Last posted
Total of 801 posts
「วันหนึ่งของร้านชิอิฮาระ」
ตั้งแต่เช้าวันใหม่ที่แสงอาทิตย์จากโลกภายนอกซึ่งกั้นไว้ด้วยบานกระจกส่องผ่านเข้ามาจนจรดแทบเท้า
จวบจนกระทั่งหมดวัน ไม่ใช่หมายถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับฟ้า แต่เป็นเวลาที่ผู้คนที่จ๊อกแจ๊กจอแจหายไป แสงไฟตามอาคารบ้านเรือนดับลงจนหมด
เวลาที่ประตูทางเข้าปิดลง
เขา----หรืออาจจะเป็นเธอ ก็ยังคงเฝ้ามองทะเลสาบยามค่ำคืนจากภายในห้องโถงใหญ่ที่มืดมิดและเงียบสงัด
ร่างที่ใหญ่และแบนราบของเขานั้น ได้แบกรับสิ่งสำคัญเอาไว้มากมาย
บนตู้ที่วางกั้นห้องเอาไว้ ยังมีขนมหวานที่ห่อด้วยกระดาษพิมพ์ลายรูปเขาวางเรียงกัน อีกตู้หนึ่งก็มีสแตรปอันจิ๋วที่ทำเลียนแบบตัวเขาแขวนโชว์อยู่
บนผนัง ก็มีโปสเตอร์กับผ้าแขวนรูปทะเลสาบและตัวเขาที่โผล่หน้าขึ้นมาจากผิวน้ำ ท่าทางดูห้าวหาญ แปะทับด้วยป้ายราคาสีออกซีดๆ
ตัวเขาในยามค่ำคืน ยังคงยืนประจำอยู่ที่เก่า คอยปกป้องเหล่าสินค้าที่เป็นดังร่างแยกของตัวเอง ที่ที่ใกล้กับประตูทางเข้ามากที่สุดในร้าน
มองไปนอกร้านด้วยท่าทีที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็น่าเกรงขามตลอดทั้งคืน ไม่มีแม้แต่จะกระพริบตาหรือเคลื่อนตัวไปไหน
ด้วยเหตุนี้ ยามเช้าที่สงบสุขไม่มีเรื่องอันใด จึงเป็นเหมือนช่วงเวลาพักผ่อนของเขา
แต่ทว่า เหล่าสินค้าทั้งหลายในร้านที่เขาเคยได้ปกป้องไว้ราวกับลูกๆ ของตัวเองนั้น กลับไม่ได้มีวางอยู่ในร้านเลย
สินค้าทั้งหลายในร้าน ทั้งมันจูยอดนิยม สแตรปเรืองแสงหลากสีสัน ผ้าแขวนที่มีลวดลายของวัตถุทรงกลมที่ไม่ได้อยู่ในทะเลสาบแต่กลับลอยอยู่เบื้องบน
หรือจะพวกแบบจำลองย่อส่วนที่วางกองสุมกันเป็นรูปตัวเอง กระทั่งถ้วยชาหน้าตาไม่สมประกอบที่ด้านในเหมือนกับถูกคว้านออกไปอย่างลวกๆ จนไปถึงแก้วมัคที่วางขายอยู่ใกล้ๆกัน
ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน ก็ไม่ใช่สินค้าของเขาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ถ้านับกันตามเวลาเกิดแล้ว ฝ่ายที่เกิดก่อนก็เป็นเขา ในตอนนั้น ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบยังไม่มีสิ่งนั้น ตัวเขาที่เข้าๆออกๆร้าน ก็ยังได้เฝ้ามองทะเลสาบไปเรื่อยๆอย่างสบายอารมณ์
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงกลายเป็นประจักษ์พยานที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านดวงตากลมโต ในช่วงเวลาที่สิ่งนั้นได้ปรากฏขึ้นมา
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย จานบิน---- ที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นเหนือท้องฟ้ายามราตรีนั้น ได้ทอประกายสุกสว่างขับไล่ความมืดมิดให้จางหายไป
>>644
ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่วัน จานบินก็ยังคงสภาพเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เห็น ลอยนิ่งอยู่ที่เดิมเรื่อยมาไม่เปลี่ยนแปลงจวบจนวันนี้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปกลับไม่ใช่จานบิน แต่เป็นสิ่งรอบตัวเขา
แรกสุด กระแสนักท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไประยะหนึ่ง เพราะผลกระทบจากจานบิน ก็กลับกลายเป็นมารวมตัวกันเพื่อดูจานบิน
จากนั้น รอบตัวเขาก็เริ่มมีข้าวของเครื่องใช้ของฝากที่ได้แรงบันดาลใจจากจานบินมาวางขาย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองชั้นวางสินค้าของตัวเองถูกรุกรานด้วยจานบิน
กลับไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หมียักษ์หน้าตาเหมือนของจริงที่ตั้งประดับอยู่หน้าร้านตรงข้ามกับเขาก็เช่นกัน แวบแรกที่เห็นก็ดูเหมือนทำท่าจะฝังเขี้ยวใส่จานบินที่อุ้มอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ทำสักที
หรือว่าจะสนิทกันไปซะแล้วตั้งแต่ตอนนู้นก็ไม่รู้ ก็ได้แต่สงสัยต่อไป
ทุกสิ่งที่แวดล้อมรอบตัวเขา เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย
เด็กผู้หญิงที่ชื่อโนเอล ระยะนี้ก็เริ่มโผล่มาเล่นด้วยบ่อยขึ้น
โนเอลเรียกเขาว่าคุณสัตว์ประหลาด แถมยังเข้ามาคุยด้วย พวกนักท่องเที่ยวที่ดูจะสนใจเขาก็พอมีอยู่บ้าง แต่คนที่เข้ามาพูดด้วยนั้นแทบจะไม่มี
ปากที่อ้ากว้างของเขา ดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กสาวเป็นพิเศษ เธอลองเอาหน้าบ้างแขนบ้างมุดเข้ามาหน้าทีหลังที ด้วยความที่อยากเล่นซนกับเขาล้วนๆ
ต่างไปจากนักท่องเที่ยวคนอื่นที่แค่โผล่หน้ามาแล้วเก็บภาพเป็นที่ระลึก
สำหรับเขาแล้ว เด็กสาวที่ชื่อโนเอล เป็นเหมือนตัวตนที่ตรงกันข้ามกับตัวเองเลยทีเดียว
และอีกคนหนึ่ง
คนที่เป็นเหมือนคนสำคัญของเขา
เด็กสาวที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยทุ่มเทความรักให้กับเขาเรื่อยมา ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้
คนที่คอยยกตัวเขาที่ขยับไปไหนเองไม่ได้ออกไปหน้าร้านทุกเช้า คอยขัดถูร่างกายให้ พอตกกลางคืนก็ยกกลับเข้าร้าน ทั้งยังขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากในแต่ละวัน
ต่างจากร่างกายของเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เด็กสาวที่เขาเฝ้ามองนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน จนตอนนี้สูงเท่ากันกับตัวเขาเสียแล้ว
เช้านี้ก็เช่นกัน---
เบื้องหน้าตัวเขา ที่กำลังสัมผัสแสงที่อ่อนโยนของยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาจรดแทบเท้า
เด็กสาวตัวน้อยที่เคยลอดหน้าผ่านปากที่อ้ากว้างของเขาออกมาอย่างไม่ยากเย็น ในครั้งแรกที่เขาถูกสร้างขึ้นมา----
ชิอิฮาระ โคฮารุ อยู่ตรงนี้แล้ว
โคฮารุไขกุญแจเปิดร้าน ผลักประตูกระจกออกกว้างให้อากาศถ่ายเทเข้ามา แล้วมองมาทางเขา----
"อรุณสวัสดิ์จ้ะ คิริกอน วันนี้ก็ฝากด้วยนะ"
มือขวาของป้ายสัตว์ประหลาดคิริกอนแห่งทะเลสาบคิริยะ สั่นกึกๆอย่างน่าเกรงขาม ประหนึ่งจะตอบรับกับคำพูดนั้น
แล้วหนึ่งวันที่ไม่เคยเปลี่ยนไปของร้านชิอิฮาระ ก็เริ่มต้นขึ้น
ตอน OVA นี่สนุกดี ได้เห็นอีกด้านของชิโอเนะน่ารักอิ๋บอ๋าย เสียดายเป็นแค่ตอนสั้นๆ
สงสารแต่พี่หล่อแม้แต่จะคุยกะบาบิก้อนก็ไม่ได้คุย
ตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายจริงๆแล้วซินะ
ดูจบแล้วก็นึกถึงคำพูดคนพากย์พี่หล่อตอนที่พรีวิวOVAในอีเวนท์ขึ้นมา ที่บอกว่า เอ๊ ไม่เห็นโซตะเลย หรือว่าจะเป็นมุมมองโซตะรึเปล่า ถถถถถถ
อ่าน side story 6 จบแล้ว แทบอยากจะแปลมาลงตัดหน้า 4 และ 5 ที่ค้างอยู่จริงๆ
ต่างจาก 1-5 ตรงที่เดินเรื่องโดยใช้ตัวละครที่ไม่เคยขึ้นปก เป็นเซอร์ไพรส์ในแง่ดีเลยล่ะ
http://imgur.com/WQ22BSP
http://imgur.com/vNEwrg5
http://imgur.com/z1kfbAQ
กล่องของแถม Gamers
หน้ารองสุดท้ายทำเอาใจหายไปแวบนึง
http://imgur.com/6RlSQcZ
http://imgur.com/4bRUojB
http://imgur.com/I0x59Dd
http://imgur.com/hgHSMjI
>>645
จากมุมมองของคิริกอน นี่ก็คือยามเช้าวันเสาร์ที่ปกติธรรมดาเหมือนเช่นเคย
อากาศค่อยๆเย็นลงทุกวัน จนชวนให้คิดว่าหิมะแรกจะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่แปลกใจ สิ่งที่ชะลอมันไว้ก็คงเป็นแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องไปทั่วทั้งเมือง
ด้วยพลังจากแสงที่ว่านั้น ทันทีที่ร้านชิอิฮาระเปิด ก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวที่เดินไปมา ก้าวเข้ามาในร้าน
โคฮารุเดินเข้าไปหาหนึ่งในลูกค้า
"ยินดีต้อนรับค่า--"
โคฮารุในชุดผ้ากันเปื้อนพนักงานร้าน โค้งให้อีกฝ่ายด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
ตามด้วยคำพูดชุดใหญ่
"----ทางด้านนี้คือมันจูจานบินของขึ้นชื่อร้านชิอิฮาระค่ะ มีบริการส่งถึงบ้านให้ด้วยนะคะ"
โคฮารุที่ยกกล่องมันจูจานบินขึ้นบนหัว ส่งยิ้มหวาน
ลูกค้าที่โดนโปรยยิ้มใส่ มองโคฮารุด้วยท่าทางลำบากใจ
"......อ-อื้ม ขอบใจนะ โคฮารุ แต่บ้านฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง"
"ไส้ถั่วแดงเต็มๆคำ อร่อยมากเลยนะคะ มีให้ลองชิมด้วย ของดีห้ามพลาดเลยนะ"
"ม-ไม่เป็นไรหรอก เคยกินแล้วล่ะ"
ลูกค้าคนที่ว่า โบกมือเป็นเชิงหลบเลี่ยง
"จะรับจานบินหินสลักไปด้วยกันรึเปล่าคะ?"
"ของแบบนั้นจะให้เอาไปทำไมกันล่ะ! แล้วก็ขอเถอะนะ โคฮารุ ช่วยพูดแบบธรรมดาทีเถอะ
นี่คงไม่ได้พูดกับลูกค้าคนอื่นแบบนี้ใช่มั้ย?"
พอโดนลูกค้า----โคมิยะ โนโนกะ จี้เอาแบบนั้น โคฮารุที่ท่าทางดูมีความสุขก็จ๋อยไป
"ก็นานๆ โนโนกะจะมาซื้อของที่ร้านที ก็เลยดีใจ จัดเซอร์วิสให้เป็นกรณีพิเศษเอง"
"ไม่ได้มานานขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย......"
โนโนกะลองนึกทบทวนดู บางทีก็อาจจะเป็นอย่างที่โคฮารุว่าจริงๆ
"คราวก่อนที่เคยมา ก็มีแต่ตอนที่โนโนกะมาตามหาเด็กหลงแค่นั้นเอง"
"......ครั้งแรกเลยล่ะมั้งตอนนั้น แถมยังเป็นครั้งเดียวซะด้วยสิ"
"แล้ววันนี้ล่ะ เด็กหลงคนนั้น มาด้วยกันรึเปล่า?"
โคฮารุละสายตาจากในร้าน มองหาเด็กหลงเมื่อวันก่อนที่เดินตีซี้คู่กันมากับโนโนกะตอนเข้าร้านเมื่อกี้
>>656
"โนเอลน่ะเหรอ...... อ้าว?"
โนโนกะที่ไล่สายตามองตามโคฮารุ ก็เผลออุทานออกมาเมื่อพบว่าโนเอลที่มาด้วยกันหายตัวไปซะแล้ว
"คุณเด็กหลง ยังหลงทางอยู่เหรอเนี่ย?"
"เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนั้นแท้ๆ......"
โคฮารุที่เอียงคอด้วยความสงสัย กับโนโนกะที่จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไง ขณะที่สองคนนี้ยืนอยู่
โซตะที่ดูเหมือนจะสวมผ้ากันเปื้อนทำงานอยู่ตลอดเวลาก็ยกกล่องมันจูจานบินกองใหญ่เดินผ่านมา
ระหว่างนั้นก็หันมองโคฮารุแล้วพูดขึ้นมาว่า
"อย่ามัวแต่คุยกันสิ โคฮารุก็ต้องทำงานเหมือนกันนะ"
"ก็กำลังรับลูกค้าอยู่นี่ไง"
"ตรงไหนกัน อ้อ แล้วก็อีกอย่าง"
โซตะเหล่ตามองโนโนกะต่อ
"ยัยเปี๊ยกกำลังกวาดของชิมในตู้ตรงนู้นอยู่เลย กินไปจะหมดตู้แล้วมั้ง"
"เอ๋! เดี๋ยวเถอะ โนเอล!"
โคฮารุได้แต่มองตามหลังโนโนกะที่รีบวิ่งไปหาโนเอล
"ที่จริง จะกินให้หมดก็ว่าอะไรหรอก"
"ถ้าโคฮารุบอกไม่เป็นไร คนมาช่วยอย่างฉันก็คงว่าอะไรไม่ได้ล่ะนะ แต่ยังไงก็ต้องเติมของไว้ก่อนอยู่ดี เพราะเดี๋ยวตอนเที่ยงจะมีทัวร์มาลง"
"อ้าว มาวันนี้หรอกเหรอ?"
"ก็ตามที่เช็คจากตารางรถนั่นแหละ อ้อ แล้วก็ไฟข้างในร้านเหมือนมันจะมืดๆไปหน่อยนะ"
"เอ๋? จริงเหรอ?"
"ในโกดังเก็บของยังมีหลอดไฟสำรองอยู่ เดี๋ยวจะเอามาเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน"
"......อืมม"
"มีอะไรรึ?"
โคฮารุจ้องหน้าโซตะด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่ในที
"......อะไรเล่า"
แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะฮึๆ ออกมา
>>657
"แล้วมันอะไรกันล่ะ ก็บอกสิ ฉันพูดอะไรแปลกๆไปรึไง?"
"อื้ม ก็เห็นโซตะดูพึ่งพาได้ ดูฝากฝังอะไรๆ ได้น่ะ"
"ก็เพราะโดนเธอฝากให้ดูร้านให้บ่อยๆ นั่นแหละ ถึงไม่อยากจำ พอทำไปนานๆ เข้ามันก็จำได้อยู่ดี แย่จริงๆ "
สีหน้าของโซตะที่กำลังทยอยหยิบกล่องมันจูจานบินมาหอบไว้อย่างคล่องแคล่วอยู่นั้น ไม่ได้สื่อถึงความไม่พอใจอย่างที่พูดเลย
"ต้องขอบคุณโซตะจริงๆ นั่นล่ะ"
ว่าแล้วโคฮารุก็รวบกล่องมันจูจานบินจากมือโซตะครึ่งหนึ่งมาไว้กับตัวเอง
"เอาเถอะ ได้ยินคำขอบคุณแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย เอ้า ไปกันเถอะ"
โซตะที่ตัดบทห้วนๆ เดินหอบกล่องมันจูไปยังชั้นวาง
"ตกลงมันอะไรกันหว่า......"
โดยมีโคฮารุที่หอบกล่องแบบเดียวกันเดินตามมาติดๆ
ถึงจะบอกว่าเหลือครึ่งเดียวของที่โซตะแบก แต่โคฮารุที่เดินตามหลังโซตะที่ก้าวฉับๆ เหมือนเดินตัวเปล่า ก็ยังเดินโงนเงนทำท่าเหมือนจะตก
"----รอเดี๋ยวสิ โซตะ"
ระหว่างที่พยายามสุดชีวิตไม่ให้ของตกพื้น แต่เสียงที่เรียกโซตะก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงเจ้าตัว
ขณะที่โซตะที่ทิ้งห่างไป เริ่มหลุดไปจากระยะสายตา โคฮารุก็พลันเห็นภาพแผ่นหลังของเพื่อนที่โตแล้ว ซ้อนกับเมื่อสมัยยังเด็กขึ้นมา
โคฮารุที่หยุดอยู่กับที่
โซตะที่ก้าวไปข้างหน้า
และยูซึกิน้องสาว ที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ
โคฮารุนั้นเคยอิจฉาทั้งคู่ที่สนิทสนมกันมาตลอด ถึงเวลาเล่น จะเล่นด้วยกันสามคน แต่เวลากลับ มีแต่ตัวเองที่ต้องแยกไปกลางทาง เพราะอยู่กันคนละที่
มีแต่ตัวเอง ที่ต้องทนเก็บความเหงาที่ไม่มีที่ไปเอาไว้คนเดียว
ไม่ใช่สามคนหรอก แต่เป็นสองกับหนึ่งต่างหาก
>>658
ถึงจะคอยเตือนตัวเองว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังไม่หายไปจากใจโคฮารุในวัยเด็กอยู่ดี
ทั้งโซตะและยูซึกิ รวมไปถึงที่มาเจอกันที่หอดูดาวทีหลังอย่างโนโนกะกับชิโอเนะ ไม่มีใครเลยที่รู้ถึงความโดดเดี่ยวในใจของโคฮารุ
ไม่เว้นแม้แต่ตัวโคฮารุเอง
แต่โคฮารุก็ยังอยากจะตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ของเธอจริงๆ
เพราะงั้นถึงได้วาดคิริกอนขึ้นมา
โคฮารุนั้น วาดรูปไม่เก่งเอาซะเลย แต่ก็ยังพยายามสุดชีวิต ด้วยหวังว่าคิริกอนบนกระดาษวาดเขียนที่เต็มไปด้วยความในใจของเธอ จะผูกสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและสองคนนั้นให้
----ยูซึกิ โซตะ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง!
โคฮารุในวัยเยาว์ เค้นเสียงทั้งหมดที่ตัวเองมี เรียกทั้งสองคนให้หยุดรอ
พอทั้งคู่หันกลับมา เด็กสาวที่ทำอะไรไม่ถูกจนแทบจะร้องไห้ออกมาในตอนนั้น ก็โชว์รูปวาดคิริกอนฝีมือไม่เอาไหนให้ดู
สัตว์ประหลาดในตำนาน ที่ว่ากันว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบคิริยะ ถ้าหากว่ามีอยู่จริงล่ะก็ คงไม่มีทางจะหน้าตาเหมือนในรูปแน่ๆ
แต่โซตะกับยูซึกิที่คิดแบบนั้น ก็ไม่ได้หัวเราะเยาะอะไร----
"ใช้ได้เลยนี่นา ถ้าเอาไปตั้งเป็นป้ายหน้าร้าน ต้องดึงคนเข้าได้เพียบแหงๆ "
"ส่วนตรงปากนี่ ไว้ทำเป็นช่องให้โผล่หน้ามากันเถอะ! เดี๋ยวฉันช่วยเอง!"
ช่วงเวลาจากตอนนั้น จนถึงตอนที่คิริกอนผู้ชนะศึกสร้างเสร็จ เป็นสิ่งพิเศษที่ไม่มีอะไรมาแทนได้สำหรับโคฮารุในวัยเด็กจริงๆ
ถ้าขาดมันไป เธอคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้
"โคฮารุนี่ก็เก็บซะเงียบเลยนะ ถ้าบอกกันไวกว่านี้ คงได้มาช่วยตั้งนานแล้ว"
"นั่นสิ ก็โคฮารุมัวแต่เกรงใจอยู่นั่นล่ะ"
โซตะกับยูซึกิหันมาหาโคฮารุ ขณะกำลังทาสีป้าย บนใบหน้าของทั้งสอง เปื้อนไปด้วยสีเดียวกับที่ใช้ทาคิริกอน
ถึงจะมองไม่เห็น แต่หน้าตัวเองก็คงเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
สามคนช่วยกัน
โคฮารุขำเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่โนโนกะเคยสอนให้
แค่ยิ้ม ก็เป็นกำลังผลักดันให้ตัวเองก้าวต่อไปข้างหน้าได้
จากนั้นไม่นาน คิริกอนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
>>659
จากภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโคฮารุ ด้วยพลังฝีไม้ลายมือของยูซึกิ ก็กลายเป็นอะไรที่ดูเป็นสัตว์ประหลาดขึ้นมา
ไม้กระดานที่แรงแขนโคฮารุเลื่อยไม่ขาด ก็ได้โซตะทำให้เป็นรูปเป็นร่าง
จากตอนนั้นจนตอนนี้ ก็ผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว ที่คิริกอนยังคงยืนตระหง่านเป็นป้ายหน้าร้านอยู่ทุกวัน
"เพราะงั้น----"
ถึงจะขึ้น ม.ต้นแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนไป
"ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ นั่นล่ะ"
ทุกคนที่หอดูดาว โนเอลที่มาหาคิริกอน แล้วก็ลูกค้าทุกคนที่แวะมาเยี่ยมชมร้าน
"อย่ามัวแต่เหม่อสิ"
ความหนักอึ้งหายไปจากมือ
โซตะที่เดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เอากล่องที่โคฮารุถืออยู่ไปแบกเองซะแล้ว
"อ้าว? มีอะไรเหรอ?"
"ของชั้นเอาไปเรียงขึ้นชั้นหมดแล้วน่ะ"
"ขอบใจนะ----โซตะ"
"เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วไม่ใช่รึไง"
"อื้ม แต่ก็ ขอบใจนะ"
"......อืม"
ทั้งสองคนคุยกันไป ขณะทยอยเติมสินค้าเข้าชั้นวาง ที่วันนี้ก็ยังคงเป็นมันจูจานบินสินค้าขายดี
เป็นฉากหนึ่งในชีวิตประจำวันยามสาย
ต่อหน้าทั้งคู่ที่กำลังจัดของอยู่หน้าชั้นวางนั้น โนโนกะที่แจ้นกลับมาก็พนมมือขอโทษเป็นการใหญ่
"ขอโทษนะ โคฮารุ โนเอลกินมันจูของชิมไปจะหมดแล้วล่ะ......"
"ไม่เป็นไรหรอก เห็นโนเอลจังชอบ ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ"
"ข้างในก็เป็นออนเซ็นมันจูอยู่ดีน่ะนะ"
"แล้วโนเอลจังล่ะ?"
"เล่นกับคิริกอนอยู่ข้างนอกน่ะ"
โคฮารุเมินคำพูดโซตะแล้วมองไปนอกร้าน
จากตรงที่ยืนนั้นมองไม่เห็นคิริกอน แต่ยังพอเห็นเงาที่น่าจะเป็นโนเอลกระโดดโลดเต้น หมุนตัวไปมา อยู่แวบๆจากบนส่วนบานกระจกของประตู
ถึงจะเห็นไม่ชัดนักว่าทำอะไรอยู่ แต่ท่าทางดูสนุกสนานทีเดียว
"อ๊ะ จริงสิ อันนี้สินะ----"
โนโนกะหยิบกล่องมันจูจานบินที่เรียงอยู่ขึ้นมา
"วันนี้จะมาซื้อเจ้านี่แหละ ดูท่าคุณพ่อแกจะติดใจจากตอนที่ซื้อไปให้เป็นของฝากจากออนเซ็นน่ะ"
"ดีจัง รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะเอาไปห่อกระดาษให้"
โคฮารุยิ้มให้ลูกค้า ไม่สิ เพื่อนต่างหาก
ข้ามไปที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์ โคฮารุยื่นกล่องมันจูจานบินในถุงหูหิ้วให้โนโนกะ
ขณะที่โนโนกะรับเอาไว้
"แล้วก็ เรื่องพรุ่งนี้ ตกลงว่ายังไงดี......"
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์
ไม่ใช่แค่วันหยุดธรรมดาทั่วไป เพราะสำหรับโนโนกะแล้ว มันเป็นวันที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความทรงจำที่หลบเลี่ยงมานาน
"ไม่เป็นไรหรอก ทางฉันกับยูซึกิก็แค่ตามโนโนกะไปด้วยเฉยๆเอง"
"......ขอบใจนะ ถ้าฉันไปเองคนเดียว สงสัยคงได้หนีกลับมากลางทางแน่เลย......"
"โนโนกะน่ะ ไม่ทำแบบนั้นหรอก"
"............"
พอรับถุงใส่มันจูจานบินมา โนโนกะก็ดูท่าทางมั่นใจขึ้น
"ขอบคุณมาก แล้วเจอกันนะ!"
"----อื้ม พรุ่งนี้เจอกัน"
รอยยิ้มจากใจของโคฮารุนั้น ดูจะช่วยให้รอยยิ้มของโนโนกะกลับคืนมาได้บ้าง แล้วเด็กสาวก็เดินออกไป
พอโคฮารุเห็นว่าโนโนกะดูผ่อนคลายลงบ้างแล้ว----
"ยินดีต้อนรับค่ะ ทางนี้เป็นสินค้าแนะนำนะคะ"
ก็กลับไปเรียกนักท่องเที่ยวที่กำลังสนอกสนใจหยิบสินค้าขึ้นมาดูต่อ
>>660
ทันใดนั้นเอง
ที่ด้านนอกร้าน คิริกอนก็กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าไม่รู้จะทำยังไงอยู่
ส่วนเด็กสาวที่กำลังคิดอะไรไม่ออกพอกันก็อยู่ข้างๆ พูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
"----เป็นยังไงบ้าง โนเอล?"
โนโนกะที่เห็นสภาพนั้น ทักด้วยความสงสัย
"ก็ปากคุณสัตว์ประหลาดน่ะใหญ่มากเลย"
"ใหญ่มากแล้ว?"
"......ก็เลยคิดว่าจะลอดผ่านไปได้เปล่า"
ผลก็คือ ผ่านมาได้แค่แขนข้างนึงกับหัวโนเอล จะมุดต่อก็ไม่ได้ จะถอยกลับก็ไม่ออก
ไม่รู้จะทำยังไงต่อก็เลยห้อยแกร่วอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนโนโนกะมาเห็นเข้า
ช่างสร้างปัญหาได้ไม่หยุดหย่อนซะจริง โนเอลกับคิริกอน
"เดี๋ยวฉันช่วยเอง รอก่อนนะ"
โนโนกะที่อ้อมไปด้านหลัง ประคองร่างเล็กๆ ของโนเอลเอาไว้เหมือนกอด แล้วออกแรงดึง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาได้เลย
ก็เลยต้องออกแรงเยอะขึ้น
"งือออ......"
โนเอลทำเสียงเหมือนจะร้องไห้
"ขอโทษนะ! เจ็บรึเปล่า?"
"อื้ม เปล่า แต่ถ้าติดอยู่อย่างนี้สงสัยคุณสัตว์ประหลาดคงไม่ได้กินอะไรแน่เลย......"
แต่ถ้าอยู่ในสภาพที่เหมือนกับกินโนเอลเข้าไปอยู่อย่างนี้ ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
"เดี๋ยวจะลองดึงให้แรงกว่าเดิมดู ถ้าเจ็บบอกนะ"
"อื้ม......"
พอใช้แรงมากกว่าเดิมอีกหนึ่งขั้น คราวนี้ไม่ใช่แค่โนเอล คิริกอนทั้งตัวก็โดนดึงตามมาด้วย
คราวนี้โนโนกะใช้แขนข้างหนึ่งคว้าแขนซ้ายคิริกอนเอาไว้ แล้วพยายามดึงตัวโนเอลออกมา
"อีกนิดเดียว!"
"อื้ออ-"
"อ๊ะ!"
แรงต้านที่แขนโนโนกะหายไปแล้ว ส่วนโนเอลก็หลุดออกมาจนได้ พอมองจากตรงนี้ก็ยังเห็นจานบินอยู่ไกลๆ ผ่านทางปากที่อ้ากว้างของคิริกอนอยู่
"ค่อยยังชั่ว...... ไม่เป็นอะไรนะ โนเอล?"
"โนเอลสบายดีแล้ว คุณสัตว์ประหลาดล่ะ?"
โนโนกะหันไปมองคิริกอนที่ไม่ตอบอะไรต่อ ดูท่าจะไม่มีอะไรเสียหาย
"ก็สบายดี ล่ะมั้ง?"
"เย้!"
ราวกับจะชวนโนเอลที่ออกอาการโล่งใจอยู่
"นี่ก็จวนจะเที่ยงแล้ว จะทำอะไรให้กินนะ พอเสร็จแล้วเราค่อยมากินนี่กัน"
แล้วโนโนกะก็เปิดถุงมันจูจานบินที่เพิ่งซื้อมาให้ดู
"หวาว เยอะแบบนี้ ได้กินกันอิ่มแปล้แน่ๆ เลย"
โนเอลตาเป็นประกาย
"จะกินให้เต็มที่ไปเลยก็ได้ แต่ต้องเหลือไว้ให้คุุณพ่อด้วยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าร้องไห้แย่"
โนโนกะกุมมือโนเอลไว้ เหมือนจะย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"อื้ม! ไว้ใจโนเอลได้เลย!"
โนเอลกุมมือโนโนกะกลับ ส่วนคำมั่นที่ฝากไว้นั้นจะหมายถึงอะไรก็ไม่ทราบได้
คิริกอนที่สีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป ยังคงยืนรับไอแดดยามดวงอาทิตย์ขึ้นสูง ตรงที่ที่โนโนกะจูงมือโนเอลกลับบ้าน
จากเงาของคิริกอนที่ทอดยาวลงบนพื้น ยังมองเห็นส่วนแขนซ้ายเอนอยู่เล็กน้อย
>>661
ผ่านช่วงกลางวัน ตะวันเริ่มคล้อยบ่าย
รถทัวร์ที่จองไว้เมื่อเที่ยง ออกจากลานจอดรถไปหมดแล้ว ในร้านชิอิฮาระ ก็กลับมาเงียบสงบเหมือนช่วงเช้าอีกครั้ง
แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะเดี๋ยวพอช่วงค่ำ พวกนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมในคิริยะโกะก็จะมากันอีกระลอก
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งโคฮารุและโซตะ ก็ยังใช้เวลานี้ พักเหนื่อยอยู่ในร้านที่ว่างเว้นจากลูกค้า
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
"ให้ตายสิ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนกันมั่งเลยย !"
เสียงบ่นไม่สบอารมณ์ ดังขึ้นพร้อมเสียงกระแทกของก้นขวดน้ำผลไม้พลาสติกที่ซัดไปรวดเดียวหมดเกลี้ยงกับเคาท์เตอร์แคชเชียร์
"นี่เธอ อย่ามาดื่มในนี้สิ"
โซตะที่ยืนเฝ้าเคาท์เตอร์อยู่ เตือนยูซึกิที่ยึดเก้าอี้จากโกดังมานั่งเอาเองตามใจชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ลูกค้าก็ไม่เห็นมีสักคน อีกอย่างน้ำนี่ก็ซื้อมาเองด้วย"
น้ำผลไม้ยังติดอยู่ที่ปากยูซึกิ
"แล้วยูซึกิ เป็นอะไรมาเหรอ?"
โคฮารุที่กำลังใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดร้านอยู่ ดึงความสนใจจากยูซึกิ
"ใช่ๆ ! โคฮารุฟังนะ! เมื่อกี้ฉันเจอชิโอเนะด้วยล่ะ! แล้วพอชวนว่า พรุ่งนี้จะไปด้วยกันรึเปล่า? ก็บอกว่ามีธุระแล้วด้วยนะ!"
"มีธุระที่อื่นแล้วก็ช่วยไม่ได้นี่นะ"
โคฮารุที่เดินมาถึงข้างๆ ยูซึกิ ค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดตรงเคาท์เตอร์ที่วางสินค้าตอนคิดเงิน
"ไม่ใช่อย่างนั้นสิ ก็ถ้าชิโอเนะพูดแบบนั้น ก็แปลว่าที่จริงแล้วอยากไปด้วยไม่ใช่รึไง...... แบบเมื่อก่อนน่ะ!"
"นั่นสินะ"
โคฮารุพึมพำ ด้านโซตะเองก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าเบาๆ
"ฉันน่ะ พอเห็นสภาพโนโนกะกับชิโอเนะตอนนี้แล้วก็ปวดใจเหมือนกัน แต่ว่า ยูซึกิไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ มันต้องไม่เป็นไรแน่ๆ"
"อื้อ นั่นสิ ว่าแต่ทำไมโคฮารุถึงคิดว่าไม่เป็นไรกันล่ะ?"
ยูซึกิที่นอนฟุบหน้าแนบเคาท์เตอร์ มองโคฮารุด้วยมุมตะแคง
"ก็ บอกไม่ถูกเหมือนกัน"
เหตุผลจริงๆ นั้นเป็นอีกอย่าง แต่หาคำพูดเหมาะๆ ไม่ได้
"เอ๋- แค่นั้นน่ะนะ?"
โคฮารุไม่ได้พูดอะไรกับยูซึกิที่ดูจะไม่ปลื้มในคำตอบนั้น แต่กลับมองไปทางอื่นด้วยท่าทางสุขใจ
สักวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างโนโนกะและชิโอเนะต้องดีขึ้นแน่---- เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้โคฮารุเชื่อมั่นอย่างนั้นก็คือ ยูซึกิกับโซตะ
สองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ สองคนที่เธอเฝ้ามองมาตลอดนี่แหละ
"นี่เธอ มาทำอะไรกันแน่เนี่ย"
"ฉันเหรอ ก็มาหาโคฮารุน่ะสิ โซตะนั่นแหละมาทำอะไร?"
"ชั้นก็มาช่วยงานที่ร้านอยู่นี่ไง"
"ไหนว่าต้องเตรียมตัวเรื่องไปเรียนต่อ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ!"
"......อุ"
"เอะ นี่ยังไม่ได้บอกเหรอ?"
"เงียบไปเหอะน่า! พอมีปัญหาเดี๋ยวก็โดนกันทั้งคู่นั่นแหละ!"
"จ้าๆ"
โซตะชักสีหน้าไม่พอใจใส่ยูซึกิที่แกว่งมือใส่เหมือนล้อเลียน แต่ไม่ได้หนักหนาอย่างที่พูดออกไป อยู่ในระดับที่รู้สึกได้นิดหน่อยเวลาที่มองเท่านั้นเอง
พอได้เฝ้ามองสองคนนี้อย่างมีความสุข ก็ทำให้โคฮารุนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ช่วยกันทำคิริกอนกันสามคนขึ้นมา
เหตุผลอันดับแรกที่ทำให้โคฮารุเชื่อมั่นอย่างนั้น ก็คือความทรงจำสักอย่างที่โนโนกะกับชิโอเนะมีร่วมกันจะช่วยผูกสัมพันธ์ของพวกเธอเอาไว้
เหมือนกับที่คิริกอนช่วยเป็นสื่อกลางให้พวกโคฮารุนั่นเอง
โคฮารุเชื่ออย่างนั้น
>>662
"เอาล่ะ ได้เวลากลับแล้วสินะ"
ยูซึกิที่ลุกจากเก้าอี้ พูดขึ้นมา
"จะกลับแล้วเหรอ?"
"อืม ไม่มีอะไรแล้ว ไม่อยู่กวนแล้วล่ะ"
โซตะมองยูซึกิแล้วพูดขึ้นมาบ้าง
"ถ้างั้น----"
โซตะกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็โดนขัดซะก่อน
"จะบอกว่าก็ไม่ต้องมาแต่แรกงั้นสินะ?"
"......ก็ไม่นี่ ยูซึกิอยากทำอะไรก็ทำไปสิ"
โซตะที่แอบคิดในใจว่าเถียงไปก็เท่านั้น หันไปทางอื่นอีกรอบ
"ยูซึกิ พรุ่งนี้เจอกันนะ"
"อื้ม"
ยูซึกิเองก็รู้ดี ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ ถึงได้ชวนชิโอเนะไปด้วย
ลูกค้านักท่องเที่ยวพ่อลูกเดินเข้ามาในร้าน ราวกับจะสวนทางกับยูซึกิที่เดินออกไปพอดี
"อ๊ะ---- ยินดีต้อนรับค่ะ"
เสียงเชิญชวนด้วยรอยยิ้มของโคฮารุที่พร้อมรับลูกค้าอยู่เสมอ ดังอยู่ในร้าน
ในเวลาเดียวกัน
ยูซึกิที่ออกมานอกร้านแล้ว สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เข้า เลยหยุดดู
เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้คิริกอน
"----แปลกจัง?"
พอดูตรงหน้าเสร็จแล้วก็อ้อมไปเพ่งด้านข้างต่ออีกรอบ
"เหมือนจะงออยู่หน่อยๆ เลยแฮะ......"
ส่วนแขนซ้ายของคิริกอน ดูเหมือนจะงออยู่เล็กน้อย ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
พอชะเง้อดูข้างในร้าน ทั้งโคฮารุทั้งโซตะก็ติดลูกค้ากันอยู่ทั้งคู่อีก
"เอาสักหน่อยก็แล้วกัน"
ยูซึกิจับแขนซ้ายคิริกอนดันสวนกลับไปอีกทางกับที่งอ
"ฮึบ!"
ยูซึกิที่ใส่แรงไปทั้งตัว พอรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงกร๊อบที่ไม่พึงประสงค์แว่วๆ ก็รีบปล่อยมือทันที
"ป-ประมาณนี้ก็คงพอล่ะนะ......"
ลองเช็คดูอีกที แขนคิริกอนที่งออยู่ ก็ดูเหมือนจะกลับมาตรงเหมือนเดิมแล้ว
"......อ-อื้ม เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่มีปัญหา"
หลังจากที่กระซิบกระซาบกับตัวเองซะเบาจนไม่รู้จะเบาไปทำไมแล้ว ยูซึกิก็ถอนตัวออกจากพื้นที่ไปราวกับจะหนีคดี
>>663
เมื่อดวงอาทิตย์ไร้เมฆบดบังที่ฉายแสงอยู่เหนือทะเลสาบและตัวเมืองอยู่ตลอดวันลับฟ้าไป อีกหลายชั่วโมงให้หลัง
หนึ่งวันของร้านชิอิฮาระ ที่ยุ่งกว่าที่เคยนิดๆ คึกคักกว่าที่เคยหน่อยๆ ก็ได้เวลาปิดทำการ
"ท่าทางวันนี้จะจบลงด้วยดีเนอะ ขอบใจนะโซตะ อุตส่าห์อยู่ช่วยจนค่ำมืดเลย"
ในร้านไม่มีลูกค้าเหลือให้เห็น ตรงลานจอดก็ไม่มีรถจอดอยู่แล้ว โคฮารุที่ออกไปเช็คนอกร้านเอง บอกกับโซตะที่กำลังเตรียมจะกลับ
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ----อีกอย่างนึง ที่อยู่ช่วยแบบนี้ได้ก็ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วด้วย"
"......นั่นสินะ"
เสียงรำพึงเบาๆจากโคฮารุที่ยืนอยู่นอกร้าน พอสัมผัสกับอากาศภายนอกที่หนาวเย็น ก็กลายเป็นสีขาว
"จนกว่าจะถึงตอนนั้น อะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วยน่ะนะ"
"จะดีเหรอ?"
"จะดีหรือไม่ดียังไง พรุ่งนี้ก็ต้องขอแรงช่วยอยู่แล้วนี่?"
โซตะที่เดินออกมานอกร้าน หยอดเบาๆไปหนึ่งที
"นั่นก็ใช่อยู่หรอก"
โคฮารุหัวเราะเบาๆ
"ถ้างั้น ขอตัวกลับก่อนล่ะ ที่เหลือจัดการเองได้นะ"
โซตะปลดโซ่จักรยานที่ขี่มา
"โซตะ"
"หือ?"
"หรือว่า โซตะจะ----"
"อะไรอีกล่ะ......"
"เล็งตำแหน่งสาวเฝ้าร้านอยู่?"
"เล็งอะไรกันเล่า! ชั้นเนี่ยนะจะเล็งตำแหน่งสาวเฝ้าร้าน ฟังยังไงก็พิลึกชัดๆ!"
"นั่นสิ ถ้างั้น ฉันก็คงครองตำแหน่งต่อไปอีกสักพักล่ะนะ"
ระหว่างที่เดินไปคุยไป โคฮารุที่ออกมาส่งโซตะที่เข็นรถจักรยานมาด้วย ก็มาถึงหน้าถนนใหญ่
"ไปก่อนนะ"
"แล้วเจอกัน"
โคฮารุโบกมือให้โซตะที่ยกมือขึ้นบอกลา
แล้วคอยมองส่งจนกระทั่งจักรยานของโซตะลับตาไปบนถนนยามพลบค่ำ
"----ต้องรีบปิดร้านแล้วสิ"
พอมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามกลางคืนที่หนาวเย็นลงจนตรงกันข้ามกับเมื่อตอนกลางวัน โคฮารุก็เดินกลับเข้าร้านอีกครั้ง
แต่พอจะกลับเข้าร้าน ก็ต้องประหลาดใจ
"......อ้าว?"
ตรงหน้าคิริกอน มีใครสักคนยืนอยู่
หลังจากที่ยืนจ้องดูคิริกอนอยู่พักหนึ่ง เจ้าตัวก็เอียงคอ เอามือข้างหนึ่งแตะตรงแขนซ้ายของคิริกอนค้างเอาไว้
แล้วจึงค่อยๆ หยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาถ่ายภาพ
โคฮารุ พอเห็นหลังอีกฝ่าย ก็จำได้ว่าใคร
"ชิโอเนะ?"
คนที่ถูกเรียกชื่อ แล้วหันกลับมาพร้อมกล้องในมือ คือโทกาวะ ชิโอเนะ
"ใช่จริงๆด้วย ชิโอเนะไม่มาที่ร้านซะนานเลย"
"ก็ไม่มีธุระอะไรให้มานี่"
"เข้ามาข้างในก่อนมั้ย? ชาอุ่นๆ กับมันจูหวานๆยังพอมีอยู่นะ"
"............หวาน?"
ท่าทีชิโอเนะ ดูจะลังเลอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะตอบ
"ต้องกลับแล้วน่ะ"
"......เหรอ เสียดายจัง ฉันน่ะ อยากให้ชิโอเนะมาอีกนะ ก็วันนี้น่ะ เพื่อนๆ ที่เป็นสมาชิกหอดูดาวที่ชิโอเนะอยู่ด้วย บังเอิญมาเยี่ยมที่ร้านกันครบเลย"
"ฉันไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย"
"ไว้มารวมตัวกันอีกดีไหม? ชิโอเนะด้วย ฉันจะรอนะ"
"เลิกพูดอะไรบ้าๆ สักที ฉันกลับล่ะ ที่มายืนอยู่ก็แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ"
ชิโอเนะที่หันหลังให้ หันมองคิริกอนอีกครั้ง
"นี่ โคฮารุ คิริกอนนี่มันมีอะไรแปลกๆ ไปรึเปล่า......"
สายตาของชิโอเนะ จับอยู่ตรงแขนซ้ายของคิริกอน
"มีอะไรเหรอ?"
"อืม ไม่มีอะไรหรอก สงสัยจะคิดไปเอง"
ชิโอเนะที่เดินจากไป มุ่งตรงไปยังป้ายรถ ไม่หยุดรอที่ไหนอีก
ระหว่างที่เดิน ก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ
"----คงไม่ได้งอ อยู่หรอกมั้ง"
>>664
เช้าวันนั้นสำหรับเขา----หรืออาจจะเป็นเธอ ก็ยังเป็นยามเช้าที่ปกติธรรมดาเหมือนเช่นเคย
จะยกเว้นก็แต่อากาศที่หนาวเย็นลงยิ่งกว่าเมื่อวาน และความรู้สึกไม่ค่อยดีที่แขนซ้าย
"คุณสัตว์ประหลาด! อรุณสวัสดิ์!"
วันนี้ คนที่โผล่มาก่อนใครๆ เบื้องหน้าตัวเขาที่โคฮารุยกออกมาตั้งข้างนอกเป็นประจำทุกเช้า ก็คือโนเอล
โนเอล เริ่มคุยกับเขา----คิริกอน
"เมื่อวาน โนเอลคิดอยู่ตั้งนานแน่ะ! คุณสัตว์ประหลาดน่ะ ปากกว้างอยู่แล้ว แต่จริงๆ ต้องอ้าปากได้กว้างกว่านี้อีกแน่เลยใช่มั้ยล่ะ! เพราะงั้น!"
ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า
หลังจากที่โคฮารุที่แต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก บอกแม่ว่า "ไปก่อนนะคะ" เธอก็เดินออกมาจากร้าน
วันนี้ สำหรับเพื่อนคนสำคัญของเธอ คงเป็นวันที่หนักหนามาก
เธออยากจะเป็นกำลังให้เพื่อนคนนั้น แม้สักนิดก็ยังดี
ด้วยสิ่งที่เธอพอจะทำได้
เพื่อตอบแทนรอยยิ้มที่เธอเคยได้รับมา เมื่อสมัยยังเด็ก
"แฮ่-!"
คำที่ไม่คุ้นเคย ลอยมากระทบหูของโคฮารุที่เดินออกมาข้างนอก----
แล้ววันใหม่อีกวัน ก็เริ่มต้นขึ้น
จบบทนี้คือ ช่วงก่อนop ของตอน7 พอดีเป๊ะ
http://imgur.com/ns8v67i
ครบรอบ 1 ปีที่ฉาย มีจัดโปรโมชั่นแจกแผ่นอิลลัสเซ็ท ลายเส้นอาคิยะยูคิเอะ 1ใบ ทุก2000เยน มี6แบบ...
เงื่อนไขนี้เฉพาะที่โทยะ สำหรับอินฟินิทช็อป จะเริ่มเดือนหน้า แต่ก็คงเริ่มที่5000เยนสุ่มแจกใบนึงอีกแหงๆ
http://imgur.com/gfLyHqT
http://imgur.com/TF60cht
โดจินของ 0.3hz ที่ขายในงานc88 เมื่อวานครับ เป็นงานสตาฟค่าย3Hzมารวมกันออกโดจินอิลลัสในธีมชุดเครื่องแบบ
เห็นคุยกันเยอะแบบนี้ทั้งที่จบไปนานแล้วชักอยากหามาดูบ้างแล้วสิ
ไม่เยอะหรอก น่าจะสองสามคน
วันนี้ 19 สิงหาคม ของปีที่แล้ว เป็นวันสุดท้ายของปิดเทอมฤดูร้อนในฮอกไกโด ซึ่งไวกว่าในภูมิภาคอื่นหนึ่งสัปดาห์ และยังเป็นวันที่โนโนกะกลับมาที่คิริยะโกะอีกครั้งหลังจากที่จากมา 7 ปี
ด้วยเหตุนี้ เลยมีสกู๊ปพิเศษสำหรับกระทู้นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ1ปีครับ
เริ่มจาก เมื่อวาน ช่วงเก็บภาพโซนซัปโปโร หรือเมืองโฮคุบิ ที่พวกโนโนกะนั่งรถไปเรียนกันก่อน
แต่เอาเข้าจริง มาถึงซัปโปโรปุ๊ป จุดหมายแรกที่ไปคือ สุสานที่พวกโนโนกะ ยูซึกิ และโคฮารุไปกันในตอน 7 ครับ
http://imgur.com/f4mxzSN
ทำไมถึงไปก่อน ก็เพราะว่ามันอยู่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโรแบบต้องนั่งรถสุดสาย แต่กลับมีรถตรงจากสนามบินชินจิโตเสะครับ นี่เลย โฮคุโตะคทสึ เลน21 ไปสถานีมาโกะมะไน 1030 เยน รถออกทุกครึ่งชั่วโมงอีกตะหาก ขึ้นรถไปลงสถานีปุ๊ป ก็ต่อรถจูโอบัส106 ใกล้ๆกันไปลงทาคิโนะเรย์เอ็น
มันไม่ถึงกับสุดสาย แต่นั่งๆ ไป คนอื่นลงกันหมด เหลือสองต่อสองกับคนขับ มีประกาศบอกป้ายต่อไปเป็นระยะๆ พอได้ยินทาคิโนะเรย์เอ็นก็กดปุ่มลงเลย
http://imgur.com/Dq6c6a4
ตอนวางแผนแรกๆ คิดว่าจะอยู่ไกลกันพอควร แต่ไปๆมาๆ ก็เก็บครบทุกจุดได้ในรัศมี 500 เมตร รอบประตูทางเข้า
จะขาดก็แต่พระพุทธรูปกับสโตนเฮนจ์ที่ปิดซ่อมอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าง่าย เพราะฝนตกลมแรงตลอดครับ วางร่มก็ไม่ได้ โหดหน่อยก็ต้องยอมพับร่มแล้วตากฝนถ่ายเอา ไม่งั้นเสียเวลามาก กว่าจะได้แต่ละรูป ถ่ายไม่ทันมาตกรถกลับซัปโปโรเอาแถวนี้จะขำไม่ออก
http://imgur.com/1ExkZ5H
http://imgur.com/F3SwBIc
ถ่ายเสร็จไม่นาน รถขากลับก็มาถึงหน้าป้ายสุสานครับ จากนี้ไปก็ได้เวลาเก็บจุดต่างๆในซัปโปโร เริ่มจากที่ใกล้ที่พักสุดก่อนเลย
แมนชั่นของชิโอเนะครับ ในซัปโปโร มีตึกหน้าตาแบบนี้อยู่สามตึก จากที่แฟนๆ หากันมา แต่ดูมุมสายไฟกับสิ่งก่อสร้างรอบๆแล้ว ที่โผล่ในอนิเมก็น่าจะเป็นตึกนี้ล่ะ
http://imgur.com/kfCEzSN
สาธุล่วงหน้า ยังไงกูก็คงไม่ได้ไป
ต่อไปเป็นสวนโอโดริ ซึ่งเป็นอะไรที่หาง่ายมากครับ เพราะมีหอทีวีซัปโปโรเด่นเป็นสง่า ถ้าอยู่เส้นเดียวกัน ยังไงก็เจอ
ไล่ไปทีละอย่างเริ่มจาก
น้ำตกจำลอง ที่นั่งประจำของชิโอเนะ อยู่ถัดจากบล็อกหอทีวีเลย วันที่ไปนี่ นอกจากฝนตกยังไม่พอ ยังมีพวกซุ้มงานเทศกาลฤดูร้อนซัปโปโรที่เพิ่งจบไป ตั้งบังนู่นนั่นนี่อีก บังอะไรไม่ว่า ดันบังน้ำตกชิโอเนะ
http://imgur.com/1pnTbTM
ในรูปนี่ฝนไม่ตกเพราะเพิ่งถ่ายเมื่อเช้าครับ มุมนี้เป็นมุมบนปกแผ่น 5
ต่อไป ถัดมาอีกบล็อคเป็นน้ำพุที่โผล่มาตอน5 ที่ยูซึกิโดนพี่หล่อเบรค
http://imgur.com/UixhnWy
อ้อโทษครับ เห็นว่าmodไปแสวงบุญ เลยนึกว่าmodไปตามรอยอนิเมเรื่องนี้พอดี
ถัดจากบล็อคนี้ไปจะเจอบล็อคปิดซ่อมที่เป็นจุดที่โนเอลล้มครับ จากจุดนี้เดินขึ้นทิศเหนือไปจะเจออากะเรนกะ อาคารที่ว่าการฮอกไกโดเก่าอายุร้อยกว่าปีสร้างเสร็จในปี1888 และเป็นที่ทำการหลักของฮอกไกโดมากว่า 80 ปี ต้นแบบโรงเรียนโฮคุบิ ของจริงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยมาก มีทัวร์จีน เกาหลี ลงเป็นระยะๆ เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
http://imgur.com/4yGQpe4
http://imgur.com/4unI9Jo
อากะเรนกะนี่ถ่ายมาเยอะ ไว้กลับไทยจะลงเพิ่มแล้วกันครับ ดูท่าจะไม่มีwifiใช้จนกว่าจะกลับ
อย่างม็อดคนนั้น คอมิเกะคงเป็นเรื่องธรรมดาจนเรียกแสวงบุญไม่ได้แล้วมั้ง
ต่อจากอากะเรนกะ ขึ้นเหนือไปอีก จะเจอสถานีซัปโปโรครับ ฝั่งตะวันออกจะเป็นบัสเทอร์มินอลที่ยูซึกิโชว์ตกรถให้ดูตั้งแต่ตอนแรก ถ้าจะไปโทยะต้องจองที่นี่ครับ มีรถบัสไปเจ้าเดียว เป็นlocalของที่นี่ ชื่อว่าโดนันบัส คันสีเขียวที่มีตัวอักษรDNในอนิเมนั่นแหละ
http://imgur.com/tF3stoc
http://imgur.com/PFYjZ04
แบตจะหมด เดี๋ยวมาต่อครับ คืนนี้จะลงให้จบโทยะวันที่1
พอได้ตั๋วพรุ่งนี้แล้ว ก็ได้เวลาออกหาอะไรกินครับ ย่านซุซุคิโนะที่เป็นแหล่งรวมร้านดังของซัปโปโร ก็มีจุดให้แวะอีกสองจุด คือโตคิวแฮนส์ซัปโปโรที่พวกยูซึกิมาซื้อของเตรียมงานโรงเรียนกัน กับอีกจุดที่น่าจะนึกไม่ถึงกันคือภาพมุมสูงของเมืองโฮคุบิที่โผล่มาบ่อยๆในเรื่อง มันคือภาพที่มองจากจุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์Norbeza ที่อยู่บนชั้น7 ตึกNorbeza ครับ ค่าขึ้นคนละ600 เยน หยอดเหรียญซื้อตั๋วแล้วก็ยื่นให้พนักงานได้เลย
http://imgur.com/rhn3nXJ
http://imgur.com/q05EdCo
http://imgur.com/TZ8EVf8
วันฝนตกนี่ในซัปโปโรคงมีจุดเดียวที่ตรงกับในเรื่องคือใต้หอทีวี
http://imgur.com/Sp00zy9
หมดซัปโปโร ขึ้นพาร์ทโทยะ
เมื่อเช้าพอเช็คเอาท์แล้วเดินผ่านสวนโอโดริในวันอากาศดี ก็เจอนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเพียบ จุดคลาสสิคหน้าน้ำพุนี่คนรอกันเป็นแถว ไอ้ที่ไปตากฝนถ่ายนี่ก็ได้อย่างเสียอย่างเหมือนกัน
ช่วงนั่งรถออกจากซัปโปโรนี่ก็นึกถึงไซด์สตอรี่ตอนที่ยูซึกินั่งรถกลับคิริยะ ที่ว่าอยู่ๆ ตึกที่ขึ้นเลียบสองฝั่งถนนก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นทุ่งนาป่าเขา แต่ของจริงต้องแถมว่าสัญญาณหายด้วย จากซัปโปโรมาโทยะนี่ผ่านทั้งอุโมงค์ สะพาน ที่เล่นสกีชื่อดัง(ในหน้าร้อน) และก็นั่งเบลอจนเลยป้าย(...)
ป้ายที่ว่าคือจุดชมวิวไซโรครับ ตอนดูในตารางรถก็เห็นแล้วล่ะว่ามันเขียนชื่อป้ายแค่คำว่าจุดชมวิว(เทนโบวได) ที่ผิดคาดคือพอผ่านป้ายก่อนหน้าปุ๊ป ก็ขึ้นเทนโบวไดตามด้วยป้ายถัดไปทันที สรุปว่ากดลงรถไม่ทัน ต้องเดินย้อนกลับไปเทนโบวไดอีกป้าย
http://imgur.com/AX7fUgq
ภาพประกอบ 'ตกรถที่โทยะ1'
ก็ต้องเดินย้อนกลับไปเทนโบวได แล้วถ่ายรูปให้จบก่อน1330ที่เป็นเวลารถเมี่ยวถัดไป
บางคนอาจสงสัย เทนโบวไดตรงนี้โผล่ในเนื้อเรื่องตอนไหน ก็ตามภาพครับ
http://imgur.com/p3Ueui1
http://imgur.com/fvPz9tW
นอกร้านของฝากคือจุดที่เดินผ่านในตอน3 ส่วนในร้านเป็นต้นแบบของร้านชิอิฮาระ
จุดชมวิวนอกร้านก็เป็นฉากหลังของโปสเตอร์โคฮารุ
ถ่ายรูปเสร็จสรรพ ดูนาฬิกา แล้ววิ่งไปที่ถนน ก็เจอรถบัสสีเขียววิ่งผ่านไป...
รอบนี้ลำบากของจริง เพราะอีกไกลมาก กว่าจะถึงโทยะ แถมเดินไม่ได้แล้วด้วย เพราะจะไม่ทันรถไปนิชิยามะ
ทางออกสุดท้าย คือโบกรถครับ...
เป็นวิธีที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้ที่นี่เลย หลังจากยืนตากลมเย็นเฉียบโบกรถอยู่สักพัก ก็มีรถจอดให้... เขาก็ถามว่าไปไหน พอตอบว่าโทยะโกะออนเซ็น แกก็โอเค ขึ้นรถได้ แถมช่วยยกกระเป๋าให้ด้วย คุยๆกันไประหว่างทาง ก็ได้รู้ว่าแกเป็นคนมุโรรัน ขับรถมาทำงานแถวนี้(ตรงนี้ฟังไม่ออกว่างานอะไร) พอแกรู้ว่าทางนี้เป็นคนไทย แกก็ทักเลย เรื่องระเบิด...
คุยกันไปมาแบบงงมั่งไม่งงมั่ง ก็มาถึงโทยะครับ ขอขอบคุณยาซาชี่โอจี้ซังจากมุโรรันด้วย ถ้าแกไม่ขับรถผ่านมา คืนนี้คงไม่ได้มานอนพิมพ์มือถืออยู่อย่างนี้
http://imgur.com/qt5BrcT
ภาพประกอบ 'ตกรถที่โทยะ2'
เข้าโทยะแล้ว จะขึ้นช่วงไต่เขาสามลูกครับ คิดๆไปขอค้างไว้ก่อน พรุ่งนี้มาต่อน่าจะดีกว่า
「ภาพถ่ายอีกใบหนึ่ง」
สายลมที่พัดโชยราวกับจะลูบไล้ผิวน้ำที่ปริ่มฝั่ง ก่อกำเนิดคลื่นน้อยๆ จำนวนมากมาย
แรงกระเพื่อมที่ไม่อาจเรียกได้ว่าคลื่นลม ที่ทำได้แค่สั่นไหวทะเลสาบเพียงน้อยนิด เรียงตัวเป็นแนวสันคลื่น เคลื่อนอยู่เหนือผืนน้ำตามอย่างที่มันควรจะเป็น
ภาพเดิมๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือทิวทัศน์ที่ โทกาวะ ชิโอเนะ คอยเฝ้ามองอยู่คนเดียวเรื่อยมา
สิ่งที่แผ่ขยายไปไกลสุดสายตาอยู่ตรงหน้า คือทะเลสาบคิริยะที่มืดมิด ที่แม้ความเคลื่อนไหวน้อยนิดบนผืนน้ำ ก็สัมผัสได้ชัดเจนเหมือนเส้นสีขาว
ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น รอบตัวก็ปกคลุมไปด้วยหมอกทึบ เป็นเพียงโลกที่มีแต่ตัวเองคอยเฝ้ามองทะเลสาบอยู่เดียวดาย
ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ จนตอนนี้ แม้แต่ตัวเองที่ยืนหรือนั่งอยู่ ก็ยังไม่เข้าใจนัก
ในห้วงเวลาที่พร่าเลือนเช่นนี้
ที่ชิโอเนะรู้ มีเพียงเรื่องเดียว
รู้เพียงแค่เรื่องที่ตัวเองในตอนนี้ กำลังหลับอยู่
หลับ และตกอยู่ในความฝัน
"----ที่นี่ อีกแล้วเหรอ"
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดที่เหมือนกับจะเช็คสถานะตัวเอง กลับกลายเป็นเสียงของเด็ก
เสียงของโทกาวะ ชิโอเนะ สมัยยังเล็ก
ชิโอเนะในความฝัน ใช้โอกาสที่ได้ยินเสียงที่น่าคิดถึงนี้ ดึงด้ายแห่งความทรงจำย้อนกลับมา ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจหรือความปรารถนาของตัวเอง แต่เป็นไปโดยอัตโนมัติ
----เจ็ดปีก่อน ชิโอเนะเคยมีเพื่อนคนสำคัญอยู่คนหนึ่ง สถานที่ที่พบกันครั้งแรกก็คือที่ตรงนี้ ม้านั่งริมทะเลสาบ
ชื่อของเพื่อนคนนั้นคือ โคมิยะ โนโนกะ
คนที่เป็นฝ่ายเรียกอีกคนก่อนในตอนนั้น ก็ไม่ใช่ตัวเองที่เป็นคนเก็บตัว แต่เป็นโนโนกะ
โนโนกะคือคนที่ชี้นำตัวเธอที่ขังตัวอยู่ในโลกแคบๆ ออกไปสู่สถานที่อันกว้างใหญ่
สถานที่ซึ่งมองเห็นแสงประกายอันงดงามของท้องฟ้า สถานที่ที่ตัวเองไม่มีทางไปถึงได้ด้วยตัวคนเดียว สถานที่ที่เรียกว่าหอดูดาว
หอดูดาว ไม่ได้มีแต่ความทรงจำที่แสนสนุกเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเรื่องที่โนโนกะดึงแขนตัวเธอไว้ เรื่องที่โนโนกะสอนให้ตัวเธอรู้จักรอยยิ้ม
----แต่แล้วทุกอย่างก็หายไป
ชิโอเนะที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียว เชื่อมั่นว่าจะได้พบกับเพื่อนคนนั้นอีกครั้ง ถึงได้นั่งเฝ้ามองทะเลสาบอยู่ที่ม้านั่งริมน้ำตลอดมา
ตั้งแต่ตอนที่จานบินปรากฏขึ้นเหนือทะเลสาบ ชิโอเนะที่ต้องย้ายจากคิริยะโกะที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กไปยังเมืองโฮคุบิ ก็ยังขึ้นรถบัสกลับมาที่ทะเลสาบแทบทุกวัน
เพราะว่าเชื่อในตัวโนโนกะ เชื่อในรอยยิ้มที่เคยสอนให้กันที่หอดูดาว
เพราะอย่างนั้น ตอนที่ทะเลาะกันเรื่องจะย้ายไปเมืองอื่นที่ไกลพอจะไม่มีหิมะ ชิโอเนะจึงสัญญากับพ่อไว้ว่าจะขออยู่ที่แมนชั่นในโฮคุบินี่ต่อไปคนเดียว จนกว่าจะเรียนจบ ม.ต้น
พ่อที่เป็นห่วงก็ได้แต่จำใจยอมรับคำขอนั้นของเธอ
และแล้ว วันนั้นก็มาถึง วันหนึ่งในฤดูร้อน
ที่ริมทะเลสาบที่เดิม ชิโอเนะก็ได้พบกับโนโนกะ จากนั้นอีกระยะหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของโนเอลและเหล่าสมาชิกหอดูดาว การพบกันอีกครั้งในความหมายที่แท้จริงถึงได้เกิดขึ้น
แม้เรื่องราวที่ผ่านมาจะเป็นแบบนั้นก็ตาม----
>>697
เส้นด้ายแห่งความทรงจำ เริ่มตามทันความเป็นจริง
"อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ต้องมามองทะเลสาบอยู่อย่างนี้แล้วแท้ๆ"
ชิโอเนะในความฝัน กระซิบกับตัวเองเบาๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เสียงของเด็กแล้ว
กลับไปเป็นชิโอเนะคนปัจจุบัน แต่ทว่าสีหน้านั้นย้อนกลับไปเป็นคนที่ยิ้มไม่เก่ง ในช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบกับโนโนกะ
ผืนน้ำอันมืดมิด ที่แผ่ขยายไปสุดสายตาชิโอเนะ กระเพื่อมเป็นคลื่นเล็กคลื่นน้อยต่อเนื่องเป็นจังหวะ ราวกับเสียงของหัวใจ
สิ่งต่อมาที่ผุดขึ้นมาในใจของชิโอเนะที่เฝ้ามองทะเลสาบอยู่ ก็คือความรู้สึกไม่สบายใจที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน
ผิวน้ำเหนือทะเลสาบกระเพื่อมราวกับจะแสดงให้เห็น ถึงความกระวนกระวายที่ไม่เคยรู้จัก ซึ่งก่อตัวขึ้นภายในใจของชิโอเนะ
ทั้งที่เธอไม่ควรจะมาเสียใจทีหลังกับสิ่งที่ทำไป
มันเป็นทางออกสุดท้ายของสิ่งที่เธอครุ่นคิดคนเดียวมานาน
เพราะเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ชิโอเนะจึงได้บอกเรื่องของโนเอลกับสมาชิกหอดูดาวทั้งสาม ยูซึกิ โคฮารุ และโซตะ
หลังจากบอกไปแล้ว เธอถึงได้พูดคำนั้นออกมาให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินอย่างไม่ลังเล
"----เพราะงั้น อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย"
ชิโอเนะในความฝัน กระซิบคำพูดเดียวกันนั้นกับตัวเองอีกครั้ง
คิดทบทวนดูแล้ว สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแน่ๆ
เพราะอย่างนั้น ต่อให้เป็นระลอกคลื่นแห่งความไม่สบายใจที่เก็บไว้ไม่อยู่ ก็ต้องหายไปจนหมดสิ
เธอเค้นเสียงออกมาราวกับจะอ้อนวอน
"......อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ......ขอร้องล่ะ!"
ถึงกระนั้น ระลอกคลื่นบนผิวทะเลสาบที่ควรจะหายไป ก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้น
คลื่นต่อคลื่นที่ไร้ระเบียบกระทบกันจนกลายเป็นความปั่นป่วน สะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของชิโอเนะ
"ทำไมกัน......"
แม้ว่าชิโอเนะจะหลับตาลง แต่คลื่นแห่งความกังวลนั้นก็ยังเข้ามาก่อกวนในใจของเธอ
จังหวะของหัวใจ เริ่มเร็วขึ้น
ลมหายใจขาดห้วง เหมือนหัวใจถูกบีบ
ตัวเธอไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไป
ทุกอย่างที่ทำลงไป ก็เพื่อโนเอลและทุกคน
ก็คนที่ต้องทนเจ็บปวดน่ะ มีแค่ตัวเองก็พอแล้วนี่นา
ชิโอเนะในความฝัน ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แล้วความทรงจำที่แสนโหยหา เรื่องรอยยิ้มที่โนโนกะสอนให้ ก็เวียนกลับมา
ถ้าหากว่ายังยิ้มได้แม้จะเหลือตัวคนเดียวล่ะก็ คงข้ามผ่านเวลานี้ไปได้แน่
แต่ทว่า รอยยิ้มของโนโนกะที่เคยแจ่มชัดในความทรงจำนั้น กลับพร่าเลือนเหมือนผิวน้ำที่เต็มไปด้วยคลื่นลม ไม่อาจนึกย้อนกลับมาได้เสียแล้ว
แม้จะรายล้อมด้วยความมืดมิดที่หนักอึ้ง แต่เธอก็ยังทวนคำพูดเดิมซ้ำๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ราวกับจะทิ้งมันทั้งหมดลงไปใต้ผืนน้ำ
"----ถ้ามันทำให้ทุกคนไม่ต้องทนทุกข์แล้วล่ะก็ ต่อให้ฉันต้องเหลือตัวคนเดียวก็ไม่เป็นไร----"
แบบนี้แหละดีแล้ว
ใช่ไหม---- โนเอล
ขณะที่รู้สึกได้ถึงความเศร้าหมองในดวงตาอันใสซื่อของโนเอลที่เฝ้ามองเธออยู่ในความมืดนั้น ชิโอเนะก็ตื่นขึ้นจากฝัน
http://imgur.com/8tdsQNF
อรุณสวัสดิ์จากม้านั่งชิโอเนะครับ
>>695
เข้าโทยะโกะออนเซ็นมา ก็ใกล้เวลารถไปโทยะฝั่งทะเลจะออกพอดี มาถึงก็ฝากกระเป๋าเข้าล็อคเกอร์หยอดเหรียญก่อนเลย ของที่นี่จะใหญ่กว่าไซส์ล็อคเกอร์มาตรฐานตามสถานีในเมืองอยู่เยอะ 200เยนนี่ใส่กระเป๋าเข้าไปทั้งใบได้ แถมยังเอาร่มวางเฉียงๆ ยัดเข้าไปได้อีก 300เยนนี่ก็ใหญ่กว่า500เยนในเมืองอีก
รถที่จะรอขึ้นก็คือโดนันบัสไปโทยะเอคิ ลงคิวโชคุเซนเตอร์ แล้วเดินย้อนป้ายกลับมาโลกว่าๆ จะเจอทางขึ้นนิชิยามะประตูทิศใต้ นิชิยามะซังคาคุมิจิก็คือที่โนโนกะหลงทางในตอน 3 ที่เลือกเข้าจากทิศใต้ก็เพราะมันไม่ใช่ทางเดินวน แต่จะไปโผล่อีกด้านของภูเขาเลย จุดสตาร์ททิศใต้จะเริ่มจากโรงเรียนร้าง เดินขึ้นไปตามทางจะเจอทางเดินไม้ที่กั้นเชือกไว้แบบที่ยูซึกิเดินในEDครับ
http://imgur.com/7fSvikh
http://imgur.com/GYvo0qE
จุดสูงสุดของทางเดินนี้คือยอดเขาใหม่ที่เกิดจากการระเบิดเมื่อปี2000 เดินไปออกอีกทาง ก็จะเจอทางขึ้นจุดชมวิวภูเขาไฟคงพิระ กับปากปล่อง
จุดชมวิวคงพิระ เสียค่าเข้า 1000เยนต่อกลุ่ม1-5คนครับ ไปคนเดียวก็เสียค่าเข้า1000นึง เพื่อขึ้นไปดูเมืองโทยะโกะออนเซ็นแบบในop
ส่วนทางขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟคงพิระ จะต่อกับทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ไปสุดตรงด้านหลังพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟฝั่งโทยะโกะพอดี ระหว่างทางจะเจอปล่องภูเขาไฟที่อยู่ในตอน 3 กับทางเดินที่มีดอกอาจิไซบานสองข้างทาง ที่โนโนกะวิ่งในED
http://imgur.com/8qWmGId
คำเตือน ทางขึ้นเขาปิดตอน 5โมงเย็นครับ ถ้าขึ้นไปก่อนแล้วเดินถ่ายรูปเพลินจนลงมาช้า ก็จะติดอยู่ข้างใน ถึงตอนนั้นก็ขอให้โชคดีกับการปีนรั้วครับ ที่จริงตรงทางเข้านิชิยามะทิศเหนือ จะมีรถเมล์วิ่งเข้ามาอยู่ ถ้าไม่ไหวจะขึ้นรถกลับเมืองซะตรงนั้นก็ได้
กลับมาถึงโทยะโกะออนเซ็นก็เช็คอินโรงแรมแล้วออกไปหาอะไรกินครับ
http://imgur.com/CTdns8s
ร้านต้นแบบของพี่น้องมิซึซากะ หน้าร้านก็สวย แต่งร้านด้านในก็สวย อาหารก็ไม่ใช่ย่อย ข้าวไข่เจียวแบบโนเอลราคา 1200 เยนเป็นเซ็ทซุปกับสลัด ส่วนน้ำ ถ้าสั่งกาแฟแบบชิโอเนะก็500เยน
http://imgur.com/1YV5lRx
น้ำในภาพคือจิงเจอร์เอลครับ
กูว่ากูรู้นะมึงเป็นใคร 55
BEYONDER
>>704 ร-รู้ได้ไง!
http://imgur.com/hriuqhi
โม่งมีอยู่ทุกที่ไง
ขึ้นวันที่สอง เห็นฟ้าใสตั้งแต่เช้า(ตี4) เลยออกมาเดินริมฝั่งทะเลสาบ โซนนี้เป็นอะไรที่เก็บง่ายสุดแล้ว เพราะใกล้ที่พัก แถมมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดเวลา
http://imgur.com/Ag98iyf
http://imgur.com/8tdsQNF
http://imgur.com/DwiR1th
ไล่จากทิศตะวันตกมา จะเจอประติมากรรมที่ยูซึกิกับโนโนกะมานั่งหลบโคฮารุกันตอนสอง
ม้านั่งชิโอเนะกับประติมากรรมKaze
ตรงข้ามม้านั่งก็เป็นรั้วกั้นริมฝั่งที่เจอชิโอเนะครั้งแรก
http://imgur.com/IJXeUWs
http://imgur.com/MwPSffc
ซีนโนเอลนั่งรอโนโนกะ เส้นนี้มีสองจุดครับ
ส่วนสะพานที่ยูซึกิยื่นหน้าให้ตบนี่เดินเลยลุงเป่าแซ็คไปอีก อยู่ตรงก่อนถึงโรงแรมออนเซ็นที่ไปพักกันตอน6(ของจริงปิดไปหลายปีแล้ว)
เดินจนหมดก็วนกลับโรงแรมแล้วยืมจักรยานไปลุยโซนที่ไกลแต่ยังปั่นถึงกันต่อ เช้านี้เลือกปั่นไปทางตะวันออก ทางไปโซเบ็ทสึ แต่ปั่นไปถึงแค่แยกไฟแดงที่เลี้ยวขวาเข้าโชวะชินซัง
ก่อนออกจากเมืองนี่จะเจอโรงแรมตอน6ก่อนเลยครับ ตามด้วยที่ตั้งแคมป์ที่มีประติมากรรม THE EARTH VIBRATION ถึงตรงนี้ก็เตรียมขาให้พร้อม เพราะถัดไปจะมีเนินที่เป็นต้นแบบที่ตั้งบ้านโนโนกะ Fix gearนี่ตายสนิทครับ เข็นขึ้นอย่างเดียว
http://imgur.com/5uOX2BK
http://imgur.com/hrWQAbe
หาไม่ยากเลยครับ เนินบ้านโนโนกะ พอเลี้ยวขวาขึ้นเนินมา ก็ให้ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าถนนจะตันที่จุดสูงสุด จะเจอตู้จดหมาย(?) กับบันไดที่เป็นทางเดินสำรวจธรรมชาติ นี่คือมาถูกที่แล้ว
http://imgur.com/bSdAzHV
เน้นว่าเป็นเนินบ้านโนโนกะ เพราะต้นแบบบ้านโนโนกะต้องปั่นไปทางโซเบ็ตสึต่ออีกครับ พอถึงแยกไฟแดงที่เลี้ยวขวาไปโชวะชินซัง เลี้ยวไปนิดเดียวก็จะเจอเลย อยู่ติดกับต้นแบบร้านชิอิฮาระนั่นล่ะ
http://imgur.com/VTXDYkg
http://imgur.com/3xhlVW5
ในอนิเมจะเป็นสองชั้น
ต่อไปก็ปั่นกลับไปทางโทยะโกะออนเซ็น แล้วเลยไปทางทสึกิอุระครับ เป้าหมายคือสวนอุซุซันฟุนกะที่ชิโอเนะมายืนเก๊กดูดอกไม้ไฟในตอน5 กับเกาะในOVA และทางออกอุโมงค์โทยะทิศเหนือ
http://imgur.com/Wdck8z1
http://imgur.com/yvKG4F2
วันที่ไป เหมือนตรงทางเข้าเกาะจะตั้งซุ้มอะไรอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปครับ รูปคงอยู่อีกกล้องมั้ง
หมดช่วงปั่นก็เอาจักรยานไปคืนโรงแรม แล้วไปรอรถบัสไปมิซึโนะเอคิตอน1245 ระหว่างนั้นพอมีเวลาเหลือก็เดินถ่ายรอบๆตึก แล้วก็ขึ้นไปชั้นสอง จะพบกับ
http://imgur.com/Igj3SI6
http://imgur.com/TxAnen1
ทีวีที่เปิดPVลูปเพลง North method และแสตนด์สามเวอร์ชั่นครบทุกคนยกเว้นพี่หล่อ
การเดินทางหลักๆในโทยะ ถ้าไม่เช่ารถก็ต้องใช้รถบัสครับ ตารางรถมีให้หยิบฟรีในสถานี หัดอ่านให้เข้าใจ อยากไปไหนก็ไปได้หมด แต่ต้องดูประกอบทั้งขาไปขากลับ ถ้าไปแวะนิดเดียวแต่ต้องรอรถกลับสองสามชั่วโมงก็ไม่คุ้ม
โซนมิซึโนะเอคิที่จะไป มีเวลาประมาณ 4ชั่วโมง ก่อนที่รถขากลับเที่ยวแรกจะมา
จุดหลักๆก็มีท่าน้ำในโปรโมสุดท้าย อุคิมิโดะศาลเทพทะเลสาบในโปสเตอร์ยูซึกิ กับสถานีมิซึโนะเอคิที่โผล่มาแทนสถานีในตอน6ในเวอร์BD
http://imgur.com/8dOAk36
http://imgur.com/wnfNYPS
http://imgur.com/xvuniDT
ส่วนจุดไม่หลัก จะมีประติมากรรมที่จำชื่อได้แม่นเพราะต้องเดินไปกลับ 4 โลกว่าเพื่อไปหามันในทาคาราดะแคมป์ที่อยู่ทิศเหนือของทะเลสาบ มันคือStone boy kaze ตามด้วยอู่รถที่กรุ๊ปโคฮารุเดินสวนกับโซตะตอนโอเรียนเทียริ่ง รินเซย์และรั้วริมน้ำ ฉากสุดท้ายในEDที่แพนกล้องซะสูง
http://imgur.com/c5AeL0c
http://imgur.com/GqVN4kJ
>>713 แก้ไขตรงอุคิมิโดะครับ ในภาพเป็นศาลของโชโทคุไทชิ ส่วนที่สักการะเทพทะเลสาบ เป็นอีกที่ที่อยู่กลางทะเลสาบครับ
http://imgur.com/o8HRw49
>>700 อันนี้แก้คำอ่านจาก นิชิยามะซังคาคุมิจิ เป็นนิชิยามะซังซาคุโระ
จากED อยู่ตรงหอศิลป์โทยะ ระหว่างทางเดินจากมิซึโนะเอคิไปทาคาราดะแคมป์
ตอนกลางคืน ตั้งแต่ 2045 เป็นต้นไป ปีนี้มีจุดพลุทุกคืนจนเดือน 10 ครับ
http://imgur.com/Un9wZTf
อันนี้โปสเตอร์เก่า ติดนานจนสีซีด
http://imgur.com/4O7tVCW
น้ำแอปเปิล ราคาปกติ120 ซื้อจากร้านของชำอาคาบาเนะ ส่วนอิโรฮะสีม่วงรสฮาสคัป (https://ja.m.wikipedia.org/wiki/ハスカップ) ซื้อได้ที่ตู้ราคา 130 อันนี้อร่อย หากินที่อื่นยาก แนะนำครับ
เนื่องจากเป็นคืนสุดท้ายในโทยะโกะออนเซ็น ก่อนจะไปนอนที่อื่นต่อ คืนนี้เลยมาเฝ้าดอกไม้ไฟตรงนี้ครับ ม้านั่งตัวเดิม
http://imgur.com/XQ3nJ0Y
เช้าวันศุกร์ ออกเก็บซีนสถานีรถไฟตอน 7 ที่โทโยอุระ ตามด้วยEDชิโอเนะและโคฮารุ ที่โทยะฝั่งทะเล
ตั้งต้นที่โทยะโกะออนเซ็นเหมือนเดิม นั่งรถบัสรอบเช้าไปโทยะเอคิ แล้วขึ้นรถไฟJR ไปทางฮาโกดาเตะ โทโยอุระจะอยู่ถัดไปสถานีนึง จากนั้นก็นั่งรอยาวๆ แบบในอนิเม เพราะกว่ารถขากลับจะมาก็อีกชั่วโมงกว่า สถานีถึงจะดูเก่าๆ ร้างๆ แต่มีถึง 3 ชานชาลา ในสถานีก็เป็นร้านกาแฟ จะซื้อตั๋วกลับโทยะ ให้ถามพนักงานเอา แล้วก็ ถึงจะเป็นJR แต่IC cardใช้ไม่ได้นะ...
ระหว่างนั่งว่างๆ นี่ต้องเอาตารางรถบัสออกมาดูครับ ว่ารถไฟไปถึงโทยะแล้ว จะต่อรถบัสคันไหนไปโทยะโกะออนเซ็น
เพราะพอถึงโทยะฝั่งทะเล จะมีให้เก็บอีกสองจุด จุดแรกคือEDชิโอเนะ อีกจุดคือEDโคฮารุ ซึ่งห่างกันพอควร
วิธีที่ทางนี้ใช้คือลงรถไฟที่โทยะฝั่งทะเลแล้วขึ้นสถานีชั้นสอง ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟไปออกทางออกสถานีทิศเหนือ แล้วเดินย้อนมานิดหน่อย จะได้มุมEDชิโอเนะ
http://imgur.com/fnyUwbM
จากนั้นก็เดินเลียบทางรถไฟที่ไปมุโรรัน จนถึงถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาไป ถ้ายังจำได้ มันคือนิชิยามะที่นั่งรถข้ามมาวันแรกนั่นแหละ ระหว่างทางขึ้นเขาจะมีสะพานข้ามแม่น้ำอาคางาวะ มองไปอีกฝั่งถนนก็จะเจอซีน EDโคฮารุครับ
http://imgur.com/E1HH6SE
หมดนี่ เดินขึ้นไปดักรถบัสตรงป้ายหน้าโรงเรียนม.ปลาย อาบุตะ ตามตารางก็รอไม่นาน ได้กลับโทยะโกะก่อน 11 โมงพอดี
เป้าหมายต่อไปอยู่บนนาคาจิมะ เกาะกลางทะเลสาบที่ต้องขึ้นเฟอรี่ไป เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ทัวร์จีนอย่างตรึม ตามโรงแรมจะมีบัตรลดให้ หยิบติดมาด้วยก็ดี
ถ้าได้ขึ้น espoir ลำใหญ่ที่แต่งเป็นธีมปราสาท จะเจอโปสเตอร์โปรโมทเมืองของโซระเมโสะของ 4 สาว ยกเว้นชิโอเนะ
http://imgur.com/p5bqPmC
เป้าหมายที่ว่าอยู่บนนาคาจิมะก็ศาลเจ้าในโปสเตอร์โนเอลนั่นแหละครับ
http://imgur.com/TktR2S6
เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะขึ้นรถไปโซเบ็ทสึ ระหว่างนี้ก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟ หาความรู้ไปพร้อมกับแสวงบุญ
http://imgur.com/iCCTf4I
http://imgur.com/FAEA8nC
http://imgur.com/qAV7KKj
ในนี้ก็หลายคัทอยู่นะ
หมดนี่แล้วก็ขึ้นรถไปโซเบ็ตสึ ไปจ่ายค่าบังกะโลบนเขาที่ที่ว่าการเมืองโซเบ็ตสึ ซึ่งพอไปถึงที่ พบว่าต้องไปจ่ายอีกที่ แต่คนที่ทำงานที่นั่นเขาก็ยังอาสาไปส่งให้อีกตะหาก จ่ายเสร็จก็ออกไปซื้อเสบียงแล้วเดินขึ้นเขาตรงสวนโซเบ็ทสึ ป้ายทาคิโนะอุเอะ จุดสังเกตคือน้ำตกริมถนนครับ ขึ้นไปราว 1.6 กิโลก็จะเจอ โมริโตะคิโนะซาโตะเซนเตอร์ หรือที่คุ้นกันในชื่อ เทนมงได หอดูดาวนั่นเอง
http://imgur.com/5zUD8Uh
บนเขามีบังกะโล 3 หลัง ในตึกหลักก็มีห้องพักอีก 3 ห้อง มีตู้เย็นให้ จ่ายเงินแล้วใช้ตึกได้ตามสบาย ยกเว้นหอดูดาวที่ผู้ดูแลอยู่อีกฝ่ายและไม่ว่างมาเปิดครับ ต้องโทรนัดก่อนเนิ่นๆ ใกล้วันแล้วต้องโทรอีกที วันที่ไปนี่ฟ้าปิด ไม่งั้นคงได้ขอให้เจ้าหน้าที่เขาช่วยโทรให้อีกรอบ...
ที่นี่ไม่มีคนเฝ้า เวลาจองเขาจะติดป้ายบอกว่าใครจองห้องไหนไว้ข้างหน้า พอสำรวจดูจนแน่ใจว่าคืนนี้อยู่คนเดียวก็ไม่เกรงใจล่ะครับ เดินสำรวจทุกซอกทุกมุม หามุมถ่ายรูปแบบไปนอนถ่ายบนสะพานชั้นสอง... และอื่นๆ
http://imgur.com/L6yOnLl
http://imgur.com/H2qJGhI
http://imgur.com/xk8suNj
ว่าไงดี เป็นสถานที่ที่ไปถึงแล้ว ตระหนักได้ว่าตัวเองอาการหนักมาก ไม่สิ รู้สึกได้ว่าผลงานมันมีชีวิต แม้มันจะจบไปเกือบปีแล้ว บางทีที่เอาไว้เป็นคืนสุดท้ายในทริปก็คงเพราะแบบนี้ เป็นความรู้สึกแบบดั้นด้นมานับพันกิโลเพื่อจะได้เจอ มือถือในมือนี่เปิดเพลย์ลิสต์โซระเมโสะไว้ แล้วน้ำตามันก็ซึมออกมา
ตอนพี่เจออิโนรินตัวจริง อาการพี่หนักแบบนี้เปล่าครับ
..........
เห็นภาพแล้วรู้เลยว่าใคร
>>729 น่าจะสติหลุดพอๆ กันครับ แต่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก (แต่ยังจำได้นะว่าอิโนรินออกรีแอคชั่นยังไงมั่ง) ส่วนอันนี้คือ ได้อยู่ทั้งคืนจนเช้า อยากทำอะไรก็ทำไป เสียดายอย่างเดียวคือคืนถัดมานี่หอดูดาวเปิด มีอีเวนท์รถไฟสายโฮคุโตะเซย์เที่ยวสุดท้ายมาจอดที่สถานีโทยะ แถมมีออฟไคแฟนๆ โซระเมโสะกันที่ร้านยูซึกิด้วย มากันราว 10 คนได้ แต่ถ้าอยู่ต่อคงตกเครื่อง เสียใจมาก รอบหน้าคงต้องนัดคุณผู้ดูแลหอดูดาวให้ได้ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน
ช่างเป็นการโม่งแตกที่น่าภูมิใจนัก つかめプライドー
เมื่อกี้ เห็นคนแปะ PV Dimension W แบบมีชื่อสตาฟ เลยลองไล่ชื่อดู พบว่ามีสตาฟหลักจากโซระเมโสะอยู่สามสี่คน
りぱ ไดโดกุ ไปเป็น chief animator, prop design
江畑諒真 ที่วาด ED คนเดียว ไปกำกับฉากแอ็คชั่น
加藤里恵 color design เหมือนเดิม
พอนึกสงสัยว่าที่เหลือไปไหน ก็เจอว่าไปทำคัทอินอนิเมให้เกมVita Tokyo Xanadu ที่จะออกเดือนหน้านี้แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=3QYvEADqWmQ
เข้าใจว่าใช้กระทู้เหมือนblogส่วนตัวไปแล้ว แต่อันนี้มันควรจะไปที่upcomingไม่ใช่หรอ
จริงๆมันก็คาบเกี่ยวกัน 3-4 กระทู้นะ
>>>/game/31/ PS Vita
>>>/animanga/1824/ ข่าวสารจิปาถะวงการอนิเม (ในแง่สตูดิโอ)
>>>/animanga/1517/ upcoming anime 3rd season
รวมถึงกระทู้นี้ ในฐานะที่เป็นกระทู้งานแรกของสตูดิโอ
ถ้าจะให้ยกไป upcoming ก็ quote กลับมาตรงนี้ก็ได้นี่
แต่มันไม่ควรอยู่ในกระทู้นี้ ต่อไปไม่ต้องเอา Diemention W กลับมาอีก
ไม่งั้นก็ไปโพสลงบล็อกตัวเองซะ
ที่มึงโพสไม่เกี่ยวอะไรกับโซระเมโสะเลยจ้า
>>739 อืม จริงๆ จะรอให้ตรงสุดต้องให้อนิเมฉายแล้วมีกระทู้นู่นแหละ
แต่ถึงตอนนั้น ถ้าไม่มีโม่งคนไหนสนใจเรื่องโปรดักชั่น ก็คงไม่มีใครพูดถึงสตูดิโออยู่ดี เพราะมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ตั้งตารอ Dimension W เป็นแฟนของอิวาฮาระยูจิ คนเขียนต้นฉบับ
เพราะฉะนั้นในตอนนี้ พื้นที่ที่จะพูดถึงสตูดิโอ 3Hz แล้วมีคนแคร์ ก็น่าจะมีแต่ในนี้
เหมือนยังไงก็จะเอาใส่กระทู้นี้ให้ได้แฮะ ตามใจเถอะ
ที่นี่มีกระทู้upcomingสำหรับเรื่องทียังไม่ฉาย จิปาถะสำหรับคุยเรื่องเกี่ยวกับอื่นๆ เช่นสตูดิโอ อนิเมเตอร์
ถ้าจะเอาลงกระทู้นี้เพราะมันเป็นที่ที่จะมีคนสนใจที่สุดก็ตามใจ
ที่นี่ไม่ใช่บล็อกส่วนตัว
ถ้าจะคถยเรื่องอนิเมเตอร์ก็มีกระทู้ข่าวสารวงการอนิเมที่เป็นกระทู้แม่บ้านเดิม
อย่ามาใช้บอร์ดเป็นบล็อกมึง
เหมือนจะใช้อยู่คนเดียวจนเปรียบเสมือนเป็นกระทู้ส่วนตัวจนเคยชิน
บล็อกแสวงบุญแบบละเอียด กำลังเขียนอยู่ครับ
เนื้อหา คงเริ่มตั้งแต่ช่วงวางแผนจนถึงเท้าแตะซัปโปโร ไปจนจบ 4 วันที่เหลือในโทยะ
พวกข้อมูลอื่นๆ ถ้ามีใครอยากไปเห็นถึงสถานที่จริง ก็จะสรุปมาให้
แล้วก็ ขอยืมคำพูดแฟนโซระเมโสะที่ไปโทยะทุกสัปดาห์ตั้งแต่อนิเมจบมาใช้หน่อย
' ยินดีที่ได้เป็นประโยชน์ให้คนที่รักเรื่องนี้ครับ '
เบื่อโม่งขี้อิจฉา Studio 3Hz ทำโซระเมโสะ มันจะมีพูดถึงงานอื่นบ้างมันแปลกไรวะ ทีมู้พลาเมโมโซระเมโสะแม่งไม่เกี่ยวห่าไรเลยพูดถึงอยู่ได้ทั้งมู้
ทีตอนนั้นทำไมไม่ไปด่าไปห้ามมั่ง
ปลอกหมอนแหล่มทุกรูปแต่ทำไมบาบิก้อนดันไปอยู่กับยูสึกิหว่า
อีกอย่างคือมันแปลกตรงที่มันเป็นกระทู้โซระเมโสะ ไม่ใช่กระทู้ 3Hz
พูดถึง 3Hz ในกระทู้นี้คือ off-topic?
พวกขี้อิจฉามันขี้อิจฉาจริงๆครัช
>>749 แปลกตรงไหนวะคุยถึงผลงานค่ายที่ทำเมะ และมู้นี้ก็ไม่ได้พูดถึงบ่อยส่วนใหญ่ก็เนื้อหาโซระเมโสะทั้งนั้น มันไม่แปลกหรอกว่ะที่จะมีการพูดถึงอะไรที่มันนอกเรื่องแต่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในมู้บ้าง ถ้ามึงไปคุยข้างนอกมึงก็ต้องเจอ อย่างsukiเรื่องcharlotte มันก็มีการพูดถึงผลงานมาเอดะ จุนที่ผ่านมาบ้าง และมู้อื่นในโม่งหนักกว่านี้อีก มู้8man พูดถึง W.A.2จนจะกลายเป็นมู้W.A.2กันอยู่แล้ว กูว่าถ้าพูดนอกเรื่องแค่นี้แล้วมากระแทกแดกดันกันมันก็ไม่ถูกว่ะ เหมือนจงใจหาเรื่อง ทั้งที่เนื้อหาที่พูดมันก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ในฐานะที่เป็นค่ายทำโซระเมโสะ
กระทู้คุณภาพชิบหายเลยวะกระทู้นี
มีการแถเรื่องที่ผิดให้เป็นเรื่องที่ถูกด้วย
ตบมือให้รัวๆ
กระทู้คุณภาพของคนคุณภาพนะครัช
>การพูดถึงอะไรที่มันนอกเรื่องแต่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในมู้บ้าง
นี่แหละครับคือปัญหา ถ้ามาบอกแล้วรับทราบก็ว่าไปอย่าง นี่มาเตือนแล้วกลับพยายามพลิกผิดให้เป็นถูกให้ได้ ไม่ยอมรับความผิด แบบนี้มันสมควรแล้วหรอครับ
คนคุณภาพจากกระทู้คุณภาพทำอะไรก็ไม่ผิดครัช
อ่อ ข้างบน กูอ่านเป็น มึงเถียงเค้าไม่ขึ้น แล้วก็ทิ้งท้ายว่า กูถูก มึงผิด ถ้ามึงจะผิดต่อไปก็เรื่องของมึง
เห็นควรอย่างยิ่งว่า ไปสมัครเป็นแอดมินดูนะ แล้วก็แจ้งล็อคกระทู้นี้ซะด้วยเลย มีหลักฐานว่าตักเตือนแล้วเรียบร้อยด้วยนี่นา อิ_อิ
เรื่องเยอะดีว่ะวันนี้ โทรลฟุก็มัน แถมยังมีพวกคาซาม่าวอนนาบีในนี้อีก กูล่ะขำ
กูก็อุตสาห์มาพูดดีๆนะว่ามันก็ต้องมีกันบ้างที่จะมีพูดอะไรถึงเรื่องอื่น มู้นี้มันคุยเรื่อง3Hzกี้เม้นกันวะ จริงๆมู้ที่กูยกมากูก็ไม่ได้ไปว่าไร และมู้นี้แม่งก็คุยมาตั้งนานจะครบปีแล้วเพิ่งมามีปัญหา ทำตัวยังกะโม่งจากเวปคุณภาพที่จ้องจะมาจัดระบบสังคมที่นี่กลับที่อยู่ของเมิงไปเหอะนิดๆหน่อยๆก็มาเสือกทำให้เป็นเรื่อง
จริงๆแล้วคนแอบหมั่นไส้แฟนบอยเรื่องนี้เยอะสินะ คือกูเห็นด้วยว่าควรโพสให้ถูกกระทู้ แต่ออกทะเลแค่นิดเดียวแล้วโดนรุมไล่เป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ดูจงใจไปหน่อยนา คนโพสก็ดันดิ้นไม่เข้าเรื่องซะแรงอีก
ที่มันเป็นการโดนไล่เป็นวรรคเป็นเวรก็เพรสะพวกคุณพยายามนักหนาที่จะอธิบายว่ามันได้โดยให้เหตุผลว่า
>ที่ที่จะมีคนแคร์สตูดิโอ3Hz มากที่สุดก็คือกระทู้นี้
ไม่ใช่หรอครับ
จริงๆ เริ่มต้นมันก็แค่มาบอกปกติว่ามันไม่น่าจะอยู่กระทู้นี้เท่านั้น ไม่ใชาพวกคุณเองหรือครับที่ต่อความยาวสาวความยืดอยู่
กูเชื่อแล้วว่ากระทู้คุณภาพจริงๆ ขนาดไอ้ตัวมาแถข้างๆคูๆ ยังโดนอิทธิฤทธิ์จนพิมพ์ผิดๆถูกๆเลยทีเดียว
รูปจากกล้องอีกตัวครับ ทำไปจนถึงก่อนขึ้นเรือไปนาคาจิมะแล้ว
ยังขาดพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟกับหอดูดาว
https://www.flickr.com/photos/133955199@N05/
ทำเสร็จหมดเดี๋ยวจะบอกอีกที เอามาลงไว้ก่อน
คนคุณภาพจริมๆเลยครัชกระทู้นี้
สมเป็นโม่งคุณภาพ ใจคอมึงจะคุยDimension W หรือ สตูดิโอ 3hz กันที่นี่จริงๆเหรอ?
https://flic.kr/s/aHskjDn7uG รวมรูปเฉพาะคัทในโซระเมโสะ
https://flic.kr/s/aHskjDxGTS รวมรูปอื่นๆ ระหว่างทางเกือบทั้งหมดในโทยะ
ส่วนบล็อกแสวงบุญ เขียนไปถึงก่อนขึ้นนิชิยามะแล้ว หาอ่านได้ที่เดิมครับ หาไม่เจอ google เอาก็เจอครับ
เวลาผ่านไปเร็วไม่น่าเชื่อแป้ปเดียวก็จะครบรอบ 1 ปีที่อนิเมะเรื่องนี้ฉายละขอขอบคุณข้อมูลดีๆที่อัพเดทให้อ่านกันตอนนั้นก็มีแต่ที่นี่น่ะแหละที่คุยเรื่องนี้ เพราะที่อื่นไม่มีใครดูกัน
เห็นปลอกหมอน>>735 แล้วมีความหมายแฝงเหมือนกันนะโนโนกะ ชิโอเนะนอนตะแคงถ้าเอาปลอกหมอนโนเอลมาอยู่ตรงกลางก็เหมือนพ่อ แม่ ลูกเลย 555
ใครขุดกระทู้เฮี้ยนี่ขึ้นมาอีกเเล้ววะ
>>772 เสียดายหันทางเดียวกัน อ้อ ปลอกหมอนเปิดให้สั่งแล้วนะครับ
มีโซระเมโสะเฟส ครบรอบ 1 ปี ทุก 2000 เยน สุ่มแผ่นภาพเซ็ทใหม่ของคาราดีไซน์อนิเม อาคิยะ ยูคิเอะ 1 ใบ
ส่วนใครอยากได้โซตะ เลือกได้เลย ไม่ต้องสุ่ม
ปลอกหมอน 1 ผืน แถม 1 คัท กับแผ่นภาพ 1 ใบแบบสุ่ม
ถ้าสั่งทีเดียว 4 ผืน จะได้ 4 คัท กับแผ่นภาพครบเซ็ท 6 ใบ ไม่ต้องสุ่ม
พิเศษ ถ้าสั่งก่อนสิ้นเดือน รับแฟ้มใสลายใหม่ 1 แฟ้ม ต่อหมอน 1 ใบ
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zI_u0YmgH8tA.kEiW7h6FHd04&usp=sharing
ส่วนอันนี้แผนที่แสวงบุญ ฉบับภาษาไทยครับ ตรงซัปโปโรไม่ได้มาร์คไว้เพราะมีแต่จุดที่เป็นสถานที่สำคัญอยู่แล้ว เดินผ่านก็เจอ
ทางขึ้นหอดูดาวยังเปิดอยู่จนเดือน 10 ครับ
http://imgur.com/MzN0bNe
โปรต่อเนื่องจากครบรอบหนึ่งปี
ตั้งแต่เดือน 10 เป็นต้นไป คนที่ไปนั่งกินร้านโบโยะเทย์ (บ้านยูซึกิ) ที่โทยะ แล้วบอกพนักงานว่า 「そらメソを観て来ました」
จะได้แฟ้มลายพิเศษ ตามภาพ
ใครจะไป ฝากซื้อวาคาสะอิโมะกับอิโรฮาสุรสฮาสคับ (ของโคฮารุ) มาฝากด้วยนะ D:
>>698
"---------"
รู้สึกได้ถึงสติที่อยู่ไกลออกไป ค่อยๆ กลับเข้ามาในร่างกาย
ทัศนียภาพรอบตัวค่อยแจ่มชัดขึ้นเป็นลำดับ สถานภาพของตัวเองในตอนนี้กำลังสลับจากความฝันไปสู่ความเป็นจริง
"-----ยัง,กลางคืนอยู่?"
ชิโอเนะปริปากพูดออกมาคนเดียวเหมือนจะถามตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบอันใด
ขณะที่เงยหน้าขึ้นจากตรงที่ฟุบอยู่ สายตาก็กวาดไปรอบๆ ประหนึ่งจะเรียกความจำที่ล่องลอยอยู่กลับคืนมา
สถานที่คือห้องพักในแมนชั่นที่ตัวเองอาศัยอยู่ในเมืองโฮคุบิ ที่นอนซบอยู่ก็ไม่ใช่เตียง แต่เป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ใช้ต่างหมอน
ชิโอเนะขยับร่างกายครึ่งบน เก้าอี้ที่ใช้นั่งหลับหมุนไปเงียบๆ
เบื้องหน้าชิโอเนะที่ลืมตาตื่น คือหน้าต่างบานใหญ่ติดม่านพับที่ยังพับขึ้นอยู่เอาไว้
"ถ้าเช้าแล้วก็ดีสิ"
ภายนอกหน้าต่าง คือท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบ
ตอนที่กลับมาถึง ก็เป็นเวลาหลังพระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วเรียบร้อย ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเวลาเท่าไร แต่ก็คงไม่ได้หลับไปนานมากมายอะไรนัก
รู้สึกเหมือนกับฝันไป
แต่กลับนึกไม่ออกเสียแล้วว่าในความฝันนั้นเป็นเรื่องอะไร
แต่ก็ ดีแล้วล่ะ
คงไม่ใช่เรื่องดีๆ เป็นแน่
เพราะยังรู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวจนผิดปกตินี่ได้อยู่เลย
แม้จะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องได้ที่ทำลงไปที่ร้านชิอิฮาระวันนี้
บอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง แล้วทิ้งระยะห่างจากพวกยูซึกิ จากนั้นสักพักก็จะย้ายกลับไปอยู่กับพ่อ
เท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย
พ่อที่อยู่ไกลก็พลอยดีใจไปด้วย จากที่เคยหมดหวังเรื่องจะได้อยู่ด้วยกันพ่อลูกมาพักหนึ่ง ก็ยอมรับฟังคำขอของชิโอเนะด้วยความเต็มใจ
ที่เหลือก็แค่ย้ายไปอยู่ด้วยเท่านั้นเอง
>>778
เพราะอย่างนั้นถึงได้เฝ้าคอยให้วันนั้นเวียนมาถึง ยิ่งเร็วยิ่งดี
ห่างกันไปซะ จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด
"ยังกลางคืนอยู่อีก จริงๆ สินะ"
พอดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ ก็ได้รู้ว่าหลับไปราวชั่วโมงเดียว อีกนานกว่าจะเช้า
เวลาไม่ได้ล่วงเลยไปอย่างที่ชิโอเนะคาดหวังไว้เลย
ทั้งที่อยากให้เวลามันเดินเร็วกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจากไปให้ไกลกว่านี้แท้ๆ
พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เช้าวันที่ต้องย้ายออกไป
นั่นคือเป้าหมายอันสูงสุดที่ชิโอเนะในตอนนี้คาดหวังไว้
เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น คราวนี้ชิโอเนะจึงทอดร่างลงบนเตียง
ไฟในห้อง ไม่ได้เปิดไว้แต่แรก
ทุกครั้งหลังจากที่ชิโอเนะนั่งรถบัสกลับจากคิริยะโกะมาถึงห้องตัวเองที่แมนชั่น ก็จะไปนั่งจมบนเก้าอี้อยู่อย่างนั้นเหมือนคนหมดใจ
ตอนที่นั่งอยู่บนรถก็เหมือนกัน ต่อไปนี้จะเป็นยังไงก็ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น
คำพูดของยูซึกิ ท่าทีของโคฮารุ สีหน้าของโซตะ
ไม่อยากจะนึกถึงมันขึ้นมาอีก
แต่ตอนนี้...
"---- นอนไม่หลับเลย"
ชิโอเนะที่มองเพดาน พึมพำเสียงค่อย
แล้วจึงบีบเค้นเอาความไม่สบอารมณ์ที่มีต่อตัวเธอเองออกมา ตัวเธอที่ยังนึกถึงทุกคนขึ้นมาอีก ทั้งที่ไม่อยากคิด
ชิโอเนะขยับร่างกาย ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดไฟในห้อง
ขณะที่เจอแสงจ้าจนต้องหรี่ตา สายตาก็มองไปยังลังกระดาษที่วางสุมอยู่บนพื้น
ที่เตรียมไว้เพื่อการย้ายออก ไปจากที่แห่งนี้
>>779
พอหลับไม่ลงเสียแล้ว ชิโอเนะก็เริ่มแพ็คของต่อจากที่ค้างเอาไว้อีกครั้ง
ข้าวของที่ไม่ได้มากมายอะไรแต่แรกเอง ส่วนใหญ่ก็ลงไปอยู่ในกล่องหมดแล้วด้วย
ชิโอเนะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไปเงียบๆ
ความทรงจำที่ผ่านมาของที่แห่งนี้ ค่อยๆ วางมันลงไปอย่างทะนุถนอม ไม่ให้แตกหักด้วยกาลเวลา
แล้วจึงปิดผนึกมันเอาไว้ในกล่อง
"นี่มัน----"
ตอนที่มือที่เคลื่อนไหวซ้ำๆ จนชินชา กลับหยุดลงด้วยความสับสนนั้น ก็เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มเก็บของ
ชิโอเนะหยิบสิ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองหยุดมือนั้นขึ้นมา
"ทำไมกันล่ะ? "
รูปถ่ายที่ชิโอเนะเคยได้ถ่ายไว้มากมายนับไม่ถ้วนจนถึงตอนนี้นั้น ไม่ได้อัดไว้เป็นกระดาษทั้งหมด ส่วนมากจะคงเหลืออยู่แค่ในรูปข้อมูล
รูปที่ชิโอเนะหยิบขึ้นมาดูก็เช่นกัน
หรือว่าจะปนอยู่กับไฟล์อื่น ตอนที่เอาไปอัดที่ร้าน
หรือจะเป็นความผิดพลาดของกระบวนการอัด
หรือเธออาจจะเข้าใจผิดไปเอง
อย่างไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
"เวลาแบบนี้......ไม่ต้องออกมาให้เห็นก็ดีแล้วแท้ๆ"
รูปถ่ายในมือชิโอเนะ เป็นรูปถ่ายหน้าเกือบตรง
ในรูปนั้นมีรอยยิ้มคู่หนึ่ง มองมาทางชิโอเนะที่ถือรูปถ่ายเอาไว้
คนหนึ่งคือโนเอล ที่มีรอยยิ้มอันเปี่ยมล้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ
อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างกัน คือชิโอเนะ
ที่ยิ้มแบบดูแล้วขืนๆ เหมือนจะถ่วงดุลกับรอยยิ้มของโนเอล
เป็นรอยยิ้มของตัวเองที่ช่างดูน่าขันสำหรับชิโอเนะในตอนนี้
พอมองรูปถ่ายใบเดียวที่ตัวเองเคยถ่ายคู่กับโนเอลเข้าแล้ว ก็กลับกลายเป็นว่าเธอไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย
ราวกับจะทำให้จิตใจของตัวเองในตอนนี้สงบลง ด้วยรอยยิ้มของตัวเองก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
"----ไม่ไหวเลยจริงๆ"
คำพูดนั้นจะหมายถึงความไม่พอใจต่อโนเอลในรูปถ่าย หรือหมายถึงตัวเองกันแน่ ก็ยังไม่รู้
แล้วชิโอเนะก็นึกถึงช่วงเวลาที่ถ่ายภาพนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนั้น เป็นช่วงเวลาก่อนที่หิมะจะเริ่มตกในเมือง----
ภูเขาที่รายล้อมทะเลสาบคิริยะ ถูกย้อมด้วยสีแดงเข้ม
เป็นเรื่องราวในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วง
>>780
มันเริ่มต้นจากตอนที่ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในเมืองคิริยะโกะ
หลังจากที่ได้เห็นจานบินที่ราวกับจะสะท้อนภาพของดอกไม้ไฟ ลอยอยู่เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตั้งแต่นั้นมา ชิโอเนะก็ได้แต่ยกกล้องถ่ายภาพขึ้นมองท้องฟ้าเหนือทะเลสาบจากริมฝั่งบ่อยครั้งขึ้น เหมือนกับว่าถูกแสงนั้นช่วงชิงหัวใจไป
แต่สิ่งที่อยู่ตรงนั้น จานบินที่ชิโอเนะคอยมองอยู่ตลอดตั้งแต่ตอนที่มาถึง กลับยังคงรูปลักษณ์เดิมเหมือนตอนปกติไม่เปลี่ยนแปลง
วันนั้นก็เหมือนกัน พอเลิกเรียนเสร็จก็รีบขึ้นรถบัสมาคิริยะโกะเสียจนไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด เพียงเพื่อที่จะมาเก็บภาพจานบินที่ยังอยู่ในสภาพเดิมด้วยความผิดหวัง
ด้วยเหตุนั้น ถึงได้มีโอกาสแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง เรื่องที่เหมาขนมหวานประจำฤดูกาลที่เขียนป้ายระบุไว้ว่าเป็นสินค้าใหม่มาครบทุกชนิดแล้วได้ตั๋วจับฉลากชิงโชคมา
สำหรับชิโอเนะแล้ว ก็เหมือนกับของแถมที่ไม่ได้คาดคิด เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ
ไม่คิดเลยว่าตั๋วชิงโชคแค่ใบเดียว จะกลายเป็นเหตุให้วันเสาร์ที่จะถึงนี้กลายเป็นวันที่ยุ่งทั้งวันไปได้----
>>781
"----ทำอะไรอยู่เหรอ?"
"อ๊ะ ! ชิโอเนะ!"
สุดสัปดาห์ในฤดูใบไม้ร่วง
ตั๋วชิงโชคที่ใช้ไปแบบไม่ได้คิดอะไร กลับถูกรางวัลที่หนึ่งเข้าเสียนี่ แถมบัตรที่พักโรงแรมออนเซ็นที่จำใจรับมา ก็ยังมีตั้งสองใบอีก
ออนเซ็นที่ชิโอเนะไม่คิดจะไปแน่ๆ
ทั้งที่น่าจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ ชิโอเนะที่เตรียมตัวมาค้างคืนมาดิบดี กลับกำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่พัก
"ดูสิๆ ชิโอเนะ! จานบินหว๊านหวานเต็มเลย! โนเอลจะทำไงดีเนี่ย!"
อีกฝ่ายที่มาพักด้วยกัน --- โนเอลที่ส่งสายตาเป็นประกายระยิบระยับ กำลังโบกมือให้ชิโอเนะ
"ก็ที่นี่ออนเซ็น จะมีของฝากวางขาย มันก็เรื่องธรรมดานี่?"
โนเอลที่ดีใจจนออกนอกหน้า ทำเอาชิโอเนะแปลกใจ
"แต่ที่อ่างอาบน้ำบ้านโนโนกะไม่เห็นมีเลย?"
"ก็ใช่สิ ออนเซ็นไม่ใช่อ่างอาบน้ำซะหน่อยนี่นา"
"โนเอลรู้! ออนเซ็นน่ะใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำเยอะมากๆ เลย แต่ก็ยังเล็กกว่าทะเลสาบใช่มั้ยล่ะ?"
"......ทะเลสาบ? คิดยังไงถึงได้ยกมาเทียบนะ"
ที่ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาออนเซ็นไปเทียบกับทะเลสาบนี่ก็เรื่องหนึ่งแล้ว สิ่งอื่นที่เห็นอยู่ตรงนั้นกลับเกินขอบเขตความเข้าใจของชิโอเนะยิ่งกว่า
"โนเอล ของที่อุ้มอยู่นั่น มันอะไรกันน่ะ......"
สงสัยมาตลอด
สิ่งของหน้าตาคล้ายหมอนนุ่มๆ ที่ถูกร่างเล็กๆ ของโนเอลอุ้มเอาไว้จนดูเหมือนกอด
พอมาคิดดู ก็รู้สึกว่าเจ้าตัวจะหอบมันไว้ตลอดตั้งแต่ตอนที่สะดุดล้มแล้วสัญญากันว่าจะไปออนเซ็นเมื่อหลายวันก่อน
"อันนี้โนเอลถูกรางวัลมา! แต่ว่า... ไม่ใช่อันนี้......"
โนเอลพอชูหมอนหนุนลายดาวขึ้นมาอวดได้ไม่ทันไร ก็กลับมาจ๋อย
ชิโอเนะพูดออกมาแค่คำเดียว
"......เหรอ"
เป็นคำพูดจากผลลัพธ์ของความเหนื่อยใจที่เหนือกว่าความอยากรู้อยากเห็นของชิโอเนะ ผู้รู้สึกว่ายังมีเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับสิ่งของปริศนาชิ้นนั้นให้ถามต่ออีกหลายขั้น
"อันนี้ก็เป็นจานบินได้ด้วยล่ะ!"
โนเอลชูหมอนขึ้นเหนือหัวแล้วเหวี่ยงไปมาเป็นวงกลม แต่ก็ยังดูไม่เป็นจานบินอยู่ดี คงเพราะลวดลายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"รู้แล้ว ไม่ต้องเหวี่ยงแล้ว ไปกันเถอะ"
"ออนเซ็น!"
"ยังก่อน"
"เอ๋!!"
"ออนเซ็นน่ะ ไว้กลางคืนก่อนค่อยไปนะ"
"......แหง่ว"
สีหน้าโนเอลพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"ก็ เพิ่งมาถึงโรงแรมแท้ๆ จู่ๆ จะให้ไปออนเซ็นเลย มันออกจะข้ามขั้นไปหน่อยใช่มั้ยล่ะ"
ชิโอเนะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงลูกค้าเด็กผู้หญิงที่มาเข้าพักจากแผนกต้อนรับที่อยู่ห่างออกไป
"อย่างแรกเลย ไปห้องพักกันก่อนดีกว่า คงไม่คิดจะอุ้มจานบินนั่นเดินไปเดินมาตลอดหรอกนะ?"
คำชวนแบบปุบปับของชิโอเนะทำเอาโนเอลประหลาดใจ
"เอาไปออนเซ็นด้วยไม่ได้เหรอ?"
"ที่จริงก็ไม่มีใครห้ามหรอกนะ"
"งั้นเอาไปว่ายน้ำด้วยนะ!"
"ห้ามเด็ดขาดเลย!"
ชิโอเนะยื่นคำขาดทันที เพราะไม่นึกว่าจะตั้งใจเอาไปจุ่มน้ำจริงๆ
ถ้ามองในแง่นึง อาจจะแถว่าเป็นฟองน้ำยักษ์ได้อยู่ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่ของที่จะเอาเข้าไปในอ่างอาบน้ำได้อยู่ดี
"ทำไมล่ะ......"
โนเอลซึมไปแบบเห็นได้ชัด
"ก็ไม่ทำไมหรอก...... อ้อ ใช่ เพราะจานบินน่ะแพ้น้ำไงล่ะ"
"เอ๋~!"
โนเอลทำตาโต ดูท่าจะตื่นตกใจกับคำโกหกแบบขอไปทีของชิโอเนะ
"จานบินนี่โดนน้ำไม่ได้หรอกเหรอ?"
"ใช่ พูดให้ชัดๆเลยก็คือ ถ้าโดนน้ำแล้วจะพังน่ะสิ"
"พังเลยเหรอ!? ทำไงดี! โนเอลเคยอาบน้ำที่บ้านโนโนกะแล้วด้วย! โนเอลจะพังมั้ย?"
"เอ๋? แต่โนเอลไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่นา?"
ชิโอเนะย่อตัวลงในระดับเดียวกับสายตาโนเอลแล้วตอบอย่างไม่ลังเล
"......จริงเหรอ?"
"อื้ม สบายใจได้เลย"
ด้วยความที่สัมผัสได้ถึงความกลัวจับใจของอีกฝ่าย ชิโอเนะจึงได้แสดงสีหน้าอ่อนโยนอย่างที่สุดออกมาขณะที่ลูบศีรษะของโนเอลเบาๆ
"ค่อยยังชั่ว"
สีหน้าและท่าทางของโนเอลที่หายกลัว ก็พลอยทำให้ชิโอเนะโล่งใจตามไปด้วย แต่ว่าชิโอเนะเองกลับไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองในตอนนั้นเลย
"เอาล่ะ ไปห้องพักกันได้แล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมตัวลงออนเซ็นกันอีก"
"อื้ม! ออนเซ่น, ออนเซ่น"
>>782
พอลงทะเบียนกับพนักงานโรงแรมที่ฟรอนท์เรียบร้อยแล้ว ชิโอเนะก็เดินไปกับโนเอลที่ท่องคำว่าออนเซ็นซ้ำไปมาอย่างกับเป็นคนละคนกับที่ซึมอยู่ก่อนหน้านี้ โดยมีพนักงานต้อนรับคอยนำทางให้
โนเอลเองก็ท่องออนเซ็นๆ ไปตลอดทางจนถึงห้องพัก
ห้องที่พนักงานนำทางมาถึงนั้น พอเข้าไปข้างในก็พบว่าเป็นห้องแบบญี่ปุ่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นทะเลสาบอยู่ตรงหน้า ถ้ากวาดตามองขึ้นไปบนฟ้าก็จะเห็นจานบินลอยอยู่เหนือทะเลสาบด้วย
"ยอดไปเลย! พื้นก็นุ้มนุ่ม!"
สองมือโนเอลเกาะขอบโต๊ะแล้วกระโดดย้ำๆ เหมือนจะใช้เท้าหยั่งลองรับสัมผัสของเสื่อทาทามิ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญตามสบายนะคะ"
พนักงานที่ยิ้มน้อยๆ เพราะเห็นโนเอลตั้งหน้าตั้งตากระโดดจริงจัง โค้งให้ครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องไป
"ชิโอเน่! ชิโอเน่!"
ห้องพักในโรงแรม ในสายตาของโนเอลนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของแปลกตามากมาย ทำเอาเจ้าตัวมองซ้ายมองขวาดูกันไม่ถูกเลยทีเดียว
"อันนี้อะไรเหรอ?"
"ตู้เซฟน่ะสิ"
"อันนี้ล่ะ?"
"ก็ตู้เย็นไม่ใช่เหรอ?"
"จริงด้วย! ข้างในเย็นเจี๊ยบเลย! ยอดไปเลยเนอะ ออนเซ็นเนี่ย!"
"ไม่ได้เกี่ยวกับออนเซ็นสักนิดเลยนะ"
"ถ้างั้นอันนี้ล่ะ?"
โนเอลยื่นของในมือให้ชิโอเนะ มันคือชุดยูคาตะของโรงแรมที่ไม่รู้ว่าหยิบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
"อันนั้นน่ะ ยูคาตะ"
"เกี่ยวกับออนเซ็นมั้ย?"
ชิโอเนะที่รับยูคาตะมาจากมือโนเอล ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วพยักหน้า
"อื้อ ลองใส่ดูมั้ย?"
"อื้ม!"
โนเอลกำหมัดสองข้าง ทำหน้ามุ่งมั่น
จานบินที่เคยถืออยู่จนเมื่อกี้ ลอยฟ่องกลางอากาศ ในห้องที่มองออกไปก็เห็นจานบินของจริง
>>783
ชิโอเนะเปลี่ยนมาใส่ยูคาตะ หลังจากที่เห็นสภาพโนเอลที่สู้รบกับสายคาดเอวจนลงไปกองบนหมอนจานบินอยู่หลายรอบจนต้องช่วยสวมให้แล้ว ทั้งคู่ก็ออกมาเดินเล่นในโรงแรม
จากสายตาของโนเอล ทุกสิ่งอันที่ได้พบเห็นในโรงแรมออนเซ็น ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้น
ส่วนทางชิโอเนะก็เช่นเดียวกัน
ถึงจะต่างกับโนเอลตรงที่พอรู้เรื่องของโรงแรมออนเซ็นอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปในสถานที่จริงเลย จนกระทั่งวันนี้
สมัยเด็ก ถึงจะเคยอาศัยอยู่ที่คิริยะโกะช่วงหนึ่ง แต่ด้วยความที่พ่องานยุ่ง ครอบครัวบ้านโทกาวะที่มีกันแค่สองคน จึงแทบไม่มีเวลาให้พักผ่อน
เรื่องที่จะไปนอนโรงแรมแบบนี้ ก็ไม่มีอยู่ในความทรงจำเลยเหมือนกัน
ถึงชิโอเนะเองจะไม่ใช่เด็กที่ไม่ชอบที่มันเป็นแบบนั้น แล้วจะไปโทษว่าเป็นความผิดใครได้ แต่ความเหงาที่รู้สึกได้ตอนที่อยู่คนเดียวนั้นเป็นเรื่องจริง
สิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเรื่องพวกนั้น ก็คือ------ ใช่แล้วล่ะ เบื้องหน้าชิโอเนะในวัยเด็กที่มานั่งมองทะเลสาบอยู่ตรงม้านั่งตัวเดิมในวันนั้น
ช่วงเวลาที่ได้พบกับเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน และแม่ของเธอคนนั้น------
"------ชิโอเนะ เป็นอะไรรึเปล่า?"
ชายเสื้อยูคาตะข้างหนึ่งถูกโนเอลดึงอยู่
"อืม แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อยน่ะ อย่าใส่ใจเลย"
"จริงด้วย...... เศร้าเพราะออนเซ็นปิดอยู่สินะ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก"
ออนเซ็นที่ถ่อไปถึงระหว่างที่เดินกันอยู่ในโรงแรม ขึ้นป้ายไว้ว่ากำลังทำความสะอาด
คนที่เศร้าสุดเมื่อเจอแบบนั้นเห็นจะเป็นโนเอล
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงบ่นแว่วๆ มาจากไกลๆ ดูท่าจะช็อคพอกันกับโนเอลตอนที่รู้ว่าออนเซ็นปิด
"งั้นก็ เศร้าเพราะเครื่องเล่นเสียอยู่สินะ?"
"นั่นก็ไม่ใช่อยู่ดี"
ตรงเกมคอร์เนอร์ที่ตั้งอยู่ถัดจากออนเซ็น คนที่ต้องห่อไหล่เพราะเครื่องเล่นแปะป้ายเสียอยู่ก็คือโนเอลเหมือนกัน
"ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่เรื่องที่โนเอลต้องใส่ใจสักหน่อย"
"แต่ว่า......"
ชิโอเนะพุ่งความสนใจไปที่ทะเลสาบผืนใหญ่นอกหน้าต่างริมทางเดิน ราวกับจะหลบสายตาโนเอลที่กำลังมองขึ้นมาด้วยท่าทีที่อยากจะพูดอะไรสักอย่าง
"ไปข้างนอกกันมั้ย?"
"ข้างนอก?"
โนเอลเองก็มองออกไปนอกอาคารด้วยอีกคน
เวลาตกเย็นพอดี
ดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับฟ้า ย้อมสีทะเลสาบให้เป็นสีของยามอัสดง
"อื้ม ชิโอเนะไปไหนโนเอลก็ไปด้วยอยู่แล้วล่ะ!"
"......เหรอ"
>>784
ตัวอาคารของโรงแรมนั้นตั้งอยู่ชิดทะเลสาบคิริยะ เช่นเดียวกันกับอีกหลายโรงแรมที่ตั้งอยู่บนทำเลเดียวกัน
ไม่ว่าแห่งไหนก็สร้างมาให้แขกที่มาเข้าพักออกมาถึงริมฝั่งได้เลยเหมือนกัน
ชิโอเนะกับโนเอล ออกไปข้างนอกผ่านทางประตูสำหรับแขกของโรงแรม
เบื้องหน้านั้น คือโลกสีแดง
สีแดง ที่ปกคลุมทัศวิสัยจนหมดจด
ทะเลสาบคิริยะที่กว้างใหญ่ขนาดมองไม่เห็นอีกฝั่ง ถูกย้อมด้วยสีเดียวกัน
แสงที่สะท้อนจากผืนน้ำ เป็นประกายงดงามเสียจนเผลอเอื้อมมือออกไปสัมผัส
ที่ริมฝั่งน้ำ ดูเหมือนจะยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่มาพักที่โรงแรมนอกจากทั้งคู่อยู่อีก ถึงจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ทางนั้นเองก็สวมยูคาตะแบบเดียวกัน แถมยังอยู่กันสองคนเหมือนพวกชิโอเนะด้วย
ยังไม่ทันรู้สึกตัว สองคนที่มาอยู่ก่อน ก็กลับเข้าไปในโรงแรมผ่านทางประตูอีกบานเสียแล้ว
"ดูสิ ชิโอเนะ!"
ชิโอเนะกับโนเอลเหลือกันอยู่แค่สองคน โนเอลที่วิ่งแจ้นไปที่ริมน้ำ กางแขนสองข้างราวกับจะเก็บทิวทัศน์เหล่านั้นเอาไว้แค่คนเดียว
"ทะเลสาบมีแสงด้วยล่ะ!"
ผืนน้ำพอต้องลม ภาพทิวทัศน์สีแดงก็เกิดเป็นแสงเงาพรายตา
"......จริงด้วย"
ชิโอเนะวางมือข้างหนึ่งปิดเรือนผมที่ถูกลมพัดเอาไว้ พลางเดินเข้าไปหาโนเอลที่ริมน้ำ
จานบินที่คลุมตัวไว้ด้วยสีแดงของยามเย็นหมุนไปช้าๆ บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบที่ต้องแสง
ชิโอเนะหยิบกล้องออกมาตามสัญชาตญาณ แล้วหันเลนส์เข้าหาจานบิน
ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เธอได้เห็นจานบินที่ถูกย้อมด้วยสีของอัสดง
มันเป็นหนึ่งในหน้าฉากทั่วไปของจานบิน ที่พบเห็นได้ทุกครั้ง หากมีเงื่อนไขครบ ต่างกับตอนนั้นที่จานบินสะท้อนภาพของดอกไม้ไฟ
แต่ถึงอย่างนั้น ชิโอเนะเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ต้องสเน่ห์ของจานบินที่สะท้อนแสงสีแดง
ระหว่างที่สงสัย สายตาก็จับจ้องมองดูภาพของจานบินที่แสดงอยู่บนหน้าจอของกล้องถ่ายรูป
"ชิโอเนะ"
โนเอลที่ย้อมด้วยแสงสีแดงเหมือนกับจานบิน เหลือบมองกล้องถ่ายรูป แล้วส่งเสียงเรียกชิโอเนะ
"ชิโอเนะ ถ่ายรูปกันเถอะ"
ชิโอเนะพยักหน้าเงียบๆ ให้คำพูดของโนเอล
จากนั้นก็หันกล้องมาหาเด็กสาว
"ไม่ใช่สิ"
"ไม่ใช่?"
"ชิโอเนะกับโนเอล ถ่ายด้วยกันไง"
"ฉันน่ะนะ?"
สำหรับชิโอเนะแล้ว มันเป็นคำขอที่ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน
ถึงจะชอบบันทึกภาพสิ่งที่เห็นไว้ในกล้องถ่ายรูป แต่กลับไม่เคยชอบการเหลือรูปของตัวเองไว้ในภาพถ่าย
สมัยเด็ก ชิโอเนะเคยมีรูปที่ถ่ายคู่กับเพื่อนอยู่รูปหนึ่ง ในนั้นมีภาพของตัวเธอที่ดูท่าทางเคอะเขิน
ที่ไม่ชอบเหลือรูปตัวเองไว้ ก็เพราะรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ ไม่อาจยิ้มได้อย่างตัวเองในรูปนั้นเลย
"ไม่ต้องหรอก ถ่ายแค่โนเอลก็พอ......"
"โนเอลอยากถ่ายกับชิโอเนะมากกว่า"
"ทำไมล่ะ......?"
"ก็------ โนเอลกับชิโอเนะ เป็นเพื่อนกันนี่นา"
"เอ๋?"
"เพื่อนกันก็ต้องถ่ายรูปด้วยกันสิ? โนโนกะเคยบอกอยู่"
"อะไรกัน เรื่องแบบนั้น"
"......ไม่ใช่หรอกเหรอ?"
แววตาที่มองชิโอเนะ ดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าตอนที่ออนเซ็นปิด หรือตอนที่เครื่องเล่นเสีย
"............"
พอเห็นสีหน้าของโนเอลแบบนั้น ชิโอเนะก็ปวดร้าวในใจ
ทนไม่ได้ จนแทบอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนั้นเสียเดี๋ยวนี้
"------เข้าใจแล้ว"
"จะถ่ายให้เหรอ!"
"รูปเดียวพอนะ"
"อื้ม!"
โนเอลที่ยิ้มแฉ่ง เข้ามายืนเบียดข้างชิโอเนะจนตัวแนบชิดติดกัน
"ชิโอเน่! ชิโอเน่!"
"เดี๋ยวเถอะ อย่าขยับสิ!"
ชิโอเนะหันเลนส์กล้องเข้าหาตัวเอง เสมือนว่าทั้งคู่อยู่บนจอภาพ แล้วยื่นแขนข้างที่ถือกล้องออกไป
"ชิโอเนะก็ นี่~ ด้วยสิ"
โนเอลแหงนมองชิโอเนะ ทำท่าเหมือนดึงปากตัวเองออกด้านข้าง
"ใครจะไปทำได้ล่ะ"
"ได้สิ! ชิโอเนะเองก็ชอบยิ้มนี่นา!"
พูดจบ โนเอลก็หันกลับไปหากล้องอีกรอบ
พร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
ชิโอเนะในตอนนั้น ไม่ได้ดูหน้าตัวเองที่อยู่บนจอกล้องเลย
ได้แต่รีบย่ำเท้ากลับโรงแรมเหมือนกับจะหนีจากโนเอลที่กวนจะดูรูป
"------โนเอลกับชิโอเนะ เป็นเพื่อนกันใช่มั้ยล่ะ?"
แล้ววันถัดมา คำพูดเดิมก็เวียนกลับมาให้ชิโอเนะได้ยินอีกครั้ง
โนเอลได้บุกเข้ามาในหัวใจของชิโอเนะเสียแล้ว โดยไม่สนใจความรู้สึกของเจ้าตัวเลยด้วย
แล้วเด็กสาวก็ยื่นหมอนที่หน้าตาเหมือนจานบินแค่ความกลมให้
ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายหมอนใบนั้นก็เดินทางข้ามจากคิริยะโกะมาที่โฮคุบิจนได้
และตอนนี้มันก็ยังอยู่เคียงข้างชิโอเนะ
"------ไม่ไหวเลยจริงๆ"
>>785
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน ถูกแทนที่ด้วยหิมะสีขาวที่โปรยปราย
ภาพถ่ายของโนเอลและชิโอเนะ เรียกความทรงจำของชิโอเนะกลับคืนมา
ภาพที่จำไม่ได้ว่าเคยสั่งพิมพ์ไปตอนไหน ไม่ได้ดูกระทั่งหน้าจอตอนที่ถ่ายด้วยซ้ำ
ตอนนี้ กลับอยู่ในมือของชิโอเนะ------
โนเอล กำลังยิ้ม
และชิโอเนะที่อยู่ข้างๆ เองก็เช่นกัน------ รอยยิ้มที่น่าจะลืมมันไปแล้ว กลับกำลังมองดูตัวเองในตอนนี้จากในภาพถ่าย
เป็นรอยยิ้มที่เทียบกันแล้วไม่แพ้กันกับตอนที่ถ่ายรูปกับโนโนกะที่หอดูดาวตอนเด็กๆ
"ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดไปแน่------"
ชิโอเนะพูดออกมาเบาๆ ราวกับจะบอกให้ตัวเองในภาพถ่ายได้รับรู้
คุยกับทุกคนเรื่องโนเอล
ขอให้ทุกคนอย่ามายุ่งเกี่ยวกับตัวเองอีก
แสร้งทำเหมือนลืมเรื่องคำอธิษฐานที่แท้จริงของตัวเอง
เพราะนั่นเป็นหนทางเดียว ที่จะรักษารอยยิ้มของโนโนกะและโนเอลที่ตนรักเอาไว้ ไม่ให้หายไป
"แบบนี้แหละ------ ดีแล้ว------"
เสียงที่พูดออกมาอีกครั้ง บางเบาจนแทบจะหายไป
"------ดีแล้วใช่มั้ย?"
ชิโอเนะพูดออกมาลอยๆ เหมือนจะถามใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ไม่มีคำตอบ
แต่เค้าร่างที่ลอยขึ้นมาในความคิดของชิโอเนะ กลับกลายเป็นโนโนกะ
โนโนกะที่หน้าตาเศร้าหมอง ส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น
"------ทำไมล่ะ!"
ชิโอเนะลุกขึ้นยืน ราวกับจะสลัดทุกอย่างทิ้งไป แล้วปิดสวิตซ์ไฟลงอีกครั้ง
ห้องตกลงสู่ความมืดมิด
เด็กสาวกลับไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง
แผ่นหลังเล็กๆ ของชิโอเนะ
บานหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังนั้น กลายเป็นเหมือนจอภาพยนตร์ที่ฉายภาพของหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ชิโอเนะเอื้อมมือออกไปอย่างไม่รู้สึกตัว
สิ่งที่สัมผัสกับปลายนิ้ว คือหมอนจานบินที่ได้รับมาจากโนเอล
"------"
เธอกอดมันเอาไว้ โดยไม่มีคำพูดใดๆ
เพียงแค่อยากกอดมันเอาไว้เท่านั้น
แล้วในความเงียบงันที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของหิมะ
ชิโอเนะก็เริ่มออกตามหาคำตอบที่ยังหาไม่พบนั้นอีกครั้ง
「ช่วงเวลาของครอบครัว」
"บางที เราอาจจะกำลังมองดูดาวอยู่ก็ได้นะ ว่ามั้ย"
เพื่อนสาวผู้อยู่ข้างเด็กสาวที่เดินไปพลางเหม่อมองดูท้องฟ้าไปพลาง เหนื่อยใจจะถามถึงเหตุผล
ก็เลยตอบเจ้าตัวไปตรงๆ ว่า
"ดาวเหรอ...... แต่ดูยังไงตอนนี้มันก็ยังกลางวันแสกๆ อยู่เลยนะ......"
เพื่อนสาวที่จนปัญญาไม่รู้จะพูดยังไง ยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองให้พ้นแสงแดดจ้า จากท้องฟ้าอันไร้เมฆบดบังที่เด็กสาวกำลังมองดูดาวอยู่
ระหว่างทางกลับจากโรงเรียนม.ต้น ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้าที่หาได้ยากยิ่งในฤดูหนาว เด็กสาวทั้งสองในชุดเครื่องแบบกำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน
เป็นช่วงเวลาเช่นนั้น
วันนี้คาบเรียนจบลงตั้งแต่เช้า ดวงอาทิตย์เลยยังขึ้นสูงเหนือศีรษะอยู่
"ก็ ถึงจะเป็นตอนกลางวัน แต่ดาวก็ยังไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยนี่ ? พอคิดว่าแค่มองไม่เห็น แต่ต้องอยู่ตรงนั้นแน่เลย~ แค่นี้ก็ดีใจจนแทบทนไม่ไหวแล้วล่ะ"
เด็กสาวหยุดยืน แล้วปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างซื่อๆ ผ่านทางรอยยิ้มที่ดูตื่นเต้นเหมือนคำพูดของตัวเธอเอง ใส่เพื่อนสาวที่กำลังมองดูท้องฟ้าผืนเดียวกันอยู่แบบงงๆ
เพื่อนสาว ผู้มีท่าทีตรงกันข้ามกับเด็กสาว กระซิบเสียงเบา
"เอ้าๆ ตื่นเต้นเสียจนน้ำลายไหลแล้วนะ"
"เอ๋!? โกหกน่า"
เด็กสาวยกมือขึ้นป้ายริมฝีปากตัวเอง ท่าทางลุกลี้ลุกลน
"โกหกน่ะ"
"จ-ใจร้าย! หลงเชื่อไปแล้วนะ!"
ท่าทีของเด็กสาวที่กำลังโกรธนั้นไม่น่ากลัวเอาเสียเลย แต่กลับดูน่ารักน่าชัง
เพื่อนสาวกล่าวขอโทษขณะที่มองภาพนั้นด้วยความขบขัน
"โทษทีๆ แต่จะว่าไป เวลาดูดาวทีไร ก็เห็นน้ำลายหกตลอดเลยนะ"
"จ-จริงเหรอ......?"
"โกหกน่ะ"
"ฮึ!"
เด็กสาวค้อน
"ท้องฟ้ามันน่ามองขนาดนั้นเลยเหรอ"
"......ก็คนมันชอบนี่นา"
เด็กสาวกระซิบเสียงเบาด้วยความเอียงอาย
เพื่อนสาวเห็นแบบนั้นก็พูดต่อแบบไม่ติดใจอะไร
"จะว่าไป นี่ก็ใกล้จบม.ต้น จะขึ้นม.ปลายอยู่แล้ว ก็ยังเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
"ฉันเหรอ?"
"ทำตัวเฉื่อยชามั่งล่ะ เอ้อระเหยไปเรื่อยมั่งล่ะ เป็นผู้ใหญ่ไปจะเป็นยังไงยังจินตนาการไม่ถูกเลยมั่งล่ะ"
"อันนั้นขนาดตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรู้เลย......"
"ไม่โตสักทีมั่งล่ะ"
"ม-ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ! ฉันน่ะโตขึ้นตั้งเยอะแล้วนะ!"
เด็กสาวเหยียดแขนสองข้าง ชูขึ้นฟ้า ท่าทางเหมือนบิดขี้เกียจ
"จ้ะ ไม่ได้หมายถึงส่วนสูง แต่พูดถึงที่ยังทำตัวเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนตะหาก เอาแต่มองท้องฟ้า ไม่ว่าฝนจะตกหรือหิมะจะถม ก็ยังจะออกไปดูดาวได้ทุกคืนใช่มั้ยล่ะ?"
"ก็! เค้าชอบจริงๆ นี่นา"
"เมื่อกี้ก็เพิ่งถามไป เอาเถอะ ไม่ต้องถามก็รู้แล้วอยู่ดี แล้วก็นะ----"
เพื่อนสาวจ้องมองดูเด็กสาวอีกรอบ
"อ-อะไรเหรอ?"
"จะหาคนที่เข้าใจงานอดิเรกพิลึกแบบนั้น มันลำบากอยู่นะ"
"พิลึกเลยเหรอ......"
"ฉันน่ะเป็นเพื่อนกันมาก็เข้าใจได้อยู่ พูดอีกอย่างก็คือชินแล้วนั่นล่ะ แต่ผู้ชายแสนดีที่เธอจะได้พบหลังจากนี้นี่สิ เขาจะเข้าใจงานอดิเรกพิลึกๆ นี่ได้รึเปล่านะ......"
เพื่อนสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เสมือนกับว่าเป็นประเด็นร้ายแรงก็ไม่ปาน
แล้วเด็กสาวที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง ก็โพล่งขึ้นมา
"ไม่เห็นจะพิลึกสักหน่อยนึง!"
"เวลาจะเดทคงต้องไปดูดาวทุกรอบสินะ......"
"ก็บอกแล้วไง!"
ฉากหนึ่งในชีวิตประจำวัน บทสนทนาแบบเด็กๆ ระหว่างทางกลับบ้านของสองสาวม.ต้น
กับการต่อปากต่อคำธรรมดาๆ ที่ครึ่งหนึ่งกลายเป็นการให้สัญญา
เพื่อนสาว ที่แวบความคิดหนึ่งขึ้นมา หันกลับมาหาเด็กสาว
"จริงสิ---- คาโอริ"
แจ้งข่าวนิดนึง เนื่องในวันครบรอบ 1 ปี วันฉายจบ
ทวิตหลักของโซระเมโสะโอนลี่อีเวนท์ (แฟนอีเวนท์นะไม่ใช่ official) เปิดแล้วครับ กำหนดการวันงานคือเดือน 11 ปี 2016
รายละเอียดอื่นๆ เชิญ
https://twitter.com/hokubisai
http://imgur.com/RCFKA8X
รูปขอบคุณแฟนๆ รอบฉายใหม่ที่เพิ่งจบไปวันนี้ โดยอาคิยะซัง(คาราดีไซน์)
http://imgur.com/7hxtvZa
แฟ้มแบบที่สองที่แจกที่โทยะตอนนี้ ต่อจาก >>/776/
http://imgur.com/dv1gTjH
ภาพใหม่ของของที่น่าจะออกในงานโทยะมังกะอนิเมเฟส2016
http://imgur.com/GveB6JJ
http://imgur.com/9x8BECg
อาร์ทใหม่ที่เหลืออีกสองของของที่จะออกในงาน ของจองเต็มไปหลายอย่างแล้ว เหลือแต่ของหนักรอบนี้อย่างอคริลิคอาร์ทเพลทกับแคนวาส
ยังจองได้ถึงวันที่ 27 เดือนนี้ ที่เดิม อินฟินิทช็อป หรือจะไปซื้อที่เอจิโกะยะ โทยะโกะออนเซ็น ตั้งแต่งานTMAF วันที่ 25-26 เดือนนี้เป็นต้นไป
โปสเตอร์ของแถมที่แจกในงานTMAFปีนี้ หมดเกลี้ยงไปแล้วทั้งสามแบบ สงสัยทีมงานจะรู้จำนวนแฟนๆ ที่ตามมาซื้อถึงที่เลยจัดไว้พอดีๆ
จากทวิตของนากะโจ โปรดิวเซอร์ของอินฟินิท มีการบอกว่าปีหน้าจะไปเปิดบูทอีกรอบด้วย ใครว่างๆ ช่วงเดือนหกปีหน้าก็ลองมองๆ ตารางไว้ได้
ต่อให้ไม่ใช่แฟนเรื่องนี้ แต่ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์งานคอสใหญ่ๆ ฝั่งฮอกไกโดก็ต้องลองมาดูสักรอบครับ โทยะโกะที่ปกติจะเงียบๆ นี่ พอเป็นสถานที่จัดงานTMAF อารมณ์เหมือนปิดเมืองคอสกันเลย เดินไปไหนก็เจอแต่คอสเพลเยอร์เต็มเมือง
http://imgur.com/OAiEfKM
http://imgur.com/buO3UEx
http://imgur.com/eDvvFBM
http://imgur.com/9txAv5c
http://imgur.com/r2PfjSE
http://imgur.com/BGgdgKS
รอบนี้ถ้านับว่าเป็นรอบแก้มือก็ถือว่าประสบความสำเร็จจริงๆ
ได้ทั้งนั่งโต๊ะชิโอเนะในตอน 5
ได้ขึ้นไปบนเทนมงได
ได้ยิงจรวดขวดน้ำ
แถมยังได้ปลูกต้นทานตะวันตรงข้างเทนมงไดกันอีก
จะสองปีแล้ว แฟนๆ โซระเมโสะ ยังมารวมตัวกันทำอะไรแบบนี้ได้นี่ ต้องขอบคุณสมาชิกคลัสเตอร์คิริยะโกะโชมินทุกคนจริงๆ
ไว้มีโอกาส อาจจะได้เจอกันอีกรอบตอน เดือน 11 โฮคุบิไซ (only event) ที่โตเกียว
https://imgur.com/tWWmjlv
ประกาศทำตอนพิเศษ เพิ่มตัวละครใหม่
ตอนใหม่ฉายศุกร์หน้า
ไคจูซังกูตายอีกแล้ว
jrtjrtjrthrthrthrthrthhtrhrthrthtrhtrh
โหดจัง
Topic has reached inactivity threshold.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.