สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>803 เทียนกวาน Part.153
.
.
.
.
.
พวกเนตรสวรรค์ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ถึงอย่างนั้นด้วยความไม่ไว้วางใจ พวกเขาจึงแอบตามซึ่งเซี่ยเหลียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงเดินมาถึงอารามในเขตสลัมซึ่งคนจรจัดจำนวนมากกำลังนอนอยู่ เขาตัดสินใจปลุกทุกคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้คนจรจัดที่ถูกขัดเวลานอนหัวเสียโวยวายด่า ทว่ากลับมีชายคนหนึ่งบอกให้ทุกคนฟังที่เซี่ยเหลียนพูดก่อน เซี่ยเหลียนเลยได้โอกาสอธิบายสถานการณ์ให้ทุกคนฟังและขอความร่วมมือมาช่วยปกป้องเมืองหลวง ตอนแรกทุกคนต่างปฏิเสธบอกว่าไม่ใช่ธุระ ขณะที่เซี่ยเหลียนถอดใจกำลังจะเดินจากไป ชายขาเป๋ แขนหัก ร่างกายมอมแมมคนหนึ่งกลับเดินออกมาบอกว่าตนยินดีให้ความช่วยเหลือ พอได้ยินพวกคนจรจัดเรียกอีกฝ่ายว่าเฟิง (ลม) เซี่ยเหลียนก็นึกออกว่าที่แท้คนตรงหน้าก็คือซือชิงเสวียนนี่เอง
เมื่อคนจรจัดรู้ว่าซือชิงเสวียนกับเซี่ยเหลียนเป็นเพื่อนกันก็มีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น ทั้งยังให้ความร่วมมือมาร่วมปฏิบัติการด้วย โดยมีข้อแม้ว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเซี่ยเหลียนจะต้องเลี้ยงซุบน่องไก่ให้กับทุกคน ยิ่งซือชิงเสวียนเชียร์ก็ยิ่งมีคนยอมให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าเฮ่อเสวียนได้ทำอะไรกับชะตาของอีกฝ่ายหรือเปล่า ชายหนุ่มบอกว่าไม่ พอถามถึงแขนขาที่พิการ เขาก็ยืนยันว่าธาราทมิฬล่มเรือไม่ได้ทำร้าย เป็นเขาเองที่โชคร้าย พอเซี่ยเหลียนจี้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น ในที่สุดซือชิงเสวียนจึงยอมเล่าว่าหลังจากที่เขาสูญเสียพี่ชายก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว เฮ่อเสวียนพูดอะไรก็ไม่ได้เข้าหัว รู้เพียงว่าอีกฝ่ายพาเขามาทิ้งไว้ที่เมืองหลวง โชคดีที่เมื่อก่อนเขามาเที่ยวกินดื่มที่นี่บ่อยจึงคุ้ยเคยที่ทาง หพอตั้งสติได้ก็ตัดสินใจกลบชื่อและตัวตนของตนไว้เบื้องหลัง เขาไม่เคยได้พบกับเฮ่อเสวียนอีก แล้วย้ำว่าไม่ต้องให้สวรรค์ไปยุ่งอะไรกับอีกฝ่าย
พวกคนจรจัดยิ่งไปเกณฑ์คนมาเพิ่ม ขณะที่ซือชิงเสวียนหันไปพูดคุยกับคนเหล่านั้น แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปมาก แต่เมื่อเซี่ยเหลียนเห็นว่าชายหนุ่มยังคงร่าเริง มีมนุษย์สัมพันธ์เข้ากับคนง่ายเช่นเดิม เขาก็รู้สึกเบาใจ ทุกคนเดินไปหาถนนกว้างใจกลางเมืองหลวงเพื่อยืนจับมือสร้างเขตอาคม เซี่ยเหลียนอธิบายว่าอาคมนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามา แต่ใช้ล่อให้พวกมันเข้ามาอยู่ในเขตอาคมให้พวกเขาไล่จัดการทีละตัว หากพลาดพวกมันก็จะเข้าสิงคนและทำให้เกิดโรคหน้าคน พอเห็นเช่นนั้นพวกเนตรสวรรค์ก็เข้ามาขัด บอกทุกคนว่าพวกเซี่ยเหลียนเชื่อใจไม่ได้ อย่าเห็นแก่ของกินนิดเดียวแล้วเอาชีวิตไปทิ้ง ฮวาเฉิงเลยบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อของกิน แต่ทำเพื่อช่วยโลก พอเนตรสวรรค์บอกว่าคนเหล่านี้จะช่วยโลกได้อย่างไร ก็ยิ่งจุดไฟฮึกเหิมให้เหล่าคนจรจัดต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ด้อยค่าและมีความสามารถมากพอ
ในที่สุดกลุ่มวิญญาณร้ายก็ฝ่าเกราะคุ้มกันของเมืองหลวงเข้ามาได้ พอสัมผัสถึงลมหายใจคนเป็น พวกวิญญาณก็เข้ามาในเขตอาคมจนค่อยๆ ถูกเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงจัดการ เห็นวิญญาณร้ายจะเข้าทำร้ายคนที่จิตใจอ่อนแอเกือบสำเร็จ ในที่สุดพวกเนตรสวรรค์ก็ทนไม่ไหวเข้ามาร่วมจับมือในเขตอาคมแม้ปากจะด่าพวกเซี่ยเหลียนไปด้วยก็ตาม เขตอาคมจึงใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นมาก เห็นคนยิ่งมากขึ้นทุกคนก็ยิ่งฮึกเฮิมกล้าหาญ แต่พอขานจำนวนที่ยังเหลือในอาคม เซี่ยเหลียนกลับพบว่ามีคนเกินมา 1 คน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ต้องการอะไร แต่การที่อยู่ในเขตอาคมนี้ได้จะต้องไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน
พวกเซี่ยเหลียนลองต้อนวิญญาณไปใกล้คนมากขึ้น บุคคลปริศนาที่เข้ามาร่วมวงจะต้องไม่หวาดกลัววิญญาณและย่อมไม่ใช่คนธรรมดาจนวิญญาณทำอะไรไม่ได้ ในที่สุดพวกเซี่ยเหลียนก็เจอบุคคลหนึ่งที่วิญญาณไม่กล้าเข้าไปใกล้ เขารีบไปดึงอีกฝ่ายออกมาจากวงอาคม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เซี่ยเหลียนก็ต้องแข็งค้างด้วยความตกใจเพราะชายคนนี้คือราชครูเหม่ยเนียนชิง
.
.
.
.
.