สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>222 เทียนกวาน Part.138 (เหตุการณ์อาร์คนี้เป็นเรื่องหลังเซียนเล่อล่มสลาย และเซี่ยเหลียนเพิ่งถูกเนรเทศครั้งแรกได้ไม่นาน)
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนสะดุ้งตื่นจากความฝันวที่เขาจะฆ่าตัวตายตามพ่อแม่ ความรู้สึกที่เชือกรัดคอยังแจ่มชัด พอเอามือเตะลำคอก็สัมผัสถูกคำสาปพันธนาการ เพราะยังไม่ชินกับการนอนเสื่อทำให้รู้สึกไม่สบายตัว สักพักก็ออกไปกินอาหารเช้าตามที่เฟิงซิ่นเรียก พอเห็นหมั่นโถ่วแข็งแห้งก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร มู่ฉิงเลยเอ่ยว่าไม่กินนี่ก็ไม่มีอย่างอื่นให้กินแล้ว เดี๋ยวถ้าเป็นลมอีก สุดท้ายก็ต้องกินอยู่ดี เฟิ่งซินเลยเตือนอีกฝ่ายให้ระวังคำพูด หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกหางานทำ เซี่ยเหลียนพบว่าไม่ว่าจะพยายามทำงานหนักเท่าไรเงินที่ได้ก็ไม่เคยพอ มู่ฉิงเสนอให้ไปหางานที่มีระดับขึ้นมาหน่อยอย่างยาม แต่เพราะเซี่ยเหลียนต้องปกปิดใบหน้าไม่ให้ชาวบ้านที่เคียดแค้นเทพองค์ชายรัชทายาทเข้ามาทำร้าย แม้แต่ตอนนี้ก็ต้องเอาผ้าขาวผืนหนึ่งคอยปิดบังใบหน้าไว้ พวกเขาจึงรับงานเช่นนั้นไม่ได้
ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหลียนต้องกังวลเรื่องปากท้อง เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้ศรัทธาที่หิวโหย สักพักทั้งสามก็เจอกลุ่มนักแสดงข้างถนนที่มีคนมุงดู มู่ฉิงเลยเสนอให้ไปทำการแสดงแบบนั้นบ้าง แต่ก็ถูกเฟิงซิ่นด่าว่าจะให้เชื้อพระวงศ์สูงส่งแบบเซี่ยเหลียนไปทำงานน่าอายสร้างความบันเทิงให้ผู้อื่นได้อย่างไร พอเซี่ยเหลียนเห็นพวกนักแสดงก้มเก็บเศษเงินที่มีคนโยนให้ก็ไม่อยากทำเช่นกัน มู่ฉิงกลอกตา คิดว่าในเมื่องานแบกอิฐหามปูนก็ทำมาแล้ว สิ่งนี้จะต่างตรงไหน นู้นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่ได้ บอกให้เอาของไปจำนำ เฟิงซิ่นก็ไม่ยอมอีก อ้างว่าจำนำไปเยอะแล้ว ต้องพยายามเก็บที่เหลือไว้ สักพักพวกเขาก็เห็นกลุ่มทหารหย่งอันตามล่าจับตัวราชวงศ์เซียนเล่อที่เหลือ ด้วยความเป็นห่วงพ่อแม่ เซี่ยเหลียนเลยรีบกลับไปที่ซ่อนตัวของพวกตน
ราชินีพยายามทำอาหาร แต่เพราะไม่เคยทำมาก่อนเลยเกือบทำไฟไหม้ เซี่ยเหลียนจึงต่อว่าว่าควันจะทำให้เป็นจุดเด่นเรียกคนมา เขาไม่อยากไปพบหน้าบิดา ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มักทะเลาะกันอยู่แล้ว พอต้องตกต่ำลงกันทั้งพ่อลูกเลยยิ่งไม่อยากเห็นหน้ากันเนื่องจากต่างอับอายในตนเอง พอรู้ว่าลูกชายยังไม่ได้กินอะไร ราชินีก็เรียกทุกคนเข้าไปกินโจ๊กที่เธอเพิ่งทำ เมื่อเห็นหน้าตาโจ๊กทั้งสามก็ถึงกับติดสตั๊น หลังกลับเข้าไปหางานต่อ เซี่ยเหลียนก็ต้องลูบหลังให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่อาการย่ำแย่
ไม่นานนักทั้งสามก็หางานดำนาได้ หลังทำไปได้สักพักมู่ฉิงก็บอกให้เซี่ยเหลียนไปพัก เขาจะทำงานส่วนของเซี่ยเหลียนเอง เพราะหากเสื้อผ้าของเซี่ยเหลียนสกปรกเขาต้องเป็นคนซัก แต่ก็ถูกหัวหน้างานสั่งไม่ให้คุยกัน พอตกเย็นก็เหนื่อยทั้งกายใจ เมื่อได้ยินเสียงผู้คนตื่นเต้นกันก็หันไปดู จึงได้เห็นว่าคนกำลังมุงดูเห็นรูปปั้นองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อคุกเข่า ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าเอารูปปั้นเทพแห่งโชคร้ายมาทำไม คนที่แบกมาก็บอกว่าถ้าเหยียบรูปปั้นของเทพแห่งโคร้ายจะได้โชคดี เฟิงซิ่นเกือบออกไปบวก แต่มู่ฉิงก็ห้ามไว้ เมื่อมีคนบอกว่าทำอย่างนี้ไม่ค่อยเหมาะสม อย่างไรอีกฝ่ายก็เคยเป็นเทพและองค์ชายรัชทายาทมาก่อน คนกลุ่มนั้นก็บอกเซียนเล่อล่มสลายแล้วจะมาองค์ชายอะไรอีก และเซี่ยเหลียนควรต้องขอบคุณพวกตนด้วยซ้ำ เพราะหากพวกตนเหยียบย่ำ ถ่มน้ำลายใส่แล้วมีโชค เซี่ยเหลียนก็ย่อมได้กุศลด้วย
เซี่ยเหลียนทนฟังไม่ได้แล้วเข้าไปต่อยตีชายคนนั้น เฟิ่งซิ่นที่รอคนเปิดมานานแล้วรีบเข้าร่วมวงทันที ส่วนมู่ฉิงก็ไม่แน่ใจว่าถูกลากไปร่วมวงด้วยหรือตั้งใจเข้าไปเอง หลังอุตลุดพักหนึ่ง มู่ฉิงก็หิ้วอีก 2 คน ออกมา บอกว่าฆ่ามนุษย์ไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดเพิ่มขึ้น และเพราะพวกตนเข้าไปก่อวิวาทจนต้องหนีออกมา ทำให้สุดท้ายจึงไม่ได้รับค่าจ้างของวันนี้เลย มู่ฉิงจึงเดือดโทษทั้งสองคน เฟิงซิ่นก็ด่าว่าทำไมต้องคุยเรื่องเงินในเวลาเช่นนี้ มู่ฉิงยิ่งโมโห บอกว่าเวลาแบบไหน ก็เวลาที่ทุกคนหิวอย่างนี้ไงล่ะถึงต้องพูดเรื่องเงิน เฟิงซิ่นเลยถามกลับว่าเซี่ยเหลียนถูกดูถูกขนาดนี้จะให้ทนอยู่ได้ยังไง มู่ฉิงตอกกลับว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาหลังพ่ายแพ้สงคราม อนาคตย่อมยิ่งกว่านี้ ถ้าเซี่ยเหลียนไม่เรียนรู้ที่จะชินกับมันก็ไม่มีทางมีชีวิตต่อไปหรอก เมื่อเฟิงซิ่นเถียงว่าจะให้เซี่ยเหลียนชินกับเรื่องทุเรศพวกนี้ได้ยังไง เซี่ยเหลียนก็สั่งให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันแล้วกลับไปเตรียมหารถเข็นไปรับพ่อแม่ของเขาเพื่อหนีออกจากเมืองในคืนนี้ เฟิงซิ่นรีบตอบรับ แต่พอเดินไปสักพักก็สังเกตว่ามู่ฉิงไม่ได้เดินตามมา อีกฝ่ายบอกว่าเขาไม่อยากติดตามเซี่ยเหลียนแล้ว ขออนุญาตให้เขาจากไปด้วย
.
.
.
.
.