>>172 ก็ 2D Husbando ที่เก๊กๆ คูลๆ แฟนเกิร์ลที่ถูกใจแนวนี้เขาก็ชอบไง
แต่ไอ้ที่เราเจอในชีวิตจริงมันคือเกรียนหัวเขียวขี้เก๊กจูนิเบียวคิดว่าตัวเองเท่เสียเต็มประดา ทำตัวไม่สนใจโลก พูดอะไรห้วนๆ หรือฟังดูเหมือนคำคมเท่ๆ แยกตัวออกมาทำเป็นไม่สุงสิงกับใคร แต่ก็แอบเรียกร้องความสนใจอยู่นิดๆ
ตัวอย่างที่กูเคยเจอมากับตัวคือเพื่อนใหม่ตอนกูย้ายโรงเรียนไปขึ้น ม.4 มันเป็นไอ้แว่นหน้าจืด พูดน้อย ถ้ามีจังหวะให้พูดอะไรเท่ๆ คูลๆ ได้ มันก็จะพูดพวกคำคมที่จำเขามา หรือไดอะล็อกเท่ๆ ของตัวละครในอนิเมะ แต่มึงเข้าใจมั้ยว่ามัน KY มาก เสียบรรยากาศโคตรๆ ไอ้นี่คือตัวอย่างของความเอจจี้ที่แท้จริงในความคิดกู
เหตุการณ์สำคัญๆ ที่กูจำได้ก็มี
-รองหัวหน้าห้องทำสมุดการบ้านของทุกคนในห้องตกพื้น มันก็เดินเข้าไปช่วยเก็บ พอเก็บครบหมดแล้วเขาก็บอกมันว่าขอบคุณที่ช่วยเก็บนะคะ มันตอบกลับไปว่า "ฉันทำเพราะมันเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ได้ทำเพราะอยากช่วยเธอ" แล้วก็เดินจากไป กูกับรองถึงขั้นหันมามองหน้ากัน ใบ้แดกทั้งคู่
-เพื่อนๆ ในห้องชวนมันเล่นบอลระเบิด มันก็ปฏิเสธว่า "ไร้สาระหน่า ฉันไม่เล่นอะไรเด็กๆ แบบนี้หรอก" คนมาชวนนี่หน้าเสียเลย (แต่สุดท้ายก็ไปเล่นกับเค้าจนได้ เอจจี้ไม่สุดนี่หว่า)
-วันนึงที่มีคาบว่าง กูชวนมันเล่นหมากรุกไทย รอบแรกมันแพ้มันก็เงียบๆ พอรอบต่อมามันชนะ คราวนี้ Smirk ใส่กูแล้วบอกว่า "ที่นายแพ้ เพราะนายยังเยือกเย็นไม่พอไงล่ะ"
อ่านสามอันนี้แล้วพวกมึงน่าจะเข้าใจกูขึ้นมาบ้าง ความเอจจี้แบบไอ้นี่ก็คือความพยายามจะทำให้ตัวเองดูเหนือ เคร่งขรึม มีมาด ดูมีความคิดโตเกินวัย เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ตัวเองดูเท่ดูเจ๋ง แต่ผลมันออกมาตรงกันข้ามเลย ใครๆ ก็ดูออกว่าการกระทำของมันดูไม่เป็นธรรมชาติ มันพยายามมากเกินไปจนกลายเป็นความเสร่อ ไม่เข้าท่าด้วยประการทั้งปวง
การพูดการจาก็ฟังดูจูนิเบียว (ทั้งๆ ที่ขึ้น ม.4 แล้ว) จะว่ายังไงดี เหมือนการทำตัวเอจจี้มันก็เป็นสับเซตหนึ่งของคำว่าจูนิเบียว คือกูเองก็เคยจูนิเบียวนะ เคยเอียงตัว พ๊อยต์เท้า กอดอก แล้วพูดว่า "จงตัดเวลาออก 1.5 วิ ซะ คิงคริมสัน" หรือถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็เคยเจอพวกยืนห่างกันซัก 5 เมตรแล้วตะโกน "พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า" กับ "ไฟนอลแฝดดด" (ยังเด็กมากออกเสียงผิด) ใส่กัน ไม่ก็พวกที่เอาไม้บรรทัดมาจับแล้วร้องแบบ "เพลงดาบมังกรล่องนภา นาคานพเศียร" ซึ่งในหัวของแต่ละคนก็จะมีจินตนาการจูนิเบียวเห็นภาพเอฟเฟคอะไรไปตามเรื่อง (เหมือนในอนิเมะหนูจูนิเบียวที่ใส่ผ้าคาดตา) จนบางทีสงสัยว่า มันกำลังจูนิเบียวสวมบทเป็นใคร นักฆ่าวัยเรียนมาดเข้มปลอมตัวเข้ามาสืบหาข้อมูลรึไง
โดยรวมคือแม่งเอจจี้สุดตีน เก๊กอะไรของแม่งก็ไม่รู้ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่ให้ ทำไปแล้วก็ไม่ได้ดูเท่ขึ้นเลย แล้วพอมันมากๆ เข้า พวกมึงเข้าใจใช่ปะ ว่ามันเกิดความรู้สึก Cringe ขึ้นมา เหมือนความรู้สึกแหยงๆ เวลาเพื่อนมึงทำอะไรเสร่อๆ จนทำได้แค่ยิ้มแห้ง บางทีก็ฟังดูน่าขนลุก ไม่ใช่ว่ากลัวนะ แต่รู้สึกว่ามึงกล้าทำไปได้ยังไงวะ ไม่อายมั่งรึไง
มีหนนึงกูรวมการบ้านไปส่งครูแล้วระหว่างทางแอบเปิดสมุดของไอ้นี่อ่านที่แผ่นหลังสุด มันเขียนบทพูดอะไรไม่รู้ไว้เยอะมาก เหมือนรวมประโยคเอาไว้ใช้ตอนอยากแสดงความเอจจี้ในสถานการณ์ต่างๆ วาดรูปเด็กนักเรียนใส่แว่นยืนอยู่โดยมีฉากหลังเป็นม่านควัน (ระบายปากกาดำ) ที่มีตามารดวงใหญ่ลอยอยู่ด้านหลังใกล้ๆ หัวไหล่ทั้งสองข้าง (ระบายปากกาแดง) ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร กูเดาว่าตอนนั้นบนหน้ากูคงเหมือนกับ Meme ทันจิโร่ทำหน้า Disgusted face อะ หลังจากวันนั้นกูก็ค่อยๆ พาตัวเองห่างออกมา ความจูนิเบียวของกูก็ค่อยๆ จางลงไปตามวัย ตอนจบ ม.6 ในหนังสือรุ่นที่ได้มาพอลองไปอ่าน Quote ใต้ภาพของไอ้นี่ก็ต้องตกใจเพราะมันเขียนว่า "มืดยิ่งกว่าเงาปีศาจ เงียบยิ่งกว่าเสียงภูติครวญ" จบ ม.ปลายแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น (แม่งเอ๊ย)
ปล.ตัวละครเอจจี้ที่กูชอบมีตัวเดียวคือลีไวเฮย์โจว