สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>64 เทียนกวาน Part.118
.
.
.
.
.
เผยหมิงเชือดไก่ด้วยมือเปล่า ส่วนเซี่ยเหลียนถอนขน พอถามหามีดสะอาดมาหั่นไก่ พวกเขาก็มองไปที่ไหของหรงกวง หรงกวงจึงโวยวายทันที เห็นหรงกวงด่าแม่ทัพเผย เซี่ยเหลียนก็แสดงความเข้าอกเข้าใจ บอกว่าเขาเองก็มีลูกพี่ลูกน้องที่ชอบด่าอย่างนั้น ทำให้ค่ามิตรภาพของทั้งสอง +++ จนเริ่มถามคำถามส่วนตัวขึ้นได้ เผยหมิงถามว่าทำไมหลังได้ขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 เซี่ยเหลียนถึงไม่ขอให้จวินอู๋เอาคำสาปพันธนาการทั้ง 2 วงออกให้ หลังจากมองปั้นเยวี่ยเติมงูหางแมงป่องลงให้หม้อ เซี่ยเหลียนก็ถามแม่ทัพเผยบ้างว่าทำไมถึงไม่ตีบวกอาวุธใหม่หลังได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งสองต่างไม่อยากตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่ก็เข้าใจความอึดอัดใจของแต่ละคน แล้วตอนนั้นเองฮวาเฉิงก็ตื่นขึ้นพร้อมร่างกายที่โตขึ้นเป็นเด็กอายุราว 14-15 ปี
อ๋องผีบอกต้องรีบหนีไปที่อื่นเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังมาจากทิศตะวันออก เมื่อตัดสินใจจะไปทางตะวันตก เผยซู่ที่เพิ่งกลับมาจากทางนั้นก็บอกว่ามีผีจำนวนมากกำลังวิ่งมา แต่ฮวาเฉิงยืนยันให้ไปทางนั้นดีกว่า พวกเขาเจอกับกลุ่มผีที่เหมือนกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากอะไรบางอย่าง ไม่นานนักก็พบกับศพเกลื่อนกลาด พอเจอผีที่รอดชีวิตหลบซ่อนอยู่ ก็จับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น มันเล่าว่าข้างหน้ามีชายเสื้อสีดำที่ฆ่าพวกผีไปแล้วกว่าพันตนอยู่ พอเผยหมิงเสนอให้เปลี่ยนไปทางตะวันออกแทน ผีตนนั้นก็ร้องว่าทางนั้นมีชายชุดขาวที่ฆ่าพวกผีไปมากกว่า 2000 ตน พวกเซี่ยเหลียนเลยไปทางตะวันตกต่อ
ทั้ง 5 เดินทางทั้งคืน พอพบหมู่บ้านร้างก็ตัดสินใจพัก ปั้นเยวี่ยถือหม้ออาหารที่ทำก่อนหน้ามาให้เซี่ยเหลียนกับเผยซู่ แต่พอเปิดฝาออกมาทุกคนก็ติดสตั้น ขณะที่เซี่ยเหลียนเอ่ยชมราชครูสาว เผยหมิงก็สะพรึงบอกว่านี่มันเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ ส่วนฮวาเฉิงบอกว่าในเมื่อเซี่ยเหลียนเป็นคนทำหลักเขาก็จะกิน เห็นอ๋องผีกินอย่างไม่สะทกสะท้าน เผยหมิงเลยบอกให้เผยซู่กิน เผยน้อยจึงต้องรับหม้อมาจากปั้นเยวี่ย เซี่ยเหลียนพยายามไม่สนใจทั้ง 3 แล้วสอบถามเรื่องเมืองแห่งนี้กับฮวาเฉิง อ๋องผีเล่าว่าเมื่อนานมาแล้วเขาตงลู่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณ 7 อาณาจักร และที่ๆ พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็คืออาณาจักรอู๋หย่งที่อยู่ใกล้ใจกลางเขาที่สุด และในตอนนั้นเองแม่ทัพเผยก็ร้องโวยวายขึ้นมา
เผยหมิง : เผยน้อย ทำอะไรของเจ้าน่ะ ลูกผู้ชายไม่คุกเข่าง่ายๆ นะ ลุกขึ้นเร็ว ฝ่าบาท ฝ่าบาท ท่านมียาแก้พิษหรืออะไรบางไหม ท่านจะปล่อยเขาไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ แล้วเจ้าน่ะ เจ้าเอาอะไรให้เขากินหะ งูนี่มันอะไรกัน ทำไมมันยังขยับได้ทั้งๆ ที่ต้มตั้งนานแล้วล่ะ มันกลายเป็นผีงั้นเหรอ
ปั้นเยวี่ยเอ่ยขอโทษไม่หยุด ขณะที่เซี่ยเหลียนไม่สนใจเสียงของตัวละครประกอบฉากแล้วถามเรื่องอาณาจักรอู๋หย่งต่อ ฮวาเฉิงบอกว่าอาณาจักรนี้น่าจะมีอายุมากกว่า 2000 ปี และด้วยความที่เขาตงลู่ไม่ได้เปิดบ่อยๆ บ้านเรือนจึงยังดูดี แล้วเผยหมิงก็มาร่วมวงสนทนาถามว่าฮวาเฉิงไปได้ข้อมูลของอาณาจักรนี้มาจากไหน เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่ออู๋หย่งมาก่อน อ๋องผีบอกว่าตนรวบรวมข้อมูลได้เอง การที่ข้อมูลจะออกไปสู่โลกภายนอกได้จะต้องผ่านผีที่รอดจากเขา ซึ่งก็มีเพียงเจวี๋ยเช่นเขาที่เข้าข่าย และในเมื่อเขาไม่พูดก็ย่อมไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แต่แล้วเซี่ยเหลียนกลับนึกออกว่าตนเคยได้ยินชื่ออาณาจักรอู๋หย่งมาก่อน ราชครูเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งซึ่งมีองค์ชายรัชทายาทผู้เฉลียวฉลาดและมากด้วยความสามารถ เขารักประชาชนและประชาชนก็รักเขา แม้ว่าเขาจะตายไปนานแล้วผู้คนจึงไม่เคยลืมเลือนอีกฝ่าย ราชครูบอกว่าอยากให้เซี่ยเหลียนเป็นเช่นองค์ชายรัชทายาทคนนั้น แต่เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาอยากเป็นเทพ จึงไม่อยากเป็นเหมือนคนๆ นั้น หากคนๆ นั้นมีฝีมือจริงทำไมถึงไม่ได้เป็นเทพ หากผู้คนไม่ลืมเลือนองค์ชายรัชทายาทจริง ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้ คำตอบนั้นทำให้ราชครูมีสีหน้าหมองลง และคืนนั้นเซี่ยเหลียนก็ถูกอีกฝ่ายสั่งให้คัดพระธรรม 100 จบ พอเผยหมิงถามถึงราชครู เซี่ยเหลียนก็บอกว่าหลังเซียนเล่อล่มสลายเขาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของอีกฝ่ายอีกเลย
ตอนนั้นเองจู่ๆ เผยซู่ก็เข้ามาหาทั้ง 3 แม้ฤทธิ์ของพิษ (?) จะส่งผลให้เขาพูดตะกุกตะกักไม่เป็นประโยค แต่เขาก็ชี้ให้เห็นถึงรอยกีบเท้าวัวซึ่งเป็นสัตว์เทพของเทพแห่งฝน
.
.
.
.
.