>>444 ตอนแรกกูก็คิดนะว่าเผยหมิงก็น่าจะมาหาเซวียนจีเคลียร์เรื่องให้มันจบๆ กันเลยดีกว่าไหม แต่พอมานึกดูดีๆ ขืนมาเจอเรื่องคงไม่จบอะ นิสัยนางคงไม่ยอมแถมคงหาเรื่องให้อีก ไม่มาดีแล้ว
แล้วก็ขอมาแทรกสปอยเทียนกวานต่อนะ ต่อจาก >>438 ยอดนักสืบเซี่ยเหลียน กับคดีเจ้าบ่าวผี Part.7
.
.
.
.
.
เมื่อถึงสวรรค์ เซี่ยเหลียนไม่ลืมขอให้หลิงเหวินช่วยตามหาเด็กชายผ้าพันแผลให้ แม้เทพสาวจะตกใจที่มีมนุษย์เป็นโรคหน้าคนเหลืออยู่ แต่ก็รับปากว่าจะช่วย ในเครือข่ายโทรจิตเหล่าเทพถกเถียงกันเรื่องเซวียนจีซึ่งตอนนี้ยังไม่ยอมบอกว่าผีเขียวอยู่ที่ไหน แต่พวกเขาก็ได้ทราบว่าที่เมื่อก่อนแม่ทัพเผยไม่สนใจจัดการเรื่องของเธอแต่เนิ่นๆ เป็นเพราะเซวียนจีมีพลังเพียงน้อยนิดทำเรื่องอะไรมากมายไม่ได้ แต่ไม่กี่ร้อยปีมานี้เธอได้พบกับผีเขียว เมื่อเธอเป็นข้ารับใช้ให้ฉีหรงก็มีพลังเพิ่มขึ้นจนก่อเรื่องเหล่านี้ได้ และที่เธอแขวนศพเหล่านั้นก็เป็นการทำตามสิ่งที่เจ้านายของตนทำ เพราะฉะนั้นจะโทษเผยหมิงที่ไม่จัดการเสียแต่แรกก็ไม่เต็มปากนัก
เซี่ยเหลียนเสริมเรื่องที่เขาได้ยินเสียงเด็กร้องเพลง และพบกับชายชุดแดงที่มีผีเสื้อสีเงินรับใช้ แต่นั่นก็ทำเอาเทพทั้งหลายนิ่งอึ้ง เพราะอีกฝ่ายน่าจะเป็นฮวาเฉิง 1 ใน 2 อ๋องผี และ 1 ใน 4 ภัยพิบัติ ทว่าเซี่ยเหลียนที่ไม่ได้อยู่สวรรค์จนไม่ได้อัพเดทข่าวกลับไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงนี้ ต้องให้หลิงเวินอธิบายให้ฟัง
4 ภัยพิบัติคือผี 4 ตนที่ทางสวรรค์จัดว่าอันตรายที่สุด ตนแรกคือหายนะชุดขาว ไป๋อู๋เซียง เจวี๋ยตนแรกที่ปรากฏกายออกมาพร้อมโรคระบาดในช่วงที่อาณาจักรเซียนเล่อล่มสลาย แต่รายนี้ถูกจวินอู๋กำจัดไปแล้วเรียบร้อย เจวี๋ยตนที่ 2 คือเฮยสุ่ยเฉินโจว (ธาราทมิฬล่มเรือ) รายนี้ส่วนมากอยู่เงียบๆ ไม่ก่อเรื่องจึงไม่ค่อยมีข้อมูล แต่ก็ไม่ต้องสนอะไรมาก ตนที่ 3 คือผีเขียวฉีหรง แม้จะไม่ได้มีพลังแกร่งกล้าถึงขั้นเจวี๋ย แต่มีนิสัยมากเล่ห์ต่ำช้าก่อเรื่องราวไม่หยุด จึงจัดมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนเจวี๋ยตนสุดท้ายคือฮวาเฉิง หรือ เซวี่ยอวี่ทั่นฮวา (ฝนโลหิตตามหาดอกไม้)
มีข่าวลือและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับความเป็นมาของฮวาเฉิง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าอันไหนคือเรื่องจริง ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออ๋องผีตนนี้มีนิสัยทำอะไรคาดการณ์ไม่ได้ เช่นเดียวกับความสามารถที่ไม่มีใครรู้ว่ามีเท่าใดกันแน่ ก่อนหน้านี้ฮวาเฉิงเคยบุกมาสวรรค์แล้วท้าบรรดาทวยเทพให้ต่อสู้กับตน หากเป็นเทพวรรณกรรมก็ประลองวรรณกรรม หากเป็นเทพสงครามก็ประลองการต่อสู้ โดยมีข้อตกลงว่าหากเขาเป็นผู้แพ้ก็จะมอบเถ้ากระดูกของตัวเองให้เทพองค์นั้น (เถ้ากระดูกเป็นจุดอ่อนของผี หากได้ครองจะสั่งการหรือสังหารผีตนนั้นได้) แต่หากว่าตนชนะ เทพที่แพ้จะต้องเนรเทศตัวเองจากสวรรค์
ใครจะไปรู้ว่าเทพทั้ง 33 องค์ล้วนพ่ายแพ้ให้แก่เขา แต่เมื่อมีจำนวนพวกมากก็ไม่มีเทพองค์ไหนคิดรักษาสัญญา ฮวาเฉิงจึงเผาอารามทุกแห่งของเทพทั้ง 33 องค์นั้นภายในคืนเดียวโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร ทั้งยังล่อลวงเหล่าผู้ศรัทธาเทพเหล่านั้นให้หันมาบูชาตนแทน การที่เทพไร้ผู้กราบไหว้ย่อมทำให้พลังทิพย์เสื่อม แต่ถึงพวกเขาจะไปฟ้องจวินอู๋ มหาเทพก็ทำอะไรไม่ได้ (เพราะพวกมรึงไปสัญญากับเขาไว้เอง) สุดท้ายเทพเหล่านั้นก็ค่อยๆ เสื่อมพลัง และทยอยหายหน้าไป
ด้วยวีรกรรมสะเทือนฟ้าเช่นนี้ทำให้เหล่าเทพต่างไม่อยากมีเรื่อง หรือข้องเกี่ยวกับฮวาเฉิง และด้วยความที่อีกฝ่ายก็เป็นพวกคาดเดาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่เขาเข้ามามีส่วนกับเรื่องราวเจ้าบ่าวผี... ก็ขอให้ช่างมันไปก่อนไม่ต้องเอามาคิดมากก็แล้วกัน จบประชุม คดีเจ้าบ่าวผีก็ปิดลงด้วยประการฉะนี้