Last posted
Total of 1000 posts
ถ้าคาเงโร่เล่มสองออกมาพวกมึงจะซื้อมาลองต่อมะ
แม่งทนอ่านได้ด้วย
กูเจอคำโปรยอวดแบบ อีด็อกป๊อบ
กูก็วางไม่อ่านต่อแล้ววะ
>>839 งั้นขอแก้เป็น
มีติ่งซีรี่ยส์เข้าขั้น top three ของญี่ปุ่น
>>838 แต๊งกิ้วเพื่อนโม่ง กูกลับไปเปิดดูแล้ว มีพูดถึงด้วย กูข้ามไปจริงๆ แต่บางตอนไม่รู้แม่งพูดถึงใคร ดังนั้น กูขอแก้ไขตรงนี้หน่อย
จากเดิม
- เริ่มเรื่องด้วยการบรรยายความรู้สึกของเด็กผู้ชายคนนึงที่เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบโดยรถชนตายไปต่อหน้าต่อตา แล้วก็ไม่พูดถึงอีกเลย
เป็น
- เริ่มเรื่องด้วยการบรรยายความรู้สึกของเด็กผู้ชายคนนึงที่เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบโดยรถชนตายไปต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นก็จะมีตอนบรรยายแบบนี้โผล่มาคั่นระหว่างตอนเรื่อยๆ คั่นก่อนตอนที่ 2 เหมือนจะเป็นของเด็กผู้หญิง คั่นก่อนตอนที่ 3 น่าจะเป็นของเด็กผู้ชาย ซึ่งคาดว่าไอ้คั่นก่อนตอน 2 กับ 3 คงเป็นไอ้ 2 คนที่โผล่มาตอนแรกล่ะมั้ง
>>842 เต็มกลืนเหมือนกันว่ะ เปิดอ่านให้แม่งจบๆไป อารณ์กูตอนอ่านเหมือนที่รีวิวไปนั่นแหละ "อ๋อ หรอ อย่างงี้เองหรอ อืมม ต่อไปล่ะ อ้อ แบบนี้นี่เอง"
ถ้าให้กูเทียบเป็นอาหาร
อีสาวแดกกระดาษเป็นข้าวผัดที่คำแรกๆจืดๆแต่ชวนให้กินคำต่อไป คำต่อไปก็จะยิ่งอร่อยขึ้นเรื่อยๆ พอกินไปถึงกลางๆค่อนไปท้ายๆจาน มึงจะเจอพวกมอด เศษเปลือกไข่ รากผักชีมากวนใจเรื่อยๆ จนคำสุดท้าย มึงจะเจอแมลงสาบนอนอยู่ก้นจาน แล้วที่เหี้ยกว่านั้นคือแมลงสาบแม่งเหลือครึ่งตัว แม้จะไม่อยากกินต่อ แต่อาหารจานต่อไปแม่งน่าจะอร่อยแม้มึงไม่รู้ว่าก้นจานแม่งจะมีตัวเหี้ยอะไรรออยู่ แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอแดก
ส่วนคาเกโร่จะเหมือนมึงแดกน้ำเปล่า กินได้เรื่อยๆ ไม่มีรสชาติห่าอะไร กินเสร็จก็จุก ทรมานแล้วไม่อยากแดกอีก
อ้อ วันนี้กูไปสอบครูในชุดเดรสมาแล้ว ไอ้ตอนเล่นเกมส์กระดานนี่กูชอบว่ะ ดาร์คดี ไม่เสียชื่อคนแต่งอีสาวแดกกระดาษเลย
เปรียบนิยายเป็นอาหาร ใครก็ได้เปรียบเรื่องพวกนี้แบบแปลไทยให้กูที
คอปคราฟท์
อีเหี้ยมายุ
คิริกะ
บาเกะ
อยากจะรู้อิมแพ็คว่าเรื่องใหนแม่งแรงสุดว่ะ
ดูผิดอีกแล้ววุ๊ย ขอแก้นิด
KAGEROU DAZE - IN THE DAZE
ลิขสิทธิ์โดย :Zenshu
แปล : ปุโร่ย
ภาพประกอบ : Shidu
>>846 คอปคราฟท์ คืออเมริกันเบอร์เกอร์นะแหละก็เป็นอาหารทั่วๆไป
แต่วัตถุดิบที่ใช้ทำให้มันแตกต่าง เนื้อวัวโกเบชั้นเยี่ยม ขนมปังจากแค้วนโพรวองซ์ มะเขือเทศจากคาตาลัน เครื่องเทศลับจากครัวของมหาราชาในอินเดีย
และปรุงโดยเชฟสามดาวมิชลินเท่านั้นเอง ออ เกือบลืมตอนสั่งเมนูนี้จะมีนักแสดงสาวจากฮอลลีวู๊ดที่ชอบเล่นมอนฮันมาป้อนด้วย
>>846 คิริกะ - ยังอ่านไม่จบ
คอปคราฟต์ - อาหารพื้นๆ หน้าตาธรรมดาที่ปรุงออกมาอร่อย
อีเหี้ยมายุ - ความเหี้ยเต็มร้อยจนคนกินมี 2 รีแอคชั่นให้เลือกทำคือ 1. เลิกแดก 2. หยุดแดกไม่ได้ (แต่แดกเสร็จเมื่อไหร่มึงกินข้าวจริงๆไม่ลงแน่นอน lol)
บาเกะ - เหล้าชั้นดี ดื่มแล้วมึงจะเมาเหี้ยๆแน่นอน (กับปริมาณเท็กซ์มหาศาลที่ไร้สาระซะครึ่งนึง) แต่อร่อย หยุดดื่มไม่ได้แน่นอนถ้ามึงชอบ
คาเงโร่ - เปรียบกับน้ำเปล่านี่ดูถูกคุณค่าน้ำแปลกๆว่ะ >>845 น้ำเปล่านี่ไม่กินอยู่ไม่ได้นะเว้ย
เป็นกูจะเปรียบกับน้ำประปาอุดมกลิ่นคลอรีน ถ้าไม่หมดสิ้นหนทางจริงๆก็อย่าไปดื่มแม่งเลยจะดีที่สุด......
>>846 เมนูอีเหี้ยมายุก็เป็นแมลงสาปเคลือบช๊อคโกแล๊ตเบลเยี่ยมอย่างที่ว่านะแหละ น่าขยะแขยงแต่หอมหวานเกินห้ามใจ
แต่หลังกินหมดมึงจะได้รู้ว่าแมลงสาปนี่มันเป็นของเรียกน้ำย่อย จานต่อไปจะเป็นเสต็กเนื้ออย่างดี รสชาดเยี่ยม พอกินไปได้ซักครึ่งจานจะมีเด็กใส่ชุดโกธิคกางร่มมาคุยกะมึง บอกว่าค่อยๆ กินก็ได้นะ ยังไม่เจ็บหรอก "อ้าว นี่ยังไม่รู้ตัวหรอกเหรอ ที่กินอยู่นี่ก็เนื้อขาของเธอไง อีกครึ่งชั่วโมงยาชาถึงจะหมดฤทธิ์ จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ลิ้มรสให้เต็มที่ละ "
แม่งบรรยายซะกูสะพรึง
ยังไม่ได้ซื้อBADแต่อยากอ่านวะ ไอฮาคุโร่แปลสถุนขนาดไม่ควรซื้ออ่านมากไหม
ทำไมตูอ่านแปลไทยไม่ให้อารมณ์อีเหี้ยเลยแม้แต่นิดเดียว ให้อารมณ์คุณหนูสติไม่ดีพูดวกวนไม่รู้เรื่องมากกว่า
อ่านสาววรรณกรรมเล่ม 4 จบไป มีคำแปลหลายจุดที่รู้สึกขัดๆ นิดหน่อย เช่น หน้าทิ้งท้ายของคนวาดที่บอกว่า "เหมือนตัวอย่าง" เดาว่าน่าจะมาจาก 例のごとく หรืออะไรทำนองนั้น ที่แปลว่าเหมือนที่แล้วๆ มา นอกนั้นก็มีบางสำนวนที่รู้สึกว่ายังแปร่งๆ อยู่ เช่น สีหน้าเข้มงวด (เดาว่ามาจาก 厳しい顔) หรือประโยคที่ว่า "เรื่องของคนคนนั้น" (เดาว่าคงมาจาก あの人のことだから ประมาณว่า คนคนนั้นซะอย่าง...) แล้วก็มีจุดอื่นพอสมควร แต่โดยรวมแล้วก็โอเค ส่วนที่พลาดก็แค่เรื่องสำนวนที่พลาดได้ง่ายอยู่แล้ว ส่วนตัวแล้วให้ผ่าน ดีกว่ามาตรฐาน Z ประเมินค่าได้กี่ฮาคุโร่ไม่รู้เพราะไม่เคยกล้าหยิบเรื่องที่รายนั้นแปล
แต่มีจุดที่สงสัยว่า บ.ก. ได้ตั้งใจตรวจแน่หรือเปล่า เช่น เรื่องบทบรรยายบางส่วนทีเรียกโคโนฮะว่า "เขา" ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เล่าโดย POV บุคคลที่ 1 น่าจะเป็น "ผม" มากกว่า แต่ตรงนี้ยังไม่อยากโทษนักแปลซะทีเดียวเพราะมันเบลอกันได้ แต่สงสัยเรื่องการทำงานของฝ่าย บ.ก. มากกว่า
ไม่เคยอ่านต้นฉบับญี่ปุ่นนะ เพราะงั้นตัวอย่างที่พูดๆ ไปไม่รับประกันความชัวร์ แล้วตอนที่พิมพ์อยู่นี่ก็ไม่ได้เปิดหนังสือเช็คไปด้วย เพราะกำลังโคตรจะจุกกับตัวเรื่องจนสมองเบลอ
อ้อ ไม่ได้มาพรีวิว แค่มาระบายเพื่อผ่อนคลายตับหลังหลังอ่านรวดเดียวจบ เล่มนี้สนุกจนวางไม่ลงอีกแล้ว
ป.ล. ตรงตัวอักษรเข้มหน้าสุดท้ายของเรื่อง ราวๆ ย่อหน้าสอง ที่ว่า "หลังข้อความก็ส่งเมลไปหาเจ้าหล่อน (มิอุ?) ต่อหน้าอิโนอุเอะ" ตรงนี้นี่หมายถึงส่งไปโดยที่โคโนฮะอยู่ต่อหน้่เหรอ หรือยังไง แอบงงนิดหน่อย
>>862 อา ในที่สุดกูก็เจอคนที่คิดเหมือนกูแล้ว กูเห็นด้วยเรื่อง POV ในเล่มนี้ที่ดูแปลกๆไป เพราะตัวบรรยายในเรื่องคือโคโนฮะ เกือบทั้งเล่มเป็นการกระทำของตัวเอง ดันใช้สรรพนามว่าเขาซะงั้น อีกเรื่องก็คำแปลกๆที่เจอ อย่าง "ลาดไหล่" เนี่ยกูไม่เคยเจอมาก่อน แถมหลังๆมี "ลาดไหล่หายใจติดขัด"หรือ "ใบหน้าแข็งเกร็ง" ส่วนไอ้ข้อความดำๆที่ว่านั่น น่าจะเป็นคำบรรยายของโอมิ บอกว่านานาเสะส่งเมลกลับไปหามิอุในขณะที่อิโนะอุเอะอยู่ด้วย และนานาเสะก็จะไปหามิอุอีกล่ะมั้ง
อยากถามโม่งที่เคยอ่านพวกนิยายสืบสวนเยอะๆหน่อยว่าสาวน้อยวรรณกรรมนี่การเชื่อมโยงเรื่อง การดักควายคนอ่าน วัดกันในฐานะนิยายแนวสืบสวนแล้ว
อะไรต่างๆพวกนี้เทียบกับนิยายสืบสวนดังๆนี่ถือว่าอยู่ในระดับไหน
>>870 เทียบกับ"นิยาย"ไม่ใช่"ไลท์โนเวล"
สาววรรณกรรมอยู่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางโคนๆ ของเรื่องดังๆ ในระดับนิยายสืบสวนชั้นอ๋องถือว่ายังไม่ค่อยดีนักทั้งการเดาทางทั้งการคลายปม ความซับซ้อนถือว่าน้อย
รูปแบบการสืบจะไปคล้ายซีรี่ย์เมสันซะมาก
แต่ถ้าในระดับไลท์โนเวลถือได้ว่าสุดยอดแล้ว
>>870 ไม่ค่อยได้อ่านทางฝรั่งเท่าไหร่ (ยกเว้นอกาธา) แต่ชอบอ่านนิยายแนวลึกลับของญี่ปุ่น ประมาณของบลิสกับทาเลนต์วันน่ะ พวกนั้นหลายๆ เรื่องสับขาหลอกยิ่งกว่านี้ พอมาอ่านสาววรรณกรรมก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าโดนหลอกหรือเหนือความคาดหมายเท่าไหร่ แต่ที่ชอบสาววรรณกรรมมากกว่าเรื่องอื่นๆ ก็เพราะติดใจตรงที่เอางานวรรณกรรมมาตีความสไตล์โทโกะนี่แหละ และไอ้การตีความวรรณกรรม+ดราม่าที่ตามมา+ความจิตเล็กๆ ในแต่ละตอนนี่แหละที่รู้สึกว่าทำเอาจุกกระอักและเจ็บจี๊ดลึกๆ ยิ่งกว่าโดนสับขาหลอกซะอีก
มันไม่ใช่นิยายแนวสับขาหลอกอยู่แล้ว แต่ก็อย่าไปหลงเชื่อหน้าปกนึกว่าเป็นแนว Healing เช่นกัน
เล่ม 4 นี่กูว่าก็แปลแปลกๆ แย่ลงพอสมควร สรรพนาม "เขา" โผล่มา บทบรรยายที่อ่านแล้วสะดุดติดขัด
โดยรวมก็ยังดีกว่าฮาคุโร่หลายล้านเท่า แต่เป็นไปได้ก็อยากได้คนก่อนมากกว่า
นิยายสอบสวนญี่ปุ่น มันมีเรื่อง อารมณ์ ด้วย นอกจากคลายปม
เรื่อง อารมณ์ ให้ระดับค่อนไปทางสูงละกัน
คลายปมธรรมดา
สาววรรณกรรมนี่อ่านแล้วอารมณ์คล้อยตามมันก็ใช่ได้แหละ ถ้าไม่นับว่าอาจจะสะดุดเพราะคำแปลอะไรแบบนี้
แต่ถ้าเอาไปเปรียบกับพวกนิยายของบลิสที่เป็นเจซีรี่ส์ที่เคยออกมา
ก็อยู่ในระดับใช้ได้ แต่ไม่ดีฟเท่า ประมาณนั้น
กูมารีวิวเพิ่มให้อีกเรื่อง เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน
********************
เมื่อผมจับพลัดจับผลู ต้องมาเป็นครูในชุดเดรส
LC โดย : บงกชคอมมิค
ผู้แต่ง : Mizuki Nomura
ภาพประกอบ : Karory
แปล : (ลืม ขอต๊ะไว้ก่อน)
นิยายเลิฟคอมเมดี้+แฟนตาซีนิดๆ ว่าด้วยเมื่อผู้ชายต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าไปเป็นครูสอนพระราชโอรส พระราชธิดาของกษัตริย์ต่างเมือง จากฝีมือคนแต่ง series สาวน้อยวรรณกรรม
เมื่อพูดถึงกลินด้า ดอยล์แห่งอาณาจักรวิสทอเรีย ทุกคนจะรู้จักในนามสาวน้อยผู้เป็นอัจฉริยะในทุกด้าน ส่วนเชอร์ล็อต ดอยล์ เป็นน้องชายฝาแฝดของกลินด้า สาวน้อยอัจฉริยะผู้นั้น แต่ตรงกันข้าม เชอร์ล็อตไม่ได้เก่งกาจเหมือนพี่สาวเลยสักนิด เป็นแค่เด็กซิ่วที่เพิ่งโดนหักอกมาหมาดๆเท่านั้นเอง และความซวยก็มาถึงเมื่อกลินด้าหนีงานหายตัวไปกะทันหันก่อนหน้าที่จะต้องเดินทางไปเป็นครูสอนวิชาแก่พระราชโอรส พระราชธิดาแห่งอาณาจักรเอเลน อาณาจักรที่เพิ่งจะเปิดประเทศได้ไม่นาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างอาณาจักร เชอร์ล็อตจึงถูกบังคับให้ต้องใส่คอร์เซ็ต ยัดฟองน้ำ ใส่ชุดเดรสปลอมตัวเป็นกลินด้า และทำหน้าที่เป็นครูแทน
มุขปลอมตัว/ครอสเดรส ไปทำงาน/เข้าเรียน/เป็นครู ที่พบเห็นได้ทั่วไป จึงไม่มีอะไรแปลกใหม่ พระเอกผู้ไม่ใช่อัจฉริยะแบบพี่สาว เมื่อโดนทดสอบในเรื่องต่างๆ จะใช้ไหวพริบหรือวิธีไหนในการเอาตัวรอด เป็นสิ่งที่คนอ่านสนใจ แต่ในเรื่องนี้ผู้เขียนใช้ความบังเอิญเข้ามาแก้ปัญหา ถ้ามองในแง่ว่ามันเป็นคอมเมดี้ก็ปล่อยผ่านไปได้
น่าสงสัยว่าผู้แต่งคือคนเดียวกับสาวน้อยวรรณกรรม ทำไมถึงหักมุม 360 องศามาเขียนแนวนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายมีการใส่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เหมือนจะเป็นเรื่องจริงแทรกเข้ามา หรือใส่ของดาร์คๆ อย่างไอ้เกมกระดาน"หนทางสู่การเป็นราชา"สำหรับสอนเด็กนั่น ทั้งที่บอกว่าสำหรับสอนเด็ก แต่ดันมีทั้งเรื่องทรยศ หักหลัง เล่นเส้นเล่นสาย ฆ่าล้างหมู่บ้าน ปฎิวัติ ก่อกบฎยึดอำนาจ แม่งเรียลเกินไปแล้วสรัสส!!!
การใส่มุขตลก สร้างตัวละครที่สุดโต่งในด้านต่างๆ และแทรกดราม่าเข้ามานิดหน่อย ทำให้อ่านเพลินใช้ได้
ส่วนภาพประกอบ ฝีมือของ Karory บวกกับเนื้อเรื่องที่มีแต่เด็กๆ ปลุกสัญชาติญาณความเป็นหมีในตัวคุณ เลือกบุฮี้ได้ตามใจ ทั้งองค์ชายแสนซึนผู้หยิ่งทรนงผู้มุ่งมั่นในการเป็นกษัตริย์องค์หญิงอัจฉริยะผู้เงียบขรึม องค์หญิงแฝดแก่แดดแก่ลม หรือองค์ชายที่ทำหน้าง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา
*************
ว่าแต่ไม่มีใครอยากได้ Kagerou เอาไปอ่านแล้วมาช่วยรีวิวกันมั่งรึวะ กูขี้เกียจเก็บไว้ให้ปลวกแดกนะว๊อย
ไลท์โนเวลนี่มีร้านหนังสือรับซื้อไหมวะ
>>884 turn 360 degrees and walk away, illustrated
http://imgur.com/ZFEfQcd
กองพลพลังเวท เหี้ยละเป๋าตังค์กูสั่น
บริจากหมด ถ้ามีหลักฐานชัดเจนก็ดีหนิ มีกองพลด้วยน่าจะมีโม่งแถวนี้ไปเนียนแจม(รึเปล่า?)
ดีกว่าไอ้ประมูลชุดว่ายน้ำนักคอสเป็นไหนๆ อันนั้นคิโม่ยสัส...
กูอยากรู้ว่าเรื่องไหนจะได้ราคาสูงสุดว่ะ
เดี๋ยวเซ็นชูเอามั่งละจะหนาว ISลายเซ็นอิซึรุ กับคาเงโร่ลายเซ็นจินจิน
ลายเซ็นอ.ฮิคารุนี่ทำกระเป๋าตังในมือกูสั่น....
ขอเพิ่มนิดนึง ชื่อคนแปล "เมื่อผมจับพลัดจับผลู ต้องมาเป็นครูในชุดเดรส" คือ "ธิรินทร์ อังค์ไพโรจน์"
เวรกรรม แล้วมาเป็นบก.ได้ไงเนี่ย
อยากอ่านนิยายโรแมนติกคอเมดี้แฟนตาซีที่ยังไม่มีแปลไทย มีเรื่องไหนสนุกบ้าง
อ่าน とある飛空士への追憶 อยู่แล้วน้ำตาจะไหล อยากอ่านโรมานซ์แบบนี้เยอะ ๆ
>>861 >>914
http://ja.wikipedia.org/wiki/四天王
ที่จริงน่าจะเป็น จตุมหาราช หรือ จตุโลกบาล น่ะ
บิชามงเทน (ท้าวกุเวร) ก็เป็นหนึ่งในนี้
>>913 ตอนแรกอ่านอันนั้นแหละ แล้วเล่มจบไม่ออกซะที เลยต้องไปหาดิบอ่าน
ถ้าเอาที่อ่านแล้วรู้สึกว่าอารมณ์คล้ายๆกัน (ไม่ใช่แนวเรื่องคล้ายกัน) 3月のライオン ก็ใช้ได้เลยนะ ชอบเรย์กับฮินะมาก
โม่งไหนที่อ่านสาววรรณกรรม4รู้เรื่องมั่ง อธิบายให้ฟังหน่อยดิว่ารู้เรื่องได้ไง กูงงจนต้องฝืนสังขารอ่านเทียบดิบ แค่ขึ้นมาอารัมภบทว่าเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงบอกว่าเธอเป็นคนที่อยู่ได้ทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดินน่ะ ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่าเขาทนโท่จะมาเธออีก นังดีวานั่นพูดถึงแฟมทอมนะ แล้วไอ้แฟนทอมในเรื่อง The Phantom of the Opera มันเป็นตัวผู้ นางเอกเป็นนักร้องโอเปราเรียกมันว่า "Angel of Music" เพราะมันแอบมาสอนร้องเพลงให้แล้วเสียงมันเพราะ ดันแปลคำว่าเท็นชิว่าเทพธิดาหมดเลย คงจtรู้หรอกนะว่ามันเป็นผู้ชาย
ขึ้นมาหน้า8 ซ่า สบาย เข้มข้นน่ะ มันเสียงฉีกแคว่ก เคี้ยวหมุบหมับ แล้วก็กลืนเอื้อกนะ ต่อด้วยเสียงกรีดร้องประหลาดดังขึ้นมาเงียบๆอีก เสียงอะไรใครบอกกูที ลงมาอีกนิดนึงเจอคำว่าการออกเสียง(accent) สมควรแปลว่าขับเน้นรสชาติมั้ยล่ะ ยังไม่ถึงหน้า10เลย มึนแล้ว พวกมึงหลอกกู ฮือๆๆ
>>916 กูบอกตั้งแต่ >>259 แล้วว่าเล่มนี้เปลี่ยนคนแปลแล้วแม่งประหลาดไป แต่ก็ยังพออ่านได้ล่ะนะ แถมใน >>862 ที่มีคนแย้งขึ้นมา และ >>865 ของกู นี่ก็บอกว่าแม่งเพี้ยนๆแปร่งๆไป ทั้งเรื่อง point of view ที่เป็นโคโนฮะทั้งเรื่อง แต่เล่ม 4 บางช่วงดันใช้สรรพนามเป็น"เขา" แทนซะงั้น ไหนจะคำบรรยายแปลกๆอย่าง "ลาดไหล่" "ลาดไหล่หายใจติดขัด"อีก ส่วนที่เอ็งว่ามาเรื่องคำอธิบายแปลกๆนี่ตอนอ่านไม่ได้สังเกตขนาดนั้นว่ะ มีข้ามๆส่วนที่โทโกะบรรยายเรื่องรสชาติไปเหมือนกัน แถมไม่มีเล่ม Jap ให้เทียบด้วย สงสัยว่ามีไอ้ที่แปลผิดอีกเยอะเหมือนกัน ชักเริ่มไม่ปลื้มแล้วสิ
เรื่องแปลดีๆเซนชูไม่พอใจ ต้องเปลี่ยนให้คนแปลแปลกๆมาแปล จะได้เหี้ยตามมาตรฐานสนพ.
กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันจะเปลี่ยนคนแปลทำไม ทั้งที่คนเก่าก็แปลดีอยู่แล้ว ส่วนคนใหม่ก็ถือพอใช้ได้นะ อ่านได้ใจความไม่ต้องอ่านแปลไทยเป็นไทยมาก
คนแปลลาออกรึเปล่า ไม่ได้อ่านคอปคราฟต์ด้วย ถ้าเรื่องนั้นเปลี่ยนคนแปลก็ยิ่งเป็นไปได้ (เดาเล่นๆ) พอดีมีคนรู้จักที่เป็นนักแปลค่ายอื่นลาออกกลางคันเพราะยุ่งกับเรื่องเรียนต่อไม่ก็งานประจำพอสมควร
อ้อ พูดถึงสาววรรณกรรมเล่ม 4 เท่าที่ลองไปอ่านฉบับญี่ปุ่นดู เจอจุดที่แปลผิดเยอะเหมือนกัน อย่างเช่นแปล passive เป็น active (ตย. 殺される ถูกฆ่า แปลเป็น ฆ่า)
คนแปลคนเก่าตอนนี้ไปแปลเรื่องไหนอยู่หรือเปล่า
ปกติการเปลี่ยนตัวคนแปลกลางเรื่องเนี่ย เขาไม่อยากทำกันหรอกนะ ไหนจะเรื่องสำนวน ไหนจะเรื่องความต่อเนื่อง คนที่มารับทำต่อก็ลำบากเหมือนกัน
คิดแบบเลวร้ายสุดคือคนแปลแตกหักกับสนพ.ไปแล้ว
คนแปลเก่ายังอยู่ แต่แปลแค่เรื่องคอปคราฟต์ กับ คุณขอมาพระเจ้าจัดให้ สงสัย Zesnshu กะเข็นหนังสือออกไวๆ มั้งเลยแบ่งงานกระจายๆ กันไป
บางทีมันก็มีกรณีที่คนแปลขอเลิกกลางคันเพราะงานโหมเยอะเกินนี่
อย่าง darkneon คนแปลอาเรียกระสุนแดงเดือด (ใช้ชื่อ dragonsplash) ยังดรอปเล่ม 3 เลย กว่าจะหาคนอื่นมาแปลต่อจบเล่มได้นี่ทิ้งช่วงโคตรนาน
รึมันโยกคนแปลเก่งๆ ไปแปลเล่มแรกๆ ที่ซื้อมาใหม่เป็นไกด์ก่อน พออยู่ตัวค่อยเปลี่ยนเป็นมือรอง
ตอนที่กูเห็นเซนชูตอบในเพจแบบ >922 บอก กูแอบคิดในใจว่าหรือคนแปลมันจะปวดตับระยะสุดท้ายจนหมอสั่งงดแปลเรื่องนี้วะ 555
>>924 ถ้าทำแบบนั้นจริงกูว่าสำนักพิมพ์แม่งก็บ้าบอเกินไปแล้ว เพราะปกติมันเป็นแบบ >>921 บอก ถ้าไม่ติดขัดจริงๆ ไม่มีใครอยากเปลี่ยนคนแปลกลางคันหรอก การแปลที่ดีที่สุดคือให้คนเดิมแปลต่อ ยิ่งในกรณีนี้แปลดีจนมีแต่เสียงชื่นชมด้วย ไม่ใช่ว่าแปลห่วยจะได้เปลี่ยนคนแปลใหม่
กูว่าน่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัวที่คนแปลมากกว่าว่ะ
เข้าทำนองคนแปลมีฝีมือแล้วเล่นตัวรึเปล่าฟะ
พองานออกมา ได้รับเสียงตอบรับดี ก็เล่นตัว ผมจะไปแปลให้ที่อื่นแล้ว บลาๆ เลยทิ้งงานกลางครัน
แต่คิดอีกที คงไม่หรอก วงการแม่งก็แคบอยู่แค่นี้ มึงทำเหี้ยอะไรไว้ที่ไหน มีฉาวไปทั่วทุกสำนักพิมพ์
มึงไม่คิดว่าเค้าย้ายไปแปลวานาดิสตามคำขอพวกมึงไง
ลักพิมพ์ มันออกโอเระชูระยังวะ
จากลักษณะการแปลคาดว่าเขาคงไปทำอย่างอื่นที่รายได้ดีกว่าการแปล
เพื่อนโม่งช่วยรีวิว quick save & load ปริศนาล่าท้าเวลา หน่อยสิ ปกแม่งน่าสนใจดี
Q S&L ของ Enter ส่วนตัวไม่ค่อยถูกจริต (เพราะมาฆ่าตัวตายนี่แหละ) รู้สึกว่าเรื่องเดาไม่ค่อยยาก ไม่ค่อยกดดันเท่าเรื่องอื่นๆ ในแนวสืบสวนเหมือนกัน แต่ก็พออ่านเรื่อยๆ ได้
โอเคสำหรับกูนะเพราะพระเอกมันไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลชีวิตโดนกดดัน รึซีเรียสอะไรมันแค่จะโหลดเซฟมาเล่นใหม่อีกรอบเฉยๆ แนวเรื่องมันความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดเป็นแค่เรื่องทั่วๆ ไปของมัน จะมีปัญหาเพราะคนอื่นตายมากกว่า
แนวเรื่องสืบสวนแบบค่อยๆ เฉลยปมโดยการแสดงให้เห็นการรวบรวมข้อมูลผ่านสายตาพระเอกที่ตายวนเวียนไปมาหลายรอบ ไม่ซับซ้อนมากมีดราม่าพอควร ไม่มีลื่นมือทิ่มนม ล้มหน้าทิ่มหี อ่านได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ คะแนน4/5
พวกมึงเมาเหี้ยไรมาเนี่ย ก็เห็นๆอยู่ว่ามันแปลออกมาดีจะไปทำงานที่รายได้ดีขึ้นมันแปลกตรงไหนวะ
กูก็พิมพ์อยู่ว่า"คาดว่า"
ถ้าสยามได้ SD มาจริงๆ นี่กูกรี๊ดเลยนะ กูขอแค่ campione , papa no , rokka , bento ก็พอแล้ว จัดให้กูหน่อยเถอะ กูอยากเสียเงินให้มึงจริงๆ นะsicl
LNเรื่องแรกของค่าย เล่มละ200 กระดาษกรีนรี๊ด
http://imgur.com/I7At0Gm
http://imgur.com/MYoQTvO
http://imgur.com/TuGIeAs
http://imgur.com/ssp6bsF
http://imgur.com/QoiWDM7
http://imgur.com/gK6sBUn
ไม่เปลี่ยนภาษาชื่อคนแต่งคนวาด แล้วจะอ่านออกไหมเนี้ย
SD เรื่องเหี้ยไรวะ
LN บ้านเราถูกไป? ไม่ว่าจะคิดราคาต่อกระดาษหรือราคาต่อคำแม่งก็แพงกว่านิยายปกตินะ
หรือต้นทุนอย่างอื่นมันสูงกว่าวะ? ค่าแปลกับค่าลิขสิทธิ์มันแพงกว่านิยายปกติหรือไง
ดูในรูป กระดาษแม่งก็ไม่ได้ต่างกับ LN เจ้าอื่นๆ
พอบอกเป็น GR เลยเนียนอัพราคาแพงกว่าเลยเรอะ
ไม่ต้องเป็นห่วงสายตากูขนาดนั้นนน
เป็นห่วงกระเป๋าเงินกูเหอะ
ไลท์โนเวล 4 เล่มจบ (ขายพ่วง?) ยังล่อไปตั้ง 200 บาท บิ้กเนมแม่งคงฟันหัวแบะ
อ้างว่า green read เลยตั้งแพงๆได้นี้ อย่าหวังจะได้แดกเงินกูเลยวะ
green read ของสยามเล่มเล็ก หน้าสีแผ่นสองแผ่น ปกชั้นเดียวยังราคาพุ่งถึง90บาทได้เลย
โทษทีว่ะ กูไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ใช้กรีนรี้ดกับนิยาย LN
LN มันจำเป็นต้องกระดาษดียังงั้นเลยเหรอวะ
อาจจะพูดแล้วฟังไม่เข้าหูบางคน แต่ความเห็นกู มันก็แค่กระดาษที่ใช้พิมพ์ตัวหนังสือ
ความสำคัญมันอยู่ตรงเนื้อหาที่ตัวหนังสือนั้นสื่อออกมา ไม่ใช่ตรงกระดาษที่ใช้พิมพ์
เอางบประมาณตรงนั้นไปใส่ให้คุณภาพการแปลยังจะดีซะกว่ารึเปล่า
แต่ละคนมันความพอใจไม่เหมือนกันว่ะ ถ้าถามกู กูชอบกระดาษถนอมสายตา
กูห่วงสายตากูมากกว่ากระเป๋าตังค์เยอะ สายตามีคู่เดียวหาซื้อใหม่ไม่ได้ เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้
อีกอย่างกูซื้อมาเก็บยันตายด้วย ไม่ได้อ่านแล้วปล่อยทิ้ง เพราะงั้นกูอยากได้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ที่จะอยู่ไปกับกูในสภาพเดิมได้นานที่สุด
กูมีทั้งมังงะยุ่นมังงะไทย วางชั้นเดียวกัน สภาพแวดล้อมเดียวกัน ของไทยแม่งซื้อมาทีหลังเหลืองก่อน ก็ตามราคาล่ะนะ
กุมาช้า ถามให้ชัวร์ All you need is kill นี่ของชูเอฉะเหรอวะ?? งั้นกุจะมีโอกาสได้อ่านแคมปิโอเน่กับเบนโตะแล้วใช่มั้ยๆๆ
กระดาษถนอมสายตาในโลกนี้มีมากกว่ากรีนรีดเว้ย ไอ้นั่นมันก็แค่ยี่ห้อนึง
ถ้ามึงอยากถนอมสายตาสุดๆ กูแนะนำกระดาษหนังสือพิมพ์แบบการ์ตูนเนชั่นเว้ย ไม่เหลือง ไม่สะท้อนแสง ผ่านการพิสูจน์จากนักอ่านมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณตาคุณพ่อจนถึงทุกวัันนี้
ของแจ่มใสก็กรีดรีด หนังสือไม่เห็นแพงเลยออกจะถูกกว่าเจ้าอื่นๆด้วยซ้ำ
แต่กระดาษพิมพ์นิยายที่แต่ละสำนักพิมพ์ใช้กันอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่กระดาษที่ห่วยนี่หว่า
คุณภาพมันก็ดีพอตัว หรือพูดว่าสมกับระดับของไลท์โนเวลแล้ว ไม่เห็นถึงกับต้องอัดกรีนรี้ดแล้วขึ้นราคา
ขนาดต้นฉบับญี่ปุ่นมันยังใช้กระดาษที่ดูเกรดต่ำเนื้อออกสีเหลืองๆ น้ำตาล
ราคาขายก็อยู่แค่เล่มละ 500-600 เยน เทียบแล้วแพงกว่าราคาการ์ตูนอยู่หน่อยเอง
ไลท์โนเวลมันไม่ใช่สินค้าเกรดพรีเมียมระดับนิยายฝรั่ง ที่ต้องการรูปเล่มสวยหรู
ชื่อมันก็บอกแล้วว่าไลท์โนเวล เป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นช่วงม.ต้นขึ้นไป
ไทยดันเปลี่ยนโพสิชั่นนิ่งให้มันกลายเป็นสินค้าราคาแพงซะงั้นแหละ
ใครซื้อกุไม่ซื้อวะ lnกากๆ ขายพว่งเอามาขายราคาตั้ง200 ควยยยย
เพิ่มอีก79บาท ได้มาโอยู ได้lh ได้ เด้กเตอร์ซีรีย์ เพิ่มอีก35บาทได้ไมรอนซีรีย์
เพิ่มอีก15บาทได้ มิลกี้ซีรีย์ แม่งขายพอๆกับราคาวรรณกรรมแปลเลยวะ ควายที่ไหนซื้อก้ซื้อไปละกัน
มิคกี้ซีรีย์ดิ*
มิลกี้ http://m.imgur.com/vc3LBmb
>>991 เอาเถอะ จริงๆกุก็แอบหลงประเด็นเหมือนกัน
แต่นะ ประเด็นที่จะสื่อมันคือ ต้นทุนราคาสินค้าต่อชิ้นไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการตั้งราคาสินค้า เหมือนกันแหละ
แถมต้นทุนหนังสือต่อเล่มไม่ได้จบที่ค่ากระดาษ ค่าแปล ค่าลิขสิทธ์อีกนะ
โรงพิมพ์ที่รับพิมพ์ไลท์โนเวลดีๆก็ไม่ใช่ว่าจะมีไปทั่ว สายส่งของตัวเองก็ไม่มี ต้องจ้างเขา
และที่สำคัญ ยังมีความเสี่ยงที่จะหนังสือจะขายไม่ได้หมดอีก
ยิ่งตลาดไลท์โนเวลนี่ ถ้าเอาไปเทียบกับตลาดหนังสืออื่นก็ถือว่ายังเล็ก(แต่ตอนนี้ก็เริ่มเฟ้อละ)
สนพ.ต่างๆก็ยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโตกัน ไม่ได้เจริญเต็มที่จนมั่นคงอย่างพวก สนพ. นิยายแปลอังกฤษแล้ว ล้มทีก็อาจเจ๊งได้
ถ้าทำออกมาแล้วยังไงก็ขายได้หมดทุกเรื่อง ทุกเล่ม ราคานิยายที่เราๆซื้ออ่านกันคงต่ำกว่าร้อยไปนานละ
>>972 ถูกไปเรอะมันก็อัพราคามาเรื่อยๆนะ
ตอนแรกลักพิมพมาก่อน ราคาเบสประมาณ 120-140 (DEX ก็ประมาณนี้ถ้าเป็นเล่มปกติ ส่วนบลิสนี่กูไม่ทันไม่ได้ซื้อ)
พอมาเซนชูก็เบสแถว 140-160 กรณีเป็นเล่มปกติ
มาสยามมันจะลองดีดราคาไปอีกก็เหมือนจะเป็นตามเวลา ถ้าขายออกรึไม่ออกมันก็รู้เอง
แต่ถ้าเป็น คัมปิโอเน่ ราคานี้มากูก็ซื้อนะ แต่นี่เรื่องอะไรก็ไม่รุ ไม่เอาว่ะ
ถ้ามึงเอาราคาบลิสลิมิตเป็นเบส มึงก็จะเห็นว่าแม่งราคามันไม่ได้ขยับเลยเป็นสิบปีแล้วมั้ง (สมัยโน้นเบสการ์ตูนมันอยู่ที่ 35-40 บาท) แต่ถ้ากูคิดอีกแง่ สมัยนั้นบลิสมันคงโคตรฟันกำไรเลยสินะ
กูไม่ทันสมัยไม่ถึงร้อยหวะ ถูกสุดที่กูมีคือใต้ฟ้าเล่มแรก100บาท
กูว่าขึ้นอีกหน่อยก็ยังพอรับไหวนะ
เล่มนึงกูอ่านประมาณ 3 ชม. แล้วแต่ความยากง่ายในการทำความเข้าใจแต่ละเรื่อง เทียบกับอ่านการ์ตูนเล่มละ 15 นาที
แต่ขึ้นแต่ราคาแล้วยัง แปลเหี้ย เหมือนเดิมงี้ไม่เอา
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.