Last posted
Total of 1000 posts
>>651 ฟาฟาน้อฟาฟา ถึงเตี้ยนเซี่ยจะเป็นโอตะอาวุธแต่ก็ไม่ได้อยากได้สมบัติของคนอื่นหรอกนะ ถ้าอยากให้จริงๆ เอาตัวกับหัวใจนายนั่นแหละให้เตี้ยนเซี่ยเดี๋ยวนี้เลย รับรองว่าเกอเกอของนายจะรับไว้ด้วยความยินดี ...แล้วนายก็อย่าใจร้ายกับเอ้อมิ่งมากนักสิ นั่นน่ะเป็นxxxxxของนายแท้ๆ นะ โหดร้ายกับลูกชายจริงๆ (ในหัวมโนเอ้อมิ่งเป็นลูกชาย รั่วเย่เป็นลูกสาวของทั้งสองคนไปแล้ว)
>>653 >>656 เราว่าต่างกับเว่ยอิงนะ เซี่ยเหลียนความรู้สึกไม่ช้าอะ ประสาทไวมากแค่ขาดความมั่นใจ รู้แจ่มแจ้งว่าฮวาเฉิงให้ความสำคัญและปฏิบัติกับเขาต่างกับคนอื่นชัดเจน แต่ Self Esteem ต่ำยิ่งกว่าแชลเลนเจอร์ดีปของร่องสมุทรมาเรียน่าเลยไม่คิดว่าคนที่(เขาคิดว่า)เพอร์เฟ็คต์อย่างฮวาเฉิงจะมีใจให้ตัวเองได้
>>658 มีป๊ะป๋าขี้หวงต้องทำใจค่ะ รั่วเย่ยังดีได้อยู่กับแม่ตลอด เอ้อมิ่งนี่สิจะอ้อนแต่ละทีโดนพิษรักแรงหึงจากพ่อตลอด 555+++
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>651 เทียนกวาน Part.37
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงช่วยลูบหลังให้เซี่ยเหลียนที่ยังไอไม่หยุด แล้วเซี่ยเหลียนจึงแถไปว่าเขาเพิ่งนึกได้ว่าวิถีบำเพ็ญของเขาต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พออ๋องผีมีสีหน้าดูไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เขาก็เล่าเพิ่มว่าการบำเพ็ญของเขายังต้องละความเกลียดชัง เรื่องการพนันก็เช่นกัน แต่หากสามารถทำใจให้สงบเล่นโดยไม่ได้หวังแพ้ชนะก็ไม่นับ พอพูดถึงพนันเซี่ยเหลียนก็ถามว่าความจริงมันมีเทคนิคทอดลูกเต๋าให้ได้แต้มสูงจริงไหม ฮวาเฉิงบอกว่ามี และขอมือเซี่ยเหลียนไปบีบเบาๆ จากนั้นก็ให้เซี่ยเหลียนลองทอยลูกเต๋าดู ซึ่งผลออกมาก็ได้แต้ม 6 ทั้งสองลูก อ๋องผีเผยว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเขามอบโชคให้เซี่ยเหลียนยืม หากคราวหน้าเซี่ยเหลียนจะไปพนันที่ไหนก็มาขอยืมโชคจากเขาก่อนได้เลย
เซี่ยเหลียนลองทอยเต๋าอีกหลายครั้งก็สรุปได้ว่าน่าจะเป็นความจริง เมื่อเขาบอกว่าเหนื่อย ฮวาเฉิงก็ให้คนมาดูแลหลางอิ๋ง ส่วนเขาเดินไปส่งเซี่ยเหลียนที่ห้องรับรองแขก เมื่ออีกฝ่ายกลับไปแล้ว ไม่นานเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาว เมื่อเปิดประตูซือชิงเสวียนก็รีบเข้ามาในห้องก่อนเปลี่ยนร่างกลับเป็นผู้ชาย เอามือฉีกทึ้งเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกกับเอวซึ่งรัดแน่นจนเขาหายใจไม่ออก ภาพข้างหน้าทำเอาเซี่ยเหลียนไม่อาจทนมอง ถามเทพแห่งลมว่าทำไมไม่กลับไปใส่ชุดนักพรตสีขาวตัวเดิม แต่ซือชิงเสวียนบอกว่าชุดขาวโดดเด่นจะตกเป็นเป้าได้ง่าย แม้ในใจของเซี่ยเหลียนจะคิดว่าสภาพนี้ของอีกฝ่ายยังสะดุดตาซะกว่า เขาก็เปลี่ยนไปถามว่าอีกฝ่ายลอบเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
ซือชิงเสวียนเล่าว่าเขาได้ยินว่าเซี่ยเหลียนถูกพามาที่อนุสรณ์สุขาวดี พอแอบมาสังเกตการณ์จากข้างนอกก็รู้สึกว่าที่นี่ต้องเป็นย่านโคมแดงเมาโลกีย์อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นห่วงเซี่ยเหลียนเขาจึงตัดสินใจปลอมตัวเข้ามา ทั้งยังต้องเสื่อมเสียเกียรติด้วยการแต่งกายเช่นนี้ ถึงเซี่ยเหลียนจะแอบคิดว่าอีกฝ่ายดูสนุกกับการแต่งหญิง เขาก็เปลี่ยนไปถามถึงหลางเชียนชิว เทพแห่งลมบอกว่าเขาสั่งให้อีกฝ่ายห้ามขยับไปไหนมาไหนแล้ว น่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ก็ยังอดบ่นไม่ได้ว่าขณะที่เขากับหลางเชียนชิวเผชิญวิบากในตลาด เซี่ยเหลียนกลับมาใช้ชีวิตดี๊ดีมีอ๋องผีเทคแคร์
เซี่ยเหลียนบอกว่าตอนอยู่ที่ห้องโถงเขาได้เตรียมกาสำหรับสืบคดีไว้แล้ว ซือชิงเสวียนไม่ค่อยเชื่อ บอกว่าเขาเห็นเซี่ยเหลียนเอาแต่เล่นทอยเต๋ากับฮวาเฉิง หรือที่จริงดูจะเอาแต่จับมือถือแขนกันเสียมากกว่า เซี่ยเหลียนขออีกฝ่ายว่าอย่าพูดไปในเชิงแปลกๆ เช่นนั้น เขาทำไปเพื่อยืมโชคของอ๋องผีต่างหาก จากนั้นทั้งสองก็ค่อยๆ ลัดเลาะไปตามทางจนถึงประตูที่ผู้ตรวจการหายเข้าไป ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะหยิบลูกเต๋าที่รูปปั้นมาทอยและก็ได้แต้ม 6 ทั้งสองลูก เห็นเซี่ยเหลียนมีท่าทางหนักใจที่หลอกใช้ความเชื่อใจของฮวาเฉิงมาแอบสืบเรื่องในบ้านเขา เทพแห่งลมก็เอ่ยอย่างเห็นใจว่าเซี่ยเหลียนไปน่ารับงานนี้เลย
เซี่ยเหลียนคว้าลูกเต๋าสองลูกนั้นไปด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ปรากฏว่ามันเปลี่ยนเป็นบันไดยาวทอดลึกลงไปยังใต้ดิน ซือชิงเสวียนจุดไฟในมือแล้วเดินนำไปข้างหน้า ขณะที่ทั้งสองเดินอยู่ เซี่ยเหลียนก็ถามว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีเทพองค์อื่นนอกจากเขาถูกเนรเทศจากสวรรค์อีกหรือไม่ เพราะเขาเห็นว่าผู้ตรวจการเมืองผีมีคำสาปพันธนาการอยู่ที่ข้อมือ เมื่อได้ยินดังนั้นเทพแห่งลมก็ตกใจที่อดีตเจ้าหน้าที่สวรรค์มาทำงานให้อ๋องผี หลังจากคิดสักพักเขาก็บอกว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นเทพสงครามแห่งทิศตะวันตก แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนจริงจังอย่างนั้นจะกลายเป็นเช่นนี้ได้ เซี่ยเหลียนรู้สึกงุนงงว่าเทพสงครามแห่งทิศตะวันตกไม่ใช่เฉวียนอี้เจินหรอกหรือ แล้วเหตุใดเทพองค์นั้นถึงได้ถูกเนเทศ แต่ยังไม่ทันสอบถามเพิ่มเติม เขาก็พบว่าเบื้องหน้าของพวกเขาในตอนนี้คือทางตัน
ทั้งสองพยายามมองหาว่ามีกลไกลับอะไรอยู่อีกหรือเปล่า ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็พบว่าบนทางเดินเต็มไปด้วยแผ่นหินขนาดเท่าประตูเล็กๆ วางอยู่หลายชิ้น และแท่นหินไม่ห่างนักก็มีรูปคนโยนลูกเต๋าวาดไว้ พวกเขาจึงคิดได้ว่าอาจต้องใช้วิธีทอยลูกเต๋าเหมือนเดิม ทว่าทั้งสองไม่รู้ว่าต้องโยนให้ได้แต้มเท่าใด และด้วยความไม่รู้ว่าโชคที่ยืมมาจากฮวาเฉิงจะใช้ได้อีกกี่ครั้ง เซี่ยเหลียนจึงยกหน้าที่เสี่ยงโชคให้ซือชิงเสวียน เมื่อเทพแห่งลททอยได้แต้ม 5 และ 2 ไม่นานภาพที่หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตตัวอ้วน ดำ ยาว อัปลักษณ์ซึ่งเซี่ยเหลียนคิดว่าอาจเป็นปลิงหรือไส้เดือน ทันใดนั้นร่างของเทพทั้งสองคนก็หล่นลงไปในแผ่นหินที่เปิดออกราวประตู แล้วพวกเขาก็มาอยู่ในอุโมงค์ดำมืดซึ่งรอบๆ เป็นดินชื้นแฉะแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทอยเต๋าได้แต้มผิดเสียแล้ว
.
.
.
.
.
ขำเมีย GM 55555
อ่านเล่ม 2 ละเนือยๆ กระตือรือล้นตามอ่านแต่โมเม้นวั่งเซียน
ตอนยังไม่ได้หนังสือนี่ตื่นเต้นมาก พอได้แล้วรู้สึกตื่นเต้นน้อยลง อยากจะอ่านแต่โมเม้นท์วั่งเซียนเหมือนกัน อยากวาร์ปม่านฉวาข้ามไปเจอวั่งเซียนและเหล่ากูซูบอย (ม่านฉวาก็สนุกแหละแต่อยากเจอวั่งเซียนเร็วๆ)
อ่านสปอยเทียนกวานแล้วรู้สึกว่าตอนอ่านจะต้องเบาหวานขึ้นแน่ ฮวาเซิงออกมาแต่ละฉากเทน้ำตาลมาก >\\\<
ลืมไป กู 666 นะ ว่าจะถามเรื่องชุดของเว่ยอิง (ชุดในอ่านฮวาตอนไปเรียนที่กูซูอ่ะ ชุดที่มันเหมือนมีแฉกๆ เรียกไม่ถูก) มันเป็นชุดที่คนจีนใส่จริงๆ หรือว่าเป็นชุดที่จินตนาการขึ้นมาใช้เฉพาะในนิยาย/การ์ตูนอ่ะกูไม่เข้าใจโครงสร้างชุดเลย งงมาสามวันละ
>>667 แฟชั่นสมัยราชวงศ์ถังมึง ใส่เป็นเสื้อคลุมตัวนอก รวยๆหน่อยจะมีผ้าคาดข้างหน้า เป็นคนละชิ้นกับเสื้อคลุมแล้วใส่ทับด้วยผ้าคาดเอว ปกติอิผ้าคาดข้างหน้ามันจะคนละลายคนละสีกับเสื้อคลุม ทีนี้ของพี่เว่ยมันไม่มีลายแถมสีเดียวกับเสื้อคลุมมึงเลยเข้าใจผิดว่าเป็นชิ้นเดียวกัน
หลานจ้านถามวิญญาณเว่ยอิง 13 ปีอยู่ตรงไหนในนิยายวะมึง
ใครอยากอ่านโมเม้นท์ในเทียนกวาน (แต่สปอยล์นะ) ไปนี่เลยจ้า https://twitter.com/OrangeNaidong/status/1160450963653611520?s=19
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>661 เทียนกวาน Part.38
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนกับซือชิงเสวียนพยายามหาทางออกจากอุโมงค์ดินแฉะอุ่นเหนียวโคลน ตอนนั้นเองก็มีเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าพร้อมทำให้แผ่นดินไหวสั่นเทือน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วรีบเปลี่ยนทิศไปฝั่งตรงข้ามโดยพร้อมเพรียง ทว่าอีกทางก็มีเสียงดังขึ้นเช่นกัน พวกเขาถูกล้อมทั้งหน้าหลัง ไม่นานไส้เดือนยักษ์สีม่วงก็ปรากฏให้เห็น เซี่ยเหลียนบอกให้ซือชิงเสวียนเร่งไฟในมือ ทำให้ไส้เดือนที่กลัวแสงต้องเว้นระยะห่างจากพวกเขา แต่นอกจากพลังของเทพแห่งลมจะค่อยๆ ลดจนแสงไฟริบหรี่ลงเรื่อยๆ อากาศหายใจก็เริ่มจะไม่พอ ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะวาดคาถาย่นระยะทาง แต่ผิวดินเละๆ ก็ส่งผลให้ไม่สามารถวาดอะไรลงไปได้ แล้วเซี่ยเหลียนก็เหยียบเจอประตูหินบนพื้นเหมือนก่อนหน้านี้ เขารีบส่งลูกเต๋าให้เทพแห่งลม คราวนี้แต้มออก 3 และ 4 ภาพบนแผ่นหินเปลี่ยนไปเป็นภาพป่าซึ่งมีผู้คนเต้นเป็นวงกลม และในตอนที่ไส้เดือนพุ่งเข้ามา ประตูก็เปิดออกพอดี
เทพทั้งสองหล่นมาอยู่ในโพรงต้นไม้ ร่างกายที่กระแทกกันเองระหว่างทางทำให้ระบมไม่น้อย เซี่ยเหลียนผู้คุ้นชินกับความเจ็บแล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก ส่วนซือชิงเสวียนร้องโอดโอย บอกว่าทำงานกับเซี่ยเหลียนช่างเต็มไปด้วยเรื่องตื่นต้นเสียจริง ทำให้คนฟังหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่มาร่วมงานด้วยกัน ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ในป่ากลางหุบเขาลึกที่ใดที่หนึ่ง แต่ไม่ทันทำอะไรทั้งสองก็เจอกับคนป่าเผ่ากินคนเข้ามาล้อมจึงรีบเผ่นแน่บตามหาประตูกันอีกรอบ หนึ่งในกลุ่มคนป่าปาก้อนหินโดนแก้มของซือชิงเสวียนได้แผล ทำให้เทพแห่งลมโกรธจนไม่สนกฎสวรรค์ว่าห้ามใช้พลังทำร้ายมนุษย์ เขาใช้พัดเทพเป่าพวกคนป่าไปกระแทกต้นไม้ ทั้งสองจึงสามารถเดินหาประตูกันได้โดยไร้คนก่อกวนอีก และในที่สุดพวกเขาก็หามันพบ
ซือชิงเสวียนบอกให้เซี่ยเหลียนเป็นคนลองเสี่ยงดวงทอยเต๋าเพราะโชคที่ฮวาเฉิงให้ยืมมาอาจพอมีเหลืออยู่ ได้ยินอีกฝ่ายเรียกอ๋องผีว่าซานหลางของท่านก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกอายขึ้นมา อยากจะแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรเลยหันไปทอยเต๋าแทน คราวนี้ได้แต้ม 6 ทั้งสองลูก แต่รูปบนหินไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วพวกเขาก็มาโผล่ที่บันไดยาวมืดที่ทอดลงลึกใต้ดิน ในขณะที่คิดว่าพวกตนอาจกลับมาที่จุดแรก ทั้งสองก็พบว่าบันไดนี้มีหลายขั้นกว่าคราวก่อน แล้วพวกเขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดกับเสียงหอบหายใจของใครบางคน จากนั้นเสียงเย็นชาของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น
หลังจากได้ยินเสียงนั้นซือชิงเสวียนก็รีบจุดไฟขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอันตราย เบื้องหน้าคือชายในชุดสีดำกำลังนั่งพิงกำแพงหินด้วยใบหน้าซีดขาว แต่สายตาเยียบเย็นราวน้ำแข็ง กลิ่นเลือดทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเจ็บหนัก พอเห็นหน้าอีกฝ่ายเทพแห่งลมก็ร้องว่าเป็นเจ้าเองหรือ เสียงของซือชิงเสวียนทำให้ชายคนนั้นเกือบจะเอ่ยคำเดียวกันออกมา แต่หลังจากเห็นคนตรงหน้าในสภาพครอสเดรสหลุดลุ่ยสกปรกเละเทะ ชายคนนั้นก็เงียบไป พอเซี่ยเหลียนถามว่าทั้งสองรู้จักกันหรือ ชายชุดดำก็รีบตอบว่าไม่รู้จัก ทำเอาซือชิงเสวียนครวญว่าการรู้จักกับเขามันน่าอายหรือหมิงซ่ง ทั้งยังเคลมว่าพวกตนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่อีกฝ่ายก็ตอกกลับว่าเขาไม่มีเพื่อนที่วิ่งไปไหนมาไหนด้วยสภาพเช่นนี้ (คำว่าซ่ง ความหมายประมาณเพื่อนผู้ชายเรียกกันว่า Bro ในภาษาอังกฤษ)
ได้ยินเทพแห่งลมเรียกชายตรงหน้าอย่างนั้น เซี่ยเหลียนก็นึกขึ้นได้ว่าเทพแห่งดินมีชื่อว่าหมิงอี้ พอซือชิงเสวียนบอกเพิ่มว่าเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้เคยกันแล้วที่เส้นทางปั้นเยวี่ยก็ทำเอาหน้าซีดๆ ของหมิงอี้ดำทมึน และเซี่ยเหลียนก็ถึงบางอ้อว่าอีกฝ่ายคือสตรีชุดสีดำที่อยู่กับเทพแห่งลมในตอนนั้น นอกจากซือชิงเสวียนจะชอบแต่งหญิงแล้ว ดูท่าจะยังชอบดึงคนอื่นมา Trap ด้วย พอนึกว่าก่อนหน้านี้เทพแห่งลมพยายามชวนเขาปลอมเป็นสตรีก็รู้สึกดีใจที่ไม่ได้หลวมตัว join the dark side ไป จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงถามหมิงอี้ว่าเขาคือคนที่ส่งสัญญาณมังกรไฟหรือเปล่า ซึ่งเทพแห่งดินก็ยอมรับว่าเป็นเขาเอง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนจึงยังไม่สอบถามรายละเอียดและตั้งใจจะพากันหนีออกไปจากที่แห่งนี้ก่อน ซือชิงเสวียนแบกหมิงอี้ขึ้นหลัง ไม่นานนักเทพแห่งดินก็หลับไปทั้งอย่างนั้น เมื่อถึงประตูเซี่ยเหลียนก็ทอยลูกเต๋า ทว่าด้วยความมืดทำให้เขาไม่ทราบว่ามันออกแต้มอะไร เขาเปิดประตูพลางคิดหาทางพาหลางอิ๋งไปด้วยกัน แต่แล้วเขาก็พบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศก่อนตกลงบนอะไรบางอย่าง หลังจากตั้งสติได้ก็รู้ว่าตนหล่นมาใส่ฮวาเฉิงผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ในคลังแสง อ๋องผีเลิกคิ้วสูงมองใบหน้าของเซี่ยเหลียนอย่างต้องการคำอธิบาย และเมื่อเซี่ยเหลียนมองไปรอบๆ เขาก็เห็นหลางอิ๋งนั่งอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเหมือนกำลังถูกสอบปากคำ และที่ประตูมิติ ซือชิงเสวียนก็กำลังจะตามเขาออกมา
.
.
.
.
.
เพื่อนโม่งกูถามหน่อยคือกูบังเอิญผ่านไปเห็นคนนึงพูดว่าในกฏสกุลหลานมีข้อนึงหลานจ้านเป็นคนเขียนเองว่าห้ามเข้าใกล้พี่เว่ยอันนี้จริงหรือกาว เพราะเท่าที่ตามมากูไม่เคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องี้เลย รู้แค่ว่าตอนแรกกฏสกุลหลานมีสามพันข้อ แล้วตอนหลังเพิ่มเป็นสี่พันเพราะเรื่องพี่เว่ย แต่ก็เป็นกฏทำนองว่าห้ามไม่ให้คบค้าสมาคมกับพวกนอกรีตอะไรทำนองนั้นเฉยๆป่ะ
มีกฎว่าห้ามเว่ยอู๋เซี่ยนเข้ามาข้างใน แต่ถ้าอิงจากออริจริงๆ คนที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทนพี่ซีคือท่านอา เพราะงั้นกฎข้อนี้คนเขียนจริงๆต้องเป็นท่านอา แต่ซีรีย์พี่วั่งขึ้นเป็นเซียนตู เลยดูเหมือนพี่วั่งเป็นคนเขียนอะนะ ถ้ากูจำไม่ผิดมีในสัมนักแสดงนะ ของซือจุยถามว่าไม่ชอบกฎตระกูลข้อไหนน้องตอบข้อที่ไม่ให้เว่นอู๋เซี่ยนเข้าข้างในเพราะเว่ยอู๋เซี่บนเป็นคนสำคัญของ อีกอันกูไม่แน่ใจว่าสัมพี่ซีมั้งที่บอกว่าเพิ่มกฎแล้วมีข้อที่ว่าห้ามเว่ยอู๋เซียนเข้ามาเป็นข้อสุดท้าย
Ky พวกมึงง ตกชงในนิยายพี่ซีก็ทิ่งตำแหน่งประมุขหรอวะะะ
เพิ่งได้ข่าวว่าตัวร้ายอย่างข้า ได้ตอนพิเศษมาไม่ครบ สรุปว่าขาดตอนพิเศษไปกี่ตอนอ่ะ (รู้แต่ว่าตอน "แต่งงาน" ไม่มีแปลไทย)
ปรจ. ก็เห็นว่าไม่ครบอีกนั่นแหละ แล้วแบบนี้เทียนกวานก็จะได้ตอนพิเศษอีกป่ะเนี่ย
>>683 เฮ้ย กูเพิ่งรู้ว่าตรยข ได้ตอนพิเศษมาไม่ครบ กูนี่รีบวิ่งไปค้นฉบับไต้หวันมาเปิดดูเลย
เออ ของไทยมันจบที่ตอนคำถามคู่รัก แต่ของจีนมันมีตอน "แต่งงาน" อย่างที่มึงบอกจริง ๆ ด้วยว่ะ
(ปล. กูอ่านจีนไม่ออก ใช้แอ็ปทรานสเลตเป็นคำ ๆ เอา และไม่มีปัญญาดำเองทั้งตอนแน่ ๆ )
ทำไมของไทยไม่ครบวะ ? ตอนเซนส์บุ้คซื้อลิขสิทธิ์มาก็น่าจะได้มาทุกตอนตามต้นฉบับไม่ใช่เหรอ ? กูงง ?
>>687 ปรมจ. นี่ก็โครตเซ็งตอนได้ข่าวว่าฉบับจีนแผ่นดินใหญ่มีตอนพิเศษที่ไม่มีในฉบับไต้หวัน
ซึ่งกูว่าฉบับไทยน่าจะอิงตามไต้หวัน เพราะของจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่งออกมาแค่เล่มเดียว
กูว่าเล่มที่เหลือก็ต้องมีตอนพิเศษอีกแหง ๆ ถึงจะเป็นตอนธรรมดา ไม่มี NC เพราะกบว.จีน แต่กูก็ยังอยากอ่านว่ะ แม่ง
>>688 กูก็เซ็ง นักเขียนไทยออกตอนพิเศษเฉพาะรอบพรียังพอหาซื้อได้ งานแม่โม่ชอบงอกตอนพิเศษแล้วไม่ขายลิขสิทธิ์ ก็ต้องไปดำน้ำ ดำไปดำมาดีไม่ดีเจอคนแต่งฟิคแล้วหลอกว่าเป็นตอนพิเศษที่ไม่มีในเล่มไปอีก
พูดแล้วก็คิดว่าถ้าสนพนี้มาอยู่ไทยคงโดนด่ายันเงา ออกเวอร์ชันใหม่มีตอนพิเศษเพิ่มไม่สนใจลูกค้าเก่า ใครอยากอ่านก็ซื้อใหม่วนไป เปลี่ยนปกๆ
กูว่าที่เขาไม่ขายสิทธิ์ด้วยอาจเพราะขายความลิมิเตดด้วยป่ะ ฟิลแบบปรมจไต้หวันอิดิชั่นงี้ ก็ได้ตอนพิเศษเฉพาะเพิ่มไปพิเศษของประเทศนี้งี้ แต่หลักๆได้ตอนพิเศษเพิ่มก็น่าจะมีแค่จีนกับไต้หวันล่ะมั้ง
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>672 เทียนกวาน Part.39
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนร้องขอโทษก่อนผลักฮวาเฉิงกลิ้งหลุนๆ ไป 2 ตลบ พอดีกับที่ซือชิงเสวียนซึ่งแบกหมิงอี้อยู่หล่นลงมาตรงจุดที่อ๋องผีเคยนั่งอยู่พอดี ในขณะที่หลางอิ๋งวิ่งมาหลบด้านหลังเซี่ยเหลียน เทพแห่งลมก็โวยวายใส่อ๋องผีที่จับเจ้าหน้าที่สวรรค์มาขังไว้ เซี่ยเหลียนพยายามไกล่เกลี่ย แต่ฮวาเฉิงก็บอกว่าหมิงอี้เป็นสายลับที่แอบปลอมตัวมาเป็นลูกน้องของเขาถึง 10 ปี เขาสงสัยอีกฝ่ายมานานแต่เพิ่งมาจับได้จริงๆ ตอนเห็นเทพแห่งดินอยู่กับซือชิงเสวียนที่เส้นทางปั้นเยวี่ย หลังจากผละจากอารามผูจี้เขาจึงไปจับตัวหมิงอี้ไว้
หากผู้ใดล่วงรู้ว่าสวรรค์แอบส่งคนมาสืบข้อมูลในเมืองผีก็คงไม่ส่งผลดี นี่คงเป็นเหตุให้จวินอู๋เรียกเซี่ยเหลียนมาทำงานลับๆ โดยไม่เล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด เซี่ยเหลียนบอกฮวาเฉิงว่าเขาเข้าใจดีว่าสวรรค์ทำผิด แต่ก็ขอให้อีกฝ่ายช่วยปล่อยพวกเขาไป กระนั้นด้วยความร้อนใจซือชิงเสวียนชิงเลยหยิบพัดขึ้นโบกรุนแรงจนเพดานคลังแสงลอยขึ้นไปบนอากาศ ฮวาเฉิงหยิบพัดสีทองมาจากคลังอาวุธ เมื่อเขาตวัดมือก็มีเข็มเล่มเล็กพุ่งออกมาจากมัน แม้ทั้งสามจะสามารถหลบจากการโจมตี แต่ลมก็พัดเข็มเหล่านั้นหมุนวนไปทั่วห้อง เซี่ยเหลียนเข้าไปปกป้องหลางอิ๋ง พร้อมตะโกนบอกให้เทพแห่งลมหยุดลมไว้ ทว่าหากทำเช่นนั้นหลังคาที่ลอยอยู่ก็จะหล่นลงมาทับพวกเขาทั้งปาร์ตี้ ซือชิงเสวียนเลยไม่ได้ทำตามนั้น
ตอนนั้นจู่ๆ เข็มก็พุ่งขึ้นไปข้างบน แล้วหลางเชียนชิวก็กระโดดลงมาจากเพดานซึ่งเปิดโล่ง ดาบยาวในมือดูดเข็มสีทองพวกนั้นไว้ราวแม่เหล็ก ก่อนหลอมพวกมันเป็นเนื้อเดียวกับดาบ หลางเชียนชิวก็พุ่งเข้าใส่อ๋องผี ฮวาเฉิงหยิบเอ้อมิ่งขึ้นมาแล้วทั้งสองก็ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด ทว่าฝีมือของพวกเขาต่างกันเกินไป ในขณะที่ดาบโค้งกำลังจะปะทะกับดาบยาวนั่นเอง ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้น เซี่ยเหลียนอาศัยจังหวะนั้นรวบรวมพลังทิพย์ที่นี้ยืมมาจากเทพแห่งลมยิงลำแสงออกไป ส่งผลให้มุมหนึ่งของคลังแสงไฟไหม้ เขารีบใช้รั่วเย่มัดตัวเอง ซือชิงเสวียน หมิงอี้ หลางเชียวชิว และหลางอิ๋งไว้ด้วยกัน แล้วบอกให้เทพแห่งลมพัดพวกตนขึ้นไป
เมื่อขึ้นมาอยู่บนอากาศแล้ว ซือชิงเสวียนที่กลัวว่าฮวาเฉิงจะตามมาก็รีบพัดกองไฟจนมันลุกท่วมคลังแสง เซี่ยเหลียนรีบคว้ามืออีกฝ่ายให้หยุด เมื่อมองลงไปในกองเพลิงเบื้องล่าง แม้จะอยู่ไกลจนมองไม่เห็น แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอ๋องผีกำลังยืนนิ่งจ้องมองเขาอยู่ท่ามกลางเปลวไฟนั้นซึ่งกำลังลามไปทั่วอนุสรณ์สุขาวดี เขาตั้งใจจะจุดไฟกองเล็กๆ เพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่ายไปเท่านั้น ไม่ได้หวังให้กลายเป็นเช่นนี้เลย เห็นท่าทางของเซี่ยเหลียน เทพแห่งลมก็รีบกล่าวขอโทษ และบอกว่าตนจะยอมจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้เอง เซี่ยเหลียนหลับตาลงอย่างกลัดกลุ้ม ตอนนั้นเองซือชิงเสวียนก็สังเกตว่าแขนขวาของเซี่ยเหลียนชุ่มไปด้วยเลือด ไม่นานก็นึกได้ว่าแสงสีขาวในตอนนั้นน่าจะเป็นฝีมือของคนตรงหน้า เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเซี่ยเหลียนเคยขึ้นสวรรค์มาด้วยความสามารถในการใช้ดาบ
ในช่วงวลานั้นเซี่ยเหลียนหยิบดาบเล่มหนึ่งในคลังแสงพุ่งเข้าขวางการโจมตีของฮวาเฉิงกับหลานเชียนชิว ส่งผลให้เขาเป็นผู้รับแรงปะทะทั้งหมดเอาไว้ หลางเชียนชิวแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขากลับมีสีหน้าแข็งค้างราววิญญาณออกจากร่าง แม้เทพแห่งลมจะพยายามเรียกก็ไม่มีการตอบรับใดๆ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงสวรรค์ เซี่ยเหลียนให้หลางอิ๋งไปอยู่ที่ห้องข้างหอประชุม ในขณะที่เขาใช้โทรจิตเรียกให้เทพทุกองค์มาประชุม และแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องการคนดูแลคนหนึ่ง ซือชิงเสวียนเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดนักพรตสีขาว กล่าวเสริมว่ามีคนบาดเจ็บ 2 คน ก่อนโปรยกุศลรัวๆ โดยอ้างว่าทำอย่างนี้จะเรียกคนมาได้เร็วกว่า
เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงเป็น 2 คนแรกที่มาถึง เมื่อเห็นเฟิงซิ่นเข้าไปดูแขนของเซี่ยเหลียน มู่ฉิงจึงหันไปดูอาการของหมิงอี้ พอคนมามากขึ้นก็มีเจ้าหน้าที่ช่วยพาเทพแห่งดินออกไปรักษา เซี่ยเหลียนบอกเฟิงซิ่นว่าเขาไม่เป็นอะไร ก่อนเห็นว่าหลางเชียนชิวกำลังจ้องเขาตาไม่กระพริบ เมื่อเซี่ยเหลียนเข้าไปดูว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า หลางเชียนชิวก็คว้าข้อมือของเขาไว้ ก่อนจะกัดฟันเรียกเขาอย่างไม่แน่ใจว่าราชครู เทพทุกองค์ในหอประชุมหันมามองทั้งสองคน หลางเชียนชิวเป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรหย่งอัน ในสมัยนั้นเขามีราชครู 2 คน และคนที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงก็มีเพียงราชครูฟางซิ่น การที่หลางเชียนชิวเรียกเซี่ยเหลียนเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือราชครูฟางซิ่น 1 ใน 2 นักพรตมารในตำนานผู้นำความล่มสลายมาสู่หย่งอันหรอกหรือ
.
.
.
.
.
>>691 อ่านตอนนี้แล้วสงสารเตี้ยเซี่ยนจริงๆ ตอนแรกก็ต้องมาคอยห้ามทัพแก๊งค์เด็กเลือดร้อน ห้ามซ้ายทีขวาที พอจะเบี่ยงเบนความสนใจก็กลายเป็นยิ่งลุกลาม อ่านตอนที่ว่าไฟไหม้คลังแสงแล้วเศร้าอ่ะ แบบทั้งๆที่ฟาฟาเก็บไว้ให้จะยกให้ตัวเองแต่สุดท้ายก็ทำลายคลังแสงที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจเก็บไว้ให้จนเสียหาย ปวดใจเลยอ่ะ ฮืออออออ แต่เรื่องโปรยกุศลนี่ฟิลมันเป็นยังไงอ่ะ เหมือนโปรยทานมะ 555555555
>>685 อ๋อ อย่างนี้นี่เองเรื่องน้องชายร่วมสาบานคงหนักมากจริงๆสำหรับพี่ซี โอเค กูเข้าใจผิดมาตลอดว่าพี่ซีเทตำแหน่งทิ้ง หวังว่าพี่ซีจะหายเจ็บปวดเร็วๆนะ คนที่แสนดีของกูTT
เออ กูถามอีกก ในนิยายวิธีที่อาเหยาใช้ฆ่าพี่เนี่ยเหมือนในซีรี่ย์ไหม555 เพราะถ้าใช่ กูว่าพี่ซีคงเสียใจเรื่องนั้นด้วยแน่ๆเพราะก็เหมือนตัวเองฆ่าพี่ใหญ่ทางอ้อมอะ คนดีของกูน่าสงสารจังเลย...
>>693 หลายอย่างเลยนะปมพี่ซี ทั้งเรื่องที่อาเหยาเอาวิธีรักษาของตัวเองไปเป็นวิธีฆ่า คนที่ตัวเองไว้ใจเชื่อใจมากที่แท้แล้วกลับเหมือนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวเลยทั้งเรื่องที่อาเหยาทำเรื่องเลวร้ายต่างๆหักหลังความเชื่อใจ ทั้งเรื่องปมของเจ้าตัวที่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นคนแบบนี้ ทั้งเรื่องความแตกหักระหว่างอาเหยากับพี่หมิง ทั้งเรื่องที่พี่หมิงทำกับอาเหยา ไหนจะเรื่องที่เป็นคนลงดาบคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุดเพราะน้องชายอีกคนที่ไว้ใจใช้ความหวาดระแวงของตัวเองเป็นเครื่องมือ สุดท้ายแล้วยินยอมจะตายไปกับเขาแต่เขากลับผลักออกมาพร้อมคำพูดที่ว่าคนเดียวที่ไม่เคยคิดทำร้ายคือเจ้าตัว พี่ซีเลยพังทลายลงไปน่ะ แบบไม่รู้จะเชื่อใจใครได้แล้ว อันไหนคือเรื่องจริงอันไหนคือเรื่องลวง พี่ไม่อยากรับรู้แล้ว
กูเข้าใจน้องเนี่ยนะแต่ก็โกรธนางเรื่องนี้ด้วย เพราะน้องไม่ใช่แค่ให้พี่ซีฆ่าคนที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดแต่ตัวน้องเนี่ยเองก็ทรยศความไว้ใจของพี่ซีเหมือนกันเลยเป็นหนึ่งในปมเรื่องความเชื่อใจของพี่ซีด้วย
>>697 กูหวังว่าเวลาจะช่วยรักษาพี่ซีได้ คนดีชิบหายแบบนี้ไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้เลย...พี่ซีเฉินของกู กูอยากจะพาพี่เขากลับบ้านแล้วซ่อนไว้...กูดูแลเอง555
เออแล้วที่เขาวิเคราะห์ว่าเพราะอาเหยาชวนแบบนั้นแล้วผลักออกเพื่อให้พี่ซีจดจำและเจ็บปวด อะไรนั้นกูว่าจริงส่วนหนึ่งวะ...กูคิดว่าตอนโดนแทงอาเหยาก็คงรู้สึกมองพี่ซีเปลี่ยนไปเหมือนกันก็เลยแบบ ฉันจะตายแล้วนะ จำไว้แล้วกันว่าเธอฆ่า...ไม่รู้ดิ กูมองยังไงกูก็มองอาเหยาดีไม่ได้555
>>698 ตรงนั้นกูว่าคิดแบบไหนก็ไม่ผิดเพราะโม่เซียงทำเป็นปลายเปิดไว้ จะคิดว่าอาเหยาไม่มีวันทำร้ายพี่ซีจริงๆก็ได้ หรือพูดเพื่อทำร้ายจิตใจก็ได้ ส่วนตัวกูคิดว่าทั้งสองอย่างรวมกัน อาเหยามีคนที่รักไม่เยอะ จินหลิงเอย พี่ซีเอย แต่ในใจเองก็คงอยากแก้แค้นเล็กๆที่ตัวเองไม่มีวันคิดทำร้ายพี่ซีจริงๆแต่กลับโดนแบบนี้ น้องเนี่ยเองก็เป็นคนที่อาเหยารักนะ จนถึงที่สุดก็ยังไม่ลงมือกับน้องเลย กูว่าตลค.มันมีขาวมีดำ จะดำหมดก็คงผิดหลักการแม่โม่ อันนี้ความคิดส่วนตัวกูนะ
เพื่อนกูเคยบอกว่าจินกวงเหยาในซีรีย์คือเสิ่นจิ่วในตัวร้ายอย่างข้า กูไม่เก็ตจนวันนี้ได้อ่านตัวร้ายนี่แหละ กูเข้าใจเลยว่าทำไมแม่โม่ถึงสร้างจินกวงเหยามาแบบนี้ แต่สุดท้ายจินกวงเหยาในซีรีย์ก็ดันย้อนกลับไปเป็นสิ่งที่แม่โม่เขียนไว้ซะงั้น
>>691 ขอบใจจ้า
แต่ละคน เพื่อนร่วมงานหรือเด็กฝากเลี้ยงในเซี่ยเหลียนเนิร์สเซอรี่คะ
คลังแสงวอดวายก็ไม่ต้องซีเรียสหรอกค่ะเตี้ยนเซี่ย ต่อให้วอดทั้งเมืองผีซานหลางของท่านก็ don't care ค่ะ ทุกอย่างของฟาฟาถวายให้ท่านหมดแล้ว
แต่อย่าหาเรื่องเจ็บตัวบ่อยนักสิคะ ถนอมพระวรกายด้วย ไม่งั้นฟาฟาจะ Hurt หนักมาก ในใจฟาฟากับเอ้อมิ่งเป็นหน้า ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥᷄⌓˂̣̣̥᷅ )‧º·˚ ไปแล้วนะคะ
>>698 >>700
ความรู้สึกกู คืออาเหยาไม่รักใครจริงสักคนนอกจากแม่. ที่นางคิดจะลากพี่ซีลงโลงไปด้วยแล้วเปลี่ยนใจนี่ ความรู้สึกกูเหมือนนางอยากให้พี่ซีเจ็บปวด แวบแรกอาจจะแบบตายด้วยกันเถอะ แวบต่อมาปล่อยให้แมร่งเจ็บแบบอยู่ไม่สู้ตาย คือถ้ากูรักใครสักคนมากๆ กูจะไม่ไปบอกเค้าหรอกว่าไม่มีวันทำร้ายเค้า กุจะแสดงให้เห็นเองจริงๆ ว่ากุไม่ทำ ไม่ใช่พอจะตายแล้วก็มาพูดให้กระทบใจ
ปล กุไม่ได้เกลียดอาเหยา. นี่แค่ความรู้สึกกรุเฉยๆ
แม่โม่เป็นอะไรกับตัวละครสายพี่ชายแสนดีป่ะวะ ชะตาชีวิตบัดซบมาสองคนรวด พี่เยวี่ยงร้ พี่ซีงี้ กุอยากกอดเก็บเขาไว้ ไม่ให้พี่ชายคนดีของกุต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายพวกนี้
>>703 กูคิดแบบมึง แต่ด้วยบทที่ปูมาอาเหยาต้องมีความเห็นแก่ตัวอยู่กูว่าก็มีความเป็นไปได้ว่ามีส่วนลึกที่แบบ อยากให้ตายไปด้วยจริงๆแต่อาจจะมาคิดได้ มันก็เป็นไปอีกแบบหนึ่ง...
อะนั้นอะกูดูแก้ตัวไปอีกแต่คือกูก็ไม่ได้มองงี้หรอก เข้าใจปมน้องแหละแต่กูว่ามันเล็กน้อยสำหรัยกูแต่ก็นั้นอีกแหละ ความอดทนของคนเรามันมีไม่เท่ากัน...แต่กูก็อภัยอาเหยาไม่ได้อยู่ดีถึงกูจะบอกว่ากูเข้าใจ
>>704 เออ กูเห็นด้วยย คนแสนดีของกูอาภัพกันไปหมดเลยยยยยย กูอยากจะพาเขามาซ่อนบ้านกูกอดเขาไว้แน่นๆ พร้อมเอามีดทำครัวฟาดคนที่ร้ายใส่คนดีของกูทั้งหมดดดด
ปูเสื่อรอโม่งสปอย
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>691 เทียนกวาน Part.40
ก่อนสปอยขอสารภาพบาปอีกหนว่าพาร์ทที่แล้วกูแปลผิดที่ว่าหลางเชียนชิวมีราชครู 2 คน ความจริงหลางเชียนชิวมีอาจารย์แค่คนเดียวนะ T^T
.
.
.
.
.
เมื่อได้ยินคำของหลางเชียนชิว เฟิงซิ่นและมู่ฉิงก็ตกใจเป็นอย่างมาก ซือชิงเสวียนรีบเอ่ยถามว่าหลางเชียนชิวจำคนผิดหรือเปล่า ไม่นานนักจวินอู่ก็เข้ามาในหอประชุม บอกให้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่าเหตุใดหลางเชียนชิวถึงไม่ยอมปล่อยเซี่ยเหลียน พอคิดว่าตอนนี้เซี่ยเหลียนไม่มีทางหนีไปได้ หลางเชียนชิวก็ปล่อยมือคนตรงหน้า แล้วหันไปบอกวินอู๋ฟังว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเซี่ยเหลียนใช้ชื่อว่าฟางซิ่น และได้สังหารราชวงศ์ของเขาจนส่งผลให้อาณาจักรหย่งอันล่มสลายในเวลาต่อมา เขาจึงขอจัด Death Match กับเซี่ยเหลียนโดยมีจวินอู๋เป็นพยาน
ในขณะที่เทพหลายองค์กำลังพยายามหาข้อมูลของราชครูฟางซิ่นในเครือข่ายโทรจิต หลิงเหวินก็ปรากฏตัวขึ้น เธออธิบายให้ฟังว่าราชครูฟางซิ่นเป็นอาจารย์ของหลางเชียนชิว และที่เขาถูกเรียกว่าเป็น 1 ใน 2 นักพรตมารก็เป็นเพราะเหตุการณ์งานเลี้ยงฉลองทองคำอาบเลือดของราชวงศ์หย่งอัน ซึ่งจัดขึ้นในคืนวันเกิดปีที่ 17 ขององค์ชายรัชทายาท ราชครูฟางซิ่นถือกระบี่เข้าไปงานเลี้ยงและสังหารเหล่าราชวงศ์ทุกคนที่เข้าร่วมงาน มีเพียงหลางเชียนชิวที่ไปร่วมงานสายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ เมื่อราชครูถูกจับตัว หลางเชียนชิวจึงสังหารอีกฝ่ายด้วยมือของตน ก่อนเอาร่างของราชครูใส่ลงในโลงศพ 3 ชั้น แล้วนำไปฝังไว้ใต้ดินอีกที แต่ถึงคนร้ายจะถูกจัดการ ราชวงศ์หย่งอันก็สูญเสียเป็นอย่างมากจนในที่สุดก็ถูกอาณาจักรอื่นกลืนกิน
หลางเชียนชิวบอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชครูฟางซิ่นถึงได้กระทำการอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันคือการล้างแค้น ในเมื่อหย่งอันทำให้เซียนเล่อล่มสลาย และทำให้พ่อแม่ของเซี่ยเหลียนต้องเสียชีวิต อีกฝ่ายจึงใช้วิธีเดียวกันกับหลางเชียนชิว เทพองค์อื่นพากันซุบซิบนินทา ก่อนที่จวินอู๋ก็ขอให้หลางเชียนชิวแสดงหลักฐานว่าเซี่ยเหลียนคือราชครูฟางซิ่นจริงๆ เพราะราชครูมารใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ตลอด ทำให้ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขามีหน้าตาเป็นเช่นไร หลางเชียนชิวบอกว่าเซี่ยเหลียนเป็นผู้สอนการใช้ดาบให้แก่เขา มีหรือที่เขาจะจำวิธีที่อีกฝ่ายโจมตีไม่ได้ ตอนที่เขาอายุ 12 ปี เขาเคยลูกลักพาตัว ในตอนนั้นมีนักแสดงข้างถนนคนหนึ่งเข้ามาช่วยเขาโดยใช้เพียงกิ่งไม้ในการต่อสู้ เวลาต่อมาเขาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครูและสอนหลางเชียนชิวเป็นเวลาถึง 5 ปี เขาจึงคุ้นเคยกับเพลงดาบของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
หลางเชียนชิวขอให้เทพองค์อื่นส่งกระบี่มาให้เขากับเซี่ยเหลียนต่อสู้กัน ทุกคนจะได้เห็นว่าทั้งสองมีวิธีการใช้ดาบแบบเดียวกัน ซือชิงเสวียนยังคงพยายามช่วยพูดโดยการบอกว่าแขนขวาของเซี่ยเหลียนบาดเจ็บอยู่ ทว่าหลางเชียนชิวกลับรวบรวมพลังที่มือซ้ายซัดใส่แขนขวาของตัวเองจนเลือดอาบ และร้องให้เซี่ยเหลียนต่อสู้กับเขาอย่างลูกผู้ชาย เซี่ยเหลียนส่ายหน้า บอกว่าเขาสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ใช้กระบี่สังหารผู้ใดอีก ได้ยินดังนั้นภาพที่ราชครูฟางซิ่นกำลังดึงกระบี่ออกจากร่างของบิดาก็กลับเข้ามาในหัวของหลางเชียนชิว เทพแห่งลมพยายามช่วยแก้ต่าง บอกว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะในเมื่อราชครูฟางซิ่นสวมหน้ากากตลอดเวลา ก็อาจมีคนปลอมตัวเป็นเขามาก่อเรื่องก็ได้ แล้วเขาก็หันไปหาจวินอู๋อย่างขอให้อีกฝ่ายช่วยพูด กระนั้นเมื่อมหาเทพสอบถามเพิ่มเติม เซี่ยเหลียนกลับยอมรับว่าเขาคือราชครูฟางซิ่น และเป็นผู้ก่อเหตุสังหารในงานเลี้ยงฉลองทองคำอาบเลือดของราชวงศ์หย่งอันจริงๆ
ก่อนหน้านี้ แม้เผยซู่จะมีเผยหมิงคอยช่วย เขาก็ยังถูกเนรเทศ สำหรับเซี่ยเหลียน เขาจะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับจวินอู๋ว่าจะว่าอย่างไร ตอนขึ้นสวรรค์ครั้งแรกมหาเทพมองเขาเป็นคนโปรด ตอนขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 2 พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ส่วนในการขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 จวินอู๋ก็ยังแสดงมิตรไมตรี ถึงขั้นเป็นคนสั่งสร้างตำหนักให้เซี่ยเหลียนในจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของสวรรค์ ในขณะที่เทพทุกองค์หันไปมองมหาเทพว่าจะว่าอย่างไร จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ขอให้อีกฝ่ายปลดเขาจากการเป็นเทพ และเนรเทศเขากลับลงสู่ภพมนุษย์ สร้างเสียงฮือฮาในหอประชุมเป็นอย่างมาก หลางเชียนชิวไม่อาจยอมรับคำของเซี่ยเหลียน เขาเพียงต้องการดวลและไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายถูกเนรเทศ แต่เซี่ยเหลียนก็ยืนยันว่าเขาไม่อยากต่อสู้ เพราะหากเขาทำอย่างนั้น คนที่ต้องเสียชีวิตจะต้องเป็นหลางเชียนชิวอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>707 เทียนกวาน Part.41
.
.
.
.
.
เทพหลายองค์แอบคิดในใจว่าเทพเก็บขยะไร้พลังอย่างเซี่ยเหลียนช่างเหิมเกริมไร้ยางอายที่อ้างว่าสามารถสังหารเทพสงครามแห่งทิศตะวันออกอย่างหลางเชียนชิว สงสัยที่ขอถูกเนรเทศเองจะเป็นเพราะกลัวถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย หลางเชียนชิวไม่คิดอย่างนั้น บอกว่าจะอยู่หรือตายไม่สำคัญและต้องการต่อสู้ให้ได้ ซือชิงเสวียนพยายามช่วยพูดอีกครั้ง เขาตั้งข้อสังเกตว่าหากเซี่ยเหลียนต้องการฆ่าล้างแค้นราชวงศ์หย่งอันจริงๆ เหตุใดจึงปล่อยให้หลางเชียนชิวรอดชีวิต แถมตอนอยู่ที่เมืองผี เซี่ยเหลียนก็ยังเข้าไปช่วยอีกฝ่ายตอนกำลังจะเสียท่าให้กับฮวาเฉิงอีกต่างหาก แต่เผยหมิงก็รีบกวนน้ำให้ขุ่นโดยบอกว่าในเมื่อเซี่ยเหลียนเป็นคนยอมรับความผิดเองไม่ต่างจากเผยซู่ เหตุใดจึงปฏิบัติแตกต่าง
ในที่สุดจวินอู๋ก็เอ่ยเสียงเรียบให้ทุกคนสงบ กล่าวให้หลางเชียนชิวค่อยๆ ประเมินเรื่องราวจนรู้ความจริงทั้งหมดเสียก่อน ส่วนเซี่ยเหลียนที่ไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดก็ให้คุมตัวกักบริเวณที่ตำหนักเซียนเล่อ แล้วเขาจะไปซักถามรายละเอียดด้วยตัวเอง โดยระหว่างนั้นห้ามหลางเชียนชิวกับเซี่ยเหลียนพบกันโดยเด็ดขาด เห็นจวินอู๋ปกป้องเซี่ยเหลียน เทพองค์อื่นก็ตั้งใจว่าจะไม่เผลอเรียกเซี่ยเหลียนว่าที่ขบขันของทั้ง 3 ภพในที่สาธารณะอีก แม้จะไม่พอใจกับคำตัดสินแต่หลางเชียวชิวก็ยอมผละมือ โดยเอ่ยทิ้งท้ายไว้ว่าไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรเขาก็จะสู้กับเซี่ยเหลียนอยู่ดี
เซี่ยเหลียนขอบคุณเทพแห่งลมที่พยายามช่วย แต่อย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้ดีกว่า ก่อนขอให้อีกฝ่ายช่วยดูแลหลางอิ๋งระหว่างที่เขาถูกคุมตัว และหากแม่ทัพเผยพยายามไปวุ่นวายกับปั้นเยวี่ยก็ขอให้ช่วยเหลือเธอให้หน่อย เขาถูกเจ้าหน้าที่พามาที่ตำหนักเซียนเล่อ เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่ถูกสร้างเหมือนกับตำหนักเดิมของเขาทุกประการ หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายในช่วงไม่กี่วันนี้ เซี่ยเหลียนที่รู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจก็นอนสลบไปบนพื้น
เซี่ยเหลียนฝันถึงวันที่เขายังคงใช้ชื่อราชครูฟางซิ่น หลางเชียนชิวในวัย 14 ปีร้องขอให้เขาสอนวิชาดาบสกัดการโจมตีจากคนสองคนพร้อมกัน เซี่ยเหลียนปฏิเสธ แต่เมื่อเด็กชายก็ยังคงเรียกร้อง เขาก็ถามคำถามว่าหากมีคนหิวโหย 2 คนกำลังต่อสู้กันเพื่อขโมยอาหารของอีกฝ่าย ถ้าคนที่ 3 อยากหยุดการต่อสู้จะต้องพูดอย่างไร หลางเชียนชิวตอบว่าไม่มีทางทำได้ เพราะทั้งสองต้องการเพียงอาหาร เซี่ยเหลียนสอนต่อว่าเพราะปัญหาแรกไม่ได้ถูกคลี่คลายจึงจะไม่มีใครฟังสิ่งที่บุคคลที่ 3 พูด การใช้ดาบสกัดการโจมตีของคนสองคนก็เหมือนกัน และที่ตอนนั้นเขาใช้มันช่วยหลางเชียนชิวจากโจรลักพาตัวก็เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เด็กชายถามต่อว่าแล้วถ้าบุคคลที่ 3 มีอาหารไม่เพียงพอจนทั้งสองทะเลาะกันหนักขึ้น และเรียกร้องจะเอาอาหารจากบุคคลที่ 3 มากขึ้นจะต้องทำอย่างไร เซี่ยเหลียนจึงถามกลับว่าอีกฝ่ายคิดว่าต้องทำอย่างไร หลางเชียนชิวบอกว่าตนก็ไม่รู้เช่นกัน บางทีคนๆ นั้นอาจไม่ควรเข้าไปยุ่งแต่แรกก็เป็นไปได้
จากนั้นภาพฝันก็ตัดไปที่ท้องพระโรงทองคำที่ถูกของเหลวสีแดงย้อมไปทั่ว ทุกร่างที่อยู่ในห้องล้วนถูกปาดคอเสียชีวิต มือสั่นเทาของเขากำลังถือกระบี่ เท้าค่อยๆ ย่างเข้าไปใกล้ราชาซึ่งดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเกลียด เมื่อราชายกศีรษะขึ้นมาจ้องมองเขา เซี่ยเหลียนก็แทงอาวุธในมือลงในร่างนั้นซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่องค์ชายรัชาทายาทมาถึงพอดี หลางเชียนชิวมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ และในตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาอย่างเลื่อนลอย เซี่ยเหลียนก็ดึงกระบี่ออกจากร่างของราชา หลางเชียนชิวร้องเรียกบิดามารดาแต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ จากทั้งคู่ แล้วเด็กชายก็หันมาตะโกนถามอาจารย์ว่าท่านทำอะไรลงไป สักพักหนึ่งเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงเย็นชาของตัวเองตอบกลับไปว่าพวกเจ้าทุกคนสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว
เซี่ยเหลียนตื่นขึ้นมาจากห้วงฝัน รู้สึกมีบางอย่างอยู่ที่หน้าอก เมื่อหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันคือลูกเต๋าที่เขาเอามาจากอนุสรณ์สุขวดี พอนึกถึงภาพที่ฮวาเฉิงยืนอยู่ในเปลวไฟจ้องมองมาที่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าจะต้องเก็บขยะอีกเท่าไรถึงจะขดใช้อีกฝ่ายได้ทั้งหมด หรือไม่เขาก็คงต้องยกชีวิตทั้งชีวิตในอีกฝ่ายไปแทน เมื่อลองโยนเต๋าดูก็ได้แต้ม 1 ทั้งสองลูก โชคที่เขายืมมาจากอ๋องผีหมดไปแล้วจริงๆ ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จึงรีบเก็บลูกเต๋าขึ้นมา เมื่อหันกลับไปเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏต่อสายตา อีกฝ่ายคือมู่ฉิง
.
.
.
.
.
>>715 thanks
ลุงเผยเอ๋ย ลุงต้องเข้าใจนะ ความลำเอียงมันคือสัจธรรมของโลก+สวรรค์ (≖ ‿ ≖ )
เตี้ยนเซี่ยคะซานหลางของท่านไม่ต้องการชีวิตท่านค่ะ เขาต้องการความรัก รีบส่ง ❤ ไปให้เขาเลยค่ะ
//ด้านบนคือส่วนที่โดกิโดกิตอนนี้ ส่วนด้านล่างคือสภาพจิตใจอีกด้าน
.
.
.
.
.
(;へ:)(༎ຶ⌑༎ຶ) (╥_╥) (☍﹏⁰)。
ตัวอย่างที่ยกขึ้นมาให้เชียนชิวคิดนั่น... มันอิงมาจากเรื่อง *** ที่เป็นปสก.ตรงของท่านใช่มั้ยเตี้ยนเซี่ย
เหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ในความต่างมันมีความคล้าย...
ขนาดเรายังปวดใจเหมือนโดนลูกธนูเสียบอกทะลุหัวใจ แล้วฟาฟาจะต้องปวดใจหนักขนาดไหน
รีบมาปลอบเตี้ยนเซี่ยของนายเร็วเข้า ขอแสงสว่างให้ชีวิตเซี่ยเหลียนหน่อยเถอะ
.
.
.
.
.
ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากนะ
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>715 เทียนกวาน Part.42
.
.
.
.
.
มู่ฉิงประชดใส่เซี่ยเหลียนว่านึกว่าคนที่มาคือเฟิงซิ่นหรือ เมื่อเซี่ยเหลียนถามคนตรงหน้าว่ามาทำอะไร อีกฝ่ายก็แฉไฉว่าจวินอู๋ห้ามหลางเชียนชิวมาพบเซี่ยเหลียน แต่ไม่ได้ห้ามเขา มู่ฉิงมองสำรวจตำหนักใหม่ของเซี่ยเหลียน ก่อนโยนขวดยารักษาอย่างดีให้ เซี่ยเหลียนมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่ขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 มู่ฉิงเหมือนจะรอให้เขาถูกเตะออกจากสวรรค์มาตลอด แต่พอเขากำลังจะถูกเนรเทศไปจริงๆ ก็มาทำดีด้วย แต่ถึงแม้ตอนที่จวินอู๋เข้ามาในหอประชุม มหาเทพจะแตะแขนขวาของเซี่ยเหลียนใช้พลังหยุดเลือดให้แล้ว ก็คงเป็นการดีกว่าที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ เขาจึงใช้ยาที่มู่ฉิงให้มาเทใส่แขนตัวเอง
มู่ฉิงย้ำว่าคงไม่มีใครอื่นมาที่นี่อีก ก่อนถามเซี่ยเหลียนว่าเรื่องที่หลางเชียนชิวพูดเป็นความจริงหรือไม่ และขอให้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมให้ฟัง แม้อีกฝ่ายจะเก็บอาการอย่างรวดเร็ว เซี่ยเหลียนก็ทันเห็นแววตาที่ต้องการเผือกเป็นอย่างยิ่งของคนตรงหน้า แต่ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น พอเห็นมู่ฉิงเขาก็เริ่มโวยวายว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ หลังจากเซี่ยเหลียนโบกขวดยาให้ดู เฟิงซิ่นจึงเมินมู่ฉิงแล้วเดินมาหาเขา ทำท่าเหมือนอยากถามอะไร เซี่ยเหลียนรีบตัดบทว่าหากทั้งสองจะถามคำถามเดียวกัน เขาก็จะตอบเลยว่าสิ่งที่เขาพูดในหอประชุมเป็นความจริง เห็นเฟิงซิ่นหน้าซีด มู่ฉิงก็แขวะคนตรงหน้าอีก จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกัน ต่างงัดเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างทอดทิ้งเซี่ยเหลียนในยามลำบากขึ้นมา และทั้งๆ ที่เซี่ยเหลียนกับหลางเชียนชิวยังไม่ได้ลงไม้ลงมือกัน เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็ชิงเริ่มวางมวยกันก่อนแล้ว
ตอนที่เซี่ยเหลียนกำลังวิ่งไปที่ประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ จู่ๆ ประตูตรงหน้าก็กระแทกเปิดออกเอง ทว่าสิ่งที่อยู่อีกฝั่งกลับเป็นความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด ทันใดนั้นฝูงผีเสื้อสีเงินก็พุ่งเข้าใส่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิง แม้ทั้งสองจะใช้พลังทิพย์สร้างกำแพงกันการโจมตีไว้ได้ แต่พวกผีเสื้อที่พุ่งใส่ไม่หยุดหย่อนก็ทำให้พวกเขาต้องถอยร่น เฟิงซิ่นตะโกนเรียกให้เซี่ยเหลียนมาหลบข้างหลัง แต่พอเห็นอีกฝ่ายกำลังให้ผีเสื้อตัวหนึ่งเกาะมือ ทั้งเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ ร้องพร้อมกันว่าอย่าเอามือไปจับมัน ตอนนั้นเองก็มีใครบางคนจับข้อมือของเซี่ยเหลียนแล้วดึงเขาหายเข้าไปในความมืด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เซี่ยเหลียนกลับรู้สึกปลอดภัยและสงบมาก เจ้าของผีเสื้อสีเงินนั่นจะเป็นใครไปได้อีก
ประตูปิดลง แล้วฮวาเฉิงก็จูงเซี่ยเหลียนออกเดินไปข้างหน้า แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดหรือถามอะไรอีกฝ่าย เฟิงซิ่นก็ตะโกนในเครือข่ายโทรจิตถามหาเซี่ยเหลียน ทำเอาเจ้าหน้าที่สวรรค์ทุกคนแตกตื่น มู่ฉิงถามหาตัวหลิงเหวิน บอกว่าเซี่ยเหลียนหนีไปแล้ว เฟิงซิ่นจึงร้องว่าเซี่ยเหลียนถูกลักพาตัวไปต่างหาก ก่อนถามว่าเซี่ยเหลียนได้ยินเสียงเขาหรือเปล่าและตอนนี้อยู่ที่ไหน
เจ้าหน้าที่สวรรค์ต่างส่งเสียงพูดคุยสอบถามกันวุ่นวาย หลิงเหวินพยายามตามหาตำแหน่งของเซี่ยเหลียน เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตะโกนหาเทพสงครามมาช่วยไล่ตาม ซือชิงเสวียนแจกกุศลเรียกคนมาช่วย ขณะที่เซี่ยเหลียนกำลังจะพูดแทรกบอกให้ทุกคนใจเย็นลง จู่ๆ นิ้วของฮวาเฉิงก็แตะลงบนขมับของเขา อ๋องผีหัวเราะทักทายเจ้าหน้าที่สวรรค์ในเครือข่ายผ่านเซี่ยเหลียน พอได้ยินเสียงนั้นความโกลาหลก่อนหน้าก็ตกลงสู่ความเงียบสนิท แม้อ๋องผีจะพูดเกรียนไปอีก 2-3 ประโยคก็ไร้เสียงตอบรับ ด้วยชื่อเสียงอันลือลั่นของฮวาเฉิงทำให้ทุกคนต่างพยายามทำตัวจืดจางที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจดจำตัวเองได้ มีเพียงเฟิงซิ่นที่ยังคงสบถด่าให้ได้ยิน
ฮวาเฉิงเอามือออกจากขมับของเซี่ยเหลียนก่อนเรียกอีกฝ่ายเดินไปด้วยกัน ตอนแรกเซี่ยเหลียนคิดว่าอ๋องผีอาจมาช่วย แต่พอคิดว่าคนตรงหน้าอาจมาทวงแค้นสิ่งที่เขาทำในเมืองผีก็ได้ เซี่ยเหลียนจึงเอ่ยขอโทษและบอกว่าจะหาทางชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ฮวาเฉิงกลับถามว่าเซี่ยเหลียนขอโทษเรื่องอะไร เป็นเขาต่างหากที่ทำให้เซี่ยเหลียนได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นจู่ๆ เอ้อมิ่งที่เอวของฮวาเฉิงก็สั่นไม่หยุด อีกทั้งดวงตาของมันก็ยังมีน้ำตาคลออยู่ เซี่ยเหลียนยื่นมือจะไปปลอบมัน ทว่าอ๋องผีกลับเบี่ยงตัวหลบ ก่อนบอกว่าอย่าได้สนใจมัน แล้วเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงของเฟิงซิ่นในเครือข่ายโทรจิตอีกครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามหาทางเปิดประตูมิติตามมาแต่ไม่ทราบวิธี ซือชิงเสวียนที่ผ่านการผจญภัยมากับเซี่ยเหลียนจึงรีบออกตัวบอกว่าต้องใช้ลูกเต๋ามาทอย พอนึกถึงสถานที่ที่เขากับเทพแห่งลมได้เจอมา เซี่ยเหลียนก็รีบร้องห้ามไว้ ทว่าพลังทิพย์ของเขายังไม่ฟื้นฟู ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา
.
.
.
.
.
กูรอนิยายไม่ไหว ปรมจ ไปดูซีรี่ส์ ช่วงที่เว่ยอิงฟื้นกลับมาแล้ว
.
.
.
.
.
โศกนาฏกรรมเมืองอี้ทำกูร้องไห้เลยฉิบหาย ปวดใจมาก เซวียหยางมึงรักเขา แต่มึงแม่งโรคจิต แสดงความรักไม่เป็น เลยทำให้เรื่องราวเลวร้าย สุดท้ายต้องจมอยู่กับความเศร้าโศกเหมือนผีบ้า อยากให้เขาฟื้นคืนกลับมา กระทั่งตายยังคิดถึงเขาจนลมหายใจสุดท้าย ขอตัวไปร้องไห้ต่อ
.
.
.
.
.
>>720 ขอบคุณจ้าโม่งสปอย
มู่ฉิง เฟิงซิ่น พวกแกยังมีหน้ามาโกรธอีกเรอะ!!! ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเลย หมั่นไส้ อยากเขกกะโหลก ชิๆๆๆ!!!! แต่ขำเซี่ยเหลียนอะ ขอแค่เป็นซานหลางของเค้าก็พร้อมจะเชื่อใจเกิน 1,000,000% ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข หลงเกินไปแล้ว ฮวาเฉิงก็อาการหนักมาก หึงกระทั่งดาบ เอ้อมิ่งโหยหาความรักความเมตตาจากเตี้ยนเซี่ยนะคะ โปรดแบ่งปันให้น้องสักเศษเสี้ยวเถอะ (ฟาฟาบอกฝันไปเถอะ)
ในที่สุดก็สปอยมาเกินจากที่มีคนแปลไว้ในเด็กดีแล้วแฮะ
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>720 เทียนกวาน Part.43
.
.
.
.
.
เฟิงซิ่นกรีดร้องสบถด่าด้วยคำไม่ผ่านกองเซนเซอร์ลั่นเครือข่ายโทรจิต และเสียงมู่ฉิงที่ดังขึ้นก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้ว่าทั้งสองน่าจะข้ามมาแล้ว ซือชิงเสวียนรีบอธิบายว่าแต้มแต่ละแต้มจะพาไปสถานที่ที่แตกต่างกัน เมื่อได้ยินว่าเฟิงซิ่นทอยได้ 4 ด้วยความเป็นห่วงเซี่ยเหลียนเลยหันไปถามฮวาเฉิงว่ามันคือที่ใด อ๋องผีตอบว่าเป็นสถานที่ที่คนทอยกลัวที่สุด พอได้ยินเสียงมู่ฉิงด่าเฟิงซิ่นที่ทอยมาเจอห้องอาบน้ำสตรี เซี่ยเหลียนก็ถึงกับยกมือปิดหน้า มู่ฉิงแย่งลูกเต๋าไปทอยบ้าง แล้วทั้งคู่ก็ไปตกอยู่ในดงจระเข้ เกิดเสียงต่อสู้อุตลุดให้ได้ยิน จากนั้นทั้งสองก็ทะเลาะแย่งชิงลูกเต๋ากันอีก ทำเอาบรรดาเทพที่ฟังอยู่สุดตื่นเต้นลุ้นระทึกจนนึกอยากให้มีไลฟ์สตรีมถ่ายทอดภาพสดให้ดู
ด้วยฝีมือของทั้งคู่พวกจระเข้คงไม่คณนามือ เซี่ยเหลียนจึงเลิกสนใจแล้วหันไปถามฮวาเฉิงว่าการที่เขาทอยได้ 1 ทั้งสองลูกจะได้พบกับอีกฝ่ายหรือ อ๋องผีจึงบอกว่าไม่ใช่ เพราะไม่ว่าเซี่ยเหลียนจะทอยได้แต้มเท่าไร หากอยากพบเขาก็จะได้พบอยู่ดี ขณะที่เซี่ยเหลียนกำลังอึ้ง เขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนขอเป็นฝ่ายทอยเต๋าบ้าง จากนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งผ่านเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงไปปิดกั้นทางของทั้งสอง มันคือกระบี่ใบดาบสีดำเล่มหนึ่ง ชื่อของมันคือฟางซิ่น และเงาของคนๆ หนึ่งก็กระโดดลงมาข้างอาวุธเล่มนั้น
หลังจากที่ราชครูฟางซิ่นถูกสังหาร กระบี่ของเขาก็ตกไปอยู่ในมือขององค์ชายรัชาทายาทแห่งหย่งอัน ดูเหมือนหลางเชียนชิวจะทอยลูกเต๋าได้แต้มที่ถูกต้อง ฮวาเฉิงทำท่าเหมือนจะมายืนบัง แต่เซี่ยเหลียนห้ามไว้และออกหน้าเอง หลางเชียนชิวยังคงเรียกให้เซี่ยเหลียนต่อสู้กับตน ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็ตอบตกลงแล้วเดินไปหยิบกระบี่ที่อีกฝ่ายดรอปให้ หลางเชียนชิวตั้งท่าพร้อมต่อสู้ สายตาไม่ละไปจากกระบี่ฟางซิ่นในมือของเซี่ยเหลียน ทว่าในตอนที่เซี่ยเหลียนพุ่งเข้ามาร่างกายของเขากลับแข็งค้างเหมือนถูกมัด เขาล้มลงกับพื้นแล้วจึงเห็นว่ารั่วเย่รัดเขาไว้ทั้งตัว
เซี่ยเหลียนถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่หลางเชียนชิวดิ้นกระแด่วตะโกนให้ปล่อยเขา แล้วต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง เซี่ยเหลียนจึงบอกไปว่ารั่วเย่คือหนึ่งในอาวุธของเขาจึงนับว่าหลางเชียนชิวพ่ายแพ้เรียบร้อย หลางเชียนชิวไม่ยอมรับ บอกว่าเซี่ยเหลียนขี้โกง แต่สำหรับเซี่ยเหลียนผู้เคยแต่งหญิงมาครั้งหนึ่ง แถมยังประกาศกลางตลาดว่าตัวเองไม่ขัน คำพูดของอีกฝ่ายเลยทำดาเมจให้เขาไม่ได้แม้แต่น้อย เขาก้มลงบอกหลางเชียนชิวว่าถ้าจะนับว่าเขาขี้โกงจริงแล้วทำไม ชนะก็คือชนะ หากคู่ต่อสู้ไม่ใช่เขา หลางเชียนชิวก็คงตายไปแล้ว ได้ยินดังนั้นฮวาเฉิงก็หัวเราะเบาๆ ในขณะที่หลางเชียนชิวผู้ถูกสอนวิธีสู้ตามธรรมเนียมมาตลอดอึ้งที่บุคคลที่สอนเขามาพูดแบบนั้น แต่เมื่อเห็นเซี่ยเหลียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็ตะโกนบอกว่าเซี่ยเหลียนยังติดค้างคำอธิบายกับเขา
หลางเชียนชิวบอกว่าเขาเข้าใจความแค้นระหว่างราชวงศ์เซียนเล่อกับหย่งอันดี แต่พ่อแม่ของเขา เรื่องที่หลางเชียนชิวพูดเป็นความจริง แม้ต้นราชวงศ์หย่งอันจะปกครองชาวเซียนเล่ออย่างโหดร้าย จนชาวเซียนเล่อที่ทนไม่ได้สร้างองค์กรใต้ดินลอบสังหารราชวงศ์หย่งอันหลายครั้งส่งผลให้ชาวบ้านของสองอาณาจักรเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทว่าเมื่อพ่อของหลางเชียนชิวครองราชย์เขาก็หันมาปฏิบัติต่อชาวเซียนเล่อด้วยความเมตตา และให้ชาวเคารพต่อราชวงศ์เซียนเล่อที่เหลือรอด หลางเชียนชิวที่ถูกเลี้ยงมาเช่นนี้จึงไม่มีอคติใดๆ ต่อชาวเซียนเล่อ แม้ภายหลังเหตุการณ์งานเลี้ยงอาบเลือดความเกลียดชังที่ฝั่งแน่นจะทำให้ราชวงศ์ที่รอดชีวิตต่างต้องการกำจัดความเซียนเล่อให้สิ้นซาก แต่หลางเชียนชิวก็ต่อต้านมาตลอด และเขาปกป้องชีวิตชาวเซียนเล่อไว้ได้มากมาย
หลางเชียนชิวมองเซี่ยเหลียนด้วยดวงตาแดงก่ำ ถามว่าสิ่งที่เขาทำไม่เพียงพอหรือ พ่อแม่ของเขาทำอะไรผิดเซี่ยเหลียนจึงต้องกระทำกับพวกเขาเช่นนั้น และเซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่อาจให้คำอธิบายใดๆ กับอีกฝ่ายได้ หลางเชียนชิวจึงถามอีกว่าเป็นเพราะเซี่ยเหลียนต้องทนทุกข์ทรมานตอนอายุ 17 ปี จึงทำให้เขาต้องเจอสิ่งเดียวกันตอนอายุ 17 ปีหรือ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้เซี่ยเหลียนสมใจ ถ้าเซี่ยเหลียนอยากย้อมให้ใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาจะไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเซี่ยเหลียนอยากให้เขาทอดทิ้งตัวตนของตัวเอง เขาจะไม่ทำ และเขาจะไม่มีวันกลายเป็นเหมือนเซี่ยเหลียนเด็ดขาด
หลังจากได้ยินคำเหล่านั้นเซี่ยเหลียนก็เงียบไปพักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำตารินไหล อีกทั้งยังปรบมือไปด้วย แล้วเขาจึงพูดว่า ดีมาก จำสิ่งที่เจ้าพูดวันนี้ให้ดีว่าเจ้าจะไม่มีวันกลายเป็นเหมือนข้า
.
.
.
.
.
>>727 ขอบใจเพื่อนโม่ง
ฟาฟากอดปลอบสุดที่รักนายหน่อยเค้าร้องไห้แล้ว ที่จริงฉันอยากเป็นกอดเองนะแต่ไม่ใช่ซานหลางของเกอเกอทำแทนไม่ได้
>>729 อย่าโกรธน้องเลย เซี่ยเหลียนเจ็บ น้องก็เจ็บเหมือนกันนะ ในบรรดาคนที่มีคดีกับเซี่ยเหลียนกูสงสารเชียนชิวที่สุดแล้ว โกรธไม่ลงเลย
.
.
.
.
.
.
ถึงเคสนี้มันจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือคำโกหก ที่เซี่ยเหลียนทำลงไปมันก็ทำร้ายจิตใจน้องจริงๆ
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>727 เทียนกวาน Part.44
.
.
.
.
.
หลังจากเซี่ยเหลียนพูดจบ จู่ๆ ควันสีแดงก็ระเบิดขึ้นตรงหน้าแล้วหลางเชียนชิวก็กลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกซึ่งโยกไปมาอย่างกราดเกรี้ยว เซี่ยเหลียนขอให้ฮวาเฉิงคืนร่างเดิมให้อีกฝ่าย ทว่าอ๋องผีกลับบอกปัด เรียกให้ตามเขาไปและพาหลางเชียนชิวมาด้วย เซี่ยเหลียนถามว่าจะไปที่ไหนแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ฮวาเฉิงทอยลูกเต๋า จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนอุ้มหลางเชียนชิวขึ้นมา กลับไปเก็บกระบี่ฟางซิ่นมาสะพายบนหลังแล้วเดินตามอ๋องผีไป ทั้งคู่เดินด้วยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเซี่ยเหลียนได้ยินเสียงร้องเพลง และเห็นแสงจางๆ อยู่เบื้องหน้า
ฮวาเฉิงส่งสัญญาณให้เซี่ยเหลียนเงียบ ไม่นานนักก็มีกลุ่มผีชุดเขียวตัวเล็กซึ่งเหนือศีรษะมีลูกไฟวิญญาณสีเดียวกันลอยอยู่เดินผ่านมา เมื่อผีกลุ่มนั้นเดินผ่านไป อ๋องผีก็เดินนำเขาออกมาจากซอกถ้ำที่ซ่อนตัว ทว่าตอนนี้ร่างของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นผีผิวซีดในชุดสีเขียวไม่ต่างจากพวกผีกลุ่มนั้น และการที่ผีตนอื่นไม่มีทีท่าตกใจที่เห็นพวกเขาก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้ว่าฮวาเฉิงได้ใช้พลังเปลี่ยนผิวปลอมให้เขาเช่นกัน แล้วคนตรงหน้าจึงอธิบายว่าเป็นเพราะผีเขียวฉีหรงสั่งให้ลูกน้องของตนต้องแต่งกายแบบนี้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ร่างกายเช่นนี้ลอบเข้าไป
เซี่ยเหลียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าอ๋องผีจะพาเขามายังที่ซ่อนตัวของผีเขียว เขากอดตุ๊กตาหลางเชียวชิวแน่นขึ้น บอกว่าเช่นนั้นก็น่าจะปลดคำสาปให้หลางเชียวชิวก่อน แล้วพวกเขาสองคนค่อยไปด้วยกันต่อ แต่ฮวาเฉิงกลับบอกว่าเขาอยากให้หลางเชียนชิวพบกับใครบางคน แม้จะสงสัย เซี่ยเหลียนก็ไม่ได้ถามต่อ เพราะอย่างไรเขาก็อยากให้ความร่วมมือกับอีกฝ่าย พวกเขาเดินมาถึงลานกว้างภายในถ้ำที่มีผีในชุดเขียวเข้าออกเต็มไปหมด และผีกลุ่มหนึ่งก็กำลังลากมนุษย์เข้ามาภายในถ้ำ แม้การแต่งกายจะต่างกัน แต่ทุกคนล้วนเป็นคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี รวมไปถึงเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเกาะแขนเสื้อของชายที่น่าจะเป็นบิดาไว้แน่น พวกเขาเดินตามผีกลุ่มนั้นไป ก่อนที่ฮวาเฉิงจะเปลี่ยนผิวปลอมของพวกเขาเป็นมนุษย์วัยรุ่นอย่างรวดเร็ว
ไม่มีข่าวว่าในบรรดาเจวี๋ยทั้ง 3 ตน จะมีตนใดกินมนุษย์ หากแต่ฉีหรงกลับมีพฤติกรรมเช่นนั้น การจะเข้าถึงผีเขียวโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวคือการแฝงตัวไปกับอาหาร เซี่ยเหลียนยื่นมือไปจับมือของฮวาเฉิง แม้ตอนแรกอีกฝ่ายจะเหมือนอยากดึงมือออก แต่สุดท้ายก็จับมือเขากลับ เขียนตอบบนมือเซี่ยเหลียนว่าเขาจะปกป้องทุกคนให้ ก่อนจะเพิ่มว่าให้ระวังศีรษะ เมื่อเซี่ยเหลียมองขึ้นไปก็พบศพมนุษย์มากกมายแขวนห้อยหัวอยู่ข้างบน ศพเหล่านั้นมีใบหน้าเหมือนเจ็บปวดทรมาน ทั้งยังมีเกลือทาไว้ตามตัว
พวกเขาเดินมาถึงด้านในสุดของถ้ำที่มีการจัดตกแต่งราวกับงานเลี้ยงฉลอง ที่เหนือโต๊ะยาวมีหม้อเหล็กใบใหญ่ที่สามารถจุคนลงไปมากกว่า 10 คนตั้งอยู่ น้ำที่อยู่ภายในนั้นกำลังเดือดได้ที่ชนิดที่หากใครตกลงไปคงสุกแน่ๆ เมื่อเห็นชะตาที่รออยู่พวกมนุษย์ก็กรีดร้องร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว แม้ปรกติฮวาเฉิงมักมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง ทว่าตอนนี้แววตาของอ๋องผีกลับเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรง เมื่อมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปเขาก็เห็นว่าที่หน้าเก้าอี้หรูหรานั้นมีรูปปั้นในท่าคุกเข่า หน้าก้มลงมองพื้นไม่ต่างจากท่าสุนัขยืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกปั้นขึ้นเพื่อใช้เหยียดหยามบุคคลต้นแบบ และโดยไม่ต้องหันรูปปั้นมา เซี่ยเหลียนก็รู้ว่ามันจะต้องมีใบหน้าเหมือนกันเขาแน่นอน
ในตอนที่อาณาจักรเซียนเล่อล่มสลาย และอารามทั้ง 8000 แห่งของเขาถูกเผาทำลายจนสิ้น พวกชาวบ้านที่เคียดแค้นเซี่ยเหลียนก็เกิดไอเดียสร้างรูปปั้นเขาในเวอร์ชันคุกเข่าสำนึกผิดขึ้นมา มันถูกตั้งไว้ทั่วมุมเมืองเพื่อให้คนได้ถ่มน้ำลายถีบเตะยามเดินผ่าน และบางคนก็ถึงกับสร้างรูปปั้นของเขาไว้เป็นธรณีประตูเพื่อข้ามทุกวัน เซี่ยเหลียนจึงจดจำมันได้เป็นอย่างดี
.
.
.
.
.
>>735 เว่ยอิงจะเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยก็มีคนอยู่ด้วยตลอดอะ ตอนแรกก็ตระกูลเจียง ตอนออกจากตระกูลเจียงก็ยังมีคนตระกูลเวิน หลังจากกลับมาอยู่ในร่างโม่ก็มีหลานจ้านมาเคียงข้าง แต่ช่วงที่เซี่ยเหลียนไม่มีใครเลยมันยาวนานมาก เว่ยอิงยังมีท่าเรือสัตตบงกชให้อยากกลับ แต่เซียนเล่อถูกทำลายเหลือแต่ซาก ความทรงจำสุดท้ายเกี่ยวกับบ้านก็มีแต่เรื่องเจ็บปวด ถึงเว่ยอิงจะไม่ได้คืนดีกับเจียงเฉิง แต่ก็ยังมีอีกฝ่ายกับจินหลิงให้คิดถึงเป็นห่วง ส่วนราชวงศ์เซียนเล่อตายไปหมดแล้ว แถมเชื้อสายคนสุดท้ายก็ยัง...
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>733 เทียนกวาน Part.45
.
.
.
.
.
ชายในชุดสีเขียวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมพูดสมน้ำหน้าเผยซู่ที่ถูกเนรเทศจากสวรรค์ด้วยวาจากักขฬะเป็นอย่างมาก เซี่ยเหลียนลอบมองแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ ตอนที่ได้ยินหนานเฟิงเอ่ยชื่อฉีหรงเป็นครั้งแรก เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าผีเขียวจะเป็นฉีหรงคนที่เขารู้จักหรือเปล่า หากแต่พวกผีมีธรรมเนียมในการปกปิดภูมิหลังของตัวเองและมักใช้ชื่อปลอม เขาจึงเปลี่ยนความคิดในภายหลัง แต่จะมีฉีหรงคนอื่นที่ชื่นชอบรูปปั้นเจ้าชายรัชทายาทคุกเข่าอีกหรือ แถมอีกฝ่ายยังมีเสียงที่ฟังคุ้นหูอีกต่างหาก
เมื่อฟังสิ่งที่ลูกน้องฉีหรงพูดแล้ว เซี่ยเหลียนจึงได้รู้ว่าหลังจากก่อความวุ่นวายในเมืองผีจนถูกฮวาเฉิงจัดการ พวกผีเขียวก็กำลังจะเตรียมบุกอีกระลอกทว่ากลับเจอเผยซู่เข้าเสียก่อน แม้จะไร้พลังทิพย์แม่ทัพเผยน้อยก็ยังสามารถจัดการพวกของผีเขียวได้ทั้งหมด ฉีหรงสบถด่าเผยซู่และเผยหมิงแล้วยังลามไปยังถึงจวินอู๋ หลิงเหวิน หลางเชียนชิว เฉวียนอี้เจิน เทพแห่งน้ำ แถมยังด่าเทพแห่งลมว่าเป็นหญิงชั่วช้า ท่าทางไม่ได้รู้ว่าความจริงซือชิงเสวียนเป็นผู้ชาย ก่อนจะด่าฮวาเฉิงกับธาราทมิฬล่มเรือที่ดูถูกเขา สุดท้ายผีเขียวก็หันไปถามความคืบหน้าในการทำงานของลูกน้อง ปรากฏว่าเขาคือผู้ที่ปล่อยข่าวลือว่าเผยหมิงพยายามหาทางกำจัดเฉวียนอี้เจินเพื่อเอาตำแหน่งให้เผยซู่ แถมเป็นคนจุดชนวนให้ผู้ศรัทธาของทั้งสองฝั่งตีกันด้วย ไม่น่าแปลกเลยที่เจ้าหน้าที่สวรรค์ต่างบอกว่าผีเขียวมีพลังไม่มากแต่ชอบสร้างปัญหาไม่หยุด
เซี่ยเหลียนดึงแขนห้ามฮวาเฉิงไว้ขณะที่ฟังฉีหรงสั่งงานลูกน้องต่อ แล้วผีเขียวก็หันมาเอาเท้าพาดบนรูปปั้นของเซี่ยเหลียนดั่งเป็นที่รองเท้า พอเห็นดังนั้นพวกลูกน้องผีจึงหันมาเลือกอาหารจากกลุ่มมนุษย์ที่พามาให้เจ้านาย เด็กชายที่เซี่ยเหลียนเห็นก่อนหน้านี้กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อพวกผีสังเกตเห็นเขาก็จะพาออกไป ทว่าอ๋องผีกลับเดินหน้าออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย บอกให้ฉีหรงให้ความเคารพเชื้อพระวงศ์ของเซียนเล่อมากกว่านี้ ได้ยินดังนั้นผีเขียวก็ตกใจว่ายังมีผู้รู้จักเซียนเล่อ พอคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจเป็นราชวงศ์ที่เหลือรอดเลยถามคนตรงหน้าว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้าคนใด ฮวาเฉิงตอบไปว่าเป็นเจ้าชายอันเล่อ
ตุ๊กตาหลางเชียนชิวกระตุกตกใจ เซี่ยเหลียนเข้าใจดีว่าที่อดีตลูกศิษย์มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเป็นเพราะเจ้าชายอันเล่อกับหลางเชียนชิวเคยเป็นเพื่อนกัน อีกด้านหนึ่งฉีหรงกลับหัวเราะลั่นบอกว่าฮวาเฉิงโกหกเขา เนื่องจากเจ้าชายอันเล่อผู้เป็นทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์เซียนเล่อตายไปโดยไร้ผู้สืบทอด อ๋องผีจึงถามว่าอันเล่อตายได้อย่างไร แต่ผีเขียวก็ตะโกนสั่งลูกน้องให้จัดการกับเขา ทว่าพริบตาเดียวฮวาเฉิงก็ไปปรากฏตัวด้านหลังฉีหรง แล้วจับหัวของอีกฝ่ายกระแทกจนจมลงไปในพื้น ภาพที่เห็นทำเอาทั้งคนทั้งผีกรีดร้องวิ่งหนีเอาตัวรอด แม้เซี่ยเหลียนจะตะโกนห้ามเพราะเกรงว่าพวกมนุษย์จะหนีไปเจอผีตนอื่นในถ้ำฆ่า แต่ก็ไม่มีใครฟังเสียงของเขา อ๋องผีดึงหัวของผีเขียวขึ้นมาด้วยใบหน้าดุร้ายพร้อมหัวเราะเสียงดัง เซี่ยเหลียนที่กำลังใช้รั่วเย่จัดการพวกผีซึ่งพยายามจับมนุษย์ไว้หันมาเรียกฮวาเฉิง แต่อีกฝ่ายก็ยังจับฉีหรงทุ่มจนร่างนั้นจมกองเลือด หน้ากากของผีเขียวแตกร้าว เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งล่างที่ดูเหมือนเซี่ยเหลียนมาก ทว่าเมื่อหน้ากากแตกจนเห็นใบหน้าทั้งหมดจึงได้รู้ว่าทั้งสองไม่ได้เหมือนกัน
ฮวาเฉิงกลับร่างเดิมของตน และแม้ฉีหรงจะไม่เคยพบกับอ๋องผีตรงๆ เขาก็รู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ชายเสื้อแดงยังคงถามผีเขียวว่าเจ้าชายอันเล่อตายได้อย่างไร ขณะนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รีบร้องเรียกอีกฝ่ายพร้อมวิ่งเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ พยายามลูบหลังปลอบให้ใจเย็นลงด้วยวิธีเดียวกับที่พ่อแม่เคยทำกับเขาตอนเด็กๆ ในที่สุดอ๋องผีก็สงบ แต่เมื่อเขายื่นมือมาตบบ่าเซี่ยเหลียนเบาๆ เซี่ยเหลียนก็พบว่าตอนนี้เขาไม่สามารถขยับร่างกายหรือเปล่งเสียงได้เลย ฉีหรงสบถด่าฮวาเฉิงไม่หยุด แล้วฮวาเฉิงก็ถามคำถามเดิมอีก และเมื่อถูกอ๋องผีจับกระแทกพื้นอีก 2 ครั้ง ในที่สุดผีเขียวก็แหกปากร้องบอกว่าอันเล่อตายเพราะถูกหลางเชียนชิวฆ่า
.
.
.
.
.
เพิ่งดูปรมจซีรี่ส์จบ(ไม่เคยอ่านหนังสือ)ตอนดูรู้สึกว่ามีหลายจุดที่มันอีหยังวะเยอะเลย กะว่าดูจบจะมาถามในนี้ แต่ตอนท้ายๆมันก็เคลียร์ได้ จนกูลืมไปแล้วว่าอิหยังวะตรงไหนอีกบ้าง
ตอนนี้เหลือสงสัยแค่ว่าสรุปแล้วในหนังสือเค้าได้กันไหมวะ 555555
>>743 แซม กูคาใจมาก ไม่เห็นศพก็เหมือนมีความหวังว่านางจะกลับได้ สรุปตายจริง 555
ตลคผญอย่างเวินชิง หรือศิษย์พี่กูว่าเป็นนางเอกเรื่องได้เลยนะ ฉากเวินชิงบอกลาถ้าเติมข้ารักเจ้าเข้าไปประโยคเดียวแม่งเป็นนางเอกไปแล้ว กูนี่ลุ้นให้จูบสุดไรสุด หรือพี่บอดกับน้องแกล้งบอดในพาร์ทเมืองอี้แม่งก็ดันให้คู่กันได้เลย
กูนี่โคตรลมๆแล้งๆมาเชียร์ให้ผชมีคู่ผญในซีรี่ส์ชช 555
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>737 เทียนกวาน Part.46
.
.
.
.
.
ตุ๊กตาหลางเชียวชิวในมือของเซี่ยเหลียนสั่นรุนแรงจนหล่นลงบนพื้น แล้วฮวาเฉิงก็ปลดคำสาปให้อีกฝ่ายในทันที หลางเชียนชิวที่กลับร่างเดิมเอานิ้วชี้ฉีหรง ต่อว่าอีกฝ่ายด้วยความโกรธเกรี้ยวที่มาใส่ความว่าเขาเป็นผู้ฆ่าเจ้าชายอันเล่อ ทั้งๆ ที่เขากับอันเล่อเป็นเพื่อนกัน และอันเล่อก็เสียชีวิตเพราะโรคร้ายต่างหาก แม้จะตกใจที่คนซึ่งตัวเองกล่าวหาปรากฏตัว แต่ผีเขียวก็ยังถ่มน้ำลาย ตอกกลับว่าใครจะไปเชื่อว่าอันเล่อตายเพราะป่วย เพราะหลังจากงานเลี้ยงอาบน้ำเลือดอันเล่อก็เสียชีวิตทันที ถึงคนที่ส่งคนมาลอบฆ่าจะไม่ใช่หลางเชียวชิว อย่างไรก็ต้องเป็นคนของหย่งอัน หลางเชียวชิวกับพ่อแม่ของเขาล้วนเป็นพวกเสแสร้งจอมปลอม ทำเป็นเมตตาเอาของให้ทั้งๆ ที่หย่งอันขโมยทุกอย่างไปจากเซียนเล่อ แม้พวกเขาจะไม่สามารถฆ่าหลางเชียนชิวได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้หลางเชียวชิวต้องลิ้มรสการได้เห็นราชวงศ์ของตัวเองต้องจบสิ้น
หลางเชียวชิวอึ้ง ถามว่าหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าไม่สามารถฆ่าเขา ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนก็อยากพุ่งไปอัดฉีหรงแบบที่ฮวาเฉิงทำ แต่เขาติดที่ยังไม่สามารถขยับร่างกาย ผีเขียวจึงยังกล่าวต่อไปได้ว่าหลางเชียวชิวช่างโง่งมที่คิดว่าราชวงศ์เซียนเล่อกับราชวงศ์หย่งอันจะเป็นเพื่อนกันได้ หลางเชียนชิวตัวแข็ง ไม่คิดว่าทั้งเพื่อนและอาจารย์ที่เคารพจะร่วมมือกันหักหลังเขา หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเขาก็ถามว่าเจ้าชายอันเล่อกับราชครูฟางซิ่นเป็นพวกเดียวกันหรือ แต่ฉีหรงปฏิเสธ อธิบายว่าชาวเซียนเล่อเป็นผู้ลงมือก่อเหตุงานเลี้ยงอาบเลือด แต่จู่ๆ ราชครูฟางซิ่นนั่นก็โผล่เข้ามา อันเล่อที่คิดว่าแผนล้มเหลวจึงได้หนีมาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าหลังจากผ่านไปคืนหนึ่งราชครูฟางซิ่นกลับถูกประกาศเป็นคนร้ายแทน การมีแพะรับบาปย่อมเป็นเรื่องดี พวกเขาจึงไม่มีใครพูดอะไรออกไป และหลางเชียนชิวก็ฆ่าคนผิด แถมยังจับอาจารย์ของตัวเองใส่ในโลงศพฝั่งดินทั้งเป็นอีกต่างหาก
เซี่ยเหลียนข่มตาลงด่าฉีหรงในใจขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดัง หลางเชียวชิวตัวสั่นอย่างไม่อาจยอมรับความจริง เขาหันมาถามเซี่ยเหลียนว่าถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่พูดความจริง ทำไมถึงต้องรับความผิดไว้เองด้วย ตอนนั้นจู่ๆ ฮวาเฉิงก็ปลดคำสาป ร่างของเซี่ยเหลียนจึงล้มลงกับพื้น เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา ก่อนบอกว่าฉีหรงปั้นน้ำเป็นตัว ไม่มีหลักฐานใดว่าชาวเซียนเล่อเป็นผู้ลงมือสังหารราชวงศ์หย่งอัน ผีเขียวจึงเถียงกลับว่าผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว จะมีหลักฐานเหลือได้อย่างไร ทุกคนในตอนนั้นก็ล้วนตายไปหมด แล้วเซี่ยเหลียนก็ต่อว่าว่าในเมื่อทั้งเซียนเล่อกับหย่งอันต่างก็ล่มสลายไปนานแล้ว จะไปคุ้ยเขี่ยเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปทำไม
คำพูดของเขาทำให้ฉีหรงหรี่ตาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เซี่ยเหลียนหันไปหาหลางเชียวชิวกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบว่าอีกฝ่ายก็เห็นกับตาตัวเองไม่ใช่หรือว่าเขาเป็นผู้ฆ่าราชาด้วยมือของเขาเอง ตอนนั้นเขาเพิ่งตกสวรรค์ครั้งที่ 2 จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดจึงได้ทำเรื่องผิดพลาดไป ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา อย่าได้ลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเจ้าชายอันเล่อมายุ่งด้วย เรื่องราวนี้ฟังดูน่าสงสัย เหตุใดถึงได้มีคนพยายามแย่งชิงเคลมว่าตัวเองเป็นฆาตกร หลางเชียนชิวเต็มไปด้วยความสับสน ทว่าเขาก็เห็นเซี่ยเหลียนดึงกระบี่ออกจากร่างของพ่อของเขาจริงๆ เพราะฉะนั้นจะเป็นฝีมือผู้อื่นไปได้อย่างไร แต่ตอนนั้นเองผีเขียวที่นอนอยู่บนพื้นก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมา
ฉีหรง : เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท นั่นท่านใช่หรือเปล่า
เซี่ยเหลียน : ... ฉีหรง ดูเหมือนหลายปีมานี้เจ้าจะใช้ชีวิตมีสีสันมากนะ
(คำว่าพี่ที่ฉีหรงใช้ตามศัพท์จีนเป็นคำที่ใช้เรียกลูกพี่ลูกน้อง แต่พอดีคำไทยไม่มีคำนี้เลยแปลว่าพี่ไปนะ)
หลังจากที่เซี่ยเหลียนพูดจบ ฮวาเฉิงก็เอาผิวปลอมออกเผยให้เห็นร่างจริงของเซี่ยเหลียน และหลางเชียนชิวก็ยิ่งงุนงงกับคำว่าเสด็จพี่ หลังจากฟังที่ผีเขียวพูดเขาก็พอจับได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชาวเซียนเล่อ แต่ก็ไม่นึกว่าฉีหรงจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเซี่ยเหลียนถึงขนาดนี้ ฉีหรงมองญาติผู้พี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า และเมื่อเขาสังเกตเห็นกระบี่บนหลังของอีกฝ่าย ผีเขียวก็หัวเราะลั่นที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเซี่ยเหลียนคือราชครูฟางซิ่น
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>749 เทียนกวาน Part.47
.
.
.
.
.
ฉีหรงกล่าวสมน้ำหน้าที่ญาติผู้พี่ถูกลูกศิษย์ชาวหย่งอันของตัวเองฆ่า ฮวาเฉิงจึงจับหัวของผีเขียวกระแทกกับพื้นอีก แต่ฉีหรงก็ตะโกนคำว่าเซี่ยเหลียนว่าโง่ออกมาในทุกครั้งที่เขาถูกอ๋องผีทำร้าย เซี่ยเหลียนบอกให้ฮวาเฉิงหยุด เมื่อรอดพ้นมาได้ผีเขียวก็หาเรื่องเอ่ยต่อว่าเป็นเพราะเซี่ยเหลียนไปไหนมาไหนกับอ๋องผี ลูกน้องที่เขาส่งไปตามหาตัวเซี่ยเหลียนจึงถูกจัดการ ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนจึงได้รู้ว่ากลุ่มผีที่เจอตอนกำลังกลับอารามผูจี้เป็นฝีมือของคนตรงหน้า แล้วฉีหรงก็ชี้ชวนให้ดูว่าเขาคิดถึงญาติผู้พี่มากแค่ไหนถึงได้ปั้นรูปปั้นมาไว้ข้างกาย ถามเซี่ยเหลียนชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบเขาจะได้ปั้นเพิ่ม
เซี่ยเหลียนรู้ดีว่าหากยิ่งตอบโต้รุนแรงญาติผู้น้องจะยิ่งชอบใจ เขาจึงใช้วิธีตรงข้ามบอกไปว่ารูปปั้นไม่มีปัญหาแต่ผีมือการปั้นด้อยไป ฉีหรงไม่พอใจ บอกว่าเซี่ยเหลียนเป็นคนล้มเหลว เซี่ยเหลียนยิ้มรับบอกว่าเป็นเพราะเขาไม่เหมือนฉีหรงที่ผ่านมา 800 ปีแล้วก็ยังเป็นเจวี๋ยไม่ได้ ผีเขียวจึงโมโหพาลไปด่าฮวาเฉิงว่าพอเขาพูดไม่ดีเกี่ยวกับเซี่ยเหลียนก็ทำท่าไม่พอใจ สงสัยคงตาบอดเพราะแสงความดีงามของเซี่ยเหลียน แต่อีกฝ่ายก็ตาบอดข้างหนึ่งอยู่แล้วจึงไม่น่าแปลกใจ ทันใดนั้นฉีหรงก็ถูกเซี่ยเหลียนต่อยหน้าหัน
ฉีหรงยิ่งตื่นเต้นที่เซี่ยเหลียนต่อยเขา ทำให้หลางเชียนชิวถึงกับแขยงว่าผีเขียวจิตไม่ปรกติ เซี่ยเหลียนรีบเสริมว่าฉีหรงเป็นบ้า คำพูดย่อมเชื่อถือไม่ได้ แต่ผีเขียวกลับหัวเราะดังขึ้นแล้วถามเซี่ยเหลียนว่าเจ้าชายอันเล่อตายได้อย่างไร เขาลุกขึ้นนั่ง เล่าให้ฟังว่าหลังจากอันเล่อตายเขาก็เอาศพของอีกฝ่ายมาผ่าตรวจสอบ ปรากฏว่าอวัยวะภายในของอันเล่อถูกกระบี่ทำให้สั่นสะเทือนจนแหลกเหลว ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีบาดแผลภายนอกให้เห็นและสรุปผิดไปว่าป่วยตาย พอมาคิดตอนนี้แล้วคนที่มีผีมือทำอย่างนั้นได้จะเป็นใครอื่นนอกจากลูกพี่ลูกน้องคนดีของเขา
ฮวาเฉิงเข้าไปซัดผีเขียวอีก ขณะที่หลางเชียนชิวตะโกนสั่งให้ฉีหรงเล่าความจริงทั้งหมด เซี่ยเหลียนเอื้อมมือไปจับกระบี่ แต่หลางเชียนชิวก็เอาดาบยาวมาขวางเขาเอาไว้ เขาใช้กระบี่ฟางซิ่นปัดดาบของอีกฝ่ายจนหลุดจากมือ แต่ตอนนั้นดาบโค้งเอ้อมิ่งก็กระแทกใส่จนกระบี่ฟางซิ่นกระเด็นออกไปด้านข้าง เซี่ยเหลียนเรียกชื่อซานหลางอย่างขอร้อง แต่ฮวาเฉิงก็ไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งยังกันไม่ให้เขาเข้าไปห้ามสถานการณ์ตรงหน้าด้วย
เห็นว่าเซี่ยเหลียนร้อนใจฉีหรงก็ยิ่งยินดี ปากจึงขยับรัวเร็วบอกว่าอันเล่อเชื่อฟังคำพูดของเขาแสร้งไปเป็นเพื่อนกับหลางเชียนชิว รวมไปถึงลงมือสังหารหมู่ในงานเลี้ยงอาบเลือด เมื่อราชครูฟางซิ่นโผล่มา อันเล่อก็รีบหนี เซี่ยเหลียนย่อมสงสัยว่าเรื่องเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเลยออกตามหาอันเล่อ แต่เมื่อทราบความจริงก็คิดหนัก เนื่องจากอันเล่อมีท่าทีต้องการก่อความวุ่นวายอีก ซึ่งนั่นจะทำให้ชาวหย่งอันต้องล้มตาย และหากมีใครรู้ว่าอันเล่อเป็นผู้ฆ่าราชวงศ์หย่งอัน ชาวเซียนเล่อทั้งหมดคงถูกกำจัด เซี่ยเหลียนเลยสังหารสายเลือดคนสุดท้ายของราชวงศ์ด้วยมือของตัวเอง นอกจากเซี่ยเหลียนจะทำให้เซียนเล่อต้องสูญเสียทุกสิ่ง เขายังทำให้ตระกูลของตัวเองต้องสิ้นสุด เหตุใดเขาจึงไม่ตายไปเสีย เหตุใดจึงยังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีก
ส่วนเรื่องที่หลางเชียนชิวเห็นเซี่ยเหลียนแทงพ่อของตน ผีเขียวบอกว่าน่าจะเป็นเพราะตอนที่อันเล่อลงมือราชายังไม่ตาย และเซี่ยเหลียนคงพยายามเข้าไปช่วยชีวิตอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ราชาผู้เห็นญาติพี่น้องของตัวเองถูกฆ่าทำเป็นสิ่งแรกคงไม่แคล้วบอกราชครูฟางซิ่นว่าคนร้ายคือเจ้าชายอันเล่อ จงไปสังหารอันเล่อเสีย หรือที่จริงน่าจะบอกว่าเขาต้องการกำจัดชาวเซียนเล่อให้สิ้นซาก แม้ตอนแรกราชาจะไม่คิดทำร้ายชาวเซียนเล่อ แต่เมื่อราชวงศ์ของตัวเองถูกฆ่าล้างจึงไม่แปลกที่จะคิดล้างแค้น เซี่ยเหลียนในยามนั้นคิดแล้วว่าหากปล่อยให้ราชามีชีวิตต่อไปจะต้องเกิดการนองเลือด ถ้าประหารอันเล่อก็จะทำให้ชาวเซียนเล่อโกรธแค้น และหย่งอันกับเซียนเล่อก็จะยิ่งมีแต่ความเกลียดชังไร้ที่สิ้นสุด เขาจึงใช้กระบี่ปลิดลมหายใจของราชา จากนั้นก็รับความผิดไว้เองเพื่อไม่ให้ชาวหย่งอันกันเซียนเล่อผิดใจกัน ญาติผู้พี่คนดีของเขาก็เป็นแบบนี้ อยากช่วยทุกคนแต่สุดท้ายก็ช่วยใครไม่ได้เลย
.
.
.
.
.
เห็นในทวิตมีแชร์ภาพเงาตัวละครเทียนกวาน เหมือนจะเป็นคนวาดมังฮวาวาด กูก๊าวมากอะ มีสิ่งที่ติดใจคือ
- จวินอู๋โคตรสูง ชุดอลังการดาวล้านดวง
- ลุงเผยเกล้าผมสูง นึกว่าจะมัดเป็นมวยผม
- หลิงเหวินสูงกว่าเซี่ยเหลียนจริงๆ ด้วย 5555 ตอนแรกเห็นในวิกิยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
- เฮียตู้สูงกว่าที่คิดไว้ แถมทั้งๆ ที่เป็นเมจ แต่ตัวดันใหญ่หนากว่าเซี่ยเหลียนที่เป็นสายแทงค์ + STR อาจารย์เหม่ยก็อีกคน
จะว่าไปพวกใบปิดโฆษณา กูแอบหวังว่าถ้าซีรีย์ทำแล้ว อยากให้มีภาพรูปปั้นของเทพแต่ละองค์เอามาวางเรียงกันอะ น่าจะให้ความรู้สึกขลังดี
ในการ์ตูนม่านฮวานี่ศิษย์พี่หญิงปรากฏตัวรึยังนะ (ไม่ใช่ฉากที่เว่ยอิงคิดถึงเห็นภาพ) เอาแบบปรากฏตัวมีบทอ่ะ
แล้วในนิยายศิษย์พี่หญิงกับเวินฉิงมีบทเยอะมั้ย กูดูจากซีรีย์แล้วเทใจให้สองคนนี้มากเลย สาวๆ ในเรื่องนี้เก่ง เท่ คูล และไม่งี่เง่าดี เสียแต่ว่าชะตา(คนเขียน)ลิขิตช่างโหดร้าย
Ky พวกมึงกูต้องการสิ่งฮีลจิตใจมาก..คุยกับกูหน่อย ฮือๆ กูไม่รู้จะชวนคุยไรแต่ๆชอบเจียงเฉิงนะ...พวกมึงว่าเขาน่าเอ็นดูไหม กูละอยากจะเข้าไปกอดเขาล่ะเกินตอนเสียทุกอย่าง ต้องโคตรเปราะบางงงง
กูขอโทษ กูแค่เส้าอะ...อยากมาร้องโวยวายสักที่แล้วปรมจกับแม่โม่โคตรฮีลกู กูไปล่ะๆ...
>>753 อ่านเเล้วจะสังเกตได้ว่าต่างฝ่ายต่างปกป้องกันนะ คือใครจะว่าไงตัวเองไม่สนแค่อย่าล้ำเส้นว่าคนในใจของตัวเองก็พอ
อีผีฉีหลงคือปากน่าตบ แต่กูแอบฮานางนะ จังหวะโดนฟาฟาตีก็ด่าเซี่ยเหลียน เเล้วยิ่งจะอวดว่าหยามเขา ก็โดนเซี่ยเหลียนตอกกลับคือจับจุดก็อยู่หมัดอ่ะ
สปอยด์นี้จบแบบจุกๆคือเซี่ยเหลียนกูปกป้องใครไว้ไม่ได้เลย ร้อง
>>758 มึ๊งงงงงง โม่งสปอยกูยกมือ+โบกป้ายสูงๆ กูตามเรื่อยๆเว้ย คือโม่งปิดจริงแล้วมึงยังสปอยด์ไม่จบก็อยากคุกเข่าอ้อนวอนมึงไปไลน์โอเพนด้วยนะนะนะน 555 เอาจริงก็กว่านิยายจะออก กูหน้าแห้งสัส ทุกวันนี้ปรมาจารย์ยังอยู่ในซีล กลัวค้างว้อยยยย
กูเพิ่งอ่านม่านฮวาปรมจตอนล่าสุด คือกูอ่ะไม่มีอิมเมจเสี่ยงซิงเฉินในหัวเลย พอดูซีรีส์ก็ติดภาพน้องซ่งจี้หยางมา แต่พอมาดูม่านฮวาคือแบบ มึง พี่เขาคือมีความผัวอ่ะ แบบดูเป็นผู้ชายนุ่มนวลดี คือดูสง่างามมากกว่าสวยอ่ะ กูแบบ ฮือออออ เขินเฉย
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>753 ตอนนี้ขอแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะ เพราะโม่งห้ามโพสโพสหนึ่งเกิน 1000 อักษร แต่ให้ตัดตอนอารมณ์มันจะไม่ต่อเนื่อง เทียนกวาน Part.48-1
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนสั่งให้ฉีหรงหยุดพูด แต่หลางเชียนชิวก็โกรธขึ้นมา คนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนอย่างอันเล่อฆ่าล้างตระกูลของเขา ส่วนอาจารย์อย่างเซี่ยเหลียนก็เป็นผู้ดับลมหายใจของบิดา ฉีหรงยังคงด่าเซี่ยเหลียนว่าเป็นผู้ทำลายแผนการของเขากับอันเล่อ เพราะหลางเชียนชิวควรตายตั้งแต่ตอนที่พวกเขาลักพาตัวอีกฝ่ายตอนอายุ 12 ปี ไม่มีโอกาสได้กลายเป็นเทพอย่างที่เป็นอยู่ หลางเชียนชิวหันไปหาเซี่ยเหลียน บอกว่าอีกฝ่ายก็โกหกเขาเหมือนกัน เซี่ยเหลียนสอนเขาว่าเซียนเล่อกับหย่งอันมีรากเหง้าเดียวกันและทุกคนล้วนเป็นดั่งคนในครอบครัว ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธแค้นชิงชังในอดีตจะค่อยๆ มลายหายไป และเขาก็เชื่อคำพูดนั้น แต่ทุกอย่างคือความผิดพลาด คำของเซี่ยเหลียนเป็นเพียงเรื่องโกหกโลกสวยทั้งนั้น
เซี่ยเหลียนรีบร้องบอกว่าแต่สิ่งที่หลางเชียนชิวทำก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆ ไม่ใช่หรือ หลางเชียนชิวทำให้ชาวเซียนเล่อกับชาวหย่งอันอยู่ด้วยกันอย่างสุขสงบ ความบาดหมางก็ลดลงเรื่อยๆ แล้วมันจะเป็นความผิดพลาดไปได้อย่างไร แต่หลังจากได้ยินคำพูดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของหลางเชียนชิว เขาถามว่าแล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ ทั้งสองต่างปรารถนาอย่างยิ่งให้เซียนเล่อกับหย่งอันรวมเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาจึงช่วยตั้งชื่อให้สายเลือดคนสุดท้ายของเซียนเล่อ (อันเล่อ แปลว่าดำรงซึ่งสันติสุข) ทำไมทั้งสองถึงต้องมีจุดจบแบบนั้น
ฉีหรงเอ่ยดูถูกหลางเชียนชิวว่าขี้แยไม่ต่างจากญาติผู้พี่ของเขาในสมัยก่อน และยังพูดจาหยาบคายจนเซี่ยเหลียนต้องตะคอกใส่ หลางเชียนชิวหันไปหาผีเขียว ถามว่าอีกฝ่ายเป็นคนเสี้ยมอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ ฉีหรงหัวเราะ บอกว่าทั้งเขา อันเล่อ และเซี่ยเหลียน ชาวเซียนเล่อทั้ง 3 คนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดงานเลี้ยงอาบเลือด ทันใดนั้นหลางเชียนชิวก็ยกดาบฟันผีเขียวตัวขาดเป็นสองท่อน ทว่าฉีหรงกลับยิ่งหัวเราะราวคนบ้า บอกว่าเขาไม่เจ็บแม้แต่น้อย และหลางเชียนชิวก็เป็นแค่คนไร้ค่า หลางเชียนชิวจิกหัวผีเขียวลากไปโยนลงหม้อที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ต้มมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือได้เป็นเทพสงครามแห่งทิศตะวันออกแล้ว หลางเชียนชิวก็ไม่เคยทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ และท่าทางเย็นชาของคนตรงหน้าก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกว่าหลางเชียนชิวกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก
แม้จะกรีดร้องด้วยเสียงที่ไม่อาจรู้ได้ว่ากำลังเจ็บปวดหรือหัวเราะบ้าคลั่ง ฉีหรงก็ยังพยายามพูดจาทำร้ายจิตใจเซี่ยเหลียน หลางเชียนชิวจัดการกดเขาลงในหม้อจนไม่ลอยขึ้นมาอีก เซี่ยเหลียนเรียกชื่อญาติผู้น้องอย่างไม่รู้ตัว ในสมัยเด็กฉีหรงมักเอ่ยชื่นชมสรรเสริญเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทของตนไม่หยุดปาก ไม่ว่าเซี่ยเหลียนจะทำอะไรอีกฝ่ายก็ยกย่องเทิดทูล ทว่าเมื่ออาณาจักรเซียนเล่อล่มสลายทุกอย่างก็พลิกเป็นหลังมือ ฉีหรงกลายเป็นแกนนำนำคนเผาอารามของเขา เป็นคนสั่งทำรูปปั้นองค์ชายรัชทายาทคุกเข่าไปวางไปทุกที่ และอะไรก็ตามที่ทำให้เซี่ยต้องเจ็บปวด เขาก็ล้วนกระทำ แต่การได้มาเห็นหน้าคนคุ้นเคยหลังจากผ่านมานานก็ทำให้เซี่ยเหลียนไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ราชวงศ์เซียนเล่อก็เหลือพวกเขาแค่ 2 คนแล้ว
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>766 เทียนกวาน Part.48-2
.
.
.
.
.
จู่ๆ ฮวาเฉิงก็พูดขึ้นว่าฉีหรงไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้ หากต้องการสังหารผีเขียวจริงๆ จำเป็นต้องหาเถ้ากระดูกของอีกฝ่ายให้พบ หลางเชียนชิวจึงบอกว่าเขาจะตามล่าฉีหรงแล้วเอาเถ้ากระดูกของผีเขียวมาเซ่นไหว้พ่อแม่ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจะกลับมาสะสางเรื่องราวกับเซี่ยเหลียน ห้ามเซี่ยเหลียนคิดหนีไปไหนเด็ดขาด หลางเชียนชิวเอาดาบฟันหม้อทิ้งแล้วเดินจากไป เมื่อเห็นเซี่ยเหลียนทำท่าอยากตามไป อ๋องผีก็เข้ามาบอกว่าปล่อยให้หลางเชียนชิวได้อยู่คนเดียวสักพักดีกว่า เซี่ยเหลียนรำพึงว่าทำไมต้องให้หลางเชียนชิวรู้ความจริง ฮวาเฉิงก็บอกว่าอีกฝ่ายจำเป็นต้องรู้ความจริงว่าสิ่งใดที่เซี่ยเหลียนทำ สิ่งใดที่ไม่ได้ทำ รวมไปถึงเหตุผลว่าทำไมเซี่ยเหลียนถึงต้องทำเช่นนั้น แต่เซี่ยเหลียนก็พูดเสียงเย็นว่ารู้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา หากเขาฆ่าคนน้อยลงแล้วจะถูกประณามน้อยลงด้วยหรือ หากรู้ความจริงแล้วจะทำให้รู้สึกแย่น้อยลงหรือ
เซี่ยเหลียนรู้สึกโกรธหากแต่ไม่รู้ว่าควรโกรธผู้ใด เขาโผล่งว่าไม่ว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นความผิดของเขาหรือไม่ การรับความผิดนั้นไว้เองก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อย่างไรเขาก็ไม่สามารถตายได้อยู่แล้ว เขาเป็นผู้นำโชคร้ายมาให้คนรอบตัว ทั้งอันเล่อ ฉีหรง ทุกคนในเซียนเล่อ ให้ทุกคนพุ่งความเกลียดชังมาที่คนๆ เดียวไม่ดีกว่าหรือ หลางเชียนชิวจะได้ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเป็นความผิดพลาดไร้ค่า ฮวาเฉิงฟังเขาโดยไม่เอ่ยอะไร สักพักเซี่ยเหลียนจึงสงบลงและกล่าวขอโทษอีกฝ่าย อ๋องผีบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเซี่ยเหลียน ถ้าการสังเวย 3 ชีวิตจะสามารถรักษาความสงบสุขของทั้งอาณาจักร หากเขาเป็นเซี่ยเหลียนในตอนนั้นก็คงทำในสิ่งเดียวกัน
หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเซี่ยเหลียนก็บอกว่าอย่างไรเขาก็คิดว่ามันไม่ถูกต้อง ถึงจะเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เขาก็ยังอยากให้หลางเชียนชิวจดจำว่าความเมตตาที่เขามีต่อประชาชนชาวเซียนเล่อจะได้รับการตอบแทน การทำในสิ่งที่ถูกต้องจะนำไปสู่อนาคตมากมายไร้ที่สิ้นสุด เขาไม่อยากให้หลางเชียนชิวมีความคิดแบบนั้น เขาไม่อยากให้มีใครต้องเดินในเส้นทางเดียวกับที่เขาเคยผ่าน ราชารุ่นแรกๆ ของหย่งอันปกครองชาวเซียนเล่อด้วยความโหดร้าย แต่ก็ไม่มีใครต้องเผชิญโศกนาฏกรรมในยามเสียชีวิต แต่พ่อแม่ของหลางเชียนชิวผู้พยายามทำดีกลับต้องตายเช่นนั้น แม้เซี่ยเหลียนในตอนนั้นจะเป็นแค่นักแสดงข้างถนน ราชาก็ยังแต่งตั้งเขาเป็นราชครู ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ และเขาก็ไม่อาจลืมสีหน้าของอีกฝ่ายในตอนที่เขาใช้กระบี่แทงได้เลย
ฮวาเฉิงบอกว่านั่นเป็นความผิดของฉีหรง แต่เซี่ยเหลียนกลับส่ายหน้า นั่งเอาหน้าซุกกับเข่า ตอนที่พ่อของหลางเชียนชิวขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่เขาทำคือทำลายธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อชาวเซียนเล่ออย่างไม่ชอบธรรม หลังจากจมในความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน นั่นคือครั้งแรกที่ชาวหย่งอันกับเซียนเล่อเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบสุข ในที่สุดก็อาจรวมเป็นหนึ่ง ในที่สุดก็จะสามารถทิ้งความขุ่นเคืองในอดีตไว้ข้างหลัง แต่อันเล่อกลับเลือกทำลายทุกอย่าง ในคืนที่เซี่ยเหลียนหลบหนีการจับกุมมาตามหาอันเล่อ เขาพยายามเตือนไม่ให้อีกฝ่ายก่อเรื่องราวอีก แต่เมื่ออันเล่อรู้ตัวจริงของเขา อันเล่อกลับเข้ามาจับตัวเขาไว้ด้วยความตื่นเต้น ชักชวนให้มาร่วมล้างแค้นแล้วสร้างอาณาจักรขึ้นใหม่ และทั้งๆ ที่เพิ่งก่อเหตุงานเลี้ยงอาบเลือดไป เขากลับเอ่ยแผนสังหารหลางเชียนชิว นำพาหายนะสู่หย่งอันต่อทันที
แต่สุดท้ายฆ่าก็คือฆ่า ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไรหรือดีมากแค่ไหน ความจริงก็คือเขาได้ลงมือสังหารราชาผู้มีจิตใจสูงส่งคนหนึ่ง รวมไปถึงทายาทคนสุดท้ายของตระกูลของตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่เขาจะถูกผู้คนรุมประณามก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว
.
.
.
.
.
>>767 โอ้โห เรื่องนี่แม่งเทายิ่งกว่าปรมจอีก ปรมจมันยังแบบเข้าใจผิดกันบ้างอะไรบ้าง แต่นี่คือทำจริง ถึงจะมีเหตุผลแต่การกระทำก็ยังเกิดขึ้นจริงอยู่ดี เล่นกับคำว่าคุณธรรมสุด แล้วที่บอกว่าตายไม่ได้นี่คือถ้าได้ขึ้นเป็นเทพแล้ว ถึงจะโดนเนรเทศลงมาจากสวรรค์แต่ยังไงก็ยังนับว่าเป็นเทพเลยตายไม่ได้งี้เหรอ หรือเหมือนฟิลพวกเทพในการ์ตูนญี่ปุ่นที่แบบจะหายไปก็ต่อเมื่อไม่เหลือผู้ที่ศรัทธาแล้วงี้เหรอ
>>771 ถอดออกได้ ตอนนี้คนที่ทำหน้าที่ลงคำสาปพันธนาการคือจวินอู๋ เลยต้องให้จวินอู๋เป็นคนเอาออก (คนอื่นเอาออกให้ได้ แต่เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะจวินอู๋คือซุปเปอร์ไซยาของเทพ พลังแกร่งกล้าขั้นสุด) แต่เนรเทศนี่คือโทษขั้นสูงสุดแล้ว เป็นการเนรเทศถาวร ยกเว้นสามารถบำเพ็ญจนกลับขึ้นสวรรค์มาได้อีกก็จะเอาออกให้ ที่จริงหลังจากขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 เซี่ยเหลียนจะขอให้เอาออกก็ได้ แต่เจ้าตัวไม่ขอเอง
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>767 เทียนกวาน Part.49
.
.
.
.
.
เมื่อมองไปยังรูปปั้นที่ฉีหรงทำ เซี่ยเหลียนก็คิดว่าฉีหรงพูดถูกว่าเขาเป็นคนล้มเหลว แต่ฮวาเฉิงก็บอกว่าอย่าเชื่อคำพูดของขยะไร้ค่าอย่างผีเขียว จากนั้นเซี่ยเหลียนก็นึกถึงหลางเชียนชิว ตอนที่ได้เจอกันบนสวรรค์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเป็นคนตรงไปตรงมาและยังชอบคงแอบหลับระหว่างประชุมไม่ต่างจากในอดีต เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ทว่าหลังจากนี้ไม่รู้หลางเชียนชิวจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า แล้วสุดท้ายอีกฝ่ายจะสะสางเรื่องกับเขาอย่างไร เซี่ยเหลียนลุกขึ้นเดินไปที่รูปปั้นของเขาซึ่งมีใบหน้าโศกเศร้าน้ำตาอาบแก้ม เขาวางมือลงบนศีรษะของมันแล้วปล่อยพลังทำลาย เมื่อเขาหันกลับมาหาฮวาเฉิง บนใบหน้าก็กลับไปมีรอยยิ้มใจดีเหมือนเดิม แล้วเขาก็ชวนอ๋องผีสำรวจถ้ำว่ายังมีมนุษย์ถูกนำมาขังไว้อีกหรือไม่
เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงจับลูกน้องของฉีหรงให้มานำทางไปปลดปล่อยมนุษย์ที่ถูกนำมาเก็บไว้เป็นเสบียง ระหว่างนั้นเซี่ยเหลียนก็ถามอ๋องผีว่ารู้ได้อย่างไรว่าผีเขียวอยู่เบื้องหลังงานเลี้ยงอาบเลือด ฮวาเฉิงจึงอธิบายว่าฉีหรงเป็นคนเซียนเล่อ มีความแค้นต่อหย่งอันมาก และยังยั่วยุก่อเรื่องเก่ง การลอบสังหารราชวงศ์หย่งอันส่วนมากล้วนเป็นแผนของเขา และเหตุการณ์งานเลี้ยงอาบเลือดก็ดูเป็นสไตล์ของผีเขียว ถึงอย่างนั้นตอนแรกเขาก็นึกว่าราชครูฟางซิ่นเป็นลูกน้องของฉีหรง แต่เมื่อหลางเชียนชิวกล่าวว่าเซี่ยเหลียนคืออาจารย์ของตน บวกกับการที่อันเล่อตายอย่างน่าสงสัย แต่กลับไม่มีชาวเซียนเล่อคนอื่นได้รับผลกระทบ ก็ทำให้เขาสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก
แม้จะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ แต่อ๋องผีกลับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนภพเทพ อีกทั้งยังรู้ความสัมพันธ์ของเซี่ยเหลียนกับฉีหรงเป็นอย่างดี เซี่ยเหลียนเปลี่ยนไปถามว่าแล้วทำไมถึงรู้ว่าคนคิดแผนร้ายคือฉีหรง ไม่ใช่เขา ฮวาเฉิงจึงตอบว่าเขาแค่เชื่อว่าเซี่ยเหลียนจะไม่ทำเช่นนั้น ทว่าเซี่ยเหลียนกลับบอกอ๋องผีไปว่าอย่ามองว่าคนอื่นสมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งที่ได้เห็นในตัวคนๆ นั้นอาจเป็นแค่ด้านเดียว หากต่อมาได้รู้ว่าคนๆ นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแล้วจะทำให้ผิดหวังเอาได้ ถึงอย่างนั้นอ๋องผีก็เอ่ยว่าเขาไม่สนว่าคนอื่นจะผิดหวังหรือเปล่า เพราะสำหรับคนบางคน แค่การที่ใครคนหนึ่งมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ก็เป็นความหวังแล้ว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เซี่ยเหลียนก็ถามว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่ พวกเขาเคยพบกันมาก่อนใช่หรือไม่ ฮวาเฉิงรู้เรื่องราวของเขามากมาย ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักของเขาในอดีต ต้องรู้จักมานานมาก อาจเป็นก่อนที่เขาจะได้ขึ้นสวรรค์ครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่เขาจำไม่ได้ว่าได้พบกับคนที่มีลักษณะเหมือนอ๋องผีเมื่อไร ทว่าอ๋องผีกลับไม่เอ่ยอะไรและยกยิ้มขึ้นเท่านั้น เซี่ยเหลียนจึงไม่เซ้าซี้เอาคำตอบ อย่างไรพวกผีก็มักปกปิดความเป็นมาของตนไม่เหมือนผีจิตไม่ปรกติอย่างฉีหรง ขณะที่เขาเอ่ยขอโทษที่เสียมรรยาท ทั้งสองก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมา เมื่อฟังดีๆ จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือซือชิงเสวียนที่เปลี่ยนร่างเป็นสตรีเพื่อเพิ่มค่า Luck ให้ตัวเองสามารถทอยลูกเต๋าได้แต้มที่ถูกต้อง เซี่ยเหลียนเลยรีบตะโกนเรียก
ตาของเทพแห่งลมเป็นประกาย เธอรีบร้องเรียกให้ใครอีกคนตามมา แต่เมื่อหันไปเห็นฮวาเฉิงก็ถึงกับหน้าเจื่อน รีบถอยไปตั้งหลักพร้อมหยิบพัดออกมา จากนั้นเมื่อเฟิงซิ่นตามมาสมทบ เขาก็รีบง้างธนูไปทางอ๋องผีพร้อมบอกให้เซี่ยเหลียนมาอยู่ข้างพวกเขา แต่เซี่ยเหลียนกล่าวให้ทุกคนค่อยๆ คุยกันพร้อมเดินไปบังหน้าให้ฮวาเฉิง โดยไม่คาดคิด จู่ๆ อ๋องผีก็จับตัวเขาดึงไปด้านหลัง ซือชิงเสวียนจึงรีบตะโกนบอกให้ฮวาเฉิงอย่าเพิ่งใจร้อน เรื่องไฟไหม้ที่อนุสรณ์สุขาวดีเป็นอุบัติเหตุ ถ้าไม่พอใจสวรรค์จะชดใช้ค่าเสียหายให้ ปล่อยเซี่ยเหลียนแล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่า อ๋องผีตอบกลับไปว่าจวินอู๋แอบส่งสายลับมาสืบเรื่องในเมืองของเขา จึงไม่มีอะไรต้องคุย แล้วเซี่ยเหลียนจึงสังเกตได้ว่าเทพแห่งลมรู้ดีว่าฮวาเฉิงไม่ได้ประสงค์ร้าย เพียงแต่ช่วยทำให้เรื่องราวดูเหมือนอ๋องผีต้องการแก้แค้นจึงมาจับตัวเซี่ยเหลียนไป ไม่เช่นนั้นสวรรค์อาจกล่าวหาได้ว่าเซี่ยเหลียนคิดหลบหนีคดี ส่วนฮวาเฉิงก็แค่ให้ความร่วมมือกับแผนของอีกฝ่าย เขาจึงบอกให้ทุกคนเลิกเล่นละคร ทว่าเมื่อซือชิงเสวียนหันไปบอกให้เฟิงซิ่นลดอาวุธลง เฟิงซิ่นกลับไม่ยอมทำตาม
.
.
.
.
.
775 นั่นสวนสัตว์ที่ไหนทำโทรลหลุดมา... กูบ่นแค่นี้แหละ ถ้าโผล่มาอีกกูจะ ignore all ปล่อยให้มันไร้ตัวตน
>>776 ขอบคุณสปอย
เตี้ยนเซี่ยอย่าคิดมากค่ะ ท่านจะไม่เพอร์เฟ็คต์ จะขาดจะเกินยังไงฟาฟาก็รักท่านค่ะ ฉีหรงไม่เต็มบาท แต่ฟาฟาบ้ากว่าอีกนะคะ(เผา) บ้ารักไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยนามเซี่ยเหลียนน่ะ แล้วก็ท่านเทพลมคะ แน่ใจนะว่าแปลงร่างเป็นหญิงเพิ่มค่าLuck ไม่ใช่แค่อยากจะแปลงหรือเจ้าคะ รู้สึกท่านจะสนุกกับร่างนี้มาก
ชอบบบบบบบบบ ชอบความรู้สึกเชื่อใจกันแบยเกินร้อยนี้ ฮือออออออ มันดีอ่ะ ดีต่อใจมากๆ
โม่งสปอยกุว่ามึงสปอยละเอียดำปเอาประเด็นหลักๆก็ได้ กูกลัวอ่านนิยายไม่สนุก
แต่กูอยากได้ละเอียด ถ้ากลัวสปอยทำให้ไม่สนุกจะอ่านทำไมแต่ต้น กูชอบสปอยแบบนี้นะโม่งสปอย
กูชอบเจอแฟนอาร์ตเทพแห่งลมเวอร์ชั่นหญิงละไปอี๋อ๋อกับ(ใครหว่าลืมชื่อ) พอเขารุกกลับ แพ้ทุกที 555
>>779 ถ้ามึงไม่ชอบสปอยแนวนี้ กูแนะนำว่าอย่าอ่านแล้วหาสปอยจากแหล่งอื่นแทน บางคนยิ่งเสพสปอยเยอะแล้วยิ่งอยากอ่านมากขึ้นบางคนก็อ่านจริงแล้วเสียอรรถรส ลางเนื้อชอบลางยาว่ะ
แต่ที่มึงบอกว่าเอาแต่ประเด็นหลักๆ กูว่าโม่งสปอยเค้าก็สรุปแต่ประเด็นหลักแล้วนะ ถ้าอ่านเองจริงๆ จะรู้เลยว่าแต่ละตอนมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
กุงง อยากอ่านละเอียดๆทำไมไม่ไปอ่านเองว่ะ มาอ่านสปอยทำไม
กูก็ติดสปอยแบบละเอียดด้วยสิ ปรกติกูจะเขียนทั้งหมดลงไปก่อนแล้วมาอ่านซ้ำลบบางจุดออกไป แต่บางทีก็ไม่มีเวลามาเกลาให้น้อยลง (เช่นเดียวกับการตรวจคำผิด) บางจุดมันก็เป็นโมเมนท์อยากให้อิน หรืออยากให้มีประเด็นถกกัน อย่างเรื่องพ่อของหลางเชียนชิว ถ้าเขียนแค่ว่า "เป็นคนดีที่พยายามทำให้หย่งอันกับเซียนเล่ออยู่ด้วยกันอย่างสงบ" มันดูเข้าไม่ถึงอารมณ์รู้สึกผิดของเซี่ยเหลียน หรือความเสียใจของหลางเชียนชิว หรือโมเมนท์เล็กๆ บางจุดมันก็โยงไปถึงเรื่องในอนาคตเหมือนกันอะ (ตอนนี้กูยังอยากกลับไปเสริมเลยว่าวันที่เซี่ยเหลียนเจอซานหลางบนเกวียนคือเทศกาลซ่างหยวน เพราะในเรื่องจะพูดถึงเทศกาลนี้อีกหลายครั้ง)
เอาเป็นว่าถ้ากูมีเวลาจะพยายามเกลาเรียบเรียงเอาจุดที่ไม่สำคัญเท่าไรออก แต่ก็ยังสปอยละเอียดระดับหนึ่งเหมือนเดิมนะ
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>776 เทียนกวาน Part.50
.
.
.
.
.
เห็นเฟิงซิ่นยังไม่ยอมลดอาวุธลง ซือชิงเสวียนเลยเอาตัวกระแทกจนหนองโพไปโดนแขนของอีกฝ่าย ทำเอาเฟิงซิ่นที่กลัวผู้หญิงแทบสิ้นพลัง สบถด่าเสียงดังพร้อมถอยกรูดออกห่าง ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้ซือชิงเสวียนผู้มั่นใจในความงามเสียเซลฟ์เล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนกลับมาใช้ร่างชายแล้วถามถึงหลางเชียนชิว เซี่ยเหลียนตอบว่าอีกฝ่ายไปตามล่าฉี และฮวาเฉิงก็เสริมว่าคนร้ายตัวจริงในคดีงานเลี้ยงอาบเลือดคือผีเขียว ได้ยินดังนั้นซือชิงเสวียนกับเฟิงซิ่นก็มีท่าทางยินดีที่เซี่ยเหลียนพ้นผิด ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะถามอดีตผู้ติดตามว่ารู้หรือเปล่าว่าฉีหรงก็คือฉีหรงที่พวกเขารู้จัก เฟิงซิ่นหน้าเครียด อย่างไรฉีหรงก็เป็นถึงลูกชายของน้องสาวของแม่ของเซี่ยเหลี่ยนซึ่งเป็นราชินีของเซียนเล่อ เฟิงซิ่นที่ติดตามเซี่ยเหลียนตั้งแต่เด็กจึงได้เห็นความเป็นเด็กเปรตของฉีหรงอยู่เนืองๆ และเขาเองก็เคยมีเรื่องกับอีกฝ่ายมาก่อน แต่เพราะเขาเองก็ไม่เคยเจอกับผีเขียวโดยตรงจึงไม่เคยทราบเรื่องนี้
พอได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเหลียนกับผีเขียว ซือชิงเสวียนก็อดเอ่ยไม่ได้ว่าเซี่ยเหลียนสุดยอด มีเทพสงครามแห่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ กับเทพสงครามแห่งทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเพื่อนเก่า เทพสงครามแห่งทิศตะวันออกเป็นลูกศิษย์ ผีเขียวเป็นลูกพี่ลูกน้อง มีฮวาเฉิงเป็นน้องร่วมสาบาน แถมยังมีเทพแห่งลมอย่างเขาเป็นเพื่อนอีกต่างหาก แม้เฟิงซิ่นกับอ๋องผีจะมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับคำว่าน้องร่วมสาบาน แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เซี่ยเหลียนอารมณ์ดีขึ้นและยิ้มออกมา
เฟิงซิ่นเร่งให้เซี่ยเหลียนกลับสวรรค์ไปเคลียร์เรื่อง ฮวาเฉิงเลยหัวเราะแดกดันว่าที่จริงอีกฝ่ายไม่อยากให้เซี่ยเหลียนมายุ่งกับผีอย่างเขามากกว่า เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปห้ามทัพบอกว่าเขากับอ๋องผีจะจัดการลูกน้องของฉีหรงกับช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกจับมาก่อน แต่เฟิงซิ่นกลับบอกว่าจะจัดการทางนี้ให้เอง ทำให้ฮวาเฉิงพูดเกรียนไปอีกประโยค ทั้งสองจ้องตาราวกับจะบวกกันให้ได้ แต่ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะเปลี่ยนเรื่อง จู่ๆ อ๋องผีก็หยิบร่มสีแดงมากางออก ยกมันขึ้นเหนือศีรษะของตัวเองกับเซี่ยเหลียน บอกว่าท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยน พอสิ้นคำฝนเลือดก็ตกโครมลงมาทันทีสมฉายาฝนโลหิตตามหาดอกไม้ แล้วเฟิงซิ่นก็ยืนตัวท่วมไปด้วยเลือดอยู่คนเดียว เพราะเซี่ยเหลียนอยู่ใต้ร่มกับฮวาเฉิง ส่วนซือชิงเสวียนยืนอยู่ใต้สิ่งก่อสร้างทำให้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย
ฮวาเฉิงหุบร่มพร้อมส่งเสียงหัวเราะ ขณะที่เซี่ยเหลียนพยายามหาเศษผ้า เทพแห่งลมก็ดึงสายส่วนหนึ่งของแส้ปัดของตัวเองไปเช็ดหน้าให้เฟิงซิ่นจนเส้นใยติดเต็มหน้า จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงรู้สึกว่าร่างที่อยู่ข้างหลังกำลังเดินจากไป เขาจึงวิ่งตามแล้วถามอีกฝ่ายว่าจำกลับเมืองผีหรือ ฮวาเฉิงพูดติดตลกถามว่าอยากตามมาด้วยหรือเปล่า เซี่ยเหลียนตอบว่าหากคราวหน้ามีโอกาสเขาจะไปหาและช่วยก่ออิฐสร้างกำแพงอนุสรณ์สุขาวดี แต่อ๋องผีก็บอกว่าแค่มานั่งดูเฉยๆ ก็พอแล้ว เซี่ยเหลียนยิ้มแห้งบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับหลางเชียนชิวเป็นสิ่งที่ถูกหรือไม่ แต่มันก็อาจไม่แย่ที่ลงเอยอย่างนี้ และขอบคุณอีกฝ่าย ฮวาเฉิงบอกว่าเซี่ยเหลียนคิดมากไป ต่อไปนี้อยากทำอะไรก็ทำไปเลย จากนั้นเขาก็หันหลังไปพร้อมโบกมือให้ แล้วร่างของอ๋องผีก็กลืนหายไปกับความมืดในถ้ำ และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เซี่ยเหลียนก็รู้สึกมีความกล้าขึ้นมา
เซี่ยเหลียน ซือชิงเสวียน กับเฟิงซิ่นสำรวจถ้ำอีก 2 รอบว่ายังมีมนุษย์ซึ่งถูกจับมาหลงเหลืออยู่หรือไม่ จากนั้นทั้งสามก็กลับขึ้นสวรรค์เข้าร่วมประชุมที่หอมหายุทธ์ พวกเทพกล่าวว่าฮวาเฉิงบังอาจใส่ความว่าสวรรค์ส่งสายลับไปที่เมืองผี เข้าออกสวรรค์ตามใจ สร้างคาถาเชื่อมต่อกับตำหนักเซียนเล่อ อีกทั้งยังมาลักพาตัวเซี่ยเหลียนไปอีก ปล่อยไว้เช่นนี้อนาคตจะมาทำอะไรอีกก็ไม่รู้ ต้องรีบจัดการอีกฝ่ายเสีย มู่ฉิงกลับชักใบให้เรือเสียว่าไม่มีทางที่คนอย่างฮวาเฉิงจะบุกมาสวรรค์เพียงเพราะเซี่ยเหลียนไปทำเรื่องให้ไม่พอใจ และจะต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่นอน ซือชิงเสวียนจึงบอกว่าอ๋องผีเป็นคนเอ่ยออกมาเอง แล้วเขาก็ถามหาเทพสงครามที่เป็นเวรรักษาความปลอดภัยบนสวรรค์ในเดือนนี้ให้มารับผิดชอบที่ปล่อยให้ฮวาเฉิงทำตามอำเภอใจได้ ตอนแรกเขานึกว่าเป็นมู่ฉิง แต่ปรากฏว่าเขาจำผิด เพราะคนๆ นั้นกลับเป็นเผยหมิง ถึงอย่างนั้นแม่ทัพเผยก็ยืดอกรับผิด และในตอนนั้นเองหลิงเหวินก็เอ่ยขึ้นมาว่าหลางเชียนชิวใช้โทรจิตติดต่อเข้ามาแล้ว
.
.
.
.
.
สปอยอย่างกับแปลวางแบบนี้ไม่เข้าข่ายละเมิดลิขสนพหรอ
เพื่อนโม่งเราเพิ่งมาใหม่ ขอสปอยเทียนกวานซื่อได้ไหม มีสารบันหรือหมุดสปอยเรื่องไหม ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลยนอกจากพระเอกตาบอดข้างและเป็นงานอ.โม่
>>793 โม่งสปอย ขอบคุณนะ ที่มาทุกวัน ไม่อ่านของสปอยก็ไม่รู้จะไปหาอ่านสปอยจากไหนจริงๆละ
เพราะให้อ่านอังกฤษก็ไม่ไหว
ชอบที่สปอยละเอียดแบบนี้ ยิ่งทำให้อยากให้ต่อ สปอยวันละนิด ยังทำให้รู้สึกอยากตามต่อทุกวันเลย
เห็นเซี่ยเหลียนบอกจะไปช่วยก่ออิฐ กุนี้ยิ้มแก้มปริ่มเลย เอ็นดู รู้สึกไม่ดีที่ไปเผาเลยจะรับผิดชอบไปก่ออิฐ
ฟาฟานี่สุดยอกพระเอกจริงๆ เท่จัง ก่อนฝนเลือดจะเทลงมาก็กางร่มให้อีก
ไม่น่าละเมิด เพราะไม่ได้แปลประโยคต่อประโยคนิ
ฝนเลือดคือไรอ่ะ มีคำอธิบายเพิ่มไหม
>>793 หัวใจฟาฟากรีดร้องแล้วค่ะเตี้ยนเซี่ย "ถึงข้าจะเรียกท่านว่าเกอเกอ แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับท่าน ข้าอยากเป็นมากกว่านั้น" //ฟาฟาไม่ได้พูดแค่คิด
>>799 ฝนเลือด
.
.
.
.
.
เป็นหนึ่งในความสามารถของฮวาเฉิง โจมตีแบบ AoE เปลี่ยนเป้าหมายในระยะโจมตีให้กลายเป็นฝนเลือด
(ไม่อยากนึกสถาพพวกที่โดนเลย แอปเปิ้ลคั้นบดละเอียดยันเปลือกยันเม็ด?)
.
.
.
.
.
ขอถามอีกนิดนึง ไอ้ด้ายแดงที่ผูกติดนิ้วฮวาเฉิงกับเซี่ยเหลียนนี่มีที่มาที่ไป มีความหมายอะไรป่ะ
>>801 ที่ >>800 หมายถึงคือใครที่โดนการโจมตีนี้ไปจะถูกคั้นเป็นฝนเลือดน่ะ คนที่โดนเลือดไม่เกี่ยว ส่วนเลือดในตอนนี้น่าจะเป็นของพวกลูกน้องฉีหรงที่ยังอยู่ในถ้ำ
>>802 หลักๆ ก็หมายถึงด้ายแดงผูกกันอะไรอย่างนั้นแหละ แต่มันน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อยู่ในอาร์คที่ 2 ด้วย
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนถูกพิษ แล้วขอยืมอาวุธของฮวาเฉิงไว้ แต่ทำอย่างนั้นฮวาเฉิงจะไม่มีอาวุธ เซี่ยเหลียนเลยตัดที่รัดผมของตัวเองไปผูกนิ้วอีกฝ่ายไว้ใช้เป็นเครื่องรางแก้ขัดไปก่อน (อาร์ค 2 เป็นช่วงอดีต เซี่ยเหลียนยังมีพลังทิพย์อยู่ เครื่องรางเลยมีพลังป้องกัน)
.
.
.
.
.
ถ้าไม่เห็นแก่ได้อ่ะนะ กุว่าโม่งสปอยๆละเอียดมากไป มาเป็นประโยคเลย ลิขสิทธิ์ก็มีแล้วนะ ไม่รู้อ่ะแล้วแต่จะคิด
เค้ามาสปอยเค้าจะได้อะไรวะ ช่วงนี้ทำไมมีโม่งมาต่อว่าโม่งสปอยจัง กูไม่รู้นะว่าคนเดียวกันไหม วันก่อนเห็นมาด่าว่าสปอยละเอียดไป ละโม่งคนอื่นๆรวมทั้งกูเลยมาเม้นว่าสปอยดีแล้วนะ (ถ้าใครว่าละเอียดไป มึงไม่อ่าน เลื่อนผ่าน ก้อได้นะ)
วันนี้มีมาอีก คราวนี้บอกว่าละเมิด ว่าเค้าเกินไปอ่ะ นิยายยาวแปดเมตรนะมึง ไม่ใช่เล่มเดียวจบ เนืัอหามันมีรายละเอียดอื่นอีกมากมาก แล้วเวลาคนละเมิดเช่นพวกแผ่นผีซีดีเถื่อน แบรนเนม เป็นต้น คือเค้าละเมิดแล้วได้เงินเข้าตัว แต่ที่โม่งสปอยมันมาเล่าเรื่องให้ฟัง มันได้อะไรวะ นอกจากนิ้วล็อค
กูว่ามันไม่ใช่ละเมิดนะ อย่าด่ากันแรงขนาดนั้นเลย กลุ่มนี้มันกลุ่มคุยนิยายคุยงานโม่เซียง เหมือนเพื่อนๆกลุ่มคนที่ชอบเรื่องเดียวกันมาคุยกัน หวีดกัน กูก้อเป็นคนหนึ่งที่อยากอ่านสปอยเทียนกวานก่อนที่เล่มจะออกเพราะมันน่าจะอีกนานนมาก (แต่กูก้อรอซื้อ) แล้วกูก้อมีความสุขเวลาได้ก๊าวโมเม้นต่างต่างกับเหล่าโม่ง วิเคราะห์เหตุการณ์นั่นนี่ไปด้วยกัน
อย่าโจมตีกันเลยเหอะว่ะ
กูว่าที่โม่งสปอยมาสปอยให้ฟังนี่ก็ฟิลแบบเพื่อนที่อ่านหนังสือจบแล้วมาเล่าให้ฟังอ่ะ ถ้าการเล่าให้คนอื่นฟังมันละเมิดลิขสิทธิ์ก็ไม่ต้องมีสปอยบนโลกใบนี้ล่ะมั้ง ถ้าเขาสปอยแบบแกะประโยคต่อประโยคมานั่งแปล นั่งพิมพ์ให้อ่านก็ว่าไปอย่าง มาพูดแบบนี้ก็นึกถึงใจโม่งสปอยบ้างเหอะ เลิกงานมานั่งสปอยให้ฟัง นั่งพิมพ์ให้อ่านดึกๆดื่นๆเงินก็ไม่ได้ ชื่อเสียงเหรอ ก็รู้จักกันแค่ในนามโม่งสปอยแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจริงๆเป็นใคร และสุดท้ายถึงจะสปอยละเอียดยังไงสุดท้ายกูก็ซื้อเล่มอยู่ดี
ว่าโม่งสปอยว่าสปอยละเอียดไปละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้างั้นพวกกระทู้ฉายหนังในพันติบไม่หนักกว่าเหรอวะ แคปจอฉากต่อฉากเลย 55555555555
สปอยเทียนกวานต่อจาก >>793 เทียนกวาน Part.51
.
.
.
.
.
หลิงเหวินบอกว่าหลางเชียนชิวแจ้งว่าเรื่องงานเลี้ยงอาบน้ำมีเบื้องหลัง และเขาจะเคลียร์เรื่องกับเซี่ยเหลียนเอง ทำเอาพวกเทพถึงกับเซ็งเป็ดเพราะอดดูดรามา เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว เซี่ยเหลียนจึงเข้าไปขอโทษจวินอู๋ที่สร้างความวุ่นวาย และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จวินอู่กล่าวว่าสุดท้ายสิ่งที่เซี่ยเหลียนพยายามทำก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครเลย และถามว่าจะเตรียมเผชิญหน้ากับหลางเชียนชิวอย่างไร แต่เซี่ยเหลียนก็เปลี่ยนหัวข้อถามเรื่องที่หมิงอี้เป็นสายลับในเมืองผี จวินอู๋ยอมรับว่าเขาส่งเทพแห่งดินไปทำอย่างนั้นจริงๆ ทว่านั่นเป็นเพราะฮวาเฉิงเป็นฝ่ายส่งสายลับเข้ามาในสวรรค์ก่อน เซี่ยเหลียนก็คิดอย่างนั้นเพราะอ๋องผีก็ดูรู้เรื่องของเทพมากเกินไป
จวินอู๋กล่าวว่าเขาไม่ว่าอะไรเรื่องที่เซี่ยเหลียนไปเป็นเพื่อนกับอ๋องผี แต่ก็อย่าลืมระวังตัว เพราะอย่างไรเจวี๋ยก็เกิดจากผู้ที่เคยได้รับความทรมานอย่างมาก จะต้องเป็นคนที่น่ากลัวกว่าที่คาดไว้แน่นอน จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงขอตัวจากมา ตอนนี้ตำหนักเซียนเล่อของเขาถูกกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปเพื่อตรวจสอบคาถาที่ฮวาเฉิงใช้เข้ามายังสวรรค์ แม้ก่อนหน้านี้ซือชิงเสวียนจะเอ่ยชวนให้เซี่ยเหลียนไปพักที่ตำหนักของเขา แต่ เซี่ยเหลียนก็ตัดสินใจกลับลงไปยังภพมนุษย์ จุดหมายในครั้งนี้คือภูเขาไท่ชางซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางแห่งการบำเพ็ญของอาณาจักเซียนเล่อ
ทุกทิวทัศน์ล้วนเปลี่ยนไปจากเมื่อ 800 ปีก่อน ความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างเหลือเพียงซากปรักหักพัง ถนนที่เคยมีผู้ศรัทธาเดินไม่ขาดสายมีเพียงต้นไม้ปกคลุม เซี่ยเหลียนไต่ขึ้นเขาด้วยกำลังขาของตัวเองพลางใช้กระบี่ฟางซิ่นกรุยทางไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็มาถึงยอดเขา เซี่ยเหลียนกระโดดลงไปบ่อน้ำแห้งขอดแห่งหนึ่ง ใช้มือคลำก้อนอิฐแล้วกดลงเพื่อเปิดทางลับเข้าสู่สุสานลับของราชวงศ์เซียนเล่อ เขาเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งยังตกแต่งไม่เสร็จ ในนั้นมีโลงศพอยู่ 2 โลง และหุ่นฟางองค์รักษ์ตัวหนึ่งซึ่งสวมหน้ากาก มือถือกระบี่ยืนอยู่ใกล้ๆ เหนือฝาโลงมีถาดทองคำที่มีซากผลไม้เหี่ยวแห้งวางอยู่ เซี่ยเหลียนหยิบมันออก และขอโทษบิดามารดาที่คราวนี้เขาลืมนำของไหว้มาด้วย
เซี่ยเหลียนนั่งลงพิงโลงศพของแม่ของเขา เล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าวันนี้เขาได้พบกับฉีหรง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังออกมาจากโลงศพ เซี่ยเหลียนรีบเปิดฝาโลงออกแล้วก็พบว่าข้างในนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งสวมเสื้อของแม่ของเขานอนขดตัวอยู่ เสื้อตัวนั้นถูกถักทอขึ้นมาเป็นพิเศษให้สามารถรักษาสภาพศพได้หลายพันปี แต่ตอนนี้ไม่ปรากฏร่างของสตรีอยู่ในโลงเลย เขารีบอุ้มเด็กชายขึ้นมาถามด้วยความตื่นตระหนกว่าแม่ของเขาหายไปไหน แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว และเมื่อเขายกเด็กชายออกมาผงสีขาวก็หลุดร่วงออกมาจากเสื้อของอีกฝ่าย
เซี่ยเหลียนรู้ทันทีว่านั่นคือขี้เถ้าของมารดา ขณะกำลังตื่นตระหนก จู่ๆ หุ่นฟางตัวนั้นก็พุ่งกระบี่เข้าใส่เขา เขาหักกระบี่ของอีกฝ่ายด้วยมือเปล่า ก่อนเตะท้องและเหยียบร่างนั้นไว้ เมื่อปัดหน้ากากออกก็เห็นว่าข้างในหุ่นเป็นชายนุ่มคนหนึ่ง เขาตะคอกถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร เมื่อเห็นดังนั้นเด็กชายก็ร้องว่าพ่อออกมา ทำให้เซี่ยเหลียนนึกออกว่าทั้งสองอยู่ในกลุ่มมนุษย์ที่ฉีหรงกำลังจะต้มกินในตอนนั้น เขาเดาเรื่องออกทันทีแล้วหันไปรัวหมัดใส่ชายคนนั้น ร้องสั่งให้ฉีหรงออกจากร่าง พร้อมต่อว่าว่าแม่ของเขาดูแลอีกฝ่ายดีไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาทำกับแม่ของเขาเช่นนี้
ฉีหรงที่สิงร่างของชายที่เป็นพ่อเด็กหัวเราะบ้าคลั่ง บอกว่าศพหรือขี้เถ้าจะต่างกันอย่างไร แล้วตอนที่ฆ่าอันเล่อเซี่ยเหลียนไม่นึกถึงแม่บ้างหรือ ที่แม่ของเซี่ยเหลียนเป็นอย่างนี้เป็นความผิดของเซี่ยเหลียนคนเดียว เซี่ยเหลียนกระทืบอีกฝ่ายไปอีกหลายที แต่มันกลับทำให้ฉีหรงยิ่งสะใจที่ญาติผู้พี่เผยธาตุแท้ออกมา เด็กชายเข้ามาพยายามยกเท้าของเซี่ยเหลียนออกเพื่อช่วยพ่อของตน ทำให้เซี่ยเหลียนคิดได้ว่าอย่างไรร่างที่ฉีหรงสิงอยู่ก็เป็นผู้บริสุทธิ์จึงลดแรงกดที่เท้า บอกให้อีกฝ่ายออกจากร่างนั้นอีกครั้ง ทว่าผีเขียวไม่ยอมออก อีกทั้งพูดจาหาเรื่องกวนประสาทเซี่ยเหลียน ท้าทายให้ฆ่าเขาเสีย ส่วนเด็กชายก็กอดขาของเซี่ยเหลียน ขอร้องไม่ให้ฆ่าพ่อของเขา หลังจากฟังคำพูดดูถูกยั่วยุอีกหลายประโยค ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็ทนไม่ไหว แล้วมือของเขาก็ยกฟางซิ่นขึ้นมา
จบอาร์คที่ 1
.
.
.
.
.
โอเคจบอาร์คแรกพอดี เคลียร์ให้จบไป หันมาถกกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอาร์คแรกกันก่อนดีกว่า มีใครมีจุดไหนในอาร์คแรกที่อยากมาถกกันไหมอะ
เจวี๋ยเกิดจากผู้ที่เคยได้รับความทรมานอย่างมาก แสดงว่าชีวิตฟาฟาต้องบัดซบพอกันสินะ ในอนาคตจะมีเล่าพาร์ทความรันทดของฟาฟาบ้างป่ะ
>>817 พาร์ทอดีตมีเล่าบ้าง แต่เพราะเรื่องดำเนินในมุมมองของเซี่ยเหลียนเป็นหลัก ความบัดซบในชีวิตฮวาเฉิงเลยค่อนข้างถูกกลบ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ฮวาเฉิงอีโวลูชัน (เพราะความโกรธ และเสียใจ) จนเอาไปฝึกต่อจนเป็นเจวี๋ยได้อยู่ในอาร์คที่ 4
>>818 เซี่ยเหลียนรู้แต่แกล้งเนียนไม่รู้ สองคนนั้นเลยคิดว่าเซี่ยเหลียนไม่รู้ ส่วนดรามาหนักอยู่ในพาร์ท 2 กับ 4
มึง กูขอถามหน่อย เว่ยอิงในภาษาจีนนี่ออกเสียงเว่ยอิง หรือเว้ยยิงวะ คนที่แปลงี้เขาบอกว่าภาษาจีนไม่มีเสียงอิง เขาชอบเขียนตามการออกจริงในภาษาจีนและอยากแปลที่มันตรงตามต้นฉบับมากสุด คือกูงงอ่ะ มันจริงใช่มั้ย ภาษาจีนกูไก่กาใตรเป็นผู้รู้ขอไขความกระจ่างที
เสริมจาก 824
ที่จริงเสียง -ิง ในภาษาจีนก็คือตัว ing แต่มันเป็นสระในพินอินไง เวลาจะเขียนต้องมีพยัญชนะด้วย เลยเติมตัว Y เข้ามา ดังนั้นจีนเลยเรียกตัวนี้ว่า ต้าอี หรือ อีตัวใหญ่ เพราะอย่างนั้นถ้าเห็นพินอินY+i จะออกเสียงกึ่งๆ อ เหมือนเลขหนึ่ง 一 อะ พินอินเขียนว่า Yī แต่ออกเสียงอี ไม่ใช่ อู
ขอกาวหน่อย... กูไปแอ่วด้อมนอกเทียนกวานมา เจอเค้าคุยกันเรื่องคู่
.
.
.
.
.
WMกับสุดที่รักของเค้า(มีอยู่คนเดียวแหละ) รูทดำดิ่งสู่ Dark Side โคตรกร๊าวเลยว่ะ มีใครแนะนำแฟนฟิกคู่นี้ให้กูอ่านได้มั่ง Eng ก็ได้ ไทยก็ดี กรุณาอย่าบอกให้กูแต่งเองนะ กูไม่มีปัญญาแต่ง ในหัวกูมีแต่กาวไม่มีความสามารถ
ป.ล.คนที่ไม่อยากโดนสปอยไม่ต้องค้นนะว่าคู่ที่เราเราพูดถึงคือใครกับใคร มันสปอยแรงมาก สปอยเลเวล9999
.
.
.
.
.
มาบอกก่อนว่าไม่มีสปอยนะฮว๊าฟ เผื่อมีคนรอ
แล้วใครขอให้สปอย อยากหาเพื่อนคุย ไปลงแอคทวิตตัวเองก็ได้น้า เซเลปทวิตแล้วอ่า
กุต่อ
พอลงแล้วจะมีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์มั้ยน้า มาดูกัน ว่าแต่โม่งเกลียดงานเถื่อนมากไม่ใช่หรออ่า ทำไมทำซะเองน้าสงกะสัย
>>833 ถ้ามึงตาไม่บอดก็ต้องมองเห็นแล้วนะว่าในมู้มีหลายคนชอบสปอยของโม่งสปอยและอยากให้ลงต่อ
>>834 มีกฎหมายข้อไหนห้ามสปอยวะ นิยายแปดเมตร(กูขอยืมคำหน่อยชอบจริงๆ แปดเมตรเนี่ย) ย่อมาเหลือกะจิ๊ด กูไม่แน่ใจว่ะว่ามึงเป็นแค่โทรลหรือมีเอี่ยวกับสนพ. ถ้าเป็นทางสนพ.ประกาศขอความร่วมมืองดสปอยแบบละเอียดกูว่าเหล่าโม่งพร้อมให้ความร่วมมือนะ (แต่ดูจากสันดานกูคิดว่ามึงโทรลว่ะ)
ขอพูดหน่อย ในฐานะคนที่ไม่ได้ตามด้อมนี้ แต่เลื่อนผ่านๆกี่ทีก็เห็นมึงด่าเรื่องสปอย
สปอยไม่ได้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ละเมิดลิขสิทธิ์คือตัดหน้าสนพแปลลงเหมือนพวกนักแปลในเด็กดี มึงจะโกรธทำไม นอกจากเป็นคนที่เสียประโยชน์การจากการที่โม่งคนนี้เที่ยวสปอย หรือว่ามึงเป็นสนพที่กลัวยอดขายไม่ดีเพราะคนรู้เรื่องไปหมดแล้ว หรือไม่มึงก็มาเรียกตีนให้สนพ มีอยู่สองอย่าง ถ้าหวงนิยายไม่อยากให้ใครได้รู้นักก็ไปทำแคมเปญบนดินซะ ถ้ามีคนเข้ามาเย้วๆกับมึงก็ยินดีด้วย ไร้สาระชิบหาย
กูคิดว่า 833 โทรลนะ วันก่อนกูสปอยล์พันสารทก็มีโทรลมาแซะ จริตประมาณนี้ บอกกูโม่งแตก รู้ทวิตกู ทั้งที่กูไม่ได้เล่นทวิต นางคงมาปั่นอะ ถ้ามีโม่งไม่เห็นด้วยเรื่องสปอยล์น่าจะเม้นแบบมีหลักการ+สมองกว่านี้
พวกมึง ๆ อย่าไปสนใจโทรลเลย ก็แค่พวกทำเป็นคุณธรรมจ๋าแค่เปลือกแต่ตามโม่งแบบเกาะติด แล้วดูเป็นพวกขี้อิจฉาไม่มีใครคุยด้วยแค่นั้น
แต่คนสปอยล์โดนกระทบบ่อยกูไม่รู้ตอนนี้มึงรู้สึกยังไงนะ แต่อย่าใส่ใจโทรลมันเลยมึงยังมีพวกกูให้คุยถกสาระผสมกาวด้วยอยู่ 555 มึงทำต่อไปตามที่มึงสบายใจแหล่ะ ถ้าถึงจุดที่สนพ.ขอความร่วมมือทั้งโม่งสปอยล์และโม่งตามสปอยล์ที่พูดกันด้วยเหตุผลรู้เรื่องก็พร้อมจะเคารพให้ความร่วมมือเอง
.
คุยต่อ ๆ เทียนกวานกูอยากรู้คร่าว ๆ อ่ะ นอกจากคู่หลักเขาชิปคู่ไหนกันบ้างวะ
ส่วนตัวกูก็ค่อนข้างแน่ใจว่าโทรลอะ เพราะว่าถ้าเป็นสำนักพิมพ์ก็คงไม่ทำให้ตัวเองเสียเครดิทด้วยคำพูดเหมือนเด็กกะโปกแบบนี้ (ถ้า สนพ ตัวจริงมาบอกทุกคนก็ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว) หรือถ้าเป็นคนที่ห่วงเรื่องลิขสิทธิ์จริงๆ ก็คงงัดหลักการ เหตุผล ข้อกฎหมายมา ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ กัดจิกไปทั่ว แถมจงใจกวนตีนมากด้วย
แต่กูก็รู้ว่าเรื่องสปอยกับลิขสิทธิ์มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ช่วงนี้เลยหยุดสปอยก่อนเพราะจบอาร์คแรกพอดี แล้วรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการสปอยเท่าที่เป็นไปได้ เท่าที่ค้นเจอมาคือไม่ได้ผิดกฎหมาย เพราะว่าการสปอยกับสื่ออินเตอร์เน็ตที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายมันยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ มันเลยไม่ได้มีกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องนี้โดยตรง มีแต่แนวทางปฏิบัติที่ดีขึ้นมาเป็นไกด์ไลน์ให้ทำตาม คือไม่สปอยละเอียดเกินไป และไม่สปอยเกินครึ่งเรื่อง หรือสปอยตอนจบ (ซึ่งก็อย่างที่บอกว่ามันแค่ไกด์ไลน์ ไม่อย่างนั้นตอนแฮร์รี่ พอตเตอร์ เกมออฟโทรน วอร์คกิ้งเดธ อะไรพวกนี้ฟ้องร้องกันกระจายแล้ว ถึงขนาดสปอยข้ามน้ำข้ามทะเลจากอังกฤษผ่านในไม่กีนาทีหลังหนังสือเล่มจบออก ถึงกับมีบริษัทรับจ้างไปสปอยหนังให้คนที่ไม่ชอบหน้าฟัง สกรีนเสื้อบอกสปอยตอนตบมาขาย หรือแม้แต่กรณีทอม ฮอลแลนด์มาสปอยหนังที่ตัวเองเล่นให้ชาวโลกรับรู้ก็ไม่มีเคสโดนโทษ ก็แสดงว่ามันยังไม่ได้ผิดกฎหมาย แม้แต่ในประเทศที่เรื่องลิขสิทธิ์เขาแรงกว่าบ้านเรา และในไทยเองในพันทิพย์ก็สปอยหนัง ละคร ซีรีย์ นิยายกันปรกติ)
เพราะฉะนั้นสรุปว่าถ้ากูจะสปอยต่อก็อาจจะสปอยถึงแค่ถึงจบอาร์คที่ 2 (ที่จริงกูอยากถกช่วงอาร์ค 3 กับ 4 มาก รู้สึกมีประเด็นให้คุยเยอะ เป็นเหตุผลหลักที่มาสปอยแต่ต้นเพื่อให้รู้ที่มาที่ไปเลย เพราะกูเห็นที่เพื่อนโม่งแต่ละคนวิเคราะห์ ปรมจ แล้วชอบมาก อยากให้คุยกันแบบนั้น) และน่าจะสปอยให้ละเอียดน้อยลงแต่จะพยายามให้อารมณ์เดิมอยู่ (ซึ่งกูก็ว่า 80 เปอร์เซนท์ที่กูสรุปมาก็เนื้อแล้วนะ อีก 20 เปอร์เซนท์เป็นโมเมนท์ที่กูก๊าว+อยากดึงอารมณ์บางจุดให้เห็น เรื่องเทียนกวานกูนับถือแม่โม่จริงๆ ที่จุดเล็กๆ การกระทำบางอย่าง คำพูดบางคำพูด มันโดนเอาไปอ้างอิง มีผลต่อตอนหลัง หรือเป็นเหตุผลอธิบายการกระทำ อย่างเฉวียนอี้เจินที่แพลมๆ ชื่อมาหนสองหนนี่ ตอนหลังบทเยอะพอควรนะครัช ปั้นเยวี่ย เผยซู่ เซวียนจี เค่อหมอ ตอนหลังก็มีบท แม้แต่คุณโสที่ทักเซี่ยเหลียนในเมืองผีก็มีบทสำคัญเถอะ กูเลยตัดไม่ได้)
ส่วนอาร์คที่เหลือค่อยมาคุยกันเชิงวิจารณ์ วิเคราะห์ อันนี้จะไม่ผิดเรื่องลิขสิทธิ์แน่ๆ เหมือนที่เพื่อนโม่งวิเคราะห์เนื้อเรื่องเล่มสุดท้ายของ ปรมจ กันถึงพริกถึงขิง ทั้งๆ ที่ลิขสิทธิ์ก็ยังแปลไม่จบเหมือนกัน) หรือที่จริงถ้าสามารถสปอยในระบบปิดกว่านี้เหมือนอ่านหนังสือจบไปสปอยให้เพื่อนที่โรงเรียนฟังก็ดี เพราะส่วนหนึ่งโม่งมันก็เปิดสาธารณะให้คนเข้ามาอ่านได้หมดด้วย
สรุปก็คือตอนนี้กูก็กำลังหาข้อมูลเพื่อทำจุดพอเหมาะพอดีอยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับโทรลกวนประสาท เพราะเราจะคุยกันด้วยหลักเหตุผล หรือเพื่อนโม่งมีความเห็น+คำแนะนำยังไงกันบ้าง
>>838 มันมีหลายคู่ที่ถ้าเขียนออกไปแล้วมันจะสปอยอะ เอาเป็นว่าจะจะจุดสปอยไว้ก่อนนะ
.
.
.
.
.
คู่ที่คนส่วนมากชิปคู่อื่นก็จะมี เฟิงซิ่นxมู่ฉิง หมิงอี้xซือชิงเสวียน เฉวียนอี้เจินxอิ๋นอวี้ ส่วนคู่สุดท้ายที่กูไถทวิตเห็นบ่อยๆ กูขอข้ามนะเพราะมันสปอยเรื่องแบบฮาร์ดคอร์เกิน
.
.
.
.
.
>>839 สำหรับกูความเซนซิทีฟพวกนี้มันแปะติดกับมาตรฐานคนอ่ะ ถ้าไม่มีเคสทางกฎหมายออกมากูว่าก็หามาตรฐานยาก
แต่สำหรับกูต่อให้สปอยหมดเรื่องกูก็คิดว่าเหมือนเพื่อนเล่าเรื่องอ่ะ อรรถรสของการอ่านนิยายที่มีรายละเอียดคำต่อคำ ยังไงก็ไม่เหมือนสปอย สำหรับกูถ้าสปอยแล้วพบว่าเนื้อหาหนังสือมันตรงเทสกู กูจะยิ่งอยากอ่านเล่ม และยิ่งมั่นใจจะซื้อเล่มเพราะรู้ว่ากูไม่เสียดายเงินที่ซื้อแน่ๆ อีกอย่างสนพ.ก็รู้แหละ ว่าอ่านแปล eng นี่ละเอียดยิบกว่าโม่งสปอยก็ไม่ใช่ว่าจะหาแหล่งกันไม่ได้ กูกลับมองว่าเป็นการโฆษณาอย่างนึง ซึ่งโม่งสปอยก็ไม่ได้กำไรอะไรเลย
ปล.กูขอบคุณในความเสียสละเวลามาสปอยของมึงนะโม่งสปอย
คนซื้อยังไงก็ซื้อ คนไม่ซื้อก็หาเหตุผลอ้างโน่นนี่ ถึงจะไม่มีสปอยก็มีเหตุผลอื่นมาสนับสนุนการไม่ซื้ออยู่ดี กูไม่ได้ว่าคนที่ไม่ได้สนใจจะซื้อนะ หมายถึงพวกมากรี้ดๆชอบเรื่องนี้ชอบโน่นนี่แต่ไม่สนับสนุนลิขสิทธิ์
กูเป็นคนนึงที่ติดสปอยมาก นิยายเรื่องไหนไม่มีสปอยมาก่อนหรือไม่รู้เนื้อเรื่องมาก่อนกูไม่ซื้อ กูเข็ดมากกับการจ่ายแพงแต่ได้อิหยังวะมาอ่าน ตอนแรกกูว่าจะไม่ซื้อเทียนกวานเพราะดูชื่อแล้วเหมือนแนวเรื่องมันหรูๆอาจไม่ใช่แนวกู แต่ขอบคุณโม่งสปอยที่ทำให้รู้ว่าเนื้อเรื่องจริงๆมันน่าสนใจกว่าที่คิด กูเกียมเสียตังค์แล้ว
สำหรับกูถ้าจะซื้อสปอยก็ทำอะไรกูไม่ได้ ยิ่งสปอยยิ่งอยากซื้อ อย่างปรจ บอกตรงๆ ว่ากูอยากได้มากกกกเพราะสปอยล์นี่แหละ และก็ได้มาแล้วดอง....55555 รีบซื้อเพราะกลัวขาดตลาด
สปอยต่อไปเถอะเพื่อน อันไหนที่มึงเล่าถึงเพราะมึงมองว่ามีผลต่อเนื้อเรื่อง กูว่ามันก้อไม่ได้ละเอียดไป อย่างที่บอกว่าใครอยากหลบสปอย อย่าอ่าน หรืออ่านข้ามๆบางจุดเอา ควบคุมที่ลูกกะตามึงอ่ะไม่ใช่ควบคุมมือคนอื่นที่พิม
กูเข้าใจฟีลที่แบบอยากมาแชร์กะเหล่าโม่ง จะได้มีเพื่อนร่วมหวีดเรื่องที่ชอบเหมือนๆกัน กลุ่มนี้มันเหมือนเพื่อนมาเล่าเรื่องให้ฟังกัน (เพื่อนในชีวิตจริงกู ดูเกาหลี ดูซีรี่ย์ช่องวัน แต่ไม่ดูจีนอ่ะ ยิ่งอ่านหนังสือพวกแม่งยิ่งไม่อ่าน กูชอบอ่านหนังสือคนเดียวในกลุ่มเลย อุแง)
ส่วนคนที่มาตามด่า เท่าที่อ่าน กูเดาว่ามันอิจฉาโม่งสปอย
จริงอยู่ที่เราไม่รู้ว่าโม่งสปอยจริงๆเป็นใคร แต่ตอนนี้คือในด้อมเล็กๆของเราสปอยของเพื่อนโม่งมีคนตามเยอะอยู่
โม่งโทรลอาจจะหมั่นไส้แกมอิจฉาเลยตามเบรคตามด่า และเพื่อให้ดูมีความชอบธรรมในการด่าเลยยกคุณธรรมเรื่องพิทักษ์ลิขสิทธิ์ขึ้นมา ถถถถถ
ดีที่มึงไม่เก็บเรื่องโทรลมาใส่ใจ อ่านจากที่มึงพิมสปอย การวิเคราะห์ต่างต่าง และการรับฟังคนอื่น กูว่ามึงเป็นคนมีอีคิว อารมณ์ความคิดหนักแน่นพอสมควร
ไม่หัวร้อนง่าย พลังฝึกจิตช่างกล้าแข็ง 5555 /คารวะด้วยสุราเทียนจื่อเซี่ยว
ky ไหนๆก็มีการพูดเรื่องลิขสิทธิ กูถามหน่อย กูซื้อหนังสือมา(เรื่องที่พูดถึงไม่มีอีบุคขาย) แต่กูจะไปเที่ยว กูอยากเอาไปอ่าน แต่มันหนัก+กูอ่านหนังสือไว กูจับสแกน ใส่แทปเล็ทไปอ่าน โดยที่การสแกนคือการทำซ้ำใช่มะ แต่กูไม่ได้เอาไปแจกใคร แค่เอาสะดวกกูพกพาไปอ่าน แบบนี้ผิดปะวะ กูคิดเอาเองว่าไม่ผิด เพราะกูไม่ได้เผยแพร่ ใครรู้บ้าง ไขข้อข้องใจกูที
>>839 กูชอบตอนคนวิเคราะห์ปรมจในนี้เหมือนกัน เพราะเป็นบอร์ดเปิดที่ใครก็เข้าได้เลยมีหลายความเห็น และไม่ระบุตัวตนทำให้ออกความเห็นได้ตรงไปตรงมา ไม่ต้องกลัวโดนถล่มหรือแซะย้อนหลัง ดังนั้นการหาที่สปอยให้ปิดกว่านี้ความหลากหลายในความเห็นมีโอกาน้อยลง หลายคนคงไม่อยากเปิดโม่งเพื่อเข้าถึงสปอยและการออกความเห็นจะไม่ง่ายแบบสปอยในโม่งเม้าในโม่ง
แล้วกูก็รู้สึกว่าพอหนังสือออกเป็นเล่ม คนอ่านเล่มจบก็จบเลยไม่ค่อยมีคนมาเม้าต่อเนื่องเป็นเหตุการณ์เท่าไหร่เพราะหนึ่งเล่มเนื้อหาเยอะ ไม่ใช่แค่กับเรื่องของแม่โม่ วายเรื่องอื่นก็เหมือนกัน ก็เสียดายถ้าจะไม่มีสปอยแล้ว
กู 847 ขอบใจเพื่อนโม่งที่ให้ความรู้ กูจัดละ สแกนเป็นชุด ต้นเดือนหน้าจะไปนั่งชิวริมทะเลอาทิตย์นึง ขืนแบกหนังสือไปอ่าน กูคงกล้ามขึ้น
เพื่อนกูก็ทำนะ แต่ไม่ถึงขั้นแสกน มันแค่ถ่ายรูป ไว้เปิดอ่านเวลาอยู่นอกบ้าน คืออยากอ่านแต่ขี้เกียจแบกหนังสือ+กลัวหนังสือพังด้วย
>>858 ใช้ออนไลน์ small pdf แต่ถ้ามี illustrator ก็น่าจะสะดวกกว่ามั้ง
>>859 ไม่สามารถแนะนำ เพราะใช้ของที่ทำงาน อาศัยมาทำงานเช้ากว่าคนอื่น เลยนั่งสแกนไปเรื่อยๆ แต่ที่ทำงานใช้เป็นแบบ all in one ปริ๊น สแกน ก๊อปปี้ เครื่องเดียวจบ แล้วห้องทำงาน นั่งอยู่คนเดียวเปลี่ยวเปล่าเหงาหงอย เลยทำไรก็ได้ แค่งานออกตามเวลา ที่เหลือก็นั่งอ่านสปอย กะเม้าท์มอยอยู่นี่ไง
มึงๆอย่าแนะนำเรื่องสแกนหนังสือกันเลย ถ้าใครทำเป็นอยู่แล้ว จะทำเล็กๆน้อยๆอ่านส่วนตัวก้อแล้วแต่ แต่ถ้าจะแนะนำเครื่อง โปรแกรมกัน อย่าเลยเพื่อน ถ้าอยากทำใช้ส่วนตัวจริงๆลองหาข้อมูลที่อื่นดู มู้โม่เซียงแต่มาสอนวิธีสแกนหนังสือกูตงิดๆไงไม่รู้อ่ะ ซอรี่เด้อ
ถ้าบอกว่าสแกนไว้อ่านเองรอบเดียวแล้วลบ กูนับถือเลย ทั้งซื้อเครื่องสแกน เวลาที่ใช้ในการแสกนที่น่าจะพอๆกับการเปิดอ่านให้จบ แล้วยังเสี่ยงหนังสือเสียสันแตกหลุดเป็นแผ่นๆ กูชอบพกหนังสือไปอ่านเวลาไปเที่ยวทั้งทะเลภูเขา ไม่ได้หนักมาก หลังๆพกทั้งหนังสือ คินเดิล แล้วก็อ่านในมือถือ เรื่องไหนที่เล่มหนามากลำบากมากไม่เหมาะกับทริปก็เลือกเล่มอื่นที่เล็กๆเบาไม่ห่วงว่าจะยับจะเลอะไปแทน มีทางเลือกอื่นที้ไม่ต้องสแกน
ไหนๆ ก็นอกเรื่องแล้ว ขอต่อหน่อย กูเป็นประเภทค่อนข้างหวงหนังสือ ถึงจะไม่ถึงขั้นห้ามเป็นรอยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าจะให้กูแหกหนังสือมาแสกนนี่ทำไม่ลงว่ะ ยิ่งใช้เครื่องแสกนมันก็แทบจะต้องแหกหนังสือออกมาเป็นแผ่นๆ เลยปะวะ ถ้าจะบอกว่าแสกนไว้อ่านคนเดียวเพราะขี้เกียจหิ้วหนังสือไปอานแค่ไม่กี่วันนี่กูขอไม่เชื่อไว้ก่อน ถ้าเรื่องสุ่มเสี่ยงผิดลข พวกนี้อย่าเอามาคุยเลยดีกว่า
ขอบั๊มหน่อย
บั๊มจ้า
>>863 มึงนี่คิดเยอะ มึงไม่แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกจะไม่ ใช่ หนังสือแหก แต่หนังสือกรูซื้อ กรูจะฉีกจะแหกก็หนังสือกูอะ
ทู้โม่เซียง เอาปรมาจารย์ลัทธิมารไปดูเล่น เพิ่งเสร็จหมาดๆ แล้วมึงหาเลยว่ามีไฟล์สแกนแบบนี้แจกที่ไหน ถ้ามีไฟล์แบบนี้แจกค่อยด่ากรู ขอบอกว่าถ้ากรูจะหาโหลด กรูหาได้ แค่กรูไม่หา กรูก็ไม่หนับหนุนพวกไฟล์แจก
อ่อกรูไม่รู้นะว่าฝากรูปได้นานแค่ไหนกะเว็บนี้ มึงก็เข้าไปดูเอาเน้อ ว่ากรูสแกนชัวร์ หนังสือแหกก็ใช่อีก กรูไม่ปฏิเสธ
https://www.bpicc.com/image/9YSB6J
https://www.bpicc.com/image/9YSHQj
ไม่ได้ว่านะ แต่พอไม่มีสปอยล์เทียนกวานเหมือนชีวิตขาดอะไรไป เพราะว่าปกติได้อ่านทุกวัน กูติดสปอยล์แล้วววว T_T
กูก็รอคอยสปอยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโม่งสปอยแค่หยุดให้เราย่อยเนื้อหาอาร์กแรกก่อน หรือว่าท้อใจจนเลิกสปอยแล้วก็ไม่รู้ ฮืออออ
มันบอกไปหาข้อมูลหาจุดพอดีในการสปอยนะ เดวมาๆ /นั่งเขี่ยพื้นรอ
โม่งมอดเเล้ว กูพึ่งมา แต่กูมารอโม่งสปอยนะ
เข้ามานั่งรอโม่งสปอยด้วย
พึ่งได้อ่านอาจารย์ตัวร้าย เริ่มเมื่อวานจบวันนี้ 3 เล่ม เกือบไม่ได้นอน วางไม่ลงจริงๆ
ว่าแต่กูอ่านจบไปแล้วก็ยังตะหงิดๆ ใจอยู่ดีว่านี้ไม่มีอะไรต่ออีกหน่อยเหรอออออออ กูอยากอ่านของท่านโม่เป่ยกับชั่งชิงต่อออออออออออออ
ขอบคุณมึงงง กูลองตามไป แต๊งส์ๆ
>>875 ตอนสุดท้ายของฉบับไทย จะมีบทสัมภาษณ์คู่รัก แล้วปิงเหอตอบเอาไว้ว่า อยากให้อีกฝ่ายเรียกเขาว่าเซียงกง (คำเรียกหลัวแบบเคารพยกย่อง) ใช่ป่ะ
ส่วนตอนพิเศษแต่งงาน กูเคยดำ ๆ งม ๆ จำได้แค่ว่าในที่สุดเสิ่นชิงชิวก็ยอมเรียกแบบนั้น (ระหว่างโดนจับกิน บอกปิงเหอว่าทำช้า ๆ หน่อย ปิงเหอเลยต่อรอง+อ้อนว่่าถ้าอยากให้ทำช้าลง ก็เรียกเขาแบบที่คนแต่งงานแล้วเรียกกันสักคำสิ)
กูแวะกลับมาหวีดแพ่บ ไปขุดหาแปลตอนพิเศษในทวิตมา ยังไม่เจอ เจอแต่อนิเมะ 3D อ.เสิ่น
อมกกก เลือดกำเดากูจะไหล ต้องวิ่งกลับมาหวีดในโม่งก่อน พึ่งเห็นงานอนิเมะเค้าทำซือจุนออกมาหน้าหล่อแบบสวยๆดี กูชอบ
พึ่งเคยดูซีรี่ย์ ปรมจ ทำไมเว่ยอิงถึงใส่หน้ากากอะ ตามนิยายต้องแต่งหน้าใช่ป่าว
ตามนิยายแต่งหน้าแบบบ้าๆบอๆเพราะเจ้าของร่างเดิมน้องโม่มันเพี้ยนๆอ่ะ พอเว่ยอิงเข้าร่างแรกๆก้อต้องทำตัวบ้าๆแต่งหน้าประหลาดแบบเดิม คนจะได้ไม่ผิดสังเกตุ แต่ซีรี่ย์เปลี่ยนจากแต่งหน้าเป็นใส่หน้ากากแทน กูเดาว่าที่ปรับบทตรงนี้คงเพราะใส่หน้ากากมันอาจจะดูเท่กว่า ดีขึ้นกว่าแต่งหน้าประหลาดๆ และก้อซีรี่ย์มันสื่อว่าพอเว่ยอิงเข้าร่างแล้ว หน้าตาคือเป็นหน้าเว่ยอิงเลย ถ้าใส่หน้ากาก มันปิดบังใบหน้าได้มากกว่าการแต่งหน้ามั้ง คนจะได้จำหน้าไม่ได้ด้วยว่าคือเว่ยอู๋เซี่ยน
ส่วนในอนิเมะก้อใช้แต่งหน้าแบบนิยายนะ ถ้ามึงอยากเห็นลองไปเปิดเมะดู
พึ่งอ่านจบเล่ม 2 ตัวละครเยอะจริงเลย จำได้แต่ หลานจ้าน เว่ยอิง จินหลิง —*
ไม่รู้จะโพสห้องไหนดี แต่เลือกห้องนี่เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะช่วยถกกันได้
เห็นในทวิตมีคนรีวิวว่าปรมจแปลไม่ดี มีคำติดขัด อ่านแล้วไม่ลื่น มีบางคำที่สงสัยว่าอาจจะไม่ได้แปลจากต้นฉบับ(?) กูเลยสงสัยว่าไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ กูอ่านแล้วก็โอเคนะ ไม่ได้ติดขัดอะไร แต่เห็นคนเมนชั่นบ่นกันตรึม โดยเฉพาะเรื่องคำทับศัพท์ กูเลยอยากรู้ว่าพวกมึงอ่านจบ 2 เล่มแล้วคิดยังไงบ้างกับการแปล
>>888 กูชอบมาก อาจจะเป็นเพราะกูอ่านตวตมาตลอด มาเจอคำสวยๆฝั่งจีนบ้างก็รู้สึกแปลกใหม่ดี ตวตมีแต่ศัพท์ตรงๆแมนๆ หล่อคือหล่อน่าเย ไม่ได้หล่อเป็นน้ำแข็งแห้งแกะสลักแบบที่จีนบรรยาย มันเลยคนละบรรยากาศกัน กูถือว่าทำได้ดี ส่วนเรื่องคำทับศัพท์กูเดาว่ามันเริ่มมาจากสุยเปี้ยนที่ถ้าไม่แปลว่าแล้วแต่ จะไม่รู้เลยว่านายเอกตั้งชื่อแบบแล้วววแต่ เพราะสำหรับคนไทย สุยเปี้ยนคือสุยเปี้ยน คือภาษาจีนคำหนึ่ง ไม่รู้คำแปล ไม่บ่งบอกนิสัยนายเอก ทีนี้พอแปลสุยเปี้ยนแล้วมึงเลยต้องแปลทุกอัน ไม่งั้นก็หลายมาตรฐานแปลกๆ
นานาจิตตัง ด้วยความที่เรื่องมันดัง แต่หวังต้องแปลดีเลิศประเสริฐฟ้า ซึ่งกูอ่านแล้วก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เล่ม 2 แปลดีขึ้นนะ กูอ่านสบายๆเลย ถ้าคนจะไม่ซื้อแค่เพราะรีวิวจากคนที่อ่านทั้งเกาจีนไทยออก ก็ต้องคิดแล้วล่ะ ส่วนตัวกูอ่านออกแค่อิ้ง แปลดีกว่าอิ้งกว่าอิ้ง อ่านแล้วไม่ปวดหัว ก็สบายใจกูแล้ว
พวกบ่นเรื่องทับศัพท์เด็กน้อยเอาแต่ใจว่ะ เขาแปลชื่อกระบี่ก่อนพวกมันเกิดกันอีก กูงงมากว่ามีพวกอยู่ในกะลาขนาดนี้เลยเหรอ หนังจีนเคยดูบ้างมั้ย มังกรหยกก็ได้ คิดว่าไม้เท้าตีสุนัขเป็นคำจีนเหรอ พูดมาได้ว่าคนเขาไม่แปลชื่อกระบี่กัน พึ่งมาสายจีนก็อย่าโชว์โง่ อย่าให้ค่ากับคำพูดพวกนี้เลย ฟาดงวงฟาดงาเท่านั้นแหละ เวนเอ้ย กูโกด เพราะอิพวกพึ่งตามเอาแต่บ่นๆๆๆๆๆ ถ้าสนพอื่นมาเห็นก็อาจไหลตามพวกนี้ แต่พวกนี้ก็ตามเอากระแสอะไม่งั้นคงไม่ด้อยปัญญาขนาดนี้ คนที่ยังต้องอ่านนิยายแปลจีนต่อไป รับกรรมจากที่พวกมันเย้วๆก็คือกู
กูว่าแปลดีนะ รู้สึกแปลแบบมีมาตรฐาน เหมือนหนังสือแปลที่มีกลั่นกรองเรียงเรียง เป็นรูปประโยคที่อ่านเข้าใจได้ทุกวัยและไม่ต้องติ่งก็อ่านได้ย่อยได้ ไม่ได้ใช้สำนวนแปลเฉพาะกลุ่มเกินไป ไม่เหมือนอ่านฟิคอ่านนิยายตามเนต ที่เวลากูอ่านประโยคไหนแล้วบางทีต้องคิดประมวลซ้ำอีกรอบว่ามันสื่ออะไรเพราะประโยคหรือคำบางทีมันสำนวนวัยรุ่นไป บอกไม่ถูกว่ะ
ส่วนเรื่องแปลถูกผิดจากต้นฉบับ กูไม่รู้เพราะไม่รู้จีน
เรื่องทับศัพท์/ไม่ทับศัพท์ กูไม่มีปัญหาเลย อาจจะไม่ชินบ้าง แต่พอเริ่มชินก็รู้สึกว่ามันเป็นสไตล์การแปลของเรื่องนี้ มันเป็นคำศัพท์ประจำเรื่องนี้ ชื่อเฉพาะสำหรับสิ่งนี้ ก็เท่านั้น ถ้าอยากได้ฟีลเหมือนเวลาดูซีรีส์ก็อ่านในหัวไปว่า สุยเปี้ยน
กูว่าก็แปลดีนะ มีสะดุดมั้ยจำไม่ได้ แต่ชอบที่แปลชื่อสถานที่ชื่อกระบี่ ถึงกูจะขำชังชาติแบบชิบหายก้เถอะ ละเทียบกับตัวร้าย กูว่าโทนเรื่องคนละแนวว่ะ จะให้แปลขำโบ๊ะบ๊ะคงไม่ใช่มั้ง ตัวร้ายคือแปลดีเรียบเรียงดีจริง แต่กุหักคะแนนตรงไม่เรียกอาจารย์นี่แหละ ความบาปกุลดไปกว่าครึ่ง เสียดาย
#อุกหังอิสเรียล #อหปฟก
555 อย่างอื่นไม่รู้ แต่พวกบ่นเรื่องทับศัพท์นี่ไปพุกก่อนเลย จะบอกรสนิยมหรือความเคยชินมันก็ส่วนหนึ่งอะ แต่การแปล คือการแปลปะ การมาทับศัพท์ปล้วบอกว่ามีความเป็นจีนมากกว่านี่คือตลกมากๆ กูเบื่อ ขี้เกียจไปคุยด้วย
กูชอบปรมจ แปลดีอะ ได้รู้สึกติดขัดอะไร
กู 888 เองนะ
>>890 แหม มึงก้อออ กูอุตส่าห์ไม่บอกว่ารีวิวไหน 55555555 กูไม่ชอบใจตรงที่เกริ่นแนวๆว่าสนพ.อาจจะแปลมาจากอิ๊งนี่แหละ สนพ.ซื้อจากไต้หวันมาทำไมไม่เอาฉบับไต้หวันมาเทียบละ ไปเอาฉบับจีนกับเกาหลีมาเทียบทำไม หนหวย
ส่วนตัวกูอ่านจีนมานานแล้ว ส่วนมากเป็นมกร. แต่พอมาอ่านปรมจก็ไม่ได้ติดอะไร แปลชื่อไทยโอเคดี ถึงจะแอบตลกชังชาติไปหน่อยก็เถอะ ส่วนที่แปลได้ก็ควรแปล ไม่งั้นจะเรียกว่านิยายแปลทำไม อ่านมากๆเดี๋ยวก็ชิน จะมางอแงขอให้สนพ.เปลี่ยนให้ถูกใจตัวเองมันก็ไม่ใช่ ฝั่งนิยายกำลังภายในไม่เห็นจะมีคนงอแงเพราะเรื่องแบบนี้เลย แล้วยังมาถล่มนักแปลอีก คนก็อุปทานหมู่กันตาม ถ้ามันแย่จริงก็กางหนังสือมาเลยว่ามันไม่ดีตรงไหน แย่ตรงไหน ไม่ใช่บ่นๆๆๆๆ เอาฉบับนู้นนี้ที่ไม่ใช่ฉบับที่สนพ.ซื้อมา เอาของแปลอิ๊งมาเทียบ ไปกางฉบับไต้หวันมาเทียบสิ ถ้าแปลผิดจริงก็ค่อยมาลง มาแหกสนพ.กับนักแปล ไม่ใช่มาตีโพยตีพายฟูมฟายไปเองแบบนี้
หนหวยละ ว่าจะมาถกเถียงกับเพื่อนโม่งแบบเป็นกลาง สุดท้ายก็หัวร้อนนน
กูไม่ได้อะไรกับแปลชื่อกระบี่นะ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่าเรื่อง ปรมจ แปลสำนวนภาษาในเรื่องแข็งๆ ภาษาพูดตอนตัวละครคุยกันมันเหมือนภาษาเขียน การใช้คำดูโบราณ ซึ่งเรื่องแนวย้อนยุคเรื่องอื่นที่กูอ่านมาก็ไม่ใช้คำดูเก่าขนาดเรื่องนี้ อะไรที่คำน่าจะดูลื่นไหลมันเลยดูทื่อๆ ซึ่งกูก็ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ต้นฉบับเลยหรือเปล่า เพราะเห็นคนแปลเขาแปลอีกเรื่องหนึ่งกูก็ไม่รู้สึกว่าคำมันแข็งมันเรื่อง ปรมจ อะ
ในทวิตมีคนแปลเทียนกวานคำต่อคำด้วย แปลซะไม่กลัวโดนฟ้องเลย
อืมมม ส่วนตัวกูเฉยๆ กะแปลชื่อ แต่รู้สึกสำนวน การเรียบเรียงของปรมจมันไม่ค่อยลื่นๆ สละสลวยเท่าไหร่ บางพาร์ทก็เรียบเรียงงงๆ กูอ่านแล้วสับสน สำหรับตัวกูนะ ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นอะ 5555
กูขอเห็นต่างหน่อยนึงนะสำหรับเรื่องทับศัพท์ พวกมึงอย่าเพิ่งรุมด่าขอเสนอแนวคิดตัวเองนิด
กูว่าไม่ทับศัพท์แล้วบอกว่ามันใช้กันมาตั้งแต่นุคกำลังภายในอ่ะ กูว่าอันนี้มองได้อีกแง่ คือกูคิดว่ากลุ่มนักอ่านของกำลังภายในกับกลุ่มหน้าใหม่อ่านวายมันคนละกลุ่มกัน (อาจจะมีซ้อนกันบ้างแหละ) ซึ่งกูก็เชื่ออย่างหนึ่งว่านักแปลหรือบริษัทอาจจะต้องคิดถึงกลุ่มเป้าหมายให้ดีด้วยอ่ะ ถ้าแปลโบราณจ๋าไปแบบยุคเก่ามันอาจจะเข้าไปถึงคนส่วนหนึ่งหรือเปล่าอะไรแบบนี้ แล้วยิ่งเรื่องนี้มีแปลทั้งอนิเมะทั้งซีรี่ย์การอยู่เป็นจักรวาลเดียวกันกูว่าก็สำคัญนะ คือไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นไงแหละ แต่พอมีเสียงวิจารณ์เยอะแบบนี้กูว่าไม่ใช่ว่าพวกเราควรอวยว่า สนพ. ทำดีแล้ว แต่อาจจะต้องให้ สนพ. ลองดูทิศทางในอนาคตไหมว่าถ้ามีนิยายที่มีทั้งอนิเมะ ซีรี่ แล้วแมสแบบนี้ใช้ภาษาแบบไหนถึงจะเหมาะที่สุด
ส่วนตัวกูว่าภาษาดีเลย แต่บางทีเสพหลายอย่างเกิน ก็คิดว่าซับในอนิเมะในนิยายก็ทำไม่แย่ไง พอมาอ่านนิยายบางทีเลยโดดๆ
** ซับในเมะ ในซีรี่
>>900 ไม่ค่อยโอเคกับแนวคิดแบบนี้นะ
แต่พอมีเสียงวิจารณ์เยอะแบบนี้กูว่าไม่ใช่ว่าพวกเราควรอวยว่า สนพ. ทำดีแล้ว แต่อาจจะต้องให้ สนพ. ลองดูทิศทางในอนาคตไหมว่าถ้ามีนิยายที่มีทั้งอนิเมะ ซีรี่ แล้วแมสแบบนี้ใช้ภาษาแบบไหนถึงจะเหมาะที่สุด
ก็สนพ.ทำดีแล้วนี่หว่า "การแปล"อะ แบบนี้สนพ.ต้องทำตามทาร์เก็ตของคนกลุ่มหนึ่ง(ใหญ่หรือเล็กไม่รู้) แต่ใจความหลักของการแปลนิยาย ก็คือการถอดภาษาป่ะ (พุดแบบคนไม้รูู้หลักการแปลอะไรทัั้งสิ้น)
ทับศัพท์นี่มันเหมือนเป็นอุปทานหมู่อะ ใช้เยอะๆ จะได้คงความเป็นจีนไว้ พอคนเสพลักษณะนี้มากๆเข้าก็นิยมชมชอบการใช้ทับศัพท์ เรียกว่าเคยชิน
แต่การแปลไทย ถอดคำจีนมาเป็นไทย มันคือใจความของภาษาไม่ใช่เหรอวะ ง่ายไปอย่างสุ่ยเปี้ยน ถ้าแปลมางี้ แล้วใส่เชิงอรรถ/หรือวงเล็บ มันก็อาจลืมหรือมองผ่านๆในครั้งต่อไป
แต่แปลมาเป็น แล้วแต่ มันก็ชัดแล้วอะ
สำหรับกูนะ การแปลมันควรแปลออกมาให้เราเข้าใจอะ แต่การทับศัพท์มันคือการที่คนแปลเลือกจะใช้ และคนอ่านชินและคุ้ยเคยไปกับมัน ทำไมเราต้องให้สนพ.ปรับด้วยละ ในเมื่อสนพ.ก็แปลในแบบที่ควรจะแปลจริงๆ นึกออกมะ
เกาหลีชื่อคนยังแปล
ญี่ปุ่นก็ด้วย
>>900 กูมองว่าวัตถุประสงค์ของหนังสือคือการอ่านว่ะ และจากที่คุยกันหลายมู้ก็เห็นได้ว่าถ้าไม่แปลก็ถอดความหมายไม่ครบ(แม่โม่เล่นมุกภาษาบ่อย) และหลักการแปลคือการถอดใจความจากภาษานึงมาเป็นอีกภาษานึง การทับศัพท์คือความขี้เกียจของนักแปลที่จะหาสอดคล้องใส่ฟุตโน้ตไปก็แล้วกัน ทัศนคติมักง่ายแบบนี้แผ่ลามไปถึงไหนอะ ถึงเรื่องนักอ่านกับตัวเอก ที่แปลสรรพนาม'เขา'แล้วใส่ฟุตโน้ตว่าในต้นฉบับคำนี้หมายถึงได้ทั้งคนและสิ่งของ ซึ่งคำนี้ใช้มันได้
อีกอย่างพวกที่โวยส่วนใหญ่กูเห็นในทวิตเตอร์ซึ่งตามปรมาจารย์จากอนิเมะบ้าง ซีรีส์บ้าง หลายคนที่ออกมาด่าทับศัพท์ก็พูดว่าพึ่งมาอ่านนิยายจีนครั้งแรกทำไมต้องมาเจอแปลแบบนี้ งที่ตัวเองไม่เคยอ่านเรื่องอื่นเลย และถ้าย้ายมาทั้งในเพจสนพ และกลุ่มสปที่เป็นกลุ่มใหญ่อ่านวายกันเยอะ คนก็เห็นด้วยกับการแปลหทดแล้วไปรุมจวกพวกจะเอาๆทับศัพท์ ซึ่งพวกนี้อะที่เป็นกลุ่มลูกค้าเขา ไม่ใช่พวกที่โหวกเหวก จบเรื่องนี้ก็ไปอ่านอะไรที่เขาจากมา
การทับศัพท์มันงี่เง่าตรงไหนเหรอ ลองไม่เอาความเคยชินมาเทียบโดยเอานิยายภาษาอังกฤษ พระเอกทีฉายาว่าNight knight แปลเป็นอัศวินราตรี คนบอกไม่เอา การอ่านเป็นแค่น้ำจิ้ม กูไปติ่งกับเพื่อนต่างชาติแล้วเดี๋ยวเขางงอัศวินราตรีคืออะไร แปลเป็นไนท์ไนท์ซะ โอย อิดอก คนอ่านอื่นๆก็แบบ ต้องมาจำว่าไนท์ไนท์มันหมายความว่ายังไงแทนที่จะอ่านแล้วรับแซบว่าเป็นอัศวินเพื่อให้พวกหอยหลอดนี่เอาไปเมาท์กับต่างชาติได้ ยิ่งเป็นคำจีนคนไม่ค่อยอยากจำด้วย สรุปจำแค่พระเอกมีฉายาไนท์ไนท์
>>906 เผลอกดส่ง สรุปคือมึงอยากเมาท์กับเพื่อนต่างชาติก็จำอีกชื่อ ไม่ใช่มาสร้างภาระระหว่างอ่านให้คนอื่นจำอีกชื่อ แล้วถ้าด้อมอังกฤษแปลชื่อเฉพาะจีนเป็นอังกฤษแบบฉวนจื๋อจะทำไงวะ ใหแปลเป็นร่มแสนกล หรือเชียนจีส่าน หรือMyriad Manifestations Umbrella เหตุผลว่าควรแปลทับศัพท์เดี๋ยวคุยกับต่างชาติไม่รู้เรื่องกูว่าเอาแต่ใจว่ะ ถ้าต่างชาติถอดเสียงผิดก็ห้ามแก้เพราะเดี๋ยวไม่ชินงั้นเหรอ
พูดอีกที พวกหน้าใหม่ที่บ่นเรื่องทับศัพท์ที่มึงว่าไม่ใช่กลุ่มนักอ่านหน้าใหม่แต่เป็นพวกพึ่งมาอ่านแนวนี้ครั้งแรกเพราะดังและใช่ว่าจะตามไปซื้อเรื่องอื่น ในกลุ่มคนที่อ่านวายเยอะๆคนก็โอเคกับการแปลกัน ชัดๆก็เรื่องราชันย์คู่บัลลังค์ของอววที่แปลอาวุธเหมือนกันแต่ไม่มีใครว่า หลายครั้งยกมาชมด้วยว่าแปลชื่ออาวุธดี(ซึ่งกูว่าเรื่องนี้แปลชื่ออาวุธเท่จริง)
>>908 นอกเรื่องแปป ราชันคู่บัลลังก์ของอววคือเรื่องไหน มึงหมายถึงปราชญ์กู้บัลลังก์ของอวว หรือราชันคืนบัลลังก์ของมด สองเรื่องนี้นักเขียนคนเดียวกัน กูคิดว่ามึงจับมาสมาสรวมชื่อกันใช่มั้ย ถ้าแปลชื่อกระบี่น่าจะราชันคืนบัลลังก์ป่าว หรือมีเรื่องที่มึงบอกจริงๆ ถ้าใช่ กูขออภัย
แปล ปรมจ กูว่าโอเคแล้วนะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร
เรื่องแปลทับศัพท์แม่งเริ่มไหนวะ เจ๊หลินเหรอ ตอนแรกกูก็ตื่นตาตื่นใจดีอยู่หรอก อาเหนียง ฟูจวินตั่งต่าง หลังๆพอเหอะ กูขกมาใส่ใจกับอะไรแบบนี้ ต้องจำอีกว่าหมายถึงอะไร
ว่าแต่เล่มสามออกเมื่อไหร่ TT
เรื่องชื่อเฉพาะเช่น สถานที่หรืออาวุธนี่ สำหรับกูแปลได้ก็ดี ไม่แปลก็ช่าง แต่ที่ไม่ชอบคือสรรพนาม เช่น
อาเตีย อาเหนียง เกอ ทำไมวะ พ่อ แม่ พี่ มันใช้ไม่ได้รึไง
>>913 มีมานานแล้ว สมัยดึกดำบรรพ์ กำลังภายในที่ ว.ณ เมืองลุงแปลก็มี แต่ไม่ใช่จีนกลาง เนี่ย เตีย เตียเตีย กอกอ ม่วยม่วย แต่ขของกูกูถอดเสียจีนกลาง มีเพิ่มที่สมัยก่อนฮ่องเต้ ฮองเฮา หรืออื่นๆจะแทนตัวเองว่าเรา ข้าน้อย ก็ทับศัพท์ เป็นเจิ่น เปิ่นกง เปิ่นหวาง หนูปี้ อื่นๆอีกมากมาย ทำให้รู้ว่าภาษาจีนก็มีลำดับขั้นของภาษา
มีช่วงนึงพวกคอลัมนิสต์ชอบบอกว่า ไทยเป็นเจ้าของภาษาที่ยอดเยี่ยม มีลำดับขั้นของภาษา จีน ฝรั่งไม่มีราชาศัพท์ ไม่มีหัวมีหาง
กูก็โอเคกับที่เขาแปลนะปรมจอะ คือแค่ติงเรื่องเดียวคือมุกตอนกระบี่แล้วแต่55 ตรงนั้นความขำสำหรับกูลดลงไปมากแต่ตรงอื่นไม่เท่าไหร่ กูโอเคกับการแปลชื่อนะเพราะกูก็สายนิยายเก่าๆมาก่อน แต่ตรงมุกอย่างน้อยก็อันหนึ่งอาจจะแปลจีนหน่อยก็ได้ แบบ สุยเปี้ยนแล้วอีกอันมาแล้วแต่ให้รู้ว่า เออ แบบนี้นะ..แล้วต่อจากนั้นจะเรียกกระบี่แล้วแต่ยาวๆไปเลยก็ได้ กูโอเค น่ารักดีด้วยชื่อกระบี่ แต่นี่มาแล้วแต่กับแล้วแต่ มันเลยดรอปความขำกูนิดนึง แต่ที่เหลือกูไม่ติ อันนี้ในความเห็นกูนะ
อารมณ์แบบ พวกถามชื่อก็เหมือนกัน สมมติ ฮวา แล้วจะมีต่อว่ามาจากดอกไม้ไม่ใช่คำนี้ ไรเงี้ย กูว่ามันไม่ทำให้งงอะไรและอ่านลื่นไหลดี..ติเรื่องเดียว..พวกมึงเก็ทฟีลกูมะ555
โพสล่าสุด สนพ ก็โดนบ่นเรื่องนี้เหมือนกัน กูว่าส่วนนึงคนติดมาจากซีรี่ย์แล้วก็เมะมั้ย พอมีนิยายก็อยากให้แปลเหมือนกัน แต่ส่วนตัวกูชอบให้แปล บ้างคำมันสวยดีอะ แบบคนแปลเก่งจัง คิดคำออกมาได้ ในโพสกูเห็นบ้างคนบอกแปลไม่ดี ไม่คุ้มกับการรอ กูเสียใจแทนสนพ เลยวะ แม่ง
เรื่องโดนติ่งโวยจนทำการแปลเสียก็มาแล้วตอนดิสไทม์ อววแปลชื่อนายเอกเป็นหยูแทนที่จะเป็นอวี้ เพราะคนอ่านชินกับแปลเถื่อนที่ใช้หยู คราวปรมาจารย์กูเลยโกรธพวกโวยวายเรื่องไม่ทับศัพท์เพราะเอาแต่ใจจากความเคยชินมาก เสพสื่ออื่นที่ไม่ใช่หนังสือถูกลิขสิทธิ์แล้วชินเลยบังคับให้คนอ่านหนังสือครั้งแรกต้องแบกรับภาระเนี่ย การแสดงความเห็นปัญญาอ่อนใช่ว่าจะไม่มีผลกับสนพ อววก็ตามใจคนอ่านจนไม่รักษามาตรฐานตัวเอง เหอะๆ
wetv ของแท้สิวะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>815 เทียนกวาน Part.52
.
.
.
.
.
อาณาจักรเซียนเล่อกำลังคึกคัก ผู้คนเต็มท้องถนนมุ่งหน้ามายังพระราชวังเพื่อเข้าร่วมเทศกาลซ่างหยวน ซึ่งจะมีการแสดงการต่อสู้ระหว่างเทพสงครามกับปีศาจร้าย ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว มีเพียงองค์ชายรัชทายาทที่รับบทแสดงเป็นเทพสงครามที่หายตัวไป มู่ฉิงผู้รับบทเป็นปีศาจเอ่ยว่าเซี่ยเหลียนฝากมาบอกว่าให้ทำตามกำหนดการณ์เดิมได้เลย ทำเอาราชครูซึ่งเป็นผู้ดูแลการแสดงแทบของขึ้น ทางราชวงศ์เองก็ส่งเฟิงซิ่นมาสอบถามว่าทำไมยังไม่เริ่มเดินขบวนอีก เมื่อราชครูถามว่าเห็นเซี่ยเหลียนหรือไม่ เฟิงซิ่นก็หันไปมองมู่ฉิงอย่างไม่พอใจ แต่ก็บอกให้ผู้อาวุโสว่าเริ่มงานได้เลย เซี่ยเหลียนมาร่วมงานทันแน่ ราชครูจึงจำใจประกาศเริ่มการแสดงและจัดขบวนออกไป มู่ฉิงถือดาบโค้งยาวแสดงบทผีร้ายอาละวาด แต่คนส่วนมากอยากเห็นการแสดงเทพปราบปีศาจมากกว่าจึงเริ่มโวยวายกัน รวมไปถึงเจ้าชายฉีหรงผู้โอชิเจ้าชายรัชทายาทที่ไม่พอใจจนหยิบข้าวของมาขว้างปา ทำให้ราชินีต้องสั่งให้คนมาหยุดหลานไว้ ขณะที่สีหน้าของเชื้อพรวงศ์เครียดขึ้นเรื่อยๆ เสียงเชียร์โห่ร้องก็ดังขึ้นจากฝูงชน
ร่างของชายใส่ชุดขาวสวมหน้ากากสีทอง มือถือกระบี่คนหนึ่งกระโดดจากหอคอยป้อมปราการลงมายังเวที ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับได้เห็นเทพเซียนตัวจริงกระโดดลงมาจากฟากฟ้า เสียงปรบมือและเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดังกระหึ่ม ในที่สุดเซมบัตสึองค์ชายรัชทายาทก็ปรากฏตัว ราชาถึงกับหันไปชมราชครูที่ออกแบบการแสดงได้ตื่นเต้นยิ่งนัก แต่อีกฝ่ายก็บอกว่านี่เป็นความคิดของเซี่ยเหลียน และเอ่ยชมความสามารถของลูกศิษย์ให้ราชากับราชินีฟัง
เซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่ามู่ฉิงใช้แรงโจมตีมากกว่าตอนที่ซ้อม ทำให้เขาต้องเอาจริงมากขึ้นจนการแสดงยิ่งดุเดือดเรียกเสียงเชียร์ได้มากขึ้น แต่ในตอนที่เขากำลังจะโจมตีปิดฉากปีศาจร้าย จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น เมื่อเขาหันไปก็เห็นเงาคนกำลังร่วงหล่นลงมาจากกำแพง โดยไม่ต้องคิดเขาก็รีบกระโดดไปรับร่างนั้นไว้ก่อนจะกระแทกพื้น ในอ้อมกอดของเขาคือเด็กชายอายุราว 7-8 ขวบคนหนึ่งซึ่งที่ศีรษะมีผ้าพันแผลสกปรกพันอยู่ อีกฝ่ายจ้องมองชายที่ช่วยชีวิตตนไว้ตาไม่กระพริบ และในตอนที่เซี่ยเหลียนเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นว่าหน้ากากทองของเขาหล่นอยู่บนพื้น เหตุการณ์นอกสคริปที่เกิดขึ้นทำเอาทุกคนชอค แต่เซี่ยเหลียนก็พลิกสถานการณ์หันไปชี้กระบี่ไปทางมู่ฉิง ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจจึงกระโดดลงมารับบทผีชั่วพยายามฆ่าเด็กในอ้อมแขนของเทพ ก่อนค่อยๆ เนียนพากันเคลื่อนกลับขึ้นไปบนเวที และมู่ฉิงก็อาศัยจังหวะหนึ่งช่วยหยิบหน้ากากของเซี่ยเหลียนขึ้นมาด้วย
เซี่ยเหลียนแกล้งเนียนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่เด็กชายร้องด้วยความกลัว เขาก็กระชับอีกฝ่ายพร้อมปลอบว่าไม่ต้องกลัว เขาส่งซิกให้มู่ฉิง แล้วพวกเขาก็โจมตีจบการแสดงเทพปราบปีศาจได้ตามบทที่วางไว้แต่ต้น ทำเอาคนดูปลาบปลื้มประทับใจพากันดันทหารป้องกันเพื่อเข้าใกล้องค์ชายรัชทายาท คณะแสดงรีบกลับเข้าเขตราชวังแล้วปิดประตูกันผู้คนไว้ เซี่ยเหลียนถอดเสื้อหนาหลายชั้นออกอย่างโล่งอก ลืมไปสนิทว่ายังอุ้มเด็กชายไว้จนเฟิงซิ่นร้องถาม เซี่ยเหลียนหันไปสอบถามเด็กชายหลายประโยค แต่อีกฝ่ายก็ยังหวาดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก เขาลูบหัวเด็กชาย ก่อนเรียกให้เฟิงซิ่นพาอีกฝ่ายไปให้คนดูแลต่อ แต่ตอนที่เขาส่งเด็กชายให้เฟิงซิ่นอุ้ม เด็กชายกลับเกาะเสื้อเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ทำเอาทุกคนหัวเราะด้วยความเอ็นดู แต่สุดท้ายเด็กชายก็ยอมปล่อยมือ ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องมาทางเซี่ยเหลียนราวกับต้องมนต์ ก่อนจากไปเฟิงซิ่นก็ไม่ลืมบอกให้เซี่ยเหลียนรีบไปพบราชครู เพราะอีกฝ่ายดูโกรธมาก
เซี่ยเหลียน มู่ฉิง กับเฟิงซิ่น เดินทางมายังศาลาหลวง ไม่นานนักราชครู กับรองราชครูทั้ง 3 คน ก็เดินเข้ามา ราชครูต่อว่าลูกศิษย์ที่ทำเรื่องนอกบท ที่สำคัญยังทำหน้ากากหลุดระหว่างการแสดงอันเป็นลางร้าย ทำให้ประวัติศาสตร์ของเซียนเล่อต้องมัวหมอง แต่เซี่ยเหลียนแย้งอาจารย์ว่าถ้าปล่อยให้เด็กชายตกกำแพงลงมาตายจะเป็นเรื่องอัปมงคลมากกว่า ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองของลูกศิษย์ ทำให้ราชครูทั้งรู้สึกโกรธและภูมิใจในคราวเดียว ก่อนเปลี่ยนไปต่อว่าเรื่องที่เซี่ยเหลียนทำนอกบทไปกระโดดจากหอคอยโดยไม่แจ้งก่อน เซี่ยเหลียนบอกว่าอีกฝ่ายอนุญาติเขาแล้วไม่ใช่หรือ แต่เมื่อเห็นราชครูทั้ง 4 คนไม่รู้เรื่อง เขาก็หันไปหามู่ฉิง เพราะอีกฝ่ายคือคนที่เขาฝากเรื่องไปขออนุญาติจากราชครูตั้งแต่เมื่อวาน
.
.
.
.
.
Ky กูซื้อเล่มปรมจ.มา อ่านแล้วรู้สึกการแปลมันแปลกๆ กูว่าแปลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่รู้นะ กูอาจจะคิดไปเอง เพราะนี่ก็ครั้งแรกที่ซื้อนิยายแปลจีนมาอ่าน
สปอยมาแล้ววว เย~~
ปรมจสองเล่มกูยังไม่แกะซีลเลย กะดองจนครบค่อยอ่าน แต่เห็นมีประเด็นถกเถียงนี่อยากแกะอ่านดูเลยว่าเป็นยังไง กูเคยตามอ่านม่านฮวาที่มีคนแปลไทยไว้ กูก้อจะชินกะสุยเปี้ยนอ่ะนะ แต่กูก้อเคยอ่านนิยายแปลบางเรื่อง แปลให้พอ.แทนตัวว่าเจิ้น คือมึงแปลว่าแทนตัวว่า เรา ไปเลยก้อได้มั้ยวะ
ส่วนชื่ออาวุธ ส่วนตัวกูอยากให้เรียกแบ่บ กระบี่สุยเปี้ยน (สุยเปี้ยน แปลว่า แล้วแต่) คือวงเล็บความหมายชื่อในครั้งแรกสุดไว้ ละมึงก้อรับรู้ว่าเออความหมายของชื่อคืองี้นะ จากนั้นถ้าจะเล่นมุกไรต่อจะได้เข้าใจความหมาย แต่เรียกด้วยชื่อจีนไปไรงี้ แต่ถ้าจะเรียกชื่อไทยไปตลอดก้อได้นะ กระบี่แล้วแต่ มันก้อฮาทุกครั้งที่เรียก ทำให้เราระลึกได้ถึงตัวตนของเว่ยอิงทุกครั้งที่เรียกชื่อกระบี่ ว่านางเกรียน ความปรมจ.อี๋หลิง 5555
ม่านฮวาวายจีนนี่วาดเรทได้แค่ไหน คือปรจมันมีฉากเรทอยู่ท้ายๆ ตอนจบ กูอยากรู้ว่าจะได้อ่านมั้ย (แม้ว่าจากสปอย ณ ปัจจุบันจะเพิ่งขึ้นภาคเมืองอี้หมาดๆ ก็ตาม สิ้นปีนี้ภาคเมืองอี้จะจบมั้ยนะ)
เออกูก้อชอบอ่านแบบรูปเล่ม ชอบอ่านมังงะแต่ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนออนไลน์ ตามแค่ม่านฮวาปรมจนี่แหละ lcแปลไทยปล่อยฟรีแค่วันละตอน อยากอ่านก่อนต้องเปย์ แง แล้วมันกี่ร้อยตอนจบวะ กูอยากจะปริ้นออกมาละรวมเล่มเก็บไว้เอง 55555 ถ้าเค้าทำรวมเล่มขายสวยๆกูก้อซื้อ อยากฟีลแบบเปิดอ่านได้อ่า
เห็นเขาว่าม่านฮวาก็ไม่ได้เหมือนนิยาย 100% ป่ะ ไอ้ฉากเรทนี่อยู่ตอนพิเศษป่ะหรือกูจำผิด กูว่าถ้าเป็นตอนพิเศษก็อาจจะไม่ได้วาดถึงตอนนั้นมั้ย หรือถ้ามีก็อาจจะวาดแบบตัดเข้าโคมไฟไรงี้ป่ะ
ky วีทีวีลงโปรโมทอนิเมะตัวร้าย จะมาแล้วจ้าพี่จ๋าา
เพิ่งอ่านจบแล้วขอบ่นพวกที่ติงการแปลเรื่องไม่ทับศัพท์หน่อยเหอะ อ่านผิดลิขสิทธิ์จนเคยตัวรึไงถึงมาบอกว่าควรเปลี่ยนการแปลเพราะไม่ชิน ความจริงนิยายมันเป็นออริจินอลปะ อยากไปหาแบบอื่นอ่านเองก็รับผิดชอบตัวเองดิ กูยอมไม่ดูทั้งอนิเมทั้งอ่านสปอย ซีรี่ส์อะไรก็ไม่ดูเพราะกูอยากอ่านแบบนิยายยังมีคนมาบอกให้นิยายแปลตามการ์ตูน/ซีรี่ส์เนี่ยนะ กูว่าเล่มนี้ไม่ได้แปลแย่จนต้องติเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้จะอวยแต่คือกูก็เรื่องมากกับการแปลระดับนึงอะ กูว่ามันโอเค มีคำผิดอยู่บ้างแต่ไม่ได้ถึงกับอ่านแล้วไม่เข้าใจอ่านแต่สื่อที่มีแต่ประโยคสั้นๆ กันจนตีความประโยคซับซ้อนไม่ออกกันรึไงวะ งง
เพิ่มอีกอย่าง กุไม่ได้อยากให้ท้ายสนพ.นะ แต่คือตั้งแต่มันออกช้า คนก็ด่าจ้ำจี้จ้ำไชว่าต้องทำแบบนี้ๆๆๆ เห็นแล้วมันตลกอะ กูเห็นด้วยว่าช้าจริง แต่ให้ไปนั่งวางแผนการตลาดให้สนพ.ว่าควรทำตามนี้ๆๆ แม่งเกิ๊น เค้าจะขายช้าจนคนไม่ซื้อผลเสียมันก็ตกที่เค้าอยู่ดีนั่นแหละ เจอนิยายเล่มหนาๆ ที่คนแปลบอกจะออกให้ได้เดือนละเล่มแต่คุณภาพการแปลห่วยๆ แล้วกูว่ารอนานหน่อยก็เฉยๆ ว่ะ (ถึงออกเร็วกว่านี้หน่อยก็ดี)
>>941 คนที่บอกแปลแปลกๆ คืออ่านแล้วสะดุด กูสังเกตว่าเขามีการใช้คำศัพท์โบราณด้วยอาจจะต้องการให้เป็นจีนโบราณ แล้วคนอ่านที่สะดุดคือเขาอาจจะมีคลังศัพท์น้อยอ่านแล้วแล้วก็ไม่เข้าใจ จะว่าเขาก็ไม่ได้แต่ถ้าเปิดใจหน่อยก็เป็นการพัฒนาทางภาษาด้วยอะไรไม่เข้าใจก็เปิดพจนานุกรม จะได้ความรู้เพิ่มด้วย
>>941 บวกหนึ่ง กูชอบการแปลเป็นไทยมาก รำคาญพวกงอแงให้ทับศัพท์แบบชาตินี้ไม่เคยแตะนิยายหรือหนังจีนเพราะเหตุนี้อะ กูวนเวียนกับนิยายมาหลายปีรู้ว่าจะอนิเมะหรือซีรีส์ก็ตีความเพี้ยนจากนิยายอยู่แล้ว เลยทนไม่เสพสื่ออื่นรออ่านนิยาย สุดท้ายกูต้องมาเจอไรไม่รู้เพราะพวกเสพสื่ออื่นแล้วไม่ชินๆ นิยายต้องงี้ๆเหรอ
ส่วนเรื่องแปล กูว่าเพราะสำนวนที่ใช้แปลด้วย จีนโบราณกูแบ่งระดับความสวยของภาษาเป็น
1.แนวข้ามมิติ/เกิดใหม่ ค่อนข้างคอมมาดี้ตบมุกโบ๊ะ ภาษาจะอ่านง่ายเพราะส่วนมากตัวเอกเป็นยุคปัจจุบันและโทนเรื่องค่อนข้างเบา ตัวเอกไม่เครียด ภาษาเลยไม่ซับซ้อนมาก เช่น ตัวร้าย
2.แนวจีนโบราณธรรมดา เช่น รัชศก ปราชญ์กู้ ภาษากลางๆคนทั่วไปใช้ไม่ลำลองแบบแบบแรก
3.แนวเทพเซียน ภาษาที่ใช้แปลจะเลือกคำสวยกว่าปกติ ซึ่งแนวนี้วายไม่ค่อยมีจะเป็นฝั่งนอมอลมากกว่า
แล้วปรมาจารย์เลือกใช้สำนวนแบบ3 กูเลยพอเข้าใจที่บางคนบอกว่าภาษามันสวยเกินอ่านไม่ลื่น ซึ่งจะให้อ่านลื่นปรื๊ดแบบแบบแรกก็ไม่ใช่เพราะแนวต้นทางไม่ใช่แต่ต้น คนที่ไม่เคยเจอเลยไม่ชินแล้วโวย ซึ่งกูว่าถ้าเป็นแบบ2อาจเอื้อต่อความเคยชินคนที่ไม่เสพนิยายแนวนี้มากกว่า แต่อีกใจ มันแนวผู้ฝึกเซียนอะ ทำไมต้องลดระดับภาษาด้วย บางคำที่คนบอกว่ายากคือพบได้ตามแบบเรียนอะ เห็นแล้วกูก็ท้อแท้นะ ต้องมั่นขนาดไหนถึงกล้าประกาศต่อสาธรณชนว่าไม่รู้ แถมไปด่าสนพอีก
พวกมึงไม่ต้องกังวลเรื่องแปลกับออกช้าแทนสนพเลยจ้า กูเห็นคนไปถล่มผ่านทุกช่องทางทั้งเพจ ทวิต ib dm สนพเฉยมาก ไม่ตอบโต้ หรือแสดงความเห็นใดๆทั้งสิ้น สนพมีแนวทางในการทำงานอยู่แล้ว เสียงนกเสียงกาไม่สามารถสั่นคลอนได้ พวกมึงรออ่านเล่มสวยๆพอ ปล่อยให้พวกสมองไม่ปกติดิ้นไป เห็นพวกปสดดิ้นแล้วสนุกดี
เล่ม3 ยังไม่มีวึ่แววจะเปิดจองสินะ 😔
>>946 บ้างคนก็บ่นแรงเกินอะมึง บอกไม่คุ้มราคาบ้าง แปลราคาตลาดนัด?บ้าง ซีรี่ย์กับเมะออกมาก่อน นิยายมาทีหลังทำไมไม่แปลทับศัพท์เหมือนเค้า กูอ่านแล้วกูท้อแทนสนพ กับคนแปลจริงๆวะ เอาแต่ใจกันเกินเบอร์มาก ไม่หันมามองดูตัวเองบ้างว่าปัญหาอยู่ที่การแปลหรือปัญหาอยู่ที่ตัวเอง
>>946 มันไม่ใช่กระทบแค่เรื่องนี้อ่ะมึง บ่นกันในที่เปิดทั้งนั้นกูเลยกลัวสนพอื่นๆที่มุงจะเข้าใจว่าคนอ่านต้องการแบบนี้ แปลต้องทับศัพท์เยอะๆลูกค้าชอบ ของออกเร็วให้ทันกระแสพอคุณภาพไม่ต้องใส่ใจ ให้นักแปลสลับก็ได้ ของแถมต้องบึ้มๆ ดังนั้นเวลามีคนด่ากูเลยออกมาขัดว่าที่ด่าปาวๆนั่นไม่ใช่ลูกค้าสายนิยาย คนอ่านไม่ได้ต้องการแบบนั้นหมด
สิ่งที่โดนผลกระทบจริงๆจากเรื่องนี้เห็นเป็นตัวเป็นตนอยู่อย่างแล้ว จากที่สนพไหนได้ลิขสิทธิ์จะประกาศทันที ตอนนี้แค่กระซิบบอกนักแปลว่ามีคนได้แล้วแต่ห้ามบอกชื่อสนพ เพราะคนด่าบกรซะเสียหมาว่าออกช้า ดองงาน ทั้งที่ออกหลังประกาศลิขสิทธิ์ปีเดียว คนด่าว่าออกช้าตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งปี ทั้งที่นิยายแปลดังๆในเน็ตเมื่อก่อนกว่าจะออกเล่มก็หลังจากประกาศราวๆปีนึงทั้งนั้น ขนาดเซเลบที่แต่งโม่ซั่งยังบอกว่าบกรดองสามสี่ปี แค่ปีเดียว โก่งจำนวนปีเก่ง
>>942 กูเห็นด้วยกับมึงเรื่องคนที่บ่นมีปัญหาคลังคำน้อย กุเห็นหลายคนบ่นเรื่องทับศัพท์อาวุธว่าอ่านแล้วต้องแปลในแปลอีกที ไม่รู้ว่าตรี=สาม วัชระ=สายฟ้า คำไวพจน์แบบโคตรพื้นฐานเรียนภาษาไทยมาตั้งแต่เล็กจนโตไม่ใช่คำซับซ้อนอะไรเลย แล้วมาโทษว่าคนแปล แปลงานห่วย แปลไม่รู้เรียน
บางทีกุบ่นในที่ของกุนะ แต่มีคนหาว่ากุไปด่าสนพ อีพวกนี้ปสดกว่า กุแค่บอกว่า กุโง่ ศัพท์มันยาก กุไม่รู้จริงๆ แล้วของแถมเพราะประเทศอื่นเค้าตั้งใจทำให้สายสะสม สายสะสมไทยไม่มีสิทธิ์บ่นหรอวะ ก็สนพทำออกมาราคาเกือบสี่ร้อย แต่ได้แค่ที่คั่นห่วยๆ
ออกมาพันสามให้ป้ายแขวนกุก็ซื้อ จบการบ่นในที่ของกุ สนพ. จะคิดไงฟีดแบคต่อคนอ่านขนาดไหน ไปใช้สมองคิดเอาเอง
ต่อให้เรื่องดังแค่ไหน ถ้าสนพทำงานออกมาห่วยๆไม่มีคุณภาพ คนก็ไม่สนับสนุนนะ เอาที่เห็นชัดๆเลย ตู้เจ๋อ กูเห็นคนรอเยอะมาก พอออกเล่มเป็นไงล่ะ แปลใช้คำศัพท์แบบงงๆ พิมพ์ผิดเยอะมาก เชิงอรรถหายอีก กระแสเงียบ
.
วีรชนอีกเรื่องนึง แต่อันนี้ดูแค่ตัวอย่างที่ลงให้อ่านนะ แปลยังงงๆอยู่ แถมใช้นักแปลสองคนอีก กูไม่กล้าเสี่ยงพรีเลย กลัวออกมาไม่ดี แถมราคาแพงมาก ครบชุดร่วมสามพัน
.
สนพที่ทำงานเป็นมืออาชีพ ไม่ควรจะเอาแค่เสียงนักอ่านในเนตมาทำให้จุดยืนและวิธีการทำงานไขว้เขวได้นะ ซึ่งกูคิดว่าบกรมั่นคงในจุดยืนมากพอ ดูจากที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะมีใครไปต่อว่าแค่ไหน บกรก็ไม่ออกมาเปลี่ยนอะไรทั้งการแปล ระยะเวลาการออกเล่ม ส่วนสนพอื่นๆ ดูจากผลงานละกัน เงินในมือคุณ คุณเลือกเองว่าจะสนับสนุนหรือไม่
สมัยนี้กลายเป็นเสียเงินซื้อของแถมแล้วหรอวะ ปกติต้องเสียเงินซื้อหนังสือดิ ตรรกะป่วยๆแบบนี้ควรไปพักว่ะ
.
ฝากถึงสนพไหนก็ตามที่มาอ่านโม่งนะ มีอ่านแน่นอน หยุดการขายแพงๆได้แล้ว พวกของแถมรอบจองบ้าบอคอแตกเลิกๆให้หมด เอาเวลาไปทำหนังสือให้มีคุณภาพดีๆเถอะ แปลให้ถูกต้องครบถ้วน ใช้ภาษาไทยให้ถูก พิสูจน์อักษรเยอะๆ รูปเล่มมีคุณภาพ สันกาวแข็งแรง ราคาสมเหตุสมผล ไม่ใช่ตั้งราคาประหนึ่งจะเอาไปสร้างบ้านสิบหลัง
ถ้าที่คั่นกลิตเตอร์กระดาษแบบเดียวกับหน้าปกนิยายเป็นแค่ที่คั่นห่วยๆ ที่คั่นอาร์ตมันธรรมดาๆของนิยายเรื่องอื่นมึงไม่มองเป็นที่คั่นขยะเลยเหรอวะ
พูดถึงของแถมสำหรับสายสะสม กุเห็นคนพรีปรมจ.ver เวียดนามที่ของมาแล้วบ่นโคตรเยอะ หนังสือไสกาวแย่มาก กระดาษเหมือนทิชชู่ ของแถมอื่นๆไม่เนียบ ก๊องแก๊ง ไม่ได้สวยเหมือนตัวอย่างเจ็บกันระนาว
ดีนะกูไม่ใช่สายสะสมของแถม กูขอที่ตัวนิยายแปลดี พิมพ์ผิดน้อย หน้าไม่หาย กระดาษไม่แย่ เปิดอ่านง่ายและหนังสือไม่เสียหายง่าย ของแถมไม่สำคัญ กูต้องการอ่านนิยายยยย
>>955 มึงอยากสะสมก็ซื้อของอฟชจีน มีตั้งแต่พวงกุญแจยันลิปสติก กระเป๋า ร่ม ตุ๊กตา ด๋อย เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว จะมาเรียกร้องให้แถมกับหนังสือไมวะ สายสะสมจริงมึงก็เลือกซื้อไปสิไม่ใช่เอะอะให้รกบ้านคนอื่น เป็นข้ออ้างให้สนพขึ้นราคานิยายมากขึ้นด้วย ไม่ต้องการ เลือกเองได้ด้วยว่าอยากได้ผลิตภัณฑ์ไหน พูดถึงภาพแขวนแล้วกูกลอกตา พรีตัวร้ายกูไมเกรนขึ้นทุกครั้งตั้งแต่ก่อนเปิดพรี หลังเปิดพรีแม่งก็ยังมีดราม่า ขอซื้อแบบปกติชนเถอะ
>>960 บวกหนึ่ง หลายเรื่องดังแต่ถ้าสนพทำไม่ดีก็ดับจริง การ์เดี้ยนที่ทำเป็นซีรีส์ยังดับ คนบ่นมากน้อยยังไงสุดท้ายสิ่งตัดสินจริงๆคือคุณภาพอยู่ดี ตอนนี้หลายสนพเล่นตลาดวาย ต่อให้ได้เรื่องดียังไงถ้าคุณภาพไม่ดีคนก็ทำใจปล่อยวางไปหาเรื่องที่จัดการดีๆอื่นได้
กูงงคนที่โวยวายจะเอาของแถมนู่นนั่นนี่ ตกลงซื้อนิยายเพราะจะเอาเล่มนิยายไปอ่านหรือจะเอาของแถม กูอยากได้แค่เล่มอย่างเดียว อย่างอื่นเฉยมาก ไม่มีที่จะเก็บแล้ว ของเวียดนามกับเกาหลีที่ยกๆมาโวยวายจะเอาของแถมตามนี่ก็ราคาบวกค่าของแถมไปเท่าไร มันไม่ได้แถม แต่คิดราคารวมกับหนังสือไปแล้วว้อย ถึงจะมีให้เลือกซื้อเป็นออปชั่นก็แพงอยู่ดีมั้ย น่าจะคิดกันเยอะๆก่อนมาบ้งเบ้งใส่สนพ.
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>924 เทียนกวาน Part.53
.
.
.
.
.
มู่ฉิงอธิบายว่าเขาได้แจ้งเรื่องกับราชครูแล้ว แต่ช่วงนั้นเป็นเวลาพัก การบำเพ็ญเป็นเรื่องน่าเบื่อ มีเกมเพียงน้อยนิดที่ช่วยให้ความบันเทิง และสิ่งที่เหล่าราชครูโปรดปรานที่สุดก็คือการเล่นไพ่ ในช่วงพักพวกเขาจึงปิดศาลาตั้งวงคิดเลขกันอย่างเมามันส์จนไม่รับรู้สิ่งรอบตัว และเนื่องจากมู่ฉิงถูกศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นตั้งแง่รังเกียจเพราะเห็นว่าพวกราชครูไม่ชอบศิษย์คนนี้ พวกเขาเลยไม่ยอมฟังและไล่มู่ฉิงออกไป มู่ฉิงจึงเดินวนหาหน้าต่างห้องที่ราชครูอยู่แล้วแจ้งเรื่อง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบว่าเข้าใจแล้ว ทำเอาราชครูพูดไม่ออกเพราะระหว่างการดูเอลหากได้ยินใครพูดอะไรด้วยเขาก็คงตอบรับไปส่งๆ จริงๆ แต่เฟิงซิ่นกลับยิ่งโมโห เซี่ยเหลียนเข้ามาประณีประนอมว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ราชครูเองก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกจึงบอกว่าพวกเขาจะปรึกษาหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ และให้ทั้งสามกลับ แต่ราชครูก็ไม่ลืมเอ่ยว่าราชากับราชินีฝากมาบอกให้เซี่ยเหลียนกลับไปเยี่ยมบ้าง
ที่ตำหนัก เซี่ยเหลียนยืนให้มู่ฉิงช่วยถอดเสื้อผ้าที่ใช้แสดงไปเก็บ ขณะรอให้อีกฝ่ายเอาเสื้อใหม่มาให้เปลี่ยน มู่ฉิงก็สังเกตเห็นรอยเปื้อนรูปมือเล็กๆ บนเสื้อของเซี่ยเหลียน ท่าทางจะเป็นเพราะเด็กชายคนนั้น เซี่ยเหลียนจึงหันไปสอบถามองครักษ์ เฟิงซิ่นบอกว่าเขาไปส่งอีกฝ่ายออกจากราชวัง แต่พอจะดูแผลที่หัวให้ เด็กชายกลับเตะเขาแล้ววิ่งหนีไป แล้วมู่ฉิงก็เอ่ยว่าการที่เสื้อของเทพสกปรกเป็นลางร้าย แต่เซี่ยเหลียนคิดว่าแค่เอาไปซักก็จบ มู่ฉิงจึงตอบเสียงเบาว่าเขาจะซักด้วยความระวัง
เซี่ยเหลียนเอ่ยชมว่าวันนี้มู่ฉิงสู้ได้ดีมาก และแนะนำว่าอีกฝ่ายเหมาะกับดาบโค้ง แม้ตอนแรกคนถูกชมจะดูเครียดแต่สุดท้ายก็ยิ้มอย่างผ่อนคลาย จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงโม้การต่อสู้อย่างโอตาคุ แต่แล้วเขาก็พบว่าตุ้มหูไข่มุกปะการังสีแดงของตัวเองหายไปข้างหนึ่ง เฟิงซิ่นเดินหาตรงทางเดิน ส่วนมู่ฉิงหยิบไม้กวาดมากวาดหาตามซอกหลืบ แม้จะไม่ใส่ใจนัก แต่พอเห็นความพยายามของทั้งสอง เซี่ยเหลียนเลยเสนอให้ไปตามคนมาช่วย ทว่าเฟิงซิ่นกลับบอกว่าคนอื่นอาจจะขโมยเก็บไว้เอง พอได้ยินดังนั้นไม้กวาดในมือของมู่ฉิงก็หักเป็น 2 ท่อน คิดว่าเฟิงซิ่นกล่าวหาว่าเขาเป็นคนขโมยไป ทั้งสองทะเลาะกัน แล้วมู่ฉิงก็หันมาว่าเซี่ยเหลียนว่าไม่รักษาสัญญา ก่อนวิ่งจากไปอย่างดรามาควีน
เซี่ยเหลียนรีบตามมู่ฉิง โดยมีเฟิงซิ่นตามมาด้วย เขาอธิบายว่าอีกฝ่ายไปพูดจี้ใจมู่ฉิงเข้า เฟิงซิ่นเลยถามว่ามู่ฉิงเคยขโมยของของเซี่ยเหลียนมาก่อนหรือเปล่า เซี่ยเหลียนปฏิเสธ แต่เฟิงซิ่นไม่เชื่อ และบอกให้เซี่ยเหลียนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เซี่ยเหลียนจึงจำเป็นต้องเล่าว่าตอนที่พวกเขามาที่นี่ครั้งแรก ราชินีซึ่งกลัวว่าลูกชายจะเบื่อจึงส่งของเล่นมาให้ หนึ่งในนั้นคือแผ่นทองคำ แต่ในตอนเตรียมส่งของกลับเขาพบว่ามีแผ่นทองหายไปใบหนึ่ง พอหาไม่เจอจึงไปบอกราชครู อาจารย์ของเขาเลยไล่ค้นห้องทุกคน ตอนนั้นเองมู่ฉิงก็มาสารภาพกับเขาว่าเจอแผ่นทองตกอยู่ในพุ่มไม้ระหว่างไปตักน้ำ แต่เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเก็บมันไว้กับตัว ด้วยความสงสารเกรงว่ามู่ฉิงจะถูกไล่ออก เซี่ยเหลียนจึงออกรับหน้าบอกทุกคนว่าเขาลืมไปเองว่าแผ่นทองหายไปตั้งแต่เขาอยู่ที่ราชวังแล้ว เฟิงซิ่นโกรธที่เซี่ยเหลียนปกป้องอีกฝ่าย อีกทั้งยังไม่พอใจที่ปกปิดเรื่องนี้กับเขาด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็อธิบายไปว่าเป็นเพราะเขาสัญญากับมู่ฉิงว่าจะไม่บอกใคร ก่อนสั่งไม่ให้เฟิงซิ่นบอกคนอื่นหรือพูดเรื่องนี้อีก
เฟิงซิ่นสันนิษฐานว่ามู่ฉิงคงเข้าใจผิดว่าที่เขาชอบชวนทะเลาะเป็นเพราะเขารู้เรื่องแผ่นทองคำ ทั้งๆ ที่ความจริงเป็นเพราะเขาไม่ชอบนิสัยชอบคิดเล็กคิดน้อยของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนช่วยแก้ต่างให้มู่ฉิงว่าเป็นความผิดครั้งแรก แถมฝ่ายนั้นก็สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอีกจึงควรให้โอกาส แต่เฟิงซิ่นก็ยังตั้งประเด็นขึ้นอีกว่ามู่ฉิงจงใจไปส่งข่าวตอนราชครูตั้งวงไพ่เพื่อทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ถึงจะคิดเหมือนกัน แต่เซี่ยเหลียนก็พอเข้าใจความรู้สึกของมู่ฉิงที่อยากเอาคืนทุกคนเบาๆ แม้เขาจะใช้มู่ฉิงทำงานบ่อยๆ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนๆ นี้เป็นคนของเขา ทว่าแทนที่คนอื่นจะเกรงใจ กลับกลายเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนอื่นรังแกมู่ฉิงแทน เซี่ยเหลียนจึงแอบรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากปล่อยให้เพชรน้ำงามมีฝีมือแบบมู่ฉิงให้กลายเป็นเพียงก้อนกรวดไร้คนสนใจ
ถึงเฟิงซิ่นจะไม่เห็นดีเห็นงาม แต่เขาก็ไม่ขัดอะไรเจ้านายอีก เซี่ยเหลียนสอบถามถึงมู่ฉิงจากศิษย์ร่วมสำนักที่บังเอิญเจอระหว่างทาง แล้วทั้งสองก็เดินมาถึงป่าต้นเชอร์รี่บนยอดเขาไท่ชาง ซึ่งที่นั่นเองพวกเขาก็ได้เห็นคนที่ตามหากำลังถูกศิษย์ในสำนัก 4 คนรุมบูลลี่อยู่
.
.
.
.
.
กูว่าเผลอๆ บกร.แพงที่อิปกวิ้งๆ ที่คั่นวิ้งๆ นี่แหละ 55555 ไม่ต้องแถมเหี้ยไรแล้วเดี๋ยวราคาแม่งขึ้นอีก แค่นี้กูก็อ่วมแล้วจ้า
ราคาปกติของบกรคือ จำนวนหน้า + 20-30 บาท แต่ปรมจกับชายาคุณธรรม สองเรื่องนี้ราคาปกต่ำกว่าจำนวนหน้า เป็นนิมิตหมายอันดีว่า สนพเริ่มรับฟังเสียงผู้บริโภคบ้าง
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>968 เทียนกวาน Part.54
.
.
.
.
.
ศิษย์กลุ่มนั้นรุมใส่ร้ายว่ามู่ฉิงว่าเก็บผลไม้ไปคนเดียวเกือบหมดป่า เพราะทุกคนต่างรู้ว่าบ้านของมู่ฉิงยากจน อีกทั้งมารดายังมองไม่ค่อยเห็นจึงต้องอาศัยลูกชายทำงานหาเงิน ก่อนที่พวกเขาจะทำร้ายมู่ฉิง เซี่ยเหลียนก็เข้าไปห้าม ประกาศว่ามู่ฉิงเป็นผู้ติดตามของเขา และเขาเป็นคนสั่งให้อีกฝ่ายมาเก็บผลไม้เอง ลูกศิษย์กลุ่มนั้นจึงรีบขอโทษแล้ววิ่งหนีไป มู่ฉิงไม่ขอบคุณเจ้านาย ทั้งยังถามว่าทำไมชอบโผล่มาในเวลาแบบนี้ แม้เฟิงซิ่นจะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดจาอย่างนั้น เขาก็ยอมขอโทษว่าที่พูดก่อนหน้านี้ตนไม่ได้หมายถึงอีกฝ่าย เลิกอารมณ์เสียได้แล้ว ได้ยินแบบนั้นเซี่ยเหลียนก็หัวเราะบอกให้ทุกคนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมด และถ้าคราวหน้ามู่ฉิงจะมาเก็บผลไม้ก็อ้างชื่อเขาได้เลย ในที่สุดมู่ฉิงจึงเอ่ยขอบคุณเซี่ยเหลียน
วันต่อมาเซี่ยเหลียนพาเฟิงซิ่น กับมู่ฉิงติดตามกลับไปเยี่ยมราชากับราชินีที่ราชวัง ซึ่งฉีหรงก็ขับรถม้าทองคำมารอรับญาติผู้พี่ที่ตีนเขา แต่ฝีมือขับรถของฉีหรงเลวร้ายมาก เขาบังคับม้าไปชนแผงขายของ และเกือบชนคนในเมืองจนแทบวอดวายกัน แต่ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย เมื่อได้พบลูกชาย ราชินีก็ตัดพ้อว่าเซี่ยเหลียนไม่ค่อยจะกลับมาเยี่ยมหญิงชราคนนี้เลย เซี่ยเหลียนเลยพูดเอาใจไปว่าอีกฝ่ายยังไม่แก่ และมีใบหน้าอ่อนเยาว์ราวอายุรุ่นเดียวกับเขา ราชินียิ้มพอใจ สังเกตว่าลูกชายผายผอมลงจึงตั้งใจจะเลี้ยงอาหารขุน ก่อนที่เธอจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นในเทศกาลซ่างหยวน และเซี่ยเหลียนถูกลงโทษหรือไม่ ฉีหรงจึงเอ่ยแทรกว่าคนที่สมควรถูกลงโทษคือเด็กชายที่หล่นจากกำแพงคนนั้นต่างหาก
เซี่ยเหลียนจึงแนะนำมู่ฉิงให้มารดา และบอกว่าอีกฝ่ายคือคนที่แสดงเป็นผีร้าย พอรู้เช่นนั้นฉีหรงก็เอาถ้วยชาปาใส่ แต่เซี่ยเหลียนซัดแขนขอญาติผู้น้องไว้ทันแล้วส่งอีกฝ่ายไปให้เฟิงซิ่นจับตัวไว้ เขาหันไปบอกแม่ให้ยึดรถม้าของฉีหรง พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางให้ฟัง ฉีหรงไม่พอใจมาก เขาสะบัดมือออกจากการจับกุมแล้ววิ่งจากไป ราชินีบอกว่าไว้ตนจะคุยกับหลานให้ แต่ก็อธิบายว่าที่ฉีหรงอยากได้รถม้าก็เป็นเพราะอยากใช้มันไปรับเซี่ยเหลียนกลับบ้าน
เย็นวันนั้นเซี่ยเหลียนบอกลาราชากับราชินี เป็นที่รู้กันว่าตั้งแต่เข้าสู่หนทางการบำเพ็ญเพียรองค์ชายรัชาทายาทก็กลับมาเยี่ยมทั้งคู่น้อยลงเรื่อยๆ เขาตามมู่ฉิงกลับไปหาแม่ที่บ้าน พอเห็นเด็กๆ แถวนั้นเข้ามาเกาะ เรียกมู่ฉิงว่าเกอเกอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มู่ฉิงไม่ได้ใช้น้ำเสียงเย็นชาเช่นปรกติ แถมยังแบ่งผลไม้ให้พวกเด็กๆ ก็ทำให้ให้เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ตอนที่เขากำลังหาว่าตัวเองมีอะไรพอให้เด็กๆ ก็มีเสียงฝูงชนกรีดร้องจึงได้รู้ว่าฉีหรงขับรถม้าออกมาสร้างความวุ่นวายอีก ในครั้งนี้เขายังผูกกระสอบเปื้อนเลือดไว้ที่หลังรถม้าด้วย พอเห็นกระสอบขยับเขาจึงรู้ว่าข้างในนั้นมีคนอยู่
เฟิงซิ่นไปหยุดม้าตามคำสั่ง ส่วนเซี่ยเหลียนวิ่งไปตัดเชือกที่ผูกกระสอบไว้ เมื่อเปิดออกก็พบว่าข้างในคือเด็กชายคนหนึ่ง นอกจากการบาดเจ็บจากการถูกลากแล้ว ร่างนั้นยังเต็มไปด้วยรอยเท้าราวถูกคนกระทืบมาก่อน เขาสั่งให้เฟิงซิ่นจับตัวฉีหรงไว้ เมื่อเซี่ยเหลียนถามอาการของเด็กชาย อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมองเขา เอามือปิดหน้าข้างหนึ่งราวกับไม่อยากให้เซี่ยเหลียนเห็น ตอนนั้นเองฉีหรงก็บอกว่านั่นคือเด็กชายที่หล่นจากกำแพงในตอนนั้น เขาจึงล้างแค้นให้ญาติผู้พี่ เซี่ยเหลียนด่าและสั่งไม่ให้อีกฝ่ายยุ่งกับเด็กคนนี้อีก แต่ดูเหมือนฉีหรงก็ไม่ยอมเข้าใจอยู่ดีว่าตนทำผิด
เซี่ยเหลียนลูบหลังปลอบเด็กชายที่ซุกหน้ากับอกของเขา บอกว่าจะพาไปหาหมอ ภาพที่เห็นทำให้ฉีหรงโกรธมาก เขาพุ่งเข้าไปหมายจิกหัวของเด็กชาย เมื่อเฟิงซิ่นเห็นอย่างนั้นจึงรีบเตะแขนของฉีหรงเพื่อหยุดไว้ ส่งผลให้แขนของอีกฝ่ายหักโดยไม่ได้ตั้งใจ และการที่ข้าราชบริพารทำร้ายเชื้อพระวงศ์ก็เป็นเรื่องใหญ่มาก
.
.
.
.
.
>>975 โอ้โห น้องฉีหรง น้องมีความโรคจิตอ่ะ คือเหมือนบูชาเซี่ยเหลียนจนแบบใครก็ห้ามเข้าใกล้ มีความหวง เกิดเรื่องอะไรก็คือคนอื่นผิด ท่านพี่เตี้ยนเซี่ยไม่ผิด เข้าใจเลยว่าทำไมพอเซียนเล่อล่มสลายแล้วถึงได้เกลียดเซี่ยเหลียนขนาดนั้น เหมือรผิดหวังในตัวไอดอลอ่ะ รักแรงเกลียดแรงจริงๆ ส่วนฟาฟาตอนเด็กคือแบบ แงงงงง น้อนครับบบบ อยากอุ้มมากอดปลอบ อุ้มมาหอมหัว น้องไม่ควรโดนอะไรแบบนี้ ฮืออออ ขอบคุณสำหรับสปอยเหมือนเดิมนะเพื่อนโม่ง
กูพึ่งเลิกงานเปิดมาเจอสปอยมึง 5555 มาดึกเหมียนเดิม ขอบใจจ้าา
กุสายอ่าน ของสะสมไม่สนใจ กุเน้นแปลครบ แปลดีก็พอใจแล้ว ส่วนของแถมจะห่าเหวไรก็แค่ของแถม ไม่มีส่วนในการตัดสินใจซื้อหนังสือของกุ
กูว่า ความจริงสนพ.ควรแจ้งกำหนดการคร่าวๆเนอะ ว่าจะออกทุกกี่เดือนไรงี้ บางคนบอกว่าแฮร์รี่รอปีละเล่มก็รอมาแล้ว กูไม่เห็นด้วยว่ะ เพราะเจเคเขาเขียนยังไม่จบ แต่นี่เขียนจบแล้วรอแค่แปล ตอนนี้เหมือนรอเรื่อยๆ เลยว่ะ
>>984 เออ อันนี้แอบเห็นด้วย คือกูก็รอได้นะ แต่ก็อย่างที่ว่าอ่ะ อย่างน้อยถ้ากำหนดเวลาคร่าวๆให้ได้ก็คงดี เผื่อว่าคนอยากรอเก็บยกเซ็ททีเดียว หรืออยากจะซื้อแยกทีละเล่มจะได้ตัดสินใจได้ อันนี้เหมือนซื้อทีละเล่มแล้วก็รอต่อไปแบบไม่มีปลายทางอ่ะ จนกูก็แอบคิดนะว่าเขาแปลงานกันแบบมีเดดไลน์มั้ยวะ หรือว่าเรื่อยๆไปเรื่อยๆ เสร็จก็ปล่อย ไม่เสร็จก็รอกันต่อไป
กูว่าที่ไม่กำหนดเพราะมันมีเหตุขัดข้องได้ตลอดว่ะ สนพเกือบทุกที่ก็ไม่มีกำหนด มีแต่พวกเปิดพรีซึ่งบางที่ก็เลื่อนจนกูอยากแจ้งความ เวนเอ้ย กูไม่เทียบกับแฮร์รีแต่เทียบกับนิยายทั่วไป เช่นนานมี เซ็นชู เด็กส์ แต่ละเรื่องต้นฉบับนำไปไกลก็ออกกันปีละเล่มสองเล่ม ไม่ใช่แฮร์รีเป็นกรณีพิเศษที่รอกันข้ามปี นิยายปกติรอกันนานอยู่แล้วถ้าจะเอาเรื่องนี้มาเทียบก็เทียบกับวายด้วยกัน ที่ออกก็มีพวกโรสกับอวว ซึ่งใช้เวลาประมาณสามเดือน บกรก็ออกช้ากว่าวายทั่วไปจริง แต่แต่ละเรื่องที่ออกก็ไม่มีใครตามจิกตั้งแต่ได้ลิขสิทธิ์ อาจแปลตุนก่อนแล้วค่อยๆดำเนินการก็ได้
>>986 กูว่ามีเดดไลน์นะ เทียบกับเรื่องอื่นของสนพนี้ก็ออกเรทประมาณนี้อยู่แล้ว
กูมองว่าบกรรอนานกว่าปกติจริง แต่ก็ไม่นานขนาดนั้นเพราะกูเสพนิยายแปลที่ไม่ใช่วายเยอะ อัตรานี้เร็วกว่าปกติที่กูรอ และไม่ค่อยอยากเร่งเท่าไหร่หลังการ์เดี้ยนกูโดนโรคเร่งจนกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ นั่นขนาดสนพใหญ่ของตลาดหนังสือไทยอ่ะ หนังสือซื้อทีอ่านได้อีกนานไม่อยากได้ของแปลพลาดเพราะต้องการเอาใจตลาดแป๊บๆ เหอะๆ กูยังโกรธการ์เดี้ยนไม่หาย ตอนแรกอุตส่าดีใจที่อววได้
กุสายสะสม ขอบ่นบ้างคือกุนอกจากแปลครบแปลดีหนังสือกริบ กุดูที่ความใส่ใจด้วย เหมือนทางเวียตเกา เค้าทำหาเงินล่ะ แต่เค้าดูทุ่มเพราะรู้ว่ามีแฟนๆรอเรื่องนี้เยอะ อันนี้คหกุนะ เพราะกุรักเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่คงไม่ไปโวยวายสนพนะ ใครสายหนังสือก็คงไม่คิดอะไรอยู่แล้ว แต่สำหรับสายสะสมมองไม่เห็นสิ่งที่ให้ความพิเศษกับเรื่องนี้จริงๆ
ถ้าทำของสะสมออกมามันจะทำให้หนังสือแพงจนคนที่จะจองรอบที่มีของแถมในไทยน้อยจนได้ไม่คุ้มทุนหรือเปล่า จะทำของแถมกับหนังสือต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพิ่ม แล้วราคาหนังสือในไทยเทียบกับค่าครองชีพมันก็แพง ชห ไม่เข้าใจว่าทำไมหนังสือในไทยมันถึงแพงกันขนาดนี้ ถ้ามาบวกค่าของสะสมไปราคามันจะยิ่งเพิ่ม
>>996 เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูหัวเราะเป็นภาษาเวียดนามให้แล้วกัน จากใจคนสั่งพรีจากเวียดนาม หนังสือบอบบางมากกกกกก รูปเล่มตำหนิเต็มคราบกาวเลอะเทอะ ใช้ของคุณภาพแย่มากเทียบกับหนังสือปกติของไทยเลยไม่ต้องสายวายที่คุณภาพดีจัดให้เคลมกระทั่งตำหนิรอยแมวข่วน ที่โดดเด่นคือตอนขายของแถมเยอะเลยดูอลังแต่ในฐานะสายอ่านที่ชอบหนังสือ ขอหนังสือที่แข็งแรงหยิบจับไปไหนมาไหนได้เถอะ ส่วนของแถมนั่นกูสะสมจริง กูมีเงินเปย์อฟชจีนได้ ทำสินค้าหลักอย่างหนังสือให้ดีก่อน พวกชมเวียดนามอ้างว่าชอบสะสมกูอคติก่อนเลยว่าได้แต่ปากดี ไม่ได้ซื้อจริงถึงไม่รู้ว่าปรมาจารย์ของเวียดนามคุณภาพแย่
กูเคยเห็นคนพูดบ่อยๆว่าเวียดนามเหมือนซื้อของแถมแถมหนังสือ ของแถมเยอะมาก ซึ่งกูว่าจริง คุณภาพหนังสือกากชิบหาย
ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.