Last posted
Total of 1000 posts
ฟนค ทำไมเหรอวะ กูชอบนะ กูอ่านแล้วอินดีอะ แต่กูยังอ่านไม่จบ เค้าปิดตอนจบไว้ ซื้อหนังสือมาแล้วแหละ แต่ยังไม่ได้อ่านต่อ 5555
มึงอย่าเอาแฟนคลับ (กดเฟฟ?) กับยอดขายมาวาดกราฟเลย บางทีคนก็กดเฟฟไว้เฉยๆ เพราะเห็นเรื่องดัง กดไว้ก่อน แต่ไม่เคยมาอ่านเลยก็มี ถ้าเพิ่งเคยพิมพ์ครั้งแรกก็พิมพ์น้อยๆ อย่าเพิ่งลงทุนกับรูปมาก ทุนสูง ถ้าอยากได้ปกสวยก็เอาแค่ปก อาจจะทำแบบทดสอบความสนใจดูจำนวนว่าคุ้มทำเล่มกระดาษไหม ถ้าไม่ก็ลองขายอีบุ๊ค เผลอๆคนอ่านมั่นใจว่ามีเนื้อหาจบจริง อยากได้เป็นเล่มก็ให้พรีออเดอร์ กูแนะนำว่าถ้าคิดจะเอาดีด้านทำมือ ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปดูยอดพิมพ์คนอื่นแล้วเศร้าเอง ค่อยๆสร้างกลุ่มคนอ่านของมึงไป ขอให้คนอ่านช่วยกันโฆษณาหรือแชร์ก็ได้ ถ้าชอบช่วยแชร์หน่อยน้า ถ้ามีทวิตก็ติดแท็กรีวิวนิยงนิยายให้คนกดเจอบ้าง จะให้เพจดังรีวิวให้คือโชคต้องดี เปิดตัวในงานอีเว้นท์ก็ดีนะ ไปออกบูท มีคนเดินมาเจอมาดูนะมึง ถ้าเขาเข้ามาแตะแล้วมึงโฆษณาดีเขาก็อาจจะซื้อ ลองดูๆ
กูเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง คนตามพอควร แต่พอมาอ่านความคิดเห็นในนี้ (ซึ่งกูขอบคุณ&ไม่ได้ว่านะ) กูรู้สึกหดหู่ว่ะ คือกูมีแพลนจะลงจบ ไม่ปิดตอน กูมั่นใจว่ากูเขียนคุณภาพไม่แย่ ไม่ดอง เขียนได้หลายตอน ไม่เคยงอแง ตอบคอมเมนต์อย่างสุภาพ แต่ถ้านักอ่านเลือกว่านิยายอย่างกูมีให้อ่านฟรี ๆ เอาเงินไปซื้อนิยายแปลดีกว่า กูเริ่มรู้สึกเฟล
กูรู้นะว่าคนเราควรแต่งนิยายด้วยความรัก แต่กูก็อยากมีรายได้ อยากให้คนอุดหนุนหนังสือ ไม่ใช่เห็นว่าไม่มีค่า ปิดตอนก็ด่ากูอีก
กูแต่งไม่ออกมาซักพักละ กูทำงานฟูลไทม์สัปดาห์ละเจ็ดวัน (เออ คือกูมีวันหยุด 1 วัน แต่คือวันหยุดคือวันที่ทำงานที่บ้าน) แบบ เอาเวลาไปพักผ่อนดีไหมวะ
>>291 ตบบ่า กูก็เซ็งเหมือนกันเวลาเห็นเม้นต์ว่าถ้าอ่านจบแล้วก็เอาเงินไปซื้อนิยายแปลดีกว่า กูก็เป็นคนหนึ่งที่ถ้าอยากอ่านก็กดอีบุ๊คเลย กูไม่ว่าอะไรถ้าคนแต่งลงไม่จบนะ นิยายไทยให้อ่านตัวอย่างกันเยอะมากจนนี่มันไม่เรียกตัวอย่างแล้วโว้ย ปกติอีบุ๊คฝรั่งตัวอย่างคือ 5-10%
อันนี้ความเห็นกูที่เคยพูดในมู้อื่นนะ
นิยายเริ่องไหนสนุกจริงก็ซื้อ กูเชื่อนะ แต่กูมองว่านิยายมันแบ่งวัตถุประสงคืการซื้อเป็นสองอย่าง คือซื้อเพื่ออ่านกับซื้อเพื่อสะสม
เพื่อสะสมคือชอบนิยายเรื่องนี้มาก อยากได้รูปเล่ม ลงจบไม่จบก็ซื้อ
กับเพื่ออ่าน ไม่ได้รักอะไรมาก อยากรู้พล็อต อยากรู้ว่าเขาจะลงเอยกันยังไงแค่นั้น หรืออยากอ่านซ้ำนะแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเล่มเปิดเน็ตอ่านก็ได้ ซึ่งประเภทนี้ถ้าลงจนจบไม่ลบก็ไม่ซื้อหรอก มีให้อ่านฟรีนี่นาเอาเงินไปให้เรื่องที่ยังไม่ได้อ่านดีกว่า ส่วนถ้าลบก็จะมีบางส่วนที่ไม่ซื้อไปอ่านเรื่องอื่นที่ฟรีก็ได้ บางส่วนที่ซื้อเพราะอยากรู้ต่อ
คนที่บอกว่าถ้าลงจนจบแล้วสนุกก็ซื้อแน่ๆคือพวกซื้อแล้วสะสมว่ะ ถ้ามันแค่สนุกพอแค่สำหรับอ่านเขาก็เก็บเงินไปเปย์เรื่องอื่นนั่นแหละ
ดังนั้นถ้าใครต้องการขาย กูบอกเลยว่าอย่าสนคำด่า สิทธิ์ของมึง จะปิดตอนเพิ่มตอนพิเศษ ทำตามที่ตัวเองต้องการ กูอ่านคนทำหนังสือออกมาพูดกี่คน ปิดตอนก็ได้ยอดเยอะกว่า
กูอยากหยุดลงนิยายมาก ไม่ค่อยชื่นใจกับผลตอบรับนิยายเท่าไหร่ เอาตรงๆคือกูรู้สึก underrated อะมึง
>>299 มึงลองเปิดพรีตอนยังไม่จบไหมล่ะแล้วบอกว่าจะมาต่อหลังส่งหนังสือแล้วอะไรแบบนี้ ส่วนเรื่องพิมพ์อาจจะกำหนดเรทขั้นต่ำในการพิมพ์ถ้ากังวลเรื่องยอดถ้าไม่ถึงก็ทำอีบุ๊คแทนซึ่งไม่มีต้นทุนในการพิมพ์ก็จริงแต่มีต้นทุนอื่นๆเช่นปก จ้างพิสูจน์และโดนหักราวๆ 40เปอร์ แต่โรงพิมพ์ที่รับขั้นต่ำ 20 เล่มก็มีอยู่ บางที่เห็นว่าเล่มเดียวกับรับ ลองขอราคาคร่าวๆดูได้ อาจจะขอเรท 1 20 50 100 ไล่ไปตามระดับ บอกจำนวนหน้ากับสเปคคร่าวๆเพื่อขอราคาเขาก่อนแล้วมึงมาคำนวนราคาขายเอาแบบที่ไม่เข้าเนื้อมาก เขาเต็มใจให้ราคามึงแหละลองเปรียบเทียบหลายๆที่ดูก็ได้ บางที่พิมพ์น้อยได้ราคาถูกกว่าอีกที่แต่ขณะเดียวกันพิมพ์เยอะขึ้นดันแพงกว่าเขาในเรทเดียวกันซะอย่างนั้น
>>299 กูเซ็งคำว่านิยายไทยเดี๋ยวนี้คุณภาพแย่ด้วย ทั้งๆที่เวลาคุยหวีดกันบางเรื่องก็คนไทยแต่ง ไม่ใช่ของตปท.ทั้งหมด การพูดว่านิยายไทยห่วย นิยายแต่งห่วย มันทำให้คนที่ตั้งใจแต่งอยู่ท้อเหมือนกัน อ้าวแต่งๆไปจะมีใครอ่านของกูมั้ยนิ ไม่ใช่อ่านกันแต่นิยายแปล(ซึ่งความเห็นกู นิยายแปลก็ไม่ได้ดีทุกเรื่องนะ) อ่านความเห็นละก็เห็นใจนข.คนไทย สู้ๆละกัน
กูมองว่านิยายวายไทยมีที่ดีและแย่เยอะมาก คนที่พูดเหมารวมว่านิยายไทยมีแต่นิยายมหาลัยคือมึงไปพักก่อน นิยายแนวอื่นน่ะมีเยอะแยะ แต่สุดท้ายเขียนแนวไหนก็ไม่แมสหรือบูมเท่าแนวมหาลัยอยู่ดี สุดท้ายคนเขียนแนวนี้บางทีเลยล้มหายตายจากวงการไปเรื่อยๆ ขณะที่คนเขียนแนวแมสยังอยู่ได้ว่ะมึง
>>291 คือกูจะบอกว่าตอนนี้กูรู้สึกเหมือนมึงเลย คือเวลาไม่ปิดตอนเปิดให้อ่านฟรีในเน็ตแล้วยอดขายตกจริงๆ อ่ะ ประมาณว่าเรื่องนี้มีให้อ่านฟรีในเน็ตแล้วเอาเงินไปซื้อเรื่องอื่นดีกว่า กูจะบอกว่าตอนพิเศษที่มีเฉพาะในเล่มบางทีก็ไม่ดึงดูดนักอ่านให้ซื้อหรอก ที่ซื้อส่วนใหญ่คือพวกเก็บสะสม นักอ่านขาประจำ ช่วงหลังๆ แม่งท้อจนจะล้มหายตายจากวงการไปแบบที่ >>309 ว่าแล้วว่ะ
>>308 เออ กูก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง stereotype นิยายไทยวะ วายไทยมันมีทั้งดีทั้งแย่นั่นแหละ แต่วายมหาลัยมันบูมกว่าจริงๆ แต่ออกมาเยอะจนเกลื่อนตลาดแล้ว กูคนนึงแหละที่เลิกอ่านแนวนี้ไปแล้ว แต่วายแนวอื่นแม่งก็บูมได้ไม่เท่า วายเสินเจิ้นก็ยังบูมแต่ไม่มากเท่ามหาลัยวัยทำงาน ส่วนวายแฟนตาซีผจญภัยนี่แทบจะล้มหายตายจากวงการไปจริงๆ เหมือนตลาดแฟนตาซียังซบเซาไม่ฟื้น หานักเขียนแต่งสนุกๆ ยาก แล้วก็หาอ่านยากด้วย ทำไมวายไทยมันไม่หลากหลายกว่านี้วะ พูดเองเศร้าเอง แม่ง
มาบอกว่ากูซื้อแต่อีบุ๊ค เผื่อพวกเมิงจะสนใจมาตลาดนี้บ้าง เล่มไม่มีที่เก็บว่ะ กลัวที่บ้านมาเจอ หลานชอบมารื้อห้อง
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลงพร้อมๆวันส่งเล่มด้วย นขบางคนแม่งรอลงหลังส่งเล่ม1เดือน มือสองแม่งก็ขายกันเกร่อแล้ว จะซื้อกูก็แสลงใจ ขายต่อไม่ได้ด้วย อ่านทีหลังด้วย ลูกเมียน้อยชิบหาย
กูชอบอ่านนิยายแปลมากกว่าไม่มีเหตุผลเรื่องดีหรือห่วยเลยแต่เพราะชอบสำนวนต่างประเทศมากกว่า
เรื่องแฟนตาซี จริงๆกูว่าแนวแฟนตาซีมันมีออกทุกงานหนังสือนะ นาบูยืนพื้นแล้วปกนึง แล้วถ้าไล่ดูวายแฟนตาซีเรื่องไหนมีพูดถึงทุกเรื่องที่จบมีสนพไปจับจองกันหมดแล้วไม่ก็ทำมือ ไหนตอนนี้จะมีคว.ที่พิมพ์แนวแฟนตาซีโดยเฉพาะอีก กูว่าสนพพร้อมพิมพ์เต็มที่ แต่คนเขียนสายนี้น้อย อาจเพราะมันต้องสร้างเซ็ตติ้งใหม่มั้ง เลยเริ่มได้ยากกว่าแนวอื่น แต่กูว่าแนวนี้คนแต่งก็ไม่น้อยเท่าไหร่ ติดท็อปห้าของแนววาย รองจากแนวมหาลัย+ทำงาน จีนโบราณ ก็มาเป็นแฟนตาซีนี่แหละ ชนะสืบสวนกับผีเยอะ หายากชิบหาย
กูอ่านนิยายแปลเพราะกูโหยหาแฟนตาซี ของไทยกูก็อ่าน แต่แฟนตาซีแม่งมีอยู่กี่เรื่องเอง น้อยกว่าที่แปลมาอีก กูยังต้องคัดอีกนะว่าเนื้อเรื่อง ตัวละคร ฯลฯ ถูกจริตมั้ย...
วายแฟนตาซีน้อยแล้ว ว่ยแฟนตาซีผจญภัยยิ่งน้อยขึ้นไปอีก.....กูอยากอ่านมากสาด
กูคิดว่านักเขียนบางคนเขาก็พยายามแหวกนะ ต่อให้เซตติ้งมหาลัยก็เขียนให้แหวกออกไป ไม่ให้องค์ประกอบเหมือนคนอื่น หรือพวกนิยายพอ-นอเป็นหมอก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเหมือนกับเรื่องอื่น บางคนพอเห็นเป็นมหาลัยก็เบะปากไว้ก่อนแล้วว่าน่าเบื่อซ้ำซากแล้วก็มาบ่นว่าทำไมนิยายมหาลัยมีแต่เนื้อเรื่องเดิมๆ แซะว่า"มหาลัยอีกแล้ว ไม่ซื้อหรอก"หรือ"เป็นหมออีกแล้ว เบื่อออ โหลมาก" คำแซะมันไปไม่ถึงนขที่ติดลมบนหรือได้ตีพิมพ์แล้วหรอกมึง แต่คนที่อยากแต่งบ้างแต่ยังไม่มีใครมาเจอเนี่ยแหละที่จะท้อตายห่าหมด ไม่ค่อยมีคนอ่านไม่พอยังโดนพวกที่ไม่อ่านตัดกำลังใจอีก แบบมึงไม่อยากอ่านก็ไม่ต้องอ่าน ไม่มีใครว่า แต่ก็อย่าไปตราหน้าทั้งที่มึงไม่ได้อ่านขนาดน้านนน คือบางคนแม่งไม่เคยอ่านแนวนี้เลยด้วย แต่บ่นเบื่ออออ มึงเอาไรมาเบื่อ ถามจริงงง เหมือนพอเป็นแนวนี้ก็ตั้งแง่ละว่าต้องซ้ำ ต้องเลียนแบบกันมา
ตอนนี้เปิดวายมาเจอแต่ระบบกับเกิดใหม่ในหนังสือ เพราะแต่งง่าย อยากใส่ไรก้ใส่
เห็นมีนักเขียนกันเยอะกูเลยอยากเสนอความเห็นในฐานะนักงานคนหนึ่ง ว่าอยากให้มีลงขายอีบุ๊คกันเยอะๆ หน่อย กูรู้ว่ามันมีค่าวางค่าโน่นนี่โดนหักไปได้จริงๆ อาจจะแค่ไม่เยอะมากแต่กูว่าคนซื้อก็ลูกค้าคนละสาย คนซื้อเล่มก็ไม่สนใจอีบุ๊ค สายอีบุ๊คถ้ารู้ว่ามีก็รอซื้อ น้อยคนที่ซื้อทั้งสองแบบ ถ้ามึงขายทั้งเล่มด้วยทั้งอีบุ๊คด้วยก็มีรายได้สองทางนะ
อย่างกูเองเมื่อก่อนก็สายเล่ม แต่พักหลังๆ ตั้งแต่ปีที่แล้วต้องเดินทางบ่อยก็เลยลองซื้ออีบุ๊คดู มันก็สะดวกดี จนตอนนี้ซื้อแต่อีบุ๊คแล้ว เล่มไหนไม่มีอีบุ๊คก็ไม่ได้ซื้อ...ที่มาบอกไม่ใช่อะไร อยากให้หันมาทำอีบุ๊คกันเยอะๆ อยากให้เก็บไว้พิจารณาน้าาา
วายแฟนตาซีที่กูชอบคือ dragon prince ของฝุ่นอ่ะ สนุก
กูประสบปัญหาวางพล็อตเรียบร้อย แต่เขียนได้ไม่กี่หน้าสมองก็เออเร่อ นึกคำไม่ออกอีกเลย นี่เป็นมาหลายปีละใครมีวิธีแก้มะ
กูเขียนแบบมีสต๊อคไว้ลง แต่พอลงแล้วไม่มีใครอ่าน เลยขี้เกียจลงแล้ววะ แต่ก็ยังแต่งต่อนะ พล็อตจบแล้วด้วย แต่งข้ามไปยันตอนพิเศษแล้วอีกต่างหาก แต่ไม่อยากลงแล้ว 5555555555555555
Ky กูถามหาโรงพิมพ์ในนี้ได้ปะวะ กูอยากรวมเล่มแต่ไม่รู้ว่าพิมพ์ที่ไหนดี ใครเคยใช้ที่ไหนบ้างวะ
>>325 ที่โดน คว LC ไปกูว่าก็แนวผจญภัยแฟนตาซีหลายเรื่องอยู่นะ Hard mode, เพื่อนรักฯ, God child ไรงี้ถ้าไม่นับแนวระบบ เหมือนมาเจาะตลาดวายแฟนตาซี กูตามอยู่หลายเรื่องแต่สนพ น้องใหม่ไม่รู้ระบบการจัดการเป็นไง ขออย่างเดียวอย่าลอยเพแบบสนพ อท ก็พอ พูดแล้วจี๊ด แม่ง LSK ภาค2ของกู
คืออย่าใช้กระทู้มั่วๆเหอะ จะพูดถึงสนพ. ไปมู้เม้า อันนี้ก็โปรดเว้นไว้พูดเรื่องการเขียนนิยายเหอะ
>>345 กูว่าเพราะแต่งยากมั้ง แต่ก่อนกูก็เคยแต่งแฟนตาซีวาย แต่ฐานคนอ่านไม่เยอะอะไร พอจะแต่งแบบแหวกแนวมันต้องใช้ความคิดใช้จินตนาการเรียบเรียงเยอะว่ะ คือยอดเฟบกับคอมเม้นคือกำลังใจหลักของกูเลย พอคนอ่านน้อยลงๆ ใจมันห่อเหี่ยว หดหู่ จินตนาการต่อไปไม่ออก หลังๆ กูเปลี่ยนแนวไปแต่งแนวระบบแทนแล้ว ปรากฎว่าคนอ่านเยอะขึ้น คือแนวระบบกูแต่งแบบโครตชุ่ยอ่ะ แต่คนอ่านยังเยอะกว่าแฟนตาซีที่กูเคยรีดสมองคิดแต่งออกมา 555555 คือเหี้ยมาก คือกูรู้เลยว่าแต่งตามกระแสแม่งดีกว่าจริงๆ
กูขอมาค้านในฐานะนักอ่านที่บอกแนวระบบแต่งง่าย มันไม่ง่ายนะเมิ้งงงง ถึงกูไม่ใช่คนแต่งแต่จากที่อ่านแนวนี้มาโชกโชนมันยากนะที่จะแต่งให้คนตามอ่านสำหรับแนวนี้
>>350 กูเป็นนข นะ ส่วนตัวกูว่าแต่งแนวระบบไม่ยากเท่าไหร่ แต่ยากตรงจะทำไงให้น่าดึงดูดมากกว่า ตอนนี้แนวระบบก็ผุดขึ้นมาเยอะแล้ว คือต้องทำให้เรื่องตัวเองโดดเด่นกว่าคนอื่นอ่ะ แต่เรื่องแต่งตามกระแสแล้วคนอ่านเยอะกูไม่ค้าน แต่ต้องอยู่ที่ฝีมือมึงด้วย อย่างที่ 347 ว่าตัวเองแต่งชุ่ย แต่อาจสนุกสำหรับคนอื่นก็ได้
กูคิดว่าทุกแนวแต่งยากหมด แต่งให้โดดเด่น มีคนติดตาม ยังไงก็ยาก ใช้ฝีมือหมด ตอนคิดเรื่องอาจจะง่าย เออ อันนั้นน่าหนุก อันนี้น่าหนุก แต่งดีกว่า แต่มึงจะแต่งให้จบได้น่ะยาก ไม่นับว่าต้องจบไม่ออกทะเล จบให้ปังอีก ไม่งั้นนข.จะมีไหกันคนละพันไหเหรอ
กูก็แต่งนิยายไม่จบ กูมีพล็อตมีภาพอยู่ในหัวแต่กูบรรยายออกมาไม่เป็น พอกูบรรยายติดขัดแล้วกูก็เลิกแต่ง ไม่รู้จะแก้ยังไง
กูขอถามหน่อย เรื่องสั้นความยาวสามสิบถึงสี่สิบหน้าเอสี่ สนพจะซื้อประมาณเท่าไหร่ กูไม่เคยรู้เรทตรงนี้เลย
ขอบคุณมาก
>>359 ค่อนข้างสั้นนะ คือมีงยังไม่ได้จัดหน้าใช่ปะ จริงๆถ้าจัดหน้าแล้วปกติหน้าหนังสือมันจะบรรทัดถี่กว่าหน้า Default a4 ปกติ กูว่าถ้าจัดหน้าแล้วหน้าก็คงเพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่มั้ง
พอมันเป็นเรื่องสั้นก็เลยไม่แน่ใจว่ะ ส่วนค่าหนังสือมีสองแบบคือคิดตามจำนวนเล่ม กับ ซื้อขาด กูรุ้แต่ราคาเล่มปกติอะนะ ไม่รู้เรื่องสั้นแฮะ
>>362 จากหน้า a4 มาเป็น a5 (หนังสือขนาดปกติทั่วๆไป) คร่าวๆคือ 2 เท่าอ่ะ จาก 30=60 / 40=80 ก็ราวๆ 60-80 หน้าแต่อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการจัดหน้า ส่วนค่าลข.ทั่วๆไปก็ต้องดูว่าสนพ.ให้แบบไหน เหมาหรือคิดเป็น% ของราคา*จำนวนเล่มที่ตีพิมพ์ในแต่ละครั้งหรือแบบอื่นๆอ่ะ อันนี้มึงคงต้องถามสนพ.นะ แต่เคยได้ยินว่าเรื่องสั้นโปรบางที่ซื้อแบบเหมามายกตัวอย่าง 3000 / 5000 อะไรแบบนี้อ่ะ
Ky ขอถามไรหน่อย เวลาพวกมึงแต่งนิยายไม่ออก กระตุ้นตัวเองยังไงกันวะ กูรู้สึกหมดไฟแต่งนิยาย คือมีนักอ่านมาคอมเม้นนิยายกูตลอดนะ แต่ช่วงหลังๆ มานักอ่านมาจากไหนเยอะแยะไม่รู้ จู่ๆ ยอดเฟบเพิ่มทีวันละร้อย เวลาจะอัพนิยายแต่ละทีกูรู้สึกกดดันวะ กลัวทำนักอ่านผิดหวัง สรุปคือกูกดดันตัวเองมากไปจนแต่งไม่ออก แทนที่ไฟจะลุกดันดับดื้อๆ
ลืมบอกว่ากูเคยเป็นตอนยอดแฟนคลับขึ้นมาจากหลักสิบเป็นหลักร้อยว่ะ กดดันชิบหาย
Ky กูอยากรู้เกี่ยวกับยอดขายนิยายอ่ะ สมมตินะ ระหว่างเรื่อง A ที่มียอดเฟบ หมื่นอัพแต่ยอดคอมเม้นไม่กี่พัน พันกว่าสองพัน คิดเป็น% ไม่ถึง50% กับเรื่อง B ที่มียอดเฟบ6พันกว่าแต่คอมเม้นเกิน3,000 คือเกิน50% นักอ่านแบบ active 2 เรื่องนี้ยอดขายเรื่องไหนน่าจะดีกว่าวะ
>>365 กูใช้วิธีประกาศวันอัพเอา เพราะงั้นถึงเวลายังไงก็ต้องเขียนมาอัพให้ได้ ถึงจะต้องอดนอนก็ต้องเขียนอ่ะ คือกูคิดว่าคนเราควรทำตามสัญญา การลากเส้นตายเลยสำคัญมากสำหรับกู
เพราะว่ากูซีเรียสเรื่องแบบนี้มาก กูเลยงงว่านักเขียนที่พรีไปแล้วไม่ส่งนี่พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอวะ พวกมึงเติบโตมาในสังคมแบบไหนถึงหน้าด้านโกงคนอื่นได้
จวิ้นอ๋องนี่โง่ในโง่ที่ไม่ส่ง ทั้งๆที่รวยเห็นๆ ต่อยอดได้อีกเยอะ อยากกินเงินแค่ไม่กี่บาท
>>372 คือ นอกจากเหตุผลนางผูกปมจบไม่ได้แล้ว กุนึกเหตุผลไม่ออกเลยจริงๆ ว่าทำไมนางต้องโกง ทั้งที่มีความสามารถขนาดนี้ แล้วแบบ กุว่าจวิ้นอ๋องนางน่าจะแต่งจบได้นะ คือปมเริ่มเฉลยแล้วอะ ว่าจวิ้นอ๋องตัวจริงนางรักกับรัชทายาท แล้วนอ. ก็หลุดมาโลกนี้ทั้งตัวแล้ว มันอีกนิดเดียวก็ขมวดปมได้แล้วอะ ไม่น่าโกงเลย ให้ตาย
เห็นด้วยกับทุกคน สงสารคนจอง แล้วก็สมเพจเวทนาคนแต่ง มีสมองกับฝีมือดีดีแต่ไม่ใช่หากินยาวๆ เพราะชื่อเค้าตอนแรกดังมากนะ ตอ่ยอดเรื่องไหนก็ดัง เผลอๆ อวว คงเอาไปอยู่สังกัด ได้เงินยาว แต่คนโง่และโกงมักจะเห็นเงินก้อนแล้วตาโต ไม่ได้คิดถึงเงินอนาคต
กูก็อ่านนะจวิ้นอ๋องอะ กูว่าตอนสุดท้ายที่ลงมันยังไม่ถึงช่วงจบได้ เพราะดันมีคนเยอะไป กูว่าปมช่วงหลังดูพยายามเกินไปด้วย ตอนแรกๆกูชอบเลยแต่พอหลังๆชักเบื่อ (การแต่งแถไปเรื่อยมันง่ายกว่าคิดตอนจบนะ กูเข้าใจ) กูเลยเดาว่านข.ขี้เกียจแต่งแล้ว รีบให้โอนเอาเงินเชิดหนีเลยดีกว่า แต่เขาทำงี้มาหลายเรื่องจนงงว่า มึงแต่งได้ตั้งยาวมึงไม่มีปัญญาจบทุกเรื่องเลยเหรอว้า.... แต่ถ้าเป็นโรคชอบโกงก็... เออ โดนจับสักทีนึงก็ดีนะ เผื่อจะหาย
จะเม้าตัวคนไปมู้เม้า ทำไมต้องใช้ปนมาสามมู้แล้ววะ
Ky กูอยากรู้ว่าทำไมนักอ่านชอบอ่านตัวเอกแนวแมรี่ซูวะ
>>379 ไม่รู้สิ สต.กูชอบตัวเอกที่ฉลาด หัวไว มีไหวพริบ ไม่ก็ต่อสู้เก่ง แต่ก็อาจมีโอกาสพลาดท่าได้บ้าง แบบถังฟั่นที่ฉลาดๆน่ะ แต่ไม่ชอบเกิดมาก็เก่งเกินไปจนน่าหมั่นไส้แบบพระเอกในมังงะเรื่อง tatoeba last dungeon นะ อ่านแล้วหมั่นไส้ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย ยกเว้นไซตามะนะ รายนี้ตลก5555
ปกติพวกมึงรวมเล่มจะเอากำไรเล่มละเท่าไหร่วะ
>>380 เท่าที่กูเข้าใจ
มู้เม้า เม้านินทาพฤติกรรมคนและสนพ
ชั้นหนังสือ คุยเนื้อหาหนังสือ รูปเล่มหนังสือ การจัดการของแต่ละสนพ
นักเขียน คุยเกี่ยวกับการเขียน เทคนิค ขั้นตอนการพิมพ์และขายของทำมือและคนอ่าน
ซึ่งแต่ละเรื่องมันมีส่วนคาบเกี่ยวกัน ถ้ามันเลยเถิดแล้วมีคนปรามก็จะให้ย้ายไปมู้
กูว่ามู้นี้ไว้เมาท์เทคนิคการเขียน ปัญหานข นอ เทคนิคการขายนิยายของนข 55555 ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ สนพ มาติดต่อเม้ามู้นี้ได้มั๊ยวะ กูงง
มึงว่าการเขียนตลคให้คนอ่าน self-insert ได้ง่ายๆมันดีหรือไม่ดีวะ
Ky แต่งนิยายยังไงให้โดนจีบไปทำซีรี่ย์กันวะ กูอยากรู้
>>403 นอกเรื่องนิดนึงนะ พูดถึง nl กูเคยเปิดเจอเรื่องนึง ค่ายเดียวกับเชงเม้งเลย พระเอกแม่งใส่ชุดไดโนเสาร์ละทำตัวล้นเหมือนเด็กจูนิเบียวจนกูแทบเปลี่ยนช่องไม่ทัน ปัจจุบันไม่ดูละครค่ายนี้อีกเลย ภาพพระเอกอายุวัยเรียนมหาลัยแต่ใส่ชุดมาสคอตไดโนเสาร์เดินไปทั่วยังคงตราตรึงในใจกู ฮือ กลัว
Ky คนอ่านจะซื้อหนังสือก็ต่อเมื่อมีของแถมปะวะ กูควรแถมอะไรนอกจากตอนพิเศษ แล้วตอนพิเศษเยอะแค่ไหนถึงจะดึงดูดวะ
>>398 แล้วแต่สิ่งที่มึงชอบ กลุ่มคนอ่านที่มึงอยากให้อ่าน
การแต่งเซลฟ์อินเซิร์ทมันมีข้อดีตรงที่ถ้าเขียนได้ดีจะทำให้คนอ่านเข้าถึงอินกับอารมณ์ได้ง่าย แต่ถ้าแนวเรื่องมันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนเขียนอะมึง
>>379 กูชอบเพราะขึ้นชื่อว่านิยายตัวละครมันไม่มีทางสมจริง100%อยู่แล้ว ถ้าให้เลือกระหว่างหงุดหงิดรำคาญตัวละครโง่เป็นพิเศษ กูเลือกมองบนตัวละครที่ฉลาดเก่งเป็นพิเศษดีกว่า แต่เขียนแล้วต้องจูงใจให้เชื่อว่าเก่งฉลาดจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าคนรอบข้างพูดฉลาดๆแต่การกระทำโง่ชิบหาย
กูสายอีบุ๊ค ถ้าต้องซื้อเล่มเพราะไม่มีอีบุ๊ค=อยากอ่าน ของพรีเมี่ยมดึงดูดอะไรกูไม่ได้เลย รกบ้าน
กูอยากลองแต่งแนวสืบสวนต้องเริ่มจากตรงไหนวะ
Ky เคยมีใครโดนสนพ มาทาบทามซ้ำบ้างมั้ยวะ แบบตกลงพิมพ์กับสนพ นึงไปแล้วแต่ยังมีสนพ อื่นมาทาบทามเรื่องเดียวกันอีกอ่ะ
Ky เวลาขาย Ebook ผ่าน Meb กับ Ookbee นักเขียนได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ โดนหักค่าธรรมเนียมอะไรเท่าไหร่บ้าง กูอยากลองขายEbook ดู ขอบคุณล่วงหน้านะเพื่อนโม่ง
เวลาสนพ.มาทาบทามเขาขอให้มึงส่งเรื่องไปพิจารณาอีกทีปะ เลยยังไม่ได้อ่านละเอียด อ่านไปหน่อยนึงถ้าโอเคก็บอกให้ส่งต้นฉบับ
กูเคยแต่งแนวสืบสวน แฟนตาซีนะ แต่ไม่มีคนอ่านจริงๆ ตอนนี้เลยเลิกแต่งไปแล้ว 55
ทำไมคนนิยมอ่านแนวแฟนตาซีน้อยกว่าแนวมหาลัยวะ แต่ก่อนแฟนตาซีออกจะบูม สมัยบารามอส เซวีน่าไรงี้ พอมาวันนี้ดับ ขายไม่ออก หาอ่านยากอีก
เบาสมองเขียนง่ายกว่าแฟนตาซีที่ต้องคิดเซ็ตติ้งเยอะ
เบาสมอง/ฟีลกู้ดก็ยากนะ มึงจะแต่งยังไงให้คนอ่านฟีลกู้ด อ่านแล้วยิ้ม พวกที่อ่านแล้วแค่เขินโมเม้นท์พอ-นอกูไม่นับเป็นฟีลกู้ดอะ พวกจับต้องง่ายเรียกนิยายเซตติ้งปจบ.ดีกว่า
แต่ก่อนกูก็อ่านแฟนตาซี/สืบสวนสอบสวนโคตรเยอะ เดี๋ยวนี้กูก็เบื่อแล้ว กูหมดวัยกับแฟนตาซีแล้ว ตอนนั้นที่มันดังอาจเพราะมีแฮรี่พอตเตอร์ช่วยเบิกทางด้วย
Ky กูรู้สึกว่าอัพนิยายวันจันทร์-ศุกร์ คนอ่านเยอะกว่าช่วงเสาร์อาทิตย์ วันอัพมันเกี่ยวกันมั้ยวะ
พูดถึงเรื่องใครแต่งแนวอาชีพหรือวัยทำงานนี่ ถ้าใครไม่หาข้อมูลมานี่คือกูบายเลยจริงๆ นะ โดยเฉพาะเรื่องไหนที่เขียนเกี่ยวกับแพทย์ กูจะเครียดมากเป็นพิเศษไม่ได้จะจับผิดนะแต่เวลาอ่านแล้วมันจะเอ๊ะๆ ใช่เหรอ ไม่มั้ง สุดท้ายก็จะปล่อยเบลอและออกมาห่างๆ ไม่อ่านอีก ขฟขผ ที่ดังๆ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้กูเซ็งมากพอ.เป็นหมอแล้ว ไม่ใช่นศพ. แม่งเทพมากจ้า วิเคราะห์พลาสโมเดียมได้ด้วยตาเปล่า แถมจะเอาท์ดอร์บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล กูไม่รู้นะคนอื่นอาจฟินแต่นศพ.ไม่มีใครฟินแน่ มันร้ายแรงนะเว้ย มันผิดจรรยาบรรณแพทย์ รดส.นี่ก็อีกเรื่อง กูไม่ได้ไปสายนั้นโดยตรงแต่เขาใช้ชื่อยาผิดน่ะเรื่องจริง ข้อมูลผิดแบบผิดๆ ของจริง ของคุณขป.ที่กูตามอยู่เรื่องเกี่ยวกับทะเลกูก็เบลอ เพราะกูบ้านอยู่ทะเลเนี่ยแหละ ถ้าใครเขียนนิยายแล้วอ้างถึงทะเลใต้ควรมีคำใต้บางนะ หรือถ้าแถบตะวันออกก็ต้องมีเอกลักษณ์ ที่พูดมานี่คือจะเขียนนิยายให้เขียนเริ่มที่ตัวเองถนัดก่อน ไม่งั้นก็หาข้อมูลสักนิดนึง. หาเถอะ เดี๋ยวนี้ข้อมูลมันสาธารณะมากขึ้น เสียเวลาสักนิดนึง กูอยากมาตั้งแต่วันก่อนที่พวกมึงคุยกันแต่ไอพีทรูมันโดนแบนสามวันติดแล้ว กูอัดอั้นฉิบหาย จะพิมพ์อะไรในโม่งไม่ได้เลย
ฟีลกู้ดเดี๋ยวนี้ส่วนมากเป็นแนวมหาลัยหมดเลยว่ะ ต้องใครสักคนตามจีบอีกคนประมาณนี้อะ
สมัยก่อนกูเคยอยากเป็นนักเขียนอาชีพนะ แต่เดี๋ยวนี้นักเขียนผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด แต่ละคนก็เก่งชิบหาย ฐานแฟนคลับ 6หมื่นอัพเป็นแสนก็มี สำหรับกูคือแฟนคลับหมื่นกว่าว่าเยอะแล้ว หมวดนิยายวายกูว่าแข่งขันกันรุนแรงกว่าหมวดอื่นนะ เห็นแล้วแม่งท้อ
กูว่าปัญหาตอนนี้คือ นิยายไม่มีคนอ่านว่ะ แม่งพูดแล้วช้ำใจ แต่กูว่ากูคงเขียนไม่ดีพออ่ะ
>>437 ของคนอื่นกูไม่รู้นะ แต่สำหรับกูก็มีส่วนอะ วันธรรมดาจะอ่านตอนหลังเลิกงานอาจจะช่วงรอรถหรือตอนอยู่บนรถ ไม่งั้นก็ตอนก่อนจะนอนน่ะ ส่วนวันหยุดบางทีก็ออกไปเที่ยวบ้างไม่ค่อยได้อ่านหรอกหรือถ้าวันไหนอยู่บ้านก็ทำงานบ้านหาไรทำไปเรื่อยถ้าจะอ่านนิยายก็จะเป็นพวกหนังสือหรือไม่ก็อีบุ๊คมากกว่าแบบยิงยาวไปเลย
>>439 เรื่องอาชีพนี่แม่งก็พูดยาก common sense และจรรยาบรรณอาชีพก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องรายละเอียดการเรียน/ทำงานเนี่ยบางสถาบันแม่งยังไม่หมือนกันเลยเหอะ อย่างหมอเนี่ย (ไม่ได้เกี่ยวกับตัวอย่างที่มึงยกมา แต่ขออธิบายจากความเข้าใจของตัวเองที่รับรู้มา)
ตอน preclinic มีเรียนเป็น block บ้าง เรียนเป็น system บ้าง ขึ้นกับสถาบัน
สถาบันหนึ่ง พอขึ้นปี 4 อ. จะเรียกนศพ. ว่าหมอแล้ว และเวลานศพ.ปี4 คุยกับคนไข้ อ.มักจะบอกว่าควรแทนตัวเองว่าหมอ (ถ้าผู้ชายก็ง่ายหน่อย สามารถใช้ ผมได้ แต่ผู้หญิงไม่ควรใช้หนู) เช่น "สวัสดีค่ะ หมอเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสี่ วันนี้ บลาๆ"
รึการอยู่เวร บางสถาบัน ปี 5แม่งต้องอยู่เวรข้ามคืนแล้ว บางที่ยังอยู่เวรถึงแค่เที่ยงคืน ส่วนปี 6 บางที่ได้เป็นผู้ช่วยมือ 1 ไม่ก็มือ 2 ในการผ่าไส้ติ่งแล้ว บางที่แม่งยังเป็นจิ้งจกเกาะผนังอยู่เลย
เรื่องกาวน์ยาวกาวน์สั้นอีก
ส่วนพวกที่แต่งให้นศพ.ไปกินเหล้าเข้าบาร์ ต่อให้เป็นเรียนแพทย์ชั้น clinic บางวันมันก็ยังพอไปได้เว้ย (แต่จะไปได้ติดๆกันมั้ยนี่กูก็ไม่กล้าฟังธง)
ตอนปีหกไปวนรพ.นอก ก็มีสิทธิ์ทั้งต้องรับเคสเองแล้ว consult สตาฟโดยตรงเลย หรือบางรพ.ที่ไปวนก็มี intern เป็น buffer ก่อน โชคดีกว่านั้นก็มี resident ที่มาวนช่วงนั้นพอดีดูทับให้อีก อาจไม่ต้อง contact กับสตาฟแม้จะเป็นเวลานอกราชการก็ได้
ส่วนตัวอย่างที่มึงยกมา plasmodium ที่มึงพูดนี่คือ พวก vivax หรือ falciparum ถ้า Dx ตาเปล่าได้แม่งก็เวอร์จริง (หมายถึงใช้ตาเปล่ามอง slide เฉยๆ) แต่ถ้าอาศัยประวัติโดยเฉพาะประวัติการเดินทาง อาการทางคลินิก ตรวจร่างกาย แล้วขอ slide blood smear มาดูใต้ light microscopy มองหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเจอ มันก็อาจเป็นไปได้ แต่โอกาสก็น้อยอะนะ ถ้าสงสัยมาลาเรียจริงแม่งส่ง thick film แล้วรอห้องแลปรายงานผลมาจะง่ายกว่ามาก
กูออยากระบาย กูไม่เข้าใจว่าทำไมคนอ่านด่านักเขียนได้ แต่คนเขียนด่ากลับไม่ได้ บางทีคนเขียนก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนรึป่าววะ เจอคนตบหน้าจะให้กูยืนยิ้มงั้นเหรอ บางคนอ้างว่าวิจารณ์ แต่ด่าว่านิยายห่าเหวอะไร ตัวละครนิสัยทุเรศมาก อันนี้เนี่ยนะเรียกวิจารณ์? มึงเข้าใจอะไรผิดเปล่าวะ
>>452 คนอ่านก็เหมือนลูกค้า คนเขียนก็คือแม่ค้า พิจารณาเอาว่าสมควรตอบโต้หรือไม่ ถ้าคิดว่าเป็นแค่พวกเกรียนผ่านมา แต่ถ้าแม่ค้าลงไปโต้วาทีกับลูกค้า คนผ่านไปมาจะเข้าร้านมั้ย
กูคิดง่ายๆแบบนี่หละ ถ้าบล็อคได้มึงก็บล็อคก็ลบความคิดเห็นไปก็ได้ ไม่ก็ดูคำชมไรงี้ ถ้าคนอ่านคอมเม้นแบบที่มึงว่ามากูว่าแม่งเกรียนคีย์บอร์ดหาเรื่องชัดๆไร้มารยาทสิ้นดี
>>456 กูเคยเห็นบางเรื่องนักอ่านด่านิสัยพระเอก ใจอ่อนขี้สงสาร ให้เปลี่ยนตัวพระเอกไรงี้ แต่นักเขียนก็มาตอบเม้นชี้แจ้งอธิบายที่มาที่ไปไรงี้นะ แต่ถ้าพวกเกรียนคีย์บอร์ด กูแนะนำให้มึงเบลอทิ้งไป เสมือนว่าไม่เคยมีคอมเม้นนั้นมาก่อน บางทีจะไปตอบกลับแรงๆ นักอ่านที่ดีๆ คนอื่นมาเห็นคอมเม้นมึงอาจตกใจได้ สมัยก่อนกูแต่งแนวจิ้นวายอ่ะ เคยเจอเกรียนมาเม้นแบบมนต์รักฟักทองบด กูโมโหนะตอนนั้น แต่ก็เลือกเมินทิ้งอ่ะ สักพักพวกเกรียนก็ค่อยๆ หายไปเอง
มึงต้องทำใจนะเขียนนิยายไม่ต่างจากมึงเป็นดารามึงต้องทนแรงกดดันให้ได้ ถ้าไม่ได้มึงจะแพ้ นอยด์ หมดกำลังใจเขียน เป็นไปได้ก็อย่าไปโต้เถียงกับนักอ่านเลย กูเข้าใจความหงุดหงิด ไม่พอใจ โมโหนั่นดี แต่ถ้ามึงไปทะเลาะกับเขา คนที่อ่านนิยายมึงคนอื่นที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเข้ามาอ่านดีๆ อาจเกลียดมึงแล้วพานไม่อ่านนิยายมึงอีก เคยไหม มึงไม่รู้จักคนๆ นั้นมาก่อน แต่เห็นเขาแสดงกิริยาที่มึงไม่ชอบ มึงก็เลยไม่ชอบเขา นี่ก็เหมือนกัน นักอ่านไม่รู้จักมึงมาก่อน ถ้ามึงแสดงอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ออกไป มีแต่เสียกับเสียเข้าตัวมึงเอง มึงหาใครไประบายก็ได้ แต่อย่าออกสาธาณะถ้ามึงยังอยากเป็นนักเขียนที่ดีในสายตานักอ่านหรืออยากให้มีคนติดตามมึงต่อไป พูดง่ายๆ มึงควรปล่อยเบลอ มองข้ามความคิดเห็นลบๆ นั่นไป หรือถ้ามึงอยากตอบกลับจริงๆ ให้มาคิดในตอนที่ใจเย็นแล้ว คิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน แล้วคิดด้วยว่าจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่าค่อยปล่อยข้อความตอบกลับนั้นออกไปยังที่สาธารณะ
Ky ตั้งราคาขายหนังสือกันยังไงวะ? แบบ 300 หน้ากูควรขายเท่าไหร่
ถ้าแบบไม่โดนด่าก็ 300 บาทเท่าจำนวนหน้า แต่ขึ้นกับไซส์ ทุน รูปประกอบ ต่างๆ ต่อให้ดูสมเหตุสมผลแต่ถ้าเปิดมามึงจัดหน้าห่างมาก ระยะบรรทัดยาวเป็นวา มึงก็จะโดนยี้อีกหาว่าจัดหน้ากินตังค์อีก
>>460 ถ้ามึงจะตั้งต่ำกว่า 300 กูว่า 299 ก็โอเคนะ ขึ้นต้นด้วยเลข 2 อยู่ดี ลดไปบาทนึง แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
แต่ปกติ 300 หน้ากูขายสามร้อยกว่าบาทอะ (กูทำมือ)
ึครั้งแรกกูตั้งต่ำมาก จนแบบเกือบเข้าเนื้ออีเหี้ย ตกใจเลย ค่าแพค ค่าบั้บเบิ้ล ค่าไปร ค่าปก ทุกอย่างคือเงิน
ช่วงนี้นิยายวายราคาพุ่งมากๆ แต่ก่อนสายทำมือจะแพงกว่าออกกับสนพ. เดี๋ยวนี้สนพ.ขายกันแพงขึ้น แต่ยอดจองก็ยังเยอะ กูสายทำมือนะ กูคงไม่คิดราคาแพงพรวดๆหรอก แต่บางทีก็แอบซึมแบบกูทำทุกอย่างคนเดียวพิมพ์ก็น้อย กูอยากคิดแพงบ้างงง แต่กลัวขายไม่ออก ปล.กูแค่มาบ่น
>>467 กูเห็นด้วย 299 ยังโอเค สามร้อยหน้า สำหรับกูหน้าละบาทกำลังดี แต่ 299 มันดูถูกกว่านิดนึง 5555
คือเมิงจะตั้งเเพงกว่าก็ได้ ถ้าจะเอากำไร แต่คงได้แค่เฉพาะคนอ่านของเมิงเอง แต่สำหรับคนที่เห็นผ่านๆ ถ้าจะซือโดยไม่อ่านนี่ชั่งใจ แต่ถ้าไม่เกินสามร้อยยังแบบ ถ้าปกสวยถูกใจ เรื่องย่อโอเคกูก็โอนเลยนะ
>>466 กอดมึง กูเข้าใจว่ะ
ทำมือค่าจิปาถะมันเยอะมาก ยอดพิมพ์ก็น้อยต้นทุนมันสูงแต่พอขายแพงก็บ่นว่าแพง จะทำเสมอตัวเท่ายอดจองก็ต้องเผื่อเคลมเผื่อคัด ทำเผื่อเยอะก็ขายไม่ออกเพราะไม่มีพรีเมียมไปอีก บอกค่าส่งแพงจะเอาห่อหนาๆจะเอากล่องไดคัท คนที่ยอมจ่ายเพิ่มน่ะมีแต่ส่วนมากจะไม่ บางทีกูก็ท้อว่ะ
กูคนที่ถามเรื่องตั้งราคานะ ขอบคุณเพื่อนโม่งทุกคน ค่าปกก็แพงว่ะดันไปสั่งวาด ทำเองนี่เนอะ อยากได้ปกให้ลูกสวยๆ ไม่รู้ว่าจะรอดมั้ย แต่เอาว่ะ มีปกแล้วก็ลองดู ห้าสิบเล่มกูก็ดีใจตายแล้ว
พวกมึงจ้างวาดปกกันมั้ย จ้างเท่าไหร่กันวะ
ปกฉงกงนี่เท่าไหร่วะ เดี๋ยวน้ี้ฮิตกันจัง
ถ้านักวาดไทย ทักไปถามเลยโดยตรงน่าจะเวิร์คสุด กูเคยถามๆมา ไม่เกินห้าพัน แต่ส่วนมากก็ไม่ต่ำกว่าสองพันมั้ง อันนี้คือดูจากแนวที่กูชอบนะ ชื่อเสียงไม่ได้ดังมาก แต่นักวาดไทยดังๆๆ คิดแพงกว่านี้มากก็มี ดูราคาในคอมมิชชั่นได้เลยเวลาเค้าเปิดอะ
>>471 ขอบคุณเพื่อนโม่ง กูลองถามๆ มาสามสี่ละ
>>472 ของกูที่จ้างวาด 2,500 นักวาดมึงลองส่องๆ ตามปกสนพ. เลย ชอบคนไหนหาเพจ หาทวิตแล้วทักไปถามเลยว่าตอนนี้รับคอมมิชชั่นไหม ถ้ารับปกนิยายทำมือคิดราคายังไง ขึ้นกับความละเอียดด้วย บางคนมี เพิ่มราคาถ้าเพิ่มตัวละครเข้าไปในปกด้วย ที่กูถามๆ มาก็จะราคา 2 พัน++ ทุกคนว่ะ
ภาพประกอบขาวดำล่ะ อยากใส่แต่กลัวงบบาน ถ้าใส่รูปเดียวก็แปลกๆ อีก
ขาวดำถูกกว่าสีประมาณครึ่งๆ แต่ถ้ามีฉากด้วยส่วนใหญ่ก็จะเพิ่มราคาฉากไป คอมมิชชั่นส่วนมากจะคิดแยกเช่น ตัวละคร(*จำนวนตัว) ฉาก สี/ขาวดำ อะไรแบบนี้ ถ้าเป็นจิบิก็จะถูกกว่าสเกลปกติ แต่ยังมีเรทย่อยๆแยกลงไปอีกหลายอย่างยุบยับ ทางที่ดีคือถามนว.ที่เราอยากจ้างโดยตรงดีที่สุด ส่วนมากก็ถามได้แหละ เขาไม่เหวี่ยงหรอก
อยากจ้างวาด แต่กลัวไม่ถึง 50 เล่มนี่ดิ
>>489 ลองเปิดพรีดูก่อน ถ้ายอดถึงมึงอาจจะบอกว่ามีเซอร์พร้ายยย แถมรูปประกอบ 1 รูปในเล่มเพราะยอดถึง แต่ปัญหาคือเวลาของนักวาดว่าเขาว่างทำไหม คิวได้ไหม หรือมึงจะโดนเทไหม(โดนนว.เทก็มีนะมึง55555)ถ้าระยะเวลาไม่ได้หมายความว่ามึงต้องส่งพิมพ์เลทโดนคนอ่านด่าไป ยกเว้นจะแจ้งในเงื่อนไขสั่งจองไปเลยอ่ะว่าระยะเวลาทำคือเท่าไหร่ถ้าได้ทำภาพประกอบก็อาจจะช้าไปอีกไรงี้อันนี้ยกตัวอย่างนะ
กูว่าปกแบบมีแต่ตัวอักษรหรือใช้ภาพวิวไปเลยก็สวยนะ ถ้าทำอาร์ตๆกูว่าสวยกว่าปกภาพคนอีก กูเคยทำปกแบบไม่มีรูปการ์ตูน ใช้รูปถ่าย ประหยัดงบกูมากกกกก
Ky เห็นช่วงนี้ นข หลายคนบ่นว่าคนอ่านไม่ค่อยเม้น กูอยากรู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้นักอ่านไม่ค่อยเม้นวะ
>>494 ตอบในฐานะนักอ่านคนนึงล่ะกัน กูไม่ชอบหวีดต่อที่สาธารณะ กูไม่รู้จะเม้นอะไร กูเป็นคนหน้าบางสมมติถ้ากูเม้นอะไรๆไปแล้วไร้การตอบกลับกูมักจะรู้สึกว่าเขาอาจจะเมืนเม้นกูไรงี้ อย่างน้อยมีกดเลิฟกดติ๊กเกอร์ทักทายกันบ้างก็โอเค ส่วนมากกูชอบกดเลิฟกดแชร์อะไรๆแบบนี้มากกว่าการเม้นล่ะนะ ไม่รู้จะเม้นไรเวลาอ่าน ฟิคก็ด้วย อ่านฟินๆอต่จะให้หวีดด้ยกูก็หน้าบาง
Ky กูถามในนี้ถูกมั้ยวะ คือกำลังเริ่มอ่านเรื่องร้อยเล่ห์ร้าย พันชาติรักอยู่แล้วกูมาสะดุดตรงคาร์นายเอกตั้งแต่บทแรกเลย ผู้ชายสวยคม ผมยาว ทำเปียสองข้าง นี่กูนึกอิมเมจไม่ออกจริงๆ คือผู้ชายกับสวยคมกูยังเข้าใจนะ แต่ผู้ชายกับเปียสองข้าง หรือสวยคมกับเปียสองข้างกูนึกไม่ออกว่ะ คาใจจนอ่านต่อไม่ได้ ช่วยกูที เบิกเนตรกูหน่อยกูอยากอ่านต่อแล้ว โฮ
>>496 เหมือนกู เวลาเห็นนักเขียนตอบทุกเม้นกูก็จะแบบ อยากเม้นบ้างให้กำลังใจไรงี้ แต่กูก็เข้าใจนักเขียนอะถ้าเกิดมีเป็นพันเม้นงี้ ตอบกลับไม่ไหวหรอก แต่ถ้ามีแค่10-20เม้นก็ จิ้มๆติ๊กเกอร์ทักกันหน่อยก็ได้ กดไลค์ให้กูนิดนึงว่า เอ่อ เห็นแล้วนะจ๊ะ แอบมองเธออยู่นะ
>>498 ทวินเทลเปียไงมึง แบบ ฮิปเตอร์อ่ะมึงไปเสิร์ชหาดูในอากู๋สิ
ถ้า สนพ มาติดต่อแล้วกูขอดูสัญญาฉบับจริงได้ป่าววะ
เพิ่มอีกนิด กูเคยอ่านในห้องเม้าท์ว่าถ้ายีงไม่เซ็นสัญญาจะยังไม่มีผลอะไร
กูขอแทรก สัญญาใจมีมานานแล้วเหรอวะ ? กูเข้าใจมาตลอดว่านักเขียนดูสัญญาแล้วแล้ว สนพ เริ่มทำงานได้ จับรูปเล่ม อีดิท แล้วพูดปากเปล่าไปก่อนค่อยเซ็นทีหลังจะโอเคเหรอวะ
>>508 สัญญามีผลตอนเซ็น เพราะงั้นส่วนใหญ่สนพ จะให้นข เซ็นตอนหนังสือพิมพ์เสร็จ ไม่ก็ตอนเริ่มพิมพ์อ่ะ ถ้าสมมติสนพ มาขอซื้อนิยายมึง ประกาศลงหน้าลงเว็บสนพกับหน้านิยายที่ขึ้นชื่อสนพคู่กับชื่อเรื่องนิยายอ่ะ อย่าง ฟฉ ซบ คว คือนข ยังไม่ได้เซ็นทั้งนั้น จะเซ็นก็ตอนพิมพ์นิยายโน่น
อยากทำให้งานเขียนเป็นที่น่าจดจำอ่ะ
>>510 กูใช้วิธีใครตั้งใจ นอกจากงานแล้วห้ามทำอยา่างอื่นนอกจากคิดพล๊อตกับเขียน ถ้าจำเป็นต้องทำกิจกรรมอื่น ทำเฉพาะกิจกรรมที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้นิยายของมึงเท่านั้น
ต้องมีวินัย ห้ามเปิดเรื่องใหม่ ห้ามดอง ตันก็ต้องเขียน เขียนไปเรื่อย ๆ แล้วก็ห้ามลอกเด็ดขาด แรงบันดาลใจเอามาได้ แต่ต้องทำยังไงก็ได้ไม่ให้คนอ่านรู้ ถ้าเหี้ยก็เขวี้ยงทิ้งแล้วเขียนไปเรื่อย ๆ ต้องถึกเท่านั้น ต้องมีเส้นตายให้ตัวเอง และเขียนออกมาไม่ได้ ห้ามเอาเวลาไปบ่นขึ้นทวิตหรือเฟสว่าตัน เขียนไม่ออก เสียเวลา เขียนไปเรื่อย ๆ ถ้าเรื่องนี้ไม่ปัง ก็เขียนจนจบแล้วค่อยหาแรงบันดาลใจเขียนเรื่องใหม่
กูทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าประทับใจคนอ่านรึเปล่า แต่ผลตอบรับเป็นที่พอใจสำหรับกู
มึงกูกำลังท้อ นิยายคนอ่านน้อย คนเม้นก็น้อย กูควรทำไงดี
Ky เพื่อนโม่ง คำว่า กาว สำหรับพวกมึงคืออะไรอ่ะ นิยายที่อ่านแล้วตลกแบบนี้ป่ะ
สำหรับกูกาวที่ใช้กับนิยายมันเป็นไปในทางบวกนะ กูอ่านนิยายกาวแล้วมันสนุกตรงที่ขำว่าตัวละครมันเพ้อเจ้อได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ บ้าได้สุดทางมาก ถ้าบ้ามโนเพ้อเจ้อแล้วไม่ตลกอาจโดนคนบ่นเรื่องไม่สมเหตุสมผลแทน
Ky เพื่อนโม่ง ช้ำยิ่งกว่าคอมเม้นน้อยก็ยอดเฟบที่ลดลงเนี่ยแหละ กูเพิ่งอัพนิยายไป ยอดเฟบเพิ่มขึ้นนิดนึง แล้วลดลงสองสามนิดว่ะ ซ้ำใจชิบหาย TT
แล้วแต่คนใช้ ส่วนมากกูใช้ทางบวก อย่างตอนเล่นเกมNierกูก็สบถว่าเกมอะไรวะ กาวชิบหาย
กูชมนะ เพราะเนื้อเรื่องเกมล้ำมากๆ และมีโอกาสที่โลกเราจะเป็นในทางนั้นได้จริงๆ สำหรับกูไม่จำเป็นต้องใช้ชมว่าตลก แต่เป็นของที่เนื้อเรื่องล้ำยุคไปไกลมากจนต้องสบถว่ากาวมาก คิดได้ไงวะ
Ky กูรู้สึกว่าอาชีพนข เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ นะ สมัยก่อนกูเคยเป็นอยู่พักนึง เลยหายหน้าหายตาออกไปจากวงการนข พอรักษาหายแล้วเลยกลับเข้ามาใหม่ สรุปว่าอาการเหมือนจะวนกลับมา ไม่ได้ซึมเศร้าขนาดเมื่อก่อนนะ แต่รู้สึกเครียดกดดัน กลัวส่งต้นฉบับไม่ทันเดดไลน์ คือช่วงหลังแม่งเครียดจนไมเกรนขึ้นเลยว่ะ บางทีอาชีพนี้คงไม่เหมาะกับกูจริงๆ TT
ky มึง ๆ มึงเคยเจอคนอ่านเอานิยายนักเขียนคนอื่นมาแนะนำให้มึงอ่านป่ะ มาชวนหวีด มึงรู้สึกยังไงกัน
กู 528 ตั้งใจ dm มาเลยนะมึง จริงจังชห.
>>528 เอิ่มมม ... อันนี้กูไม่รู้เขาคิดอะไรนะ แต่สำหรับกู กูมีเพื่อนนข.ที่สนิทแบบสนิทททท คุยกันทุกวันยันทุกเรื่องเรียกว่าเพื่อนแล้วอ่ะ ถึงขั้นตบตีเรียกสติได้แต่กูไม่เคยเอานิยายของคนอื่น(ย้ำคนอื่นในแนวที่เขาเขียน)ไปนำเสนอกับเขา หรือชวนเขาหวีด ยกเว้นเขาจะถามก่อนว่าเรื่องxxxอ่านไหม เป็นไงอะไรงี้อ่ะ แต่ตามปกติกูไม่ค่อยหวีดอ่ะนะ
>>513 กูก็ใช้วิธีนี้นะ ถ้าท้อหรือตัน นิยายไม่ปังก็เขียนให้จบ คนอ่านน้อยหรือเม้นน้อยก็อัปจนจบแล้วก้เปิดเรื่องใหม่ต่อ หาแรงบันดาลใจ กูไม่ค่อยบ่นในเพจตัวเองอะ มันเหมือนเป็นพลังลบกันนักอ่านป่าววะ? เลยตั้งใจแต่งนิยายอย่าวเดียว นอยนิดหน่อย หายไปสักพักหาเวลาฮีลตัวเอง แต่งนิยายจนจบ แต่หลังจากนั้นก็จะเหนื่อยมากๆเหมือนเราใช้พลังทุ่มไปกับมันเยอะมากๆอะ มีบางเรื่องที่โคตรตั้งใจแต่ง มีนักอ่านขาประจำคอยคอมเม้นตลอด กูก็โอเคแล้ว ดีกว่าไม่มีเลย แต่อย่างว่า ขนาดรวมเล่มแล้วเม้นกูยังไม่ถึงสองสามร้อยเลย
Ky แต่งนิยายยังไงให้ตัวละครดูมีมิติน่าดึงดูดคนอ่านวะ คือกูเพิ่งหันมาเริ่มเขียนนิยายรัก แต่ก่อนเขียนแต่แฟนตาซี บู๊ แอคชั่น พอมาจับแนวนี้รู้สึกตัวละครที่กูเขียนออกมามันแบนๆ ไม่ค่อยมีมิติเลยว่ะ คือพระเอกจืดจางแทบไม่มีบท ปล่อยนายเอกออกผจญภัยตามหาสหายร่วมรบอยู่คนเดียว แม่ง 55555
Ky การที่นักอ่านประจำค่อยๆ หายไปแต่ได้นักอ่านหน้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาแทน บอกอะไรเกี่ยวกับนิยายที่เราแต่งได้บ้างวะ
Ky พวกมึงรู้จักนักเขียนสายวายกันบ้างปะวะ กูไม่รู้จักใครเลยว่ะ
>>553 กอดๆ มึงด้วยนะ กูก็คิดเหมือนความเห็นบนๆ ว่าเรื่องต่อๆ ไปจะแต่งให้จบแล้วลงทีเดียว ลงไปแต่งไป มันทำให้อยากรู้ฟีดแบก อยากนั่นนี่ คาดหวังแล้วมันไม่ได้กลับมาก็จะนอยด์อีก แล้วกูเป็นนักอ่านด้วยพอเห็นนักเขียนแบบที่เริ่มพร้อมกูแต่แบบก้าวไกลแล้ว กูแบบก็มีท้อและหาอะไรฮีลตัวเอง วนลูปไปแบบนี้เพราะยังอยากเขียนนิยายอยู่
ในฐานะนักอ่านกูเคยอ่านงานคนนึง มีเฟบ5คนและมีกูเมนต์คนเดียว อห ยังกะกูจ่ายคอมมิชชันนิยายเค้ามาถถถถ
ตอนนี้กูก็แต่งคนเดียวอ่านคนเดียว กะว่าจบก่อนค่อยลงเว็บ ไม่รู้ฟีดแบคไรทั้งสิ้น กูอยากรู้ว่าเรื่องที่แต่งเป็นยังไง กูคิดจะลงเว็บให้อ่าน แต่เกิดความกลัว ถ้ามีคนมาด่าตัวละครกู มาเม้นท์ทำนองอ่านไม่แตกสักแต่ด่า กูคงนอยด์หมดกำลังใจแต่งต่อแหงๆ แต่ถ้ามาติถึงจุดผิดพลาดที่กูลืม หรือมันย้อนแย้งอะไร ให้กูสามารถแก้ไขได้ในภายหลัง หรือบอกคำผิดจะดีมากๆ ถ้าตัวละครทำไม่ถูกใจอย่างที่ต้องการแล้วเกรี้ยวกราดใส่นักเขียน กูเคยเขียนมาสองเรื่องแล้ว เจอทำนองนี้แหละ ห่อเหี่ยวเลย
จริงๆนะความท้อแท้นี่แม่งไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งมองคนอื่นยิ่งท้อ กูก็พยายามไม่มองคนอื่น แต่มีบางคนเริ่มหลังกู ตอนนี้ได้เป็นซีรีส์แล้วงี้ มันก็แบบเออ อดท้อไม่ได้หน่อยๆ 555555
ถ้าพล็อตมึงโหลมากๆจนมึงคิดว่าคงมีคนเขียนไปแล้ว และมันก็จะซ้ำกับนิยายหรือหนังซักเรื่องก็ได้ มึงจะเขียนกันต่อมั้ย
KY นิดนึง ขอให้ความเห็นในฐานะที่เป็นนักอ่านสายเงียบ เมื่อก่อนกูก็เป็นนักอ่านเงานะ คือกูเป็นคนขี้อาย พูดไม่เก่ง คุยไม่เก่งเลยไม่ค่อยกล้าคอมเมนต์อะไรเท่าไหร่ จะเน้นกดไลค์กดโหวตอะไรแบบนี้ให้มากกว่า บางทีเจอ นข. ตั้งใจตอบเมนต์หรือกูเห็นว่าเรื่องไหนเขียนดีมากแต่คอมเมนท์น้อยกูก็จะพยายามเมนต์บ่อยๆนะ แต่เรื่องไหนคนเมนต์เยอะแล้วกูก็จะกลับไปกดไลค์เงียบๆตามเดิม บางทีกูเห็นจุดอยากติกูก็เกรงใจไม่กล้าบอกกลัวคนเขียนรู้สึกไม่ดีหรือโกรธอะ (เคยเห็น นข. บางคนโดนทักเรื่องคำผิดแล้วโกรธ) ส่วนใหญ่กูจะเมนต์แซวตัวละครบ้าง พูดถึงเนื้อเรื่องในตอนบ้าง เดาล่วงหน้าบ้าง คุยกับ นข. บ้าง พูดถึงส่วน Talk ท้ายตอนบ้าง แต่ไม่ได้ลามปามหรือหยาบคายนะ กูไม่ชอบเมนต์ประโยคโหลๆเพราะดูไม่ค่อยตั้งใจเมนต์ แต่มีบางครั้งกูเคยเมนต์ตามแบบปกติของกูแล้วโดน นข. ตอบเหมือนไม่พอใจหรือเหวี่ยงใส่อะ ทำกูเหวอ เคว้ง ไปพักใหญ่ๆ ว่าสไตล์การเมนต์ของกูมันผิดอะไรหรอ (นข. คนนั้นกูเคยไปเมนต์หลายรอบจนรู้สึกผูกพันธ์เลยช็อคเป็นพิเศษ) จนกูอยากเปลี่ยนไปเมนต์ประโยคโหลๆหรือกลับไปเป็นนักอ่านเงาเลย หรือบางทีเจอ นข. ตอบเกือบทุกเมนต์เว้นของกูกับอีกสองสามคน แม้แต่เมนต์ประโยคธรรมดาไม่มีประเด็นอะไรเขาก็ตอบแล้วกูก็น้อยใจเหมือนกันแต่กูก็พยายามคิดว่าเขาอาจจะเบลอไม่เห็นเมนต์กูเลยอ่านข้ามไป (คนเมนต์ประมาณสิบกว่าคน) อีกกรณีที่กูชอบเมนต์ให้คือแบบ นข. อ้อนขอเมนต์ขอกำลังใจไรงี้อะ (ไม่ใช่บังคับเมนต์หรือขู่ว่าเมนต์ไม่ถึงไม่อัพไรงี้นะ) กูจะพยายามเมนต์ให้เหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่คนอ่านลดในความเห็นกูมีแบบ ไม่ว่างหรือเวลาว่างน้อยลง ย้ายด้อม (กรณีแฟนฟิค) เปลี่ยนความสนใจ (เลิกอ่านแนวนี้ไปอ่านอีกแนวแทน) ดองนานจนลืม หยุดอ่านไปพักนึงหรือรอตอนใหม่แล้วกลับมาหานิยายมึงไม่เจอ/จำชื่อไม่ได้ (กรณีที่ไม่มีหรือได้กดแจ้งเตือนอัพนิยายไว้อันนี้ อาจจะดูเด๋อจัดแต่กูเคย หลายๆเว็บที่ไม่ได้บังคับสมัครกูชอบไม่สมัครแล้วเจอปัญหานี้ ไม่ก็พวกแต่งในทวิตบางทีอ่านค้างไว้แล้วชอบหาไม่เจอ บางทีก็อ่านเยอะเกินจนลืมว่าอ่านอะไรค้างไว้บ้างจนกว่าจะมีอะไรกระตุ้นความจำ) บางทีก็เจอแบบอ่านเรื่องย่อหรือคำโปรแล้วเป็นแบบนึง เนื้อในเป็นอีกแบบ กูจะลองอ่านไปพักนึงว่าจะเป็นแบบไหน (เผื่อปูเรื่องนาน) ถ้าสุดท้ายไม่ตรงปกหรือไม่ใช่แบบที่กูโอเคกูก็ไม่อ่านต่อ บางทีก็เจอแบบแต่งๆไปแล้ว นข. เปลี่ยนแนวจากที่เขียนตอนแรก (เคยเจอแบบตอนแรกแนวมหาลัย ไปๆมาๆบอกตัวเอกเป็นมาเฟียมหาลัยอะไรไม่ไปละก็ ออๆ โอเคๆ ไปๆมาๆ โยนเรื่องมาเฟียทิ้งไปจู่ๆลากไปโอเมก้าเวิร์ส โอเค 5555 กูไปละ) บางทีก็อ่านแล้วไม่ตรงความคาดหวังก็เลยดรอปก็มี
อีกเรื่องทีกูอยากแนะนำคือบางเรื่องกูเห็นแต่งดีนะ แต่คนอ่านน้อยจนน่าเสียดาย บางทีเพราะชื่อเรื่องเสิร์จยาก ไม่ตรงคีย์เวิร์ดที่คนจะเสิร์จ ทำให้คนหานิยายไม่เจอ ไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้ ชื่อเรื่องไม่สะดุดตาหรือน่าสนใจ คำโปรยไม่ดึงดูดหรือบางทีอธิบายน้อยไปจนคนไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไงแล้วไม่เสี่ยงอ่าน บางทีเจอแบบกั๊กๆไม่ยอมบอกคู่ก็ไม่กล้าอ่านนะ (กรณีแฟนฟิค) กลัวหลงอ่านไปแล้วเป็นคู่ที่กูไม่ชอบหรือสลับโพ (บางทีเคยเจอจั่วหัวว่า AxB แต่คนเขียนพูดจา+สไตล์การเขียนดูไปทาง BxA กูก็ไม่กล้าอ่านต่อนะ กลัวอ่านๆแล้วคนเขียนสลับโพดื้อๆหรือเขียนจั่วโพผิดแต่แรก)
ป.ล. เดี๋ยวนี้กูเจอนิยายเขียนคำผิดเยอะบ่อยมาก บางจุดก็ใช้คำผิดความหมายจนดูตลกไปเลย จนกูสงสัยว่าสมัยนี้เขาเขียนคำผิดเยอะแบบนี้กันเป็นปกติแล้วหรอ แม้แต่คำง่ายๆแบบ ฝัน กูเห็นเขียนเป็น ฝรร บ่อยมาก เจอฝรรดีนะหลายเรื่องจนกูหลอนว่าที่ผ่านมากูจำผิดเองรึเปล่าวะ บางทีฉากกำลังซึ้งกูเจอแบบ รุก(ลุก)ขึ้นเถอะครับ พอนึกความหมายตามคำแล้วคิลมู้ดมาก บางทีเจอประโยคที่ตามเรื่องควรจะเป็นความหมาย + แต่ดันเลือกใช้คำความหมายใกล้เคียงกันที่เป็น - แทนแล้วอารมณ์เปลี่ยนคนละโยชน์ก็มี บางทีกูก็อยากทักนักเขียนนะแต่ไม่กล้า กลัวเขาโกรธ กลัวเขาน้อยใจ กลัวโดนหาว่าเรื่องมาก orz
อาจจะเมนต์ยาวไปหน่อย ไม่รู้จะมีประโยชน์กับพวกมึงบ้างรึเปล่า ถ้าเว้นวรรคอ่านยากไปหน่อยก็ขอโทษด้วย ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคน จากสายเสพย์นิยาย
>>562 เขียน นิยายพล็อตซ้ำมีนับไม่ถ้วนว่ะ ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเขียนแหละว่าจะทำให้มันเด่นออกมาในแบบของตัวเองได้มั้ย แต่งานนี้ถ้ามือไม่ถึงมันจะดูมีกลิ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด ตัวอย่างก็หลายเรื่องที่เม้าท์ ๆ กันแหละมึง กูก็กำลังนึกอยากเขียนพล็อตยอดนิยมแต่โคตรพ่อโคตรแม่ซ้ำอยู่เหมือนกัน
>>562 ถึงจะโหลแค่ไหนแต่ถ้ามึงเขียนดึงดูดพอก็ยังมีคนอ่านอยู่นะ ทุกวันนี้มีหลายแนวที่โหลมากแต่คนก็ยังอ่านกันอยู่ ถ้ามึงไม่คิดมากเรื่องนี้ก็เขียนเถอะ เอาที่ชอบเอาที่อยาก เรื่องซ้ำมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วโลกนี้มีนิยาย หนัง การ์ตูนเป็นล้านเรื่องมันก็เลี่ยงยาก ถ้าไม่ได้ตั้งใจก๊อปก็ไม่เป็นไรหรอก
กูพิมพ์ผิดเยอะเหมือนกัน แต่ไม่กลับไปแก้อะ จะแก้แค่ในเวิร์ด
ไม่รู้เยอะของมึงคือแค่ไหนแต่ที่กูเจอคือผิดเกือบทุกบรรทัด ผิดเกินครึ่งเรื่อง บางทีก็ผิดอย่างน้อยหนึ่งจุดในทุกสองสามประโยค ถ้าคำตัวอักษรใกล้กันหรือไม่ใช่คำเบสิกพอเข้าใจนะ แต่บางทีผิดคำที่เจอบ่อยในชีวิตประจำวันคำเดิมทุกจุดเหมือนเขาเข้าใจว่ามันเขียนแบบนั้นอะ แต่กูไม่กล้าทัก
กูขอคุณคนสร้างมู้นี้นะ กูเข้ามาแล้วกูสบายใจว่ะ รู้สึกมีเพื่อน ไม่ใช่แค่กูที่จิตตก นอยด์ แล้วก็ทำอะไรตามลำพังอยู่คนเดียว ฝันดีนะพวกมึง
ขอบคุณด้วย ตอนแรกกูเสนอให้ตั้งมู้ก็กังวลว่ามันจะร้างรึเปล่า ไม่คิดว่ามู้จะแล่นขนาดนี้
กูเจอแต่ หน้าเกียจ น่าเกียจ ขี้เกลียด หน้ารังเกลียด เกลียดคร้าน เกียจกลัว หน้ารีก น่าด้านอะไรของมึงวะคะ 555555
กูนี่กรอกตาจนตากูจะเป็นอินฟินิตี้แล้ว แก้จนขี้เกียจแก้ บางทีมีเถียงกลับด้วยว่าเขียนถูกแล้ว อิผี ถ่ายหน้าพจนานุกรมไปแปะค่ะ // แล้วก็โดนลบเม้นต์ ถถถถถถ
จนกูเลิกเม้นต์ไปชาติเศษได้แล้ว หมดกำลังใจจะเม้นต์
กูอยากตอบเม้นทุกคนนะ แต่คนคอมเม้นเยอะมาก ตอนๆ หนึ่งไม่รู้กูจะตอบกลับยังไงให้หมด
นิยายที่กูเขียนเล่นๆ....เสือกดังกว่าเรื่องที่กูทุ่มเทคอสโม่แต่ง เศร้าจังโว้ยอีเหี้ย
ถ้าใครไปเปิดกรุ๊ปนข.นิยายวายมาเรียกกูนะ กูจะตามไป อบอุ่นชิบหาย วงเล็บว่าศาลาคนเศร้านะมึง
ไอ้มู้เนียนขายของแบบนี้กล้าตั้งมาได้ไงวะ แม่ค้าชักเอาใหญ่ละ
แจ้งแอดมินเลยดีมั้ยเนี่ย
KY พวกมึงมีเพจเฟสบุ้คกันปะ แบบกูกำลังจะทำเพจมั้ง แต่ว่าแบบกูไม่อยากให้คนอ่านรู้เฟสบุ้คส่วนตัวกูอะ แบบคนอ่านจะรู้ปะถ้ากูใช้เฟสบุ้คส่วนตัวสร้างเพจอะ มันจะเห็นชื่อคนสร้างปะวะ
ปรึกษาปัญหาเหี้ยไร มีแต่เนียนโปรโมทงานตัวเอง
กูไม่โง่หลงกลไปอ่านงานกากๆหรอก 55555
พวกมึงอย่าฟีดโทรลกัน
คนแบบนี้ ต้องเลี้ยงดูมาแบบไหนวะ อืมมม กูเข้าใจแล้ว
ขอถามหน่อย มีคนไหนเปิดแอคนิยายในไอจีบ้าง คือกูคิดว่าไม่น่าจะรุ่ง แต่อยากรู้ว่ามีใครเปิดบ้างไหม
Don't feed the troll มึงๆก็คุยกันต่อเรื่องอื่นแล้วไม่ต้องไปสนใจมัน
กูสงสัยเฉยๆนะไม่ได้มาดราม่า การเอาภาพของนักวาดมาใช้เคลมเป็นตัวละครของตัวเองโดยที่ไม่ได้ขอเจ้าตัวก่อนมันถือว่าผิดลิขสิทธิ์ป่าววะ เห็นทำกันเต็มเว็บเลย กูชอบเห็นนักวาดทวิตบ่อยๆว่าห้ามรีโพสงาน ห้ามเอาไปใช้ กูเคยเห็นนักวาดไทยออกมาดราม่าเรื่องภาพโดนเอาไปเคลมเป็นตัวละครอยู่แวบๆ แล้วการเอาภาพคนจริงมาใช้นี่ผิดไหม เพราะภาพพวกนี้ก็มีลิขสิทธิ์รึเปล่า เว้นพวกภาพแจกฟรีจากเวบอะ
ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงผู้ให้กำเนิดบ้างเถอะ
ทำตัวแบบนี้ถ้าพวกเค้ามารู้เข้าแล้วทำใจไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
กูไม่สนใจละ ปล่อยให้หอนไป 555 มาคุยต่อ ในนี้มันศาลคนเศร้าจริง ๆ นอกจากอยู่โดยลำพัง กระทู้นิยายหยากไย่ขึ้น เพจยังร้างอีก มาครบ นั่นมันกูเลย
Ky เพื่อนโม่ง เวลาเอานิยายตัวเองไปลงเว็บอื่น อย่างเช่น ปกติลง ดด ไปแล้ว10ตอน แต่อยากไปลง ReadAWrite ไรงี้เพิ่ม พวกมึงลงทีเดียวไปเลย10ตอนรึทยอยลงกันอ่ะ
>>615 ลองถามเว็บมาสให้ออกกฎดู ถ้าไม่มีกฎชัดเจนยังยาก อย่างทวิตที่กูสิงเจอนักวาดอธิบายสาเหตุไม่ควรรีโพสเยอะแยะก็ยังมีคนทำเยอะ ขนาดกูพูดและรีบ่อยๆคนที่ฟอลกูก็ยังรีโพสท์กันเลย
>>619 ลงทีละตอนให้ขึ้นหน้าฟีดบ่อยๆ รอรมันมีระบบตั้งเวลาให้ลงรึเปล่า กูเห็นนักเขียนที่กูตามพูดถึงอยู่ว่ารู้สึกตัวอีกทีระบบลงให้จนหมดแล้ว
คนอื่นโทรลหรือว่าตัวเองยอมรับความจริงไม่ได้ ถามใจเธอดู
Ky กูควรเปิดพรีตอนนี้ หรือหลังงานหนังสือดีวะ ดูที่สนพ ออกเล่มใหม่แล้วกูว่านักอ่านไม่มีเงินมาซื้อนิยายกูแน่เลยว่ะ ;-;
>>625 สำหรับกู ออกตอนไหนเหมือนกันแต่อย่าให้ชนกับงานหนังสือเลย เพราะตอนนี้ หนังสือออกทุกเวลาเลยว่ะ คนอ่านจะเลือกเองอะ ไม่ก็เปิดพรียาวหน่อยมึง
>>619 กูทยอยลง แต่อาจลงถี่หน่อย อย่างรีด มันตั้งเวลาได้ มึงก้อทำแต่ละตอนรอไว้เลย แบบให้ลง วันละตอน หรือสองวันตอน ไรงี้แล้วแต่เลย จนกว่าจะลงทันกันทั้งทุกเว็บ มึงก็บอกนักอ่านไว้หน่อยว่าต่อไปจะลงทุกวันอะไร บลาๆ
เวลาส่งต้นฉบับมึงรอกันนานไหมวะ แล้วคิดว่าส่งให้สนพ.ไหนดีสุด
มึงกูเห็นลิสวายแปลแล้ว สนพ. เล่นออกถี่ๆกันแบบนี้ มึงว่ามีผลกับวายแต่งมั้ยวะ
แบบคนเก็บเงินไปซื้อวายแปลมากกว่า เพราะวายแต่งมันอ่านในเวปได้งี้
มีพระเอกคนเดียวกับมีพระรองด้วย แบบไหนดีกว่ากัน กูกลัวคนอ่านเบื่อ
ถามคนที่เคยพิมพ์หนังสือหน่อย เวลาเลือกกระดาษปกที่ไม่ใช่กระดาษปกติมึงเลือกยังไงกัน เลือกตามคำอธิบายที่โรงพิมพ์เขียนกับประสบการณ์เวลาซื้อหนังสือที่ใช้กระดาษปกนั้นๆหรือทางโรงพิมพ์ส่งตัวอย่างมาให้
>>639 กูไม่ชอบอ่านแบบมีพระรอง โดยเฉพาะเพิ่งมาโผล่ทีหลัง เพราะส่วนใหญ่ใส่มาแล้วเหมือนคนเขียนจงใจใส่มาให้ความสัมพันธ์พระนายได้ยืดเยื้อต่อไปอีก ไม่ว่าจะกำลังจีบอยู่หรือจีบติดแล้ว พอมีพระรองเพิ่มมาทีหลังจะดูเหมือนหมดมุขเลยต้องใส่ตัวละครมายืดเรื่องเพิ่ม ประเภทอยู่มาทั้งชีวิตไม่มีคนจีบ แต่ต้องมาเนื้อหอมเอาตอนกั๊กๆกับพระเอกอยู่นี่ลำไยสุด
>>641 เป็นไปได้ไปดูเองก็ดีนะ ถ้าสะดวกมึงสามารถไปดูเองได้ที่โรงพิมพ์อ่ะ เค้ายินดีต้อนรับแต่อาจจะต้องนัดวันเวลา บางที่ส่งตัวอย่างให้ได้ แต่กระดาษพิเศษแต่ละอย่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างๆกันไปนะ บางอย่างถ้าพิมพ์แล้วเคลือบทับ(เงา/ด้าน)ก็ไม่ต่างจากกระดาษปกติเพราะลูกเล่นมันหาย
ที่คั่นกูสั่งกับโรงพิมพ์ทำไมมันชอบงอวะ เป็นทุกโรงพิมพ์ป่ะ
ส่วนใหญ่มึงพิมพ์กับโรงพิมพ์ไหนกัน
กูพิมพ์กับอิมพ
Ky เพื่อนโม่ง เวลามีสนพ ที่ไม่ค่อยชอบติดต่อมาขอซื้อลิขสิทธิ์นิยาย แต่ก็ไม่แน่ใจว่านิยายตัวเองเรื่องนั้นจะผ่านพิจารณากับสนพที่ชอบหรือเปล่า ถ้าเป็นพวกมึงจะตัดสินใจยังไงอ่ะ จะตอบตกลงไปก่อนมั๊ยหรือว่าจะลองไปเสี่ยงกับสนพที่ตัวเองชอบอ่ะ
>>652 ไม่ชอบคือไม่ชอบเพราะอะไรถึงขั้นไหน สำหรับกูมีสนพที่ไม่ชอบนะ แต่ไม่ชอบถึงขั้นเผาพริกเผาเกลือเลย อย่าว่าแต่ออกงานด้วย ถ้านิยายที่กูชอบโดนสนพ.ซื้อลิขสิทธิ์กูยอมอ่านอิ้งหรือใช้กูเกิ้ลแปลจีน แต่ถ้าอยู่ในระดับทำงานร่วมกันได้ก็อาจตอบแบ่งรับแบ่งสู้ขอคิดดูก่อน ระหว่างนั้นก็ส่งอีกสนพ ไม่ก็ถ้าเอาชัวร์ก็เอาสนพนั้นไปเลย แต่ส่วนตัวกูว่าระยะเวลาไม่กี่เดือนสนพไม่น่าเลิกสนใจนิยายที่ตัวเองเคยติดต่อเร็วขนาดนั้นมั้ง
มึง ปกติสนพเขาพิมพ์นิยายวายขายกันกี่เล่มวะ คือกุทำกะที่นึงเปนสนพกลางๆค่อนไปทางใหญ่เพิ่งวางขายไปในนายอินทร์ แต่ว่าตัวกูก็ค่อนข้างจะโนเนมมากอะนะ นิยายที่ทำกะเขาก็ไม่ได้ลงเว็บด้วย ถ้าถามเขา เขาจะบอกกูตรงๆปะวะว่าพิมพ์ 100 200 เล่มงี้อะมึง
คือกูอะ ใหม่ในวงการออกนิยายกับสนพ.มากอะ ปกติทำเองขายเอง ยอดอยู่หลัก 50 - 100 ถึงมันไม่เยอะแยะแต่ก็คอนโทรลเองรับรู้เองได้หมด พอลองส่งต้นฉบับไปสนพ มันผ่าน ได้ทำ วางแผงออกมา กูก็ว้าวุ่นนิดนึงมึง
>> 662 กูหาข้อมูลจากหลายๆแหล่งไงมึง กูเกิลกับพันทิพย์หรือตามบอร์ดนักเขียนเด็กดีกูก็ถาม แต่ก็ไม่มีใครรู้จริงอยู่ดีนอกจากสนพ กูยอมรับว่ากูป๊อดที่ไม่กล้าถามสนพตรงๆ เพราะกูเกรงใจเขาอยู่ กูเลยจะหาข้อมูลจากวงนอกก่อน แต่เรื่องนักเขียนเล่นโม่งแล้วจะโดนแบบเนี่ย มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
มือลั่น สัด กูจะบอกว่า อย่าเกรงใจ นี่มันธุรกิจ เกรงใจแบบนี้มึงจะมีแต่เสียเปรียบให้เขาตักตวงเอา
ตม. นี่ใครวะ
เวลาทำปก มึงตกลง สนพ กันยังไงวะ ของกูมันต่างจากที่กูจินตนาการมาก 😑😑
มึงคือกูมีพล็อตเรื่องในหัวแล้ว กูก็อ่านนิยายมาเยอะ แต่กูกลัวแต่งไม่ดีจัง
ปกติสนพ จะให้นข เลือกนักวาด+ออกแบบปกเองไม่ใช่เหรอ
ปกติไม่ให้ยุ่งเลยนะ มียุคหลังๆนี่แหละที่นข.มีบทบาทในกระบวนการทำ
มึงลงนิยายช่วงกี่โมงกัน คนอ่านเยอะมะ
มีใครเป็นเหมือนกูบ้างจะแต่งฟิคทีกูต้องไปหาเพลงมาฟังเพื่อบิ้วต์อารมณ์ตัวเองอ่ะ คือ กูเป็นประเภทถ้าไม่ฟังเพลงจะคิดอะไรไม่ค่อยออกอ่ะ แต่สุดท้ายฟังเพลงเพลิน กูเผลอลุกขึ้นเต้นเฉยเลย กลายเป็นว่ ฟิคกูไปไหนไม่รอดยังเป็นกระดาษหน้าขาวอยู่เลย กูติดหล่มอ่ะ 😂😂😂😂😂😁
กูเศร้ามากว่ะ รู้สึกเครียด ไม่มีแรงบันดาลใจ เหมือนกูต้องเค้นพละกำลังในแต่ละอาทิตย์เพื่อเขียนออกมาให้ทันเส้นตาย เมื่อก่อนกูอัพแทบทุกวันเพราะรู้สึกสนุกในการแต่ง ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้กูแห้งเหือดมาก คนอ่านที่ตามๆก็หายกันไปเยอะไม่รู้เพราะดองไว้รอจบหรือว่าอะไร พอกูเค้นเขียนออกมาทีนึง จาก 10 คนเม้นแต่ก่อนก็เหลือแค่ 2 คน ทั้งๆที่กูมั่นใจว่ากูเขียนสนุกขึ้นกว่าแต่แรกนะ อยากร้องไห้ หมดกำลังใจ
เพื่อนโม่ง เราอยากแปลนิยายเรื่องนึงมากๆ คือมันไม่วายแต่แอบวายชิบหาย อยากหาคนสครีมด้วยอ่านคนเดียวอึดอัดจะแย่ละใจจะแปลก็มี แต่ทว่าแม่งมีคนแปลแบบเก็บตังอยู่ เลยไม่กล้าแปลทับวะ ถ้าเราแปลจะเป็นไรปะ
พวกมึงคิดยังไงกับนักเขียนที่ดราม่าเพราะคนอ่านติเรื่องการใช้คะค่ะในทอร์กวะ
คือนางบอกคนอ่านว่านางลงให้ฟรี ไม่ได้จะตีพิมพ์ ถ้าอยากอ่านแบบใช้ภาษาให้ถูกก็ไปอ่านนส.กระทรวง
กุแบบอ้ากเรียล เขาเตือนด้วยความหวังดีรึเปล่า
ปกติตอนนึง 30-50 เม้นท์ต่อตอนนี่ถือว่าเยอะไหมวะพวกมึง กูเพิ่งลองเขียนอะ
ถามเรื่องเวลาหน่อยจิ พวกมึงคิดว่าเวลาลงนิยายควรลงช่วงไหนถึงจะมีคนเข้ามาอ่านมากหน่อย กุยังเลือกไม่ค่อยถูกอะ
KY ถามหน่อยเวลาเลือกอ่านนิยายนี่
1.มีตัวเลือกประมาณว่าไม่ชอบอ่านนิยายแบบบรรยายบุคคลที่ 1 หรือ 3 กันไหม
2.ปกติชอบอ่านนิยายแบบบทสนทนาเยอะ หรือบรรยายเยอะ
คือตอนนี้กูมีปัญหากับการที่ว่าตัวเองถนัดเขียนบุคคล1 แต่ตัวละครจะเว่นเว้อในหัวมาก แต่พอย้ายไปเขียนแบบบุคคล3 มันก็จะย้ายไปบรรยายอารมณ์ สีหน้า สภาพแวดล้อมเยอะแทนจนบทสนทนาแทบไม่มี
ขอบคุณมากๆทุกคน ปัญหาคือ ตอนนี้กูพล๊อตที่กูพยายามเขียนมันคือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(มโน)นี่สิ พอเขียนไปมา นี่มันบรรยายเชิงวิชาการนี่หว่า!
แล้วที่บอกว่าเขียน1นี่ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่ทุกเรื่องที่เขียนจนจบได้คือบุคคล1 บุคคล3นี่เข้าไหดองตลอด เพื่อนกูเลยไล่ให้ไปเขียน1 มันบอกเขียนให้ดียังไงถ้ามึงเขียนไม่จบก็เท่านั้น
เอาวะ!มาลองกันใหม่ ภาวนาให้กูเขียนจนจบด้วยละกันเพื่อนโม่ง
Ky เพื่อนโม่ง กูกับเพื่อนเริ่มแต่งนิยายพร้อมกัน แต่เพื่อนกูแต่งดีกว่า ภาษาบรรยาย พล็อตเรื่องไรดีกว่ากูหมด ส่วนนิยายกูภาษาบรรยายกากๆ เน้นรวบรัดแต่นิยายกูคนอ่านเยอะกว่า เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยชอบอ่านนิยายที่ภาษาสวยๆ คลีนๆ พล็อตแน่นแล้วเหรอวะ พอกูเอานิยายตัวเองไปเทียบกับเพื่อนแล้วรู้สึกอายอ่ะ แต่คนอ่านนิยายกูเยอะกว่าแม่งงงชห
อยากถามเรื่องภาพประกอบนิยายเวลาลงนิยายหน่อย ปกติหาจากไหนกันมั่ง เห็นในดด.มีทั้งรูปจากนิยายตีพิมพํ รูปดาราฯลฯ ส่วนตัวกูไม่อยากใช้รูปดารา แต่ถ้าไม่มีรูปประกอบนี่จะดูไม่ดึงดูดหรือเปล่าอะ ตอนนี้สงสัยมาก
กูคนอ่านผ่านมาตอบ จะบอกว่ามุมมองบุคคลที่1มันอ่านง่ายดีนะ กูไม่ได้เลือกเป็นพิเศษ แต่ถ้าแบบช่วงว่างๆ ระหว่างวันจะหาอะไรอ่านกูก็มักหยิบพวกบุคคลที่1มาอ่านมากกว่าอ่ะ มันย่อยง่าย จุดโฟกัสชัดเจน แต่บุคคลที่1 นี่มันก็มีหลุดอะไรแปลกๆมาเยอะ เช่นนักเขียนตั้งใจจะบรรยายเคะว่าหน้าตาดียังไง สารที่นักอ่านได้รับคือ 1.เคะหน้าตาดี 2.เคะหลงตัวเอง 3.รสนิยมของเคะเอง บางทีเลยออกมาเป็นคาแรกเตอร์แปลกๆซะมาก ส่วนบรรยายบุคคลที่ 3 จะเรียบง่ายกว่า ก็คือบอกหน้าตายังไงก็คืออย่างนั้น ไม่มีของแถมเป็นพวกมุมมองของตัวละครมาด้วยถ้าไม่ตั้งใจใส่ สำหรับกู บรรยายมุมมองที่3เลยต้องอ่านเยอะกว่าถ้าต้องการความหมายที่เท่ากันอ่ะ แต่ที่จริงก็อยู่ที่ลีลาสำนวนการเล่าด้วย บุคคลที่1ต่อให้เขียนไม่ค่อยเก่งก็ยังมีน้ำเสียงอารมณ์ของตัวละครช่วยกระตุ้นให้กูโฟกัสตามสิ่งที่เล่า แต่มุมมองบุคคลที่3 เขียนไม่ดีก็หลับเลย ถ้าเคสแย่มากๆคืออ่านไม่รู้เรื่องเลยก็มี แบบตกลงใครทำอะไรวะ ยิ่งนิยายวายมีแต่ตัวละครชายถ้านักเขียนคลังคำน้อย บรรยายไม่ดีมีสับสนอีกใครเป็นใคร แต่นิยายขึ้นหิ้งกูเกือบทั้งหมดเป็นมุมมองบุคคลที่3นะ แบบถ้าเขียนดีก็โคตรดีไปเลยอ่ะ เวลาบรรยายความรู้สึกอะไรพวกนี้ก็บิ้วได้มากกว่าด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่มึงจะนำเสนออะไรด้วยอ่ะ บุคคลที่1 นี่กูเคยเจอเรื่องที่สิ่งที่ตัวละครเล่าไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แบบสามารถโกหกคนอ่าน หรือจงใจข้ามไม่พูดถึงบางเหตุการณ์ ตอนเจอก็ว้าวอยู่นะ ประทับใจ
กูไม่ชอบการรีโพสต์รูปเลย ปกติจะลงรูปที่คนอื่นถ่ายคนอื่นวาดก็ควรขออนุญาติคนทำไหมยิ่งแอบอ้างเป็นอิมเมจตัวละครนิยายตัวเองด้วย ไม่ใช่เห็นทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ตเป็นทรัพย์สินสาธารณะ
มึงลองสังเกต นิยายดังๆ คนอ่านเยอะๆ บรรยายมุมมองที่ 1 ทั้งนั้น น้อยเรื่องที่จะบรรยายมุมมองที่ 3 แต่กูเขียนและอ่านชอบมุมที่ 3 แต่ก็อ่านมุมที่ 1 ได้อย่างที่ >>736 บอก มุมที่ 1 ย่อยง่าย โฟกัสง่ายเพราะมุมเดียว คิดตามกันไปเลย
>>731 กูไม่รู้คำว่าภาษาสวยของมึงคืออะไร คนเราชอบไม่เหมือนกันแต่สมัยนี้ ชอบอะไรที่เข้าใจง่ายไม่ต้องตีความเยอะ แค่ไม่ได้พิมพ์ผิดแทบทุกคำหลายคนก็เรียกว่าภาษาสวยแล้ว ยิ่งพล็อตแน่น แน่นแนวไหน ชวนอ่านยากมั้ย นั่นก็เป็นประเด็น ดูได้จากท็อปเด็กดี ฟีลกู๊ด เสียเป็นส่วนใหญ่
>>731 ภาษากากๆ ที่มึงว่าแค่เข้าใจง่ายไม่มีคำผิดกูก็ว่าโอเคแล้ว ที่มึงบอกว่าเน้นรวบรัดบางทีนิยายมึงอาจจะย่อยง่ายสำหรับคนอ่านก็ได้ เดี๋ยวนี้นักอ่านชอบนิยายที่ย่อยง่ายๆ มากกว่านิยายที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนคิดเยอะ คือถ้าอ่านนิยายแบบนั้นต้องมีเวลาว่างมากๆ ก่อนถึงจะอ่าน แต่นิยายฟีลกู๊ดส่วนใหญ่ที่ติดTop ในดด กูว่ามันย่อยง่ายดีคนเลยอ่านเยอะ ชื่อเรื่องคำโปรยอะไรก็มีส่วนดึงดูดคนอ่านนะ
เขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งสลับกันระหว่างตัวเอกสองตัวก็ได้นะ ก็ได้ความคิดของทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน แต่คนเขียนห้ามหลุดคาร์เด็ดขาด กะถ้าสลับระหว่างสองตัวแล้วแยกคาร์ไม่เด็ดขาดนี่จบเห่เลย กูอ่านได้หมดไม่ว่าจะหนึ่งจะสาม บรรยายบุคคลที่สามถ้าใช้มุมมองคาร์ตัวเดียวก็เหมือนหนึ่งนะ จะไม่รู้ความคิดคนอื่นอยู่ดี นิยายไทยกูไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ของฝรั่งจะไม่มีการบรรยายเรื่องในหัวคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมุมมองอะ เขายึดเป็นตัวๆ ไป อย่างดีก็สลับกันตัวละตอน ถ้ารู้ความคิดทุกคนพร้อมกันกูจะเรียกว่ามุมมองพระเจ้า
Ky อยากรู้สาเหตุที่พวกมึงหยุดเขียนว่ะ กูคือตัน และเป็นอยู่ พล็อตไม่ได้ทันแต่ภาษาเขียนไปแล้วแม่งไม่โอเค กูเลยรู้สึกว่าตัวเองตันชิบหายเลยว่ะ
พล็อตไม่ได้ตันสิ โทษๆ
>>750 ต่อให้อีกไม่กี่ปีตลาดวาย แต่ถ้าตอนนี้ฟลุ๊กหาเงินได้ก็กอบโกยไปเยอะๆก่อน บางคนก็คิดแค่นี้นะ แต่ถ้าจะทำอาชีพนักเขียนจริงอะไรก็ต้องเขียนได้ ถึงเวลาเขาฮิตอะไรกันก็ต้องเขียนไปขายตามเขาให้ได้อะ ถึงเห็นนักเขียนทีเดิมเขียนสายอื่นโผล่มาเขียนวายกันเต็มไง ขนาดนักวาดชายบางคนยังเคยโพสเฟสส่วนตัวบอก งานวายมันได้เงินอะฮะ เลยมารับงานวาดปก สรุปว่าอนาคตจะฮิตอะไรไม่รู้ แต่ถ้ามึงจะทำอาชีพนี้ มึงต้องเขียนให้ได้ทุกอย่างตามตลาด
>>750 นด.เหมือนเป็นนักเขียนอย่างเดียวมั้งเคยเห็นทวิตอยู่ แต่เขาเป็นนักเขียนมานานตั้งแต่สมัยนิยายนอมอลอีโมฮิตๆแล้วเปลี่ยนสายมาเรื่อยๆ นักเขียนค่ายนึงก็ออกจากบริษัทมาขายกาแฟพ่วงเขียนนิยาย เท่าที่ดูคือเขียนคู่ไปกับงานก่อน พองานดังสร้างฐานคนอ่านที่มั่นคงได้และเยอะ ออกงานใหม่ก็ยังมีคนซื้อก็พอทำได้นะ แต่ต้องสร้างความพร้อมให้ตัวเองก่อนจริงๆและต้องมั่นใจว่าสามารถเขียนงานได้เรื่อยๆไม่ใช่ออกมาแล้วตันไม่มีอารมณ์เขียน ไม่มีนิยายออกก็ไม่มีรายได้ ทิ้งช่วงนานๆคนอ่านไปอ่านของคนอื่นแล้ว
มม อีกคนไง คนที่ขายได้แม่งก็คือขายได้จริงๆ ติดลมบนไปเลย
กูมองว่าตลาดนิยายวายมันไม่หายไปแบบเหือดแห้งทีเดียวหรอก กูอ่านวายมาตั้งแต่สิบปีก่อน ตอนนี้ก็ยังอ่านแนววายเป็นหลัก ชญ มีอ่านบ้างประปราย
ที่จะเปลี่ยนคือเปลี่ยนแนวว่ะ วายคู่จิ้น วายฟิคนักร้อง วายมหาลัย วายแฟนตาซี วายจีนโบราณ วายระบบ แล้วแต่ว่าเมิงอยากเป็นแบบไหน แบบนดที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามตลาดได้ หรือเขียนแนวที่ตัวเองถนัดยาวไป
>>757 มึงงงง ช่วย-ดู-ข้อ-ความ-ที่-กู-แท็ก-ด้วย! ไม่ใช่สักแต่ไล่
กูไม่ได้เม้าคน แต่ข้างบนถามว่ามีใครเขียนนิยายเป็นอาชีพไหม คิดว่าทำได้มั้ย กูเลยยกกรณีตัวอย่างไปว่า'นักเขียน'ที่ทำเป็นอาชีพประจำก็มี แล้วอธิบายพอสังเขปว่าการออกงานเขาเป็นยังไงโว้ย ถ้าการยกตัวอย่างต้องไปห้องเม้าๆ ข้างบนที่ถามว่าควรแต่งบุรุษแบบไหนเป็นไงคนชอบแบบไหนกันบ้างควรไปชั้นหนังสือเลยไหม
งงเหมือนกันว่าทำไมต้องไล่ไปมู้เม้า ทั้งที่เขาแค่เอ่ยถึงนักเขียนตอบคนที่มาถามเฉยๆไม่ได้เม้าอะไร
กูว่าถ้าเป็นนักเขียนแบบเขียนแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ อยากเขียนอะไรก็เขียน ถ้างั้นไม่น่าจะยึดอาชีพนักเขียนหากินเป็นหลักได้นะ ถ้าจะเลี้ยงชีพด้วยการเขียนมึงต้องอยู่เป็นด้วยอ่ะ มีวินัย ออกงานสม่ำเสมอ ดังพอจะมีฐานแฟน รับงานสั่งเขียนได้(กูทำไม่ได้) ไม่งั้นก็เขียนเป็นงานอดิเรกต่อไปแล้วทำชีพอื่นไปด้วยนั่นแหละ หรือถ้าที่บ้านอุ้มก็อยู่ได้...
กูลองคำนวนจากที่กูเคยตีพิมพ์มา กูไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการเขียนนิยายอย่างเดียว รายได้หลักยังเป็นงานประจำอยู่
คงเหมือนโม่งคนอื่นๆ ถ้าอยากเขียนอย่างเดียว งานต้องชุกมากๆ และที่บ้านอุ้มไหว
ky หน่อย นข.วายที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย งานมันมีความต่าง หรือได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงไหนมั้ยวะ
>>763 ในครส กูว่าต่าง ถ้ามึงอ่านแนวผช เขียน จะสัมผัสได้ ในการบรรยายหรือความคิดตลค จะต่างจาก ผญ เขียนเพราะผญ เขียนมักจะใส่ความคิด ผญ ลงไปในตลค ผช มึงอาจจะเคยเห็นหรือได้ยินที่คนพูดแบบ นอ. นิสัยผญ จัง ประมาณนี้ กูไม่รับผช ที่เขียนวายเพราะเพื่อขายตามตลาดนะ อันนั้นเขาจะให้คิดตลค ออกสาวเหมือนกัน
ต่างมากนะ ต่างตั้งแต่ตรรกะการตัดสินใจ นิสัยของตัวละครเลย
กูไม่ค่อยมีอารมณ์แต่งนิยายเลย พวกมึงบิ้วกันยังไงสะ
>>769 สำหรับกูนะ ฟังเพลง ผ่อนคลายให้มากๆ กลับไปอ่านนิยายตอนเก่าๆให้รู้สึกอินกะเนื้อเรื่อง แล้วก็ค่อยๆเริ่มแต่ง เอาจริงๆต้องบอกตัวเองให้แต่งให้ได้แหละ เพราะไม่อยากทิ้งคนอ่านให้นานๆ กูเคยหายไปนานประมาณสามสี่เดือน เวลาที่เราหยุดแต่งด้วยเหตุผลอะไรก้เหอะ มันก็จะโมเม้นหนึ่งอะที่อยากกลับไปแต่ง ต่อให้ตันๆ แต่มันต้องแต่งให้ได้ มันก็ออกมาดีนะ สปีดการอัปนิยายของกูคือ 4-5วันต่อตอนอะ
กูอ่าน mxm ที่ผชแต่งมีตั้งแต่ฟลัฟเหี้ยๆ โรแมนติก
แมนสุดๆ ยันพอร์นน่ะแหละมึง บางคนแต่งมุ้งมิ้งสวีตหวานแหววเสียจนกูอาย
เวลาลงนิยายแล้วไม่มีใครอ่านมึงท้อกันไหมวะ กูเหมือนจะท้อเลยวะ นิยายกูยังแต่งได้เรื่อยๆนะ นี่ก็แต่งไปเยอะละ แต่กูไม่อยากลงแล้วอะเพราะลงไปก็ไม่มีใครอ่าน ตอนนี้เลยหยุดลงไปสักพักละ นี่กำลังพิมพ์นิยายแล้วดันคิดขึ้นมาว่ากูยิ่งไม่ลงก็ยิ่งไม่มีคนอ่านหรือเปล่าวะ เพราะงั้นกูควรลงนิยายต่อไปทั้งๆที่ไม่มีคนอ่านใช่ไหมวะ สับสนโว้ย TT
>>775 ลงต่อเถอะ ถ้าแต่งจบแล้วลองส่งต้นฉบับให้สนพ.ดู กูก้เคยเป็น แต่มันเหมือนข้ามจุดๆนั้นไปแล้วอะ ความรู้สึกที่คนอ่านน้อย ก็ลงไปจนจบนั่นแหละ แม้ว่าจะมีเฟลๆ เรื่องที่กูแต่งจบบางเรื่องยังได้เม้นแค่100-200 เอง กูก็ลงจนจบ ออกเล่ม แต่งเรื่องใหม่ คนก็อ่านเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นท็อป แต่ก็ทรงๆ (700-800 )มีนักอ่านขาประจำคอยคุยด้วย มันก็โอเคดี กูไม่ได้คาดหวังด้วยแหละ เพราะผ่านจุดที่ว่าคนอ่านน้อยเม้นน้อย (แต่ออกเล่มทุกเรื่องนะ )
ถ้ายังรู้สึกว่าไม่อยากอัปหรือแต่ง ก็ควรหยุดก่อน ไปหาอะไรทำที่สามารถฮีลตัวเองได้ นี่คือวิธีของกูนะ มันใช้ได้ผลอะ
Ky ใครเคยทำมือขายบ้างวะ ขายได้กี่เล่ม เปิดจองนานมั้ย
Ky กูรู้สึกหมดไฟอ่ะ ตอนนี้คือแต่งนิยายให้เสร็จๆ ให้ทันเดดไลน์อย่างเดียว กูแต่งแล้วไม่รู้สึกสนุกไปกับมันเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่นักอ่านยังบอกว่าสนุก กูควรทำยังไงดีวะ
มึงต้องเครซี่ ตลค. ของมึงเหมือนมึงเป็นแฟนเกิร์ลเวลาคลั่งนิยาย/การ์ตูน/อนิเมะ ไม่ใช่คนแต่งอ่ะ ถึงมีแรง ทุกวันนี้กูแต่งออกเพราะรู้สึกเหมือนแต่งฟิค ไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน
เวลาพวกมึงทำงานกับสนพ.มึงทำกับที่เดียวเลยมั้ยวะ มึงรู้สึกมั้ยว่าเค้า keep นข.เป็นบางคน โดยเฉพาะคนที่ฐาน fc เยอะ ๆ ทำเงินให้มาก ๆ หรือพวกเด็กใหม่ ๆ
คนที่กูรู้จักไม่ไปทำกับสนพ.อื่นก็เพราะคำนี้ แต่พออยู่ก็เหมือนอยู่ไปงั้น โดนดองไป บอกให้ไปทำกับที่อื่นก็ยังจะเกรงใจเค้า ตอนนี้เด็กใหม่มาแรงกว่า ออกกันให้ลึ่ม นข.ทำเงินก็เอาใจกันชิบห.
เพื่อนกูที่มีแฟนแล้วนางเป็นสาววายนะ เขียนฟิคด้วย บางทีนางบอกเวลาเขียนฉาก nc แต่ไม่มีอารมณ์ บางทีก็ขอมีอะไรกับพี่ผู้ชายที่เป็นแฟนเพื่อบิวท์อารมณ์ ว่าเวลานั้นอิเคะจะรู้สึกยังไงในฉาก nc นั้นๆอ่ะ แบบนางจินตนาการว่าตัวเองเป็นเคะในฟิคแล้วพี่ผู้ชายเป็นเมะในฟิคอ่ะ กูอิจฉาเพื่อนกูขึ้นมาทันทีเลยว่ะ
Ky กูรู้สึกว่างานตัวเองช่วงหลังไม่ค่อยสนุกแล้วว่ะ หมดมุก ไม่มีอารมณ์เขียนต่อ เป๊กมาก แต่มีนักอ่านรอกูอยู่ จะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ จะแต่งต่อก็รู้สึกว่างานที่ออกมาไม่ค่อยดีอ่ะ จะบิ้วให้เหมือนหวีดแฟนฟิคก็หวีดไม่ขึ้น นี่เขาเรียกภาวะหมด passion รึเปล่าวะ 555555 กูไม่รู้จะทำไงแล้ว ฟังเพลง อ่านนิยาย ดูซีรี่ย์ก็แล้วแต่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับนิยายตัวเองเลย แต่งต่อได้ แต่รู้สึกไม่สนุกไปกับมันแล้วอ่ะ ; v ;
Ky พวกมึงคิดยังไงกับนข ผญ ที่แทนตัวเองเป็นผช วะ
>>804 ทำไมกูคุ้นๆที่เคสที่มึงบอก55555 ในเล้าใช่มั้ยวะ ที่มีคนจับโป๊ะได้วาเป็นผญ แต่ทำให้คนอื่นคิดว่าเป็นผช เพราะสมัยก่อนนิยาที่ผชแต่งจะมีเอฟตีเยอะ แถมเขียนอะไรเล่าอะไรคนจะเชื่อกันเพราะคิดว่าคนพวกนี้รู้ดี เลยมีนักเขียนประเภทนึงที่ชอบอุปโลกน์ว่าตัวเองเป็นช เพื่อเรียกแฟนคลับและเล่าเรื่องมโนต่างๆ
>>809 เออเกลียดตัวแต่ก็ยังกินไข่
นขบางคนกูอ่านทอล์คตลอด อ่านไปอ่านมาหมั่นใส้เทงานแม่งเลยก็มี หลังๆเลยอ่านทอล์คแค่บางคน
>>810 กูพีคที่บางคนแม่งไปเล่าในบอร์ดปาล์มแล้วโดนแกงค์กระเทยแท้ไล่กลับมาเล้าเป็ด นับถือในความพยายามของชะนีที่จะเป็นเทย และนับถือในเรดาร์ของเหล่าเทย ด่ามาแต่ละดอกเจ็บๆทั้งนั้น กูนี่นั่งเงียบๆดูเขาตีกัน
>>810 ในบอร์ดปาล์มนี่นอกจากไล่กลับเล้าเป็ดแล้วก็มีประโยคนิยายเชิญห้างข้างๆค่ะ5555555 แต่บอร์ดปาล์มเรื่องแฟนผมเป็นพญาครุฑดิมึงสนุกอยู่นะ กูว่าเป็นนิยายสายพระเอกวรรณคดีเรื่องแรกๆของไทย กะเทยรู้อยู่ว่าตอแหลแต่ก็ตามอ่าน สนุกมากแต่จบยังไงกูลืมไปแล้ว
ปล. กูคิดถึงคุณสุรัตน์วีซ่า
อ่านความเห็นพวกมึงแล้วไม่อยากจะเดาว่าใช่ นข เรื่องที่กูอ่านอยู่รึเปล่า 555555 แต่อยากกอดทุกคนรอบวงนะ อย่ากดดันตัวเอง ถ้าคนแต่งไม่สนุกกับมันแล้ว บอกกันตรงๆ กูว่านักอ่านหลายคนเข้าใจเว้ย หยุดไปสร้างแรงบันดาลใจสักพักแล้วหอบเอาความสนุกในการแต่งนิยายกลับมานะ จะได้ไม่เครียด เห็นหลายคนเป็นซึมเศร้ากันเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นมาก่อน หรือเพราะเขียนนิยายเลยเป็น กอดๆนะ
ตกลงนี่มันมู้นข.หรือนอ. ที่มันปนกันเพราะไม่แยกนี่แหละ จะถามความเห็นนอ.ก็ไปมู้เม้ามู้อะไรสิ พอมาถามว่าคิดไงกับนข. มันก็กลายเป็นมู้เม้าแล้วรึเปล่า มันเกี่ยวกับงานเขียนตรงไหน?
Ky เพื่อนโม่ง ปกติกูชอบอัพนิยายช่วงเย็นวันศุกร์ ถ้าอัพช่วงนั้นกูได้คอมเม้น70อัพอ่ะ แต่คราวก่อนกูอัพตอนตี3วันจันทร์ คอมเม้นหดเหลือ30 เวลาอัพนิยายมันมีผลต่อยอดคอมเม้นจริงๆ เหรอวะ
>>815 กูมาบอกให้ มันไม่มีอะไรมากนอกจากผช(เขาว่างั้น)ชื่อเก่งตั้งกระทู้ในบอร์ดพูดคุยของเล้าเป็ด เล่าเรื่องเมียบ้างอะไรบ้างเป็นวรรคเป็นเวร แล้วพอมันฮิตขึ้นก็มีอวตารเพื่อนๆและเมียเขามาคุยเล่นกันในบอร์ดให้ชาวเอฟซีกรี้ดกร้าดกันสนุกสนาน ถือเป็นสีสันที่คนลอกเลียนแบบตามมาจนกลายเป็นว่านิยายเรื่องไหนบอกผชเขียนคือมีคนอ่านเยอะ กระทั่งเขาทะเลาะกับผู้มีอิทธิพลของบอร์ด แล้วจากนั้นนั้นก็หายไป จอบอ
กระทู้หน้าควรมี how to ไว้บนหัวกระทู้ดีมั้ย
เช่น อัพนิยายเวลาไหนถึงจะดี , หมดพลังการเขียนนิยายแล้วมีวิธีไหนเยียวยาบ้าง
คือกูสังเกตเห็นว่ามีคำถามพวกนี้หลายครั้งแล้ว
Ky เพื่อนโม่งกูพยายามปูเรื่องให้พระเอกนายเอกรักกัน แต่กูรู้สึกว่าตัวละครแบนมาก ไม่ค่อยมีมิติเลย เรื่องก่อนๆ กูเขียนแนวจิ้นตลอด ไม่เน้นความรัก พอมาจับวายเต็มตัวแล้วรู้สึกเหมือนเจองานช้างเลยว่ะ TT
>>827 มึงต้องค่อยๆ สร้างสถนการณ์ ไม่ต้องมีมิติอะไรมากหรอก เอาแบบที่มึงถนัดนั่นแหละ แต่มึงอาจจะสร้างสถานการณ์ที่ทำให้พระนายแบบประทับใจกันและกันอะไรแบบนี้ก็ได้ บางฉากพระเอกเห็นนายเอกเล่นกับแมวกับหมา ดูรักสตัว์ เออก็เป็นคนอ่อนโยนนี่เลยประทับใจ หรืออาจเป็นช่วยตอนกำลังถูกซ้อม ถูกด่า ลืมกระเป๋าเงินก็ได้ ในความเห็นของกูคือถ้าเกิดความประทับใจสักสองสามครั้ง มันจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีๆ อะมึง ถ้าแบบมันดีมากๆ มันก็จะเริ่มรักกันได้ประมาณนี้อะ มึงไม่ต้องเครียดเว้ย ค่อยๆ เขียนไป บางตัวละครมีมิติมากเกินก็จะอินดี้เกิน คนอ่านเข้าไม่ถึงอีก เอาที่มึงถนัดอะ
พวกมึงเวลาส่งกับงาน สนพ. ต้องแก้กันเยอะไหมวะ เวลากูต้องแก้เนื้อหาเยอะๆ แล้วกูรู้สึกดิ่งลงเลยว่ะ มันเหมือนทำไมเรื่องกูไม่ดีเหรอวะ ต้องแก้ขนาดนั้นเลยเหรอ บก.จะไม่เข้าใจทุกจุดไม่ได้นะเว้ย บางจุดคือกูอ่านแล้วกูเข้าใจ นอ.กูเข้าใจ แต่บก.ไม่เข้าใจอะ กูชอบรวมเล่มเองมากกว่าจริงๆ
กูอยากขายนิยายให้ได้เกิน 100 เล่มอะมึง ความฝันของกู แต่กูแต่งไม่ออกสักที ทำไมนิยายคนดูขายเกินร้อยเล่มง่าย ๆวะ
กูสงสัยว่าคนที่ยอดวิวเป็นแสนๆ เขาขายได้กี่เล่มเวลาเปิดจองหนหนึ่ง
ช่วงนี้นิยายกูคนอ่านหายไปเยอะเลย จากเม้นตอนละร้อยกว่า หดเเหลือ50กว่า เป็นไปได้มั๊ยว่ากูแต่งแย่ลง แอบเครียดว่ะ Orz
กูพูดแค่นี้ กูตอนนึงไม่มีเม้นต์ซักคน กูก็ยังเขียนต่อไป
พวกมึงแต่งนิยายกันแบบไหนวะ ออกมาได้เรื่อยๆ หรือต้องรอเกิดไอเดียผุดแล้วถึงจะแต่งได้
ทั้งนี้ทั้นั้น หมายถึงที่วางพล๊อตไว้อยู่แล้ว
Ky กูอยากรู้ว่าการติด Top 100ในดด มีผลต่อยอดเฟบยอดเม้นยอดวิวนิยายมากขนาดไหน
KY ถ้าอยากลองส่งต้นฉบับนิยายวายในโลกแฟนตาซี บรรยายสไตล์ไลท์โนเวลนี่จะลองส่ง สนพ. ไหนดีคะ
พวกมึงมีใครรู้เรื่องการเสียภาษีนักเขียนบ้างไหม ไม่ว่าจะทำมือหรือออกเล่มกับ สนพ
กูเบื่อตัวเองมาก เรื่องเก่าก็ยังแต่ไม่จบแต่ในหัวเสือกผุดพล็อตใหม่มาอีกเป็นล้านนนนนนนนนนนน
โทษที กูแท็กผิดคน
>>854 โอเค ถ้าจากเสียภาษี ณ ที่จ่าย กูคงต้องไปถาม สนพ ก่อนใช่มั้ย ไม่เห็นเค้าระบุแจ้งมา อีบุคล่ะ กูงงๆ มาก ต้องทำไง
>>852 คือปีนี้เป็นปีแรกที่กูออกจากงานและไม่ได้จ่ายภาษีอะ คราวนี้กูมีหนังสือที่ออกกับสนพ ครั้งแรกมีอีบุคด้วย
เลยสงสัยว่ากูต้องไปจ่ายภาษีใช่มั้ย ตามข้อไหน อย่างเมื่อก่อนกูจ่าย ภงด 90/91 แบบนี้อะ
ขอบคุณมากๆ
ต่อให้หัก ณ ที่จ่ายแล้วก็ต้องไปยื่นนะ เพราะอาจจะเสียเพิ่มหรือได้คืนก็ได้ ไม่ใช่หักแล้วแล้วกัน
ไปขอใปหักภาษีมาแล้วกัน เป็นเอกสารสำหรับยื่น
กูอธิบายเริ่องหักณที่จ่ายนะ เสียณที่จ่ายไม่ได้หมายความว่าจบแล้ว มึงต้องดูรายได้รวมทั้งปีแล้วยื่น เพราะถ้ารายได้มึงไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีหรือมีลดหย่อน มึงจะได้เงินหัก ณ ที่จ่ายคืน
แต่ถ้ามึงมีรายได้อื่นๆ เช่นขายของ เงินเดือน ฐานภาษีเกิน % หักณทีจ่าย มึงต้องยื่นรวมและอาจเสียเพิ่มตามเกณฑ์มึง เช่น 10-15% ถ้ามึงไม่ยื่น สรรพากรเขาตรวจได้เลยเพราะทางสนพ.ส่งเรื่องอยู่แล้ว
สรุปมึงควรยื่นภาษีด้วยทุกกรณี
กู852เองนะ
ปกติสนพจะมีการหักณ.ที่จ่าย5 ซึ่งมึงต้องเก็บใบกำกับไว้ดีๆ พอถึงเวลาสิ้นปี มึงเอาใบกำกับภาษีไปยื่นกับทางสรรพกร
โดยปกติงานเขียนจะอยู่ในรายได้ประเภทที่3 หรือซื้อขายลิขสิทธิ์ มีอัตราลดหย่อนให้สูงสุดหนึ่งแสน ถ้ารายได้มึงไม่ถึงสามแสน มึงได้เงินคืนแน่นอน อย่าลืมไปสมัครพร้อมเพย์แบบใช้บัตรประชาชนกับทางธนาคารด้วย สรรพกรจะได้คืนเงินที่หักไป5กับมึงได้
กูจำไม่ได้ว่ายื่นภงดไหน ตอนกูกรอกยื่นเลขกำกับภาษีผ่านทางเน็ต มันติ๊กมาให้เลยว่ากูเสียภงดไหนบ้าง
ขอบคุณมากๆ คือกูมีสองที่ ยอดไม่ถึงแสน ที่แรก หลักร้อย จากอีบุ๊ค ทางสนพ ส่งใบเสร็จมา แต่ไม่มีการหัก ณ ที่จ่าย ตรงนี้กูต้องขอ สนพ ใหม่ไหม หรือยื่นไปตามปกติ
ส่วน สนพ ที่สอง ส่งเมลมาบอกกูเฉยๆ ว่าโอนเงินให้เท่านั้น ตอนนี้กูเมลไปขอรายละเอียดเค้าแล้ว รอคำตอบต่อไป
มึงกูถามหน่อย สมมุติเปิดจองแล้วมีพวกร้านค้ามาขอไปนี่เขาคิด 15% จากราคาปก ถือว่าเป็นราคาปกติป่ะ
นิยายแปลออกรัวๆ lc รัวๆ นข วายแต่ง ถ้าไม่มีชื่ออยู่แล้ว คงอยู่อยากที่จะผงาด กูเห็นท็อปใน ดด ก็ นข มีชื่อที่ติดตลาดอยู่แล้ว วนๆกัน โดนวายแปลเบียดอีก เห็นแล้วท้อแท้ คนหวีดนิยายแปลมากกว่านิยายแต่งกัน
กูว่าสำนวนแปลกับแต่งมันต่างกันเยอะนะ การที่สนพออกแปลเยอะจนคนอ่านแต่งน้อยลงก็แสดงว่าคนอ่านคนนั้นชอบแปลมากกว่าแต่งพอมีทางเลือกเลยอ่านแต่งมากกว่า ไม่ได้ไร้ทางเลือกแบบสมัยก่อนที่มีอะไรก็กิน
ถามหน่อยนะ ปกติที่พวกมึงเขียนนิยายเล่มหนึ่ง สมมติเล่มเดียวจบจะประมาณกี่หน้าอะ แล้วแต่ละบทมีกี่หน้า กี่คำ คืออยากรู้ว่าจำนวนหน้าน้อย เยอะ มีผลกับการอ่านนิยายในเว็บไหมอะ แบบไหนที่ชอบมากกว่ากัน
กูไม่คิดว่าหนังสือแปลฮิตกว่าเป็นเพราะสำนวนนะ สำนวนนักแปลไม่ได้ดีทุกคน บางเล่มโดนบ่นจะตายชักว่าแปลเห่ย และสำนวนนักเขียนไทยก็ไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคนด้วย ที่นิยายแปลฮิตก็เป็นช่วง ๆ นึง เดี๋ยวมันก็ผ่านไปฮิตอย่างอื่น นิยายแต่งก็ออกเรื่อย ๆ ไม่ใช่ไม่มีออกรวมเล่มแล้ว
กูไม่เรียกว่าโดนเบียดเบียนนะ กูเรียกว่าการแข่งขันมันสูง ใครจะมาเริ่มต้นช่วงนี้ก็ยากหน่อย นข.ที่ดังอยู่แล้วเขาก็มีช่วงเวลาที่สร้างชื่อเสียงมาเหมือนกัน
>>882 หมายถึงสำนวนกว้างๆบรรยากาศโดยส่วนใหญ่น่ะ
เช่น สรรพนามส่วนใหญ่ไทยจะใช้บุรุษที่1กัน แต่แปลส่วนใหญ่เป็นบุรุษที่สาม หรือแนวความคิด สิ่งที่ต้องการสื่อถ้าอ่านงานของทางเอเชียกับทางตะวันตกจะเห็นความต่างค่อนข้างมาก แต่ละประเทศมันมีเอกลักษณ์ของมันเองว่ะ เหมือนเวลาดูหนังต่อให้ไม่นับหน้าตานักแสดง แต่เนื้อเรื่อง จังหวะของบทก็ทำให้พอเดาได้แล้วว่าเป็นของชาติไหน ไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เมกา ไม่เกี่ยวกับว่าหนังเรื่องนั้นดีหรือไม่ดีสนุกหรือไม่สนุก
กูว่านักเขียนที่ดังตอนนี้ก็มาจากการสั่งสมชื่อเสียงเมื่อก่อนเหมือนกัน มีความยากที่ต่างกันตามยุคสมัย สมัยนี้คนเขียนเยอะเกินทำให้เด่นออกมายาก สมัยก่อนคนเขียนน้อยแต่คนอ่านก็น้อยด้วยเทียบกับปัจจุบัน
>>883 แตงค์มาก งั้นคงประมาณ 150 หน้าแบบไม่เคาะสินะ กูจะพยายามให้มันไปถึง ปกติเวลากูเขียนกูติดแบบ บรรยายเท่าที่จำเป็นอะ กูยังงงเลยว่าคนอื่นเขาเขียนได้ยังไงยาวเหยียด แค่ตัวเอกกูคุยกันเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพล็อตกูยังไม่ค่อยอยากเอามาใส่เลย 55555
>>884 เออ พูดเรื่องสำนวน กูแต่งบุรุษที่ 3 แล้วแนวเรื่องเป็นแบบ เรื่อยๆ อะมึง คิดว่าจะมีคนอ่านมะ คือมันเรื่อยๆ มากจนไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยอะ 55555 บรรยายความรู้สึกกูยังไม่ค่อยบรรยายเลย อยากให้คนอ่านคิดกันเอาเองเงี้ย
>>885 อินเตอร์เน็ตมันกว้างใหญ่ การที่คนอ่านกับคนเขียนเจอกันได้คือพรหมลิขิตว่ะมึง ตราบใดที่รสนิยมเดียวกันเจอกันได้ก็มีคนอ่าน แต่ถ้าไม่เจอกันก็หงอยต่อไป
แต่ความเห็นกูนะ ปกติถ้ากูอ่านแนวเรื่อยๆกูก็อ่านเพื่อเสพบรรยากาศ ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแต่พอมึงไม่บรรยายความรู้สึกอีก ก็ต้องดูว่ามึงตั้งใจให้คนอ่านสนุกกับอะไร มีอะไรเป็นจุดขาย
>>889 ช่วงแรกมึงไม่ค่อยมีฉากต่อสู้แต่ช่วงหลังพอมีฉากต่อสู้เยอะๆคนเลยหายใช่มั้ย เพราะคนที่ชอบฉากต่อสู้เยอะๆหนีไปอ่านเรื่องอื่นเพราะช่วงแรกไม่มีฉากต่อสู้ที่พวกเขาอยากได้มั้ง ส่วนพวกที่อยู่มาจนถึงตอนท้ายโอเคกับเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยมีฉากต่อสู้ พอหลังๆมาเยอะก็เลยหนีบ้าง ส่วนคนพวกแรกก็อ่านไม่ถึงช่วงที่ต่อสู้เยอะ หรืออีกประเด็นคือฉากต่อสู้ไม่มีอะไรให้เม้น สู้กันคนนั้นชนะ จบ
กูขอถามได้ไหมว่าวายแฟนซีกับรักเซตติ้งแฟนซีมันต่างกันยังไง....
>>897 เปล่า โฆษณากับกูคนเดียว กูแค่อยากอ่านเฉยๆ ขอโทษที่พิมพ์ชวนเข้าใจผิด
>>898 สำหรับกู วายแฟนตาซี คือวายที่ดำเนินเรื่องเหมือนนิยายแฟนตาซีปกติเน้นต่อสู้ผจญภัยดราม่าการเมืองอะไรก็ว่าไปแต่ตัวเอกดันชอบผู้ชายด้วยกัน อารมณ์นิยายเอนเธอร์ที่รักกันจริงไม่ใช่แค่จิ้น ส่วนรักเซ็ตติ้งแฟนตาซี แกนเรื่องคือความรัก เน้นความรักเป็นหลัก แม้โลกที่ดำเนินเรื่องจะไม่ใช่โลกปกติหรือโลกปกติแต่มีสัตว์ประหลาด เวทมนตร์
>>898 เน้นรักเดินเรื่อง กับเน้นเนื้อเรื่งรักเป็นแต่ส่วนประกอบ
ยกตัวอย่าง นารูโตะ วันพีซงี้ แฮรี่พอตเตอร์ แนวนอมอล เน้นเนื้อเรื่อง รักมีคู่ตอนจบได้ แต่มันไม่ใช่การ์ตูนรักแบบโชโจมังงะ รักแฟนตาซีวายคือแนวโชโจเซ็ตติ้งแฟนตาซี แนวแฟนตาซีวายคือ แฟนตาซีที่คู่หลักเป็นชายชายอะ แต่เนื้อเรื่องมันจะเยอะกว่าไม่เน้นรักมาก ปูถึงคนรอบๆตัว
มีวายแฟนตาซีเรื่องไหนแนะนำบ้าง ตอนนี้ที่ชอบๆอยู่มีแค่ 3 เรื่องเอง อันนึงยังไม่จบ นข เขียนยืด อีกอันจบแล้ว และอีกอันเน้นพร
ซึ่งวายแฟนตาศีอะเขียนยาก เพราะนักอ่านมักจะเรียกร้องหาแต่พระนาย ติว่ารักน้อยไป โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขากำลังยัดเยียดรักแฟนตาซีมาใส่นิยายแฟนตาซี
คนเขียนวายแฟนตาซีไม่ค่อยมีคนอ่าน คนอ่านวายแฟนตาซีไม่ค่อยมีเรื่องอ่าน ประเด็นคือไม่มีกรมจัดหานิยายเหมือนกรมจัดหางาน ผู้ขาดแคลนทั้งสองฝั่งเลยไม่ได้เจอกัน หมวดนิยายวายก็รวมหลายแนวจนคุ้ยยาก
พอเห็นภาพละ ของกูถ้ามีปัญญาเขียนจบก็น่าจะจัดเป็นวายแฟนซี และปัญหาเหมือนกับที่พวกมึงพูดมาเลย
ตรงกูไม่รู้จะเอาเรื่องความรักไปโผล่ส่วนไหน ไอ้สัสมีแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ตัวพระนางเลย
จนกูจะโยนมันไปเป็นนิยายแฟนซีไม่มีความรักละเนี่ย
นิยายขาประจำที่แนะนำวนกัน ทำไมกูนึกออกเลยวะว่ามีเรื่องไหนบ้าง ถถถถถถถถ ขาดแคลนจังโว้ย
กูรู้สึกว่ามู้นี้คึกคักกว่าที่คิดไว้อ่ะ แปปเดียว900กว่าแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามวน กับศาลาคนเศร้าอ่านะ 😂
กูพยายามจะแชร์ความแหวกที่เคยพบเจอ จะได้ไม่เป็นศาลาคนเศร้า พวกมึงเคยเจอนอ.มาถามอะไรแปลก ๆ มั้ยวะ เช่น เวลาเขียนฉากเข้าพระเข้านาย (แค่เข้าพระเข้านายนะมึง ไม่ใช่ nc) ไม่รู้สึกแปลก ๆ หรือจั๊กจี้บ้างเหรอ หรือแบบถามว่ามึงเป็นหญิงหรือชาย ทั้งที่กูก็โชว์ความสาววายชิบหาย เหลือแค่โชว์บัตรปชช. หรือมาถามเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งของสนพ. แถมอะไร ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมแพง ทำไมๆๆๆๆ กูจะรู้มั้ยยยยยย มึงเอาเบอร์มั้ย กูจดให้
แนะนำนิยายกูหน่อย
กูชอบเขียนแนวเมะตัวเล็กเคะตัวใหญ่ๆอะ ละมันจะมีพวกนักอ่านบางคนเม้นซะเหมือนกูกำลังฝืนกฎธรรมชาติ กูแบบ...
เออ แต่นิยายวายกุแทบไม่เคยเห็นแนวต้องเดาพระเอกเลยวะ ชายหญิงมีเยอะนะ จนสงครามเรือตีกัยมันส์หยด ลุ้นกันชิหาย แต่วายแทบหาไม่เจออะ มีแต่แบบล๊อกคู่แต่ต้น
ปรึกษาหน่อยดิ พวกมึงทำยังไงให้คนเข้าอ่านนิยายวะ คือกูไม่แน่ใจว่าคนอื่นเขามีโปรโมทอะไรเยอะไหมหรือเขียนๆลงไปคนก็มาอ่านเอง แนวที่กูเขียนมันไม่ใช่แนวคนนิยมด้วย
>>922 กูเคยเจอนิยายที่คนจิ้นผิดโพเยอะมาก ถ้าคนเขียนไม่ซีเรียสก็จะพูดเป็นนัยๆในทอล์กหรือทวิตไป ก็ลดความพลิกตลบในใจคนอ่านได้ระดับนึงนะ ให้มีเวลาทำใจก่อนเจอฉาก แต่ถ้ามันมีผลกับเรื่องก็ปล่อยเลยตามเลยไปเถอะ
>>924 กูเจอนะ แต่ไผๆมาๆจากที่จะเชียร์ใครให้ได้กับนายเอกดี ใจกูกลับผิดผีจับตัวเต็งพระเอกมาได้กันเองในใจซะงั้น
KY คิดเห็นยังไงถ้าเขียนนิยายแฟนตาซีที่คู่หลักเป็น NL และให้คู่รองเป็น BL
คนอ่าน NL จะยี้ตอนถึงบทของ BL มั้ย
คนอ่าน BL จะอ่านโดยรวมรึเปล่าเพราะไม่ใช่บทหลัก
กูไม่ยี้นะ กูอ่านได้หมดอยู่แล้ว นักอ่านของกูหลายคนก็ไม่อ่านวายแต่อ่านนิยาย BL ของกูได้เลย กูแนะนำว่าอย่าเขียนติดเรตก็พอ ถ้าไม่ติดเรตแถมยังเป็นคู่รอง นักอ่านผู้ชายยังอ่านได้เลยมึง แต่มึงอย่ามุ่งทำยอดกับนักอ่านสายวายเพราะมันเน้นแฟนตาซีใช่มะ มันคนละสายกัน
Ky เขียนฉากต่อสู้ยังไงให้สนุกไม่ให้นักอ่านอ่านข้าวะ
ไม่ค่อยมีอารมณ์จะเขียนนิยายเลย
Ky เวลายอดเฟบลดพวกมึงรู้สึกยังไงวะ กูเห็นแล้วห่อเหี่ยวชหิไม่มีกำลังใจแต่งต่อเลย TT
มึง กูอยากได้เทมเพลตเวลาจัดหน้าในเวิร์ดอ่ะ เทมเพลตปกอะไรประมาณนี้ แบบต้องเว้นยังไง เผื่อยังไง เรียงหน้ายังไง กูอยากทำหนังสือเอง มีใครพอจะแขวนลอยๆ ให้กูได้บ้างมั้ยยยย พลีสสสส
กู 945 คิดซะว่ากูไม่ได้ขอก็แล้ว ขอบคุณมาก
กูเคยจัดเอง ลำบากเหลือเกิน ตรวจแล้วตรวจอีก จ้างเอาดีกว่า
กูเคยจัดเอง ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่ใช้เวลานาน ทางที่ดีมึงลองปรึกษาโรงพิมพ์ดูนะ
ขอบคุณทุกคนมาก
มึงว่าจองกับ readawrite นี่ยากป่ะ กูไม่เห็นค่อยเห็นใช้กัน
ถามหน่อยสิ อยากรู้ว่าเดี๋ยวนี้ ถ้าแต่งนิยายส่งสนพ.เลยโดยตรง แบบไม่เคยลงเน็ตมาก่อน จะมีสิทธิ์ได้ตีพิมพ์ไหมอ่ะ หรือโอกาสจะน้อยกว่าลงเน็ตมาก่อนปะ
Ky ขอนิยามคำว่านิยายฟีลกู้ดหน่อย มันเป็นนิยายแนวไหนอ่ะ แบบอ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ เนื้อความสัมพันธ์พระนาย โครงเรื่องคือยุคปัจจุบันแนวมหาลัย แนววัยทำงานงี้ป่ะ
มึง ๆ ถ้าเป็นพวกมึง มึงจะทำไงวะ สมมติมึงลงนิยาย 8 เว็บ ในนั้นมีเว็บนึงแม่งมีกฎห้ามลบ มีอีก 7 เว็บสามารถปิดตอนได้ แล้วมีสนพ.มาติดต่อซื้องานมึงไปพิมพ์ เงื่อนไขคือต้องลบนิยายหรือปิดตอน เพราะมีผลกับการเลือกซื้อนิยาย แต่ๆๆๆๆ คนที่ตามอ่านงานมึงทำให้มึงรู้สึกว่าพวกเค้าเกลียดนข.ที่ปิดตอนหรือลบนิยายมาก
แต่งจบแล้วลงในเล้าเป็ดแจ้งลบจะโดนไรมั้ย
Ky ลงนิยายจบแล้ว ยอดเฟบลดฮวบๆ นี่ปกติปะวะ
กู 963 ขอบใจพวกมึงมากที่ตอบ สนพ.เค้าบอกกูว่าคนอ่านฟรีแล้วไม่ซื้อ แต่กูกลัวโมฯ เว็บนึงด่า กลัวคนอ่านด่าซ้ำ จริงอย่างพวกมึงว่า กูจะเอาตังค์มาแ-กข้าวหนือแคร์ความรู้สึกคนอื่น
Ky เพื่อนโม่ง นักอ่านถามว่านิยายกูฮาเร็มมั๊ย พอกูบอกว่ามีพระเอกคนเดียว นักอ่านคนนั้นก็หายสาบสูญไปจากนิยายกูเลยว่ะ กูทำผิดอะไร Orz
กูมาถามต่อจากมู้นักเม้า ปกตินิยายทำมือพิมพ์กับโรงพิมพ์ไหนกันอ่ะ กูอยากพิมพ์นิยายขายเองไม่ส่งสนพ แล้ว มีโรงพิมพ์ดีๆ แนะนำกูบ้างมั๊ย
Ky เม้นบนๆ ที่บอกว่าวันจันทร์-ศุกร์คนอ่านนิยายเยอะกว่า แต่ทำไมกูรู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์คนอ่านเยอะกว่าวะ
กูที่เคยมาถามเรื่องโรงพิมพ์เมื่อต้นๆ มู้
กูลิสต์รายชื่อโรงพิมพ์ที่กูไปตามส่องมาให้เลยแล้วกัน
Impress
Fastbook
The white page
Neo digital (ยังไม่เคยคุยด้วย)
Purinto
วัชรินทร์ (มีขั้นต่ำ 300 เล่ม)
ทุกโรงพิมพ์(ถ้ากูจำไม่ผิด)สามารถพิมพ์ออกเซ็ตได้ ราคาแตกต่างกันไป เช่น ของแถมพวกโปสการ์ด ที่คั่น กระดาษปก และเทคนิคพิเศษอื่นๆ
กูขอบ่นประสบการณ์กูให้ฟังด้วยเลยแล้วกัน
หาโรงพิมพ์ ก่อนคำนึงถึงราคา มึงหาโรงพิมพ์ที่คุยกับมึงรู้เรื่องก่อนนะ ไม่งั้นมึงจะปวดหัว
กูไปงม ถามๆ มาหลายที่ บางที่ตอบปัดๆ บางที่อธิบายดี บางที่บอกแต่ว่าแพงมาก แต่ไม่บอกราคา ดังนั้น กูแนะนำว่า จะพิมพ์อะไร มึงจดสเปคมาเลย
ขนาดหนังสือ
จำนวนหน้าสี
จำนวนหน้าขาวดำ
มีพินอัพมั้ย
กระดาษปกใช้กระดาษอะไร
เคลือบหรือเปล่า
และพิมพ์จำนวนกี่เล่ม
ใช้เทคนิคพิเศษที่หน้าปกหรือเปล่า (เทคนิคพิเศษคือ พวกสปอต uv / ปั้มฟลอยด์ / ปั้มนูน หาดูรูปตัวอย่างว่าอย่างไหนเรียกอะไรที่วัชรินทร์ ชัดดี)
สุดท้ายมึงไปดูตามนข.ที่เล่มเค้าดีๆ ไปส่องกล่องว่าใช้โรงพิมพ์ไหน แล้วมึงค่อยตัดสินใจ บางที่มีรับทำเล่มตัวอย่างด้วย พวกมึงลองดูแล้วกัน
สำหรับกู ถ้าเป็นมิตรหน่อยก็อิมเพรส ราคาโอเค เดี๋ยวนี้สีไม่ค่อยเพี้ยนแล้ว แต่บางทีก็งงๆมึนๆ
ถ้าจะทำเทคนิคพิเศษต่างๆต้องถามดีๆว่าตอนรีปรินท์ราคาเท่าไหร่
Ky ปกติพวกมึงจ้างนักวาดปกใบ้งบปกละเท่าไหร่ 3,000 - 10,000 ใช่ราคามาตรฐานมั๊ย
อยากจ้าง แต่กลัวไม่คุ้มคนจองนี่ดิ
พวกมึง อยากถามหน่อยว่าถ้ากูจะตีพิมพ์นิยายแต่พิมพ์ไซส์ B6 นี่มันจะโอเคป่าววะ เนื้อหาแนวฟีลกู้ด ไม่ยาวมาก เล่มเล็กๆ แบบนี้จะมีคนซื้อป่าว หรือว่าต้อง A5 เท่านั้น
B6 ก็ไม่ได้แย่ เล่มกะทัดรัดดี
ปิดยอดให้ มู้นี้คนเยอะกว่าที่คิดนะ 555555
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.