ขอแทรกสปอยเทียนกวานหน่อยนะ อ๋อ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ซบ บอกว่า 8 เล่ม แต่ต้นฉบับมี 5 เล่มนะ คิดว่าโดนหั่นแบ่งอีกนั่นแหละ ก็ไม่รู้ว่าแต่ละเล่มของไทยจะหั่นจบตรงไหนบ้าง
ต่อจาก >>554 เทียนกวาน Part.8
.
.
.
.
.
ทำงานเสร็จแล้ว แต่เซี่ยเหลียนเป็นเทพไร้ตำหนักเป็นของตัวเองได้แต่พักข้างทางบนสวรรค์ ระหว่างนั้นจึงหัวใสคิดได้ว่าหากไม่มีคนสร้างอารามให้เขา เขาก็สร้างอารามให้ตัวเองเสียเองก็หมดเรื่อง สรุปได้ดังนั้นเซี่ยเหลียนจึงกลับลงมายังโลกมนุษย์ เลือกหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง เข้าไปเก็บกวาดบ้านร้างเพื่อใช้เป็นอาราม เขาตั้งชื่อที่นี่ว่าอารามผูจี้ตามชื่อหมู่บ้าน
เซี่ยเหลียนเก็บขยะในอารามไปขายในตัวเมือง ได้เงินมาพอซื้ออุปกรณ์กราบไหว้อย่างพวกกระถางเซียมซี ธูป เทียน และอื่นๆ มานิดหน่อย ขากลับเขาพบกับชายชรานั่งเกวียนเทียมวัวผ่านมา เมื่อทราบว่าอีกฝ่ายจะกลับบ้านที่หมู่บ้านผูจี้เลยขออาศัยติดเกวียนไปด้วยโดยไม่รู้เลยว่ามีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว เขาเป็นเด็กชายวัยรุ่นอายุราว 16-17 ปี สวมเสื้อสีแดงสดสะดุดตา และกำลังนอนเอกเขนกบนกองฟางหลังเกวียน
เขากับเด็กหนุ่มทักทายกัน เซี่ยเหลียนใช้สายตาประเมินอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้ตีโพยตีพาย ก่อนชวนคุยกระชับมิตร ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะมีความรู้เรื่องเทพ ผี และประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เซี่ยเหลียนจึงลองสอบถามเรื่องของฮวาเฉิง รวมไปถึงจุดอ่อนของอ๋องผี อีกฝ่ายตอบว่าจุดอ่อนนั้นคือเถ้ากระดูก ก่อนเสริมว่าในเมืองผีมีธรรมเนียมว่าจะมอบเถ้ากระดูกของตัวเองให้กับคนที่ตนเลือก ถึงความจริงจะมีผีที่ทำตามนั้นไม่มากก็ตาม จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงซักความเป็นมาของคนตรงหน้า เด็กหนุ่มอ้างว่าตนเพิ่งถูกไล่ออกจากบ้าน กำลังร่อนแร่พเนจรไร้จุดหมาย เมื่อถูกถามถึงชื่อก็กล่าวว่าที่บ้านเรียกเขาว่า ซานหลาง (เจ้าสาม)
ทั้งสองพูดคุยกันจนฟ้ามืด ตอนนั้นเองจู่ๆ วัวก็ไม่ยอมเดินต่อ เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นบรรดาผีหัวขาดมากมายที่มาพร้อมกับดวงไฟสีเขียว เซี่ยเหลียนรีบให้รั่วเย่ลอยเหนือเกวียนเตรียมพร้อมรับมือ และเมื่อถามผู้เฒ่าคนขับเกวียนก็ได้ความว่าวันนี้เป็นวันประตูผีเปิดพอดี เซี่ยเหลียนเอ่ยเตือนไม่ให้ผู้ร่วมทางทั้งสองส่งเสียง ทว่าคนขับเกวียนที่เห็นผ้าแพรลอยได้รวมไปถึงฝูงผีก็ตั้งสติไม่อยู่ เซี่ยเหลียนจึงต้องทำให้อีกฝ่ายสลบอย่างไร้ทางเลือก เขาอุ้มชายชราไปนอนด้านหลังเกวียน และมาเป็นคนขับเอง ซานหลางเข้ามาหลบด้านหลัง เรียกเขาว่า เกอเกอ (พี่ชาย) พร้อมบอกว่ารู้สึกกลัว
แม้เซี่ยเหลียนจะไม่รับรู้ถึงความหวาดกลัวในน้ำเสียงของเด็กหนุ่มสักนิด แต่เขาก็ยังเอ่ยปลอบอีกฝ่าย ตอนนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าซานหลางกำลังมองคำสาปพันธนาการบนคอของเขา (ตราที่ถูกตีตอนถูกเนรเทศจากสวรรค์ เป็นบ่วงสีดำพันรอบคอ ปรกติรั่วเย่พันปิดไว้) เซี่ยเหลียนไม่ได้อธิบายอะไรแล้วหันไปกระตุ้นวัวค่อยๆ เดินฝ่าดงผี ใช้พลังพลางตัวไม่ให้พวกฝ่ายตรงข้ามเห็นเกวียน แต่สุดท้ายความก็แตก เขาให้รั่วเย่โจมตีเปิดทาง แล้วบังคับแม่วัวออกวิ่ง แต่พวกผีตามมาหมายทำร้ายอยู่ดี
เซี่ยเหลียนใช้ยันต์พยายามหยุดพวกผีแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก รู้ตัวอีกทีเกวียนก็มาถึงทางแยก 2 ทางซึ่งอาจพาพวกเขาไปสู่อีกภพ เขาจึงหยิบกระถางเซียมซีมาเสี่ยงโชค แต่กลับได้ผลว่าโชคร้ายมาก หากฝืนเลือกทางไปต่อทั้งๆ เช่นนี้พวกเขาคงไม่ได้กลับมาภพมนุษย์อีก เซี่ยเหลียนเสี่ยงเซียมซีอีกรอบทว่าก็ได้ผลเหมือนเดิม ซานหลางจึงขอกระถางไปลองเสี่ยงทายดูบ้าง แล้วผลก็ออกมาว่าโชคดีมาก พวกเขาเลยสามารถหนีต่อได้ ฝูงผียังคงตามพวกเขามาอย่างไม่ลดละ แม้เซี่ยเหลียนจะบอกขอโทษที่พวกเขาเข้ามาก่อกวนขบวนผีโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟังแม้แต่น้อย ในที่สุดพวกเขาก็ถูกล้อม
.
.
.
.
.