สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>187 เทียนกวาน Part.133
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนสะดุ้งตื่นจากความฝัน เมื่อมองไปรอบๆ ก็รู้ว่าที่นี่เป็นถ้ำ ไม่นานนักฮวาเฉิงก็กลับมา บอกว่าที่นี่เป็นถ้ำในภูเขาซึ่งเขาเองก็ไม่รู้จักเช่นกัน ด้วยความเป็นห่วงหนานเฟิงกับฝูเหยา แม้ฮวาเฉิงจะบอกให้ไม่ต้องไปสนใจ แต่เซี่ยเหลียนก็ออกตามหาทั้งสองคนอยู่ดี ระหว่างทางเขาเห็นรูปปั้นเทพตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับมีผ้าโปร่งคลุมหน้าไว้ทุกอัน พอเซี่ยเหลียนจะไปเปิดผ้าดูก็ถูกอ๋องผีห้ามไว้ อ้างว่าไม่รู้ว่าหากเปิดผ้าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า อีกทั้งที่นี่ก็คืออู๋หย่ง รูปปั้นพวกนั้นก็น่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่ง แต่เซี่ยเหลียนกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะเสื้อผ้าของรูปปั้นดูเป็นศิลปะสมัยราวเซียนเล่อมากกว่า
ฮวาเฉิงมีท่าทางเครียดขึ้น เร่งให้เซี่ยเหลียนเดินต่อ เห็นอีกฝ่ายเดินนำลิ่วๆ เซี่ยเหลียนเลยถามอีกครั้งว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักที่นี่จริงๆ หรือ แต่อ๋องผีก็ยังยืนยันคำเดิม ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงคนแว่วๆ มา พอคิดว่าน่าจะเป็นหนานเฟิงกับฝูเหยาเขาก็รีบวิ่งตามเสียงไป ในที่สุดเขาก็เจอเทพทั้งสองติดกับดักอยู่ในหลุมแห่งหนึ่ง แต่หลุมนั้นก็มืดมากจนมองไม่เห็นข้างล่าง แต่พอเซี่ยเหลียนบอกว่าจะปีนลงไป ทั้งหนานเฟิงกับฝูเหยาก็ร้องห้าม แม้ฮวาเฉิงจะไม่ตามมา แต่ก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งก็อยู่ใกล้ๆ เซี่ยเหลียนเลยบอกให้มันลงไปส่องไฟที่ข้างล่างหลุม ถึงได้เห็นว่าทั้งคู่อยู่บนเส้นอะไรบางอย่างคล้ายใยแมงมุม อีกทั้งร่างกายก็ถูกใยขาวพวกนั้นห่อไว้จนขยับตัวไม่ได้ เซี่ยเหลียนผูกฟางซิ่นกับรั่วเย่ลองหย่อนลงไป แต่แล้วเขากลับถูกใยกระชากดึงตกลงไปในหลุมแล้วเข้ามาห่อร่างเขาไว้เช่นกัน
ฝูเหยาหงุดหงิดมากจึงเริ่มประชดประชันเซี่ยเหลียนจนถูกหนานเฟิงด่า พอเซี่ยเหลียนถามว่าทั้งคู่มาเขาตงลู่ได้อย่างไร ฝูเหยาเลยบอกว่าตนตามจับหลันฉางกับวิญาณตัวอ่อนจนมาถึงที่นี่ โวยวายถามหนานเฟิงว่าทำไมต้องโจมตีตน แต่อีกฝ่ายก็ตอกกลับว่าแม่ทัพของฝูเหยาน่าสงสัยเชื่อถือไม่ได้ ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกัน คำเรียกว่าแม่ทัพของข้า แม่ทัพของเจ้า เริ่มกลายเป็น ข้ากับเจ้าแทน สักพักถึงรู้สึกตัวหันมามองเซี่ยเหลียนซึ่งรีบเนียนบอกว่าตนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เห็นท่าทางแบบนั้นฝูเหยาก็รู้ว่าเซี่ยเหลียนรู้ตัวจริงของพวกตนอยู่แล้วเลยพาลโกรธ จี้ถามว่ารู้ตั้งแต่ตอนไหน รู้ได้ยังไง แม้เซี่ยเหลียนจะอยากบอกเหลือเกินว่าทั้งคู่นิสัยไม่เปลี่ยนสักนิด ตนเลยตงิดมาตั้งแต่คดีเจ้าบ่าวผี ตอนไปปั้นเยวี่ยก็ฟันธงได้ว่าใช่แน่ๆ แต่เห็นว่าทำเหมือนไม่รู้จักแบบนี้ก็ต่างฝ่ายต่างสบายใจดีเลยทำเป็นไม่รู้มาตลอดว่าหนานเฟิงกับฝูเหยาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ทั้งคู่คือเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่จำแลงร่างมาต่างหาก
มู่ฉิงกลับมาใช้ร่างจริงของตน เริ่มชวนดรามาหาว่าเซี่ยเหลียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ แอบหัวเราะเยอะพวกตน พอเฟิงซิ่นด่าว่าใจแคบ มู่ฉิงจึงหันไปชวนทะเลาะเรื่องลูกชายของอีกฝ่ายแทน ตอนที่ทั้งคู่เถียงกันจนหน้าแดง เซี่ยเหลียนก็บอกให้มู่ฉิงที่อยู่ใกล้ตนเอียงตัวเพื่อที่เขาจะได้ลองช่วยกัดใยที่มัดอีกฝ่ายให้ขาด แต่มู่ฉิงกลับงอนพูดจิกกัดไม่ให้ความร่วมมือเลยถูกเฟิงซิ่นด่าจนทะเลาะกันอีก เซี่ยเหลียนบอกให้ทั้งสองกลับมาสนใจว่าจะมีใครมาช่วยหรือเปล่า แต่แล้วก็นึกได้ว่าตนกับฮวาเฉิงมีด้ายแดงผูกกันไว้ เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงตามมาช่วย พอเห็นเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงทำหน้าบิดเบี้ยว ก็อธิบายว่าด้ายแดงนี่ไม่ใช่ด้ายแดงผูกชะตา หากแต่เป็นอุปกรณ์พลังทิพย์ แต่พออธิบายว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร ทั้งสองก็โวยวายพร้อมกันว่าแล้วมันจะต่างจากด้ายแดงผูกชะตาตรงไหน แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะอาย ฮวาเฉิงก็มาถึงพอดี
ฮวาเฉิงกระโดดลงมาในหลุม ระหว่างช่วยแกะใยจากร่างเซี่ยเหลียนก็ให้ผีเสื้อช่วยสู้กับใยจุดอื่น พอเรียบร้อยแล้วก็จูงมือพาเซี่ยเหลียนขึ้นไป จนเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงต้องถามว่าลืมอะไรไปหรือเปล่า เซี่ยเหลียนจึงใช้รั่วเย่ดึงทั้งสองคนขึ้นมา พอเฟิงซิ่นบอกว่าทำกระบี่หล่นไว้ เซี่ยเหลียนก็ช่วยเก็บขึ้นมาด้วย หลังช่วยแกะใยออกแล้วส่งกระบี่คืนถึงได้เห็นว่ามันคือกระบี่ฮ่องจินที่ฮวาเฉิงเคยหักระหว่างทางไปปั้นเยวี่ย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะซ่อมแซมมันแล้วเรียบร้อย เฟิงซิ่นกลับไปใช้ร่างจริง แล้วจู่ๆ มู่ฉิงก็จ้องฮวาเฉิงที่เพิ่งเคยเห็นร่างจริงครั้งแรกด้วยสีหน้าประหลาด แต่พอเซี่ยเหลียนถามเขาก็ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
.
.
.
.
.