Fanboi Channel

(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า vol.6

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:suVJekv5K

(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า
https://fanboi.ch/animanga/893/
(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า vol.2
https://fanboi.ch/animanga/1943/
(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า vol.3
https://fanboi.ch/animanga/2318/
(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า vol.4
https://fanboi.ch/animanga/2765/
(Manga) พูดคุยและวิจารณ์ เล่มหนังสือมังงะ สนพ. และร้านค้า vol.5
https://fanboi.ch/animanga/2908/

รายละเอียดที่คุย
1) เรื่องรูปเล่มมังงะ: ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แปล กระดาษ เข้าเล่ม ยันดีไซน์ปก
2) สำนักพิมพ์: ก็คล้ายๆข้อแรกแหละ แต่มีพวก LC พวกเรื่องข่าว สนพ.
3) ร้านค้า ร้านขายส่ง ร้านมือสอง: ร้านไหนขายเท่าไร ลดเท่านี้ เท่านั้น ยันเรื่องคนขาย
4) ebook: หนังสือ ebook แมกกาซีนออนไลน์ การใช้งาน app

2 Nameless Fanboi Posted ID:ffFo2Zb53

ถั่วดำ ณ พันทิปหายไปไหนครัฟ

3 Nameless Fanboi Posted ID:Z.Q+iBag0

>>>/animanga/2908/999 มึงไม่ซื้อ E book ก็หุบปากเน่าๆของมึงไป มึงมีสิทธิไม่ชอบ E book เพราะแปลไม่ดี อยากได้รูปเล่ม นั้นก็สิทธิของมึงที่จะไม่พอใจสินค้า แต่การที่มึงบอกว่าไม่พอใจสินค้าลิขสิทธิ์ก็เลยไปอ่านของละเมิดลิขสิทธิ์แทนนี่จัญไรมากๆ วงการการ์ตูนไม่เจริญเพราะมีคนแบบมึงนี่แหละ ถ้ามึงไม่ชอบสนพ.ไทย ตัวเลือกของมึงคือไปซื้อของลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นซะ

4 Nameless Fanboi Posted ID:SoOU2Jf+S

>>2 มันโผล่มากระทู้ kuromukuro เเล้วตะกี้ กูนึกว่ามันตายเเล้วซะอีก

5 Nameless Fanboi Posted ID:ffFo2Zb53

ทำไมหลังๆไม่นินทาเซเลปกันเลยคับ
ห้องเกมยังนินทาได้เลยกลัวอะไร มีแต่เถียงเรื่องลิขสิทธ์งี่เง่าน่าเบื่อจะตาย
มะนาวช่วงนี้สุกี้ขึ้นราคาคงเครียดน่าดู

6 Nameless Fanboi Posted ID:yOSDMQ.PH

>>5 อยากนินทาเซเลปกรุณาไป netwatch

7 Nameless Fanboi Posted ID:MSMOG/Ljy

e book ภาพชัดจะตาย ดีกว่าแสกนกับเล่มตั้งเยอะ เอาแค่นี้ก็คุ้มแล้ว แค่แปลให้ดีก็พอ

8 Nameless Fanboi Posted ID:0H6o6z6yC

>>5 กุจะยอมฟีดโทรล ห้องนี้คนเรื้อนๆมีน้อย เขาเข้าใจกฎระเบียบกัน ว่าง่ายๆให้ดูแรงหน่อยก็คือ เกมเมอร์อย่างพวกมึงแม่งกากกว่าโอตาคุซะอีกว่ะ

9 Nameless Fanboi Posted ID:es5xlGCTY

>>3 สำเร็จความใคร่ทางศีลธรรมเสร็จแล้วก็ไปโหลดเมะดูต่อสินะ
ทำไมปลิงบางตัวถึงชอบทำตัวสูงส่งกว่าปลิงตัวอื่นจังคับ
หลอกให้คนอื่นซื้ออีบุค แต่ฮาร์ดดิสตัวเองเต็มไปด้วยสแกนเถื่อน
ขนาดเป็นโม่งยังสร้างภาพอีก เฮ้อออ

10 Nameless Fanboi Posted ID:V+eqjIi.R

หนังสือคุณภาพไม่สมราคาก็ต้องมีคนบ่นอยู่แล้ว จะมาแขวะทำไมวะ คนทำงานหาเงินเองเวลาซื้ออะไรก็ต้องรู้จักใช้สมองคิด ไมได้แบมือขอตังพ่อแม่ใช้หรอกนะ เจอมุกเนียนปรับราคามาหลายรอบแล้วยังอยากทำตัวนิ่งเป็นวัวก็ทำไป ไม่ต้องมาเหน็บคนที่เขาบ่นหรอก อีกอย่างที่หลายๆคนบ่นเพราะเขาเก็บมาเยอะด้วย ถ้าแค่หลวมตัวซื้อแค่ไม่กี่เล่มหรือเพิ่งมาซื้อการ์ตูนตอนนี้ กุก็คงจะพูดเท่ๆเชิดชูebook ข่มคนเก็บหนังสือ ในโม่งได้เหมือนกันละว้า

11 Nameless Fanboi Posted ID:/I.Noxuqe

หนังสือกูซื้อมาหลายเล่มเป็น 20 ปีแล้ว แต่พอมี ebook มากูก็เก็บ ebook แทนว่ะ ของเก่ามีเป็นพันเล่ม
แต่สุดท้ายทยอยทิ้งหมด เหลืองกรอบ จะเอามาแสกนเองทำ ebook เองก็ไม่ไหว สงสารเครื่องแสกนว่ะ
เคยเอามายัดใส่ทีเครื่องแสกน 5 นาทีเสร็จ แต่ทำไปได้เล่มเดียวเลิก ลูกกลิ้ง feed ดำปี๋ ล้างเครื่องเป็นชั่วโมงนึกว่าเครื่องแทบพัง
แถมคุณภาพออกมา กากเกลือเอามากๆ แสกน 600dpi แต่ภาพห่วยสัด หนังสือไทยมันไม่ตัดไม่เอียงก็เบี้ยว
ต่อให้เล่มที่ทำเป็นพิเศษราคาเท่ากับญี่ปุ่นแม่งก็ตัดกระดาษเบี้ยว แถมกาวงี้ยัดไปได้กระดาษละลายไป 20% มั้ง
หน้าคู่ไม่ต้องหวังอะไรมากภาพเอามาต่อกันดูแทบไม่รู้เรื่อง

สุดท้ายกูเลยพบสัจธรรม หนังสือไทยน่ะแค่อ่านพอรู้เรื่องเสร็จแล้วก็ทิ้งๆ มันไปเหอะ ไม่น่าสะสมเลยซักนิดพิมพ์ก็ห่วย ตัดเบี้ยว
พิมพ์กาก บางทีก็เอาภาพความละเอียดต่ำมาพิมพ์ บางค่ายตัวอักธรศีรธรรมตัวใหญ่เท่าบ้านใส่มาทำอะไรของมัน

ถ้าจะสะสมก็ซื้อเล่มญี่ปุ่นไปเลยเหอะมันดีงามกว่ากันเยอะไม่ต้องอารมณ์เสียเวลาอ่านด้วย
ภาษาญี่ปุ่นเรียนเอาแค่อ่านหนังสือการตูนรู้เรื่องมันก็ไม่ได้เรียนนานยากเย็นอะไร ขีเกียจๆ หน่อยเรียนปีนึงก็พอถูๆไถๆ ได้ล่ะ

12 Nameless Fanboi Posted ID:LCFDkdDoz

>>11 กูบรรลุถึงขั้นสะสมไปทำไมแล้วว่ะ

13 Nameless Fanboi Posted ID:6E6FjGguI

กูไม่อยากซื้อการ์ตูนของสยามเลยว่ะ กูเป็นลูกค้าจ่ายตังอุดหนุนแท้ๆ เขาตอบคำถามกูไม่ดีเลย หรือกูไปถามการ์ตูนเรื่องที่ชอบว่าจะออกเมื่อไหร่บ่อยไปวะ
ตอนแรกกูตัดสินใจจะซื้อebookด้วย ตอนนี้กูว่าจะเอาการ์ตูนไปทิ้งแล้วเก็บตังซื้อของแท้เอา แต่กูอ่านยุ่นไม่ออกนี่สิ การ์ตูนที่กูชอบเป็นการ์ตูนเฉพาะทางด้วยสัส ศัพท์เทคนิคเยอะ ขนาดสยามยังแปลไม่ค่อยถูกเลย ถ้ากูไม่มีความรู้มาก่อนมีหวังงงแหงๆ แถมคนนิยมน้อยอีก ชอบอะไรที่คนไม่นิยมนี่ลำบากสัสๆ ฝรั่งก็ยังไม่ซื้อมาแปล(คนชอบน้อยขายลำบาก) ไม่งั้นกูคงไม่ต้องซื้อสยามแต่แรก เหอะๆ

14 Nameless Fanboi Posted ID:qT5PZtIuA

ถามสยามคงได้คำตอบแต่ ยังไม่มีกำหนดครับ ไม่ก็ต้นฉบับยังไม่มา
ดังนั้นอย่าถามเลย 555

15 Nameless Fanboi Posted ID:emX/hFiqB

กูไปถาม Black lagoon เล่ม 10 กะ บก. สยาม บอก ว่าอยากพิมพ์โครตๆ แต่ ยุ่นไม่ยอมปล่อยต้นฉบับซะที ออกมาพิมพ์แน่ๆ สาดดดด

16 Nameless Fanboi Posted ID:D.cSIpq8s

กูโชคดีสินะที่ทวงกันดั้มเอ็กซาแล้วสองสามเดือนถัดมาออก

17 Nameless Fanboi Posted ID:t4lNuMjyd

>>9 ปลิงบางตัวมันอ่านสแกนอิงไม่ออกไง

18 Nameless Fanboi Posted ID:6q+Vv8rnY

>>16 มึงแค่ 2 - 3 เดือนเรอะ พวกกุ ทวงมาเป็นปีถึงออกเฟ้ย 555+

19 Nameless Fanboi Posted ID:YVsqnIsfu

>>11 เสือก กูมีหลักหมื่นเล่มว่ะ เหลืองกรอบกูก็อ่านได้ อยากทิ้งเรื่องมึง จะไปให้คนอื่นเสียตังซื้อยุ่นแพงๆซ้ำ เรียนยุ่นอีก ทำส้นตีนไร เสียเงินเท่าไหร่ เก่งจริงออกตังให้กูสิ ถถถถ

20 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

ยังไม่พ้นเรื่อง ebook vs หนังสือคุณภาพต่ำ อยู่ดีแฮะ
พอมีเรื่องอื่นให้คุยบ้างไหม

21 Nameless Fanboi Posted ID:BfRv6NK/e

พวกไม่เคยใช้ e book ก็ rant ไปเรื่อยละ แก้ไม่หายหรอก

รอดูกระแสงานหนังสือดีกว่า กูว่าค่ายต่างๆ คงจะใช้งานนี้ประเมินครั้งสุดท้ายว่าจะเลือกทางไหน ไม่ก็หาทางยืดชีวิตต่อไป แต่หลังจากนี้คงจะเห็นได้ชัดละว่าแต่ละสนพ.จะเลือกทางไหน

22 Nameless Fanboi Posted ID:BSuOwKVhc

NED จะออกเป็นอีบุ้คด้วยหรือเปล่า

23 Nameless Fanboi Posted ID:t4lNuMjyd

ถ้าเลือกทาง e-book ก็เตรียมลงนรกตามค่ายวีไปได้เลยครับ
สงสารพวกเริ่มสะสม e-book อนาคตคงต้องไปหาโหลดสแกนอิงมาสะสมต่อ

24 Nameless Fanboi Posted ID:YVsqnIsfu

พวกe-bookแม่งชอบกัดพวกซื้อเล่มจริงทั้งที่เป็นลิขสิทธิ์เทียบเท่ากัน สมน้ำหน้าแล้วที่พวกมึงโดนพวกอ่านสแกนด่าว่าโง่เป็นควาย

25 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

>>21 ตามนั้นล่ะ มโนตามเถียงกันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

26 Nameless Fanboi Posted ID:yxyCrdNgq

กุยังคาใจ Ichigo 100% อยู่ มันขายไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ กุทิ้งของ ANT ไปแล้วนะเหวย

27 Nameless Fanboi Posted ID:3WY739Ho3

>>26 น่าจะรอต่อแพอยู่
Siam Inter Comics ทางกองบ.ก ยังไม่แจ้งอะไรกลับมาครับ หากมีความคืบจากกองแล้วจะแจ้งให้ทราบครับว่ามีกำหนดเมือไรในตารางวางจำหน่าย
ถูกใจ · ตอบกลับ · 1 · 13 กรกฎาคม เวลา 17:42 น.

28 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

>>26 เดาว่าโดนเงื่อนไขให้พิมพ์ใหม่ตั้งแต่ เล่ม 1 แทน เพราะญี่ปุ่นเปลี่ยนปกใหม่
siam ดูว่าขายไม่ได้เลยทิ้งล่ะมั้ง

29 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>26 คงขายได้กลางๆแหละ แแต่ทุนสยามน้อยลงบวกกับเป็นกระดาษ Gr ที่ต้นทุนสูงด้วยเลยชะลอไปก่อน เดี๋ยวพิมพ์ห้องเรียนนักฆ่าจบแล้ว กุว่าคงออกแหละ

30 Nameless Fanboi Posted ID:AoB4.snph

นี่มันยุค4.0แล้ว พวกอนาล็อกดึกดำบรรพ์ก็ยังดิ้นรนจะเอาหนังสือเล่มคุณภาพห่วยๆกันอยู่ อยากได้ของสะสมซื้อเล่มญี่ปุ่นเลยสิวะ ไปเก็บของกากทำไม การ์ตูนย้อนไป15ปีที่บ้านกู โชคดีมากที่ขายมือสองได้ นึกว่าต้องทิ้งทั้งหมดเปล่าๆเสียอีก เพราะมันเหลืองน่าดู บางเรื่องก็ปกนอกขาด อย่าหาว่าเก็บไม่ดีนะ ก็วางแบบบ้านคนธรรมดาเค้าวางกันน่ะแหละ มีชั้นหนังสือ แต่ไม่ได้เว่อร์ขนาดเอาซองพลาสติกมาหุ้มทุกเรื่อง หรือเก็บในตู้เซฟ มีอีบุ้คให้อ่านก็ดีแล้ว เสียครึ่งราคา ถ้าอยากเก็บเรื่องไหนจริงจัง ก็ซื้อเล่มญี่ปุ่นเอา เชื่อกูเถอะ เอาจริงๆแล้วในชีวิตมึงไม่ได้อยากเก็บสะสมการ์ตูนทุกเรื่องหรอก บางเรื่องอยากอ่านแล้วปล่อยผ่านไปจากชีวิตเลยก็มี

31 Nameless Fanboi Posted ID:nbdQPX8.0

>>28 โดนบังคับให้เปลี่ยนปกใหม่ทั้งๆที่เริ่มพิมพ์+วางจำหน่ายไปแล้วเนี่ยนะ? ถ้าจริงกูว่าญี่ปุ่นมันก็ชอบทำอะไรประหลาดว่ะ ยังกะมนุษย์ป้าเอาแต่ใจตัวเองมาขายของ ออกเงื่อนไขไม่เกรงใจลูกค้าเลย ยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่เน่าไปทั้งโลกแบบนี้ด้วย

กูก็รออยู่นะ ยังดีที่เป็น GR แต่กูขอให้ออกบ้างสักสองสามเดือนต่อเล่มก็ยังดี

32 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

กุเก็บebook ได้นะ ถ้าสนพ. มันรับรูปเล่มที่กุมาซื้อก่อนหน้าในราคาปกอะ หรือไม่ก็จัดโปรเอาเล่มเก่ามาแลก ebook อะ ไม่ใช่เอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาอ้างหักคอคนที่ซื้อเก็บรูปเล่มก่อนหน้านี้ ไว้ฐานเงินเดือนไทยเท่าญี่ปุ่นแล้วภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นภาษาที่สองของไทยก่อนค่อยบอกให้คนอื่นซื้อเล่มญี่ปุ่นก็ยังไม่สายนะฮะ แหม่ แสกนยึดหัวหาดหมดแล้ว คนอ่าน ebook ยังมาทำลายฐานลูกค้าเดิมอีก ถ้า ebookขายไม่ดีอีก คงได้ลอยแพอ่านแสกนกันถ้วนหน้า

33 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>31 ก็แปลกดีนะ สัญญาทำไปแล้ว พิมพ์ไปแล้ว มาออกเงื่อนไขเพิ่มทีหลังงี้ได้ด้วยหรอวะ แล้วอีกเรื่องที่กุไม่เข้าใจคือ เวลานักเขียนย้ายค่ายที นี่สัญญาเป็นโมฆะหมด แล้วต้องมาดีลใหม่ พิมพ์ใหม่ตั้งแต่เริ่มเนี่ย โคตรไม่แฟร์เลย ใครพอรู้ช่วยอธิบายข้อกฏหมายให้หน่อยได้ไหมครัช

34 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

เห็นเอาเรื่องแสกนมาอ้าง เอาเข้าจริงถ้าไม่ใช่สายหลักมันหาไม่ค่อยได้นะ
พวกการตูนตาหวานนี่น่ะตัวดีเลย มีแสกนก็จริงแต่ส่วนมากแปลไม่กี่ตอนแล้วดองหายไปเลย

35 Nameless Fanboi Posted ID:4By+kAxvs

การ์ตูนไม่ใช่สินค้าจำเป็น ถ้าคนเสพแสกนจนชินแล้ว เขาหาแสกนไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัจจัยบังคับให้เขาซื้อแล้วว่ะ

36 Nameless Fanboi Posted ID:AoB4.snph

>>32 อันนั้นก็ตลกละ คือมึงจะให้เค้าจ่ายเต็มราคาปก ไม่หักตอนที่มึงซื้อแบบลดราคาเลยรึ แล้วไหนจะค่าอ่านส่วนที่มึงได้อ่านไปแล้วอีกล่ะ ต่างอะไรกับขออ่านฟรีวะแบบนั้น

37 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>36 กุบอกว่า ถ้าจะให้กุซื้อebookเก็บ.. อย่าใช้อคติแล้วมานั่งจับผิดคำต่อคำประโยคต่อประโยคแบบนี้ ไม่งั้นเถียงกันไม่จบหรอก

38 Nameless Fanboi Posted ID:nbdQPX8.0

>>33 คงเป็นข้อตกลงในสัญญาล่ะ ถ้านักเขียนย้ายค่ายสัญญาที่ทำไว้ต้องถูกยกเลิกไปด้วย อันนี้กูเข้าใจเป็นเรื่องปกติ แต่ที่กูไม่เห็นด้วยคือ พอไปอยู่กับค่ายใหม่ต้องพิมพ์ย้อนหลังตั้งแต่เล่มแรก ไม่สามารถออกเล่มต่อได้เนี่ยล่ะ มึงน่าจะอลุ่มอล่วยบ้าง ถ้าเห็นว่ามันทำให้คู่ค้ามึงจะตายเอาเนี่ยก็หยวนๆให้ออกเล่มต่อไปเถอะ

39 Nameless Fanboi Posted ID:AoB4.snph

>>37 กูจับผิดตรงไหนวะ นี่พูดตามเนื้อผ้าเลยนะ และไม่ใช่ทุกคนแน่ๆที่ตอนซื้อมา ซื้อราคาเต็มตามปก หาร้านที่มีส่วนลดกันทั้งนั้นแหละ หรือไม่ก็งานหนังสือโน่นเลย หรือต่อให้สนพ.มันบ้าจี้ยอมแลกคืนเงินให้ มีอะไรรับรองว่าลูกค้าจะเอาเงินนั่นซื้ออีบุ้คเรื่องเดียวกัน

40 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

>>37 ไม่เป็นไร ยังมีคนพร้อมจ่ายนอกจากมึงอีกเยอะ

41 Nameless Fanboi Posted ID:t4lNuMjyd

e-book นี่ออกมาเพื่อทำลายล้างตัวเองชัดๆ ลูกค้าที่สะสมรูปเล่มก็จะหายไปอีกส่วน
สนพ โง่ๆ บางสำนักมันเก่งแต่การเนียนขึ้นราคาเท่านั้นแหละ

42 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>39 กุบอกแค่ในกรณีของตัวกุเอง ถ้าอยากให้กุหรือคนที่คิดคล้ายๆกุหันไปเก็บมันต้องมีข้อเสนออะไรแบบนี้เพื่อจูงใจ แล้วที่กุบอกมันก็มีอย่างหนึ่งไม่ใช่หรอที่ ทำโปรเอารูปเล่มมาแลก ebook ไง แล้วเรื่องส่วนลดขอทีเถอะ ถ้าไม่ใช้แผงลอยใกล้บ้านหรือทางผ่านใกล้ๆ คนคงไม่ขวนขวายเพื่อส่วนลดไม่กี่บาทหรอก มันไม่คุ้ม ส่วนที่รอลดเพื่อเศษหนังสือกุว่าส่วนน้อยว่ะ ส่วนใหญ่ไปตามเก็บนิยายหรือยกชุดมากกว่า

43 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>40 เชิญ หวังว่าคงจะไม่ใช่พวกซื้อแต่ปากอย่างที่พวกเมิงเหน็บกันในนี้หรอกนะ 5555

44 Nameless Fanboi Posted ID:29qJA4TzL

ตอนสมัยช่วงเปลี่ยนจากกระดานชนวนมาเป็นกระดาษ จะมีหัวเก่ากับหัวใหม่เถียงๆกันแบบนี้บ้างไหมนะ

45 Nameless Fanboi Posted ID:.pJB0v6sY

>>41 มึงรู้ป่าวว่าสนพ.ญี่ปุ่นออก e book เป็นหมื่นเรื่องแล้ว ภาพคมชัดใสกิ๊ง ราคาก็ถูก แต่เสือกบวกภาษีตอนซื้อ เหี้ยจริงจัง

46 Nameless Fanboi Posted ID:xcK806F8f

เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้ออีบุ้คส์ดูบ้างก็พบว่ามันก็โอเคนะ อย่างเมื่อวานกูจะอ่าน CMB กูก็ซื้อมันได้ทันที ไม่ต้องรอเช้าหรือแวะไปห้างเพื่อไปซื้อในร้านการ์ตูน คิดแง่นึงก็ประหยัดค่าเดินทาง ค่าส่งดี อยู่บ้านก็ซื้อได้เลยไม่มีต้นทุนไรเพิ่มไปกว่านี้ เสียแต่ตูนให้กูซื้อน้อยชิบหาย

ข้อเสียไร้สาระนึกได้อย่างคือเอาให้เพื่อนยืมอ่านกันไม่ได้ 555

47 Nameless Fanboi Posted ID:6m9h4jWus

ช่วง 2-3 สัปดาห์หลังนี่ vbk เล่มออกเยอะแล้วนะ e book
ประมาณสัปดาห์ละ 5 เล่ม พอๆกับช่วงก่อนมีปัญหา
กูเสียตังค์ไป 5 เล่มละ ballroom 2 , mashiro no oto 2 , CMB 1

48 Nameless Fanboi Posted ID:tSD4zzZzh

กูอยากซื้อ ebook นะ แต่กูยังหา device อ่านที่เหมาะกับกูไม่ได้ กูไม่มี iPad โทรศัพท์กูก็บ้านๆ เล็กเกิน อ่านบนคอมก็ไม่ชอบ กูควรหา Kindle สินะ

49 Nameless Fanboi Posted ID:Gg16YVDGM

>>48 ลองพวกแท๊บเล็ตจอ 7 นิ้ว จะพอๆ กับกระดาษ (8 นิ้วจะพอดี แต่มันพกไม่สะดวก)
ลองเป็ดเว็บมังงะลองที่ร้านก่อนก็ได้

50 Nameless Fanboi Posted ID:GkxwbYpTt

ตอนนี้ใช้ ipad mini แต่อยากหาพวกความจุเยอะๆเหมือนกัน
เล่มละ 100+ mb แป๊ปเดียวแม่งคงเต็มละ

51 Nameless Fanboi Posted ID:xcK806F8f

>>47 mashiro เนี่ยกูยังดองสมัยเป็นเล่มอยู่เลย เลยยังไม่ได้ซื้อ ส่วนตัวอยากให้เอาเมื่อวานเจ๊ทานอะไร QED พวกนี้มาลงด้วย แต่ CMB มาแล้ว QED ก็น่าจะตามมาติดๆ มั้ง แล้วก็รอ Rin รวมเล่มว่ะ (ให้ซื้อแมกกาซีนอ่านย้อนหลังรวดก็อ่วมกูเกินไป)

52 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

>>48 Kindle อ่านไม่ได้ จะซื้อของ Amazon ก็ซื้อไม่ได้เพราะมันล็อกโซน
iPad Mini คือขนาดเหมาะสุดไกล้เคียงกับหนังสือเล่มเล็กน่ะ ถ้าเป็น tablet กระป๋องเขียว
ถ้าจอ 4:3 ขนาดที่ควรซื้อคือ 7 นิ้วขี้นไป ถ้าจอ 16:9 ขนาดที่ควรซื้อคือ 8 นิ้วขี้นไป

53 Nameless Fanboi Posted ID:sa9igLCBK

hytext.com ไปเลือกได้เลยเมิง

54 Nameless Fanboi Posted ID:q2pNf42R8

>>53 มึงพิมพ์ตกตัว s ไปหรือเปล่า hytexts.com

55 Nameless Fanboi Posted ID:sa9igLCBK

นั่นแหละเมิง ไปดูเลย

56 Nameless Fanboi Posted ID:3FTHBF5lj

>>52 กุอยากซื้อebookของkindleจากamazonของเดนมาร์คอะแต่แม่งไม่ให้กุซื้อทำไงดีวะ กุเปลี่ยนประเทศเป็นเดนมาร์คก็ไม่ได้ เมริกาก็ไม่ได้ มันรู้ได้ไงวะว่ากุเปนคนไทย

57 Nameless Fanboi Posted ID:6E6FjGguI

>>56 เปลี่ยนได้ตรงที่อยู่รับใบเสร็จ

58 Nameless Fanboi Posted ID:6E6FjGguI

>>50 พออ่านจบมึงก็ลบดิ เมมจะได้ไม่เต็ม ซื้อเยอะบางทีก็เปลืองตัง

59 Nameless Fanboi Posted ID:LDbpGVbH7

Ebook ซื้อเว็บไหนกันวะที่ไม่โดนบล๊อค

60 Nameless Fanboi Posted ID:+Arx1LfYz

>>59 ถ้าเป็นการ์ตูน ลองดู comixology มั้ย เครืออะเมซอน ในไทยก็ซื้อได้ เว้นเซลล์หั่นราคาโหดๆบางดีลที่ล็อค เออ แล้วมันมีแบบจ่ายรายเดือนอ่านได้ไม่จำกัด (เท่าที่มันจะมีใส่ไว้ในบริการนี้อ่ะนะ)ด้วย โคตรดี ตอนอยู่เมกาลองใช้แล้วคุ้มดีนะ เสียดายมากๆที่มันไม่เปิดทั่วโลก TvT

61 Nameless Fanboi Posted ID:6E6FjGguI

>>60 กูว่าตอนนี้kindleโอสุด ถ้าอ่านในipad comixology app ยังไม่โอเท่าไหร่ ส่วนเรื่องโดนบล็อก มันเข้าได้ทุกประเทศนะ อเมซอนมันไม่บล็อกบัตรเครดิตเหมือนappleอ่ะ มึงแค่เปลี่ยนที่อยู่เป็นประเทศที่มึงต้องการ แต่บัญชีมึงจะคนละบัญชีกัน เช่น .com .co.uk .jp เวลามึงซื้อหนังสือต้องสลับอ่าน

62 Nameless Fanboi Posted ID:+Arx1LfYz

>>61 ไม่บล็อกบัตรจริง แต่เข้าไปซื้อบางเรื่องไม่ได้อะ เพราะเคยจะซื้อดีลของค่ายอะไรซักอย่าง เข้าได้ แต่มันไม่ให้ซื้อ (พูดถึง comixo นะไม่ใช่อีบุ้คในคินเดิล)

63 Nameless Fanboi Posted ID:XRch9WFbr

>>41 มีแต่ปลิงสวะเท่านั้นแหลพที่คิดว่าการออก E book คือการทำลายตัวเอง เพราะในหัวคนพวกนี้การอ่านบนคอมบนมือถือคือการอ่านฟรี ถ้าสนพ.ออก E book มาก็จะไม่ซื้อแล้วไปอ่านสแกน ในขณะที่นักอ่านจริงๆจะมองว่าการออก E book มันเป็นการเอาตัวรอดอย่างหนึ่งในเมื่อพิมพ์เล่มแล้วขาดทุนก็หันมาขายแบบ E book

64 Nameless Fanboi Posted ID:xI6SFLTUL

>>63 เชื่อไอ้พวกที่บอกว่า ชอบอ่านเป็นเล่มเพราะจะสะสม ชอบกลิ่นหมึก (สงสัยคงชอบดมกาวด้วย) ชอบจับรูปเล่มมากกว่า

แม่งพูดเอาเท่ไปแบบนั้นแหล่ะ

65 Nameless Fanboi Posted ID:3p0unfnV9

>>64 ก...กูแค่อยากพักสายตาจากหน้าจอ.....
เห็นบอก cmb แบบเล่มออกปลายเดือนกูควรซื้อแบบ e-book ไปเลยหรือรอดีวะ

66 Nameless Fanboi Posted ID:hKUuY+8CE

>>65 กูกดไปแล้วไม่รอ กลัวโรคเลื่อน แต่อ่านจบก็ฟิน เอาวะ 35 บาท จ่ายเพื่อซื้อมาอ่านก่อน แต่ก็รู้สึกเสียนิสัยเหมือนกันว่า วบก มันน่าจะทิ้งช่วงหน่อยให้กูคุ้มกับอีบุ้คส์กว่านี้ ทีคินดะแม่มออกมาเพียบแต่เสือกไม่ออกเล่ม

67 Nameless Fanboi Posted ID:CWWEJJgSY

>>64 ถ้าเมิงจะเก็บกดจากคนที่ด่าในเพจเมิงก็ควรไปตอบลูกค้า ไม่ใช่มาระบายในนี้ กุเห็นหลายรอบละ รำคาญชิบหาย คนอุดหนุนซื้อหนังสือมันยังจะมาด่าไล่ลูกค้าลับหลัง ถ้าไม่อยากสะสมจะเสียตังซื้อเก็บให้เปลืองที่ปะวะ

68 Nameless Fanboi Posted ID:GOzBdTLIH

>>67 นักสืบควยนันก็มา

69 Nameless Fanboi Posted ID:.jjWq.FFC

สองเดือนที่ผ่านมาเล่นละครศีลธรรมหลอกให้ควายซื้อ e-book นี่มันสนุกจริงๆ
หารู้ไม่ว่าปกติกูอ่านแต่สแกนอิง กรั๊กๆๆ

70 Nameless Fanboi Posted ID:3p0unfnV9

>>66 เดี๋ยวถ้าโรคเลื่อนจริงสิ้นเดือนนี้ค่อยกดดีกว่า
e-book มันก็ไม่มีปัญหาหรอกแต่ก็ชอบแบบเล่มมากกว่า ไม่ได้เพราะกลิ่นหมึกสัมผัสกระดาษแต่ชอบตรงที่กูไว้เป็นตัวพักสายตาจากหน้าจอบ้างอะไรบ้างกับชอบเวลาแถวเล่มแม่งเรียงกันสวยถึงจะไม่มีที่เก็บแล้วก็เถอะ 555

71 Nameless Fanboi Posted ID:.ZDmV/qHn

>>64 พวกบอกชอบกลิ่นเหม็น แม่งตลก พอนิ้วเลอะหมึกมันก็จะมาบ่นกัน 555555+

72 Nameless Fanboi Posted ID:lElj.9Q6Q

ที่บ้านซื้อแล้วแบ่งกันอ่านในกลุ่มพี่น้อง ต่างคนต่างอ่าน เป็น E-book แล้วแบ่งกันอ่านลำบากอ่ะ

73 Nameless Fanboi Posted ID:31KcOk13O

ไอ้พวกบอกชอบกลิ่นหมึกนี่ กุว่าติงตีองจริงๆ ว่ะ ถ้าบอกว่าไม่อยากจับเครื่องไฟฟ้าตลอดเวลาเป็นข้ออ้างที่ดีกว่ามากแต่ดันไม่เขียน เรื่องแบ่งกันอ่านนี่ก็จริง เป็นใครก็คงไม่อยากเอา tablet หรือ มือถือตัวเองให้พี่น้องแตะกันเท่าไหร่

74 Nameless Fanboi Posted ID:8qCmItRwD

เรื่องแบ่งกันอ่านในบ้านนี่ปัญหาจริง คือกูจะเอามาอ่าน พี่กูใช้เครื่องเล่นเกมอยู่ ก็ใช้ไม่ได้ละ เลบเคยพลาดเคซีฟรีบางฉบับ เซ็งชะมัด5555

75 Nameless Fanboi Posted ID:5pwpyGiAk

หมึกพิมพ์นี่มันมีสารตะกั่ว ปรอทไรพวกนี้ไหมวะ

76 Nameless Fanboi Posted ID:V8S4A72.A

มีตะกั่ว

77 Nameless Fanboi Posted ID:LHjsJqWAS

แก๊งโทรล อวตารมาหาพวกนี่หว่า หน้าเดิมๆมาเปิดก่อน ลูกหาบตาม ถ้ามีปัญญาคิดสักหน่อย พวกเมิงคงไม่เอาเรื่องมามั่วปนกันแล้วด่าเหมารวมหรอกว่ะ

78 Nameless Fanboi Posted ID:.ZDmV/qHn

>>75 แค่ดมสารเคมีอย่างหมึกพิมพ์ แล้วบอกหอมนี่ ไอ้คนนั้นแมร่งก็โคตรเพี้ยนแล้วล่ะ คงชอบดมกาวเป็นพิเศษด้วยมั้ง 5555

79 Nameless Fanboi Posted ID:SMm8FOjvB

กูชอบจับกระดาษอ่านเป็นเล่มๆ แต่กูก็ไม่ได้ชอบสูดกลิ่นหมึกนะมึง เกลียดการหมึกติดนิ้วด้วย

80 Nameless Fanboi Posted ID:5pwpyGiAk

หมึกของค่ายวีแดกได้นะรู้ยัง
ที่ราคา 65 เพราะคุณภาพหมึกนี่แหละ

81 Nameless Fanboi Posted ID:if1U54rdL

>>80 มึงเคยแดกแล้วเรอะ

82 Nameless Fanboi Posted ID:.vYeABFxF

พวกดมหนังสือแม่งกระจอก ระดับกูต้องเอามาแดก

83 Nameless Fanboi Posted ID:QsZBTfkDU

ebook แดกไม่ได้เว้ย กูเนี่ยหนุ่มน้อยวรรณกรรม ต้องแดกหนังสือ ซื้อ ebook หรืออ่าน scan ไม่ได้

84 Nameless Fanboi Posted ID:mM4t/p7uX

>>83 กินหนังสือไทยระวังท้องเสียนะมึง

85 Nameless Fanboi Posted ID:5pwpyGiAk

พวกบอกชอบดมกลิ่นหมึกนี่ปัญญานิ่มพอๆกับพวกดูกุเรนลากันแล้วบอกพลังไฟลุกโชน

86 Nameless Fanboi Posted ID:.ZDmV/qHn

กูได้กลิ่นหนังสือพิมพ์แล้วภูมิแพ้มาตลอด นับถือพวกที่ซู้ดดดดดดดหมึกพิมพ์ในหนังสือ -*-

87 Nameless Fanboi Posted ID:q6ZJ/W/08

กูอ่าน E book แล้วแสบตา น้ำตาไหลตลอด กูเลยไม่อ่าน ส่วนคิดเดิ้ล ถนอมสายตาจริง แต่มันไม่รองรับไอ้ที่กูอ่าน

88 Nameless Fanboi Posted ID:UwgSeQ/Hi

กูรู้สึกว่าทวงการ์ตูนในนี้แล้วได้ผลว่ะ เพิ่งทวงเรื่องนึงไปไม่ถึงเดือน มันออกมาให้กูซื้อละ

89 Nameless Fanboi Posted ID:5pwpyGiAk

>>88 ฝากทวงตราบวันฟ้าใสกับหมวยกรดปืนกริ๊กหน่อยสิ

90 Nameless Fanboi Posted ID:PAj53eBGM

เห็น lp ออกเรื่องใหม่ๆ แถมออกหลายเล่มอีกแล้วปวดใจ
เรื่องที่กุตามแม่งไม่ออกตั้งแต่ต้นปี 2015...

91 Nameless Fanboi Posted ID:jVJnviSEF

>>89 ตราบวันฟ้าใสนี่กุรอจนจะร้องไห้ละ

92 Nameless Fanboi Posted ID:if1U54rdL

>>87 กูใช้ Boox C67 ก็ ok อยู่นะเป็น android จอเป็นแบบ e-link

93 Nameless Fanboi Posted ID:cAMTiOTwP

>>91 ตราบวันฟ้าใส เสียดายที่โดนดอง ออกเป็น ebook ก็ได้

94 Nameless Fanboi Posted ID:8qCmItRwD

ตราบวันฟ้าใสทำอนิเมละ เปนเวอชั่นคนแสดงอีก ขอให้เนชั่นเอาจังหวะนี้ปล่อยขายรัสๆเหอะ

95 Nameless Fanboi Posted ID:PAj53eBGM

ตอน bokudake ทำอนิเมกับหนังคนแสดงรายนั้นยังไม่ออกเลย
รายนี้จะออกไหมต้องคงรอดู

96 Nameless Fanboi Posted ID:Lkrek4ylk

lp นี่การเงินหนาหรือไม่ค่อยได้รับผลกระทบเหมือนเจ้าอื่นอะไรหรือเปล่า เห็นยังมีลิขสิทธิ์เรื่องใหม่ ๆ ออกอยู่เลย นี่ก็จะออก kishuku อีกเรื่องละ ทั้งที่ฝั่งสยามนี่เรื่องใหม่ ๆ เงียบไปพักใหญ่แล้ว

97 Nameless Fanboi Posted ID:.ZDmV/qHn

สยามก็ต้องเงียบแหละมึง งบมันออกมาเท่ซะขนาดนั้น บริษัทมันมีตั้งหลายกิจการ ก็คงเก็บเงินไว้สำหรับกิจการที่สำคัญที่สุดก่อน ตามลำดับแหละ

98 Nameless Fanboi Posted ID:iak2vvur+

>>65-66 >>70
ถ้าเป็นการ์ตูนที่กูชอบมากๆกูเก็บทั้ง E book ทั้งรูปเล่มอ่ะ ถือว่าช่วยอุดหนุนนักเขียนและสนพ.

99 Nameless Fanboi Posted ID:ErhFC/n7N

>>96 การ์ตูนแต่ละเรื่องของมันนี่ กุว่าค่า lc น่าจะไม่แพงมากนะ ไม่ได้ถือ LC การ์ตูนสายหลักดังๆ เท่าไหร่นี่...

สยาม นี่เสียสิทธิ์ไทยลีค ไปส่งผลกระทบเห็นได้ชัดเจนเลยว่ะ ใครบอกไม่เกี่ยวนี่คงโม้ละ

100 Nameless Fanboi Posted ID:F0W1DENSK

ไม่มีที่ให้แดกภาษี...เอ้ย แหล่งสร้างรายได้แบบผูกขาด มันก็ต้องรัดเข็มขัดล่ะนะ

101 Nameless Fanboi Posted ID:9I25NE0/z

V เหมือนเริ่มกลับมาออกได้แล้ว รวมกับ E Book ที่แม่งออกคนละเรื่องกับ เล่มพิมพ์อีก กลายเป็นว่าแม่งออกเยอะเลยนะเนี่ย

102 Nameless Fanboi Posted ID:tTaL9c5H0

>>101 แต่ก็โดนด่าอยู่ดี

103 Nameless Fanboi Posted ID:58HhUytTk

กูไปดูกระทู้แฟรี่เทลเล่ม 47มีคนด่าพวกไม่ซื้อไม่รู้ว่าแม่งเปลี่ยนกระดาษ ถ้าเปลี่ยนกระดาษ อัพราคาเพิ่ม 10บาทได้คุณภาพแค่นั้น กูว่าทำแบบเดิมเหอะ

ไอ้บางตัวบ่น เพราะคนซื้ออย่างพวกมึงไม่อุดหนุน ซื้อกันถึง 10%รึป่าว ค่ายเลยต้องปรับราคาสูง งั้นคนซื้อมาตลอดแม่งก็ต้องกัมหน้ากัมตายอมรัรับอย่างเดียวเหรอวะ ควย บางคนไม่ได้ซื้อแค่แฟรี่เทลแล้วจบนะโว้ย ถ้า VBK มันกลับมาออกหนังสือรัวๆ ในราคา65บาท กูสงสารคนซื้อหลายเรื่องจังของค่ายนี้

ไอ้ arch-ham แม่งก็หัวร้อนเรื้อนไปทั่ว MXG ตอนยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายบอกรอสักครู่จะแจ้ง ไอ้หัวร้อนนี่ก็บอกใครรอ มึงไม่รอมึงก็ไม่ต้องโพส โกรธค่ายจนหัวร้อนเรื้อนไปหมดแล้ว

104 Nameless Fanboi Posted ID:WqEmmi1rr

คนซื้อจริงไม่บ่นหรอก ลองไปดูงานหนังสือสิ ถือกันเป็นตั้งๆ ไอ้พวกบ่นคือพวกบ่นแต่ไม่ซื้อ หรือซื้อแค่นิดเดียว
การตลาดมันคงวิจัยมาแล้วล่ะว่า ขึ้นแล้วได้เงินดีกว่าการได้ยอดน้อยนิดจากพวกบ่นๆ กัน

105 Nameless Fanboi Posted ID:vwj9cdhhD

ส่วนคนฉลาดนั่งอ่านสแกนอิงสบายๆ
นั่งดูดราม่ามดปลวกทะเลาะกันเรื่องบ่นไม่บ่น

106 Nameless Fanboi Posted ID:ySxOZmKat

>>104 รู้ได้ไงว่าคนบ่นไม่ได้ซื้อ มีกล้องตามติดตลอด 24ชมหรา เช่นเดียวกับพวกไปซื้อเป็นตั้งๆที่งานหนังสือนี่เมิงรู้หรอว่าเขาไม่ได้บ่น
มโนชิบหาย

107 Nameless Fanboi Posted ID:+cdRqdDwE

>>106 วันหลังก่อนจะบ่น มึงต้องถ่ายรูปกองหนังสือที่ยังไม่ได้แกะมาให้มันดูด้วย อย่าลืมเขียน id แล้วถ่ายติดมาด้วยกันล่ะ

108 Nameless Fanboi Posted ID:vwj9cdhhD

ไอ้ >>104 มันเป็นคุนีทไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงไง
มันเลยคิดว่าการบ่นคือต้องบ่นบนโลกโซเชียลเท่านั้น
คนปกติถ้าพอมีสมองหน่อยเห็นราคาขึ้นชุ่ยๆแบบนี้อย่างน้อยก็ต้องบ่นกับเพื่อนบ้างแหละ

109 Nameless Fanboi Posted ID:XwblC1gGO

>>104 กูเห็นด้วยกับมึงนะ พวกบ่นแต่ไม่ซื้อมันไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ มีแต่พวกห่อหมอยมากรี๊ดๆ ในโลกโซเชี่ยวกัน เพราะ สนพ. อื่นราคาเท่านี้คนซื้อก็กลุ่มเดียวกัน ใครไม่อยากซื้อราคานี้มันก็มี ebook ถูกๆ ให้เลือก

110 Nameless Fanboi Posted ID:Lg.HyXWab

พวกมึงก็มโนไปเรื่อย พวกไม่บ่นเนี่ยมันอาจไม่บ่นในเน็ทก็ได้ไปบ่นกับเพื่อนทีหลัง หรือ อาจไปบ่นกับเพื่อนผ่าน line แบบนี้ก็ได้ หรือ มันอาจไม่สนห่านช่างหัวสำนักพิมพ์เลยก็ได้ มึงไปเก็บสถิติมาโชว์ให้กุดูหน่อยสิ ว่าพวกไม่บ่นมันซื้อกี่คน พวกบ่นมันซื้อกี่คนมึงก็มันไม่มับัญญัติไตรยางค์หรอกโว้ย มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอพวกบ่นพอมีการ์ตูนออกเล่มใหม่ก็ ซึนเดเระ ไปซื้อก็เยอะแยะไป

111 Nameless Fanboi Posted ID:XwblC1gGO

ขึ้นราคา = พอมีกำไร มีคนบ่นบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้ยอดขายลด บ่นแต่ไม่ซื้อไม่ค่อยมีผล
ไม่ขึ้นราคา = มีพวกบ่นกระดาษกาก แถมขาดทุน
ออกแต่ ebook = โดนด่า

แต่กูว่าที่มันออกหนังสือรัวๆ ช่วงนี้ เพราะจะถึงงานหนังสือมากกว่า เลยทำกระดาษดีนิดหน่อยและขายแพงขึ้น เพราะเวลาเวลางานหนังสือยังไงก็ขายได้ว่ะ หลังจากนี้ก็ซาออกแต่ ebook เหมือนเดิม

112 Nameless Fanboi Posted ID:vwj9cdhhD

เพจ v ไฝว้กันเรื่องราคาเหมือนที่นี่เลย
หนุกจัง

113 Nameless Fanboi Posted ID:zbu34XeqM

เอาง่ายๆ พวกมันจะเอาเล่มหรือเอาอีบุ้ค ถ้าเค้าขึ้นราคาเล่มแล้วติ่งเล่มรับไม่ได้(ทั้งที่บอกว่าเท่าไรก็ซื้อถ้าเป็นเล่ม) ก็ไม่ต้องไปซื้อ เค้าจะได้เอาเวลามาสนใจเร่งออกอีบุ้คเยอะๆหน่อย กูรออ่านอยู่

114 Nameless Fanboi Posted ID:99K2CMgMY

เป็นไปตามหลักธุรกิจ พวกที่บ่นนี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าปัญหามาจากอะไร
เทียบง่ายๆ
พิมพ์ 3000 เล่ม ขายที่ราคา 35 บ. ได้เงิน 105,000 บ. (ยังไม่หักค่าอะไรนะ ดูยอดเงินขายอย่างเดียว บวกขายดีจนหมดด้วย)
พอคนอ่านไม่ค่อยซื้อ จำเป็นต้องลดยอดลงครึ่งหนึ่ง
พิมพ์ 1500 เล่ม ขายที่ราคา 65 บ. ได้เงิน 97,500 บ.

เป็นแบบวงการนิยายนั่นแหละ ที่ทำไมคนอ่านบ่นกันว่าหนังสือไทยแพงขึ้นมาก
นั่นคือสนพ.จะอยู่รอดคุ้มต้นทุนจึงต้องปรับเพิ่มราคาขึ้นไปแทน ชดเชยยอดขายที่ลดลงเกินครึ่งนั่นเอง

ต่อไปถ้ายอดขายยังไม่ได้เป้าคุ้มทุนอีก ก้จำเป็นต้องขึ้นราคาต่อไป

ส่วนต่างประเทศที่หลายคนสงสัยว่าทำไมหนังสือถูก เพราะเรื่องการพิมพ์จำนวนมากนั่นเอง
คือยิ่งพิมพ์เยอะเท่าไรต้นทุนเฉลี่ยของหนังสือจะยิ่งลดลงเท่านั้น เพราะปัจจัยหลักคือค่าเพจต้นฉบับ(โรงพิมพ์) ครั้งแรกที่สูงที่สุด แต่จ่ายหนักครั้งเดียว

115 Nameless Fanboi Posted ID:99K2CMgMY

ต่อนะ...
สรุปง่ายๆ ยิ่งคนอ่านซื้อน้อยเท่าไร หนังสือแบบรูปเล่มต่อไปจะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น
ถ้าไม่ทำแบบนี้ก้เจ้งอ่ะ

116 Nameless Fanboi Posted ID:bwM6CequA

กุว่ามันบ่นเพราะออกช้าแล้วขึ้นราคามากกว่าว่ะ ไม่ว่ามันจะออกช้าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่มันไม่ใช่หน้าที่ผู้บริโภคมารับรู้อยู่แล้วไม่ว่าจะรู้จริงไม่จริง เมื่อออกเร็วไม่ได้ + ขึ้นราคา คำบ่นในฐานะลูกค้าก็ต้องมา ก็ต้องรับไป ถึงบอกว่ามันเป็นหลักธุรกิจ แต่นี่ก็ถือเป็นหลักของผู้บริโภคที่ต้อง Complain ในสิ่งที่ไม่ได้ดังใจเหมือนกันว่ะที่ไหนๆก็เป็น

117 Nameless Fanboi Posted ID:99K2CMgMY

>>116 กูมองด้านธุรกิจคือ V ต้องการช่วงเวลาในการขึ้นราคาบ้างและต้องเคลียร์หนี้สินบ้างอย่างกับสายส่งให้ลงตัว
ประมาณว่าปุบปั๊บขึ้นราคาเลย คงถูกด่าเละเทะมากกว่านี้อีก
เหมือนให้ตลาดรับรู้ข่าวว่ากำลังแย่นะโว้ย...เลยต้องปรับราคาให้สนพ.อยู่รอด
ตอนนี้กูว่าคนด่าลดลงค่อนข้างเยอะกว่าตอนแรกเยอะเลยวะ
ประมาณมีให้เลือกสองทาง อยากได้ถูกก้ebook รับราคาได้ซื้อเป็นเล่มไป
อนาคตถ้ารูปเล่มยังขายได้น้อยและขาดทุนอีก กูว่าราคาคงไป 80-90 บ. แน่ๆ

118 Nameless Fanboi Posted ID:99K2CMgMY

ประมาณที่เทียบในตอนแรก ง่ายๆ คือ
ขายได้ 3000 เล่ม ราคา 35 บ.
ลดยอดลงมาครึ่ง เนื่องจากมีคนซื้อน้อยลงเยอะ
ขายได้ 1500 เล่ม ต้องปรับราคาขึ้นไปเป็น 65 บ.

ถ้ายังไม่ไหวอีก คนซื้อไม่ค่อยมี ก็ออกแนวสะสมในกลุ่มแฟนคลับก้แล้วกัน
ขายได้น้อยมากๆ พิมพ์แค่ 1000 เล่มพอ ราคาหนังสือไว้ให้กลุ่มสะสมก็ต้องปรับเป็น 90 บ.

นี่แหละเบสิกสุดๆ และกูมองว่าไม่นานเดี๋ยวก็เกิด ถ้าคนซื้อยังน้อยลงน้อยลง
และเป็นเหตุผลที่ทำไมหลายคยว่าหนังสือไม่มีตามร้านทั่วไป เพราะเขาพิมพ์น้อยลงนั่นเอง

119 Nameless Fanboi Posted ID:nSsGsnAl0

นครสวรรค์ร้านการ์ตูนเพียงหนึ่งเดียวปิดไปล่ะ ทนรับภาระไม่ไหว อยากซื้อต้องไปซื้อต่างจังหวัด ไม่ก็สั่งเอา rip

120 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

วงการการ์ตูนมันเจ๊งเพราะขึ้นราคาชุ่ยๆนี่แหละคัฟ สนพ.มันโง่ทำลายตัวเองทั้งนั้นไม่ต้องโทษคนอ่านสแกนเลย
เหมือนราคาอาหารที่ขึ้นเอาๆ ทั้งที่ราคาวัตถุดิบ เชื้อเพลิง ค่าขนส่งมีขึ้นลงเป็นวัฏจักร

121 Nameless Fanboi Posted ID:H/BtUfi8A

ทำไมช่วงเดือนสองเดือนมานี่โทรลโง่ๆเข้ามาเยอะจนเรื้อนเลยวะ น่ารำคาญชิบหาย

122 Nameless Fanboi Posted ID:7vYJfku/D

คนอ่านสแกนแม่งเมพสัส ทำถูกทุกอย่าง ใครแตะต้องเหี้ยไรพวกอ่านสแกนไม่ได้ทั้งนั้น หุๆ ชาบูคนอ่านสแกนสิพวกมึง รอเหี้ยอัลไลกัน

123 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

เหอะถ้าขึ้นราคาเป็น100 บาท ทั้งที่คุณภาพเท่าตอนที่เขาซื้อ 50 บาท คิดว่าลูกค้าเค้าจะซื้อหรอวะ ยิ่งขึ้นราคามั่วๆลูกค้าก็ยิ่งหายลงเรื่อยๆ วงจรทำลายตัวเองชัดๆ พิมพ์มาตรฐานทั่วไปแต่ราคานักสะสม กุจะบ้า ปัญหาส่วนใหญ่ที่ลูกค้าลดก็ทำตัวเองทั้งนั้นแหละค่ะคุณ V แล้วแทนที่จะปรับปรุงตัวเสือกผลักภาระมาที่ลูกค้าอื่นๆที่ตามซื้ออยู่อีก

124 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

>>113 > อุ๊ยยตายไปเอาคำพูดจากใครที่ไหนก็ไม่รู้มายัดใส่ปากคนอ่านเล่มทั้งหมดเฉย จะแขวะอะไรก็อ้างให้มันถูกๆหน่อยเถอะ เรื้อนชิบหาย

125 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

คนซื้ออีบุคโง่สุด อย่าเสียเวลาเถียงกัน

126 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

อีบุ้ค master race เหยียดได้หมดไม่ว่าจะซื้อเล่ม หรือ อ่านสแกน ห้ามบ่นเดี๋ยวจะกลายเป็นคนไม่ซื้อของมันไปเสียฉิบ

127 Nameless Fanboi Posted ID:EhKDWVzng

พอมีคนอธิบายแบบมีเหตุผล >>118 ปุ๊ป ไม่วายมีเรื้อนมีเกรียนมาดิ้น
ขึ้นราคาไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อจบ ไอ้ปล่อยไอ้ที่ซื้อๆ มาทิ้งเป็นขยะให้ปลวกแทะเหอะ

อ่านแสกนก็เชิญพูดยังกะเป็นไม้ตาย ซึ่งในความเป็นจริงยังกะหาได้ทุกเรื่องงั้นน่ะ
ช่วงหลังๆ มีแค่เรื่องดังๆ หลบๆ ซ่อนๆ แปลกะจึ๋งเดียว แถมเป็นนักแปลมือสมัครเล่น
แปลกากจนไม่ค่อยรู้เรื่องอีกต่างหาก

128 Nameless Fanboi Posted ID:7vYJfku/D

>>127 นักแปลสมัครเล่นคืออะไรวะ ที่เค้าแปลหาแดกได้ตังค์กันนี่กูว่าคืออาชีพแล้วนะ สมัครเล่นคือต้องแปลฟรีไม่ได้ห่าอะไรเด่ะ

129 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

อยู่แถวนี้ต้องเลียไข่ค่ายวี ซื้ออีบุคและห้ามบ่นเรื่องราคานะคับ
ไม่งั้นคุณจะกลายเป็นโทรลและอาจทำให้โม่งบางคนอกแตกตายได้

130 Nameless Fanboi Posted ID:EhKDWVzng

>>128 กูหมายถึง แสกนอิ้ง ที่แปลจาก ญี่ปุ่น->จีน/เกาหลี->อิ้ง น่ะ
แสกนอิ้งเว็ปหาแดงตังค์ไม่ใช่ต้นขั้ว ต้นขั้วส่วนมากเป็นเด็กมอปลายหัดแปล แปลผิดๆ ถูกๆ ข้ามกัน 2 ภาษา
ความถูกต้องไม่ค่อยมี บางทีก็ถอดจีนที่แปลคนละอย่างมาใส่ และพอแปลไปได้ซักพักมันก็เบื่อ เหลือแต่เรื่องดังๆ ที่มีพวกอยากดัง
แปล สืบทอดกันอยู่ซึ่งสำนวนคนละแบบบางเจ้าก็หลุดโลกไปเลย

และเรื่องแสกนยุ่น -> อิ้ง ปัจจุบันนี้แสกนยุ่นหาไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน หลังจากมีเจ้าใหญ่โดนจับเมื่อปี 2010 ไม่ค่อยบูมเหมื่อนเก่าแล้ว
เหลือแต่ฝั่งจีน / เกาหลี แน่นอนว่าแปล ข้ามช่วงยังไงความหมายหลุดไปเยอะ

แถมให้ไอ้เว็ปหาแดกตังค์น่ะ หลังจากโดน block เมกาเข้าดูเว็ปไม่ได้ รายได้หด paypal block ไม่จ่ายตังค์ช่วงปี 2013
มันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ

131 Nameless Fanboi Posted ID:Raey866K4

ถ้ามันขึ้น 100 บาทจริง นี่กุว่าลูกค้าหาย 100% ว่ะ เพราะนั่นเป็นสัญญาณหมายความว่ามึงเตรียมเก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินอย่างเดียวดีกว่านั่นละ เพราะถึงตอนนั้น ข้าวแกงก็คงจานละ 60 - 70 แล้ว

>>130 เจ้าที่ทำดังๆ อย่าง มังกะสตรีม มันก็หาได้ ver ญี่ปุ่นได้เหมือนเดิมแหละ มันไม่ได้เอาจากเกาหลี จีน ล่ะ...

132 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

ด่าสแกนแต่รู้เรื่องสแกนดีมากเลยเนอะ รู้ด้วยว่ามีแค่เรื่องดังๆหลบๆซ่อนๆ แถมยังรู้ด้วยว่าแปลกาก ไม่เคยอ่านสแกนเลยสินะ555 ถึงได้มายึดหูชูคอสูงส่งด่าคนอื่นเค้าแบบนี้ แล้วไอ้เรื่องยิ่งพิมพ์น้อยยิ่งแพงใครๆเค้าก็รู้ แต่ v แม่งไม่รู้ตัวเองเลยหรอว่าทำไมลูกค้าถึงได้หดหายจนต้องพิมพ์น้อยลงเรื่อยๆ สร้างวงจรอุบาว์ขึ้นมาเองแล้วก็มาบ่นว่าคนไม่ซื้อ ไม่มีปัญญาเรียกลูกค้ากลับก็ผลักภาระให้คนที่ยังซื้อเล่ม ราคานักสะสมแต่พิมพ์ธรรมดา คนมีกะตังเค้าก้ไปเก็บของญี่ปุ่นแทนส่วนคนทั่วไปเค้าก็มองว่าไม่คุ้มก็คงเลิกซื้อไปอีก

133 Nameless Fanboi Posted ID:Raey866K4

>>132 มันลักลั่นย้อนแย้งไง พวกด่าคนอ่านแสกน แต่เสือกรู้เรื่องแสกนดีมาก ก็แปลว่าอ่านแสกนชัดเจนแต่ดันมาเขียนหล่อๆ

134 Nameless Fanboi Posted ID:mKlygdZOV

Vกูรู้สึกมันไม่ค่อยสนใจภาพลักษณ์เท่าไรแล้วว่ะ เหมือนมันรู้ว่าต่อให้คนด่ายังไงมันก็มีเรื่องทำเงินคอยค้ำจุนมันอยู่ ตั้งราคาสูงๆยังไงก็ได้ ไม่คิดจะแก้เรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองเท่าไรเลย sicจากที่คนด่าแหลกเรื่องคุณภาพงานก็พยายามแก้ไขทำให้ภาพลักษณ์มันดูดีขึ้น Lpที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มาก มีฐานลูกค้าที่จะซื้องานค่อนข้างชัด หลายคนที่ชอบบางเรื่องของค่ายvก็ไม่ซื้อเพราะตัวแบรนด้วย

135 Nameless Fanboi Posted ID:EhKDWVzng

กูเคยด่าซะเมื่อไหร่ กูบอกว่าหาอ่านได้ก็เชิญไง พูดซะยังกะเป็นไม้ตาย ถ้าไม่ขายถูกกูจะอ่านแสกนนะโว้ยทำนองนั้นตลกว่ะ 555+

ตอบตามตรง กูเคยอ่านตั้งแต่ยุคที่มันรุ่งเรื่องมาก่อน สมัยนั้นแบบถูกลิขสิทธ์หาไม่ง่ายเหมือนปัจจุบัน ยุคไพเรทครองเมือง
ยุคมดตะนอย ยุค VCD ไพเรทซับไทย อะไรพวกนี้กูผ่านมาหมด

ส่วนตอนนี้แบบถูกลิขสิทธิ์หาง่ายแล้ว เลยไม่ได้สนใจแสกนเถื่อนอีกต่อไป ไอ้ที่เคยเก็บไว้ในเครื่องก็ลบๆ ทิ้งไปหมด
แสกนความละเอียดต่ำ เวลาเปิดใน tablet ภาพเบลอ

136 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

>>132 ชัดเลยว่ะ
ปลิงดัจริตพยายามทำตัวสูงส่งกว่าปลิงตัวอื่นด้วยการด่าสแกน
เหมือนเซเลปพันทิปบางตัวพอมีกระทู้ละเมิดก็ออกมาพ่นศีลธรรม แต่พอชวนคุยเรื่องเมะยังไม่มีลิขสิทธิ์เสือกรู้หมด

137 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

ทำไมมู้นี้กูเห็นแต่ปลิงหาพวกวะ พอ v ขึ้นราคาหาแนวร่วม พอหาไม่ได้ไล่ทุบคนไม่เห็นด้วยตลกดีว่ะ สนุกดีดูพวกมึงตีกัน

138 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

เถียงด้วยเหตุผลไม่ได้ก็ เริ่มแถ ด่ามั่วแล้วหวะ ปลิงที่อ่านสแกนฟรีแม่งจะมาเดือดร้อนเรื่องv ขึ้นราคาทำไมวะ แล้วไอ้ที่ไล่ทุบคนไม่เห็นด้วยมันคือสหายจอมอวยv ที่สิงในนี้มานานละ แล้วก็ไม่ต้องแอ๊บเนียนอยู่นอกวงหรอก กล้าๆหน่อย

139 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

กูเห็นมีอยู่ 2 คนตีกันหลาย v แล้ว 😄😄😄

140 Nameless Fanboi Posted ID:7vYJfku/D

จะตีกันเองทำไมวะ ไอ้เรื่องราคาเนี่ย ไม่ว่าเค้าจะขายได้หรือไม่ได้ก็ตาม ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนพวกมึงเลย เค้าจะขายเท่าไรก็ปล่อยเค้าไปเถอะ ถ้ามันขายได้แสดงว่ามีคนยอมซื้อ ถ้ามันเจ๊งแสดงว่ามันทำตัวของมันเอง พวกมึงจะไปหัวเราะเยาะใส่ตอนนั้นก็สุดแล้วแต่ 100กว่าเม้นละ ยังไม่เลิกกันอี๊กกกก กูแหย่เล่นเรื่องนี้เม้นท์เดียวกูก็เบื่อแล้วเนี่ย

141 Nameless Fanboi Posted ID:nifUp3sIb

>>140 นั่นเด่ะ มันขึ้นราคา มันแพง มันดอง มันไม่มีคุณภาพ ก็ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อสิ ทำอย่างกะที่ค่าย v มันทำนี่ มันไปทำไปหัวมึง หรือทำให้คนรอบตัวมึงมีคนเจ็บคนตายหรอ ถึงเป็นเดือดร้อนเหลือเกิน

กูไม่ใช่ติ่งเลียไข่ค่าย v นะ กูแค่ลูกค้าที่ซื้อหนังสือการ์ตูนเรื่องที่ชอบอ่าน แค่่นั้น

142 Nameless Fanboi Posted ID:9Q3XaUxpI

>>128 บางเวปได้เงินจาก ad นะ

ถ้ามันมีเว็ปกลางให้ทำ bounty แบบ ex กูว่าจะมีคนหาเงินอีกเยอะวะ

143 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

>>141 ถ้าโทรลก็ขออภัย แต่บอกเผื่อไว้สำหรับคนที่คิดแบบเดียวกับประโยคโง่ๆอันนี้อะนะ ว่าคนเสียตังซื้อหน้งสือหน้าไหนไม่เดือดร้อนไม่บ่นบ้างอะเวลามันขึ้นราคา มันแพง มันดอง มันไม่มีคุณภาพ บอกว่าเป็นลูกค้าซื้อหนังการ์ตูนแต่ที่แพล่มออกมามันไม่ใช่อะ คล้ายๆกับพวกปลิงศักดิ์สิทธิ์แถวนี้ที่ชอบดิ้นทุรนทุรายเวลาเจอคนอ่านเถื่อนทั้งที่ตัวมันเองก็เสพเถื่อน แถมตรรกวิบัติยกเอาเรื่องบาดเจ็บอะไรมาปนซึ่งมันไม่เกี่ยวห่าอะไรเลยกับการขึ้นราคาหนังสือ ไปเรียนตรรกศาสตร์มาใหม่เถอะ

144 Nameless Fanboi Posted ID:Fz.yPZH5t

บ่นกันไปก็เท่านั้น
วงจรนี้มันเหมือนงูกินหางนั่นแหละ ทำอะไรไว้ก็รับผลกันเป็นทอดๆ ต่อกันไปไม่มีจบสิ้น
พอคนอ่านไม่ซื้อ(ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เน้นนะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร) -> สนพ.ก็อยู่ไม่ได้แบบปกติก็ต้องเปลี่ยนเป็นขึ้นราคาหรือขายอีบุ๊ค ->
คนอ่านไม่พอใจก็บ่นต่อว่าและไม่เสียเงินซื้อ -> สนพ.ขายได้น้อยลงกว่าเก่าก็ต้องปรับราคาขึ้นไปอีก
เพราะไม่งั้นก็เจ้งอยู่ไม่ได้ ตามกฏปริมาณและราคาที่จะสมดุลกันตลอด มันก็เป็นแบบนี้ไม่ต้องโทษกันหรอก วนลูปแบบนี้

145 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

พอ ebook ขายได้น้อยไม่คุ้มทุนจะขึ้นราคาด้วยไหมหว่า หรือปิดกิจการไปเลย

146 Nameless Fanboi Posted ID:rhCk/7brz

ทำอะไรไว้รับผลไป กูว่าใช้ไม่ได้มั้ง

บางค่ายยังไม่ทันทำเหี้ยอะไรก็เจ๊งไปก่อน

147 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

>>141 ก็มึงมันพวกรากหญ้าโตมาจากครอบครัวที่เป็นขี้ข้าไร้สมองไง
คนมีปัญญาเห็นการเอาเปรียบก็ต้องวิจารณ์เป็นธรรมดา
สมมติแม่ของมึงโดนคนเมาขับรถชน มึงก็คงทำหน้าเอ๋อแล้วบอกขอโทษครับแม่ผมโง่เองครับสินะ

148 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

>>145 ขายได้น้อยก็ขึ้นแน่ๆ เพราะตัวหารน้อยลง พอถึงจุดๆ หนึ่งก็เลิก ไปทำอย่างอื่นแทน ส่วนราคาลองสังเกตราคา LN ในไทยไว้ก่อนก็ได้ พิกัดราคาที่ขึ้นไปสูงสุดคงประมาณนั้น

149 Nameless Fanboi Posted ID:bd7ux4fQJ

>>146
ยังไม่ได้ทำอะไรก็ถือเป็นactionเว้ย

150 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

>>146 มึงทำให้กูนึกถึง boomtown โคตรเสียดาย คาเฟ่กระต่ายเลยว่ะ

151 Nameless Fanboi Posted ID:nifUp3sIb

>>147 เปรียบเทียบไมาสมกับคนที่มีปัญญามาก
ของซื้อของขาย กับชีวิตคน เฮ้อ ใครก็ได้มาเอาปัญญาใส่หัวไอ้นี่ที่อ้างว่าเป็นคนมีปัญญาทีเดะ

152 Nameless Fanboi Posted ID:XZlrXilly

>>148 มึงเมาเหรอ e book ไม่มีตัวหารแบบเล่ม มันลงทุนทีเดียวแล้วกินยาวๆ

153 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

>>151 don't feed a troll กูสังเกตมานานแล้วมีดิ้นผิดปรกติในห้องนี้ อยู่ตัวเดียวนี่ล่ะ

154 Nameless Fanboi Posted ID:EhKDWVzng

>>152 ไว้มึงเรียนเรื่อง Cost Accounting เมื่อไหร่ก็จะรู้เหตุผลเอง

155 Nameless Fanboi Posted ID:.yTNgIZa6

>>153 แต่ถ้าแขวะvนี่กุเห็นดิ้นเพียบเลยนะ

156 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

>>155 โทดๆ กูพลาดไปมี troll 2 ตัว มีมึงอีกตัว track ย้อนไปนี่ เทพสัดๆ

157 Nameless Fanboi Posted ID:2oDVUtzdM

ใครมีความเห็นต่างจากตัวเองก็จับมันเป็นโทรลซะด้วยการพ่น don't feed troll
ง่ายดีว่ะ ชนะง่ายๆโดยไม่เห็นต้องยกเหตุผลมาเถียงกันเลย
แต่ก็ใช้ได้แค่กับพวกสติปัญญาระดับประถมแหละ พอไปอยู่สังคมจริงๆเถียงอย่างนี้ก็เป็นได้แค่เศษขยะเท่านั้น

158 Nameless Fanboi Posted ID:FjV5OgI70

อยู่ในนี้เป็นโม่ง คลุมโปง จะปากดีจะ troll แค่ไหนก็ได้สะดวกดีว่ะ ใจกล้าๆ ลองไปข้างนอกดูบ้างจะได้รู้โลกภายนอกเขาไปถึงไหนแล้ว หาเหตุผล 108 มา โยนอาหารให้ troll เสียเวลาเปล่า

159 Nameless Fanboi Posted ID:b.LpkYuXg

อิอิออิ

160 Nameless Fanboi Posted ID:5R9ttQtnI

กูขี้เกียจอ่านกระทู้นี้แล้ว แต่ก่อนก็คุยกันดีๆแท้ๆ

161 Nameless Fanboi Posted ID:MDD/JYCGe

กูว่าแม่งก็โทรลตัวเดิมเพิ่มเติมคือมาใส่ไฟแล้วมีคนไปงับเบ็ดมันก็เท่านั้น

162 Nameless Fanboi Posted ID:+sLfVE0jH

ไม่มีปัญญาเถียงสู้ด้วยเหตุผลก็พ่นโทรลซะเลย ว่าคนอื่นดิ้นได้ แต่โดนคนอื่นว่าคืนบ้าง แม่งดิ้นยิ่งกว่าไส้เดือนอีก ถถถถ เจอเหตุผลตอกหน้าจังๆก็ไม่เห็นกล้าตอบสักตัว พอผ่านไปหน่อยเดียวก็ออกมากร่างอีกละ โลกภายนอกเขาคงไม่เอาพวกเมิงสินะถึงได้มาเลียกันอยู่แต่ในนี้ พวกหน้าเดิมๆทั้งนั้นมาคุยแขวะชาวบ้านเขาไปทั่ว พอโดนโต้หน่อยก็ร้องไห้ด่าคนอื่นเป็นปลิงมั่วๆ เถียงสู้ไม่ได้ก็ทำเนียนเป็นคนวงนอกแต่คำแรกเมิงก็แขวะอีกฝ่ายแล้ว ดัดจริตชิบหายเลย

163 Nameless Fanboi Posted ID:XUOZPoFCv

>>162 มึงก็เงียบๆ หน่อย มีไม่กี่ตัวเถียงกันถ้ามึงไม่ใช่ 1 ในนั้น เถียงกันข้าม ver มาแล้ว
คุยกันเรื่องอื่นบ้างส่วนไอ้ตัวเถียงกันไปบอร์ทเปิดพวก pantip เหอะ กูรำคาญ

ถ้าอยากจะอ่านเหตุผลดีๆ ก็ตาม >>118 หรือไปไล่อ่านไอ้ ID:99K2CMgMY เหอะมันอธิบายไว้หมด

164 Nameless Fanboi Posted ID:XUOZPoFCv

ก็อปไว้เผื่อมองไม่เห็น ID:99K2CMgMY ที่มันเขียนไว้
>>114 >>115 >>117 >>118

แล้วก็คุยเรื่องอื่นบ้าง โทรลกันไปโทรลกันมา รำคาญโว้ย

165 Nameless Fanboi Posted ID:U5UHmdQCh

กูไม่รู้กูอ่านraw ชะลาล่า

166 Nameless Fanboi Posted ID:+gCy+DI/I

อนาถว่ะ พิมพ์ไว้แล้วไม่มีคนเห็นด้วยก็เลยมาอวยตัวเองเนี่ยนะ
เหตุผลดีๆตรงไหนวะ ก็แค่อะมีบาที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของบอร์ดโม่ง

167 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

ปวดหัวกับพวกมึงจริงๆ จะกัดกันไปถึงเมื่อไรวะ คุยเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการ์ตูนบ้างดิ ห่า ทะเลาะกันไปมาอย่างงี้ไม่เกินอาทิตย์ได้ขึ้นกระทู้ใหม่เร็วๆแน่

168 Nameless Fanboi Posted ID:79MwoFqow

กูเบื่อแล้วว่ะกัดกันอยู่ได้ ไม่มีเรื่องอื่นคุยกันแล้วเหรอวะ

169 Nameless Fanboi Posted ID:Za8RRjQVg

รอโทรลถ้ำเจ้าถิ่นสองสามตัวเลิกแขวะ เลิกเหน็บ ชาวบ้านก่อน ไอ้โทรลภูเขาที่เข้าถ้ำมาก็หมดเชื้อไฟจะเล่นละ กุดูอยู่นานละ โทรลภูเขามันตาม กลิ่นเน่าของโทรลในนี้มา

170 Nameless Fanboi Posted ID:C9sobgGip

>>169 นี่ก็มโนเก่งจัง เอาคุกกี้ไปเป็นรางวัล แปะๆ

171 Nameless Fanboi Posted ID:Za8RRjQVg

>>164 จากเหตุผลที่ยกมาจากความเห็นอื่นพออนุมานได้ว่า พอลูกค้าลดจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามจนเริ่มไม่ได้กำไร vคิดอย่างอื่นไม่ออกนอกจากดองไปสักพักแล้วปรับราคาขึ้นอย่างเดียว แต่ตอนนี้มีebookให้เกาะเพิ่มแล้ว กุหวังว่าคงจะไม่เกิดลูปแบบเดียวกับรูปเล่มอีกนะ

172 Nameless Fanboi Posted ID:79MwoFqow

เปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง งานหนังสืองวดนี้คนที่จะไปงานมีการวางแผนเดินยังไงบ้างวะ

อันนี้ของกู
- Animag รีบไปก่อนเพื่อน เอาเล่มที่จะอ่านก่อนเผื่อของหมด ที่เหลือค่อยสั่ง online
- Luckpim ถ้าถือไหวค่อยมาเอาเฉพาะเล่มที่จะอ่านก่อนไม่กี่เล่ม ที่เหลือค่อยสั่ง online
- Zenshu วันท้ายๆ ถ้ามารอบสองค่อยตามเก็บ วันแรกๆ ขอผ่าน
- Dex สั่ง Online เท่านั้น เข็ดแล้วของแถมขาด ฟิกบนเว็ปมันก็ถูกกว่ามาซื้อที่ร้าน
- First Page ผู้กล้าโล่
- Siam , VBK ไปรื้อกระบะเผื่อเจอของ rare
- บงกซ สั่ง Online เบียดสาวๆ ไม่ไหว

173 Nameless Fanboi Posted ID:aArTifMa7

>>172 งานหนังสือเป็นอะไรที่กูไม่แคร์มากเลย เจอก็ซื้อ ไม่เจอก็ไม่ซื้อ Nekomonogatari กับ Mahoukin ก็สั่งออนไลน์ไปแล้ว (ถูกกว่าด้วย) ร้านอื่นถ้าไปแล้วไม่ต้องเบียดก็หยิบๆ

ไอ้เรื่องหนังสือพิมพ์น้อยเลยแพงขึ้น เป็นเรื่องที่ทำมานานแล้ว อย่าง BB ของ SIC ก็เข้าข่ายนั้น แต่ใช่ว่าวิธีนี้จะได้ผลตลอดไป ข้อเสียมีเยอะแยะอย่างที่พวกมึงด่าๆ แต่ถ้าไม่ทำมันก็ไม่รู้จะอยู่รอดยังไง

174 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

ยังไม่รู้จะซื้ออะไรดีว่ะ แต่ถ้าDEXกับZenshuมีอะไรน่าสนใจก็คงหยิบบ้าง แต่บู้ทluckpimนี่กูคงจะไม่ไปเหยียบ ไม่ชอบค่ายนี้เป็นการส่วนตัว ใครชอบก็ไม่ว่ากันนะ สิทธิ์ใครสิทธิ์มัน

175 Nameless Fanboi Posted ID:jlILITm/0

ปีนี้สั่งออนไลน์เอาว่ะ แต่ปกติก็สั่งออนไลน์เอาอยู่แล้วไม่ค่อยแคร์งานหนังสือเท่าไหร่ (ของ limited ก็ขี้เกียจไปวิ่งควาย)

176 Nameless Fanboi Posted ID:vPWzZcWvD

รอบีบเลียเรื่องเดียว เห็นชอบออกช่วงงานหนังสือ

177 Nameless Fanboi Posted ID:87COYu48I

หลังๆก็คิดว่าจะซื้อออนไลน์ แต่หลังๆ เริ่มขี้เกียจเลยไม่ได้ซื้อแล้ว แต่อาจจะไปซื้องานหนังสือพวกเล่มใหม่ๆของล้กพิมพ์

178 Nameless Fanboi Posted ID:aArTifMa7

VBK ออกหนังสือตั้ง 4 เล่ม! *เอามือทาบหน้าอก*
สิงห์สนาม 36
ศึกตำนาน 7 อัศวิน เล่ม 12
จินมี่หมัดเหล็ก Legends เล่ม 17
ก้าวแรกสู่สังเวียน เล่ม 56

หรือนี่จะเป็นสัญญาณของ....65 บาททุกเล่ม

179 Nameless Fanboi Posted ID:j1olpd5Z0

สเตตัสล่าสุด C-KID Express แม่งเป็นลางยังไงไม่รู้ว่ะ

180 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

>>179 กูมั่นใจมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ

181 Nameless Fanboi Posted ID:79MwoFqow

http://f.ptcdn.info/902/045/000/oddurkjo34W2cCR4dfk-o.png

182 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

จั่วหัวมาให้คนคิดลึก เตรียมเลิกทำเล่มไปทำ ebook ซะละมั้ง 55+

183 Nameless Fanboi Posted ID:U76dDdyH7

มีแต่ค่ายโง่ทิ้งลูกค้าถึงจะทำ e book

kek

184 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

>>183 ยังไงนิตยสารการ์ตูนเล่มสุดท้ายของวงการ มันก็ต้องเลิกทำแน่ๆ กูเชื่อของกูอย่างงี้ ใครยังtrustอยู่ก็สุดแล้วแต่ ไม่ได้บังคับ กูมั่นใจกว่าตอนแทงหวยใต้ดินอีก แต่ทำอีบุ้คต่อรึเปล่า กูไม่รู้

185 Nameless Fanboi Posted ID:kHKnEz2qZ

ทำอีบุ๊คต่อคิดว่าก็น่าจะยากอยู่ อย่างดีก็ไปได้ระยะนึง แต่ไม่นานแน่ ยังไงก็คิดว่าพวกนิตยสารการ์ตูนบ้านเราตอนนี้ต่อให้เป็นอีบุ๊คก็ตายหมดอยู่ดี

186 Nameless Fanboi Posted ID:aArTifMa7

กูว่ามันไม่น่าจะเลิกนะ มันยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ขาดทุนเลย แค่กำไรลดลง แต่ทำไมมันชอบโพสต์เรียกกระแสทำนองนี้บ่อยจัง

187 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

>>186 วิชา PR ประเภทนึง

188 Nameless Fanboi Posted ID:27d5G.L6T

อ่านแล้วนึกถึงเหมือนเด็กแต่งนิยายแล้วน้อยใจที่คนอ่านน้อยเลยพูดลอยๆว่าเราจะเลิกแต่งแล้วนะเพื่อให้คนสนใจ

189 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

สัสเอ๊ย คินดะRเล่ม5มันเข็นออกมาจนได้ รอนานจนคันหอยไปหมดแล้ว

190 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

เห็น TLK บอก CKID เลิกว่ะ จะออกฉบับสุดท้าย 27 นี้

191 Nameless Fanboi Posted ID:aArTifMa7

>>190 TLK คืออะไร

192 Nameless Fanboi Posted ID:vu2+e+./w

>>191 the lord of the rink

193 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

>>190 ถ้าจริงก็แสดงว่าเซ้นส์นิวไทป์ของกูนี่ระดับลาล่าเลยนะ

194 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

http://pantip.com/topic/35588377

195 Nameless Fanboi Posted ID:llQxAIXv8

>>193 มึงต้องพูดว่า"ค่าย S จะชนะกันสาดสีแดงค่ะ" ด้วยสิวะ เพื่อความเหมือน

196 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

>>195 ทำไมต้องพูดล่ะ ลาล่าไปเกี่ยวอะไรด้วย กันสาดแดงมันมีกันดั้มขายเหรอ

197 Nameless Fanboi Posted ID:T2AAa.R+O

จบแล้วสินะ C-KID

198 Nameless Fanboi Posted ID:XUOZPoFCv

>>194 อ้าวข่าวมาเร็วแฮะ

199 Nameless Fanboi Posted ID:B0zQUGyhv

ถึงจะไม่เห็นข่าวในเฟส แต่อีตาneozeroตั้งกระทู้นี่คงเชื่อถือได้มั้ง?

200 Nameless Fanboi Posted ID:lexDZmnK8

ถัดจากDVDก็หนังสือ กราบคุไทยผู้ดีแต่ปากทั้งหลาย

201 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

>>200 มึงต้องถามบริษัทเองเว้ยไปทำตามคำเรียกร้องของคนไม่กี่ 10 คนทำไมทั้งที่ของพวกนี้มันต้องมีโควต้าในการปั๊ม

202 Nameless Fanboi Posted ID:jdZ8nfZom

อ่อนแอก็แพ้ไป
อิอิออิ

203 Nameless Fanboi Posted ID:NBErF7xPl

Ckids เจ๊ง
เป็นความผิดของ vbk คับ

204 Nameless Fanboi Posted ID:mJu3sB6+4

ทำไมรายสัปดาห์เจ๊งแล้วไม่โดนสาปส่งแบบ vbk ครับ

205 Nameless Fanboi Posted ID:J15C+y6Sr

>>204 เพราะไม่ใช้ vbk ไง

206 Nameless Fanboi Posted ID:kHKnEz2qZ

นิตยสารหัวสุดท้ายในที่สุดก็ตายตกตามกันไป แต่ก็นึกสงสัยนะว่านิตยสารการ์ตูนในบ้านเราจะตายถาวรไปเลย หรือว่าจะกลับมาได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้(หรือไม่ได้ใกล้เลย)

207 Nameless Fanboi Posted ID:PvH6kYLQE

ตราบใดที่แก้เรื่องดูฟรีทางเน็ตไม่ได้ก็ปิดประตูไปเลย
อีกซักพักแม้แต่รวมเล่มธรรมดาก็จะต้องขึ้นราคาแล้วไปเล่นตลาดนักสะสมเอา
หนังสือการ์ตูนจะไม่เป็นสินค้าที่ขายแล้วได้เงินตรงๆเป็นกอบเป็นกำอีกแล้ว แต่มึงต้องไปเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์อย่างอื่นหรืออีเวนท์เอา

208 Nameless Fanboi Posted ID:4JVNPW75.

Dvdกูเห็นคนบ่นๆๆว่าไม่มีคุณภาพ เอาแต่ติจนสุดท้ายวงการก็พัง ทั้งที่จริงๆคุณภาพมันก็กลางๆ โรสqcจริงๆแม่งก็พอๆกับsicอะแหละ

209 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

>>208 เรื่อง DVD นี่มันซวยเพราะค่ายญี่ปุ่นโดยตรงว่ะ คนด่าก็เพราะไม่รู้ คนรู้อยากบอกก็บอกไม่ค่อยได้ + ไม่เชื่อ

210 Nameless Fanboi Posted ID:nmyvdfnxd

เห้ย เดี๋ยวๆ กูยังไม่เห็นข้อมูลแบบชัดเจนเลยนะเว้ย ในกระทู้ก็ไม่เห็นมีข้อมูลอะไรเลย

211 Nameless Fanboi Posted ID:CiraMPWfN

รายสัปดาห์ฝั่งการ์ตูนผู้หญิงเจ๊งไปยัง?

212 Nameless Fanboi Posted ID:nnZtrp+.e

>>210 มีหนังสือเวียนส่งไปร้านหนังสือวะ

213 Nameless Fanboi Posted ID:nmyvdfnxd

>>211 หมดไปนานแล้ว C-kids คือ Manga Magazine แบบ Hard Copy หัวสุดท้าย

214 Nameless Fanboi Posted ID:jnUn/HKYj

ไม่ใช่แค่เพราะสแกนหรอก เด็กรุ่นใหม่ติดสมาโฟน ติดเฟส
มันรับแค่สื่อจากที่เพจกากๆฟีดให้ ก็กินเวลาว่างไปหมดแล้ว

215 Nameless Fanboi Posted ID:Y0cCLAA6H

ฝั่ง v นี่ประกาศออกรัวๆเลย

216 Nameless Fanboi Posted ID:p4arsAz.H

ทำชนกับญี่ปุ่นรายสัปดาห์ ปัญหาที่เห็นทั้ง V และ S เจอ คือพอวันหยุดญี่ปุ่นกับไทยไม่ตรงกันแล้วมีปัญหาเล่มควบอีก
ยุ่นหยุดไทยไม่หยุดไม่เป็นไร แต่ไทยหยุดแล้วญี่ปุ่นไม่หยุดนี่มีปัญหาแล้ว ช้าก็ขาดช่วงเสร็จสแกน
เห็น V หยุด แมกกาซีน E Book ไปพักนึงหาทางแก้เรื่องนี้ ก็ยังเงียบไปเลย ไม่รู้จะได้ออกต่อมั้ย
แมกกาซีนนี่สงสัยจะตายหมดแม้แต่แบบ E Book

217 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

>>216 มันไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอกว่ะ ตอน สงกรานต์ กุเห้น CKID มันก็แค่ออกข้า 2 อาทิตย์ เพราะ สงกรานต์ กับ Golden Week ญี่ปุ่นมันห่างกันแค่ 2 อาทิตย์ก็แค่ญี่ปุ่นหยุด CKID ออกต่อมันก็พอดีกันแล้ว

218 Nameless Fanboi Posted ID:NBErF7xPl

>>216 กูว่า C-Kids express มันตายตั้งแต่พอเรื่องเด่นจบเสือกไม่กล้าหาเรื่องใหม่มาลง ยัดเยียดแต่การ์ตูนไทยที่คนไม่ค่อยจะเปิดใจอ่านก็ชิบหายดิ

เอาจริงๆมันควรยัดการ์ตูนจั้มป์ใน CKids ให้เยอะกว่านี้ด้วยซ้ำเพราะ Boom ปิดไปแล้ว ถ้าแม่งยัดได้สักสิบเรื่องเล่มพองหนาๆแบบจั้มป์ กระดาษกากๆหน่อยราคาเกือบร้อย
แค่นี้กูว่ามันสร้างจุดเด่นให้คนยังกัดฟันซื้อมาอ่านได้
แถมพวกเรื่องใหม่ๆเพิ่งลงJump scan eng มันจะยังไม่กล้าทำกันรอดูว่าดังไหมก่อน

พอไม่ทำอะไรคนเก่าแม่งอ่านแล้วขาดทุนก็ทยอยเลิกซื้อ
คนใหม่ก็ไม่รู้จะซื้อมาอ่านเหี้ยอะไรก็ไม่ซื้ออยู่ดี
นี้พอ Ckids ปิดไปการ์ตูนใหม่ๆใน Jump จะขอทีแม่งรอหนึ่งปี โดนไพเรทตัดหน้าหรือคนแม่งก็หนีไปอ่านสแกนหมดล่ะ

219 Nameless Fanboi Posted ID:mJu3sB6+4

นั่นก็เรื่องนึง แต่บางเรื่องหยุดแล้วไม่มีเรื่องลงไม่มีวันชอทลงนี่เหี้ยกว่า
ซีคิดส์เล่มวันนี้อัตราส่วนการ์ตูน ญี่ปุ่น 4:3 ไทย เพราะวันพีชหยุด
นี่กุซื้อนิตยสารลูกผสมเหรอวะ

220 Nameless Fanboi Posted ID:4JVNPW75.

Jumpตอนนี้มันมีเรื่องที่สนุกๆแต่ยังไม่มีlcเรื่องไหนอีกวะ

221 Nameless Fanboi Posted ID:.kyYTRB/A

>>220 เยอะ

ล่าสุดนี่กูยกให้ Yakusoku No Neverland เลย
การ์ตูนหักเหลี่ยมเฉือนคมแบบดาร์คๆ อ่านแล้วโคตรลุ้นทุกสัปดาห์

222 Nameless Fanboi Posted ID:I5LxI+5Uk

>>221 เยอะยังไงว่ะกุเห็นที่เด่นๆ แล้วยังไม่โดน LC ตอนนี้มีเรื่องเดียวคือ Black Clover ที่โดนฝรั่งด่าเพราะทำตามแนวนารุโตะ

เรื่องอื่นๆ นี่ ผีฮาเร็ม ของอาจารย์ของ TOSH ระดับ toloveru ลงไม่ได้แน่นอน นอกนั้นไม่ใช่แนวคนไทยอ่าน ส่วนพวกเรื่องมาใหม่ก็ต้องรอดูกระแสสักพักก่อน

223 Nameless Fanboi Posted ID:QVY40Azxd

>>221 เรื่องนี้สนุกจริง แต่กุกลัวว่าหลังๆ จะแผ่วปลายหรือออกทะเลรึเปล่า เรื่องแนวนี้ชอบตายตอนเฉลยปริศนาบ่อยๆ
อย่างเมื่อก่อนก็มีเรื่องนึงชื่อ Enigma ที่เป็นเด็กมีพลังพิเศษเล่นเกมเอาตัวรอดในโรงเรียน เปิดมาสนุกมาก ตอนหลังแม่งออกทะเลเละเทะ

224 Nameless Fanboi Posted ID:J15C+y6Sr

>>223 Enigma เปิดมาน่าสนใจมาก ดีสุดตรงโรงเรียนช่วงต้นๆปริศนาคืออะไร จะเอาตัวรอดอะไร เกิดไรขึ้นพอเขียนไปหมดมุกที่คิดไว้แล้วก็เละทันที

225 Nameless Fanboi Posted ID:QVY40Azxd

>>218 มันไม่ใช่ว่าคนไทย "ไม่เปิดใจอ่าน" อย่างเดียว มึงต้องยอมรับด้วยว่า 1.คนซื้อนิตยสารนี้เพื่ออ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นหลัก 2.การ์ตูนไทยที่ลงก็ไม่ได้สนุกอะไรมากมาย แล้วแนวเรื่องไม่เข้ากับกลุ่มคนอ่านการ์ตูนจั้มป์ด้วย
ถ้าการ์ตูนไทยที่เอามาลง คุณภาพพอๆ กับอภัยมณีซาก้าหรือมีดที่ 13 สมัยแรกๆ กระแสอาจจะต่างไปจากนี้ก็ได้

กุเห็นเพจวันพีซเพจนึงเอาข่าวซีคิดส์นี่มาลง ยังมีเด็กมาถามเลยว่า "แล้วแบบนี้เราจะได้อ่านออนไลน์ต่อรึเปล่า" --- อย่างที่กุเคยคิดเลยว่าปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบซื้อของลิขสิทธิ์ ปัญหาคือเด็กแม่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลิขสิทธิ์คืออะไร เชื่อเลยว่าเด็กไทยเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ เกินครึ่งจะโตมากับความคิดที่ว่าการ์ตูนคือของที่มีไว้อ่านฟรีบนเน็ตอย่างเดียวแน่ๆ

226 Nameless Fanboi Posted ID:wgd9tN2ud

>>223-224 Enigna นี้ตย.ชัดเจนของการ์ตูนวางพล็อตไว้ดีแล้วแต่โดนสั่งให้ยืด สุดท้ายเละโดนตัดจบอนาถฉิบ

งานล่าสุดวาดลงเวบตาม kissxdeath กูยังสังเกตไม่ค่อยมีคนไทยอ่านแหง่

227 Nameless Fanboi Posted ID:uWOMQYgOx

>>226 กูว่ามันเละตั้งแต่ก่อนที่จะมีคำสั่งยืดไรแล้ววะ ช่วงเริ่มเละนี้ถ้าจำไม่ผิดมันยังไม่ถึง 50 ตอนเลยนะ(ช่วงยังไม่ออกจากโรงเรียนก็ส่อแววแล้ว) คนเขียนแกแค่วางพล็อตไว้ดีตอนแรกๆแต่พอหมดที่วางไว้ก็ตันมากกว่า

228 Nameless Fanboi Posted ID:Cg4Vem5+r

แต่พูดจริง ๆ ในจัมป์ช่วงปีที่แล้วมายันปีนี้มันไม่มีซีรี่ส์ใหม่ที่ดึงดูดใจจริง ๆ สักเรื่องเลย อย่างชุดใหม่ที่มานี่ก็มีเรื่อง neverland นี่แหละที่น่าสนใจสุดแล้ว แต่ดูแล้วคงรอดยากพอควร ไปลงพวกหัวอื่นอาจหวังให้ยาวได้ ส่วนที่ดูจะเชียร์กันเยอะหน่อยก็ black clover แต่เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าลอก(ต้องใช้คำนี้จริง ๆ)พล็อตเรื่องนู้นนี้มาปะติดปะต่อกัน พระเอกนี่ยังกะลอกนารุโตะมา กระแสบอร์ดนอกด่าเรื่องนี้เยอะพอควร

229 Nameless Fanboi Posted ID:tdwMpVD8Z

กูว่า เอาผีฮาเรมมาก็ใช่ว่าไม่ดีนะเมิง

ปล. เผื่อโดนหลุมดำอีกรอบ ล้างไปเลยก็ดี

230 Nameless Fanboi Posted ID:rMF.Dr7Mj

>>222 มันถามเรื่องที่สนุกๆ สำหรับกูที่อ่านการ์ตูนในจัมป์ทุกเรื่อง กูว่ามีสนุกเยอะอยู่
แต่กระแสคนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน (และไม่รู้จัก) เท่านั้นเอง

คิเม็ตสึโนะไยบะ
ซามอนคุงวะซัมมอนเนอร์
เซะสุจิโอ๊ะพินโตะ
ทาคุอันโตะบัตสึโนะนิจิโจเอ็นมะโจ (หลังๆ เริ่มเลอะเทอะ คิดว่าคงอยู่อีกไม่นาน)

แต่ถามว่ามันจะดังปังแบบพวกนารุโตะได้มั้ย ก็ไม่
เพราะแนวเรื่องมันไม่ได้เป็นการ์ตูนสูตรจ๋าที่จะฮิตได้แบบนั้น

231 Nameless Fanboi Posted ID:FC9YPumch

ใครอวยผีออนเซ็นกุรู้ระดับเทสเลยว่ะ

ดีนะในโม่งไม่อวย

232 Nameless Fanboi Posted ID:tdwMpVD8Z

>>231 เทส ดีหรือแย่ ฟะ
กูติดคนนี้มาตั้งแต่โมมิจิแล้ว

233 Nameless Fanboi Posted ID:l4EeH5TgN

>>231 ที่นี่อวยบลีช วันพีซ นารุโตะครับ

234 Nameless Fanboi Posted ID:GffjiGRqg

คือมันเอาไฮคิวหรือซูโม่มาลงแทนก็ได้นะที่จริงถ้าไม่อยากlcเพิ่ม

235 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>216 ที่Vมันหยุดเพราะปัญหาเรื่องต้นฉบับน่ะแหละ เดี๋ยวก็ย้ายเล่ม เดี๋ยวหยุดไม่ตรงกัน เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวก็นี่ เลยต้องไปจัดระเบียบให้ลงตัว เดี๋ยวเดือนนี้มันก็ออกแล้ว

236 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>218 ถึงออกเร็วยอดขายมันก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะเรื่องเด่นของมันมีสแกนดักทุกสัปดาห์ แถมยังเจอสปอยล์เหี้ยๆแบบไม่ต้องซื้ออ่านก็ได้ในเว็บหมื่นดริฟท์อีก เลิกทำไปน่ะดีที่สุดแล้ว ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเปล่าๆ ออกรวมเล่มไป จบ

237 Nameless Fanboi Posted ID:XutiZz3GC

กูสงสัย v มันจะทำเป็นแม็กกาซีนทำไม พวกแม็กกาซีนกูไม่ซื้ออ่านเลยเพราะกูตามอย่างเก่ง 2 เรื่องต่อหัว กูเลยรอเก็บรวมเล่มอย่างเดียว เปิดขายเป็นตอนกูยังอยากซื้อมากกว่าเจอราคาเหมาแล้วต้องอ่านเรื่องไม่อยากอ่าน

238 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>237 ก็มึงไม่ใช่ฐานลูกค้าแมกกาซีน มึงจะไปสนใจทำไม รอเก็บรวมเล่มไปตามเดิมสิ คนที่มันอ่านแม็กกาซีน เน้นความเร็วอ่านง่ายกว่าสแกน มันก็มีอยู่ แค่พวกนั้นไม่ใช่มึงเท่านั้นเอง ไม่เห็นเข้าใจยาก

239 Nameless Fanboi Posted ID:iwAmBUkaT

เออ จะว่าไปการ์ตูนค่าย V กุก็เคยหยิบพวก viva friday , kc weekly มาเปิดอ่านสมัยก่อนแทบไม่เห็นเรื่องไหนมันโดดเด่นขนาดน่าจะขายดีเลย มันคุ้มขนาดนั้นเลยเหรอวะในการทำเนี่ย

240 Nameless Fanboi Posted ID:1VYrrs2o4

>>231 ที่นี่อวยแต่อีหนวกรักไร้เสียงคับ

241 Nameless Fanboi Posted ID:Scxq7RFTi

เอามาถัวกันไง ถือว่ากิน 2 ต่อ ซื้อรายสัปดาห์แล้วก็รวมเล่ม เมื่อก่อนไม่มีแสกน ก็ต้องอ่านจากพวกนี้ละถึงรู้ว่าสนุกไม่สนุก บางเรื่องรายสัปดาห็ก็นำหน้ารวมเล่มไปไกลมากกกกกก ถือว่ากำไรไป บางเรื่องก็ไม่มีแสกน อย่างบุตรมังกร อัคม่าเกม ผีดิบล้างโลก cmb พวกนี้กูตามอ่านตลอดจนเลิกไป

242 Nameless Fanboi Posted ID:wgd9tN2ud

แต่ก่อนค่ายญี่ปุ่นมันบอกอยากได้ lc เร็วๆ(เดี๋ยวโดนไพเรทตัดหน้า) ก็เอาไปทำนิตยสารก่อน

243 Nameless Fanboi Posted ID:tdwMpVD8Z

อีกอย่าง นิตยสาร เขาสามารถยัดเรื่อง ใหม่ๆ มาทำตลาดด้วยไง

244 Nameless Fanboi Posted ID:GDhuPoOko

>>239 เคยอ่านเจอว่านิตยสารมันทำหน้าที่สื่อสารกับกลุ่มคนอ่านด้วย(ในยุคที่ยังไม่มีเฟสบุ้นไม่มีสแกนเถื่อน)

245 Nameless Fanboi Posted ID:8ykcyZlA4

น่าจะเรียกว่ายุค Internet ยังไม่รุ่งเรืองดีกว่า สมัยนั้นคอมเป็นอะไรที่แพงมาก น้อยบ้านที่จะมี แถม net ก็ไม่ได้ติดทุกบ้าน
web ก็ไม่มีอะไรให้ดูมาก มีแต่ตัวหนังสือ Google ยังไม่เกิด ความบันเทิงคือแช็ตหน้าจอ ขาวๆ ดำๆ พวก iRC Pirch

แล้วก็นะ มันมีสื่อบันเทิงน้อยมาก ถ้าไม่รอดูการตูนช่อง 9 ตอนเช้า แล้วมันไม่มีสื่ออื่นจะเสพย์ และบ้าน TV เป็นของใช้ร่วมกัน
ช่วงนั้นหนังสือ นิตยสาร มันเลยเป็นตัวเลือกที่สะดวกที่จะแสวงหาความบันเทิงได้ สมัยก่อนเหมือน >>244 บอก
หนังสือเหมือนเป็นหน้า Facebook ที่ใช้จดหมายถาม แล้วถ้าโชคดีถึงจะมีคำตอบบนหน้านิตยสาร สปอย์อะไรไม่มี
นิตยสารสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งที่ขายดีมาก เกิดกันเป็นดอกเห็ด

246 Nameless Fanboi Posted ID:EpL9MGkWE

>>226 ไม่ใช่ละ กุว่าแววเละมันมาตั้งแต่เฉลยปริศนาแรกสุดแล้ว สนพ คงยังไม่ทันได้สั่งอะไรด้วยซ้ำ คนเขียนทำตัวเองล้วนๆ
เรื่องแนวนี้ที่โดนสั่งให้ยืดอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็นเดธโน้ตมากกว่า

247 Nameless Fanboi Posted ID:hN3/bFRAi

พักนี้ตารางออกหนังสือของสยามรวนตลอดเลยว่ะ วันนี้ควรจะมีเมไจ ดันเลื่อนโตเกียวกูลมาออกก่อน แล้วมันก็ออกหนังสือน้อยลงแบบฮวบฮาบ

กลับกันวิบูลกิจเริ่มออกเยอะขึ้น (คิดทั้งอีบุ๊คและหนังสือเล่ม)

248 Nameless Fanboi Posted ID:FVe5ZRIrS

แล้วแบบนี้ใครจะซื้อ LC จาก vbk ต่อละ!!!

249 Nameless Fanboi Posted ID:utuY.cF3I

สยามยอดขายไตรมาสที่ผ่านมาลดลงเกือบ 40% งบรวมของ บ. ขาดทุนติดต่อกันมา 2ปีครึ่งแล้ว
โดนปัจจัยหลายอย่างเข้าไป ยอดขายตก สแกนเถื่อน
เป็นใครก็ต้องหยุดมองธรุกิจรวมของตนก่อน
แต่กูสงสัยจริงๆ ทำไมไม่ตั้งบ.จัดการปราบเถื่อนในส่วนของตัวเองเชือดไก่ให้ลิงดูแบบแกรมมี่หรืออาร์เอสบ้าง
อย่างนิยายจีนนี่กูเห็นโดนตั้งแต่วันแรกที่ขายกันเลย อดสงสัยไม่ได้จริงๆหรือกลัวเรื่องมีแฟนคลับต่อต้านหรือด่าแบบ บ.ที่ตั้งตัวแทนออกมามีปัญหากัน

250 Nameless Fanboi Posted ID:Dxj2DXRg9

อ่านในกระทู้ซีคิดส์ปิดตัวในพันทิป มีความเห็นนึงไปชื่นชม bezald แล้วโดนคนสวนเข้าให้ เวรกรรมจริง ๆ มีพวกที่ชื่นชมบูชาไอ้เว็บเวรตะไลนี่ด้วย ไอ้เว็บนี้ตัวหน้าด้าน ไร้จิตสำนึแถวหน้า ๆ ของพวกทำเวบอ่านเถื่อนเลย

251 Nameless Fanboi Posted ID:hEkkU9Utq

แค่การออกหนังสือก็เป็นเรื่องน่าชื่นชมแล้ว
แผลบๆ

252 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>247 ถ้ามันเน้นออกเฉพาะของขายดีก็ไม่น่าแปลกใจเลย

253 Nameless Fanboi Posted ID:5vNo0eSqx

>>249 ทำได้ทำไปนานแล้ว แบบเดียวกับที่ไม่มีการฟ้องแสกนนั่นละ

254 Nameless Fanboi Posted ID:Pc0Bqeu2x

>>249 เท่าที่กูดูธุรกิจการ์ตูนนี้ตัวภาระค่าใช้จ่ายสยามด้วยวะ แถมไม่ใช่สินทรัพย์ระยะยาวตีเป็นรายได้ได้

255 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>254 ธุรกิจหลักตอนนี้เป็นวอลเล่บอลไปแล้วมั้ง การ์ตูนนี่เหมือนตัวภาระ ทำไปก็ไม่รวย

256 Nameless Fanboi Posted ID:npxSTuxG8

>>249 มีโม่งคนนึงเคยบอกไว้ว่า ถ้าจะฟ้องก็ทำได้ สมมติว่าฟ้องเสร็จแล้วชนะ ได้ค่าปรับมาอะไรมาต้องส่งให้ญี่ปุ่นหมด เพราะมีสิทธิ์แค่พิมพ์ และจัดจำหน่าย ถ้ามันเป็นแบบนี้จริง กูเป็น สนพ. กูก็คงไม่ทำ เสียเวลา เสียเงิน แถมชนะแล้วไม่ได้เงืนอีก

ยกเว้นว่ากูรวยมาก กูจะเชือดไก่ตัวใหญ่ๆเพื่อความสะใจ

257 Nameless Fanboi Posted ID:sAyBODeAs

>>255 เห็นมีช่วงนึงคนบอก สยามเอาธุรกิจ หนังสือ + การ์ตูน มาใช้ฟอกเงินเลยนี่ 555+

258 Nameless Fanboi Posted ID:w.6JopYyO

>>257 งบฯเงินจากสมาคมกีฬา แม่งหายไปกับการ์ตูน เจ็บชิบหาย

259 Nameless Fanboi Posted ID:H6Uj0QLH5

>>256
มันมีส่วนของนิยายแปลจีนนะ ไม่ใช่คนนอกประเทศปล่อยได้แน่ๆ
การ์ตูนมันอาจจะยาก มีเหตุผลซ้ำซ้อนกันไป
แต่นิยายจีนแปลนี่มันลิขสิทธิ์ของสยามโดยตรงเลย

260 Nameless Fanboi Posted ID:LU+b3A1oH

ที่เพจของ SIC มีออกมารับหรือปฏิเสธอะไรมั้ยตอนนี้ เรื่อง C-Kids

261 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>260 ไม่ใช่ความลับอะไรแล้ว เขารู้กันหมดทั้งประเทศแล้ว ถ้าไม่ปิดป่านนี้แอดมินมันมาบอกไปแล้ว

262 Nameless Fanboi Posted ID:sAyBODeAs

>>260 ถ้าไม่จริงมันปฎิเสธไปแล้ว

เฟซเพจ CKID Express เปิดได้ถึงปียังวะต้องปิดแล้ว ถ้ามันไม่ทำ Ebook นะ

263 Nameless Fanboi Posted ID:LU+b3A1oH

กูก็คิดแบบมึง ถ้ามันไม่ปิดมันคงมาปฏิเสธแล้ว
เมื่อวานกูไปร้านการ์ตูนประจำกู กูเห็น C-Kids ตั้งสูง แต่พอมองดีๆ แล้วมันมีเล่นเก่าๆด้วย เล่มใหม่ล่าสุดมี 10 เล่ม เล่มที่แล้ว 5 เล่า ก่อนหน้านั้นก้ 3-4 เล่ม สรุปว่าร้านนี้รับมา 10 เล่ม ขายได้ 5-6 เล่ม น้อยลงเยอะมากนะเนี่ย Boom แม่งชิ่งไปก่อนนี่ถือว่าคิดดีแล้ว

264 Nameless Fanboi Posted ID:5Tq7VOonw

Lpทำไมดูไม่ค่อยเห็นข่าวลางๆว่ามีปัญหาอะไรเลยวะ อย่างvbk nedนี่ก็ชัดเจนอยู่แล้ว sicก็ส่งผลตอนนี้แล้ว ถึงขนาดเอาโนซากิมาได้นี่ก็ต้องโหดพอควรที่สามารถแย่งจากsicได้

265 Nameless Fanboi Posted ID:cpr+u7kMT

>>264 ถีบตัวปัญหาออกไปนานแล้ว

266 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>264 มันมีปัญหาหมดทุกเจ้าแหละ อยู่ที่ใครจะแสดงออกภายนอกยังไง

267 Nameless Fanboi Posted ID:HLVPDyvcZ

>>264 ลอยแพ LN นี้นับไหม

268 Nameless Fanboi Posted ID:VhcbwEtVj

>>260 มันส่งเป็นหนังสือแจ้งตามร้าน แต่ยังไม่ได้ประกาศในเพจ+ในเล่ม
http://imgur.com/a/AyTzr

269 Nameless Fanboi Posted ID:sAyBODeAs

>>264 ดองการ์ตูน ดอง LN ... สงครามดาบศักดิ์สิทธิ์ เล่ม 10 ตูยังไม่มีกำหนดออกเลย -__-

270 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>268 ซตพ. The End ตามนั้น ปิดแล้วจ้า สงสัยVใกล้ได้เพื่อนSไปร่วมชะตากรรมละมั้ง

271 Nameless Fanboi Posted ID:ef3Tl6ckp

>>264 ดองเป็นปกติจนคนไม่รู้สึก ราคาแพง(และขึ้นเรื่อยๆ)เป็นปกติจนคนไม่บ่น

272 Nameless Fanboi Posted ID:drJzd8pdp

lp แม่งดองสาวรถถังกุ สัส

273 Nameless Fanboi Posted ID:VBWInVcX7

โทโฮกูล่ะ สัส

274 Nameless Fanboi Posted ID:sAyBODeAs

ตอนนี้ LP น่าจะขึ้นอันดับ 1 จอมดองยิ่งกว่า vbk แล้ว

275 Nameless Fanboi Posted ID:haY+clYBA

ของ L เท่าที่กูเห็นนะ ถ้าออกได้เกินเล่ม 2 ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา
แต่มีพวกที่ออกได้ เล่ม-2เล่ม แล้วหายยาวเยอะอยู่

276 Nameless Fanboi Posted ID:9OLJvKePl

>>275 2 เรื่องที่กุซื้อ โดนดองเล่ม 3 ทั้งคู่

277 Nameless Fanboi Posted ID:J4nTaIhK5

>>274 ยังไงnedก็อันดับหนึ่ง vbkรองลงมา

278 Nameless Fanboi Posted ID:QbxasoX68

Ned อย่าพูดว่าดองเลยเพราะมันไม่ออกต่อแน่ๆ

279 Nameless Fanboi Posted ID:vBIi0w4kD

>>225
มันรู้ทั้งนั้นแหล่ะสิ่งที่มันถูกหรือผิดกฎหมาย แต่มันแก้เกี้ยวพูดไปแบบนั้น
จวนตัว เดี๋ยวก็หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์

280 Nameless Fanboi Posted ID:Q2Na.RmW1

มันจะยังทำธุรกิจนี้ต่อรึเปล่ากุยังไม่ค่อยแน่ใจเลย...

พวกมึงคิดว่าจะมีโอกาสที่ สนพ. ถอดใจเลิกทำกันหมดมั้ยวะ

281 Nameless Fanboi Posted ID:gKo4QxcxR

>>257
นั่นมันตอนที่พวกแฟนบอลพยายามอัดบังยีและสื่อกลุ่มที่เลียให้เละทุกทาง สยามอินเตอร์อยู่เครือเดียวสยามกีฬาเลยโดนหางเลขไปด้วย

ทั้งที่จริงๆ มันแทบจะแยกคนละส่วนกันเลย การ์ตูนกับสยามกีฬาเนี่ย

282 Nameless Fanboi Posted ID:FARjJ.J3n

>>280 ยังดิ มึงรอ อมรินทร์xคาโด ก่อน

283 Nameless Fanboi Posted ID:vtA2j2v4b

>>282 มึงคิดว่ามันจะมาเป็นผู้กอบกู้จริงรึ จะม้วนเสื่อกลับบ้านก่อนใครสิไม่ว่า

284 Nameless Fanboi Posted ID:KDg+dWuqS

ทุนแม่งหนากว่าใครเพื่อนตอนนี้

285 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>284 ทุนหนาตรงไหนวะ ขนาดพอๆกับVเอง เว้นแต่จะเพิ่มทุนในตอนหลังนะ มันยังไม่รู้อิทธิฤทธิ์คุเมืองไทย เดี๋ยวพอสังวรณ์ได้ ก็คงกลับไปเป็นเสือนอนกินเหมือนเดิม สบายกว่า

286 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

อ่า กูขอโทษให้ข้อมูลผิดไปนิด เล็กกว่าVด้วยสิเนี่ย ทุน30ล้านเอง ดูเสียงตอบรับนักลงทุนก็รู้ ข่าวนี้ออกราคาหุ้นไม่ไปไหนเลย เพราะนักลงทุนก็คงไม่คิดว่ามันจะกำไรดีเด่อะไรหรอก

287 Nameless Fanboi Posted ID:vtA2j2v4b

>>284 คือมึงเห็นตัวเลขสามสิบล้านแล้วตาโตสินะ จะบอกว่าทุนหมุนเวียนสนพ.อื่นๆ ก็ประมาณนี้กันทั้งนั้นแหละ อย่างแย่ก็ยี่สิบล้าน อ้อ เฟิร์สเพจไม่นับนะ ต่ำเกิน

288 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

30ล้านนี่ เปิดร้านลอว์สันได้แค่6สาขาเอง กำไรดีกว่าขายหนังสืออีก

289 Nameless Fanboi Posted ID:FARjJ.J3n

JP มาเองนะมึง แถมทีมงานระดับ N2 อัพ นี่แหละความหวังใหม่ของมนุษยชาติ

290 Nameless Fanboi Posted ID:g8AWWpqeO

>>289 มึง...ตื่นๆ

291 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

ญี่ปุ่นลงทุนต่างประเทศไม่ใช่ว่าประสบความสำเร็จทุกครั้งนะมึง ม้วนเสื่อกลับไปมีเยอะแยะ อย่างบะหมี่เจ้านึงมาไทยแล้วแป้ก เพราะมาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ตั้งเป้าไว้สูงเกิน จนเกือบต้องถอยทัพ ดีสหพัฒน์ขอร่วมทุนด้วย ยอมให้สหพัฒน์ถือหุ้นใหญ่ ถึงรอดมาได้

292 Nameless Fanboi Posted ID:QbxasoX68

กำทุนน้อยกว่ายอดกำไรต่อเดือนบริษัทกูอีก

293 Nameless Fanboi Posted ID:ovk6e3rdW

>>292 มันคงรอให้ผลประกอบการณ์ดีกว่าที่คาด แล้วค่อยจัดหนักเพิ่มทุนทีหลัง แบบว่าถ้าแป้กไปไม่รอดก็เจ็บนิดเดียวไง

294 Nameless Fanboi Posted ID:g3EdDhnax

>>264 LP ก็มีปัญหาเหมือนที่อื่นนั่นแหละ แต่ไม่แสดงออกมากเท่าอาจจะเพราะมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางที่เหนียวแน่นพอสมควร (อย่างกลุ่มคุบุฮี้ กลุ่มสาววาย หรือกลุ่มแฟนคลับจุนจิอิโต้) แต่ถ้าไปเปิดดูผลประกอบการกุว่าก็คงตกลงเรื่อยๆ ไม่ต่างจาก สนพ อื่น ไม่งั้นมันคงไม่ขึ้นราคาหนังสือหรอก

>>289 ทีมงาน N2 อัพแม่งก็คนหน้าเดิมๆ แถวนี้นั่นแหละ มึงคิดว่าจู่ๆ จะมีคนเก่งๆ นอกวงการแห่กันมาสมัครงานกอง บก. เงินเดือนสองหมื่นกว่ารึไง

295 Nameless Fanboi Posted ID:KDg+dWuqS

>>291 บะหมี่ของอากู๋นะเหรอ ?
>>294 เงินเดือนกองบก.ของมึงนี่เยอะกว่ากูอีก T-T

296 Nameless Fanboi Posted ID:sAyBODeAs

>>281 แยกยังไงก็ไม่รู้นะ แต่ตั้งแต่สยามกีฬามันโดนยกเลิกสัมปทานฟุตบอล SIC ก็เหมือนจะดิ่งร่วงลงตามไปด้วยบอกไม่เกี่ยวอะไรเชื่อลำบากเพราะมันประจวบเหมาะเกิน เพียงแต่ไอ้เรื่องเอามาฟอกเงินคงไม่จริง แต่มีเงินจากฟุตบอลมาช่วยพยุงนี่กุว่าน่าจะมีส่วน

297 Nameless Fanboi Posted ID:axMxuizW+

>>295 กุไม่ได้ทำงานกอง บก. แต่กุได้ข่าวลือว่าคาโดเงินหนาจ่ายหนักกว่า สนพ ไทย เลยเอาเงินเดือนเพื่อนกุที่ทำงานในกองมาบวกเข้าไปนิดหน่อย ของจริงอาจจะต่ำกว่านี้ก็ได้ 55555

298 Nameless Fanboi Posted ID:.7+XhJVcz

อมรินทร์มันเคยทำการ์ตูนเจ๊งมารอบนึงแล้วนิ ราวๆยี่สิบปีก่อน

สมัยนั้นนำเข้าแต่ของค่ายอีนิกซ์(ก่อนควบรวมเป็นS-E) การ์ตูนมันก็ดีนะแปลอ่านรู้เรื่อง แต่ไม่ตรงกระแสสมัยนั้นเลยเจ๊งไม่เป็นท่า กลับมาทำจะร่วมทุนกะอะไรก็เหอะแต่มันจะรอดรึ ยิ่งช่วงอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ถดถอยหนักแบบนี้ด้วย

299 Nameless Fanboi Posted ID:PTkFLicjw

>>297 ถ้ามันจ่ายหนัก คงไม่โกงค่าแรงงานวาดของเด็กฝึกงานในโรงเรียนมัน
ถ้ามันจ่ายหนัก ค่าแรงร้าน animate คงเยอะกว่านี้ (แต่แม่งไม่ใช่หุ้นใหญ่ในร้านนี่หว่า)
เออ กุเห็นคาโดเปิดให้เช่า pocket wifi ด้วย
ตกลงแม่งจะทำหมดทุกอย่าง?

300 Nameless Fanboi Posted ID:llNAOEk4n

>>280 กำลังคิดอยู่ว่า ถ้าสนำ.การ์ตูนปิดตัวลงไปหมดเพราะไม่ได้กำไร สนพ.แบบไพเรทมันจะมามั้ย

301 Nameless Fanboi Posted ID:NnLkXLIHY

อัมรินทุนหนาเหรอ(หัวเราะ) เคยทำลิขสิทธิ์ปีเดียวก็หายไปเลย (เหมือนจำได้เลือนลางว่ามีลิขสิทธิ์ เทนจิมุโย ด้วยเพราะกูเคยซื้อเล่ม1แล้วโดนแจกแพ....แต่ไม่แน่ใจว่าใช่อัมรินไหม)
Z-man กุล่ะ
http://imgur.com/f6t5TJf

กูเคือง

302 Nameless Fanboi Posted ID:DLZW9vndA

>>300 ไพเรทกูว่าไม่รอดว่ะ ที่เห็นตามเฟสช่วงหลังๆ มาก็เล่น preorder หาคนรวมกลุ่ม
แค่ 200 คนยังหาไม่ครบเลย อาจจะเพราะคนน้อยราคาเลยแรงด้วยมั้ง (ราคาไกล้เคียงพิมพ์ญี่ปุ่นมาก)

303 Nameless Fanboi Posted ID:tt3yDFnKc

ถ้า สนพ.ล่มหมด แม้แต่ไพรเวทก็ไม่น่ามี คงเหลือแค่สแกนเถื่อน
แต่ส่วนตัวกูว่าสนพ.เอาตัวรแดได้ว่ะ ด้วยE book กับระบบพิมพ์ที่เน้นเรื่องขายออกไว้ก่อน

304 Nameless Fanboi Posted ID:5V.4B6f4Z

คิดว่าอัมรินท์มาก็ไม่รอดเหมือนอย่างที่หลบายคนว่านั่นละ ตอนนี้ธุรกิจสิ่งพิมพ์บ้านเราถดถอยหนัก แนวการบริโภคเปลี่ยนไปเยอะ การ์ตูนไม่ได้ทำเงินมากมายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าอัมรินท์ทุนไม่ได้หน้าอะไรมากมาย เคยนึกว่าทุนจะมากนะเนี่ย แล้วพวกการ์ตูนของคาโดคาวะที่มันมีกระแสในบ้านเรานี่ก็ดูจะน้อยนะ ส่วนใหญ่ไปทางชูเอย์ฉะ โคดันฉะ โชงักคุกังซะโดยมาก หรือจะลงทางนิยายเยอะกว่าละนั่น

305 Nameless Fanboi Posted ID:DoOMMGX0b

กูว่าทำการตลาดลำบากฟะพราะการ์ตูนนี่ต่อให้อ่านแสกนฟรีๆ กู ก็ไม่เห็นคนมันจะอ่านแล้วฟะ

306 Nameless Fanboi Posted ID:tzbejEFRy

อมรินทร์ถ้าทุ่มเงินหนักๆ กูว่าไม่รอดว่ะ ต้องวางแผนงานดีๆ จ้าง N1 เต็มออฟฟิศจะเอาเงินที่ไหนจ่ายเงินเดือน เน้นตลาด LN ที่โดนผลกระทบจากสแกนเถื่อนน้อยหน่อย แต่อย่างว่า ตอนนี้มันไม่ใช่ช่วงขาขึ้นเลย เค๊กก็แทบไม่เหลือแล้ว มองยังไงก็ยากมาก

307 Nameless Fanboi Posted ID:DoOMMGX0b

เมิงไม่ต้องนึกถึงการ์ตูนเอาแค่ นสพ แม่งก็ ยอดตกชิบหายแล้ว เมิงดูจากตอนนี้คนส่ง นสพ บ้านกู บ่นว่ารายได้หดอย่างหนัก คนไปอ่านเวปหมด

308 Nameless Fanboi Posted ID:5pFtbaMmL

อมรินทร์ มุ่งไปที่ทีวีดิจิตอลแล้ว
เงินทุนที่เคยหนา นำไปจ่ายค่าสัมประธานรวมๆหลายพันล้าน เลยออกอาการเสอยู่เหมือนกันช่วงนี้
ยอดสื่อสิ่งพิมพ์ตกลงใกล้ๆกับสยามนะแหละ

309 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>295 กูหมายถึงร้านราเม็ง

>>300 ไพเรทยังเสี่ยงเลยตอนนี้ ไม่แน่จริงมันไม่พิมพ์หรอก

- N1ส่วนใหญ่เค้าเป็นล่ามโรงงาน คาดหวังเงินเดือนกัน5หมื่น++ โบนัส6เดือน++ น้อยคนนักจะมารับเงินเดือนถูกๆในสายงานอื่น ถ้าสนพ.ไหนไม่จ้างN2มาทำงาน ก็ปล่อยมันนั่งเก้อลมๆแล้งๆไปละกัน

- คาดว่าตลาดLNกับเมะคือเป้าหมายหลักของคาโดฯ และอาจลองทำแบบดิจิตอลมากกว่ารูปเล่มด้วย เพื่อให้เข้ากับแพลทฟอร์มที่ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่แน่ ทั้งหมดนี่คือการเดาส่วนตัว

310 Nameless Fanboi Posted ID:AH6173xlT

E Book ค่าย V วันนี้ 5 เล่ม
มี Baby Step กะ เพลงรักสองหัวใจ ที่โม่งถามหาด้วย

311 Nameless Fanboi Posted ID:5V.4B6f4Z

>>307 คนส่งหนังสือพิมพ์ที่รู้จักก็บ่นแบบนี้เหมือนกัน คนนี้ทำมาเกือบจะ 10 ปี ปีนี้เพิ่งเลิกทำ กลับบ้านเกิดไปแล้ว

312 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>307 หนังสือพิมพ์มันก็เป็นสิ่งพิมพ์ซึ่งกำลังเป็นธุรกิจตะวันตกดิน ส่วนใหญ่ทีมงานสิ่งพิมพ์ลาออกไปขายเต้าฮวยกันยุ่บยั่บแล้ว แต่ก็ยังมีหน้าใหม่อยากลองของอีกเยอะแยะ เปิดนิตยสารแบบเล่มกันใหญ่ ถ้าอยากดูธุรกิจอะไรในไทยอนาคตจะเป็นยังไง ให้ดูประเทศที่เจริญกว่า มันเจริญรอยตามนั้นเป๊ะ อย่างเช่น ต่อไปห้างสรรพสินค้าก็มีแนวโน้มจะแป้ก ตามรอยญี่ปุ่น แต่คงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆเลย

313 Nameless Fanboi Posted ID:TnkFy1zpe

ห้างแป้กยาก บ้านเราอากาศข้างนอกมันร้อน คนเลยชอบเดินห้าง

314 Nameless Fanboi Posted ID:TnkFy1zpe

>>310 อีบุ๊คมันก็ถูกดีอะนะ แต่สำหรับกุที่ซื้อจากร้านสายส่งอยู่แล้วได้ราคาเท่ากันเลย จะซื้ออีบุ๊คมาอ่านก่อนแล้วพอมันตีพิมพ์เล่มก็ซื้ออีกรอบ มันก็ทำใจอุดหนุนดิจิตอลยาก (กุเพิ่งโดนกับไททันและ UQ ที่เพิ่่งออก)

315 Nameless Fanboi Posted ID:L9e4LR8/7

ห้างมันมีไว้ตากแอร์ ยังไงก็ไม่แป้กว่ะ ไม่งั้นเมืองไทยคงไม่มีห้างผุดเป็นดอกเห็ดจนเป็นเหตุหนึงที่ทำให้รถติดทั้งกรุงหรอก

316 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>313 >>315 ก็บอกว่าอีกสักพักใหญ่ๆไม่เข้าใจรึไงวะ ห้างที่เมกากับญี่ปุ่นก็ไม่ได้แป้กในเร็ววัน มันแป้กตอนที่มีอยู่เต็มพรืดไปหมด ในขณะที่กำลังซื้อไม่ได้เพิ่มขึ้น พูดง่ายๆเค้ามาแดกข้าวกันในห้าง แต่ซื้อของทางเน็ตซะส่วนใหญ่ รายได้จากร้านเช่าจึงไม่เติบโต เพราะขึ้นค่าเช่าไม่ได้เหมือนเมืองไทยตอนนี้

317 Nameless Fanboi Posted ID:NnLkXLIHY

นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่เหมือนพวกเก็บตัวมุดอยู่แต่ในห้องแบบไอ้พวกประเทศขี้หนาวนะ

318 Nameless Fanboi Posted ID:qJBcK8gQk

>>314 แบบนี้สำหรับกูโอเคนะ ออก E Book ก่อน ทำตลาด แล้วค่อยออกเล่มตาม
แต่อยากให้ระบุหน่อยนึงว่าระยะห่างเท่าไหร่ คร่าวๆก็ยังดี ไม่เอาเร็วๆนี้นะ
เรื่องไหนอยากอ่านจริงๆก็ซื้อ E Book มาอ่านก่อน

319 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>317 ก็รอดูต่อไป กูอาจจะผิดก็ได้ ความเห็นส่วนตัวคือ อีกหน่อยอีช็อปปิ้งจะเยอะกว่านี้ ร้านค้าสินค้าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องขยายสาขาตามห้างเยอะแยะให้เปลืองตังค์อีกต่อไป ลูกค้าเช่าพื้นที่ของห้างอีกหน่อยจะหนักไปทางร้านอาหารมากกว่า เอาแค่บิ๊กซีโลตัส ทุกวันนี้คนรอบตัวแม่งไม่ไปเดินกันแล้ว อยากได้ของใช้อะไรกดสั่งซื้อทางเน็ตเอา ให้มันมาส่งที่บ้าน ไม่ต้องไปเข็นรถให้ปวดตับ มีแต่พวกแก่ๆอ่ะที่ยังไปเข็นรถเบียดกันแย่งกันจ่ายตังค์อยู่ ทำให้บิ๊กซีโลตัส หลังๆเน้นขยายสาขาขนาดเล็กลง และทำตลาดออนไลน์

>>318 งานแบบนี้มันระบุเวลาออกหนังสือเป๊ะๆไม่ได้หรอก มึงสามารถตีความไปได้เลยว่า "เมื่อเขาพร้อม"

320 Nameless Fanboi Posted ID:5Ournrhhy

ไปเปิดเพจของ SIC เจอนักอ่านทวงโอตาคุน่องเหล็กเล่ม 1 เมื่อไหร่จะพิมพ์ เจอคำตอบสุดคลาสสิคจากแอดมิน "รอเซอร์ไพรส์ครับ" กูถึงกับปล่อยก๊าก

321 Nameless Fanboi Posted ID:L9e4LR8/7

>>319 มึงมองแค่คนรอบตัวมึงเนี่ยนะ .... กุนึกว่ามึงจะมองจากคนหลายๆระดับซะอีก

322 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>321 อ่า.....เอาเป็นว่าขี้เกียจพิมพ์แล้ว เหนื่อย มึงเข้าใจยังไงก็ตามนั้นไปละกัน Kนะ

323 Nameless Fanboi Posted ID:X8m8AnXF9

>>317 นับกูไปด้วยคนนึง ช็อปปิ้ง Online เดี๋ยวนี้กูสั่งมากขึ้นนะ คือมันประมาณว่าไปเดินอยู่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเอา
ชื่อรุ่นกรอกใส่มือถือเจอ lazada,tohome ขายถูกกว่ากัน 30% - 40% กูเดินออกจากร้านทันทีแล้วกดสั่งผ่าน net เอา

ปรกติกูชอบเดินเล่นตามห้างอยู่นะ แต่ช่วงหลังๆ ไปเดินตากแอร์แล้วกลับมากกว่า

324 Nameless Fanboi Posted ID:X8m8AnXF9

แก้คำผิด 323 หมายถึง >>319 น่ะดันพิมพ์ผิดเป็น >>317 ไปเฉย ขออภัย

325 Nameless Fanboi Posted ID:iuaV+pxcm

เพจ v ยังมีคนทวงปกฮายาเตะอยู่เลย
โอตาคุนี่มันยึดติดกับอะไรโง่ๆจริง

326 Nameless Fanboi Posted ID:B5cNvzw3o

เพจ vomf เอาเรื่องภายในเนชันมาเล่า ถ้าจริงนี่แม่งโคตรเลวร้ายอะ วงการมันตกต่ำได้ขนาดนี้ได้ไงวะ

จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ช่วงเวลาไหนปีไหนเดือนไหน สำหรับกุนะ น่าจะตอนบูมปิดตัว

327 Nameless Fanboi Posted ID:vGf.HC7Ga

>>326 วาร์ปหน่อย

328 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>327 มันเป็นกลุ่มปิด

อยากจะบอกว่าเลิกฝันลมๆแล้งๆได้แล้ว ว่าจะมีการรวมตัวต่อรองกับสนพ.เพื่อจัดพิมพ์หนังสือที่พวกคุต้องการได้ง่ายๆ ทุกสนพ.กรอบกันทั้งนั้น ค่าใช้จ่ายเหี้ยไรตัดได้เค้าตัดหมดแหละ มีทางเดียวเลยมึงต้องจ่ายราคาเต็มล่วงหน้าให้เค้าเอาทุนไปหมุนก่อน ไม่งั้นอย่าได้หวังจะเอาโน่นเอานี่

329 Nameless Fanboi Posted ID:vNMW0pd3o

บอกว่าคนชอบไปเดินตากแอร์ที่ห้าง
กุว่าเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนก่อนแล้วนะมึง คนมีแอร์กันเยอะมากขึ้น
และมึงอย่าได้ดูถูกความขี้เกียจและมักง่ายของคนไทยนะมึง

330 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

ไปเดินไม่ได้หมายความว่าไปซื้อของเสมอไป ร้านค้าเช่าที่ก็ต้องการขายของ ขายไม่ได้ตามเป้าแล้วยังโดนขึ้นค่าเช่า มันจะเช่าทำเกลืออะไร สุดท้ายก็จะมีแต่ร้านอาหารกับร้านบริการเท่านั้นที่อยู่ในห้างได้ จนกว่าคนเราจะกินข้าวทางเน็ตได้น่ะแหละ มันถึงจะเลิกเช่าในห้าง ส่วนร้านสินค้าแฟชั่นต้องกำไรสูงจริงๆถึงจะเปิดช็อปอยู่ในห้างต่อไปได้ รอดู เต็มที่ก็10ปีแหละวะ เทรนด์ช็อปปิ้งออนไลน์+พร้อมเพย์มาเต็มแน่ๆ ใครมีหุ้นศูนย์การค้ากับห้างค้าปลีกแม่งต้องจับตาดูให้ดีเลยว่ามันมีนโยบายยังไง

331 Nameless Fanboi Posted ID:IVNH+YEYl

>>328 งั้นก็อปมาให้ดูหน่อย

332 Nameless Fanboi Posted ID:X8m8AnXF9

ไปเดินห้างส่วนมากกูไปเดินชิว กินกาแฟ กินข้าว กินขนม หาที่นั่งเล่น net เปลี่ยนบรรยากาศ
หรือไม่ก็ไปดูหนัง หลักๆ แค่นั้นน่ะ

ส่วนของอื่นๆ อยากจะซื้ออะไร อันดับแรกคือเปิดมือถือเช็คราคาก่อน ถ้าราคาต่างกันหน่อยกูไม่คิดมาก
แต่ส่วนมากที่เจอ online มันถูกกว่ากันเยอะมาก เลยตัดสินใจไม่ยาก

333 Nameless Fanboi Posted ID:vGf.HC7Ga

>>328 แคปมาก็ได้

สำหรับกุ ไปห้างสมัยนี้มีอยู่ 2 อย่างคือหาไรกินกับดูหนัง เสื้อผ้านี่มีร้านประจำอยู่แล้ว ของใช้ก็สั่งให้มันมาส่งรายเดือน

ดูเทรนด์แล้วแบบนี้หนีไปลงทุนลอจิสจะรุ่งป่าววะ

334 Nameless Fanboi Posted ID:X8m8AnXF9

>>327 หนังสือ / ebook ในอนาคต = แผ่น DVD เมะปัจจุบันนี้แหงๆ
จะทำเรื่องไหนทีต้องให้ preorder ลงขันเอา เรื่องไหนไม่ดังยอดไม่ถึงก็บาย

335 Nameless Fanboi Posted ID:5Ournrhhy

>>328 สรุปคร่าวๆ ก็ได้ ไม่ต้องลงรายละเอียด
ไอ้เรื่องทำใจ กูทำใจมานานแล้ว

336 Nameless Fanboi Posted ID:Rq/uMZHAw

>>320 กุเห็นคนแปลแปลย้อนเสร็จไปเป็นสิบเล่มแล้วนะ

337 Nameless Fanboi Posted ID:AUGcWVqsN

ไป join กลุ่มปิดที่ว่ามา เจอนิทานบ้านหลังคาแดงตอนจบด้วย

338 Nameless Fanboi Posted ID:aHRTFuct8

>>336 จะมีคนซื้อเหรอวะ โอเคว่าแฟนพันธุ์แท้ที่ยอมจ่ายซ้ำเพื่อเก็บปกเล่มแรกๆมันก็มี แต่มันจะมีเยอะจนคุ้มค่าที่แปลย้อนเหรอวะเนี่ย

339 Nameless Fanboi Posted ID:TbbsRIaX8

>>329 มึงลืมนึกถึงความแพงของค่าไฟเรอะมึงนั่งรถเมล์ไปตากแอร์ทุกวัน 1 เดือน ที่ห้างยังถูกกว่าเปิดแอร์ในบ้านทั้งวันนะมึง ถ้ามึงเป็นคนชั้นกลางมึงไม่กล้าเปิดแอร์ที่บ้านทั้งวันหรอก โดยเฉพาะหน้าร้อนต่าไฟจะขึ้นกว่าปกติด้วยปกติมึงเสียค่าไฟ 3000 จะกลายเป็น 4000 ทันทีในหน้าร้อนเลย

340 Nameless Fanboi Posted ID:VOjbfMRDi

>>335 ผจก ฝ่ายขาย/ผจก ฝ่ายตูนญี่ปุ่นออก เหลือ บ.ก. รอนโยบายใหม่

341 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>339 ทำไมต้องเปิดแอร์ทั้งวัน เปิดพัดลมไอน้ำก็เหลือกินแล้ว

342 Nameless Fanboi Posted ID:NnLkXLIHY

>>336 เห็นว่ารอปล่อยในงานหนังสือ

343 Nameless Fanboi Posted ID:vGf.HC7Ga

กุก็เปิดแค่ช่วงเที่ยง-บ่าย วันที่ร้อนมากๆ แค่นั้นแหละ ไปตากแอร์ที่ห้างมันทำตัวเอกเขนกแบบที่บ้านไม่ได้ไง

344 Nameless Fanboi Posted ID:X8m8AnXF9

นึกถึงอากาศร้อนช่วงเมษาที่ผ่านมา พัดลมไอน้ำเอาไม่อยู่ แป๊ปเดียวน้ำเย็นกลายเป็นน้ำอุ่น ช่วงสายยาวยันช่วงเย็น
อุณหภูมิแม่งเกิบ 40 อีกมั้งตอนกลางวัน ตอนเย็นยังร้อนอยู่เลย ประมาณ 38 องศา =__=

345 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>344 อามุโร่อยู่กลางทะเลทราย มีผ้าใบคลุมผืนเดียว มันยังรอดมาได้เลย 40องศา ชิวๆน่า

346 Nameless Fanboi Posted ID:6Ss+a93p.

>>345 มันอยู่แป๊ปเดียว กูอยู่ทั้งชีวิต

347 Nameless Fanboi Posted ID:ZUcAKS.NM

>>344 สมัยกูเรียนมหาลัย แค่พัดลมธรรมดาก็เอาอยู่ว่ะ เพิ่งมี4-5หลังนี่แหละ ที่ร้อนชิบหาย ปรกติ40ก็ร้อนเหี้ยๆ นี่ขึ้นไปที่42-43 พัดลมไอน้ำพอเอาอยู่แต่ต้องนอนนิ่งๆห้ามขยับตัวออกนอกแนวพัดลม
ชนชั้นล่างนี่น่าสงสารที่สุด อ่านข่าวชาวบ้านใช้พัดลมธรรมดาสองตัวแล้วHeat strokeตายแล้วก็น่าเห็นใจ ถ้ามีเงินซื้อแอร์ซื้อพัดลมไอน้ำอาจจะไม่ตายก็ได้

348 Nameless Fanboi Posted ID:iuaV+pxcm

กินแตงโมก็หายร้อนละ บ่นไร

349 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>348 ดมหมึกพิมพ์หนังสือการ์ตูนก็หายร้อนแล้ว คุพันทิปกล่าวไว้

350 Nameless Fanboi Posted ID:5Ournrhhy

ไอ้นิทานหลังคาแดงนั่นกูเก็ตแล้วว่ะ ว่าทำไมมีควายไปด่าในเพจ VBK ว่า VBK ติดหนี้โรงพิมพ์ 20 ล้าน

คือควายเนี่ยมันก็มาอ่านมาจากกรุ๊ปเพจนี้ แล้วไอ้กรุ๊ปเพจนี้มันเสือกเล่าเรื่องอ้อมๆ บอกว่าหลังคาแดงติดหนี้โรงงานนุ่น ไอ้ควายมันอ่านก็นึกว่า VBK ติดหนี้โรงพิมพ์ ความจริงคือ VBK ติดหนี้ค่ากระดาษ ไม่ใช่หนี้โรงพิมพ์ เพราะมันมีโรงพิมพ์เองเว้ย แต่มันเสกกระดาษเองไม่ได้ ไอ้ควายอ่านเสร็จก็พอดีสมองน้อย เลยไปมั่วเป็นตุตะกว่าเดิม

351 Nameless Fanboi Posted ID:iuaV+pxcm

ร้อนก็ไปหลบใต้กันสาดแดงสิ

352 Nameless Fanboi Posted ID:/dN/oQ3E1

>>350 แต่สรุปก็คือ แม่ม ติดหนี้จริงๆ ใช่มะ ? แค่เปลี่ยนไปติดหนี้กระดาษ ?...

353 Nameless Fanboi Posted ID:/htsP7etE

กระดาษ GR

354 Nameless Fanboi Posted ID:5Ournrhhy

>>352 คือกูไม่มีหลักฐานนะ แต่ถ้าบอกว่าติดหนี้กระดาษ กูคิดว่ามีโอกาสจริงสูงมาก

355 Nameless Fanboi Posted ID:WfgSMwATC

>>340 ผจก.ฝ่ายตูนญี่ปุ่นโดนเฮดฮันท์ไปอมรินทร์x คาโด กุบอกแค่นี้

356 Nameless Fanboi Posted ID:qxSAXlit1

Vomf เพจไหนวะ กูนึกไม่ออก

357 Nameless Fanboi Posted ID:WfgSMwATC

>>355 บอกต่อ ออก 31 สิงหาอมรินทร์xคาโดเปิดตัว 2 กันยา พอล่ะ เดี๋บวโม่งแตก

358 Nameless Fanboi Posted ID:JqAVD.53C

นี้ 14 กันยานะเมิง

359 Nameless Fanboi Posted ID:5Ournrhhy

>>355 เป็นกูก็ไปวะ 55555

360 Nameless Fanboi Posted ID:WfgSMwATC

>>358 แล้วมึงเถียงไรวะ

361 Nameless Fanboi Posted ID:vGf.HC7Ga

>>356 พิมพ์ vomf ในช่องค้นหา facebook มันก็ขึ้นมาอันแรกเลย

>>357 ขออีกนิด แล้ว ผจก. ฝ่ายขายไปพร้อมกันด้วยมั้ยวะ

362 Nameless Fanboi Posted ID:/sPH+hqB.

VOMF กดขอเข้าร่วมนี้รอนานไหม

363 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>362 อย่าไปเข้าเลย กลุ่มไม่ได้มีพาวเวอร์อะไรมากมาย การรวมตัวกันของความหวังลมๆแล้งๆธรรมดาๆ

364 Nameless Fanboi Posted ID:WfgSMwATC

อยากมีพลังต้องเปิดพับลิคเว้ย มุดอยู่ในรู ใครจะรู้อะไร

365 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

ในกรุ๊ปมีนิทาน เดี๋ยวกูเอามาแปะให้

366 Nameless Fanboi Posted ID:EKYxeyJQu

>>364 บอร์ดโม่งแม่งยังแซ่บกว่ากลุ่มนั้นเลย

367 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

นิทาน ตอน 1
สวัสดีครับเพื่อนๆ
วันนี้ผมมีนิทานจะมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน
นานมาแล้วในประเทศนูแทรค ได้มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีหลังคาแดงทั้งหมู่บ้านได้เป็นผู้เริ่มต้นกระแสการติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำเข้าตุ๊กตาจากประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนั้นหมู่บ้านอื่นๆในประเทศนูแทรค ก็ได้มีการติดต่อนำเข้าตุ๊กตาจากเพื่อนบ้านกันอย่างแพร่หลายในประเทศ ต่อมา ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหลังคาแดงได้เสียชีวิตลง จึงได้ให้ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านดูแลหมู่บ้านต่อมา

หลังจากเปลี่ยนตัวผู้นำหมู่บ้าน ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านซึ่งไม่นิยมชมชอบเรื่องตุ๊กตา จึงได้หันไปทำธุรกิจใหม่ นั่นคือ ธุรกิจขายบ้านน็อคดาวน์ ต่อมาเมื่อธุรกิจบ้านน็อคดาวน์เริ่มประสบปัญหา ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มนำเงินจากการขายตุ๊กตาไปใช้ในการทำธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ จึงทำให้หมู่บ้านหลังคาแดงเริ่มจะประสบปัญหาเรื่องการเงิน ลูกบ้านที่เคยมีกว่าครึ่งพันครัวเรือนก็ได้อพยพย้ายถิ่นฐาน จนเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยครัวเรือนในปัจจุบัน ตุ๊กตาที่เคยนำออกมาขายเป็นจำนวนมากเริ่มลดจำนวนลง เนื่องจากปัญหาค้างชำระค่านุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตตุ๊กตา จำนวนเงินนับสิบล้าน

ทางผู้ใหญ่บ้านซึ่งตอนนี้ภรรยาผู้ใหญ่บ้านคนเก่าไม่สามารถดูแลลูกบ้านไหวเนื่องจากอายุเยอะแล้วจึงได้เปลี่ยนให้ลูกชายขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่บ้านแทน ได้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้วจึงได้ลดการผลิตตุ๊กตาลงจำนวนมาก หันมาขายเป็นตุ๊กตากระดาษขึ้นมาแทน ท่ามกลางเสียงด่าทอของคนในประเทศนูแทรคที่ได้สะสมคอลเลคชั่นตุ๊กตาผ้าไปแล้วมากมาย

เรื่องราวนี้ยังไม่จบ ผู้คนของประเทศนูแทรคจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อไม่มีตุ๊กตาผ้าจากหมู่บ้านหลังคาแดง ผู้ใหญ่บ้านหลังคาแดงจะสามารถเคลียร์ปัญหาหนี้สินที่ล้นพ้นตัวได้หรือไม่ คนขายนุ่นจะยอมใจอ่อนให้นุ่นเพื่อมาผลิตตุ๊กตาเพิ่มหรือไม่จากข้อมูลล่าสุดผู้ใหญ่บ้านได้ขอเครดิตเพิ่มอีก2ล้าน เราจะมาติดตามเรื่องนี้กันต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ

368 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

ตอนที่ 1.1

วันนี้อยากจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับความเป็นไปของวงการการ์ตูนที่ผมได้พบเจอมาเกือบ20ปีที่ผ่านมาและสิ่งที่คิดว่าอนาคตของวงการการ์ตูนนี้จะเป็นอย่างไรนะครับ ต้องขอบอกก่อนว่าอาจจะไม่จบในตอนเดียว แต่จะเขียนให้รวบรัดและครอบคลุมทุกประเด็นที่สุดนะครับ

สำหรับวงการการ์ตูนมือสองนั้น ย้อนหลังไปประมาณ15ปีก่อน สวนจตุจักรเป็นแหล่งใหญ่ในการขายหนังสือการ์ตูน(จริงๆเป็นแหล่งใหญ่ในการขายหนังสือเก่าเกือบทุกชนิด) ได้มีผู้ชาย2คนที่ริเริ่มความคิด ขายหนังสือการ์ตูนครึ่งราคา(ในตรงนี้จากความทรงจำผู้เขียนนะครับ ถ้าใครมีข้อมูลว่ามีก่อนหน้านั้นแจ้งผมมาจะเป็นพระคุณยิ่งครับ) ได้รวมหุ้นกันเปิดร้านหนังสือที่ขายในราคา50%ทุกเล่ม และรับซื้อในราคา30%ทุกเล่มเช่นกันโดยเริ่มสาขาแรกที่บางกะปิ และอีกคนได้มาเปิดที่สยาม(โดยส่วนตัวจะทราบความเป็นมาร้านที่สยามเสียเยอะ เพราะเมื่อตอนเรียนต้องผ่านทุกวัน วันที่เห็นติดป้ายว่าขายครึ่งราคาทุกเล่ม ตัวผมเองยังคิดในใจเลยว่ามันจะไปรอดหรือ ค่าเช่าในสยามแพงมากๆ) ซึ่งหลังจากมีการเปิดร้านมือสองครึ่งราคาขึ้นมา ตลาดวงการหนังสือการ์ตูนก็เริ่มบูมขึ้น จนทำให้เกิดร้านครึ่งราคาเพิ่มขึ้นมาเป็นลำดับ(โดยส่วนตัวแล้วที่ตัดสินใจเปิดเว็บขายหนังสือมือสองเหตุผลหลักก็เพราะรู้จักร้านครึ่งราคาค่อนข้างเยอะเกือบทุกร้านในกรุงเทพ)

เมื่อตลาดวงการหนังสือมือสองเริ่มบูม หลายๆร้านก็เริ่มมีความคิดที่จะขยายกิจการเพิ่ม โดยมุ่งไปที่ธุรกิจทำร้านหนังสือเช่า โดยหลายๆร้านจะมีแพ็คเกจสำหรับร้านหนังสือเช่าเพื่อจูงใจให้มาซื้อแพ็คเกจกันอย่างมากมาย ทั้งลด ทั้งแถม ช่วงนั้นจึงมีหลายๆคนที่เปิดร้านเช่าหนังสือ.... แต่ด้วยความที่หลายคนมากๆที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทั้งการ์ตูนและนิยาย ก็จะโดนร้านที่จัดหนังสือมาให้(ไม่ได้หมายถึงทุกร้านที่เป็นอย่างนี้นะครับ ร้านที่ดีๆที่ผมสนิทกันและไม่ได้ทำอย่างนี้ก็มีครับ)

จัดหนังสือที่คนสนใจน้อยมาให้จำนวนมาก(ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆคือยัดขยะมาให้เยอะๆ) อย่างเช่นแพ็คเกจ10000เล่ม มีของสำนักพิมพ์บูรพัฒน์ หมึกจีน บงกช มากกว่าครึ่ง หรือนิยาย2000เล่ม ได้ของสำนักพิมพ์มันดี ivy ต้นไม้ เกือบครึ่ง เป็นต้น(ไม่ได้หมายความว่าหนังสือของสำนักพิมพ์ที่ว่าไม่ดีนะครับ เพียงแต่อยากสื่อว่าไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่น่ะครับ) และด้วยความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องหนังสือมากเท่าไหร่จึงไม่ทราบความต้องการของลูกค้า ไม่สามารถแนะนำหนังสือให้กับลูกค้าได้ และด้วยความที่หลายๆร้านเปิดแข่งกันจึงทำให้ทุกร้านต้องซื้อหนังสือใหม่เกือบทุกเรื่องที่ออกมาเพื่อแข่งขันกับร้านอื่นๆซึ่งทำให้รายจ่ายค่าหนังสือใหม่ที่ซื้อเข้ามาสูงมาก บางร้านซื้อหนังสือใหม่เข้าร้านเดือนละหลายๆหมื่นก็มี

อันนี้คือเหตุผลหลักเลยที่ทำให้ร้านหนังสือเช่าอยู่ไม่ไหว บทต่อไปจะเขียนถึงฝั่งสำนักพิมพ์บ้างว่าทำไมถึงซบเซาและขาดทุนกันเยอะขึ้น

369 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

ความเป็นไปของวงการการ์ตูนที่ผมเคยพบเจอมาตอนที่1.5นะครับ

เนื่องจากบทความตอนแรกที่ลงไปกลับมาอ่านแล้วยังรู้สึกว่าข้อมูลบางอย่างอาจจะต้องขยายความเพิ่มอีกนิดนึงเพื่อการกล่าวถึงในตอนที่2จะได้เข้าใจกันง่ายขึ้นจึงขอขยายความเป็นไปของร้านเช่าเพิ่มอีกหน่อยนะครับ

จากตอนที่แล้วจะเห็นได้ว่า ช่วงประมาณ10ปีก่อนจะเป็นยุครุ่งเรืองของร้านเช่า

คำว่ารุ่งเรืองนี่ไม่ได้หมายความเพียงแค่ร้านเช่าทุกร้านจะได้เงินจากธุรกิจนี้มากเพียงอย่างเดียว แต่หมายความรวมถึง มีร้านเช่าหนังสือใหม่ๆผุดขึ้นมาอีกจำนวนมาก ซึ่งจากที่ร้านเช่ามีจำนวนมากนั้นเอง จึงทำให้เกิดการแข่งขันของแต่ละร้าน เมื่อมีหนังสือออกใหม่ ทุกร้านจะต้องซื้อเข้ามาอย่างน้อยปกละ1เล่ม ร้านที่รู้จักบางเรื่องอย่างวันพีซ นินจาคาถา โคนัน ต้องสั่งเข้าร้านถึงปกละ5เล่มเลย และเมื่อมีการแข่งขันที่สูง ทุกร้านจึงต้องซื้อหนังสือที่ออกใหม่แทบทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้เสียลูกค้าไปร้านอื่น ดังนั้น สำนักพิมพ์ต่างๆจึงเพิ่มจำนวนการผลิต และซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมาก จะสังเกตได้ว่าช่วง10ปีที่ผ่านมา มีการ์ตูนเข้ามาในประเทศแทบทุกแนว ทุกเรื่อง ซึ่งเมื่อร้านเช่ายังรุ่งเรืองอยู่นั้นการ์ตูนหลายๆเรื่องก็ไม่เป็นที่นิยมนักในร้านเช่า แต่ที่ต้องซื้อมาเพียงเพราะการแข่งขันระหว่างร้านเช่าค่อนข้างสูง ต่อมาเมื่อจำนวนหนังสือที่ซื้อเข้า และรายจ่ายอย่างอื่นของร้านเช่า เริ่มมากกว่ารายรับที่เข้ามา (ผมมองว่านี่คืออีกหนึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่ร้านเช่าทั่วไปเจอนะครับ เพราะช่วงนั้นส่วนมากปิดตัวเพราะเดือนๆนึงซื้อหนังสือเข้าหลายหมื่น เพราะทั้งนิยายและการ์ตูนได้ออกมาเยอะมากๆ) จึงทำให้หลายๆร้านไม่สามารถอยู่ต่อได้ จึงต้องปิดตัวลง เมื่อร้านเช่าหลายๆร้านได้ปิดตัวลง ยอดขายหนังสือที่เคยขายได้เยอะๆก็เริ่มลดลงไป ทีนี้ผลกระทบจึงมาถึงสำนักพิมพ์และร้านขายหนังสือมือใหม่
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องราวของ สำนักพิมพ์และร้านขายหนังสือใหม่นะครับ

370 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

วันนี้จะมีเขียนถึงเกี่ยวกับวงการการ์ตูนที่ผมได้ผ่านพบมากันต่อนะครับ
หลังจากพูดถึงร้านมือสอง50%และร้านเช่าผ่านไปแล้ว ตอนนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงร้านหนังสือใหม่ สายส่ง และสำนักพิมพ์กันต่อนะครับ
โดยผมจะอธิบายคร่าวๆถึงการส่งหรือการขายนะครับ

โดยสำนักพิมพ์เอง จะลดให้ร้านค้าที่เป็นเอเย่นต์ หรือสายส่ง ปกติอยู่ที่30%จากราคาปก(ถ้าเป็นไพเรทจะอยู่ที่ลด30-37%จากปก)
โดยสายส่งหรือเอเย่นต์จะกระจายสินค้าให้กับร้านค้ารายย่อยอื่นๆอีกครั้ง โดยจะลดให้ร้านค้ารายย่อยอยู่ที่20-25%แล้วแต่จำนวนและสัดส่วนการคืนหนังสือ

สัดส่วนการคืนหนังสือนั้น โดยทั่วไป สายส่งหรือเอเย่นต์จะมีโควต้าให้คืนได้30%ของยอดที่ซื้อไป
ซึ่งกติกาเหล่านี้เองที่เป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่สำนักพิมพ์และร้านหนังสือใหม่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ แต่จะขอเล่าหลังจากนี้นะครับ
จากตอนที่แล้ว ที่เป็นยุครุ่งเรืองของร้านเช่า ทางสำนักพิมพ์ก็ซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ในส่วนนี้อาจจะอธิบายเพิ่มเติมสักหน่อยว่า ลิขสิทธิ์ที่สำนักพิมพ์โดยมากซื้อมานี่คือไม่ใช่อยากได้เรื่องไหนแล้วจะซื้อเรื่องนั้นๆได้เลยนะครับ หลายครั้งที่จะซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนึงแล้วต้องพ่วงเรื่องอื่นๆมาอีกด้วย

ดังนั้น จำนวนเรื่องที่สำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์มาจึงมีจำนวนเรื่องเยอะมาก และในจำนวนนั้นเรื่องที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมก็มีพอสมควร แต่ด้วยช่วงที่ร้านเช่ารุ่งเรือง หนังสือหลายๆเรื่องที่พิมพ์ออกมาสามารถขายได้ในจำนวนที่ไม่ขาดทุน(ทั้งที่ส่วนใหญ่ที่ซื้อหนังสือที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมคือร้านเช่า และเอาไปก็ไม่ค่อยมีคนเช่า)

ต่อมา เมื่อร้านเช่าทยอยปิดตัวกันลงไป และเข้าสู่ยุคที่รุ่งเรื่องของเว็บแสกน จำนวนหนังสือที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมก็ถูกซื้อน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสำนักพิมพ์ได้ผลิตเรื่องเหล่านี้จำนวนเท่าเดิม แต่ยอดขายได้ลดลงจากเดิม จึงเกิดปัญหาทั้งร้านที่ขายและทางสำนักพิมพ์

โดยร้านที่ขายเองนั้น เมื่อยอดขายได้ลดลง แต่จำนวนที่สั่งกับทางสำนักพิมพ์หรือทางเอเย่นต์ยังสั่งไปเท่าเดิม ดังนั้น หนังสือค้างสต๊อกจากร้านหนังสือใหม่จึงมีเยอะ เพราะจำนวนที่สามารถตีคืนได้ยังเท่าเดิมที่30% ยิ่งช่วงหลังๆนี้เกือบทุกสำนักพิมพ์แก้ปัญหานี้โดยลดจำนวนเรื่องที่พิมพ์ออกมา บางสำนักพิมพ์ออกเดือนนึงไม่ถึง10ปก ทำให้ยอดที่จะคืนได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และปัญหาของร้านหนังสือใหม่นอกจากปัญหาสต๊อกหนังสือและค่าเช่าร้านค่าลูกจ้างแล้ว ปัญหาใหญ่อีกหนึ่งอย่างคือปัญหาการโดนขโมยหนังสือนะครับ อันนี้จะเล่าให้เพื่อนๆฟังตามที่พอจะทราบมานะครับ

การขโมยหนังสือนั้น มีหลากหลายรูปแบบวิธีการก็จะแตกต่างกันไป บางเคสก็ติดต่อโดยตรงเลยกับผู้จัดการสาขา ที่จับได้คราวนั้นสอบสวนแล้วความเสียหายหลักหลายแสน แต่วิธีการโดยมากคือ ให้คนที่ลงมือเป็นเด็กอายุต่ำกว่า18เป็นคนลงมือ เพราะตามกฎหมายแล้วพวกนี้จะได้รับโทษเบากว่า เมื่อเด็กพวกนี้อายุเกินก็จะเปลี่ยนหน้าที่เป็นคนดูต้นทาง โดยร้านที่จะโดนส่วนมากจะเป็นร้านขนาดใหญ่ และปลายทางแห่งแรกของหนังสือที่ขโมยมานี้ก็จะอยู่ที่ร้านหนังสือมือสองบางร้าน

ซึ่งจากปลายทางแรกนั้นจะเห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้จะมีบางร้านที่จะขายหนังสือใหม่ในซีลในราคาเพียง50%เท่านั้น มันอาจจะไม่แปลกอะไรเลยถ้ามีเพียงอย่างละ1ชุด แต่บางร้านที่ว่ากลับมีอย่างละ3ชุดขึ้นไป ซึ่งจากตรงนี้เอง ผมเคยได้ข้อมูลมาว่าร้านบางร้านที่ว่าเคยโดนมาแล้ว แต่เสียค่าใช้จ่ายเพียง1-2แสนแล้วแต่จำนวนหนังสือที่รับซื้อของขโมยมา ซึ่งยังทำให้คุ้มที่จะเสี่ยงอยู่......

ตอนหน้าเราจะมาว่ากันถึงสำนักพิมพ์กันบ้างนะครับว่าเค้าโดนอะไรกันบ้าง ทำไมส่วนมากถึงขาดทุนกันอย่างต่อเนื่องในระยะหลังมานี้

371 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

มาเล่านิทานตอนที่3กันต่อนะครับ
ย้ำอีกครั้งว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงนะครับ ไม่มีตัวละครหรือสถานที่ใดๆในเรื่องที่มีอยู่จริงแม้แต่คนเดียวเลยนะครับ
มาเล่ากันต่อถึงกระบวนการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ของหัวหน้าหมู่บ้านหลังคาแดงที่ทุกคนรอคอยนะครับ

จากตอนก่อนที่ทุกคนได้ทราบแล้วว่าหัวหน้าหมู่บ้าน มีหนี้สินกับผู้ขายนุ่นอยู่จำนวน2xm จึงทำให้ผู้ขายนุ่นไม่สามารถขายนุ่นให้กับหัวหน้าหมู่บ้านได้ ผู้ขายนุ่นจึงได้แจ้งกับหัวหน้าหมู่บ้านไปว่า ถ้าคุณต้องการซื้อนุ่น คุณต้องใช้เงินสดเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาแผ่นทองคำที่เคยให้เป็นค่านุ่น เจ้าของนุ่นได้ทำตกลงพื้นแล้วมันเด้งลอยไปบนฟ้า จึงทำให้ทราบว่าแผ่นทองคำนี้ไม่มีราคาเสียแล้ว และในเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านไม่มีเงินจะซื้อนุ่น จึงจำต้องเปลี่ยนการขายจากตุ๊กตาผ้ามาเป็นตุ๊กตากระดาษแทนในช่วงหลังมา

และหลังจากเหตุการณ์ที่ผู้ขายนุ่นไปขนตุ๊กตามาให้ผู้กล้า3รอบแล้วไม่สามารถหาผู้กล้ารายต่อไปที่จะขนตุ๊กตามาขายรอบที่4ได้แล้วนั้น นายPเองได้คุยกับผู้ขายนุ่นถึงวิธีการอยู่รอดของหมู่บ้านนี้คือ ตนเองจะเข้าไปซื้อตุ๊กตาที่หมู่บ้านนี้ได้เก็บไว้ในหมู่บ้าน ที่เป็นตุ๊กตาที่เป็นที่นิยม โดยให้ราคาสูงถึง50%ของราคาตุ๊กตานั้น ตัวอย่างตุ๊กตาที่นายPเสนอไปคือ ตุ๊กตากบ3ตา ตุ๊กตาใส่หน้ากากตอนเที่ยงคืน ตุ๊กตาโงกุน และอีกหลายตัวที่นายPเคยเห็นในหมู่บ้าน ใช้เงินในการซื้อทั้งหมด1ล้านบาท แต่ปรากฏว่า หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ยอมขายให้นายP แต่กลับไปขอเครดิตผู้ขายนุ่นอีกจำนวน1ล้าน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ขายนุ่นไม่ยอมให้เงินตามที่หัวหน้าหมู่บ้านขอยืมมา และหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ยอมขายตุ๊กตาที่นายPเสนอไปแล้ว ด้วยความสงสัยนายPจึงได้ไปสอบถามกับผู้คุมโรงงานตุ๊กตาว่า ตุ๊กตาที่นายPต้องการซื้อนั้น เหลืออยู่มากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้มานั้นทำให้ทุกคนต้องอึ้ง....(clickbait)

ผู้คุมได้แจ้งว่า ตุ๊กตาที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เหลือถึงหลัก1000ตัว ต่อหนึ่งแบบทีเดียว ซึ่งผู้คุมเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมหัวหน้าหมู่บ้านจึงไม่ขาย แล้วเลือกที่จะทำลายตุ๊กตาทิ้ง เพราะก่อนหน้านี้นั้น ผู้คุมโรงงานนี้เองที่เป็นคนสั่งทำลายตุ๊กตาหมอป๊อก ตุ๊กตาผีดูดเลือด ตุ๊กตาไดอารี่แมวและอีกหลายๆตัวที่ผู้เขียนนึกชื่อไม่ออก โดยได้ผลตอบแทน กิโลกรัมละ3.50 เท่านั้น โดยวิธีทำลายเพียงแค่กรีดตรงพุงตุ๊กตาเบาๆ และคนที่มาชั่งกิโลไปก็ได้นำตุ๊กตาพวกนี้มาขายในตลาดอีกทีหนึ่ง ด้วยราคาที่กำไรเกินกว่า10เท่าตัว และตุ๊กตาที่นายPมาขอซื้อนั้นอีกไม่นานก็จะมีคำสั่งให้ทำลายและนำมาชั่งกิโลขายเหมือนที่เคยเป็น

หลังจากที่ความพยายามครั้งแรกได้ผ่านไปแล้ว ผู้ขายนุ่นก็ได้พูดคุยกับนายPต่อว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เนื่องจากค่อนข้างกังวลว่าหนี้ที่มีอาจจะเป็นหนี้เสีย นายPจึงได้แจ้งทางผู้ขายนุ่นไปว่า ให้ผู้ขายนุ่น ไปเอาตุ๊กตาที่ดังๆเช่นตุ๊กตาเด็กโข่ง ตุ๊กตาครูจอมแสบ ตุ๊กตาไอ้หนุ่มผมยาว ฯลฯในโกดังออกมาขาย โดยคิดราคาเท่ากับที่หมู่บ้านนี้ขายส่งให้กับหมู่บ้านใหญ่ๆ ที่ลดให้30% แล้วนำมาขายให้ลูกค้าในตลาดตุ๊กตาในราคาลด30%เท่ากัน เพื่อจะได้นำเงินมาหมุน และลดหนี้ที่มีอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดขณะนั้น

แต่ปรากฏว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ตกลงด้วย และยังยืนยันคำเดิมว่า ถ้าอยากจะนำตุ๊กตาของเค้าแลกหนี้ จะต้องแลกกับตุ๊กตาที่ไม่มีคนสนใจแล้วเพียงเท่านั้น หรือไม่ก็จะขอใช้หนี้เป็นบ้านน็อคดาวน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งสร้างความหนักใจให้แก่ผู้ขายนุ่นเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ของหมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนต่อไปนะครับ

ขอประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการหนังสือแบบเป็น"เล่ม"สามารถเข้าไปแสดงพลังในกลุ่มที่ผมลงลิ้งค์ไว้ในคอมเม้นนะครับ
ปล.รูปประกอบเป็นรูปของร้านผมเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหานิทานแต่ประการใด

372 Nameless Fanboi Posted ID:RbuGVzJJC

ไอ้พวกชอบพิมพ์ยาวๆในโม่งนี้ส่วนใหญ่เชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

373 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

วันนี้จะมาเล่าถึงวงการการ์ตูนที่เคยพบเจอมาให้อ่านกันอีกหนึ่งตอน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าตอนนี้คือตอนสำคัญที่สุดสำหรับแฟนๆการ์ตูนนะครับ อยากให้ได้อ่านกันจะได้เข้าใจปัญหาของสำนักพิมพ์กันบ้าง

หลังจากสองตอนที่ผ่านมา ได้มีการพูดถึง ร้านมือสอง ร้านเช่า ร้านหนังสือใหม่ และปัญหาการขโมยหนังสือที่ทางร้านหนังสือใหม่ได้พบเจอกันมาแล้ว
ตอนนี้จะเพิ่มเติมให้ฟังว่า ไม่ใช่แต่เพียงร้านหนังสือใหม่เท่านั้นที่ประสบปัญหาโดนขโมยหนังสือ
สำนักพิมพ์เองก็โดนด้วยเช่นกัน โดยแต่ละบริษัทก็โดนจำนวนมากน้อยแตกต่างกันไป ตามจำนวนหนังสือที่มี โดยผมจะพูดถึงเคสใหญ่ๆที่เคยเจอมาดังนี้

-ค่ายสุขุมวิท ช่วงประมาณ7ปีก่อน มีหลุดมาครั้งละ1คันรถกระบะ ของเข้าอาทิตย์ละ2ครั้ง แต่กรณีนี้ผมเองไม่แน่ใจว่าหลุดมาจากสำนักพิมพ์เลยหรือมาจากร้านใหญ่ที่ไหน แต่มีเฉพาะค่ายนี้เลย
-ค่ายลาดพร้าว เคยหลุดเพราะคนขับรถส่งของและลงข่าวหนังสือพิมพ์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว และยังคงหลุดออกมาอย่างต่อเนื่องประปราย โดยช่วงหลังที่โดนจะเน้นนิยายจีน และการ์ตูนชุด อันนี้ตัวผมเองเคยโดนเสนอกับตัวเองเลย เพราะเคยซื้อขายกับเด็กที่ไปออกบูธบ่อยๆเลยมีพนักงานที่รู้จักโทรมา ส่งรูปให้ดูเป็นสิบมัด เรื่องนึงมี5-10ชุด
-ค่ายบางนา เคยหลุดตั้งแต่ประมาณเกือบสิบปีแล้วเช่นกัน แต่ถึงตอนนี้ไม่มีข่าวว่าหลุดจากโกดังแล้ว เรื่องที่หลุดมาช่วงแรกๆที่เจอเลยคือ ดราก้อนบอล บิ๊กบุค พร้อมกระเป๋า ชุดนี้ที่ทราบมาหลุดมาหลักร้อยชุด โจโจ้63เล่มพร้อมกระเป๋า เท่าที่ทราบมา รวมแล้วเกินครึ่งพัน โดเรมอนสันทอง อันนี้ก็หลักร้อยชุด แสลมดั้งค์ บิ๊กบุค,ฮิคารุบิ๊กบุค,โจโจ้สตีลบอลรัน 3เรื่องนี้ช่วงที่มีหลุดออกมาได้ข่าวว่าเดือนละไม่ต่ำกว่า50ชุดต่อเรื่อง และยังไม่รวมพวกpocketbook อีก
-ค่ายถนนพระอาทิตย์ หลุดต่อเนื่องยาวนาน ก่อนหน้านี้ ทุกเล่มที่มีออกใหม่ ของค่ายนี้จะสามารถพบเจอได้ที่ร้านบางร้าน มาให้เลือกซื้อเป็นมัด จนเมื่อประมาณ2ปีก่อน ได้เปลี่ยนวิธีการเก็บ จึงทำให้ของที่หลุดออกมาแทบไม่มีเลย แต่หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ก็ได้มีออกมาสู่ร้านมือสองอีกรอบนึงแล้ว

หลายท่านคงสงสัยว่า แล้วหนังสือจำนวนมากอย่างนี้ ปลายทางคือร้านมือสองอย่างเดียวเลยหรือไม่ ขอตอบไว้เลยครับว่า เกือบทั้งหมดเลยมาอยู่ที่ร้านมือสอง ซึ่งบางร้านก็ปิดไปแล้ว บางร้านก็ถึงกับเจริญรุ่งเรืองเพราะขายของขโมยเลยทีเดียว และถามว่าของที่ขโมยมาเยอะแยะมากมายเนี่ย ร้านที่รับซื้อเค้าเอาไปปล่อยต่ออย่างไรถึงปล่อยหมด ขายแค่หน้าร้านอย่างเดียวคงไม่น่าจะหมดเมื่อจำนวนมันเยอะมากขนาดนี้ คำตอบอยู่ย่อหน้าต่อไปครับ

374 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

(ต่อ)
อย่างที่ได้พูดถึงวิธีการขายจากสำนักพิมพ์ไปแล้ว สิ่งสำคัญของกรณีที่จะกล่าวถึงคือ"การคืน" ซึ่งหนังสือที่ถูกขโมยจากทั้งร้านมือหนึ่งและจากสำนักพิมพ์เอง ที่ได้มาอยู่ในร้านขายหนังสือ50%เองนั้น ได้ถูกกลุ่มคนที่สามารถคืนหนังสือ(เพื่อความปลอดภัยขอไม่ระบุว่ามีกลุ่มคนกลุ่มไหนบ้างนะครับ) ได้ซื้อหนังสือขโมยในราคา50% และนำไปตีคืนโดยได้ราคา70% ถึงแม้บางครั้งจะไม่สามารถตีคืนได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถทบไปคืนในรอบต่อไปได้ ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มนี้คือลูกค้าชั้นดีของร้านที่รับหนังสือขโมยเลยทีเดียว ซื้อกันเดือนนึงหลักหมื่นบาท(ซื้อที่ราคา45-50%)

และหลายคนอาจเกิดคำถาม ทำไมเราซื้อหนังสือใหม่ แต่พอแกะซีลออกมา หนังสือที่ได้กลับเป็นหนังสือร้านเช่า มีรอยเทป บางเล่มมีรอยปั๊มตราร้านด้วยซ้ำ ผมจะไขข้อข้องใจให้ทราบนะครับ

เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าว รู้จักกันดีกับร้านหนังสือมือสอง ดังนั้น จึงมีการสั่งออเดอร์กับทางร้านไว้ว่า ถ้ามีหนังสือปกใหม่เข้ามา(ก่อนหน้าสั่งปกราคา45บาท ช่วงหลังต้อง50-55บาทเท่านั้น ส่วนของค่ายลาดพร้าวให้ดูโลโก้ตรงหัวเล่ม ถ้าโลโก้เก่าทางสำนักพิมพ์ไม่รับคืน) โดยนักอ่านหรือพ่อค้าที่เข้าตามร้านมือสองจะเห็นบ่อยๆว่ามีการเก็บหนังสือใหม่ๆใส่ถุงไว้ให้คนกลุ่มนี้ เพราะกลุ่มนี้กำลังซื้อสูงมาก แทบจะเรียกได้ว่าไม่จำกัดเลย ขอเพียงให้มีของให้เค้าได้เท่านั้น

ต่อมาทุกท่านคงจะเกิดคำถามต่ออีกว่า เค้าเอาหนังสือมือสอง ไปทำให้เป็นหนังสือใหม่ได้อย่างไร ผมจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
หลักๆที่ทุกคนเห็น ค่ายที่สุขุมวิทเองนั้น แค่เพียงใส่ถุงแล้วรีด ซึ่งตั้งแต่แรกนั้น ถุงไซส์นี้คือถุงร้อนที่สั่งทำเฉพาะ (เป็นถุงร้อนเบอร์5.5x9นิ้ว) ซึ่งแทบไม่สามารถพบเจอตามร้านขายพลาสติกทั่วไป แต่ ช่วงหลังๆมา ได้มีการผลิตถุงร้อนไซส์นี้ออกมาจำนวนมาก แต่สถานที่ขายยังมีอยู่ไม่กี่แห่ง แต่ไม่กี่แห่งที่ว่าก็ถูกรับรู้โดยกลุ่มคนที่เอาไปตีคืนได้ ซึ่งเรื่องนี้ค่ายสุขุมวิทเองก็ทราบเรื่องแล้วเพราะมีคนบอกไปหลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรแม้แต่น้อย

แล้วค่ายใหญ่แถวบางนากับลาดพร้าวล่ะ เค้าไม่ได้ใส่ถุงเหมือนค่ายสุขุมวิทนะ จะโดนเหมือนกันหรือเปล่า คำตอบคือ โดนเหมือนกันครับ เพราะกลุ่มคนกลุ่มนี้ ด้วยจำนวนที่คืนมีค่อนข้างเยอะ เค้าเลยใช้วิธีรวมกลุ่มกันแล้วไปจ้างโรงงานพลาสติก ให้ทำถุงให้ เพราะเนื่องจากรวมกลุ่มกัน ทำให้จำนวนเยอะราคาต่อหน่วยจึงถูกลง

และหนังสือที่มีการตีคืนนี้ก็ได้กลับเข้าสู่โกดังของแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งเพื่อรอออกมาขายใหม่ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนซื้อหนังสือใหม่ แต่ได้เป็นหนังสือเช่า หรือหนังสือมือสอง มีรอยปากกา รอยนั่นนี่เต็มไปหมด

ดังนั้นเมื่อเรารู้ปัญหาของสำนักพิมพ์แล้ว ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเพื่อให้สำนักพิมพ์หลายๆแห่งอยู่รอดคือ ต้องช่วยกันรณรงค์ไม่ซื้อของที่ยังอยู่ในซีลจากร้านมือสองครับ เพราะนั่นไม่ต่างกับการสนับสนุนให้มีการขโมยหนังสือมาขาย จริงๆร้านที่ว่าก็มีเหลืออยู่ไม่กี่แห่งล่ะครับ ผมเชื่อว่านักอ่านหลายๆท่านหรือพ่อค้าหลายๆท่านต่างก็ทราบ แต่ด้วยเพราะมันเป็นหนังสือใหม่ ขายง่าย(สำหรับพ่อค้า)หรือคุ้มที่ซื้อหนังสือใหม่ได้แค่ครึ่งราคา นั่นคือคุณได้สนับสนุนกลุ่มคนกลุ่มนี้และได้ทำลายวงการการ์ตูนที่คุณรักไปแล้ว ส่วนตัวผมเองเมื่อก่อนยอมรับว่าซื้อมาบ้าง แต่มาตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดจึงหยุดซื้อมาหลายปีแล้ว แต่ท้ายที่สุดวงการการ์ตูนก็ยังมาถึงจุดนี้ จึงอยากให้ทุกคนได้ช่วยกันแสดงออก อย่างน้อยก็แชร์ออกไปให้เพื่อนๆของเราได้รับรู้และหยุดอุดหนุนของขโมย

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายนะครับ การเปลี่ยนแปลงในวงการและอนาคตที่ผมคิดไว้
ก่อนจาก ฝากกลุ่มของแฟนๆผู้รักการ์ตูนแบบ"เล่ม" มาร่วมแสดงพลังกับพวกเราได้นะครับ
กลุ่มVoice Of Manga Fans(VOMF) ลิ้งค์ในเม้นนะครับ

375 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ นิทานตอนที่4มาแล้วนะครับ
ย้ำให้รับฟังกันอีกทีนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งนะครับ ไม่มีบุคคลหรือบริษัทใดๆหรือหมู่บ้านไหนที่เป็นเรื่องจริงนะครับ
ตอนนี้จะมาแจ้งถึงสถานการณ์ล่าสุดของหมู่บ้านหลังคาแดงให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะครับ

ตอนนี้ เนื่องจากผู้ขายนุ่นให้ ยื่นคำขาดว่า ถ้าจะซื้อนุ่นจากเค้า จะต้องซื้อแบบ"เงินสด"เท่านั้น
และสถานการณ์ภายในหมู่บ้านนี้อย่างที่ทราบกันว่าการเงินเข้าขั้นย่ำแย่ ถึงขนาดต้องไปขอยืมเงินเจ้าของนุ่นเป็นจำนวนถึง2ล้าน เพื่อเป็นค่านุ่นที่จะผลิตตุ๊กตา และอีกส่วนหนึ่งเอาไปให้กับลูกบ้านที่ผลิตตุ๊กตา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ขายนุ่นไม่ให้ยืม

หัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องแก้ปัญหาโดยการ ลดจำนวนคนในหมู่บ้านให้น้อยลง จากคนที่เคยอยู่กว่า500หลังคาเรือน ณ ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ50หลังคาเรือนเท่านั้น รถที่เอาไว้ขนตุ๊กตาเองจากที่เคยมีกว่า10คัน ตอนนี้เหลือคันเดียว และลูกบ้านที่จะขับรถก็เหลือคนเดียวแล้ว(ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่าเลย) วิธีการลดจำนวนคนในหมู่บ้านคือ จำกัดการทำงาน โดยให้เงินเดือนเท่ากับเงินเดือนขั้นต่ำต่อวัน โดยให้ทำงานเพียงวันจันทร์-ศุกร์ ไม่มีโอทีทุกกรณี ใครที่อยู่ได้ก็อยู่ไป คนที่อยู่ไม่ไหวก็ขอลาออกกันไป ขณะนี้เท่าที่ทราบมาคือฝ่ายขายตุ๊กตานั้น เหลือเพียงแค่คนเดียวเช่นกัน ลูกบ้านที่ถูกส่งออกมานอกหมู่บ้าน จากที่มีหลายที่ ที่ละหลายๆคน ขณะนี้ก็ถูกยุบเหลือเพียงสองที่เท่านั้น ที่หนึ่งคือที่ที่เป็นสถานที่ขายส่งของตุ๊กตานุ่นของทุกๆหมู่บ้านจะมารวมตัวกัน ที่ตรงนี้เมื่อก่อนมีคนในหมู่บ้านนี้เกือบสิบคน แต่ปัจจุบันมีเหลือสองคน และหนึ่งในสองนั้นจะออกจากหมู่บ้านนี้ตอนสิ้นเดือนนี้ ส่วนอีกที่นึงจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าแถบชานเมือง อันนี้ก็มีเรื่องเล่าเช่นกัน

รายได้หลักของหมู่บ้านนี้อีกอย่างหนึ่งคือ ให้เช่าพื้นที่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ โดยมีทั้งหมด(เท่าที่ทราบ)2สาขา 1คือแถบชานเมืองใกล้คุก 2คือเลียบคลองน้ำเน่าชื่อมีอาหารใต้เป็นส่วนประกอบ โดยได้ค่าเช่าแห่งละกว่า2แสนบาท และร้านขายตุ๊กตาที่อยู่ชานเมืองกำลังจะต้องซอยห้อง เพื่อให้ได้ค่าเช่าเพิ่มเติม

บางคนอาจจะสงสัยเพิ่มเติม ทำไมช่วงนี้มีตุ๊กตานุ่นออกมาขายในตลาดบ้างแล้ว ขอแจ้งให้ทราบตรงนี้เลยครับ รายได้ที่นำมาซื้อนุ่นนั้น หลักๆคือเพราะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายคนในหมู่บ้าน และรายได้อีกอย่างนึงคือ รายได้จากการขายตุ๊กตากระดาษ จึงสามารถนำมาซื้อนุ่นเพื่อทำตุ๊กตานุ่นได้ และขายในราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะได้มีเงินหมุนไปซื้อนุ่นมาเพิ่มได้ สำหรับแฟนๆตุ๊กตานุ่นทั้งหลาย ถ้าอยากให้ตุ๊กตานุ่นของท่านๆทั้งหลายไม่ถูกส่งไปทะเล ก็ต้องช่วยกันลุ้นให้มีคนซื้อตุ๊กตากระดาษกันเยอะๆเพื่อจะมีเงินไปซื้อนุ่นกันนะครับ ไม่เช่นนั้นมั่นใจได้ว่า ตุ๊กตาได้ไปเที่ยวทะเลแน่นอน

สุดท้ายนี้ผมขอฝากไปถึงชาย"ในหน้ากาก"หน่อยนะครับ
สิ่งที่คุณทำอยู่นั้น คุณทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อองค์กรของคุณกันครับ
คนที่อยู่ในองค์กรมานานอย่างคุณ ผมเชื่อว่าในวงการน่ะ คุณน่าจะรู้เรื่องอยู่บ้าง สิ่งที่เป็นช่องโหว่ขององค์กรของคุณก็น่าจะทราบพอสมควร แต่คุณไม่ได้ดำเนินการใดๆเพื่อให้มันดีขึ้นเลย แล้วพอองค์กรของคุณมันแย่ มันตกต่ำ คุณก็มานั่งบ่นเหมือนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างไหม คนที่เค้าเป็น"เหยื่อ"ขององค์กรของคุณ คนที่เค้าสนับสนุนคุณมา บางคนสนับสนุนกันมาเกิน20ปี แต่ต้องมาโดนหักหลังจากการกระทำแย่ๆอย่างที่คุณกำลังทำอยู่

ตัวคุณเองก็ต้องอยู่ในสถานะ"ผู้บริโภค"ในด้านอื่นๆด้วย เคยคิดไหมว่าถ้าคุณเป็น"ผู้บริโภค"แล้วเจอการกระทำของ"ผู้ผลิต" เช่นนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร ช่วยเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยนะครับ ไม่ใช่อะไรๆก็ให้คนอื่นเค้ารออย่างมีความหวัง แล้วผลัดเวลาไปเรื่อยๆ คนรอไม่มีใครเค้ารู้สึกดีหรอก อย่าให้ผมต้องพูดอะไรมากกว่านี้เลย ผมรู้ คุณก็เข้ามาอ่าน

........

ในวันนี้นิทานที่จะเขียนได้ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
ถึงนิทานจะจบแล้ว แต่ในชีวิตจริงยังดำเนินกันต่อไปนะครับ ซึ่งยังจะไม่สามารถฟันธงได้นะครับว่าในชีวิตจริงนั้น เรื่องราวจะจบเมื่อไหร่ แต่ถ้าถามผู้เขียนเองน่าจะเร็วๆนี้ล่ะครับ ยังไงเพื่อนๆก็ลองติดตามดูนะครับ ว่าในโลกความจริงนี้ จุดจบจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ติดตามกันด้วยใจระทึกกันต่อไป บอกใบ้ให้นิดนึงว่ามีข่าวว่าลูกบ้านที่กลับบ้านกันช่วงปีใหม่จะมีหลายคนอยู่ที่ไม่กลับมาหมู่บ้านนี้อีกแล้ว

376 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

หมดแล้ว จากที่กูอ่าน กูคิดว่ามันเป็นมุมมองของคนที่อยู่ในการการ์ตูนไทยแบบไทยๆ อย่างแท้จริง และเป็นเหลือบไรของวงการที่อาศัยมุมที่มีช่องว่างแดกโน่นแดกนี่ไปเรื่อยๆ วนเวียนกับการพิมพ์การ์ตูนเถื่อน ใช้ชีวิตกับการขายการ์ตูนมือสอง เลห์หลอกในวงการ แต่ไม่ได้มีเม็ดเงินหรือคุณค่าอะไรหมุนเวียนเข้าไปในระบบเลย เอาแต่ก่นด่าระบบจากจุดยืนของคนนอกโดยไม่คิดจะเข้าไปข้างในเลย

ก็คิดซะว่าได้อ่านมุมมองด้านอื่นมั่ง

377 Nameless Fanboi Posted ID:OGHdEqE3+

เพื่อความสนุกสนานและเป็นสีสัน เรามาเล่นเกมทายชื่อตุ๊กตาแถมท้ายละกัน โจทย์มีดังนี้
1. ตุ๊กตาหมอป๊อก
2. ตุ๊กตาผีดูดเลือด
3. ตุ๊กตาไดอารี่แมว
4. ตุ๊กตากบ3ตา
5. ตุ๊กตาใส่หน้ากากตอนเที่ยงคืน
6. ตุ๊กตาโงกุน
7. ตุ๊กตาเด็กโข่ง
8. ตุ๊กตาครูจอมแสบ
9. ตุ๊กตาไอ้หนุ่มผมยาว

ใครตอบถูกที่สุด รับไปเลยมาสเตอร์คีตันครบชุด (ถ้ามันได้พิมพ์นะ ฮ่าๆๆๆ)

378 Nameless Fanboi Posted ID:1DqV6WA7w

พวกร้านมือสองมันไม่ชอบเหรอที่หนังสือจะกลายเป็นของสะสมเนี่ย น่าจะขายได้ราคาดีกว่าเดิมนะ

379 Nameless Fanboi Posted ID:7IFdnYnsm

>>377 1. Dr. K
4. 3 ตาปาฏิหาร์ย?
5. จอมโจร 20 หน้า ของ Clamp?
7. ควยนัน
8. GTO
9. โคทาโร่

380 Nameless Fanboi Posted ID:D0VnIz3fA

>>378 วัฒนธรรมการอ่านของไทยยังไม่สูงเท่าญี่ปุ่นว่ะ ต่อให้เป็นของสะสมก็มีลูกค้ากลุ่มเล็กๆไม่พอทำกำไรหรอก

381 Nameless Fanboi Posted ID:WfgSMwATC

>>376 กุว่ามันรู้แค่ผิวๆ มาก
อันแรก เรื่องคืน 30% เนี่ย ตอนแรกๆ มีไม่กี่เจ้าที่ทำ ไม่ใช่ทั้งหมด และที่แม่งมีปัญหา เพราะร้าน JC กับบุรพัฒน์ไฝว้กัน ทำให้ทุกเจ้าเปลี่ยนระบบหมด ยกเว้นสยาม รายละเอียด กูไม่บอก มึงไปถามกับไอ้นั่นเอาเอง

382 Nameless Fanboi Posted ID:d+5+bZNnw

>>381 แล้วจั๊มคอมมิคมาไฝว้กับบูรพัฒทำไมวะ

383 Nameless Fanboi Posted ID:ftOleh0O7

>>382 JC นี่กูว่า ร้านเจซี สาส์นนะ ไม่ใช่จั๊มคอมมิค
หรือมึงเล่นมุก

384 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

>>372 ไอ้พวกพิมพ์สั้นๆก็ไร้แก่นสารเหมือนกันนะ เชื่อไม่ได้ทุกตัวแหละโม่งในนี้ มึงจะคาดหวังอะไรนักวะ

385 Nameless Fanboi Posted ID:YGsbOEBWr

ได้ข่าวแม้แต่สกุลไทยก็ยังไม่รอด
สมัยก่อนเคยตัดการ์ตูนเด็กในเล่มมารวมเป็นเล่มเองเลย

386 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

>>376 เอาแค่รู้ว่าคนแต่งนิทานกริม ขายตูนมือสองด้วย สนิทกับค่ายอื่นเป็นพิเศษด้วย กูก็ลดดีกรีความสนใจลงละ เพราะมันเป็นมุมมองส่วนตัวทั้งนั้นเลย

387 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

>>385 ปิดไปก็ดีแล้ว จะเปิดให้sufferต่อทำไม นิตยสารเล่มหาแดกโคตรลำบากอ่ะ เห้นมีแค่นิตยสารพระเครื่อง เรื่องผี ทำอาหาร ท่องเที่ยว ที่ยังเหลือรอดอยู่ได้

388 Nameless Fanboi Posted ID:6agcIedda

>>387 ขนาดนิตยสารขายผู้หญิงแก้ผ้ายังสู้พระเครื่อง ใบ้หวยไม่ได้ กูเห็นพื้นฐานความต้องการเลย

389 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

>>388 ก็ช่วยไม่ได้นิ กลุ่มลูกค้ามันต่างกัน กลุ่มอย่างมึง มันไม่อ่านของพวกนี้ แต่กลุ่มรากหญ้าเค้ายังอ่านอยู่ มันขายได้เค้าก็พิมพ์ขาย เท่านั้นเอง

390 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

มีนิตยสารอีกฉบับนึงที่ขายได้100%ทุกสัปดาห์ ยอดขายสม่ำเสมอ นั่นคือนิตยสาร........จะเรียกแบบนี้ดีไหมนะ เอาเป็นว่าหนังสือแทงม้าก็แล้วกัน หน้าสนามม้าอ่ะ 555555+

391 Nameless Fanboi Posted ID:C8rRoHcVG

ของมันขายไม่ได้ ยังมาขาย กูว่า ตรรกะเพี้ยนๆ นะเมิง

392 Nameless Fanboi Posted ID:ftOleh0O7

คู่สร้างคู่สม ยังขายได้อยู่ป่ะวะ

393 Nameless Fanboi Posted ID:BRquPpTnF

http://pantip.com/topic/35595880
ไอ้ดอกๆนั้นคือแท่นพิมพ์ห่วยหรือไงวะ
ตอนแรกกูนึกว่าเอฟเฟคแบบเศร้าๆประมาณฝนตก ต้นฉบับแม่งดำสนิทนี่หว่า

394 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

>>393 หรือว่าVแม่งจะมีเพื่อนเข้าตี้ละ

395 Nameless Fanboi Posted ID:C8rRoHcVG

มันเกิดจากการพิมพ์น่ะ

396 Nameless Fanboi Posted ID:8ILF2RWzd

>>393 ถ้าเคยอ่านของ LP บ่อยๆ น่าจะชิน -__-

397 Nameless Fanboi Posted ID:C8rRoHcVG

ใบ้หวยด้วยไง. นี่ก็ขายดีสัด

398 Nameless Fanboi Posted ID:a9+n/+oOS

หลังๆ ใบ้หวยกันทางเพจแล้วมึง
เดี๋ยวหนังสือหวยจะตามไป

399 Nameless Fanboi Posted ID:EOgO640VP

>>395 ไม่ใช่ เกิดจากตอนถ่ายเพลท มันไม่ได้ดูตัวไฟล์งานต้นฉบับว่ามาไฟล์อะไร

400 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

เด็กขายเรียงเบอร์หายไปตรึมเลย เค้าตรวจหวยทางเน็ตกัน

401 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

เอาไว้ชาวโลกแดกข้าวดิจิตอลได้ หรือนิยมแดกแคปซูลแทนข้าวกันเมื่อไร กูจะบอกให้ญาติปิดร้านอาหารตามสั่งละ 555+

402 Nameless Fanboi Posted ID:XkdOHHJ+q

อ้าวพระเอกผู้กล้าSICไปๆมาๆจะเข้าตี้เดียวกับอาแปะVBKซะแล้ว

403 Nameless Fanboi Posted ID:God2x1BYe

>>383 เจซีสาส นี่ประวัติความเป็นมายังไงวะ

404 Nameless Fanboi Posted ID:LFFVo+5wk

>>401 ขนาดคี่มันยังทำให้แดกได้ กูว่าอย่างอื่นก็ไม่แน่ละว่ะ

405 Nameless Fanboi Posted ID:W5dSKOGhp

>>403 เจซีมันไปต่อรองต้องการส่วนลดมากกว่าที่ส่งให้สายส่งอื่น หลายเจ้ายอม (เพราะตอนนั้นเจซีอำนาจต่อรองเยอะมาก) แต่บูรพัฒน์ไม่ยอม
มันก็เลยบาดหมางไปเรื่อยจนเป็นเรื่องเปลี่ยนนโยบายการคืนของตามที่โม่งข้างบนพูดถึง

406 Nameless Fanboi Posted ID:God2x1BYe

ร้านนี้มันเปิดมากี่ปีละวะ
เริ่มแรกเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวป่ะ เคยเห็นมีคนแซว

407 Nameless Fanboi Posted ID:8ILF2RWzd

จะว่าไปตอนน้ำท่วมใหญ่โกดังเก็บหนังสือของสำนักพิมพ์กระทบอะไรบ้างหรือเปล่าวะ
เพราะล่าสุดที่ได้จากงานหนังสือพวกแพ็ครวมเล่มถูกๆ มักจะมีรอยบวมน้ำหน่อยๆ

408 Nameless Fanboi Posted ID:nDFShUZc/

>>402 ก็เข้าตี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอวะ แต่ช่วงหลังออกไปเก็บ LV เอง ตอนนี้สงสัยจะกลับเข้าตี้อีกแล้วมั้ง

409 Nameless Fanboi Posted ID:AtuhaDWF7

>>388 ชนชั้นล่างไม่มีรายได้มากพอที่จะเข้าถึง Internet ว่ะ Notebook เครื่องล่ะเป็นหมื่น มือถืออย่างถูกๆก็ 3-4พัน ไม่รวมค่าเน็ตรายเดือน สำหรับคนรายได้น้อยแล้วมันแพงเกินไป และอีกเหตุผลคือเนื้อหาในนิตยสารระดับล่างมันไม่มีในเน็ตด้วย ข้อมูลเรื่องพระเครื่อง เรื่องผี เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ มันวงแคบอยากรู้ก็ต้องตังวงคุยกันในหมู่เซียนพระ นิตยสารพวกนี้มันเลยพออยู่ได้

ส่วนคู่สร้างคู่สมกูเคยดูรายการหมายเหตุประเภทไทยเค้าบอกว่าเป็นหัวเดียวที่อยู่ได้ด้วยเงินจากยอดขายไม่ต้องพึ่งโฆษณา คงเพราะลูกค้าหลักเป็นเมียเช่าฝรั่งไม่ก็ผู้หญิงที่อยากจับฝรั่งรวยๆ นี่ไม่ได้โทรลนะแต่พูดเรื่องจริง เนื้อหาในคู่สร้างคู่สมส่วนมากทำออกมาเพื่อแนะนำผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับชาวต่างชาติ

410 Nameless Fanboi Posted ID:hEEYflUMI

คู่สร้างคุ่สมมันครอบจักวาลว่ะ มีเรื่องให้อ่านหลายแนว กูยังอ่านเลย ร้านข้าวแถวที่ทำงานเค้าซื้อไว้

411 Nameless Fanboi Posted ID:DfcaSBy6y

>>409 พม่าบ้านกูก็ใช้ smartphone
เดี่ยวนี้มันไม่แพงเหี้ยไรเลย net ก็หา wifi free ใช้ได้
พวกเดียวที่ไม่ใช้คือแก่ๆหน่อย โลวเทค
ตรงทาเกต พระเครื่อง มวยตู้ เลยอยู่กันได้มากกว่า

412 Nameless Fanboi Posted ID:M.+mA9ncK

>>409 พ่อกูโคตรโลว์เทค ยังเปิดเวบพระเครื่อง ปลากัด เองเป็นแล้ววะ(ที่แย่คือดันเอาเครื่องที่ทำงานมาเปิด)

413 Nameless Fanboi Posted ID:8ILF2RWzd

คู่สร้างคู่สม เนื้อหาจุดขายคือ คู่สามีภรรยาที่รวย ชีวิตดี๊ดี + เรื่องคนรวยในต่างประเทศ
คนซื้อกลุ่มหลักกูว่าน่าจะเป็นรุ่นป้าที่เลยวัยกลางคนไปแล้วเขาซื้อมาอ่านแล้วฝันกัน
ร้านทำผมพวก เสริมสวยนี้ต้องมีประจำไว้ มันคงขายดีอยู่แล้วล่ะ

414 Nameless Fanboi Posted ID:ENtWIGhLd

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1473915489

415 Nameless Fanboi Posted ID:vc5ws8BfA

กูตลกตรงที่ ญี่ปุ่น ประเทศต้นแบบ สื่อสิ่งพิมพ์ยังอยู่ได้ คือรายได้ลดลงเหมือนกัน แต่มันยังอยู่ได้ แต่ไทยแม่งล่มแล้ว เพราะอะไร เพราะคนนี่แหละ และความไร้จิตสำนึก การไม่เข้มงวดกับการเอาจริงๆเอาจังในการตามจับลิขสิทธิ์ในเว็บมากพอ
-กูโตมากับการซื้อสะสมเป็นเล่มๆ ตอนนี้กูก็ยังชินอยู่ ยังไงกูก็ซื้อเก็บ
-แต่เด็กรุ่นใหม่โตมามีแทบเลตให้อ่านในเว็บแล้ว มันไม่เคยผ่านช่วงเวลาที่ทุกอย่างต้องซื้อ มันก็ไม่เข้าใจความสำคัญตรงนี้ ด่ากูด้วยนะว่าโง่ ซื้อทำไม หาอ่านเอาได้ เออ คิดแบบนี้แหละของลิขสิทธิ์มันถึงอยู่ไม่ได้

416 Nameless Fanboi Posted ID:3mqZIg2SA

>>415 ยุ่นประชากรมากกว่าไทย 3 เท่า
ต่อให้คิดโง่ๆ ว่ายอดขายลดลงในอัตราเท่าๆ กัน มันก็ยังขายได้มากกว่าไทย 3 เท่า
ยังไม่ต้องคิดเรื่องจิตสำนึก หรือนิสัยรักการอ่าน การศึกษาอะไรพวกนี้เลย

417 Nameless Fanboi Posted ID:3LWDNQX0l

ไมพวกมึงไม่ลองหาข้อมูลประเทศอื่น อย่าง อินโด ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บราซิล มาบ้างวะกุเห็นมึงเอาแต่บ่นเทียบกับญี่ปุ่นทั้งที่รู้ว่าทางนั้นมันเป็นยังไง ... ไมมึงไม่ลองเทียบกับประเทศระดับใกล้ๆ กันหน่อยบ้างว่าสถานการณ์ตอนนี้พวกนั้นเป็นยังไงกันบ้าง

418 Nameless Fanboi Posted ID:jbNDzJJPX

>>415 เพราะเป็นต้นทางสิมันถึงอยู่ได้ มึงงงอะไร วงการมันมี content ผูกกันหลายอย่างเพื่อพยุงกันให้รอด ของไทยหากินได้ทางสองทาง ยังไงก็ไปก่อน แถมมีต้นทุน ขนาดตลาด แสกน อะไรอีกยุบยับ ไม่ล้มก็แปลกละ

419 Nameless Fanboi Posted ID:ZZm76TqZR

>>417 สถานการณ์แบบมิกุไปเปิดคอนเสริตแล้วคนโหรงเหรงป่ะ

420 Nameless Fanboi Posted ID:PUktYaCQW

>>135 ยุคไพเรทครองเมืองยังไม่มี vcd เขาดูผ่านวิดีโอเทปกัน

421 Nameless Fanboi Posted ID:3m40sQ+g1

ยุคสฤษธิ์คนไทยอ่านกันเยอะนะ ยุคทองของวงการนิยายเพราะเผด็จการครองเมืองจำกัดเสรีภาพสื่อ ความบันเทิงหลักยุคนั้นคือนิยาย มันบูมถึงขนาดว่ามีนิตยสารรายสัปดาห์ที่ออกมาขายนิยายรายสัปดาห์โดยเฉพาะ แถมพอนักเขียนลงจนจบเรื่องก็เอามาพิมพ์ขายได้อีกต่อ

วงการนิยายไทยมาทรุดช่วงปี 2520 ตอนนั้นทีวีสีเริ่มมีทุกบ้านและธุรกิจร้านเช่าวีดีโอเริ่มบูมขึ้นมา การอ่านของคนไทยก็ลดลง

422 Nameless Fanboi Posted ID:1kKIoQN+Z

>>421 ต้องบอกว่าทีวีเป็นต้นแห่งของการล่มสลายสินะ 5555+

423 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

มีการทำโพลในบอร์ดโม่งรึยังวะ สนพ.ไหนจะเจ๊งก่อน-หลัง ตามลำดับ

424 Nameless Fanboi Posted ID:pwGKxmP5b

>>422 เหมือนเกมออนไลน์ทำให้การ์ดเกมส์ล่มสลายในยุค 2K นั่นแหละ

425 Nameless Fanboi Posted ID:5lU4s0vVr

>>423 V น่าจะรอดเส้นตายแล้ว S รอดูต่อไป N จะว่าล่มก็ล่ม เพราะไม่น่าทำต่อในเร็ววัน L รอด T ออกอิริวจบแล้ว เจ๊งตอนนี้กูก็ไม่ว่าอะไร

426 Nameless Fanboi Posted ID:akiSEtFwR

http://pantip.com/topic/35596037
พวกขยะอ่านสแกนแล้วทำมาอวด วงการหนังสือเจ๊งต้องเพราะพวกมัน

427 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

โทริโกะโดนพวกเกรียนเห่อสแกน เอารูปมาสปอยล์พร้อมกับtextแหลกราญทุกสัปดาห์ สนพ.ก็ไม่เห็นไปขอความร่วมมือจากพันทิปเลย

428 Nameless Fanboi Posted ID:NF4LJob2z

>>427 Ned แค่เปรยๆยังโดนพันดริ๊ฟโพสแขวะซะเสียเลยมึง

429 Nameless Fanboi Posted ID:akiSEtFwR

ไอ้ห่าน aya+eve ก็หน้าด้านสปอยต่อเพราะกลัวสาวกจะหาย
สวะจริงๆ ไอ้ห้อยไอ้โหนใช้การ์ตูนดีๆเป็นเครื่องมือหาสาวก

430 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

บากิ ก็โดนแม่งทุกสัปดาห์ กลายเป็นคนรอดูกระทู้สปอยล์ฮะๆมากกว่ารอซื้ออีก

431 Nameless Fanboi Posted ID:F9x85l8/Q

แล้วอย่าง tokyo ghoul re นี่มา text ทั้งตอนนี่ไม่มีปัญหาไรเรอะ เห็นมาทุกสัปดาห์

432 Nameless Fanboi Posted ID:g4rE+5x20

พวกเหี้ยนี่ น่าขยะแขยงว่ะ

433 Nameless Fanboi Posted ID:8jEycQUVi

คนไทยไหลตามน้ำเรอะพวกมึง

434 Nameless Fanboi Posted ID:akiSEtFwR

อย่างนี้ต้องตั้งห้องประจานศาสดาจอมปลอมพวกนี้แล้วฮะ
ปล่อยไว้เป็นพิษภัยต่อวงการมังงะมากๆ

435 Nameless Fanboi Posted ID:kmCzJ0fd9

>>425 อิริวออกจบแล้วเหรอวะ

436 Nameless Fanboi Posted ID:+6TKKqGHF

>>425 อยากให้ Emma ออกจบเร็วๆด้วย เหลือแค่เล่มเดียวแล้ว

437 Nameless Fanboi Posted ID:akiSEtFwR

>>425 มึงนี่มันมั่วข้อมูลได้หน้าด้านมากเลยว่ะ
ที่ใกล้จะเจ๊งที่สุดก็คือค่ายที่มึงบอกรอดเส้นตายนั่นแหละ

438 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

>>437 แต่กูมองว่าทั้งสามยักษ์ในอดีตSNVมันน่าจะจรลีใกล้ๆกันหมดนะ

439 Nameless Fanboi Posted ID:5lU4s0vVr

>>437 [น่าจะรอดเส้นตายแล้ว] ดูจากที่เริ่มออกหนังสือมากขึ้น แสดงว่า E-Book น่าจะได้เงินพอทำทุนใหม่ได้ละ

>>435 โทษที มัน 25 เล่มจบ

440 Nameless Fanboi Posted ID:NF4LJob2z

>>437 มึงน่าจะรู้จัก ยิ่งใหญ่ยิ่งล้มดังกว่า

441 Nameless Fanboi Posted ID:akiSEtFwR

>>439 อ่อๆ ขอโทษๆ

442 Nameless Fanboi Posted ID:kmCzJ0fd9

VBK แค่ดูดีขึ้นจากก่อนหน้า ยังห่างไกลกับคำว่ารอดเยอะ
Ned นี่กูว่าล้มแล้วล่ะ นอนนี้คลานอยู่
TKO มันนอนในหลุมมานานแล้ว
SIC ตอนนี้แข้งขาเริ่มอ่อนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

443 Nameless Fanboi Posted ID:+.ICwSQVh

>>434 มีมู้นินทาในห้อง Netwatch อยู่ เมื่อก่อนก็คุยกันเยอะนะ แต่เดี๋ยวนี้ตันที่มู้6 กูว่าอย่าไปให้ราคามันเลย ทำเมินๆไป พวกสวะนี่ต่อให้ไม่มีสแกนยังไงก็ไม่ซื้อของลิขสิทธิ์หรอก

>>422 เอาเข้าจริง ที่ตลาดหนังสือบูมช่วงเผด็จการเพราะสื่อทางเลือกมันน้อยด้วย ทีวียังเป็นขาวดำแถมยังแพง สมัยนั้นร้านกาแฟมีไว้เพื่อเรียกลูกค้าเลยนะ ให้คนมานั่งกินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวจากทีวีในร้าน(กลายเป็นสภากาแฟ) สื่อบันเทิงราคาถูกคือนิยายนี่แหละ แล้วนักเขียนนิยายชั้นครูของไทยผลิตผลงานในยุคนั้นออกมาเยอะมาก ส่วนNon-fiction ก็บูมนะ แต่ไม่ใช่หนังสือเล่ม จะเป็นพวกหนังสือทำมือที่นักศึกษาทำขายกันเองถ้าเคยอ่าน "แล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฎ" ช่วงนี้คือยุคทองของพวกชนชั้นกลางพวกนักศึกษาเลย

พอมาตอนนี้สื่อบันเทิงมันมีทางเลือกมากขึ้น ความบันเทิงจากนิยายเลยกลายเป็นกลุ่มเล็กๆ นิยายที่ยังพอขายได้ก็พวกนิยายรักแจ่มใสขายสาวน้อยมอ้น กับพวกนิยายแปลจีนที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมต่อนักอ่านไทยค่อนข้างมาก ที่เหลือก็แทบไม่รอด
ส่วน Non fiction ก็ยังพอไปไหว(มั้ง) ทั้งสนพ.เล็กๆอย่าง Openwolrd Welearn ก็เห็นออกหนังสือแนวสารคดีหัวใหม่เรื่อยๆ ถึงไม่เยอะแต่ก็ขายได้ งบการเงินของ Welearnก็ได้กำไรมาตลอด ผิดกับค่ายใหญ่อย่างมติชนที่ติดลบ

ปล. เกร็ดเล็กๆน้อยๆ ซีรี่ย์เรื่องเล่าจากร่างกายของ นพ.ชัชพล เกียรติขจร เป็นซีรี่ย์ Non-fiction ที่พิมพ์มากว่า10ครั้ง น่าจะขายได้เป็นหมื่นเล่ม แปลว่าคนไทยจริงๆก็ชอบการอ่าน เพียงแต่นักเขียนต้องเก่งพอที่จะเขียนเรื่องยากๆให้เป็นภาษาเข้าใจง่าย

444 Nameless Fanboi Posted ID:xBa45xpnV

>>443 หนังสือของมติชนถ้าไม่ใช่แปล กูว่าเอียงซ้ายมากไป ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่ตีความข้อมูลออกไปทางนั้นเกิน คนเลยไม่ค่อยชอบ บางอันกุก็อ่านเพื่อเปิดมุมมองใหม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยน่าอ่านเท่าไหร่ โดยเฉพาะศิลปะ-วัฒนธรรมที่ยิ่งมายิ่งเอียง กูก็มีแนวคิดแบบ liberal แต่การเอามันมาตัดสินความในประวัติศาสตร์กูว่าเลอะเทอะ เอาค่านิยมของสมัยนี้ไปตัดสินคนในอดีต ผิดฝาผิดตัวจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นอ.

445 Nameless Fanboi Posted ID:QLBVvN4s7

แอดมินเพจvแม่งก็มีความอดทนดีนะ ไม่แบนไอ้ลูฟี่กูยังเฉยๆเพราะถึงมันจะแซะแต่อย่างน้อยมันยังไม่ด่าแบบหลุดคำหยาบมา
แต่ไอ้cนี้แม่งไม่ใช่ละด่ากราดไปหมดแถมหลุดคำหยาบมาเต็ม ไม่คิดจะทำอะไรสักหน่อยหรอ

446 Nameless Fanboi Posted ID:F9x85l8/Q

vbk พักนี้ออกรัวจังแหะ วันจันทร์ก็ qed ก็ออก

447 Nameless Fanboi Posted ID:w6m+3hW4O

>>444 กูมองว่าหัว ศิลปะ-วัฒนธรรม มันเป็นอีกด้านของประวัติศาสตร์ที่ไม่มีในตำราเรียน
อย่างหนังสือการเมืองการทหารไทยในสมัย ร.6 ก็ไม่ได้เล่าเรื่องแบบมีอคติ ก็แค่รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ช่วงนั้นมาเรียบเรียงให้คนอ่านฟัง
อย่างประโยค "จะยอมแพ้เพราะผีหัวขาดไม่ได้" ทำเอากู WTF มาก คือเปิดโลกให้กูเลย(จากที่ปรกติก็หัวซ้ายอยู่แล้ว) ว่าเสือป่ามันก็แค่เกมตำรวจจับโจรที่เด็กๆเล่นกัน ส่วนนายในกูอ่านแล้วยอมรับว่าคนเขียนมีอคติจริงๆ เหมือนจะพยายามเปิดประเด็กว่าเกย์ให้ได้

448 Nameless Fanboi Posted ID:D8RGGQXN1

>>446 สงสัยไกล้งานหนังสือ

449 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

>>445 ก็ถูกแล้วนิ จะไปแบนไอ้หมวกฟางมันทำไม เค้าคงไม่ให้ราคาหรอก เกรียนธรรมดา พอไม่ออกเล่มมาด่า พอออกเล่มก็ด่า สรุปคือมันจะด่าให้ได้ไง เขาถึงไม่สนใจ ส่วนไอ้พวกปากหยาบๆมันก็ประจานตัวมันเองอยู่แล้ว ใครเห็นใครก็คงส่ายหน้า คนเรามันปูมหลังไม่เหมือนกันอ่ะนะ ถ้ากูเป็นแอดมิน แทนที่จะแบน กูปล่อยทิ้งไว้ประจานว่าใครโพสต์อะไรยังดีกว่า

450 Nameless Fanboi Posted ID:NxgpySM7y

>>446 อีกไม่กี่วันก็งานหนังสือ ไม่ออกตอนนี้มันก็ออกงานหนังสืออยู่ดี รอดูหลังงานก่อนมันจะหายยาวไปอีกไหม ถ้าหายยาวก็อย่างที่มึงคิดนั่นละ b1

451 Nameless Fanboi Posted ID:NxgpySM7y

>>442 sic กุว่าสาเหตุมันก็ชัดตั้งแต่มันโดนยกเลิกสิทธิ์ฟุตบอลไทยแล้วนิ เริ่มออกหนังสือน้อยมาตั้งแต่ บังยี เจอฟีฟ่าส่งแขกละ

452 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

>>451 โยงแบบนั้นเลยมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว มันมีหลายกิจการนะ สิ่งพิมพ์ก็แย่ในภาพรวมด้วยแหละ ไม่งั้นคงไม่ลดค่าใช้จ่ายถึงขั้นหาเรื่องดราม่ากับคนแปลหรอก อันนี้คนแปลคุยกันเองในห้องนักแปล

453 Nameless Fanboi Posted ID:NxgpySM7y

>>452 กุมองบังเอิญแย่ลงเร็วเกินไปไง เมื่อต้นปีมันพึ่งเปิดเพจ ckid express ใน facebook ไม่ถึงปีเลย ckid ปิดตัว กุมองว่าเพราะมันดันมาเสียเงินก้อนใหญ่ในช่วงประจวบเหมาะกับสื่อสิ่งพิมพ์กำลังแย่พอดีมากกว่าว่ะ

454 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

>>453 ซีคิดexนี่ทำมาแล้วเกือบ2ปีนะ

455 Nameless Fanboi Posted ID:NxgpySM7y

>>454 กุหมายถึง เพจ facebook พึ่งเปิดไม่ถึงปีเลยมั้งมันไม่ได้เปิดเพจตอนทำ express ทันทีว่ะ

456 Nameless Fanboi Posted ID:z+BpPcu5W

ถ้าไม่โลกสวยมากก็น่าจะรู้นะว่ามันมีงบพิเศษถึงทำการ์ตูนได้มากกว่าเจ้าอื่นๆมาตลอด ทั้งที่แม่งก็บอกขาดทุนๆแต่ดันเอาเงินมาถลุงได้

พอไอ้งบพิเศษนั่นหายไปอาการมันเลยออกทันที

457 Nameless Fanboi Posted ID:tR.FTYTEk

สยามยังมีแบล็กดี
ดูคำนำของนิยายจีนก็รู้ว่าใครแนะนำ
แต่จะโอเวอร์ออกแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพื่อนโม่งก็รู้ๆว่ายอดขายในส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ตกกว่าปีที่แล้วเกือบ 40%
และออกจะแปลกที่สแกนเถื่อนนี่จ้องค่ายนี้เป็นอันดับแรกๆ อย่างนิยายจีนนี่โดนทุกปก

458 Nameless Fanboi Posted ID:iPXdBKjdb

พวกมึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอมรินทร์xคาโดคาว่ามันมากอบกู้วงการเอง

459 Nameless Fanboi Posted ID:gpjSWXn+m

>>458 กี่ปีม้วนเสื่อกลับบ้านดีล่ะ กูให้เทสต์ตลาด2ปีเต็มที่อ่ะ ถ้ามันอยู่ได้เกินนั้น(นับตั้งแต่ออกหนังสือเล่มแรก) หลังจากนั้นกูจะมาก้มหัวขอขมาในบอร์ดโม่งละกัน หึๆๆๆๆๆ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.