สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>310 เทียนกวาน Part.145
คำเตือน เนื้อหาในตอนนี้แม้จะเป็นแค่สปอยไม่ลงรายละเอียดมาก แต่มีความ Gore สูง
.
.
.
.
.
เสียงโหยหวนของผู้ป่วยโรคหน้าคนทำให้คนในอารามหวาดวิตก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสียสละฝ่าวงล้อมให้คนอื่นหนีออกไป เซี่ยเหลียนพยายามปลอบให้ทุกคนใจเย็น ทว่าเศวตไร้หน้ากลับพูดว่ามีวิธีรักษาโรคหน้าคนให้ลองถามเซี่ยเหลียนดู ชาวบ้านจึงเร่งเร้าขอคำตอบ ทว่าไม่ว่าจะถูกต่อว่าอย่างไรเซี่ยเหลียนก็ไม่ยอมบอก ไป๋อู๋เซียงจึงเอ่ยว่ารู้ไหมว่าทำไมในเมืองหลวงทหารถึงไม่ติดโรคนี้ เป็นเพราะคนกลุ่มนั้นกระทำในสิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านทั่วไปไม่ทำนั่นก็คือฆ่า นั่นแหละคือวิธีรักษาโรคร้าย
เซี่ยเหลียนไม่อาจปฏิเสธได้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง ส่วนพวกชาวบ้านเมื่อได้ยินก็รู้สึกสับสน พอมีคนหนึ่งถามขึ้นมาว่าแล้วจะต้องฆ่าใครทุกคนก็ยิ่งแตกตื่น บางคนเริ่มร้องไห้จนทะเลาะกัน ตอนนั้นเองจู่ๆ ไป๋อู๋เซียงก็จับหน้าเซี่ยเหลียนไว้ บอกพวกชาวบ้านว่านึกไม่ออกหรือว่าควรฆ่าใคร รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเซี่ยเหลียนคือใคร อีกฝ่านคือเทพและเทพย่อมเป็นอมตะ ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอากระบี่กระซวกท้องเซี่ยเหลียนโชว์ ก่อนโยนกระบี่เล่มนั้นไปกลางวงชาวบ้าน หันมาถามเซี่ยเหลียนว่าอีกฝ่ายเคยพูดไว้ไม่ใช่หรือว่าอยากช่วยเหลือไพร่ฟ้าชาวประชา
พอเห็นว่าเซี่ยเหลียนแม้เสียเลือดมากก็ยังไม่ตาย พวกชาวบ้านก็ดีใจว่าพวกตนมีทางรอด แต่ก็มีบางคนไม่ค่อยเห็นด้วย ไป๋อู๋เซียงเลยยิ่งปั่นประสาทเซี่ยเหลียนว่าให้รีบไปช่วยผู้คน ก่อนหน้านี้เพิ่งพูดเองว่าไม่มีวันตายไม่ใช่หรือ อย่ากลัวสิ จงเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นซะ แต่พอเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาหยิบกระบี่ เซี่ยเหลียนก็มีความมั่นใจในความดีของคนขึ้นมาทว่าเศวตไร้หน้ากลับบอกว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยาก เพียงแต่ไม่มีใครกล้ากระเดิมคนแรกต่างหาก ตอนนั้นเองผู้หญิงก็หนึ่งก็ร้องโวยวายขึ้นมาเพราะลูกของเธอติดโรคหน้าคนเสียแล้ว พ่อแม่ของเด็กจึงคว้ากระบี่เล่มนั้นใส่มือบุตรเดินเข้าไปแทงท้องของเซี่ยเหลียนพร้อมร้องขอโทษไปด้วย เซี่ยเหลียนยังคงพยายามโทษว่าเป็นเพราะไป๋อู๋เซียงทำให้ทุกคนไม่มีทางเลือก แต่อีกฝ่ายก็กล่าวว่าเป็นเพราะต้องมีแรงกระตุ้น มนุษย์ถึงเผยสันดานที่แท้จริงออกมา
เมื่อผู้คนเห็นใบหน้าเล็กๆ หายไปจากร่างกายของเด็ก ก็มีคนหนุ่มอีกคนมาหยิบกระบี่ฟันเซี่ยเหลียน อ้างว่าเพราะเขายังมีครอบครัวรอการกลับไป ถึงไม่ตาย แต่เซี่ยเหลียนก็ยังรู้สึกเจ็บไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา พอชายคนนั้นกลับไปในกลุ่มคนก็มีคนคนหนึ่งก้าวออกมา เป็นชายนักแสดงข้างถนนที่เซี่ยเหลียนเคยแข่งด้วยนั่นเอง ชายคนนั้นบอกว่าทำไมทุกคนถึงทำสิ่งที่ปีศาจบอก ถึงแม้เซี่ยเหลียนจะไม่ตาย แต่สิ่งที่ทำลงไปก็ไม่ต่างจากการฆ่าคน ชายคนนั้นเลยถูกคนอื่นต่อว่าว่าอีกฝ่ายคงไม่มีคนให้นึกถึงเลยไม่คำนึงถึงชีวิตตน ชายคนนั้นจึงบอกว่าถึงตนมีลูกเมียก็ไม่มีวันใช้วิธีนี้ ถ้ารักลูก ทำไมถึงไม่ให้ลูกฆ่าตัวเองแทนที่จะไปฆ่าคนอื่น แต่เขาก็ถูกพ่อแม่คู่นั้นด่าว่าจะให้ลูกทรพีฆ่าพ่อแม่ตัวเองอย่างนั้นหรือ พวกเขาโต้เถียงกัน แต่แล้วร่างของชายนักแสดงก็เริ่มมีใบหน้าผุดขึ้นมา ถึงอย่างไรเขาก็ยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองจึงไม่ทำร้ายเซี่ยเหลียนแล้ววิ่งออกไปจากอารามร้างแทน
พอตัวปัญหาจากไปแล้ว ชาวบ้านก็ต่างก่นด่าชายคนนั้น จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาบอกว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเหลียนเคยพยายามปล้นตนแต่ตนหนีรอดมาได้ ไม่นานนักจู่ๆ โรคหน้าคนก็กระจายระบาดผู้คนในอารามอย่างรวดเร็ว ทุกคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ก่อนเริ่มเห็นดีเห็นงามกับการฆ่าเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายเป็นเจ้าชาย เป็นเทพ แต่กลับขโมยของของผู้คน ทั้งๆ ที่พวกตนกราบไหว้ แต่กลับนำโรคร้ายมาให้ เซี่ยเหลียนจำเป็นต้องไถ่โทษ ผู้คนเริ่มกรูกันเข้าหาเซี่ยเหลียนที่บังเกิดความกลัวขึ้นมา ยังไม่ทันที่เขาจะร้องว่าช่วยด้วยก็มีคนปาดคอเขาแล้ว ทุกคนต่างรีบพากันเข้ามาแทงเซี่ยเหลียน ร้องให้คนก่อนหน้าเหลือจุดที่ทำให้ถึงตายของอีกฝ่ายไว้ให้พวกตนด้วย
กระบี่นับไม่ถ้วนฟันร่างของเซี่ยเหลียน เลือดไหลออกมาจนเจิ่งนอง แม้เขาจะน้ำตาไหล ในใจกรีดร้องว่าเจ็บ และขอความช่วยเหลือเท่าไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ตาย อยากจะร้องก็ทำไม่ได้ อยากจะดิ้นด้วยความเจ็บ ร่างกาบที่แหลกเหลวก็ทำไมได้ ลูกไฟที่อยู่ในมือของไป๋อู๋เซียงเปล่งแสงดื้นราวใจกำลังแหลกสลาย ตอนที่เซี่ยเหลียนไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว มันก็สว่างวาบกลายเป็นไฟแผดเผาผู้คนและทุกอย่างในอารามจนหมด แล้วเงาร่างของคนๆ หนึ่งก็ปรากฏแทนที่ดวงไฟลูกนั้น นั่งคุกเข่าด้วยความเจ็บปวดอยู่หน้าแท่นบูชาที่ร่างแหละจนสิ้นสภาพความเป็นมนุษย์ของเซี่ยเหลียนอยู่ ขณะที่ผีร้ายตนใหม่ถือกำเนิด ไป๋อู๋เซียงก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ
.
.
.
.
.