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุด
>>314
น่าจะใช่วะ เพื่อนโม่ง
สนพ. เน้นผลกำไรและการอยู่รอดเป็นอันดับแรกสุด
คงไม่ตามใจนักอ่านบางส่วนที่ชอบเรื่องนั้นๆ อยู่หรอก
ไม่งั้นจะมีการลอยแพ หยุดพิมพ์ หรือตัดตอนจบหรือไงกัน?
หนังสือเล่มหนึ่งลงทุนหลายแสนอยู่นะ
ทั้งค่าต้นฉบับ ค่าพิมพ์และใช้จ่ายในส่วนออกแบบรูปเล่ม
แถมสายส่งที่เอาไปวางตามร้านหนังสือยังหักเอาไป 40% อีก
คงไม่มี สนพ. ไหนรู้ทั้งรู้ว่ายอดขายไม่ดีแล้วยังกล้าตีพิมพือีก
นอกจากมีนายทุนออกเงินให้เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง อันนั้นถึงจะไม่สนใจยอดพิมพ์
เพราะอาจต้องการชื่อเสียง หรือวัตถุประสงค์ซ่อนเล้นบางอย่าง
>>314 ยากมาก เพราะอะไร?
1. ฐานลูกค้าเก่า (กรณีพิมพ์ย้อน) ส่วนมากสนพ.มันขาย lc ยกเซ็ต ถึงหลุดมาเวลาไปซื้อมันก็โดนพ่วงมาด้วยอยู่ดี ครั้นจะพิมพ์ขายคนก็มีกันแล้ว คนไม่อยากซื้อใหม่กันหรอก (ไม่นับพวกป
ากบอกจะซื้อๆ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ซื้อ)
2. สนพ.ไทยไม่กล้าซื้อมา เพราะว่ากันตรงๆ ไอ้การที่เรื่องโดนลอยแพมันก็ชี้ให้เห็นระดับนึงแล้วว่ามันขาดทุน สรพ.มันทำธุรกิจ เห็นว่าขาดทุนตั้งแต่แรกก็ไม่เอาแล้ว
3. กระแสเรื่องมันดับไปแล้วด้วย ต้องมาทำตลาดกันใหม่หมด
พูดถึงลอยแพ เห็นนิยายแปลไต้หวันสถาพรที่เอามาพิมพ์ในไต้หวันยังไม่จบสักเรื่องบางเรื่องเกินสิบเล่มไปแล้วยังไม่มีวี่แววจบ มันซ้ำรอยลอยแพป่าววะนี่
อยากถามๆ สนพแซลมอนนี่เกี่ยวไรกับ อเดย์รึเปล่า ทำไมนักเขียนเก่าถึงย้ายค่ายไปอยู่กับแซลมอนอ่ะ
>>297
วันนี้กูเพิ่งเห็นปกใหม่ที่จะเปิดขายในงานหนังสือครั้งนี้
สรุป สนพ.เมจิค เหลือเปิดเล่มใหม่ต่อจากเดิม 2 ปก
และเห็นหนังสือทำมือเองของนักเขียนไปฝากขายในงานด้วย
แสดงว่าเซ็นสัญญากันเล่มต่อเล่มสินะ
แถมอนุญาติให้นักเขียนลงทุนทำหนังสือทำมือต่อเองได้อีกในเรื่องที่คิดว่า สนพ. จะไม่ลงทุนทำเล่มต่ออีกแล้ว
ถาพ่องนี่ยังไงของมันวะ โปรบนเว็บที่ผ่านๆ มากะโปรนอกงานหนังสือแม่งลดชิบหาย เล่นซะคนซื้อก่อนหลังแทบหัก แต่พอเป็นโปรงานหนังสือแม่งลดแค่ 15 เปอเงี้ย ทำไมวะ
>>329
ชุดที่ออกมานานแล้ว มีเรื่องสต็อกของที่เก็บหรือตีคืนด้วยส่วนหนึ่ง
(หหนังสือเล่มหนึ่งพิมพ์ที 2000-3000 เล่ม หลายสิบเรื่องนี้ต้องมีโกดังหรือที่เก็บหนังสือเฉพาะเลยนะ)
และจากที่รู้ การไปวางขายร้านหนังสือเริ่มเคี่ยวมากขึ้น เพราะร้านรับน้อยและไม่แช่นาน
ส่วนที่ลดน้อยในงานหนังสือคงเป็นเรื่องใหม่ๆ ด้วยส่วนหนึ่ง
และค่าเช่าในแต่ล่ะที่ ถูกแพงต่างกัน อีกต่างหาก
ไม่ต้องสงสัยนะว่างานไหนเก็บค่าออกบูธแพงที่สุด
ซึ่งดูจากที่คนไปร่วมงานเอาได้ ขนาดอาหารยังต้องขายเกินไปขนาดนั้น ค่าเช่าคงโหดน่าดู แล้วยิ่งต้องใช้บูธใหญ่ด้วย เท่ากับค่าเช่าตลอด 13 วัน เท่าไรดี
หมายถึงราคาอาหาร
ส่วนที่เพื่อนโม่งกล่าวถึงที่ต่างๆ นั่นเป็นค่าเช่าที่เล็กน้อยมาก จากที่รู้มา
เหมือนราคาเช่าแบบราคาเช่าเปิดท้ายขายของนะ
แต่พอเป็นแบบนั้นกูว่าจะทำให้คนไปซื้อบูธมันน้อยกว่าเดิมมั้ยอะ ลดแค่นั้นกูรอมันไปออกบูธที่อื่นก็ได้ ไม่ก็รอโปรเดือนเกิดแม่งเลย ลด 30% อยู่บ้านเฉยๆ ได้หนังสือละ ไม่ต้องเบียดใครอีกต่างหาก
เข้าใจเรื่องนี้นะเพื่อนโม่ง
แบบว่า สนพ. รู้ว่าคนที่ไปงานหนังสือ จะตั้งใจไปซื้อมากที่สุดในงานหนึ่งของปีเลย
กลายเป็นกำไรหรือความอยู่รอดของสนพ. การขายในงานเป็นหนังสือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
โปรโมชั่นเลยไม่แรงเท่าไร ไม่เหมือนช่วงลดล้างสต็อกที่ไปจัดที่อื่นๆ เพราะงานนี้เน้นเรื่องใหม่ๆ ด้วยส่วนหนึ่ง
คนที่ไปงานส่วนใหญ่คือไปซื้อของหลายๆ สนพ. หรือหนังสือออกใหม่ที่วางขายก่อนด้วย
ที่รู้กันคือ
สนพ. เล็กๆ แทบทุก สนพ. จะตั้งใจเอาหนังสือเรื่องใหม่ๆ ไปเปิดขายในงานนี้โดยเฉพาะ
เรื่องที่ลงทุนไปจะได้กำไรหรือเข้าเนื้อ สนพ. ส่วนหนึ่งจะวัดกันที่งานนี้ด้วย
เพราะขายในงานนี้ กำไรต่อเล่มจะดีที่สุด ได้เงินสดกลับคืนเร็วที่สุด
พอเสร็จงานแล้วจึงค่อยส่งไปให้สายส่งที่กินหัวคิวราคาหนังสือ 40 % และกว่าจะได้เงินก็ 3 เดือนขึ้น
นี่แหละธรุกิจหนังสือบ้านเรา
แต่สงสัยว่ะ ถ้าสมมติแบ่งพื้นที่ให้หนังสือล้างสต็อกหน่อยนึง มันก็จะช่วยเคลียร์สต็อกได้รวดเร็วมากเหมือนกันไม่ใช่หรอวะ เพราะในงานคนก็เห็นเยอะแยะ เผลอๆ วันนึงอาจจะขายได้มากกว่าที่เอาไปล้างที่อื่นทั้งงาน กูเห็นสถาพื้นที่แยะจะตาย วางหนังสือปกซ้ำๆ มุมโน้นมุมนี้
คิดถึงตอนที่มี 10 เล่ม 599 บูธแยกจริงๆ
>>336
คือ แบบว่าเขาคงเล่นกับจิตวิทยาพื้นฐานของมนุษย์ไง
แบบจ่ายแพงหน่อย แต่ได้อ่านสมใจอ่านก่อน อะไรทำนองนี้
ซึ่งช่วงแรกที่ขายคือช่วงที่ได้ราคาดีที่สุด และคนตัดสินใจซื้อได้ดีที่สุดด้วย
ส่วนกลุ่มที่อดทนต่อสิ่งเย้ายวนได้ก็ต้องรอกันหน่อย แต่อาจไม่สนุกนักถ้าบังเอิญไปอ่านสปอยเนื้อหาที่คนอ่านเสร็จแล้วมาคุยกัน
กูว่าสถานี่งานหนังสือนี้รับกรรมว่ะ คนซื้อในบูธน้อยแน่ เต็มที่ก็ซื้อเรื่องที่อยากอ่านจริงๆ ซึ่งกูว่าหลังๆ มันไม่ออกเรื่องใหม่ที่ดังๆเลย เต็มที่ก็แค่พอไหวบาง แถมลดเยอะหักหลังกูขนาดนี้ กูไม่หลวมตัวเอาเงินหลายพันไปซ์้อมันงานหนังสือแน่ กูรอมันลดราคาถึงซ์้อแล้วล่ะช้ำชิบหาย
รุ่นพี่ของสถาพรนี่จะลดมั้ย
อมรินทร์ทิ้งหัวนวนิยายแปลแล้วหรอ หลังๆ มานี้กูไม่เห็นมันออกเรื่องใหม่เลย
เพื่อนโม่ง มึงว่ายอดวิวนิยายในเด็กดีนี่ มันใช้วัดว่านิยายนั้นๆดังจริงได้ไหมวะ กูไปงานหนังสือมาแม่ง นิยายแฟนตาซีหลายเรื่องติดท็อปยอดแฟนเป็นพันยอดวิวเป็นแสน กลับไม่ค่อยมีคนซื้อเท่าไหร่ ในขณะที่บางเรื่องยอดวิวยอดแฟนก็ไม่เยอะนะ แต่คนแม่งซื้อเอาๆ
>>343
เพื่อนโม่งต้องเข้าใจระบบเด็กดีก่อนว่าการจัดท็อปของเด็กดีคือการดูยอดวิวในแต่ล่ะวัน
เรื่องไหนมีตอนเยอะ ก็ได้เปรียบไปส่วนหนึ่ง เรื่องไหนมีฐานแฟนคลับก็ได้เปรียบอีกส่วนหนึ่ง
ส่วนที่นิยายลงโฆษณาว่าติดท็อป มองว่าเป็นการตลาดอย่างหนึ่ง
ปกติอาจไม่ใช่เรื่องยากถ้าวางแผนดีๆ ในการติดท็อป แต่ที่สำคัญเรื่องนั้นเองก็ต้องอ่านสนุกด้วยบางส่วนถึงจะมีคนเข้าไปติดพันอ่าน
ต่อมาว่าด้วยเรื่องการขาย
1.ต้องดูว่าเป็นนักเขียนเก่าที่มีผลงานแล้วด้วยหรือไม่
2.อยู่กับ สนพ. อะไร เพราะมันมีแรงจูงใจในเรื่องฐานลูกค้าของ สนพ. ด้วย
นี่เป็นเรื่องช่วยการขายที่สำคัญด้วยนะ ถึงลูกค้าไม่เคยอ่านแต่เห็นปกน่าสนใจและเป็นของสำนักพิมพ์ที่วางใจ ก็มีส่วนในการซื้อ
ตามหลักการค้า คือได้ไปวางในโชว์ในบูธใหญ่ก็มักจะขายดีกว่าวางในบูธเล็กๆ เป็นปกติ
ปล.ยอดวิว แฟนคลับ ในเด็กดี ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ สนพ. เล็กๆ เขามองว่าน่าจะพอทำกำไรได้บ้าง จึงกล้าลงทุน
ไม่เหมือน สนพ. ใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าเก่า ก็จะเลือกอีกแบบ แต่ก็ยังมองเรื่องที่มีฐานแฟนคลับส่วนหนึ่งอยู่บ้าง
เห็นในกระทู้เด็กดีเรื่องค่าลิขสิทธิคนเขียนนิยาย
ช่วงนี้มีเสนอแบบ pos คือให้ก่อนส่วนหนึ่ง ขายได้เป้าจึงให้อีกส่วน
อีกอย่างเท่าที่รู้มาตอนนี้แบบเหมาจ่ายก็เห็นลดจำนวนเล่มลง
สงสัย สนพ. ต่างๆพาขายไม่ค่อยดีในช่วงหลังมานี้
คดี มมล. ไปถึงไหนแล้ววะ ล่าสุดกูได้ข่าวว่าเจ้าตัวออกมาเสนอความคืบหน้าของการตีพิมพ์หนังสือด้วยการเอาใบเสนอราคามาโพส แต่แคปชั่นว่าเป็นใบสั่งซื้อ....
ไปห้องนินทาได้ละ ไอ้เด็กดีหน้าโง่ทั้งหลาย
เพิ่งรู้ว่าธัญวลัยพิมพ์หนังสือขายครั้งแรกก็จากข่าวนี้ว่ะ
http://www.catdumb.com/tunwalai-com-717/
โถๆ แค่ครั้งก็เกือบไม่ได้เกิดซะแล้ว ว่าแต่ธัญวลัยทำไมจู่ๆ ถึงคิดจะตีพิมพ์หนังสือเองแล้ววะ ก่อนหน้ามีระบบซื้อนิยายก่อนเด็กดี ตอนนี้ก็เริ่มเอานิยายในเว็บมาพิมพ์ เด็กดีจะเดินรอยตามอีกไหมวะ
อ้อ เจอละกระทู้ต้นเหตุ http://pantip.com/topic/34986633
ยุคหลุมดำกำลังจะกลับมาใช่ไหม?
ห้องฟุสรุปว่ามันเป็นโทรลคุงนะ เพราะรู้จักน้องยีนด้วย
บ้านเราอะไรที่มันโป้นะขายได้ดี
นิยายที่ออกแนวมีฉาก nc นี่จึงเห็นวางใน 7-11 เต็ม
แต่ก็เป็นไปตามโลกวะ ในญี่ปุ่นร้านขายหนังสือเขาแรงกว่าเราเยอะ ทั้งนิยายเรต โดจิน มังก้า เพียบ
กูว่างานนี้ไม่เกี่ยวกับโทรลคุงไม่โทรลคุงหรอกว่า ว่ากันตามเนื้อผ้าและกฏหมาย จะมาอ้างนู่นนี่ตลอดไม่ได้ บ้านเมืองมีเขื่อมีแป ไม่งั้นมึงก็ไม่ต่างกับพวกแผงลอยที่ทำผิดกฏหมายจนเคยตัวอ่ะ
กูพอเข้าใจเข้าใจเรื่องการตลาด แต่มันก็ไม่เหมาะจริงๆ ที่มันประเจิดประเจ่อถึงกลางงานใหญ่ที่มีคนทุกเพศทุกวัย
และพูดตามเนื้อผ้าและกฏหมาย มันผิดจริงๆ
ส่วนที่กูอยากสื่อจริงๆ คือเกี่ยวกับการเขียนนิยาย
ที่พอเป็นนิยายแบบทั่วไปปกติ (เรื่องรักชายหญิง) กลับขายไม่ดี สู้นิยายรักที่มีฉาก NC ไม่ได้จริงๆ
กูเป็นคนเขียนนิยายคนหนึ่ง บางทีเห็นแบบนี้ก็ท้อกับคนอ่านจริงๆ (ขอบ่น)
เพื่อนกูเขียนแนวนี้ขายในเว็บ E-book ขายได้มีหลักหมื่นขึ้นในทุกเดือน
แบบกูคิดว่า คนอ่านบ้านเราพอมีฉาก NC ปุบ ไม่เสียดายเงินเลย ผิดกับแนวปกติเรียบร้อย (ขอบ่นอีกที)
เพิ่งรู้อ่ะว่านิยายNCขายดี
เราเป็นคนที่นึงที่ไม่อ่านนิยายNCเลย ไม่ชอบมากๆ ถ้าแบบหื่นนิดๆวับๆแวมๆแต่ไม่เกินเลยอะไรงี้ล่ะชอบ เพิ่งจริงๆรู้ว่านิยายเรทขายดี
>>354 เห็นด้วยเพื่อนโม่ง
เห็นไรท์ Xtreme Online บอกว่าลงเล่ม 4 ไม่ถึง12ชั่วโมง
ยอดโหลด e-book ใน meb ไปร้อยกว่าเล่มแล้ว (นิยายทำมือเองอีกต่างหากนะ ไม่ใช่ของสนพ. ใหญ่)
แต่เฮียเขาดังมาจากซีรีย์รักยมนานแล้ว
บ้านเรา แนวโรมานซ์(รัก NC) ไม่ว่ายังไงก็มีคนซื้อง่ายกว่าทุกแนวจริง
>>368 มันคงได้อารมณ์คนล่ะแบบมั่ง เพื่อนโม่ง
แบบเปิดมาก็ซั่มเน้นป๊าบๆ เสร็จ มันก็ได้อารมณ์หนึ่ง (ประมาณเร่งให้จบๆไป)
แบบมีเนื้อเรื่องที่มาที่ไปว่ามันจะซั่มก็ได้ยังไงก็อีกแบบหนึ่ง (ประมาณมีเนื้อเรื่องให้ลุ้น)
แต่เห็นแฟนคลับที่คุยกันในเฟสเฮียเขาก็มีทั้งหญิงชาย คงไม่แปลกที่หญิงชอบอ่านด้วย
กูเคยไปยืนอ่านแนวนิยายโรมานซ์นี้ในร้านหนังสือ พออ่านฉากบรรยาย Nc บางเรื่องนี้
เออ...กูคิดว่ามันใกล้เซ็กซ์สตอรี่เลย
ปกเล่ม4แม่งอย่างสวยอะ ฮา เทียบกับปกก่อนหน้าแล้วน่ะนะ
อมรินทรไปทำดิจิตอลทีวี. ขาดทุนไป500ล้าน แต่ก็ยังเห็นออกนิยายแปลนะ. อย่างล่าสุดพวกวรรณกรรมเยาวชน
สถาบอกว่านิยายของสำนักพิมพ์อย่างอวาลอนจะไม่ได้วางในร้านหนังสือแล้วว่ะ มันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะเห็นมีคนไปด่าที่หน้าเพจ
ขอพูดถึงภาพรวมๆ
ตอนนี้ยอดขายทุก สนพ. ตกลงมาก จากที่ได้ยินมาและก่อใก้เกิดวัฐจักร
ได้ข่าวแว่วๆมา ช่วงนี้ ร้านหนังสือบีบสายส่ง (เรื่องไหนในร้านยอดขายไม่เดิน ไม่ค่อยสต็อกเก็บเมื่อเก่าแล้ว บีบให้มารับหนังสือคืนกลับไป)
สายส่งบีบ สนพ. (แจ้งว่าเรื่องนี่นั้นนู๊น ร้านให้วางได้น้อยลง ไม่ต้องส่งมาไม่มีที่เก็บ)
สนพ. บีบ นักเขียน (พิมพ์ได้ยอดเท่านี้นะ ตัดเนื้อเรื่องให้สั้นลง ทำได้มั้ย หรือไม่ก็ลอยแพ)
นักเขียน บอก นักอ่าน (นี่นั้นนู๊น)
นักอ่านไม่กล้าซื้อไปซื้อตามร้านหนังสือ มันก็วนลูบลงไปแบบนี้
มึงกูสงสัยว่า อีบุ๊คจรืงๆมันน่าจะถูกป้ะ แบบไม่มีต้นทุนการผลิต ไม่มีต้นทุนการขนส่งการรักษาอ่ะ ทำไมบางเล่มราคาพอๆกับหนังสือจริงเลยวะ คือหนังสือนี่ขายต่อได้ อีบุ๊คขายต่อไม่ได้ด้วยซ้ำ
>>383 copy pantip มานะมึง กูเคยสงสัยอย่างมึง
ขออนุญาตตอบ คห.16 เพื่อให้ข้อมูลค่ะ ในฐานะนักเขียนที่ขายงานผ่านอีบุ๊ค การที่สำนักพิมพ์จะขายงานผ่านอีบุ๊คนั้น แม้ไม่มีต้นทุนการพิมพ์ แต่ต้นทุนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ฝากขาย จะหักจากผู้ฝากขายไม่ว่าจะเป็นนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ ที่ 45-48% จากราคาขายในเว็บค่ะ เช่น
ราคาหนังสือจากปก 390 บาท (ราคาเต็ม)
ขายอีบุ๊คในแอพพลิเคชั่นนั้นๆ 312 บาท
ใน 312 บาทนั้น มองผ่านตัวสำนักพิมพ์ที่มีต้นทุน จะถูกแบ่งเป็น
ต้นทุนที่ถูกหักจากเว็บ/แอพพลิเคชั่นที่ฝากขายหนังสือ 45-48% = 149.76 (ตัวเลขนี้ คิดจาก 48% ที่ถูกหักค่ะ)
เท่ากับเหลือเงินขั้นแรก 162.24 บาท
จากนั้นต้องหักต้นทุนจ่ายนักเขียน 15-35% = 24.336 บาท (ตัวเลขนี้คิดจาก 15% ที่ถูกหัก ซึ่งจะคิดจากยอดเงิน 162.24 บาท ที่ได้รับจากแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ไม่ใช่ราคาขายหรือราคาหน้าปกค่ะ)
เท่ากับตัวเลข 312 บาท จะถูกหักด้วย
312 - 149.6 - 24.336 = 138.064 บาท
โดยจำนวนเงินได้ 138.064 บาท นี้ ยังไม่ได้รวมภาษีที่ต้องจ่าย ค่าโอน ค่าพนักงาน ฯลฯ
ส่วนตัวนักเขียน ตัวเลขรับก็ประมาณนี้เช่นกัน แต่จะเพิ่มค่าจัดหน้า อาร์ตเวิร์ก ค่าทำปก ฯลฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มองจากราคาขายอีบุ๊ค 312 บาท แต่ถ้าขายแค่ 150 บาท นักเขียนก็จะได้เท่าไร สามารถใช้เรทข้างบนคำนวณได้ค่ะ
สรุปคือ แม้ขายอีบุ๊ค ไม่มีต้นทุนการพิมพ์ แต่ก็มีต้นทุนถูกหักจากเว็บหรือแอพพลิเคชั่นฝากขายอยู่ดี เทียบกับรูปเล่ม ต้นทุนจึงไม่หนีกันสักเท่าไร อาจประหยัดได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่เกิน 10% จากราคาหน้าปกที่ขายค่ะ
*เพิ่มเติมข้อมูล* เท่าที่ทราบ ทางแอพพลิเคชั่นจำหน่ายอีบุ๊คในเมืองไทย บางเจ้ามีค่าใช้จ่ายที่จะถูกหักจากแอปเปิ้ลสโตร์ ประมาณ 30% ที่เหลือจะเป็นค่าดำเนินการเซิร์ฟเวอร์ โปรแกรม และอื่นๆ รวมค่าใช้จ่ายต้นทุนจึงเป็นไปตามตัวเลขที่แจ้งไว้ด้านบนค่ะ
ปล. แก้ไขคำผิดค่ะ
Cr. พันดิ๊ปมู้เลขที่ topic/33468666
เออกูเพิ่งนึกได้ เป็นไปได้ว่าสายส่งหรือร้านบีบสำนักพิมพ์ทั่วๆไป แต่ของสถานี่มันอาจมีเหตุอื่นป่าววะ สถาชอบลดในเวป 40-60% แล้วสมมุติร้านรับไปขายราคาเต็มราคาลด 10% ร้านมันก็ควรขายไม่ได้อยู่แล้วรึเปล่า เขาก็คงไม่อยากไปวาง อวาลอนนี่ถ้าจำไม่ผิดเดือนก่อนก็ลด 30-40%
>>388
ก่อนลดเทกระจาด ต้องผ่านการวางขายสักพักใหญ่ก่อนเพื่อคืนต้นทุนให้ได้มากที่สุด
เรื่องไหนยอดไม่เดินในร้านขายหนังสือ
เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาใช้รูปแบบไม่สต็อกเยอะแล้ว และเห็นเรื่องไหนค้างชั้นวางมากก็เรียกสายส่งมารับคืนไป
และรู้มาว่าเริ่มโหดในเล่มต่อๆ ที่ยอดเล่มต้นๆ ก่อนไม่เดิน ก็เริ่มปฏิเสธรับกันแล้ว
เมื่อสถาพรรับของคืนจากสายส่งกลับคืนเยอะ ก็จะเริ่มการจัดหนักล่ะ
กูคิดว่าถ้าสนพ.ลงทุนทำ e-book เองอะไรงี้มันจะดีกว่ารึเปล่าหรือทุนทำมันจะเท่าๆกัน?
กุว่าให้พวกสำนักพิมพ์ร่วมทุนกันทำโปรแกรม app คล้ายๆ steam เป็นหน้าร้านขายนิยายออนไลน์ มีโปรลดตามช่วงเทศกาลอะไรแบบนี้ น่าจะอยู่ได้นะ
>>391 ตอนนี้ยังไงคนก็ซื้อหนังสือเล่มมากกว่า E-book แล้วสมมติว่ากูเป็นนักเขียนนะ ถ้า สนพ. บอกจะเอานิยายกูไปออก E-book สู้กูทำเองขายเองไม่ดีกว่าเหรอ จัดรูปเล่ม วาดปก จ้างฟรีแล้นท์ก็ได้ ได้ปกตรงใจกว่าด้วย เงินที่ได้มาก็ไม่ต้องแบ่ง สนพ. อีก ยกเว้นแต่ให้เงินก้อนกูมาเลยแบบนั้นจะคิดดูอีกที แต่ถ้าจ่ายตามยอดขายยังไงก็ไม่เอา
กูว่ายังไงหนังสือเป็นเล่มนี่น่าซื้อกว่ามากๆอ่ะ คือมันสะสมได้ หรือถ้ามึงอ่านแล้วหงุดหงิดยังขายได้บริจาคได้
จากเว็บ e-book Meb
อัตราค่าบริการและการชำระค่าบริการ
ผู้รับบริการ ตกลงชำระค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการ ตามอัตราและเงื่อนไข ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ในกรณีที่ได้รับชำระเงินผ่านระบบการชำระภายในของระบบปฏิบัติการ ได้แก่ระบบ In-App Purchase ของ Apple iOS ให้ผู้ให้บริการนำเงินรับสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายเป็นค่าบริการให้กับผู้รับบริการระบบปฏิบัติการแล้ว หักเป็นค่าบริการ ในอัตราร้อยละ 20 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 80 ให้นำส่งผู้รับบริการ
ตัวอย่างการคำนวณรายได้กรณีที่ชำระเงินผ่านระบบการชำระภายในของระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple
ราคาขาย e-book = 100 บาท
- ค่าบริการผ่านระบบของ Apple = 30 บาท (30% ของราคาขาย)
- นำส่งผู้รับบริการ = (100-30)×80/100 = 56 บาท (56% ของราคาขาย)
- ค่าบริการของผู้ให้บริการ = (100-30)×20/100 = 14 บาท (14% ของราคาขาย)
2. ในกรณีที่การชำระเงินได้กระทำการผ่านช่องทางอื่น นอกเหนือจากที่กล่าวมาในข้อ 1. ให้ผู้ให้บริการได้รับค่าบริการในอัตราร้อยละ 30 โดยหักจากเงินรับสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านช่องทางนั้น แล้วให้นำส่งที่เหลือในอัตราร้อยละ 70 ให้แก่ผู้รับบริการ หลังจากนั้นผู้ให้บริการจะแบ่งรายได้จากส่วนแบ่งข้างต้นให้แก่ Seller
ตัวอย่างการคำนวณรายได้ในกรณีที่การชำระเงินได้กระทำการผ่านช่องทางอื่น
• ตัวอย่างการคำนวณรายได้กรณีที่ชำระเงินผ่านระบบบัตรเครดิต
ราคาขาย e-book = 100 บาท
- ค่าบริการการชำระเงินผ่านระบบ Counter Service = 4 บาท (4% ของราคาขาย)
- นำส่งผู้รับบริการ = (100-4)×70/100 = 67.2 บาท (67.2% ของราคาขาย)
- ค่าบริการของผู้ให้บริการ = (100-4)×20/100 = 19.2 บาท (19.2% ของราคาขาย)
- นำส่ง Seller = (100-4)×10/100 = 9.6 บาท (9.6% ของราคาขาย)
ที่หนังสือแพงมันแพงเนี่ย สาเหตุใหญ่มาจากสายส่งกับพ่อค้ากระดาษใช่ไหม
แบบที่ 1 ซื้อผ่าน Apple ที่กินหัวคิวราคาหนังสือคนเดียวไป 30%
เหลือให้ทาง สนพ.หรือคนเขียนแค่
-นำส่งผู้รับบริการ = (100-30)×80/100 = 56 บาท (56% ของราคาขาย)
แบบที่ 2 อ่านคอมหรือแอนรอย
เหลือให้ทาง สนพ.หรือคนเขียนแค่
-นำส่งผู้รับบริการ = (100-4)×70/100 = 67.2 บาท (67.2% ของราคาขาย)
และหนังสือที่อยู่ในลิขสิทธิ์ของ สนพ. ก็ตามแต่จะตกลงกับนักเขียนว่าจะแบ่งให้เท่าไร
โดยปกติเวลาเซ็นสัญญาจะถูกให้เซ็นแยกกันสองแบบคือแบบรูปเล่ม กับ แบบ E-book ซึ่งคนเขียนปฏิเสธสนพ. ได้ยาก
แต่ถ้าตกลงกันพอใจทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีปัญหา
แต่แบบรูปเล่มโดยปกติจะขายได้ดีกว่า e-book ค่อนข้างมากกว่า 5-20 เท่าตัวจากยอดโหลด
กูเคยทำหนังสือทำมือ ทุนไม่ถึงสองเท่าของทุนที่จ่ายเงินไปซะอีก ตอนนี้คิดว่า อุดมการณ์กินไม่ได้ว่ะ เหี้ยมาก
คงหมายถึงตั้งราคาหนังสือไม่แพงมากเกินไปแบบต้นทุนรูปเล่ม 100 บ. แล้วตั้ง 150-200 บ. อะไรประมาณนี้
กู 401
ไม่ขาดทุนนะแต่แทบไม่ได้กำไร แบบ >>403 พูดถูกแล้ว คือกูตั้งราคาหนังสือต่ำมากเกินไปหน่อย ทุน 190 มั้ง กูขาย 240 บาทอ่ะ เพราะหนังสือกูพิมพ์น้อยไง แล้วตอนนั้นกูก็คิดว่าเราเป็นคนอ่านเราก็ไม่อยากจ่ายแพงมากเกินไป แถมจัดการอะไรเองด้วย จัดหน้าไม่สวยอะไรงี้ กูกลัวคนคิดเยอะว่ากูทำแค่นี้แล้วมาขายแพงทำไม แต่เจอคนอื่นแล้วแม่ง อีห่า กูขายทำไมราคาแค่นั้นวะ 555555555
เดี๋ยวนี้พิมพ์หนังสือเองแพงนะมึง ไม่ถูกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ที่กูเคยทำมาหนาเกือบ 400 หน้า พิมพ์ 100 เล่ม ยังตกเล่มไม่ถึง 100 เลยนะ สั่งพิมพ์ในปีนี้แหละ
Lycan series นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรวะ กี่เล่มจบ แล้วสนุกมากมั้ย
วันก่อนพึ่งเห็นคนลงขายสองหมื่น แล้ววันนี้มีข่าวว่าจะรีปริ๊น กูควรจองไหม
กู404
นิยายประมาณ 280 หน้า บวกค่าปกด้วยไง (จริงๆ มัน 180กว่าๆ) แต่พิมพ์แค่ประมาณสามสิบกว่าเล่มน่ะสิ ราคาแม่งเลยแพง ตอนนั้นแม่งทำเล่มแรกด้วยไม่ค่อยรู้ห่าอะไรเท่าไหร่ไง ว่าแต่... ถ้าพิมพ์ร้อยเล่มราคาแม้่งลดลงขนาดนั้นเลยเหรอวะ Orz
เออแล้วก็ มีที่คั่นแถมชุดละสองอันด้วย...
>>411
ราคาขนาดนั้น ต้องลดคุณภาพรูปเล่มหนังสือลงบ้าง
อีกอย่างต้องพิมพ์ 100 up
http://www.dek-d.com/writer/35138/
เห็นกระทู้เก่าของปี 57 พูดราคาขั้นบันไดไว้ให้ดู
ว่าด้วยการจัดลดราคาของอมรินทร์ที่สนพ
เห็นนี่จัดรอบ 2 ละ กูอะอยากไป แต่แม่งรถสาธารณะไปยาก เข้าหลืบซอยอีก แถมไอที่ลดๆ ไม่รู้จะไปแล้วคุ้มเปล่า ได้ไรติดมือบ้าง
ความคิดกูนะไหนๆ จัดสนพ ควรมีอะไรที่พิเศษชนิดที่กูไปละคุ้มแน่ๆ เป็นตัวชูโรง
ซึ่งถ้าจะโละสต็อกจริงกูอยากให้จัดบุฟเฟต์ชิบหาย ไม่ใช่ปลอมแบบสถาพรนะ (อิสถาแม่งเคยเรียก 10 เล่ม 499 ว่าบุฟ) ต้องแบบแจ่มใส ถุงละ 199 499 ยัดเท่าไรได้จัดไป
ถ้าแบบนั้นกูอาจจะตะกายไป
หนังสืออมรินทร์กูเห็นร้าน 50% ในงานหนังสือมีเต็มมีเกือบทุกบูธ แสดงว่าโละไปแยะ ถ้ามาจัดโปรบุฟน่าจะระบายได้ดีมาก มาทำเป็นโซน%แบบนี้กูไม่กล้าเสี่ยง เดี๋ยวผิดหวัง ละแม่งไปยากอยู่
ช่วงนี้ได้เห็นหนังสือออกใหม่ของหลาย สนพ.
เริ่มประกาศว่าให้ซื้อได้เฉพาะร้านนี้ร้านนั้นเท่านั้น ไม่ได้วางครบร้านใหญ่ทุกร้านแล้ว
(ร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด b2s ...)
น่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันบนๆ
ปัจจัยเรื่องสายส่งและจำนวนพิมพ์ที่ลดลงเยอะในแต่ละ สนพ.
>>420 กูว่าดีแล้ว พวกร้านหนังสือจะได้แย่งกันบ้าง ไม่ใช่นอนกระดิกตีนรอ สนพ. เอาหนังสือไปส่งแล้วจ้องแต่จะรักษาผลประโยชน์ตัวเองอย่างเดียว ถ้าอันนี้กูว่า B2S ได้เปรียบเพราะสาขามันน้อย เลยใช้หนังสือไปวางน้อยที่สุด แล้วร้านมันอยู่แต่พวกห้างใหญ่ๆ น่าจะดึงคนได้เยอะอยู่
>>421 มันอาจไม่ใช่อย่างงั้นอะดิ
คือที่วางขายเฉพาะร้านไม่ใช่ สนพ. เล่นตัวกะร้าน แต่ร้านนี่แหละเล่นตัวกะ สนพ. ไม่รับบางเรื่องมาลงเพราะขายไม่ดี
ที่กูเคยได้ยินมาก็เป็นแบบนี้ คือเรื่องไหนยอดไม่ดี ร้านจะไม่รับเล่มสองมาลงเลย
คือถ้า สนพ. คว่ำบาตรกลับเพื่อกดดันร้านจริงกูก็ดีใจนะ แต่กลัวจะไม่ใช่น่ะสิ
>>423 คือกูก็เข้าใจ สนพ. นะ แต่ส่วนหนึ่งกูว่า สนพ. ควรพิจารณาเรื่องรูปเล่มให้เหมาะสมกับตลาดด้วยว่ะ
คือแม่งทำแต่นิยายเล่มละ 300 ออกมาขาย คิดว่าคนไทยเป็นลูกหลานบิลเกทกันหมดรึไงวะ
กลุ่มคนอ่านส่วนใหญ่ก็เป็นคนวัยเรียน ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น
กูไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ถ้าหั่นขายเป็นเล่มเล็กๆราคาสัก 150 กูว่าน่าจะขายง่ายกว่านี้เป็นเท่าตัวเลยนะ
>>424
ตัดเล่มแล้วต้นทุนสูงขึ้นวะเพื่อนโม่ง
จากหนึ่งเป็นสอง
โรงพิมพ์มีค่าเพลท ต้นฉบับเรียงพิมพ์เป็นต้นทุนแพงที่สุด
รองมาคือค่าปก
ส่วนที่ถูกสุดๆ คือค่ากระดาษ
ยิ่งแตกเล่มย่อย สนพ. ยิ่งมีต้นทุนสูงขึ้นไปอีกกว่าปกติ
ถ้าไม่ใช่งานขายดีจริงๆ สนพ. จะไม่ยอมซอยเล่มย่อยเท่าไร
ส่วนราคาหนังสือรูปเล่ม สนพ. จากที่รู้โดยประมาณ
นักเขียนได้ 10%
ต้นทุนหนังสือ 30%
สนพ. 20-30%
สายส่ง 30-40%
>>424
ลูกค้าใหญ่สุดคือนิยายรักนะเพื่อนโม่ง
กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนทำงานแล้วเป็นส่วนใหญ่...
ถ้าแฟนตาซีก็แยกอีก
เจาะกลุ่มวัยเรียนคงเป็ล LN สไตล์เซนซู dex อะไรพวกนี้ ราคาจะอยู่ในเรตที่ว่า
ส่วนแฟนตาซีคนไทย กำลังซื้อมากที่สุดกลับเป็นรุ่นที่ตามอ่านมาจากแฮรี่พอตเตอร์ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นวัยทำงานกันแล้ว
>>426 เห็นด้วยเรื่องแฟนตาซีไทยน่าจะซักยี่สิบกว่าขึ้นไป วัยรุ่นกว่านั้นคงไม่ใช่เป้าเท่าไร
แฟนตาซีคนไทยช่วงนี้ คนอ่านอย่างกูไม่มีแรงจูงใจซื้อใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะความผิดหวังจากการซื้อเรื่องก่อน ๆ ที่อ่านแล้วไม่โดนอย่างแรง การลดเทกระหน่ำหักหลัง
ยุคนี้ควรเอาแบบสนุกจริง แล้วทุ่มโปรโมตสุดตัว ไม่ใช่แค่สนุกผ่านๆ ให้สนพได้พิมพ์ขาย
กูขอพูดในแง่ทำงานอยู่ในหน้าร้านนะ ขอโทษที่ต้องเป็นชื่อย่อหลายอัน
เรื่องมันเกิดรุนแรงครั้งแรก ตอนมีสำนักพิมพ์หนึ่ง ที่ปกติให้เครดิตสายส่งกับร้านหนังสือ 3 เดือน แล้วแต่ละเรื่องก็ส่งมาส่งกลับกันแบบนี้ แต่วันหนึ่งมีสนพ ส. มาบอกว่าถ้าอยากได้เรื่องของนักเขียนแฟนตาซีดัง ก. ไปขาย ต้องจ่ายเงินสด ไม่อย่างนั้นไม่ให้ (ปกติก็ขายเหมือนเดิมตลอด คือทุกเรื่องมาฝากร้ายวางเดือนนึง ถ้าขายไม่ได้เลยสักเล่มก็จะตีกลับ) ด้วยความที่ทางร้านก็ถูกลูกค้าประจำถามถึงเรื่องนี้ว่าทำไมที่ร้านไม่มี สุดท้ายหนักเข้าร้านก็จำใจต้องก้มหัวยอมให้สนพที่ว่านั่น ยอมซื้อเงินสดเพื่อมาวางขายให้ลูกค้า
แต่พอเรื่องที่สนพ นี้พิมพ์ออกมาแล้วขายไม่ดี ก็มาฝากสายส่งจะวางร้านเหมือนเไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วที่แย่คือยอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เรื่องจากสนพที่ว่าขายแทบไม่ได้ ทางร้านก็เอาคืน ปกติจะวางให้หนึ่งเดือน ตอนนี้ก็ลดลงเหลือให้เวลาฝากวางครึ่งเดือนแล้วรีบตีกลับ มันก็คนละทีนั่นละ แต่ดูท่าทางฝ่ายสนพ นั้นจะหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางไปหลายเรื่องและจะไม่ได้วางหน้าร้านเพิ่มขึ้นเรื่อย
กู >>428
ต่อนะ แล้วสำนักพิมพ์ที่เริ่มขึ้นบัญชีดำคือพวกที่มาขายขาดให้แล้วลดราคาเยอะ ให้ทางร้านจาย แต่สุดท้ายกลับเอาไปลดราคาในเวปตัวเองมากกว่าที่หน้าร้านจะขายได้ เพราะหน้าร้านลดได้มากที่สุดก็ไม่เกิน 20% ในเรื่องปกติ แต่พอเจอลด 30 ลด 40 50% ที่สนพ ต้นสังกัดมาลดหลังจากขายหนังสือล็อตใหญ๋ให้ร้านแล้ว หนังสือที่อยู่ในร้านก็แทบขายไม่ได้ ร้านหนึ่งที่เคยซื้อขาดบ่อยๆอย่าง B ก็เลยไม่ซื้อแล้ว และถ้าเรื่องไหนหรือสนพ ไหน 2 ไตรมาสที่ผ่านมายอดขายแย่ ก็จะเริ่มปฏิเสธไม่ขอวาง ถ้าอยากวางก็เรียกราคาเพิ่ม ถ้าสังเกตนะ จะมีบางสนพ ที่หนังสือในร้านถูกปัดออกให้วางน้อยลง ในขฯะที่สนพ ที่พิมพ์วายแท้ๆแล้วไม่เคยลดราคาอย่าง สนพ น. ก็เริ่มได้วางขายในร้านทั่วประเทศ
ปัจจัยที่มันเกิดมันมีทั้งเกิดจากทางร้านกับเกิดจากทางสนพ ไม่มีใครน่าสงสารโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวหรอก มันเรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน
แจ่มเพื่อนโม่ง
พอมึงเล่า กูพอจิ้นตามได้เป็นส่วนใหญ่นะ
ส่วน ส. ที่ลดกระหน่ำ คงเจอเรื่องการบริหารสต็อกหนังสือด้วยนะ กูว่า
หนังสือเรื่องเดียวหลายพันเล่มก็กองโตแล้ว
ถ้าหลายๆเรื่องเจอเข้าไป ต้องเสียค่าโกดังเก็บรายเดือนอีก
สุดท้ายก็ต้องรีบเทสินค้าออก
มุมคนอ่านถ้าอดทนได้หน่อย เรื่องที่ไม่ใช่กระแส กูว่ารอซื้อได้เลย
เพราะออกหนังสือเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพป่าววะ ออกถี่คนซื้อก็ซื้อไม่ทัน หรือมีสิทธิเลือกเยอะว่าจะเอาเรื่องไหน ไม่เอาเรื่องไหน
ไปๆมาๆ การตลาดแจ่มอาจดีสุด ออกช้าๆแต่ชัวร์ ราคาก็ไม่ค่อยต่างแบบมีนัยสำคัญมาก
ส่วนประเด็นวายน. กูวายกระแสวายมาแรง ร้านหนังสือคงจับกระแสตรงนี้ด้วยแหละ
ส. เนี่ยกูว่าพลาดตอนเอานิยายเกมออนไลน์ กับพวกนิยายที่ยอดวิวเยอะๆ ในเด็กดีมาออกว่ะ กูไม่อ่านแนวนี้เลยเลิกซื้อไปเลย แล้วพอเอาเงินไปลงกับอย่างอื่นบ่อยๆ ก็ไม่อยากซื้อหนังสือแล้ว รู้สึกอ่านในเน็ตอย่างพวกเด็กดีเอาก็ได้ไม่เห็นต้องซื้อเลยอ่านได้เหมือนกัน ซื้อแต่ของนักเขียนที่กูชอบจริงๆ พอ พวกหน้าใหม่นี่ไม่ได้หยิบมาหลายปีแล้ว
กูมองว่าตลาดแฟนตาซีมันซึมนะ
ส. เองก็มีทั้งเน้นยอดวิวกับไม่เน้นยอดวิว แต่หลังจากหมดยุดแฮรรี่พอตเตอร์แล้ว
กระแสแฟนตาซีมันไม่แรง คนอ่านไม่ซื้อมากเหมือนเก่า
ส่วนที่มีกำลังซื้อแบบ สนพ. ไม่ขาดทุนมากกลับเป็นวายไปซะตอนนี้
กูยังสังเกตุเห็น สนพ. ใหม่ อย่าง สนพ. ม. ที่เน้นแฟนตาซีตอนแรกออกมาหลายปก
แต่เดาว่าคงโดนเหตุจากร้านค้าและสายส่งกดดันเรื่องยอดจากเล่มแรกด้วยจึงออกใหม่เหลือ 1-2 เล่ม
จนมีประเด็นนักเขียนแยกทำหนังสือทำมือเองในเล่มต่อ
แต่ยังวางในบูธ สนพ. ได้ในงานหนังสือ (คงตกลงกันได้)
ส่วนแฟนตาซี สนพ. อื่นเท่าที่สังเกตุก็ตามที่คุยกัน เรื่องใหม่ๆ ลงขายไม่ครบร้านหนังสือใหญ่ๆเท่าไร
แต่ไม่ใช่ไม่มีออกปกใหม่นะ แต่รู้สึกมันไม่คึกคักแบบเก่า
ตอนนี้กูก็ยังอยากอ่านแฟนตาซีอยู่นะ แต่เรื่องที่ออกมามันไม่โดนเลยสำหรับ ส
กูว่าแปลไต้หวันแนวปิศาจสืบอะไรนี่มันเริ่มเอียนไปหมดแล้ว เหมือนส. มาจับเอาตอนกระแสมันวอดวายไปหมดแล้ว เรื่องเก่าที่กูตามก็ไปหมดละ เรื่องใหม่กูก็ไม่อยากซื้อ มันจบละ
วิธีลดเขาแบบลดเยอะๆ ลดถี่ๆ กูว่าโคตรไร้ชั้นเชิง โคตรหักหลังโคตรเจ็บสำหรับลูกค้าก่อนหน้า ดังนั้นพอเขาเห็นแบบนี้ ก็มีผลต่อการซื้อเรื่องใหม่ ยิ่งไม่สนุกขนาดจะรีบอ่าน ยิ่งไม่ซื้อ ของเหลือวน
ถ้าแม่งสต็อกเยอะจริง มึงต้องหาทางให้ลูกค้าซื้อเน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ ขอยืนยันจัดบุฟดูสักที เอาแบบบุฟจริงๆ มึงกั้นเลยไม่ต้องรู้ก่อนว่ามีเรื่องไรบ้าง ขายถุง ยัดได้เท่าไรยัดไป
กูชอบแจ่มใสมากการตลาดเขากูว่าแม่งเวิร์ก วิธีที่เปิดไลน์ใหม่ ทำยังไงถึงคนรู้จัก วิธีเคลียร์สต็อก วิธีสร้างฐานลูกค้า การเลือกเรื่อง การรับมือกับการคอมเพลน อ่านมาเป็นสิบปี เขาใช้ได้ ยกเว้น... เรื่องแพ JLN
จากข้อมูลต่างๆ ของเพื่อนโม่ง
กูเห็นวงจรเรื่องการขายหนังสือในไทยเรา
แบบ สนพ. จำเป็นต้องเน้นไปออกขายในงานหนังสือปีล่ะ 2 ครั้ง ให้ได้มากที่สุด
ทั้งเล่มใหม่ เล่มต่อ จะมุ่งไปขายเอาเงินสดคืนในงานมากที่สุดด้วยสินะ
กลายเป็นคนอ่านก็รอไปซื้อในงานมากกว่าในร้านหนังสือ
ร้านหนังสือขายไม่ดี เล่มไหนขายไม่เดิน ก็เรียกสายส่งกลับมารับหนังสือไปคืน สนพ. ให้เร็วขึ้น
สนพ. รับคืนจนสต็อกบวม ก็ขายแบบลดแลกแจกแถมกันไป
เรื่องมันเลยวนๆ กันไป
ถึงว่าa+ ออกเล่มใหม่รัวๆ ในงานเป็นสิบกว่าเรื่อง
เห็นเมจิคบอกรับวางขายหนังสือทำมือ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1711685252436643&id=1611755042429665&fs=0&refid=17&_ft_=top_level_post_id.1711685252436643:tl_objid.1711685252436643
หืม? หมายความว่าถึงไม่ได้เป็นนักเขียนของสนพ.นี้ก็ฝากหนังสือขายได้สินะ หรือเมจิคอยากหารายได้เสริมเป็นสายส่งวะ
กูยังไม่เคยอ่านของเมจิคซักเรื่องเลย มีเรื่องสนุกบ้างวะ
>>445
เห็นในงานหนังสือก็มีหนังสือทำมือของนักเขียนที่เคยออกกับสนพ. ไปวางขายด้วย
และก็เห็นมีของนักเขียนอิสระทำมือไปออกขายด้วย
คือตามความคิดของกูก็คงเป็นการรวมหนังสือแฟนตาซีของนักเขียนหน้าใหม่เอาไว้โฆษณากลุ่มแฟนคลับแฟนตาซี
(เหมือนช่วยๆกันดึงกลุ่มแฟนคลับของแต่ละเรื่องเข้ามายังเฟสบุ๊คเมจิค)
ปกติกำไรจากยอดหนังสือทำมือที่ฝากขายคงไม่ได้มากเท่าไรนะ กูมองเป็นการรวมตัวช่วยกันโฆษณาหนังสือมากกว่า
>>446
เพื่อนโม่งลองไปหาอ่านตัวอย่างในเด็กดีก่อนแล้วกัน
ขอกูช่วยโฆษณา สนพ. เล็กๆ นี่หน่อย (เดียวจะไม่เหลือแนวแฟนตาซีปกติซะ เพราะไปเน้นขายวายกันหมด)
ที่สนพ. ทำออกมา
1.เซน จอมเวทอหังการ
2.กำเนิดจักรพรรดิมายาจอมกะล่อน
3.Begin again เกิดใหม่อีกครั้งในโลกต่างมิติ
4.The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน
5.อัจริยะเมืองมนตรา
6.Magical Horizon จอมโจรมหาเวท
เรื่อง 1-2 สนพ. ออกเล่ม 2 ต่อ
เรื่อง 3-4 นักเขียนออกเล่ม 2 เป็นหนังสือทำมือต่อเอง
เรื่อง 5-6 เงียบอยู่
>>450
แนวออนไลท์ มันเป็นเทรนกระแสในช่วงที่ผ่านๆ มา
สนพ. เลยเจาะนักอ่านที่อ่านแนวนี้ แต่แนวนี้มันหลายเล่มต่อมากๆ
จนตอนนี้กระแสมันคลายลง น่าจะเป็นเพราะมันมาแนวเดียวกันไปหมด
คงต้องรอเทรนต่อไป
ถึงช่วงนี้มีแต่แนวเกิดใหม่ แต่กระแสยังไม่แรงมากเท่ายุคโรงเรียนเวทมนตร์ แฮรี่ หรือแนวเกมส์ออนไลท์
ทำไมสายส่งไทยมันกินเยอะกว่าชาติอื่นเยอะงี้วะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=158958044501647&id=105948546469264
>>459
เจ้าใหญ่บ้านเราก็ ซีเอ็ด นายอินทร์ b2s พวกนี้มีบริษัทในตลาดหุ้นซับพร์อตอยู่
แต่ส่วนกำไรรายได้จริงๆ กลับได้กำไรกันน้อยเพราะหักค่าโสหุ้ยต่างๆ ไปเยอะ
จำได้หุ้น se-ed นี่ ดร.นิเวศ ถือไว้เยอะในสมัยก่อนแต่ต่อมาขายทิ้งหมด คงคาดการณ์ว่าร้านหนังสือต้องกำไรลดลงเยอะ
(เป็นไปตามยุคสมัย)
แต่เห็นสัดส่วน % แบ่งรายได้ของแต่ละฝ่ายแล้ว
นักเขียนที่คิดเรื่องกลับได้น้อยสุด (อันนี้คงเป็นเพราะนักเขียนมีเยอะ อำนาจต่อรองน้อยที่สุด)
สายส่ง-ร้านค้า ที่แทบไม่ได้รับความเสี่ยงอะไรนอกจากการวางขาย กลับได้มากที่สุดไป
คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของทุนนิยม
ส่วนที่เสี่ยงสุดเป็นฝ่าย สนพ. ไปที่ต้องลงทุนเองทุกอย่าง
ปล.หุ้นเยอะสุด แต่น้อยกว่าทนง
>>460 นักเขียนมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ได้น้อยสุดกูว่าไม่แปลก ในขณะที่สนพ. ต้องลงทุนจ้าง บก. ลงทุนค่าพิมพ์ ลงทุนโกดัง / สายส่งก็ต้องซื้อรถ จ้างคนขับรถ / ร้านขายหนังสือก็ต้องทำร้าน เสียค่าเช่า ค่าคนขาย แล้วอย่าลืมว่าร้านหนังสือมันขายได้ทีละไม่กี่เล่มด้วย ต่างจาก สนพ. ที่ได้เงินรวบยอดจากร้านหนังสือทุกร้านมันจะได้น้ำได้เนื้อกว่าเยอะ
>>463
ใช่นักเขียนเสี่ยงน้อยสุด แต่กลับใช้เวลาเขียนมากกว่าในการเขียนมาหนึ่งเล่ม
ส่วนสายส่ง+ร้านหนังสือ สามารถคืนส่งกลับหนังสือได้ทุกเล่มให้กลับ สนพ.
จะมีค่าเช่ากับค่าพนักงานเป็นส่วนใหญ่แถมได้เงินสดหนมุนก่อนอย่างน้อย 1-3 เดือนตามที่ตกลงกับ สนพ.
กูมองว่าแทบไม่เสี่ยงเลยในเรื่องสินค้า นอกจากค่าจ้างพนักงานกับค่าเช่าสถานที่ที่จะคุ้มค่าการลงทุนมั้ย
ส่วน สนพ. หน้าที่หลักทั้งหมดจนถึงการรับการเสี่ยงขาดทุนด้วย ในการรับหนังสือตีกลับคืนมาค้างสต็อก
>>464 เมื่อก่อนก็เป็นเสือนอนกินอย่างที่มึงว่านั่นแหละ แต่ตอนนี้ร้านหนังสือปิดไปให้เพียบ เพราะยอดขายหนังสือมันไม่พอค่าเช่าที่ค่าแรงแล้ว ตอนนี้ลองสังเกตดูร้านหนังสือจะมีหนังสือวางขายน้อยลง แล้วเอาขออย่างอื่นมาขายแทน ที่วางหนังสือมันเลยน้อยลง เขาเลยต้องเลือกแต่ไอ้ที่คิดว่าขายได้มาลงเท่านั้น แล้วอย่าลืมค่าจัดร้าน ค่าตกแต่งที่ต้องลงทุนไปก่อนหลายแสนจนถึงหลักล้าน
นักเขียนอยู่กับบ้านอย่างเดียวจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้หลักว่ายิ่งทำงานนานยิ่งควรได้เงินมากไม่ได้หรอก เคยไปอบรมการเขียนกับพวกมืออาชีพไหม ทั้งคุณลวิตร์ ทั้งคุณชมัยพร พูดเหมือนกันเลยว่าเป็นนักเขียนต้องคิดก่อนเลยว่าได้เงินน้อยๆ นานๆ ได้เงินทีอยู่ได้ไหม ก่อนจะคิดเป็นนักเขียนอาชีพ
กูบอกเลยว่าตอนนี้คนคิดจะเป็นนักเขียนนี่ลำบากสัดๆ เขียนต้นฉบับจบนี่ง่ายกว่าให้ สนพ. รับต้นฉบับของมึงเยอะ แล้วการจะมีงานออกได้ต่อเนื่องเรื่อยๆ โดยเขาไม่ลอยแพมึงก็ยิ่งยากเหี้ยๆ เข้าไปอีก
เคยเห็นร้านการ์ตูนร้านหนึ่งโพสท์ด่างานหนังสือว่าการลดราคาในงานหนังสือเป็นสิ่งที่ทำลายวงการ
เลยฉุกคิดขึ้นมาว่า แล้ววัฒนธรรมลดราคาของหน้าร้าน โดยเฉพาะร้านการ์ตูน ที่ทุกร้านพร้อมใจกันลดราคา 10% ทุกร้านล่ะ เป็นการจับมือกันฆ่าตัวตายหมู่ของร้านการ์ตูนหรือเปล่า ลองนึกภาพดูนะ สมัยเมื่อสัก 20-30 ปีก่อน มีที่ไหน การ์ตูนลดราคาหน้าแผง ไม่มีเลย แล้วอยู่ๆ ไอ้วัฒนธรรมลดราคา 5% 10% มันก็เข้ามา จนกลายเป็นว่าร้านไหนไม่ลด ร้านนั้นไม่มีลูกค้าเข้า โครงสร้างราคามันเลยกลับกลายเป็นว่า จากเดิมที่รายได้ก่อนหักต้นทุนของร้านอยู่ที่ 20% ของราคาปก ต้องหักไป 10% โดยอัตโนมัติ เท่ากับว่ารายได้หายไป 50% เลย แล้วตอนนี้ก็กลับมาบ่นมาด่ากันว่าร้านการ์ตูนกำไรน้อย เจ๊ง ทั้งที่พวกร้านการ์ตูนเองรึเปล่าที่ควรจะย้อนไปมองพฤติกรรมตัวเองว่าทำอะไรลงไป ที่ลดราคาแข่งกันจนกลับไปขายราคาปกติไม่ได้?
ไม่รู้ว่าที่คิดนี่ถูกหรือผิด มีอะไรแย้งได้ ด่าได้ อยากฟังความเห็น
มันมีเรื่องเทคโนโลยี อินเตอร์เนท เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ
นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่เสียเงินซื้อ (ถ้าหาได้ในเนท) มีสแกนตอนใหม่ในเนทก็อ่านพอใจแล้ว พอรวมเล่มจึงไม่ซื้อกันอีกเท่าไรนัก
อย่างการ์ตูนนี่ สนพ. อย่างวิบูลย์กิจ ก็ไปแล้ว
ถ้าในวงการหนังสือคงบอกว่าธุรกิจมันซบเซาลง เพราะคนซื้อน้อยลงด้วย
>>466 ร้านหนังสือการ์ตูนไม่ได้ได้แค่ 20% นะ ได้ 30-35% เหมือนกัน กูว่าเขาลดราคานี่ไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ต้องทำบัตรสมาชิกก่อนถึงจะได้ลดราคา ส่วนงานหนังสือลดราคาเป็นการทำงานวงการนี่ กูว่ามีส่วน แต่เหตุผลมันมี คือสนพ. โดยบังคับให้ต้องทำแบบนี้เพราะงานหนังสือมันได้น้ำได้เนื้อเยอะสุด แล้วที่กูว่าร้ายแรงกว่าลดราคา คือไอ้การทำโปรโมชั่นซื้อเยอะๆ แถมของเนี่ยแหละ ก็เลยกลายเป็นคนรอมาซื้อในงานหนังสือจะได้ทำยอดได้ของแถมดีๆ
>>470 ลูกค้าที่ทำแบบนั้นเห็นจะมีแต่ลูกค้าที่ไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ
ยกตัวอย่างเช่น Dexpress ที่อยู่สายการ์ตูน จะไม่ลดราคาหนังสือใหม่ในงานหนังสือ โดนลูกค้าด่าแหลก
ขณะเดียวกัน สโมสรหนังสือดี (มวจ.มาตรฐานวรรณกรรมพิมพ์) ขายหนังสือไม่เคยลดสักบาท คนซื้อก็หยิบเอา หยิบเอา ไม่เคยมีใครพูดอะไรเรื่องราคา
สั่งจองก่อนได้ลดจ้า ~
เห็นกระทู้นี้น่าสนใจดี
http://thaipublica.org/2016/01/print-1/
ช่วงท้ายเขาเขียนว่า
จากแบบสอบถามที่สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ทำในงานสัปดาห์หนังสือปลายปี 2558
พบว่า ยอดขายที่สมาชิกของสมาคมได้จากการออกบูธร่วมกันภายในงานกว่า 900 บูธ
ลดลงจากที่เคยได้สูงสุดในปี 2555 คือ 400 ล้านบาท เหลือเพียง 301 ล้านบาท (ลดลง 25%)
ขณะที่ยอดผู้เข้าชมงานก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง 2.1 ล้านคนเท่านั้น
เมื่อ “น้ำผึ้งพระจันทร์” ในงานสัปดาห์หนังสือไม่หวานอีกต่อไป สำนักพิมพ์ต่างๆ มีรายได้ลดลง
ก็ส่งผลเป็นลูกโซ่ ทั้งสายส่ง ร้านหนังสือ นักเขียน ฯลฯ
กุทำงานแถวร้านสายส่งการ์ตูนที่ผ่านฟ้า จะมาบอกว่าร้านสายส่งของแต่ละ สนพ ก็ลดไม่เท่ากันอีก
ร้านของสยามลด30% เนชั่น อนิแมก เซนชู 20% ลักพิมนี่น่าจะ15% และวิบูลกิจที่ให้แค่10%.....
ความพีคคือมันจะมีบางร้านที่รับของหลายๆ สนพ มาขาย และขายปลีกให้ในราคาลด 20% และ ถ้าซื้อทีนึงหลายๆเล่มก็อาจลดเพิ่มเป็น 25%
มันทำให้กุไม่คิดจะไปร้านสายส่งของ สนพ โดยตรงเลย นอกจากสยาม
คนเริ่มเปลี่ยนไปอีบุ๊คหรืออ่านหนังสือน้อยลงวะ รู้สึกเป็นห่วง อย่างกูอ่ะเปลี่ยนไปสายอีบุ๊คเพราะมีความทรงจำไม่ดีกับการแบกหนังสือเยอะๆเพื่อไปอ่านข้างนอก
กูว่าศฐก.ไม่ดี หนังสือแพงขึ้น คนเลยซื้อน้อยลง
นิตยสาร IMAGE Thailand โดนปิดแล้วอ่ะ นี่ขนาดนิตยสารเก่าแก่นะเนี่ย ยังไม่รอดเลย ขายแย่กว่าหนังสือนิยายก็นิตยสารนี่แหละ ;___;
มีเรื่องค่าโฆษณาที่ลดลงด้วย ในแต่ละเล่มนิตรสาร
แบบสินค้าหันไปใช้ช่องทางอื่นมากกว่าที่จะลงโฆษณาในหนังสือนะ
รายได้มันเลยไม่พอ
แถมคนอ่านหาอ่านเรื่องราวเองได้จากเนท มันเลยขายไม่ดีเมื่อยุคก่อน
ผลประกวดแฟนอาร์ตแจ่มจี๊ดออกมาแล้วว่ะ
อยากรู้ว่าตลาด ญ-ญ มันเป้นไงบ้างวะ
ขายดีเท่า ช-ช มั้ย
นักอ่านผู้หญิงไม่น่าอ่านแนว ญ-ญ เยอะเพราะมันใกล้ตัวเองเกินไปด้วยหรือเปล่าวะ? ผู้ชายที่จะนิยมแนว ญ-ญ ฐานดูเล็กกว่ามากด้วยเลยไม่ค่อยนิยมกัน
สำหรับกูกูว่านิยายญญที่ผชแต่ง นิสัยผู้หญิงมันน่ารำคาญมากกว่าน่ารักว่ะ ตัวละครในสายตาพวกมึงอาจดูน่ารักน่าดูแลแต่บางทีพอมึงใส่ลงมานี่กูรู้สึกว่าอีนี่ตอแหลมาก เช่น ฟ้าในคุณแม่วัยใส กูรู้เลยว่าผชแต่ง//ชชนิสัยน่ารำคาญกูก็ไม่อ่านนะ
ปล.กุผู้หญิง
ผู้หญิงมักรู้สันดานผู้หญิงด้วยกันไง มันเป็นบางเรื่องที่ผู้ชายไม่รู้แล้วคิดว่าผู้หญิงทำแบบนี้จะน่ารัก แต่สายตาผู้หญิงด้วยกันมองว่าอีดอกนี่ตอแหลจริง มันดูประดิษฐ์เกินงาม
มีข่าวลือว่าอมรินทร์กำลังแย่ ต้องกู้เงินสหกรณ์ตัวเอง 600 ล้าน พนักงานทำตาปริบๆ ไปห้ามไม่ได้ เงินสหกรณ์อ่ะเงินพวกกูทั้งนั้น
ไปประมูลงานทีวีดิจิตอลเข้า งบลงทุน งบใบอนุญาติ โดนไปเท่าไร
ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ทางข่าว ละคร หรือ เกมส์โชว์
เข้าไปเสร็จทุกราย
ดร.นิเวศ บอกว่าตาคนมีเท่าเดิม แต่มีช่องทางแย่งเพิ่มมากเกินไป สุดท้ายเหลือผู้รอดไม่อีกราย ตามระบบทุนนิยม
>>491 >>492 อ่าน2repนี้แล้วสะดุด ขอแสดงความคิดเห็นของกูบ้างนะ
กูเป็นผู้หญิงปกติ ที่อ่าน y ได้ทั้งสองแบบ แต่ชอบอ่านnormalแนวอบอุ่นหัวใจมากๆ
กูมองว่าฟ้าในเรื่องเนี่ยน่ารักจริงๆนะ กูอ่านเพราะฟ้าเลยแหละ ชอบดูพัฒนาการของตัวละคร แอบอยากรู้อดีตด้วยว่าจริงๆแล้วฟ้าเป็นคนยังไง (แวบแรกก็แอบคิดว่าตอแหล แต่ดูแล้วถ้ากูเป็นฟ้าเนี่ย การตัดสินใจแบบนั้นถือว่าเก่งมากแล้วสำหรับผู้หญิงคนนึงนะ)
ก็ไม่ได้จะค้านอะไรหรอก แต่อยากบอกว่า อย่าไปstereotype ว่าเพศนี้ต้องชอบตัวละครตัวนี้ เพศนั้นต้องไม่ชอบ กูว่ามันขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนบุคคลอะ กูรู้ว่ากูเป็นส่วนน้อย แต่ยังไงก็อยากแก้ความคิดมึงนิดนึง
ถ้านักเขียนเขาผ่านมาอ่านแล้วเข้าใจว่าผู้หญิงทุกคนคิดแบบนี้กับฟ้า กูว่าเขาคงลำบากใจอะ
ไปต่อที่กระทู้ webcomic ได้แล้วมั่ง
ว่าแต่กูเห็นข่าวบอกจะลื้อศูนย์สิริกิติ์วะ งานหนังสือจะไปจัดที่ไหนได้วะนี้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1462257077
>>495 ขออนุญาตสับ กูรู้สึกว่าฟ้าเป็นผญในอุดมคติว่ะ เรียบร้อย ดูใส ๆ(กูว่าไม่ใสนะ ใส่บราสีฟ้าเสื้อขาวเล่นสงกรานต์ ละแม่งหึงแฟนตอนมองผญอื่น คือสรุปมึงจงใจใส่ให้เขาดูหรือ) นมก็ใหญ่ พอท้อง หนีปัญหา ไม่ไปรบกวนผู้ชายกลัวเขาหมดอนาคต คือมึงเก็บไว้คนเดียวไง มึงกำหนดอนาคตให้ทุกคนเสร็จสรรพ ทุกคนไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจห่าไรเลย ส่วนค่าเทอม เอ้า โกหกพ่อแม่อีก พ่อแม่มึงก็ง่ายจังเนอะ เอกสารมหาลัยอะไรมีมั้ย กูเป็นแฟนมันกูคงชอบอ่ะนะ ให้เยละก็ดี พอท้องก็ไปไกลๆไม่รบกวน สรุปคือมันไม่มีเหตุผลไงมึง แล้วเรื่องก็ไม่ไปไหนสักทาง ชิว ๆสบายๆ
กูคิดว่าเรื่องฟ้ามันไม่เมคเซนส์ในแง่ของคนที่พลาดท้องอ่ะ หลายครั้งกูอ่านแล้วแบบตั้งใจใช่ไหมฟ้า.... คืออาการตื่นตระหนกมันไม่ได้มีมากอ่ะ แล้วจากที่กูคลุกวงในมาส่วนมากอันดับแรกที่จะบอกเลยคือแฟนเว้ย จะบอกแฟนว่ากุท้อง แล้วค่อยบอกพ่อแม่ทีหลัง อันนี้เจอกับเพื่อนกูแล้วก็เจอกับพันธิปด้วย บางทีก็มาเรียนอ่ะแต่แบบท้องอ่ะ แล้วก็หายไปแล้วแบบ นู่นเลี้ยงลูกอยู่บ้าน -w-....
เรื่องฟ้าสำหรับกูมันเป็นเรื่องที่เอื่อยมาก เอื่อยชิบหาย ไม่ได้เดินเรื่องคืบหน้าไปไหนเล้ยยยยย
ฟ้าท้อง=>ไม่บอกใคร=>ไปอยู่หอคนเดียว=>เจอสังคมใหม่=>แล้วไงต่อ?
คือถ้าแค่ไม่กี่ตอนมันก็โอ แต่นี่ล่อไปสิบกว่าตอนแล้วนะเฮ้ย!!!!!! จะไม่ให้เรื่องมันเดินหน่อยเหรออออ
นอกเรื่องกระทู้หนังสือไปไกลแล้วมึง เข้าใจว่าติดลมแต่ไปคุยกระทู้ตัวเองเถอะ
คงเหลือ 2 ที่นี่แหละ
ที่ค่าเช่าสำหรับ สนพ. จะพอรับไหว ถ้าไปเช่าที่ใหญ่ๆ กลางเมือง รับรองค่าเช่าสถานที่โหดกว่าเดิม
แต่เห็นช่วงนี้ บูท สนพ. เองก็ทยอยไปตั้งที่นู๊นที่นี้กันบ่อยมากขึ้น
ตามต่างจังหวัดก็มีจัดหลายงานนะ
https://scontent.fbkk6-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13062063_1112773328765124_4414243337838309320_n.jpg?oh=27e8e55ef87bbaaf2ba19315e24e4e03&oe=57B23049
ตึกของเสี่ยเจริญตรงแยกหัวโค้งพระรามสี่ตรงข้ามตลาดคลองเตยเสร็จแล้วเว้ย เป็นตึกแสดงสินค้าและจัดประชุมแบบศูนย์สิริกิติ์เป๊ะ ไปจัดที่นี่ก็ได้
คนพวกนี้มันหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนอยู่แล้ว
>>509 ถ้าไม่รังเกียจ ตามมาห้องนี้ได้ https://fanboi.ch/netwatch/2679/ กำลังมันเลย
มึง การที่แจ่มใสรับสมัครบก. ฟรีแลนซ์มันดูแปลกๆ ปะวะ แปลว่าอยากเจาะกลุ่มในเน็ตมากเลยนะมึง
มันไหลผ่านไทม์ไลน์เฟสกูมาว่ะ กูเลยงงๆ รับตั้งแต่ 18 ปี วิธีสมัครก็คือเอาเรื่องในเน็ตไปเสนอพร้อมวิจารณ์ กูไม่ใช่คอแจ่มใสนะแต่ก็รู้สึกแบบ เฮ้ย เอางี้จริงดิ ทุ่นเวลาแต่คุณภาพงานมันจะดีเหรอวะ
แจ่มน่าจะลองเปิดไลน์ใหม่ แต่ไม่มีโนวฮาว
เลยจัดกิจกรรมให้คนลองส่งงานเข้ามาเพื่อศึกษาแนวการทำงานรึเปล่า?
แถมจัดกิจกรรมแบบนี้ไป ถ้ามันเวิร์คก็ดีไป ถ้าไม่เวิร์คก็พับโปรเจกต์ได้
เพราะบก.ฟรีแลนซ์มันทำเป็นรายเล่ม
แต่...เรื่องค่าต้นฉบับ ยังไม่ได้แจ้งไว้ (น่าจะไปเจรจาอีกรอบนึง)
ดูทรงแล้ว พวกเขียนเองส่งเองน่าจะเยอะ 55+ (มันเหมือนส่งต้นฉบับนั่นแหละ แต่หาบก. เพิ่มมาด้วย)
ห้องสมุดมีดราม่าอะไรกันวะ กูเห็นแชร์กระทู้พันทิพย์กันเต็มเลย ที่มีคนจะถูกห้องสมุดฟ้องแล้วยังเรียกสาวกจะให้ไปรุมยำอะ แต่ไม่รู้จขกทเขาพูดอะไรผิดหูนักหนาวะ
เห็นอวาลอนเล่มล่าสุดคนเขียนบอกว่าไม่มีวางขายตามร้านหนังสือแล้ว สั่งซื้อได้ทางเว็บสถาพรเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ก็เริ่มขายแบบนี้ปะ หรือสถาพรจะลดงบสายส่งแล้วเลยขายแบบนี้
เมื่อก่อนกูโคตรใฝ่ฝันว่าอขากตีพิมพ์หนังสือกับสนพ.หรือไม่อย่างน้อยก็ได้ทำงานในนั้น แต่ตอนนี้กูชักแอบดีใจนิดๆที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงการนี้ว่ะ กว่ากูจะเรียนจบแถมได้เห็นความจริง มันไม่สวยหรูเหมือนอย่างที่คิดเลยซักกะนิด ตอนเด็กๆคิดแบบได้พิมพ์นิยายก็จะดัง มีแฟนๆตามชื่นชมไรงี้ แต่เดี๋ยวนี้กูปล่อยวางแล้วล่ะนะ
กูเผอิญไปเจอบทรีวิวนิยายเจ้กัล แหม..ที่เขาว่าเรื่องภาคต่อถ้าทำแย่จะฆ่าภาคแรกเป็นแบบนี้เองสินะ
http://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id=peining&month=08-08-2015&group=15&gblog=49
ปล.แล้วเรื่องนี้มีแค่สองเล่มแต่ทำไมราคาเกือบพันวะ กระดาษอิมพอร์ตจากดาวอังคารเรอะ
นี่ถ้าบารามอสคนเขียนยังอยู่ อาจได้มีภาคยืดแบบเซวีน่าแหง 555 แต่แค่นี้ก็ขุดมาขายแล้วขายอีกตั้งหลายรอบอ่ะนะ
กูเห็นนักเขียนเก่าของสถาออกไปอยู่กับเอ็นเธอร์สองคนแล้วว่ะ แสดงว่าที่โม่งวงในมาบอกว่าสถามีปัญหาภายในก็เป็นเรื่องจริงดิ โม่งวงในเคยมาเม้าท์อะไรให้ฟังมั่งนะ กูลืมไปละ
เอ่อ..... ยอดพิมพ์เหลือ 1500 เป็นกูกูก็ไม่อยู่เหมือนกัน จากเดิมได้ 3000? ลดลงครึ่งหนึ่งเลยนะมึง
>>536
สมัยนี้ก็อยู่เรตนี้แหละ 1500-2000 เล่ม สนพ.จ่ายให้เท่านี้ก่อน
นอกจากมียอดจองเพิ่มขึ้นมากอย่างเช่นพวกนิยายรักที่บอกว่าได้ตีพิมพ์เพิ่มเพราะมีกระแสมา หรือได้จองทำละครเลยก็เพิ่มครั้งล่ะ 500-1000 เล่ม
คือสรุปว่ามันมีปัญหาหลายอย่างในวงการหนังสือบ้านเรา
แต่ใหญ่สุดมาจากสายส่งที่ปฏิเสธเล่มต่อในเรื่องที่ยอดขายหน้าร้านไม่ค่อยดี
(เหมือนประกาศิตเลยว่าเรื่องนั้นควรจบหรือให้ สนพ. ลอยแพ)
เมื่อวาน ไป ร้านนายอินทร์ B2S ก้อเห็นเล่ม2 วางแผงอยู่ครับ
>>537 ปัญหาใหญ่ไม่ได้มาจากสายส่งปฏิเสธเล่มต่อหรอกมึง ถ้ามันขายได้ใครจะไม่อยากเอาเงินวะ แต่มันขายไม่ได้จนสายส่งคิดว่าถ้าจะเอามากองไว้ที่โกดังให้เสียค่าขนส่ง เอาไปวางบนชั้นให้เสียเนื้อที่ สู้เอาไปทำอะไรที่มันดีกว่านี้ดีกว่า
ปัญหาใหญ่คือหนังสือขายไม่ออกต่างหาก ส่วนทำไมขายไม่ออกนี่กูว่าหลายเหตุผลมาก
>>540 ประมาณนั้น
แบบสายส่งรู้ว่าขายไม่ดีก็บอกปัดไง อย่างที่เพื่อนโม่งก็ยิ่งถูกต้อง ไม่รู้จะเอาหนังสือนั้นไปกองให้เต็มโกดังทำไม
สนพ. จะทำยังไงล่ะ นอกจากบอกนักเขียนว่าเรื่องนี้ควรจบได้แล้ว
สรุปว่าเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่ง
ส่วนอย่างอื่นๆ กูว่าเป็นรอง
เพราะถ้าเรื่องนั้นยังมีแฟนคลับรู้ว่าสนุกก็คงยังออกมาทำมือ ออกอีบุ๊กเองได้ ไม่ต้องง้อ สนพ.
แบบเห็นหลายเรื่องก็ทำแบบนี้
กูเห็นต่างประเทศเปลี่ยนโมเดลการขายไปแล้ว แต่ก่อนทำหนังสือก่อนแล้วทำอีบุ๊คเปลี่ยนเป็นตอนนี้ทำอีบุ๊คก่อนถ้าอีบุ๊คขายดีค่อยทำตัวเล่มแบบพรีบ้าง ใครซื้ออีบุ๊คไปแล้วก็มาหักส่วนลดหนังสือแบบเล่ม นอกจากอีบุ๊คดังเปรี๊ยงจริงๆ ถึงพิมพ์ตัวเล่มเยอะๆ ออกมาแบบไม่ต้องพรี
>>543
แบบรูปเล่ม
ตลาดในไทยหนังสือขายกันหลักพันถึงสามพันเล่ม
ตลาดต่างประเทศเริ่มหลักหมื่นไปถึงล้านเล่ม
แบบอีบุ๊ก
ในไทยว่ากันหลักสิบ-ร้อย
ส่วนต่างประเทศหลักพัน-หลักแสน
ตลาดมันต่างกันมาก...มันเกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวของคนในประเทศด้วย
ทั้งคนที่รักการอ่านจำนวนมากกว่า ภาษาที่เป็นสากล การเคารพสิทธิลิขสิทธิ์(ยอมซื้อมากกว่าโหลดมาอ่านฟรี)
>>544 ถ้าเทียบค่าครองชีพกับค่าหนังสือ ต่างประเทศมันคงดูหนังสือเป็นสินค้าราคาถูกที่ใครก็จับได้ แต่กับไทยแล้วหนังสือแพงมากคนเลยซื้อน้อย
แต่ถึงหนังสือจะถูกกูก็ว่าคนก็ไม่ซื้อกันอยู่ดีอะ เพราะมันเคยชินกับการซื้อของอย่างอื่นไปแล้ว จะให้หันมาซื้อหนังสือกูว่ายาก ตอนนี้เลยคิดว่าเน้นแบบขายไม่มากเท่าไหร่ แต่ราคาแพงหน่อยน่าจะอยู่ได้ดีกว่า เพราะกลุ่มที่ยังซื้อหนังสือตอนนี้คงรับราคาแพงๆ กันได้แล้ว อยู่ที่ว่าหนังสือจะโดนใจจนเขาซื้อไหมเท่านั้นเอง
อีบุ๊คเนี่ย มันก็ทำเงินให้พออยู่ได้นะมึง กูขายเดือนๆ นึงได้หลักหมื่นอยู่ แต่กูขายหลายเล่มนะ
หักเข้าโรงพิมพ์60%_ สายส่งจนถึงร้ายได้40%ว่ะ ร้านปลายทางได้อยู่ที่25-30%จากที่เคยถามคนขายมา
>>549 แล้วไม่เท่านั้นนะ มึงลองคิดดูว่า สนพ. ต้องลงทุนก่อนด้วยพิมพ์ 3,000 เล่มเนี่ย สมมติเล่มละ 100 บาท ต้นทุนคิดแบบโคตรถูกเอาเล่มละ 15 บาท ส่วน สนพ. ได้กำไรคิดแบบเยอะอย่างแรงเลยนะได้ 30 บาท แปลว่าพิมพ์ 3000 เล่ม สนพ. ต้องลงทุน 45000 บาท แล้วต้องขายหนังสือได้อย่างต่ำ 1500 เล่มก่อน ถึงจะเริ่มได้กำไรบาทแรก นี่คิดแบบต้นทุนถูกสุดแล้วได้กำไรมากสุดด้วยนะ
แล้วถึงขายหมดสนพ. ก็ได้กำไรแค่ 45000 บาท ในขณะที่นักเขียนนอนเฉยๆ ก็ได้แล้ว 30000 บาท
ที่สนพ. ล้มเป็นว่าเล่นนี่กูไม่แปลกใจเลย เพราะตอนนี้เรื่องที่ขายได้นี่โคตรน้อย นักเขียนสถาเองยังบ่นเลยว่าโดนลดจำนวนพิมพ์เหลือ 2000 บ้าง 1000 เล่มบ้าง
กูว่าต่อไปอาจจะไม่เน้นส่งร้านขายปลีกด้วยซ้ำ ถ้าเก็บในโกดังแล้วให้ลูกค้าสั่งซื้อผ่านไลน์ แบบ4-5ก็ยังคิดค่าส่งEMS 50บ.อยู่แบบพวกร้านออนไลน์ ลูกค้าก็ไม่ต้องออกจากบ้านไปหาซื้อด้วยซ้ำประหยัดค่ารถค่ากินนอกบ้าน,ประหยัดเวลากว่าด้วยซ้ำ
กูว่าจะไม่เสือกแล้วนะ แต่อดไม่ได้ ขอเสือกหน่อยละกัน กูไม่เจาะจงนะว่าเป็นสำนักพิมพ์ไหน แต่ทำไมมันรู้สึกเหมือนมีคนเห็นใจสนพ ออกมาปกป้องสนพ กันจังวะ ทั้งๆที่คนอยู่ห้องนี้ส่วนใหญ่ก็นักอ่านนักเขียน
วิกฤตหนังสือตอนนี้น่ะนักเขียนเขียนงานห่วยนี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่สำนักพิมพ์เลือกงานไม่ดูตาม้าตาเรือพอใจจะเอามาพิมพ์ก็เอามาพิมพ์เลย แล้วเวลาขายไม่ได้ก็โทษตลาดก่อน กูว่ามันไม่ใช่รึเปล่า ตลาดน่ะมันส่วนหนึ่ง ซึ่งมีขึ้นมีลงตลอดอยู่แล้ว แต่หน้าที่สนพ คือคัดงานที่ควรจะขายได้ไม่ใช่รึวะ ไม่ใช่เห็นแนวนี้ดีแนวนี้บูมก็ตะบี้ตะบันพิมพ์แต่แนวนี้ สุดท้ายเป็นไง ตลาดมันอิ่ม ก็ขายไม่ได้ก็ลอยแพ ก็โทษเศรฯฐกินก่อนเลยไม่โทษตัวเองเลย
เรื่องที่บอกว่าพวกคนเขียนนอนเฉยๆ แล้วได้เงิน กูว่าไม่มีใครนอนเฉยๆแล้วได้เงินมั้ง พวกนี้มันก็ต้องทำงานก่อนรึเปล่าวะ นักเขียนที่ทำมือเองแล้วขายได้มึงว่าได้เท่าไร นิยายรักตอนนี้ทำมือได้เงินมากกว่าให้ สนพ 3 เท่านะมึง แต่ที่เขายอมให้ สนพ ตีพิมพ์ก็เพราะต้องการไม่ให้ชื่อตัวเองหายไปจากแผงหนังสือ กูอยากให้พวกมึงเห็นตอนเจ้าของสนพ บางที่ไปขอหนังสือของสายทำมือมาตีพิมพ์จริงๆว่าออดอ้อนขอเขาขนาดไหน เพราะอะไรละมึง เพราะสายทำมือตัวแม่ๆน่ะ ตีแค่ 1000 เล่มก็พอ พวกนี้กำไรเล่มละ 150 บาทขึ้น พันเล่มก็ได้ 150000 ขึ้นอยู่แล้ว ในขณะให้ สนพ ได้อย่างมากก็ 60000-80000
เมนต์บนๆ พูดถูก ว่าสนพพิมพ์ 3000 ต้องขายได้สัก 1000 ถึงจะพอคืนทุน แต่พอมันพ้นจากยอด 2000 เล่มไปแล้วยอดกำไรก็จะไม่ใช่ 20% แล้ว มันจะเพิ่มขึ้นมาก อย่างเรื่องไหนที่ถึงขั้นรีปริ้นไปแล้วเนี่ย ยอดกำไรที่ สนพ จะได้น่ะเกินสองเท่าของปกติ ยิ่งพวก 5000+ เนี่ยได้เยอะมาก
แล้วเวลาคำนวนตัดค่าหน้าร้านน่ะมันได้แค่นั้นจริง แต่อย่าลืมขายทางไปรษฯีย์ขายในงานหนังสือสิ มึงลองดู เรื่องดังๆขายดีๆน่ะ มันไม่มีทางลงร้านก่อนหรอก มันต้องขายในงานหนังสือก่อน ในงานหนังสือลดกันก็แค่ 20% หักรักเขียน 10% หักทุน 30% มันก็ 40% ที่รับเนื้อๆเหมือนกันนะแล้วพิมพ์มา 3000 พวกขายระดับดีๆหน่อยน่ะงานหนังสือขายระดับ 1000 เล่มนะมึง แปลว่าสมมุตเล่มละ 200 พิมพ์ 3000 ลงทุนไป 3000x60=180000 แต่ขายในงานหนังสือไป 1000 ราคาเล่มละ 200 ลด 20% เหลือ 160 ขายไป 1000 เล่ม ก็ได้มาแล้วนะ 160000 ที่เหลือก็กำไรล้วนนะ ยิ่งรีปริ้นยิงกำไรเพิ่ม
กูไม่ได้คิดว่านักเขียนดีกว่่าสนพสำนักพิมพ์ หรือสนพดีกว่านักเขียน แต่กูว่าต่างฝ่ายต่างต้องทำงานตัวเองนะ สนพออกเงินคนเขียนก็ออกแรง มันก็โอเครึเปล่า อีกอย่างมึงลองมองกลับนะ นักเขียนใช่ว่าเขียนออกมาแล้วจะขายได้ทุกเรื่อง จะได้ตีพิมพ์ทุกเรื่อง มึงลองเอาสัดส่วนเรื่องที่ได้ตีพิมพ์ของนักเขียนชื่อเสียงปานกลางหรือเพิ่งเริ่มสิ เขียน 3-4 เรื่องได้พิมพ์สักเรื่องสองเรื่อง แล้วเรื่องที่เหลือที่เขียนแล้วล่ะ มึงไม่คิดรึว่ามันกลายเป็นสูญเปล่าเลยไง มันไม่ใช่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสี่ยงอยู่ฝ่ายเดียวนะเว้ย
ซึ่งสิ่งสำคัญอีกอย่างที่พวกนักเขียนขยาดสนพหลายๆที่มันมาจากการพิมพ์ซ้ำด้วย คือมันไม่มีอะไรที่นักเขียนจะไปตรวจดูได้เลยว่าเรื่องตัวเองที่ขายอยู่ถูกพิมพ์มาเท่าไร พิมพ์ซ้ำไปแล้วกี่เล่ม จะรู้ก็แค่สนพบอก แล้วอย่างพวกสนพ ที่ไม่มีโรงพิมพ์เองน่ะ จ้างโรงพิมพ์เกิน 5 ที่เพื่อพิมพ์งานนะมึง มึงจะไปหาว่าโรงพิมพ์ไหนพิมพ์งานมึงน่ะยาก หรือต่อให้มึงหาเจอเขาก็ไม่มีทางบอกมึงว่าพิมพ์ไปเท่าไร เพราะมึงไม่ใช่คนจ่ายเงินเขา
ส่วนตอนสนพ จะซื้องานมึงเขาก็เสี่ยงนะ เพราะบางทีเห็นแค่เล่มแรกๆไม่เห็นเล่มหลังๆแต่นักเขียนเองก็เสี่ยง เรื่องที่สนพ จะโกงมึงเมื่อไรก็ได้ มึงไม่มีสิทธิ์ไปสืบค้นใดๆเลยเหมือนกัน หรือเกิดมึงฟลุ๊คจริงๆไปเจอไปจับได้ เขาก็บอกได้ว่ากำลังจะแจ้งมึงพอดี นี่พิมพ์ซ้ำนะเท่านี้ๆแล้วก็จ่ายเงิน เยี่ย วงการหนังสือไทยมันชอบใช้คำว่ากันเองมันกลบเรื่องของกฏหมาย ใช้คำว่ามารยาอลุ่มอลวยมาเบียดบัง มันไม่ใช่เหมือนเมืองนอกนะมึง ว่าถ้าถูกจับได้ขึ้นมานี่ถึงขั้นฟ้องร้องกันหนักหน่วง แล้วเวลาจะพิมพ์ซ้ำจะอะไรคนรู้ยอดจริงๆจะมีสักกี่คนวะ ก็มีแค่คนสั่ง ซึ่งส่วนมากคนคุมตรงนี้ก็คนในทั้งนั้น ยิ่งสนพที่ระบบไม่ใช่มหาชนยิ่งง่ายรึเปล่าถ้าจะโกงส่วนนี้
กู 556
ขออีดิตหน่อยตรงนี้
สายทำมือตัวแม่ๆน่ะ ตีแค่ 1000 เล่มก็พอ พวกนี้กำไรเล่มละ 150 บาทขึ้น พันเล่มก็ได้ 150000 ขึ้นอยู่แล้ว ในขณะให้ สนพ ได้อย่างมากก็ 60000-80000 อันนี้ก็หมายถึงถ้าได้พิมพ์ 3000 เล่มนะ คือขายเอง 1000 เล่มก็ได้เงินมากกว่าขายลิขสิทธิ์ให้สนพไปพิมพ์ 3000 แล้วมึง
>>556
กูเข้าใจเรื่องที่มึงพูดนะ การถูกเอาเปรียบจาก สนพ. ส่วนหนึ่งในเรื่องที่ไม่สามารถรู้จำนวนยอดขายได้เลย
ซึ่งในไทยก็เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้โครตยาก
แต่นักเขียนเพิ่งเริ่มหรือนักเขียนชื่อเสียงปานกลาง ยังพยายามออกตีพิมพ์กับ สนพ ให้ได้
หลักๆ คงเป็นชื่อเสียงหรือความภูมิใจส่วนหนึ่ง เพื่อกระจายให้คนอ่านรู้จักออกไปตามเว็บสนพ. ร้านค้าทั่วไป งานหนังสือ
(กูมองว่ามันก็ยังจำเป็น เพราะถ้าลงในเว็บขายในเว็บ กลุ่มแฟนคลับคนซื้อมันก็จะอยู่เท่าเดิม)
สองคือความสะดวกในการไม่ต้องวิ่งวุ่น จัดรูป หาคนทำปก ติดต่อโรงพิมพ์ ตรวจสอบคนซื้อแล้วไปจัดส่ง
มันเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนไปถึงขั้นตอนสุดท้าย ถ้ามีงานประจำแล้วจะยุ่งมากๆ แต่ถ้ามีเวลาว่างมากก้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ถ้าพอมีฐานคนอ่านที่ติดตามพอควร เป็นคนเขียนที่มีชื่อระดับหนึ่ง
ทำมือ 300-500-1000 และวางขาย e-book ก็พอเพียงที่ไม่ต้องง้อสนพ. แล้ว
ตามที่เพื่อนโม่งพูดจริงๆ
แต่จุดสำคัญคือ ทำมือจำนวนน้อยราคามักจะต้องขายแพงกว่าแบบที่สนพ.ทำรูปเล่มออกมา (คนอ่านที่สองจิตสองใจซื้ออาจมีบ่น)
และการต่อยอด อย่างนิยายรักคือการได้ทำละคร ถ้าเข้าตาแมวมองเข้า ซึ่งการตีพิมพ์อาจจะได้ในส่วนนี้มากกว่า (กรณีนักเขียนดังนะ)
>>557
นักเขียนต้องมีฐานชื่อเสียงผลงานเก่าที่ดีในระดับหนึ่งด้วยใช่ไหมเพื่อนโม่ง
(ประมาณเคยออกกับ สนพ. มาแล้ว และรู้สึกไม่พอใจค่าต้นฉบับที่ถูกผูกมัดยาวถึง 5 ปี)
นักเขียนหน้าใหม่นี่ 100 เล่มยังหืดขึ้นคอ
แต่เห็นนักเขียนสายทำมือบางคนที่พอมีชื่อเสียงหน่อยขายได้ 200-300 เล่ม
ก็พอใจแล้ว พออยู่ได้ ถ้าขยันออกเล่มใหม่หน่อย
ปล.นักเขียนระดับเริ่มต้น-กลาง นี่ถ้าไม่มีงานประจำอื่นๆ คงอยู่ได้ค่อนข้างลำบากนิด
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.