สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>307 เทียนกวาน Part.144
.
.
.
.
.
หลังจากเฟิงซิ่นกลับจากทำงาน เซี่ยเหลียนก็เรียกอีกฝ่ายมาคุย ซึ่งเฟิงซิ่นเองก็บอกว่ามีเรื่องอยากคุยเหมือนกัน เซี่ยเหลียนเป็นคนเริ่มก่อนว่าไป๋อู๋เซียงกลับมาแล้ว เฟิงซิ่นเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นตนจะไม่ไปไหนเพื่อระวังความปลอดภัยให้ราชากับราชินี ถึงจะไม่อยาก แต่ช่วงนี้ก็เอาเสบียงที่มู่ฉิงเอามาให้มาใช้ก่อนได้ พอเซี่ยเหลียนถามว่าแล้วเฟิงซิ่นอยากคุยอะไรกับเขา อีกฝ่ายก็มีท่าทีลำบากใจแต่สุดท้ายก็ถามว่าเซี่ยเหลียนพอมีเงินให้ยืมไหม แม้เซี่ยเหลียนไม่มีให้แต่ก็พยายามถามว่าอีกฝ่ายมีปัญหาอะไรถึงต้องใช้เงิน ทว่าเฟิงซิ่นกลับบอกปัดว่าไม่ต้องใส่ใจ
หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนก็เห็นเศวตไร้หน้าอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่เขากรีดร้องแล้วทุกคนรีบมาดู ที่ตรงนั้นก็จะไม่มีใครอยู่ ผ่านไปหลายวันเซี่ยเหลียนก็ยิ่งประสาทเสีย คืนนี้หนึ่งเขาตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นพ่อแม่กับเฟิงซิ่นแอบปรึกษากัน ดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วง คิดว่าเพราะช่วงนี้เจอเรื่องกระทบจิตใจมากมาย เซี่ยเหลียนเลยเห็นภาพหลอน เซี่ยเหลียนรีบออกไปโวยวายว่าตนไม่ได้เป็นบ้า จากนั้นก็วิ่งออกจากบ้าน เมื่ออยู่กลางป่าก็ตะโกนเรียกท้าทายให้ไป๋อู๋เซียงปรากฏกาย เขาเด็ดกิ่งไม้มาถือต่างอาวุธ เดินเข้าไปในกลุ่มหมอกหนา ระหว่างทางก็เจอกลุ่มไฟวิญญาณกั้นเป็นกำแพง ต่างร้องเตือนไม่ให้เขาเดินไปต่อ มีเพียงลูกไฟซึ่งสว่างที่สุดซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา เมื่อเซี่ยเหลียนเดินแหวกพวกมัน ดวงไฟก็พยายามมาดักหน้ากั้นทางอีก เซี่ยเหลียนเลยด่าไปด้วยความโมโหและเศร้าใจในสภาพตัวเองที่แม้แต่ผีเล็กๆ ก็ไม่เชื่อฟัง พวกลูกไฟจึงไม่ลอยตามมาอีก
เซี่ยเหลียนเดินไปเจออารามขององค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อที่ผุพัง รูปปั้นของเขาไม่อยู่แล้ว ป้ายคำขวัญก็ถูกผู้คนฟันด้วยความโกรธแค้น เขาตัดสินใจนั่งรอไป๋อู๋เซียงแต่กลับเจอกลุ่มคนวิ่งเข้ามา ต่างบอกว่าพวกตนหลงทาง เซี่ยเหลียนเอาผ้าปิดบังใบหน้าตัวเอง คิดได้ว่าเศวตไร้หน้าน่าจะใช้คาถาทำให้ทุกคนมาหลงมายังที่แห่งนี้ ผ่านไป 4 ชม. ทั้งอารามก็เต็มไปด้วยผู้คน แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาชนต้นไม้หน้าอารามจนสลบไป เมื่อเซี่ยเหลียนอาสาเข้าไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายซึ่งฟื้นขึ้นมาพอดีเป็นโรคหน้าคน โชคดีที่เซี่ยเหลียนคว้าชายคนนั้นแล้วโยนลอยออกไปไกลก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งใส่คนอื่น ทว่าไม่ทันทำอะไรก็มีผู้ป่วยโรคหน้าคนวิ่งมาที่อารามอีก 10 กว่าคน เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปจัดการจนหมด ตอนนั้นเองเขาก็เห็นไป๋อู๋เซียงยืนอยู่ไม่ไกล เลยรีบวิ่งตามโดยมีลูกไฟวิญญาณลอยตามมาส่องแสงนำทางให้
พอสังเกตว่าเศวตไร้หน้าเหมือนต้องการล่อตนออกไป เมื่อเซี่ยเหลียนเลยหยุดวิ่ง อีกฝ่ายก็หยุดการเคลื่อนไหว ไป๋อู๋เซียงยืนยันว่าต้องการให้เซี่ยเหลียนมาอยู่กับตน เซี่ยเหลียนเลยหยิบกิ่งไม้ชี้ไปที่อีกฝ่ายโดยมีไฟวิญญาณลูกหนึ่งมาโอเวอร์โซลเพิ่มพลังให้ เศวตไร้หน้ากล่าวเสริมว่าเขาต้องการให้เซี่ยเหลียนมาเป็นลูกศิษย์ บทเรียนแรกที่เขาจะสอนให้ก็คือเมื่อต้องการเผชิญกับหลายอย่างบนโลกใบนี้ เซี่ยเหลียนก็เป็นแค่คนที่ไร้ซึ่งพลัง ส่วนบทเรียนที่สองก็คือมนุษย์ธรรมดาไม่มีค่าพอให้เซี่ยเหลียนต้องปกป้อง
เซี่ยเหลียนโจมตีใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง แต่ไป๋อู๋เซียงก็รับการโจมตีได้อย่างชิลๆ บอกว่าหากเซี่ยเหลียนไม่มาอยู่กับตนก็จะไม่มีวันเอาชนะตนได้ แต่เซี่ยเหลียนก็ตอกว่าอีกฝ่ายไม่มีวันฆ่าเขาได้ และในเมื่อเขาไม่มีวันตาย สักวันก็ต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นเขาก็ไม่มั่นใจว่าออฟชันเสริมที่จวินอู๋ใส่ในคำสาปพันธนาการทำให้เขาไม่ตายจะเป็นจริงทุกรณีหรือเปล่า ไป๋อู๋เซียงบอกว่าเขาไม่มีความคิดจะฆ่าเซี่ยเหลียน แต่ระวังจะเสียใจกับเรื่องนี้ในภายหลัง ก่อนจะสับคอเซี่ยเหลียนสลบไป
เมื่อเซี่ยเหลียนฟื้นขึ้นมาก็เห็นไฟวิญญาณดวงหนึ่งลอยอยู่ข้างหน้า แต่พอพยายามขยับก็พบว่าตัวเองถูกมัดไว้โดยผ้าที่เขามักใช้ปกปิดใบหน้า เขาอยู่บนแท่นบูชาในอารามโดยมีผู้คนจำนวนมากจับจ้อง ดูเหมือนทุกคนจะจำได้แล้วว่าเขาคือเจ้าชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อ แต่ก็ไม่ได้มีความเกลียดหรือโกรธแค้นอยู่ในสายตาพวกนั้นเหมือนที่เซี่ยเหลียนกลัว ตอนนั้นเองเสียงโหยหวนของผู้ป่วยโรคหน้าคนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและกำลังล้อมอารามก็ดังขึ้นจนทุกคนหวาดกลัว ทั้งยังเกรงว่าหากอยู่ใกล้ในระยะนี้พวกตนจะติดโรคไปด้วย พอเซี่ยเหลียนตะโกนเรียกหาเศวตไร้หน้า ก็มีมือเย็นๆ ลูบหัวของเขา อีกฝ่ายนั่งอยู่ข้างๆ เขาในความมืดนี้มาตลอด
.
.
.
.
.