สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>342 เทียนกวาน Part.147
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนล้มลง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้พร้อมกับหัวเราะ เขาลุกขึ้นกรีดร้องเอาหัวโขกกำแพง พึมพำเรียกเฟิงซิ่น แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว ผ่านไปพักใหญ่เขาก็นำร่างของพ่อแม่ลงมา แล้วจึงเริ่มเดินไปทั่วบ้านอย่างทำอะไรไม่ถูก พอเห็นอาหารที่แม่ทำทิ้งไว้เมื่อวานก็เข้าไปตักมากินจนหมด หลังจากอ้วกเสร็จ เขาก็หยิบผ้าขาวผืนนั้นขึ้นไปผูกที่ขื่อแขวนคอตัวเองหมายฆ่าตัวตาย แต่เพราะคำสาปพันธนาการ ทำให้ถึงจะผ่านไปเท่าไร แม้เขาจะหายใจไม่ออก คอจะหัก เซี่ยเหลียนก็ไม่ตาย ในที่สุดปมผ้าก็หลุดจนเขาตกลงมา ผ้าขาวเริ่มขยับได้เองราวกับงู เพราะมันตามติดเซี่ยเหลียนซึมซับความรู้สึกด้านลบมากมายจากเขา ทั้งยังถูกใช้แขวนคอคน 2 คน มันเลยเกิดจิตมารขึ้นมา แต่เซี่ยเหลียนก็ไม่สนใจ เขาร้องตะโกนขอร้องให้ใครสักคนมาฆ่าตนให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้
ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงผู้คนโห่ร้อง พอออกไปดูเลยรู้ว่าผู้คนกำลังเฉลิมฉลองการก่อตั้งสร้างเมืองหลวงใหม่ของอาณาจักรหย่งอัน เขายกมือปิดหน้า หัวเราะพร้อมกับร้องไห้ บอกว่าจะไม่มีวันยอมให้หย่งอันสุขสงบ เขาจะฆ่าทุกคน เขาจะสาปทุกคนด้วยคำสาปโรคหน้าคน จู่ๆ บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏหน้ากากครึ่งแย้มยิ้มครึ่งร่ำไห้ ชุดนักพรตกลายเป็นชุดไว้ทุกข์ เขามุ่งหน้ากลับซากเมืองหลวงเก่าของเซียนเล่อ เรียกวิญญาณถามว่าโกรธไหมที่ผู้คนที่เคยปกป้องด้วยชีวิตกลับไปเป็นประชากรของหย่งอัน ลืมเลือนผู้ที่เสียสละ ส่งเสียงร้องยินดีให้คนที่พรากชีวิตของพวกตน ทั้งวิญญาณทหารและผู้ป่วยโรคหน้าคนต่างตอบรับและติดตามเซี่ยเหลียน เสียงร้องโหยหวนของพวกมันทำให้นักพรตที่อยู่ใกล้ๆ หวาดกลัว คำว่า “หายนะชุดขาว” ปรากฏขึ้นมาในหัวทันที
ตอนนั้นเองก็มีเสียงเรียกฝ่าบาทดังขึ้น เมื่อเซี่ยเหลียนหันไปก็เห็นชายชุดดำ สวมหน้ากากผีฉีกยิ้มเป็นรูปจันทร์เสี้ยวตนหนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งให้ตนเอง แม้เซี่ยเหลียนจะบอกว่าตนไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท แต่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่าตนจำเซี่ยเหลียนได้ เซี่ยเหลียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ถูกเรียกในฐานะนั้น เขาส่งผ้าขาวออกไปโจมตีแต่อีกฝ่ายกลับจับมันไว้ได้ เห็นผีร้ายตรงหน้ามีความสามารถ เซี่ยเหลียนเลยถามชื่อ เมื่อชายคนนั้นบอกว่าตนไม่มีชื่อ เซี่ยเหลียนเลยเรียกอีกฝ่ายว่าอู๋หมิง (นิรนาม) พอรู้ว่าอู๋หมิงเป็นวิญญาณทหารเซียนเล่อเลยเรียกให้อีกฝ่ายตามตนมา แม้ไม่ทราบความรู้สึกจริงๆ เพราะหน้ากากฉีกยิ้มปกปิดไว้ อู๋หมิงก็เอาหน้าผากแนบหลังมือที่เซี่ยเหลียนยื่นให้ เอ่ยคำสาบานว่าจะติดตามเซี่ยเหลียนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เซี่ยเหลียนดึงมือกลับ กล่าวว่าอีกฝ่ายตายแล้ว ราวกำลังบอกว่าคำสาบานนั้นเชื่อไม่ได้
เซี่ยเหลียนกับอู๋หมิงเดินทางไปยังราชวังของหย่งอัน เมื่อสัมผัสได้ถึงคาถาป้องกัน อู๋หมิงก็เข้าไปทำลายโดยไม่รอให้เซี่ยเหลียนออกคำสั่ง และด้วยจำนวนยันต์คาถามากมายก็ทำให้เซี่ยเหลียนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่อยู่ข้างเหมือนกำลังกลัวว่าจะมีสิ่งชั่วร้ายเข้าไปทำร้าย พอถึงห้องโถงหลัก เซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ทว่าหลังเตะประตูเปิดด้านในกลับมีเพียงหลางอิงคนเดียว ดูเหมือนหลางอิงจะเข้าใจว่าเซี่ยเหลียนคือไป๋อู๋เซียง เขากล่าวว่าตนตามหาอีกฝ่ายมาตลอด แต่พอได้ยินเสียงเขาก็จำได้ว่าคนตรงหน้าคือเซี่ยเหลียน อีกทั้งพอได้ยินเสียงของวิญญาณร้ายมากมายที่เซี่ยเหลียนนำมาก็ไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด จากนั้นเซี่ยเหลียนก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปจิกหัวของหลางอิงกดลงบนพื้น แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นมาอีก
ตอนที่หลางอิงเอ่ยปลอบไม่ให้อะไรสักอย่างกลัว เซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นใบหน้าเล็กๆ หนึ่งเด็ก หนึ่งสตรีบนหน้าอกของหลางอิงซึ่งเสื้อแหวกออกพอดี หลางอิงกล่าวว่านี่คือภรรยาและลูกชายของเขา ก่อนถามถึงเศวตไร้หน้า เพราะอีกฝ่ายสัญญาว่าภรรยาและลูกชายของเขาจะกลับมาจึงได้ทำเช่นนี้ ทว่าถึงตอนนี้ทั้งสองกลับไม่อาจพูดกับเขา ได้เพียงส่งเสียงร้องเท่านั้น เขาจึงอยากพบไป๋อู๋เซียงโดยเร็ว ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็เข้าใจแล้วว่ายันต์พวกนั้นไม่ได้มีไว้เพียงป้องกันสิ่งที่อยู่ภายนอกไม่ให้เข้ามา แต่มีไว้เพื่อกันไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในราชวังออกไปได้ต่างหาก
ด้วยความที่วิญญาณจะกัดกินร่างกายของผู้ที่มันสิง อวัยวะภายในของหลางอิงจึงแทบกลวงเปล่าและตอนนี้เขาก็ใกล้ตายเต็มที ตอนนั้นเองมุกปะการังสีแดงก็กลิ้งออกมาจากตัวของหลางอิง ก่อนที่เขาจะจับมือของเซี่ยเหลียนไว้ราวกับทำความเคารพ กล่าวว่าเขาอยากขอบคุณเซี่ยเหลียนมาตลอดที่มอบมุกให้ หากแต่คงดีกว่านี้ถ้าเซี่ยเหลียนมอบมันให้เขาเร็วกว่านี้ สิ้นเสียงหลางอิงก็ล้มลงตาเบิกกว้างกับพื้น ก่อนที่อู๋หมิงจะเอ่ยขึ้นมาว่าอีกฝ่ายตายแล้ว
.
.
.
.
.