สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>282 เทียนกวาน Part.143
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนได้แต่ยืนตัวสั่น พอเศวตไร้หน้าเข้ามาใกล้ก็ยกมือโจมตี แต่ก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้ เตะเซี่ยเหลียนล้ม ก่อนจะใช้มือข้างเดียวจับหัวของเซี่ยเหลียนยกเขาลอยกลางอากาศ ลูกไฟวิญญาณดวงหนึ่งพุ่งชนไป๋อู๋เซียงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วเซี่ยเหลียนก็ต้องตัวแข็งเมื่อจู่ๆ เศวตไร้หน้าก็กอดเขา ลูบหัวราวกับปลอบประโลม กล่าวว่าถูกคนทำอย่างนั้น เซี่ยเหลียนช่างน่าสงสาร พออีกฝ่ายชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน เซี่ยเหลียนก็ปัดหน้ากากนั่นออก บอกว่าใครจะไปอยู่กับเอ็ง ไป๋อู๋เซียงยกมือปิดหน้าหัวเราะ บอกว่ายังไงสักวันเซี่ยเหลียนก็ต้องมาอยู่กับตน เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจเซี่ยเหลียนไปมากกว่าเขา และเขาจะเป็นคนๆ เดียวที่อยู่ข้างเซี่ยเหลียนตลอดไป เซี่ยเหลียนไล่อีกฝ่ายที่มโนว่าเขาจะไม่มีใครอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ไม่สนใจลูกไฟที่ขยับขึ้นลงราวพนักหน้าเห็นด้วย ไป๋อู๋เซียงเลยกล่าวว่าในอดีตน่ะใช่ แต่ต่อแต่นี้ไปก็ไม่แน่
เศวตไร้หน้าปล่อยบังไคทำให้เซี่ยเหลียนกระเด็น ส่วนตัวเองก็ไปจับลูกไฟมาถามชื่อ แต่เซี่ยเหลียนที่เป็นห่วงพ่อแม่กับเฟิงซิ่นก็ไม่สนใจเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วรีบวิ่งกลับไปยังที่พัก พอกลับมาถึงเขาก็เจอเฟิงซิ่นกำลังคุยกับมู่ฉิง เลยหันไปถามมู่ฉิงว่ามาที่นี่ทำไม เฟิงซิ่นตอบแทนว่าอีกฝ่ายเอาเสบียงมาให้ แล้วมู่ฉิงยังเสริมอีกว่าจะหาโอกาสนำยามา ตอนที่เฟิงซิ่นบอกว่าไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาช่วย แต่ก็ต้องขอบคุณ เซี่ยเหลียนก็ขัดขึ้นมาว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากมู่ฉิง และไล่ให้อีกฝ่ายออกไป ทำให้มู่ฉิงหน้าซีดแล้วกล่าวคำขอโทษออกมา
เซี่ยเหลียนหยิบกระสอบพวกนั้นไล่ฟาดมู่ฉิง ทำเอาเฟิงซิ่นงง พอถามเรื่องราวเซี่ยเหลียนก็บอกให้ไปถามมู่ฉิงเอาเองว่าทำไมเขาที่ไปฝึกบำเพ็ญถึงต้องกลับมา เมื่อมู่ฉิงเล่าคราวๆ ว่าตนขอให้เซี่ยเหลียนไปจากภูเขา ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นแล้วหากเซี่ยเหลียนไม่ไป เรื่องก็คงไม่จบ ได้ยินแค่นั้นเฟิงซิ่นก็ปะติดปะต่อเรื่องราวออก เลยหยิบกระสอบมาไล่ฟาดมู่ฉิงอีกคน ปากก็ด่าไม่หยุด แม้มู่ฉิงบอกว่าตนรู้ว่าตัวเองทำผิด ตอนนี้ก็พยายามแก้ไขแล้ว แต่เฟิงซิ่นก็ไม่ฟัง มู่ฉิงเลยถามว่าทีเซี่ยเหลียนดักปล้นคนทำไมถึงยอมรับได้ แต่พอเขาทำผิดบ้างถึงรับไม่ได้ คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนถึงกับหยุดหายใจ ส่วนเฟิงซิ่นก็ช็อคมาก เห็นท่าทางของทั้งสองมู่ฉิงเลยเพิ่งรู้ว่าเซี่ยเหลียนไม่ได้บอกเฟิงซิ่นว่าไปทำเรื่องอะไรไว้
เซี่ยเหลียนไม่อาจคุมอารมณ์ได้อีกเลยคว้าไม้กวาดไล่ตีมู่ฉิงจนได้แผล มู่ฉิงยอมจากไปแต่ก็ยังยกกระสอบของมาวางไว้ด้านหน้าพวกเซี่ยเหลียน พอเฟิงซิ่นถามว่ามู่ฉิงโกหกใช่ไหม เซี่ยเหลียนก็ขอร้องไม่ให้อีกฝ่ายถามอะไรอีก พอถูกบอกให้เล่าความจริง เซี่ยเหลียนก็กรีดร้องเอามือปิดหูวิ่งเข้าห้องตัวเองไป แม้ความจริงอยากหนีไปไกลๆ แต่ก็หลัวว่าไป๋อู๋เซียงจะมาทำร้ายพ่อแม่กับเฟิงซิ่นจึงไม่ได้ไปไหน แม้เฟิงซิ่นกับแม่จะมาเคาะประตูเรียกก็ไม่ยอมออกไปหา ผ่านไปสองวันถึงใจเย็นลงแล้วยอมออกมา เฟิงซิ่นเอาอาหารมาให้ พยายามชวนคุยเรื่องอื่นให้บรรยากาศผ่อนคลาย ทำเป็นว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผ่านไปหลายวันก็พอรู้ว่าเฟิงซิ่นไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาปล้นคนให้พ่อแม่ของเขาฟัง เซี่ยเหลียนเลยสบายใจขึ้น
พอเซี่ยเหลียนเอ่ยปากจะไปแสดงกับเฟิงซิ่น อีกฝ่ายก็บอกให้เขาพักอีกหน่อย เซี่ยเหลียนเลยสารภาพว่าตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะบำเพ็ญเลย อย่างน้อยก็ให้เขาทำตัวเป็นประโยชน์บ้าง ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อน แต่ตอนที่ส่องกระจก เซี่ยเหลียนกลับเห็นว่าบนใบหน้าของตนมีหน้ากากครึ่งแย้มยิ้มครึ่งร่ำไห้สวมอยู่ เขาร้องเสียงดังจนเฟิงซิ่นรีบมาดู แต่คราวนี้พอมองกระจกอีกครั้งหน้ากากนั่นก็หายไปแล้ว เห็นเซี่ยเหลียนหลอน เฟิงซิ่นก็เลยยืนยันให้เซี่ยเหลียนพักต่ออีกสัก 2-3 วัน เซี่ยเหลียนไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าตนได้เจอกับเศวตไร้หน้ามา เพราะกลัวว่าเฟิงซิ่นจะทิ้งตนไปอีกคน สุดท้ายเพราะยืนเหม่อเลยถูกทิ้งให้อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน
เซี่ยเหลียนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองเหม็นมากเพราะไม่ได้อาบน้ำมา 2 สัปดาห์ จึงจัดการไปอาบน้ำ ตอนที่กำลังจะหยิบชุดมาใส่ก็สังเกตว่าเสื้อตัวนักพรตสีขาวของเขากลับกลายเป็นชุดไว้ทุกข์สีขาวหรูหราเหมือนของเศวตไร้หน้า เขาตะโกนหาคนที่แอบมาเปลี่ยนเสื้อด้วยความโกรธ ทำให้ราชากับราชินีที่อยู่ห้องข้างๆ รีบมาดูด้วยความตกใจ แต่แม้ลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะยืนเปลือยกายอยู่ ราชินีก็ยังรีบเขาไปกอดปลอบ เซี่ยเหลียนกอดมารดา บอกว่ามีผีร้ายตามตนเองอยู่แล้วเรียกให้ดูเสื้อของตน แต่เมื่อทั้งสามมองไปที่เสื้อตัวนั้น ก็พบว่ามันเป็นแค่ชุดนักพรตไร้ความผิดปรกติใดๆ ทำให้เซี่ยเหลียนยิ่งเดือด ร้องว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตน อยากปั่นหัวตนนักหรือ เห็นอย่างนั้นราชินีก็พยายามกลั้นน้ำตา แล้วกอดลูกชายเอาไว้
.
.
.
.
.