ต้นทาง หยิบส่วนหลักๆ มาลง - https://www.4gamer.net/games/999/G999905/20240826044/
[Game] Bandai Namco กับการเปิดรับ DEI เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงในระดับโลก
จากงาน CEDEC 2024 (Computer Entertainment Developers Conference) ที่ญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ทาง Bandai Namco คุณโอคุโมะ มิไร จากฝั่ง Bandai Namco Online ได้เปิดสัมมนาในหัวข้อ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) ที่เป็นการวางแผนในการขยายเกมของญี่ปุ่นให้เข้าถึงต่างชาติมากขึ้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น Bandai Namco พยายามที่จะสร้างสรรเกมที่เข้าถึงตลาดโลกมากขึ้นภายใต้สโลแกน "เกมออนไลน์จากญี่ปุ่นสู่ระดับโลก" ซึ่งผลงานเกมอย่าง Blue Protocol (ที่ปิดตัววันนี้) กับ Gundam Evolution (ที่ปิดตัวไปก่อนหน้านี้) ก็มีการสร้างขึ้นมาโดยมีเล็งที่จะขยายฐานไปต่างประเทศ
แต่ทว่าการขยายฐานเกมออกไปต่างประเทศนั้น แค่จะทำอย่างเดียวมันเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีการนำเสนอที่ดึงดูดและทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนใจด้วย และสิ่งที่ทำให้นึกขึ้นมาก็คือ DEI ซึ่งการตอบรับจากพาร์ทเนอร์ต่างประเทศเองก็พูดถึงในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ DEI เช่นกัน
คุณโอคุโมะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DEI และพบว่ามันเริ่มมีกระแสมากขึ้นจากเรื่องของ BLM (Black Live matter) ที่ทำให้เกิดกระแสที่อยากให้การยอมรับคนต่างเชื้อชาติ ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ในชีวิตจริงเท่านั้น แต่มีผลกับในเกมด้วย ในส่วนของผลตอบรับเกี่ยวกับ DEI ก็มีหลายอย่าง แต่ที่เห็นชัดจนที่สุดจะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น ทรงผล, ใบหน้า, รูปร่าง ที่ควรจะมีมากขึ้นในการสร้างตัวละคร หรือรูปร่างกับอายุของ NPC
และจากแบบสอบถามของ Newzoo ที่เป็นบริษัทที่ทำวิจัยเกี่ยวกับตลาดเกมก็มีโชว์ว่า ผู้เล่นฝั่งอเมริกากับอังกฤษนั้นมีความคิดถึงการใส่ DEI เข้าไปในเชิง “เห็นด้วยอย่างมาก” หรือ “เห็นด้วย” ที่จะทำให้ตัดสินใจเล่นเกมนั้น (55%) จุดนี้ทำให้เห็นว่าอเมริกากับอังกฤษนั้นคิดว่า DEI มีความสำคัญ
จากผลตอบรับที่ได้มาทำให้ทางเข้าใจได้ว่าถ้าเอา DEI มาใช้อาจจะสามารถเข้าถึงตลาดเกมในฝั่งอเมริกากับอังกฤษได้มากขึ้น แต่ก็ต้องนึกถึงว่าเราจะใส่อะไรเข้าไปในเกมด้วย ซึ่งข้อมูลจาก Newzoo ก็ระบุว่าทางผู้เล่นทางฝั่งอเมริกาและอังกฤษนั้นจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในตัวละครอย่างมาก แต่จากการที่ลองใส่ทรงผม Dreadlock เข้าไปในเกม Blue Protocol กลับได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีนัก เพราะถูกบอกว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นตัวแทนของทรงผมนี้เลยในเกม ทำให้กลายเป็นว่าแค่ใส่เข้าไปนั้นไม่ได้ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความเป็นตัวเอง แต่ยังต้องทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่รู้สึกถึงตัวตนของพวกเขาในนั้นด้วย
คุณโอคุโมะได้สรุปว่า DEI นั้นจำเป็นที่จะทำให้ตัวเกมเข้าถึงได้ในระดับโลก แต่ว่ามันจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ DEI และนำมาปรับใช้ให้ถูกต้อง เพราะถ้าเราไม่เข้าใจมันก็จะไม่รู้ว่าสิ่งไหนที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นที่จะนำมาปรับใช้ในเกม และหากเราไม่เข้าใจผลตอบรับให้ดีก็จะมีความเสี่ยงที่จะนำเสนอไปแบบผิดๆ เช่นกัน โดยมีการยกตัวอย่าง การทำเกมในโรงเรียนแถวบ้านนอกของญี่ปุ่น ที่ในห้องมีนักเรียน 20 คน แล้วมีนักเรียนต่างชาติอยู่ถึงครึ่งนึง ถึงมันจะตรงตาม DEI แต่มันดูผิดธรรมชาติ แม้การทำแบบนั้นเพราะมีเจตนาที่ดีและทำออกมาได้ดี แต่ถ้ามันไม่มีความจำเป็นที่จะทำแบบนั้นจริงๆ ก็จะถูกมองว่าเป็นการใส่ DEI ลงไปในเกมเท่านั้น และมันคงจะไม่ดีถ้าถูกมองแบบนั้น
ดังนั้นการใส่ DEI หรือไม่ใส่ DEI นั้นก็สำคัญ ถ้าใส่เข้าไปแล้วมันทำให้เซ็ตติ้งผิดเพี้ยนและไม่จำเป็นจริงๆ การไม่ใส่เข้าไปอาจจะดีกว่า และเพื่อที่จะตัดสินใจแบบนั้นได้ ว่าเราควรจะใส่หรือไม่ใส่ในคอนเทนต์แบบไหน เราจึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DEI อย่างถูกต้อง
ซึ่งช่วงหลังเองทางคุณโอคุโมะก็บอกว่าฝั่งเกมไฟต์ติ้งนั้นก็มีการปรับตัวเหมือนกัน และมันทำให้สามารถเข้าถึงแฟนๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนนี้ก็นับว่าเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจและน่าจับตามอง
และอีกส่วนคือการเข้าใจความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นกับต่างประเทศ อย่างเช่นในขณะที่ญี่ปุ่นมีการสังเกตและอ่านบรรยากาศ ต่างประเทศอาจจะไม่มีในจุดนี้ และที่ต่างประเทศมีการปะปนกันของหลายเชื้อชาติการนำเสนออาจจะต้องดูให้ดี รวมถึงการแปลภาษาจากญี่ปุ่นไปเป็นภาษาต่างประเทศเองก็อาจจะมีการเพี้ยนไปได้จากการไม่มีคำที่เหมาะสมจะใช้ออกมาให้ได้ในความหมายเดียวกัน
//จากหัวข้อตอนแรกก็คิดว่าน่าจะอึ้งๆ ที่ Bandai Namco จะเปิดรับเกี่ยวกับ DEI แต่ถ้าเอาจากที่เขาบอกมาคือการพยายามเรียนรู้และเอาไปใช้ให้เหมาะสม ซึ่งจริงๆ ตอนนี้หลายๆ สื่อญี่ปุ่นเองก็ปรับตัวเหมือนกัน แต่ถ้าใช้ให้ถูกต้องมันก็จะไม่มีปัญหาอะไรแบบสื่อตะวันตก แต่ยังไงสุดท้ายก็คงต้องรอดูเกมที่จะออกมา เพราะ 2 เกมตั้งต้นอย่าง Blue Protocol กับ Gundam Evolution มันดับไปหมดแล้ว