ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนหรือนักอยากเขียน
ไม่ว่าจะแต่งนิยาย เรื่องสั้น หรือแฟนฟิค
ถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยก็ถามในนี้ได้เลย!
Last posted
Total of 1000 posts
ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนหรือนักอยากเขียน
ไม่ว่าจะแต่งนิยาย เรื่องสั้น หรือแฟนฟิค
ถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยก็ถามในนี้ได้เลย!
ดีดี ต่อไปนี้รู้เลยใครเล่นโม่ง 55555555
กูขอถามเลยละกัน โปรโมตนิยายยังไงให้คนมาอ่านวะ นิยายกูนี่แห้งเหี่ยวมาก แต่งลงเว็บแบบไม่รู้ว่ามันดีไหมหรืออะไรยังไง เพราะไม่มีคนอ่านและคนเม้นต์ จนกูชักจะขี้เกียจลงละเนี่ย 55555555555555
กูเข้ามาเจิม + ช่วยดันจ้า มีที่คุยเป็นเรื่องราวกูจะได้ตามส่องถูก ถถถถ
อะ กูปักหลักกระทู้นี้ละ 55555555 จะกลายเป็นกระทู้โม่งแหกมั้ยเนี่ย
ตอนนี้กูอยากเขียนนิยายมาก ๆ แบบ...มากกกกก แต่สมองไม่วิ่งเลย นิ่งมากจริง นี่หรือเปล่าที่เขาเรียก writer's block
>>3 ความรู้สึกกูคือเพจดังรีวิวได้ผลสุด555 แต่เท่าที่เคยเห็นคนพูดมา คืออัพบ่อยน่ะ แล้วถ้าให้เป็นเวลาสม่ำเสมอจะดีมาก เช่นอัพห้าโมงก็อัพห้าโมงตลอด สองทุ่มก็สองทุ่มตลอด หรืออีกอย่างเวลาคนขอให้แนะนำนิยายแนวที่มึงเขีบน มึงก็เอาแนวนั้นแนะนำไปสองสามเรื่อง(ถ้าเป็นเรื่องดังๆจะดีมาก)แล้วเอาเรื่องที่มึงแต่งแทรกไปด้วย ให้ชื่อผ่านหูผ่านตาคน
นิยายวายแนวมหาลัยถ้าไม่พูดมึงกูแต่ใช้พวกชั้นแกนายแทนมันจะแปลกมั้ยวะ 55555
แล้วพวกมึงก็ตั้งกระทู้กันจริงๆ
เรา นาย ก็พอได้นะ แก ข้า ก็เคยได้ยินคนพูดอยู่แต่น้อยอ่ะ
แล้วถ้าแนววายแฟนตาซีปัจจุบันใช้ ฉัน-นาย มันแปลกมั๊ย
กูเห็นระยะหลังนี้มีคนซื้อโฆษณานิยายทางเฟสบุคด้วย คิดว่าวิธีนี้คุ้มปะวะ ขอความเห็นหน่อย
ทีมฉัน นาย กับ ผม คุณ ว่ะ ใช้แล้วละมุน ไว้เวลาโกรธกันสุดๆ ค่อยขึ้น แก พอ ไม่นิยม กูมึง เอ็งข้า กันทั้งเรื่อง แต่เพราะกูชอบเสพนิยายแปลด้วยมั้งเลยชิน
วายมหาลัยไทยกูคิดภาพคนใช้ฉัน-นายไม่ออกว่ะ ถ้านิยายแปลก็คงได้มั้ง
Ky ทำไมนักอ่านบางคนถึงชอบพระรองมากกว่านายเอกวะ คือกูเห็นหลายเรื่องแล้ว(รวมถึงเรื่องกูด้วย) นักอ่านแม่งเชียร์พระรอง ขนาดบทพระรองแม่งน้อย แม่งดีสู้พระเอกไม่ได้แล้วนา
ถ่้านิยายไทย รู้สึกว่ากูมึงธรรมชาติดีนะ แต่คือแล้วแต่คาแรกเตอร์มึงด้วยเว่ย
ถ้ามึงคาแรกเตอร์แนวงื้มๆๆงื้อๆๆๆ (ไม่รู้จะนิยามคาร์แนวนี้ว่าอะไร หวังว่าจะเข้าใจกู) ก็ใช้อะไรซอฟๆได้ แทนตัวเองด้วยชื่อยังได้
>>35 ลงแล้ว แต่ไม่มีคนอ่านไง 55555555555 เลยอยากหาช่องทางโปรโมตนิยายโว้ย พอไม่มีคอมเม้นกูเลยไม่รู้จะไปไงต่อเลย มันโอเคไหมหรือยังไงกูก็ไม่รู้ เลยคิดอยู่ว่าจะลงไปเรื่อยๆ หรือหยุดดี คือกูคิดว่ากูก็ลงสม่ำเสมออยู่นะ อาทิตย์ละตอนอะ ตอนนึงค่อนข้างยาวอยู่นะ 7-8พันคำ (หรือสั้นวะ 5555) อยากรู้ว่าที่ไม่อ่านกันเพราะเรื่องกูมันเหี้ยมากไปหรือยังไง ถถถถถถถ
>>39 หรืออาจจะใช่ มาคิดแล้ว ชื่อเรื่องน่าจะเฉยๆไป แต่กูคิดที่มันเข้ากะเรื่องเท่านี้ไม่ออกแล้ว TT ว่าแต่เปลี่ยนชื่อแล้วลงใหม่ทันไหมวะ ถถถถถ
>>40 นิยายกูแนววัยทำงานวะ เรื่องเลยเกี่ยวกับการทำงานซะส่วนใหญ่ แล้วก็อาจจะเดินเรื่องช้าด้วยแหละมั้งเพราะกูแต่งแบบสรรพนามบุรุษที่ 1 ตัวเอกสองคนสลับกันเดินเรื่องมุมตัวเองอะ ตัวละครทุกตัวคือโตแล้วอะ //ไว้กูจะทำตามคำแนะนำมึงดูนะ
ลงถี่มากเนื้อหาน้อยระวังเด็กดีมันจะไม่แจ้งเตือนให้ (ในกรณีเด็กดี) เดี๋ยวนี้ตอนละเท่าไหร่นะ สามพันปะ
แต่คือมึงสามารถ paste ลงไปสองรอบ กดอัพไปรอบนึง ให้มันแจ้งเตือน แล้วมึงก็กลับมาแก้บทความลบส่วนที่ซ้ำออกทันทีเลยงี้
แล้วก็ระวังคนอ่านรำด้วย 555555555555
พูดในฐานะคนอ่าน กูไม่ชอบคนที่ลงทีละส่วนเลย จะลงก็ลงมาทั้งตอนดีกว่า
>>44 เพิ่งผ่านมามุมมองกูคนอ่านนะ ถ้าซอยขนาดนั้นกูไม่อ่านละ ถ้าเรื่องทั่วๆไปยังแต่งแบบกั๊กๆอีกก็บายแถมแบนไม่เผาผีด้วย เว้นแต่นิยายเมิงจะสนุกจริงๆ
แบ่ง 50% รับได้ถ้าคนแต่งมีวินัย นัดแล้วมาจริง หลอกได้แต่อย่าหลอกบ่อย ซอยยิบย่อยกว่านี้กูไม่โอเค ถ้าอยากซอยจริงๆก็ลดจำนวนคำ/จำนวนหน้าลงแล้วขึ้นตอนใหม่ไปเลย 9 10 11 12 ทำใจว่าตอนนึงจะสั้นลง หรือแก้วิธีการแบ่งตอนจากที่ตัดตามจำนวนหน้า เปลี่ยนเป็นตัดตามอารมณ์/เหตุการณ์ในเรื่อง ฉาก cliffhanger อะไรก็ว่าไป
ตัดตอนละ 4พันไปเลยก็ได้ ลงเป็น% มันน่าหมั่นใส้
อ่อ กู 45 นะ >>44 ปกติ กูจะซอยตอน แต่จะไม่เขียนว่า 1/3 เกตปะ
สมมติมึงจะซอยตอนที่แปดเป็นสามตอน กูจะเขียนว่า 8 9 10 ไปเลย
แต่ในเล่มกูก็คือรวบสามตอนย่อยนี่เป็นตอนเดียว คนอ่านก็จะมีฟีลลิ่งว่ามึงไม่ได้ซอย มึงแค่อัพสั้นไรงี้ (ซึ่งในบางแง่ ก้อาจจะน่ารำสำหรับคนอ่านเหมือนกัน 55555)
กูว่ากูลงยาวๆของกูเหมือนเดิมดีกว่า เพราะเอาเข้าจริง ถ้าถามกูในฐานะคนอ่านกูก็ไม่โอเคกับการที่ลงซอยยิบย่อยเหมือนกันวะ เดี๋ยวกูหาวิธีอื่นเอาดีกว่า นิยายกูอาจจะไม่โอเคจริงๆคนเลยไม่อ่านวะ 55555555555 กูปลงละ ขอบใจเพื่อนโม่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอกอดคนละที
กูเห็นด้วยกับเม้นท์บนเรื่องการลงแต่ละตอนแล้วซอยซะละเอียดยิบจนอ่านไม่รู้งเรื่อง เหี้ยสุดก็สองเพศจลอ ไรนั่นนะ ลงทีละ50%กูว่าพอไหวนะ ของกูบางตอนมันยาวๆสิบห้าสิบหกเอสี่กูก็แบ่งครึ่ง แต่ในฐานะคนอ่านกูเกลียดนิยายที่ซอยอัพวันละ20% 40% เพื่อเพิ่มยอดวิวมาก
รีวิวเพจมีผลจริงนะกูยืนยัน แม้ว่านิยายกูจะโดนด่าก็ตาม ถถถถ
ไม่ใช่เว้ย 555555 นิยายกูไม่ดังขนาดนั้น
กูโดนเพจนั้นแหละ 555555555555
กู 61 นะ คือมึงรอตอนเขาขอนิยายอ่านอ่ะ มึงไปโยนไว้ ถ้าเขาชอบก็ดี ถ้าไม่ก็ตามสภาพ 555555
มมนดว มึง
กูว่า รรวสตน นางยังเบาๆ นะ ถ้าเทียบกับ มมนดว อ่ะ
ย่อซะกูงง
รววสตน กูว่าไม่ได้รีวิวแรง อ่านแล้วคนเขียนแฮปปี้ แต่มมนดวด่าคนเขียนเกินเลยมาก
มมนดว นี่กูแก้ปริศนาไม่ได้ว่ะ ใครช่วยใบ้เพิ่มที มันคือเพจอัลลัยยยยย
กูจะใบ้คำแรกให้ว่า หมก
เอาจริง มมนดว อ่ะ ทำนักเขียนเจ็บไปหลายคนล่ะอ่ะ พอๆ กับเพจเสียดายอ่ะ
กูงงว่าเพจไหนที่รับหนังสือแล้วไปขายต่ออ่ะ
กุรำคาญมมนดวมากกก แบบมิ้วไปนานละ
ทำไงให้นิยายพิมพ์เองขายเกินพันเล่ม
มึงต้องดังจริงๆ อ่ะ กูรู้จักคนนึงนิยายเฟบหมื่น ยอดวิวล้าน ยอดก็พันสองพันอ่ะมึง รอบสต้อกก็มีคนจองเยอะ
ยอดหลักพันนี่ต้องดังระดับจวิ้อ๋อ ขั้ฟ้ ไรงี้ ที่ทำมือนึกออกประมาณนี้ ซล่าม นี่ก็น่าจะถึงปะนะ
เพจเสียดายนี่ใช่ไหดอง____ ที่มาสับเรื่องร้ายเดียงสาในทวิตปะ
คนละคนๆๆๆ
ทำไมนข.บางคนชอบเอาเรื่องที่เคยเขียนจบแล้ว มาเขียนให้เด่นกว่าคู่ปัจจุบันในเรื่องใหม่เหรอ หมดมุขเขียนแล้ว เรื่องที่สองมันแป๊กเลยต้องเอาเรื่องอื่นมาดึงกระแสให้คนมาตามอ่านยังนี้คือฝีมือตกป่ะ ไม่ใช่สามารถเขียนให้คู่หลักเด่นของเรื่องได้ เรื่องตัวเองแต่เหมือนเป็นตัวประกอบปูไปเรื่องต่อไปอีก
Ky พวกมึงเคยก็อปนิยายตัวเองป่ะ แบบคาร์ตัวละครคล้ายๆ กัน ฉากจบสไตล์เกียวกัน แม่งช่วงนี้กูหมดมุก กะจะเอามุกเก่านิยายตัวเองมาใช้แล้ว
>>94 งานมึงจะซ้ำซากนะ กูนึกถึงงานชญ.คนเขียนThis time จะกี่เรื่องคาร์ก็ซ้ำ พล็อตอาจเปลี่ยน แต่อ่านแล้วจะเดจาวูมากว่าตลค.นี้เหมือนตลค.อีกเรื่อง
แต่นี่คือมึงจะก็อปพวกเส้นเรื่อง พล็อต ตอนจบด้วย? งั้นกูอ่านแค่เรื่องเดียวก็ได้ไหม? งานรีไซเคิลแบบนี้กูไม่ค่อยอ่าน และแบนด้วยกับพวกหากินเอาฟิคมาแปลงเป็นนิยาย หรือเอาวายมาแปลงเป็นชญ. ถึงจะงานตัวเองก็เถอะ แต่มึงคนเขียนจะทำไรก็ได้ไง
แล้วแต่มึง.... นี่เป็นแค่ คหสต ของกู
Ky เพื่อนโม่ง กูอยากรู้ว่าทวิตเตอร์จำเป็นมั๊ยในการโปรโมทนิยาย ปกติกูมีเพจอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีทวิตเตอร์ไว้แจ้งข่าวนิยาย กูควรสร้างแอคดีมั๊ยวะ
ขอโทษนะ เหมือนเห็นผ่านตาว่ามีห้องไหนคุยกันเรื่องสรรพนามผู้ชายใช้เรียกกันในนิยาย แต่หาไม่เจอแล้ว ขอถามอีกรอบเลยละกัน ถ้าผู้ชายสายวายไม่เรียกกันมึงกู จะเรียกกันยังไงดี
Ky กูคิดว่านิยายกูกำลังออกทะเล
แต่นักอ่านกูไม่รู้ กูควรเขียนต่อหรือรีไรท์ดีวะ
กูเคยออกทะเลแบบสุดตีน แบบนี่มันไม่ใช่ที่กูคิดไว้ตอนแรก แต่มันก็ออกมาโอเคนะ แบบคนอ่านชอบ กูก็ชอบ
>>103 กูเคยมาถามแล้วรอบนึง 55555 คือกูวางพล็อตไว้แบบคร่าวๆ โครตคร่าวเลย มีแค่ฉากจบกับฉากพีคๆ ที่ตัวเอกต้องเจอ แต่พล็อตระหว่างทางกูไม่มี 55555 แล้วตอนนี้กูรู้สึกอ่านของตัวเองแล้วมันอึนๆ จะว่ายืดก็ไม่รู้ยืดมั๊ย ถ้านักอ่านมาแย้งว่าช่วงหลังยืดแปลกๆ ออกทะเล กูคงรีบติดประกาศรีไรท์ แต่แม่งไม่มีใครเม้น กูเลยไถต่อไปแบบเด๋อๆ คือกูทำพล็อตรองสำรองไว้เผื่อแล้ว แต่รู้สึกช่วงหลังคนอ่านน้อยลง คอนเม้นน้อยลงอ่ะ กูเลยคิดว่าเรื่องตัวเองแม่งดรอปลงรึป่าววะ ใจนึงก็อยากรี ใจนึงก็อยากไปต่อ เหมือนชักกะเย่อกันแล้วกูอยู่ตรงกลางไม่รู้จะไปไหนต่อ ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว ; v ;
>>107 คหสต ในฐานะนักอ่านนะ กูไม่ชอบให้นิยายที่กูอ่านอยู่รีไรท์ ถ้ามึงอยากรีมึงควรเขียนให้จบเรื่องก็แล้วค่อยรี จะได้เห็นวิวัฒนาการตัวเอง แต่งจบแล้วค่อยมาอ่านย้อนว่าควรแก้ตรงไหนปรับตรงไหนอะไรยังไง ไม่ใช่แจ่งได้กลางเรื่องแล้วประกาศรี กูไม่โอเคมากๆ จนเลิกตามไปหลายเรื่องแล้ว
>>112 +1 กูด้วย ยิ่งปิดตอนหายไปรีไรท์นี่ลาเลย กลับมาอัพกูก็ไม่ตามแล้ว ต่อไม่ติด หมดpassion แล้วจากที่กูเจอๆมา อีพวกปิดตอนเนี่ยหายยาว กูเลยไม่หวังละ เจองี้ก็บาย
เคสตัวอย่างของกูก็เพื่อนพระเอก ก่อนรีมีวินัยมาก ลงสม่ำเสมอ รีปุ้บหายยาวไปเลย พอกลับมาอัพเหมือนเดิมกูก็เทไปเรียบร้อย มีเรื่องใหม่อ่านแล้ว
มันก็ย้อนกลับไปเรื่องวินัย/ความสม่ำเสมอที่พวกเมิงคุยกันบนๆ
ถ้าอยากทำจริงๆไปซุ่มเขียนข้างนอกแล้วลงรีไรท์รวดเดียวไปเลย
แจ้งคนอ่านหน่อยว่าแก้ตรงไหนบ้าง จะได้รู้ว่าต้องอ่านตรงไหนบ้าง กูเคยอ่านนอร์มอลเรื่องนึงแม่งบอกมาเลยว่ารีตั้งแต่บทไหน ทำสีให้ด้วยว่าเป็นเนื้อหาส่วนรีไรท์ โคตรประทับใจ
>>113 อห นข คนไหนวะ ลงทุนสุด
แต่ร้อยละ99 ที่กูเห็นคือประกาศรีไรท์แล้วายไปเลย
ยิ่งปิดตอนกูอันเฟบ โบกมือลาอ่ะ รู้อนาคตเลย
จะอัพอาทิตย์ละครั้งเดือนละครั้งกูไม่ว่าแต่ขอให้บอกก่อน
เอาจริงๆ กูสนับสนุนให้แต่งจบจนแล้วถ้าอยากรีค่อยรี จะได้รู้ว่าควรแก้ตรงไหนอย่างที่เม้นบนๆ ว่าอ่ะ ไม่ใช่แต่งได้ไม่กี่ตอนแล้วรี เดี๋ยวมึงจะเข้าสู่วงจรรีไรท์แล้วออกไม่ได้นะเว้ย
เข้าแล้วออกอยากมาก จะกลายเป็นรีไรท์ลิซึ่ม จนวันนึงมึงเขียนงานดีแค่ไหนก็ไม่พอใจ รู้สึกอยากรีไรท์ตลอดเวลา กูไม่เห็นงานที่ มึงเอามาปรึกษาเลยบอกไม่ถูก
อีกแง่คือมึงเป็นพวกชอบรีไรท์อยู่แล้ว จากที่มึงบอกว่านักอ่านไม่ท้วง ไม่เม้นติ งานมึงอาจจะไม่ได้ออกทะเลแต่มึงมโนเอง จิตใต้สำนึกมึงอยากรีไรท์ ไม่พอใจงานตัวเองไรงี้
มึงอาจจะเป็นรีไรท์ลิซึ่มก็ได้ เชื่อกู กูเคยผ่านมาก่อน 55555555
สำหรับกูถ้ารีกลางเรื่องคือกูอยากเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่กูเขียนไปแล้ว ละถ้าไม่เปลี่ยนส่วนนี้กูจะไปต่อไม่ได้ไรงี้ หรือกูบลอคมากๆ แบบมีทางเลือกสองทางระหว่างเลิกเขียนกับรีไรท์งี้ 5555555
กูสงสัย ปกติคนอ่านเขาชอบอ่านเรื่องว่านักเขียนได้แรงบันดาลใจจากไหน หาข้อมูลอะไรยังไง มีเพลงประกอบอะไรตอนแต่ง 10factsของตัวละคร ฯลฯ อะไรแบบนี้กันเปล่าวะ เห็นนข.ชอบเล่นแท็กกัน
กูไม่ลงฉากเรทบนเว็บอ่านนิยาย กูผิดเหรอ ทั้งที่นิยายกูไม่ได้ทำเล่มขายหาเงิน แต่กูโดนคนอ่านว่ากูเรื่องนี้ตลอด หาว่ากูกั๊กเนื้อหา
กูไม่ได้กั๊ก ฉากเอากันมันจะมีเนื้อเรื่องอะไรวะนอกจากการเอากัน ที่สำคัญกูพอใจที่จะไม่ลงฉากเรทบนอินเตอร์เน็ท มันก็เรื่องของกูป่าววะ
เพื่อนโม่งที่เป็นนักเขียน มึงเคยเจอคนอ่านที่โชว์ความเป็นพี่ใส่มึงมะ กูดูรูปในดิสแล้วไม่น่าเป็นพี่กูนะ เล่นหัวกูยังกะกูเพื่อนมึง
>>123 มีบ้างแต่ส่วนมากมักจะเป็นพี่กูจริงๆ 555555555555 (กูไม่เด็กนะ แบบเลยเบญจเพสมาประมาณนึง)
แต่ที่พีคก็คือ เคยมีคนอ่านชอบมาชวนกูคุย คุยกันนานมาก แบบหลายเดือนเรียกตัวเองว่าหนู เรียกกูว่าพี่ กูก็เลยเรียกตัวเองว่าพี่ ไปๆมาๆ เค้าอายุมากกว่ากูอีกจ้า ช็อคไปเลย คือเค้าคิดว่ากูอายุเท่าไหร่เนี่ยยย แต่คือปกติคนอ่านไม่ค่อยเล่นหัวกูเพราะคิดว่ากูแก่
>>122 มี แต่กูไม่ลงว่ะ กูตัดออกแบบตัดฉับเลย
>>127 พูดอะไรวะ กูต้องพูดอะไรเหรอ กูงง ถ้าในเรื่องกูบอกเลยอะว่า กูตัดฉากเรทออก แล้วบอกชัดเจนเรื่องนี้อ่านฟรี
หรือเพราะกูทำปกเองเขาเลยคิดว่ากูจะทำเล่ม กูแค่อยากมีปกของนิยายกูเอง กูไม่ทำอะ กุอีดิทกะพรูพเองไม่ไหว จ้างทำไปก็ขาดทุน
กูอยู่นิ่ง ๆ ของกูดีกว่า กูแค่ไม่ชอบที่มาว่ากูกั๊กเนื้อหาเพื่อทำเล่มขาย
จากเหตุการณ์นี้กูเลยคิดได้ กูไม่ควรเขียนนิยายต่อ กูเลิกเขียนแล้ว
>>128 ใจเย็นมึง กู 122 นะ ถ้ามึงทิ้งกูว่าน่าเสียดาย แต่กูเคารพการตัดสินใจของมึง อีกอย่าง ถ้ามันด่าแรงมากๆ ก็ไม่ลงต่อก็ดี ได้ยินพวกมึงบ่นเคสแปลกๆ กันเยอะ ไม่ลง nc ก็ด่า ไม่อันนู้นอันนี้ก็ด่า ปิดตอนก็ด่า
กูไม่เข้าใจว่าคนสมัยนี้มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมดแล้ววะ กูขอบอกว่ากูก็เป็นฝ่ายนักอ่าน แต่บางทีก็รู้สึกว่านักอ่านด้วยกันมันทำตัวเยอะไปว่ะ โดยเฉพาะปิดตอนกับไม่ลง nc ของมึงเนี่ย สิทธิ์ของมึงเต็มๆ นะ ถ้าบ่นเสียดายกูเข้าใจ แต่ด่าแรงๆ กูว่ามันไม่ใช่
ถ้าเป็นกู กูไม่บอกนะว่าตัดไอ้นั่นไอ้นี่ กูก็อัพเท่าที่จะอัพ ไม่มีหยอดว่าไม่ลง nc น้าหรือ nc รอในเล่มน้า
ไม่มีคนอ่านงอแงเลย ถ้ามึงไม่ได้ทำเล่ม+ไม่ลงฉากในเว็บ=มึงไม่แต่งฉากเลยปะวะ ก็บอกไปดิว่าของมันไม่มีจะให้ลงอะไร หรือมึงแต่งเฉยๆแต่ไม่ลงที่ไหน ไม่ให้ใครอ่านเลย กูก็งงๆ มึงไม่บอกแต่ต้นก็จบละ
ถ้าไม่มีคนถามแล้วมึงไม่ลงให้อ่านก็จบไปตามนั้น แต่ถ้ามีคนถามมึงก็ควรบอกไปเลยว่าไม่มี (ในเมื่อมึงไม่คิดจะลงอยู่แล้ว)และถ้าไม่ทำเล่มด้วย
ก็บอกเพิ่มไปอีก ตอนกูเขียนก็มีคนอ่านมาเมนต์ถามเลยว่าเรื่องนี้จะมี nc มั้ย กูก็บอกในทอล์กส่วนท้ายไปเลยว่ามีหรือไม่มี ทุกคนก็ดูโอเคกันนะ
ลองดูนะมึง บางอย่างก็อย่าเอามาเสียอารมณ์นักเลย
เรื่องนักอ่านโหยฉากเรทแม่งธรรมดามากอะ เคยเห็นนิยายสายนอร์มอลแนวมาเฟียเรื่องหนึ่งตั้งแต่สมัยลงใหม่ๆ สายวางแผน ไม่ขึ้นเตียง
คนอ่านแม่งมากรีดร้องดีดดิ้นว่าเมื่อไหร่จะตบจูบข่มขืนซะที รอไม่ไหวแล้ว
อีกเรื่องเขียนฉากอีโรติก (อีโรติกนะ ไม่ได้บรรยายแบบป๊าบๆตรั่บๆ) ภาษาสวยเลย
คนอืานด่าว่าไม่สนุก นางเอกไม่ครางเลยเหรอ นู่นนั่นนี่ ไม่สมจริง
อีห่า กูเหวอแทนคนเขียนไปอีกตลบ
บ่องตงว่ากุไม่แปลกใจอะไรอีกแล้ว นักอ่านหลายรายก็แค่อยากอ่านเรื่องเสียวที่ไม่ได้อยู่ในเว็บเสียวเท่านั้นแหละ
อาจารย์กูบอกว่าเดี๋ยวจะผลิตอะไรตามใจตัวเองไม่ได้ไม่งั้นขายไม่ออก ต้องดูเทรน แนวโน้มค่านิยมความชอบของผู้บริโภคด้วย ตอนนี้นิยายวายแนวไหนกำลังมาแรงวะ ระบบ? พระเอกยัน? เกิดใหม่? กูจะได้ไปแต่งบ้าง 555555
กูเขียนฟิคคู่นึง ล็อคโพสิชั่นเรียบร้อย จั่วหัวแล้วนะว่าคู่นี้เท่านั้นไม่มีเปลี่ยนใจ อย่างเช่นกูชิพ A×B มันก็ยังจะมีคนมาบอกว่าฟิคกูสนุกนะ แต่เปลี่ยนจาก A เป็นเมะ มาเป็นเคะดีกว่ามั้ย หรือไม่ก็ไม่ชอบ A เลย เปลี่ยนจาก A×B มาเป็น C×B แทนได้มั้ย กูควรทำไงดีวะ จะด่าแรงๆก็ทำไม่ลงอะ อย่างน้อยเขาก็ตั้งใจอ่าน แม้ใจจริงกูจะกรี๊ดแล้วตะโกนว่าอยากได้ C×B หรือ B×A ก็ไปเขียนอ่านเองสิโว้ย มาอ่านอะไรในฟิค AxB มิทราบ ไม่มีให้หรอกนะ
ตอนนี้กูท้อแท้เล็กน้อยวะมึง มีแต่นักอ่านเงายอดวิวเพิ่มสูงมากแต่ไม่มีคนคุยกับกูสักคน
กำลังแต่งนิยายเรื่องนึง ที่มีฐานแฟนคลับพอสมควร ยอดวิวผกผันกับปริมาณคอมเมนต์เหลือเกินว่ะ รู้สึกท้อใจมาก กูกำลังไปถูกทางแล้วจริงๆใช่มั้ยวะ
คนอ่านไม่เม้นปัญหาโลกแตก กูเห็นบางคนบอกว่ารอให้คนเขียนลงจนจบก่อน รออ่านทีเดียว แต่ระหว่างทางกว่าจะลงจบกูไม่มีกำลังใจเลย พอเจอเม้นนึง แค่ขอบคุณค่ะ ชอบจัง กูเปิดอ่านซ้ำอยู่นั่นแหละ กูอยากหยุดเขียนบ้าง กูเหนื่อย กูอยากร้องไห้ บางทีกูเขียนจบแล้วอยากทำเล่มเอง กูยังไม่รู้เลยว่ากูควรทำดีมั้ย เพราะไม่มีคนให้ฟีดแบค
>>156 โอ๋นะมึง อ่านแล้วจะร้องงง กูเข้าใจ โอ๋ๆอยากช่วยเมนต์จัง แต่ให้กำลังใจแทนนะ จะบอกให้เอาลิงค์นิยายมาลงในโม่งก็กระไร 555 เอาเป็นว่า ถ้ายังสบายใจที่ได้เขียนก็เขียนต่อไป ถือเป็นการฝึกฝีมือไปในตัว เพราะกูคิดว่ายิ่งเขียนยิ่งเป็นการขัดเกลาสำนวนให้อ่านสมู้ทขึ้นอ่ะ แต่ถ้าเหนื่อยก็พักบ้าง ไปทำอย่างอื่นบ้าง อยากเขียนค่อยกลับไปเขียนต่อ แบบนี้น่าจะไม่เครียดแล้วก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนะ
เพิ่งเห็นว่ามีกระทู้นักเขียน เพิ่งเริ่มเขียนนิยายแต่ไม่ค่อยได้อ่านวายไทย อยากถามว่าถ้าเป็นบรรยายแบบบุคคคลที่3 เวลาจะเขียนชื่อคนไทยควรเขียนชื่อเล่นหรือชื่อจริง เขียนชื่อจริงมันจะดูละครไปรึเปล่า แล้วคนอ่านจะสับสนมั้ยอะ
กูเข้ามาแนะนำในฐานะคนอ่านได้มั้ยวะ เอาจากประสบการณ์กูนะ ถ้านักเขียนที่เพิ่งเริ่มเขียนคืออย่าเอาเรื่องดราม่าหนักมาก เพราะเท่าที่กูสังเกตมายังไงคนเลือกอ่านฟีลกู้ดก่อน ดราม่าที่ดังๆส่วนมากมันเป็นนิยายจากนักเขียนที่ดังติดลมบนพอสมควรอยู่แล้ว แบบมึงเอาเรื่องไม่หนักก่อนให้พอเป็นที่รู้จักในเรื่องแรก แล้วมึงมีแนวที่ชอบที่อยากแต่งก็แต่งไปเพราะมีฐานแฟลคลับล่ะ
แล้วถ้ามึงอยากทำเล่ม ราคาคือสิ่งดึงดูดหลักมากกว่าเนื้อเรื่องอีกในกรณที่มึงยังไม่เป็นที่รู้จักวงกว้างนะ กูสังเกตนักเขียนคนนึงเขาแต่งเรื่องไม่ยาวมาก แล้วก็ไม่ได้ดังมากนะ แต่นิยายราคาเรื่องนึงออกมาไม่เกิน 280-300 ไปผูกปิ่นโตกับร้านรับพรี กูเห็นคนจองพอสมควร เพราะส่วนนึงนักอ่านเค้าภักดีกับร้านพรี กูก็อธิบายไม่ถูกว่ะตรงนี้ แบบเขาชอบไปพรีร้านนี้พอมีนิยายที่ราคาไม่แรงมาก เขาก็ซื้อกับร้านนี้ไปทั้งที่บางทีอาจยังไม่เคยอ่านนิยายมึงด้วยซ้ำ อย่านอยในตรงนี้ คิดในแง่ดีว่าถ้าเขาอ่านแล้วชอบมึงก็ได้คนตามเพิ่มขึ้น กูเห็นมาจริงๆ นักเขียนคนนี้เปิดพรีบ่อย เรื่องไม่ได้ติดท็อปอะไรเลย แต่นิยายราคาโอเค มีของแถม
ลงให้สม่ำเสมอและช่วงค่ำๆหน่อยกูว่ามีผล บางคนที่บอกแต่งเป็นงานอดิเรกไม่ค่อยว่าง นานๆมาต่อได้คนอ่านหาย อันนี้กูบอกตรงๆเลยนะต้องทำใจ เพราะมึงไม่ใช่นักเขียนดังที่จะมีคนมารอไม่ว่าดองนานแค่ไหนพออัพทีคนก็แห่มาอ่าน อันนี้ดังติดลมบนไปล่ะ กูไม่รู้จะแนะนำยังไง แต่สำหรับนักอ่าน กูก็ชอบอ่านนิยายที่ลงสม่ำเสมออยู่นะ
กูแค่อยากแนะนำไม่รู้จะช่วยได้มั้ย
มึงเวลาจะเปิดพรีนิยายแล้วถ้าพวกแอครีวิวหรือเพจรีวิว ลงนิยายของเราตอนที่เปิดพรีอยู่มันช่วยกนะตุ้นยอดไดับ้างมั้ยวะ
ky ก็สงสัยอ่ะเพื่อนโม่งนักเขียน ทำไมเราต้องเอาชื่อคนวาดใส่ไว้ที่หน้าปกวะ หนังสือทั่วไปกูเห็นมีแต่ชื่อคนเขียน ชื่คนวาด คนทำอาร์ต อยู่ข้างในรองปก
ถ้าข้างในมีภาพประกอบก็อาจจะใส่ชื่อคนวาดนะ แต่ถ้าวาดแค่ปกก็ไม่รู้จะใส่ข้างหน้าทำไม ค่อยใส่ชื่อไว้ข้างในก็ได้แบบรายชื่อผู้จัดทำ แค่คนดูปกก็เห็นอยู่แล้วปะว่าปะภาพนี้ มีแค่นี้แหละ
>>169 กูว่าเพราะแนวนี้ส่วนใหญ่ทำกันก็เลยทำตามๆกันไปมั้ง โดยเฉพาะสายทำมือเวลาทำปกก็อาจไปดูปกแนววายว่าต้องใส่อะไรบนปกบ้างแล้วใส่ตาม
ไม่กี่เดือนก่อนมู้เมาท์ยังใช้ความเคยชินจนด่าสนพนึงว่าไม่ใส่ชื่อนักวาดบนปกคือกั๊กนักวาดเหรอ นักวาดยอมเหรอต้องจ่ายแพงกว่าปกติมั้ย ถถถ กูรีบบอกแทบไม่ทันว่าแนวปกติส่วนใหญ่ก็ไม่ใส่
ติดมาจากนิยายวายญี่ปุ่นปะที่ต้องมีชื่อคนเขียนคนวาด อันนั้นขายคนวาดด้วยแบบจริงจังเลย
กดส่งไปก่อน พิมพ์ต่อนะ
จะสังเกตได้ว่านิยายที่มีชื่อคนวาดอยู่บนปกด้วย ปกจะเป็นรูปวาด ในขณะที่ปกนิยายที่เป็นรูปกราฟฟิกหรืออื่นๆจะแทบไม่มีชื่อบนปกเลย
Ky เพื่อนโม่ง ถ้ากูอัพนิยายอาทิตย์ละตอนสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ นักอ่านจะโอเคมั๊ยวะ หรือว่าอัพช้าไป
ky กูรู้สึกว่ามีคนอ่านบางคนชอบมาตีสนิทนข. แล้วเอาเรื่องของเขามาอัพเดตตามที่ตั่งต่างให้ดูเป็นคนวงใน เพื่อนโมงนักเขียนเคยโดนมั้ย
มีใครเป็นแบบนี้บ้างปะ แบบมีเพื่อนเป็น นข สายเดียวกัน แล้วเวลาเขียนนิยายชอบมาปรึกษาเรื่องพลอตเรื่องปมไรงี้ เพื่อนไม่ชอบเขียนทรีตเม้น ว่าแต่ละตอนจะมีเหตการณ์ไรบ้าง เราก็บอกเป็นฉากๆไปว่าทำอะไรบ้าง เรียกว่าคอยปรึกษาภาพรวมนิยายให้อะ เหมือนว่านิยายมีคนอ่านมากกว่าไรงี้ 555 แต่พอเราจะปรึกษาหรือขอคำแนะนำ มันไม่ค่อยชอบฟังอย่างจริงใจอะ แบบพอผ่านๆ ไม่ค่อยให้คำแนะนำ เลยเฟลๆอะ คงเพราะนิยายมันมีคนอ่านมากกว่าด้วยแหละ เลยเซ็งๆว่าพอจะขอคำปรึกาษาทีนึง ก็อิดออด
>>183 กูก็อยากมีเพื่อนให้ปรึกษาเวลาตันนะ แต่คือไม่มี 55555 บอกไม่ถูกวะ ที่อิดออดคือเขาไม่ว่างหรือกั๊กข้อมูล กูเคยมีเพื่อนมหาลัย เวลามีงานไรกูบอกหมดทุกอย่าง แต่พอมีเรื่องที่กูไม่รู้แล้วไปถามเขากลับเขาแม่งกั๊กข้อมูลไม่บอกกู ตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่แต่ไม่สนิทใจเหมือนเดิม
Ky ปกติพวกมึงเขียนนิยายตอนละกี่หน้าวะ กูเขรยนตอนละ7-8หน้า แต่นักอ่านบอกว่าสั้นไป TvT
เป็นคนอ่าน เห็นนักเขียนอยู่กันเยอะดี ขอแจมนิด นอกจากพล็อตแล้ว เรื่องไหนสะกดผิดเยอะๆกูก็เลิกอ่านนะ ไม่ใช่กรณีพิมพ์ผิดนะ แต่แบบ คะ ค่ะ นะคะ บางเรื่อง นะค่ะ ทั้งเรื่องกูไม่ไหว หรือ ร ล สลับกันหมดก็มี หรือ น่ารัก-หน้ารัก อย่างนี้กูก็ปิดนะ มันทำให้เวลาอ่านมันขัดใจ เมื่อขัดใจแล้วอ่านนิยายไม่สนุกกูก็ไม่ตามต่อ
>>191 แรก ๆ กูก็พิมพ์ผิดพอสมควร กระตือรือร้น-กระตือรือล้น เวทย์มนตร์-เวทย์มนต์ หรือความสามารถในการผันวรรณยุกต์คำที่มาจากภาษาต่างประเทศกูก็ต่ำนะ เช่นพวกช็อกโกแลต บางทีก็ยังเขียนไม่ค่อยถูกเลย แต่ส่วนมากได้นักอ่านช่วยแก้ กูงงนักเขียนที่บ่นนักอ่านเรื่องจับผิดคำที่ตัวเองพิมพ์ผิด กูนี่ดีใจมาก เพราะได้พรูฟรีดเดอร์ฟรีกรองให้หนึ่งขั้น
>>191 ขอพูดด้วย
กูขอติงเลยนะ นักเขียนที่สะกดผิดอะ ในฐานะที่เป็นทั้งคนเขียนคนอ่าน รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของนักเขียน/นักแปล/บรรรณาธิการ/สนพ โดยเฉพาะถ้าจะพิมพ์เล่มออกมาแล้ว คือมึงควรทำงานให้เรียบร้อยแล้วปะ มาผิดเยอะๆเหมือนกูเสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ แบบเรื่องพลอตเรื่องภาษามันยังเป็นเรื่องรสนิยมได้ แต่เรื่องคำสะกดผิดเหมือนคนทำงานไม่ตั้งใจทำ
/เดี๋ยวนี้งานที่ออกกับสนพดังๆ เรื่องดังๆก็ผิดเยอะ ทั้งเรื่องแปลเรื่องแต่ง อ่านไปแล้วก็เพลีย
เออ เคยออกกับสนพ แล้วเคยโดนเปลี่ยนประโยคในนิยายปะ แบบถ้าจะเกลาสำนวนควรบอกเราก่อนไหมหรือยังไง พอเรามาตรวจขั้นสุดท้ายเห็นว่าเขาแก้คำของเรา มันผิดความหมายไปเลยอะ แล้วไม่บอกด้วย (ตอนนั้นยังใหม่ๆเลยไม่กล้าท้วง เพราะงานก็เสร็จแล้ว) พวกคำผิดนี่เจอท้ายๆเล่มเยอะเลย เหมือนคนรีบๆอะ รู้สึกเฟลไปเลย เจอในเล่มด้วย คิดว่าเขาไม่แก้เลยหรอ เจอถี่ๆในย่อหน้าเดียวกัน
Ky เพื่อนโม่งลงนิยายที่เว็บไหนกันบ้าง เว็บหลักๆ มันมีแค่ Dek-D ReadAWrite Fictionlog ธัญวลัย ใช่ป่ะเพื่อนโม่งลงครบทุกเว็บเลยมั๊ย
เมื่อกี้กูถามผิดมู้ 5555555
Ky กูอยากรู้ว่าพวกมึงตอบคอมเม้นของนักอ่านทุกเม้นมั๊ยวะ เหมือนบางตอนเม้นเป็นร้อยพวกมึงเลือกตอบเฉพาะคำถามหรือว่าตอบทุกเม้น ถ้าในมุมมองนักอ่านการที่นข ตอบทุกเม้นมันดีมั๊ย
>>195 เคยเห็นนักเขียนคนนึงบ่นเหมือนกันที่สนพเกลาสำนวนจนไม่เหลือเอกลักษณ์ของคนเขียนเลย แถมตอนออกไม่บอกคนเขียนด้วย เจออีกทีบนชั้นหนังสือ เซอร์ไพรซ์! ซึ่งดูจากความโกรธาของคนเขียนคงไม่คิดจะร่วมงานกันอีกแน่ แต่นั่นคนเขียนสายแฟนตาซีนะไม่ใช่สายวาย
>>197 มีเล้าเป็ดอีกที่แต่เว็บนี้ไม่ค่อยแคร์คนเขียน ที่เหลือหลักๆกูก็เข้าเท่าที่มึงพูด
>>198 เรื่องไหนที่ตอบกูก็มีฟีลอยากเมนท์ต่อไปทุกตอนนะ แต่ถ้าไม่ตอบกูก็เฉยๆ ส่วนใหญ่นิยายที่กูอ่านก็ไม่ตอบ
ถ้าคอมเม้นร้อยกว่าต่อตอนพวกมึงไล่ตอบนักอ่านหมดเลยเหรอวะ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยนะ
กุเคยตอบเม้นต์แล้วทำให้นักอ่านที่เม้นต์เกรงใจ เหมือนพอกุตอบเขา เขาเลยจำเป็นต้องกลับมาอ่านและเม้นต์ให้ทุกตอนเวลาอัปตอนใหม่ เลยตัดวงจรด้วยการดองนิยาย(ไม่ว่างอัปด้วย)ไปเป็นเดือนแล้วค่อยมาอัปใหม่ เขาก็หายไปนะ ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาเหมือนหลงมาอ่านแล้วเกรงใจเลยต้องกลับมาตลอดอะ
กูก็อยากตอบทุกคน แต่ในเล้ามีกฎไม่ให้รีพลายเม้นคนอ่านถี่ ๆ เป็นการปั่นกระทู้ ถ้าอยากคุยให้ไปตั้งกระทูในห้องพูดคุย กูเกร็งชห. กลัวทำผิดกฎ
ถ้ากูตอบทุกคอมเม้นคือใช้เวลาเป็นชั่วโมงอ่ะ แต่ถ้าตอบไปคนนึงแล้วคือต้องตอบให้หมดเพื่อความเท่าเทียม 5555555
กูตอบเม้นไม่ค่อยได้หมดอะ ชอบดองไว้ แล้วระบบเด็กดี dashboard มันย้อนให้สุดได้ไม่กี่เม้น เศร้า กลัวคนอ่านนึกว่ากูละเลยเม้นเค้า แต่จะให้ไปตอบในหน้านิยายโคตรไม่สะดวก
Ky กูรู้สึกว่านิยายที่ตัวเองแต่งไม่ค่อยสนุก คือกูอ่านเองแล้วมันเฉยๆ อ่ะ แต่เรื่องนั้นนักอ่านเยอะ คนอื่นว่าสนุก กับอีกเรื่องของเพื่อนกู กูว่าของเพื่อนแต่งดีสนุกกว่าเยอะเลย ทำไมคนอ่านน้อย เดี๋ยวนักอ่านชอบอ่านแบบตลกเบาสมองกันแล้วเหรอวะ ช่วงหลังๆ นิยายเพื่อนกูคนอ่านน้อยลงเพราะมีฉากดราม่า
>>213 กูอ่านนิยายตัวเองคือไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้ว่าสนุกหรือไม่สนุก 55555 คือต้องดูคอมเม้นคนอ่านส่วนใหญ่อ่ะว่าเค้าคอมเม้นไปทิศทางไหน ถ้าคนอ่านส่วนใหญ่ว่าสนุกก็สนุกแหละ กูเองก็ไม่ชอบอ่านดราม่า ทั้งเรียนทั้งงานเยอะ อยากอ่านอะไรที่ย่อยง่ายๆ เบาสมอง บันเทิงอารมณ์มากกว่า ถ้าเรื่องไหนมีวี่แววว่าดราม่าคือกูจะดองไว้ก่อน เฟบไว้แต่ยังไม่อ่าน
Ky พวกมึงเคยโดนคนอ่านคอมเม้นวิจารณ์นิยายแรงๆ ใส่มั๊ยวะ แบบรำคาญพระเอก/นายเอก มากไรงี้ เมื่อกี้กูเปิดเข้าไปอ่านนิยายเรื่องนึง กำลังจะอ่านภาค2ต่อ แล้วเจอคอมเม้นนึงมาเป็นรายงาน สับซะยับเลย คือกูตกใจ นิยายกูไม่เคยเจอนักอ่านมาสับแบบนี้ คือเรื่องที่โดนสับโดนคอมเม้นยาวขนาดนี้เพราะเนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผล ขัดใจตัวเอก มีใครเคยเจอนักอ่านมาเม้นสับบ้างวะ แล้วพวกมึงจะตอบนักอ่านกลับไปยังไง ต้องแจกแจงรายละเอียดที่เขาสับคืนเป็นข้อๆ ป่ะ กูขอคำแนะนำก่อน เผื่ออนาคตโดน
Ky เวลาพวกมึงจะแต่งนิยายสักเรื่อง ได้แรงบันดาลใจมากไหนวะ
กูสงสัยว่าการที่คนอ่านบ่นพล็อตเรื่องกับตัวละครมันเป็นเรื่องไม่ควรรึเปล่า อย่างเช่นการที่พล็อตหลวม พล็อตโฮล แล้วไม่ได้บ่นเฉยๆแต่ชี้ตรงจุดนี้ว่ามันดูขาดๆไม่ใส่เหตุผลมาซัพพอร์ทเพิ่มตรงไหน หรือตรงนี้เยิ่นเย้อ มันเป็นการก้าวก่ายพล็อตของคนเขียนจนเสียมารยาทรึเปล่า หรือเป็นการออกความเห็นที่โอเค
เรื่องตัวละครด้วย ถ้าคนอ่านรู้ว่านิสัยตัวละครแบบนี้แต่ก็ยังบ่นจะเป็นคนอ่านประสาทแดกในสายตาคนเขียน อยากไล่ไม่ต้องมาอ่านนิยายตัวเองรึเปล่า เช่นพระเอกคาณืเจ้าชู้ คนอ่านอ่านฉากนายเอกเจอพระเอกเจ้าชู้ก็บ่นว่าไม่ชอบพระเอกแบบนี้เลย เจ้าชู้ ไม่ชอบเวลาคนมาเชียร์อัพพระเอกเลย หรือวิจารณ์การกระทำตัวละครที่ย้อนแย้ง ทำขัดกับการกระทำก่อนหน้า
คือเมื่อก่อนกูคิดว่าแบบนี้คือการออกความเห็นเกี่ยวกับนิยาย แชร์มุมมองเฉยๆไม่คิดจะให้เขาโละเรื่องเขียนใหม่หรอก แต่เหมือนเห็นหลายคนจะบ่นว่าพูดแบบนี้เป็นการก้าวก่ายคนเขียนเกินไปเลยสงสัย ช่วงหลังๆมานี้กูก็ระวังการคอมเม้นมากขึ้น มีแค่พูดเกี่ยวกับตัวละครด้านบวก เช่นน่ารักจัง ชอบตอนaaaจัง แต่รู้สึกบางทีก็เป็นคอมเมนท์ที่ไร้สาระเกินจนบางทีก็ไม่เม้นไปเลย
>>224 กูว่าจริงๆแล้วทำได้อ่ะ แต่ขึ้นอยู่กับคนถูกวิจารณ์หรือนักเขียนว่าจะรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนหินมั้ย หรือว่ารับได้แต่ดอกไม้อย่างเดียว ส่วนตัวนะถ้าพูดดีๆเหมือนชี้ทางก็ช่วยพัฒนานักเขียนในอีกทางหนึ่ง แต่นั่นแหละนักเขียนหลายๆคนก็รับไม่ได้ นักอ่านหลายๆคนก็คอมเม้นได้แย่มาก
ส่วนเรื่องบอกสนุกหรือไม่สนุกอันนี้ขึ้นกับรสนิยมแล้วว่ะ เป็นเรื่องปกติ
>>224 กูโอเคกับการที่คนอ่านออกความเห็นเรื่องพล็อตหลวมพล็อตโฮลนะมึง กูเองก็เคยเจอกับตัว แต่กูโชคดีตรงที่เขาให้เกียรติกูด้วย คือเขาไม่ได้บอกให้กูเปลี่ยนอะ แต่เขาแค่ชี้ให้กูเห็นในจุดที่พลาดซึ่งกูก็เอามาปรับใช้ได้จริงๆ ส่วนที่อันไหนกูปรับให้ไม่ได้เพราะอยากมั่นคงกับพล็อตเดิมกูก็บอกเขาตรงๆ คนอ่านกูก็รับได้นะ คือถ้าคุยด้วยเหตุผลกูโอเคมากอะ ขอบคุณมากด้วยที่มีคอมเม้นแบบนี้แค่มันหายากในปัจจุบัน แต่คนอ่านไร้มารยาทแม่งก็มีจริงๆ พวกนี้ก็เมินๆ ไปอย่าเก็บมาใส่ใจนักเลย เรื่องตัวละครตัวละครก็เหมือนกัน ถ้ากูเขียนให้นายเอกช้ำใจเพราะพระเอกเจาชู้ คนอ่านจะด่าพระเอกหรือบอกว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้ใส่คอมเม้นก็ได้ไม่ผิด
เดี๋ยว ๆ กู 218 กูเปิดประเด็นเรื่องคนอ่านบ่นพล็อตบ่นเนื้อหากู กูไม่รู้ว่าข้างบนที่คุยกันอยู่มาจากกูรึป่าว แต่กูจะบอกว่ากูไม่ได้มายเรื่องคนอ่านวิจารณ์นิยาย แต่กูเพลียเรื่องตอนกูปิดเนื้อหาไม่ให้อ่านแล้วเอากูไปด่า พอกูเปิดให้อ่านไม่ยอมอ่าน ซื้อนิยายกูแล้วดันมาบ่นพล็อต บ่นเนื้อหากู เสียดายตัง ทนอ่านต่อไปไม่ได้แล้ว มันคนละประเด็นกันนะ
>>229 แต่กูอ่านที่มึงว่าก็แปลว่ามึงบ่นที่คนอ่านบ่นพล็อตอยู่ดี เขาอาจจะไม่ได้ไปลองอ่านก่อน แต่เขาซื้อหนังสือมึงไปอ่านทีเดียวเลยนะ เขาเป็นลูกค้ามึงยิ่งกว่าคนที่อ่านในเว็บแล้วตรงสเป็กแต่ไม่ซื้อนะเว้ย ถ้าเขาอ่านแล้วไม่ตรงสเป็กเขามึงก็ทำใจๆไปอะ ช่วยไม่ได้นี่หว่า แบบที่เพื่อนโม่งบนๆพูดอะ
กูรับคำวิจารณ์ได้ ยกเว้นคนอ่านที่บ่นว่าตัวละครกูไม่เทพเลย
คือ ตัวละครมันต้องมีการพัฒนาป่าววะ จะให้เทพแต่แรกมันก็ไม่ใช่อ่ะ นิยายกูไม่ใช่สายเกิดใหม่มาตบบอส
นอกนั้นกูรับได้หมด
>>230 ถ้าก็โดนวิจารณ์งานจริง ๆ กูจะโดนแค่วิจารณ์อย่างเดียวนะ คือตัวละครแม่งงั้นงี้ เนื้อเรื่องห่วย ซึ่งกูทำใจยอมรับตั้งแต่วันที่โพสต์ แต่ถ้าไม่อ่านก่อน ซื้อเลยเพราะรีวิว นอกจากกูจะโดนวิจารณ์ กูยังต้องเสียใจกับอีกเรื่องนะ คือ ไม่น่าซื้อเลย เสียดายตัง ขาย ๆๆๆ ขาย ใครเอาต่อบ้าง พูดซะขนาดนี้แล้วใครจะซื้อวะ
สรุป กูซื้อเอง
ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านในเว็บแล้วค่อยซื้อเล่มนะมึง บางคนเห็นปกสวยก็ซื้อแล้ว บางคนเห็นรีวิวดีก็ซื้อแล้ว คนเราร้อยพ่อพันแม่ และแสดงออกไม่เหมือนกันเวลาไม่ชอบใจ ถ้ามึงรับตรงนี้ไม่ได้มึงจะแย่เอง
กูเบื่อมาก เดี๋ยวนี้กูเลยออกจากกลุ่มซื้อขายทุกกลุ่ม เลิกทำหนังสือทำมือ ให้สนพ. ทำ กูรำคาญดราม่า
ยืนยัน นั่งยัน นอนยันได้เลย ปิดตอนขายดีกว่า ถึงคนอ่านจะบอกว่าปิดตอนแล้วไม่ซื้อหรอกอะไรก็เถอะ
แต่กูเขียนมาหลายเรื่อง ปิดตอนหรือลงไม่จบอะ ดีกว่าจริงๆ แต่ก็ต้องทำใจ มีงอาจจะโดนด่าบ้าง ก็เลือกเอา คำชมหรือเงิน (เลือกอะไรก็ไม่ได้ผิดนะ จุดประสงค์การเขียนคนเราไม่เหมือนกัน/ เช่นกู กูเลือกเงิน 5555)
กูเปิดตอนลงจนจบก็ยังมีคนด่าอยู่ดี มึงทำใจเหอะ คนมันจะด่ามันก็ด่าว่ะ
กูคิดซะว่าถ้าเขาจะซื้ออยู่แล้ว เขาคงไม่ด่ากู คนที่ด่าส่วนใหญ่คงไม่คิดซื้อ
Ky กว่าจะเขียนนิยายแล้วมีคนกดเฟบเป็นหมื่นใช้เวลากันนานมั๊ยวะ
สถิติจากสนพ.กู เรียงจากขายได้มากไปน้อย (ทุกแนวทั้งชายหญิงและวาย)
ลงจบปิดตอนครึ่งเรื่องมีตอนพิเศษในเล่ม
ลงจบเปิดแค่ 5-8 ตอนแรกมีตอนพิเศษในเล่ม
ลงจบไม่ปิดตอนมีตอนพิเศษในเล่ม
ลงไม่จบปิดตอน ถ้าแค่ตอนสุดท้ายจะขายได้มากกว่าข้างบนแต่ถ้าสี่ห้าตอนขึ้นไปคนอ่านเริ่มเท เหมือนจะขายดีแต่จริงๆยอดน้อยกว่าทุกเรื่องที่ลงจบแล้วปิดตอนซะงั้น กูเลยไปรู้ทีหลังว่าอ้อ คนรอสปอยกันเยอะ แล้วกว่าจะได้สปอยกันแม่ค้ามือสองก็มาแล้ว ยอดขายเลยตก เดิมเคยเป็นแบบที่ขายดีสุดแต่พอวายบูมมีเพจรีวิวมีธุรกิจมือสองยอดตกจนน่าใจหายเหมือนกัน คนมีตัวเลือกกันเยอะขึ้นบวกกับชินชาที่จะอ่านนิยายในเว็บแล้วไม่จบ แต่ถ้าเป็นนักเขียนมีชื่อยอดจะพุ่งสวนทางแต่ถ้ามึงเป็นนักเขียนโนเนมกูไม่แนะนำโดยเด็ดขาด
สัญญาว่าจะลงจบแต่เสือกลงไม่จบแล้วเสือกปิดตอนทั้งที่เพิ่งลงได้วันเดียว คนอ่านเทจ้าาาาา กูนี่หัวฟูเลยเพราะคนถอนจองกันรัวๆ
ปัจจัยทั้งหมดอยู่ที่ชื่อคนเขียนและการโปรโมทของสนพ.ด้วย บางคนลงไม่จบปิดตอนขายดีกว่าคนลงจบเพราะชื่อขายได้ดีกว่าก็เยอะแต่พอเทียบจากผลงานของตัวเองแล้วยอดตกก็มีนะ คนไปรอสปอยแล้วซื้อมือสองกันเพียบเลย
>>216 กูเคย คือกูเรียนสายอาชีพเดียวกะอินายเอกนิยาย แล้วกูไม่รุ้หรอกว่านข.หาข้อมูลมาผิดหรือไม่ได้หาแต่เมคมั่ว กูก็เม้นบอกว่าที่เขียนมันผิดแต่ก็อธิบายดีๆ นข.จะแก้ไหมกูไม่สน กูไม่ได้จะอวดว่ากูรู้มากกว่า แต่กูอ่านแล้วขัดใจเพราะมันสายอาชีพกูและกูแค่รู้สึกว่าถ้าคนอ่านคนอื่นมาอ่านเม้นกูจะได้ไม่จำข้อมูลในนิยายไปใช้ผิดๆ
กูว่าถ้าคนเม้นว่าชอบ ไม่ชอบตลค.นี้ปกติมากนะ คนเราชอบคาร์ไม่เหมือนกันซะหน่อย ถ้าไปบีบให้เปลี่ยนพล็อตเรื่องดิแบบคนนั้นเป็นพอ.ดีกว่างี้ แบบนี้ดิน่าเกลียด ส่วนนข.ที่อยากได้ความนิยมจนเปลี่ยนพล็อตเอาใจคนอ่าน กูเท คือมันเรื่องของนข.แต่กูไม่ชอบนข.แบบนี้( มีจริงในดด.)
เห็นพวกมึงบนๆคุยกันคือ นข.ที่ไม่ชอบให้วิจารณ์ตลค. ? จะให้เม้นแค่ชอบอ่ะตอนนี้ ตอนนี้ตลค.นี้น่ารัก ขอบคุณที่อัพ แค่นี้หรอ?? หลังๆกูเม้นแบบนี้บ่อยๆก็เอียนไม่เม้นอ่ะ รอแบบหลายๆตอนแล้วเม้น แต่ถ้ากูไปเม้นวิจารณ์นิยายแบบที่ >>224 บอกจะกลายเป็นก้าวก่ายละเมิดนข.?? ถ้ากูจะเม้นต้องดูนข.ขนาดนี้กูไม่เม้นดีกว่า นข.จิตตกไม่ชอบรับไม่ได้จะไม่มาไฟท์กะกูหรอ?! แต่ปกติกูเม้นสายสุภาพนะ ยังไม่เคยไปเปิดวอร์กะใคร แต่อ่านที่พวกมึงเมาท์กัน สรุปนข.ต้องการให้คนอ่านเม้นอะไรกันแน่
จริงๆ เม้นอะไรก็ได้กูรับได้หมด ยกเว้นอย่าด่า อย่าใช้คำรุนแรงจนเกินไป เท่านี้แหละ การชี้พลอตกูว่าดีนะได้พัฒนา แต่ขึ้นกับบริบทของตัวคนเม้นเองด้วย กูชอบอ่านเม้น ตรงไหนขาดตรงไหนเป็นจุดที่คนอยากอ่านต่อกูจะเอามาเขียนต่อ
กูเคยเม้นสับพลอตคนเขียนเช่นกัน แบบ>>249 กูกล้าสับเพราะกูอยู่ในวงวารวิชาชีพเดียวกะตลค.เหมือน 249อ่ะ กูก็เม้นดีสุภาพนะ แบบอันนี้ผิดนะคะ อาชีพ×××ไม่มี×××× บลาๆ ปรากฎนข.ตอบมาประมานนี่คือนิยายจ้ะ อย่าซีมาก ให้อ่านแบบสนุกๆดีกว่าเนาะ ..... กูก็ได้แต่จากไปเงียบๆ 555555 #โม่งแตกไหมวะ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีนข.ที่แคร์ความจริง(ข้อมูล)กะไม่สนข้อมูลนะจ้ะ
อีกคนที่กูไปชี้พลอต(โฮลมั้ง) ว่าตลค.นี้ถ้าตอนเด็กเป็นแบบนี้จริง โตมาพฤติกรรมแนวโน้มน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า(ตามหลักพฤติกรรมและจิตวิทยา) นางลบเม้นกูไปเลย 555+ กูคงเสือกกะพลอตนางเกินไปมั้ง
หลังๆกูก็ไม่ค่อยเม้นวิจารณ์แบบมีสาระแล้ว พวกการใช้คำการบรรยายฯลฯ รู้สึกว่านข.ก็มีที่แบบรับได้กะรับไม่ได้ เสียเวลากูพิมพ์ป่าวๆ พวกนั้นคงอยากได้แค่คนอวย แต่จะให้กูเม้นแต่ชอบๆตลค.นี้ หวีดพอ.ตอนนี้แซ่บหลาย กูก็ไม่ค่อยอยากเม้นมันซ้ำๆซากๆทุกตอน
นึกถึงเคส รดส ที่นายเอกป่วยเปนหลายบุคลิก ละมีคนที่ทำงานด้านนั้นมาสับ คือสับเละอะ 5555
>>254 ถ้ามึงเรียนจิตวิทยา ศึกษาพฤติกรรมนุษย์มันจะมีคอสเรียนด้านนี้ค่ะมึง แล้วความป่วยของตลค.เข้าเคสฮิต กูเลยเม้นที่กูเรียนมา แต่นั่นแหละคนจะหาว่าอวดรู้ก็ได้
ใช่ รดส กูก็อยากสับ แต่เห็นมีคนมาสับล่ะกูเลยไม่ยุ่ง 5555+ คือยังไงล่ะ มันจะตะหงิดๆอ่ะ เวลานข.เขียนอะไรที่ข้อมูลไม่จริง แต่ก็นั่นล่ะ...มันคือนิยาย อ่านเอาเพลินๆ by นข.คนนึง
กูเป็นแค่คนอ่าน คือถ้านข.ลบเม้นพวกโทรล มาเกรียนมาด่า คือกูเข้าใจ แต่ลบเม้นคนวิจารณ์นิยายนี่คือรับไม่ได้หรอวะ?? อืมมมม นข.แม่งก็ใจบาง หรืออยากได้แค่ลูกหาบ??
คนชี้พ็อตโฮล ช่องโหว่ วิจารณ์งานเขียน เม้นดีๆก็มีนะ แต่วันต่อมาก็โดนลบเม้นไปล่ะ 555555 กูเห็นใน ดด.อยู่ ตอนแรกได้เป็นทอปเม้นเลย สับยาวสัดๆ วันต่อมาโดนลบไปเฉย?
สงสัยเหมือนโม่งสับข้างบน เดี๋ยวนี้ นข.อยากได้แต่เม้นอวย? แต่ไม่ชอบโดนวิจารณ์ชี้พ็อตโฮล ถ้ากูอ่านนิยายต่อให้นิยายแปล ถ้าพ็อตมันโฮล ไม่สมเหตุสมผล กูก็บ่น
>>256 กูเป็นนข นะ กูโอเคถ้านักอ่านมาสับเรื่องพล็อตโฮลเรื่องภาษาไรงี้ จะได้เอาไปปรับ รีไรท์นิยายไรงี้ คือวิจารณ์ได้นะแต่อย่าด่าแรงแบบที่เม้นบนๆ ว่าอ่ะ แต่คือนข ในดด ส่วนใหญ่เป็นดด บางทีอาจจะยังรับไม่ได้ไม่ค่อยเข้าใจตรงจุดนี้มั้ง นข บางคนคือรับได้แล้วเอาไปแก้ แต่บางคนคือรับไม่ได้ กูก็ไม่รู้จะว่าไงเหมือนกัน
>>258 มึงเรียนเอกไหน กูเรียนคลินิก ตอนนั้นที่บ้านถามกูต้องไปอยู่กะคนบ้าทั้งวันใช่ไหม กูนี่สตั้นไปเลย 555+
กูเห็นนข เขียนแนวตัวเอกเป็นโรคซึมเศร้าแบบผิดๆทีไร คันมืออยากสับมาก แต่จากปสก.ที่ผ่านมาเจอนข รับได้ก็ดี รับไม่ได้ลบเม้นบอกมันเป็นแค่นิยาย ว่ากูกลับก็มี ก็นะกูเข้าใจว่ามันเหมือนไปอวดรู้คุยทับ แต่เรื่องบางอย่างมันคือการให้ข้อมูลผิดๆมากนะ ฝากนข หน่อยเหอะ หาข้อมูลบ้างไรบ้าง
ปล. ทุกวันนี้คนเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมากนะ แต่ไม่รู้ตัวก็มี เป็นด้วยสารเคมีในสมองก็มีนะ ต้องกินยากดไว้ตลอด
เอาจริงๆกูไม่โอเคหลายเรื่องที่ข้อมูลมโนเขียนมาก โดยเฉพาะเรื่องที่อาชีพนายเอก/พระเอกเป็นวิชาชีพกู อ่านแล้วรู้สึกเหมือนโดนดูถูกวิชาชีพ ดูถูกความฝัน เปิดอ่านไป3-4ตอนแล้วปิด (เรื่องดังด้วยสาส) ไม่โอเค แต่กูก็ไม่ได้พูดไร เพราะพูดไปก็คงเจอว่าแค่นิยายอย่าคิดมากสิ
ที่เจ็บคือคนอ่านคิดว่านี่คือ'เรียล' อาชีพแม่งเป็นงี้จริงๆ อยากตะโกนว่าแม่งไม่เรียลเว้ยสัส แม่งมโนนนนนน แฟนตาซีมาก มโนเขียนมาก นักเขียนดังที่คนอวยเยอะด้วยมึง สนพ.เครือแจ่มด้วย
ทุกวิชาชีพที่ชีเขียนในระดับสังคมพ้นมหาลัยแล้วคือมั่วแทบทุกวิชาชีพเลย อ่านแล้วขัดใจ แต่กูก็ไม่กล้าวิจารณ์ ได้แต่นั่งอึดอัดแล้วก็เลี่ยงไม่อ่านงานเขา แต่ทุกครั้งที่เห็นคนอวยว่าสมจริงกูก็อยากหยิบยาดมมาสูด
>>261 กูนึกถึงนิยายดังที่พอ.เป็นนักศึกษาแพทย์ แต่วันๆลอยชายไปมา เพื่อนกูก็เรียนแพทย์ นางด่าพอ. และนข เสียหายหลานแสนมากนะ 555+ พวกความไม่สมจริงต่างๆในนิยาย นศพ.ที่ไหนมีเวลาไปตามก้นนายเอกต้อยๆ กล้าเรียกตัวเองว่าหมอทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ข้อมูลการเรียนการฝึกผิดๆ ฯล ตอนกูเจอเพื่อนที่ไปฝึกงานที่รพ.แต่ละทีนึกว่าเจอซอมบี้ มันบอกมันรักเตียงมากกว่าแฟนอีก ได้หยุดคืออยากกลับไปนอน 5555+ #กูละขำ
คนอ่านไม่รู้หรอกว่าข้อมูลในนิยายมันถูกหมดป่าว ถ้ามันผิดแล้วเชื่อ จำไปใช้ผิดๆอ่ะ อันนี้ซวยนะ อย่างเรื่องนึง นอ ช่วยปั๊มหัวใจหรือผายปอดคนจมน้ำเนี่ยแหละ คือถ้าเขียนผ่านๆว่ารู้วิธีทำเข้าไปช่วย ยังไม่เท่าไหร่ นี่มีลงรายละเอียดบีบจมูก เป่าลม ปั้มหัวใจ แต่ๆๆๆ มึงลืมการวางศีรษะคนป่วยไปค่าา อันนี้เพื่อนกูเล่ามานะ ว่ามันมีวิธีจับหัวให้เงยหันขึ้นไรงี้ ทำไม่ถูกตายได้นะมึง คือถ้าจะเขียนแต่เขียนไม่หมดอย่าเขียนดีกว่า คนไม่รู้จำไปผิดๆ กูรู้ว่าคนเรามันคงไม่ไปป๊ะคนจมน้ำง่ายๆหรอก แถมจะช่วยจริงๆต้องโดนฝึกมาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นแหละ กูยังคงเชียร์ให้นข หาข้อมูลนะ 555+ บางอย่างที่พวกมึงเขียนกูก็ไม่รู้หรอกว่าจรึงรึป่าว เพราะไม่รู้จักอาชีพนั้น
เอาล่ะ เดี๋ยวพวกมึงจะลำไยกู มู้นข แต่คนอ่านมาฝอยเยอะชิบ ฝากอีกเรื่องคือพวกคำผิดคำถูก เวลาคนอ่านแก้ที่มึงพิมพ์ผิด มึงอย่าด่าแรงกลับเลย กูสงสารคนเม้นแก้ กูจะรอเสพงานพวกมึง แม้ไม่รู้ว่ากูจะได้ไถเจอรึป่าว จุ๊บๆ
>>262 ไม่ใช่เรื่องนั้น ที่กูบ่นนี่นักเขียนได้รางวัล... อ่านงานของเขาไปสองเรื่องกูกรี๊ดทุกเรื่อง ไม่ใช่กรี๊ดฟินแต่กรี๊ดอยากเอาปากกาแดงวงแล้วนั่งแก้ความมโน
ส่วนเรื่องที่จั่วหัวว่าพระเอกนายเอกเป็นหมอ/นสพ.นี่กูหลีกเลี่ยงแรงมากอยู่ละ มันเป็นวิชาชีพที่ซับซ้อนหาข้อมูลยาก เว้นว่าคนเขียนเป็นหมอจริงกูถึงวางใจอ่าน แต่กระทั่งเรื่องดังที่คนเขียนเป็นหมอจริงๆ เพื่อนกูที่เป็นหมอเหมือนกันแต่คนละสายกับเขายังเคยบ่นเลยว่าเขาเขียนสายของมันออกมาแฟนตาซี ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้
>>263 เรื่องไรวะ เขียนมโนได้ขนาดนี้ กูอยากตามไปเผือกอ่านมาก ได้รางวัลอีกต่างหาก ของแจ่มจริงดิ?
พวกเม้นแนว..." แต่นิยายคือแฟนตาซี อย่าซีเรียสมากเลยยยย" ลอยเข้ามาในหัวกูเลย 555+ เอาที่นข สบายใจ กูคนอ่านกูเทไปคนนึงก็ไม่กระทบไรหรอก นข มีสิทธเขียนตามใจ คนอ่านก็มีสิทธเลือกอ่านเลือกเท วินวินกันไป
>>264 นักเขียนชื่อขึ้นด้วย ร น่ะ จริงๆมันมีเพจรีวิวนิยายบ่นแทนกูไปแล้วเรื่องนี้ เพจเสียดายฯ
คือนข.ไม่ทำการบ้านกูก็ไม่ซื้อไม่สนับสนุนแล้วเอาเล่มที่พลาดซื้อมาแล้วไปขายมือสองแหละมึง อยากเขียนแบบไม่ค้นคว้ากันต่อไปก็คงสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้ากูพลาดซื้อมาก็ขอบ่นเบาๆหน่อย
คิดถึงสมัยที่บก.ตรวจกันเข้มกว่านี้นะมึง รุ่นพ่อรุ่นแม่
เรื่องเม้นนี่มันเส้นบางๆอยู่แค่ที่ความพยายามรักษาน้ำใจแหละ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าการติเพื่อก่อจริงๆมันก็ยอมรับได้ กูเคยอ่านเรื่องนึงเพลินๆ เลยลงมาดูคอมเม้น เจอคอมเม้นสับน่ากลัวมาก ประมาณว่า นี่มันยังไม่ใช่เฟติชลูกไม้ ของจริงๆๆต้องเป็นอย่างนี้ (ซึ่ง...ที่กูอ่านเนื้อเรื่อง เหมือนนขไม่ได้แค่จะให้เป็นขั้นเฟติช แต่ kink เฉยๆ) แล้วบอก “ถ้าคุณคิดว่าแค่นี้โอเคแล้วจะไม่แก้ก็ข้ามเม้นเราไปเลย” กูหน้าสั่นแทนเลยน้า มันมีวิธีดีๆที่เตือนคนเขียนได้มากกว่านี้
>>267 ถ้าเม้นเรื่องลายลูกไม้หรืออะไรที่มันเป็นข้อมูลทั่วไปกูว่าโอเคนะ (ต้องสุภาพด้วย) แต่เม้นต์เรื่องรสนิยมของคาร์ว่าต้องทำตัวแบบนั้นแบบนี้มันเกินไปว่ะ คนเราไม่ได้เหมือนกันไปหมดอะ ไม่แน่นข.อาจจะเอามาจากปสก.ของตัวเองก็ได้ปะวะ ถ้าไม่ได้หลุดคาร์ไปอีกโยชน์นึงกูว่าก็โอเคละนะ นอบางคนก็ชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเคยเจอมา=ถูกเสมอ
เอาอะไรมากกับเพจเสียดายวะ อ่านรีวิวเพจนี้ฟังไว้ครึ่งเดียวพอแล้วพิสูจน์เอาเองดีกว่า กูเกือบพลาดนิยายสนุกๆหลายเรื่องเพราะเอนเอียงไปกับการด่าของเพจนี้ เพราะแม่งด่าซะเหมือนนิยายบางเรื่องแทบไม่มีจุดดีเลย แต่พอกูไปอ่านเข้าจริงๆจุดด้อยมันมีจริงเว้ย แต่จุดดีที่กูอ่านแลัวชอบก็มีเยอะ หลังๆกูเลยเลิกหูเบา แต่ไปลองอ่านตัวอย่างเอาเองแทนแล้วก็ฟังรีวิวเจ้าอื่นด้วย
เข้าใจว่าต่างคนต่างชอบแหละมึง กูเห็นด้วยกับที่เพจเสียดายฯรีวิวสำหรับเรื่องฟนค.นะ ซึ่งเพจรีวิวอื่นมีแต่อวย (เรื่องอื่นกูไม่รู้นะกูไม่ยุ่ง)
สำหรับกูก็แค่ไม่สนับสนุนนักเขียนที่ไม่ทำการบ้านและค้นคว้าข้อมูล แต่ใครจะชอบหรือมองว่ามันแค่นิยายจะเขียนอะไรก็ได้ก็ทำไปเถอะติดwarningไว้หน่อยก็ดีว่ามาจากจินตนาการล้วนนอ.จะได้ไม่คิดว่าความจริงเป็นแบบนี้
คิดซะว่าอารมณ์เดียวกับคนบ่นละครไทยที่ใช้ปากดูดพิษงูรักษางูกัดแหละมึง
ทุกเพจล่ะที่ต้องฟังหูไว้หู บางเพจมาแนวอวยเนียน บางเพจมาแนวด่าเพราะอคติ อ่านทั้งสองด้านแล้วมาคิดเองดีกว่า เชื่อตัวเองอย่างน้อยๆก็เลือกเอง พลาดเอง
กูสงสัยว่าเขาไม่ได้อ่านก่อนซื้อจริงๆ ใช่ไหมวะ คือซื้อมาอ่านแล้วรีวิวเลย หรือเคยอ่านในเน็ตก่อนแล้ว สงสัยเฉยๆ เห็นชื่อเพจ...
>>272 กูโอเคกับ ฟนค และคิดตรงกับเพจเสียดายด้วยคือต้องโฟกัสแค่สัมพันธ์พระนายอะ ในแง่ของสายงานไอที ตอนกูอ่านคือต้องข้ามไป ไม่งั้นจะเอ๊ะแล้วเอ๊ะอีก
การค้นคว้าข้อมูลเป็นเรื่องยากประมาณหนึ่ง กูเองก็หวั่นทุกครั้งที่เขียนให้ตลค มีอาชีพแตกต่างกันออกไปเพราะกลัวหาข้อมูลไม่พอเนี่ยแหละ
หลายๆเรื่องกูก็เห็นด้วยกับเพจนี้นะ อย่างเช่น ววฮซ หรือ ประธานนก หรือเจิ้น(กูชอบเจิ้น)
นข ทำหนังสือเองนี่ขายกันได้กี่เล่มวะ
กูมี 700 เองหวังจะขาย 100 อัพคงยาก
กูว่าฝากร้านรับพรีขายช่วยได้นะ เพื่อนกูนิยายมีแฟนคลับไม่ถึง 200 ขายได้ 50 เล่ม ที่ร้านรับพรีส่วนนึง อีกส่วนสั่งตรงกับเจ้าตัว นอกนั้นเอาไปฝากวางตามบูธสนพ.เวลามีงานอีเว้นวายทั้งหลาย วางออนไลน์ยังดี พวกมึงลองดู
องค์ประกอบหลายอย่างด้วย ที่สำคัญเหี้ยๆ คือ ปก ว่ะ ปกสวยมีชัยไปกว่าครึ่ง
กู 285 นะ พิมพ์ไม่จบ คือมึงสั่งมาพอประมาณเหลือแล้วไปฝากวางได้ ค่าฝากวางแล้วแต่สนพ. พิมพ์ไม่จบแต่เสือกกระโดดไปเรื่องอื่น โทษที
ฟนค ทำไมเหรอวะ กูชอบนะ กูอ่านแล้วอินดีอะ แต่กูยังอ่านไม่จบ เค้าปิดตอนจบไว้ ซื้อหนังสือมาแล้วแหละ แต่ยังไม่ได้อ่านต่อ 5555
มึงอย่าเอาแฟนคลับ (กดเฟฟ?) กับยอดขายมาวาดกราฟเลย บางทีคนก็กดเฟฟไว้เฉยๆ เพราะเห็นเรื่องดัง กดไว้ก่อน แต่ไม่เคยมาอ่านเลยก็มี ถ้าเพิ่งเคยพิมพ์ครั้งแรกก็พิมพ์น้อยๆ อย่าเพิ่งลงทุนกับรูปมาก ทุนสูง ถ้าอยากได้ปกสวยก็เอาแค่ปก อาจจะทำแบบทดสอบความสนใจดูจำนวนว่าคุ้มทำเล่มกระดาษไหม ถ้าไม่ก็ลองขายอีบุ๊ค เผลอๆคนอ่านมั่นใจว่ามีเนื้อหาจบจริง อยากได้เป็นเล่มก็ให้พรีออเดอร์ กูแนะนำว่าถ้าคิดจะเอาดีด้านทำมือ ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปดูยอดพิมพ์คนอื่นแล้วเศร้าเอง ค่อยๆสร้างกลุ่มคนอ่านของมึงไป ขอให้คนอ่านช่วยกันโฆษณาหรือแชร์ก็ได้ ถ้าชอบช่วยแชร์หน่อยน้า ถ้ามีทวิตก็ติดแท็กรีวิวนิยงนิยายให้คนกดเจอบ้าง จะให้เพจดังรีวิวให้คือโชคต้องดี เปิดตัวในงานอีเว้นท์ก็ดีนะ ไปออกบูท มีคนเดินมาเจอมาดูนะมึง ถ้าเขาเข้ามาแตะแล้วมึงโฆษณาดีเขาก็อาจจะซื้อ ลองดูๆ
กูเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง คนตามพอควร แต่พอมาอ่านความคิดเห็นในนี้ (ซึ่งกูขอบคุณ&ไม่ได้ว่านะ) กูรู้สึกหดหู่ว่ะ คือกูมีแพลนจะลงจบ ไม่ปิดตอน กูมั่นใจว่ากูเขียนคุณภาพไม่แย่ ไม่ดอง เขียนได้หลายตอน ไม่เคยงอแง ตอบคอมเมนต์อย่างสุภาพ แต่ถ้านักอ่านเลือกว่านิยายอย่างกูมีให้อ่านฟรี ๆ เอาเงินไปซื้อนิยายแปลดีกว่า กูเริ่มรู้สึกเฟล
กูรู้นะว่าคนเราควรแต่งนิยายด้วยความรัก แต่กูก็อยากมีรายได้ อยากให้คนอุดหนุนหนังสือ ไม่ใช่เห็นว่าไม่มีค่า ปิดตอนก็ด่ากูอีก
กูแต่งไม่ออกมาซักพักละ กูทำงานฟูลไทม์สัปดาห์ละเจ็ดวัน (เออ คือกูมีวันหยุด 1 วัน แต่คือวันหยุดคือวันที่ทำงานที่บ้าน) แบบ เอาเวลาไปพักผ่อนดีไหมวะ
>>291 ตบบ่า กูก็เซ็งเหมือนกันเวลาเห็นเม้นต์ว่าถ้าอ่านจบแล้วก็เอาเงินไปซื้อนิยายแปลดีกว่า กูก็เป็นคนหนึ่งที่ถ้าอยากอ่านก็กดอีบุ๊คเลย กูไม่ว่าอะไรถ้าคนแต่งลงไม่จบนะ นิยายไทยให้อ่านตัวอย่างกันเยอะมากจนนี่มันไม่เรียกตัวอย่างแล้วโว้ย ปกติอีบุ๊คฝรั่งตัวอย่างคือ 5-10%
อันนี้ความเห็นกูที่เคยพูดในมู้อื่นนะ
นิยายเริ่องไหนสนุกจริงก็ซื้อ กูเชื่อนะ แต่กูมองว่านิยายมันแบ่งวัตถุประสงคืการซื้อเป็นสองอย่าง คือซื้อเพื่ออ่านกับซื้อเพื่อสะสม
เพื่อสะสมคือชอบนิยายเรื่องนี้มาก อยากได้รูปเล่ม ลงจบไม่จบก็ซื้อ
กับเพื่ออ่าน ไม่ได้รักอะไรมาก อยากรู้พล็อต อยากรู้ว่าเขาจะลงเอยกันยังไงแค่นั้น หรืออยากอ่านซ้ำนะแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเล่มเปิดเน็ตอ่านก็ได้ ซึ่งประเภทนี้ถ้าลงจนจบไม่ลบก็ไม่ซื้อหรอก มีให้อ่านฟรีนี่นาเอาเงินไปให้เรื่องที่ยังไม่ได้อ่านดีกว่า ส่วนถ้าลบก็จะมีบางส่วนที่ไม่ซื้อไปอ่านเรื่องอื่นที่ฟรีก็ได้ บางส่วนที่ซื้อเพราะอยากรู้ต่อ
คนที่บอกว่าถ้าลงจนจบแล้วสนุกก็ซื้อแน่ๆคือพวกซื้อแล้วสะสมว่ะ ถ้ามันแค่สนุกพอแค่สำหรับอ่านเขาก็เก็บเงินไปเปย์เรื่องอื่นนั่นแหละ
ดังนั้นถ้าใครต้องการขาย กูบอกเลยว่าอย่าสนคำด่า สิทธิ์ของมึง จะปิดตอนเพิ่มตอนพิเศษ ทำตามที่ตัวเองต้องการ กูอ่านคนทำหนังสือออกมาพูดกี่คน ปิดตอนก็ได้ยอดเยอะกว่า
กูอยากหยุดลงนิยายมาก ไม่ค่อยชื่นใจกับผลตอบรับนิยายเท่าไหร่ เอาตรงๆคือกูรู้สึก underrated อะมึง
>>299 มึงลองเปิดพรีตอนยังไม่จบไหมล่ะแล้วบอกว่าจะมาต่อหลังส่งหนังสือแล้วอะไรแบบนี้ ส่วนเรื่องพิมพ์อาจจะกำหนดเรทขั้นต่ำในการพิมพ์ถ้ากังวลเรื่องยอดถ้าไม่ถึงก็ทำอีบุ๊คแทนซึ่งไม่มีต้นทุนในการพิมพ์ก็จริงแต่มีต้นทุนอื่นๆเช่นปก จ้างพิสูจน์และโดนหักราวๆ 40เปอร์ แต่โรงพิมพ์ที่รับขั้นต่ำ 20 เล่มก็มีอยู่ บางที่เห็นว่าเล่มเดียวกับรับ ลองขอราคาคร่าวๆดูได้ อาจจะขอเรท 1 20 50 100 ไล่ไปตามระดับ บอกจำนวนหน้ากับสเปคคร่าวๆเพื่อขอราคาเขาก่อนแล้วมึงมาคำนวนราคาขายเอาแบบที่ไม่เข้าเนื้อมาก เขาเต็มใจให้ราคามึงแหละลองเปรียบเทียบหลายๆที่ดูก็ได้ บางที่พิมพ์น้อยได้ราคาถูกกว่าอีกที่แต่ขณะเดียวกันพิมพ์เยอะขึ้นดันแพงกว่าเขาในเรทเดียวกันซะอย่างนั้น
>>299 กูเซ็งคำว่านิยายไทยเดี๋ยวนี้คุณภาพแย่ด้วย ทั้งๆที่เวลาคุยหวีดกันบางเรื่องก็คนไทยแต่ง ไม่ใช่ของตปท.ทั้งหมด การพูดว่านิยายไทยห่วย นิยายแต่งห่วย มันทำให้คนที่ตั้งใจแต่งอยู่ท้อเหมือนกัน อ้าวแต่งๆไปจะมีใครอ่านของกูมั้ยนิ ไม่ใช่อ่านกันแต่นิยายแปล(ซึ่งความเห็นกู นิยายแปลก็ไม่ได้ดีทุกเรื่องนะ) อ่านความเห็นละก็เห็นใจนข.คนไทย สู้ๆละกัน
กูมองว่านิยายวายไทยมีที่ดีและแย่เยอะมาก คนที่พูดเหมารวมว่านิยายไทยมีแต่นิยายมหาลัยคือมึงไปพักก่อน นิยายแนวอื่นน่ะมีเยอะแยะ แต่สุดท้ายเขียนแนวไหนก็ไม่แมสหรือบูมเท่าแนวมหาลัยอยู่ดี สุดท้ายคนเขียนแนวนี้บางทีเลยล้มหายตายจากวงการไปเรื่อยๆ ขณะที่คนเขียนแนวแมสยังอยู่ได้ว่ะมึง
>>291 คือกูจะบอกว่าตอนนี้กูรู้สึกเหมือนมึงเลย คือเวลาไม่ปิดตอนเปิดให้อ่านฟรีในเน็ตแล้วยอดขายตกจริงๆ อ่ะ ประมาณว่าเรื่องนี้มีให้อ่านฟรีในเน็ตแล้วเอาเงินไปซื้อเรื่องอื่นดีกว่า กูจะบอกว่าตอนพิเศษที่มีเฉพาะในเล่มบางทีก็ไม่ดึงดูดนักอ่านให้ซื้อหรอก ที่ซื้อส่วนใหญ่คือพวกเก็บสะสม นักอ่านขาประจำ ช่วงหลังๆ แม่งท้อจนจะล้มหายตายจากวงการไปแบบที่ >>309 ว่าแล้วว่ะ
>>308 เออ กูก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง stereotype นิยายไทยวะ วายไทยมันมีทั้งดีทั้งแย่นั่นแหละ แต่วายมหาลัยมันบูมกว่าจริงๆ แต่ออกมาเยอะจนเกลื่อนตลาดแล้ว กูคนนึงแหละที่เลิกอ่านแนวนี้ไปแล้ว แต่วายแนวอื่นแม่งก็บูมได้ไม่เท่า วายเสินเจิ้นก็ยังบูมแต่ไม่มากเท่ามหาลัยวัยทำงาน ส่วนวายแฟนตาซีผจญภัยนี่แทบจะล้มหายตายจากวงการไปจริงๆ เหมือนตลาดแฟนตาซียังซบเซาไม่ฟื้น หานักเขียนแต่งสนุกๆ ยาก แล้วก็หาอ่านยากด้วย ทำไมวายไทยมันไม่หลากหลายกว่านี้วะ พูดเองเศร้าเอง แม่ง
มาบอกว่ากูซื้อแต่อีบุ๊ค เผื่อพวกเมิงจะสนใจมาตลาดนี้บ้าง เล่มไม่มีที่เก็บว่ะ กลัวที่บ้านมาเจอ หลานชอบมารื้อห้อง
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลงพร้อมๆวันส่งเล่มด้วย นขบางคนแม่งรอลงหลังส่งเล่ม1เดือน มือสองแม่งก็ขายกันเกร่อแล้ว จะซื้อกูก็แสลงใจ ขายต่อไม่ได้ด้วย อ่านทีหลังด้วย ลูกเมียน้อยชิบหาย
กูชอบอ่านนิยายแปลมากกว่าไม่มีเหตุผลเรื่องดีหรือห่วยเลยแต่เพราะชอบสำนวนต่างประเทศมากกว่า
เรื่องแฟนตาซี จริงๆกูว่าแนวแฟนตาซีมันมีออกทุกงานหนังสือนะ นาบูยืนพื้นแล้วปกนึง แล้วถ้าไล่ดูวายแฟนตาซีเรื่องไหนมีพูดถึงทุกเรื่องที่จบมีสนพไปจับจองกันหมดแล้วไม่ก็ทำมือ ไหนตอนนี้จะมีคว.ที่พิมพ์แนวแฟนตาซีโดยเฉพาะอีก กูว่าสนพพร้อมพิมพ์เต็มที่ แต่คนเขียนสายนี้น้อย อาจเพราะมันต้องสร้างเซ็ตติ้งใหม่มั้ง เลยเริ่มได้ยากกว่าแนวอื่น แต่กูว่าแนวนี้คนแต่งก็ไม่น้อยเท่าไหร่ ติดท็อปห้าของแนววาย รองจากแนวมหาลัย+ทำงาน จีนโบราณ ก็มาเป็นแฟนตาซีนี่แหละ ชนะสืบสวนกับผีเยอะ หายากชิบหาย
กูอ่านนิยายแปลเพราะกูโหยหาแฟนตาซี ของไทยกูก็อ่าน แต่แฟนตาซีแม่งมีอยู่กี่เรื่องเอง น้อยกว่าที่แปลมาอีก กูยังต้องคัดอีกนะว่าเนื้อเรื่อง ตัวละคร ฯลฯ ถูกจริตมั้ย...
วายแฟนตาซีน้อยแล้ว ว่ยแฟนตาซีผจญภัยยิ่งน้อยขึ้นไปอีก.....กูอยากอ่านมากสาด
กูคิดว่านักเขียนบางคนเขาก็พยายามแหวกนะ ต่อให้เซตติ้งมหาลัยก็เขียนให้แหวกออกไป ไม่ให้องค์ประกอบเหมือนคนอื่น หรือพวกนิยายพอ-นอเป็นหมอก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเหมือนกับเรื่องอื่น บางคนพอเห็นเป็นมหาลัยก็เบะปากไว้ก่อนแล้วว่าน่าเบื่อซ้ำซากแล้วก็มาบ่นว่าทำไมนิยายมหาลัยมีแต่เนื้อเรื่องเดิมๆ แซะว่า"มหาลัยอีกแล้ว ไม่ซื้อหรอก"หรือ"เป็นหมออีกแล้ว เบื่อออ โหลมาก" คำแซะมันไปไม่ถึงนขที่ติดลมบนหรือได้ตีพิมพ์แล้วหรอกมึง แต่คนที่อยากแต่งบ้างแต่ยังไม่มีใครมาเจอเนี่ยแหละที่จะท้อตายห่าหมด ไม่ค่อยมีคนอ่านไม่พอยังโดนพวกที่ไม่อ่านตัดกำลังใจอีก แบบมึงไม่อยากอ่านก็ไม่ต้องอ่าน ไม่มีใครว่า แต่ก็อย่าไปตราหน้าทั้งที่มึงไม่ได้อ่านขนาดน้านนน คือบางคนแม่งไม่เคยอ่านแนวนี้เลยด้วย แต่บ่นเบื่ออออ มึงเอาไรมาเบื่อ ถามจริงงง เหมือนพอเป็นแนวนี้ก็ตั้งแง่ละว่าต้องซ้ำ ต้องเลียนแบบกันมา
ตอนนี้เปิดวายมาเจอแต่ระบบกับเกิดใหม่ในหนังสือ เพราะแต่งง่าย อยากใส่ไรก้ใส่
เห็นมีนักเขียนกันเยอะกูเลยอยากเสนอความเห็นในฐานะนักงานคนหนึ่ง ว่าอยากให้มีลงขายอีบุ๊คกันเยอะๆ หน่อย กูรู้ว่ามันมีค่าวางค่าโน่นนี่โดนหักไปได้จริงๆ อาจจะแค่ไม่เยอะมากแต่กูว่าคนซื้อก็ลูกค้าคนละสาย คนซื้อเล่มก็ไม่สนใจอีบุ๊ค สายอีบุ๊คถ้ารู้ว่ามีก็รอซื้อ น้อยคนที่ซื้อทั้งสองแบบ ถ้ามึงขายทั้งเล่มด้วยทั้งอีบุ๊คด้วยก็มีรายได้สองทางนะ
อย่างกูเองเมื่อก่อนก็สายเล่ม แต่พักหลังๆ ตั้งแต่ปีที่แล้วต้องเดินทางบ่อยก็เลยลองซื้ออีบุ๊คดู มันก็สะดวกดี จนตอนนี้ซื้อแต่อีบุ๊คแล้ว เล่มไหนไม่มีอีบุ๊คก็ไม่ได้ซื้อ...ที่มาบอกไม่ใช่อะไร อยากให้หันมาทำอีบุ๊คกันเยอะๆ อยากให้เก็บไว้พิจารณาน้าาา
วายแฟนตาซีที่กูชอบคือ dragon prince ของฝุ่นอ่ะ สนุก
กูประสบปัญหาวางพล็อตเรียบร้อย แต่เขียนได้ไม่กี่หน้าสมองก็เออเร่อ นึกคำไม่ออกอีกเลย นี่เป็นมาหลายปีละใครมีวิธีแก้มะ
กูเขียนแบบมีสต๊อคไว้ลง แต่พอลงแล้วไม่มีใครอ่าน เลยขี้เกียจลงแล้ววะ แต่ก็ยังแต่งต่อนะ พล็อตจบแล้วด้วย แต่งข้ามไปยันตอนพิเศษแล้วอีกต่างหาก แต่ไม่อยากลงแล้ว 5555555555555555
Ky กูถามหาโรงพิมพ์ในนี้ได้ปะวะ กูอยากรวมเล่มแต่ไม่รู้ว่าพิมพ์ที่ไหนดี ใครเคยใช้ที่ไหนบ้างวะ
>>325 ที่โดน คว LC ไปกูว่าก็แนวผจญภัยแฟนตาซีหลายเรื่องอยู่นะ Hard mode, เพื่อนรักฯ, God child ไรงี้ถ้าไม่นับแนวระบบ เหมือนมาเจาะตลาดวายแฟนตาซี กูตามอยู่หลายเรื่องแต่สนพ น้องใหม่ไม่รู้ระบบการจัดการเป็นไง ขออย่างเดียวอย่าลอยเพแบบสนพ อท ก็พอ พูดแล้วจี๊ด แม่ง LSK ภาค2ของกู
คืออย่าใช้กระทู้มั่วๆเหอะ จะพูดถึงสนพ. ไปมู้เม้า อันนี้ก็โปรดเว้นไว้พูดเรื่องการเขียนนิยายเหอะ
>>345 กูว่าเพราะแต่งยากมั้ง แต่ก่อนกูก็เคยแต่งแฟนตาซีวาย แต่ฐานคนอ่านไม่เยอะอะไร พอจะแต่งแบบแหวกแนวมันต้องใช้ความคิดใช้จินตนาการเรียบเรียงเยอะว่ะ คือยอดเฟบกับคอมเม้นคือกำลังใจหลักของกูเลย พอคนอ่านน้อยลงๆ ใจมันห่อเหี่ยว หดหู่ จินตนาการต่อไปไม่ออก หลังๆ กูเปลี่ยนแนวไปแต่งแนวระบบแทนแล้ว ปรากฎว่าคนอ่านเยอะขึ้น คือแนวระบบกูแต่งแบบโครตชุ่ยอ่ะ แต่คนอ่านยังเยอะกว่าแฟนตาซีที่กูเคยรีดสมองคิดแต่งออกมา 555555 คือเหี้ยมาก คือกูรู้เลยว่าแต่งตามกระแสแม่งดีกว่าจริงๆ
กูขอมาค้านในฐานะนักอ่านที่บอกแนวระบบแต่งง่าย มันไม่ง่ายนะเมิ้งงงง ถึงกูไม่ใช่คนแต่งแต่จากที่อ่านแนวนี้มาโชกโชนมันยากนะที่จะแต่งให้คนตามอ่านสำหรับแนวนี้
>>350 กูเป็นนข นะ ส่วนตัวกูว่าแต่งแนวระบบไม่ยากเท่าไหร่ แต่ยากตรงจะทำไงให้น่าดึงดูดมากกว่า ตอนนี้แนวระบบก็ผุดขึ้นมาเยอะแล้ว คือต้องทำให้เรื่องตัวเองโดดเด่นกว่าคนอื่นอ่ะ แต่เรื่องแต่งตามกระแสแล้วคนอ่านเยอะกูไม่ค้าน แต่ต้องอยู่ที่ฝีมือมึงด้วย อย่างที่ 347 ว่าตัวเองแต่งชุ่ย แต่อาจสนุกสำหรับคนอื่นก็ได้
กูคิดว่าทุกแนวแต่งยากหมด แต่งให้โดดเด่น มีคนติดตาม ยังไงก็ยาก ใช้ฝีมือหมด ตอนคิดเรื่องอาจจะง่าย เออ อันนั้นน่าหนุก อันนี้น่าหนุก แต่งดีกว่า แต่มึงจะแต่งให้จบได้น่ะยาก ไม่นับว่าต้องจบไม่ออกทะเล จบให้ปังอีก ไม่งั้นนข.จะมีไหกันคนละพันไหเหรอ
กูก็แต่งนิยายไม่จบ กูมีพล็อตมีภาพอยู่ในหัวแต่กูบรรยายออกมาไม่เป็น พอกูบรรยายติดขัดแล้วกูก็เลิกแต่ง ไม่รู้จะแก้ยังไง
กูขอถามหน่อย เรื่องสั้นความยาวสามสิบถึงสี่สิบหน้าเอสี่ สนพจะซื้อประมาณเท่าไหร่ กูไม่เคยรู้เรทตรงนี้เลย
ขอบคุณมาก
>>359 ค่อนข้างสั้นนะ คือมีงยังไม่ได้จัดหน้าใช่ปะ จริงๆถ้าจัดหน้าแล้วปกติหน้าหนังสือมันจะบรรทัดถี่กว่าหน้า Default a4 ปกติ กูว่าถ้าจัดหน้าแล้วหน้าก็คงเพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่มั้ง
พอมันเป็นเรื่องสั้นก็เลยไม่แน่ใจว่ะ ส่วนค่าหนังสือมีสองแบบคือคิดตามจำนวนเล่ม กับ ซื้อขาด กูรุ้แต่ราคาเล่มปกติอะนะ ไม่รู้เรื่องสั้นแฮะ
>>362 จากหน้า a4 มาเป็น a5 (หนังสือขนาดปกติทั่วๆไป) คร่าวๆคือ 2 เท่าอ่ะ จาก 30=60 / 40=80 ก็ราวๆ 60-80 หน้าแต่อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการจัดหน้า ส่วนค่าลข.ทั่วๆไปก็ต้องดูว่าสนพ.ให้แบบไหน เหมาหรือคิดเป็น% ของราคา*จำนวนเล่มที่ตีพิมพ์ในแต่ละครั้งหรือแบบอื่นๆอ่ะ อันนี้มึงคงต้องถามสนพ.นะ แต่เคยได้ยินว่าเรื่องสั้นโปรบางที่ซื้อแบบเหมามายกตัวอย่าง 3000 / 5000 อะไรแบบนี้อ่ะ
Ky ขอถามไรหน่อย เวลาพวกมึงแต่งนิยายไม่ออก กระตุ้นตัวเองยังไงกันวะ กูรู้สึกหมดไฟแต่งนิยาย คือมีนักอ่านมาคอมเม้นนิยายกูตลอดนะ แต่ช่วงหลังๆ มานักอ่านมาจากไหนเยอะแยะไม่รู้ จู่ๆ ยอดเฟบเพิ่มทีวันละร้อย เวลาจะอัพนิยายแต่ละทีกูรู้สึกกดดันวะ กลัวทำนักอ่านผิดหวัง สรุปคือกูกดดันตัวเองมากไปจนแต่งไม่ออก แทนที่ไฟจะลุกดันดับดื้อๆ
ลืมบอกว่ากูเคยเป็นตอนยอดแฟนคลับขึ้นมาจากหลักสิบเป็นหลักร้อยว่ะ กดดันชิบหาย
Ky กูอยากรู้เกี่ยวกับยอดขายนิยายอ่ะ สมมตินะ ระหว่างเรื่อง A ที่มียอดเฟบ หมื่นอัพแต่ยอดคอมเม้นไม่กี่พัน พันกว่าสองพัน คิดเป็น% ไม่ถึง50% กับเรื่อง B ที่มียอดเฟบ6พันกว่าแต่คอมเม้นเกิน3,000 คือเกิน50% นักอ่านแบบ active 2 เรื่องนี้ยอดขายเรื่องไหนน่าจะดีกว่าวะ
>>365 กูใช้วิธีประกาศวันอัพเอา เพราะงั้นถึงเวลายังไงก็ต้องเขียนมาอัพให้ได้ ถึงจะต้องอดนอนก็ต้องเขียนอ่ะ คือกูคิดว่าคนเราควรทำตามสัญญา การลากเส้นตายเลยสำคัญมากสำหรับกู
เพราะว่ากูซีเรียสเรื่องแบบนี้มาก กูเลยงงว่านักเขียนที่พรีไปแล้วไม่ส่งนี่พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอวะ พวกมึงเติบโตมาในสังคมแบบไหนถึงหน้าด้านโกงคนอื่นได้
จวิ้นอ๋องนี่โง่ในโง่ที่ไม่ส่ง ทั้งๆที่รวยเห็นๆ ต่อยอดได้อีกเยอะ อยากกินเงินแค่ไม่กี่บาท
>>372 คือ นอกจากเหตุผลนางผูกปมจบไม่ได้แล้ว กุนึกเหตุผลไม่ออกเลยจริงๆ ว่าทำไมนางต้องโกง ทั้งที่มีความสามารถขนาดนี้ แล้วแบบ กุว่าจวิ้นอ๋องนางน่าจะแต่งจบได้นะ คือปมเริ่มเฉลยแล้วอะ ว่าจวิ้นอ๋องตัวจริงนางรักกับรัชทายาท แล้วนอ. ก็หลุดมาโลกนี้ทั้งตัวแล้ว มันอีกนิดเดียวก็ขมวดปมได้แล้วอะ ไม่น่าโกงเลย ให้ตาย
เห็นด้วยกับทุกคน สงสารคนจอง แล้วก็สมเพจเวทนาคนแต่ง มีสมองกับฝีมือดีดีแต่ไม่ใช่หากินยาวๆ เพราะชื่อเค้าตอนแรกดังมากนะ ตอ่ยอดเรื่องไหนก็ดัง เผลอๆ อวว คงเอาไปอยู่สังกัด ได้เงินยาว แต่คนโง่และโกงมักจะเห็นเงินก้อนแล้วตาโต ไม่ได้คิดถึงเงินอนาคต
กูก็อ่านนะจวิ้นอ๋องอะ กูว่าตอนสุดท้ายที่ลงมันยังไม่ถึงช่วงจบได้ เพราะดันมีคนเยอะไป กูว่าปมช่วงหลังดูพยายามเกินไปด้วย ตอนแรกๆกูชอบเลยแต่พอหลังๆชักเบื่อ (การแต่งแถไปเรื่อยมันง่ายกว่าคิดตอนจบนะ กูเข้าใจ) กูเลยเดาว่านข.ขี้เกียจแต่งแล้ว รีบให้โอนเอาเงินเชิดหนีเลยดีกว่า แต่เขาทำงี้มาหลายเรื่องจนงงว่า มึงแต่งได้ตั้งยาวมึงไม่มีปัญญาจบทุกเรื่องเลยเหรอว้า.... แต่ถ้าเป็นโรคชอบโกงก็... เออ โดนจับสักทีนึงก็ดีนะ เผื่อจะหาย
จะเม้าตัวคนไปมู้เม้า ทำไมต้องใช้ปนมาสามมู้แล้ววะ
Ky กูอยากรู้ว่าทำไมนักอ่านชอบอ่านตัวเอกแนวแมรี่ซูวะ
>>379 ไม่รู้สิ สต.กูชอบตัวเอกที่ฉลาด หัวไว มีไหวพริบ ไม่ก็ต่อสู้เก่ง แต่ก็อาจมีโอกาสพลาดท่าได้บ้าง แบบถังฟั่นที่ฉลาดๆน่ะ แต่ไม่ชอบเกิดมาก็เก่งเกินไปจนน่าหมั่นไส้แบบพระเอกในมังงะเรื่อง tatoeba last dungeon นะ อ่านแล้วหมั่นไส้ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย ยกเว้นไซตามะนะ รายนี้ตลก5555
ปกติพวกมึงรวมเล่มจะเอากำไรเล่มละเท่าไหร่วะ
>>380 เท่าที่กูเข้าใจ
มู้เม้า เม้านินทาพฤติกรรมคนและสนพ
ชั้นหนังสือ คุยเนื้อหาหนังสือ รูปเล่มหนังสือ การจัดการของแต่ละสนพ
นักเขียน คุยเกี่ยวกับการเขียน เทคนิค ขั้นตอนการพิมพ์และขายของทำมือและคนอ่าน
ซึ่งแต่ละเรื่องมันมีส่วนคาบเกี่ยวกัน ถ้ามันเลยเถิดแล้วมีคนปรามก็จะให้ย้ายไปมู้
กูว่ามู้นี้ไว้เมาท์เทคนิคการเขียน ปัญหานข นอ เทคนิคการขายนิยายของนข 55555 ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ สนพ มาติดต่อเม้ามู้นี้ได้มั๊ยวะ กูงง
มึงว่าการเขียนตลคให้คนอ่าน self-insert ได้ง่ายๆมันดีหรือไม่ดีวะ
Ky แต่งนิยายยังไงให้โดนจีบไปทำซีรี่ย์กันวะ กูอยากรู้
>>403 นอกเรื่องนิดนึงนะ พูดถึง nl กูเคยเปิดเจอเรื่องนึง ค่ายเดียวกับเชงเม้งเลย พระเอกแม่งใส่ชุดไดโนเสาร์ละทำตัวล้นเหมือนเด็กจูนิเบียวจนกูแทบเปลี่ยนช่องไม่ทัน ปัจจุบันไม่ดูละครค่ายนี้อีกเลย ภาพพระเอกอายุวัยเรียนมหาลัยแต่ใส่ชุดมาสคอตไดโนเสาร์เดินไปทั่วยังคงตราตรึงในใจกู ฮือ กลัว
Ky คนอ่านจะซื้อหนังสือก็ต่อเมื่อมีของแถมปะวะ กูควรแถมอะไรนอกจากตอนพิเศษ แล้วตอนพิเศษเยอะแค่ไหนถึงจะดึงดูดวะ
>>398 แล้วแต่สิ่งที่มึงชอบ กลุ่มคนอ่านที่มึงอยากให้อ่าน
การแต่งเซลฟ์อินเซิร์ทมันมีข้อดีตรงที่ถ้าเขียนได้ดีจะทำให้คนอ่านเข้าถึงอินกับอารมณ์ได้ง่าย แต่ถ้าแนวเรื่องมันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนเขียนอะมึง
>>379 กูชอบเพราะขึ้นชื่อว่านิยายตัวละครมันไม่มีทางสมจริง100%อยู่แล้ว ถ้าให้เลือกระหว่างหงุดหงิดรำคาญตัวละครโง่เป็นพิเศษ กูเลือกมองบนตัวละครที่ฉลาดเก่งเป็นพิเศษดีกว่า แต่เขียนแล้วต้องจูงใจให้เชื่อว่าเก่งฉลาดจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าคนรอบข้างพูดฉลาดๆแต่การกระทำโง่ชิบหาย
กูสายอีบุ๊ค ถ้าต้องซื้อเล่มเพราะไม่มีอีบุ๊ค=อยากอ่าน ของพรีเมี่ยมดึงดูดอะไรกูไม่ได้เลย รกบ้าน
กูอยากลองแต่งแนวสืบสวนต้องเริ่มจากตรงไหนวะ
Ky เคยมีใครโดนสนพ มาทาบทามซ้ำบ้างมั้ยวะ แบบตกลงพิมพ์กับสนพ นึงไปแล้วแต่ยังมีสนพ อื่นมาทาบทามเรื่องเดียวกันอีกอ่ะ
Ky เวลาขาย Ebook ผ่าน Meb กับ Ookbee นักเขียนได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ โดนหักค่าธรรมเนียมอะไรเท่าไหร่บ้าง กูอยากลองขายEbook ดู ขอบคุณล่วงหน้านะเพื่อนโม่ง
เวลาสนพ.มาทาบทามเขาขอให้มึงส่งเรื่องไปพิจารณาอีกทีปะ เลยยังไม่ได้อ่านละเอียด อ่านไปหน่อยนึงถ้าโอเคก็บอกให้ส่งต้นฉบับ
กูเคยแต่งแนวสืบสวน แฟนตาซีนะ แต่ไม่มีคนอ่านจริงๆ ตอนนี้เลยเลิกแต่งไปแล้ว 55
ทำไมคนนิยมอ่านแนวแฟนตาซีน้อยกว่าแนวมหาลัยวะ แต่ก่อนแฟนตาซีออกจะบูม สมัยบารามอส เซวีน่าไรงี้ พอมาวันนี้ดับ ขายไม่ออก หาอ่านยากอีก
เบาสมองเขียนง่ายกว่าแฟนตาซีที่ต้องคิดเซ็ตติ้งเยอะ
เบาสมอง/ฟีลกู้ดก็ยากนะ มึงจะแต่งยังไงให้คนอ่านฟีลกู้ด อ่านแล้วยิ้ม พวกที่อ่านแล้วแค่เขินโมเม้นท์พอ-นอกูไม่นับเป็นฟีลกู้ดอะ พวกจับต้องง่ายเรียกนิยายเซตติ้งปจบ.ดีกว่า
แต่ก่อนกูก็อ่านแฟนตาซี/สืบสวนสอบสวนโคตรเยอะ เดี๋ยวนี้กูก็เบื่อแล้ว กูหมดวัยกับแฟนตาซีแล้ว ตอนนั้นที่มันดังอาจเพราะมีแฮรี่พอตเตอร์ช่วยเบิกทางด้วย
Ky กูรู้สึกว่าอัพนิยายวันจันทร์-ศุกร์ คนอ่านเยอะกว่าช่วงเสาร์อาทิตย์ วันอัพมันเกี่ยวกันมั้ยวะ
พูดถึงเรื่องใครแต่งแนวอาชีพหรือวัยทำงานนี่ ถ้าใครไม่หาข้อมูลมานี่คือกูบายเลยจริงๆ นะ โดยเฉพาะเรื่องไหนที่เขียนเกี่ยวกับแพทย์ กูจะเครียดมากเป็นพิเศษไม่ได้จะจับผิดนะแต่เวลาอ่านแล้วมันจะเอ๊ะๆ ใช่เหรอ ไม่มั้ง สุดท้ายก็จะปล่อยเบลอและออกมาห่างๆ ไม่อ่านอีก ขฟขผ ที่ดังๆ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้กูเซ็งมากพอ.เป็นหมอแล้ว ไม่ใช่นศพ. แม่งเทพมากจ้า วิเคราะห์พลาสโมเดียมได้ด้วยตาเปล่า แถมจะเอาท์ดอร์บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล กูไม่รู้นะคนอื่นอาจฟินแต่นศพ.ไม่มีใครฟินแน่ มันร้ายแรงนะเว้ย มันผิดจรรยาบรรณแพทย์ รดส.นี่ก็อีกเรื่อง กูไม่ได้ไปสายนั้นโดยตรงแต่เขาใช้ชื่อยาผิดน่ะเรื่องจริง ข้อมูลผิดแบบผิดๆ ของจริง ของคุณขป.ที่กูตามอยู่เรื่องเกี่ยวกับทะเลกูก็เบลอ เพราะกูบ้านอยู่ทะเลเนี่ยแหละ ถ้าใครเขียนนิยายแล้วอ้างถึงทะเลใต้ควรมีคำใต้บางนะ หรือถ้าแถบตะวันออกก็ต้องมีเอกลักษณ์ ที่พูดมานี่คือจะเขียนนิยายให้เขียนเริ่มที่ตัวเองถนัดก่อน ไม่งั้นก็หาข้อมูลสักนิดนึง. หาเถอะ เดี๋ยวนี้ข้อมูลมันสาธารณะมากขึ้น เสียเวลาสักนิดนึง กูอยากมาตั้งแต่วันก่อนที่พวกมึงคุยกันแต่ไอพีทรูมันโดนแบนสามวันติดแล้ว กูอัดอั้นฉิบหาย จะพิมพ์อะไรในโม่งไม่ได้เลย
ฟีลกู้ดเดี๋ยวนี้ส่วนมากเป็นแนวมหาลัยหมดเลยว่ะ ต้องใครสักคนตามจีบอีกคนประมาณนี้อะ
สมัยก่อนกูเคยอยากเป็นนักเขียนอาชีพนะ แต่เดี๋ยวนี้นักเขียนผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด แต่ละคนก็เก่งชิบหาย ฐานแฟนคลับ 6หมื่นอัพเป็นแสนก็มี สำหรับกูคือแฟนคลับหมื่นกว่าว่าเยอะแล้ว หมวดนิยายวายกูว่าแข่งขันกันรุนแรงกว่าหมวดอื่นนะ เห็นแล้วแม่งท้อ
กูว่าปัญหาตอนนี้คือ นิยายไม่มีคนอ่านว่ะ แม่งพูดแล้วช้ำใจ แต่กูว่ากูคงเขียนไม่ดีพออ่ะ
>>437 ของคนอื่นกูไม่รู้นะ แต่สำหรับกูก็มีส่วนอะ วันธรรมดาจะอ่านตอนหลังเลิกงานอาจจะช่วงรอรถหรือตอนอยู่บนรถ ไม่งั้นก็ตอนก่อนจะนอนน่ะ ส่วนวันหยุดบางทีก็ออกไปเที่ยวบ้างไม่ค่อยได้อ่านหรอกหรือถ้าวันไหนอยู่บ้านก็ทำงานบ้านหาไรทำไปเรื่อยถ้าจะอ่านนิยายก็จะเป็นพวกหนังสือหรือไม่ก็อีบุ๊คมากกว่าแบบยิงยาวไปเลย
>>439 เรื่องอาชีพนี่แม่งก็พูดยาก common sense และจรรยาบรรณอาชีพก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องรายละเอียดการเรียน/ทำงานเนี่ยบางสถาบันแม่งยังไม่หมือนกันเลยเหอะ อย่างหมอเนี่ย (ไม่ได้เกี่ยวกับตัวอย่างที่มึงยกมา แต่ขออธิบายจากความเข้าใจของตัวเองที่รับรู้มา)
ตอน preclinic มีเรียนเป็น block บ้าง เรียนเป็น system บ้าง ขึ้นกับสถาบัน
สถาบันหนึ่ง พอขึ้นปี 4 อ. จะเรียกนศพ. ว่าหมอแล้ว และเวลานศพ.ปี4 คุยกับคนไข้ อ.มักจะบอกว่าควรแทนตัวเองว่าหมอ (ถ้าผู้ชายก็ง่ายหน่อย สามารถใช้ ผมได้ แต่ผู้หญิงไม่ควรใช้หนู) เช่น "สวัสดีค่ะ หมอเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสี่ วันนี้ บลาๆ"
รึการอยู่เวร บางสถาบัน ปี 5แม่งต้องอยู่เวรข้ามคืนแล้ว บางที่ยังอยู่เวรถึงแค่เที่ยงคืน ส่วนปี 6 บางที่ได้เป็นผู้ช่วยมือ 1 ไม่ก็มือ 2 ในการผ่าไส้ติ่งแล้ว บางที่แม่งยังเป็นจิ้งจกเกาะผนังอยู่เลย
เรื่องกาวน์ยาวกาวน์สั้นอีก
ส่วนพวกที่แต่งให้นศพ.ไปกินเหล้าเข้าบาร์ ต่อให้เป็นเรียนแพทย์ชั้น clinic บางวันมันก็ยังพอไปได้เว้ย (แต่จะไปได้ติดๆกันมั้ยนี่กูก็ไม่กล้าฟังธง)
ตอนปีหกไปวนรพ.นอก ก็มีสิทธิ์ทั้งต้องรับเคสเองแล้ว consult สตาฟโดยตรงเลย หรือบางรพ.ที่ไปวนก็มี intern เป็น buffer ก่อน โชคดีกว่านั้นก็มี resident ที่มาวนช่วงนั้นพอดีดูทับให้อีก อาจไม่ต้อง contact กับสตาฟแม้จะเป็นเวลานอกราชการก็ได้
ส่วนตัวอย่างที่มึงยกมา plasmodium ที่มึงพูดนี่คือ พวก vivax หรือ falciparum ถ้า Dx ตาเปล่าได้แม่งก็เวอร์จริง (หมายถึงใช้ตาเปล่ามอง slide เฉยๆ) แต่ถ้าอาศัยประวัติโดยเฉพาะประวัติการเดินทาง อาการทางคลินิก ตรวจร่างกาย แล้วขอ slide blood smear มาดูใต้ light microscopy มองหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเจอ มันก็อาจเป็นไปได้ แต่โอกาสก็น้อยอะนะ ถ้าสงสัยมาลาเรียจริงแม่งส่ง thick film แล้วรอห้องแลปรายงานผลมาจะง่ายกว่ามาก
กูออยากระบาย กูไม่เข้าใจว่าทำไมคนอ่านด่านักเขียนได้ แต่คนเขียนด่ากลับไม่ได้ บางทีคนเขียนก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนรึป่าววะ เจอคนตบหน้าจะให้กูยืนยิ้มงั้นเหรอ บางคนอ้างว่าวิจารณ์ แต่ด่าว่านิยายห่าเหวอะไร ตัวละครนิสัยทุเรศมาก อันนี้เนี่ยนะเรียกวิจารณ์? มึงเข้าใจอะไรผิดเปล่าวะ
>>452 คนอ่านก็เหมือนลูกค้า คนเขียนก็คือแม่ค้า พิจารณาเอาว่าสมควรตอบโต้หรือไม่ ถ้าคิดว่าเป็นแค่พวกเกรียนผ่านมา แต่ถ้าแม่ค้าลงไปโต้วาทีกับลูกค้า คนผ่านไปมาจะเข้าร้านมั้ย
กูคิดง่ายๆแบบนี่หละ ถ้าบล็อคได้มึงก็บล็อคก็ลบความคิดเห็นไปก็ได้ ไม่ก็ดูคำชมไรงี้ ถ้าคนอ่านคอมเม้นแบบที่มึงว่ามากูว่าแม่งเกรียนคีย์บอร์ดหาเรื่องชัดๆไร้มารยาทสิ้นดี
>>456 กูเคยเห็นบางเรื่องนักอ่านด่านิสัยพระเอก ใจอ่อนขี้สงสาร ให้เปลี่ยนตัวพระเอกไรงี้ แต่นักเขียนก็มาตอบเม้นชี้แจ้งอธิบายที่มาที่ไปไรงี้นะ แต่ถ้าพวกเกรียนคีย์บอร์ด กูแนะนำให้มึงเบลอทิ้งไป เสมือนว่าไม่เคยมีคอมเม้นนั้นมาก่อน บางทีจะไปตอบกลับแรงๆ นักอ่านที่ดีๆ คนอื่นมาเห็นคอมเม้นมึงอาจตกใจได้ สมัยก่อนกูแต่งแนวจิ้นวายอ่ะ เคยเจอเกรียนมาเม้นแบบมนต์รักฟักทองบด กูโมโหนะตอนนั้น แต่ก็เลือกเมินทิ้งอ่ะ สักพักพวกเกรียนก็ค่อยๆ หายไปเอง
มึงต้องทำใจนะเขียนนิยายไม่ต่างจากมึงเป็นดารามึงต้องทนแรงกดดันให้ได้ ถ้าไม่ได้มึงจะแพ้ นอยด์ หมดกำลังใจเขียน เป็นไปได้ก็อย่าไปโต้เถียงกับนักอ่านเลย กูเข้าใจความหงุดหงิด ไม่พอใจ โมโหนั่นดี แต่ถ้ามึงไปทะเลาะกับเขา คนที่อ่านนิยายมึงคนอื่นที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเข้ามาอ่านดีๆ อาจเกลียดมึงแล้วพานไม่อ่านนิยายมึงอีก เคยไหม มึงไม่รู้จักคนๆ นั้นมาก่อน แต่เห็นเขาแสดงกิริยาที่มึงไม่ชอบ มึงก็เลยไม่ชอบเขา นี่ก็เหมือนกัน นักอ่านไม่รู้จักมึงมาก่อน ถ้ามึงแสดงอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ออกไป มีแต่เสียกับเสียเข้าตัวมึงเอง มึงหาใครไประบายก็ได้ แต่อย่าออกสาธาณะถ้ามึงยังอยากเป็นนักเขียนที่ดีในสายตานักอ่านหรืออยากให้มีคนติดตามมึงต่อไป พูดง่ายๆ มึงควรปล่อยเบลอ มองข้ามความคิดเห็นลบๆ นั่นไป หรือถ้ามึงอยากตอบกลับจริงๆ ให้มาคิดในตอนที่ใจเย็นแล้ว คิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน แล้วคิดด้วยว่าจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่าค่อยปล่อยข้อความตอบกลับนั้นออกไปยังที่สาธารณะ
Ky ตั้งราคาขายหนังสือกันยังไงวะ? แบบ 300 หน้ากูควรขายเท่าไหร่
ถ้าแบบไม่โดนด่าก็ 300 บาทเท่าจำนวนหน้า แต่ขึ้นกับไซส์ ทุน รูปประกอบ ต่างๆ ต่อให้ดูสมเหตุสมผลแต่ถ้าเปิดมามึงจัดหน้าห่างมาก ระยะบรรทัดยาวเป็นวา มึงก็จะโดนยี้อีกหาว่าจัดหน้ากินตังค์อีก
>>460 ถ้ามึงจะตั้งต่ำกว่า 300 กูว่า 299 ก็โอเคนะ ขึ้นต้นด้วยเลข 2 อยู่ดี ลดไปบาทนึง แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
แต่ปกติ 300 หน้ากูขายสามร้อยกว่าบาทอะ (กูทำมือ)
ึครั้งแรกกูตั้งต่ำมาก จนแบบเกือบเข้าเนื้ออีเหี้ย ตกใจเลย ค่าแพค ค่าบั้บเบิ้ล ค่าไปร ค่าปก ทุกอย่างคือเงิน
ช่วงนี้นิยายวายราคาพุ่งมากๆ แต่ก่อนสายทำมือจะแพงกว่าออกกับสนพ. เดี๋ยวนี้สนพ.ขายกันแพงขึ้น แต่ยอดจองก็ยังเยอะ กูสายทำมือนะ กูคงไม่คิดราคาแพงพรวดๆหรอก แต่บางทีก็แอบซึมแบบกูทำทุกอย่างคนเดียวพิมพ์ก็น้อย กูอยากคิดแพงบ้างงง แต่กลัวขายไม่ออก ปล.กูแค่มาบ่น
>>467 กูเห็นด้วย 299 ยังโอเค สามร้อยหน้า สำหรับกูหน้าละบาทกำลังดี แต่ 299 มันดูถูกกว่านิดนึง 5555
คือเมิงจะตั้งเเพงกว่าก็ได้ ถ้าจะเอากำไร แต่คงได้แค่เฉพาะคนอ่านของเมิงเอง แต่สำหรับคนที่เห็นผ่านๆ ถ้าจะซือโดยไม่อ่านนี่ชั่งใจ แต่ถ้าไม่เกินสามร้อยยังแบบ ถ้าปกสวยถูกใจ เรื่องย่อโอเคกูก็โอนเลยนะ
>>466 กอดมึง กูเข้าใจว่ะ
ทำมือค่าจิปาถะมันเยอะมาก ยอดพิมพ์ก็น้อยต้นทุนมันสูงแต่พอขายแพงก็บ่นว่าแพง จะทำเสมอตัวเท่ายอดจองก็ต้องเผื่อเคลมเผื่อคัด ทำเผื่อเยอะก็ขายไม่ออกเพราะไม่มีพรีเมียมไปอีก บอกค่าส่งแพงจะเอาห่อหนาๆจะเอากล่องไดคัท คนที่ยอมจ่ายเพิ่มน่ะมีแต่ส่วนมากจะไม่ บางทีกูก็ท้อว่ะ
กูคนที่ถามเรื่องตั้งราคานะ ขอบคุณเพื่อนโม่งทุกคน ค่าปกก็แพงว่ะดันไปสั่งวาด ทำเองนี่เนอะ อยากได้ปกให้ลูกสวยๆ ไม่รู้ว่าจะรอดมั้ย แต่เอาว่ะ มีปกแล้วก็ลองดู ห้าสิบเล่มกูก็ดีใจตายแล้ว
พวกมึงจ้างวาดปกกันมั้ย จ้างเท่าไหร่กันวะ
ปกฉงกงนี่เท่าไหร่วะ เดี๋ยวน้ี้ฮิตกันจัง
ถ้านักวาดไทย ทักไปถามเลยโดยตรงน่าจะเวิร์คสุด กูเคยถามๆมา ไม่เกินห้าพัน แต่ส่วนมากก็ไม่ต่ำกว่าสองพันมั้ง อันนี้คือดูจากแนวที่กูชอบนะ ชื่อเสียงไม่ได้ดังมาก แต่นักวาดไทยดังๆๆ คิดแพงกว่านี้มากก็มี ดูราคาในคอมมิชชั่นได้เลยเวลาเค้าเปิดอะ
>>471 ขอบคุณเพื่อนโม่ง กูลองถามๆ มาสามสี่ละ
>>472 ของกูที่จ้างวาด 2,500 นักวาดมึงลองส่องๆ ตามปกสนพ. เลย ชอบคนไหนหาเพจ หาทวิตแล้วทักไปถามเลยว่าตอนนี้รับคอมมิชชั่นไหม ถ้ารับปกนิยายทำมือคิดราคายังไง ขึ้นกับความละเอียดด้วย บางคนมี เพิ่มราคาถ้าเพิ่มตัวละครเข้าไปในปกด้วย ที่กูถามๆ มาก็จะราคา 2 พัน++ ทุกคนว่ะ
ภาพประกอบขาวดำล่ะ อยากใส่แต่กลัวงบบาน ถ้าใส่รูปเดียวก็แปลกๆ อีก
ขาวดำถูกกว่าสีประมาณครึ่งๆ แต่ถ้ามีฉากด้วยส่วนใหญ่ก็จะเพิ่มราคาฉากไป คอมมิชชั่นส่วนมากจะคิดแยกเช่น ตัวละคร(*จำนวนตัว) ฉาก สี/ขาวดำ อะไรแบบนี้ ถ้าเป็นจิบิก็จะถูกกว่าสเกลปกติ แต่ยังมีเรทย่อยๆแยกลงไปอีกหลายอย่างยุบยับ ทางที่ดีคือถามนว.ที่เราอยากจ้างโดยตรงดีที่สุด ส่วนมากก็ถามได้แหละ เขาไม่เหวี่ยงหรอก
อยากจ้างวาด แต่กลัวไม่ถึง 50 เล่มนี่ดิ
>>489 ลองเปิดพรีดูก่อน ถ้ายอดถึงมึงอาจจะบอกว่ามีเซอร์พร้ายยย แถมรูปประกอบ 1 รูปในเล่มเพราะยอดถึง แต่ปัญหาคือเวลาของนักวาดว่าเขาว่างทำไหม คิวได้ไหม หรือมึงจะโดนเทไหม(โดนนว.เทก็มีนะมึง55555)ถ้าระยะเวลาไม่ได้หมายความว่ามึงต้องส่งพิมพ์เลทโดนคนอ่านด่าไป ยกเว้นจะแจ้งในเงื่อนไขสั่งจองไปเลยอ่ะว่าระยะเวลาทำคือเท่าไหร่ถ้าได้ทำภาพประกอบก็อาจจะช้าไปอีกไรงี้อันนี้ยกตัวอย่างนะ
กูว่าปกแบบมีแต่ตัวอักษรหรือใช้ภาพวิวไปเลยก็สวยนะ ถ้าทำอาร์ตๆกูว่าสวยกว่าปกภาพคนอีก กูเคยทำปกแบบไม่มีรูปการ์ตูน ใช้รูปถ่าย ประหยัดงบกูมากกกกก
Ky เห็นช่วงนี้ นข หลายคนบ่นว่าคนอ่านไม่ค่อยเม้น กูอยากรู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้นักอ่านไม่ค่อยเม้นวะ
>>494 ตอบในฐานะนักอ่านคนนึงล่ะกัน กูไม่ชอบหวีดต่อที่สาธารณะ กูไม่รู้จะเม้นอะไร กูเป็นคนหน้าบางสมมติถ้ากูเม้นอะไรๆไปแล้วไร้การตอบกลับกูมักจะรู้สึกว่าเขาอาจจะเมืนเม้นกูไรงี้ อย่างน้อยมีกดเลิฟกดติ๊กเกอร์ทักทายกันบ้างก็โอเค ส่วนมากกูชอบกดเลิฟกดแชร์อะไรๆแบบนี้มากกว่าการเม้นล่ะนะ ไม่รู้จะเม้นไรเวลาอ่าน ฟิคก็ด้วย อ่านฟินๆอต่จะให้หวีดด้ยกูก็หน้าบาง
Ky กูถามในนี้ถูกมั้ยวะ คือกำลังเริ่มอ่านเรื่องร้อยเล่ห์ร้าย พันชาติรักอยู่แล้วกูมาสะดุดตรงคาร์นายเอกตั้งแต่บทแรกเลย ผู้ชายสวยคม ผมยาว ทำเปียสองข้าง นี่กูนึกอิมเมจไม่ออกจริงๆ คือผู้ชายกับสวยคมกูยังเข้าใจนะ แต่ผู้ชายกับเปียสองข้าง หรือสวยคมกับเปียสองข้างกูนึกไม่ออกว่ะ คาใจจนอ่านต่อไม่ได้ ช่วยกูที เบิกเนตรกูหน่อยกูอยากอ่านต่อแล้ว โฮ
>>496 เหมือนกู เวลาเห็นนักเขียนตอบทุกเม้นกูก็จะแบบ อยากเม้นบ้างให้กำลังใจไรงี้ แต่กูก็เข้าใจนักเขียนอะถ้าเกิดมีเป็นพันเม้นงี้ ตอบกลับไม่ไหวหรอก แต่ถ้ามีแค่10-20เม้นก็ จิ้มๆติ๊กเกอร์ทักกันหน่อยก็ได้ กดไลค์ให้กูนิดนึงว่า เอ่อ เห็นแล้วนะจ๊ะ แอบมองเธออยู่นะ
>>498 ทวินเทลเปียไงมึง แบบ ฮิปเตอร์อ่ะมึงไปเสิร์ชหาดูในอากู๋สิ
ถ้า สนพ มาติดต่อแล้วกูขอดูสัญญาฉบับจริงได้ป่าววะ
เพิ่มอีกนิด กูเคยอ่านในห้องเม้าท์ว่าถ้ายีงไม่เซ็นสัญญาจะยังไม่มีผลอะไร
กูขอแทรก สัญญาใจมีมานานแล้วเหรอวะ ? กูเข้าใจมาตลอดว่านักเขียนดูสัญญาแล้วแล้ว สนพ เริ่มทำงานได้ จับรูปเล่ม อีดิท แล้วพูดปากเปล่าไปก่อนค่อยเซ็นทีหลังจะโอเคเหรอวะ
>>508 สัญญามีผลตอนเซ็น เพราะงั้นส่วนใหญ่สนพ จะให้นข เซ็นตอนหนังสือพิมพ์เสร็จ ไม่ก็ตอนเริ่มพิมพ์อ่ะ ถ้าสมมติสนพ มาขอซื้อนิยายมึง ประกาศลงหน้าลงเว็บสนพกับหน้านิยายที่ขึ้นชื่อสนพคู่กับชื่อเรื่องนิยายอ่ะ อย่าง ฟฉ ซบ คว คือนข ยังไม่ได้เซ็นทั้งนั้น จะเซ็นก็ตอนพิมพ์นิยายโน่น
อยากทำให้งานเขียนเป็นที่น่าจดจำอ่ะ
>>510 กูใช้วิธีใครตั้งใจ นอกจากงานแล้วห้ามทำอยา่างอื่นนอกจากคิดพล๊อตกับเขียน ถ้าจำเป็นต้องทำกิจกรรมอื่น ทำเฉพาะกิจกรรมที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้นิยายของมึงเท่านั้น
ต้องมีวินัย ห้ามเปิดเรื่องใหม่ ห้ามดอง ตันก็ต้องเขียน เขียนไปเรื่อย ๆ แล้วก็ห้ามลอกเด็ดขาด แรงบันดาลใจเอามาได้ แต่ต้องทำยังไงก็ได้ไม่ให้คนอ่านรู้ ถ้าเหี้ยก็เขวี้ยงทิ้งแล้วเขียนไปเรื่อย ๆ ต้องถึกเท่านั้น ต้องมีเส้นตายให้ตัวเอง และเขียนออกมาไม่ได้ ห้ามเอาเวลาไปบ่นขึ้นทวิตหรือเฟสว่าตัน เขียนไม่ออก เสียเวลา เขียนไปเรื่อย ๆ ถ้าเรื่องนี้ไม่ปัง ก็เขียนจนจบแล้วค่อยหาแรงบันดาลใจเขียนเรื่องใหม่
กูทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าประทับใจคนอ่านรึเปล่า แต่ผลตอบรับเป็นที่พอใจสำหรับกู
มึงกูกำลังท้อ นิยายคนอ่านน้อย คนเม้นก็น้อย กูควรทำไงดี
Ky เพื่อนโม่ง คำว่า กาว สำหรับพวกมึงคืออะไรอ่ะ นิยายที่อ่านแล้วตลกแบบนี้ป่ะ
สำหรับกูกาวที่ใช้กับนิยายมันเป็นไปในทางบวกนะ กูอ่านนิยายกาวแล้วมันสนุกตรงที่ขำว่าตัวละครมันเพ้อเจ้อได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ บ้าได้สุดทางมาก ถ้าบ้ามโนเพ้อเจ้อแล้วไม่ตลกอาจโดนคนบ่นเรื่องไม่สมเหตุสมผลแทน
Ky เพื่อนโม่ง ช้ำยิ่งกว่าคอมเม้นน้อยก็ยอดเฟบที่ลดลงเนี่ยแหละ กูเพิ่งอัพนิยายไป ยอดเฟบเพิ่มขึ้นนิดนึง แล้วลดลงสองสามนิดว่ะ ซ้ำใจชิบหาย TT
แล้วแต่คนใช้ ส่วนมากกูใช้ทางบวก อย่างตอนเล่นเกมNierกูก็สบถว่าเกมอะไรวะ กาวชิบหาย
กูชมนะ เพราะเนื้อเรื่องเกมล้ำมากๆ และมีโอกาสที่โลกเราจะเป็นในทางนั้นได้จริงๆ สำหรับกูไม่จำเป็นต้องใช้ชมว่าตลก แต่เป็นของที่เนื้อเรื่องล้ำยุคไปไกลมากจนต้องสบถว่ากาวมาก คิดได้ไงวะ
Ky กูรู้สึกว่าอาชีพนข เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ นะ สมัยก่อนกูเคยเป็นอยู่พักนึง เลยหายหน้าหายตาออกไปจากวงการนข พอรักษาหายแล้วเลยกลับเข้ามาใหม่ สรุปว่าอาการเหมือนจะวนกลับมา ไม่ได้ซึมเศร้าขนาดเมื่อก่อนนะ แต่รู้สึกเครียดกดดัน กลัวส่งต้นฉบับไม่ทันเดดไลน์ คือช่วงหลังแม่งเครียดจนไมเกรนขึ้นเลยว่ะ บางทีอาชีพนี้คงไม่เหมาะกับกูจริงๆ TT
ky มึง ๆ มึงเคยเจอคนอ่านเอานิยายนักเขียนคนอื่นมาแนะนำให้มึงอ่านป่ะ มาชวนหวีด มึงรู้สึกยังไงกัน
กู 528 ตั้งใจ dm มาเลยนะมึง จริงจังชห.
>>528 เอิ่มมม ... อันนี้กูไม่รู้เขาคิดอะไรนะ แต่สำหรับกู กูมีเพื่อนนข.ที่สนิทแบบสนิทททท คุยกันทุกวันยันทุกเรื่องเรียกว่าเพื่อนแล้วอ่ะ ถึงขั้นตบตีเรียกสติได้แต่กูไม่เคยเอานิยายของคนอื่น(ย้ำคนอื่นในแนวที่เขาเขียน)ไปนำเสนอกับเขา หรือชวนเขาหวีด ยกเว้นเขาจะถามก่อนว่าเรื่องxxxอ่านไหม เป็นไงอะไรงี้อ่ะ แต่ตามปกติกูไม่ค่อยหวีดอ่ะนะ
>>513 กูก็ใช้วิธีนี้นะ ถ้าท้อหรือตัน นิยายไม่ปังก็เขียนให้จบ คนอ่านน้อยหรือเม้นน้อยก็อัปจนจบแล้วก้เปิดเรื่องใหม่ต่อ หาแรงบันดาลใจ กูไม่ค่อยบ่นในเพจตัวเองอะ มันเหมือนเป็นพลังลบกันนักอ่านป่าววะ? เลยตั้งใจแต่งนิยายอย่าวเดียว นอยนิดหน่อย หายไปสักพักหาเวลาฮีลตัวเอง แต่งนิยายจนจบ แต่หลังจากนั้นก็จะเหนื่อยมากๆเหมือนเราใช้พลังทุ่มไปกับมันเยอะมากๆอะ มีบางเรื่องที่โคตรตั้งใจแต่ง มีนักอ่านขาประจำคอยคอมเม้นตลอด กูก็โอเคแล้ว ดีกว่าไม่มีเลย แต่อย่างว่า ขนาดรวมเล่มแล้วเม้นกูยังไม่ถึงสองสามร้อยเลย
Ky แต่งนิยายยังไงให้ตัวละครดูมีมิติน่าดึงดูดคนอ่านวะ คือกูเพิ่งหันมาเริ่มเขียนนิยายรัก แต่ก่อนเขียนแต่แฟนตาซี บู๊ แอคชั่น พอมาจับแนวนี้รู้สึกตัวละครที่กูเขียนออกมามันแบนๆ ไม่ค่อยมีมิติเลยว่ะ คือพระเอกจืดจางแทบไม่มีบท ปล่อยนายเอกออกผจญภัยตามหาสหายร่วมรบอยู่คนเดียว แม่ง 55555
Ky การที่นักอ่านประจำค่อยๆ หายไปแต่ได้นักอ่านหน้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาแทน บอกอะไรเกี่ยวกับนิยายที่เราแต่งได้บ้างวะ
Ky พวกมึงรู้จักนักเขียนสายวายกันบ้างปะวะ กูไม่รู้จักใครเลยว่ะ
>>553 กอดๆ มึงด้วยนะ กูก็คิดเหมือนความเห็นบนๆ ว่าเรื่องต่อๆ ไปจะแต่งให้จบแล้วลงทีเดียว ลงไปแต่งไป มันทำให้อยากรู้ฟีดแบก อยากนั่นนี่ คาดหวังแล้วมันไม่ได้กลับมาก็จะนอยด์อีก แล้วกูเป็นนักอ่านด้วยพอเห็นนักเขียนแบบที่เริ่มพร้อมกูแต่แบบก้าวไกลแล้ว กูแบบก็มีท้อและหาอะไรฮีลตัวเอง วนลูปไปแบบนี้เพราะยังอยากเขียนนิยายอยู่
ในฐานะนักอ่านกูเคยอ่านงานคนนึง มีเฟบ5คนและมีกูเมนต์คนเดียว อห ยังกะกูจ่ายคอมมิชชันนิยายเค้ามาถถถถ
ตอนนี้กูก็แต่งคนเดียวอ่านคนเดียว กะว่าจบก่อนค่อยลงเว็บ ไม่รู้ฟีดแบคไรทั้งสิ้น กูอยากรู้ว่าเรื่องที่แต่งเป็นยังไง กูคิดจะลงเว็บให้อ่าน แต่เกิดความกลัว ถ้ามีคนมาด่าตัวละครกู มาเม้นท์ทำนองอ่านไม่แตกสักแต่ด่า กูคงนอยด์หมดกำลังใจแต่งต่อแหงๆ แต่ถ้ามาติถึงจุดผิดพลาดที่กูลืม หรือมันย้อนแย้งอะไร ให้กูสามารถแก้ไขได้ในภายหลัง หรือบอกคำผิดจะดีมากๆ ถ้าตัวละครทำไม่ถูกใจอย่างที่ต้องการแล้วเกรี้ยวกราดใส่นักเขียน กูเคยเขียนมาสองเรื่องแล้ว เจอทำนองนี้แหละ ห่อเหี่ยวเลย
จริงๆนะความท้อแท้นี่แม่งไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งมองคนอื่นยิ่งท้อ กูก็พยายามไม่มองคนอื่น แต่มีบางคนเริ่มหลังกู ตอนนี้ได้เป็นซีรีส์แล้วงี้ มันก็แบบเออ อดท้อไม่ได้หน่อยๆ 555555
ถ้าพล็อตมึงโหลมากๆจนมึงคิดว่าคงมีคนเขียนไปแล้ว และมันก็จะซ้ำกับนิยายหรือหนังซักเรื่องก็ได้ มึงจะเขียนกันต่อมั้ย
KY นิดนึง ขอให้ความเห็นในฐานะที่เป็นนักอ่านสายเงียบ เมื่อก่อนกูก็เป็นนักอ่านเงานะ คือกูเป็นคนขี้อาย พูดไม่เก่ง คุยไม่เก่งเลยไม่ค่อยกล้าคอมเมนต์อะไรเท่าไหร่ จะเน้นกดไลค์กดโหวตอะไรแบบนี้ให้มากกว่า บางทีเจอ นข. ตั้งใจตอบเมนต์หรือกูเห็นว่าเรื่องไหนเขียนดีมากแต่คอมเมนท์น้อยกูก็จะพยายามเมนต์บ่อยๆนะ แต่เรื่องไหนคนเมนต์เยอะแล้วกูก็จะกลับไปกดไลค์เงียบๆตามเดิม บางทีกูเห็นจุดอยากติกูก็เกรงใจไม่กล้าบอกกลัวคนเขียนรู้สึกไม่ดีหรือโกรธอะ (เคยเห็น นข. บางคนโดนทักเรื่องคำผิดแล้วโกรธ) ส่วนใหญ่กูจะเมนต์แซวตัวละครบ้าง พูดถึงเนื้อเรื่องในตอนบ้าง เดาล่วงหน้าบ้าง คุยกับ นข. บ้าง พูดถึงส่วน Talk ท้ายตอนบ้าง แต่ไม่ได้ลามปามหรือหยาบคายนะ กูไม่ชอบเมนต์ประโยคโหลๆเพราะดูไม่ค่อยตั้งใจเมนต์ แต่มีบางครั้งกูเคยเมนต์ตามแบบปกติของกูแล้วโดน นข. ตอบเหมือนไม่พอใจหรือเหวี่ยงใส่อะ ทำกูเหวอ เคว้ง ไปพักใหญ่ๆ ว่าสไตล์การเมนต์ของกูมันผิดอะไรหรอ (นข. คนนั้นกูเคยไปเมนต์หลายรอบจนรู้สึกผูกพันธ์เลยช็อคเป็นพิเศษ) จนกูอยากเปลี่ยนไปเมนต์ประโยคโหลๆหรือกลับไปเป็นนักอ่านเงาเลย หรือบางทีเจอ นข. ตอบเกือบทุกเมนต์เว้นของกูกับอีกสองสามคน แม้แต่เมนต์ประโยคธรรมดาไม่มีประเด็นอะไรเขาก็ตอบแล้วกูก็น้อยใจเหมือนกันแต่กูก็พยายามคิดว่าเขาอาจจะเบลอไม่เห็นเมนต์กูเลยอ่านข้ามไป (คนเมนต์ประมาณสิบกว่าคน) อีกกรณีที่กูชอบเมนต์ให้คือแบบ นข. อ้อนขอเมนต์ขอกำลังใจไรงี้อะ (ไม่ใช่บังคับเมนต์หรือขู่ว่าเมนต์ไม่ถึงไม่อัพไรงี้นะ) กูจะพยายามเมนต์ให้เหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่คนอ่านลดในความเห็นกูมีแบบ ไม่ว่างหรือเวลาว่างน้อยลง ย้ายด้อม (กรณีแฟนฟิค) เปลี่ยนความสนใจ (เลิกอ่านแนวนี้ไปอ่านอีกแนวแทน) ดองนานจนลืม หยุดอ่านไปพักนึงหรือรอตอนใหม่แล้วกลับมาหานิยายมึงไม่เจอ/จำชื่อไม่ได้ (กรณีที่ไม่มีหรือได้กดแจ้งเตือนอัพนิยายไว้อันนี้ อาจจะดูเด๋อจัดแต่กูเคย หลายๆเว็บที่ไม่ได้บังคับสมัครกูชอบไม่สมัครแล้วเจอปัญหานี้ ไม่ก็พวกแต่งในทวิตบางทีอ่านค้างไว้แล้วชอบหาไม่เจอ บางทีก็อ่านเยอะเกินจนลืมว่าอ่านอะไรค้างไว้บ้างจนกว่าจะมีอะไรกระตุ้นความจำ) บางทีก็เจอแบบอ่านเรื่องย่อหรือคำโปรแล้วเป็นแบบนึง เนื้อในเป็นอีกแบบ กูจะลองอ่านไปพักนึงว่าจะเป็นแบบไหน (เผื่อปูเรื่องนาน) ถ้าสุดท้ายไม่ตรงปกหรือไม่ใช่แบบที่กูโอเคกูก็ไม่อ่านต่อ บางทีก็เจอแบบแต่งๆไปแล้ว นข. เปลี่ยนแนวจากที่เขียนตอนแรก (เคยเจอแบบตอนแรกแนวมหาลัย ไปๆมาๆบอกตัวเอกเป็นมาเฟียมหาลัยอะไรไม่ไปละก็ ออๆ โอเคๆ ไปๆมาๆ โยนเรื่องมาเฟียทิ้งไปจู่ๆลากไปโอเมก้าเวิร์ส โอเค 5555 กูไปละ) บางทีก็อ่านแล้วไม่ตรงความคาดหวังก็เลยดรอปก็มี
อีกเรื่องทีกูอยากแนะนำคือบางเรื่องกูเห็นแต่งดีนะ แต่คนอ่านน้อยจนน่าเสียดาย บางทีเพราะชื่อเรื่องเสิร์จยาก ไม่ตรงคีย์เวิร์ดที่คนจะเสิร์จ ทำให้คนหานิยายไม่เจอ ไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้ ชื่อเรื่องไม่สะดุดตาหรือน่าสนใจ คำโปรยไม่ดึงดูดหรือบางทีอธิบายน้อยไปจนคนไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไงแล้วไม่เสี่ยงอ่าน บางทีเจอแบบกั๊กๆไม่ยอมบอกคู่ก็ไม่กล้าอ่านนะ (กรณีแฟนฟิค) กลัวหลงอ่านไปแล้วเป็นคู่ที่กูไม่ชอบหรือสลับโพ (บางทีเคยเจอจั่วหัวว่า AxB แต่คนเขียนพูดจา+สไตล์การเขียนดูไปทาง BxA กูก็ไม่กล้าอ่านต่อนะ กลัวอ่านๆแล้วคนเขียนสลับโพดื้อๆหรือเขียนจั่วโพผิดแต่แรก)
ป.ล. เดี๋ยวนี้กูเจอนิยายเขียนคำผิดเยอะบ่อยมาก บางจุดก็ใช้คำผิดความหมายจนดูตลกไปเลย จนกูสงสัยว่าสมัยนี้เขาเขียนคำผิดเยอะแบบนี้กันเป็นปกติแล้วหรอ แม้แต่คำง่ายๆแบบ ฝัน กูเห็นเขียนเป็น ฝรร บ่อยมาก เจอฝรรดีนะหลายเรื่องจนกูหลอนว่าที่ผ่านมากูจำผิดเองรึเปล่าวะ บางทีฉากกำลังซึ้งกูเจอแบบ รุก(ลุก)ขึ้นเถอะครับ พอนึกความหมายตามคำแล้วคิลมู้ดมาก บางทีเจอประโยคที่ตามเรื่องควรจะเป็นความหมาย + แต่ดันเลือกใช้คำความหมายใกล้เคียงกันที่เป็น - แทนแล้วอารมณ์เปลี่ยนคนละโยชน์ก็มี บางทีกูก็อยากทักนักเขียนนะแต่ไม่กล้า กลัวเขาโกรธ กลัวเขาน้อยใจ กลัวโดนหาว่าเรื่องมาก orz
อาจจะเมนต์ยาวไปหน่อย ไม่รู้จะมีประโยชน์กับพวกมึงบ้างรึเปล่า ถ้าเว้นวรรคอ่านยากไปหน่อยก็ขอโทษด้วย ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคน จากสายเสพย์นิยาย
>>562 เขียน นิยายพล็อตซ้ำมีนับไม่ถ้วนว่ะ ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเขียนแหละว่าจะทำให้มันเด่นออกมาในแบบของตัวเองได้มั้ย แต่งานนี้ถ้ามือไม่ถึงมันจะดูมีกลิ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด ตัวอย่างก็หลายเรื่องที่เม้าท์ ๆ กันแหละมึง กูก็กำลังนึกอยากเขียนพล็อตยอดนิยมแต่โคตรพ่อโคตรแม่ซ้ำอยู่เหมือนกัน
>>562 ถึงจะโหลแค่ไหนแต่ถ้ามึงเขียนดึงดูดพอก็ยังมีคนอ่านอยู่นะ ทุกวันนี้มีหลายแนวที่โหลมากแต่คนก็ยังอ่านกันอยู่ ถ้ามึงไม่คิดมากเรื่องนี้ก็เขียนเถอะ เอาที่ชอบเอาที่อยาก เรื่องซ้ำมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วโลกนี้มีนิยาย หนัง การ์ตูนเป็นล้านเรื่องมันก็เลี่ยงยาก ถ้าไม่ได้ตั้งใจก๊อปก็ไม่เป็นไรหรอก
กูพิมพ์ผิดเยอะเหมือนกัน แต่ไม่กลับไปแก้อะ จะแก้แค่ในเวิร์ด
ไม่รู้เยอะของมึงคือแค่ไหนแต่ที่กูเจอคือผิดเกือบทุกบรรทัด ผิดเกินครึ่งเรื่อง บางทีก็ผิดอย่างน้อยหนึ่งจุดในทุกสองสามประโยค ถ้าคำตัวอักษรใกล้กันหรือไม่ใช่คำเบสิกพอเข้าใจนะ แต่บางทีผิดคำที่เจอบ่อยในชีวิตประจำวันคำเดิมทุกจุดเหมือนเขาเข้าใจว่ามันเขียนแบบนั้นอะ แต่กูไม่กล้าทัก
กูขอคุณคนสร้างมู้นี้นะ กูเข้ามาแล้วกูสบายใจว่ะ รู้สึกมีเพื่อน ไม่ใช่แค่กูที่จิตตก นอยด์ แล้วก็ทำอะไรตามลำพังอยู่คนเดียว ฝันดีนะพวกมึง
ขอบคุณด้วย ตอนแรกกูเสนอให้ตั้งมู้ก็กังวลว่ามันจะร้างรึเปล่า ไม่คิดว่ามู้จะแล่นขนาดนี้
กูเจอแต่ หน้าเกียจ น่าเกียจ ขี้เกลียด หน้ารังเกลียด เกลียดคร้าน เกียจกลัว หน้ารีก น่าด้านอะไรของมึงวะคะ 555555
กูนี่กรอกตาจนตากูจะเป็นอินฟินิตี้แล้ว แก้จนขี้เกียจแก้ บางทีมีเถียงกลับด้วยว่าเขียนถูกแล้ว อิผี ถ่ายหน้าพจนานุกรมไปแปะค่ะ // แล้วก็โดนลบเม้นต์ ถถถถถถ
จนกูเลิกเม้นต์ไปชาติเศษได้แล้ว หมดกำลังใจจะเม้นต์
กูอยากตอบเม้นทุกคนนะ แต่คนคอมเม้นเยอะมาก ตอนๆ หนึ่งไม่รู้กูจะตอบกลับยังไงให้หมด
นิยายที่กูเขียนเล่นๆ....เสือกดังกว่าเรื่องที่กูทุ่มเทคอสโม่แต่ง เศร้าจังโว้ยอีเหี้ย
ถ้าใครไปเปิดกรุ๊ปนข.นิยายวายมาเรียกกูนะ กูจะตามไป อบอุ่นชิบหาย วงเล็บว่าศาลาคนเศร้านะมึง
ไอ้มู้เนียนขายของแบบนี้กล้าตั้งมาได้ไงวะ แม่ค้าชักเอาใหญ่ละ
แจ้งแอดมินเลยดีมั้ยเนี่ย
KY พวกมึงมีเพจเฟสบุ้คกันปะ แบบกูกำลังจะทำเพจมั้ง แต่ว่าแบบกูไม่อยากให้คนอ่านรู้เฟสบุ้คส่วนตัวกูอะ แบบคนอ่านจะรู้ปะถ้ากูใช้เฟสบุ้คส่วนตัวสร้างเพจอะ มันจะเห็นชื่อคนสร้างปะวะ
ปรึกษาปัญหาเหี้ยไร มีแต่เนียนโปรโมทงานตัวเอง
กูไม่โง่หลงกลไปอ่านงานกากๆหรอก 55555
พวกมึงอย่าฟีดโทรลกัน
คนแบบนี้ ต้องเลี้ยงดูมาแบบไหนวะ อืมมม กูเข้าใจแล้ว
ขอถามหน่อย มีคนไหนเปิดแอคนิยายในไอจีบ้าง คือกูคิดว่าไม่น่าจะรุ่ง แต่อยากรู้ว่ามีใครเปิดบ้างไหม
Don't feed the troll มึงๆก็คุยกันต่อเรื่องอื่นแล้วไม่ต้องไปสนใจมัน
กูสงสัยเฉยๆนะไม่ได้มาดราม่า การเอาภาพของนักวาดมาใช้เคลมเป็นตัวละครของตัวเองโดยที่ไม่ได้ขอเจ้าตัวก่อนมันถือว่าผิดลิขสิทธิ์ป่าววะ เห็นทำกันเต็มเว็บเลย กูชอบเห็นนักวาดทวิตบ่อยๆว่าห้ามรีโพสงาน ห้ามเอาไปใช้ กูเคยเห็นนักวาดไทยออกมาดราม่าเรื่องภาพโดนเอาไปเคลมเป็นตัวละครอยู่แวบๆ แล้วการเอาภาพคนจริงมาใช้นี่ผิดไหม เพราะภาพพวกนี้ก็มีลิขสิทธิ์รึเปล่า เว้นพวกภาพแจกฟรีจากเวบอะ
ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงผู้ให้กำเนิดบ้างเถอะ
ทำตัวแบบนี้ถ้าพวกเค้ามารู้เข้าแล้วทำใจไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
กูไม่สนใจละ ปล่อยให้หอนไป 555 มาคุยต่อ ในนี้มันศาลคนเศร้าจริง ๆ นอกจากอยู่โดยลำพัง กระทู้นิยายหยากไย่ขึ้น เพจยังร้างอีก มาครบ นั่นมันกูเลย
Ky เพื่อนโม่ง เวลาเอานิยายตัวเองไปลงเว็บอื่น อย่างเช่น ปกติลง ดด ไปแล้ว10ตอน แต่อยากไปลง ReadAWrite ไรงี้เพิ่ม พวกมึงลงทีเดียวไปเลย10ตอนรึทยอยลงกันอ่ะ
>>615 ลองถามเว็บมาสให้ออกกฎดู ถ้าไม่มีกฎชัดเจนยังยาก อย่างทวิตที่กูสิงเจอนักวาดอธิบายสาเหตุไม่ควรรีโพสเยอะแยะก็ยังมีคนทำเยอะ ขนาดกูพูดและรีบ่อยๆคนที่ฟอลกูก็ยังรีโพสท์กันเลย
>>619 ลงทีละตอนให้ขึ้นหน้าฟีดบ่อยๆ รอรมันมีระบบตั้งเวลาให้ลงรึเปล่า กูเห็นนักเขียนที่กูตามพูดถึงอยู่ว่ารู้สึกตัวอีกทีระบบลงให้จนหมดแล้ว
คนอื่นโทรลหรือว่าตัวเองยอมรับความจริงไม่ได้ ถามใจเธอดู
Ky กูควรเปิดพรีตอนนี้ หรือหลังงานหนังสือดีวะ ดูที่สนพ ออกเล่มใหม่แล้วกูว่านักอ่านไม่มีเงินมาซื้อนิยายกูแน่เลยว่ะ ;-;
>>625 สำหรับกู ออกตอนไหนเหมือนกันแต่อย่าให้ชนกับงานหนังสือเลย เพราะตอนนี้ หนังสือออกทุกเวลาเลยว่ะ คนอ่านจะเลือกเองอะ ไม่ก็เปิดพรียาวหน่อยมึง
>>619 กูทยอยลง แต่อาจลงถี่หน่อย อย่างรีด มันตั้งเวลาได้ มึงก้อทำแต่ละตอนรอไว้เลย แบบให้ลง วันละตอน หรือสองวันตอน ไรงี้แล้วแต่เลย จนกว่าจะลงทันกันทั้งทุกเว็บ มึงก็บอกนักอ่านไว้หน่อยว่าต่อไปจะลงทุกวันอะไร บลาๆ
เวลาส่งต้นฉบับมึงรอกันนานไหมวะ แล้วคิดว่าส่งให้สนพ.ไหนดีสุด
มึงกูเห็นลิสวายแปลแล้ว สนพ. เล่นออกถี่ๆกันแบบนี้ มึงว่ามีผลกับวายแต่งมั้ยวะ
แบบคนเก็บเงินไปซื้อวายแปลมากกว่า เพราะวายแต่งมันอ่านในเวปได้งี้
มีพระเอกคนเดียวกับมีพระรองด้วย แบบไหนดีกว่ากัน กูกลัวคนอ่านเบื่อ
ถามคนที่เคยพิมพ์หนังสือหน่อย เวลาเลือกกระดาษปกที่ไม่ใช่กระดาษปกติมึงเลือกยังไงกัน เลือกตามคำอธิบายที่โรงพิมพ์เขียนกับประสบการณ์เวลาซื้อหนังสือที่ใช้กระดาษปกนั้นๆหรือทางโรงพิมพ์ส่งตัวอย่างมาให้
>>639 กูไม่ชอบอ่านแบบมีพระรอง โดยเฉพาะเพิ่งมาโผล่ทีหลัง เพราะส่วนใหญ่ใส่มาแล้วเหมือนคนเขียนจงใจใส่มาให้ความสัมพันธ์พระนายได้ยืดเยื้อต่อไปอีก ไม่ว่าจะกำลังจีบอยู่หรือจีบติดแล้ว พอมีพระรองเพิ่มมาทีหลังจะดูเหมือนหมดมุขเลยต้องใส่ตัวละครมายืดเรื่องเพิ่ม ประเภทอยู่มาทั้งชีวิตไม่มีคนจีบ แต่ต้องมาเนื้อหอมเอาตอนกั๊กๆกับพระเอกอยู่นี่ลำไยสุด
>>641 เป็นไปได้ไปดูเองก็ดีนะ ถ้าสะดวกมึงสามารถไปดูเองได้ที่โรงพิมพ์อ่ะ เค้ายินดีต้อนรับแต่อาจจะต้องนัดวันเวลา บางที่ส่งตัวอย่างให้ได้ แต่กระดาษพิเศษแต่ละอย่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างๆกันไปนะ บางอย่างถ้าพิมพ์แล้วเคลือบทับ(เงา/ด้าน)ก็ไม่ต่างจากกระดาษปกติเพราะลูกเล่นมันหาย
ที่คั่นกูสั่งกับโรงพิมพ์ทำไมมันชอบงอวะ เป็นทุกโรงพิมพ์ป่ะ
ส่วนใหญ่มึงพิมพ์กับโรงพิมพ์ไหนกัน
กูพิมพ์กับอิมพ
Ky เพื่อนโม่ง เวลามีสนพ ที่ไม่ค่อยชอบติดต่อมาขอซื้อลิขสิทธิ์นิยาย แต่ก็ไม่แน่ใจว่านิยายตัวเองเรื่องนั้นจะผ่านพิจารณากับสนพที่ชอบหรือเปล่า ถ้าเป็นพวกมึงจะตัดสินใจยังไงอ่ะ จะตอบตกลงไปก่อนมั๊ยหรือว่าจะลองไปเสี่ยงกับสนพที่ตัวเองชอบอ่ะ
>>652 ไม่ชอบคือไม่ชอบเพราะอะไรถึงขั้นไหน สำหรับกูมีสนพที่ไม่ชอบนะ แต่ไม่ชอบถึงขั้นเผาพริกเผาเกลือเลย อย่าว่าแต่ออกงานด้วย ถ้านิยายที่กูชอบโดนสนพ.ซื้อลิขสิทธิ์กูยอมอ่านอิ้งหรือใช้กูเกิ้ลแปลจีน แต่ถ้าอยู่ในระดับทำงานร่วมกันได้ก็อาจตอบแบ่งรับแบ่งสู้ขอคิดดูก่อน ระหว่างนั้นก็ส่งอีกสนพ ไม่ก็ถ้าเอาชัวร์ก็เอาสนพนั้นไปเลย แต่ส่วนตัวกูว่าระยะเวลาไม่กี่เดือนสนพไม่น่าเลิกสนใจนิยายที่ตัวเองเคยติดต่อเร็วขนาดนั้นมั้ง
มึง ปกติสนพเขาพิมพ์นิยายวายขายกันกี่เล่มวะ คือกุทำกะที่นึงเปนสนพกลางๆค่อนไปทางใหญ่เพิ่งวางขายไปในนายอินทร์ แต่ว่าตัวกูก็ค่อนข้างจะโนเนมมากอะนะ นิยายที่ทำกะเขาก็ไม่ได้ลงเว็บด้วย ถ้าถามเขา เขาจะบอกกูตรงๆปะวะว่าพิมพ์ 100 200 เล่มงี้อะมึง
คือกูอะ ใหม่ในวงการออกนิยายกับสนพ.มากอะ ปกติทำเองขายเอง ยอดอยู่หลัก 50 - 100 ถึงมันไม่เยอะแยะแต่ก็คอนโทรลเองรับรู้เองได้หมด พอลองส่งต้นฉบับไปสนพ มันผ่าน ได้ทำ วางแผงออกมา กูก็ว้าวุ่นนิดนึงมึง
>> 662 กูหาข้อมูลจากหลายๆแหล่งไงมึง กูเกิลกับพันทิพย์หรือตามบอร์ดนักเขียนเด็กดีกูก็ถาม แต่ก็ไม่มีใครรู้จริงอยู่ดีนอกจากสนพ กูยอมรับว่ากูป๊อดที่ไม่กล้าถามสนพตรงๆ เพราะกูเกรงใจเขาอยู่ กูเลยจะหาข้อมูลจากวงนอกก่อน แต่เรื่องนักเขียนเล่นโม่งแล้วจะโดนแบบเนี่ย มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
มือลั่น สัด กูจะบอกว่า อย่าเกรงใจ นี่มันธุรกิจ เกรงใจแบบนี้มึงจะมีแต่เสียเปรียบให้เขาตักตวงเอา
ตม. นี่ใครวะ
เวลาทำปก มึงตกลง สนพ กันยังไงวะ ของกูมันต่างจากที่กูจินตนาการมาก 😑😑
มึงคือกูมีพล็อตเรื่องในหัวแล้ว กูก็อ่านนิยายมาเยอะ แต่กูกลัวแต่งไม่ดีจัง
ปกติสนพ จะให้นข เลือกนักวาด+ออกแบบปกเองไม่ใช่เหรอ
ปกติไม่ให้ยุ่งเลยนะ มียุคหลังๆนี่แหละที่นข.มีบทบาทในกระบวนการทำ
มึงลงนิยายช่วงกี่โมงกัน คนอ่านเยอะมะ
มีใครเป็นเหมือนกูบ้างจะแต่งฟิคทีกูต้องไปหาเพลงมาฟังเพื่อบิ้วต์อารมณ์ตัวเองอ่ะ คือ กูเป็นประเภทถ้าไม่ฟังเพลงจะคิดอะไรไม่ค่อยออกอ่ะ แต่สุดท้ายฟังเพลงเพลิน กูเผลอลุกขึ้นเต้นเฉยเลย กลายเป็นว่ ฟิคกูไปไหนไม่รอดยังเป็นกระดาษหน้าขาวอยู่เลย กูติดหล่มอ่ะ 😂😂😂😂😂😁
กูเศร้ามากว่ะ รู้สึกเครียด ไม่มีแรงบันดาลใจ เหมือนกูต้องเค้นพละกำลังในแต่ละอาทิตย์เพื่อเขียนออกมาให้ทันเส้นตาย เมื่อก่อนกูอัพแทบทุกวันเพราะรู้สึกสนุกในการแต่ง ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้กูแห้งเหือดมาก คนอ่านที่ตามๆก็หายกันไปเยอะไม่รู้เพราะดองไว้รอจบหรือว่าอะไร พอกูเค้นเขียนออกมาทีนึง จาก 10 คนเม้นแต่ก่อนก็เหลือแค่ 2 คน ทั้งๆที่กูมั่นใจว่ากูเขียนสนุกขึ้นกว่าแต่แรกนะ อยากร้องไห้ หมดกำลังใจ
เพื่อนโม่ง เราอยากแปลนิยายเรื่องนึงมากๆ คือมันไม่วายแต่แอบวายชิบหาย อยากหาคนสครีมด้วยอ่านคนเดียวอึดอัดจะแย่ละใจจะแปลก็มี แต่ทว่าแม่งมีคนแปลแบบเก็บตังอยู่ เลยไม่กล้าแปลทับวะ ถ้าเราแปลจะเป็นไรปะ
พวกมึงคิดยังไงกับนักเขียนที่ดราม่าเพราะคนอ่านติเรื่องการใช้คะค่ะในทอร์กวะ
คือนางบอกคนอ่านว่านางลงให้ฟรี ไม่ได้จะตีพิมพ์ ถ้าอยากอ่านแบบใช้ภาษาให้ถูกก็ไปอ่านนส.กระทรวง
กุแบบอ้ากเรียล เขาเตือนด้วยความหวังดีรึเปล่า
ปกติตอนนึง 30-50 เม้นท์ต่อตอนนี่ถือว่าเยอะไหมวะพวกมึง กูเพิ่งลองเขียนอะ
ถามเรื่องเวลาหน่อยจิ พวกมึงคิดว่าเวลาลงนิยายควรลงช่วงไหนถึงจะมีคนเข้ามาอ่านมากหน่อย กุยังเลือกไม่ค่อยถูกอะ
KY ถามหน่อยเวลาเลือกอ่านนิยายนี่
1.มีตัวเลือกประมาณว่าไม่ชอบอ่านนิยายแบบบรรยายบุคคลที่ 1 หรือ 3 กันไหม
2.ปกติชอบอ่านนิยายแบบบทสนทนาเยอะ หรือบรรยายเยอะ
คือตอนนี้กูมีปัญหากับการที่ว่าตัวเองถนัดเขียนบุคคล1 แต่ตัวละครจะเว่นเว้อในหัวมาก แต่พอย้ายไปเขียนแบบบุคคล3 มันก็จะย้ายไปบรรยายอารมณ์ สีหน้า สภาพแวดล้อมเยอะแทนจนบทสนทนาแทบไม่มี
ขอบคุณมากๆทุกคน ปัญหาคือ ตอนนี้กูพล๊อตที่กูพยายามเขียนมันคือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(มโน)นี่สิ พอเขียนไปมา นี่มันบรรยายเชิงวิชาการนี่หว่า!
แล้วที่บอกว่าเขียน1นี่ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่ทุกเรื่องที่เขียนจนจบได้คือบุคคล1 บุคคล3นี่เข้าไหดองตลอด เพื่อนกูเลยไล่ให้ไปเขียน1 มันบอกเขียนให้ดียังไงถ้ามึงเขียนไม่จบก็เท่านั้น
เอาวะ!มาลองกันใหม่ ภาวนาให้กูเขียนจนจบด้วยละกันเพื่อนโม่ง
Ky เพื่อนโม่ง กูกับเพื่อนเริ่มแต่งนิยายพร้อมกัน แต่เพื่อนกูแต่งดีกว่า ภาษาบรรยาย พล็อตเรื่องไรดีกว่ากูหมด ส่วนนิยายกูภาษาบรรยายกากๆ เน้นรวบรัดแต่นิยายกูคนอ่านเยอะกว่า เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยชอบอ่านนิยายที่ภาษาสวยๆ คลีนๆ พล็อตแน่นแล้วเหรอวะ พอกูเอานิยายตัวเองไปเทียบกับเพื่อนแล้วรู้สึกอายอ่ะ แต่คนอ่านนิยายกูเยอะกว่าแม่งงงชห
อยากถามเรื่องภาพประกอบนิยายเวลาลงนิยายหน่อย ปกติหาจากไหนกันมั่ง เห็นในดด.มีทั้งรูปจากนิยายตีพิมพํ รูปดาราฯลฯ ส่วนตัวกูไม่อยากใช้รูปดารา แต่ถ้าไม่มีรูปประกอบนี่จะดูไม่ดึงดูดหรือเปล่าอะ ตอนนี้สงสัยมาก
กูคนอ่านผ่านมาตอบ จะบอกว่ามุมมองบุคคลที่1มันอ่านง่ายดีนะ กูไม่ได้เลือกเป็นพิเศษ แต่ถ้าแบบช่วงว่างๆ ระหว่างวันจะหาอะไรอ่านกูก็มักหยิบพวกบุคคลที่1มาอ่านมากกว่าอ่ะ มันย่อยง่าย จุดโฟกัสชัดเจน แต่บุคคลที่1 นี่มันก็มีหลุดอะไรแปลกๆมาเยอะ เช่นนักเขียนตั้งใจจะบรรยายเคะว่าหน้าตาดียังไง สารที่นักอ่านได้รับคือ 1.เคะหน้าตาดี 2.เคะหลงตัวเอง 3.รสนิยมของเคะเอง บางทีเลยออกมาเป็นคาแรกเตอร์แปลกๆซะมาก ส่วนบรรยายบุคคลที่ 3 จะเรียบง่ายกว่า ก็คือบอกหน้าตายังไงก็คืออย่างนั้น ไม่มีของแถมเป็นพวกมุมมองของตัวละครมาด้วยถ้าไม่ตั้งใจใส่ สำหรับกู บรรยายมุมมองที่3เลยต้องอ่านเยอะกว่าถ้าต้องการความหมายที่เท่ากันอ่ะ แต่ที่จริงก็อยู่ที่ลีลาสำนวนการเล่าด้วย บุคคลที่1ต่อให้เขียนไม่ค่อยเก่งก็ยังมีน้ำเสียงอารมณ์ของตัวละครช่วยกระตุ้นให้กูโฟกัสตามสิ่งที่เล่า แต่มุมมองบุคคลที่3 เขียนไม่ดีก็หลับเลย ถ้าเคสแย่มากๆคืออ่านไม่รู้เรื่องเลยก็มี แบบตกลงใครทำอะไรวะ ยิ่งนิยายวายมีแต่ตัวละครชายถ้านักเขียนคลังคำน้อย บรรยายไม่ดีมีสับสนอีกใครเป็นใคร แต่นิยายขึ้นหิ้งกูเกือบทั้งหมดเป็นมุมมองบุคคลที่3นะ แบบถ้าเขียนดีก็โคตรดีไปเลยอ่ะ เวลาบรรยายความรู้สึกอะไรพวกนี้ก็บิ้วได้มากกว่าด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่มึงจะนำเสนออะไรด้วยอ่ะ บุคคลที่1 นี่กูเคยเจอเรื่องที่สิ่งที่ตัวละครเล่าไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แบบสามารถโกหกคนอ่าน หรือจงใจข้ามไม่พูดถึงบางเหตุการณ์ ตอนเจอก็ว้าวอยู่นะ ประทับใจ
กูไม่ชอบการรีโพสต์รูปเลย ปกติจะลงรูปที่คนอื่นถ่ายคนอื่นวาดก็ควรขออนุญาติคนทำไหมยิ่งแอบอ้างเป็นอิมเมจตัวละครนิยายตัวเองด้วย ไม่ใช่เห็นทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ตเป็นทรัพย์สินสาธารณะ
มึงลองสังเกต นิยายดังๆ คนอ่านเยอะๆ บรรยายมุมมองที่ 1 ทั้งนั้น น้อยเรื่องที่จะบรรยายมุมมองที่ 3 แต่กูเขียนและอ่านชอบมุมที่ 3 แต่ก็อ่านมุมที่ 1 ได้อย่างที่ >>736 บอก มุมที่ 1 ย่อยง่าย โฟกัสง่ายเพราะมุมเดียว คิดตามกันไปเลย
>>731 กูไม่รู้คำว่าภาษาสวยของมึงคืออะไร คนเราชอบไม่เหมือนกันแต่สมัยนี้ ชอบอะไรที่เข้าใจง่ายไม่ต้องตีความเยอะ แค่ไม่ได้พิมพ์ผิดแทบทุกคำหลายคนก็เรียกว่าภาษาสวยแล้ว ยิ่งพล็อตแน่น แน่นแนวไหน ชวนอ่านยากมั้ย นั่นก็เป็นประเด็น ดูได้จากท็อปเด็กดี ฟีลกู๊ด เสียเป็นส่วนใหญ่
>>731 ภาษากากๆ ที่มึงว่าแค่เข้าใจง่ายไม่มีคำผิดกูก็ว่าโอเคแล้ว ที่มึงบอกว่าเน้นรวบรัดบางทีนิยายมึงอาจจะย่อยง่ายสำหรับคนอ่านก็ได้ เดี๋ยวนี้นักอ่านชอบนิยายที่ย่อยง่ายๆ มากกว่านิยายที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนคิดเยอะ คือถ้าอ่านนิยายแบบนั้นต้องมีเวลาว่างมากๆ ก่อนถึงจะอ่าน แต่นิยายฟีลกู๊ดส่วนใหญ่ที่ติดTop ในดด กูว่ามันย่อยง่ายดีคนเลยอ่านเยอะ ชื่อเรื่องคำโปรยอะไรก็มีส่วนดึงดูดคนอ่านนะ
เขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งสลับกันระหว่างตัวเอกสองตัวก็ได้นะ ก็ได้ความคิดของทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน แต่คนเขียนห้ามหลุดคาร์เด็ดขาด กะถ้าสลับระหว่างสองตัวแล้วแยกคาร์ไม่เด็ดขาดนี่จบเห่เลย กูอ่านได้หมดไม่ว่าจะหนึ่งจะสาม บรรยายบุคคลที่สามถ้าใช้มุมมองคาร์ตัวเดียวก็เหมือนหนึ่งนะ จะไม่รู้ความคิดคนอื่นอยู่ดี นิยายไทยกูไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ของฝรั่งจะไม่มีการบรรยายเรื่องในหัวคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมุมมองอะ เขายึดเป็นตัวๆ ไป อย่างดีก็สลับกันตัวละตอน ถ้ารู้ความคิดทุกคนพร้อมกันกูจะเรียกว่ามุมมองพระเจ้า
Ky อยากรู้สาเหตุที่พวกมึงหยุดเขียนว่ะ กูคือตัน และเป็นอยู่ พล็อตไม่ได้ทันแต่ภาษาเขียนไปแล้วแม่งไม่โอเค กูเลยรู้สึกว่าตัวเองตันชิบหายเลยว่ะ
พล็อตไม่ได้ตันสิ โทษๆ
>>750 ต่อให้อีกไม่กี่ปีตลาดวาย แต่ถ้าตอนนี้ฟลุ๊กหาเงินได้ก็กอบโกยไปเยอะๆก่อน บางคนก็คิดแค่นี้นะ แต่ถ้าจะทำอาชีพนักเขียนจริงอะไรก็ต้องเขียนได้ ถึงเวลาเขาฮิตอะไรกันก็ต้องเขียนไปขายตามเขาให้ได้อะ ถึงเห็นนักเขียนทีเดิมเขียนสายอื่นโผล่มาเขียนวายกันเต็มไง ขนาดนักวาดชายบางคนยังเคยโพสเฟสส่วนตัวบอก งานวายมันได้เงินอะฮะ เลยมารับงานวาดปก สรุปว่าอนาคตจะฮิตอะไรไม่รู้ แต่ถ้ามึงจะทำอาชีพนี้ มึงต้องเขียนให้ได้ทุกอย่างตามตลาด
>>750 นด.เหมือนเป็นนักเขียนอย่างเดียวมั้งเคยเห็นทวิตอยู่ แต่เขาเป็นนักเขียนมานานตั้งแต่สมัยนิยายนอมอลอีโมฮิตๆแล้วเปลี่ยนสายมาเรื่อยๆ นักเขียนค่ายนึงก็ออกจากบริษัทมาขายกาแฟพ่วงเขียนนิยาย เท่าที่ดูคือเขียนคู่ไปกับงานก่อน พองานดังสร้างฐานคนอ่านที่มั่นคงได้และเยอะ ออกงานใหม่ก็ยังมีคนซื้อก็พอทำได้นะ แต่ต้องสร้างความพร้อมให้ตัวเองก่อนจริงๆและต้องมั่นใจว่าสามารถเขียนงานได้เรื่อยๆไม่ใช่ออกมาแล้วตันไม่มีอารมณ์เขียน ไม่มีนิยายออกก็ไม่มีรายได้ ทิ้งช่วงนานๆคนอ่านไปอ่านของคนอื่นแล้ว
มม อีกคนไง คนที่ขายได้แม่งก็คือขายได้จริงๆ ติดลมบนไปเลย
กูมองว่าตลาดนิยายวายมันไม่หายไปแบบเหือดแห้งทีเดียวหรอก กูอ่านวายมาตั้งแต่สิบปีก่อน ตอนนี้ก็ยังอ่านแนววายเป็นหลัก ชญ มีอ่านบ้างประปราย
ที่จะเปลี่ยนคือเปลี่ยนแนวว่ะ วายคู่จิ้น วายฟิคนักร้อง วายมหาลัย วายแฟนตาซี วายจีนโบราณ วายระบบ แล้วแต่ว่าเมิงอยากเป็นแบบไหน แบบนดที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามตลาดได้ หรือเขียนแนวที่ตัวเองถนัดยาวไป
>>757 มึงงงง ช่วย-ดู-ข้อ-ความ-ที่-กู-แท็ก-ด้วย! ไม่ใช่สักแต่ไล่
กูไม่ได้เม้าคน แต่ข้างบนถามว่ามีใครเขียนนิยายเป็นอาชีพไหม คิดว่าทำได้มั้ย กูเลยยกกรณีตัวอย่างไปว่า'นักเขียน'ที่ทำเป็นอาชีพประจำก็มี แล้วอธิบายพอสังเขปว่าการออกงานเขาเป็นยังไงโว้ย ถ้าการยกตัวอย่างต้องไปห้องเม้าๆ ข้างบนที่ถามว่าควรแต่งบุรุษแบบไหนเป็นไงคนชอบแบบไหนกันบ้างควรไปชั้นหนังสือเลยไหม
งงเหมือนกันว่าทำไมต้องไล่ไปมู้เม้า ทั้งที่เขาแค่เอ่ยถึงนักเขียนตอบคนที่มาถามเฉยๆไม่ได้เม้าอะไร
กูว่าถ้าเป็นนักเขียนแบบเขียนแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ อยากเขียนอะไรก็เขียน ถ้างั้นไม่น่าจะยึดอาชีพนักเขียนหากินเป็นหลักได้นะ ถ้าจะเลี้ยงชีพด้วยการเขียนมึงต้องอยู่เป็นด้วยอ่ะ มีวินัย ออกงานสม่ำเสมอ ดังพอจะมีฐานแฟน รับงานสั่งเขียนได้(กูทำไม่ได้) ไม่งั้นก็เขียนเป็นงานอดิเรกต่อไปแล้วทำชีพอื่นไปด้วยนั่นแหละ หรือถ้าที่บ้านอุ้มก็อยู่ได้...
กูลองคำนวนจากที่กูเคยตีพิมพ์มา กูไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการเขียนนิยายอย่างเดียว รายได้หลักยังเป็นงานประจำอยู่
คงเหมือนโม่งคนอื่นๆ ถ้าอยากเขียนอย่างเดียว งานต้องชุกมากๆ และที่บ้านอุ้มไหว
ky หน่อย นข.วายที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย งานมันมีความต่าง หรือได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงไหนมั้ยวะ
>>763 ในครส กูว่าต่าง ถ้ามึงอ่านแนวผช เขียน จะสัมผัสได้ ในการบรรยายหรือความคิดตลค จะต่างจาก ผญ เขียนเพราะผญ เขียนมักจะใส่ความคิด ผญ ลงไปในตลค ผช มึงอาจจะเคยเห็นหรือได้ยินที่คนพูดแบบ นอ. นิสัยผญ จัง ประมาณนี้ กูไม่รับผช ที่เขียนวายเพราะเพื่อขายตามตลาดนะ อันนั้นเขาจะให้คิดตลค ออกสาวเหมือนกัน
ต่างมากนะ ต่างตั้งแต่ตรรกะการตัดสินใจ นิสัยของตัวละครเลย
กูไม่ค่อยมีอารมณ์แต่งนิยายเลย พวกมึงบิ้วกันยังไงสะ
>>769 สำหรับกูนะ ฟังเพลง ผ่อนคลายให้มากๆ กลับไปอ่านนิยายตอนเก่าๆให้รู้สึกอินกะเนื้อเรื่อง แล้วก็ค่อยๆเริ่มแต่ง เอาจริงๆต้องบอกตัวเองให้แต่งให้ได้แหละ เพราะไม่อยากทิ้งคนอ่านให้นานๆ กูเคยหายไปนานประมาณสามสี่เดือน เวลาที่เราหยุดแต่งด้วยเหตุผลอะไรก้เหอะ มันก็จะโมเม้นหนึ่งอะที่อยากกลับไปแต่ง ต่อให้ตันๆ แต่มันต้องแต่งให้ได้ มันก็ออกมาดีนะ สปีดการอัปนิยายของกูคือ 4-5วันต่อตอนอะ
กูอ่าน mxm ที่ผชแต่งมีตั้งแต่ฟลัฟเหี้ยๆ โรแมนติก
แมนสุดๆ ยันพอร์นน่ะแหละมึง บางคนแต่งมุ้งมิ้งสวีตหวานแหววเสียจนกูอาย
เวลาลงนิยายแล้วไม่มีใครอ่านมึงท้อกันไหมวะ กูเหมือนจะท้อเลยวะ นิยายกูยังแต่งได้เรื่อยๆนะ นี่ก็แต่งไปเยอะละ แต่กูไม่อยากลงแล้วอะเพราะลงไปก็ไม่มีใครอ่าน ตอนนี้เลยหยุดลงไปสักพักละ นี่กำลังพิมพ์นิยายแล้วดันคิดขึ้นมาว่ากูยิ่งไม่ลงก็ยิ่งไม่มีคนอ่านหรือเปล่าวะ เพราะงั้นกูควรลงนิยายต่อไปทั้งๆที่ไม่มีคนอ่านใช่ไหมวะ สับสนโว้ย TT
>>775 ลงต่อเถอะ ถ้าแต่งจบแล้วลองส่งต้นฉบับให้สนพ.ดู กูก้เคยเป็น แต่มันเหมือนข้ามจุดๆนั้นไปแล้วอะ ความรู้สึกที่คนอ่านน้อย ก็ลงไปจนจบนั่นแหละ แม้ว่าจะมีเฟลๆ เรื่องที่กูแต่งจบบางเรื่องยังได้เม้นแค่100-200 เอง กูก็ลงจนจบ ออกเล่ม แต่งเรื่องใหม่ คนก็อ่านเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นท็อป แต่ก็ทรงๆ (700-800 )มีนักอ่านขาประจำคอยคุยด้วย มันก็โอเคดี กูไม่ได้คาดหวังด้วยแหละ เพราะผ่านจุดที่ว่าคนอ่านน้อยเม้นน้อย (แต่ออกเล่มทุกเรื่องนะ )
ถ้ายังรู้สึกว่าไม่อยากอัปหรือแต่ง ก็ควรหยุดก่อน ไปหาอะไรทำที่สามารถฮีลตัวเองได้ นี่คือวิธีของกูนะ มันใช้ได้ผลอะ
Ky ใครเคยทำมือขายบ้างวะ ขายได้กี่เล่ม เปิดจองนานมั้ย
Ky กูรู้สึกหมดไฟอ่ะ ตอนนี้คือแต่งนิยายให้เสร็จๆ ให้ทันเดดไลน์อย่างเดียว กูแต่งแล้วไม่รู้สึกสนุกไปกับมันเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่นักอ่านยังบอกว่าสนุก กูควรทำยังไงดีวะ
มึงต้องเครซี่ ตลค. ของมึงเหมือนมึงเป็นแฟนเกิร์ลเวลาคลั่งนิยาย/การ์ตูน/อนิเมะ ไม่ใช่คนแต่งอ่ะ ถึงมีแรง ทุกวันนี้กูแต่งออกเพราะรู้สึกเหมือนแต่งฟิค ไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน
เวลาพวกมึงทำงานกับสนพ.มึงทำกับที่เดียวเลยมั้ยวะ มึงรู้สึกมั้ยว่าเค้า keep นข.เป็นบางคน โดยเฉพาะคนที่ฐาน fc เยอะ ๆ ทำเงินให้มาก ๆ หรือพวกเด็กใหม่ ๆ
คนที่กูรู้จักไม่ไปทำกับสนพ.อื่นก็เพราะคำนี้ แต่พออยู่ก็เหมือนอยู่ไปงั้น โดนดองไป บอกให้ไปทำกับที่อื่นก็ยังจะเกรงใจเค้า ตอนนี้เด็กใหม่มาแรงกว่า ออกกันให้ลึ่ม นข.ทำเงินก็เอาใจกันชิบห.
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.